กันยายน 8, 2552
WIZ.WIMUTTI.NET
หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปราโมชฺโช แห่งสวนสันติ ธรรม
บทเรียนก่อนตาย
น้องหมวยนักภาวนานักสู้ ผู้สมเป็นศิษย์มีครู พฤหัสที่ 3 กันยายน 2552
หมวยลูกศิษย์หลวงพ่ออายุ 30 กว่ า ๆเป็ น มะเร็ ง มา กราบลาหลวงพ่อครั้ง สุดท้าย ถวายผ้าไตร สังฆทานและปัจจัย (หมวยเสียชีวิตแล้วเมื่อคืน นี้เอง 7 กันยา)
1
นาทีที่ 20.............. กราบนมัสการหลวงพ่อ ก่ อ นอื ่ น ต้ อ งขอขอบคุ ณ ที ่ หลวงพ่อ ได้กรุณาส่งไฟล์ เสียงไปให้ ตอนที่เข้าห้อง ICU แล้วได้ส่งอีกหลายๆ ครั้งกับความเมตตาที่ หลวง พ่ อ ได้ ม ี ใ ห้ อ ี ก หลายครั ้ ง แล้วก็ทางหมวยเองขอ โอกาสถามคําถาม เจ็ดข้อ
สุดท้าย เพราะคิดว่าหมวย เท่าเทียมกันเพราะว่าใจที่ไม่ คงไม่มีโอกาสได้มาอีกแล้ว เป็นกลาง ที่ไปให้ค่า (โดยให้ ผ มเป็ น ล่ า มให้ น ะ เพราะ ฉะนั้นเวลาเราภาวนา ครับ) บางทีเวลาโดนยาเข้าไปบ้าง โยม: สภาวะจิตของหมวย หรื อ ว่ า ร่ า งกายทรุ ด โทรม ตอนนี้มีโมหะ จิตออกนอก บ้าง เบลอๆ อย่าไปตกใจ แล้วก็ไม่ตั้งมั่น แล้วก็เป็น นะ เบลอรู ้ ด ้ ว ยความเป็ น กลางอยู่ครับ (ลพ ถามว่า กลางใช้ได้ ตัวสําคัญไม่ได้ อันสุดท้ายอะไรนะ) แล้วก็ อยู ่ ท ี ่ ว ่ า สภาวะอะไรเกิ ด ขึ ้ น เป็นกลางอยู่ครับ (ลพ ตอบ ตั ว สํ า คั ญอยู ่ ท ี ่ ว ่ า เป็ น กลาง ว่า อือถูกแล้ว) หรื อ ไม่ เ ป็ น กลางนะ อย่ า กังวลนะ อย่ากังวลใจ ลพ: อย่าไปกังวลนะว่าจิต จะสว่ า งหรื อ ไม่ ส ว่ า ง จิ ต โยม: ข้อที่สองครับ ตอนที่ สงบหรื อ จิ ต ฟุ ้ ง ซ่ า นสภาวะ หมวยเข้า ICU หมวยเค้าก็ ทั ้ ง หลายเนี ่ ย ะโดยตั ว ของ เห็นทุกขเวทนาเยอะมาก ใน มันเองเท่าเทียมกัน มันไม่ ทุกนาที แต่จิตมีกําลังตั้งมั่น มีตัวรู้ และก็มีขันธ์ห้า
WIZ.WIMUTTI.NET กันยายน 8, 2552
มันอยู่ต่างหาก ไม่ เสี ยที หรอกนะ อย่างไปกังวล กระจายออก ตอนนั้นหมวยไม่ได้ทําสมถะเยอะ ไม่ อย่างไรก็ไม่เสียทีหรอกจิตที่ฝึกมาถึงขนาดนี้ ได้ทําตามรูปแบบเยอะ เพราะว่าเข้าโรงพยาบาล ประมาณเดือนนึงแล้ว เมื ่ อ ก่ อ นมี อ งค์ น ึ ง นะ อาจารย์ ว ั น ชั ย เจริ ญ รอย เดียวกันเลย นี่ภาวนาแข็งกว่าอาจารย์วันชัยอีก คราวนี้หลังจากออกจาก ICU เห็นแต่ความไม่เป็น กลางของจิตเพราะจิตเกิดโทสะ เพราะว่ามีแต่ได้รับ ล่าม: อยากจะถามอีกนะคะ ข้อห้าค่ะ ทุ ก ขเวทนาตลอดเวลา (คนที ่ เ ป็ น ล่ า ให้ เ ริ ่ ม เสี ย ง หมวย: จะถามว่าเลิกการประคับประคอง คือ ไม่ขอ เครือ แล้วพูดต่อไม่ได้ ต้องให้คนอื่นมาเป็นล่ามแทน ปั้มหัวใจ ไม่ขอ...(ฟังไม่ถนัดว่าพูดอะไร) ไม่ขอเข้า ให้) .....จิตที่ไม่ตั้งมั่นเกิดจากตอนที่ออกจาก ICU ICU และไม่ ต ้ อ งการยาปฏิ ช ี ว ะนะ เลิ ก ที ่ จ ะให้ แล้วได้รับทุกขเวทนาเนี่ยะ (ล่ามคนใหม่) ได้รับ มอร์ฟีน บรรเทาความเจ็บปวด แต่อีกอันนึงคือ การ ทุกขเวทนามาก เพราะได้รับยาปฏิชีวะนะทุกขนาด เลือกที่หมอเลือกให้ เหมือนตั้งใจจะเริ่มรักษาใหม่ให้ แต่ อ าการไม่ ด ี ข ึ ้ น มี แ ต่ ท รุ ด จนหมอบอกจะอยู ่ ไ ด้ ดีที่สุด เผื่อว่าจะสามารถแก้ไข สถานการณ์ได้ แต่ว่า อย่างมากก็หนึ่งเดือน (ลพ แล้วนี่อยู่มาตั้งนานแล้ว) ต้องเริ่มใหม่ แต่ต้องเริ่มให้ยาเคมีบําบัดใหม่หมด โยม: ข้อสี่ค่ะ ตอนนี้พักอยู่ที่โรงพยาบาล ด๊อกเตอร์ โบว์ ทํางานอยู่ ไปอยู่ตั้งแต่วันที่ 25 เห็นจิตที่ชอบ ไม่ชอบ เห็นจิตที่ไม่เป็นกลาง เห็นจิตที่ไม่เป็นกลาง ขณะที่ไปเห็นการเปรียบเทียบของหมอโรงพยาบาล สองโรง พยาบาล
