เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
คิดไม่ออก...ปัญหานี้คงจะเคยเกิดขึ้นกับคนหลายๆคน ซึ่งก็รวมถึงตัวผม ในตอนนี้ด้วย เพราะในขณะนี้ (ตีสามของวันกําหนดส่งต้นฉบับ) ผมก็ยังคิดไม่ ออกว่าจะเขียน editor talk ฉบับนี้ยังไงดี ครั้งแรกที่ได้ยิน theme นี้ก็เล่นเอางง ไปเหมื อ นกั น ก็ ยั ง สงสั ย อยู่ ว่ า คนคิ ด นี่ คิ ด theme...คิ ด ไม่ อ อก...ออกได้ ยั ง ไง แต่อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าการคิด...ไม่ออกนั้นต่างจากการ...ไม่คิด...อย่างแน่นอน เ พ ร า ะ อ ย่ า ง น้ อ ย ถึ ง แ ม้ คุ ณ จ ะ คิ ด . . .ไ ม่ อ อ ก แ ต่ คุ ณ ก็ ไ ด้ ชื่ อ ว่ า คิ ด แ ล้ ว ปัญ หาทั้ ง หลายแหล่ที่ ค นชอบ บอกว่า...คิดไม่ออก ...นั้น บางทีอาจจะมาจากการ ที่คนคนนั้นไม่ยอมคิดก็เป็นได้ เม็ดเลือดแดงฉบับนี้จะเชิญชวนทุกคนมา ช่ ว ยขบคิ ด กั น ในเรื่ อ งต่ า งๆ แม้ บ างเรื่ อ ง อาจจะ...คิดไม่ออก...ในตอนนี้ก็ตาม แต่สักวันผมเชื่อว่าจะต้อง...คิดออก... อย่างแน่นอน ขอเพียงอย่าหยุดคิดเท่านั้น เป็ น พอ เห็ น มั้ ย ล่ ะ อย่ า งน้ อ ยผมก็ คิ ด editor talk ฉบับนี้...ออก...แล้วละ กอง บก. เม็ดเลือดแดง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วารสาร เม็ดเลือดแดง กอง บก. : กระแต เบียร นุก บูมสกี้ ตอม กวาง เอก ปารค อัจ นิว เจมส ปูมิ ขวัน เฟรน ซะฮ แมกซ นุก บาส บิ๋ม แปม เดือน บีท กรุป แกก แหมม ใหม และชาวคณะ ฝายศิลป : กระแต เบียร บูมสกี้ ตอม กวาง ปูมิ หนูปน ออกแบบปก : บูมสกี้ - Daylight Studio ติดตอ: โทร. 085-1306318 พี่เบียร E-mail : jc_singhadang@hotmail.com Hi5: Medleuddang.hi5.com
-1-
---------------------------------------------------
วิเคราะหสถานการณบานเมือง 3 : สังคมที่คิดไมออก...กับทางออกของปญหา Young blood 6 : คําถามที่ไม(คิด)ตอบ 9 Forward: การจัดอันดับภาควิชารัฐศาสตร 50 อันดับสูงสุดทั่วโลก 13 บทความวิชาการ: คาลิล ยิบราน: คิดได เขียนได แตใชวาจะปฏิบัติได
23 สํารวจความเห็น: เวลาคุณคิดไมออก คุณจะโทษใคร 26 สรรหา...มาเลา: ลุงโงยายภูเขา 31 แหวกอกสิงห: Cheerful Though เรามาเชียร 43 การประกันคุณภาพการศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมนักศึกษา 46 วันนั้นของเดือน: โปรแกรมเด็ดประจําเดือน 49 ไสติ่ง: เลานิทานใหเพื่อนฟง 53 PoLiTiQuiZ: คิดไมออก ชวยดวยยยยยย ?
-2-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
วิเคราะหสถานการณบานเมือง โดย คานาเป้ Kanompung_canape@hotmail.com 6 ก.ค. 51
สังคมที่คิดไมออก…กับทางออกของปญหา สภาพแวดล้อมทางการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่ส่งผลให้คนในสังคม มัก ที่จะเลือกข้างทางการเมืองข้างใดข้างหนึ่งอย่างชัดเจนระหว่าง 2 ฝ่าย อันได้แก่ ฝ่ายรักทักษิ ณ ซึ่งมีรั ฐบาลของคุ ณสมัคร สุ นทรเวช (ที่ว่ากันว่า เป็นรัฐ บาล นอมินีของคุณทักษิณ) และพรรคพลังประชาชน เป็นตัวแทน และ ฝ่ายไม่เอา ทักษิณ ซึ่งมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นแกนนํา ซึ่งบ่อยครั้ง การเลือกเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาและขาดเหตุผลนั้น ได้ก่อให้เกิด การปะทะกั น ของคนในสั ง คม ไม่ ว่ า จะเป็ น ในระดั บ ย่ อ ยตั้ ง แต่ ปั จ เจกบุ ค คล ครอบครั ว ไปจนถึ ง การปะทะกั น ในระดับ ใหญ่ อย่า งเช่น การเผชิ ญ หน้ า กั น ระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับ กลุ่มต่อต้าน และหลายๆ ครั้ง การปะทะกันก่อให้เกิดความรุนแรงเสียหายทั้งกับร่างกายและทรัพย์สินของ ทั้งสองฝ่าย เมื่อฟังถ้อยคําและเหตุผลโต้ตอบระหว่าง แกนนําพันธมิตรประชาชน เพื่ อ ประชาธิ ป ไตย กั บ แกนนํ า ในฝ่ า ยรั ฐ บาลแล้ ว นั้ น ทํ า ให้ ผ มเห็ น ด้ ว ย กั บ ความคิดเห็น ของ อ.เกษียร เตชะพีระ ที่ผมเข้าใจได้ว่า ปัญหาความขัดแย้งใน การเมืองไทยในปัจจุบันนั้น บางส่วนมาจากการปะทะกันของแนวความคิดสอง อ ย่ า ง คื อ เ ส รี นิ ย ม ( Liberalism) แ ล ะ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ( Democracy) ซึ่งประวัติศาสตร์ได้นําพาความคิดทั้งสองมารวมกัน ก่อให้เกิดแนวความคิดที่ เรียกว่า เสรีประชาธิปไตย (Liberal Democracy) แต่ในประเทศไทยปัจจุบันนั้น หลักการทั้งสองกําลังแยกจากกันชัดเจนขึ้น -3-
---------------------------------------------------
หลักการเสรีนิยม จะเน้นในเรื่องของ สิทธิ เสรีภาพ เหนือร่างกาย ชีวิ ต ทรั พ ย์ สิ น ของบุ ค คลพลเมื อ ง มีห ลั ก นิ ติ ธ รรม มี ก ารจํ า กั ด อํ า นาจของ ผู้ปกครอง มีรัฐธรรมนูญที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิพลเมืองจากอํานาจรัฐ มีการ ตรวจสอบถ่วงดุลมิให้เกิดการผูกขาดอํานาจโดยมิชอบจากผู้กุมตําแหน่งรัฐบาล หลักการประชาธิปไตย จะเน้นในเรื่องความเสมอภาคของประชาชน อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน โดยมุ่งที่จะให้ประชาชนได้เป็นเจ้าของและใช้ อํานาจรัฐผ่านการเลือกตั้ง และสนับสนุนการรวมตัวกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง ถ้าหากจะเปรียบให้เห็นภาพแล้วนั้น จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ จนถึงรัฐบาลสมัคร รัฐบาลพยายามจะย้ําอยู่เสมอว่า พวกตนมาจากการเลือกตั้ง ของประชาชนถึง 10 กว่าล้านเสียง ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศให้ความชอบ ธรรมแก่ พ วกตน ด้ว ยการที่ เลื อ กพวกตนให้ช นะการเลือ กตั้ ง อย่ า งถล่ม ทลาย ดังนั้น การออกนโยบาย หรือ กระทําการใดๆของรัฐบาล ย่อมหมายถึง การที่ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยและยอมรับ แต่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนใจกับ สิทธิ และเสรีภาพในการเรียกร้องของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทําของรัฐบาล ซึ่งหลายๆครั้ง รัฐบาลมักจะออกมาใช้คําพูดในลักษณะที่ว่า ผู้ที่ออกมาชุมนุม เรี ย กร้ อ งนั้ น เป็ น ม็ อ บที่ จั ด ตั้ ง มา ไ ด้ รั บ เ งิ น ค่ า จ้ า ง แ ล ะ มี ผู้ ห วั ง ผลประโยชน์แอบแฝงอยู่เบื้องหลัง ซึ่งดูแล้วค่อนข้างจะถือเป็นการดูถูก ในสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ถ้ า ห า ก จ ะ ม อ ง ว่ า ก า ร เลื อ กตั้ ง เป็ น ความชอบธรรมแต่ เพีย งอย่างเดี ยวในระบบการเมือ ง แล้ ว ผลั ก ความคิ ด นี้ ไ ปจนสุ ด ทาง เราก็จะได้ระบบการเมืองที่มีรัฐบาล มาจากการเลือกตั้ง แต่รัฐบาลเป็น เผด็จการ ออกนโยบายหรือกระทํา ก า ร ใ ด ๆ โ ด ย ไ ม่ ฟั ง เ สี ย ง ข อ ง ประชาชน มองข้ามสิทธิ เสรีภาพ
ณ ตอนนี้ ไม มี พื้ น ที่ ว า งให แ ก ค นที่ ไ ม เ ลื อ ก ขางไดยืนและแสดงออก ทางการเมือง ...สภาพทางสังคม แบบนี้ บี บ ให เ ราต อ ง เลือกขาง...
-4-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
ในเรียกร้อง คัดค้านของประชาชน พูดง่ายๆระบบการเมืองแบบนี้ รัฐบาลทําได้ ทุกอย่าง ถ้าชนะเลือกตั้งเข้ามา ส่ ว นฝ่ า ยพั น ธมิ ต รประชาชนเพื่ อ ประชาธิ ป ไตยนั้ น ก็ พ ยายามที่ จ ะ วิจารณ์ลดค่าของประชาธิปไตยแบบตัวแทน โดยพยายามบอกว่า นักการเมือง ทุจ ริต คอรั ปชั่ น กิน บ้า นกิ นเมือ ง เลื อกตั้ง ก็ซื้ อเสีย ง ที่ช นะเลื อกตั้ง เข้ า มาก็ เพราะซื้อเสียง เพราะฉะนั้น จึงไม่อาจเชื่อมั่นในระบบการเลือกตั้ง รวมถึงรัฐบาล และนั ก การเมื อ งที่ ม าจากการเลื อ กตั้ งดั ง กล่ า วได้ นอกจากนี้ ก็มิ อ าจเชื่ อ ถื อ การเมืองในระบบรัฐสภาที่เป็นลักษณะประชาธิปไตยแบบตัวแทน รวมถึงสถาบัน ทางการเมื อ งต่ า งๆ เพราะอาจจะถู ก ซื้ อ ได้ ด้ ว ยเงิ น ดั ง นั้ น ประชาชนมี สิ ท ธิ เสรีภาพที่จะออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล ถ้ า หากจะเชื่ อ แบบพั น ธมิ ต รประชาชนเพื่ อ ประชาธิ ป ไตยแล้ ว ผลั ก ความคิ ด แบบนี้ ไ ปจนสุ ด ทาง เราจะได้ ร ะ บ บ ก า ร เ มื อ ง ที่ มี สิ ท ธิ เ ส รี ภ า พ แ ต่ ไ ม่ มี ค ว า ม เ ส ม อ ภ า ค ประชาชนบางกลุ่ม บางพื้นที่ อาจจะไม่ มี พื้ น ที่ ใ นการแสดงออกทาง การเมืองเพราะอาจถูกมอง ว่ า เ ป็ น ป ร ะ ช า ช น ที่ ไ ม่ มี คุ ณ ค่ า ใ นท า ง ก า ร เ มื อ ง ระบบการเมื อ งจะให้ ค วามสํ า คั ญ กั บ การ เรียกร้องในระบบการเมืองภาคประชาชน โดย ไม่สนใจการเลือกตั้ง และ กฎ กติกา ที่บอกที่มา และความสัมพันธ์ของอํานาจในรัฐนั้นๆ การเมืองก็ จะไม่ มี เ สถี ย รภาพ และเกิ ด ความวุ่ น วาย มี ก าร เรี ย กร้ อ งให้ มี ก ารเปลี่ ย นมื อ ของอํ า นาจรั ฐ อยู่ ตลอดเวลา ซึ่ ง อาจจะทํ า ให้ เ ราได้ พ บเห็ น การ รวมกลุ่ ม ทางการเมื อ งของฝู ง ชนอย่ า งบ้ า คลั่ ง อยู่ เสมอๆ หากแต่ในตอนนี้ประชาชนที่สนับสนุนทั้งสองฝ่ายการเมืองมองไม่เห็น ปัญหาที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ตนเองคิด โดยมุ่งหวังเพียงแต่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ ได้… ในสภาพสังคม ณ ตอนนี้ ไม่มีพื้นที่ว่าง ให้แก่คนที่ไม่เลือกข้างได้ยืนและ -5-
---------------------------------------------------
แสดงออกทางการเมือง… แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต่างไปจากความคิดของฝ่าย ที่ตนสนับสนุนจะไม่ได้รับการรับฟังและยอมรับ… สภาพสังคมแบบนี้กําลังบีบให้ เราต้ อ งเลื อ กข้า ง… หากแต่ สั ง คมในตอนนี้ ลื ม พื้น ฐานบางเรื่ องที่ ว่ า เราควร ยอมรับในสิทธิที่จะคิดต่างของผู้อื่น… เรากําลังลืมคิดไปว่า เราไม่ได้มีทางเลือก แค่เพียงสองทาง… เรากําลังลืมคิดไปว่า คนที่ไม่ได้เลือกข้างว่าจะเชียร์ฝ่ายไหนก็ ยังมีอีกมากมาย…และเรายังมีทางออกของปัญหาโดยใช้กฎเกณฑ์ วิธีการ และ กติกา ที่คนในสังคมยอมรับกันอยู่ แต่เราไม่เชื่อมั่นกับมัน
ถ้าการเผชิญหน้าครั้งนี้ จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่สามารถโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของคนกว่า 10 ล้านคนได้แล้วนั้น พวกเขาจะลบพื้นที่ทางการเมืองของคนเหล่านี้ได้อย่างไร ใน เมื่อพวกเขายังรักทักษิณ ยังต้องการพรรคพลังประชาชนอยู่ สุดท้ายนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมไทยจะเรียนรู้ที่จะยอมรับในสิทธิ ทางความคิดของคนที่เขาคิดต่างจากเรามากขึ้น
-6-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
