การแสดงดนตรี สํ าเนียงเสี ยงสยาม ชุดที2 1 “ อู้เอือ9 นล้ านนา ” บทประพันธ์ เพลง ชุดสํ าเนียงพืน9 บ้ านไทย ประพันธ์ โดย นรอรรถ จันทร์ กลํา2
Siam Folk Tunes “ Lanna ” A New Composition based on Thai Folk Tunes for String Orchestra Composed by Nora-ath Chanklum
ได้รับทุนอุดหนุนการวิจยั จากสํานักงานการวิจยั แห่งชาติ พ.ศ. 2563
บทประพันธ์เพลงสําเนี ยงเสี ยงสยาม ชุ ดทีG 1 “อูเ้ อืK อนล้านนา” บทประพันธ์เพลงชุ ด สําเนี ยงพืKนบ้านไทยนีK เป็ นบทประพันธ์เพลงทีGได้รับแรงบันดาลใจจากบทเพลงพืKนบ้าน ทางเหนือ โดยผูว้ จิ ยั ได้ประสมประสานบทเพลงพืKนบ้านดัKงเดิมกับบทเพลงทีGประพันธ์ขK ึน ใหม่ ซึG งบรรเลงโดยวงเครืG องสายตะวันตก เป็ นเพลงชุดมีทK งั หมด 6 ท่อน โดยจะมีความ ยาวในการบรรเลงประมาณ 50 นาที ผูว้ ิจยั เริG มต้นกระบวนการทํางานด้วยการค้นคว้า สื บค้นข้อมูลเกีGยวกับเพลงล้านนา ตัKงแต่ทีGมา ประวัติการสร้าง การพัฒนาทัKงบทเพลง เครืG องดนตรี และวัฒนธรรม ประเพณี ทีG เกีGยวข้อง ผูค้ น ทัKงทีGเป็ นผูผ้ ลิตงานและผูส้ ัมผัสงาน จากนัKนได้คดั เลือกเพลงทีGเหมาะสม เพืGอทีGจะเป็ นเพลงตัKงต้น ในการเป็ นวัตถุดิบสําคัญในการประพันธ์เพลง การประพันธ์เพลงจะต้องคํานึ งถึงสุ ้มเสี ยงสําเนี ยงเพลงโดยรวมเพืGอทีGให้มีความ สมดุ ลระหว่างเพลงดัKงเดิ มและเพลงทีG ประพันธ์ขK ึนใหม่ โดยทีG สําเนี ยงเพลงดัKงเดิ มนัKน อาจจะแสดงด้วย บันไดเสี ยง ทํานอง รู ปแบบจังหวะ สําเนี ยง วิธีการเลี ยนเสี ยงการ บรรเลงเฉพาะ ของเครืG องดนตรี ดK งั เดิม ฯลฯ ในส่ วนของการประพันธ์และการเรี ยบเรี ยงเพลง ใช้เทคนิ คการประพันธ์เพลง ตะวัน ตก โดยนํา บางส่ ว นของเทคนิ ค การประพัน ธ์ เ พลงตะวัน ตกมาประยุก ต์ใ ช้ใ ห้ สอดคล้อง เหมาะสมกับทํานองดัKงเดิม เพืGอให้บทเพลงโดยรวมมีเอกลักษณ์และมีสมดุล ของการผสมผสานระหว่างทํานองดัKงเดิ มทีG เป็ นตะวันออกและทํานองเพลงใหม่ทีGเป็ น ตะวันตก ให้เกิดเป็ นบทเพลงทีGมีเสี ยงใหม่จากการผสมผสานนีK สําหรับเพืGอความอภิรมย์ ในการฟังและให้เกิดผลกระทบต่อผูส้ ร้างงาน เป็ นตัวอย่างและเป็ นแรงบันดาลใจในการทีG จะทํางานลักษณะนีKต่อไป นรอรรถ จันทร์กลํGา 22 เมษายน 2565