เลยค่ะ ลพ: จุดสําคัญนะ ร่างกายเนี่ยะทิ้งมันไป ให้หมอเค้า ดู แ ลไปนะ หน้ า ที ่ เ รามี อ ั น เดี ย วคื อ รั ก ษาใจเราไว้ เอาใจไว้นะ ร่างกายปล่อย ให้หมอเค้าทําหน้าที่ของ เค้าไป
โยม: ข้อที่ห้านะคะ
หมวย: เพราะฉะนั้นการที่หนูเลือก เลิกการประคับ ประคองครั้งสุดท้ายไว้ ถือว่าหนูเลือกทํา ลพ: คื อ การภาวนานะอย่ า งไปกั ง วลจนเกิ น ไป อัตวินิบาตกรรมหรือมีเจตนาฆ่าตัวตาย หรือเปล่าคะ อันดับแรกเจริญเมตตา เมตตาร่างกายเรื่อยๆ นะ ร่างกายนี้ได้รับความลําบากน่าสงสาร เพราะฉะนั้น ลพ: ไม่ได้ฆ่าตัวตายหรอก มันตายเอง อย่ า ไปรั ง เกี ย จมั น พอใจเราเจริ ญ เมตตาใจเราก็ หมวย: ถ้าอย่างนั้นหนูเลือก เลิกการประคับประคอง ร่มเย็น ใจร่มเย็นนะ ก็ค่อยๆ ดูมันไป ดูมันเจ็บ ดูมัน คือ หนูเลือกเอง อย่างนี้ได้หรือเปล่าคะ มีเจตนาฆ่า ตาย เรา ก็ทําเป็นแค่คนดูแค่นั้นแหล่ะ บางครั้งพอ ตัวตายหรือเปล่าคะ เวลาเวทนารุนแรงเนี่ยะ สติเราตามไม่ทัน โทสะมัน ขึ้น พอโทสะเกิดขึ้นมาเนี่ยะอย่า ไปตกใจกลัวมัน ลพ: เปล่า ไม่ได้อยากฆ่าตัวตายเลยนะ พยายามเจริญเมตตากับร่างกายมันนะ เป็นกลางกับ มันนะ ดูไปเรื่อย ตัวสําคัญอยู่ที่ความเป็นกลางหล่ะ นะ แล้วอย่าไปกังวลกับมัน ถ้าเกิดจะตายจริงๆเนี่ยะ อย่างตอนเรายังไม่ตายโทสะมันขึ้นได้ แต่เกิดนาที วิกฤติจริงๆ นะเวลาจะตาย เนี่ยะ โทสะมันจะไม่ขึ้น หรอก สติปัญญามันจะขึ้นมาแทน เพราะฉะนั้น ไม่ ต้องไปกังวลตรงนั้นหรอก เพราะจิตที่เราฝึกมาจนถึง ขนาดนี้นะ ขันธ์มันแตกตัวออกไปหมดแล้ว พอเรา ฉุกเฉินขึ้นจริงๆ มันจะทํางานอัตโนมัติ
หมวย: คือ ไม่อยากรับยาปฏิชีวะนะ ยาคีโมค่ะ
ลพ: ได้ เราเลือกวิถีชีวิตเราได้นะ ชีวิตเราเนี่ยะสั้น นิดเดียวนะ สั้นนิดเดียว ครูบาอาจารย์ท่านก็กลับวัด นะ ไม่ใช่ว่าท่านกลับมา ฆ่าตัวตายซะที่ไหนหล่ะ ตายเอง ครูบาอาจารย์หลายองค์นะ มีองค์หนึ่งชื่อว่า หลวงปู่ จัน เขมมฺปัตโต องค์นี้ภาวนาเก่งนะ เพราะว่าท่านยัง เหลืออีกนิดหน่อย มาไม่สบายอยู่กรุงเทพเนี่ยะ เสร็จ แล้วพอท่านจะตายนะ ท่านกลับหนองคาย พอไปถึง ตอนที่มันทํางานอัตโนมัติเนี่ยะจะเห็นขันธ์แยกออก วัดนะ เดินจงกรมได้ เดินจงกรมนะ ตายกระดูกเป็น ไป นี่บอกล่วงหน้าไว้เลยนะ ขันธ์มันจะแยกออกไป พระธาตุเลย ขันธ์มันตายนะ แต่ใจที่ เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานเนี่ยะ
2
WIZ.WIMUTTI.NET กันยายน 8, 2552
งั ้ น ไม่ ใช่ ว่ า ให้ หมอเลิ กรั กษาแล้ ว คื อ ฆาตกรรม ไม่ใช่ คือดูแล้วมันรักษาไม่ไหว มันรักษาไม่ได้ เราก็ ไปรักษาจิตของเราไว้ แต่อย่างหมอเนี่ยะ ถ้าเค้าจะ ช่วยได้บ้าง คือ ช่วยบรรเทา ทุกขเวทนา ฉีดให้ฉีด มอร์ฟีนให้ อย่างเนี่ยะมันก็ไม่เป็นไรหรอก
อย่างของหมวยเนี่ยะ ถ้าเราจะมองว่าเราได้ภาวนา เราภาวนาได้เต็มที่แล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมา จิตใจจะ เบิกบาน
พระองค์เนี่ยะท่านก็มองร่างกายมันตาย เพราะฉะนั้น เวลาที่เราจะตายนะ ต้องตั้งสติไว้ ดูกายมันตายลง ล่าม: ขอเมตตา หลวงพ่อให้คําแนะนําอันสุดท้ายว่า ไป ใจอยู่ต่างหากนะ ฝึกดูอย่างนี้ กายมันตายแล้ว มีอะไรยังติดอยู่หรือเปล่า ใจเราอยู่ต่างหาก ใจไม่ทุกข์ด้วย บางคนก็ได้ธรรมะ พระองค์ที่ท่านเชือดคอเนียะท่านเป็นพระ อรหันต์ ลพ: ไม่มีอะไรน๊า ไม่ต้องไปกังวลอะไรหรอก เลย หรือบางคนไม่ได้พระอรหันต์ แต่ได้ธรรมะดีๆ ไป อยู่ที่นาทีวิกฤติเนียะแหล่ะ ล่าม: ข้อสุดท้ายข้อเจ็ดค่ะ ข้อสุดท้ายแล้วค่ะ หลวงปู่ดูลย์เคยสอน