เรือนพ่อคง เรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

Page 1


บทสรุปสําหรับผูบริหาร เรือนพอคง ถูกสรางขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2448 ณ หมูบานตะครอ ตําบลเมืองคง อําเภอคง จังหวัด นครราชสีมา เพื่อเปนบานพักอาศัยของครอบครัวพอคง และแมพุม โชตินอก (ธีระโชติ) ตอเนื่องกันมาถึง 4 รุน พื้นฐานครอบครัวของพอคงมีความร่ํารวยเนื่องจากพอคงเปนคนขยันมีความมุมานะในการถากถาง ผืนปารกเพื่อสรางผืนนาดวยสองมือและแรงงานจากควาย เมื่อมีที่นามากบวกกับความขยันในแตละปจึง ทํานาไดขาวมาก นับไดวาเปนเศรษฐีจากการทํานา เรือนหลังนี้จึงแสดงถึงจิต วิญญาณและภูมิ ปญญาใน อดีตของชาวนาโคราชกวารอยปมาแลว ตอมาในพุทธศักราช 2559 เรือนพอคงไดรับการรื้อถอน ขนยาย และปรุ ง ขึ้ นใหม ภ ายในพื้ นที่ ม หาวิ ท ยาลั ย ราชภั ฏ นครราชสี ม า โดยคณะศิษ ย เ ก า โรงเรี ย นฝ กหั ด ครู วิทยาลัยครู สถาบันราชภัฏ และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่ไดรวมกันบริจาคเพื่อจัดสรางใหเปน อนุสรณที่แสดงถึงความกตัญูตอสถาบันการศึกษาและแผนดินเมืองโคราช มุงหวังใหเปนแหลงเรียนรูวิถี ชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีทองถิ่น รวมถึงเปนเรือนครูที่สามารถสะทอนใหเห็นอัจฉริย ภาพและ ปญญาสรางสรรคของชางทองถิ่นโคราชไดอยางชัดเจน เรือนพอคง เปนเรือนไมพื้นถิ่นยกใตถุนสูง ลักษณะเปนเรือนจั่วแฝดที่มีเรือนนอน 2 หลัง ขนาน กัน มีชานหรือโถงกั้นกลาง ซึ่งเปนลักษณะที่โดดเดนแตกตางจากเรือนทั่วไป ทั้งนี้ เรือนพอคงมีลักษณะผัง เรือนและขนาดพื้นที่ใชสอยใกลเคียงกับเรือนสามจั่วทั่วไป แตดวยความชาญฉลาดประกอบกับ ความคิด ริเริ่มสรางสรรคของชาง จึงลดจํานวนจั่วลงจากสามจั่วเปนจั่วแฝดที่มีขนาดเทากัน แตยังคงรักษารูปแบบ ผังพื้นเรือนไวใหใกลเคียงแบบเดิม คือ มี 3 ระดับ โดยขยายขนาดหลังคาจั่วแฝดใหครอบคลุมพืน้ ทีท่ งั้ หมด แลวกําหนดใหมีรางน้ําเพียงจุดเดียวบริเวณแนวกลางของโถง เพื่อบังคับทิศทางการไหลของน้ําฝนไปยัง ภาชนะรองรับสําหรับใชอุปโภคบริโภคในฤดูแลง เรือนพอคง ไดรับ การอนุรักษต ามหลักวิชาการดวยการเก็บ สํา รวจขอมูล เกี่ย วกับประวัติค วาม เปนมา ขนาดขององคประกอบตาง ๆ และรายละเอียดที่เกี่ยวของทั้งหมด กอนจะเขาสูขั้นตอนของการรือ้ ขนยาย และปรุงขึ้นใหมตามตําแหนงองคประกอบเดิมทั้งหมดได สวนที่ชํารุดและขาดหายจะทําขึ้นใหม และเติมใหครบทุกสวน ทําใหเรือนพอคงกลายเปนแหลงเรียนรูทางประวัติศาสตร สถาปตยกรรม และภูมิ ปญญาทองถิ่นของชาวโคราชในรูปแบบพิพิธภัณฑกลางแจงที่เปดกวางสําหรับบุคคลทั่วไปไดเขามาศึกษา หาความรู หรือพักผอนไดตามอัธยาศัย และที่สําคัญที่สุด คือ การมีบทบาทในการสรางความตระหนักรูถึง คุณคาความสําคัญของภูมิปญญาของบรรพบุรุษ และอัตลักษณข องคนโคราชซึ่งจะมาสูการอนุรักษเรือน โคราชหลังอื่น ๆ ตอไปในอนาคต จากความชํานาญของดร.ดุลยพิชัย โกมลวานิช ผูควบคุมการกอสราง ใชระยะเวลาเพียงประมาณ 7 เดื อนเท านั้ นก็ ส ามารถเคลื่อ นย า ยเรื อนจากอํ า เภอคงมาสร า งองคอ าคารในมหาวิ ท ยาลั ย ราชภั ฏ นครราชสีมาไดแลวเสร็จ และมอบสูการดูแลโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมีสํานักศิล ปะและ วัฒนธรรมเปนหนวยงานในการดําเนินงานหลัก ตั้งแตวันที่ 17 ธันวาคม 2559 เปนตนมา โดยสํานักศิลปะ


และวัฒนธรรมไดรับความอนุเคราะหในการปรับปรุงสถานที่โดยรอบทั้งจากโครงการจัดตั้งกองงานสถานที่ งานโยธาและสถาปต ยกรรม รวมถึง คณะศิษย เกาที่ยั งคงใหค วามอนุเ คราะหเสมอมา และเพื่ อใหการ ดําเนิ นงานเป นไปอยางเป นรู ปธรรมในการสร างมู ลค าเพิ่ม และการสรางความภาคภู มิใจ จึง ได มีการ ดําเนินงานในอีก 3 ขั้นตอนหลัก คือ 1. การดําเนินงานรวมการสํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ในการจัด เก็บขอมูลมรดกภูมิ ป ญ ญาทางวั ฒ นธรรม เรื อ นโคราช ในพื้ น ที่ 10 อํ า เภอของหวั ด นครราชสี ม า และนํ า เสนอต อ คณะกรรมการในระดับชาติ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2560 คณะกรรมการสงเสริมและรักษามรดกภูมิ ปญญาทางวัฒนธรรม ไดพิจารณาและเห็นชอบประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจําป 2561 โดยมีเ รือนโคราช เปนหนึ่งในจํานวน 18 รายการ ซึ่งการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปญญาทาง วัฒนธรรมของชาติ จะเปนการประกาศหลั กฐานสําคั ญของชาติ นําไปสูการปกปอ งคุมครองมรดกภู มิ ปญญาทางวัฒนธรรมของทองถิ่นและของชาติ ไมใหถูกคุกคาม และสูญหาย ทั้งยังสงเสริมการมีสวนรวม ของชุมชนใหเกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของแตละทองถิ่นโดยไดมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 2. รางวัลอนุรักษศิลปสถาปตยกรรมดีเดน ประจําป 2561 โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรม ราชูปถัมป หรือ ASA (The Association of Siamese Architects) ประกาศผลเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2561 โดยเรือนโคราช เรือนพอคง มหาวิท ยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา คณะกรรมการมีความเห็นวาเปน เรือนทีส่ ามารถเก็บรายละเอียดทางสถาปตยกรรมทองถิ่นไดครบถวน มีองคกรที่ค อยจัดการดูแ ลใหเกิด การใชงานอยางตอเนื่อง โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมป จะไดกําหนดวันในการเขารับ พระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ในภายหลัง (ประมาณเดือน เมษายน 2562) 3. ป ง บประมาณ 2560 สํ า นั ก ศิ ล ปะและวัฒ นธรรม มหาวิ ท ยาลั ย ราชภั ฏ นครราชสี ม า ได ดําเนินการโครงการจัดการความรูจากทฤษฎีสูการปฏิบัติ โดยไดจัด การความรูใน หัวขอ “องคค วามรูที่ ซอนอยู ในเรื อนโคราช มหาวิท ยาลัย ราชภั ฏนครราชสี มา ” และไดเ ขา ร วมประกวดแนวปฏิบั ติที่ดี ใน มหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู ครั้งที่ 6 : NRRU Show & Share 2017 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 ณ เรือน โคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งปรากฏวาสํานักศิลปะฯ ควาไป 2 รางวัล คือ 1) ชนะเลิศแนว ปฏิบัติที่ดีดานศิลปวัฒนธรรม และ ๒) รางวัลความคิดสรางสรรคในการจัดแสดงนิทรรศการ นอกจากนี้ยัง ไดอํานวยความสะดวกในดานสถานที่การจัดงานเพื่อกระตุนใหเกิดการประชาสัมพันธพื้นที่เรือนโคราชให เปนที่รูจักมากขึ้น สงเสริมใหเปนพื้นที่ที่ชาวราชภัฏ นครราชสีมาจะภาคภูมิใจในความสําเร็จในการสราง เรื อนโคราชด วยการบริ จาคของคณะศิ ษ ยเ ก าร วมกั บ การหนุ นเสริ มของสํ า นั กศิ ล ปะและวั ฒ นธรรม นอกจากนี้กิจกรรมนี้ ยังเปนกิจกรรมตัวอยางที่กลุมงานหอวัฒนธรรมจะบันทึกผลการทํางานเพื่อใชในการ วางแผนบริหารจัดการเรือนโคราชเพื่อใหเกิดความยั่งยืนอยางมากที่สุด


การดําเนินงานในกาวตอไปของเรือนโคราช มหาวิทยาลัย ราชภัฏ นครราชสีมา มีการสรางมูลคา การดําเนินการสงเสริมดานองคความรูขยายผลสูชุมชนซึ่งจะผลักดันใหเกิดความความภาคภูมิใจ หวงแหน และร วมกั น อนุ รัก ษ เ รื อนโคราชหลั งอื่นๆ ในพื้น ที่จัง หวั ด นครราชสี มาซึ่ ง นับ วั นจะเหลือ น อยลงทุ กที นอกจากนี้จะทําการบอกตอเรื่องราวดีๆ คือ ความกตัญูของคณะศิษยเกาฯ ที่ไดสรางเรือนโคราชไวเปน อนุสรณและเพื่อเปนการตอบแทนบุญคุณของสถาบันการศึกษาอันเปนที่รักยิ่งของพวกเขา

(นายชุตินันท ทองคํา) หัวหนากลุมงานหอวัฒนธรรมและศูนยการเรียนรู สํานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา




ประกาศกรมสงเสริมวัฒนธรรม เรื่อง การประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม พุทธศักราช 2561


เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง

หน้า ๓ ราชกิจจานุเบกษา

๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑

ประกาศกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เรื่อง การขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๖๑ อาศั ย อํา นาจตามความในมาตรา ๑๘ (๕) และมาตรา ๒๒ แห่ งพระราชบั ญ ญั ติ ส่งเสริม และรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญ ญาทางวัฒ นธรรม เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๑ จึงประกาศขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จํานวน ๑๘ รายการ ดังต่อไปนี้ ๑. ประเภท รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ต้องได้รับการส่งเสริมและรักษาอย่างเร่งด่วน ๑.๑ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านศิลปะการแสดง ๑.๑.๑ สะไน ๑.๑.๒ วายังกูเละ ๑.๒ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล ๑.๒.๑ พิธีถวายข้าวพีชภาคฯ และบุญเสียค่าหัวข้าโอกาสพระธาตุพนม ๑.๒.๒ ประเพณีปอยส่างลอง ๑.๓ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติ และจักรวาล ๑.๓.๑ ขนมฝรั่งกุฎีจีน ๑.๔ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านงานช่างฝีมือดั้งเดิม ๑.๔.๑ เรือนโคราช ๑.๔.๒ กลองเอกราช ๑.๔.๓ เรือก่าบาง ๒. ประเภท รายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ๒.๑ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านวรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา ๒.๑.๑ นิทานพื้นบ้าน เรื่องท้าวแสนปม ๒.๑.๒ ตํารายาหลวงปู่ศุข ๒.๒ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านศิลปะการแสดง ๒.๒.๑ ลิเก ๒.๓ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านการปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล ๒.๓.๑ ประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ําโพ


เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๑๔๙ ง

หน้า ๔ ราชกิจจานุเบกษา

๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๑

๒.๓.๒ ประเพณีปักธงเมืองนครไทย ๒.๓.๓ ประเพณีถือศีลกินผัก ๒.๔ ลักษณะมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติ และจักรวาล ๒.๔.๑ ดินสอพองลพบุรี ๒.๔.๒ วัวเทียมเกวียน ๒.๕ ลั ก ษณะมรดกภู มิ ปั ญ ญาทางวัฒ นธรรมด้ านการเล่ น พื้ น บ้ าน กี ฬ าพื้ น บ้ าน และ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ๒.๕.๑ การเล่นสะบ้า ๒.๕.๒ การแข่งเรือยาวขึ้นโขนชิงธง ประกาศ ณ วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พิมพ์รวี วัฒนวรางกูร อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม


ประกาศผล การคัดเลือกรางวัลอนุรักษศิลปสถาปตยกรรมดีเดน








ประวัติพอคง และเรือนโคราช


ประวัตพิ อคง และเรือนโคราช

พอคง โชตินอก

แมพุม โชตินอก (ธีระโชติ)

ชาติกําเนิด พอคงเกิดที่บานหนองนา ตําบลพลสงคราม อําเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๒๐ สมรสกับแมพุม ซึ่งเปนคนบานเดียวกัน เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๐ มีบุตร ธิดา ๘ คน ดังนี้ ๑. นางหุน ๒. เด็กหญิงไมทราบชื่อ เสียชีวิตตั้งแตแรกเกิดขณะเดินทางยายถิ่นฐาน ๓. นายแกว ธีระโชติ สมรสกับนางสาย ๔. นายก่ํา สมรสกับนางบุญเลี้ยง ๕. นางหาน ไมปรากฏชื่อคูสมรส เนื่องจากไมมีการพูดถึงในทุกกรณี ๖. นางหงส (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเปน อึ่ง ) สมรสกับมหานอย ถนอมพล มีธิดา ๓ คน คือ

นางหงส (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเปน อึ่ง )

มหานอย ถนอมพล

๖.๑ นางกุหลาบ สมรสกับนายไพฑูรย ลิศนันท ๖.๒ นางพิกุล สมรสกับนายอั้น ศิริวัฒน มีบุตร ๓ คนคือ ๖.๒.๑ นายวิรพงศ ศิริวัฒน สมรสกับนางไฉไล มีบุตร ๒ คน ๖.๒.๒ นายอนันต ศิริวัฒน สมรสกับนางปาริชาติ มีบุตรธิดา ๒ คน ๖.๒.๓ นายอนนท ศิริวัฒน สมรสกับนางวัชรา มีบุตร ๑ คน ๖.๓ นางเฉลิมศรี สมรสกับ รศ.บัญชา กัลยารัตน มีบุตรธิดา ๒ คน ๗. นายเหมี่ยง เสียชีวิตเมื่ออายุ ๒๕ ป ดวยโรคไขกาฬ ๘. นายสัตวแพทยปลอด ธีระโชติ สมรสกับนางเติมใจ


การอพยพยายถิ่นฐาน พ.ศ.๒๔๔๕ พอคงพาครอบครัว คือเมียและลูกๆ ซึ่งลูกคนแรกชื่อหุนอายุประมาณ ๓ ขวบ และลูกคนที่ ๒ ที่เพิ่งเกิด พรอมดวยญาติมิตร เดินทางมาหาหลักแหลง การทํากินใหม โดยใชเกวียนเปนพาหนะ ระหวาง การเดินทางลูกที่เกิดใหมไดเสียชีวิตลง พ.ศ.๒๔๔๖ เดินทางมาถึง บานตะครอ (ปจ จุบันคือบานตะครอ ตําบลเมืองคง อําเภอคง จังหวัด นครราชสีมา) พบทําเลที่เหมาะแกการตั้งรกรากทํามาหากิน มีปาดงหลวงที่มีสัตวนานาชนิดและทําเลที่เหมาะ กับการทํานา จึงหยุดปกหลักสรางที่พัก หักรางถางพงทําไรทํานา พ.ศ.๒๔๔๗ ลูกคนที่ ๓ ชื่อ แกว เกิด พ.ศ.๒๔๔๘ ปรุงเรือนถาวรตามคติของชาติพันธุโ คราช โดยชางที่ปรุงชื่อ พิมพ เปนคนที่อพยพมา ดวยกันจากบานหนองนา ลูกๆอีก ๕ คน คือ ก่ํา หาน หงส(อึ่ง) เหมี่ยง และปลอด ไดเกิดที่บานหลังนี้ การปรุงเรือนจะเริ่มจากการไปคัดเลือกไมจากปาโคกหลวง ซึ่งเปนปาใหญตอเนื่องไปจนถึงจัตุรัส มีไม นานาพันธุและสัตวปานานาชนิด ชางปรุงเรือนจะคัดเลือกไมมงคลในปาตามคติของการสรางเรือน ทั้งชนิดของ ไม อายุไมขนาดและความสูงของไม ลักษณะไมไมคดงอ ไมมีตาไม เมื่อคัดเลือกไดตามตองการแลวจึงทําการตัด ที่สําคัญขณะโคนตองไมมีเสียงอัปมงคล เชน เสียงรอง เสียงโอดโอย ปาโคกหลวงอุดมสมบูรณมาก วันหนึ่งนางหานไปพบไขนกก็เก็บเอามาใหไกฟก ปรากฏวาไดลูกนกยูง นกยูงตัวนี้เฝาบานใหอยางดี เพราะจิกตีเกง พ.ศ.๒๔๖๗ นายแกวอายุ ๒๐ ปครบบวช ในพิธีบวชมีการแหนาคดวยชางหลายเชือก ซึ่งจางมาจาก บานกะฮาดและบานคาย จังหวัดชัยภูมิ ราคาตัวละ ๕-๖ บาท นาคและญาติจะขึ้นนั่งบนหลังชาง พรอมทั้ง มโหรีปพาทย โดยชางจะมาเทียบที่ชานบาน แลวนําแห จ ากบานตะครอ ไปยังหมูบานตางๆ ในละแวกนั้น ไดแกบานหวยเหนือ บานโนนตาล บานหมัน บานหนองมะนาว แลวกลับมายังบานตะครอ การแหนาคดวย ชางนี้ นอกจากประชาชนในหมูบานตางๆจะไดรวมอนุโมทนาบุญแลวยังไดเลนสนุกจากการเลนมาลอชาง คือคน ที่ขี่มาเกงๆจะขับมาใหเขาใกลชางมากที่สุดสามารถกระตุกเอาเสนขนหางชางติดมือมาไดจะไดรับรางวัล คนสวน ใหญจะเดินตามชาง หนุมสาวมีโอกาสไดใกลชิดกัน หลังจากบวชและสึกแลว นายแกวไดไปเปนทหารชาง ๒ ป เมื่อออกจากทหาร ก็มาทําธุรกิจคาขาวโดยใชรถไฟ ภายหลังตอมาไดเปนผูใหญบานและกํานันโดยลําดับ ช ว งก อ นมี พ ระราชบั ญ ญั ติ น ามสกุ ล ใช ผู ค นทั่ ว ไปจะตั้ ง สมญานามพ อ คงว า ตาคงเศรษฐี คู กั บ ตาหรี่นาราย พอคงเปนเศรษฐีเพราะความเปนชาวนา มีที่นามากจากการสรางนาดวยสองมือ เมื่อมีที่นามาก ทํานาก็ ไดขาวมาก ตัวชวยที่สําคัญคือควาย ชาวนาที่จะเปนเศรษฐีไดตองขยันมากๆ ความขยันของพอคงเปนที่เลาลือ เลากันวาแมฝนไมตกไถนาไมได พอจะพาลูกขุดดินเอาเมล็ดขาวเปลือกหยอดไว ฝนตกเมื่อไรก็งอกเมื่อนั้นพอ จะฝกลูกทุกคนทั้งลูกหญิงและลูกชายใหเปนคนขยัน แข็งแกรง ไดขาวลนยุง เวลาจะตักขาวในยุงตองตักทาง หนาจั่ว คุณสมบัติขอนีพ้ อคงไดมอบใหลูกโดยเฉพาะ นางหงส(หรือ อึ่ง) ซึ่งอาศัยอยูกับพอแมขณะที่พี่ๆ นองๆ แยกไปตั้งครอบครัว หลังจากทีพ่ อคงเสียชีวิตเมื่อพ.ศ. ๒๔๘๑นางอึ่งซึ่งครองตัวเปนโสดไดบุกบั่นทํานาไดขาวลน ยุงทุกป ไมใหใครดูถูกได จนเมื่อมีชายที่คูควรคือ มหานอย เปรียญธรรม ๔ ประโยค จากกรุงเทพฯคนบาน พลกรัง มาขอจึงแตงงานในปพ.ศ. ๒๔๘๔ ขณะอายุได ๒๙ ป


ยุงขาวของพอคงเปนยุงขนาดใหญ เสา ๑๒ ตน ถูกรื้อไปโดยลูกหลานรุนที่ ๔ พอคงเปนเศรษฐีแตไมเคยถูกโจรปลน โจรในสมัยกอนเมื่อจะปลนบานใดจะประกาศใหทราบลวงหนา พอคงเปนเศรษฐีชาวนาที่มีคุณธรรม ชวยทํานุบํารุงพระศาสนา ทอดกฐินผาปาไมขาด สรางกุฏิไมใต ถุนสูง ๒ ชั้น ถวายวัดตะครอ คนจีนที่เขามาทํามาหากินไดรับความชวยเหลือจากพอคง จึงใหความเคารพรัก นับถือพอคงมาก จนถึงชั้นลูกหลานก็ยังเคารพรักนับถือกันตอมาถึงปจจุบัน เมื่อมีการประกาศใชพระราชบัญญัตินามสกุลซึ่งเริ่มตั้งแตวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ พอคงและ ลูกๆไดนามสกุลวา โชตินอก เพราะขณะนั้น อยูในเขตการปกครองของอําเภอนอก ( บัวใหญ ) พ.ศ. ๒๔๘๓ กิ่ง คง ไดแยกการปกครองออกจากอําเภอบัวใหญ และพัฒนามาเปนอําเภอคงในปจจุบัน เนื่องจากนามสกุล โชตินอก มีคนมาขอใชรวมจํานวนมากทั้งๆที่ไมใชสายเลือดเดียวกันเพราะความ ศรัทธาและความเชื่อมั่นในพอคง ลูก ชายคนเล็ก ชื่อปลอด เมื่อเรียนจบสัตวแพทย ไดไปเปนสัตวแพทยที่จัง หวัดเลย จึง ขอเปลี่ยน นามสกุล เปน ธีระโชติ เมื่อพ.ศ.๒๔๘๘ ลูกหลานของพอคงทุกคนจึงเปลี่ยนตามเปนธีระโชติ วาระสุดทายของชีวิต พอ คงทํางานหนัก ตลอดชีวิตตั้ง แตวัยหนุม เพื่อลงหลักปก ฐานสรางบานแปลงนา ใหเปนมรดกแก ลูกหลานไดสืบทอดมาถึงปจจุบัน ไดลมปวยและเสียชีวิตที่บานหลังนี้เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๑ ขณะ อายุได ๖๑ ป หลังจากพอคงเสียชีวิต แมพุมก็ตาเสียทั้งสองขางแตก็สามารถดํารงชีวิตอยูไดดวยความสุข เปน เสาหลักใหลูกหลาน โดยเฉพาะลูกของนางอึ่งที่กําพราพอเพราะมหานอยเสียชีวิต เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๔ ขณะที่เฉลิม ศรี ลูกคนเล็กของนางอึ่งอายุเพียง ๓ ป แมพุมอยูกับลูกหลานมาจนถึงวัยชรา จึงลมปวยและเสียชีวิตเมื่อวัน อาทิตยที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๔ ที่บานหลังนี้ เชนกัน ขณะอายุได ๘๔ ป หางจากพอคง ๒๓ ป ปดฉากชีวิตของคูสราง ที่ผานรอนผานหนาว ผานสุขผานทุกข และโลกธรรมทั้งแปด ทิ้ง บานหลังนี้ไวเปนสมบัติของโลก ใหลูกหลานไดเรียนรูถึงจิตวิญญาณและภูมิปญญาในอดีต เปนภูมิปญญาอัน บริสุทธิ์ของชาวนาโคราช นับจากวันปรุงถึงวันนี้ บานหลังนี้อายุได ๑๑๑ ป

รุนที่ ๑ รุนที่ ๒ รุนที่ ๓ รุนที่ ๔

ผูอาศัยในบานหลังนี้ พอคง โชตินอก แมพุม ธีระโชติ(สกุลเดิม โชตินอก) และลูกๆ พอมหานอย แมอึ่ง ถนอมพล และลูกๆ นายอั้น นางพิกุล ศิริวัฒน และลูกๆ นายอนันต นางปาริชาติ ศิริวัฒน และลูกๆ


ผูใหขอมูล ๑. จ.สอ.บุญรอด พจนปริญญา อายุ ๘๗ ป อยูบานเลขที่ ๑๐๓/๑๔ บานเขาเสด็จ ต. หนองสาหราย อ.ปากชอง จ. นครราชสีมา สัมภาษณเมื่อ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๙ ๒. นางพิรุณ พจนปริญญา อายุ ๘๔ ป อยูบ านเลขที่ ๑๐๓/๑๔ บานเขาเสด็จ ต. หนองสาหราย อ. ปากชอง จ. นครราชสีมา สัมภาษณเมือ่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๙ ๓. นางเฉลิมศรี กัลยารัตน อายุ ๖๘ ป อยูบานเลขที่ ๑๔๓/๓๙ ถนนสุรนารายณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา สัมภาษณเมื่อ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ผูสัมภาษณ ผศ. นฤมล ปยวิทย อายุ ๖๙ ป อยูบานเลขที่ ๕๙๘ ม.๑ ต. บานเกาะ อ.เมือง จ.นครราชสีมา


ขั้นตอนการชะลอเรือน จากอําเภอคงสูมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา


ขัน้ ตอนการชะลอเรือน จากอําเภอคง จังหวัดนครราชสีมา สูมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

ขอใชพื้นที่ – พิธีกรรม 1. สํา นั กศิ ล ปะและวั ฒ นธรรม ได ดํ า เนิ นการขอใช พื้ น ที่ บ ริเ วณสวนฝง ตรงข า มกั บ ลานธรรม เฉลิ ม พระเกี ย รติ ที่ ซึ่ ง เคยเป น บ า นพั ก อาจารย ใ หญ ข องโรงเรี ย นฝ ก หั ด ครู มาตั้ ง แต ป พ.ศ. 2491 ซึ่ ง คณะกรรมการบริ ห ารของมหาวิ ท ยาลั ย ให ค วามเห็ น ชอบให พื้ น ที่ บ ริ เ วณนี้ เ ป น แหล ง เรี ย นรู ดานศิลปวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559 สํานักศิลปะและวัฒนธรรม จึงดําเนินการบอกกลาวเทพ เทวดา เจาที่เจาทาง เพื่อขอใชพื้นที่นี้ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

2. การประชุมคณะทํางานในสวนของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดย ผศ.เรืองชัย บุญศักดิ์ รองอธิการบดีฝา ยบริหาร, ดร.อาภา สธนเสาวภาคย ผูชวยอธิการบดีฝายกายภาพและอาคาร, ผศ.นฤมล ปยวิทย อดีตผูอํานวยการสํา นัก พรอมดวยผศ.ดร.ณัฐกิตติ์ อินทรส วรรค ผู อํา นวยการสํานัก ศิล ปะและ วัฒนธรรม ประชุมเพื่อปรึกษาหารือในรายละเอียดของการกอสรางเรือนโคราช เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ณ หองประชุมสํานักศิลปะและวัฒนธรรม

หนาที่ 1


3. การประชุมคณะทํางานภาพรวมทุกฝาย เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 คณะทํางานจัดสรางเรือน โคราชทุ กฝาย อาทิ คณะศิษยเกา วิทยาลัยครู คณะผูบริห ารมหาวิทยาลัย คณะผู บ ริหารสํา นักศิ ล ปะและ วัฒนธรรม และ ดร. ดุลยพิชัย โกมลวานิช (ผูปรุงเรือน) ประชุมรวมกันเพื่อกํา หนดแนวทางการดํา เนินงาน แจงกําหนดการอยางคราวๆ พรอมกับการทําพิธีตางๆ ที่เกี่ยวของกับการสรางเรือนโดยเนนพิธีตามแบบโคราช ที่ประชุมไดกําหนดใหมีการทําพิธีกรรมการสวดถอน ณ สถานที่กอสราง เพื่อความเปนสิริมงคล ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2559 และทําพิธีลงเสาเอกในวันที่ 2 มิถุนายน 2559 ในวันนี้ตัว แทนมหาวิทยาลัยฯ และผูปรุง เรือนรวมกันตีผัง ปกเขต เรือนที่จะสราง

หนาที่ 2


4. เพื่อความเปนสิริมงคลอยางยิ่ง หลวงพอพระครูอินทสรานุยุต (หลวงพอศรี อินทสโร) วัดสูงจอหอ ไดนําคณะสงฆ 5 รูปมาทําพิธีสวดถอนสิ่งอัปมงคล เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.39 น.