คําถามที่ไม(คิด)ตอบ แสงแดดยามเที่ ย งวั น ที่ แ ผดจ้ า ทํ า ให้ รู้ สึ ก ร้ อ นระอุ แม้ ฉั น จะนั่ ง อยู่ ใ นตั ว อาคารขนาดใหญ่ก็ตาม โถงกลางของอาคารถูกจัดแต่งให้เป็นสวนสวยงาม มี ธารน้ําตกและบ่อเลี้ยงปลาขนาดย่อม เมื่อมองขึ้นไปด้านบนจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง จนมองเห็นตัวหลังคาใสที่มีไว้เพื่อให้แสงสว่าง ทําให้แสงแดดสาดส่องมากระทบ กับผิวน้ําให้เห็นรําไร ดูแล้วน่าจะเป็นบริเวณที่สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบและ สบายใจอยู่ไม่น้อย หลังเลิกเรียนในเวลาเที่ยงวันเศษ ฉันนั่งรอใครบางคนที่บริเวณโถง กลางของอาคาร SC เป็นโชคดีที่ยังมีที่นั่งเหลืออยู่ เพราะรอบๆ บริเวณคราคร่ํา ไปด้วยนักศึกษาจํานวนมาก ที่ต่างก็ทําอากัปกริยาต่างกันไป บ้างเป็นผู้ที่อยู่ก่อน เก่าที่ดูไม่เร่งรีบเท่าใดนัก และที่มีมากน่าจะเป็นเพื่อนผู้มาใหม่ที่ดูมีชีวิตชีวา เหลือเกิน มองพวกเขาเหล่านั้นครู่หนึ่งแล้วทําให้ฉันนึกตั้งคําถามกับตัวเองว่า เขาและเธอมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใดกัน … … ละสายตาจากบรรดานักศึกษาทั้งหลาย เบือนหน้ามาทางบ่อปลา คาร์ฟในสวนหย่อม ฉันกําลังเพ่งพิศอยู่กับฝูงปลาคาร์ฟสีสดและซีดบางตัว ที่ กําลัง เวีย นว่า ยไปมาในบ่อปูน ที่ไม่ กว้า งขวางเท่ าใดนั ก มองสั กครู่ฉั นเริ่ มเบื่ อ เพราะพวกมันก็ได้แต่ว่ายไปเวียนมาในบ่อแคบๆนั่น เกิดคําถามกับตัวเองอีกแล้ว ว่า พวกมันเบื่อบ้างไหมที่ต้องทําอะไรเดิมๆ ในที่เดิมๆ แบบนี้ แล้วฉันหละทุกๆวันฉันทําอะไรบ้าง และฉันมาที่นี่เพื่ออะไรกัน … ฉันจากบ้านมาด้วยความวาดหวังหลายอย่าง มายังสถาบันที่มีชื่อเสียง แห่งนี้ ที่ที่มี “ประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิ เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งธรรม -7-
---------------------------------------------------
อุดมการณ์…เพื่อปวงชน” เพื่อที่จะแสวงหาความรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ หวังว่าจะทําอะไรสักอย่างเพื่อให้สมกับความภาคภูมินั้น ซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเป็น อะไรที่ดูยิ่งใหญ่และสําคัญอยู่พอสมควร แต่ในทุกๆวันที่ผ่านมาในดินแดนแห่งนี้ ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองได้ทําอะไร เพื่อให้เข้าถึงสิ่งเหล่านั้นแม้แต่นิด กับปณิธานที่เคยตั้งมั่น แต่ที่บ่าก็แบกรับกับ ความหวังของใครหลายคน ทําให้ฉันคิดที่จะมุ่งมั่นทําเพียงอย่างเดียวนั่นคือ การ เรียน เรียน และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเรียนให้ดีที่สุด แต่ใช่ว่าฉันจะเรียน เพียงอย่างเดียวโดยไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลย หลากหลายกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้น (ที่กล่าวกันว่าสมควรต้องเข้าร่วมซึ่งบ่อยครั้งฉันจําเป็นต้องเข้าร่วม) โดยมีเหตุผล อ้างว่า เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ สามัคคี ฯลฯ แม้ฉันจะรู้ว่าทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นมานั้นล้วนแต่มีข้อคิดอะไรสักอย่างแอบ แฝงอยู่ทั้งสิ้น แต่ทําไมนะ ฉันถึงไม่รู้สึกว่าได้อะไรกลับมา… “กิจกรรมเหล่านั้น ช่างดูเสแสร้ง ถูกกางกั้นไปด้วยภาพลักษณ์แห่งมายา” ที่ฉันมองเห็นแบบนี้อาจ เป็นผลมาจากปณิธานแรกเริ่มของตัวฉันเอง ที่ถึงแม้ตอนนี้มันจะถูกกัดกร่อนด้วย อะไรหลายๆอย่าง แต่มันก็ยังเป็นแรงต้านต่อสิ่งที่ขัดกันอยู่บ้างเสมอ สับสน…ถึงตอนนี้ฉันคิดไม่ออกว่า ฉันจะทําอะไรนอกจากการเรียนไป วันๆ และทํากิจกรรมที่เป็นเพียงดั่งธรรมเนียมของชีวิตเหล่านี้ เวลาผ่ า นไปพั ก ใหญ่ คนที่ ฉั น รอมาถึ ง แล้ ว ฉั น ลุ ก จากที่ นั่ ง แล้ ว เดิ น ออกไป แต่ก็ยังหันหลังเพื่อเหลือบมองปลาคาร์ฟพวกนั้นอีกครั้ง จะว่าไปฉันกับ พวกมันอาจมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน ตรงที่พวกมันต้องใช้ชีวิตว่ายเวียนไปมา ในบ่อแคบๆนั่น ส่วนฉันก็ใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ ซ้ําๆ ในที่เดิมๆ เช่นเดียวกัน แต่บางทีสิ่งที่ฉันกําลังตามหาอยู่ ซึ่งทําให้ปณิธานและความมุ่งหวังของ ฉันไม่เป็นดั่งเส้นขนาน อาจอยู่ไม่ไกล หากฉันพร้อมที่จะเปิดใจและพยายามหาสิ่ง ที่ซ่อนอยู่นั้นให้เจอ… จิตริน
-8-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
สวั ส ดี ค รั บ พบกั น อี ก ครั้ ง แล้ ว กั บ คอลั ม น์ Forward ฉบับ "คิดไม่ออก" นี้ ซึ่งผู้เขียนก็ ยอมรั บ ตรงๆ เลยว่ า ผู้ เ ขี ย น "คิดไม่ออก" เช่นกันว่าจะสรรหา อะไรมาฝากผู้ อ่ า นทุ ก ท่ า น แต่ แล้ววันหนึ่งผู้เขียนก็ได้ไปค้นหา ข้อมูลใน Google เกี่ยวกับการ จัดอันดับภาควิชารัฐศาสตร์ทั่วโลก ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจมาก จึงใคร่ขอนํามาฝาก ผู้อ่านในฉบับนี้ การจัดอันดับนี้ ทําโดย Simon Hix แห่ง London School of Economics ตีพิมพ์ในนิตยสาร Political Studies Review ฉบับที่ 2 ปี 2004 หน้า 293 - 313 ซึ่งเป็นการจัดอันดับภาควิชารัฐศาสตร์ทั่วโลก 200 อันดับ แรก ในปี 1998 - 2002 ทั้งนี้ ผู้เขียนขอคัดมา 50 อันดับแรกเท่านั้น และ ด้วยเนื้อที่อันจํากัด จึงขอเขียนแต่ชื่อไว้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ สามารถเข้าไปดูใน ลิงค์ที่ผู้เขียนอ้างอิง และปัจจุบันข้อมูลบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เนื่องจากผู้เขียนสามารถรวบรวมมาได้เท่านี้ จึงขอนํามาเสนอในฉบับนี้ก่อน หากมีข้อมูลใหม่ๆ ที่ผู้เขียนค้นพบแล้ว จะนํามาให้ผู้อ่านทันที 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8.
Columbia University , USA Harvard University , USA Stanford University ,USA Ohio State University , USA European University Institute ,Italy University of California , Sandiego USA University of California , Irvine USA Indiana University , USA -9-
---------------------------------------------------
9. Princeton University , USA 10. Yale University , USA 11. University of California , Berkeley USA 12. Michigan State University , USA 13. University of Chicago , USA 14. University of California , Los Angeles USA 15. London School of Economics (LSE), UK =16. George Washington University , USA =16. University of Essex , UK 18. Massachusettes Institute of Technology (MIT) , USA =19. Australian National University (ANU) , Australia =19. State University of New York (SUNY) , Birmhamton USA =19. Oxford University , UK 22. University of Birmingham , UK 23. Cambridge University , UK 24. Florida State University , USA =25. University of Sheffield , UK =25. Washington University , USA 27. Michigan University , USA =28. John Hopkins University , USA =28. Texas A&M University , USA 30. Emory University , USA 31. Colorado University , USA 32. American University , USA 33. Pennsylvania University , USA 34. University of Bristol , UK 35. University of North Carolina at Chapel Hill , USA 36. George Washington University , USA =37. University of Cardiff , UK -10-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
=37. University of Wisconsin - Madison , USA 39. University of Aberystwyth , UK =40. Trinity College Dublin , Ireland =40. Vanderbilt University , USA 42. Cornell University , USA 43. University of Geneva , Switzerland 44. University of Illinois , Urbana Champaign USA 45. Rice University , USA 46. London's Global University , UK =47. State University of New York , Stony Brook USA =47. University of California , Davis USA =49. University of Arizona =49. University of Virginia
** = หมายถึง มีคะแนนเท่ากัน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สําหรับการจัดอันดับในครั้งนี้ หากมีข้อมูล ผิดพลาด หรือไม่ตรงใจผู้อ่านอย่างไร ผู้เขียนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย จนกว่า ผู้เขียนจะได้ข้อมูลใหม่ แล้วจึงจะนํามาเสนอให้ผู้อ่านในโอกาสต่อไป สําหรับฉบับ นี้ขอตัวไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ -11-
---------------------------------------------------
-12-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
คาลิล ยิบราน: คิดได เขียนได
ผมเคยคิดว่า คาลิล ยิบราน เป็นคนที่มีความสุข หลังจากได้อ่านผลงานที่มองชีวิตได้ทะลุปรุโปร่งอย่าง ‘The Prophet’ หรือที่อาจารย์ ระวี ภาวิไล ตั้งชื่อเป็นไทยไว้ว่า ‘ปรัชญาชีวิต’ ของเขา ผมยัง เกิดคําถามขึ้นในใจว่า ‘ในหนึ่งชั่วชีวิตมนุษย์เรา จะมีคนที่มีโอกาสได้เข้าใจชีวิตถี่ ถ้วนเช่นนี้สักกี่คนกัน?’ ‘ปรัชญาชีวิต’ เป็นเรื่องราวของ ‘อัลมุสตาฟา’ ผู้ซึ่งได้พํานักอยู่ในเมือง ออร์ฟาลีสเป็นเวลาสิบสองปี เพื่อรอเรือซึ่งจะนําท่านกลับไปยังเกาะแห่งการเวียน เกิดเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากไป ชาวเมืองก็พากันห้อมล้อมและอ้อนวอนมิให้ท่านจาก ไป แต่เมื่อท่านยืนยันว่ามันถึงเวลาอันสมควรแล้ว ‘อัลมิตรา’ หญิงสาวชาวเมือง คนหนึ่งก็ได้ขอร้องท่านว่า
“ขอทานไดพูดแกเรา และใหสัจธรรมแกเรา” เรื่องราวต่อจากนั้น จึงเป็น ‘สัจธรรม’ ที่อัลมุสตาฟาได้พูดทิ้งไว้บน แผ่นดินแห่งนั้น ครอบคลุมสารพัดเรื่องราวในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ความรัก, การ แต่งงาน, บุตร, การบริจาค, การกิน-ดื่ม, การงาน, ความปราโมทย์-โศกเศร้า, บ้านเรือน, เครื่องนุ่งห่ม, การซื้อ-การขาย, ฯลฯ อื่นๆ อีกมากมาย ด้วยความคิด ที่ลึกซึ้งราวกับผู้ที่บรรลุแล้วซึ่งสัจธรรมแห่งชีวิต และแน่นอนว่า ทุกคําทุกสัจธรรมที่ถูกเอ่ยออกจากปากอัลมุสตาฟานั้น ย่อมหลั่งไหลออกมาจากปลายปากกาของ คาลิล ยิบราน -13-
---------------------------------------------------
ผมจึงตั้งสมมุติฐานว่า คาลิล ยิบราน ยิ่งน่าจะเข้าใจสัจธรรมแห่งชีวิต มากกว่าอัลมุสตาฟาเสียอีก เพราะสิ่งที่เขาฝากอัลมุสตาฟาให้เอ่ยออกมานั้นอาจ เป็นเพียงบางส่วนจากความเข้าใจทั้งหมดที่มีอยู่ในสมอง
