โยคะสารัตถะ 02_2012

Page 1

¨จ´ดËหÁมÒาÂย¢ข ‹ÒาÇว âโÂย¤คÐะÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ

ÇวÔิ¶ถÕีªชÕีÇวÔิµตàเ¾พ×ื่ÍอÊสØุ¢ขÀภÒาÇวÐะ

ÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ

กุมภาพันธ์ 2555

âโÂย¤คÔิ¹นÕี áแËห ‹§งÁมØุÁมäไºบ

ÍอØุ ‹¹นäไÍอÃรÑั¡ก ºบ¹นâโÂย¤คÐะÇวÔิ¶ถÕี

ºบÍอ¡กÃรÑั¡กáแºบºบ»ปµตÑั­ÞญªชÅลÕี ¡กÔิ¨จ¡กÃรÃรÁมãใËหÁม ‹ âโ´ด¹นãใ¨จ µตÅลÍอ´ด»ป ‚ 2555

www.thaiyogainstitute.com 1]


คุยกันก่อน Editor’s Note จดหมายข่าวฉบับนี้ มีเพื่อนครูส่งบทความกันเข้ามา กิจกรรมให้หลากหลายขึ้น เราตั้งใจจะขยายกลุ่มเป้าหมายให้ มากมาย รวมทั้งเรื่องเล่าจากอินเดีย โดยเพื่อนครูที่เพิ่งกลับกัน กว้างขึ้น โดยสถาบันฯ จะเริ่มออกแบบกิจกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา มาตอนกลางเดือนมกราคม ผู้อ่านท่านใดมีอะไรจะแนะนำ เชิญเลยนะครับ ขอย้ำ ขณะเดียวกัน หลังจากประชุมสรุปปีเก่า กำหนดงานปี ว่า สถาบันฯ เป็นของพวกเราทุกๆ คน ใหม่ไปแล้ว ปีมังกรนี้ สถาบันฯ มีความตั้งใจที่จะเผยแพร่

¨จ´ดËหÁมÒาÂย¢ข ‹ÒาÇว âโÂย¤คÐะÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ

ÇวÔิ¶ถÕีªชÕีÇวÔิµตàเ¾พ×ื่ÍอÊสØุ¢ขÀภÒาÇวÐะ

ที่ปรึกษา แก้ว วิฑูรย์เธียร ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ กองบรรณาธิการ กวี คงภักดีพงษ์, จิรวรรณ ตั้งจิตเมธี, จีระพร ประโยชน์วิบูลย์, ชนาพร เหลืองระฆัง, ณัตฐิยา ปิยมหันต์, ณัฏฐ์วรดี ศิริกุลภัทรศรี, ธนวัชร์ เกตน์วิมุต, ธีรินทร์ อุชชิน, พรจันทร์ จันทนไพรวัน, รัฐธนันท์ พิริยะกุลชัย, วรรณวิภา มาลัยนวล, วัลลภา ณะนวล, วิสาขา ไผ่งาม, วีระพงษ์ ไกรวิทย์, ศันสนีย์ นิรามิษ, สมดุลย์ หมั่นเพียรการ, สุจิตฏา วิเชียร

2]


CONTENTS

4 : »ป¯ฏÔิ·ท∙Ôิ¹น¡กÔิ¨จ¡กÃรÃรÁม 4 : ¡กÔิ¨จ¡กÃรÃรÁม¢ขÍอ§งàเ¤คÃร×ืÍอ¢ข ‹ÒาÂย Mountain Breeze Yoga Getaway 5 : ¤คØุ³ณ¶ถÒาÁม àเÃรÒาµตÍอºบ หายใจทางปาก หรือจมูก หนูเพิ่งเร่ิมสอน 9 : àเ¡ก็ºบÁมÒา½ฝÒา¡ก ¨จÒา¡กÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂย ทัวร์อินเดีย โยคินีแห่งมุมไบ 14 : ¨จÒา¡กàเ¾พ×ื่Íอ¹น¤คÃรÙู ไทยแลนด์ โยคะเฟสติวัล 8 รายงานจากการสอนที่กรมศุลฯ มี ..จากความไม่มี 20 : ªชÇว¹น¤คÔิ´ด..¶ถÖึ§งªชÕีÇวÔิµต·ท∙Õี่àเËหÅล×ืÍอ โศกนาฏกรรมของชีวิต 22 : ¾พÃรÐะäไµตÃร»ป ®ฎ¡กáแ¡ก ‹¹น¸ธÃรÃรÁม ให้พิจารณาละอนุสัย 23 : áแ¹นÐะ¹นÓำËห¹นÑั§งÊส×ืÍอ สองดวงจันทร์ หมอปากหมาเล่ม 1 24 : ºบÑั¹น·ท∙Öึ¡ก·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ ท่าศพของฉัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ 25 : àเÅล Œ§งàเÅล ‹ÒาàเÃร×ื่Íอ§ง บอกรักแบบปตัญชลี 26 : µตÓำÃรÒาâโÂย¤คÐะ´ดÑั้§งàเ´ดÔิÁม สองช่องทางเหตุแห่งทุกข์ 29 : Coming Attraction โปรแกรมเด็ด 2555

3]


ACTIVITIES âโÂย¤คÐะãใ¹นÊสÇว¹น¸ธÃรÃรÁม ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส พุธที่ 15 ก.พ. เวลา 17.00 – 18.30 น. และ เสาร์ที่ 25 ก.พ. เวลา 10.00 – 12.00 น. โยคะในสวนธรรม ไม่เสียค่าใช้จ่าย

26

15, 25

âโÂย¤คÐะÍอÒาÊส¹นÐะ¢ขÑั้¹น¾พ×ื้¹น°ฐÒา¹นàเ¾พ×ื่Íอ¤คÇวÒาÁมÊสØุ¢ข สำหรับผู้เริ่มต้น จัดวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 9.00 – 15.00 น. ที่ชั้น 6 ห้อง 262 คณะมนุษยศาสตร์ มศว ประสานมิตร ค่าลงทะเบียน 650 บาท

àเ¤คÃร×ืÍอ¢ข ‹ÒาÂยªชÕีÇวÔิµตÊสÔิ¡ก¢ขา www.lifebhavana.net เชิญทุกท่านเข้าร่วมการอบรม "ธรรมะเพื่อการเยียวยาและให้กำลังใจผู้ป่วย" ครั้งที่ ๓ วันเสาร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐-๑๗.๐๐ น. ณ สโมสรกรมการขนส่งทหารบก สะพานแดง ๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น. ลงทะเบียน ๐๙.๐๐-๑๑.๓๐ น. ฝึกเจริญสติตามแนวทางหลวงพ่อเทียน วิถีแห่งบัวบาน-ธรรมะเพื่อความเข้าใจความจริงของชีวิตของคุณบัว ๑๑.๓๐-๑๒.๐๐ น. เทคนิคหายใจเพื่อการผ่อนคลายอย่างลึก ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. รับประทานอาหารมังสวิรัติร่วมกัน ๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น. ศิลปะและพลังแห่งการเติมกำลังใจผู้ป่วย

18

๑๕.๐๐.๑๗.๐๐ น พลังกลุ่มในการเยียวยาความป่วยทางกาย ความทุกข์ทางใจ

คณะทีมวิทยากรโดย พระอธิการครรชิต อกิญจโน วัดป่าสันติธรรม จ.ชัยภูมิ และเครือข่ายชีวิตสิกขา การอบรมครั้งนี้เป็น ธรรมทานไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน เหมาะสำหรับผู้สนใจทั่วไปทุกเพศ ทุกวัย ห้องอบรมเป็นห้องปรับอากาศ กรุณาเตรียม ผ้าพันคอหรือผ้าคลุม แต่งกายตามปกติไม่จำเป็นต้องเป็นชุดขาว ท่านที่มีความประสงค์ จะนำของว่างร้านโปรดใกล้บ้าน หรือหนังสือธรรมะเพื่อมาแบ่งปันกัลยาณมิตรในงานสามารถแจ้ง ความประสงค์ หรือสอบถามรายละเอียดในการอบรมได้ที่ ครูดล/ชีวิตสิกขา โทร. 087-678-1669 (Dtac), 089-899-0094 (GSM) วิธีการลงทะเบียนกรุณาส่งชื่อ-นามสกุล และ E-mail ไปที่ jivitasikkha@gmail.com ขณะนี้ทุกท่านที่มี ไอโฟน, ไอเพด, สามารถดาวน์โหลด อ่านคู่มือหมอชาวบ้าน ฟรี ได้แล้ว พบกับ DoctorMe แอปพลิเคชันด้านสุขภาพบน iOS ตัวแรกของคนไทย ให้คุณรู้วิธีดูแลตัวเองจากอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นด้วย ตนเอง เช่น เป็นไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดท้อง ฯลฯ โหลดอ่านได้ทั่วโลก ที่ doctorme.in.th ครับ

DOWNLOAD NOW !

ºบÙู¸ธÒาÃรÒา âโÂย¤คÐะ ขอเชิญชวนร่วมกิจกรรม "Mountain Breeze Yoga Getaway #2" เสาร์-อาทิตย์ที่ 18-19 กุมภาพันธ์นี้ ที่ปากช่อง-สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ถึงเวลาเที่ยวพักกาย-ใจอีกครั้ง 2 วัน 1 คืน กับ Panoramic View ห้อมล้อมด้วยหุบเขา บรรยากาศสวน ยุโรป ที่ พอสสิตาโน (Positano Botanical Resort) ฝึกโยคะยามเช้า และโยคะก่อนนอน คุยล้อมวงอย่างเป็นกันเอง ชมสวนดอกไม้เมืองหนาว เลี้ยงแกะภายในรีสอร์ต แวะไร่องุ่น ชอปปิ้งของเก๋ๆ ที่ Palio เขาใหญ่ และแวะ Dairy Farm ค่าลงทะเบียน 3,400 – 4,500 บาท สนใจติดต่อ ครูเก๋ 085-121-1396 www.budharas.com www.positanothailand.com

4]

18-19


Every Breath You Take

¤คØุ³ณ¶ถÒาÁม àเÃรÒาµตÍอºบ

ฃ “ ¤คÓำ¶ถÒาÁม (1) ËหÒาÂยãใ¨จàเ¢ข ŒÒา·ท∙Òา§ง¨จÁมÙู ¡กµตÒาÁม»ป¡กµตÔิ áแÅล ŒÇวËหÒาÂยãใ¨จÍอÍอ¡ก·ท∙Òา§ง»ปÒา¡ก ËหÃร×ืÍอËหÒาÂยãใ¨จàเ¢ข ŒÒา·ท∙Òา§ง»ปÒา¡ก´ด ŒÇวÂย ÁมÕี ¼ผÅลÍอÐะäไÃรºบ ŒÒา§ง? ¤คÓำ¶ถÒาÁม (2) ¤ค×ืÍอàเÃร×ื่Íอ§งËหÒาÂยãใ¨จ ãใ¹น¡กÒาÃร·ท∙ÓำÍอÒาÊส¹นÐะ ºบÒา§ง·ท∙Õี่·ท∙Õี่´ดÒาÇวàเ¤คÂย½ฝ ƒ¡กÁมÒา àเ¢ขÒาãใËห ŒËหÒาÂยãใ¨จàเ¢ข ŒÒา·ท∙Òา§ง¨จÁมÙู¡ก ÍอÍอ¡ก·ท∙Òา§ง»ปÒา¡กÍอÐะ¤คÐะ ¡ก็àเÅลÂย¶ถ¡ก¡กÑัºบ¾พÕี่àเ¢ขÒาÇว ‹ÒาÁมÑั¹นàเ¡กÕี่ÂยÇว¡กÑัºบàเÃร×ื่Íอ§งÍอÐะäไÃร ÍอÂย ‹Òา§งäไÃรºบ ŒÒา§ง¤คÐะ ¨จÖึ§งàเ»ป š¹น·ท∙Õี่ÁมÒา¢ขÍอ§ง¤คÓำ¶ถÒาÁม áแµต ‹´ดÒาÇว¤คÔิ´ดÇว ‹Òา ËหÒาÂยãใ¨จàเ¢ข ŒÒา ÍอÍอ¡ก ·ท∙Òา§ง¨จÁมÙู¡ก ¡ก็¹น ‹Òา¨จÐะ¶ถÙู¡กµต ŒÍอ§ง·ท∙Õี่ÊสØุ´ด¹นÐะ¤คÐะ “