รื้อถอน – ขนยาย – ปรุงใหม วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เจาของกรรมสิทธิ์เรือน ทําบุญถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ 5 รูป เพื่ออุ ทิศบุญกุศ ลแกบ รรพบุรุษ ตั้งแต พอคง แมพุม พอนอย แม อึ่ง ถนอมพล นายอั้ น นางพิกุล ศิ ริวัฒ น และคนอื่ นๆ และบอกกลาววาจะขอรื้อ เรือนเอาไปปรุ งใหมไ วที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมาให เปน แหลงเรียนรู

หนาที่ 3


ดร.ดุลยพิชัย โกมลวานิช ทําพิธีบอกกลา วเทพเทวดาผูคุมครองรักษาพื้นที่บริเวณนั้น ตลอดจน บรรพบุรุษวาจะขอรื้อเรือนนําไปปรุงใหม ขอใหทานปกปกรักษาคุมครอง การทํางานใหราบรื่น สําเร็จดวยดี

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เริ่มรื้อถอน จัดหมวดหมู ทําเครื่องหมายไมทุกชิ้นวาตําแหนงเดิมอยูที่ ใด ขัดลาง ซอมแซมสวนของเรือนที่ชํารุด

ทําฐานราก ขนยาย และกอสราง ในขั้นตอนทําฐานราก และการปลูกสรางนี้ ไดรับการอนุเคราะหจากมหาวิทยาลัยฯ และสํานักศิลปะ และวั ฒ นธรรม หลายทา นรว มดูแ ล ประสานกั บ ช า งปรุ งเรือ นตลอดเวลาทุ กวั น และสนับ สนุ นวัส ดุ ข อง มหาวิทยาลัย เพื่อประหยัดเงิน อาทิ ดินถมที่และไมบางสวนเพื่อซอมเสริมสวนที่เรือนหลังเกาชํารุดผุพัง

หนาที่ 4


วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 รถแบคโฮขุดหลุมเพื่อเตรียมทําฐานราก

วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เทปูนเพื่อทําฐานราก

วันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ขนยายไมมาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559 งานฐานรากเพื่อเตรียมยกเสาเอก

หนาที่ 5


วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ทําพิธียกเสาเอก

หลังจากยกเสาเอกแลว ชางไดดําเนินการปรุงเรือนโดยลําดับดังนี้ วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ตัดแตงโคนเสาที่ผุ เพื่อเตรียมการตั้งเสา

หนาที่ 6


วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ตั้งเสาเรือนดานทิศตะวันตก

วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งฝาผนังและไมกระดานพื้นเรือนทิศตะวันตก

วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งฝาผนังและติดตั้งจั่วเรือนทิศตะวันตก

หนาที่ 7


วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ตั้งเสาเรือนทิศตะวันออก เสาดั้ง รอด และตง สํา หรับ ไมร องรับชาน ตรงกลางเรือน

วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ถมดิน และดันดินเขาบริเวณใตถุนเรือน

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งผนังและกระดานพื้นเรือนทิศตะวันออก

หนาที่ 8


วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งเสาดั้งเล็ก และไมพื้นชานกลาง

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งจั่วเรือนดานตะวันออก พรอมเสาดั้งเล็กตรงกลาง

วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งเชิงชายหลังคา

หนาที่ 9


วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ตีไมระแนงหลังคา

วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ตั้งเสาเรือนครัว ติดตั้งตะเหลวดานหนาทางเขา

วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ตั้งเสาเรือนครัว และดึงใหตั้งตรง

หนาที่ 10


วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2559 ติดตั้งเสาบริเวณชานดานหนา และโครงหลังคาเรือนครัว

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งระแนงโครงหลังคา

วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งไมระแนงหลังคา ไมตงพื้นครัว และเริ่มสวนพื้นชานดานหนา

หนาที่ 11


วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งไมระแนงหลังคาเรือนนอนทิศตะวันตก และไมระแนงหลังคาเรือนครัว

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559 – ติดตั้งไมระแนงหลังคาเรือนนอน และไมระแนงหลังคาเรือนครัว

วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559 – ติดตั้งพื้นเรือนครัว และเตรียมดึงเสาชานดานหนาใหตั้งตรง

หนาที่ 12


วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ติดตั้งพื้นชานดานหนา และขนกระเบื้องมุงหลังคาลงจากรถ

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ขัดลางกระเบื้องหลังคา และเริ่มติดตั้งฝาเรือนครัว

วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 – เกลี่ยดินเขาใตถุนเรือน และลางกระเบื้องหลังคา

หนาที่ 13


วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งโครงหลังคาชานดานหนา และทาสีไมระแนงหลังคาเรือนทั้ง 2 หลัง

วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ทาสีระแนงหลังคาเรือนทั้ง 2 หลัง และระดมคนเพื่อมาเรงขัดลาง กระเบื้องหลังคา

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ทาสีไมระแนงหลังคาเรือนนอนทั้ง 2 หลัง

หนาที่ 14


วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งไมระแนงหลังคาชานดานหนา

วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ปรับระยะไมระแนงหลังคาหอนอนทิศตะวันตก เนื่องจากติดตั้งไมได ระยะที่เหมาะสม

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ปรับระยะไมระแนงหลังคาใหม เนื่องจากติดตั้งไมไดระยะที่เหมาะสม

หนาที่ 15


วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 มุงกระเบื้องหลังคาเรือนทิศตะวันตก

วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เตรียมการเทพื้นปูน ติดตั้งระแนงหลังคาครัว เริ่มติดตั้งรางน้ําฝน

หนาที่ 16


วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เตรียมการเทพื้นปูน ติดตั้งรางน้ําฝน มุงกระเบื้องหลังคาเรือนทิศ ตะวันออก

วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2559 เตรียมการเทพื้นปูน

วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เตรียมการเทพื้นปูน และแตงสีใหมีสีแดง

หนาที่ 17


วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 มุงหลังคาครัว และตีฝาครัว (ดานในเรือน)

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 แตงไมฝาโดยการขยับ อุด และขัด และมีการประชุมของคณะ ดําเนินงานในชวงบาย

หนาที่ 18


วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เตรียมทําหลบหลังคา โดยใชปูน

วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ทําหลบหลังคา และทําการรัดเสา

วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งหลบหลังคา และติดตั้งบันได

หนาที่ 19


วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งหลบหลังคา และมุงกระเบื้องหลังคาชานดานหนา

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559 มุงกระเบื้องหลังคาชานดานหนา ติดตั้งตะเหลวบริเวณชาน ติดตั้งสวน เสริมจากชาน เติมทรายดานขางเรือน ติดตั้งรานน้ําตอจากครัว

วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งยอดจั่ว ติดตั้งฝาครัว อุดรูและรอยแตกของเสา และทาสีบริเวณ หนาจั่ว

หนาที่ 20


วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ตีไมปดชองแมว และแตงพื้นรานน้ําสวนตอจากครัวและทําราวจับ

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปลูกตนไมรอบเรือน

วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งระบบไฟฟา

หนาที่ 21


วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งระบบไฟฟา อุดรอยราวของเสา และชวงค่ําทดลองความสวยงาม ของไฟสองสวาง

วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ติดตั้งระบบไฟฟา ทาสีบริเวณราวของชานน้ํา และเก็บรายละเอียด

วัน ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เตรี ยมพิ ธีส งมอบเรื อนจากช างผู ปรุ ง เรื อนสู ศิ ษย เกา และติดตั้ง ปายชื่อเรือน

หนาที่ 22


วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559 พิธีสงมอบเรือนจากชางผูปรุงเรือนสูศิษยเกา

พระครูอินทรสรานุยุต (ศรี อินทสโร) นั่งอธิษฐานจิตเพื่อความเปนสิริมงคล

ดร.ดุลยพิชัย กลาวมอบเรือน

ดร.นิเชต กลาวรับมอบและสงมอบเรือนให มหาวิทยาลัย

รศ.ดร.วิเชียร ฝอยพิกุล อธิการบดีกลาวรับมอบ

สวนหนึ่งของผูรวมงาน

สวนหนึ่งของผูรวมงาน

ถายรูปรวมกันเปนที่ระลึก

ปายเรือนโคราช หนาที่ 23


วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559 การทาน้ํามันสน

วันที่ 17 ธันวาคม 2560 พิธีขนึ่ เรือนใหม

และแลวเรือนโคราช : เรือนพอคงก็เสร็จสมบูรณ ดวยพลังของศิษยเกา โรงเรียนฝกหัดครู วิทยาลัยครู นครราชสีมา สถาบันราชภัฏนครราชสีมา และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา แสดงเอกลักษณและภูมิ ปญญาทางสถาปตยกรรมทองถิ่นของบานคง ซื่อตรง คงอยูตลอดไป

หนาที่ 24


การระดมทุนโดยคณะศิษยเกาฯ

เริ่มดําเนินการ ทานอาจารย ดร.นิเชต สุนทรพิทักษ ศิษยเกาโรงเรียนฝกหัดครูนครราชสีมา หลักสูตร ป.ป.รุนหนึ่ง ทา นเปนที่เคารพรักของศิษยเกาวิทยาลัยครูนครราชสีมา ทา นไดทราบเรื่องเรือนโคราชหลังนี้ จากผูชว ย ศาสตราจารยนฤมล ปยวิทย ศิษยเกา ป.กศ. รุน 9 อดีตผูอํานวยการศูนยศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย ราชภัฏนครราชสีมา ทานมีความสนใจจึงตัดสินใจเดินทางไปดูบานหลังนี้กับอาจารยสุมาลัย (ภรรยา) เมื่อได เห็นทานรูสึกตื่นเตน แปลกใจ ทั้งความเกาและรูปแบบที่แปลกไปจากบานทั่วๆ ไปที่เคยเห็น และคิดวา ถาได ชะลอไปตั้งในที่ๆ เดน และเหมาะสม ตกแตง ซอมแซมให สมบูร ณที่ สุดเทา ที่จ ะทํ าได ใหค นทั้ งหลายได เยี่ยมชม ภูมิปญญาทางสถาปตยกรรมที่ปรากฏใหเห็นก็จะเกิดประโยชน และมีคุณคากวางไกลยาวนาน ดังนั้น ทานอาจารยนิเชต สุนทรพิทักษกับ ผูชวยศาสตราจารยนฤมล ปยวิทย จึงติดตอสอบถามราคา บาน ทายที่สุด ผูมีกรรมสิทธิ์ บอกขายในราคา 1.2 ลานบาท ระดมทุน

ประชุมระดมทุน ที่บานอาจารยนิเชต – อาจารยสุมาลัย สุนทรพิทักษ (บานเฉลิมวัฒนา)

วันที่ 24 มกราคม 2559 ทา นอาจารยนิเชต สุนทรพิทัก ษ ได ติดตอนัดประชุม ปรึก ษาหารือกับ ตัวแทนศิษยเกาวิทยาลัยครูนครราชสีมา ที่จบ ป.กศ. รุน 1 – 15 ที“่ บานเฉลิมวัฒนา”โดยใหตัว แทน ป.กศ. รุน 5 และตัวแทน ป.กศ. รุน 8 เปนผูประสาน มีศิษยเกามาประชุม 10 รุน รวม 15 คน ศิษยเกา ที่รว มหารือ ตางก็เห็นดวยเปนเอกฉันท ที่จะซื้อบานหลังนี้ และชะลอมาไวที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา หนาที่ 25


สํา หรับ คาใชจายในการดําเนินการนี้ มี มติร วมกันใหตัวแทนรุ นแตล ะรุนดํา เนินการรวบรวมเงิน บริจาคตามศรัทธาจากเพื่อนในรุน เพื่อเปนคาซื้อบาน คารื้อถอน ขนยาย และคาปลูกสราง เมื่อรวบรวมเงินได จํานวนหนึ่งแลว ใหนําสงบัญชี ใหชื่อบัญชีวา “โครงการเรือนโคราชของศิษยเกา ฝค.นม. และ วค.น.” มีทา น อาจารยสุมาลัย สุนทรพิทักษ นายวุฒิเดช ครจํานงค และนางบุบผา รุจิรวรรธน เปนผูรักษาบัญชี ในการระดมเงินครั้งนี้ ที่ประชุมขอใหทานอาจารยนิเชต สุนทรพิทักษ เขียนจดหมายถึงศิษยเกา ฝค. นม. และ วค.น. แลวใหตัวแทนแตละรุนเปนผูอัดสําเนาสงใหเพื่อนในรุน เมื่อรวบรวมเงินไดจํานวนหนึ่งใหสง เงินนั้นเขาบัญชีเปน งวดแรก ภายในเดือนพฤษภาคม 2559 ในการนี้ทานอาจารยนิเชต สุนทรพิทักษ บริจาค เพื่อเปดบัญชีเปนจํานวนเงิน 20,000 บาท และที่จะเวนไมกลา วถึงไมไดคือ ผูจุดประกายของความศรัทธา มุงมั่นที่จะชวยใหโครงการนี้สําเร็จลุลวงดวยดี คือ นายถนอม โชคคา ตัว แทนศิษยเการุน 7 ไดประกาศในที่ ประชุมวันนั้น ขอบริจาคเงินจํานวน 10,000 บาทและใหอาจารยไขมุกด (ภรรยา) บริจาคเปนจํานวน 10,000 บาท เปนประเดิมเปนตัวอยางที่สรางแรงบันดาลใจใหรุนอื่นๆ ไดทําตอมา ตัวแทนแตละรุนรับมติไปประชาสัมพันธไปยังเพื่อนรวมรุนดว ย กําลังใจ กําลังกาย กําลังสติปญญา และความทุมเท เอาใจใสอยางมาก รุนใดมีนัดพบปะสังสรรคในเวลาเร็ววัน ก็จ ะงา ยตอการระดมเงิน เชน ป.กศ. รุน 5 มีสังสรรครุน วันที่ 1 กุมภาพันธ 2559 ที่โรงแรมสีมาธานี มีเพื่อนไปรวม 30 คนเศษ เพื่อนๆ แจง ความประสงคบริจาคในวันนั้นไดเงินรวม 164,000 บาท และตอมานายสวัสดิ์ สายขุนทด ประธานรุนติดตอ เพื่อนตางจังหวัด ไดรับบริจาคเพิ่มเติมรวมเปนเงิน 250,000 บาท จึงนัดพบปะสังสรรคเพื่อนๆ และจัดงานรด น้ํา สงกรานต ทานอาจารยดร.นิเชต และทานอาจารยสุมาลัย พรอมกับมอบเงินจํา นวน 250,000 บาท ที่ หองอาหารในเรือนโรงแรมสีมาธานี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559 เปนยอดที่ 1 และประชุมตอไปอีก 2 ครั้ง รวม ไดเงินทั้งสิ้น 400,000 บาท

หนาที่ 26


ตัวแทนทุกรุน แมบางรุนไมไดเขาประชุมก็รับมติที่ประชุมตามที่ผูประสานงานโครงการฯ ไดติดตอ แจงใหทราบ ตางก็ประชาสัมพันธติดตอเพื่อนรวมรุนหลายวิธี เชน การสงจดหมายทางไปรษณีย ติดตอทาง โทรศัพท ตลอดทั้งทางสื่อออนไลน เกิดผูประสานงานกลุมยอย ผูประสานงานรุนแตล ะจังหวัด แตละอําเภอ แตละคนจายเงินสวนตัว เปนคาถายเอกสาร คาสงจดหมายและคาโทรศัพทติดตอเปนจํานวนมากก็ไมมีใครบน บางรุนก็ประสบความสําเร็จดวยดี บางรุนก็พบปญหาอุปสรรคมากบาง นอยบา ง แตไมเหลือบากวาแรงของ ตัวแทนรุนและตัวแทนกลุมยอย ในที่สุด ความหวังของคณะศิษยเกาก็เปนความจริง ทุกรุนสงเงินเขาบัญชี โครงการไดทันกําหนดยอดที่ 1 พอเพียงที่จะจายเปนคาบานงวดที่ 1 จํานวนเงิน 800,000 บาท (แปดแสน บาทถ วน) ในวัน ทํา สัญ ญาซื้อบานวันที่ 25 เมษายน 2559 ที่ หอ งอาหารชั้ น 2 โรงแรมสี มาธานี ในวั น เดี ยวกั นนั้น ทา นอาจารย ดร.นิเชต สุนทรพิ ทักษ ขออนุญ าตตอที่ ประชุ มจ า ง ดร.ดุ ล ย พิชั ย โกมลวานิช นักวิชาการอิสสระทางดานศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเปนผูที่มีผลงานการสรางเรือนไทยเปนที่ยอมรับมานาน ซึ่งที่ ประชุมเห็นชอบอยางเปนเอกฉันท วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ดร.ดุลยพิชัย โกมลวานิช ทําหนังสือเสนองบประมาณการชะลอ การยา ย และปลูกสรางเรือนโคราชเปนเงินทั้งสิ้น 1,500,000 บาท (หนึ่งลานหาแสนบาทถวน) กําหนดเวลารื้อถอน ขน ยาย ปลูกสราง เสร็จสิ้นภายในเวลา 3 เดือน โดยจะเริ่มรื้อถอนในวันที่ 7 พฤษภาคม 2559 รวมพลังแกปญหา หลังจากจายคาบา น งวดที่ 1 จํานวน 800,000 บาท จํา เปนตองจา ยคารื้อถอน ขนยา ย รวมทั้งคาบา นที่เหลืออีก 400,000 บาท แตเงินบริ จาคที่เหลือจากจายคา บานยอดที่ 1 ยังไมพอที่จ ะจา ย เนื่องจากเวลากระชั้นชิดมาก ระดมเงินยอดที่ 2 ไมทัน จึงเสนอขอยืมเงินจากศิษยเกา โดยไมมีดอกเบี้ย และ ให ชื่ อ เงิ น ยืม นี้ ว า “เงิ น ยื ม พร อ มเสี่ ย ง” คื อ มี เงิ น ก็ ใ ห คื น ถ า มี ไ ม พ อก็ ไ ม ต อ งคื น มี ผู ใ ห ยื ม 2 ท า นคื อ อาจารยบุญเริง แกวสะอาด ศิษยเกา ป.ป.รุน 1 ใหยืม 50,000 บาท ดร.นิเชต สุนทรพิทักษ ใหยืม 100,000 บาท และบริจาคเพิ่มอีก 30,000 บาท รวมเปนบริจาค จํานวน 50,000 บาท นายวุฒิเดช ครจํานงคบ ริจาคเพิ่มอีก 30,000 บาท รวมเปนเงินบริจาคทั้งสิ้ น 50,000 บาทนาย สมพงษ –นางบุ ป ผา รุ จิ ร วรรธน บริ จ าคเพิ่ ม อี ก 50,000 บาท รวมเป น บริ จ าค 90,000 บาท อาจารยนันทพร แสนประเสริฐ ป.กศ. รุน 11 จัดทําบุญอุทิศสวนกุศลใหสามี นําเงินชวยงาน จํานวน 64,800 บาท บริจาคเพิ่มในยอดของ ป.กศ. รุน 11 หนาที่ 27


ดวยเหตุนี้ ตัวแทนรุนตางๆ จึงตองรีบชวยระดมเงินบริจาคอีกครั้งดว ยกุศโลบายตา งๆ ดังปรากฎใน ขอเขียนบรรยายความรูสึกของตัวแทนรุน แมแตทานอาจารย ดร.นิเชต สุนทรพิทักษ เองก็ชวยโทรศัพทติดตอ ศิษยเกาที่ทานเคยสอนทุกรุน โดยเฉพาะ ป.กศ.รุน 3 ผูชวยศาสตราจารยนฤมล ปยวิทย ศิษยเกา ป.กศ. รุน 9 ในฐานะอดีตผูอํานวยการสํา นักศิล ปะและ วัฒนธรรมไดขออนุญาต ขยายการขอรับบริจ าคไปยั งศิษยเกา ตั้ง แต ป.กศ.รุน 16 เป นต นไปถึงศิษย เกา สถาบั นราชภัฏ ฯ และมหาวิ ท ยาลัย ราชภั ฏ ฯ โดยจั ดพิ มพ แ ผ น พั บ ประชาสั ม พั น ธ ใ ห ศิ ษ ย เ ก า ที่ ผู ช ว ย ศาสตราจารยนฤมล ปยวิทยเคยสอนบาง และลูกศิษยเพื่อนของทานและอาจารยทานอื่นอีกบาง เชน อาจารย ออยทิพย เกตุเอม เปนตน ซึ่งไดรับอนุญาต นางสาวกฤษณา สนิท ลูกศิษย ผศ.นฤมล ปยวิทย เมื่อทราบขา วก็แ สดงความจํานงบริจาคเปนเงิน 50,000 บาท และบอกบุญเพื่อนรวมรุนไดเงินมาอีกมาก เงินบริจาคจากมวลศิษยเกา รุนตางๆ จึงไหลเขา บัญชี “เรือนโคราช” ผานตัวแทนรุนเปนกอนใหญ บาง เปนรายบุคคลบาง มากบาง นอยบา ง ตามกํา ลังทรัพยแ ละกํา ลังศรัทธา พอเพียงที่จะจายเปนคาปลูก สรางไดทันเวลาอยางนาอัศจรรย ภายในเวลาไมถึง1 ป นับตั้งแตวันประชุมปรึกษาหารือ ครั้งที่ 1 “เรือนโคราช” ของพอคง ก็ถูกชะลอ มาตั้ ง ณ มหาวิท ยาลั ย ราชภั ฏ นครราชสี มา บริ เวณบ า นพั กอาจารย ใ หญ โรงเรี ยนฝ กหั ด ครู ซึ่ ง เป น ที่ ที่ เหมาะเจาะ ดูเดน เครงขรึม มั่นคง อยูทามกลางความรมรื่นของตนไมใหญ รายลอมดวยสวนหยอมที่สวยงาม ใหคนที่ผานไปมาไดชื่นชม กอใหเกิดความภาคภูมิใจประทับใจ อิ่มใจ ตอบรรดาศิษยเกาที่บริจาคดวยความรัก ความผูกพัน และความกตัญูตอสถาบันดังคํากลาวของทานสวิน อัครายุธ อดีตหัว หนา คณะผูพิพากษาศาล ฎีกา ศิษยเกา ป.ป.รุน 1 กลาววา “โรงเรียนฝกหัดครูนครราชสีมา เปนบุพการี เปนผูใหชีวิต เลือดเนื้อ และจิต วิญญาณ แกศิษยานุศิษย” การประชุม การดําเนินการโครงการ “เรือนโคราช” ดําเนินไปดวยสัญญาใจของศิษยเกาทั้งหลายที่รวมคิดรวมทํา กันดวยการประชุมตัวแทนศิษยเกาเพียงไมกี่ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559 ประชุมที่ “บานเฉลิมวัฒนา” มีมติรับโครงการฯ เปนเอก ฉันท มีตัวแทนรุนเขาประชุม 10 รุน รวม 15 คน (รายละเอียดดังกลาวขางตน)

หนาที่ 28


ครั้งที่ 2 วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559 ประชุมที่โรงแรมเฮอรมิเทจ มีตัวแทนเขาประชุม 11 รุน รวม 16 คนประชุมเพื่อรายงานผลการระดุมทุนของแตละรุน รายงานการแกปญหา อุปสรรค ที่เกิดขึ้น

ครั้ง ที่ 3 วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559 ประชุ มที่ โรงแรมสี มาธานี ผู เข าประชุม 16 คน 10 รุน ที่ประชุมเห็นชอบเปนเอกฉันท ดังนี้ 1. อนุมัติจายคาบานยอดที่ 1 เปนเงิน 800,000 บาท (แปดแสนบาทถวน) 2. อนุมัติจาง ดร.ดุลยพิชัย โกมลวานิช นักวิชาการอิสระดานศิลปวัฒนธรรม เปนชางปรุงเรือน 3. มอบผูชวยศาสตราจารยนฤมล ปยวิทย รับผิดชอบทํา หนังสือที่ระลึกในวันมอบเรือนโคราชให มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

หนาที่ 29


ครั้งที่ 4 วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ประชุมหลังจากเสร็จพิธียกเสาเอก-เสาโท เพื่อประกอบเรือน โคราช ในการประชุมครั้งนี้ ตัวแทนรุนหลายรุนนําเงินมามอบใหเพิ่มเติม และในการประชุมมีขอสรุป คือ 1. ทุกรุนจะยังคงดําเนินการระดมเงินตอไปอีกจนกวาจะพอเพียงกับรายจาย 2. ดร.ดุลยพิชัย โกมลวานิชย บรรยายเรื่องการอนุรักษศิลปวัฒนธรรม 3. ทานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กลาวชื่นชมการดําเนินงานตามโครงการ และกลาววา สถานที่สรางเรือนโคราชเปนหัวใจของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