่ ง ความรัก” คําถามแรกจากปากของอัลมิตรา “ไดโปรดบอกเราถึงเรือ ท่านอัลมุสตาฟาตอบว่า “เมื่อความรักเรียกร้องเธอ จงตามมันไป แม้ว่าทาง ของมันนัน้ จะขรุขระและชันเพียงไร และเมื่อปีกของมันโอบรอบกายเธอ จง ยอมทน แม้ว่าหนามแหลมอันซ่อนอยู่ในปีกนัน้ จะเสียดแทงเธอ และเมื่อมัน พูดกับเธอ จงเชื่อตาม” ผมได้ฟังความในหนังสือเล่มนี้ในช่วงที่ กําลังมีความรักตามประสาหนุ่ม-สาว และข้อความจากปากท่านอัลมุสตาฟา ก็ทําให้ผม ‘ติดตาม’ ความรักไปจนสุด ขอบหล้าฟ้าเขียว จนกระทั่งถูกหนาม ทิ่มแทงเป็นแผลแดงถลอกเป็น ไปทั่วทั้งตัว ทุกวันนี้ยามหัน ไปดูยงั แสบระบมไม่หาย ผมเชื่อหมดใจว่า คาลิล ยิบราน ก็ได้กระทําในสิ่งที่เขาพร่าํ สอน ผ่านปากอัลมุสตาฟามาถึง ดวงตาของผม ผมเชื่อว่าเขา จะติดตามความรักเชื่ออย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่งวันนี้หลังจากได้ ‘บุก’ เข้าไปในชีวิตของเขา ผมจึงได้รับทราบว่า คาลิล ยิบราน เป็นชาวเลบานอนโดยกําเนิด เขาเกิดในเมืองบชารี และเรียนหนังสือใน เมืองนั้นจนกระทั่งถึงอายุสิบสอง จึงได้อพยพสู่บอสตันกับครอบครัว แต่ไม่นาน -14-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
นักแม่ ของเขาก็ส่ งกลับ ไปยัง เลบานอนเพื่อเข้าเรี ยนในโรงเรียนคาทอลิ กอัน มี ชื่อเสียง แต่เมื่ออายุได้สิบเก้าปี เขาก็เก็บกระเป๋าออกจากบ้าน เพื่อใช้ชีวิตวาด ภาพและเขียนหนังสือตามความฝันของเขา เขากลายเป็นศิษย์รักของ ‘ออกุสต์ โรแดง’ ประติมากรชื่อดังชาวฝรั่งเศส หลังจากนั้น ยิบราน ก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ระหว่างปารีส, บอสตัน และ นิวยอร์ก เขาได้พบกับ อามีน กุเรอีบ บรรณาธิการและเจ้าของหนังสือพิมพ์ อารบิค Almuhager ที่จัดจําหน่ายในนิวยอร์ก เขาอวดผลงานทั้งรูปภาพและ บันทึกของเขาให้อามีนดู อามีนจึงขอให้ยิบรานเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ และ นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการลงหลักปักฐานเพื่อสรรค์สร้างผลงานในบ้านเมืองอื่น ยิบรานจากบ้านมานานจึงโหยหาแผ่นดินเกิดและญาติมิตร แต่เขาก็ยังไม่พร้อม กลับไป ด้วยเพราะปฏิญาณว่า จะมอบชีวิตแก่ศิลปะ ครั้งหนึ่งเขาเคยเขียน จดหมายหาอามีนว่า “มนุษย์พบว่าการพลัดพรากจากมิตรรักนั้นยากแก่การทนทานได้ เพราะความปรีดาของเขาเกิดจากสัมผัสทั้งห้า แต่หัวใจของยินรานได้เติบ ใหญ่กว่านั้นแล้ว มันเติบใหญ่ไปสู่ความปรีดาที่เหนือกว่า ซึ่งไม่ปรารถนา สัมผัสทั้งห้านั้น...จิตวิญญาณของเขาเที่ยวไปทั้งโลกและกลับมาโดยปราศจาก การใช้เท้าเดิน ขึ้นรถ หรือลงเรือ” ยิบราน พูดคล้ายกับว่า เขาสามารถมีความสุขได้โดยไม่จําเป็นต้อง ‘สัมผัส’ แผ่นดินเกิด แตนั่นเปนเพียงตัวหนังสือที่ใชสําหรับเยียวยาความรูสึก ของตัวเองในสวนลึกหรือเปลา? ผมอดคิดอะไรแบบนั้นไม่ได้ เมื่อได้รู้ในอีกไม่กี่บรรทัดถัดมาว่า ยิบราน หลงรักผู้หญิงคนหนึ่งมากมาย และเป็นความรักที่ไม่เคย ‘สัมผัส’ กัน มิใช่เพียง
-15-
---------------------------------------------------
ผิวหนัง แต่แม้กระทั่งสายตาก็มิเคยได้เห็นหน้า, หูก็มิเคยได้สดับเสียง, จมูกก็มิ เคยได้สูดกลิ่นกาย คงมิต้องนับไปถึง ‘ลิ้น’ ว่าจะได้ชิมส่วนใดของกันและกันหรือไม่! ผู้หญิงคนนั้น คือ เมย์ ไซเดย์ นักเขียนชื่อดังของเลบานอน เมย์เป็นผู้หญิงที่ยิบ รานมักจะส่งบทความและหนังสือที่ตีพิมพ์ไปให้เธออ่านเสมอๆ หลังจาก ยิบราน เสียชีวิต เมย์ได้ตีพิมพ์จดหมายที่เธอและยิบรานตอบโต้กัน ทําให้โลกต้องฉงนกับ ความสัมพันธ์ที่ผูกโยงกันผ่านเพียงตัวหนังสือ แม้บางคราว เขาพร่ํารําพันว่าต้องการไปอยู่เคียงข้างเธอ ปรารถนา หลุดพ้นจากโซ่ตรวนแห่งโลกตะวันตก แล้วล่องเรือกลับบ้าน ทว่าสุดท้ายยิบราน ไม่ได้ทําสิ่งใดเลย เขายังคงมุ่งมั่นทํางานด้วยความมั่งมั่นจวบจนวันสุดท้ายของ ชีวิต ยิ่งทํางานหนัก สุขภาพของเขาก็ยิ่งย่ําแย่ และยิ่งสุขภาพย่ําแย่ เขาก็ยิ่ง ทํางานได้ช้าลง ทําให้กําหนดการการ ‘กลับบ้าน’ ของเขาถูกผลัดออกไป ผลัดออกไป ผลัดออกไป วันแล้ววันเล่า
“ฉันตองกลับเลบานอนให ได และฉันตองถอนตัวจากความ ศิวิไลซนี้ที่วิ่งอยูบนลอนี่... อยางไรก็ตาม ฉันเห็นควรวาจะเปนการ ฉลาดที่ยังไมออกจากประเทศนี้กอนที่ ฉันจะไดฉีกเสนเชือกและโซที่มัดตัวเองอยู ใหขาดสะบั้ นแต เ ชือกและโซ เ หล า นั้ นก็ ช า ง ม า ก ม า ย เหลือเกิน” “ฉันอยากกลับเลบานอน และจะอยู่ที่นั่นตลอดไป” เขาเคยกล่าวคําพูดนี้ทิ้งไว้บนโลก ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจในมหานคร นิวยอร์กที่ตนเกลียดชัง และแน่นอน-เขาไม่เคยได้เห็นหน้าเมย์ ไซเดย์ ตลอดชีวิต -16-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
“ฉั น ไม่ ใ ช่ นั ก หนั ง สื อ พิ ม พ์ ดั ง นั้ น ฉั น จึ ง ไ ม่ ค ว ร ข อ ใ น สิ่ ง ที่ นักหนังสือพิมพ์ขอ ไม่! ฉันไม่ใช่ นักหนังสือพิมพ์ ถ้าฉันเป็นเจ้าของหรือ เป็นบรรณาธิการนิตยสารหรือหนังสือ เล่มนั้น ฉันคงจะขอรูปจากเธอได้อย่าง ง่ายๆ ตรงๆ โดยปราศจากความเขิน อาย ไม่, ฉันไม่ใช่นักข่าว ฉันควรจะทํา อย่างไรดี?” นี่คือฝีปากกาของ ยิบราน ที่ ส่งไปยังเมย์เพื่อเปรียบเทียบนักข่าวคน หนึ่ ง ที่ เ ฝ้ า ขอรู ป จากเธออยู่ เ สมอกั บ ตัวเอง และแอบหยอดความรักลงไปใน ระหว่ า งบรรทั ด แต่ คาลิ ล ยิ บ รานปรมาจารย์ ผู้ เ ข้ า ใจสั จ ธรรมแห่ ง ชี วิ ต ของผมก็ทําได้เพียงเท่านั้น เขาหาได้ ติดตามความรักไปทุกหนทุกแห่งอย่าง ที่ได้ฝากอัลมุสตาฟาพ่นใส่รูหูของอัลมิ ตราไม่! “เมื่ อ ความรั ก เรี ย กร้ อ งเธอ จงตามมันไป แม้ว่าทางของมันนั้นจะ ขรุขระและชันเพียงไร และเมื่อปีกของ มันโอบรอบกายเธอ จงยอมทน แม้ว่า หนามแหลมอั น ซ่ อ นอยู่ ใ นปี ก นั้ น จะ เสี ย ดแทงเธอ และเมื่ อ มั น พู ด กั บ เธอ จงเชื่อตาม”
-17-
---------------------------------------------------
เขากลับเลือกที่จะอยู่ห่างๆ จากมัน และซ่อนตัวอยู่หลังตัวหนังสือ …ตัวหนังสือแห่งจินตนาการ... ตัวหนังสือที่พาเขาไปสู่โลกอีกใบหนึ่งที่ไม่มี ประเทศเลบานอน ไม่มีมหานครนิวยอร์ก เป็นโลกที่เขาสามารถเที่ยวท่องไปได้ ทั้งโลกโดยปราศจากการใช้เท้าเดิน ขึ้นรถ หรือลงเรือโลกที่ปราศจากการ ‘สัมผัส’ แม้ว่าการได้รู้ประวัติชีวิตของผู้เข้าใจชีวิตอย่าง คาลิล ยิบราน จะทําให้ ผมตาสว่างขึ้นว่า ผู้เข้าใจสัจธรรมแห่งชีวิต ก็หาใช่ผู้ที่สามารถเลือกดําเนินชีวิต อย่างเป็นสุขเสมอไป และบรรดานักเขียนทั้งหลายที่ส่งมุมมองล้ําลึกและบรรลุสัจ ธรรมผ่านทางตัวหนังสือ ก็อาจมิได้ดําเนินชีวิตตามสิ่งที่เขาทั้งหลายเขียนเพื่อ พร่ําบอกผู้อ่านไปซะทุกอย่าง บางครั้งก็อาจเขียนเพื่อบําบัดในสิ่งที่ตัวเองไม่ สามารถกระทําได้ในชีวิตจริงด้วยซ้ําไป แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ไม่ได้ทําให้ความ ประทับใจที่มีต่อ ’ผลงาน’ ของเขาลดน้อยถอยลง ผมกลับรู้สึกว่า คาลิล ยิบราน เป็นมนุษย์มากขึ้นด้วยซ้ํา มนุษย์-ที่แม้ จะเข้าใจโลกและชีวิตเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าจะปฏิบัติได้อย่างที่เข้าใจไปเสียหมด. http://www.onopen.com/2007/02/1400
ปรัชญ์ภูมิ บุณยทัต ภาพของสังคมในปัจจุบันถูกถ่ายทอด ด้วยเรื่องราวของความขัดแย้ง ความแตกแยก -18-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
และวิกฤติต่างๆนานาที่ล้วนแต่เลวร้ายและไม่ให้คุณค่าใดใดแก่สังคม... เป็นเรื่อง น่าเศร้าที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกที่จะนิ่งเฉยกับสภาวการณ์แห่งบริบททางสังคม ที่เหลวแหลกเช่นนี้... วิกฤติการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลงไม่ว่าจะเป็นปัญหาในประเทศและนอกประเทศ ทั้งๆ ที่ปัญหาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาตั้งแต่อดีตกาล... ความขัดแย้งตรงนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนที่กําลังจะแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างชัดเจน ซึ่ง ทั้งหมดนี้ทําให้เกิดคําถามขึ้นในใจของประชาชนว่า “เราไม่สามารถแก้ไขปัญหา ใดใดได้ เ ลยหรื อ ?” ไปจนถึ ง “เราจะสามารถอยู่ ร่ ว มกั บ สภาวการณ์ เ ช่ น นี้ ไ ด้ อย่างไร?”... “Life is Beautiful” หนังสัญชาติอิตาเลียนซึ่งกํากับและแสดงนําโดย “โรแบร์โต้ เบณิญี่” (Roberto Benigni) ที่ออกฉายในปี ค.ศ. 1997 กับ เรื่องราวที่ว่าด้วยความแตกแยกของชนชั้นอันนําไปสู่การทําลายร้างอย่างโหดร้าย ทารุ ณ มากที่ สุ ด ครั้ ง หนึ่ ง ในประวั ติ ศ าสตร์ โ ลก... “สงครามโลกครั้ ง ที่ 2” สัญลักษณ์แห่งความเน่าเฟะทางความคิดของมนุษยชาติ... “การกวาดล้างชาวยิว” ของพวกนาซีกระจายเต็มไปทั่วทั้งภูมิภาค นับเป็นการทําลายจิตวิญญาณและ ศรัทธาแห่งชีวิตมนุษย์ลงไปอย่างราบคาบและสิ้นเชิง... หนังดําเนินเรื่องด้วยเรื่องราวราวของ “กุยโด” ชาวยิวผู้เต็มเปี่ยมไป ด้วยจินตนาการและความสุขในชีวิต ชายผู้ที่มอบความรักให้แก่ “ดอร่า” คนรัก ของเขาโดยเรี ย กแทนตั ว ของเธอว่ า “เจ้ า หญิ ง ” โดยมี “โจชั ว ” ลู ก ชายเป็ น สัญลักษณ์แห่งความรักของคนทั้งสอง... หนัง ต้ อ งการถ่ า ยทอดให้ ผู้ ช มได้ รู้ สึ ก ถึ ง ความอึดอัดและน่าขยะแขยงของ ค่ า ยกั ก กั น ชาวยิ ว ผ่ า นฉากที่ หมองหม่ น และสถานที่ ส กปรก โสมม ต่ า งกั บ ฉากของเหล่ า ทหารเยอรมันที่เต็มไปด้วยความ โก้ ห รู แ ละสวยงาม แต่ ก็ บึ้ ง ตึ ง ต่ า งกั บ ภาพของ “กุ ย โด” ที่ ยิ้ ม -19-
---------------------------------------------------