Siam Folk Tune Suite No. 1, “Lanna” is inspired by folk tunes from the Northern Thailand. The researcher incorporates selected folk tunes with newlycomposed materials for Western string orchestra. The suite comprises six movements, with a duration of 50 minutes. The process of this creative work starts with researching into information on Lanna music from its history, development, musical instruments, cultures and traditions, as well as individuals who created and utilized the music. The researcher then selects the tunes appropriate to implement as musical models and material for this works. In composing, Thai musical idiomatic writing is considered to render a balance between the borrowed and the new materials through a careful use of original elements including keys, melodies, rhythmic patterns, idioms, and re-creating the sound and imitation of performance techniques of the original instruments. In regards to composing and arranging, Western compositional techniques are carefully chosen and adapted to fit the original melodies in order to retain the identity of the work and provide a balanced blend of the original Eastern and the new Western melodies, so as to create a new sound for the aesthetics for the listeners, and an impactive inspiration for the creator to continue crafting music of this fashion. Nora-ath Chanklum April 22, 2022
รายการแสดง 1. The Prelude 2. Lanna’s Life 3. The Hermit 4. Song of the Mountains 5. The Flowers Song 6. The Procession and Dance
(05.27) (04.53) (06.29) (05.32) (06.26) (08.54)
1. The Prelude เป็ นเพลงเปิ ดหรื อเพลงโหมโรงซึGงจะกําหนดแนวเพลงของทุกท่อนเพลงให้มีความเป็ น หนึGงเดียว ด้วยรู ปแบบการออกแบบเสี ยงโดยรวม และเทคนิคการประสานเสี ยงทีGเลือกใช้ ผสานกับเสี ยงเฉพาะตัวของผูป้ ระพันธ์ ซึGงในท่อนทีG 1 นีK ใช้เพลงตัKงเชียงใหม่เป็ นเพลงตัKง ต้นในการประพันธ์ เนืGองจากเป็ นเพลงทีGมีทาํ นองไพเราะ สามารถแปรทํานองได้หลาย แง่มุมหลายลีลา ซึGงสามารถทําให้เกิดความรู ้สึกทีGหลากหลาย เพลงตัKงเชียงใหม่นK ี เป็ นเพลงโบราณ ไม่ทราบนามผูป้ ระพันธ์ เป็ นทีGนิยมบรรเลงในหลาย วาระ ถือเป็ นเพลงเอก เพลงหนึGงของวรรณกรรมเพลงล้านนา ทํานองเพลงตัKงเชียงใหม่เป็ นทํานองทีGใช้บรรเลงเป็ นทํานองแรก ในการบรรเลงทีGเป็ น ทางการ นิยมบรรเลงในจังหวัด เชียงใหม่จึงมีชืGอว่า “ตัKงเชียงใหม่” ทํานองนีKใช้เริG ม เรืG อง ทักทาย หรื อเป็ นการสวัสดีท่านผูช้ ม รู ปแบบการบรรเลงนัKน จะเป็ นการร้องโต้ตอบกันระหว่างชายหญิงสลับกัน เพลงตัKง เชียงใหม่เป็ นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่โดยตรง ก่อนทีGจะทํานองอืGนจะต้องตัKงเชียงใหม่ ก่อน เรี ยกว่าเพลงก่อนขึKนครู เป็ นคํานําของกลอนซอ1