ครั้ง ที่ 5 วัน ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ประชุ มที่ ร า นอาหารบ า นแกว มี ผู เข า ประชุ ม 9 รุน รวม 14 คน การประชุมมีขอสรุปดังนี้ 1. สรุปผลการดําเนินงานแจงรายรับ-รายจาย 2. กําหนดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เปนวันมอบเรือนโคราชใหสํานักศิลปะและวัฒนธรรม ดูแ ล ชั่วคราว โดยชางจะเขาตกแตง ซอมแซม ระยะที่ 2 ขั้นรายละเอียด เปนครั้งคราว 3. กําหนดวันสงมอบเรือนโคราชใหแกมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559 4. พิจารณาสังเขปเนื้อหาในหนังสือที่ระลึก หนาที่ 30


ครั้งที่ 6 วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ประชุมตอทายวาระการประชุมจัดงานวันครูโลก ซึ่ง ป.กศ. รุน 7 เปนแมงาน ณ โรงแรมเฮอรมิเทจ มีตัวแทนรุน 15 รุน เขารวมประชุม สรุปไดดังนี้ 1. เห็น ชอบรูป แบบการจัด งานส งมอบเรื อนโคราชในวั นที่ 17 ธั น วาคม พ.ศ. 2559 ซึ่ง ผู ชว ย ศาสตราจารยนฤมล ปยวิ ทย เสนอเปนหลั กการคร า วๆ คื อ ส ง มอบเรื อ นโคราช ถวายภั ต ตาหารเพล พิธีขึ่นเรือนใหมและชวงเย็นมีการแสดงธรรมและจิตภาวนาถวายเปนพระราชกุศล ที่ประชุมเห็นชอบ 2. นําเสนอเสื้อเรือนโคราช และขอความรวมมือใหใสวันงานสงมอบเรือนโคราชเพื่อใหตัวแทนรุนชวย ประชาสัมพันธขาย ราคาตัวละ 300 บาท โดยจะนํา กํา ไรเปนคา จัดทําหนัง สือที่ร ะลึก ที่ป ระชุ มเห็นชอบ แตมีขอเสนอใหทําเปนเสื้อสีขาวดวย 12.5 การตรวจสภาพอาคารกอนอนุรักษ - การตรวจสภาพเรือนกอนรื้อยาย โดยทีมชางของ ดร.ดุลยพิชัย โกมลวานิช

หนาที่ 31


หนาที่ 32


13. แผนที่ และภาพถายของอาคาร Map and Photographs ภาพถายอาคารกอนการอนุรักษ

หนาที่ 33


หนาที่ 34


หนาที่ 35


ภาพถายอาคารระหวางการอนุรักษ

หนาที่ 36


หนาที่ 37


หนาที่ 38


หนาที่ 39


ภาพถายอาคารหลังการอนุรักษ

หนาที่ 40


ภาพถายสภาพแวดลอมโดยทั่วไปรอบอาคาร

อยูระหวางการปรับปรุงสวนบริเวณดานหนา โดยการปลูกเนนพันธุไมพื้นเมือง และตนไมที่เปนชื่อของอําเภอ และตนไมประจําจังหวัดนครราชสีมา

หนาที่ 41


ดานหลังเรือนพอคง

หนาที่ 42


การดําเนินงานของสํานักศิลปะและวัฒนธรรม หลังการรับมอบเรือนโคราชจากคณะศิษยเกาฯ


การดําเนินงานหลังจากรับมอบจากคณะศิษยเกาฯ การดํ า เนิ น งานหลั ง จากรั บ มอบจากคณะศิ ษ ย เ ก า ประกอบไปด ว ยกระบวนการซ อ มบํ า รุ ง การประชาสัมพันธ การสงเสริมการเรียนรู และการกระตุนการใชประโยชนพื้นที่ มีการดําเนินงาน ดังนี้ ระยะของการดําเนินงานสนับสนุนคณะศิษยเกาในการจัดสราง การจําหนายเสื้อเพื่อระดมทุน

สนับสนุนการจัดทําหนังสือ เรือนโคราช และศิษยเการะดมทุนจัดสรางเรือนโคราช

หนา ๑


สนับสนุนในดานอื่นๆ ตามการรองขอ

ระยะในระหวางพิธีกรรมการรับมอบ “พิธีขึ่นเรือนใหม” ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๐

หนา ๒


พิธีมอบเรือน และวัตถุประกอบเรือน เมื่อวันที่ ๑๖ ม.ค. ๒๕๖๐ คณะศิษยเกาโรงเรียนฝกหัดครู วิทยาลัยครู สถาบันราชภัฏ และมหาวิทยาลัย ราชภัฏนครราชสีมา ไดมอบเงินที่ทางคณะศิษยเกาฯ ไดระดมทุนเพื่อจัดสรางเรือนโคราช ซึ่งคงเหลือ จํานวน ๔๒,๐๐๐ บาท มอบเพื่อนํามาจัดเตรียมเปนคาบํารุงรักษาเรือนโคราชในลําดับตอไป นอกจากนี้ยังไดมอบตูไมเพื่อ จัดแสดงประวัติการจัดสรางเรือน มูลคา ๑๐,๐๐๐ บาท ตนตะโกใหญ ๔ ตน และตนตะโกหนู ๒ ตน มูลคากวา ๒๐,๐๐๐ บาท ไฟสปอรตไลทประดับตกแตงเรือน จํานวน ๒ ชุด มูลคา ๑๑,๐๐๐ บาท โตะหมูบูชา ๑ ชุด รวมถึง ขาวของเครื่องใชที่เคยอยูในเรือน จํานวน ๒๖ ชิ้น ซึ่งสิ่งของทั้งหมดจะนําไปจัดแสดงไวบนเรือนโคราช เพื่อใหเปน แหลงเรียนรูทางภูมิปญญาของทองถิ่นชาวโคราชในหลายมิติ และเปนมรดกที่รุนพี่ไดสงมอบใหแกรุนนองตอไป

ประสานงานในการสรางโรงเก็บเกวียน

หนา ๓


การดําเนินการหลังการสงมอบจากคณะศิษยเกา คุณธมลภรณ เลาหวงษเพียรพุฒิ บริจาคเกวียนจํานวน ๒ เลม

ลางทําความสะอาดเกวียน

ทาสีเกวียน

หนา ๔


นําสายไฟรอยใสทอลงเดิน (จะมีการสรางโรงเกวียนทับแนวสายไฟเดิม)

ปลูกหญา โดยงบประมาณสํานักศิลปะและวัฒนธรรม จํานวน ๔๐,๐๐๐ บาท

ปรับแตงสวนบริเวณดานหนาปาย

ปรับแตงสวนบริเวณทางขึ้น

หนา ๕


จัดหาวัสดุจัดแสดงในหองครัว

ทาสีตัวอักษรในปาย

สํานักวิทยบริการฯ รวมบริจาคหนังสือไวบริการ ณ เรือนโคราช

ปรับแตงสีพื้นเรือนครัว เรือนนอนโท

หนา ๖


เรียงหินและทําแนวทางเดินใหม

ปลูกพิชพื้นเมือง

ศิษยเกา บริจาคตนตะโก จํานวน ๕ ตน

จัดหาอุปกรณประกอบนิทรรศการ

ทําความสะอาด

ซอมรอยรั่วของโอง

ปรับระดับพื้นใหเรียบขึ้น (นําแผนไมรองสวนโคง)

หนา ๗


ซอมรางกลาง (โดยงานอาคาร)

ถายภาพเปนวัตถุดิบในการประชาสัมพันธ

ตัดตนไมสูงบริเวณใกลเรือนโคราช

สํารวจหลังคาหาสาเหตุน้ําลนราง

สมาคมเพลงโคราช รวมบริจาคเพิ่มเติม

หนา ๘


ปลูกตนไมเพิ่มเติมในกิจกรรม Green University

กิจกรรมสงกรานต มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

หนา ๙


กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู กับ มหาวิทยาลัยเจมสคุก ประเทศออสเตรเลีย

ชมรมโคราชยิ้ม จัดกิจกรรมสงเสริมการเรียนรูศลิ ปวัฒนธรรมโคราช ณ เรือนโคราช

หนา ๑๐


งานประชาสัมพันธ ใชสถานที่เรือนโคราช ฝกปฏิบัติการถายภาพบุคคล

หลักสูตรสังคมศึกษา ใชสถานที่หนาเรือนจัดกิจกรรมเสวนาประวัติศาสตรนครราชสีมา

หนา ๑๑


- การปรับปรุงภูมิทัศนหนาเรือนโคราช ใชงบประมาณมหาวิทยาลัย (๒๕๖๑) จํานวน ๒๐๒,๔๕๐ บาท เริ่มดําเนินการในชวงตนเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ โดยเปนการปรับปรุงลวงหนากอนทําสัญญา เพื่อใหทันการใชงาน NRRU Show & Share 2017 ประกอบดวยงานปรับพื้นที่ ลงหนาดิน ปูหญา วางทอระบายน้ําและบอพักน้ํา โดยตรวจรับไปเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๑

กอนปรับปรุง

- ถายภาพเพื่อเปนตนทุน (Footage) ในการประชาสัมพันธ

ปรับเปลี่ยนฝาทอ

ทํารั้วบริเวณใกลเรือน

หนา ๑๒


- หลักสูตรนาฏศิลปไทย ขอใชเรือนโคราช จัดแสดง "นาฏการลีลาละครรํา เงาะปา ” ๒๔ พ.ย. ๒๕๖๐ โดยไดเสริมแรงดานการประชาสัมพันธดวยการเชิญสื่อมวลชนเพื่อนําเสนอขาว กระตุนใหเรือนโคราชเปนที่รู จัก มากขึ้นผานกิจกรรมที่จัดขึ้นบริเวณเรือนโคราช

- คณะกรรมการ Km มหาวิทยาลัย จัดงานมหกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู NRRU Show and Share 2017

หนา ๑๓


บัณฑิตวิทยาลัยขอใชเรือนโคราช จัดเลี้ยงในงาน 8th GRC 2017 ๓ ธ.ค. ๒๕๖๐

พิธีม งคลสมรสแบบโคราช “เสนผี ” ผศ.ดร.นวลระวี จันทนลุน และคุณพชร กระตายทอง โดยได ดําเนินการจัดเก็บขอมูลพิธีกรรม อยูระหวางการเขียนใหเปนบทความทางวิชาการ

- ปกหมุดเพือ่ เพิม่ Location Google Map เดิ่นหนา เรือนโคราช

จัดหาของประดับในครัวเพิ่มเติม

หนา ๑๔


- จัดทําเอกสาร “เรือนพอคง เรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา” ประกอบการพิจารณา รางวัลอนุรักษศิลปสถาปตยกรรมดีเดน นําเสนอตอสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรม โดยคณะกรรมการประเมิน ไดดําเนินถายภาพประกอบการประเมินในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ราชูปถัมภ

- ปรับปรุงพื้นที่ลานขางเรือนทิศตะวันตก

หนา ๑๕


เรือนพอคง ปญญาสรางสรรคและอัจฉริยภาพของชางทองถิ่นโคราช โดย ผศ.ดร. การุณ ศุภมิตรโยธิน


1

เรื อนพ่ อคง: ปั ญญาสร้ างสรรค์ และอัจฉริยภาพของช่ างท้ องถิ่นโคราช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ การุณย์ ศุภมิตรโยธิน1 สถาปั ตยกรรมพื น้ ถิ่นเป็ นสิ่งที่ สะท้ อนถึง เรื่ องราวทางประวัติศาสตร์ ทางด้ านเศรษฐกิ จ สังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรมความเป็ นอยู่ และเทคโนโลยีการก่อสร้ างในอดีต อีกทังยั ้ งแสดงให้ เห็นถึง ภูมิปัญญาของเหล่าบรรพชนในแต่ละยุคแต่ละสมัย ที่ได้ สงั่ สม กลัน่ กรอง และพัฒนาจนก่อรูปเป็ น งานสถาปั ต ยกรรมอัน ทรงคุ ณ ค่ า “เรื อ นโคราช” เป็ นเรื อ นพั ก อาศัย พื น้ ถิ่ น ของชาวจัง หวัด นครราชสี ม า โดยเฉพาะกลุ่ ม คนไทยโคราช ซึ่ ง รู ป แบบของเรื อ นนั น้ ได้ รั บ การปรั บ เปลี่ ย น องค์ ป ระกอบและรายละเอี ย ดบางอย่ า งจากเรื อ นไทยภาคกลาง เพื่ อ ให้ สอดคล้ องกั บ สภาพแวดล้ อม ภูมิ ป ระเทศ ภูมิ อากาศ และสภาพสัง คมวัฒ นธรรมของท้ องถิ่ น การคลี่ คลาย รู ป แบบนี ก้ ่อให้ เกิ ด ลักษณะเฉพาะตัวที่ เป็ น อัตลักษณ์ ขึน้ มา โดยทั่วไป เรื อนโคราชส่วนใหญ่ มี ลักษณะเป็ นเรื อนไม้ ยกพื ้นสูง ใต้ ถนุ โล่ง หลังคาทรงจัว่ ที่มีความลาดชัน ก่อสร้ างด้ วยระบบสาเร็ จรูป ตัวเรื อนแบ่งพื ้นที่ ใช้ สอยเป็ น 4 ส่วน คือ เรื อนนอน (นิยมสร้ างเป็ น 3 ห้ อง หรื อ 3 ช่วงเสา) ระเบียง (มี หลังคาคลุม ) นอกชาน และครัว ทัง้ นี ้ รู ป แบบสถาปั ตยกรรมของเรื อนโคราชมี ความสัม พัน ธ์ สอดคล้ องกับวิถีชีวิตสังคมเกษตรกรรมและสภาพแวดล้ อมท้ องถิ่นอย่างแท้ จริง (ภาพที่ 1) นับตังแต่ ้ เรื อนโคราชถูกก่อรูปขึ ้นมาจนได้ รับความนิยมในการปลูกสร้ างเป็ นที่อยู่อาศัยของ ชาวจังหวัดนครราชสีมามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยผ่านกาลเวลาแต่ละยุคสมัย ประกอบกับเหตุ ปั จจัยความเจริ ญทางด้ านเศรษฐกิจ สังคม และการแลกรับวัฒนธรรม จึงก่อกาเนิดพัฒนาการทัง้ ทางด้ านรู ป แบบ วัส ดุ และเทคนิ ค การก่ อ สร้ าง สิ่ ง เหล่ า นี ล้ ้ วนส่ ง ผลให้ เรื อ นโคราชมี ค วาม หลากหลายและแตกต่างกัน ไปตามแต่ละท้ องที่ ดัง จะเห็ นได้ จ าก “เรื อนพ่อคง” ซึ่ง ปั จ จุบันถูก เคลื่อนย้ ายมาจัดแสดงเป็ นพิพิธภัณฑ์ พื ้นบ้ านภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา เป็ นเรื อน ตัวอย่างที่สะท้ อนให้ เห็นถึงความอัจฉริ ยภาพของช่างท้ องถิ่น ในการบูรณาการองค์ความรู้ มีความ เข้ าใจสัจ จะของวัส ดุ มี ความเชี่ ยวชาญทัง้ ระบบโครงสร้ าง การเข้ าไม้ การประยุกต์เทคโนโลยี สมัยใหม่ในยุคนัน้ เข้ ามาผสมผสานเป็ นองค์อาคารได้ อย่างลงตัว อีกทัง้ ยังมีความกล้ า คิดนอก กรอบ โดยปรั บ เปลี่ ยนรู ป แบบและรู ป ทรงสถาปั ต ยกรรม ให้ ห ลุด จากแบบแผนจารี ต เดิม เพื่ อ ตอบสนองการใช้ งาน การแก้ ปัญ หาและสร้ างประโยชน์ได้ อย่างเหมาะสม ผนวกกับ ความชาญ

1

อาจารย์ประจาโปรแกรมวิชาสถาปั ตยกรรม คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา


2

ฉลาดในการแปรรูปไม้ ความประณีตในการก่อสร้ าง สิ่งเหล่านี ้ส่งผลให้ เรื อนโคราชหลังนี ้ สามารถ ดารงอยูม่ าได้ จนถึงปัจจุบนั ซึง่ ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานนับ 111 ปี ด้ วยลักษณะพิเศษดังกล่าว จึงนับได้ ว่าเรื อนพ่อคง “เป็ นเรื อนครู ” ที่แสดงให้ เห็นถึง ปั ญญาสร้ างสรรค์และอัจฉริยภาพของบรรพบุรุษคนไทยโคราชในการปลูกสร้ างเรื อน ซึง่ ควรค่าแก่ การบัน ทึ ก ไว้ เป็ นลายลัก ษณ์ อัก ษร เพื่ อ ให้ ลู ก หลานชาวไทยได้ ศึก ษาสื บ ไป ดัง จะกล่ า วถึ ง ภูมิ ปั ญ ญาทัง้ 3 ด้ าน ได้ แก่ การวางผัง เรื อน การบูรณาการรู ป แบบสถาปั ตยกรรม และระบบ โครงสร้ าง ดังรายละเอียดต่อไปนี ้ 1. ปั ญ ญาสร้ า งสรรค์ ในการวางผั งเรื อน เรื อนพ่อคง เดิม ตังอยู ้ ่บริ เวณใจกลาง หมู่บ้านตะคร้ อ อาเภอคง จังหวัดนครราชสีมา โดยวางตัวเรื อนตามตะวัน หรื อหันด้ านจัว่ ไปทางทิศ ตะวันออกและทิศตะวันตก ซึ่งเป็ นการวางตาแหน่งทิศทางที่สอดรับกับสภาพแวดล้ อมของท้ องถิ่น การวางเรื อนลักษณะนี ้จะทาให้ พื ้นที่ด้านยาวของตัวเรื อนไม่รับแดดตลอดทังวั ้ นและสามารถรับลม ประจาฤดูกาลได้ ดี แสดงให้ เห็นถึงความเข้ าใจถึงวิถีธรรมชาติที่ตนอาศัยอยู่ อี ก ทัง้ การวางผัง เรื อ นหลังนี ม้ ี ลัก ษณะพิ เศษที่ แตกต่างจากเรื อ นโคราชทั่วไป กล่าวคือ การสร้ างเป็ นเรื อนแฝดที่มีเรื อนนอน 2 หลังวางขนานกัน คัน่ กลางด้ วยโถงขนาดกว้ าง มี การกันฝาเรื ้ อนนอนเพียงสองช่วงเสา ตังแต่ ้ ช่วงเสาที่สองถึงช่วงเสาที่สาม ส่วนช่วงเสาแรกเปิ ดโล่ง ด้ า นข้ า งหนึ่ ง ด้ า น เพื่ อ เชื่ อ มต่ อ กับ โถงกลาง ซึ่ ง พื น้ ที่ ส่ ว นนี ใ้ ช้ ส าหรั บ นั่ง พัก ผ่ อ นหรื อ รั บ แขก โดยทั่วไปคนไทยโคราชส่วนใหญ่มักจะสร้ างเรื อนเดี่ยวที่ประกอบไปด้ วยเรื อนนอน ระเบียง นอก ชาน และครัว ในช่วงต้ นของการสร้ างครอบครัวใหม่ ต่อมาเมื่อมีจานวนสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ ้น ประกอบกับมีฐานะความเป็ นอยู่ที่มนั่ คงขึ ้น หรื อมีการเปลี่ยนจากครอบครัวเดี่ยวมาเป็ นครอบครัว ขยาย จึงต่อเติมเพิ่มพื ้นที่ใช้ สอยให้ เพียงพอต่อการใช้ งาน จากเรื อนเดี่ยวเป็ นเรื อนแฝด เรื อนสาม จัว่ หรื อต่อเติมออกไปในลักษณะอื่น แต่สาหรับเรื อนพ่อคงหลังนี ้ถูกสร้ างเป็ นเรื อนแฝดขนาดใหญ่ ซึ่งมี เรื อนนอนขนานกันสองหลังขึน้ มาพร้ อมกัน มี พื น้ ที่ โถงกลางและชานด้ านหน้ าที่กว้ าง เพื่ อ รองรับการใช้ งานของสมาชิกในครอบครัวขนาดใหญ่ นัน่ แสดงให้ เห็นถึงฐานะและความมัง่ คัง่ ทัง้ ทางทรัพ ย์สิ นและบริ วารของเจ้ าของเรื อน เพราะการที่จ ะสร้ างเรื อนขนาดใหญ่ ได้ นัน้ จะต้ องใช้ กาลังคนเป็ นจานวนมากในการหาไม้ แปรรูป และปรุงขึ ้นมาเป็ นเรื อน นอกจากนัน้ เรื อนหลังนี ้มีการแบ่งเขตพื ้นที่ใช้ สอยอย่างเป็ นสัดส่วนตามลาดับ การ เข้ าถึงและระดับความต้ องการความเป็ นส่วนตัว ดังจะเห็นได้ จากการวางตาแหน่งชานทางขึ ้นเรื อน ไว้ ด้านหน้ าสุด ซึ่งเป็ นส่วนสาธารณะที่มีระดับพื ้นต่าที่สุด เพื่อเชื่อมต่อระหว่างพื ้นที่ภายนอกและ พื ้นที่บนเรื อน จากชานด้ านหน้ าเชื่อมต่อไปยังโถงกลางขนาดกว้ าง ซึ่งเป็ นพื ้นที่เอนกประสงค์และ


3

ทางสัญจรไปยังส่วนต่างๆ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับห้ องโถงของเรื อนนอนทังสองฝั ้ ่ ง ซึ่งเป็ นพื น้ ที่ กึ่งสาธารณะที่ ยกระดับพื ้นสูงขึ ้นไปอีกประมาณ 40 ซม. ส่วนห้ องนอนทังสองฝั ้ ่ งนันจะกั ้ น้ ด้ วยฝา รอบด้ าน มี ประตูทางเข้ าบริ เวณหลังสุดเพื่อความเป็ นส่วนตัว สาหรับครัวเป็ นเรื อนขวางอยู่ด้าน หลังสุด มีขนาดความยาวสองห้ องที่มีระบบโครงสร้ างขนาดใหญ่ และมีความประณีตมากกว่าเรื อน ครัวทัว่ ไป (ภาพที่ 2 และ 3) 2. การบู รณาการรู ปแบบสถาปั ตยกรรม เรื อนพ่อคงหลังนี เ้ ป็ นเรื อนที่มีลักษณะ เด่น ทางด้ า นรู ป แบบสถาปั ต ยกรรมหลายประการ ที่ แ สดงให้ เห็ น ถึ ง อัจ ฉริ ย ภาพของช่า งที่ ไ ด้ บูรณาการรู ปแบบขึน้ มาใหม่ โดยอาศัยรากฐานจากความชานาญทางด้ านฝี มือช่าง การเข้ าใจ ธรรมชาติของวัสดุ กฎการรับแรงและการถ่ายน ้าหนัก ผนวกกับความคิดริ เริ่มสร้ างสรรค์ และความ กล้ าที่ จ ะคิ ด นอกกรอบ หรื อ ฉี ก จากแบบแผนจารี ต ดั ง้ เดิ ม เพื่ อ สนองประโยชน์ ใ ช้ สอย ดังรายละเอียดต่อไปนี ้ 2.1 รู ปแบบเรื อนแฝดที่บูรณาการขึน้ มาใหม่ การสร้ างเรื อนจัว่ แฝดที่มีเรื อนนอน 2 หลัง ขนานกัน มีชานหรื อโถงกันกลาง ้ ซึง่ เป็ นลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างจากเรื อนทัว่ ไป โดยปกติ แล้ วรู ปแบบเรื อนโคราชที่นิยมสร้ างสาหรับครอบครัวขนาดใหญ่ (ซึ่งสร้ างขึ ้นมาพร้ อมกันในคราว เดียว) ได้ แก่ เรื อนแฝดอันประกอบไปด้ วยเรื อนนอนเพียงหลังเดียว อีกหลังหนึ่งเป็ นโถงโล่ง (ภาพที่ 4) อีกรูปแบบหนึ่ง คือ เรื อนสามจัว่ ที่มีเรื อนนอนหนึ่งหลัง เรื อนจัว่ ที่ 2 เป็ นโถงโล่งที่มีระดับพื ้นต่า กว่าเรื อนนอน ส่วนเรื อนจัว่ ที่ 3 อาจจะเป็ นโถงโล่ง (เรี ยกกันว่าหอนัง่ ) หรื อ กันฝาเป็ ้ นเรื อนนอนอีก หลังหนึง่ ที่มีระดับความสูงของพื ้นเท่ากับเรื อนนอนหลังแรก (ภาพที่ 5) ทัง้ นี ้ เรื อนพ่อคงมีลักษณะผังเรื อนและขนาดพืน้ ที่ ใช้ สอยใกล้ เคียงกับเรื อนสามจั่ว ทัว่ ไป แต่ด้วยความชาญฉลาดประกอบกับความคิดริ เริ่ มสร้ างสรรค์ของช่างดังกล่าวมาแล้ วข้ างต้ น จึงลดจานวนจัว่ ลงจากสามจัว่ เป็ นจัว่ แฝดที่มีขนาดเท่ากัน แต่ยงั คงรักษารูปแบบผังพื ้นเรื อนไว้ ให้ ใกล้ เคียงแบบเดิม คือ มี 3 ระดับ โดยขยายขนาดหลังคาจั่วแฝดให้ ครอบคลุมพืน้ ที่ทงั ้ หมด แล้ ว กาหนดให้ มีรางน ้าเพียงจุดเดียวบริเวณแนวกลางของโถง เพื่อบังคับทิศทางการไหลของน ้าฝนไปยัง ภาชนะรองรับ สาหรับใช้ อุปโภคบริ โภคในฤดูแล้ ง ซึ่งนอกจากจะได้ ประโยชน์ จากการใช้ นา้ แล้ ว ยังเป็ นการแก้ ปัญหาการรั่วซึมของน ้าบริ เวณแนวรอยต่อระหว่างจัว่ อีกด้ วย (หากเป็ นเรื อนสามจัว่ ทัว่ ไปจะมีแนวรางน ้าสองแนวบริ เวณรอยต่อระหว่างจัว่ ซึ่งโดยมากจะเป็ นแนวที่ขนานฝาเรื อนฝั่ ง ประตูเข้ าเรื อนนอน)