แย้มแจ่มใสแม้จะอยู่ในสภาพที่โหดร้ายอย่างที่สุดในค่ายกักกันชาวยิว... “โรแบร์โต้ เบณิญี่” ใช้วิธีการดําเนินเรื่องต่างกับหนังสงครามโลกทั่วไป โดยหันไปใช้มุมมอง “ในแง่ดีและการมองโลกในแง่งาม” มากกว่าจะถ่ายทอดใน เรื่อง “ความโหดร้ายของสงคราม” ดังเช่นในหนังสงครามเรื่องอื่นๆ ซึ่งมักจะมี ฉากของการฆ่าให้เห็นกันจะจะ และหนังเรื่องนี้ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวใน หนังได้อย่าง ดีเลิศและแสนจะงดงาม “มันเป็นเพียงแค่เกม” คือประโยคที่กุยโด พูดกับ “โจชัว” ลูกชายที่ถูก นําตัวมาในค่ายด้วยกัน เขาเลือกที่จะมอบภาพแห่งความหวังให้แก่ลูกของเขา มากกว่าจะให้ลูกพบเจอกับความจริงอันโหดร้าย เมื่อโจชัวร้องไห้และเรียกร้องจะ กลั บ บ้ า น เขาก็ บ อกกั บ ลู ก ว่ า “เรามาเพื่อเล่นเกม ถ้าเราทํา คะแนนได้เกินหนึ่งพัน เราจะ ได้รถถัง” ถึงแม้จะเป็นคําโกหก แต่ มั น ก็ ช่ ว ยสร้ า งความหวั ง แ ล ะ ค ว า ม สุ ข ใ น ชี วิ ต ใ ห้ แ ก่ “โจชัว” ได้อย่างไม่น่าเชื่อ... อย่างไรก็ตาม... เรากลับรู้สึกถึงความรันทด หดหู่และสิ้นหวังในชะตา กรรมของกุยโด นั่นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้พูดกับ โจชัว ล้วนเป็นเพียงสิ่งที่ เขาสร้างขึ้น โดยที่ความจริงแล้วโอกาสที่จะเป็นอย่างที่กุยโดพูด มีเพียงน้อยนิด หรือไม่มีเลยด้วยซ้ํา... ในแง่ของความเป็นหนัง ผู้กํากับพยายามใส่เรื่องราวอันเป็นสัญลักษณ์ ให้ผู้ ชมได้เห็ น ดั งเช่ นบทบาทของกุย โด ที่แ สดงให้เห็ นถึง “ความฉลาดของ ชาวยิว”จากการที่ตัวกุยโดชอบเล่นปัญหาเชาว์ ไปจนถึงการสร้างเรื่องให้ โจชัว ฟังอย่างรวดเร็วและเต็มด้วยความหวังในหัวใจ... รวมไปถึงฉากที่ “ดอร่า” ใส่ชุดแดงที่แสนจะแปลกต่างและโดดเด่น ขึ้นรถ ร่วมเดินทางไปค่ายกักกันกับชาวยิว... นั่นแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้เธอจะ ไม่ใช่ชาวยิว แต่เธอก็พร้อมที่จะอยู่ร่วมกับความทุกข์พร้อมกับคนที่เธอรัก แม้ใน
-20-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
ภายหลังเสื้อผ้าของเธอถูกเปลี่ยนเป็นแบบเดียวกับชาวยิว แต่นั่นก็หมายถึงว่า “เธอได้มีชีวิตอยู่กับครอบครัวที่เธอรัก”อีกครั้ง... หนังได้ข้อสรุปหลังจากที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูลงใส่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ อันเป็นการประกาศชัยชนะเหนือ เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น อย่างสิ้นเชิง เมื่อเป็นดังนั้น “ค่ายกักกันชาวยิว” จึงหมดความหมายไปพร้อมกับ การล่มสลายของฝ่ายอักษะ เพียงแต่... “การกวาดล้างชาวยิวรอบสุดท้าย” ได้ ถือ กํา เนิ ด ขึ้น และถึ ง แม้ค วามเลวร้า ยของ สงครามจะจบลงแล้ ว แต่ ความโหดร้ายที่เกิดกับ “กุยโดและ ค ร อ บ ค รั ว ” ยังคงดําเนินต่อไป... เมื่ อ ถึ ง เวลานี้ หน้าที่เพียง
อย่ า ง เ ดี ย ว ของเขา คื อ “รั ก ษาชี วิ ต และหั ว ใจของโจชั ว ” เขาเลื อกที่ จะบอกให้ โจชั วหลบซ่ อนในตู้ อย่าออกมาจนกว่าจะไม่ มีใครบริเวณนั้น... และถ้าทําได้สําเร็จ เขา จะชนะ และจะได้ ร ถถั ง ... นั่นเป็นคําโกหกครั้งสุดท้ายของ “กุยโด” ที่จะ มีต่อ “โจชัว” และต่อโลกที่ แสนจะเน่าเฟะแห่งนี้... ภาพสุดท้ายที่เราได้เห็นกุยโด คือภาพ ที่ เ ขาถู ก จั บ โ ด ย ท ห า ร เยอรมัน ซึ่งมีสายตาของโจชัวที่หลบอยู่ในตู้คอย จ้ อ งมองอยู่ เมื่ อ กุ ย โด เห็นดังนั้น เขายังไม่วายที่จะสร้างรอยยิ้มให้แก่ลูกของเขา โดยการเดินท่าตลกๆ... ถึงแม้มันจะเต็มไปด้วยความเศร้า... แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเล็กๆ ของโจชัว คงสามารถเป็นเสียงสวรรค์ที่จะทําให้ กุยโด ลาโลกนี้ไปอย่างหมดห่วงและชื่น บาน... -21-
---------------------------------------------------
ภาพของกุยโดหายลับไป... เสียงปืนดังขึ้น... เรื่องราวของกุยโดจบลง ตรงนั้น... แต่ชีวิตอื่นๆ ยังคงต้องดําเนินต่อไป “โจชัว” ก้าวเดินออกมาจากตู้ พร้ อ มกั บ ร่ อ งรอยที่ ว่ า งเปล่ า ไม่ มี อ ะไรเหลื อ ทุ ก อย่ า งหยุ ด นิ่ ง อยู่ ต รงนั้ น ... สงคราม ไม่ได้ให้อะไรไปมากกว่า “ความว่าง” และ “ความสูญเสีย” เลย... “เราชนะแล้ว... เราชนะแล้ว” คือประโยคที่ “โจชัว” พูดซ้ําแล้วซ้ําเล่า กับ “ดอร่า” ผู้เป็นแม่ ทันทีที่ทั้งสองได้พบกัน เป็นความจริงที่ว่าพวกเขาได้รับ ชัยชนะในการต่อสู้กับความโหดร้ายจากสงคราม... แต่ในความเป็นครอบครัวและ ชีวิต... พวกเขากลับต้องสูญเสียผู้นําครอบครัวที่ “เสียสละ” และ “แสนดี” อย่าง “กุยโด” ไปพร้อมๆกับร่องรอยของสงครามที่จางหายไป... “การโกหก” เป็นอีกประเด็นที่ต้องกล่าวถึงในหนังเรื่องนี้... เราได้รับ การสั่ ง สอนกั น อยู่ เ สมอว่ า “การโกหกเป็ น เรื่ อ งที่ เ ลวร้ า ยแสนสาหั ส ” แต่ ภายหลังที่เราได้ดูหนังเรื่องนี้... เรากลับพบว่า บางครั้งการโกหก กลับช่วยให้ มนุษย์ผ่านพ้นเรื่องราวที่แสนจะโหดร้าย และทําให้มีความหวังในการจะมีชีวิตอยู่ มากกว่าการที่ปล่อยให้รู้ความจริงเสียอีก... “Art is the lie that helps us understand the truth” “ศิลปะ คือการโกหกที่ช่วยให้มนุษย์เข้าใจความจริง” เป็นประโยคของ “ปาโบล ปิกัส โซ่” (Pablo Picasso) ศิลปินเอกชาวอิตาลี ที่ช่วยยืนยันว่า... “ความจริง บางครั้งก็ปะปนอยู่ในความโกหกหลอกลวง... ไม่มีใครสามารถดํารงอยู่โดย ความจริงอย่างเดียว... มันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันตลอดมา ทั้งจากนี้และตลอดไป”... “ชีวิตคือความงดงาม” คือความหมายของชื่อหนังอันแสนจะลึกซึ้ง เรื่องนี้... หนังเรื่องนี้ช่วยสร้างกําลังใจและความสุขให้แก่ชีวิตของผู้ชมอย่างเอ่อล้น ... ท่ า มกลางวิ ก ฤติ ก ารณ์ แ ห่ ง ความแตกแยกและแตกต่ า งทางสั ง คมที่ มี แ ต่ จ ะ เลวร้ายยิ่งขึ้น... “ความสวยงามแห่งชีวิต” ยังคงสามารถที่จะถือกําเนิดขึ้นได้... ไม่ว่าบริบทของโลกจะรันทดหรือกลับกลายเป็นอย่างไรก็ตาม.... “อย่าทิ้งความหวัง อย่าทิ้งศรัทธา... และเมื่อนั้นความสุขและความ งดงามแห่งชีวิต จะบังเกิดขึ้นกับคุณ”... ***************************************************************************** -22-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
โทษตัวเองที่ชอบหลับในหองเรียน (เกี่ยวกันมั้ย?)
พลอย #60 สิงห์โต๊ะเล็ก การระหว่างประเทศ
o·ÉµaÇeo§ (æoºµÒÁe·Ã¹·Õeè ¤ Òµoº¡a¹) เอม #60 ถ้ําสิงห์ บริหารรัฐกิจ (ดาวคณะ) ควรโทษตัวเองกอนที่จะโทษคนอื่น ดิว #60 Appeal สายรุ้ง การเมืองการปกครอง (เดือนคณะ)
By เดือน+นุก โทษเวลาที่ไมเคยพอ 555 ทัน #59 ขาวควันจําปีเหนือ การเมืองการปกครอง
โทษความรักทีป่ ด กัน้ ทุกอยาง เพราะความรักทําใหคนตาบอดและสัมผัสบอด ป๊อป #59 เมษา การเมืองปกครอง
-23-
---------------------------------------------------
o·ÉoÒ¡ÒÈ e¾ÃÒaoÒ¡ÒÈÁa¹äÁ ¤o Âe» ¹ã¨ มิค #59 มุมตึก การระหว่างประเทศ
โทษตัวเอง เพราะเราเปนคนผิดเองที่คิดไมออก ถาคิดไม ออกจริงๆจะเดินไปเดินมา แตถาอยูใ นหองสอบอาจจะเคาะ ปากกาเลน ตั๋ง #58 unity บริหารรัฐกิจ
o·ÉµaÇeo§ e¾ÃÒaµaÇeÃÒeo§·Õ¤è ´i äÁ oo¡ æŠǶ Ò¤i´äÁ oo¡ step 1 ¤ืo ¨a¤i´µ o step 2 ¤ืo ¨a¶ÒÁ¤¹oื¹è Ç Òe¤ Ò¤i´Âa§ä§ ตูน #58 มาสิค่ะ การระหว่างประเทศ
นอนไมพอ!! ดอย #58 สิงห์โต๊ะเล็ก การเมืองการ ปกครอง
-24-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
โทษเทวดา ทีไ่ มประทานสมอง อันชาญฉลาดปราดเปรือ่ งมาให หมิว #57 มุมตึก บริหารรัฐกิจ
ผมคงจะไมโทษปโทษกลองหรอก การที่คนเราไมสามารถคิดอะไรบางสิ่ง ไดนั้น ตนเหตุคงเปนเพราะตัวผมเองมากกวา ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ผมจะตระหนักคิด และโทษตัวเองที่ไมใฝรูใหรอบดานเพื่อที่จะไดคําตอบสําหรับทุกสิ่งทุกอยาง ดังนั้น ตนเหตุของเรื่องก็คือตัวผมเอง ซึ่งผมก็คงโทษตัวเองเทานั้นที่ผมไมยอมเรียนรูและ คิดสิ่งตางๆรอบตัวเอง บอล #57 โซดาสิงห์ การเมืองการปกครอง
โทษดาวและเดือน 555...ปวง!!
อาร์ม #57 ภราดร ปริหารรัฐกิจ
โทษตัวเองเพราะไมรจู ะโทษใคร หมู #57 สิงห์สนุก การเมืองปกครอง
-25-
---------------------------------------------------
นิทาน ลุงโงยา ยภูเขา หน้าบ้านลุงโง่มภี ูเขาใหญ่ลูกหนึง่ ภูเขาลูก นั้นค้ําตระหง่านอยู่หน้าบ้านของเขาพอดี บ้านของ ลุงโง่มีคนอยู่ 30 กว่าคน ทุกครั้งทีอ่ อกจากบ้านก็ จะต้องเดินอ้อมภูเขาลูกนั้นไป ทําให้ไม่สะดวก เสียเวลามาก ในวันนั้น ลุงโง่มอี ายุได้ 90 กว่าปีแล้ว พักอยู่ในบ้านมีลกู หลานคอย ปรนนิบัติ ลุงโง่ตัดสินใจว่า...
ใน บั้นปลายชีวต ิ นี้ จะขอทําสิ่งที่มีความหมายอยางยิ่งสักเรื่องหนึ่ง คือ ยายภูเขาลูกนัน้ ไปไวที่อื่น
และแล้วลุงโง่ก็นําทุกคนในบ้านทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็ก เริ่มงานการย้ายภูเขา ค่อยๆ ขุดย้ายหินบนภูเขา ขนไปไว้ในที่ห่างไกลออกไป แต่ว่าภูเขาลูกนั้นสูงใหญ่ เกิ นไป กํ าลั ง ของพวกเขามี ข อบเขตจํา กั ด ดัง นั้ นการงานจึ งคื บ หน้ า ไปอย่ า ง เชื่องช้า ข้างบ้านของลุงโง่ มีเฒ่าฉลาดอยู่คนหนึ่ง รู้สึกว่าการกระทําของลุงโง่ ช่างเหลวไหล ไร้สาระโดยสิ้นเชิง เขาแนะนําลุงโง่วา่
“นี่เปนสิ่งที่เปนไปไมได ฉันคิดวาพวกทานทั้งเด็กและผูใหญเลิกความตั้งใจนี้จะ ดีกวา ทานไมลองคิดดู ปนี้ทานอายุเทาไรแลว ตอใหแมวาปนี้ทานมีอายุเพียง 20 ป แลวใช เวลาชั่วชีวิตก็ไมสามารถยายภูเขาลูกนี้ไปไดเพียง 1 ในหมื่น”
-26-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
ลุง โง่ตอบว่า “เรื่องราวกลับไมไดยง ุ ยากอยางที่ทานคิด ถาหากชั่วชีวิต ของฉันไมสามารถยายภูเขาลูกนี้ไดสําเร็จ หลังจากฉันตายยังมี ลูกหลานของฉันอีก เมื่อลูกหลานของฉันตาย ก็ยังมีลูกหลาน ของลู ก หลานฉั น อี ก พวกเราทุ ก รุ น สามารถทํ า งานนี้ อ ย า ง ตอเนื่องไปเรื่อยๆ ภูเขาลูกนี้เปนของตาย ยังไงก็ไมงอกโตขึ้น ขอเพียงใหพวกเราพากเพียรพยายามไมเลิกละกลางคันเทานั้น จะเร็วจะชาก็ตองสามารถยายภูเขาลูกนี้ไปได” ___________ หลังจากที่ผมได้อ่านนิทานเรื่อง "ลุงโง่ยา้ ยภูเขา" เสร็จ ก็พลันคิดถึงสิง่ ที่ลุงโง่ได้พูดในตอนท้ายว่าแท้ที่จริงแล้ว นิทานเรือ่ งนี้ต้องการสอนอะไรกันแน่ สอนให้คนทําอะไรให้มีความเพียรพยายามให้ถึงที่สุด แม้จะดูเหมือนโง่เขลาเบา ปัญญา แต่แท้จริงแล้วมันหมายถึงว่า ขอให้มีความตัง้ ใจและเพียรพยายาม ย่อม ประสบผลสําเร็จเวลาคนจีนเจอคนที่มานะพยายามแบบนี้ เขาจะพูดว่า " ลุงโง่ ย้ายภูเขา" (หยีว กง หยี ซาน ) หรือในอีกแง่มุมหนึ่ง ถึงแม้วา่ จะเป็นความเพียรพยายาม แต่ก็เป็น ความเพียรพยายามอย่างคนโง่ พยายามทําในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ และไร้สาระ ซึ่งคนฉลาดจะมีวิธแี ก้ปญ ั หาง่ายๆ นั้นได้อย่างง่ายดายไม่ต้องลําบากกันไปถึงลูก ถึงหลานเพราะตัวลุงโง่เองก็อายุมากแล้วไม่นานก็ตายไม่ได้ลาํ บากอะไรด้วยเลย ถ้าลูกหลาน เหลน โหลน จะต้องคิดทําตามลุงโง่คนนี้ ก็จะกลายเป็นความ พยายามที่โง่เขลา
แลวคุณละ
คิด อยางไร? -27-
---------------------------------------------------
-28-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
จําเปน...