2. Lanna’s Life ใช้บทเพลง “ฟ้อนเงีKยว” หรื อเพลง เส เล เมา เป็ นเพลงต้นแบบ ซึG งเป็ นเพลงทีGเป็ นทีG รู ้จกั อย่างกว้างขวาง มีทาํ นองทีGจดจําได้ง่ายลีลาสนุกสนานแสดงถึงบรรยากาศความ เป็ นอยูแ่ ละวัฒนธรรมของชาวล้านนาได้เป็ นอย่างดี ผูว้ จิ ยั ได้ใช้หน่วยย่อยเอก (motif) ของเพลงฟ้อนเงีKยวนีKเป็ นส่ วนสําคัญในการเชืGอมโยงทุกท่อนเพลงเข้าด้วยกัน ชีวติ ของชาวล้านนา มีความรุ่ มรวยทางวัฒนธรรม ประเพณี เป็ นแหล่งอารยธรรมทีG ต้อนรับศิลปะจากภูมิภาคโดยรอบ ผูว้ จิ ยั เลือกเพลงฟ้อนเงีKยวหรื อเพลงเส เร เมา เป็ น ตัวแทนของความหมายดังกล่าว เพลงฟ้อนเงีKยวเป็ นเพลงล้านนาทีGเป็ นทีGรู้จกั อย่าง 1 พรชนก สุ ทาตัน. เอกสารโครงการประชุมวิชาการระดับชาติ :2 ศิลปกรรมวิชาการ ครัKงทีG :ศิลปะ :4.0ศิลปะเพืGอการสร้างสรรค์และ ศิลปะเพืGอการศึกษา: กรณี ศึกษา แม่ครู บวั ชุม จันทร์ทิพย์ หน้าทีG 188, 2560
แพร่ หลาย แต่เดิมเป็ นเพลงสําหรับการแสดงพืKนเมืองของชาวเขาเผ่าหนึGงซึGงเรี ยกว่า “เงีKยว”
3. The Hermit ใช้บทเพลง “ฤาษีหลงถํKา” เป็ นบทเพลงต้นแบบ เป็ นเพลงล้านนาโบราณไม่ปรากฏ นามผูแ้ ต่ง และยังเป็ นทีGนิยมในการบรรเลงในวงดนตรี ลา้ นนาหลากหลายประเภท ด้วยท่วงทํานองอันไพเราะ ทีGยอ้ นวนไปมา ซึG งผูบ้ รรเลงสามารถประดิษฐ์ตกแต่งแนว ทํานองให้ไพเราะอย่างพิสดารได้โดยทีGยงั คงโครงของทํานองหลักไว้ จึงทําให้บทเพลง ฤาษีหลงถํKาเป็ นอมตะจนทุกวันนีK ผูว้ จิ ยั ได้ตีความบทเพลงจากชืGอเพลงจึงประพันธ์ ท่อนเพลงเพิGมเติม โดยใช้การประสานเสี ยงและแนวดนตรี ทีGสืGอถึงความลึกลับซับซ้อน ของป่ าเขา ซึGงเข้ากันได้อย่างดีกบั ทํานองดัKงเดิมรวมถึงยังมีการใช้แนวเดีGยวไวโอลินใน การบรรเลงเลียนบันไดเสี ยงดัKงเดิมของบทเพลงล้านนา
4. Song of the Mountains ใช้บทเพลง “การเฉลิ มฉลองของชาวมู เซอ” โดยใช้แรงบันดาลใจจากเครืG องดนตรี ประเภทแคนขนาดกลาง ทีGเรี ยกว่า “หน่อซืGอแหละ” ซึGงใช้บรรเลงเป็ นเครืG องดนตรี หลักใน หลายกลุ่ มชาติ พนั ธุ์ เป็ นเสมื อนเสี ยงแทนของดนตรี ชาติ พนั ธุ์หรื อดนตรี ชาวเขา โดย สําเนียงของเพลงชาติพนั ธุ์นK นั เกิดมาจากเครืG องดนตรี บันไดเสี ยงทีGใช้บรรเลง ระบบเสี ยง ทีGแตกต่างจากระบบเสี ยงทางตะวันตก รวมถึงลีลาการบรรเลง ซึG งจะมีลูกเล่นเสริ มต่างๆ เช่ น การเอืKอนเสี ยง การโหนเสี ยง ฯลฯ ผูว้ ิจยั ได้ใช้แนวไวโอลินเดีG ยวทําหน้าทีGบรรเลง ทํานองเลียนเสี ยงการบรรเลงแคนหน่ อซืG อแหละ โดยประยุกต์รูปแบบการบรรเลงจาก แคนหน่อซืGอแหละ