4

การสร้ างหลังคาจัว่ แฝดให้ ครอบคลุมผังเรื อนทัง้ 3 ช่วงในลักษณะนี ้ ทาให้ ต้องสร้ าง หลัง คาเรื อ นขนาดใหญ่ ส่ ง ผลให้ มี แ ผงหน้ า จั่ว ที่ ใหญ่ แ ละสูง กว่า เรื อ นปกติ ดัง นัน้ ช่า งจึง ได้ ปรับเปลี่ยนโครงสร้ างของเรื อนตังแต่ ้ เสาช่วงกลางเรื อน ไปจนถึงช่วงเครื่ องบนหรื อโครงหลังคาทัง้ ระบบ โดยให้ สอดรับกันทังสองฝั ้ ่ ง เมื่อหน้ าจัว่ มีความยาวมากขึ ้นหรื อมีส่วนฐานสามเหลี่ยมที่กว้ าง ขึ ้น ช่างจึงเพิ่มขนาดความยาวของขื่อให้ ยื่นเลยออกมาจากระยะช่วงเสาด้ านสกัดของเรื อนนอนทั ง้ สองฝั่ งประมาณ 1.3 เมตร โดยเลื่ อนตาแหน่งเสาดัง้ มาตัง้ บริ เวณความยาวประมาณ 2/3 ของ ความยาวรอดด้ านสกัด (ปกติเสาดังจะตั ้ งอยู ้ ่กึ่งกลางรอด) เพื่อให้ ใบดังสามารถสอดทะลุ ้ ขื่อขึ ้นไป รับอกไก่ที่เลื่อนตาแหน่งตามแผงจัว่ เช่นกัน ส่วนปลายขื่ออีกด้ านหนึ่งที่ยื่นเลยออกมานอกแนวเสา บริ เวณโถงกลางนัน้ จะวางสวมอยู่บนหัวเทียนของเสาตุ๊กตา ซึ่งวางบนขื่อคัดที่สอดระหว่างเสา ด้ านในของเรื อนนอนทัง้ สองฝั่ งอีกทีหนึ่ง ทังนี ้ ้ ช่างได้ ปรับเปลี่ยนโครงสร้ างดังกล่าวกับหลังคาจัว่ แฝดทังสองหลั ้ งแบบสมมาตรกัน โดยวางรางน ้าขนาดใหญ่บริเวณรอยต่อของจัว่ แฝด นับได้ ว่าเป็ น การบูรณาการรูปแบบขึ ้นมาใหม่เพื่อตอบสนองการใช้ งานและแก้ ปัญหาได้ อย่างเหมาะสมลงตัว (ภาพที่ 6) 2.2 การปรุ งฝาเรื อนที่สะท้ อนถึงสมัยนิยม ลักษณะเด่นที่แสดงถึงการบูรณาการ รู ปแบบของเรื อนหลังนี อ้ ี กประการหนึ่ง คือ รู ปแบบของฝาเรื อนนอนทัง้ สองหลังที่ แตกต่างกั น สะท้ อนให้ เห็นถึงการผสมผสานรูปแบบตามสมัยนิยม ทังนี ้ ้ ฝาเรื อนนอนทังหมดก่ ้ อสร้ างด้ วยระบบ สาเร็ จรู ปโดยการประกอบไม้ เข้ าเป็ นแผงฝา แล้ วยกวางบนพรึ ง แนบกับเสาเรื อน จากนันจึ ้ งล็อค ด้ วยเต้ าโดยรอบทุกด้ าน และตอกตะปูขนาด 6 นิว้ ยึดทุกมุมของแผงฝา (ภาพที่ 7) รายละเอียด ของฝาเรื อนทังสองฝั ้ ่งมีดงั นี ้ 2.2.1 ฝาเข้ าลิน้ ไม้ ซ้อนเกล็ดแนวนอน (ฝาเรื อนนอนฝั่ งซ้ าย-ถ้ ามองจากชาน ด้ านหน้ า) มีลกั ษณะการเข้ าไม้ ตามรูปแบบอัตลักษณ์ ดงเดิ ั ้ มของฝาเรื อนโคราช ที่มีการคลี่คลาย แบบแผนและการเข้ าไม้ มาจากเรื อนไทยภาคกลาง โดยไม่มีการยึดหรื อตอกด้ วยตะปู แต่จะนาแผ่น ไม้ แต่ละแผ่นมาประสานกันด้ วยวิธีการเข้ ารางลิ ้น สอดสลักเดือย โดยประกอบเป็ นแผงฝา ซึง่ แต่ละ แผงมีขนาดเท่ากับหนึง่ ห้ องหรื อหนึง่ ช่วงเสา (ภาพที่ 8) ส่วนประกอบของฝาแต่ละแผงมีดงั นี ้ 1) ลูกตัง้ เป็ นไม้ ท่อนยาวขนาด 7x4 เซนติเมตร ซึ่งมีการเซาะร่องด้ านข้ าง ซ้ ายและขวาเพื่อสอดลูกนอนและไม้ กรุฝาลงไป บริเวณปลายด้ านบนและล่างของลูกตังแต่ ้ ละตัวจะ บากไม้ เป็ นบ่า เพื่อสอดเข้ าไปในร่ องของกรอบฝาแล้ วเข้ าเดือยแบบใส่สลัก ไม้ เพื่อล็อคไว้ ให้ แน่น ลูกตังท ้ าหน้ าที่เป็ นรางสาหรับสอดไม้ กรุฝาลงไป โดยวางเป็ นระยะห่างเท่าๆกัน


5

2) ลู ก นอน เป็ นไม้ ท่ อ นขนาด 7x4 เซนติ เ มตร มี ค วามยาวเท่ า กั บ ระยะห่างระหว่างลูกตังหรื ้ อเท่ากับความยาวของไม้ กรุฝา ซึ่งขอบด้ านบนและด้ านล่างจะเซาะร่อง ไว้ สาหรับสอดไม้ กรุฝาและลูกฟั ก ส่วนด้ านซ้ ายและขวาจะบากไม้ เป็ นบ่ายื่นออกไปเพื่อสอดเข้ ากับ ร่องของลูกตัง้ ลูกนอนทาหน้ าที่เป็ นตัวกันระหว่ ้ างฝาช่วงบนกับฝาช่วงล่าง 3) ไม้ กรุฝา เป็ นแผ่นไม้ บาง ซึ่งมีการเซาะเป็ นร่องตามแนวนอน บริ เวณ ด้ านหน้ าหรื อด้ านที่หันออกนอกเรื อน ทาเลียนแบบการตีฝาไม้ ซ้อนเกล็ด แล้ วแต่งลวดบัวปลาย เกล็ดเพื่อกันน ้าฝนไหลย้ อนเข้ าในเรื อน ส่วนด้ านข้ างซ้ ายและขวาจะบากไม้ เป็ นบ่ายื่นออกไปเพื่อ สอดลงในร่องของลูกตัง้ ด้ านบนและด้ านล่างจะบากไม้ รับกับฝากรุไม้ แผ่นอื่น หรื อบากเป็ นบ่ายื่น เพื่อสอดเข้ าไปในร่องของลูกนอน ทังนี ้ ้ขึ ้นอยูก่ บั ตาแหน่งการวางของไม้ กรุฝา (ภาพที่ 9) 4) ลูกฟั ก เป็ นแผ่นไม้ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ าที่ อยู่ส่วนล่างสุดของแผงฝา เรี ยกบริ เวณนีว้ ่า “ล่องตีนช้ าง” ซึ่งมีการเจียดขอบทัง้ สี่ด้านให้ บางลงและทาให้ ส่วนตรงกลางนูน ขึ ้นมาเป็ นรู ปสี่เหลี่ยม การเจียดขอบให้ บางลงมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสอดแผ่นลูกฟั กเข้ ากับร่ อง ของกรอบฝา ลูกตัง้ และลูกนอน ทังนี ้ ้ การตกแต่งลูกฟั กบริ เวณช่วงล่างนี ้จะช่วยเสริ มความแข็งแรง ทนทานให้ กบั ฝา เนื่องจากเป็ นบริเวณที่ต้องสัมผัสแดดและฝนมากกว่าจุดอื่น 5) กรอบฝา เป็ นท่อนไม้ ที่อยู่รอบนอกทังสี ้ ่ด้าน ซึ่งทาหน้ าที่ปิดหรื อล็อค ส่วนประกอบของแผงฝาทังหมดเข้ ้ าด้ วยกัน บริเวณขอบด้ านในของกรอบฝาแต่ละท่อนจะเซาะร่อง ไว้ สาหรับสอดเดือยของลูกตัง้ ลูกนอน ฝากรุไม้ หรื อลูกฟั ก มุมทังสี ้ ่ของกรอบฝานี ้จะเข้ าเดือยแบบ ปากกบแล้ วเจาะรูสอดสลักไม้ เข้ าไปเพื่อเพิ่มความแข็งแรง (ภาพที่ 10) ส าหรับ แผงฝาที่ มี การเจาะประตูห รื อหน้ าต่างนัน้ มี วิธี การปรุ งฝาใน ลักษณะเดียวกัน เพียงแต่เพิ่มกรอบวงกบประตูหรื อหน้ าต่างเข้ า ไป ส่วนการประกอบบานประตู หรื อบานหน้ าต่างจะใช้ วิธีการเข้ าไม้ เหมือนกัน จากนันจึ ้ งยกตัวบานไปยึดติดกับวงกบด้ วยบานพับ เหล็ก ซึง่ เป็ นวัสดุใหม่ที่ได้ รับความนิยมในช่วงเวลานัน้ (ภาพที่ 11) 2.2.2 ฝาไม้ กระดานตีแนวนอนมีเกล็ดช่ องลม (ฝาเรื อนนอนฝั่ งขวา-ถ้ ามองจาก ชานด้ านหน้ า ) สันนิษฐานว่า ไม่ได้ สร้ างพร้ อมกันกับฝาเรื อนนอนฝั่ งซ้ าย แต่ อาจจะสร้ างขึน้ มา ภายหลัง ซึ่งมี ลักษณะเป็ น การนาไม้ กระดานตีซ้อนกันขึน้ ไปตามแนวนอน โดยตอกตะปูยึดฝา กระดานแต่ล ะแผ่น กับ เคร่ าตัง้ ประกอบเป็ น แผงฝาเพื่ อ วางประกบในแต่ล ะห้ อ งหรื อ ช่วงเสา ลักษณะคล้ ายกันกับฝาเรื อนนอนฝั่ งซ้ าย แต่มีองค์ประกอบบางอย่างที่แตกต่างกัน ดังรายละเอียด ต่อไปนี ้ (ภาพที่ 12)


6

1) กระดานฝา เป็ นแผ่นกระดานไม้ ที่แต่งลวดบัวช่วงปลายด้ านล่าง เพื่อ กันน ้าฝนไหลย้ อนเข้ าในเรื อน แล้ วจึงนามาประกอบเป็ นแผงฝา โดยวางซ้ อนชันขึ ้ ้นไปตามนอนและ ยึดกับโครงเคร่าตังด้ ้ วยการตอกตะปูขนาดเล็ก 2) เคร่ าตัง้ เป็ นท่อนไม้ วางในแนวตังภายในฝาเป็ ้ นระยะ ซึ่งมีการบาก ปลายด้ านบนเพื่อสอดเข้ ากับเคร่านอน และบากปลายด้ านล่างเพื่อสอดเข้ ากับกรอบฝา แล้ วจึงยึด ด้ วยสลักไม้ เคร่าตังท ้ าหน้ าที่เป็ นโครงเคร่าสาหรับยึดแผ่นไม้ กระดานเข้ าด้ วยกันเป็ นแผงฝา 3) เคร่านอน เป็ นท่อนไม้ ขนาดเดียวกันกับเคร่าตัง้ แต่วางแนวนอนโดย บากปลายด้ านซ้ า ยและขวาเพื่ อ สอดเข้ าร่ อ งของเคร่ าตัง้ และกรอบฝา แล้ วจึง ยึด ด้ วยสลัก ไม้ เคร่ านอนทาหน้ าที่ ยึดเคร่ าตังและแยกฝาส่ ้ วนบนที่เป็ น เกล็ดช่องลมกับฝาฝากระดานตีแนวนอน ส่วนล่าง 4) เกล็ดช่องลม เป็ นช่องระบายอากาศที่ มีลกั ษณะคล้ ายบานเกล็ด ซึ่ง เกล็ดนันท ้ าด้ วยแผ่นไม้ ตีซ้อนกันขึ ้นไป และเว้ นช่องสาหรับระบายอากาศ แผ่นเกล็ด ไม้ นี ้ยึดติดกับ เคร่าตังที ้ ่บากทามุมประมาณ 60 องศา ด้ วยตะปู (ภาพที่ 13) 5) กรอบฝา มีลกั ษณะเช่นเดียวกันกับกรอบฝาของแผงฝาเรื อนนอนฝั่ ง ซ้ าย ซึง่ มุมทังสี ้ ่จะเข้ าเดือยแบบปากกบ และเจาะรูสอดสลักไม้ เข้ าไปเพื่อช่วยยึดให้ แข็งแรง (ภาพที่ 14) สาหรับแผงฝาที่มีการเจาะประตูหรื อหน้ าต่างนัน้ จะใช้ วิธีการประกอบ ลักษณะเดียวกันกับแผงทึบ แต่จะเพิ่มวงกบประตูหน้ าต่างเข้ าไปเช่นกัน เป็ นที่น่าสังเกตว่า ฝาไม้ กระดานตีแนวนอนที่มีเกล็ดช่องลมด้ านบนเพื่อระบายอากาศ ในลักษณะนี ้ มี ความคล้ ายคลึงกับฝาเรื อนแถวไม้ ในตัวเมือง หรื อย่านการค้ าเก่า ในหลายพื น้ ที่ อีกทัง้ ยังมีการใช้ ตะปูขนาดเล็กในการตอกยึดไม้ กระดานฝาเข้ ากับเคร่าไม้ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็ น รูปแบบฝาเรื อนไม้ รูปแบบใหม่ที่ได้ รับความนิยมในช่วงหลัง เนื่องจากมีเทคนิควิธีการก่อสร้ างใหม่ เกิดขึ ้น และมีวสั ดุก่อสร้ างประเภทเหล็กโดยเฉพาะตะปูวางจาหน่ายตามท้ องตลาดที่หาซื ้อได้ ง่าย ขึ ้น แต่ยงั คงมีราคาสูงอยู่ จึงอาจจะเป็ นไปได้ ว่า ช่างที่ปรุ งเรื อนหลังนี ้มีแนวคิดที่จะผสมผสานฝา รู ป แบบใหม่เข้ าไปโดยยัง คงยึด เทคนิ ค วิธี ก ารการเข้ า ไม้ แบบเดิม ที่ ต นถนัด ในบางจุด และคง ลักษณะของฝาที่ประกอบเป็ นแผงไว้ ดังนัน้ จึงแสดงให้ เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของกรรมวิธีการปรุง แผงฝาเรื อนโคราชในช่วงเวลานัน้ โดยคงแบบแผนดัง้ เดิม ของตนไว้ บางส่วนแล้ วเลื อกที่ จ ะน า รูปแบบและเทคนิควิธีการใหม่ผสมผสานเข้ าไปอย่างลงตัว


7

2.3 การปรุงแผงหน้ าจั่วอย่ างประณีต ดังที่กล่าวมาแล้ วในช่วงต้ นว่าเรื อนหลังนี ้ได้ บูรณาการรู ปแบบเรื อนแฝดขึน้ มาใหม่ ดังนัน้ หน้ าจั่วของเรื อนจึงมี ขนาดใหญ่ และสูงกว่าเรื อน โคราชปกติทวั่ ไป ถึงแม้ จะต้ องทาแผงจัว่ ขนาดใหญ่ แต่ช่างไม่ได้ ละเลยหรื อมองข้ ามความสาคัญ ขององค์ประกอบส่วนนี ้ เพราะถือว่าเป็ นส่วนสาคัญที่แสดงถึงฐานะของเจ้ าของเรื อนและแสดงออก ถึงฝี มือช่างอย่างแท้ จริง โดยการคงรูปแบบและแบบแผนการปรุงแผงจัว่ แบบดังเดิ ้ ม ด้ วยวิธีการเข้ า ไม้ อย่างประณีตและตกแต่งลวดลายอย่างงดงาม การเข้ าไม้ ของแผงจัว่ นี ้ใช้ เทคนิควิธีการเดียวกัน กับ การเข้ าไม้ ของฝาเรื อ นนอนฝั่ ง ซ้ าย ซึ่ง ไม่มี ก ารตอกตะปูยึ ด ชิ น้ ส่ว นแต่ล ะชิ น้ รายละเอี ย ด ส่วนประกอบการตกแต่ง ได้ แก่ การแต่งช่วงล่างด้ วยลูกฟั ก การจัดองค์ประกอบของลูกตัง้ ลูกนอน และไม้ กรุ แผงจั่วอย่างเหมาะสมลงตัว ซึ่งไม้ กรุแผงจัว่ นี ้มีการเซาะร่ องทาเลียนแบบการตีไม้ ซ้อน เกล็ดเหมือนการแต่งไม้ กรุฝา นอกจากนัน้ ยังมีการแกะสลักไม้ บริ เวณสามเหลี่ยมที่อยู่ใต้ กรอบจัว่ เป็ นรู ปใบตาล ส่วนประกอบทัง้ หมดนีถ้ ูกจัดวางประสานกันเป็ นแผงจัว่ ที่ มีความประณี ตงดงาม (ภาพที่ 15 และ 16) 3. ความเข้ าใจระบบโครงสร้ างและสัจจะของวัสดุ เรื อนหลังนี ้ใช้ ไม้ เนื ้อแข็งเป็ น วัสดุก่อสร้ างหลักเกือบทังหมด ้ ซึ่งรวมทังส่ ้ วนโครงสร้ างและส่วนประกอบต่างๆ ทังนี ้ ้ กลุม่ ช่างได้ ใช้ ความเพียรพยายามในการเดินทางเข้ าไปในป่ าบริเวณใกล้ เคียง เพื่อคัดสรรไม้ ด้วยทักษะและความ ชานาญตามคติความเชื่อที่ถ่ายทอดกันมา จากนันจึ ้ ง แปรรูปไม้ เป็ นส่วนประกอบต่างๆของตัวเรื อน ด้ วยแรงงานคน โดยอาศัยเครื่ องมือช่างและเครื่ องมือเกษตรกรรมที่ใช้ ในชีวิตประจาวัน การแปรรูป ไม้ ให้ ได้ ขนาดและสัดส่วนที่ เหมาะสมสวยงามนี ้ ช่างจะต้ องมีความรู้ ความชานาญ และความ เข้ าใจธรรมชาติของวัสดุ เพื่อเลือกไม้ เหล่านันให้ ้ เหมาะสมกับองค์ประกอบของเรื อนแต่ละส่วน อัน ได้ แก่ โครงสร้ างหลักของเรื อน เช่น เสา พืน้ หรื อส่วนที่ต้องรับนา้ หนัก จะใช้ ไม้ เต็งรัง ส่วนฝา จั่ว หรื อส่วนอื่นที่ไม่ต้องรับน ้าหนักมากจะใช้ ไม้ ประดูห่ รื อไม้ แดง เป็ นต้ น เนื่องจากเรื อนหลังนีส้ ร้ างด้ วยระบบสาเร็ จรูปที่สามารถถอดประกอบได้ ซึ่งเป็ นระบบ การก่อสร้ างอาคารไม้ ที่ได้ รับความนิยมในช่วงเวลานัน้ ดังนัน้ ช่างจะต้ องมีความชานาญและมี ความแม่นยาอย่างสูงในการวัดขนาด การเจาะ การบาก เพื่อปรุงเป็ นเครื่ องเรื อนส่วนต่างๆแล้ วยก ประกอบขึ ้นเป็ นตัวเรื อน โดยยึดองค์อาคารเหล่านันด้ ้ วยวิธีการเข้ าเดือย สอดสลักลิ่ม เพื่อยึดตรึงให้ มัน่ คงแน่นหนาด้ วยฝี มืออันประณีต อันเป็ นทักษะที่สืบทอดต่อกันมา องค์ประกอบของตัวเรื อนมี 3 ส่วน ดังรายละเอียดต่อไปนี ้


8

3.1 ส่ ว นเดี่ ย วล่ า ง คื อ โครงสร้ างส่ว นพื น้ ซึ่ง โครงสร้ างส่วนนี ม้ ี ค วามมั่น คง แข็งแรงได้ ด้วยวิธีการก่อสร้ างด้ วยระบบเสาคาน โดยตังเสาฝั ้ งลงในดิน แล้ วสอดรอด (คาน) เชื่อม เสาสองต้ นด้ านสกัดซ้ ายและขวาเข้ าด้ วยกัน ตลอดแนวทังสี ้ ่แถว ทังนี ้ ้ ช่างจะวางรอดยื่นเลยออกมา จากแนวเสาประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อวางพรึงและเพิ่มความแข็งแรง จากนันจึ ้ งวางขื่อสวมลง บนหัวเทียนบริ เวณปลายเสา เพื่อล็อคเสาช่วงบนให้ มนั่ คง วางพรึงด้ านยาวบนรอดและวางพรึ ง ด้ านสกัดทังสองด้ ้ าน ซึง่ จุดที่พรึงด้ านยาวและด้ านสกัดมาบรรจบกันจะบากไม้ เข้ าเดือยรับกันพอดี พรึงทาหน้ าที่ยดึ ช่วงล่างส่วนพื ้นเรื อนให้ แน่น และยังช่วยรับแผงฝาทุกด้ าน เมื่อวางพรึงครบทุกด้ าน แล้ วจึงวางไม้ ตงตามแนวยาวของเรื อนเป็ นระยะ แล้ วจึงวางแผ่นกระดานพื ้นตามแนวขวางทับลงไป การวางไม้ ตงและแผ่นกระดานพืน้ นี ้จะไม่มีการตอกยึดด้ วยตะปู เนื่องจากสามารถตังอยู ้ ่ได้ ด้วย น ้าหนักของตัวมันเอง (ภาพที่ 17 และ 18) 3.2 ส่ วนเดี่ยวบน คือองค์ประกอบส่วนฝาเรื อน ดังที่กล่าวมาแล้ วว่าฝาเรื อน หลังนี ้เป็ นฝาสาเร็ จรู ปที่ ประกอบไม้ แต่ละชิ ้นเข้ าเป็ นแผงฝา และติดตังประตู ้ หน้ าต่างไปพร้ อมกัน ซึ่งฝาแต่ละแผงจะวางบนพรึงและยึดช่วงบนด้ วยเต้ าที่สอดทะลุรูเสาช่วงบนออกไปยึดแผงฝาและ ไม้ เชิงกลอน (เชิงชาย) โดยรอบ เนื่องจากฝาแต่ละแผงมีขนาดใหญ่และมีน ้าหนักมาก ช่างจึงตอก ตะปู 6 นิ ้ว ยึดมุมทังสี ้ ่ด้านของทุกแผงฝาให้ มนั่ คง (ภาพที่ 19) 3.3 ส่ วนเครื่ องบน คื อ องค์ป ระกอบส่วนโครงหลังคา เป็ น ส่วนโครงสร้ างที่ ซับซ้ อนที่ต้องอาศัยทักษะฝี มืออันประณีตในการก่อสร้ าง เพื่อให้ สามารถคุ้มแดดคุ้มฝน และทนต่อ ความแปรปรวนของสภาพอากาศภายนอกได้ ซึง่ มีองค์ประกอบต่างๆ ได้ แก่ - ส่วนโครงจัว่ ประกอบด้ วย ขื่อ แปหัวเสา ดัง้ จันทัน อกไก่ (ภาพที่ 20) - ส่วนหน้ าจัว่ ปัน้ ลม (ภาพที่ 21) - ส่ วนวัส ดุมุง หลัง คา ซึ่ ง แต่เดิม มุง ด้ วยหญ้ าแต่เจ้ า ของเรื อ นเปลี่ ย นเป็ น สังกะสีในภายหลัง ประกอบด้ วย แปลาน ไม้ กลอน - ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น เต้ า เชิงชาย ตะพานหนู รางนา้ รวมถึงขื่อคัดและ ตุ๊กตา ซึง่ เป็ นโครงหลังคาส่วนโถงกลาง (ภาพที่ 22) โครงสร้ างเครื่ องบนทังหมดนี ้ ้ถูกประสานกันด้ วยวิธีการบาก เจาะ เข้ าเดือย สอดสลัก หรื อลิ่ม เกือบทังหมด ้ มี เพียงบางส่วนเท่านันที ้ ่ตอกตะปู 6 นิ ้ว เพื่อช่วยการยึดเกาะและเพิ่มความ แข็งแรง เช่น ปัน้ ลม เป็ นต้ น


9

ทังนี ้ ้ การก่อสร้ างดังกล่าว ต้ องอาศัยช่างที่มีความเข้ าใจในธรรมชาติของวัสดุ กฎการ รับแรงและการถ่ายน ้าหนัก มีทกั ษะในการคัดสรรไม้ มีความแม่นยาในการกาหนดขนาดสัดส่ วน รวมถึงจะต้ องมีฝีมือที่ประณี ตในการเข้ าไม้ นอกจากนัน้ ยังต้ องพึ่งกาลังคนจานวนมากเพื่ อใช้ แรงงานในการหาไม้ การแปรรูป และการประกอบเรื อน ด้ วยวิธีการช่วยเหลือเกือ้ กูลกันตามระบบ สังคมเกษตรกรรมในอดีต โดยสรุปแล้ ว การวางตาแหน่งทิศทางเรื อนให้ สอดคล้ องกับบริ บทสภาพแวดล้ อมท้ องถิ่น การวางผังเรื อนแฝดที่ มี โถงกลางคั่น แยกเรื อนครัวออกจากเรื อนหลักอย่างชัดเจน การกาหนด ตาแหน่งประตูหน้ าต่าง การกันฝา ้ และแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยด้ วยระดับความสูงของพื ้น ซึ่งสัมพันธ์ กับ ลาดับการเข้ าถึงและความต้ องการความเป็ นส่วนตัว สะท้ อนให้ เห็นถึงภูมิความรู้ ของช่างที่มีความ เข้ าใจความสัมพันธ์ ระหว่างวิถีชี วิตเกษตรกรรมกับธรรมชาติที่แยกออกจากกันไม่ได้ อนึ่ง สิ่งที่ แสดงถึงความโดดเด่นเป็ นเอกลักษณ์ ชัดเจน คือ การบูรณาการรู ปแบบเรื อนแฝดขึน้ ใหม่ โดย ปรับเปลี่ยนโครงสร้ างทังระบบ ้ และสอดประสานชิ ้นส่วนต่างๆเข้ าด้ วยกันเป็ นองค์อาคารได้ อย่าง แข็งแรงมัน่ คง ซึ่งทาให้ เรื อนพ่อคงหลังนี ้ สามารถคงอยู่มาได้ นานนับ 111 ปี สิ่งเหล่านี ้ สะท้ อนให้ เห็นถึงความอัจฉริ ยภาพและปั ญญาสร้ างสรรค์ของช่างท้ องถิ่นโคราช ที่มีความคิดริ เริ่ ม มีความ เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบโครงสร้ าง และมีความกล้ าที่จะออกนอกกรอบจารี ตแบบแผนดังเดิ ้ ม เพื่อ แก้ ปัญหาและสนองประโยชน์ใช้ สอยอย่างลงตัว ซึ่ง ยังไม่เคยมีช่างคนใดในสมัยนันกล้ ้ าทา เพราะ เกรงว่าจะเป็ นการทา “นอกครู ” แต่เรื อนหลังนีไ้ ด้ ทาให้ ลูกหลานในปั จจุบนั ได้ เรี ยนรู้ และเข้ าใจถึง แนวความคิดนัน้ และยอมรับว่าเป็ น “เรื อนครู ” ที่ จะเป็ นข้ อมูลสาคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็ น แหล่งเรี ยนรู้ทางด้ านภูมิปัญญาท้ องถิ่นของชาวโคราช ให้ ประจักษ์แก่ชาวไทยสืบต่อไป