[5]


ËหÒาÂยãใ¨จ·ท∙Òา§ง»ปÒา¡ก ËหÃร×ืÍอ¨จÁมÙู¡ก คำตอบ 1 (จากหมอบุ๋ม) มาดู ถ ึ ง ผลของการหายใจออกทาง จมูกก่อนนะ เนื่อง จากช่องจมูกที่แคบและ ยาวเค้า (ที่เราไปค้นคว้ามาน่ะ)บอกว่ามันจะ ทำให้เกิดความดันย้อนกลับไปที่ปอดในขณะ หายใจออก(back pressure) มากกว่าการ หายใจออกทางปาก (เนื่องจากช่องปากนั้นจะ กว้าง สั้น และตรงออกมาจากหลอดลมเมื่อ เทียบกับช่องจมูก) และความดันย้อนกลับนี้ เองที่ส่งผลให้ลมหรืออากาศไหลออกจากปอด ได้ช้าลง ทำให้มีเวลาแลกเปลี่ยนกาซในถุงลม ได้นานขึ้น รักษาสมดุลของความเป็นกรดด่าง ในเลือดได้ดี สรุปก็คือเราออกแรงเท่ากันแต่ได้ ผล (ได้ออกซิเจน)มากกว่าในการหายใจออก ทางจมูก แทนที่จะหายใจออกทางปากน่ะ นอกจากนี้แรงดันย้อนกลับนี้ยังช่วยในเรื่อง

ของการคงความยืดหยุ่นของปอดได้ดีอีกด้วย เค้าบอกว่านักกีฬาก็ต้องฝึกหายใจทางจมูก เพราะผลดีเหล่านี้แหละ ข้ อ เสี ย อี ก อั น หนึ ่ ง ของการหายใจ ออกทางปาก ก็คือปากจะแห้งนะ เพราะเยื่อบุ เค้าไม่ได้มีไว้หายใจ เค้าเอาไว้กินและพูดอ้ะ ปากแห้งเก๊าะสูญเสียน้ำโดยใช่เหตุนะ แต่ ถ ้ า หายใจเข้ า ทางปากด้ ว ยเนี ่ ย ผลเสียจะมีอีกมากมาย เช่นเรื่องของความชื้น ความอุ่น และความสะอาดของลมหายใจเข้า ที่เยื่อบุปากไม่สามารถปรับได้ดีเท่าเยื่อบุโพรง จมูก ยังมีการศึกษาถึงกาซ NO ที่โพรงไซนัส ผลิตออกมาแล้วฆ่าเชื้อโรค ที่ผ่านมาทางลม หายใจเข้าทางจมูกด้วยนะอ้อ และยังมีเรื่อง กลิ่นอีก ที่เส้นประสาทสมองคู่ที่หนึ่งเค้าก็มา รอรั บ กลิ ่ น อยู ่ ท ี ่ จ มู ก อยู ่ แ ล้ ว และยั ง มี เ ส้ น

¤คØุ³ณ¶ถÒาÁม àเÃรÒาµตÍอºบ

[6]

ประสาทสมองคู่ที่ 5 ซ้ายขวา ที่มาคนละข้าง ของรูจมูกทำงานอย่างเป็นอิสระต่อกันเราก็ เลยไม่มีปัญหาถ้าข้างหนึ่งมันจะตันจะบวมไป บ้าง ยิ่งถ้าในเด็ก หายใจเข้าออกทางปาก เนี่ยทำให้เกิดการผิดรูปของโครงสร้างใบหน้า ซึ่งตรงนี้ครูดุลมาช่วยอธิบายเสริมหน่อยนะคะ น่าจะได้ละเอียดกว่าค่ะ ส่วนเรื่องการหายใจทางจมูก กับการ ฝึกโยคะนั้น รบกวนครูท่านอื่นช่วยเสริมด้วย ค่ะ สุ ด ท้ า ยนี ้ อ ยากขอบคุ ณ เพื ่ อ น ที ่ นอกจากจะมี เ วที ใ ห้ น ้ อ งๆ ไปปล่ อ ยของ (ฝึกสอนอาสนะ) ยังมีคำถามให้เราได้ปล่อย ของกะเค้าบ้าง (ถามมา1บรรทัด ตอบไป เป็น20)


¤คÓำµตÍอºบ 2 ขอบคุณบุ๋มครับ กระจ่างอย่างยิ่ง ที่ บุ๋มอธิบายเรื่องความยาวของจมูกกับ back pressure ผมก็เพิ่งได้เรียนรู้นี่เอง ผมอยากชวนพิจารณาประเด็นของ ดาวที่ว่า "บางที่ ที่ดาวเคยฝึกมา..." ซึ่งคง เป็ น ไปในทำนองเดี ย วกั บ ที ่ น ั ก เรี ย นจะมา ถามเรา "อ่านจากหนังสือเล่มนั้น เขาว่าไว้ อย่างนั้น..." ก่ อ นตอบเรื ่ อ งปราณ ผมยก ตัวอย่างนี้นะ: ตอนพระพุ ท ธเจ้ า สอนเรื ่ อ งสมถะ พระองค์ตรัสว่า นั่งคู้บัลลังก์ (นั่งอย่างที่พวกเรานั่งสมาธินั่น แหละ) ตั ้ ง กายตรง ดำรงสติ เ ฉพาะ หน้า ...เวลาผ่านไป 2,500 ปี ลองไปหา หนังสือสมาธิอ่านดู บ้างว่า ให้นั่งขาขวาทับ ขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ... บ้างว่าให้นั่งขัด สมาธิ ด อกบั ว (ปทุ ม อาสนะ) … บ้ า ง ว่า... ... ... ฯลฯ แล้วก็เกิดคำถามว่า ตกลง จะเอาขาไหนทับขาไหน? ถ้าตอบว่ายังไง ก็ ไ ด้ ดู เ หมื อ นคนฟั ง จะไม่ พ อใจ หาว่ า อาจารย์ไม่เจ๋ง! :) แทนที่จะตอบ ผมขอถามคำถามว่า พระองค์สอนให้ฝึกสมถะทำไม เมื่ออ่านพบ ว่า พระองค์ให้ฝึกสมถะจนกายสงบระงับ จนการปรุงแต่งของจิต (เวทนา - อารมณ์) สงบระงับ จนจิตมันวาง (ในพระไตรปิฎกใช้ ว่า เปลื้องจิต) จึงเห็นธรรมชาติว่าไม่เที่ยง จึงเห็นความคลายออก จึงเห็นความดับ จึง เห็นความสละคืน จึงเข้าฌานไปตามลำดับ จากปฐมฌานถึงจัตตุถฌาน จึงได้ปัญญา โดยเฉพาะปัญญาที่ขจัดกิเลส จึงวิมุตติ หลุดพ้น ผมจึงไม่ได้สนใจว่าขาไหนจะทับขา ไหน เพราะสุดท้าย ซ้าย - ขวา ก็แค่ สมมุติ กลั บ มาที ่ ค ำถาม หายใจทางปาก หรื อ หายใจทางจมูก ให้ย้อนกลับไปอ่านคำตอบ ของบุ๋ม และลองอ่านเรื่องการนั่งสมาธิน่ะ :) ปล. ตามตำราไกวัลยฯ ปกติ ให้ หายใจเข้า ออก ทางจมูก เป็นหลัก ยกเว้น

ศีตลี สิตการิ ที่หายใจเข้าทางปาก ออกจมูก ¤คÓำµตÍอºบ 4 (¨จÒา¡กËหÁมÍอºบØุ ŽÁม) แม้การหายใจเข้าทางปากจะมีผลเสียดังบุ๋ม ครูคะ อ่านที่ครูตอบเรื่องการหายใจ ว่า แต่ประโยชน์ที่ได้จากการหายใจ 2 ชนิด เข้ า ทางปากลดอุ ณ หภู ม ิ ใ นร่ า งกายได้ น ั ้ น นี้ ก็มี คือช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายลงได้ เหมือนการค้นพบว่า เออหนอ สิ่งต่างๆ ใน ประมาณว่า คุ้มน่ะ โลกนี ้ ม ั น ขึ ้ น กั บ ว่ า เราประเมิ น ว่ า มั น เป็ น อย่างไร ...และจะประเมินว่าอย่างไร ก็ขึ้นกับ ¤คÓำµตÍอºบ 3 (¨จÒา¡กËหÁมÍอ´ดØุÅล) ขอตอบเพิ่มเติมเรื่องผลการหายใจ ว่าเรารับรู้และจำมันในทางไหน... (คล้ายๆ ทางปากในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในช่อง วิญญาณ สัญญา เวทนา และสังขาร มั้ย คะ...ดีใจจังได้พูดแนวนี้กะเค้ามั่ง) ปากสักเล็กน้อยครับ ในการดมยาสลบนั ้ น อากาศจะ โดยทั่วไป ร่างกายเราออกแบบมา ให้เราหายใจทางจมูกดังที่พี่บุ๋มได้เล่าไปแล้ว บายพาสเข้าคนไข้ทางท่อช่วยหายใจสู่ปอด การเอาลม (หายใจ) เข้าทางปากเป็นประจำ ซึ ่ ง ไม่ ส ามารถปรั บ อุ ณ หภุ ม ิ ค วามชื ้ น ได้ นอกจากจะเกิดผลอย่างที่ว่า ความแห้งของ เหมือนทางเดินหายใจของคนเรา ถ้าดมยา เนื้อเยื่อในช่องปาก และอวัยวะในช่องปาก นานๆ หมอดมยาจะกังวลเรื่องคนไข้จะตัว โดยเฉพาะฟันยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ เย็นลง ถ้าไม่มากจะแค่ตื่นมาแล้วหนาวสั่น ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะสภาวะความชุ่มชื้น อยู่ชั่วครู่ ถ้าอุณหภูมิร่างกายต่ำลงมาก (พบ ที่เหมาะสมในช่องปาก จะทำให้สภาวะกรด บ่อยในเด็กแรกเกิด) ก็จะเกิดความผิดปกติ ด่างในช่องปากอยู่ในสภาวะสมดุล นอกจาก ทางสรีรวิทยาได้ หมอก็จะทำทุกอย่างเพื่อ นี้น้ำลายจะช่วย flow ชะอาหารที่ตกค้างตาม ป้องกันเช่น อุ่นนำเกลือ อุ่นลมหายใจเข้า ซอกหลืบในช่องปากออกไปได้อีกด้วย พอ เพิ่มอุณหภูมิห้องผ่าตัดฯ .....แต่ .....โยคี ต ้ อ งการลดการ ปากแห้งมากๆ เราจะมีความเสี่ยงฟันผุเพิ่ม สันดาปของตัวเองเพื่อลดการใช้พลังงานใช่ ขึ้น ส่วนในแง่ของโครงสร้างใบหน้านั้น มั้ยคะ... เค้าจะได้นั่งได้นานๆๆ โดยเสีย เท่าที่มีข้อมูลตอนนี้ พบว่าคนที่มีโครงสร่้าง พลังงานไปน้อยมาก และก็ไม่ต้องกินอะไรได้ ใบหน้าผิดปกติบางอย่างอาจทำให้มี habit นานๆๆๆ. โอ...เค้าคิดกันได้ไม่รู้กี่พันปีแล้ว!! สิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นข้อเสียสำหรับ การหายใจทางปากได้โดยไม่รู้ตัว เช่นริม ฝีปากเชื่อมกันไม่สนิท หรือบางกรณีเช่นพูด เรื่องหนึ่ง กลับเป็นข้อดีสำหรับอีกเรื่องหนึ่ง แบบบ้านๆคือ ริมฝีปากบนกับล่างปิดไม่ ได้... ขึ้นกับเหตุปัจจัยจริงๆ (ตอนที่อ่านครู สนิทในขณะ rest position เช่นฟันเหยิน ตอบมา... นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวตั้งนาน.. ยิ้ม มากๆ เงี้ย ก็จะทำให้ต้องหายใจทางปากโดย แบบตะวันตกพบตะวันออก..) ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่ ไม่รู้ตัวได้ แต่ในแง่ของการเจริญเติบโตของ ช่วยเปิดโลกทัศน์ที่มืดบอดมายาวนาน ใบหน้าในเด็ก ที่มีพฤติกรรมหายใจทางปาก ปล. อุณหภูมิร่างกายที่เย็นลงจะลดเมตาโบลิ นั้นเท่าที่คุยกันกับเพื่อนหมอฟัน ยังไม่ทราบ ซึมของร่างกายได้ เก๊าะเลยลดการใช้พลัง ว่าเกี่ยวข้อง หรือมีผลให้โครงสร้างใบหน้าผิด งานได้น่ะเพื่อนๆ...เดี๋ยวงง ปกติหรือไม่อย่างไรครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม จะนำมาบอกอีก ทีครับ ตกลงไม่แน่ใจว่าตอบเรื่องหายใจ ทางปาก หรืออะไรกันแน่นี่