5. The Flowers Song ใช้บทเพลง “น้อยใจยาและลาวดวงดอกไม้” นอกจากคุณสมบัติทีGเป็ นเพลงทีGมีความ ไพเราะแล้ว ผูว้ จิ ยั ต้องการจะแสดงถึงความสําคัญและความมีอิทธิพลของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ทีGมีต่อบทเพลงล้านนา ทัKงในแง่ของการพัฒนา ประยุกต์ และการเผยแพร่ บท เพลงล้านนาต่อสังคมโดยกว้าง โดยทัKงสองเพลงนีK พระราชชายา เจ้าดารารัศมี มีบทบาท สําคัญยิงG ต่อการสร้างสรรค์สองบทเพลงดังกล่าวเป็ นอย่างมาก โดยผูว้ จิ ยั ได้ออกแบบลีลา ดนตรี โดยอิงจากลีลา Scherzo ซึGงเป็ นท่อนดนตรี ทีGมีความสนุกสนาน ร่ าเริ งสดใส ซึG งปกติจะอยูใ่ นอัตราจังหวะ 3/4 ผูว้ จิ ยั ปรับให้เป็ นอัตราจังหวะ 6/4
6. The Procession and Dance
ใช้บทเพลง “ฟ้อนผางหรื อฟ้องผางประทีป” และบทเพลง “ปัG นฝ้าย” ผูว้ จิ ยั ต้องการแสดงถึงภาพขบวนแห่ทีGยงิG ใหญ่ประกอบด้วยเครืG องดนตรี เช่น ปีG และกลองชนิดต่างๆ รวมถึงฉาบ ทีGเป็ นเครืG องประกอบจังหวะ ซึGงในท่อนนีKผวู ้ จิ ยั ได้สร้าง ทํานองใหม่ขK ึน และยังมีการใช้การประสานเสี ยง แบบขัKนคู่ขนานและการใช้คอร์ดเสี ยง กระด้าง (dissonant chord) เพืGอสืG อถึงการทับซ้อนของระดับเสี ยงทีGแต่ละเครืG องดนตรี ผลิต มาตามธรรมชาติ รวมถึงการประยุกต์ใช้จงั หวะ “ตึGง โนง” ซึGงเป็ นจังหวะกลองพืKนบ้าน ล้านนา ทีGมกั ใช้สาํ หรับขบวนแห่และการรําฟ้อน โดยจะมีการกําหนดให้กลุ่มเครืG องสาย บรรเลงเสี ยงประสานแบบกลุ่ม เสี ยงกัด (clusters) ประกอบกับการใช้คนั ชักแบบเคลืGอนทีGเร็ ว เพืGอเป็ นการเลียนเสี ยงกลอง และฉาบ ช่วงกลางเพลงจะเป็ นทํานองเพลงปัG นฝ้าย กําหนดให้มีจงั หวะทีGเร็ วและ สนุกสนาน เพืGอสืG อถึงชีวติ ของชาวล้านนาทีGใกล้ชิดกับวัฒนธรรมประเพณี อย่างเป็ น ธรรมชาติ และในช่วงท้ายจะกลับมาทีGท่อนเพลงแห่และจบลงด้วยทํานองจังหวะเร้าใจ ทีG ได้ประพันธ์ขK ึนใหม่
นรอรรถ จันทร์ กลํา2 ผู้ประพันธ์ เพลง ผู้อาํ นวยเพลง เริG มสร้ างผลงานจากการบรรเลงไวโอลิน ทัKงนักไวโอลินเดีG ยวและหัวหน้าวงทัKงระดับ อาชีพและระดับมหาวิทยาลัย นรอรรถมีผลงานการแสดงและบันทึกเสี ยงมากมาย รวมถึงการได้ รางวัล เพลงบรรเลงยอดเยีGยม คมชัดลึก อวอร์ ด จากอัลบัKม “ไตร” ในปี พ.