10

ภาพที่ 1 ลักษณะเรื อนโคราชทัว่ ไป ซึง่ ประกอบไปด้ วยเรื อนนอน ระเบียง นอกชาน และครัว

ภาพที่ 2 เรื อนพ่อคงมีลกั ษณะเป็ นเรื อนแฝดที่มีเรื อนนอนสองหลังวางขนานกันคัน่ กลางด้ วยโถงกว้ าง


11

ภาพที่ 3 ลักษณะภายในเรื อนพ่อคงซึง่ มองจากชานด้ านหน้ า จะเห็นโถงกลางขนาดกว้ างมีรางน ้าด้ านบน ฝั่งซ้ ายและขวาเป็ นเรื อนนอนขนาดสองช่วงเสา ส่วนช่วงเสาแรกเป็ นโถงพักผ่อน ถัดไปด้ านหลังเป็ นครัว

ภาพที่ 4 ลักษณะเรื อนแฝดทัว่ ไป ซึง่ เรื อนจัว่ แรกเป็ นเรื อนนอน ส่วนจัว่ ที่สองเป็ นโถง


12

ภาพที่ 5 ลักษณะเรื อนสามจัว่ ทัว่ ไป ซึ่งเรื อนจัว่ แรกเป็ นเรื อนนอน เรื อนจัว่ ที่สองเป็ นโถงกลาง และเรื อนจัว่ ที่สาม เป็ นเรื อนนอน

ภาพที่ 6 ลักษณะการบูรณการรู ปแบบเรื อนแฝดขึ ้นใหม่ โดยการเปลีย่ นแปลงโครงสร้ างทังระบบ ้ ได้ แก่ การเลือ่ น ตาแหน่งเสาดัง้ การยื่นขื่อออกมาจากแนวเสาแล้ ววางทับบนตุ๊กตาซึง่ นัง่ อยูบ่ นขื่อคัด เพื่อรับหน้ าจัว่ ขนาดใหญ่


13

ภาพที่ 7 ลักษณะการปรุ งฝาเรื อนที่สะท้ อนถึงสมัยนิยม ฝาฝั่ งซ้ ายจากภาพเป็ นฝาไม้ กระดานตีแนวนอนมีเกล็ด ช่องลม ส่วนฝาฝั่งขวาจากภาพเป็ นฝาเข้ าลิ ้นไม้ ซ้อนเกล็ดแนวนอน

ภาพที่ 8 ฝาเข้ าลิ ้นไม้ ซ้อนเกล็ดแนวนอนเป็ นฝารู ปแบบแบบดังเดิ ้ มที่นาไม้ มาปรุ งเป็ นแผงฝาด้ วยวิธีการเข้ าไม้ ประกอบไปด้ วยลูกฟั ก ลูกตัง้ ลูกนอน ไม้ กรุฝา และกรอบฝา


14

ภาพที่ 9 ไม้ กรุฝาสอดเข้ าร่องลูกตัง้

ภาพที่ 10 การเข้ าเดือยแบบปากกบบริ เวณมุมกรอบฝา

ภาพที่ 11 การเข้ าไม้ ของหน้ าต่างโดยวิธีสอดสลักเข้ าเดือย

ภาพที่ 12 ฝาไม้ ก ระดานตี แนวนอนมีเกล็ดช่ องลม สัน นิษ ฐานว่าสร้ างขึน้ มาภายหลัง ซึ่งมี การตอกยึด แผ่น กระดานกับเคร่าตังด้ ้ วยตะปู แต่องค์ประกอบส่วนอื่นยังมีการเข้ าไม้ รูปแบบเดิม


15

ภาพที่ 13 เกล็ดช่องลม

ภาพที่ 14 การเข้ า ไม้ บ ริ เวณรอยต่ อ ระหว่า ง กรอบฝา เคร่าตังและเคร่ ้ านอน

ภาพที่ 15 การเข้ าไม้ บริ เวณแผงจัว่

ภาพที่ 16 การตกแต่งแผงจัว่ ด้ วยลูกฟั ก เกล็ด ใบตาล ลูกตังและลู ้ กนอน


16

ภาพที่ 17 โครงสร้ างส่วนเดี่ยวล่างประกอบไปด้ วย เสา รอด พรึง ตง และไม้ กระดานพื ้น

ภาพที่ 18 การเข้ าไม้ บริ เวณที่พรึงด้ านยาวและด้ านสกัดมาบรรจบกัน


17

ภาพที่ 19 การนาไม้ มาปรุงเป็ นแผงฝาแล้ วยกประกอบกับตัวเรื อนโดยวางบนพรึง แล้ วยึดด้ วยเต้ า

ภาพที่ 20 โครงหลังคาของเรื อนนอน ประกอบไปด้ วย ขื่อ ดัง้ อกไก่ แปหัวเสา แปลาน กลอน และหน้ าจัว่


18

ภาพที่ 21 โครงหลังคาส่วนหน้ าจัว่ เชิงชาย และปั น้ ลม

ภาพที่ 22 โครงหลังคาบริ เวณโถงกลาง ประกอบไปด้ วยขื่อคัด ตุ๊กตา เต้ า และไม้ เชิงชาย


รายการเบื้องตนมรดกภูมิปญญาทางวัฒนธรรม เรือนโคราช


๑ แบบจัดทำรำยกำรเบื้องต้นมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

แบบ มภ. ๒

ส่วนที่ ๑ ลักษณะของมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม ๑. ชื่อรำยกำร เรือนโครำช ชื่อเรียกในท้องถิ่น เรือนโครำช ๒. ลักษณะของมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม (เลือกได้มากกว่า ๑ ช่อง)  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา  ศิลปะการแสดง  แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม ประเพณี และงานเทศกาล ๒ความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล ๑งานช่างฝีมือดั้งเดิม  การเล่นพื้นบ้าน กีฬาพื้นบ้านและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ๓. พื้นที่ปฏิบัติ คณะทางานได้ศึกษาโดยวิธีการรวบรวมเอกสาร แบบทางสถาปัตยกรรม รวมถึงภาพถ่ายเรือนโคราช จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เอกสารทางวิชาการ ประกอบกับการลงพื้นที่สารวจเรือนโคราชตัวจริง ในพื้นที่ ๓๒ อาเภอ เพิ่มเติม จากการสอบถามเบื้ องต้ น พบว่ า ยั งมี เรือ นโคราชปรากฏอยู่ รวมเรือนกรณีศึ กษาทั้ งหมด ๔๗ หลั ง มีอายุเรือนระหว่าง ๖๐-๑๖๐ ปี ในพื้นที่ ๑๐ อาเภอ ได้แก่ อาเภอเมืองนครราชสีมา อาเภอปักธงชัย อาเภอ ขามทะเลสอ อาเภอโชคชัย อาเภอเฉลิมพระเกียรติ อาเภอสูงเนิน อาเภอด่านขุนทด อาเภอโนนสูง อาเภอโนนไทย และอาเภอคง ๔. สำระสำคัญของมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรมโดยสังเขป “เรือนโคราช” เป็นเรือนพักอาศัยพื้นถิ่นที่ปลูกสร้างตามแบบประเพณีนิยมของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ ใน พื้น ที่จั งหวัดนครราชสี มา ที่ เกิดจากภูมิปัญญาของช่างท้องถิ่นที่มีการถ่ายทอดด้วยกระบวนการทางสังคมและ วัฒนธรรม โดยอาศัยแรงงานความร่วมมือกันของคนในครอบครัวและชุมชนตามวิถีสังคมเกษตรกรรม ลักษณะ โดยทั่วไปมีความคล้ายคลึงกับเรือนไทยภาคกลาง ทั้งนี้ วิโรฒ ศรีสุโร กล่าวไว้ว่า “…เรือนพักอาศัยพื้นบ้านของ ชาวจังหวัดนครราชสีมา ได้รับอิทธิพลจากเรือนไทยภาคกลางตั้งแต่สมัยอยุธยามาเป็นส่วนใหญ่กาลเวลาเนิ่นนานเข้า ฝีมือช่างได้เปลี่ยนแปลงไปตามความคิดความอ่านของช่างท้องถิ่นจนเกิดการคลี่คลาย ในรูปแบบและรายละเอียด บางส่วน จนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นขึ้น เรียกว่า เรือนโคราช… ” ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีลักษณะ ทางสถาปัตยกรรมของเรือนโคราชที่โดดเด่นดังนี้ ๔.๑ ลักษณะทำงสถำปัตยกรรม เรือนโคราชเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง (ประมาณ ๒.๑๐ เมตร) ใต้ถุน โล่ง หลังคาจั่วทรงสูง (ประมาณ ๔๐ องศา) ซึ่งโดยทั่วไปนิยมเล่นระดับพื้นเรือนตามการใช้งานของพื้นที่เป็น ๓ ระดับ ระดับบนสุดเป็นเรือนนอน ลดหลั่นมาระดับที่ ๒ คือระเบียง ระดับต่าสุดคือนอกชาน สาหรับพาดบันไดและเชื่อม ต่อไปยังครัว


๒ ๔.๒ ทิศทำงกำรวำงเรือน โดยทั่วไปวางเรือนตามตะวัน คือ หันด้านสกัดของเรือนนอน (ซึ่งเป็นเรือนหลัก) ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ด้วยความเชื่อว่า “การยกเรือน” หรือ “การปลูกเรือน” ต้องวางจั่วล่องตะวันหันหน้า เรือนไปทางทิศปะตีน (ปลายตีน) หรือทิศเหนือจะทาให้อยู่เย็นเป็นสุข ดังนั้น เรือนนอนส่วนใหญ่จึงอยู่ทางทิศใต้ ซึ่งทุกคนจะถูกบังคับให้นอนหันหัวไปทางทิศใต้ ด้วยข้อจากัดของพื้นที่ คนโคราชจึงเรียกทิศใต้ว่าทิศหัวนอน ทั้งนี้ การวางเรือนตามตะวันในลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของชาวไทยโคราชที่ปลูกสร้างเรือนพักอาศัยให้ สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ ๔.๓ รูปแบบ สามารถจาแนกรูปแบบเรือนโคราชตามลักษณะและขนาดของเรือนได้ ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ เรือนสองห้อง และเรือนสามห้อง ดังนี้ ๔.๓.๑ เรือนสองห้อง เป็นเรือนพักอาศัยรูปแบบดั้งเดิม พื้นที่ใช้สอยของเรือนประกอบด้วยเรือนนอน ขนาด ๒ ช่วงเสา ซึ่งมีฝาปิดรอบทั้งสี่ด้าน คลุมด้วยหลังคาจั่วทรงสูง บริเวณพื้นที่ที่ต่อจากด้านสกัดของเรือนนอน ออกไปอีก ๑ ช่วงเสา เรียกว่า “พะ” มีฝาปิดเพียงด้านเดียวต่อเนื่องกับผนังด้านยาวของเรือนนอน พื้นที่ที่เชื่อมต่อ กับประตูทางเข้าเรือนนอนยาวตลอด ๓ ช่วงเสา ไม่มีฝากั้นเรียกว่า “ระเบียง” ส่วนพะและระเบียงนี้เป็นพื้นที่ ต่อเนื่องที่มีระดับเดียวกัน ซึ่งต่ากว่าระดับของพื้นเรือนนอน จึงเกิดช่องว่าง เรียกว่า “ช่องแมว” หลังคาที่คลุมส่วน พะและระเบี ยงเป็น หลังคาลาดที่ต่อเนื่องกัน ซึ่ งแยกโครงสร้างออกจากโครงสร้างหลังคาส่ วนเรือนนอน ดังนั้น หลังคาส่วนนี้จึงมีตะเข้สัน (ร้านตะเข้) ถัดจากระเบียงจะเป็นส่วนนอกชาน ซึ่งเชื่อมต่อกับบันไดทางขึ้นเรือน

ภาพที่ ๑ เรือนสองห้องซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมที่เคยปรากฏการใช้งานในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา ที่มา: สุวัฒน์ และคณะ, ๒๔๔๒; ๔๓-๔๔ ๔.๓.๒ เรือนสำมห้อง เป็นเรือนพักอาศัยที่มีขนาดเรือนนอนยาว ๓ ช่วงเสา เรือนสามห้องมีหลายรูปแบบ ซึ่งมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนในแต่ละยุคสมัยตามการเปลี่ยนแปลงของวัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้าง รูปแบบที่พบ การใช้งาน ได้แก่


๓ ๔.๓.๒.๑ เรือนระเบียง เป็นรูปแบบพื้นฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด พื้นที่ใช้สอยของเรือน ประกอบด้วยเรือนนอนขนาด ๓ ช่วงเสา ซึ่งมีฝาปิดรอบทั้งสี่ด้าน คลุมด้วยหลังคาจั่วทรงสูงมีชายคาปีกนกด้านสกัด หัวท้าย ถัดจากส่วนเรือนนอนออกมาเป็นระเบียงที่มีหลังคาคลุม ซึ่งโครงหลังคาส่วนนี้จะแยกออกจากโครงหลังคา ของเรือนนอน นอกจากนั้นยังมีนอกชานซึ่งเป็นพื้นทีเ่ ปิดโล่งไม่มีหลังคาคลุมและครัวซึ่งแยกออกจากเรือนหลัก

ภาพที่ ๒ เรือนระเบียงซึ่งเป็นรูปแบบพื้นฐานที่นิยมใช้มากที่สุดในอดีต ๔.๓.๒.๒ เรือนสองจั่ว เป็นเรือนที่มีหลังคาสองจั่วต่อเนื่องกัน นิยมปลูกสร้างในกลุ่มครอบครัวที่มี จานวนสมาชิกมาก ทั้งนี้ เรือนจั่วแรกเป็นเรือนนอนที่มีฝาปิดกั้นทั้งสี่ด้าน ส่วนเรือนจั่วที่สองเป็นโถงโล่ง ซึ่งตีฝาปิด รอบเพียงสามด้าน ยกเว้นส่วนที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับเรือนนอนจะไม่กั้นฝา ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นและหลังคาของเรือน จั่วที่สองจะฝากกับโครงสร้างของเรือนนอน บริเวณรอยต่อที่หลังคาจั่วทั้งสองมาชนกันมักจะติดตั้งรางน้าฝนตลอด แนว การแบ่งระดับพื้นภายในมี ๓ ลักษณะ ได้แก่ ๑) แบบที่มีระดับพื้นเรือนนอนและพื้นของเรือนจั่วที่สองเท่ากัน ตลอด ๒) แบบที่มีการแบ่งระดับพื้น ๒ ระดับ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมมากที่สุด และ ๓) แบบที่มีการแบ่งระดับพื้น ๓ ระดับ ซึง่ การแบ่งพื้นเป็นหลายระดับนี้ ทาให้มีชื่อเรียกพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิม คือ พักต่าและพักบน

ภาพที่ ๓ เรือนสองจั่วและการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายใน


๔ ๔.๓.๒.๓ เรือนสำมจั่ว เป็นเรือนที่มีหลังคาสามจั่วต่อเนื่องกัน นิยมปลูกสร้างในกลุ่มครอบครัว ขนาดใหญ่ เรือนสามจั่วที่พบส่วนมากจะมีขนาดจั่วไล่เลี่ยกัน และมีการแบ่งพื้นที่ใช้ส อยภายใน ๓ ระดับ คือ เรือนนอน พักต่า และพักบน (ซึ่งมีระดับเท่ากับเรือนนอน) โดยทั่วไป เรือนนอนจะมีฝากั้นรอบทั้งสี่ด้าน ส่วนพื้นที่ พักต่ากับพักบนจะเป็นโถงโล่งเชื่อมต่อกัน มีฝาปิดล้อมเฉพาะด้านนอกทั้งสามด้าน ยกเว้นฝั่งที่ติดกับเรือนนอน

ภาพที่ ๔ เรือนสามจั่ว นอกจากนั้น ชาวไทยโคราชมักจะเรียกชื่อเรือนแตกต่างกันออกไป อาทิเช่น “เรือนมาด” หมายถึง เรือนที่ เจ้าของสร้างขึ้นเป็นเรือนหอในการแต่งงานออกเรือน ส่วน “เรือนหอ” หมายถึง เรือนที่สร้างไว้รับแขกหรือเป็นส่วน ที่ให้แขกพัก ๔.๔ พื้นที่ใช้สอย โดยทั่วไปพื้นที่ใช้สอยหลักบริเวณชั้นบนของเรือนโคราชประกอบไปด้วย ๔.๔.๑ เรือนนอน หรือเรียกว่า “ในเรือน” เป็นพื้นที่ส่วนตัวสาหรับพักผ่อนหลับนอนของเจ้าของเรือน และลูกสาว อีกทั้งยังเป็นพื้นทีเ่ ก็บทรัพย์สมบัติที่มีค่า ๔.๔.๒ ระเบี ยง มีลั กษณะเป็นพื้นที่เปิดโล่งมีห ลั งคาคลุ ม ส่ว นใหญ่ใช้ เป็นพื้นที่ นั่งเล่ น พักผ่ อน รับประทานอาหาร และรับรองแขกในช่วงกลางวัน หรือเป็นที่นอนของลูกชาย ญาติหรือแขกที่มาพักค้างคืนในช่วง กลางคืน ๔.๔.๓ นอกชาน เป็นพื้นที่เปิดโล่งไม่มีหลังคาคลุม ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นทางสัญจรหลักที่เชื่อมต่อไปยัง ครัวแล้วยังเป็นพื้นที่สาหรับตากอาหารหรือวางภาชนะสาหรับเก็บน้าอีกด้วย ๔.๔.๔ ครัว เป็นพื้นที่ประกอบอาหาร หรือรับประทานอาหาร โดยทั่วไปมักจะสร้างแยกออกมา ต่างหากซึ่งส่วนใหญ่อยู่ด้านสกัดของเรือนหลัก เพื่อป้องกันการลามไฟและเขม่าควันขณะปรุงอาหาร เนื่องจากใน อดีตนิยมใช้ “แม่คีไฟ”เป็นอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร


ภาพที่ ๕ พื้นที่ใช้สอยภายในเรือนนอน ระเบียง และนอกชาน

ภาพที่ ๖ พื้นที่ใช้สอยส่วนครัว และใต้ถุน พื้นที่ใช้สอยหลักที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นพื้นที่ใช้สอยของเรือนระเบียงที่นิยมปลูกสร้างกันทั่วไป กรณีที่ เป็นเรือนรูปแบบอื่น ได้แก่ เรือนสองจั่วและเรือนสามจั่ว จะมีพื้น ที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นโถงโล่งที่มีการปิด ล้อมภายใน และมีการเล่นระดับพื้นเพื่อแยกพื้นที่ใช้สอยจึงเกิดเป็นพักต่าและพักบน นอกจากนั้น พื้นที่โถงโล่งนี้ ยังใช้สาหรับการจัดกิจกรรมในพิธีกรรมทางศาสนาและพิธีกรรมในงานประเพณีตามวิถีชีวิต เช่น การทาบุญเลี้ยงพระ การทาพิธีเรียกขวัญนาค พิธีมงคลสมรส ตลอดจนพิธีร ดน้าศพและสวดพระอภิธรรม เป็นต้น ซึ่ง คนโคราชนิยมจัด ที่เรือนของตน ส่วนบริเวณใต้ถุนเรือนจะใช้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ โดยแบ่งเป็นส่วนพื้นที่จอดเกวียน คอกวัว ควาย ทางานหัตถกรรม เก็บสิ่งของและอุปกรณ์ทาการเกษตร ๔.๕. โครงสร้ำง โครงสร้างของเรือนโคราชเป็นระบบสาเร็จรูป โดยประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้วยวิธีการเจาะ บาก เข้าเดือย และยึดด้วยสลักไม้ ลักษณะคล้ายคลึงกับระบบการสร้างเรือนไทยภาคกลาง แต่มี รายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป แสดงถึง ผลงานของช่างฝีมือที่สร้างสรรค์ออกมาด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ทั้งนี้ วัสดุโครงสร้างของเรือนเป็นไม้จริงทั้งหมด ซึ่งหาได้ง่ายจากป่าเบญจพรรณบริเวณใกล้เคียง โดยทั่วไปนิยมใช้ ไม้เต็งรังทาเสาเรือน เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทานเหมาะแก่การรับน้าหนัก โดยนามาถากให้เป็นเสากลมขนาด


๖ เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐ นิ้ว – ๑๓ นิ้ว ส่วนโครงสร้างพื้น เช่น รอด ตง และพรึงนิยมใช้ไม้เต็ง พื้นกระดานเป็นไม้จริง ซึ่งแต่ละแผ่นไม่ยึดติดกันแน่น โครงหลังคานิยมใช้ไม้พลวงเพราะมีเนื้อแน่นสามารถเจาะและเข้าไม้ประกอบโครง ได้ง่าย ที่น่าสนใจของระบบโครงสร้างเรือนโคราช มีดังนี้ ๔.๕.๑ ระบบโครงสร้ำงพื้น โครงสร้างพื้นเรือนนอนเป็นระบบเสาคาน โดยสอดรอด (คาน) ให้ทะลุ ช่องเสาโผล่ปลายทั้งสองด้านออกมาประมาณ ๓๐ เซนติเมตร แล้วจึงวางตงบนรอดในแนวขวางขนานตามแนวยาว ของเรือน เพื่อรองรับแผ่นพื้น โดยไม่มีการตอกตะปูหรือมีวัสดุยึดใดๆ ทั้งนี้ จานวนตงที่ใช้จะขึ้นอยู่กับขนาดและ ความหนาของไม้ กระดานพื้น ส่วนใหญ่เรือนนอนที่มีด้านสกัดกว้างเพียงช่วงเสาเดียวมักจะมีการวางตงจานวน ๓ – ๖ ตัว ๔.๕.๒ ระบบโครงหลังคำ โครงหลังคาเรือนนอนเป็นระบบการเข้าไม้แบบดั้งเดิม โดยปรุง โครงสร้าง แต่ละชิ้นให้มีขนาดที่สอดรับกันพอดีแล้วจึงยกประกอบติดตั้งพร้อมกัน ทั้งนี้ ส่วนปลายหัวเสาทุกต้นมักจะทาเดือย สูง ๑ คืบ เรียกว่า “ตีนเทียน” สาหรับสวมขื่อทางนอนลงบนตีนเทียนเพื่อยึด เสาทั้งสองข้าง บริเวณกลางขื่อตัวที่อยู่ ช่วงกลางห้องจะวางดั้งขึ้นไปรับอกไก่โดยบากปลายเป็นร่องให้เข้ากับอกไก่พอดี ส่วนขื่อตัวหัวท้ายจะเจาะช่องทะลุ เพื่อให้ปลายดั้งสอดขึ้นไป (ความสูงเท่าความสูงของจั่ว) ซึ่งช่วงล่างถัดจากใบดั้งเป็นเสากลมซึ่งบากกลางบริเวณหน้า ตัดเสาช่วงล่างสาหรับนั่งบนรอด ส่วนประกอบนี้เรียกว่า “เสาดั้ง ” ส่วนไม้อะเส (แปหัวเสา) จะบากล็อคลงบน ร่องบากของขื่อทุกตัว นอกจากนั้นยัง บากปลายจันทันส่วนล่างเพื่อวางลงบนไม้อะเส บากปลายจันทันส่วนบนเพื่อ วางแนบดั้ง และบากด้านข้างของจันทันเป็นร่องสาหรับวางแปทางนอน ส่วนเต้าจะสอดทะลุเสาออกไปรับเชิงชาย ทั้งนี้ในอดีตคนโคราชนิยมมุงหลังคาด้วยหญ้าโดยยึดแผงหญ้าที่ซ้อนทับกันเป็นตับไว้กับไม้กลอนซึ่งส่วนใหญ่ นิยมใช้ ไม้ไผ่รวกหรือไม้หมาก ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นสังกะสีในภายหลัง

ภาพที่ ๗ โครงสร้างพื้นและโครงหลังคา ๔.๖. ฝำเรือน ฝาเรือนนอนของเรือนโคราชแบบดั้งเดิมเป็นฝาสาเร็จรูป ซึ่งขนาดของฝาหนึ่งแผงจะเท่ากับ หนึ่งช่วงเสาพอดีหรือมีขนาดความกว้างและความสูงตามระยะช่วงห่างของเสา ทั้งนี้ฝาแต่ละแผงจะถูกประกอบ ติดตั้งบนพรึง โดยเจาะช่องประตูหน้าต่างไปพร้อมกับการประกอบแผงฝา จากนั้นจึงนาฝาแต่ละแผงขึ้นยกประกอบ เข้ากับโครงสร้างของเรือนแต่ละด้าน โดยวางบนพรึงแล้วล็อกส่วนบนของแผงฝาด้วยเต้าที่เสียบทะลุเสาจากด้านใน ออกมา ทั้งนี้ วัสดุและรูปแบบมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่และยุคสมัย ขึ้นอยู่กับแหล่ง ทรัพยากรธรรมชาติ เทคนิควิธีการก่อสร้างของช่าง รวมถึงวิวัฒนาการของวัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้าง สามารถ จาแนกประเภทฝาเรือนได้ดังนี้


๗ ๔.๖.๑ ฝำปรือกรุเซงดำ (ไม้ไผ่ผ่าเสี้ยวทาน้ามันยางรมควันจนดา) เป็นรูปแบบฝาที่แสดงถึงอัตลักษณ์ ของเรือนโคราชได้อย่างชัดเจน ซึ่งนิยมก่อสร้างกันมากในช่วงแรก (ก่อนที่เทคโนโลยีการแปรรูปไม้จะได้รับความนิยม กั น อย่ า งแพร่ ห ลายในเวลาต่ อ มา) ลั ก ษณะที่ โ ดดเด่ น ของฝาชนิ ด นี้ คื อ การน าต้ น ปรื อ สอดใส่ เ บี ย ดกั น แน่ น แล้วประกบด้วยไม้ไผ่ผ่าเสี้ยวรมไฟและน้ามันยางจนดาเพื่อกันมอดและแมลงทั้งด้านนอกและด้านใน (ชาวบ้านเรียก เซงดา) ปลายไม้ไผ่สอดเข้าไปในเคร่าตั้งไม้จริงขนาด ๑๑/๒ นิ้ว x ๓ นิ้ว วางห่างกันประมาณ ๔๐ เซนติเมตร โดย เซาะร่องให้โค้งรับกับรูปร่างของไม้ไผ่ทั้งสองท่อนซึ่งหนีบเอาต้นปรือไว้อย่างแน่นหนา (วิโรฒ, ๒๕๓๐; ๑๔๑) องค์ประกอบทั้งหมดนี้ถูกจัดวางอยู่ภายในกรอบไม้ทั้งสี่ด้าน ทั้งนี้ ฝาปรือเป็นแนวคิดของแผงฝาสาเร็จรูปที่มีรูปแบบ คล้ายคลึงกับฝาสาหรวดของเรือนไทยภาคกลาง แต่มีลักษณะเฉพาะ คือ การออกแบบช่องหน้าต่างและประตูที่มี ความสัมพันธ์กับความกว้างของช่องลูกตั้ งและช่องเซง รวมถึงการนาปรือซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่นมาทาเป็น วัสดุกรุฝานับเป็นภูมิปัญญาของชาวไทยโคราชอย่างแท้จริง