[7]


Ëห¹นÙูàเ¾พÔิè่§งàเÃรÔิè่ÁมÊสÍอ¹น ถาม หนูเพิ่งเริ่มหัดสอน หนูควรเรียงลำดับการฝึกท่าอาสนะ อย่างไรคะ ตอบ เรื่องการเรียงลำดับอาสนะ ว่าไปตามสะดวกเลยครับ มันเป็น แค่อุบาย จะขาดบ้าง เกินบ้าง ไม่ใช่สาระ ขอให้นำพาไปสู่เป้า หมาย คือ เข้าใจร่างกายตนเองดีขึ้น ถ้ามันเกร็งเรื้อรังมาเป็นเวลา นาน ก็ควรคลายเสีย เข้าใจจิตตนเองดีขึ้น ถ้ามันเครียด ฟุ้ง กังวล ก็ควรหยุดคิด หยุดการปรุงแต่งลงบ้าง ตรงนี้ต่างหาก หัวใจแห่ง การชวนคนฝึกโยคะ ถาม ที่พวกเราฝึกสิงหะมุทรา ทำไมตำราบางเล่มเขียนสิงหะ อาสนะ ตกลงเป็นอะไรกันแน่? งง ตอบ สิงหะบ้างก็เรียกมุทรา บ้างก็เรียกอาสนะ แล้วแต่ตำราครับ เขียนไม่เหมือนกัน ในความเห็นผม เมื่อไรที่เราทำสิงหะแล้ว เป็นการพัฒนา โทนของกล้ามเนื้อคอ ลิ้น ได้ดีขึ้น ปรับความสมดุล homeostasis ของการประสานงานะรหว่างอวัยวะต่างๆ บริเวณนั้นได้ดีขึ้น ผม เรียกมันว่า สิงหะอาสนะ เพราะเป้าหมายของอาสนะคือ มัสเซิล โทน และ โฮมีโอสตาซิส หากเมื่อไรที่เราทำสิงหะโดยเน้นการกดล็อคคอ โคนลิ้น โดยมุ่งไปสู่การทำปราณายามะได้ดีขึ้น ผมเรียกมันว่า สิงหะมุ ทราน่ะ เพราะเป้าหมายของมุทราคือ การกดล๊อคเฉพาะจุด แลเอื้อ ต่อการฝึกปราณ

[8]

¤คØุ³ณ¶ถÒาÁม àเÃรÒาµตÍอºบ ถาม บางครั้งไปสอนโยคะแล้ว รู้สึกถึงความไม่แจ่มใสของใจ ยัง ไม่ถึงกับเหนื่อยหน่าย หนูควรทำยังไงคะ ตอบ สอนโยคะแล้ว “รู้สึกถึงความไม่แจ่มใสของใจเรา ไม่ถึงกับ เหนื่อยหน่าย” อันนี้น่าเคารพนะ หมายความว่าผู้สอนกำลังมีสติ รู้ตัว รู้สภาวะของจิตใจตนในขณะนั้น เป็นสิ่งที่ดีครับ ซึ่งหากการรู้ของเราเป็นการรู้ได้อย่างแท้จริง ความไม่ แจ่มใสนั้นจะสลายไป กลับเป็นจิตปกติ แต่ถ้าเรารู้ว่าใจไม่แจ่มใส โดยความรู้สึกนั้นคาอยู่ ก็ หมายความว่า เรายังไม่สามารถหยั่งรู้มันได้อย่างแท้จริง ก็ไม่ เป็นไร ฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะพัฒนาขึ้น จนวันนึง ไม่ว่าเกิดความรู้สึก ใดขึ้นในใจ เราก็เห็นมันดับลงได้ทันทีด้วยเช่นกัน ระหว่างนี้ ก็คงต้องใช้เครื่องมืออื่นเข้าช่วย การพยายาม ข่มไว้ ก็เป็นสิ่งที่ทำกัน ในสถานการณ์นั้นมันจำเป็นครับ ไม่ข่มไว้ มันก็จะล่วงออกมาทางวาจา ทางการกระทำ ยิ่งเกิดผลเสียมากขึ้น อีก ถาม อยากให้ครูช่วยวิจารณ์หนู เอาแบบยาขมเลยค่ะ ตอบ เห็นเราพูดถึงยาขมอยู่หลายครั้ง เรื่องหยูก-ยาผมไม่ถนัด ใน ความคิดผม สิ่งที่เรา (รวมทั้งครูทุกท่านที่ออกเผยแพร่โยคะ) ควร จะได้รับคือ ดอกไม้แห่งกำลังใจครับ และผมขอมอบดอกไม้นี้ให้เรา และทุกคนจากใจจริง


àเ¡ก็ºบÁมÒา½ฝÒา¡ก ¨จÒา¡กÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂย

India 2012 ¶ถÖึ§ง¤คÃรÙู áแÅลÐะàเ¾พ×ืè่Íอ¹นæๆ·ท∙Õีè่¤คÔิ´ด¶ถÖึ§ง·ท∙Øุ¡ก¤ค¹น

Friday,6 January

ÇวÑั¹นàเ´ดÔิ¹น·ท∙Òา§ง 6 Áม¡กÃรÒา¤คÁม 55 ¾พÇว¡กàเÃรÒา¡กÅลÑัºบÁมÒา¨จÒา¡ก ·ท∙ÑัÇวÃร âโÂย¤คÐะÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂย ¡กÑั¹นáแÅล ŒÇว¤ค ‹Ðะ àเ¤คÃร×ืè่Íอ§ง¶ถÖึ§งÊสØุÇวÃรÃร³ณÀภÙูÁมÔิàเÁม×ืè่Íอ 18.1.55 àเÇวÅลÒา»ปÃรÐะÁมÒา³ณ 7 âโÁม§ง¡กÇว ‹Òาæๆ(àเªช ŒÒา) àเ»ป ‡¨จÐะÁมÒาàเÅล ‹Òา»ปÃรÐะÊสºบ¡กÒาÃร³ณ  ãใ¹น¤คÃรÑัé้§ง¹นÕีé้áแºบºบãใ¨จæๆ àเ¾พÃรÒาÐะÀภÒาÉษÒาµต ‹Òา§ง»ปÃรÐะàเ·ท∙ÈศÁมÕี 20% ·ท∙Õีè่àเËหÅล×ืÍอãใªช Œ verb to àเ´ดÒา àเÍอÒา (ÇวÔิªชÒา¡กÒาÃรãใËห Œ¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด+ËหÁมÍอºบØุ ŽÁม+¾พÕีè่ äไ¢ข ‹¹นØุ ‹¹นàเÅล ‹Òา ) ¾พÕีè่ äไ¢ข ‹¹นØุ ‹¹นàเ¤ค ŒÒาàเ»ป š¹นÃรØุ ‹¹น 3 ¨จ Òา ·ท∙ÕีÁม§งÒา¹นÁมÕี¹นÑั´ด¡กÑั¹นµตÍอ¹น 6.30 ¹น. àเ»ป ‡µตÑัé้§ง¹นÒาSÔิ¡กÒา»ปÅลØุ¡กµตÕี 5 áแµต ‹µต×ืè่¹น·ท∙Ñัé้§ง¤ค×ื¹น ¹นÑั´ดãใËห Œáแ·ท∙ç็¡ก«ซÕีè่ÁมÒาÃรÑัºบµตÍอ¹น 5.40 ¹น. Åล§งäไ»ปÃรÍอÁมÕีàเ¨จ  ãใËห­Þญ ‹ (¾พÕีè่Êส ŒÁม) âโ·ท∙ÃรÁมÒาµตÒาÁม ..àเ»ป ‡¶ถÖึ§งäไËห¹น.. Ãร ŒÍอ¹นÃร¹น·ท∙Ñั¹น·ท∙Õี âโ·ท∙Ãรäไ»ปÈศÙู¹นÂย áแ·ท∙ç็¡ก«ซÕีè่ (µต ‹ÍอÇว ‹Òา) àเ¤ค ŒÒาºบÍอ¡ก¡กÓำÅลÑั§งÁมÒา ÃรÍอæๆæๆæๆ ¨จ¹น 6.00 ÁมÕีÃร¶ถÇวÔิè่§งÁมÒาËห¹นÖึè่§ง¤ค Œ¹น ¾พÍอ¢ขÖึé้¹น¹นÑัè่§ง¡กç็µต ‹ÍอÇว ‹ÒาµตÒาÁมÊสäไµตÅล ¾พÇว¡กªชÍอºบâโÇวÂยÇวÒาÂย àเ¤ค ŒÒาºบÍอ¡กÁมÕี«ซÍอÂยÊสØุ¢ขØุÁมÇวÔิ·ท∙ 70 ·ท∙Õีè่Íอ×ืè่¹น ¼ผÁม¨จÖึ§งÁมÒาÃรÑัºบäไÁม ‹¶ถÙู¡ก.. ¨จÃรÔิ§งÃรÖึàเ»ปÅล ‹Òา¡กç็äไÁม ‹ÃรÙู Œ áแµต ‹¡กç็Íอ×ืÁมæๆ ¤คØุ³ณ¢ขÑัºบäไ»ปãใËห Œ·ท∙Ñั¹น¡ก ‹Íอ¹น 6.30 áแÅล ŒÇว¡กÑั¹น.. áแ·ท∙ç็¡ก«ซÕีè่ºบÖึè่§งäไ»ปàเÅลÂยàเÇวÅลÒา ¹นÑั´ด¹นÔิ´ดËห¹น ‹ÍอÂย

!