ตกกระใดพลอยโจน ท่านสอน หมวย: ขอตั้งใจถวายสังฆทาน สําหรับคนที่ภาวนานะ แต่มันยังไม่จบ ในนาทีที่มัน จะตายนะ เห็นกายมัน ตายไปยอมรับสภาพไป อย่า ล่าม: ขอกราบถวายสังฆทาน และปัจจัยเข้าวัด เป็น ไปโกรธ อย่าไปเกลียดมันนะ ดูเฉยๆ เฝ้ารู้เฝ้าดูไป โอกาสสุดท้ายที่มาที่นี่ ขอกราบอโหสิกรรมหลวงพ่อ พอมันถึงเวลามันก็ต้องตายไป จิตอยู่ต่างหาก นะจิต (ลพ อือ อ้าวดูจิตไป) และทุกคนที่นี้ด้วย ถ้ามีการ ไม่เกี่ยวหรอก ล่วงเกิน แต่ไม่มีเจตนา ลพ: อ้าวอโหสินะ เอวัง โหตุ เอวัง โหตุ ........ รักษาใจอย่างเดียวนะ....(ถวายสังฆทาน) เป็ น บทเรี ยนนะ บทเรี ย นคนพึ ่ งภาวนา เวลาเจอ สภาวะอย่างนี้มันสู้ไหวนะ คนที่ไม่ได้ฝึกไว้เนี่ยะ สู้ไม่ ไหวหรอก อย่างบางคนเวลาจะตายนะให้ญาติมาบอกว่า พระ อรหันต์ มันไม่หันหรอกนะ กินแต่หมูหันแทน เนี่ยะถ้าใจเราฝึกเอาไว้ดีแล้วไม่ว่าอะไรเกิด ขึ้นนะ มันจะเห็นนะ ขันธ์มันจะแตกออกมา ขันธ์อย่างไงมัน ก็แตกอยู่แล้ว เราก็จะเห็นขันธ์ที่มันแตก แต่ใจยัง เป็นกลาง ถ้าใจไม่ยึดกับขันธ์นะ ใจไม่ทุกข์กับขันธ์ นะ บางคนพ้นไปเลยก็มี ในสมัยพุทธกาลนะมีพระองค์หนึ่งท่านภาวนา ทํา อย่างไรก็ ไม่สําเร็จ พอวันหนึ่งท่านรู้สึกว่า จิตใจดี กว่าวันอื่นนะท่านเชือดคอตัวเอง เชือดคอแล้วยืนพิง ฝานะ รู้สึกน้อยใจตัวเอง เราบวช ตั้งชาตินึงนะ แล้ว ไม่ได้อะไรติดตัว แต่ท่านมานึกได้ว่าตลอดเวลาเนี่ยะ ท่านรักษาศีลอย่างดี พอคิดว่าเรามีศีลที่ดี จิตใจเบิก บานขึ้นมา
3
-- จบ -จากใจทีม Wiz: เราหวังว่าเรื่องของน้องหมวย นัก ภาวนานั ก สู ้ ผู ้ ไ ม่ ย อมแพ้ ค วามเจ็ บ ปวด จะเป็ น ประโยชน์สําหรับทุกท่าน เราเชื่อว่าการไว้อาลัยนั้น ไม่เหมาะสมกับน้องหมวย ดังนั้นการใช้สีตัวอักษร ของเราจึงสดใสเบิกบาน สําหรับน้องหมวยแล้ว การ จากไปของน้องหมวยนั้นควรที่จะต้องชื่นชมยินดี เรา เชื่อว่าน้องหมวยจากไปอย่างสว่างเบิกบาน ได้ดีและ มีความสุขไปแล้วด้วยอาณุภาพแห่งการภาวนา สม กับเป็นนักภาวนาผู้เป็นศิษย์มีครู ไม่มีอะไรเหมาะสม ไปว่าการชื่นชมด้วยมุทิตาจิต และอนุโมทนาในผล ของการภาวนาที่เธอได้ทํามา...ทีม wiz
WIZ.WIMUTTI.NET กันยายน 8, 2552
บันทึกของเพื่อนหมวย... คืนสุดท้าย...ของหมวย วันก่อนมีพี่คนหนึ่งบอกเราว่า กัลยาณมิตรของหมวย น่ า จะอยากรู ้ เ รื ่ อ งคื น สุ ด ท้ า ยของหมวย เราจึ ง ขอ อนุ ญ าตเขี ย นเรื ่ อ งคื น สุ ด ท้ า ยของหมวยเอาไว้ ใ ห้ เพื่อนๆได้อ่านกัน โดยเราขอออกตัวก่อนว่า เราไม่ได้เป็นผู้ที่สนิทชิด เชื ้ อ กั บ หมวยมากมายเท่ า ไร การไปเยี ่ ย มหมวย แต่ละครั้งก็ไปในฐานะเพื่อนของเพื่อนหมวยเท่านั้น ในเรื่องของความช่วยเหลือดูแลหมวยนั้น เพื่อนๆ หลายคนของหมวย เช่น พี่ลักษณ์ สาโรช ฯลฯ ทํา หน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เพียงแต่เราบังเอิญ ได้มีโอกาสได้ไปอยู่ในเหตุการณ์ที่หมวยกําลังจะลา จากเพื่อนๆไปแล้วเท่านั้น คืนสุดท้ายที่เราได้เจอหมวยนั้น เรากับเพื่อนได้ข่าว ว่า หมวยน่าจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้ เราจึงได้เดินทางไป เยี่ยมหมวยที่โรงพยาบาลตอนประมาณหนึ่งทุ่ม ใน ตอนนั้นหมวยมือเท้าสั่น นอนหอบโดยมีเครื่องช่วย หายใจประคับประคองอยู่ เพื่อนของเราคนหนึ่งได้ เดินเข้าไปลูบเนื้อลูบตัวหมวย ในขณะนั้นเรารู้สึกว่า การที่ไปลูบเนื้อลูบตัวหมวยนั้นน่าจะทําให้หมวยกลับ มาอยู ่ ท ี ่ ก ายที ่ ม ี ท ุ ก ขเวทนามาก ซึ ่ ง ไม่ น ่ า จะเกิ ด