ภาพที่ ๘ ลักษณะของฝาปรือกรุเซงดา ๔.๖.๒ ฝำเข้ำลิ้นไม้ซ้อนเกล็ดแนวนอน เป็นรูปแบบฝาที่มีลักษณะการเข้าไม้ตามรูปแบบดั้งเดิม โดย ไม่มีการยึดหรือตอกด้วยตะปู แต่จะนาไม้กรุฝา (มีลักษณะเป็นแผ่นไม้บางที่มีการเซาะร่องตามแนวนอน) มาสอดเข้า กับ เคร่าตั้ง (ซึ่งมีการเซาะร่องด้านข้าง) ด้วยวิธีการเข้ารางลิ้น โดยประกอบเป็นแผงฝาทาลวดลายเลียนแบบฝาปรือ กรุเซงดาและตกแต่งช่วงล่างด้วยล่องตีนช้าง ซึ่งบริเวณกรอบฝามีการเข้าไม้แบบดั้งเดิม

ภาพที่ ๙ ลักษณะของฝาเข้าลิ้นไม้ซ้อนเกล็ดแนวนอน


๘ ๔.๖.๓ ฝำกระดำนตีนอนซ้อนเกล็ด เป็นรูปแบบฝาไม้กระดานที่นิยมก่อสร้างมากที่สุด มีลักษณะ การวางแผ่นไม้กระดานตามแนวนอนในกรอบไม้ แล้วตีไม้ทับเกล็ดแนวตั้งเป็นช่วงๆ แนวตรงกันทั้งด้านนอกและ ด้านในมีจังหวะการแบ่งช่องคล้ายกับฝาปรือกรุเซงดา บางแผงอาจจะมีการตกแต่งช่วงล่างด้วยล่องตีนช้าง ทั้งนี้ แผ่นกระดานไม้กับเคร่าตั้งนั้นยึดกันด้วยตะปูขนาดเล็ก แต่บริเวณกรอบฝาทั้งสี่ด้านยังคงการเข้าไม้แบบดั้งเดิม

ภาพที่ ๑๐ ลักษณะของฝากระดานตีนอนซ้อนเกล็ด ๔.๖.๔ ฝำกระดำนตีแนวนอน เป็นรูปแบบฝาไม้กระดานที่นิยมก่อสร้างในช่วงหลัง โดยนาไม้กระดาน ตีซ้อนทับกันขึ้นไปตามแนวนอน โดยตอกตะปูยึดฝากระดานแต่ละแผ่นกับเคร่าตั้ง มีทั้งรูปแบบที่ประกอบเป็นแผงฝา แบบดั้งเดิม และรูปแบบที่ติดตั้งแผ่นไม้กระดานบนโครงเคร่าแนวตั้งยาวตลอดความยาวฝาแต่ละด้าน ซึ่งรูปแบบนี้ จะไม่ประกอบเป็นแผงฝาแบบเดิม

ภาพที่ ๑๑ ฝากระดานตีแนวนอนรูปแบบที่ประกอบเป็นแผงฝาแบบดั้งเดิม และรูปแบบที่ติดตั้งแผ่นไม้กระดาน บนโครงเคร่าแนวตั้งยาวตลอดความยาวฝา


๙ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝาชนิดใด การออกแบบหน้าต่างประตูจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ ฝาด้านยาวภายนอก ๑ แผงจะมีหน้าต่าง ๑ ช่องเปิดแบบบานเดี่ยวหรือบานคู่ ด้านสกัดไม่นิยมเจาะหน้าต่าง ฝาด้านยาวภายในทึบ แผงกลางเจาะประตู ๑ ช่องเปิดแบบบานคู่ หน้าต่างและประตูเปิดเข้าในเรือน ซึ่งรูปแบบของฝาเรือนโคราช มีความสัมพันธ์กับทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นนับเป็นการพัฒนารูปแบบอย่างกลมกลืน ๔.๗ ประตู ประตูทางเข้าเรือนนอนจะอยู่บริเวณฝาฝั่งที่เชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งส่วนใหญ่ มีเพียงตาแหน่ง เดียวบริเวณแผงฝาตรงกลางเรือน กรณีที่เป็นเรือนเก่าที่ใช้ระบบฝาสาเร็จรูป มักจะสร้างประตูบานเปิดคู่ที่มีขนาด เล็ กและมีความสูงไม่มากนัก โดยมีทิศทางการเปิดเข้าภายในเรือน ลั กษณะเด่นของประตู รูปแบบนี้ คือ มีการ แกะสลักวงกบ มีอกเลาที่บานประตูและใช้เดือยเป็นจุดหมุนบนล่างแทนบานพับ บางเรือนมีการแกะสลักดอกจันทน์ ซึ่งเป็นตัวยึดไม้ขวางภายในเรือนทั้งบนและล่าง หากเป็นเรือนที่สร้างในระยะหลังที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้าน เทคโนโลยีมากขึ้น ประกอบกับมีวัสดุก่ อสร้างสมัยใหม่ที่ทาด้วยโลหะ เช่น ตะปู บานพับ มือจับ ขอสับ เป็นต้น ลักษณะประตูจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยเปลี่ยนทิศทางการเปิดประตูเป็นการเปิดออกภายนอกห้อง มีขนาดบาน และความสูงที่กว้างกว่ารูปแบบเดิม แต่ยังคงลักษณะเป็นประตูบานเปิดคู่ไว้อย่างเดิม

ภาพที่ ๑๒ ลักษณะประตูรูปแบบดั้งเดิม ๔.๘ หน้ำต่ำง ส่วนใหญ่นิยมเจาะหน้าต่างบริเวณฝาด้านยาวแผงฝาละหนึ่งช่อง แต่ไม่นิยมเจาะหน้าต่างแผง ฝาด้านสกัด โดยทั่วไปเรือนโคราชแบบดั้งเดิมมักจะมีหน้าต่างขนาดเล็กและแคบ มีทิศทางการเปิดเข้าภายในเรือน เหมือนกันทั้งหมด ซึ่งมีทั้งลั กษณะที่เป็นบานเปิดเดี่ยวและบานเปิดคู่ บริเวณวงกบมีการแกะสลักบานหน้าต่างมีอก เลาและใช้เดือยเป็นจุดหมุนบนล่างแทนบานพับ การใส่กลอนใช้วิธีการเจาะธรณีหน้าต่างแล้วนาไม้แผ่นแบนเสียบใน รูที่เจาะไว้กันไม่ให้ผู้อยู่ด้านนอกดันเปิดเข้าไปได้ (กาญจนา, ๒๕๔๕; ๕๑๘) สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเจาะหน้าต่าง ของเรือนโคราช คือ การเจาะหน้าต่างที่มีขนาดความกว้างพอดีและสัมพันธ์กับรูปแบบของช่องแนวตั้งของแผงฝา ซึ่ง สิ่ง นี้เ ป็น ลัก ษณะเฉพาะที่ไ ม่เ หมือนเรือ นพื้น ถิ่น ทั่ว ไป กรณีที่เ ป็น เรือ นโคราชที่ส ร้า งในระยะหลัง ที่มีความ เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ประกอบกับมีวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ที่ทาด้วยโลหะ ส่ว นใหญ่จ ะสร้า ง หน้าต่างบานคู่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งมีทิศทางการเปิดออกภายนอกเรือน แต่ยังคงลักษณะการเจาะช่องหน้าต่างฝา ด้านยาวแผงฝาละหนึ่งช่องและไม่นิยมเจาะช่องหน้าต่างฝาด้านสกัดเหมือนเดิม


๑๐

ภาพที่ ๑๓ ลักษณะหน้าต่างรูปแบบดั้งเดิมซึ่งมีขนาดความกว้างพอดีและสัมพันธ์กับช่องแนวตั้งของแผงฝา ๔.๙ หน้ำจั่ว โดยทั่วไปนิยมใช้ไม้จริงประกอบเข้ากันเป็นแผงสามเหลี่ยม มีการตกแต่งลวดลายหลากหลาย รูปแบบ เช่น การตีฝานอน การตีทับเกล็ดแนวตั้ง การตีลายทแยง การเซาะร่องลูกฟัก ใบตาล การแกะสลัก เป็นต้น ทั้งนี้ แผงจั่วของเรือนแบบดั้งเดิมมีการบากขอบด้านข้างและด้านบนเพื่อรับแปและอกไก่ ๔.๑๐ ม้ำรองตีน เป็นองค์ประกอบของเรือนที่มีลักษณะเหมือนบันไดหนึ่งขั้น คล้ายม้านั่ง เพื่อให้ผู้ที่อยู่ บริเวณระเบียงสามารถก้าวขึ้นไปภายในเรือนนอนได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ส่วนใหญ่พบในเรือนโคราชที่มีระดับ พื้นเรือนนอนกับระเบียงแตกต่างกันมาก ซึ่งบางเรือนอาจจะไม่มีม้ารองตีนเลยก็ได้ในกรณีที่ระดับพื้นต่างกันไม่มากนัก ๔.๑๑ บันได โดยทั่วไปพบเห็นตาแหน่งการวางบันไดขึ้นเรือนทุกทิศทางยกเว้นทิศตะวันตก ซึ่ง คนโคราช เชื่อว่าการทาบันไดขึ้นเรือนทางทิศตะวันตกเป็นอัปมงคล จะนาความทุกข์ยากเจ็บป่วยมาสู่เจ้าของเรือน รูปแบบ ของบันไดเดิมเป็นบันไดไม้ซึ่งความสูง ๕ หรือ ๗ ขั้น (มีความเชื่อว่าขั้นบันไดต้องเป็นเลขคี่) คล้ายบันไดลิง เรียกว่า “บันไดไก่” สามารถดึงขึ้นไปเก็บบนเรือนได้ในช่วงกลางคืน ต่อมาในระยะหลัง ที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้าน เทคโนโลยีมากขึ้น ประกอบกับมีวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ จึงมีการสร้างบันไดให้มีลักษณะมั่นคงถาวรขึ้น ซึ่งมีลูกนอน เป็นแผ่นไม้กระดานที่มีขนาดกว้าง มีราวบันได หรือทาหลังคาคลุม

ภาพที่ ๑๔ ลักษณะหน้าจั่ว ม้ารองตีน และบันได


๑๑ ๔.๑๒. วิธีกำรก่อสร้ำง เรือนโคราชมีวิธีการก่อสร้างเป็นระบบสาเร็จรูป ซึ่งมีกรรมวิธีการประกอบติดตั้ง โดยอาศัยความชานาญของช่างฝีมือในท้องถิ่น โดยไม่ใช้ตะปูในช่วงแรกแต่ใช้วิธีการเข้าไม้ เช่น การบาก เข้าลิ่ม สลัก เดือย จึงสามารถรื้อถอนเคลื่อนย้ายเรือนได้ แต่ผู้ที่รื้อจะต้องศึกษาวิธีการอย่างละเอียดเพื่อให้ทราบว่าองค์ประกอบ ของแต่ ล ะส่ ว นวางซ้ อนทั บ กั น อยู่ อ ย่ า งไร เมื่ อถอดสลั ก ในส่ ว นไหนจะท าให้ โ ครงสร้ า งหลุ ด ออกจากกั น ทั้ ง นี้ เรือนฝาปรือกรุเซงดาเป็น เรือนในช่วงแรกที่ไม่ใช้ตะปู เลย ต่อมาเมื่อใช้ฝากระดานจึงเริ่มใช้ตะปูในการประกอบฝา แต่ในส่วนโครงสร้างหลักยังคงใช้กรรมวิธีการก่อสร้างเดิม ขั้นตอนการก่อสร้างเรือนนอนเริ่มจากการปรุง คือ การเจาะ บาก ผ่า ควั่น ตัดแต่งไม้ทุกตัวให้ได้ระยะตาม ต้องการ รวมทั้งการประกอบแผงฝาสาเร็จรูป พร้อมประตูและหน้าต่าง เมื่อถึงกาหนดวันที่จะสร้างเจ้าของเรือน จะทาพิธีย กเสาเอกซึ่งผูกด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อยและผ้าแดงลงหลุมที่ขุดไว้ แล้วยกเสาเรือนต้นอื่นๆ จนครบเพื่อ ประกอบตัวเรือน โดยนารอดที่มีความยาวมากกว่าช่วงเสามาสอดเข้าไปในต้นเสาที่เ จาะเตรียมไว้ให้ทะลุทั้งสองด้าน ปกติ เสาเรือน ๓ ห้อง ประกอบด้วยเสา ๔ คู่ด้านสกัด ทั้งนี้ สาเหตุที่รอดจะต้องยื่นเลยหัวเสาออกมา (อย่างน้อย ด้านละ ๓๐ เซนติเมตร) เพราะจะช่วยป้องกันการเคลื่อนตัวหลุดออกจากช่องเสา อันเป็นเหตุมาจากแรงที่กระทากับ ตัวเรือน ซึ่งอาจจะเกิดจากลมพายุ การทรุด ตัวของเรือน หรือควายชนเสา นอกจากนั้น หัวรอดยังทาหน้าที่รับพรึง ด้านยาวอีกด้วย เมื่อกลบหลุมเสา เสาทั้ง ๘ ต้น จะมีรอดเสียบทะลุ ๔ คู่ ช่างจะปีนขึ้นไปบนรอด นาเต้าเสียบเข้าไปใน รูเสาที่เจาะเตรียมไว้ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนเต้า นาขื่อสวมเข้าไปในหัวเทียนเสา ช่างที่อยู่ด้านล่างส่งเสาดั้งขึ้นไปเพื่อให้ ใบดั้งสอดเข้าไปในรูขื่อและเสาดั้งนั่ง อยู่บนรอดได้พอดี แล้วจึงส่งแปหัวเสาทั้งสองข้างให้บ่าแปหัวเสาวางบนหัวขื่อ ที่เตรียมไว้ นาพรึงด้านยาวซึ่งเป็นพรึงตัวเมียวางบนหัวรอด แล้วนาพรึงด้านสกัดซึ่งเป็นพรึ งตัวผู้สวมเข้าไปในพรึง ด้านยาว จากนั้นจึงใส่สลักติดกับเสา เรือนโคราชมีวิธีการเข้าพรึงแตกต่างจากเรือนภาคกลางคือ พรึงของเรือน ภาคกลางจะเข้ามุมเสมอกันที่มุมเรือน แต่เรือนโคราชจะยื่นพรึงด้านสกัดยาวเลยหัวเสาความยาวใกล้เคียงกับส่วนยื่น ของรอด บางหลังยาวกว่าหรือสั้นกว่ารอดซึง่ ไม่มีกาหนดตายตัว หลังจากแต่งระดับน้าให้หลังรอด พรึง แปหัวเสาได้ระดับแล้ว จึงวางตงและปูพื้นโดยไม่ตอกตะปู เมื่อถึง ขั้นตอนนี้โครงสร้างพื้นจะเป็นส่วนยึดโครงอาคาร ช่างจะนาแผงจั่วทั้งสองด้านวางให้ปลายล่างตีนจั่วทั บแปหัวเสา ส่วนที่ไม่มีเสาดั้ง คือ เสาเรือนคู่ที่ ๒ และ ๓ ใช้ดั้งแขวนสวมเข้าไปในขื่อ นาจันทันสวมเข้าไปในใบดั้ง โคนจันทันวาง ทับ แปหั วเสา วางแปเข้าที่ในแผงจั่ ว ที่บากไว้รองรับแป วางอกไก่สวมลงไปที่เดือยใบดั้งบนเสาดั้งและดั้ งแขวน ยกแผงฝาขึ้นตั้งบนพรึง สวมเข้าไปในเต้าและอยู่ใต้แปหัวเสา สวมเชิงชายเข้ากับเต้า ใส่สลักไม้อัดเชิงชายแน่นกับเต้ า ทุกตัว วางกลอน เมื่อครบตามขั้นตอนของตัวเรือน ช่างจะประกอบส่วนระเบียงและนอกชาน เสร็จแล้วจึงมุงหลังคา พร้อมกันทั้งหลัง


๑๒ ๕. ประวัติควำมเป็นมำ จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองที่มีความสาคัญมาแต่อดีต เนื่องจากเป็นเมืองศูนย์กลางการติดต่อระหว่าง ชุ ม ชนที่ อ ยู่ แ ถบลุ่ ม น้ ามู ล ลุ่ ม น้ าชี แ ละลุ่ ม น้ าโขงกั บ ชุ ม ชนแถบลุ่ ม น้ าเจ้ า พระยา มี ก ารตั้ ง ถิ่ น ฐานมาแต่ ค รั้ ง ก่อนประวัติศาสตร์และสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน มีประชากรที่ประกอบด้วยหลายกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ไทย ลาว เขมร มอญ ส่ ว ย จี น แขก เป็ น ต้น จึ งเกิดการผสมผสานทางวัฒ นธรรมเกิดเป็นเอกลั กษณ์ อันมีลั กษณะวัฒ นธรรม บางอย่างแตกต่างจากชาวไทยอีสานโดยทั่วไป เช่น เรือนพักอาศัยพื้นถิ่นซึ่งได้รับอิทธิพลจากเรือนไทยภาคกลาง มาตั้งแต่สมัยอยุธยาผ่านกาลเวลาเนิ่นนานเข้าฝีมือช่างได้เปลี่ ยนแปลงไปตามความคิดอ่านของช่างท้องถิ่นเกิดการ คลี่คลายในรูปแบบและรายละเอียดบางส่วนจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นคือ “เรือนโคราช” ซึ่งเหมาะสมกับ สภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศของจังหวัดนครราชสีมา วัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้อแข็ง ใต้ถุนสูง เรือนนอน ลดระดับ ไปยั งระเบี ยงและนอกชาน หลั งคาจั่วทรงสูง วิธีการปลูกสร้างเป็นระบบส าเร็จรูป รอดเจาะทะลุเสา เต้ารับชายคา พรึงรับฝาผนังซึ่งเป็นฝาผนังแบบสาเร็จรูป เช่น ฝาปรือกรุเซงดา คล้ายฝาสาหรวดของภาคกลาง ฝานอนตีทับเกล็ดที่มีลักษณะเฉพาะและฝาตั้งคล้ายฝาสายบัว จากกระแสของความเปลี่ ยนแปลงในยุคปัจจุบัน อาคารพักอาศัยได้รับการพัฒนาไปตามความนิยม มีรูปแบบใหม่ วัสดุใหม่ และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เรือนโคราชได้รับ ผลกระทบในการเปลี่ยนแปลงจนแทบจะไม่เหลือร่องรอยของวัฒนธรรมท้องถิ่น ปัจจุ บันชาวไทยโคราชส่วนใหญ่ ไม่รู้จักเรือนโคราช ใช้ภาษาโคราชในการสื่อสารน้อยลง แต่ยังมีคนโคราชจานวนหนึ่งอาศัยอยู่ในเรือนโคราชด้วย ความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพชนที่ได้สร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่ายิ่งไว้ให้ลูกหลาน ๖.ลักษณะเฉพำะที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม ๖.๑ ลักษณะ เนื่องจากเรือนโคราชเป็นเรือนพักอาศัยพื้นถิ่นที่นิยมสร้างกันอย่างแพร่หลายในพื้นที่ จังหวัด นครราชสีมา มาอย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่าร้อยปี และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเรือนตามความเจริญก้าวหน้า ของวัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้างในแต่ละยุคสมัย ส่งผลให้เรือนโคราชมีรูปแบบที่หลากหลายที่เกิดจากภูมิปัญญา ของช่างท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ รูปแบบเรือนที่แสดงถึงอัตลักษณ์และเป็นลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น ได้แก่ ๖.๑.๑ เรือนสองห้อง เรือนรูปแบบนี้มีขนาดเรือนนอนเพียง ๒ ช่วงเสา และมีส่วนที่เรียกว่า “พะ” ซึ่งเป็นพื้นทีต่ ่อจากด้านสกัดของเรือนนอนออกไป ๑ ช่วงเสา ที่มีลักษณะเป็นโถงโล่งเชื่อมต่อกับระเบียงด้านข้างและ ปิดล้อมฝาเพียงสองด้าน ซึ่งแตกต่างจากเรือนพื้นถิ่นทั่วไป ๖.๑.๒ เรือนสามจั่ว ลักษณะเด่นของเรือนรูปแบบนี้คือ การสร้างหลังคาสามจั่วต่อเนื่องกัน เพื่อคลุม พื้นที่ใช้สอยชั้นบนซึ่งแบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ เรือนนอนที่มีฝาปิดกั้นทั้งสี่ด้าน (จั่วแรก) พักต่า(โถงกลาง) และพักบน (จั่วที่สาม) รวมถึง การเชื่อมต่อของโครงหลังคาทั้งสามจั่วและการเข้าไม้ที่มีลักษณะเฉพาะ ๖.๒ ฝำเรือนโคราชแบบดั้งเดิมซึ่งเป็นฝาสาเร็จรูปมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเกี่ยวกับวัสดุและรูปแบบ ดังนี้ ๖.๒.๑ ฝาปรื อกรุ เซงดา เป็ นรูปแบบฝาที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของเรือนโคราช และนับได้ว่าเป็น ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวไทยโคราชอย่างแท้จริง ทั้งการใช้เลือกวัสดุและการจัดวางรูปแบบ โดยการนาต้นปรือมาใช้ เป็นวัสดุกรุฝาซึ่งประกบด้วยไม้ไผ่ผ่าเสี้ยวรมไฟและทารักจนดาเพื่อกันมอดและแมลง เรียกว่า “เซงดา” ปลายไม้ไผ่


๑๓ สอดเข้าไปในเคร่าตั้งไม้จริง ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดนี้ถูกจัดวางอยู่ภายในกรอบไม้ทั้งสี่ด้าน ทั้งนี้ การออกแบบช่อง หน้าต่างและประตูมีความสัมพันธ์กับความกว้างของช่องลูกตั้ง ๖.๒.๒ ฝาเข้าลิ้นไม้ซ้อนเกล็ดแนวนอน มีลักษณะการเข้าไม้ตามกรรมวิธีดั้งเดิมโดยไม่มีการยึดหรือ ตอกด้วยตะปู แต่จะนาแผ่นไม้แต่ละแผ่นมาประสานกันด้วยวิธีการเข้ารางลิ้นสอดสลักเดือย โดยประกอบไม้เป็นแผง ฝาทาลวดลายเลียนแบบฝาปรือกรุเซงดา ตกแต่งช่วงล่างด้วยล่องตีนช้าง ๖.๒.๓ ฝากระดานตีนอนซ้อนเกล็ด ซึ่งมีลักษณะการวางแผ่นไม้กระดานตามแนวนอนใน กรอบฝาทั้งสี่ ด้านที่ยังคงการเข้าไม้แบบดั้งเดิม แล้วตีไม้ทับเกล็ดแนวตั้งเป็นช่วงๆแนวตรงกันทั้งด้านนอกและด้านในให้มีจังหวะ การแบ่งช่องคล้ายกับฝาปรือกรุเซงดา บางแผงอาจจะมีการตกแต่งช่วงล่า งด้วยล่องตีนช้าง ซึ่งแผ่นกระดานไม้กับ เคร่าตั้งนั้นยึดกันด้วยตะปูขนาดเล็ก ทั้งนี้ ฝาเข้าลิ้นไม้ซ้อนเกล็ดแนวนอนและฝากระดานตีนอนซ้อนเกล็ดเป็นฝาที่ประกอบขึ้นจากไม้จริง ทั้งหมด ที่สะท้อนให้เห็นถึงการคงรูปแบบของการจัดวางองค์ประกอบลวดลายตามแบบอย่างฝาปรือกรุเซงดาเอาไว้ ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ๖.๓ ประตู ลักษณะเด่นของประตูรูปแบบดั้งเดิมที่ประกอบเข้ากับแผงฝาสาเร็จรูป คือ การทาประตูบาน เปิดคู่ที่มีขนาดเล็กและมีความสูงไม่มากนัก โดยมีทิศทางการเปิดเข้าภายในเรือน ซึ่งบานประตูใช้เดือยเป็นจุดหมุน บนล่างแทนบานพับ อีกทั้งยังมีการแกะสลักส่วนประกอบต่างๆ เช่น วงกบ อกเลา และดอกจันทน์ เป็นต้น แสดงให้ เห็นถึงทักษะฝีมือของช่างท้องถิ่นที่มีคุณค่า ๖.๔ หน้ำต่ ำง หน้ าต่างรู ปแบบดั้งเดิมที่ประกอบเข้ากับแผงฝาส าเร็จรูป มักจะมีขนาดเล็กและแคบ มีทิศทางการเปิดเข้าภายในเรือนเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งมีทั้งลักษณะที่เป็นบานเปิดเดี่ยวและบานเปิดคู่ เปิดเข้าภายใน เรือนโดยใช้เดือยเป็นจุดหมุนบนล่างแทนบานพับ การใส่กลอนใช้วิธีการเจาะธรณีหน้าต่างแล้วนาไม้แผ่นแบนเสียบ ในรูที่เจาะไว้กันไม่ให้ผู้อยู่ด้านนอกดันเปิดเข้าไปได้ บางหลังมี การแกะสลักส่วนประกอบต่างๆ เช่น วงกบ อกเลา และดอกจันทน์ เป็นต้น สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกาหนดขนาดและตาแหน่งหน้าต่างของเรือนโคราช คือ การเจาะ หน้าต่างที่มีขนาดความกว้างพอดีและสัมพันธ์กับรูปแบบของช่องแนวตั้งของแผงฝา ซึ่งสิ่งนี้เป็นลักษณะเฉพาะที่ ไม่เหมือนเรือนพื้นถิ่น ส่วนที่ ๒ คุณค่ำและบทบำทของวิถีชุมชนที่มีต่อมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม ๑. คุณค่ำของมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรมที่สำคัญ ๑. คุณค่ำช่ำงฝีมือดั้งเดิม เรือนโคราชแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของเหล่าบรรพชนที่ได้สั่งสม กลั่นกรอง และพัฒนาจนก่อรูปเป็น งานสถาปัตยกรรมอัน ทรงคุณค่า อีกทั้งยั งสะท้อนให้ เห็นถึงความอัจฉริยภาพของช่างท้องถิ่นในการบูรณาการ องค์ความรู้ แสดงถึงทักษะฝีมือการแปรรูปไม้และความประณีตในการเข้าไม้ที่ต้องอาศัยความเข้าใจสัจจะของวั สดุ ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ ระบบโครงสร้าง กฎการรับแรงและการถ่ายน้าหนัก รวมถึง การประยุกต์ ใช้ เทคโนโลยี สมัย ใหม่ในแต่ล ะยุ คสมัย โดยเฉพาะอย่ างยิ่ง โครงสร้ างของเรือนโคราชซึ่งเป็นระบบส าเร็จรูปที่ส ามารถถอด ประกอบได้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าช่างจะต้องมีความชานาญและมีความแม่นยาอย่างสูงในการวัดขนาด การเจาะ