ในช่ ว งเวลานี้ ค งไม่ มี ใ คร (เราหวังเป็นอย่างยิ่ง) ไม่เห็นด้วยว่า ข่ า วความเคลื่ อ นไหวการเลื อ กตั้ ง ป ร ะ ธ า น า ธิ บ ดี ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า By รวมถึงภาระหน้าที่และนโยบายของ ว่าที่ผู้นําคนใหม่ น่าสนใจไปไม่น้อย กว่ า รายการสนทนาประสาสมั ค ร เลย สําหรับผู้เขียนเห็นว่า(เรื่องของคุณสมัคร)เป็นเพียงเรื่องรองที่เราให้ความ สนใจเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว...ผู้เขียนใคร่ขอบริการอาหาร(สมอง)จานด่วน ซึ่งสั่ง ตรงจากแดนมะกั น คงจะหนี ไ ม่ พ้ น ข่ า วความเคลื่ อ นไหว การเลื อ กตั้ ง ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการวมถึงภาระหน้าที่ที่รอผู้นําคนใหม่อยู่เบื้องหน้า ซึ่ง คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวแทนจากทั้งสองพรรค คือ นายบารัค โอบามา ผู้แทนจากพรรคเดโมแครตกับนายจอห์น แม็คเคนแห่งพรรครีพับลิกัน ใครจะ ชนะศึกครั้งนี้คงต้องติดตามกันต่อไป แล้วว่าที่ผู้นําคนใหม่จะยังคงยืนยันตั้งมั่นใน นโยบายที่ได้ให้ไว้กับประชาชนอเมริกัน เมื่อครั้งเขาเป็นเพียงผู้แทนพรรคหรือไม่ และจะประสบผลสําเร็จแค่ไหน
ทาน ตะวัน
แตท่แี นๆคือ เขาจะตองเปนผูรับมรดกจาก ประธานาธิบดีบุชที่จะอําลาตําแหนงในไมชานี้ มรดกที่ว่านี้มีอยู่หลายอย่างค่ะ อย่างแรก เป็นด้านการเงิน การคลัง ของสหรั ฐ หลั ง จากเผชิ ญ มรสุ ม การเงิ น พ่ ว งด้ ว ยวิ ก ฤตซั บ ไพรม์ ม าตลอด ประกอบวิกฤตราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้นําคนใหม่ของ สหรัฐยังต้องแบกรับนโยบายตัดลดการเก็บภาษีภายใต้รัฐบาลบุช ซึ่งกระทํากัน
-29-
---------------------------------------------------
จนกลายเป็นประเพณีไปแล้ว แม้กระทั่งงบประมาณของประเทศก็ลดลงอย่างเห็น ได้ชัด อย่างที่สองว่าด้วยเรื่องการต่างประเทศ ที่บุชพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะ สานต่ อ ท่ า ที แ ข็ ง กร้ า วเพื่ อ จั ด การกั บ โครงการเสริ ม สมรรถนะแร่ ยู เ รเนี ย มใน อิหร่าน และการทําสงครามต่อต้ านการก่อ การร้ายในอิรักและอั ฟกานิสถาน ความท้าทายนี้คงทําให้ผู้นําใหม่ของอเมริกาปวดเศียรเวียนเกล้ากันไม่มากก็น้อย ใครมีเทคนิคอะไรก็งัดกันมาใช้อย่างสุดฤทธิ์ มรดกอย่างสุดท้ายที่สําคัญมากไม่แพ้กัน คือ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม เรื่องการลดสภาวะโลกร้อนที่สหรัฐยังคงยืนยัน (หรือ นอนยันด้วยก็ไม่ทราบ) ไม่ลงนามในพิธีสารเกียวโต โดย อ้ า งว่ า จํ า เป็ น ต้ อ งรวมเอาจี น และอิ น เดี ย เข้ า มาร่ ว ม รับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นอีกสาเหตุ สําคัญที่ให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยใช้เหตุผลฟังดูดีตาม ฉบับอเมริกาว่า ต้องจํากัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของประเทศกําลังพัฒนาทั้งสองประเทศดังกล่าว ให้เท่า เทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จะเห็นได้ว่ามรดกแต่ละอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถ และ อาจถือได้ว่าถ้าใครนํามรดกเหล่านี้ไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลง กระทั่งพัฒนาสาน ต่อชิ้นเดิมได้อย่างยอดเยี่ยมและสง่างามแล้ว เขาผู้นั้นย่อมได้รับความไว้วางใจ เป็นประธานาธิบดีในดวงใจชาวสหรัฐไปอีกนาน และเป็นการพิสูจน์แล้วว่า ...“ผมทําได้แล้วครับ” ที่ สุ ด แล้ ว ไม่ ว่ า ผู้ นํ า ใหม่ ข องสหรั ฐ จะ บ ริ ห า ร ม ร ด ก เ ห ล่ า นี้ ข อ ง ต น อ ย่ า ง ไ ร มี ประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผลแค่ไหน และเป็นไป ในทิศทางใดนั้น เราในฐานะประชาคมโลกย่อมให้ ความสนใจเป็ น ธรรมดา ด้ ว ยเหตุ ที่ ว่ า ประเทศ ส ห รั ฐ เ ป็ น ม ห า อํ า น า จ ท า ง ด้ า น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ การทหาร ฯลฯ และเป็นตัวขับเคลื่อนวิถีทางเดิน ของกระแสโลก -30-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
“เร็วเถิดพี่นองสิงหแดงรวมแรงเชียร อยาเพิ่งใจเสียเสียงเชียรยังกองอยู...” ช่วงเวลานี้ หากเพื่อนคนไหนที่ได้ก้าวเท้าเข้ามายัง ใต้ตึก บร. 1 บริเวณโต๊ะคณะรัฐศาสตร์ คงจะได้ยินเสียงเพลง กระหึ่มดังปะปนไปกับน้ําเสียงอันสนุกสนานของเหล่าเพื่อนๆ นักศึกษาที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ ตรงกลางของกลุ่มนั้นหากท่านลอง สังเกตดีๆ ก็จะได้เห็นนักศึกษาคนหนึ่งนํานักศึกษาที่อยู่นั้นบริเวณร้องเพลง พร้อมกับวาดลวดลายลีลาอันเร่าร้อนและเร้าใจให้คนแถวนั้นได้ ครึกครื้นเฮฮากันตลอดเวลา แน่นอน วันนี้ เราจะมาคุยกับพี่มาช่า หรือพี่กอล์ฟ ธีรศักดิ์ วรนุช ประธานกลุ่มเชียร์ของคณะ รัฐศาสตร์ พร้อมกับซึมซับเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของกลุ่มเชียร์อัน โด่งดังของชาวสิงห์แดงจาก ปากประธานเชียร์ผู้นี้ว่าพวกเขา ทําอะไรมาบ้าง กําลังทําอะไร และคิดจะทําอะไรต่อไป
-31-
---------------------------------------------------
ถาม - กลุมเชียรรวมตัวมาไดยง ั ไงคะ พี่มาช่า - กลุ่มเชียร์อันที่จริงมีมาก่อนสิบปีที่แล้ว แต่ว่ามันหายไป แล้วมีพี่คน หนึ่งมารื้อฟื้นใหม่ คือพี่โอ๊ครุ่น 48 ซึ่งพวกเราคงได้เจอกันแล้ว คือตอนนั้นพี่ๆ กลุ่มเซอร์เวย์ไปเชียร์บอล แล้วก็มีคนพูดขึ้นมาว่า ก็มีแต่พวกเราเท่านั้นแหละ ที่ ร้องเพลงคณะได้ พี่โอ๊คเลยคิดว่า ทําไมพวกเราจะร้องไม่เป็น ดังนั้นจึงเป็นเหตุ ให้มีการก่อตั้งกลุ่มเชียร์ในคณะขึ้นมา อุปสรรคตอนแรกที่มีคือ ไม่มีงบสนับสนุน พี่โอ๊คเลยเข้าไปหาสมาคมศิษย์เก่าคณะรัฐศาสตร์ และได้มา 15,000 แล้วมา บริการจัดการกัน ตอนแรกๆมีน้องมาเยอะเพราะคนอยากร้องเพลงเยอะ เหตุการณ์ตอน สนามบอลคือตอนนั้นแข่งกับบัญชี แล้วเขานําไป สี่ต่อศูนย์ แล้วพี่โอ๊คเลยร้อง เพลงมาว่า “เรือเอ๊ย เรือบิน เอาหัวทิ่มดินไม่เห็นจะดี เอาความปราชัยไปให้ บัญชี เฮ้ยยย! บัญชีเฮงซวย ฮ้วยย! เฮงซวยบัญชี”อะไรประมาณนั้น บอลเลย ชนะ เลยเกิด เป็นภาพประทั บใจขึ้นมา จากนั้นคนก็ร วมตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ใ ต้ ตึกบร.1 นี่หละ จากนั้นมาก็มีกิจกรรม ที่ให้พี่ๆได้มาพบกับน้องๆ จากรุ่นสู่รุ่นถ้า นับจริงๆก็สิบปีแล้ว ถาม – มีการประวัตท ิ ีค ่ อ นขางยาวนาน อยางนี้ แลวกิจกรรมทีท ่ าํ มีอะไรบางคะ พี่มาช่า – อย่างแรกเลยก็มีประกวดเชียร์ เราเคย ได้อันดับที่สอง 4 ครัง้ อันดับทีส่ าม 2 ครั้ง แล้วก็โดนปล้นชัยชนะอีกหนึง่ ครัง้ ถาม – สวนกิจกรรมทีเ่ ดนๆนั้น มี อะไรบางคะ ลองยกตัวอยางมาใหหนอยไดม้ยั พี่มาช่า - มีกจิ กรรมเชียร์ลีดเดอร์ ซึง่ เป็นการประกวดเชียร์ชิงถ้วยพระราชทาน จากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา การแข่งเชียร์กีฬาสิงห์ดาํ สิงห์แดง แล้วก็มีงานลีโอซองสําหรับน้องๆชั้นปี 1 -32-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
ถาม – กลุม เชียรมีกจ ิ กรรมเยอะแยะมากมายอยางนี้ แลวพอจะมี อุปสรรคในการทํางานของกลุม เชียรบางไหมคะ พี่มาช่า – อุปสรรคก็จะมีบา้ งนะ คือนักศึกษาไม่ค่อยมาเข้าร่วมกลุ่ม เพราะมี ความเป็นปัจเจกบุคคลสูง ซึง่ เป็นปัญหาหนักมากๆ ถาม – ถาอยางนั้น พีไ่ ดคด ิ วิธีการแกปญ หาอยางไรคะ พี่มาช่า - เทคนิคที่ใช้ในปีนี้คือ เคาะประตูห้องทีห่ อเลย แล้ว ประชาสัมพันธ์ขา่ วต่างๆ บอกให้ น้องๆมาร่วมร้องเพลงเชียร์กัน เยอะ
“เวลาทั้งปท่ีเราไดมาอยู ดวยกันเนี่ยแหละประทับใจ ที่สุดแลว แตท่ีสุดจริงๆ คือวัน ประกวดเชียรเนี่ยแหละเพราะ เหนื่อยมาเปนเดือนๆ แลว ผล จะออกมาเปนอยางไรก็ไม สําคัญเพราะยังไง นองๆก็เปน ที่หนึ่งในใจพี่อยูแลว”
ถาม – พีช่ า คะ สิง ่ ทีพ ่ ี่ ประทับใจทีส ่ ด ุ ในการมาเขา รวมกลุม เชียรคืออะไรคะ พี่มาช่า – เวลาทั้งปีที่เราได้มาอยู่ ด้วยกันเนี่ยแหละประทับใจที่สุดแล้ว (ยิ้ม) แต่ที่สุดจริงๆ คือวันประกวดเชียร์เนี่ยแหละเพราะเหนื่อยมาเป็นเดือนๆ แล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่สําคัญเพราะยังไง น้องๆก็เป็นที่หนึ่งในใจพี่อยู่ แล้ว ถาม - ในวาระครบรอบสิบปของกลุม เชียรในปนี้ พีช่ า มีกจ ิ กรรม พิเศษอะไรทีอ ่ ยากจะประชาสัมพันธบางไหมคะ ลองชวยแนะนํา มาหนอย
-33-
---------------------------------------------------
พี่มาช่า - ปีนี้มีคอนเสิร์ต “สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง” จะมีเหล่าศิลปินดารา มาเล่นคอนเสิร์ตมากมายนะคะ อาธิเช่น พี่โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ว่าน ปิดเทอมใหญ่ สําหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตพิเศษสําหรับพวกเราชาวสิงห์แดงเท่านั้นค่า ถาม – สําหรับในอนาคตนี้ ทางกลุม เชียรจะมีกจ ิ กรรมอะไร เพิ่มเติมมั๊ยคะ พี่มาช่า - คาดว่าน่าจะมีนะคะ ตราบใดที่ยงั มีลมหายใจอยู่ แล้วก็อาจจะมีละคร เวที แต่ต้องดูสถานการณ์อกี ทีกอ่ นค่ะ
ถาม - ในฐานะทีพ ่ ีช่ า เปนประธานกลุม เชียร พีม ่ ีเคล็ด ลับในการแบงเวลายังไงบางคะ พี่มาช่า – เคล็ดลับก็ไม่มีอะไรมากคะ ก็แค่ ตัง้ ใจเรียนให้ เต็มที่ในห้อง ตอนเย็นก็มาสอนน้องร้องเพลงเชียร์กัน แล้วตอน ดึกก็กลับห้องไปทบทวนที่ได้เรียนมา แล้วก็ถ้าเกิดมีเวลาว่างก็แบ่ง เวลามาทบทวนบทเรียนบ้างค่ะ ถาม - คําถามสุดทายแลว พีช่ า อยากจะฝากอะไรถึงผูอา นเม็ดเลือด แดงมั๊ยคะ ไมวา จะเปน อาจารย รุน พี่ รุน นอง พี่มาช่า - สําหรับคนที่หยิบเม็ดเลือดแดงมาอ่านนั้น หนังสือเม็ดเลือดแดงเป็น หนังสือที่ดีมีความรู้ต่างๆมากมาย เป็นประตูเปิดหูเปิดตาให้คุณก้าวมาสู่คณะมาก ขึ้น ก็อยากจะฝากถึงพี่ๆน้องๆทุกคนว่า อยากให้มาร่วมร้องเพลงคณะกัน เราไม่ จํากัดว่าจะต้องเป็นปีหนึ่งอยู่แล้ว ถ้าอยากร้องเพลงคณะเป็นก็มาร่วมร้องกัน เรา รอคุณอยู่!! ค่ะสําหรับอาจารย์นะคะ “หนูก็ขอเกรดดีๆหน่อยนะคะไม่ใช่ดีด๊อกนะ คะ แต่ขอเอค่ะ หนูขอนะคะ” (หัวเราะ)
-34-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
หลังจากที่พี่ช่าได้มานั่งคุยกับพวกเรา พี่ช่าของพวกเราก็ได้ขอลาไป ปฏิ บั ติ ภ ารกิ จ ต่ อ ซึ่ ง ก็ คื อ การสอนน้ อ งๆร้ อ งเพลงเชี ย ร์ ข องคณะ ตลอด ระยะเวลาการซ้อม บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง มีแต่เสียง หัวเราะและรอยยิ้มบนหน้าของทุกคน เราคงต้องยอมรับกันว่า ประธานเชียร์ผู้นี้ ได้จุดประกายให้กิจกรรมการเชียร์เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ สนุกสนาน และอยู่ในหัวใจของพวกน้องๆปีหนึ่งที่เข้าร่วมกลุ่มนี้แล้ว ดูได้จากความตั้งใจและ การให้ความร่วมมือของน้องๆทุกคน หากรัฐนาวาจะดํารงอยูต่ ่อไปได้ ก็ด้วยแรงพาย แรงใจของผู้คนในรัฐ นั้น กิจกรรมการเชียร์ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึง่ ที่ได้สร้างความสามัคคี รวมถึงการ
“มาเถิดมา พวกเรารวมรองเฮฮา รองเฮฮารวมนาวาเกรียงไกรธงชัย ชาญ ธงชัยชาญ เดนอยางสิงห ระบิลเกริกกองลือนาม กองลือนาม สิงหคํารามไมครั่นครามไมขามผูใด…” แสดงออกถึงความรัก แรงใจ และความเสียสละในแรงกาย และอาจ กล่าวได้อีกเช่นกันว่าเป็นศูนย์รวมใจของพี่น้องชาวสิงห์แดงในช่วงเวลาแห่งการ แข่งขัน รวมทัง้ สภาวะแห่งการแตกแยกของบ้านเมืองเช่นนี้แล
“เรารอคุณอยู” said พี่ชา !!!!!!! !