ประโยชน์เท่ากับการที่ให้หมวยหลับแล้วพอตื่นขึ้นมา ที ก ็ ไ ด้ ย ิ น เสี ย งธรรมของหลวงพ่ อ (ซึ ่ ง สาโรชได้ ใ ห้ ความช่วยเหลือหมวยไว้อย่างดีที่สุดในส่วนของซีดี เสียงของหลวงพ่อ) เราจึงบอกเพื่อนเราว่า อย่าไป โดนตั ว เพราะถ้ า จิ ต ใจของหมวยพะวงอยู ่ ก ั บ กา ยมากๆจะเจ็บและเกิดทุกขเวทนาไปเปล่าๆ เพื่อนเรา ก็หยุดแล้วก็ปล่อยให้หมวยนอนพักไป โดยก่อนเรา จะกลับ เพื่อนเราก็ได้นํารูปหลวงพ่อไปวางไว้บนโต๊ะ กินข้าวของคนไข้ที่ปรับระดับได้ โดยปรับระดับไว้ใน ระดับสายตาของหมวยพอดี
ของเรามาในเรื ่ อ งการปล่ อ ยให้ ห มวยอยู ่ ก ั บ คนให้ น้อยที่สุด เพราะหมวยต้องการไปอย่างไม่มีภาระ ทางจิตใจ โดยเท่าที่ทราบ หมวยเคยบอกว่า ในช่วง วาระสุดท้าย หมวยต้องการอยู่กับน้อยชายหรือไม่ก็ ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือเท่านั้น เพราะหมวย เกรงว่าเพื่อนฝูงจะเสียใจจนหมวยไม่สบายใจไปด้วย ซึ ่ ง ตรงนี ้ เพื ่ อ นเราได้ ไ ปขอให้ พ ี ่ ๆ หลายคนที ่ เ ฝ้ า หมวย เดินทางกลับบ้านไปก่อน โดยเพื่อนเรากับ เล็กได้อยู่เฝ้าหมวยในคืนนั้นอยู่สองคน ในขณะที่เรากลับมา เราเห็นหมวยลืมตาพอมีสติ เรา ก็ เ ดิ น ไปใกล้ ๆ เตี ย งหมวย พู ด กั บ หมวยสั ้ น ๆว่ า “หมวย หลวงพ่อสอนว่าอย่าห่วงร่างกาย หมวยทิ้ง กายไปเลยนะ” หมวยก็มองหน้าแล้วพยักหน้าในเชิง รับรู้ ซึ่งเราก็รู้สึกดีว่า แม้หมวยจะหอบและไม่มีแรง พูด หมวยก็ยังมีสติสัมปชัญญะที่ดี ยังระลึกถึงคํา สอนของครูบาอาจารย์ได้อยู่ สักพักหมวยมีอาการ เหมือนกับตะกายรูปของหลวงพ่อ ซึ่งเราก็เข้าใจผิด ไปว่าหมวยอยากได้รูปหลวงพ่อ (ที่แท้จริงคือ หมวย หิวน้ํา แต่แก้วน้ําวางอยู่หลังรูปหลวงพ่อ) เราจึงได้ หยิบรูปหลวงพ่อขึ้นมาให้หมวยเห็นชัดๆ ซึ่งในขณะ นั้น หมวยก็ได้จ้องมองรูปหลวงพ่ออยู่พักใหญ่เลยที เดียว จนมีพี่คนหนึ่งถามว่า “หมวยหิวน้ําเหรอ” ห มวยก็พยักหน้า เพื่อนเราจึงป้อนน้ําใส่ปากหมวย ตอนนั้นหมวยมีอาการเหมือนสําลักน้ําหน่อยๆ
ประมาณเที่ยงคืน เพื่อนหมวยทุกคนได้กลับบ้านไป หมดตามคําขอของน้องชายหมวย เหลือเพียงเพื่อน เรากับเล็ก ก่อนเราจะกลับบ้าน หมวยก็มีการขับถ่าย ทีเป็นปกติ และด้วยฤทธิ์ยา หมวยเหงื่อออกค่อน ข้างเยอะ เรากับเพื่อนจึงช่วยกันพัดให้หมวยรู้สึก สบายตัว โดยหมวยก็ยกมือสองข้างขึ้นมาวางไว้บน หัวเหมือนกับผ่อนคลายสบายตัว แต่สิ่งที่เราสังเกต เห็นคือ หมวยมีอาการอึดอัดกับเครื่องช่วยหายใจ มาก ซึ่งเรากับเพื่อนต้องช่วยกันปรับสายเครื่องช่วย ในเวลานั้นเรารู้สึกว่าหมวยน่าจะอยู่ต่อไปได้อีกสัก หายใจให้ แ น่ น น้ อ ยลง และคอยใช้ ม ื อ ช่ ว ยดึ ง ให้ สองสามวัน อย่างน้อยก็น่าจะทันที่จะเจอน้องชาย คลายลงเป็นระยะๆ หมวยเป็นครั้งสุดท้าย เรากับเพื่อนจึงไปทําธุระต่อ แล้ ว กลั บ มาที ่ โ รงพยาบาลอี ก ที ต อนเกื อ บเที ่ ย งคื น จากนั้น หมวยมีทีท่าเหมือนจะพักผ่อน เรากับเพื่อน ซึ่งระหว่างนั้น น้องชายของหมวยได้ฝากกับเพื่อน จึงได้ปล่อยให้หมวยนอนไป โดยจากสิ่งที่เราเห็น
4
WIZ.WIMUTTI.NET กันยายน 8, 2552