9


àเ¨จÍอ¾พÕีè่Êส ŒÁม¡กÑัºบ¤คÃรÙูÍอ Íอ´ดÂย×ื¹นÃรÍอ áแÇวºบáแÃร¡ก ..¤คÃรÙูÍอ Íอ´ดÂย×ื¹น ÍอÂยÙู ‹¡กÑัºบãใ¤คÃรÍอ ‹Ðะ Çว ŒÒาÇว! àเ¨จ  ãใËห­Þญ ‹ (¾พÕีè่Êส ŒÁม) ·ท∙Óำ¼ผÁมãใËหÁม ‹ ´ดÑั´ด¿ฟÙู ÅลÍอ¹นàเÅลç็¡กæๆ ÊสÇวÂยÁมÒา¡ก...áแµต ‹§งµตÑัÇวàเ»ป š¹นÊสÒาÇว¡กÇว ‹Òา·ท∙Øุ¡ก¤ค¹น´ด ŒÇวÂยáแËหÅล ‹Ðะ ¤ค¹นµต ‹ÍอÁมÒาàเ»ป š¹นËหÁมÍอºบØุ ŽÁม »ป ´ด·ท∙ ŒÒาÂย´ด ŒÇวÂย¾พÕีè่ äไ¢ข ‹¹นØุ ‹¹น äไ»ปàเªชç็´ดÍอÔิ¹น·ท∙Õีè่àเ¤คÒา¹น àเµตÍอÃร ¢ขÍอ§งÊสÒาÂย¡กÒาÃรºบÔิ¹น jet air àเÃรÒา¡กç็àเÁม ŒÒา·ท∙ ¡กÑั¹นÇว ‹Òา àเ¾พÔิè่§งàเ¤คÂยäไ´ด ŒÂยÔิ¹นªช×ืè่ÍอÊสÒาÂย¡กÒาÃรºบÔิ¹น¹นÕีé้ (¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด ´ด ŒÇวÂย¹นÐะ) ªช×ืè่Íอ¹นÕีé้ÁมÕี´ด ŒÇวÂยàเËหÃรÍอ..àเËหÍอæๆ..ËหÔิÇว¢ข ŒÒาÇวáแÅล ŒÇว ¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด¶ถÒาÁมÇว ‹Òา¡กÔิ¹น¢ข ŒÒาÇวàเªช ŒÒาàเ»ปÅล ‹Òา¨จ Ðะ äไÁม ‹ÃรÙู Œ ãใ¤คÃรµตÍอºบ¤คÃรÙู àเ´ดÔิ¹นäไ»ปàเÅลÂย àเ»ป ‡¡กç็ËหÔิÇว ËหÁมÍอºบØุ ŽÁมàเ¢ขÒา¡กç็àเÅลÂย¾พÒาäไ»ปÃร ŒÒา¹นÍอÒาËหÒาÃร¢ขÍอ§ง àเ¢ขÒา (S&P) ¤คÃรÙู·ท∙Õีè่Êส¶ถÒาºบÑั¹นÏฯ ÍอÂย ‹Òาâโ¡กÃร¸ธ ¹น Òา ¡กÔิ¹นäไÁม ‹ºบ ‹ÍอÂยËหÃรÍอ¡ก ÍอØุ´ดËห¹นØุ¹นàเ¾พ×ืè่Íอ¹น ºบØุ ŽÁม ¡กÔิ¹นàเÊสÃรç็¨จàเ¨จ  ãใËห­Þญ ‹¨จ ‹ÒาÂย... àเ´ดÔิ ¹น äไ»ป¢ขÖึ é้ ¹น àเ¤คÃร×ื è่ Íอ §งµตÒาÁม ÃรÒาÂย·ท∙Òา§ง¡กç็ÁมÕีÃร ŒÒา¹น¤ค ŒÒาãใªช ‹»ป †Ðะ àเ»ป ‡áแÇวÐะ«ซ×ืé้Íอ ¤คÃรÕีÁม·ท∙Òา¼ผÔิÇว Êส ‹Çว¹นàเ¨จ  ãใËห­Þญ ‹ äไ»ปàเÍอÒา àเ¤คÃร×ืè่Íอ§งÊสÓำÍอÒา§ง¤ค Ëห¹นÖึè่§งªชØุ´ด (ºบÔิê๊¡กæๆ) ¾พÍอäไ»ป¹นÑัè่§งÃรÍอ àเ¨จ áแ«ซÇวÇว ‹Òา Êส§งÊสÑัÂย¨จÐะ àเ¤คÃร×ืè่Íอ§งàเ·ท∙ ‹Òา¡กÑัºบäไ»ปÀภÙูàเ¡กç็µต.. ·ท∙Õีè่¹นÑัè่§ง¡กç็ÍอÂยÙู ‹áแ¶ถÇว ËหÅลÑั§งàเ¡ก×ืÍอºบ¶ถÖึ§งËห ŒÍอ§ง¹น ŒÓำ ¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด+ºบØุ ŽÁม+àเ¨จ  ãใËห­Þญ ‹ ¹นÑัè่§ง´ด ŒÇวÂย¡กÑั¹นÊสÒาÁม ¤ค¹น àเ»ป ‡¹นÑัè่§ง¡กÑัºบ¤ค¹นÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂย (ÊสÒาÁมÕี+ÀภÃรÃรÂยÒา ÃรÙู ŒËหÅลÑั§ง¨จÒา¡ก¤คØุÂยáแºบºบ »ปÅลÒาæๆ ¡กÑัºบàเ¢ขÒา) ÁมÒาàเ·ท∙Õีè่ÂยÇวäไ·ท∙Âย (¼ผÙู ŒªชÒาÂยºบ ‹¹นæๆ Çว ‹Òา·ท∙Õีè่¹นÑัè่§งáแ¤คºบ áแµต ‹àเ¤ค ŒÒา¡กç็ÁมÕี¹น ŒÓำãใ¨จ¤คØุÂย ªช ‹ÇวÂยàเ»ป ´ด¨จÍอ ÀภÃรÃรÂยÒาÊสÇวÂย áแµต ‹ äไÁม ‹¤ค ‹ÍอÂย ÊสºบÒาÂย) áแµต ‹Ëห¹น ŒÒา·ท∙Õีè่¹นÑัè่§งÁมÕี¨จÍอãใËห Œ´ดÙูËห¹นÑั§ง ¿ฟ ˜§งàเ¾พÅล§ง àเ¡กÁมÊส  ÍอØุ³ณËหÀภÙูÁมÔิ ÏฯÅลÏฯ.. àเ»ป ‡Çว ‹Òา´ดÕี¡กÇว ‹Òา¡กÒาÃรºบÔิ¹นäไ·ท∙Âยãใ¹น»ปÃรÐะàเ·ท∙Èศ¹นÐะ..äไÁม ‹ äไ´ด ŒàเËห ‹Íอ¢ขÍอ§ง¹นÍอ¡ก¹นÐะ¤คÃรÙู ¶ถÖึ §ง àเÇวÅลÒาÍอÒาËหÒาÃร¡กç็ Áม Õี ãใËห Œ àเ Åล×ื Íอ ¡ก¨จÐะäไ¢ข ‹ àเ ¨จÕี Âย Çว ËหÃร×ื Íอ ÁมÑั§งÊสÇวÔิÃรÑัµตÔิ àเ»ป ‡àเÅล×ืÍอ¡กäไ¢ข ‹ÍอÃร ‹ÍอÂย´ดÕี...¡กÔิ¹นàเ¡กÅลÕีé้Âย§ง áแÍอºบËหÂยÔิºบ¢ข¹นÁม»ป ˜§ง (äไÁม ‹ äไ´ด Œ¡กÔิ¹น) ¡กÑัºบ¶ถ ŒÇวÂย¾พÅลÒาÊสµตÔิ¡กäไ»ป 1 ãใºบ (ÂยÁมÐะ¢ขÒา´ดäไ»ปàเ¹น ÍอÐะ) ºบØุ ŽÁม·ท∙Ñั¡ก ..àเ¢ขÒาäไÁม ‹ ãใËห Œ¹นÐะàเ»ป ‡...àเÃรÒา¨จÐะàเÍอÒาÍอ ‹Ðะ áแÅล ŒÇว¡กç็ãใÊส ‹¡กÃรÐะàเ»ป ‰Òาàเ»ป ‡.. ¹นÑัè่§งäไ»ป»ปÃรÐะÁมÒา³ณ 3 ªชÑัè่ÇวâโÁม§ง ËหÅลÑัºบºบ ŒÒา§ง »ปÇว´ดËหÅลÑั§ง àเ¨จç็ºบ ¡ก Œ¹นàเ¾พÃรÒาÐะ¹นÑัè่§ง¹นÒา¹น áแ¶ถÁมàเ¡ก ŒÒาÍอÕีé้´ด ŒÒา¹นËห¹น ŒÒาªชÓำÃรØุ´ดâโÍอ¹นÁมÒาàเ¡ก×ืÍอºบ¶ถÖึ§ง

!

10


Ëห¹น ŒÒาàเ»ป ‡ ¼ผÙู ŒªชÒาÂยÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂยàเ¢ขÒา¡กç็ªช ‹ÇวÂยºบÍอ¡กãใËห Œáแµต ‹¡กç็·ท∙ÓำÍอÐะäไÃรäไÁม ‹ äไ´ด Œ ·ท∙¹นäไ»ป.. àเ¢ขÒา¡กç็¤คØุÂย´ด ŒÇวÂยàเ»ป ‡¡กç็ yes..no..äไ»ปµตÒาÁมàเÃร×ืè่Íอ§ง ¿ฟ ˜§งÍอÍอ¡กÁมÑัè่§งäไ»ปÍอÍอ¡กÁมÑัè่§ง ¾พÍอàเ¤คÃร×ืè่Íอ§งÅล§ง (delay) àเÃรÒา¡กç็àเ»ป š¹นËห ‹Çว§ง¤คÃรÙูÇว ‹Òาµต ŒÍอ§งÁมÒาÃรÍอ¹นÒา¹น »ป †Òา¹น©ฉÐะ¹นÕีé้¤คÍอàเ»ป š¹นËห ‹Òา¹น áแÅล ŒÇวÁมÑัê๊§ง... ¡กç็äไ»ป¼ผ ‹Òา¹น µตÁม. àเÍอ¡กÊสÒาÃรÅลÍอ¡กºบØุ ŽÁม¡กÑัºบ¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด ..àเ¾พÃรÒาÐะáแ»ปÅลºบÒา§ง¢ข ŒÍอäไÁม ‹ ÍอÍอ¡ก...àเËหÍอæๆ ¢ขÒาàเ¢ข ŒÒา¼ผ ‹Òา¹นäไÁม ‹ÂยÒา¡ก áแµต ‹¤ค¹นàเÂยÍอÐะ¹นÔิ´ดËห¹น ‹ÍอÂย áแÇวÐะäไ»ปáแÅล¡กàเ§งÔิ¹นÃรÙู»ป ‚¡กÑั¹น·ท∙Õีè่Ãร ŒÒา¹น¢ขÍอ§ง ÃรÑั°ฐºบÒาÅล (àเ»ป ‡+¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด+¾พÕีè่ äไ¢ข ‹¹นØุ ‹¹น) àเ¨จ  ãใËห­Þญ ‹¡กÑัºบºบØุ ŽÁมÁมÕีªชÒาÂยËห¹นØุ ‹Áม¡กÇวÑั¡กäไ»ป·ท∙Õีè่áแºบ§ง¡ก ¢ขÍอ§งàเÍอ¡กªช¹น âโÁม Œ¡กÑั¹นãใËห­Þญ ‹Çว ‹ÒาáแÅล¡กäไ´ด Œ´ดÕี¡กÇว ‹ÒาàเÃรÒา..áแËหÁมæๆ àเ»ป ‡¨จÓำäไÁม ‹ äไ´ด ŒÇว ‹ÒาÍอÑัµตÃรÒาàเ·ท∙ ‹Òาãใ´ด àเ¢ขÒาãใËห Œàเ·ท∙ ‹ÒาäไËหÃร ‹¡กç็ àเÍอÒา..ÍอÒาÈศÑัÂย¤คÃรÙูÍอ Íอ´ดªช ‹ÇวÂย´ดÙู àเ´ดÔิ¹นÍอÍอ¡กÁมÒา¨จÒา¡กÍอÒา¤คÒาÃร¼ผÙู Œâโ´ดÂยÊสÒาÃร¡กç็ÁมÍอ§งËหÒา¤คÃรÙู ..äไÁม ‹àเËหç็¹น.. ËหÃร×ืÍอÇว ‹Òาäไ»ป¹นÑัè่§ง·ท∙Õีè่ äไËห¹นáแÅล ŒÇว...ÁมÍอ§งäไ»ปÁมÒา Íอ ŒÒาÇว ¤คÃรÙูÎฮÔิâโÃร ªชÔิ ÁมÕีËห¹นÇว´ด àเ¤คÃรÒา¹นÔิ´ดæๆ Âย×ื¹นÂยÔิé้Áม µตÒาËหÂยÕี ÃรÍอ¾พÇว¡กàเÃรÒาµตÃร§ง·ท∙Òา§งÍอÍอ¡ก ¹น ‹ÒาÃรÑั¡กÁม Òา¡กæๆ... ÁมÕีÊสÒาÇว­ÞญÕีè่»ปØุ †¹น¤ค¹น¹นÖึ§งªช×ืè่Íอ«ซÒาâโÂยÃรÔิÃรÍอ´ด ŒÇวÂย àเ¨จ  ãใËห­Þญ ‹ËหÔิÇวÁมÒา¡ก ¤คÃรÙู¾พÒาäไ»ป«ซ×ืé้Íอ¢ข¹นÁม¡กÑัºบ¹น ŒÓำ¡ก ‹Íอ¹นäไ»ป«ซÒา§งµตÒา¤คÃรÙูÊส (¢ข¹นÁม¤คÅล ŒÒาÂยæๆ ¡กÃรÐะËหÃรÕีè่»ป ˜ ºบ àเ¼ผç็´ดæๆ ..äไÁม ‹ÍอÃร ‹ÍอÂย..) ¤คÃรÙู¾พÒาäไ»ป¢ขÖึé้¹นÃร¶ถÊสÍอ§ง¤คÑั¹น ¤คÃรÙูÎฮÔิàเ´ดâโ¡กÐะÃรÍอ·ท∙Õีè่«ซÒา§งµตÒา¤คÃรÙูÊส.. Ãร¶ถÇวÔิè่§ง¼ผ ‹Òา¹น¶ถ¹น¹น Ãร¶ถàเÂยÍอÐะ (àเ·ท∙ÕีÂยºบ¡กÑัºบºบ ŒÒา¹นàเÃรÒา) ¤ค¹น¡กç็àเÂยÍอÐะ ÍอÒา ¡กÒาÈศáแËห Œ§งæๆ ºบ ŒÒา¹นàเÃร×ืÍอ¹นàเ¡ก ‹Òาºบ ŒÒา§งãใËหÁม ‹ºบ ŒÒา§ง ÊสÃร ŒÒา§งµตÒาÁม°ฐÒา¹นÐะ¢ขÍอ§งàเ¨จ ŒÒา¢ขÍอ§งºบ ŒÒา¹น àเËหÁม×ืÍอ¹น¨จÑั§งËหÇวÑั´ดÍอÐะäไÃรàเ·ท∙ÕีÂยºบäไÁม ‹¶ถÙู¡ก Ãร¶ถ·ท∙Õีè่¢ขÑัºบ µตÒาÁม¶ถ¹น¹น»ปÃรÐะÁมÒา³ณ 5-6 àเÅล¹น áแµต ‹ äไÁม ‹ÁมÕีàเÊส Œ¹นáแºบ ‹§งªช ‹Íอ§งàเ´ดÔิ¹นÃร¶ถ ºบÕีºบáแµตÃรàเÍอÒา...ÁมÕี¢ขÍอ·ท∙Òา¹นÁมÒาàเ¤คÒาÐะ¡กÃรÐะ¨จ¡ก¢ขÍอµตÑั§ง¤ค  (äไÁม ‹ àเ»ป ´ด..) Ãร¶ถÇวÔิè่§งÁมÒา¶ถÖึ§ง«ซÒา§งµตÒา¤คÃรÙูÊส àเ¨จÍอ¤คÃรÙูÎฮÔิàเ´ดâโ¡กÐะÂยÔิé้ÁมÃรÍอËห¹น ŒÒา»ปÃรÐะµตÙู ¹น ‹ÒาÃรÑั¡กàเËหÁม×ืÍอ¹น·ท∙Õีè่¡กÃรØุ§งàเ·ท∙¾พÏฯ àเÅลÂย¨จ Ðะ..¼ผ ŒÒา¤คÅลØุÁมÊสÕีÁม ‹Çว§ง Íอ ‹Íอ¹น ÊสÇวÂย...¹นÖึ¡กÇว ‹ÒาÊสÒาÇวÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂย áแÅลÐะÁมÕีÍอÒาÊสÒาÊสÁมÑั¤คÃรÁมÒาÃรÍอµต ŒÍอ¹นÃรÑัºบ¾พÇว¡กàเÃรÒา´ด ŒÇวÂย¨จ Ðะ... ¨จºบµตÍอ¹นàเ´ดÔิ¹น·ท∙Òา§ง àเ¤คÒาÃร¾พ¤คÃรÙู+ÃรÑั¡กàเ¾พ×ืè่Íอ¹น·ท∙Øุ¡ก¤ค¹น àเ»ป ‡