-35-
---------------------------------------------------
สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆชาวสิงห์แดง ทุกคน ช่วงนี้ก็ใกล้จะสอบมิดเทอมกันแล้ว ก็เห็นแต่ ละคนอ่านหนังสือกันอย่างขะมักเขม้นกันเลยที่เดียว ยั ง ไงก็ ข อให้ ส อบได้ ค ะแนนดี ๆ กั น ถ้ ว นหน้ า นะครั บ สําหรับหัวใจติดปีกฉบับนี้ เราขอพาทุกคนกลับมาที่ คณะ มาสัมภาษณ์บุคคลคนๆหนึ่ง ซึ่งคาดว่าทุกคน คงจะพบเห็นหน้าและรู้จักกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มกิจกรรมทั้งหลาย บุคคลที่ เราจะสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อาจารย์ใหม่คนล่าสุดของคณะเรา และยังพ่วง ตําแหน่งผู้ช่วยคณบดีฝ่ายการนักศึกษาด้วย อ.ชญานิษฐ์ พูลยรัตน์ นั่นเองครับ
Q : ทําไมอาจารยจึงตัดสินใจเรียนปริญญาตรีที่รัฐศาสตร ธรรมศาสตรอะครับ
A : คือตอนนั้นก็ไม่ได้รู้ว่ารัฐศาสตร์เรียนอะไร แต่ก็คงเหมือนพวกคุณตอนเด็กๆ คืออยากเป็นทูต เป็นทูตเนี่ยดีได้เที่ยว แล้วก็สถาบันที่รู้จักมากคือธรรมศาสตร์ กับจุฬา แล้วก็ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันอาจไม่ค่อยเหมือนคนอื่นให้เท่าไหร่ ดิฉันไม่อยาก สร้างความกดดันให้ตนเอง คือถ้าเทียบธรรมศาสตร์กับจุฬาฯ จุฬาฯ เขาจะบอก ว่าเขาเป็นที่หนึ่ง แล้วเรื่องอะไรไปอยู่จุฬาฯ อยู่ธรรมศาสตร์น่าจะมีความสุขกว่า แล้วตอนนั้นสอบตรงนะ แต่ตอนนั้นสอบตรงยังไม่แยกสาขา ต้องเข้ามาเรียนปี หนึ่งก่อนแล้วค่อยแยกสาขา ก็ลองไปเรียน IR บางตัวเพราะอยากเป็นทูต ก็ พบว่าไม่ใช่เท่าไหร่ ส่วนปกครองนี่รู้สึกอาจารย์จะน่ากลัวไปหน่อยเลยมาเรียน บริหารรัฐกิจ
Q : อาจารยคิดยังไงกับการเรียนในคณะนี้ เรียนยากมั้ย
A : ตอนเรียนนี่ดิฉันไม่รู้โชคดีโชคร้ายนะ เรียนวิชาเอกบริหารรัฐกิจ วิชาโท IR ทํางานกับอาจารย์สาขาปกครอง ก็ได้ลองอะไรหลายๆอย่าง ยากมั้ยเหรอ ดิฉัน ว่าสนุกมากกว่า
Q : อาจารยจบดวยเกรดเทาไหรครับ
A : ดิฉันก็จําไม่ค่อยได้อะ ถ้าจําไม่ผิดอะก็ 3.69 เกียรตินยิ มอันดับหนึ่ง แต่ ดิฉันอาจจะจําผิดก็ได้นะ -36-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
Q : โอ โห อาจายมีเคล็ดลับยังไงในการเรียนใหเกงแบบนี้อะครับ
A : ดิฉันไม่มีเคล็ดลับอะไรสักเท่าไหร่หรอก ก็เรียนใน class ปกติอะ อ่าน หนังสือเอาก่อนสอบ แต่คงเพราะสนุกกับเรียนด้วยละมั้ง เลยไม่รู้สึกว่าโดนบังคับ ให้เข้าเรียน โดนบังคับให้อ่านหนังสือ
Q : ระหวางที่เรียนอาจารยไดมีโอกาสทํา กิจกรรมอะไรบางครับ
A : นั่นแหละที่ดิฉันเสียดาย คือพอได้มา เป็นอาจารย์แล้วเห็นพวกคุณทํากิจกรรมก็ นึ ก ย้ อ นกลั บ ไป ก็ เ สี ย ดายที่ ไ ม่ ไ ด้ ทํ า กิจกรรมสนุกๆอย่างที่พวกคุณทํา ดิฉันเข้า คณะน้อยไปหน่อย กิจกรรมที่พอได้ทําก็ อาสาสมัครเอเชี่ยนเกมส์ กับงานฟุตบอล ประเพณี ก็นิดๆหน่อยๆ ถือว่าน้อยมาก
Q : อาจารยอยูโตะอะไรครับ แลวอาจารย คิดเห็นยังไงกับระบบโตะครับ
A : ดิฉันอยู่โต๊ะมุมตึก แต่ดิฉันก็ไม่ค่อยได้เข้าโต๊ะเท่าไหร่ ไม่รู้ตอนนี้โต๊ะมันเป็น ยังไงบ้างแล้ว ดิฉันก็คิดว่ามันก็คงมีข้อดีของมันนั่นแหละ มันก็เป็นระบบที่ดีอะที่ เพื่อนในโต๊ะได้ช่วยเหลือกัน แต่มันก็ไม่จําเป็นต้องจํากัดอยู่เฉพาะโต๊ะ จริงๆไม่ ควรจํากัดเฉพาะคณะนี้ด้วยซ้ํา
Q : อาจารยคิดยังไงกับการที่นักศึกษาเลือกเรียนกับเฉพาะอาจารยที่ใหเกรดดีๆ
A : ดิฉันรู้สึกว่าเด็กฉลาดมาก เพราะเวลาไปทํางานเขาก็ดูเกรดคุณไม่ใช่เหรอ เขาไม่ได้มีเวลามานั่งฟังคุณว่าสามสี่ปีคุณทําอะไร แต่ดิฉันคิดว่าเพื่อไปสู่เป้าหมาย นั้น บางทีคุณก็ต้องจ่ายราคาหลายอย่าง คือคุณเลือกเรียนกับคนที่ให้เกรดดี -37-
---------------------------------------------------
โดยที่คุณอาจไม่ชอบวิชานั้น เพราะไม่มีอะไรมีแต่ได้กับได้ เวลาคุณตัดสินใจเลือก บางอย่างก็ต้องเสียอะไรบางอย่างไป แล้วส่วนใหญ่อาจารย์คณะนี้ที่ให้คะแนน โหดๆก็เป็นอาจารย์ที่เรียนสนุ๊กสนุก คุณก็เลือกเอา ดิฉันรู้สึกว่าหน้าที่อาจารย์ ไม่ได้มาบอกคุณว่าคุณต้องคิดยังไง คุณต้องคิดเอง
Q : ตอนจบอาจารยตัดสินใจจะเปนอาจารยหรือปาว
A : ไม่เลย ดิฉันหนีเลย ช่วงปีสามกับปีสี่ ดิฉันช่วยงานอ.ชัยวัฒน์ โดยเป็นผู้ช่วย อาจารย์ อาจารย์ก็ชวนตั้งแต่ก่อนจะจบว่ามาเป็นอาจารย์มั้ย เกรดก็พอใช้ได้ เรา ก็ไม่เอาอ่ะ คือตอนนั้นดิฉันคิดสองเรื่องคือ หนึ่งขี้เกียจอ่านหนังสือ สองเราพูด ไม่รู้เรื่อง มันไม่น่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นสักเท่าไหร่ ก็เลยไม่เอาดีกว่า
Q : แลวอาจารยทํางานอะไรกอนที่จะมาเปนอาจารยครับ A :
ตอนใกล้ๆจะจบเนี่ยมีรุ่นพี่คนหนึ่งรู้จักกับบรรณาธิการ ของสํานักพิมพ์ต่างประเทศ Inter press service สํานักงานใหญ่อยู่ที่อิตาลี แล้วก็มีสาขาอยู่ที่ไทย เขาก็ มาเล่าให้ฟังว่าที่สํานักพิมพ์เขาต้องการคนให้ไปช่วย ดูแล project เป็นคนประสานงาน ดิฉันก็คิดว่าเรียน บริ ห ารรั ฐ กิ จ มาก็ น่ า จะพอทํ า ได้ แต่ ว่ า เนื่ อ งจากเป็ น สํานักข่าว ทําไปได้สักพักก็ลองเขียนข่าวดู ทั้งๆที่เราก็ไม่ เรียนวารสาร จําได้ว่าชิ้นแรกนี่เขียนเป็นรีวิวหนังด้วย ซ้ําไป เรื่อง บางระจัน หลังจากนั้นก็ ทําสองหน้าที่มาตลอดคือเขียน ข่ า ว กั บ ป ร ะ ส า น ง า น โครงการ ข่ า วที่ เ ขี ย นเนี่ ย เริ่ ม จากบางระจั น ก็ พ าเราไปที่ อื่น เราเริ่มได้ไปทําข่าวเด็กที่เกิด มากั บ โรคเอดส์ ได้ ไ ปทํ า ข่ า วท่ อ ก๊ า ซจ๊ ะ นะ ได้ ไ ปทํ า ข่ า วร้ า นโชว์ ห่ ว ยที่ ไ ด้ รั บ ผลกระทบจากเทสโก้ โลตัส ฯลฯ ข่าวที่เราไปทําเนี่ยทําให้เราเห็นอีกภาพหนึ่ง
-38-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
ของสังคม แล้วเราก็คล้ายๆตั้งคําถามกับตัวเองเยอะขึ้น ว่าทําไมที่เราได้ยินมาไม่ เห็นเหมือนกับที่เราเห็น ก็กลับมาคุยกับอาจารย์หลายคนในคณะ หนึ่งในนั้นคือ อ.ชัยวัฒน์ด้วย ก็ปรึกษาว่าอยากหาคําตอบทําไมมันเป็นอย่างนี้ แล้วก็เลยนํามาสู่ การเรียนต่อ คอร์สที่เลือกเรียนก็ peace study (สันติศึกษา) ที่ ม.นอร์ทโตดาม รัฐอินเดียนน่า สหรัฐอเมริกา ตอนเรียนนี่ก็สนุกมาก เพราะคนที่มาเรียนด้วยนี่ มาจากหลายที่ทั้งจากพม่า โคโซโว รวันดา ฯลฯ มานั่งเรียนด้วยกัน เราก็เลย รู้สึกว่าส่วนหนึ่งเราเรียนกับอาจารย์แล้วอีกส่วนหนึ่งเราก็เรียนกับเพื่อนเรา
Q : แลวหลังเรียนจบกลับมาอาจารยทําอะไรตอครับ
A : เรียนจบกลับมาก็ยังไม่เป็นอาจารย์นะ ก็ไปฝึกงานกับ NGO ชื่อว่า Non violence international ก็ทําอยู่ประมาณ 3-4 เดือนเอง เสร็จแล้วก็ไปทํากลับ NGO อีกที่หนึ่งคือ Forum Asia เป็นองค์การระดับภูมิภาคที่ทําเกี่ยวกับสิทธิ มนุษยชน ก็ทําได้ประมาณปีหนึ่ง ก็รู้สึกว่านิสัยเราเริ่มไม่ใช่ NGO เท่าไหร่ เพราะดิฉันรู้สึกว่า NGO มัวแต่แก้ปัญหารายวันจนไม่มีเวลาที่จะถอยออกมา มองปัญหาที่แท้จริง ซึ่งเราก็เป็นประเภทที่สนุกกับการถามคําถาม กับการนั่ง สังเกตุมากกว่า ก็เลยออกมา พอดีช่วงนั้นก็มี กอส. (คณะกรรมการอิสระเพื่อ ความสมานฉั น ท์ แ ห่ ง ชาติ ) อ.ชั ย วั ฒ น์ ก็ เ ลยชวนมาทํ า ดิ ฉั น ก็ เ ข้ า ไปช่ ว ย ประสานงานเรื่องงานวิจัย จากนั้นก็ได้เข้าไปเป็นผู้จัดการโครงการ คอยดูแล ประสานงานให้ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้งของจุฬาฯ ก็ทําได้ประมาณปี หนึ่ง ก็รู้สึกได้ทําแต่งานพิมพ์ดีด งานโทรศัพท์ ไม่ได้ลองวิชาที่เราเรียนมาเสียที ก็เลยตัดสินใจมาเป็นอาจารย์
Q : ขั้นตอนการมาเปนอาจารยนี่เปนอยางไรบางครับ
A : คุณรู้มั้ย คณะนี้โหดที่สุดคณะหนึ่งของประเทศไทยเลยนะ เริ่มแรกเขาก็จะให้ คุณส่งใบสมัครเข้ามา เสร็จแล้วเขาก็จะเรียกมาสัมภาษณ์ แต่เขาก็ไม่ได้เรียกทุก คน เขาจะเรียกเฉพาะคนที่ใบสมัครน่าสนใจ ตอนสัมภาษณ์ก็จะมีอาจารย์ท่าทาง น่ากลัวประมาณ 6-7 คนมานั่งล้อมคุณ สัมภาษณ์ต่างๆนานา แล้วถ้าคุณสอบ -39-
---------------------------------------------------
ผ่ า นสั ม ภาษณ์ เขาก็ จ ะเรี ย กคุ ณ มาสอบสอน ก็ จ ะมี ทั้ ง อาจารย์ ปริ ญ ญาตรี ปริญญาโท รวมถึงบุคคลภายนอกเข้ามาฟัง บางคนเนี่ย...ถ้าคณะไม่แน่ใจก็อาจ เรี ย กมาสอบสอนใหม่ ดิ ฉั น ก็ โ ดนไปสองรอบ หลั ง จากนั้ น ถ้ า เขารั บ ก็ จ ะมี กระบวนการ paper work มีช่วงทดลองงาน ตอนนี้ดิฉันก็อยู่ในช่วงทดลองงาน
Q : อาจารยมาปนผูชวยคณบดีฝายการนักศึกษาไดยังไงครับ
A : (หัวเราะ) ไม่รู้ เหอะๆ ก็เข้า มาเป็นอาจารย์ได้สักพัก คณบดีก็ เรียกเข้าไปคุย ว่า เนี่ย ยินดีจ ะ ช่ ว ยงานคณะมั้ ย ก็ แ น่ น อนอ่ ะ เราก็ ยิ น ดี จ ะช่ ว ยงานคณะ แต่ ดิ ฉั น ก็ ไ ม่ คิ ด ว่ า มั น จะเป็ น ในรู ป ตํ า แหน่ ง แบบนี้ เราก็ ไ ม่ ไ ด้ มี ประสบการณ์ ตอนแรกดิ ฉั น ก็ ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ดิฉันก็รู้สึกว่า มาพร้อมกับความตกใจก็เป็นความโชคดีนะ เพราะดิฉันได้รู้จักพวกคุณก่อนที่จะสอนพวกคุณ คือหลายๆ คนเนี่ย คณะอื่นด้วย เวลาเขาพูดถึงนักศึกษาเขาก็จะบอกว่า โอ๊ย นักศึกษาสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน แล้ว ความตั้งใจมันไม่มี มันไม่ได้เรื่อง ดิฉันก็จะสามารถอาศัยข้อมูลที่มี ก็จะได้ เถียงได้เต็มปากว่า ไม่จริงนะค๊ะ! ดิฉันก็จะได้นั่งลิสต์ได้เป็นฉากๆว่ามีกิจกรรม อะไรที่ นั ก ศึ ก ษาทํ า คื อ เวลาคุ ณ บอกว่ า เป็ น ตํ า แหน่ ง ผู้ ช่ ว ยคณบดี ฝ่ า ยการ นักศึกษาเนี่ย พร้อมกับตําแหน่งนี้ มันมีหลายมิติในงานของมัน งานที่สนุกน้อย หน่อยก็เวลาเขาส่งคุณไปประชุมกับอาจารย์ผู้ใหญ่ แต่เวลาที่มันสนุกก็คือเวลาที่ดู พวกคุณทํากิจกรรม แล้วก็ โห..เด็กสมัยนี้มีพลังเนอะ ก็ได้รู้จักเด็กตั้งเยอะตั้งแยะ ซึ่งอาจารย์คนอื่นอาจไม่ได้มีโอกาสตรงนี้
-40-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
Q : อาจารยคิดยังไงกับการทํา กิจกรรมของนักศึกษาสมัยนี้ครับ
“ ก็สี่ปจะเปนเวลาที่วา สั้นก็สั้น จะวายาวก็ยาว ก็ใชมันใหสนุกอะ ”
A : ดิฉันคิดว่ากิจกรรมเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับนักศึกษา ได้ ไปเห็นคนอื่นเยอะขึ้น ได้มองไปไกล กว่าตัวเองเยอะขึ้น ซึ่งดิฉันคิดว่าไม่ ว่ากิจกรรมคณะนี้หรือคณะไหนมันช่วยตรงนี้ แต่มันจะเป็นไปได้มั้ยที่จะผลักไปให้ ไกลกว่าความสนใจของเรา ดิฉันก็ไม่ได้มีความเห็นว่ากิจกรรมที่เราทําอยู่ไม่ดีนะ แต่เราอาจจะเริ่มต้นจากตรงนี้ แล้วชวนกันคิดให้ไปไกลกว่านี้ คนอื่นๆที่เราจะไป ทําประโยชน์ให้เขา จะเป็นไปได้มั้ย ก็อาจลองคิดรูปแบบกิจกรรมขึ้นมา
Q : ในฐานะที่อาจารยสอนวิชาเกีย่ วกับความขัดแยงและสันติวิธี อาจารยมองความ ขัดแยงในบานเมืองนี้อยางไร