แม้หมวยจะได้ธรรมะหรือไม่ได้ธรรมะก็ตาม สิ่งที่ สภาพร่างกายของหมวยในเวลานั้น เราค่อนข้าง หมวยทํามาโดยตลอด ย่อมนําร่องให้หมวยมีศรัทธา แน่ใจในคติข้างหน้าของหมวยว่า ไปในทิศทางที่ดี และตามรอยธรรมะของพระผู ้ ร ู ้ แ ละพระผู ้ ป ฏิ บ ั ต ิ ด ี มากอย่างแน่นอน เราจึงได้กลับไปเช่นกัน ปฏิบัติชอบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงซึ่งความสิ้นทุกข์ อันเป็นจุดหมายปลายทางของหมวยและของเพื่อน ประมาณตีห้าของคืนวันนั้น เพื่อนเราได้โทรมาบอก หมวยทุกๆคน เราว่า หมวยได้จากพวกเราไปแล้ว โดยเล็กบอกว่า เสียงหายใจของหมวยหายไป จึงได้ขึ้นมาจับชีพจร มรณานุสติจากหมวยในครั้งนี้ แม้เป็นเรื่องน่ายินดีที่ เห็นว่าไม่เต้น แต่ตัวยังอุ่นๆอยู่ จึงเรียกพยาบาลเข้า หมวยได้จากพวกเราไปอย่างสบายและสง่างามสม มาดูเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง โดยครั้งนี้หมวยได้จาก กับเป็นชาวพุทธ แต่ช่วยเตือนใจให้เพื่อนหมวยอีก พวกเราไปจริงๆแล้ว หลายคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท นับว่าการจากไป ในครั้งนี้ของหมวย เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวหมวยเอง และเพื่อนๆทุกคน เราจึงขออนุญาตลงบทร้อยกรอง มรณานุสติ ที่เราแต่งขึ้นเพื่อหมวยโดยเฉพาะเอาไว้ เพื่อเตือนใจ เราเองและเพื่อนๆทุกคน โดยขอขึ้นประโยคแรกด้วย แม้เราจะไม่สนิทชิดเชื้อกับหมวยเป็นการส่วนตัว แต่ คําว่าจันทร์ที่มากจากชื่อจริงของหมวยว่า จันทร์เพ็ญ การจากไปของหมวยในครั้งนี้ ช่วยสอนธรรมะดีๆให้ กับเราและเพื่อนๆอีกหลายคนอย่างมากมาย โดย จันทร์เอ๋ยเคยคู่ฟ้า ก็ลับลาจากเวหน ส่วนตัวแล้ว หมวยสอนให้เรารู้จักคุณค่าของการมี เปรียบดุจดั่งกมล ต้องล่วงพ้นจากรูปกาย ชีวิตอยู่ และในทางกลับกันก็สอนให้รู้จักคุณค่าของ ทุกผู้ต้องประสบ จะหลีกหลบอย่าได้หมาย การตาย ในช่วงที่ผ่านมาเรามีปัญหาบางอย่างเข้า ความเกิดกับความตาย เป็นสหายไม่ทิ้งกัน มากระทบจนเกือบจะตอบโต้ด้วยวิธีรุนแรง แต่การ เตือนตนกันไว้เถิด ว่าต้องเกิดกับตัวฉัน ไปเยี่ยมหมวยในครั้งหนึ่ง จะช้าหรือฉับพลัน ต้องมีวันนั้นสักครา แม้หมวยจะไม่ได้คุยธรรมะกับเรา เราก็ได้สติจาก อย่ามัวเมาประมาท เสียโอกาสในสังสาร์ การพิ จ ารณาถึ ง ความยึ ด มั ่ น ในตั ว ตนของเราเอง เจริญภาวนา ให้สมค่ากับชีวี จนเอะใจขึ้นมาว่าหากเราต้องเป็นอย่างหมวยเราจะ ที่ได้เป็นมนุษย์ ฟังคําพุทธชินสีห์ ยึดอะไรไว้หรือจะละอะไรไป ซึ่งทําให้เรามองเห็นสิ่ง อบรมบ่มฤดี เพื่อให้มีตาเห็นธรรม ที่เรายึดถือไว้ว่าเป็นสิ่งเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับชีวิต แม้พลาดจากชาตินี้ คุณความดียังหนุนค้ํา ในการเกิดมาชาติหนึ่ง จึงกล่าวได้ว่า หมวยมีส่วน เป็นเชื้อกุศลกรรม นําสู่ทางสว่างเอย. สําคัญในการทําให้เราบรรเทาความยึดมั่นในตัวตน บางอย่างลงและแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญามากขึ้น -------------------
หมวยเป็นชาวพุทธที่ดีคนหนึ่ง เรายังจําได้ว่า ในช่วง ที ่ ห มวยยั ง ป่ ว ยไม่ ม าก เรากั บ เพื ่ อ นได้ ไ ปเดิ น ที ่ บางลํ า ภู เ พื ่ อ ช่ ว ยหาไหมพรมให้ ห มวยถั ก หมวก ผ้าห่มกันหนาว และผ้าเช็ดมือ ถวายพ่อแม่ครูบาอา จารย์ทุกๆรูปที่หมวยเคารพนับถือ ซึ่งอัตราเร่งใน การผลิตของหมวยนั้นเร็วมากจนสามารถถวายพ่อ แม่ครูอาจารย์ที่หมวยเคารพได้อย่างครบถ้วน นับ เป็นเรื่องน่าอนุโมทนาในฉันทะและวิริยะของหมวย อย่างยิ่ง ความเป็นชาวพุทธที่ดีของหมวย ทําให้เรามั่นใจว่า หมวยได้ไปสู่สุคติภูมิอันเป็นที่สําหรับชาวพุทธ โดย
5
เพื่อนคนหนึ่งของหมวย ๙ กันยายน ๒๕๕๒
กันยายน 11, 2552
พวกเราต้ อ งดํ า รงค์ ช ี ว ิ ต ด้ ว ยความไม่ ประมาท คําว่า "ไม่ประมาท" ก็คือ ต้อง มีสติเรื่อยๆ สติหน่ะจําเป็นในที่ทุกสถาน ในกาล ทุกเมื่อ ถ้าขาดสติก็เหมือนว่า ตายแล้ว ถ้ามีสติอยู่ ก็เรียกว่า ยังมีชีวิต อยู่...