!

11


Yogini of Mumbai

¡ก Òา ½ฝ Òา Áม ºบ ็ ¡ก àเ ¨จÒา¡ก India

Hansaji âโÂย¤คÔิ¹นÕีáแËห ‹§งÁมØุÁมäไºบ

6-17 January, 2012 Yoga Study Tour ¡กÑัºบ¤คÃรÙูÎฮÔิâโÃรªชÔิ áแÅลÐะ¤คÃรÙูÎฮÔิàเ´ดâโ¡กÐะ ÃรÐะËหÇว ‹Òา§งÇวÑั¹น·ท∙Õี่ 6-17 Áม¤ค. 2555 ·ท∙Õี่¼ผ ‹Òา¹นÁมÒา ·ท∙ÓำãใËห ŒàเÃรÒาäไ´ด ŒÁมÕี âโÍอ¡กÒาÊส¾พºบ¡กÑัºบàเ¸ธÍอ Smt.Hansaji ÀภÃรÃรÂยÒา¢ขÍอ§ง Dr.Jayadeva Yogendra ºบØุµตÃรªชÒาÂย¤ค¹นâโµต¢ขÍอ§ง·ท∙ ‹Òา¹น Shri Yogendra ¤คÃรÙูâโÂย¤คÐะ·ท∙ ‹Òา¹นËห¹นÖึ่§ง·ท∙Õี่àเ»ป š¹นÃรÒา¡ก°ฐÒา¹นÊสÓำ¤คÑั­Þญ¢ขÍอ§งâโÂย¤คÐะÂยØุ¤คãใËหÁม ‹

[12]


‘Think

Hansaji ในวัย 65 ปีของเธอมี แววตาและใบหน้าที่ดูสดชื่น พบเธอครั้ง แรกในชุดส่าหรีสีฟ้าเข้มสวยสดใส เธอ เมตตาเรียกกลุ่มคนไทยที่ไปแอบอยู่ด้าน หลังห้อง ให้ย้ายขึ้นมาอยู่หน้าห้อง เพื่อ ร่วมฝึกโยคะอาสนะไปกับกลุ่มผู้คนที่มา รวมตัวกันในเย็นวันนั้น พร้อมกับการนำ ฝึกอาสนะท่าง่ายๆ แบบยืดเส้นยืดสาย ภาพครูโยคะในชุดส่าหรีสวยงาม เรียก ความสนใจในสตรีผู้นี้ให้เพิ่มมากขึ้น หลัง การฝึกเราจึงได้โอกาสถามครูฮิเดโกะว่า เธอคือใคร ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร มองดู ผู้คนเคารพเธออย่างมากมาย ครูเล่าประวัติ ให้ฟังคร่าวๆ ว่า เธอก็คือลูกสะใภ้ของท่าน ศรีโยเกนดรานั่นเอง นอกเหนือจากการ บริหารงานสถาบันโยคะซานตาครูส แล้ว เธอยังเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งใน แวดวงโยคะ และเป็นนักเขียนอีกด้วย ครูฮิโรชิ พากลุ่มพวกเราเข้าไป แสดงความเคารพเธอในรูปแบบชาวอินเดีย ครู เ ล่ า ว่ า ท่ า นเป็ น ครู ท ี ่ เ ราควรอ่ อ นน้ อ ม ถ่อมตนเข้าไปหา เมื่อเราลองทำตามละวาง ความเป็นเด็กหลังห้องเรียน ยอมเข้าไป ใกล้ ‘ครู’ เราก็พบความเมตตาที่เธอส่งมอบ มาให้ ยิ้มสดใสสอบถามความเป็นอยู่ของ

!

all ang les before do ing that is Yog

เราผู ้ ม าเยื อ นอย่ า งใส่ ใ จ ท่าทียกย่องที่ครูชาวอินเดีย และครูชาวญี่ปุ่นมีต่อกันและ กัน เป็นภาพประทับใจอีกครั้ง ที่เราได้อยู่ ท่ามกลาง‘ครู’ ผู้สร้างแรงบันดาลใจถึงสาม ท่านในเวลาเดียวกัน ในช่ ว งเช้ า ก่ อ นทานอาหาร Dr.Jayadeva และ Hansaji จะเปิดช่วง เวลาให้ลูกศิษย์ได้ร่วมสนทนาธรรมด้วย โดยอาศัยหลักการโยคะมาใช้ในชีวิต ท่าน Dr.Jayadeva ในวัย 83 ปี แม้ว่าท่านจะ ประสบปั ญ หาสุ ข ภาพด้ า นเส้ น ประสาท ทำให้การพูดของท่านไม่ชัดเจนนัก แต่ สังเกตว่าลูกศิษย์ลูกหาของท่าน เฝ้ารอช่วง เวลาการตอบคำถามของครู อ ย่ า งตั ้ ง ใจ ผู้ชายหลายคนตั้งคำถาม เพื่อให้ท่านช่วย ไขข้อข้องใจในการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน และครอบครัว หากต้องการให้รายละเอียด ท่านจะส่งไมโครโฟนให้ Hansaji ช่วย ขยายความต่อให้ชัดเจนมากขึ้น ภาพของ สองสามี ภ รรยาที ่ ใ ช้ โ ยคะเป็ น ฐานการ ดำเนินชีวิตดูแล้วอิ่มใจอย่างประหลาด ในเช้าวันที่สองของช่วงสนทนา ธรรม เมื ่ อ มี ใ ครสั ก คนถามขึ ้ น ว่ า จะทำ อย่างไรที่บ้าน ที่มีเรื่องราวของปัญหาที่คน

a’

นั้นคนนี้ทำไม่ดี เธอตอบว่า ให้เราระลึกไว้ ก่ อ นเลยว่ า หน้ า ที ่ ข องคนเราทุ ก คนคื อ รักษาสมดุลในตัวเอง นี่คือหน้าที่ที่เราต้อง ทำเป็นอย่างแรก ‘My duty is to maintain my balance all the time’ เมื่อใดก็ตามที่ เราไม่ balance ให้เราหยุดพูด หยุดทำ หยุดคิด แล้วกลับมารักษา balance ของ ตัวเอง นี่คือหน้าที่ที่สำคัญที่สุด ณ ขณะนั้น ถ้อยคำสั้นๆ เน้นย้ำด้วยน้ำเสียงกังวาน ของเธอ แม้ช่วงเวลาของการสนทนาจะไม่ ยาวนาน แต่เนื้อหาใจความกลับเต็มไปด้วย พลังของการใช้ชีวิต ต่อข้อถามที่ว่า วิถีการใช้ชีวิตของ โยคะคื อ อะไร เธอตอบอย่ า งสั ้ น ๆ ว่ า ‘Think all angles before doing that is Yoga’ การใช้ชีวิตแบบโยคะก็คือ การ ใคร่ ค รวญให้ ร อบคอบครบถ้ ว นทุ ก แง่ ม ุ ม ก่อนที่จะทำอะไรลงไปในชีวิตเรา ประโยคที ่ ป ลุ ก เร้ า ให้ เ ดิ น ไปบน เส้นทางแห่งโยคะ วิถีแห่งธรรมะจึงชัดเจน ยิ่งขึ้นในนาทีนั้น

13


¨จÒา¡กàเ¾พ×ื่Íอ¹น¤คÃรÙู

Thailand

Yoga Festival 2012

àเÃรÕีÂย¹น ¤คÃรÙูáแÅลÐะàเ¾พ×ื่Íอ¹น·ท∙Øุ¡ก·ท∙ ‹Òา¹น¤คÐะ ·ท∙Õี่Êส ‹§งàเÁมÅล ÁมÒาÇวÑั¹น¹นÕี้ ¡ก็µตÑั้§งãใ¨จ¨จÐะÁมÒาáแªชÃร àเÃร×ื่Íอ§งàเÇวÔิÃร ¤คªชÍอ»ป¢ขÍอ§ง “äไ·ท∙ÂยáแÅล¹น´ด âโÂย¤คÐะ àเ¿ฟÊสµตÔิÇวÑัÅล 2011” âโÂย¤คÐะáแ¹นÇวäไ¡กÇวÑัÅลÂย¸ธÃรÃรÁม¢ขÍอ§งàเÃรÒา¡ก็äไ´ด Œàเ¼ผÂยáแ¾พÃร ‹àเËหÁม×ืÍอ¹น¡กÑั¹น âโ´ดÂย¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด ¢ขÍอ§งàเÃรÒาãใ¹นÇวÑั¹นàเÊสÒาÃร  «ซÖึ่§ง¾พÇว¡กàเÃรÒา¡ก็µตÔิ´ดàเÃรÕีÂย¹นäไÁม ‹§งÑั้¹นäไ»ปàเ»ป š¹นËห¹น ŒÒาÁม ŒÒาáแ¹น ‹ ¡ก็Åล§งäไ´ด Œáแµต ‹ÇวÑั¹นÍอÒา·ท∙ÔิµตÂย  §งÒา¹น¹นÕี้´ดÒาÇว

ËหÁมÔิÇว ¿ฟ ‚ › Åล§ง¤คÃรÙู T.J Peng ¡กÑัºบ ¤คÃรÙูËห¹นÙู Êส ‹Çว¹นàเ»ป  œÅล ÃรÍอºบáแÃร¡กÍอÂยÙู ‹¡กÑัºบ¤คÃรÙู·ท∙ ‹Òา¹นÍอ×ื่¹น áแµต ‹¡ก็ÁมÒาàเ¨จÍอ¡กÑัºบ¤คÃรÙูËห¹นÙู´ด ŒÇวÂย¡กÑั¹นãใ¹นÃรÍอºบ·ท∙Õี่ 2