A : ดิฉันคิดว่าปัญหาของบ้านเราตอนนี้ที่ดิฉันเห็นนะ คล้ายๆว่าไม่เป็นฝ่ายนี้ก็ เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง เขาก็พยายามจะจับคุณใส่กล่อง มันควรจะมีพื้นที่ให้คนที่ไม่เห็น แบบนี้ หรือคนที่เห็นว่าความรุนแรงแก้ปัญหาไม่ได้ ได้มีสิทธิมีเสียงที่จะพูด แล้ว ตอนนี้ที่ ดิฉั นเป็น กัง วลมาก คือ แต่ ละกลุ่ มจะอ้ า งว่า งตั วเองใช้ สัน ติวิ ธีแ ล้ว ใช้ อารยะขัดขืนแล้ว แต่มันต้องลงไปดูในรายละเอียดว่ามันใช่จริงหรือป่าว มันน่า กลัวที่ว่า ถ้าคุณปล่อยให้ใครต่อใครนิยามอย่างที่ใครอยากให้เป็น มันอันตราย เพราะต่อไปเวลาคุณพูดเรื่องสันติวิธี พูดเรื่องอารยะขัดขืนมันจะไม่มีความหมาย อะไรแล้ว ไม่รู้วันนั้นใครไปฟังมั่ง งานสัมมนาของคณะ สิ่งที่ อ.เกษียร พูด ดิฉัน ว่ า สํ า คั ญ ที่ สุ ด คื อ คุ ณ จะคิ ด ถึ ง แนวทางแก้ ปั ญ หาในบ้ า นเมื อ งอะไรก็ แ ล้ ว แต่ คุณ ข้ า มพ้ น ความจริ ง ไม่ไ ด้ ว่ า คนมัน ยั ง ต้อ งอยู่ด้ ว ยกัน เพราะฉะนั้ น คุณ ต้ อ ง คิดถึงพื้นที่ที่แต่ละฝ่ายมันอยู่ด้วยกันได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือทิศทางที่เราเดินไปทั้ง พันธมิตรและรัฐบาลมันไม่ได้อยู่บนความจริงนี้ไง
-41-
---------------------------------------------------
Q : อาจารยคิดวานักศึกษาควรมีจุดยืนอยางไรในสถานการณที่บังคับใหมีการเลือก ขางเชนนี้เชนนี้
A : ดิฉันรู้สึกว่ามีคนจํานวนไม่น้อยที่ไม่อยากจะต้องเลือกข้าง แต่ว่ามันไม่มีเสียง ออกมา มันไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาด้วย ใครต่อใครก็ควรจะออกมาพูดว่า ก็ไม่อยาก เลือกอะ คุณไม่เลือกใครคุณโดนทั้งสองฝ่ายด่า แต่ดิฉันถูกสอนมาว่า ถ้าคุณโดน สองฝ่ายด่า แปลว่าคุณทําอะไรบางอย่างถูกแล้ว อยากด่าก็ด่าไป แล้วมันอาจไม่ จําเป็นต้องเป็นทางสายกลางด้วยซ้ําไป มันอาจจะแบบว่ากลุ่มที่สามคิดแบบนี้ กลุ่มที่สี่แบบนี้ กลุ่มที่ห้าแบบนี้ ดีเสียอีกมาช่วยกัน คุณคิดอยู่คนเดียวทําไมคุณ ถึงคิดว่าแก้ปัญหาได้วิธีเดียว มีตั้งร้อยแปดสิบวิธี มาคุยกันสิว่าวิธีไหนมันน่าจะดี
Q : อาจารยอยากฝากอะไรถึงนักศึกษาบางครับ
A : ฝากอะไรเหรอ ฝากอะไรดีอะ...คือดิฉันก็เข้าใจว่าคนเข้ามาเรียนคณะนี้ด้วย เหตุผลต่างๆนานา ก็สี่ปีจะเป็นเวลาที่ว่าสั้นก็สั้น จะว่า ยาวก็ยาว ก็ใช้มันให้สนุกอะ คือดิฉันรู้ว่าจบมาแล้ว ดิฉันก็มองย้อนกลับไปว่ามันมีหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ ทําแล้วเราก็อยากทํา คุณมีสี่ปีเท่ากับคนอื่นแหละ ยกเว้ น คุ ณ เรี ย นไม่ จ บภายในสี่ ปี ซึ่ ง ไม่ ค วร เหอะๆ แล้วก็ดิฉันรู้สึกว่าสี่ปีมันเป็นช่วงที่คุณหา ความเป็นตัวคุณ อยากทําอะไรทํา เพราะ เวลาคุณจบไปมันจะมีเชือก มีกล่องอะไร ตั้งหลายแหล่มาบล๊อกให้คุณทําอะไรอย่าง ที่คุณไม่อยากทํา...เยอะ ก็คงจะได้รู้จกั กับอาจารย์สาวสุดสวยคนนี้เยอะขึน้ นะครับ แล้วก็อย่างที่ อาจารย์ชญานิษฐ์ บอกไว้นะครับ เวลาสี่ปีในมหาลัยมันแสนจะสัน้ ใช้มันให้คุ้ม นะครับ แล้วเจอกันใหม่เม็ดเลือดแดงฉบับหน้า อยากรูว้ ่าเม็ดเลือดแดงจะไป สัมภาษณ์ใครอีกต้องติดตามครับ
-42-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
การประกันคุณภาพการศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมนักศึกษา สวัสดีครับ ฉบับที่แล้วเราได้รู้จักกับการประกันคุณภาพการศึกษาในส่วนที่ เกี่ ย วกั บ กิ จ กรรมการพั ฒ นานิ สิ ต นั ก ศึ ก ษาไปแล้ ว มาฉบั บ นี้ เ ราจะไปรู้ จั ก อี ก องค์ประกอบหนึ่งของการประกันคุณภาพการศึกษา คือ องค์ประกอบที่ 6 การ ทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งถึงก็มีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมนักศึกษาของเราตรง ที่ว่า การจัดกิจกรรมนั้นไม่ควรแต่จะมุ่งเน้นเพื่อความสนุกสนานส่วนตัวเท่านั้น แต่ ต้องมุ่งเน้นในเรื่องศิลปวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน องค์ประกอบที่ 6 การทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม หลักการ การทํ า นุ บํ า รุ ง ศิ ล ปวั ฒ นธรรมถื อ เป็ น พั น ธกิ จ สํ า คั ญ ประการหนึ่ ง ของ สถาบันอุดมศึกษา ดังนั้น สถาบันอุดมศึกษาจึงต้องมีระบบและกลไกควบคุมการ ดํา เนิ น งานด้ านนี้ ใ ห้เ ป็ น ไปอย่ างมี ป ระสิท ธิ ภ าพและคุณ ภาพ โดยอาจมีจุ ด เน้ น เฉพาะที่แตกต่างกันตามปรัชญาและธรรมชาติของแต่ละสถาบันและมีการบูรณาการ เข้ากับการผลิตบัณฑิต งานวิจัย และการบริการวิชาการ รวมทั้งดําเนินการเพื่อให้ เกิดการพัฒนามาตรฐานการทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม 5 ด้าน ได้แก่ มาตรฐาน ด้านนโยบาย ด้านการส่งเสริม ด้านการสนับสนุนด้านการสร้างมาตรฐาน และด้าน การเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และเชื่อมโยงความรู้ท้องถิ่นสู่สากล อันจะเป็นกลไกใน การฟื้นฟู อนุรักษ์ สืบสาน พัฒนา เผยแพร่ศิล ปวัฒนธรรม รวมทั้งสร้างสรรค์ ส่งเสริมภูมิปัญญาไทยให้เป็นรากฐานการ พัฒนาองค์ความรู้ที่ดีขึ้น มาตรฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง 1. มาตรฐานการอุดมศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา 2. มาตรฐานการประเมินคุณภาพภายนอก ระดับอุดมศึกษา สํานักงาน รับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) 3. มาตรฐานการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคํารับรองการปฏิบัติ ราชการ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
-43-
---------------------------------------------------
4. ดัชนีบ่งชี้และเกณฑ์ประเมินคุณภาพด้านการทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม สํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) 1. ตัวบ่งชี้ที่ 6.1 : มีระบบและกลไกในการทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม 2. ชนิดของตัวบ่งชี้ : กระบวนการ 3. หน่วยวัด : ระดับ 4. คําอธิบายตัวบ่งชี้ : สถาบันอุดมศึกษาต้องมีนโยบาย แผนงาน โครงสร้าง และ การบริ ห ารจั ด การงานทํ า นุ บํ า รุ ง ศิ ล ปวั ฒ นธรรมทั้ ง การอนุ รั ก ษ์ ฟื้ น ฟู สื บ สาน เผยแพร่วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการปรับใช้ศิลปวัฒนธรรมต่างประเทศ โดยมีความสมดุลระหว่างการปฏิบัติงานภายในและภายนอกตามจุดเน้นของสถาบัน อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 5. แนวปฏิบัติที่ดี : 1. สถาบั น มี ก ารดํ า เนิ น การด้ า นทํ า นุ บํ า รุ ง ศิ ล ปวั ฒ นธรรมที่ ส่ ง เสริ ม การบูรณาการศิลปวัฒนธรรมกับวิถีชีวิตประชาคมและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามนโยบาย และแผนงานด้านทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม 2. สถาบันมีการส่งเสริมการจัดกิจกรรมที่นําไปสู่การสร้างสรรค์งานด้าน ศิลปวัฒนธรรม 3. สถาบั น มี ก ารสนั บ สนุ น งบประมาณ การจั ด หาแหล่ ง ทุ น เพื่ อ การ ดําเนินงานด้านศิลปวัฒนธรรม 4. สถาบันมีการจัดทําฐานข้อมูลเพื่อการทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม 5. สถาบันมีการกําหนดหรือสร้างมาตรฐานด้านศิลปวัฒนธรรม 6. สถาบันมีการเผยแพร่ผลงานด้านศิลปวัฒนธรรม 6. ข้อมูลอ้างอิงสําหรับผู้ประเมิน : ข้อมูลพื้นฐานและเอกสารหลักฐานอ้างอิง เช่น 1. แผนงานด้านศิลปวัฒนธรรมของสถาบันและหลักฐานการดําเนินงาน ตามแผนตลอดจนการประเมินและปรับปรุง 2. โครงการการบริหารงานด้านศิลปวัฒนธรรมของสถาบัน ตลอดจน ระเบียบ ข้อบังคับ มาตรการและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง
-44-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
3. ข้อมูลและสารสนเทศที่เ กี่ยวข้องกับการบริหารงานศิล ปวัฒนธรรม เช่น คําสั่งแต่งตั้งหรือมอบหมายผู้รับผิดชอบ หลักฐานการส่งเสริมสนับ สนุนให้ อาจารย์ แ ละบุ ค ลากรทํ า งานทํ า นุ บํ า รุ ง ศิ ล ปวั ฒ นธรรมและ บู ร ณาการ ศิ ล ปวั ฒ นธรรมกั บ วิ ถี ชี วิ ต ประชาคม ข้ อ มู ล และหลั ก ฐานการจั ด กิ จ กรรมด้ า น ศิล ปวัฒ นธรรม การจัด สรรทรัพ ยากรสนับ สนุ น ข้ อมู ล เกี่ย วกั บ ผลงานและงาน สร้างสรรค์ด้านศิลปวัฒนธรรม แบบประเมินผลการปฏิบัติงาน 4. เอกสารหลั ก ฐานความร่ ว มมื อ และการให้ บ ริ ก ารวิ ช าการด้ า น ศิ ล ปวั ฒ นธรรมหลั ก ฐานการกํ า หนดหรื อ สร้ า งมาตรฐานด้ า นศิ ล ปวั ฒ นธรรม หลักฐานการเผยแพร่ผลงานด้านศิลปวัฒนธรรมทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติ 7. เกณฑ์มาตรฐาน : 1. มีการกําหนดนโยบายที่ชัดเจนปฏิบัติได้ และมีแผนงานรองรับ 2. มีการกําหนดกิจกรรมหรือโครงการที่เป็นประโยชน์สอดคล้องกับแผนงาน และมีการดําเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 3. มีการบูรณาการงานด้านทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรมกับภารกิจด้านอื่นๆ 4. มี ก ารส่ ง เสริ ม การดํ า เนิ น งานด้ า นศิ ล ปวั ฒ นธรรมทั้ ง ในระดั บ ชาติ แ ละ นานาชาติ อาทิ การจั ด ทํ า ฐานข้ อ มู ล ด้ า นศิ ล ปวั ฒ นธรรม การสร้ า ง บรรยากาศศิ ล ปะและวั ฒ นธรรมการจั ด กิ จ กรรม ประชุ ม เสวนาทาง วิชาการ การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนอย่างพอเพียงและต่อเนื่อง 5. มีการกําหนดหรือสร้างมาตรฐานด้านศิลปวัฒนธรรม โดยผู้เชี่ยวชาญและ มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับชาติหรือนานาชาติ 6. มีการเผยแพร่และบริการด้านศิลปวัฒนธรรมในระดับชาติและนานาชาติ อาทิ มีสถานที่หรือเวทีแสดงผลงาน จัดทําวารสารศิลปวัฒนธรรมใน ระดั บ ต่ า ง ๆ มี ค วามร่ ว มมื อ ในการให้ ก ารบริ ก ารวิ ช าการด้ า น ศิลปวัฒนธรรมกับสังคมในระดับต่าง ๆ TO BE CONTINUED…
-45-
---------------------------------------------------
2 ก.ค.
เลือกแกนคณะปี 1 @ common room เวลา 09.00-15.00น.
3 ก.ค.
วันไหว้ครู @ ยิม2 เวลา 08.00น.
3 ก.ค.
การประกวดโต๊ะ @ บร. 1 เวลา 17.00น.
3 ก.ค.
การแข่งขันบาสเกตบอลระหว่างรัฐศาสตร์ กับ SIIT @ ยิม7 เวลา 17.00น.
4-6 ก.ค.
รับน้องโต๊ะภราดร จําปี สิงห์โต๊ะเล็ก ถ้ําสิงห์ สายรุ้ง OH HO HE โซดาสิงห์ PARADISE
7-8 ก.ค.
วันขอโควตาภาคการเรียนที2่
9 ก.ค.
คอนเสิร์ตสามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง @ ห้องเธียเตอร์ อินเตอร์โซน เวลา 17.00น.
11-13 ก.ค.
รับน้องโต๊ะมุมตึก
17 ก.ค.
วันอาสาฬหบูชา
18 ก.ค.
วันเข้าพรรษา
20-27 ก.ค.
สัปดาห์ของการสอบกลางภาค
สามปาล์ม
-46-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
23 ก.ค.
วันสุดท้ายของการขึ้นทะเบียนบัณฑิต
2-3 ส.ค.
รับน้องโต๊ะมาสิคะ แสงจันทร์ลา่ ง
8 ส.ค.
ซ้อมย่อยคณะพิธีพระราชทานปริญญาบัตร @ หอประชุมเล็ก ท่าพระจันทร์
9 ส.ค.
ซ้อมรวมพิธีพระราชทานปริญญาบัตร @ หอประชุมใหญ่ ท่าพระจันทร์
10 ส.ค.
ซ้อมใหญ่พิธพี ระราชทานปริญญาบัตร@ หอประชุมใหญ่ ท่าพระจันทร์
12 ส.ค.
วันแม่แห่งชาติ
14 ส.ค.