๑๔ การบาก เพื่อปรุงเครื่องเรือนส่วนต่างๆแล้วยกประกอบขึ้นเป็น ตัวเรือน โดยยึดองค์อาคารเหล่านั้นด้ วยวิธีการเข้า เดือย สอดสลักลิ่ม เพื่อยึดตรึงให้มั่นคงแน่นหนาด้วยฝีมืออันประณีต อันเป็นทักษะที่สืบทอดต่อกันมา ๒. เป็นเรือนครู นั บ ตั้ ง แต่ เ รื อนโคราชถู กก่ อ รู ป ขึ้ น มาจนได้รั บ ความนิ ยมในการปลู ก สร้ างเป็ นที่ อ ยู่ อาศั ย ของชาว จังหวัดนครราชสีมา มาอย่างต่อเนื่องยาวนานโดยผ่านกาลเวลาแต่ละยุคสมัย ประกอบกับเหตุปัจจัยความเจริญ ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม จึงก่อกาเนิดพัฒนาการทั้งทางด้านรูปแบบ วัสดุ และ เทคนิ คการก่อสร้าง สิ่ งเหล่ านี้ ล้ วนส่ งผลให้ เรือนโคราชมีความหลากหลายและแตกต่างกันไปตามแต่ล ะท้องที่ ยกตัวอย่างเช่น “เรือนพ่อคง” ซึ่งปัจจุ บันถูกเคลื่อนย้ายมาจัดแสดงเป็นพิพิธ ภัณฑ์พื้นบ้านภายในมหาวิทยาลั ย ราชภั ฏ นครราชสี มา เป็ น เรื อนตั ว อย่ า งที่ส ะท้อนให้ เห็ นถึงความอัจฉริ ยภาพของช่ างท้ องถิ่น ในการบูรณาการ องค์ความรู้ มีความเข้าใจสัจจะของวัสดุ มีความเชี่ยวชาญทั้งระบบโครงสร้าง การเข้าไม้ การประยุกต์เทคโนโลยี สมัยใหม่ในยุคนั้น เข้ามาผสมผสานเป็นองค์อาคารได้อย่างลงตัว อีกทั้ง ยังมีความกล้าคิดนอกกรอบ โดยปรับเปลี่ยน รูปแบบและรู ปทรงสถาปั ตยกรรม ให้ หลุดจากแบบแผนจารี ตเดิม เพื่อตอบสนองการใช้งาน การแก้ปัญหาและ สร้ า งประโยชน์ ไ ด้ อ ย่ า งเหมาะสม ผนวกกั บ ความชาญฉลาดในการแปรรู ป ไม้ ความประณี ต ในการก่ อ สร้ า ง ด้ว ยลั กษณะพิเศษดังกล่ าว จึ งนั บ ได้ว่าเรื อนพ่อคง “เป็นเรือนครู ” ที่แสดงให้ เห็ นถึงปัญญาสร้างสรรค์และ อัจฉริ ยภาพของบรรพบุ รุษคนไทยโคราชในการปลู กสร้างเรือน ซึ่งควรค่าแก่การบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ลูกหลานชาวไทยได้ศึกษา ๓. ควำมสอดคล้องกับสภำพแวดล้อม เรือนโคราชมีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ดังนี้ ๓.๑ การวางตัวเรือนตามตะวัน หรือหันด้านจั่วไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก เป็นการวางตาแหน่ง ทิศทางที่สอดรับกับสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น ซึ่งการวางเรือนลักษณะนี้จะทาให้พื้นที่ด้านยาวของตัวเรือนไม่รับ แดดตลอดทั้งวันและสามารถรับลมประจาฤดูกาลได้ดี แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจถึงวิถีธรรมชาติที่ตนอาศัยอยู่ ๓.๒ ลักษณะสถาปัตยกรรมของเรือนโคราชมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น เช่ น การใช้ ใ ต้ ถุ น เรื อนเป็ น พื้ น ที่ อ เนกประสงค์ ร องรั บ กิ จ กรรมในการด าเนิ น ชี วิ ต ประจาวั น ตามวิ ถี ชี วิ ต สั ง คม เกษตรกรรม และการสร้ างระเบี ย งเปิ ดโล่ งที่ ไม่มีฝ ากั้นเพื่อ สร้างพื้น ที่ใช้ส อยที่ส อดคล้ องและเหมาะกับ สภาพ ภูมิอากาศเขตร้อนชื้นที่ต้องการการบังแดด การระบายอากาศ และการรับลม เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยเกิดความรู้สึกสบาย ๓.๓ วัสดุที่นามาปลูกสร้างเรือนโคราชเป็นวัสดุธรรมชาติที่หาได้จากท้องถิ่น เช่น ชิ้นส่วนโครงสร้าง และองค์ประกอบของตัวเรือนแปรรูปจากไม้เนื้อแข็งที่หาได้จากป่าเบญจพรรณบริเวณพื้นที่ใกล้หมู่บ้าน และการนา ต้นปรือซึ่งมีอยู่ทั่วไปในบึงน้าที่สะอาดบริเวณพื้นที่เกษตรกรรมมาประกอบเป็นฝาเรือน ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เห็น ภูมิปัญญาของช่างท้องถิ่นโคราชในการคัดสรรและแปรรูปวัสดุธรรมชาติ เหล่านั้นมาปลูกสร้างที่อยู่อาศัยให้มีความ แข็งแรงมั่นคงนานนับร้อยปี ๔. เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ปัจจุบันมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ตระหนักถึงคุณค่า อัตลักษณ์ของ “เรือนโคราช” จึงบูรณการความร่วมมือในการอนุรักษ์ สืบทอด ความเป็นตัวเรือน รูปแบบการก่อสร้าง เรือนโคราช


๑๕ ให้นักท่องเที่ยว ผู้สนใจทั่วไป ได้เข้าชมและศึกษา โดยการส่งเสริมให้เป็นเส้นทางหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ได้แก่ หมู่บ้านนกออก ตาบลนอกออก อาเภอปักธงชัย ๕. เป็นแหล่งเรียนรู้ทำงวัฒนธรรมของชุมชน ด้วยอัตลักษณ์ของ “เรือนโคราช” มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา จึงได้สร้าง “เรือนพ่อคง” เป็น เรือนตัวอย่างแสดงให้เห็นถึงความสร้างสรรค์งานช่างฝีมือท้องถิ่นของคนโคราช บูรณาการกับความเป็นสมัยปัจจุบัน ถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา อันทรงคุณค่า เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชน ผู้ สนใจ ได้ศึกษาต่อไป ๒. บทบำทของชุมชนที่มีต่อมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม ด้วยความตระหนักถึงคุณค่า ปัญญาสร้างสรรค์ของบรรพบุรุษและอัตลักษณ์ของ “เรือนโคราช” ชุมชนได้ ดาเนินการดังนี้ ๑. ทาให้เกิดแหล่งเรียนรู้ของชุมชน ได้แก่ การสร้างเรือนพ่อคงของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ถือเป็น “เรือนโคราช” ที่เป็นแหล่งเรียนรู้สาหรับ เด็ก เยาวชน ประชาชน และผู้สนใจทั่วไป รวมไปถึงนักท่องเที่ยว ได้ศึกษาถึงลักษณะเฉพาะตัวของเรือนที่เป็นอัตลักษณ์อันทรงคุณค่า เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของจังหวัด นครราชสีมา ๒. นามาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ดังนี้ ๒.๑ การนาเสนอเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ได้แก่ หมู่บ้านนกออก ตาบลนกออก อาเภอ ปักธงชัย มีเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่บูรณาการแหล่งวัฒนธรรมต่างๆ ได้แก่ เรือนโคราช หอไตรกลางน้า และวิถีชีวิต ความเชื่อของชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนสามารถพัฒนาสร้างสรรค์และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม ๒.๒ จิมทอมป์สันฟาร์ม อาเภอปักธงชัย ได้ตระหนักถึงอัตลักษณ์อันทรงคุณค่าของ “เรือนโคราช” จึงได้สร้างเรือนโคราช จาลอง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงความสร้างสรรค์ทางภูมิปัญญาการสร้างเรือนโคราช ของ บรรพบุรุษ ๒.๓ เรือนโคราชเฉลิมวัฒนา ตั้งอยู่ด้านหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นการจาลอง “เรือนโคราช” ในพื้นที่อาเภอเมืองนครราชสีมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงาม ด้านในมี Art Gallery เป็นเหมือน พิพิธภัณฑ์จาลองของโคราช ที่คงความเป็นโคราช ๓. เป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า การทาวิจัยเกี่ยวกับ “เรือนโคราช” ส่วนที่ ๓ มำตรกำรในกำรส่งเสริมและรักษำมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม ๑. โครงกำร กิจกรรมที่มีกำรดำเนินงำนของรำยกำรมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม  กำรศึกษำ วิจัย ๑. สานั กงานคณะกรรมการวิจัยแห่ งชาติ ร่ว มกับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา ดาเนินโครงการวิจัย สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น : กรณีศึกษาเรือนโคราช จังหวัด นครราชสีมา (VERNACULAR ARCHITECTURE : A CASE STUDY OF KORAT HOUSE IN NAKORNRATCHASIMA PROVINCE) เพื่ อ ศึ ก ษารู ป แบบและองค์ ป ระกอบของเรื อ นโคราชในเชิ ง สถาปั ต ยกรรมและความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งรู ป แบบ สถาปั ต ยกรรมเรื อ นโคราชกั บ ความเป็ น อยู่ ข องชุ ม ชนและทรั พ ยากรธรรมชาติ ใ นท้ อ งถิ่ น หั ว หน้ า โคร งการ


๑๖ รศ.กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์ อาจารย์ประจาคณะวิชาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ๒. สานั กงานการเคหะแห่งชาติร่ว มกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลั ยขอนแก่น ดาเนิน โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดการความรู้เรื่องอัตลักษณ์และภูมิปัญญาด้านที่อยู่อาศัยของท้องถิ่น : กรณีศึกษาพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (ลุ่มน้ามูล-ลาตะคอง) เพื่อสารวจและรวบรวมข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิต การอยู่อาศัยในทุกมิติ รวมทั้งการจัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตการอยู่อาศัยด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างเป็นรูปธรรมในมิติของชาติพันธุ์ การตั้งถิ่นฐาน สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ ในตั ว บุ ค คล หั ว หน้ า โครงการ ผศ.ดร. นพดล ตั้ ง สกุ ล อาจารย์ ป ระจ าคณะสถาปั ต ยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๓. จัดทาสื่อวีดิทัศน์ในรูปแบบสื่อมัลติมีเดีย เรื่อง “เรือนโคราช” เพื่อเผยแพร่ให้กับผู้สนใจทั่วไป  กำรอนุรักษ์ ฟื้นฟู ๑. “เรือนโคราช” ในพื้นทีบ่ ้านพระเพลิง ตั้งอยู่ในเขต ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัด นครราชสีมา เจ้าของเรือนและชุมชน ให้ความสาคัญ ในการที่จะช่วยกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู ให้เรือนโคราชยังคงอยู่ ดังนี้ - เรือนที่ถูกปล่อยร้างไม่มกี ารอยูอ่ าศัย - เรือนที่มีการอยู่อาศัยแต่ยังคงสภาพเดิม - เรือนที่มกี ารอยู่อาศัยและมีการดัดแปลงจากเดิม - เรือนที่คงรูปทรงเดิมแต่เปลี่ยนแปลงวัสดุใหม่ ๒. การสร้ า งเรื อ นโคราชจ าลอง ให้ เป็ นแหล่ ง เรี ยนรู้ ทางวั ฒ นธรรม ได้ แก่ เรื อนพ่อ คง ตั้ งอยู่ ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เรือนโคราชเฉลิมวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนถนนราชดาเนิน  กำรสืบสำนและถ่ำยทอด ๑.หลักสูตรการเรียน การสอน ของคณะวิชาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ๒.เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นเรือนครู ได้แก่ การสร้าง “เรือนโคราช” ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ๓.โรงเรียนวัดหงส์ บ้านพระเพลิง ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา จัด กิจกรรม ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ให้เด็ก โดยจัดห้องสมุดเป็นมุมเกี่ยวกับเรือนโคราชที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้ เด็กได้เข้าไปศึกษา เรียนรู้ในพื้นที่จริง ๔. การจัดแสดงนิทรรศการเรือนโคราช ณ ห้างสรรพสินค้า Terminal ๒๑ นครราชสีมา และงาน ฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี  กำรพัฒนำต่อยอดมรดกภูมิปัญญำ ๑. หมู่บ้านอีสาน ณ จิมทอมป์สัน ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่บ้านตะขบ ตาบลตะขบ อาเภอปักธงชัย จังหวัด นครราชสีมา ได้นาเรือนโบราณในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมกว่าหลายร้อยปี หรือ “เรือนโคราช” อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรม มาสร้างไว้ให้ลูกหลานชาวโคราช และผู้สนใจ นักท่องเที่ยว ได้ชื่นชมและ


๑๗ ศึกษาถึงอัตลั กษณ์ข อง เรื อนโคราช ที่ ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เพื่อมิให้ สู ญหายตามกาลเวลา ซึ่งถือเป็นแหล่ ง ท่องเที่ยวที่สาคัญของจังหวัดนครราชสีมา ๒. หอศิล ป์ บ้ านโคราชโบราณ ณ วังตะแบก ตั้งอยู่ที่บ้านวังตะแบก ตาบลทุ่งอรุณ อาเภอโชคชัย จั งหวัด นครราชสี มา มีการจั ดแสดงนิ ท รรศการงานศิล ปะ ภายในบ้านโคราช ที่ยัง คงสภาพดั้งเดิม ให้ เห็ นถึ ง สถาปั ต ยกรรม “เรื อ นโคราช” เปิ ด ให้ ผู้ ส นใจทั่ ว ไปได้ เ ข้ า ชมงานศิ ล ปะและยั ง ได้ เ ห็ น ถึ ง ความงดงามของ สถาปัตยกรรม เรือนโคราช อีกด้วย ๓. เรือนโคราช เฉลิมวัฒนา ตั้งอยู่บนถนนราชดาเนิน ตาบลในเมือง อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวั ด นครราชสีมา เยื้องอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ทุกท่านที่มาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือผ่านไปมาบนถนนราชดาเนิน ก็จะเห็นเรือนโคราช เฉลิมวัฒนา ตั้งตะหง่านอยู่บนถนนราชดาเนิน แสดงให้เห็นถึงความงดงาม ความเป็นอัตลักษณ์ ของเรือนโคราชได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นที่น่าชื่นชมของผู้พบเห็น ๔.ส านั ก งานคณะกรรมการวิ จั ย แห่ ง ชาติ ร่ ว มกั บ สถาบั น เทคโนโลยี ร าชมงคล วิ ท ยาเขตภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา ดาเนินโครงการวิจัย สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น : กรณีศึกษาเรือนโคราช จังหวัด นครราชสีมา (VERNACULAR ARCHITECTURE : A CASE STUDY OF KORAT HOUSE IN NAKORNRATCHASIMA PROVINCE) เพื่ อ ศึ ก ษารู ป แบบและองค์ ป ระกอบของเรื อ นโคราชในเชิ ง สถาปั ต ยกรรมและความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งรู ป แบบ สถาปั ต ยกรรมเรื อ นโคราชกั บ ความเป็ น อยู่ ข องชุ ม ชนและทรั พ ยากรธรรมชาติ ใ นท้ อ งถิ่ น หั ว หน้ า โครงการ รศ.กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์ อาจารย์ประจาคณะวิชาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ๕. ส านั ก งานการเคหะแห่ งชาติร่ ว มกั บคณะสถาปัต ยกรรมศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย ขอนแก่ น ด าเนิ น โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดการความรู้เรื่องอัตลักษณ์และภูมิปัญญาด้านที่อยู่อาศัยของท้องถิ่น : กรณีศึกษาพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (ลุ่มน้ามูล -ลาตะคอง) เพื่อสารวจและรวบรวมข้อมูลด้านที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิต การอยู่อาศัยในทุกมิติ รวมทั้งการจัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตการอยู่อาศัยด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างเป็นรูปธรรมในมิติของชาติพันธุ์ การตั้งถิ่นฐาน สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ ในตั ว บุ ค คล หั ว หน้ า โครงการ ผศ.ดร. นพดล ตั้ ง สกุ ล อาจารย์ ป ระจ าคณะสถาปั ต ยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๒. มำตรกำรส่งเสริมและรักษำมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรมอื่นๆ ที่คำดว่ำจะดำเนินกำรในอนำคต ๒.๑ การสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าของเรือนโคราช โดยการมอบโล่หรือรางวัล ให้กับเจ้าของเรือนที่มีการ อนุรักษ์ เรือนโคราช ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ๒.๒ การส่งเสริม “เรือนโคราช”เป็นสินค้าทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวชุมชน ๒.๓ การน าองค์ความรู้ จากภูมิปัญญาการสร้าง “เรือนโคราช” ไปปรับใช้ในการอนุรักษ์พลังงานและ สิ่งแวดล้อม ๒.๔ จัดทาแผนการส่งเสริม สืบสาน ถ่ายทอดและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ด้านช่างฝีมือดั้งเดิม “เรือนโคราช” บรรจุในแผนงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒.๕ กาหนดให้ มีก ารเรี ย น การสอน หลั ก สู ตรเกี่ยวกับสถาปัต ยกรรมโครงสร้าง “เรื อนโคราช” ใน สถาบันการศึกษาประจาจังหวัดนครราชสีมา และสถาบันการศึกษาในพื้นที่


๑๘ ๓. กำรส่งเสริม สนับสนุนจำกหน่วยงำนภำครัฐ หรือภำคเอกชน หรือภำคประชำสังคม ๓.๑ การสนับสนุนจากการเคหะแห่งชาติ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จัดทา โครงการศึกษาวิจัยเพื่อ จัดการความรู้เรื่องที่อยู่อาศัยและวิถีการอยู่อาศัยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่น : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๓.๒ มหาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยี ร าชมงคลอี ส าน นครราชสี ม า คณะสถาปั ต ยกรรมศาสตร์ ได้ จั ด ท า โครงการวิจัยสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น : กรณีศึกษาเรือนโคราช จังหวัดนครราชสีมา ๓.๓ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาวิชาสถาปัตยกรรม ได้เขียน บทความในวารสารสังคมลุ่มน้าโขง ประจาเดือนมกราคม-เมษายน พ.ศ.๒๕๕๘ การศึกษาสถานภาพการดารงอยู่ ของเรือนโคราชในปัจจุบัน กรณีศึกษาหมู่บ้านพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา ๓.๔ คณะศิษย์เก่าโรงเรียนฝึกหัดครูนครราชสีมา, วิทยาลัยครูนครราชสีมา, สถาบันราชภัฏนครราชสีมา และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้จัดสร้าง “เรือนโคราช” หรือ “เรือนพ่อคง” ขึ้น ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น หรือ ช่างฝีมือดั้งเดิมท้องถิ่นของชาวโคราช และ เป็นการสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้สาหรับ นักศึกษา และประชาชน ผู้สนใจทั่วไป ส่วนที่ ๔ สถำนภำพปัจจุบัน ๑. สถำนะกำรคงอยู่ของมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม  มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสูญหายต้องได้รับการส่งเสริมและรักษาอย่างเร่งด่วน  ไม่มีการปฏิบัติอยู่แล้วแต่มีความสาคัญต่อวิถีชุมชนที่ต้องได้รับการฟื้นฟู ๒. สถำนภำพปัจจุบันของกำรถ่ำยทอดควำมรู้และปัจจัยคุกคำม ๒.๑ สถำนภำพปัจจุบัน สถานภาพการดารงอยู่ของเรือนโคราชปัจจุบันมี ๔ ลักษณะคือ ๑) ถูกปล่อยร้าง ถูกซื้อและรื้อย้าย ออกจากชุมชน เนื่องจากเจ้าของเรือนย้ายไปอยู่อาศัยต่างถิ่น ๒) มีการอยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่องและยังคงสภาพเดิม ๓) มีการอยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่องโดยปรับเปลี่ยนเพิ่มลดพื้นที่ใช้สอย รูปทรง วัสดุ โครงสร้างและองค์ประกอบต่างๆ ๔) รื้อเรือนเดิมแล้วสร้างบ้านในรูปแบบใหม่ ซึ่งมีทั้งการนาวัสดุเดิมมาใช้เป็นองค์ประกอบบางส่วนหรือเป็นการใช้ วัสดุใหม่ที่ผลิตในระบบอุตสาหกรรมมาใช้ทั้งหมด ปรากฏการณ์เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงการลดความนิยมลงของ เรือนโคราชในปัจจุบัน ซึ่งหากยังไม่มีการสร้างจิตสานึกให้ตระหนักถึงคุณค่า ไม่มีการอนุรักษ์และพัฒนาสืบทอดใน อนาคต จะส่งผลให้เรือนโคราชเกิดการสูญหายไปจากวิถีชีวิตของผู้คนในจังหวัดนคราชสีมาอย่างแน่นอน ๒.๒ ปัจจัยคุกคำม การเปลี่ ย นแปลงทางเศรษฐกิจและสั งคมปัจจุบันส่ งผลกระทบต่อการดารงอยู่ของเรือนโคราช ซึ่งนับวันจะมีจานวนลดน้อยลงไป ทั้งนี้ ปัจจัยคุกคามที่ส่งผลต่อการดารงอยู่ของเรือนโคราช ได้แก่ ทัศนคติและ ค่านิยมของผู้อยู่อาศัย ซึ่งผู้อยู่ อาศัยเรือนโคราชส่วนใหญ่ (ที่เป็นกลุ่มลูกหลาน) มีค่านิยมในการสร้างบ้านรูปแบบ ใหม่ตามกระแสของคนในสังคมปัจจุบัน ประกอบกับการผุพังและทรุดโทรมของเรือนไม้เก่า การทาลายของปลวก และการเปลี่ ยนแปลงของสภาพพื้น ที่โ ดยรอบ สร้างความเสียหายให้ กับเรือนโคราชเป็นอย่างมากจนเกิ ดความ


๑๙ ยากลาบากในการรักษาไว้ให้คงสภาพเดิม เนื่องจากขาดแคลนทรัพยากรไม้ที่มีคุณภาพดี ราคาถูก และเทคโนโลยี การซ่อมแซมที่เหมาะสม รวมถึงขาดช่างฝีมือที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้ผู้อยู่อาศัย เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อวัสดุและการดูแลรักษาในภายภาคหน้า ส่งผลต่อการรื้อถอนเรือนได้ ๓. รำยชื่อผู้สืบทอดหลัก รำยชื่อบุคคล/หัวหน้ำคณะ/กลุ่ม/สมำคม/ อำยุ/อำชีพ ชุมชน

องค์ควำมรู้ด้ำนที่ได้รับ กำรสืบทอด/จำนวนปีที่ สืบทอดปฏิบัติ

สถำนที่ติดต่อ/ โทรศัพท์

ผศ.ดร. นพดล ตั้งสกุล อาจารย์ประจาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

อาจารย์

โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดการ ความรู้เรื่องอัตลักษณ์และ ภูมิปัญญาด้านที่อยู่อาศัยของ ท้องถิ่น : กรณีศึกษาพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง (ลุ่มน้ามูล-ลาตะคอง)

รศ.กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์ อาจารย์ประจาสาขาสถาปัตยกรรม คณะศิลปกรรมและออกแบบอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา

อาจารย์

โครงการวิจัย สถาปัตยกรรม ๐๘ ๙๔๒๗ ๗๗๐๐ พื้นถิ่น : กรณีศึกษาเรือนโคราช จังหวัดนครราชสีมา

สานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราช ภัฏนครราชสีมา

หน่วยงาน

เรือนครู “เรือนพ่อคง” มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา การศึกษาสถานภาพการดารง อยู่ของเรือนโคราชในปัจจุบนั และคุณค่าของเรือนโคราชใน ทัศนคติของผู้อยู่อาศัย

ผศ.การุณย์ ศุภมิตรโยธิน อาจารย์ อาจารย์ประจาโปรแกรมวิชาสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราช ภัฏนครราชสีมา

๐๘ ๙๔๑๖ ๔๔๔๘

๐ ๔๔๐๐ ๙๐๐๙ ต่อ ๑๐๑๐, ๑๐๑๓ ๐๘ ๓๙๓๓ ๑๙๙๖


๒๐ ส่วนที่ ๕ กำรยินยอมของชุมชนในกำรจัดทำรำยกำรเบื้องต้นมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม ๕.๑ หน่วยงำนสนับสนุนภำครัฐ ชื่อ-สกุล นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี ตาแหน่ง วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ถนนเพชรมาตุคลา ตาบลมะเริง อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ ๓๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๔๔๒๒ ๐๘๙๘ โทรสาร ๐ ๔๔๒๒ ๐๘๙๘ มือถือ ๐๘ ๙๙๗๓ ๙๘๓๒ อีเมล์ nakhonratchasimay@m-culture.go.th ขอรับรองข้อมูลตามเอกสารคาขอเสนอฯ และยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลและนาไปใช้ประโยชน์ต่อไป ลงชื่อ (นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี) วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ๕.๒ หน่วยงำนผู้ให้บริกำรและผู้สืบทอด ชื่อ-สกุล รองศาสตราจารย์กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์ อาจารย์ประจาสาขาสถาปัตยกรรม คณะศิลปกรรมและออกแบบอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ที่อยู่ ๗๔๔ ถนนสุรนารายณ์ อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ ๓๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐๘ ๙๔๒๗ ๗๗๐๐, ๐ ๔๔๒๓ ๓๐๐๐ ขอรับรองข้อมูลตามเอกสารคาขอเสนอฯ และยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลและนาไปใช้ประโยชน์ต่อไป ลงชื่อ (รศ.กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์) อาจารย์ประจาสาขาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ๕.๓ หน่วยงำนผู้ให้บริกำรและผู้สืบทอด ชื่อ-สกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์การุณย์ ศุภมิตรโยธิน อาจารย์ประจาโปรแกรมวิชาสถาปัตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่อยู่ ๓๔๐ ถนนสุรนารายณ์ อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ ๓๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐๘ ๓๙๓๓ ๑๙๙๖, ๐ ๔๔๐๐ ๙๐๐๙ ขอรับรองข้อมูลตามเอกสารคาขอเสนอฯ และยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลและนาไปใช้ประโยชน์ต่อไป ลงชื่อ (ผศ.การุณย์ ศุภมิตรโยธิน) อาจารย์ประจาโปรแกรมวิชาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา


๒๑ ส่วนที่ ๖ ภำคผนวก ๖.๑ เอกสำรอ้ำงอิง กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์. (๒๕๔๔). สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น: กรณีศึกษาฝาปรือ เรือนโคราช จังหวัดนครราชสีมา. รายงานวิจัย สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. นครราชสีมา กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์. (๒๕๔๕). สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น: กรณีศึกษาเรือนโคราช จังหวัดนครราชสีมา. รายงาน วิจัย สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. นครราชสีมา การุณย์ ศุภมิตรโยธิน. (๒๕๕๘). สถานภาพการดารงอยู่ของเรือนโคราชในปัจจุบัน กรณีศึกษาหมู่บ้านพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา ในวารสารสังคมลุ่มน้าโขง Vol.๑๑ No.๑ มกราคม – เมษายน ๒๕๕๘ หน้า ๑๒๙-๑๔๙ การุณย์ ศุภมิตรโยธิน. (๒๕๕๙). คุณค่าของเรือนโคราชในทัศนคติของผู้อยู่อาศัย ในวารสารวิชาการคณะ สถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๒ (กรกฎาคม – ธันวาคม) หน้า ๑๗-๓๒ การุณย์ ศุภมิตรโยธิน. (๒๕๕๙). เรือนโคราช พ.ศ.๒๕๕๙. พิมพ์ครั้งที่ ๑. สานักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา ร่วมกับ คณะศิษย์เก่าโรงเรียนฝึกหัดครูนครราชสีมา วิทยาลัยครูนครราชสีมา สถาบันราชภัฏ นครราชสีมา และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นฤมล ปิยวิทย์. (๒๕๕๐). ไทโครำช. ที่ระลึกในโอกาสเกษียณอายุราชการ. นครราชสีมา วิโรฒ ศรีสุโร. (๒๕๓๐). เรือนพักอำศัยของชำวไทยโครำช: สถาปัตยกรรมอีสาน เอกสารประกอบการสัมมนา เอกลักษณ์สถาปัตยกรรมอีสาน งานนิทรรศการวัสดุก่อสร้างและผลงานสถาปัตยกรรมอีสาน สถาปัตยกรรม อีสานสัญจร ๒๙ ต.ค. - ๑ พ.ย.๒๕๓๐ ณ. โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น. กรุงเทพฯ: เมฆาเพรส นพดล ตั้งสกุล. (๒๕๕๙). สถานภาพผลงานวิชาการการศึกษาเรือนพื้นถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ไทย ในวารสารวิชาการคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๒ (มกราคม – มิถุนายน) หน้า ๑๗-๓๒ สุวัฒน์ ตัณฑนุช และคณะ. (๒๕๔๒). เรือนไทยโคราช. ศูนย์วัฒนธรรมวิยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สถาบัน วัฒนธรรมราชมงคลเฉลิมพระเกียรติ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา

๖.๒ บุคคลอ้ำงอิง ๖.๒.๑ นางลมหวน โปรยขุนทด ที่อยู่ ๑๑ หมู่ที่ ๕ บ้านใหม่เจริญสุข ตาบลด่านขุนทด อาเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๒ นางสว่างจิตร ระราคี ที่อยู่ ๓๗ หมู่ที่ ๔ บ้านพิชิตคเชนทร์ ตาบลโชคชัย อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๓ นายประกอบ อาจยัง ที่อยู่ ๑๐ หมู่ที่ ๓ บ้านบุตาเหมา ตาบลกระโทก อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๔ นายใจ แผ่กระโทก ที่อยู่ ๗ หมู่ที่ ๓ บ้านบุตาเหมา ตาบลกระโทก อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๕ นางแหวน แก้วสระน้อย ที่อยู่ ๙๐ หมู่ที่ ๒ บ้านพระเพลิง ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๖ นายบุญช่วย โกฏสระน้อย ที่อยู่ ๓๖ หมู่ที่ ๒ บ้านพระเพลิง ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๗ นางมี โคกสระน้อย ที่อยู่ ๖๑ หมู่ที่ ๖ บ้านนกออก ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา


๒๒ ๖.๒.๘ นางสาวณัฐินี ฉิมพลี ที่อยู่ ๗๗/๑ หมู่ที่ ๖ บ้านนกออก ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๙ นางจิบ จินตนา ที่อยู่ ๕ หมู่ที่ ๖ บ้านนกออก ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๑๐ นางเนาวรัตน์ ทุมจานงค์ ที่อยู่ ๓๒ หมู่ที่ ๒ บ้านธงชัย ตาบลเมืองปัก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๑.๑๑ นายประดับ งอนตะคุ ที่อยู่ ๘๗ หมู่ที่ ๑ บ้านตะคุ ตาบลตะคุ อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา (นายช่าง) ๖.๑.๑๒ นายสง่า คงศิริ ที่อยู่ ๑๕ หมู่ที่ ๒ บ้านคอนสาร ตาบลตะคุ อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๑.๑๓ นางทองหลอม อินทวงศ์ ที่อยู่ ๑๗ หมู่ที่ ๔ บ้านโนนรัง ตาบลตะคุ อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๑๔ นางทองเม่น พวงสุวรรณ ที่อยู่ ๒๓/๑ หมู่ที่ ๔ บ้านโนนรัง ตาบลตะคุ อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๑๕ นางจูมจันทร์ ชมตะคุ ที่อยู่ ๕๒ หมู่ที่ % บ้านอุโลก ตาบลตะคุ อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๑๖ นางอบ บุญตะคุ ที่อยู่ ๒๐ หมู่ที่ ๓ บ้านแดง ตาบลตะคุ อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ๖.๒.๑๗ นายพูน เปรมสระน้อย บ้านนกออก ต.นกออก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา (นายช่าง)

๖.๓ ข้อมูลภำพถ่ำย ที่ ๑

ภำพถ่ำย

คำอธิบำย เรือนโคราช ๓ จั่ว

ผู้อ้ำงอิง นางสาวณัฐินี ฉิมพลี

๗๗/๑ หมู่ที่ ๖ บ้านนกออก ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

เรือนโคราช ๒ จั่ว ๘๗ หมู่ที่ ๑ บ้านตะคุ ตาบลตะคุ อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา (นายช่าง)

นายประดับ งอนตะคุ

ติดต่อ


๒๓ ๓

เรือนโคราช ๑๐ หมู่ ๓ บ้านบุตาเหมา ตาบลกระโทก อาเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา

นายประกอบ อาจยัง

เรือนโคราช ๓๖ หมู่ ๒ บ้านพระเพลิง ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา

นายบุญช่วย โกฏสระน้อย

เรือนโคราชประยุกต์

นางมี โคกสระน้อย

๖๑ หมู่ ๖ บ้านพระเพลิง ตาบลนกออก อาเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา


๒๔ ๖

เรือนโคราช “เรือนพ่อคง” นายชุตินันท์ ทองคา แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

เรือนโคราช “เรือนเฉลิมวัฒนา” ดร.นิเชต สุนทรพิทักษ์ ๐๘ ๑๗๑๘ ๓๗๘๗ ๖๘๘ ถนนราชดาเนิน ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

โมเดล “เรือนโคราช” สาขาสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา

รศ.กาญจนา ตันสุวรรณรัตน์

๐๘ ๓๑๒๙ ๙๙๘

๐๘ ๙๔๒๗ ๗๗๐๐


๒๕ ๙

โครงสร้างเรือนโคราช ๓ จั่ว คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ผศ.ดร.นพดล ตั้งสกุล ๐๘ ๙๔๑๖ ๔๔๔๘

๑๐

โครงสร้างเรือนโคราช ๒ จั่ว สถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ผศ.ดร.นพดล ตั้งสกุล ๐๘ ๙๔๑๖ ๔๔๔๘

๖.๔ ข้อมูลภำพเคลื่อนไหว หรือข้อมูลเสียง (ระบุประเภทของสื่อที่แนบมาพร้อมคาอธิบาย) ข้อมูลภาพถ่าย ได้แก่ เรือนโคราช, แบบจาลองเรือนโคราช ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว ได้แก่ วีดิทัศน์เรื่อง “เรือนโคราช” ข้อมูลเสียง ได้แก่ บทสัมภาษณ์เจ้าของเรือน, นายช่าง, นักวิชาการ (วีดิทัศน์) ๖.๕ ข้อมูลผู้เสนอ ชื่อ-สกุล นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี ตาแหน่ง วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา หน่วยงาน สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ถนนเพชรมาตุคลา ตาบลมะเริง อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ ๓๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๔๔๒๒ ๐๘๙๘ โทรสาร ๐ ๔๔๒๒ ๐๘๙๘ มือถือ ๐๘ ๙๙๗๓ ๙๘๓๒ อีเมล์ nakhonratchasimay@m-culture.go.th ๖.๖ ข้อมูลผู้ประสำนงำน ชื่อ-สกุล นางสาวฉวีวรรณ แปวกระโทก สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ถนนเพชรมาตุคลา ตาบลมะเริง อาเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา รหัสไปรษณีย์ ๓๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๔๔๒๒ ๐๘๙๘ โทรสาร ๐ ๔๔๒๒ ๐๘๙๘ มือถือ ๐๘ ๙๕๗๙ ๑๒๑๔ อีเมล์ chjuky@hotmail.com ***********************


๒๖

กำรประชุมคณะกรรมกำรส่งเสริมและรักษำมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรมประจำจังหวัดนครรำชสีมำ พิจำรณำข้อมูลมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม “เรือนโครำช”


๒๗

กำรประชุม Focus Group ณ โรงเรียนวัดหงส์ บ้ำนพระเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครรำชสีมำ


๒๘

คณะทำงำนลงพื้นที่สำรวจ จัดเก็บ ข้อมูลมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรมของจังหวัดนครรำชสีมำ “เรือนโครำช”


๒๙

คณะทำงำนลงพื้นที่สำรวจ จัดเก็บ ข้อมูลมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรมของจังหวัดนครรำชสีมำ “เรือนโครำช”


๓๐

คณะทำงำนลงพื้นที่สำรวจ จัดเก็บ ข้อมูลมรดกภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรมของจังหวัดนครรำชสีมำ “เรือนโครำช”

แหล่งเรียนรู้ทำงวัฒนธรรม “เรือนโครำช” มหำวิทยำลัยรำชภัฏนครรำชสีมำ


บทความ เรื่อง องคความรูที่ซอนอยูในเรือนโคราช การจัดการความรู สํานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา


องคความรูที่ซอนอยูในเรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 1. ที่มาและความสําคัญ เรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดสรางเมื่อ พ.ศ. 2559 โดยเงินบริจาคของ คณะศิษยเกาโรงเรียนฝกหัดครูนครราชสีมา วิท ยาลัยครูนครราชสีมา สถาบันราชภัฏ นครราชสีม า และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งเรือนโคราชหลังนี้ไดชะลอ (รื้อและยาย) มาจากอําเภอคง จังหวัดนครราชสีมา ที่มีอายุถึง 111 ป มีลักษณะโดดเดนแตกตางจากเรือนทั่วไป (เรือนมี 2 จั่ว แตมี พื้นที่ใชสอยเทียบเทาเรือน 3 จั่ว) มีการสอดประสานชิ้นสวนตางๆ เขาดวยกันเปนองคอาคารไดอยาง แข็งแรง มั่นคง สะทอนใหเห็นอัจฉริยภาพและปญญาสรางสรรคของชางทองถิ่นโคราชที่มีความริเริ่ม มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบโครงสราง แตกตางอยางเปนเอกลักษณ ทําหนาที่เปนขอมูลสําคัญทาง ประวัติศาสตรและเปนแหลงเรียนรูทางภูมิปญญาของทองถิ่นชาวโคราชสืบไป ซึ่งการดําเนินงานในระยะของการกอสรางไดเสร็จสิ้นแลว สํานักศิลปะและวัฒนธรรม จึงมี แผนในการดําเนินการลําดับตอไป คือ การนําเสนอเนื้อหาทางวิชาการที่เกี่ยวของกับเรือนโคราชดวย เทคนิคตางๆ อยางมีสุนทรียภาพ อาทิ การบรรยายทางวิชาการ การจัดทําเอกสารทางวิชาการ การ ประชาสัมพันธ หรือกระบวนการอื่นๆ ดังนั้นจึงมาสูการลงความเห็นรวมกันวาในปงบประมาณ 2560 จะไดดําเนินการจัดการความรูในเรื่อง “องคความรูที่ซอนอยูในเรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา” เพื่อระดมองคความรูสูโครงสรางเนื้อหาหลักประกอบการนําเสนอเนื้อหาทางวิชาการ ของเรือนโคราชตางๆ และกระตุนใหบุคลากรรูจักกับเรือนโคราชในขั้นพื้นฐานไดมากยิ่งขึ้น 2. วัตถุประสงค เพื่ อ ค น หาองค ค วามรู ใ นด า นต า งๆ ที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ เรื อ นโคราช มหาวิ ท ยาลั ย ราชภั ฏ นครราชสีมา สําหรับใชเปนตนทุนในการผลิตเอกสาร สื่อ นิทรรศการ หรือเทคนิคการนําเสนอเนื้อหา รูปแบบอื่นๆ และกระตุนใหบุคลากรรูจักกับเรือนโคราชในขั้นพื้นฐานไดมากยิ่งขึ้น


3. ผูใชความรู 3.1 บุคลากรสํานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 3.2 ผูมาเยี่ยมชมเรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 4. กระบวนการ การดําเนินงานการจัดการความรู ใชกระบวนการจัดการความรูของ กพร. จํานวน 7 ขั้นตอน มีการดําเนินงานดังนี้ 4.1 การบงชี้ความรู การดําเนินงานการจัดการความรู มีก ลุม เปาหมายหลั ก คื อ บุคลากรสํา นัก ศิ ล ปะและ วัฒ นธรรมทุก คน จึง ได รว มกัน สรา งกลไกในการดํา เนิน งาน โดยผูบ ริห ารของสํา นัก ศิ ล ปะและ วัฒนธรรม เปนคณะกรรมการที่ปรึกษา และมีนายธนัช แววฉิมพลีสกุล เปนหัวหนาทีมการจัดการ ความรู โดยในสวนของบุคลากรทุกคนเปนคณะกรรมการดําเนินงานโดยไดแบงหนาที่ในแตละฝายตาม ความสนใจ และมอบหมายใหนายชุตินันท ทองคํา เปนเลขานุการ จากนั้นจึงประชุมระดมความคิดเห็นถึงความรูที่จําเปนตอการปฏิบัติงาน โดยมีความเห็น รวมกันในการขยายงาน ในสวนของพิพิธภัณฑฯ สืบเนื่องจากที่คณะศิษยเกาฯ มอบเรือนโคราชให มหาวิทยาลัยโดยมีสํานักศิลปะและวัฒนธรรมเปนผูดูแล เพื่อใหเรือนโคราชเกิดประโยชนสูงสุดจึงได ดําเนินการกําหนดเปนประเด็น ในการจัดการความรู คือ "องคความรูที่อยูในเรือนโคราช"


4.2 การสรางและการแสวงหาองคความรู คณะกรรมการจัดการความรู ไดเนนกระบวนการสรางและแสวงหาองคความรู เพื่อเปนการ สรางประสบการณใหกับบุคลากรของสํานักศิลปะฯ จึงไดออกแบบกิจกรรมออกเปน 4 ขั้นตอนดังนี้ 4.2.1 การประชุมบุคลากรสายสนับสนุน เพื่อหาแนวทางในการสรางและแสวงหาความรู โดย ไดรวมกันกําหนดกิจกรรมและแบงหนาที่อยางไมเปนทางการ สรางการพูดคุยดวยบรรยากาศที่ไม เครงเครียด โดยผลจากการพูดคุย ไดแนวทางในการระดมขอคําถามจากผูเ ยี่ยมชม และจะไดกําหนด วันในการทํา Mind Map เพื่อวิเคราะหประเภทของขอคําถามในภายหลัง

4.2.2 การแสวงหาองคความรูจ ากผูเชี่ยวชาญดานพิพิธภัณฑ จากสถาบันพิพิธภัณฑการ เรี ยนรูแ หง ชาติ ใหคํ า แนะนํ าเกี่ ยวกับ เทคนิค การจั ด แสดงในเรือ นโคราชและการอนุ รัก ษวั ต ถุ พิพิธภัณฑ (23-24 มีนามคม 2560)


4.2.3 การศึกษาดูงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรูกับผูมีประสบการณตรง (Tacit Knowledge) ในแหลง เรียนรูที่มีลัก ษณะคลายคลึงกัน ณ หองไทยนิทัศนและวัฒนธรรมอาเซียน มหาวิท ยาลัย เทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งไดพูดคุยกับผูบริหารและเจาที่ที่ดูแลโดยตรงเกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ ทํางานระหวางกัน เกิดเครือขายที่สามารถปรึกษาระหวางหนวยงานไดในอนาคต

4.2.4 องคความรูที่อยูในรูปแบบเอกสาร (Explicit Knowledge) เลมหลัก คือ เรือนโคราช พ.ศ. 2559 เขียนโดย ศิษยเกาโรงเรียนฝกหัดครู วิทยาลัยครู สถาบันราชภัฏ และมหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา ซึ่งเปนคณะผูทํางานระดมทุนและจัดสรางเรือนโคราชหลังนี้


4.3 การจัดการความรูใหเปนระบบ นําขอคําถามที่ผูชมไดส อบถาม มาจัดใหเ ปนระบบ โดยใช Mind Map เปนเครื่องมือ นําเสนอในรูป ของราง Mind Map และร างรูปแบบตารางคําถาม-คําตอบ ซึ่งสามารถนําเสนอใน รูปแบบ Info Graphic ไดในภายหลังเนื่องจากกระบวนการนี้ใชเวลาในการจัดทํา

4.4 การประมวลและกลั่นกรองความรู เมื่อจัดทํา Mind Map ที่ใชคอมพิวเตอรหรือวาดดวยมือใหมีสีสันสวยงาม อานเขาใจไดงาย ขึ้น และทําตารางคําถาม-คําตอบเสร็จเรียบรอย ดําเนินการนําเสนอตอบุคลากรสายสนับสนุน และ ผูบริหารของสํานักศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อทําการตรวจสอบความถูกตองเหมาะสม


4.5 การสรางการเขาถึงความรู 1 . นํ า เ ส น อ ข อ มู ล ผ า น ร ะ บ บ อ อ น ไ ล น ไ ด แก www.koratmuseum.com แล ะ www.koratculture.com 2. ทดลองจัดทํานิทรรศการฉบับชั่วคราว และสังเกตพฤติกรรมของผูชมวามีความสนองตอบ ตอนิทรรศการอยางไร และใหนําผลกลับไปปรับปรุงอีกครั้ง 3. จัดทํา Postcard อธิบายรายละเอียดเรือนโคราชในฉบับยอ เพื่อใหเขาใจงาย

4.6 การแบงปนและการแลกเปลี่ยน 1. มีการฝกบุคลากรของสํานักศิลปะและวัฒนธรรมในการตอนรับผูมาเยี่ยมชมเรือนโคราช กลุมทั่วไป โดยผูปฏิบัติงานหลักรายงานผลการสังเกตพฤติกรรม และอธิบายรายละเอียดเติมซ้ําๆ 2. มีการรวมแสดงความคิดเห็นจากประสบการณที่ไดพบนําไปสูการปรับปรุงการทํางาน รวมถึงประสบการณในการทําการจัดการความรูในครั้งนี้


4.7 การเรียนรู - กระบวนการเรียนรูยังคงเนนการพูดคุยหลังจากการตอนรับผูชมเรือนโคราชอยูเสมอ เนน การเรียนรูที่จะเกิดขึ้นจากการสังเกต การใสใจในรายละเอียด กอใหเกิดผลทางออม คือ จิตสาธารณะ ที่จะเกิดจากการไดพูดไดคุย - ในสวนของนิทรรศการออนไลน ยังคงตองปรับปรุงขอมูลใหมีความครอบคลุม สนองตอ ความตองการอยูเสมอ โดยขยายมิติไปในการสรางจุดแข็งในดานวิชาการของสถาปตยกรรมพื้นถิ่น เปนแหลงที่อํานวยความสะดวกตอผูสนใจในเรือนโคราชที่จะไดมาคนควาในระบบออนไลนไดสะดวก ยิ่ง ขึ้น เพื่อสรา งการรับ รู นํามาสูก ารเกิดผูชมหนาใหมที่จ ะหมุ นเวียนเขามาชมพิพิธภั ณฑเ มือ ง นครราชสีมา และเรือนโคราช 5. ผลลัพธที่ได องคความรูหรือผลลัพธที่ไดจากการจัดการความรู เรื่อง “องคความรูที่ซอนอยูในเรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา” โดยไดประเด็นตางๆ ดังนี้ 1) ขอมูลเรือนเกา ณ อําเภอคง 2) ลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมไทโคราช 3) การระดมทุนของคณะศิษยเกา ฯ ในการจัดสรางเรือน โคราช 4) การดําเนินการชะลอ-ปรุงเรือนในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 5) ความรูพื้นฐานดาน โครงสราง-สถาปตยกรรมในเรือนโคราช 7) วัตถุประกอบเรือน 8) การบริหารจัดการเรือนโคราช และ อนาคตของเรือนโคราช จากนั้นจึงไดรวบรวมและจัดทําเปนผลลัพธใน 2 มิติคือ 1) จัดทํา webpage ใน www.koratmuseum.com เพื่อบริการแกผูเยี่ยมชมทั่วไป 2) จัดทําตารางวิเคราะหคําถาม-คําตอบที่ผูชมถามซ้ําๆ (Q&A) และจัดทําเปน Postcard เพื่อใหเขาใจงาย 6.ปจจัยสูความสําคัญ (เทคนิค วิธีการ เคล็ดลับ) - พูดคุยกันอยางไมเ ปนทางการ ในบรรยากาศที่ไม เ ครง เครียด ไม เ พิ่ม ภาระงานหลั ก แตมุงแกปญหาเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน - กระตุนใหเปดรับสิ่งใหม รวมแลกเปลี่ยนเรียนรูในดานที่ตัวเองไมรูหรือไมไดปฏิบัติงาน - มีการแสวงหาองคความรูที่เผยแพรบนสื่ออินเทอรเน็ต - มีการศึกษาดูงาน ณ องคกรที่มีขนาดและบริบทคลายคลึงกัน โดยไดแลกเปลี่ยนเรียนรูกับผู มีประสบการณตรง - มีการดําเนินงานจริง เพื่อใหไดองคความรูควบคูกับการไดงานไปพรอมๆ กัน เมื่อเกิดขอ สงสัยก็จะเกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนระหวางการปฏิบัติงานไดทันที นํามาสูแนวทางการปรับปรุงการ ทํางานที่เหมาะสม - จะตองบูรณาการกับกิจกรรมอื่นๆ ขององคกรได เกิดประโยชนในหลายมิติ


7. การใชประโยชน องคความรูหรือผลลัพธที่ไดจากการจัดการความรู เรื่อง องคความรูที่ซอนอยูในเรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จะเปนการรวมขอคําถาม ขอสงสัย จากผูชมหลายกลุมเพื่อนํามา สรางเอกสารที่รวบรวมคําตอบที่ถูกจัดเรียงเปนหมวดหมู และตอบขอสงสัยโดยผูเชี่ยวชาญดานตางๆ ของสํ า นั ก ศิ ล ปะและวั ฒ นธรรม เพื่ อ มาเป น แนวทางในการผลิ ต สื่ อ ชนิ ด ต า งๆ อาทิ 1) สื่ อ ประชาสัม พันธ 2) สื่อการเรียนรู 3) นิทรรศการ 4) เอกสารทางวิชาการ 5) เทคนิคการนําเสนอ รูปแบบอื่นๆ เพื่อสง เสริม การเรียนรูในรูปแบบอื่นๆ สวนประโยชนของบุคลากรสํานัก ศิล ปะและ วัฒนธรรมจะทําใหไดรูจักและเขาในรายละเอียดของเรือนโคราชไดเพิ่มขึ้น และจะสามารถทํางาน ทดแทนกันไดในการบริการแกผูมาเยี่ยมเรือนโคราช มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 8. วิธีหรือเครื่องมือที่ใชในการประเมินผลการนําความรูไปใช สํานักศิลปะและวัฒนธรรมไดนําความรูที่ไดมาใชในการสรางโครงสรางเนื้อหาในการผลิตสื่อ ชนิดตางๆ จากการประเมินผลโดยการสังเกต พบวา การดําเนินการจัดการความรูโดยการแสวงหา ความรูจากภายนอกในการไปศึกษาดูงาน ทําใหไดเปลี่ยนบรรยากาศทํางาน ไดพูดคุยแลกเปลี่ยน ขอคิดเห็น และไดมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในการตอนรับผูมาเยี่ยมชมเรือนโคราช ไดแสดงถึงความ สามัคคี ชวยเหลือกันอยางเต็มที่ ในทุก ขั้นตอน และสง ผลทางออมที่ทํา ใหบุคลากรกลาคิด กลา แสดงออก และมุงปฏิบัติงานเพื่อความเปนเลิศขององคกรในดานอื่นๆ อีกดวย - ตัวอยางผลการนําขอมูลที่เผยแพรไวบน www.koratmuseum.com/bankorat.html มีผูนําไปประกอบการสรางเรือนแบบโคราช (ที่มา : https://pantip.com/topic/36853656)


9. แหลงอางอิง หรือบุคคลอางอิง - หนังสือเรือนโคราช พ.ศ. 2559 โดย คณะศิษยเกา โรงเรียนฝกหัดครู วิทยาลัยครูสถาบัน ราชภัฏ และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา - เรือนโคราช (เรือนพอคง) "เรือนแหงความดี ความจริง ความงาม ความสุข และความพอดี พอเพียงแบบวิถีโคราช โดย ดร.ดุลยพิชัย โกมลวานิชย 10. ประวัติผูเขียน ชื่อ – สกุล : ตําแหนงปจจุบัน : ประวัติการศึกษา :

อีเมลล : หมายเลขโทรศัพท :

นายชุตินันท ทองคํา หัวหนากลุมงานหอวัฒนธรรมและศูนยการเรียนรู สํานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา - บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (บธ.ม.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน - ศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) นิเทศศาสตร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา sawadeegan@msn.com 044 – 009009 ตอ 1013 โทรศัพทมือถือ 083 – 129 9983



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.