หลวงพ่อปราโมทย์ งานฌาปณกิจศพคุณหมวย 11 กันยายน 52 ประมาณบ่ายสองโมง นาทีที่ 22...
ไมได้หรอก ไม่ใช่ว่าแก่ก่อนถึงจะตาย เด็กก็ตายได้ นะ คนตายเต็มบ้านเต็มเมืองเนี่ยะถ้าเราประมาทอยู่ เราคิดว่าเรายังไม่ตายนะ เราปล่อยชีวิตไปวันหนึ่ง ขอกราบท่านอาจารย์...เพื่อนสหธรรมิก ขออนุญาต วันหนึ่งไม่นานก็หมด แสดงธรรมครับผมแล้วโยมจํานวนมากไม่ทราบจะ ฟังอะไร เมื่อเช้าก็ฟังไปทีนึงแล้ว (โยมหัวเราะ) ตอน พวกเราชาวพุทธ เป็นบุญเป็นวาสนาแล้ว ที่ได้เจอ บ่ายตามมานี่อีก ธรรมะของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นอย่าละเลยนะ ทิ้งวันล่วงไป ล่วงไปเรื่อยๆ เสียเวลา เอาอะไรมา เรียนมามากแล้วนะ ถึงเวลาที่ต้องลงมือปฏิบัติแล้ว แลกก็ไม่ได้ เวลาซื้อไม่ได้จริงหรอก เวลามีไม่มากหรอก ดูหมวยสิ ตายอายุยังไม่มาก เท่าไหร่เลย พวกเราต้องดํารงค์ชีวิตด้วยความไม่ประมาท คําว่า ในชีวิตนะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเราประมาท
"ไม่ประมาท" ก็คือ ต้องมีสติเรื่อยๆ สติหน่ะจําเป็น ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ถ้าขาดสติก็เหมือนว่า ตายแล้ว ถ้ามีสติอยู่
6
ก็เรียกว่า ยังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้นคนในโลกเนี่ยะ ตายตั้งแต่ยังไม่ทันจะตาย เพราะฉะนั้นพวกเราอย่า ทําตัวให้เหลวไหลไปอย่างนั้นนะ พยายามพัฒนา จิตใจของตนเองให้มันมีสติขึ้นมา เบื้องต้นเราพัฒนา ให้มันมีสติ ต่อไปก็พัฒนาให้มันเกิดปัญญา การจะ พัฒนาให้มันมีสติมาเนี่ยะก็ต้องหัดรู้สภาวะไปเรื่อยๆ อย่าไปคิดว่าการปฏิบัติธรรมนั่นยากเหลือเกิน หลวง พ่อไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหนเลย เรียนกับครูบา อาจารย์มา ครูบาอาจารย์สอนง่ายๆ หลวงปู่ดูลย์ ท่านสอนให้หลวงพ่อดูจิตตัวเอง เมื่ออาทิตย์สองอาทิตย์นี้ก็ไปกราบอาจารย์อนันต์ ที ่ " วั ด มาบจั น ทร์ " นะ สายหลวงพ่ อ ชา อาจารย์ อนันต์ท่านยังเล่าให้ฟังเลยว่า หลวงพ่อชาเคยสั่งนะ เคยบอกท่ า นไว้ ว ่ า ต่ อ ไปสอนกรรมฐานให้ ค นใน เมือง สอนดูจิตนะ สอนให้ดูจิตไป หัดดูจิตด้วยความ เป็ น กลาง ไม่ ยิ นดี ไม่ ยิ นร้ าย เนี ่ ยะหลั กปฏิ บ ั ต ิ ท ี ่ เหมาะสําหรับคนในเมือง
จิตที่ประกอบด้วยความสุข จิตประกอบด้วยความ ทุกข์ จิตทุกชนิดหน่ะเกิดแล้วดับ ธรรมะทั้งหลายเกิด แล้วดับ ธรรมะในที่ใกล้ ในที่ไกล ธรรมะในที่หยาบ ที่ละเอียด เกิดแล้วก็ดับ หน้าที่ของพวกเรานะ หัด เจริ ญสติ แล้ ว ก็ ค อยดู ส ภาวะธรรมทั ้ งหลายที ่ เค้ า ปรากฏอยู่ มีสติรู้สภาวะธรรมด้วยความเป็นกลางนะ อย่าลืมคําว่า ความเป็นกลาง ถ้าเห็นสภาวะธรรมเกิดขึ้นแล้วไม่เป็นกลางก็ใช้ไมได้ นะ ไม่ใช่นักปฏิบัติที่ดีหรอก เช่น เห็นกิเลสเกิดขึ้น แล้ ว ไปเกลี ่ ย ดมั น นะ ก็ ไ ม่ ถ ู ก ต้ อ ง กิ เ ลสเกิ ด ขึ ้ น หน้าที่ของเราคือ รู้ว่ามีกิเลสเกิดขึ้น กุศลเกิดขึ้น รู้ ว่ า มี ก ุ ศ ลเกิ ด ขึ ้ น รู ้ เ ฉยๆ นะ แล้ ว มั น จะแสดง ไตรลั ก ษณ์ ใ ห้ ด ู ธรรมทั ้ ง หลายล้ ว นแต่ แ สดง ไตรลักษณ์ทั้งสิ้นไม่ว่าธรรมที่หยาบ ที่ละเอียด ที่ใกล้ ที่ไกล ที่สุข ที่ทุกข์ ที่ดี ที่ชั่ว ธรรมทั้งหลายเนี่ยะ เสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์ให้เฝ้ารู้ลงไป ทุก สิ่งเกิดขึ้นมาแล้วดับไป ดับไป ให้เฝ้ารู้อยู่อย่างนี้นะ เรียกว่า เรามีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ถ้าเราไม่ ตามรู้ ตามดู เราก็หลง เราคิดว่าตัวเรามีอยู่จริงๆ แต่จริงๆ แล้วไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรมนามธรรม มี แต่ธรรมะจํานวนมากที่มันมารวมตัวกันอยู่ ชั่วคราว แล้วมันก็แตกสลายออกไป