[14]


เรื่องการเลือกครูและเลือกคลาส ดาวเป็นคนจัดการทั้งหมด น้องๆ บอกพี่ดาวลงอะไรพวกหนูก็ตามนั้น 555+ โอเคดาวจัด ไป จริงๆ ในคลาสดาวเลือกเป็นครูท่านอื่น แต่ว่าติดปัญหาเรื่องน้ำท่วมทำให้ต้องเปลี่ยนครูบางท่านไป (ครูหนูบอกว่าปีนี้คนน้อย กว่าปีที่แล้วก็คงเพราะปัญหานี้) ครู T J Peng เป็นคนไต้หวัน แต่ไปอยู่แคลิฟอร์เนียตั้งแต่ 4 ขวบ เหตุผลที่เลือกเรียนกับท่านคิดว่าเป็นคนเอเชียเหมือน กัน น่าจะเข้าใจสรีระและปัญหาของคนเอเชียได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันท่านก็สอนที่ไทเปด้วย รู้ประวัติแค่นี้ เพราะต้องการรู้แค่นี้ ไม่คิดมากอะไร พอเริ่มคลาสน้องหมิว บอกว่าตกใจเลย เหมือนพี่ชายมากๆ โกนหัวเหมือนกัน 555+ ขำกันใหญ่ ตอนที่น้องถ่ายรูป คู่กับครูดูแอบคล้าย 555 มาถึง ครูถามถึงว่าใครมีปัญหาส่วนไหนของร่างกาย คนข้างดาวก็เจ็บต้นคอ ถัดไปเจ็บหลัง ครูก็พูดการวางท่าที่จัดการกับ ปัญหาเหล่านี้ แล้วต่อด้วยการจัดสรีระของร่างกาย กระดูกสันหลัง ไหล่ หน้าอก การวางท่าทางในแต่ละอาสนะ ครูท่านเน้นย้ำตรงนี้ มาก ฟังแล้วชอบมาก หลักการแบบนี้ ไม่เสียใจที่เลือกเรียน โดยเฉพาะไหล่ พูดเหมือนครูญี่ปุ่นเลย เรื่องปัญหาไหล่ติด ยกอย่างไร จัดไหล่อย่างไร เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ คะ ในสิ่งที่เราเรียนในห้องเรียน ครูญี่ปุ่นพร่ำสอนนั้น เป็น “เซลล์ต้นกำเนิด” หรือสเต็มเซลล์ 55+ เพียงแต่เรามาปรับใช้อย่างไร อาสนะต่างๆ ก็ไม่หนีจากเรามากคะ โดยครูแบ่งเป็น A B C จากง่ายไปหายาก ถ้าเปรียบกับ ไกวัลยธรรม เราเป็น A พอเข้าใจเรื่องเซลล์ต้นกำเนิดแล้วนะคะ ส่วนอาสนะของครูนั้น เราก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำไม่ได้ก็สังเกตุการณ์ ถ้าต้องการออปชั่นซึ่งหมายถึง ทางเลือกในอาสนะ ถ้าเราทำท่านี้ไม่ได้ครูก็จะให้ทำแค่นี้ ดาวก็จะส่งสายตาหวานๆ ไป ครูก็จะบอกมา ครูจะนำสวด บูชาครู อาจารย์ก่อน เหมือนที่ครู ญี่ปุ่นเราสอนเลย เรื่องแบบนี้พวกเราตามได้อย่างไม่ขัดเขิน ถ้าฟังไม่ทันจริงๆ ก็ทำปากถั่ว งา ถั่ว งาไป ไม่ให้เสียเชื่อสถาบันฯ ครู เน้นเรื่องลมหายใจ ดีๆ ทำตามได้ ไม่ขัดเขิน แต่อีก 40% หลังนี้สิ โอ้แม้เจ้า ดาวกับฟี่ นั่งมองตาปริบๆ กระโดด ตีหลังกา ม้วนหน้า ม้วนหลัง ยากเกิน ทำไม่ได้ แต่แม่ 3 สาว ที่อยู่ข้างเรา ทำได้อย่างดีทุกท่านี่ละหว่า ที่ว่าเหล่าเธอๆ นั้น ปวดคอบ้าง ปวดเอวบ้าง เรา ไม่ปวด แต่เหนื่อย 555+ สุดท้าย ก็เลยสนใจว่าครูท่านนี้ประวัติเป็นอย่างไร เลยค้นคว้าเพิ่มเติมได้ความว่า ท่านเชี่ยวชาญการจัดกระดูกสันหลังและ สรีรศาสตร์ การเคลื่อนไหวร่างกาย แล้วก็ ชีว วิทยาและจิตวิทยา ถึงบางอ้อละทีนี้ ท่านถึงอธิบายเก่งทีเดียว แล้วท่านก็ได้เรียนกับ คุรุที่มีชี่อเสียงมากมายในอินเดีย ...นมัสเต

!

15


¤คÅลÒาÊส ¤คÃรÙูËห¹นÙู ครู และเพื่อน ๆ ทุกท่าน ในคลาสที่ 2 เราเลือกครูหนูคะ อย่างที่พวกเราทราบ ท่านเป็นศิษย์ครูชด ประวัติต่างๆ น้องฟี่ ของเราก็เล่าให้ฟังอย่างประทับใจกันแล้ว น้องฟี่ น้องหมิว และน้องเปิ้ล เป็นศิษย์ครูหนูมาก่อนแล้ว ท่านก็ ทักทายศิษย์รักของท่านด้วยความรัก (น่ารักมาก) คลาสครูหนูอยู่ในห้องขนาด 8 X 10 เมตร ประมาณห้องเรียนของเรา ใหญ่พอๆ กัน แต่ว่ามีกระจกในห้อง เลยดูใหญ่นิด หน่อยนักเรียนมากมาย มีคุณเจ มณฑล คุณป๊อป อารียา ศิษย์รักของครูหนู กลุ่มแฟนคลับเกือบล้นห้อง ต้องวางแมทใกล้ๆ กัน (ห้อง แรกที่เข้าเป็นโรงยิม วางแมทสบายๆ ดูไม่อึดอัด ) ครูเริ่มด้วยการสอนท่าสุริยนมัสการก่อน และก็มีท่าต่างๆ แต่ที่จะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังคือเรื่องวิธีการสอน การจัดท่า ครูจะเน้น ย้ำเรื่องความนุ่มนวล “ในความอ่อนช้อยต้องมีความแข็งแรง” ท่านจะย้ำบ่อยๆ เรื่องความอ่อนช้อย ขณะเข้าท่า และออกจากท่าต้อง ไม่มีเสียง ห้ามพูดกัน 555+ พวกเราก็โดนดุกันบ้าง ดาวกลับมองว่าเป็นเรื่องของระเบียบวินัยมากกว่า ท่านกว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็เพราะ ท่านมีระเบียบวินัย ฉะนั้น เราต้องดูเป็นตัวอย่างไว้ ในรายละเอียดบางอย่างก็เหมือนกับที่เราเรียนกัน วิธีการสอนของท่าน อาจจะเป็นเพราะคนเยอะรึป่าวไม่ทราบ ท่านจะให้พวกเราทำอาสนะก่อน ถ้าไม่ผิดมากหรือพวกเรา ทำได้อย่างดีท่านก็ให้เราทำต่อ แต่ถ้าผิดมากมายท่านจะทำให้ดู โอ้แม่เจ้า...สวยงามมาก จบคลาสท่านก็ให้ ขอบคุณครูบาอาจารย์ ระลึกถึงพระคุณท่านซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีคะ สุดท้ายเราก็รีบไปถ่ายรูปกับครู โดยเฉพาะคุณป๊อป กับคุณเจ จะเห็นว่าดาวไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมาก เพราะแก่นที่เรา เรียนจากสถาบัน กับครูญี่ปุ่น ไม่ได้แตกต่างกันเลย นมัสเต

!