วันพระราชทานปริญญาบัตรประจําปีการศึกษา 2550 @ หอประชุมใหญ่ ท่าพระจันทร์
15-17 ส.ค.
รับน้องโต๊ะเมษา
ปล. ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยตัวผู้จัดงาน ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า By aut_glom
-47-
---------------------------------------------------
-48-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
ไสติ่ง เลานิทานใหเพื่อนฟง กาลครั้งหนึ่งเนิ่นนานนานมาแล้ว
มีเมืองแก้วแพรวเพริศพิสุทธิ์ใส
ชื่อว่ารัฐสยามาธิปไตย
เป็นเขตแคว้นแดนใหญ่ในแหลมทอง
ในอดีตนพปฎลล้นปกหล้า
เหล่าอํามาตเสนาข้าสนอง
ล้วนเป็นใหญ่กินตําแหน่งในกรมกอง
เป็นเจ้าของครองรัฐกันชนชั้นเดียว
ประชาชนคนชั้นล่างต่างถูกย่ํา
ถูกกระทําเช่นไรใช่แลเหลียว
พวกขุนนางแดกงบชาติฉลาดเชียว
มันเก็บเกีย่ วกินเปอร์เซ็นเป็นกําไร
เกิดทุรยศกลียุคทุกหย่อมหญ้า
จะให้ปวงประชาทําฉไน
จึงได้เกิดผู้มีจิตคิดการไกล
คิดการใหญ่ล้มขุนนางทรชน
คนเหล่านั้นเรียกตนว่าคณารัฐ
ปฏิวัติล้มชนคนฉ้อฉล
เลิกสมบูรณาสามาญอันมืดมน
ให้ปวงชนอยู่ใต้รัฐประชาธิปไตย
ให้สิทธิ เสรีภาพ เสมอภาค
คนหมู่มากในรัฐยังสงสัย
ยังไม่คุ้น ไม่เคย ไม่เข้าใจ
จึงไม่ใช้สิทธิตนตามที่มี
แม้จะมีธรรมนูญปกครองรัฐ
มิขจัดพวกสูงยศสูงศักดิ์ศรี
มีสภาก็สภาของผูด้ ี
ประชาธิปไตยย่าํ กับที่ไม่ก้าวเดิน -49-
---------------------------------------------------
เกิดทหารรัฐประหารทําหาญกล้า โดยผู้นํา เหล่าจอมพล ทําเชื้อเชิญ
สั่งบูชา สั่งเทิดทูน สั่งสรรเสริญ ต่างเพลิดเพลินในอํานาจความเกรียงไกร
ด้วยยุคมืดทางทหารผลาญเผาชาติ
ชนมุ่งมาดมั่นจิตคิดแก้ไข
วันที1่ 4 ตุลาเรียกคืนอธิปไตย
ชีพสูญเสียครั้งใหญ่จึงได้มา
ได้อํานาจของประชาคืนมาแล้ว
ยังไม่แคล้วโดนขโมยไปต่อหน้า
ปืน รถถัง สีเขียว ดูลายตา
อ้างอาสาขจัดภัยให้ราษฎร
ลศช. อ้างวิกฤติยึดอํานาจ
วงจรอุบาติ ย้อนมาสร้าง อุทาหรณ์
ตระบัติสัด ขัดสัญญา สันดานมอญ
ประชากรเกิดเลือดล้างพสุธา
ชนร่วมใจร่วมสู้ร่วมกูก่ ้อง
ร่วมฉลองเลือดโชลมโซมรัฐฐา
ร่วมเรียกร้องอธิปไตยให้คืนมา
ร่วมรักษาอธิปัตย์อยู่คู่เมืองแมน
ส่งผลให้รัฐสยามาได้มีสุข
รุกเร่งปลุกสํานึกความหวงแหน
พยายามใช้ประชาธิปไตยให้ทั่วแดน
ทั่วทั้งแคว้นทุกผืนดินสิ้นทุกข์ภยั
ความสงบ อยู่ได้เพียงชัว่ ครู่
ถึงแม้รู้รกั ษ์อธิปไตยสักแค่ไหน
ร่วมรักษาสิทธิ เสรี ทุกถิ่นไป
จนหมู่มารจัญไรมาครองเมือง
มันกอบโกยโกงกินสิ้นทั้งชาติ
ใช้อํานาจก้าวก่ายไปทุกเรื่อง
มันทุ่มเงินฟาดหัวไม่กลัวเปลือง
ปวงประชาหน้าเหลืองไปตามกัน
-50-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
ทั้งข้าวของแสนแพงค่าแรงตก
มันหยิบยกยักย้ายตามใจฉัน
ทั้งจาบจ้วงล่วงฟ้าสารพัน
ภาษีเราทั้งนัน้ ที่มันกิน
มันคิดขายแผ่นดินให้ต่างด้าว
ย้อมจากดําเป็นขาวจนหมดสิน้
จะมีสักกี่คนทีย่ ลยิน
ว่ามันกินชาติไปถึงไหนกัน
เรื่องมันเกิดเพราะว่านายกเหลี่ยม
หน้าเหีย้ (ม)เหี้ย(ม)ชื่ออุดรมันกระสัน
อยากจะได้แผ่นดินเป็นของมัน
สุดท้ายฝันสลายกลายทันที
19 กันยาหน้าเหลี่ยมโค่น
เขียวหัวโขนยกทัพมา ผวาหนี
รัฐประหารย้อนวงจรกันอีกที
ประชาชีสยามาธิปไตยไม่ถูกกลืน
ถึงมันออกโดนซักฟอกอย่างหน่วงหนัก แม้เสียหลัก ยังตัง้ จิตคิดขัดขืน ตัวของมัน ไร้แผ่นดินเป็นถิ่นยืน
พวกก็ถูกกลบกลืนยุบพรรคลง ชื่อสมัย สุนทรเลิศ ตามประสงค์
ถึงกระนั้นมันยังตั้งตุ๊กตาเชิด ลงสมัคร เลือกนายกเป็นร่างทรง
หวังดํารง ยศฐานะ เพื่อกลับมา
บุญหรือบาปสาปแช่งให้หลงผิด
อุดรได้ ดังที่คิด จิตหรรษา
พอกลับบ้าน ก็กราบพืน้ ฟื้นมารยา
มันกลับมาบงการร่างทรงมัน
ไอ้สมัยก็ใช่ย่อยคอยจ้องแดก
ซ่อน ซุก แทรก ทรัพย์สิน สิ่งกระสัน
ข้าว น้ํามัน และสินค้า สารพัน
มันแดกกันอิ่มอร่อย ค่อยแบ่งนาย
มันจะแก้ธรรมนูญสูญอํานาจ
สีเหลืองปราด ลุกฮือ “มึงอย่าหมาย” -51-
---------------------------------------------------
กองทัพกรรม ออกต่อต้านต่างกระจาย
เรียนสหายรวมชุมนุม สุมที่สะพาน
ไอ้สมัยเห็นไม่ไหวเลยสั่งถอย
มิฉะนั้น ไอ้สนถ่อย จะหักหาญ
สมัยถอยไม่สุดซอยตามสันดาน
ไอ้สนถ่อยเลยกล่าวขานอ้างชอบธรรม
ไอ้สนถ่อยอ้างสีเหลืองเรืองธรรมะ
กล่าววาทะเงื่อนเพิ่มเติมช่างหน้าขํา
ไอ้สมัยจงออกไปไอ้ระยํา
ฉันจะทําแกไร้สขุ ทุกข์ชีวา
การชุมนุมลุกลามตามถนน
ประชาชนวุน่ วายหน่ายหนักหนา
มันแบ่งสี แบ่งฝักฝ่าย แบ่งพารา
ทํามูลค่าเศรษฐกิจติดลบลง
ฝ่ายสมัยสีแดงก็แรงฤทธิ์
อ้างในสิทธิเขาเลือกมา ข้าคือหงส์
กองทัพกรรม สีเหลือง จงปลดปลง
ข้าจะส่ง กําลังไป สลายแก
ฝ่ายสีขาวออกมาว่าข้าขอ
ทําอ้อล้อสร้างตนสร้างกระแส
ขาวออกมาบอกสองสีอย่าตอแย
แต่ทางแก้ เสือกไม่บอก หลอกให้งง
คนชั้นดีมีปัญญาเห็นหน้าเบื่อ
หากว่าเชื่อสีไหนไปคงพาหลง
เอาปัญญาตั้งสติหาทางลง
คงจะส่งรัฐไปให้เจริญ
จบนิทานที่เล่าแล้วเพื่อนแก้วเอ๋ย
จงอย่าเฉยฟังนิทานอย่างผิวเผิน
ถึงจะเป็นนิทานฟังเพลิดเพลิน
แต่สักวันอาจเผชิญกับเรื่องจริง
-52-
เม็ดเลือดแดง --------------------------------------------------นิทานเรื่องนีเ้ ปนเรือ่ งแตงขึ้นทั้งสิน้ ชื่อตัวละคร สถานที่ เมือง ลวนสมมุตขิ ึ้นมาไมไดมี เจตนา พาดพึงถึงผูใ ด ขาพเจาแตงกลอนดวยความดอยประสบการณหากผิดพลาดประการใด ขอ อภัย ณ ที่นี้ดวย
มิได้คัดสรรคําอันล้ําเลิศ
มิได้เพริศพริ้งเพราะเสนาะหู
มิได้หวังเทียบชั้นบรมครู
เพียงหวังชูเชิดเชลงโชลมใจ พระยาลับแล ประพันธ์
PoLiTiQuiZ
By Eak…
คิดไม่ออก ช่วยด้วยยยยยย ? ครั้งแรกที่ผู้เขียนได้รับสดับฟังหัวข้อนี้ ก็รู้มีความรู้สึกเหมือนกับหัวข้อ เช่นกัน ??? (ยังได้เขียนก็ดีแล้ว 5555) เพราะว่าผู้เขียนยังคงอยู่ในสภาพ “ปรับเครื่อง” ของการเป็นนักศึกษา ชั้นปีที่สองแห่งแดนสิงห์ ก็เลยทําให้มึนๆ งงๆ และ “คิดไม่ออก” มากกว่าชีวิต ปกติที่ “คิดอะไรไม่ออก” อยู่แล้ว คงเป็นเพราะผู้เขียนไร้ซึ่งสติปัญญากระมังเลย “คิดไม่ออก” หรือเป็นเพราะผู้เขียนชอบขี้เกียจหรือคิดไรไม่เป็นเรื่อง มันก็เลย “คิดไม่ออก” (โดยเฉพาะสอบ Midterm ที่จะมาถึง T-T)
-53-
---------------------------------------------------
แต่เมื่อเรามีสิ่งที่เรียกว่า “คิด” ก็ย่อมมีคนที่ “คิดออก” และ “คิดไม่ ออก” แต่ ทุ ก คน คง “ขี้ ออก” 555555555 เพ รา ะขี้ มั น ง่ า ยก ว่ า คิ ด (เนื่องจากขี้เป็นธรรมชาติมากกว่าคิด) (ขออภัยที่ไม่สุภาพติด“ฉ”) เมื่อคนที่ “คิดออก” เราก็ย่อมหวังว่าเขาจะคิ ดถูกใจเรา หรือ คิด ดี และไขคําตอบในเรื่องที่คิดได้ โดยเฉพาะผู้เขียนก็ชอบให้ “เพื่อนผู้นักคิด” ที่คน ทั้งหลายช่วยให้คิดอะไรบ่อย ๆ (ไม่ต้องบอกว่าเป็นใครในปีสองแดนสิงห์??????) หรือเพราะเรา “ขี้เกียจคิด” หรือ “เลอะเทอะ” ทําให้เราย่อมเรียกใช้ (หรืออยากเป็น) “นักคิด” (จนผู้เขียนคว้าหนังสือ ที่ใกล้มือมาตั้งคําถามอย่างจนปัญญา) 1. นักคิดคนสําคัญที่อยู่ในบทสนทนายูไทโฟรคือใคร และใครร่วม “คิด” สนทนากับเขา 2. “I think, therefore I am” เป็นวาทะของนักคิดคนใด 3. คําบรรยาย “Course in General Linguistics” เป็นคําบรรยาย ของนักคิดคนใด และนักคิดคนนี้เป็นผู้บุกเบิกศาสตร์ใด 4. ใครเป็นผู้เขียน Historia เป็นหนังสือประวัติศาสตร์เล่มแรกที่ให้ แนวคิดทางประวัติศาสตร์ไว้ 5. ผู้นําก่อตั้งแนวคิดปรัชญา ปรากฏการณ์นิยม (Phenomenology) คือนักคิดคนใด 6. “คนชนบทเลือกตั้งรัฐบาล คนเมืองล้มรัฐบาล” เป็นแนวคิดของ นักคิดนักวิชาการไทยท่านใด 7. “จํานวนประชากรนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเรขาคณิต” เป็นแนวคิดของนัก เศรษฐศาสตร์ท่านใด 8. “Small is Beautiful” เป็นผลงานทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่อง เศรษฐศาสตร์แนวพุทธ ของนักคิดท่านใด 9. “The Mountain People” และ “The Lonely Africans” เป็น ผลงานเขียนของใคร 10. “นักคิดไทย” อยู่ที่แห่งใดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ -54-
เม็ดเลือดแดง ---------------------------------------------------
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนที่ขี้เกียจคิด(และเพ้อเจ้อด้วย) ขอให้ผู้อ่านโชคดี กับ หนึ่งในนักคิดที่ท่านต้องเผชิญ (อย่างน้อยก็ในห้องสอบ) ตลอดชีวิตของท่าน เพราะเราไม่อาจเข้าสู่สัจธรรมได้ ถ้าเรายังไม่สนใจ(หรือพึ่งพา?)กับ “นักคิด”
ปล.ใครผูใดที่พาดพิงตองขออภัยดวย อยามาฟองเหมือน..........(คิดเอาเอง)ซะใหยาก!!!!!!!!!!!
-55-
---------------------------------------------------
ขอขอบคุณ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ขอขอบคุณ พี่พร พี่เหมียว และพี่ๆเจ้าหน้าที่คณะรัฐศาสตร์ทุกคน ที่คอยอํานวยความ สะดวกให้พวกเราเสมอมา ขอขอบคุณ อาจารย์ชญานิษฐ์ อาจารย์ที่แสนน่ารัก และใจดี ที่ยอมให้พวกเราสัมภาษณ์ อย่างเจาะลึก คําสัมภาษณ์ของอาจารย์ให้แงคิดกับพวกเรามากมายจริงๆ ครับ ขอขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ชาวสิงห์แดงทุกคน สําหรับการให้สัมภาษณ์ พวกคุณ ทําให้เรารู้ว่า ยังมีคนที่ยอมโทษตัวเองอยู่ในสังคมนี้อีกเยอะ ขอขอบคุณ ทีม กอง บก. เม็ดเลือดแดง (โดยเฉพาะ น้องๆปี 1) หวังว่าเราจะได้ร่วมกัน คิดและทํางานร่วมกันต่อๆ ไป (นี่เป็นคําสั่ง ฮะฮะ) ขอขอบคุณ เวลาว่างอันแสนน้อยนิดหลังการเรียน ที่ทําให้พวกเรารู้คุณค่าของเวลามาก (ต่อไปนี้ พวกเราจะใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่ามากขึ้น) ขอขอบคุณ ทุกๆ ครั้งที่เราคิดไม่ออก ขอขอบคุณ กําลังกาย กําลังใจ จากตัวพวกเราเอง และทุกๆคน ที่ทําให้พวกเรามีแรงใน การสร้างสรรค์ผลงานต่อไป สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ท่านผู้อ่านทุกท่าน แล้วพบกันอีกครั้ง ในฉบับต่อไปนะครับ…
Thank You Na Ja
-56-