คนในเมืองเนี่ยะคิดทั้งวัน เอาอย่างพระไม่ได้หรอก พระมีเวลาเยอะ หมดเวลาบิณฑบาต นะมาทําสมาธิ มาเดินจงกรม ปฏิบัติได้ทั้งวัน แต่โยมไม่มีเวลา ขนาดนั้นหรอก จะลางานมาปฏิบัติมันก็ได้ปีหนึ่งไม่ เท่าไหร่หรอก เพราะฉะนั้นเราจะมารอว่าเมื่อไหร่ว่าง แล้วจะมาปฏิบัติเนี่ยะ มันไม่ทันกินหรอก เนี่ยะคนทั้งหลายเนี่ยะคิดว่ามันมีตัวเราอยู่จริงๆ มี ญาติเรามีพี่น้องเรา มีพ่อแม่มีโน่นมีนี่นะ พอเค้าตาย กรรมฐานที่พวกเราจะฝึกให้ได้ง่ายเลยนะ คือ การ ไปเราก็เศร้าโศรก ชาวพุทธหน่ะไม่เศร้าโศกหรอก เจริญสติ ในชีวิตประจําวันไว้นี่แหล่ะ แล้วก็คอยรู้ไป เราก็เห็นนะว่ารูปธรรมนามธรรมมา แล้วมันก็ดับไป ว่าสภาวะธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นมาล้วนแต่ดับทั้งสิ้น ถ้าเห็นอย่างนี้นะ ใจก็ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มีความ เมื ่ อ กี ้ ใ ครฟั ง พระท่ า นสวดออกบ้ า ง ไม่ อ อกเลย ลังเลสงสัยในธรรมะ เห็นว่าทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับทั้ง (หัวเราะ) ...เวรกรรม สิ้น ไม่ยากอะไรเลย ฝึกไป มันยากตรงที่เราไม่ยอม ปฏิบัติหน่ะ เราชอบคิดเอาเอง ธรรมะท่านออกดีนะ ท่านแจกแจงสภวาะธรรมให้ดู ต้องหัดดูสภาวะให้ได้นะ ให้เห็นตัวสภาวะแท้ๆ เลย แจกแจงธรรมะนะ ธรรมที่เป็นกุศล ธรรมที่เป็นอกุศล สภาวะนั่นแหล่ะจะสอนธรรมะเรา ไม่มีใครสอน ธรรมที่เป็นกลางๆ ธรรมทั้งหลายเหล่านี้เกิดแล้วก็ ธรรมะเราได้หรอก ดับ ธรรมที่หยาบ ธรรมที่ปานกลาง ธรรมที่ปราณีต ธรรมทั้งหลายเหล่านี้เกิดแล้วก็ดับ ธรรมที่เป็นอดีต วันนี้เอาแค่นี้นะ เทศน์อะไรหนักหนา เสียเวลาฟัง ธรรมที่เป็นปัจจุบัน ธรรมที่เป็นอนาคต ธรรมทั้ง เอาเวลาไปภาวนา หลวงพ่ออยู่กับครูบาอาจารย์นะ หลายเหล่านี้ เกิดแล้วก็ดับ ธรรมทั้งหลายที่เป็นสุข เดินทางไปหาครูบาอาจาราย์ ท่านอยู่อีสานนะ เรา เป็นทุกข์ เป็นกลางๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ เกิดแล้วก็ดับ เดินทางทั้งวันทั้งคืน บางทีตลอดคืนนะยังไม่ถึง ยัง ไม่ถึงวัด
ท่านแจกแจงธรรมะให้รู้ตั้งเยอะนะ แต่เราไม่รู้จักฟัง ส่วนท่านท่องชื่อของธรรมะให้ฟังนะ แต่ถ้าเราเห็น เป็นอย่างไง จิตหนีไปหมดเลย .... เห็นมั๊ยขาดสติ ธรรมะที่เกิดขึ้นแต่ละตัว แต่ละตัวนะ เช่น จิตที่ เห็นมั๊ย ใจฟุ้งซ่านเห็นมั๊ย เห็นมั๊ยว่าจิตขาดสติ ให้ ประกอบด้วยปิติ เกิดแล้วก็ดับ จิตมันมีสติสั่งไม่ได้ เห็นมั๊ยตอนนี้สงบกว่าเมื่อกี้ ดู
7