16


ÃรÒาÂย§งÒา¹น¡กÒาÃรÊสÍอ¹น·ท∙Õี่ ¡กÃรÁมÈศØุÅลÏฯ ¶ถÖึ §ง ¤คÃรÙู áแ ÅลÐะàเ¾พ×ื ่ Íอ ¹นæๆ ·ท∙Øุ ¡ก ¤ค¹น episode 2 ¢ขÍอ§ง¤คÃรÙู·ท∙ Íอ¿ฟ¿ฟ ‚ › ¡กÒาÃรÊสÍอ¹นâโÂย¤คÐะ¨จÔิµตÍอÒาÊสÒา âโ´ดÂยÁมÕี¤คÃรÙูàเ»ป  œÅล (ÊสÒาÇวÊสÇวÂย) ÁมÒาàเ»ป š¹น¼ผÙู Œªช ‹ÇวÂย ÁมÒา¶ถÖึ§ง¡ก ‹Íอ¹นàเÇวÅลÒา (Ëห ŒÒา âโÁม§งàเÂยç็¹น) «ซÖึè่§งàเ»ป š¹น¹นÔิÊสÑัÂย·ท∙Õีè่´ดÕี¢ขÍอ§ง¤คÃรÙู¼ผÙู ŒÊสÍอ¹น (àเ»ป ‡ÁมÒาªช ŒÒา·ท∙Øุ¡กÇวÑั¹น ÍอÔิæๆæๆ ¨จÐะ»ปÃรÑัºบ»ปÃรØุ§ง) ¨จÑั´ด¤คÅลÒาÊสàเÊสÃรç็¨จàเÃรÕีÂยºบÃร ŒÍอÂย ÇวÑั¹น¹นÕีé้¹นÑั¡กàเÃรÕีÂย¹นÁมÒา 10 ¤ค¹น ÃรÙู ŒÊสÖึ¡กäไ´ด Œ¶ถÖึ§ง¡กÒาÃรáแºบ ‹§งÍอÂย ‹Òา§งªชÑั´ดàเ¨จ¹น ÁมÕีÍอÒาÂยØุàเ¡กÔิ¹นÊสÕีè่ÊสÔิºบáแ¤ค ‹ÊสÕีè่¤ค¹น ¹นÍอ¡ก¹นÑัé้¹นäไÁม ‹àเ¡กÔิ¹นÊสÒาÁมÊสÔิºบ (ÂยÑั§งáแ¨จ ŽÇว) ¤คÃรÙู¿ฟ ‚ ›àเÃรÔิè่Áม´ด ŒÇวÂย·ท∙ ‹ÒาÊสØุÃรÔิÂย¹นÁมÑัÊส¡กÒาÃรÍอÂย ‹Òา§ง ¶ถÙู¡กµต ŒÍอ§ง (¡กÒาÃรÇวÒา§งÁม×ืÍอ àเ·ท∙ ŒÒา ´ดÕีàเÂยÕีè่ÂยÁม) ãใËห Œ·ท∙ÓำÊสÍอ§งÃรÍอºบáแÃร¡กäไÁม ‹àเ¹น Œ¹นÅลÁมËหÒาÂยãใ¨จ ÊสÍอ§งÃรÍอºบËหÅลÑั§ง·ท∙Óำ¤คÙู ‹¡กÑัºบÅลÁมËหÒาÂยãใ¨จ Íอ×ืÁม áแµต¡กµต ‹Òา§ง¡กÑั¹น ÍอÂย ‹Òา§งªชÑั´ดàเ¨จ¹น¹นÐะ¨จ Ðะ ÃรÙู ŒÊสÖึ¡กÃร ‹Òา§ง¡กÒาÂยâโ»ปÃร ‹§ง¡กÇว ‹ÒาáแÅลÐะàเËหÂยÕีÂย´ดÂย×ื´ดäไ´ด Œ´ดÕี (àเËห¹น×ืè่ÍอÂย¡กÇว ‹Òา´ด ŒÇวÂย) µต ‹Íอ´ด ŒÇวÂย·ท∙ ‹Òา¡กÃรÐะµต ‹ÒาÂยáแÅลÐะàเ´ดç็¡ก (ÃรÇวÁม¡กÑั¹น) ·ท∙ ‹Òา¹นÕีé้ ¹น ŒÍอ§งºบÍอ¡กÇว ‹Òาäไ´ด Œ¼ผÅล´ดÕีàเ¡กÕีè่ÂยÇว¡กÑัºบãใºบËห¹น ŒÒา àเÅล×ืÍอ´ดãใ¹นÈศÕีÃรÉษÐะ¤ค ‹Ðะ ¾พÕีè่·ท∙ÓำáแÅล ŒÇวÃรÙู ŒÊสÖึ¡กÂยÒา¡กµตÍอ¹นÇวÒา§งÈศÕีÃรÉษÐะ áแµต ‹ äไ´ด ŒÃรÑัºบ¤คÇวÒาÁมÃรÙู ŒÊสÖึ¡กáแ»ปÅล¡กãใËหÁม ‹ ·ท∙ ‹ÒาÊสÒาÁมàเËหÅลÕีè่ÂยÁม ¡กÒาÃรàเËหÂยÕีÂย´ดÂย×ื´ด·ท∙Õีè่¢ขÒาàเÂยÍอÐะÁมÒา¡ก ¤คÃรÑัé้§งáแÃร¡ก¾พÕีè่Åล§ง¹น ŒÓำËห¹นÑั¡กäไ»ป·ท∙Õีè่àเ·ท∙ ŒÒา´ด ŒÒา¹น·ท∙Õีè่Âย×ื´ด àเ¨จç็ºบ¢ข ŒÍอàเ·ท∙ ŒÒา Íอ ŒÒาÇว ¤คÃรÙู¿ฟ ‚ ›ºบÍอ¡กÇว ‹Òา¹น ŒÓำ Ëห¹นÑั¡กÅล§ง·ท∙Õีè่¢ขÒา´ด ŒÒา¹น·ท∙Õีè่µตÑัé้§งàเ»ป š¹น©ฉÒา¡ก.. Íอ×ืÁม´ดÕีæๆ µต ‹Íอ´ด ŒÇวÂย·ท∙ ‹ÒาÂย×ื¹น´ด ŒÇวÂยäไËหÅล ‹ ·ท∙Øุ¡ก¤ค¹นªชÍอºบ¹นÐะ ¾พÕีè่¨จÔิ¹นµต ÂยÔิè่§งªชÍอºบãใËห­Þญ ‹ àเ¢ขÒาºบÍอ¡ก¾พÕีè่Çว ‹ÒาËหÑัÇวàเ¢ขÒาâโÅล ‹§ง´ดÕี ·ท∙Õีè่ ¾พÕีè่àเ¢ขÒา¶ถÒาÁมÇว ‹Òาµต ‹Òา§ง¡กÑัºบÇวÔิ»ปÃรÔิµต¡กÃร³ณÕีµตÃร§งäไËห¹น ¾พÕีè่Íอ ‹Òา¹นàเ¨จÍอãใ¹นËห¹นÑั§งÊส×ืÍอâโÂย¤คÐะ¡กÑัºบ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒาÁม¹นØุÉษÂย  (¶ถ ŒÒา¨จÓำ¼ผÔิ´ดÍอÂย ‹ÒาÇว ‹Òา¹นÐะ) Çว ‹ÒาÍอÂยÙู ‹·ท∙Õีè่Íอ§งÈศÒา¢ขÍอ§ง ¢ขÒา¨จ Ðะ ÇวÔิ»ปÃรÔิµต¡กÃร³ณÕีÍอ§งÈศÒา»ปÃรÐะÁมÒา³ณ 70-80 äไÁม ‹¶ถÖึ§ง 90 ¶ถÙู¡กÁมÑัê๊Âยàเ¾พ×ืè่Íอ¹นæๆ µตÃรÇว¨จÊสÍอºบ¡กÑั¹นËห¹น ‹ÍอÂย¹น Òา..... ¨จÒา¡ก¹นÑัé้¹น¡กç็àเ»ป š¹น·ท∙ ‹Òา¾พÑัºบ¢ขÒาàเ·ท∙ ŒÒาªช¹น¡กÑั¹น (¤คÅล ŒÒาÂยàเµตÃรÕีÂยÁม¼ผÕีàเÊส×ืé้Íอ) áแµต ‹ÃรÇวºบàเ·ท∙ ŒÒาäไÇว Œ áแÅล ŒÇว¡ก ŒÁมµตÑัÇวäไ»ป´ด ŒÒา¹นËห¹น ŒÒา ¡ก ŒÁมËหÑัÇวÅล§งãใËห Œ¶ถÖึ§ง¾พ×ืé้¹นËหÃร×ืÍอ àเ·ท∙ ‹Òา·ท∙Õีè่·ท∙Óำäไ´ด Œ ·ท∙ ‹Òา¹นÕีé้¾พÕีè่Çว ‹ÒาÊสØุ´ดÂยÍอ´ด¹นÐะ ¤คÅล ŒÒาÂยæๆ »ป ˜¨จ©ฉÔิâโÁมµตÒา·ท∙ÒาÊส¹นÐะ¢ขÍอ§งÊส¶ถÒาºบÑั¹นÏฯ »ปÃรÐะâโÂยªช¹น ¡กç็¹น ‹Òา¨จÐะãใ¡กÅล Œàเ¤คÕีÂย§ง¡กÑั¹น Êส ‹Çว¹นÍอÕี¡ก·ท∙ ‹Òา·ท∙Õีè่¤คÅล ŒÒาÂยæๆ ªชÒา¹นØุÈศÕีÃรÉษÐะ ¤ค×ืÍอàเËหÂยÕีÂย´ด¢ขÒาäไ»ปáแÅล ŒÇวÂย¡กàเÁม×ืè่ÍอÊสÍอ§ง¢ข ŒÒา§ง¢ขÖึé้¹นãใËห ŒµตÑัé้§ง©ฉÒา¡ก Âย¡ก¢ขÖึé้¹นãใ¡กÅล Œæๆ ËหÙู Âย×ื´ด¡กÃรÐะ´ดÙู¡กÊสÑั¹นËหÅลÑั§ง¢ขÖึé้¹น ¡ก ŒÁมÅล§ง ªช ‹Çว§งÂย×ื´ดµตÑัÇว¢ขÖึé้¹น·ท∙ÓำãใËห Œ ¡กÃรÐะ´ดÙู¡กÊสÑั¹นËหÅลÑั§งÂย×ื´ดäไ´ด Œ´ดÕี¢ขÖึé้¹น áแµต ‹ äไÁม ‹ÃรÙู ŒÇว ‹Òาµต ŒÍอ§งÃรÐะÇวÑั§งäไÁม ‹¡ก ŒÁมàเ¡กÔิ¹นäไ»ปÁมÑัê๊Âย¨จ Ðะ... ·ท∙ ‹Òา·ท∙Õีè่àเËหÅล×ืÍอ¨จÓำäไÁม ‹ äไ´ด ŒáแÅล ŒÇว¨จ Ðะ áแµต ‹ÊสÃรØุ»ปÃรÇวÁม¡กÒาÃรÊสÍอ¹น¢ขÍอ§ง¤คÃรÙู¿ฟ ‚ ›ÇวÑั¹น ¹นÕีé้¾พÑั²ฒ¹นÒา¢ขÖึé้¹น¡กÇว ‹Òา·ท∙Õีè่¼ผ ‹Òา¹นÁมÒา ¹น ŒÓำàเÊสÕีÂย§ง¹นØุ ‹Áม¹นÇวÅล ·ท∙ ‹ÒาäไÁม ‹ÂยÒา¡กÁมÒา¡ก¨จ¹นàเ¡กÔิ¹นäไ»ป ÃรÑั¡กÉษÒาàเÇวÅลÒาäไ´ด ŒµตÃร§งàเ»ป ˆÐะ ¡กÒาÃรáแÊส´ด§ง·ท∙ ‹ÒาªชÑั´ดàเ¨จ¹น ãใËห Œ¤คÐะáแ¹น¹น 96.5 ·ท∙Õีè่àเËหÅล×ืÍอ¤ค×ืÍอ¹น ‹Òา¨จÐะáแÊส´ด§งãใËห Œ´ดÙู¡ก ‹Íอ¹น ¼ผÙู Œªช ‹ÇวÂยàเ»ป  œÅลÊสÒาÇวÊสÇวÂยËห¹น ŒÒาãใÊส (·ท∙ÓำàเÍอÒาÊสÍอ§ง Ëห¹นØุ ‹Áม·ท∙Õีè่ÁมÒาàเÅล ‹¹นàเ¡กÃรç็§งæๆ) ªช ‹ÇวÂย¤คÃรÙู¿ฟ ‚ ›àเµตç็ÁมÃร ŒÍอÂย áแµต ‹ÂยÑั§ง àเ¡กÃร§งãใ¨จ¼ผÙู ŒàเÃรÕีÂย¹น¹นÔิ´ดæๆ áแËหÁม...¾พÕีè่àเÍอ§งÂยÑั§ง·ท∙ÓำäไÁม ‹¶ถÙู¡ก ºบÍอ¡ก äไ»ปàเÅลÂย¹น ŒÍอ§ง...¾พÕีè่æๆ ·ท∙ÓำãใËหÁม ‹æๆ ÍอÒาÃรÒาÂย»ปÃรÐะÁมÒา³ณ¹นÕีé้àเÅลÂย ÇวÑั¹นËห¹น ŒÒาµต ŒÍอ§งÊสÍอ¹นàเÍอ§งàเÅลÂย¹นÐะ¨จ Ðะ ¾พÕีè่àเªชÕีÂยÃร ÍอÂยÙู ‹....¢ขÍอºบ ¤คØุ³ณÁมÒา¡กæๆ ·ท∙Õีè่¹น ŒÍอ§งæๆ ÁมÒาªช ‹ÇวÂย (ÃรÑัºบ¹น ŒÓำãใ¨จ¾พÕีè่ äไÇว Œ¡ก ‹Íอ¹น¹นÐะ ¨จ Ðะ àเÃร×ืè่Íอ§งÍอ×ืè่¹น¤ค ‹ÍอÂยÇว ‹Òา¡กÑั¹นàเ¹น ÍอÐะ) àเ¾พ×ืè่Íอ¹นæๆ ·ท∙ ‹Òา¹นãใ´ดÍอÂยÒา¡กÁมÒาÅลÍอ§ง¢ขÍอ§งáแÅลÐะ »ปÅล ‹ÍอÂย¢ขÍอ§ง ÂยÔิ¹น´ดÕีµต ŒÍอ¹นÃรÑัºบ ¶ถ ŒÒาäไÁม ‹Ãรºบ¡กÇว¹นàเÁมÅล ÁมÒาºบÍอ¡ก ËหÃร×ืÍอâโ·ท∙ÃรºบÍอ¡กÅล ‹Çว§งËห¹น ŒÒา¡กç็´ดÕี¹นÐะ¨จ Ðะ ¨จÐะäไ´ด ŒàเµตÃรÕีÂยÁมµตÑัÇวÃรÍอ ËหÃร×ืÍอàเ¤คÅลÕีÂยÃร ¤คÔิÇว (¨จÐะäไ´ด Œ äไ»ปÊส ‹§ง¢ขÖึé้¹นÃร¶ถäไ´ด Œ àเ¡กÃร§งãใ¨จÍอ ‹Ðะ ¨จ ŒÒา...) µตÍอ¹น¹นÕีé้¨จÑั¹น·ท∙Ãร áแÅลÐะÍอÑั§ง¤คÒาÃรÊสÓำËหÃรÑัºบâโÂย¤คÐะµตÒาÁม ÊสäไµตÅล ¢ขÍอ§ง¤คÃรÙู áแµต ‹ÇวÑั¹น¾พØุ¸ธáแÅลÐะ¾พÄฤËหÑัÊสÏฯ ¢ขÍอàเ»ป š¹นáแºบºบ Êส¶ถÒาºบÑั¹นÏฯ (ÍอÂย ‹ÒาàเËหÅล ‹´ดÔิê๊...) ¹นÐะ¨จ Ðะ

!