ศ.2550 มีผลงานการ อํานวยเพลงให้กบั วงรอยัลซิ มโฟนี ออร์ เคสตรา ตัKงแต่ปี 2549 จนถึงปั จจุบนั และเป็ นผูอ้ าํ นวย เพลงประจําวงซิ มโฟนี ออร์ เคสตราแห่ งจุ ฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (CU Symphony Orchestra) และวงเครืG องสายแห่ งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU String Orchestra) มีผลงานการอํานวยเพลง บทเพลงของนักประพันธ์ทีGหลากหลาย สร้างผลงานการเรี ยบเรี ยงเพลงไทยสากลสําหรับวงซิ มโฟนี ออร์ เคสตรากว่า 200 เพลง ผลงานการเรี ยบเรี ยงทีGเป็ นทีGจดจําคือ การรังสรรค์ผลงานนวัตกรรมเพลงไทยสากลชุด “บีเอสโอ บรรเลงสุ นทราภรณ์” ซึG งทําหน้าทีGอาํ นวยเพลง เรี ยบเรี ยงเสี ยงประสาน ขับร้องและอํานวยการ ผลิต อัลบัKมได้รับการเสนอชืGอรางวัลอัลบัKมยอดเยียG มแห่งปี และศิลปิ นชายเดีGยว คมชัดลึก อวอร์ด ประจําปี 2555 ได้ร่วมงานกับ ชริ นทร์ นันทนาคร ศิลปิ นแห่ งชาติ ในคอนเสิ ร์ต ชริ นทร์ อินคอนเสิ ร์ต ตัKงแต่ปี 2549 จนถึงปั จจุบนั ได้มีโอกาสเรี ยบเรี ยงเพลงไทยสากลเป็ นจํานวนมาก รวมถึงการ ได้รับเกี ยรติประพันธ์เพลงร่ วมกับ ชาลี อินทรวิจิตร ศิลปิ นแห่ งชาติ หลายบทเพลงเช่น เพลง กล่อมแผ่นดิน และเพลงจากละครเพลงเรืG อง สงครามชีวติ ประพันธ์โดย ศรี บูรพา ไ ด้ ประพันธ์เพลงชุด “วรรคทอง” ประกอบบทวรรณคดีทีGเป็ นอมตะ 26 บท โดยความสนับสนุ น จากราชบัณฑิ ตยสภา และการเรี ยบเรี ยงเพลงไทยเดิ ม สําหรั บวงเครืG องสายตะวันตก “สยาม ดุริยางค์เครืG องสาย” โดยได้รับการสนับสนุ นจาก สํานักงานกองทุนสนับสนุ นการวิจยั (สกว.) ในปี 2563 ได้รับรางวัล ศิลปิ นศิลปาธร สาขาดนตรี ในปี 2561 ได้ก่อตัKงค่ายดนตรี ในนาม Siam Masterpiece Record ผลิ ต ผลงานบทเพลงไทยร่ ว มสมัย อาทิ เ ช่ น คลาสสิ ก ไพบู ล ย์ บุ ต รขัน คลาสสิ กสุ นทราภรณ์ เป็ นต้น ปัจจุบนั นรอรรถมีผลงานการอํานวยเพลง การประพันธ์เพลง การ เรี ยบเรี ยงเพลงอย่างสมํGาเสมอและต่อเนืGอง
นักดนตรี เดีย2 วไวโอลิน โชติ บัวสุ วรรณ ไวโอลิน 1 บิง ฮาน รวยชัย แซ่โง้ว พิทยะ พฤกษาชลวิทย์ ต้นไม้ ภัยชนะ กุลิสรา แสงจันทร์ ไวโอลิน 2 ชลัฐ ลิมปิ ศิริ คณิ น อุดมมะนะ นิรัฐศา อยูส่ มบูรณ์ ณิ ชา แป้นเหมือน วิโอลา มิติ วิสุทธิjอมั พร อัจยุติ สังข์เกษม สราวุฒิ สังข์เกษม พันธุ์บุญ บุณยเกียรติ เชลโล สมัชชา พ่อค้าเรื อ สมรรถยา วาทะวัฒนะ วิชญ์วนิ สุ รียร์ ัตนากร ดับเบิลเบส พงศธร สุ รภาพ ภูมิรพี วงศ์อนุสรณ์
ขอขอบพระคุณ สํานักงานการวิจยั แห่งชาติ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สํานักบริ หารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หน่วยปฎิบตั ิการวิจยั ดนตรี สร้างสรรค์เชิงวิชาการ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุ รพล วิรุฬรักษ์ ศาสตราจารย์ ดร.ณัชชา พันธุ์เจริ ญ ศาสตราจารย์ ดร.ณรงค์ฤทธิj ธรรมบุตร นักดนตรี และคณะทํางานทุกท่าน