กายรู ้ ใ จ เห็ น กายเห็ น ใจมั น ทํ า งานไปเรื ่ อ ย เห็ น ออกไหม เมื่อกี้ฟุ้งซ่าน ตอนนี้เริ่มสงบลงมา เห็นมั๊ย ไตรลักษณ์ของกายของใจเท่าไหร่เรียกว่า ปัญญา จิตจะฟุ้งซ่านจิตจะสงบ สั่งไม่ได้ ล้วนแต่ไม่เที่ยงนะ ให้หัดดูสภาวะไป เนี่ยะศีล สมาธิ ปัญญา เราต้องอบรมไปเรื่อย ด้วย การมีสติบ่อยๆ นะ ถึงจุดหนึ่งวิมุติจะเกิดขึ้น ตอนที่ เมื่อก่อนก่อนจะเจอครูบาอาจารย์นะไปไกลมาก เดิน อริยมรรคจะเกิดนะ ไม่ใช่สั่งให้เกิดได้ ถ้ามันเพียง ทางตั้งนาน ไปถึงท่านไปฟังธรรมะ ไปส่งการบ้าน พอแล้ ว มั น จะเกิ ด ของมั น เอง จิ ต มั น จะเข้ า อั ป นา ท่านไปรายงานการปฏิบัติ สิบนาที สิบห้านาที จบ สมาธินะ เกิดของมันเอง ถึงเราไม่เคยเข้าฌานนะ แล้วนะ หลวงพ่อก็กลับแล้วไม่เอานะ ไม่เสียเวลาอยู่ ถึงวันนั้นมันจะเข้าฌาน จิตเกิดในฌาน ไม่เกิดข้าง กับท่านนะ เสียเวลาตั้งเยอะ เราใช้เวลาส่วนมากอยู่ นอกอย่างนี้นะ เกิดขึ้นอยู่แว้บเดียวนะ แล้วก็ดับไป กับการปฏิบัติหลวงพ่อภาวนาตั้งแต่เป็นโยมนะ ไม่ พร้อมกับกิเลสเราค่อยฝึกเอานะ ได้เคยคิดว่าเป็นโยมจะภาวนาไม่ได้ เรามีหน้าที่รู้ สภาวะไป ฉะนั้นเราเฝ้ารู้ เฝ้ารู้ เฝ้ารู้ไป ยิ่งเราขยันรู้ เท่าไหร่นะ เท่ากับเราทําการบ้านทั้งวันนะ สักวันเรา ก็เก่งไปเอง ถ้านานๆ รู้ทีนึงรู้ไม่เก่งหรอก หรือไม่ ยอมรู ้ เ ลยหลงไปลู ก เดี ย วใช้ ไ ม่ ไ ด้ อย่ า ใจลอย พยายามรู้สึกตัวอย่าใจลอย ขณะเดียวกันอย่าเพ่งจิต ให้นิ่ง อย่าบังคับกายให้นิ่ง อย่าบังคับใจให้นิ่ง ให้ กายมันเคลื่อนไหว ให้จิตมันเคลื่อนไหว แล้วมีสติรู้ กายรู้ใจไปเรื่อยๆ เรา
อย่ า งหมวยเนี ่ ย ะ ตั ้ ง อกตั ้ ง ใจภาวนา มากเลย พลาดนิดเดียว ไปหาหลวงพ่อเวลาตายนะ สุดท้าย เวลาตาย (ฟังไม่ชัด)... คนไปเจอเยอะเลยนะ ไป ลา ทําบุญนะแล้วก็อธิฐานขอให้ไปเกิดเป็นคน จะได้ มาปฏิบัติ ผิดตรงไหนรู้มั๊ย ห่วงอนาคต ทิ้งปัจจุบัน
เพราะฉะนั้นเราอยู่กับปัจจุบันไว้เนืองๆ นะ อย่างเรา ตั้งใจทําดี ทําบุญทําทานกับครูบาอาจารย์ สร้างความปรารถนาเป็นมนุษย์เราก็เป็นได้นะ เป็น ขึ้นมาแล้ว แต่ว่าก็ต้องไปปฏิบัติอีกไปเรียนอีก ภาวนาเพื่อให้เห็นสภาวะทั้งหลายแสดงไตรลักษณ์ เพราะฉะนั้นเราควรมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน มันไม่เหมาะ ไม่ ใ ช่ ภ าวนาให้ ท ุ ก อย่ า งนิ ่ ง เราไม่ ไ ด้ ภ าวนาเอา เอ๊ยอย่าคิดอย่างนั้นสิ ตั้งใจขอมรรคผลสิ ไม่เอากลัว ความดี ความถูก ความสงบนะ แต่เราภาวนาเพื่อให้ กลัวว่าเดี๋ยวไปเป็นเทวดาแล้วนานกลัวอย่างนี้ได้นะ เกิดปัญญาเห็นว่า พอแล้ว ดีก็ชั่วคราว ชั่วก็ชั่วคราว ความสุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ความสงบก็ชั่วคราว ฟุ้งซ่านก็ชั่วคราว เนี่ยะภาวนาให้เห็นว่า ทุกอย่างมันเกิดแล้วดับไป หมดเลย แต่จะถามว่าเราจะทําชั่วได้ไหมทําชั่วไม่ ได้เด็ดขาด เพราะอะไร เพราะเรามีสติ คนที่ทําชั่วได้ ทําผิดศีลผิดธรรมได้ เพราะมันขาดสติ เพราะฉะนั้น พวกเราคอยรู้สึกตัวนะ กิเลสอะไรผ่านเข้ามาคอยรู้ รู้ ให้ทันกิเลสครอบงําจิตไม่ได้รับรองไม่ผิดศีลหรอก คนทําผิดศีลได้เพราะว่ากิเลสมันครอบงําจิตใจ กิเลส มั น ไม่ เ ข้ า มาครอบงํ า จิ ต นะ จิ ต ไม่ ฟ ุ ้ ง ซ่ า นหรอก สมาธิเกิดขึ้นเอง ถ้ากิเลส มันแทรกเข้ามานะ นิวรณ์แทรกเข้ามา จิตก็ไม่สงบ จิตก็ฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิ ปัญญานะ ถ้ามีสติถึงจะมี ปัญญา ถ้าไม่มีสติไม่มี ปัญญาหรอก มีสติเห็นคอยรู้
8
เทศน์อะไรนักหนา เสียเวลา ไปๆ เผาๆ นิมนต์ท่าน อาจารย์เลยครับ _________________