17


‘ÁมÕี’..¨จÒา¡ก¤คÇวÒาÁมäไÁม ‹ÁมÕี âโ´ดÂย ¸ธÓำÃร§ง´ดØุÅล

ayear diary

¼ผÁมÁมÑั¡กãใªช Œªช ‹Çว§งàเÇวÅลÒาÇวÑั¹น¢ขÖึ้¹น»ป ‚ãใËหÁม ‹·ท∙ºบ·ท∙Çว¹น¶ถÖึ§งÊสÔิ่§งµต ‹Òา§งæๆ ãใ¹น»ป ‚·ท∙Õี่¼ผ ‹Òา¹นÁมÒา ¼ผÁมÃรÙู ŒÊสÖึ¡กÇว ‹Òา»ป ‚·ท∙Õี่¼ผ ‹Òา¹นÁมÒา àเ»ป š¹น»ป ‚·ท∙Õี่¼ผÁม 'äไ´ด Œ' ¨จÒา¡กÊสÔิ่§ง·ท∙Õี่àเÊสÕีÂยäไ»ป áแÅลÐะ 'ÁมÕี'ÍอÐะäไÃรËหÅลÒาÂยæๆ ÍอÂย ‹Òา§ง¨จÒา¡ก¤คÇวÒาÁมäไÁม ‹ÁมÕี 'เปิด' ศักราชปี 2554 ผม 'ปิด' คลินิกที่เปิดร่วมหุ้นกับเพื่อนมาเกือบ 6 ปี ด้วยผลประกอบการที่เป็นภาระมากกว่าจะก่อให้ เกิดรายได้ แถวบ้านเรียกง่ายๆ ว่า "เจ๊ง" ใครหลายคนอาจมองว่าการเปลี่ยนบทบาทจากเจ้าของกิจการมาเป็นหมอ มือปืนอาจทำให้ความมั่นคงในชีวิตสั่นคลอน แต่ในความรู้สึกของวันที่ปิดร้าน ผม สัมผัสถึงความเบาโล่ง ไปพร้อมๆ กับที่ความมั่นคงอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิตกำลัง หยั่งรากแตกหน่อ รอยเท้าที่หยั่งก้าวไปบนโยคะวิถีของผมเริ่มหนักแน่นชัดเจน ขึ้นทีละน้อย ผมได้รับโอกาสเผยแพร่ความรู้ yoga anatomy หลายรูปแบบมากขึ้นทั้ง กลุ่มครูโยคะ นิสิต มศว. หรือเป็นโอกาสให้เปิดเวิร์กชอปเพื่อทำบุญ การเปิด page www.facebook.com/iLoveYogaAnatomy เป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคน รักโยคะ รวมถึงการเข้าเวิร์กชอป Yoga Anatomy กับ David Keil ที่สมุย ยิ่งได้ เผยแพร่ ยิ่งทำให้ผมได้ 'เรียน' yoga anatomy ในมิติที่หลากหลายมากขึ้น

[18]


ครูหนู (ชมชื่น สิทธิเวช) บอกกับผมเสมอมาครับว่า "วิชาการเกิดจาก การปฏิบัติ" ผมพบว่าแท้จริงแล้วการเรียน yoga anatomy ที่แท้ไม่ได้อยู่ที่เรา อ่านตำรามาแล้วกี่เล่ม เสิร์ชยูทูบมาแล้วกี่ลิงก์ แต่ขึ้นอยู่ที่เรานำสิ่งที่ 'รู้' จาก การฝึกมา 'เรียนรู้ ' อย่างไรต่างหาก ตามสูตรหนังฮอลลีวูดส่วนใหญ่เราจะพบว่า เมื่อผ่านครึ่งแรกของ หนังอันแสนสุขแล้ว ความเป็นมรสุมชีวิตชนิดดราม่าเข้มข้นจะเริ่มก่อตัวขึ้น ขณะที ่ ท ุ ก อย่ า งบนถนนโยคะกำลั ง ดำเนิ น ไปได้ ด ี แต่ ถ นนบน มอเตอร์เวย์ที่เจิ่งนองด้วยน้ำในคืนนั้นกลับทำให้ผมเสียหลักหมุนคว้างจนเกือบ ทำให้หมดสิทธิ์ไปต่อบนถนนชีวิต อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนกันยายนทำให้ ผมต้องพักกิจกรรมที่รักชอบหลายอย่างเพื่อซ่อมแซม (ซี่โครงและอวัยวะ) ส่วนที่สึกหรอ ผมหยุดงาน เพราะการนั่งทำฟัน หรือนั่งหน้าจอ คอมพิวเตอร์ยิ่งทำให้อาการเจ็บแน่นหน้าอกทวีความรุนแรงมากขึ้น ผม งดฝึกอาสนะ เพราะแม้แต่หายใจในช่วงแรกยังติดๆ ขัดๆ ช่วงไม่มีทั้งรถ และหมดศักยภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ นี้เอง ที่ทำให้ผมมีโอกาสที่จะ อยู่บ้านแบบเต็มๆ เพราะหลายๆ ปีที่ผ่านมา บ้านกลายเป็นที่ซุกหัวนอน เพื่อตื่นไปทำงานแต่เช้าจนวิกาลคล้อยดึกจึงกลับเข้ามา ยิ่งปีนี้ต้องเดิน ทางทั้งภูเก็ตและพัทยาทุกสัปดาห์ บ้านจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองก็ลด บทบาทเหลือเพียงที่เปลี่ยนกระเป๋าให้ผมไปที่อื่นต่อ ช่วงพักฟื้นนี้เองที่กลายเป็นโอกาสให้ผมได้กลับมาเป็น 'ลูก น้อย' ของคุณป๋าและแม่อีกครั้ง ขณะอารมณ์ครอบครัวอบอุ่นกำลังอิ่มอาบอยู่ได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ มรสุมดราม่าลูกใหม่ก็ซัดใส่อีกระลอก คราวนี้ซัดพร้อมกันเกือบทั้ง ประเทศ เมื่อเราต้องลุ้นกับการตกเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ช่วงแรกของการจัดการน้ำท่วมนี่เองที่ทำให้บรรยากาศครอบครัวสุขสันต์มาคุขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตัวผมเสพข่าวน้ำท่วมแบบจัดหนัก จัดเต็ม ข้อมูลจากทุกสื่อพุ่งเข้าชนวิ่งเข้าใส่ เหมือนช็อตในคลิป รู้สู้ flood แล้วเราก็จัดการผ่องถ่ายองค์ความเครียดจากข้อมูลที่เราเรียนรู้ ไปสู่แม่ของเรา เราตั้งตนเป็นกูรู เพราะกูถือว่ากูรู้ (จากข้อมูลที่ทำการบ้านมาเพียบ)ทุ่มเถียงกับคุณป๋าที่ยืนยันว่า "เอาอยู่" ด้วยความจริงปนความจินต์ที่ทนเห็นภาพพ่อแม่เราเอากะละมังทูนหัวเดินลุยน้ำเป็นผู้อพยพไม่ได้ เราจึงแรง..แร้ง..แรงส์ ทุก วิถีทางที่จะทำให้คุณป๋าและแม่จำใจจากจรหนีน้องน้ำก่อนจะสายเกินการ จนวันหนึ่งคุณป๋าบอกว่า "หยุดกดดันแม่ได้แล้ว เพราะน้ำก็ยังไม่มา ไม่ต้องห่วงเค้าดูแลตัวเองได้" แม้จะแอบเถียงในใจว่า ก็พ่อแม่ทั้งคนไม่ห่วงได้ไง แต่ทำให้ผม "หยุด" และได้เห็นมุมใหม่ว่า เราเฝ้าระวังกับน้ำที่อยู่ไกล จนลืม "เฝ้าระวังใจ" คนที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด แสงเรืองๆ ที่สว่างขึ้นจากคำพ่อสอน ทำให้ผม 'ชัด' อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทุกสิ่งอาจถูกกำหนดไว้ให้เป็นเช่นนั้น ร่างกายที่ไม่พร้อม ทำให้การฝึกอาสนะช่วงพีค'ไม่มี' โอกาสได้สานต่อชั่วคราว แต่กลับ 'มี' โอกาสฝึกโยคะนอกเสื่อมากขึ้น การ 'ไม่มี' คลินิกเป็นของตัวเองทำให้ 'มี' โอกาสได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่หลุดจากกรอบวิชาชีพ การ 'ไม่มี' รถในช่วงนั้น ช่วยตัดความกังวลเรื่องหาที่จอดรถหนีน้ำ ช่วงเก็บของหนีน้ำยิ่งเห็นว่า การ 'ไม่มี' อะไรเยอะ เราจะ 'มี' ชีวิตที่ง่ายขึ้ินเยอะ ระหว่างรอซี่โครงสมานฉันท์ ผม 'ไม่มี' สิทธิ์จะยกทุกอย่างขนทุกสิ่งได้เหมือนเคย กลับ 'มี' โอกาสเรียนรู้การทำชีวิตให้เรียบ ง่าย ใช้และบรรจุเท่าที่จำเป็น ไม่เห็นต้องเยอะก็อยู่ได้ การบาดเจ็บ 'ไม่มี' โอกาสแม้แต่จะหายใจให้เต็มปอด กลับทำให้เรา 'มี' โอกาสเนียนๆ ที่คุณป๋าจะยอมมาอยู่ที่บ้านที่ผมซื้อไว้ ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว แม้ว่าบางครั้งคุณป๋าจะหยิบจะวางอะไรที่ 'ไม่มี' วันจะเข้ากันกับบ้านที่ผมลงทุนลงแรง ออกแบบอย่างลงตัว พร็อพไม่เข้าพวกใดๆ ทั้งปวงไม่อาจเทียบได้กับช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของการ 'มี' คุณป๋าอยู่ที่บ้าน เมื่อ 'ไม่มี' ทิฐิบังตา ภาพพระในบ้านตรงหน้ายิ่ง 'แจ่มชัด' ..วันนี้ที่รอคอยจริงๆ »ป ‚ 2554 ·ท∙Õี่¼ผ ‹Òา¹นÁมÒา.. 'ÁมÕี' ÊสÔิ่§ง´ดÕีæๆ ËหÅลÒาÂยæๆ ÍอÂย ‹Òา§ง àเ¡กÔิ´ด¢ขÖึ้¹น¨จÒา¡ก¤คÇวÒาÁม 'äไÁม ‹ÁมÕี' 'ÁมÕี' ¤คÇวÒาÁมÊสØุ¢ข·ท∙Õี่¤ค ‹ÍอÂยæๆ àเ¡กÔิ´ด¢ขÖึ้¹นÍอÂย ‹Òา§งÁมÑั่¹น¤ค§งºบ¹นâโÂย¤คÐะÇวÔิ¶ถÕี [19]


âโÈศ¡ก¹นÒา¯ฏ¡กÃรÃรÁมªชÕีÇวÔิµต âโ´ดÂย ´ดÅล / àเ¤คÃร×ืÍอ¢ข ‹ÒาÂยªชÕีÇวÔิµตÊสÔิ¡ก¢ขÒา

ตอนที่แล้วเราได้รับรู้ว่าหายนะภัย ที่เกิดขึ้นภายในใจเป็นภัยที่ร้ายแรงที่สุดของ ชีวิต ผ่านเรื่องราวเด็กหญิงชาวจีนที่กลบ ร่องรอยความแค้นแม่บังเกิดเกล้านานกว่า 32 ปี แม้จะเนิ่นนานแต่ในที่สุดก็คลี่คลาย ด้วยดี ดูเหมือนว่าบางทีที่มีคนทำไม่ดีกับเรา เราอาจไม่ ไ ด้ ร อคำขอโทษจากเขาหรอก เพียงแต่รอให้เขาได้เข้ามารับรู้ว่า เราพร้อม ที่จะให้อภัยเขาเสมอต่างหาก เพราะการให้ อภัยต่อกันในวันที่ยังมีลมหายใจที่ยังอ่อน โยนต่อกันได้อยู่ ดีกว่าต้องไปขออโหสิกรรม กันตอนที่อีกฝ่ายไม่เหลือการรับรู้ต่อกันแล้ว เหมื อ นอย่ า งโศกนาฏกรรมชี ว ิ ต ของเด็ ก หญิงคนหนึ่ง ที่มีร่องรอยความแค้นต่อพ่อ บังเกิดเกล้านานกว่า 60 ปี เด็ ก หญิ ง วรรณกำพร้ า แม่ ต ั ้ ง แต่ อายุ 2 ขวบ พ่อไปมีภรรยาใหม่ ถูกเลี้ยงดู

ตามมีตามเกิดโดยยายและน้าๆ เธอรู้สึก โกรธพ่อที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่ออย่างที่ควรเป็น ทิ้งเธอให้ลำบากเป็นเด็กกำพร้า จนเธอ มีอายุได้ประมาณ 9 ขวบ ความแค้นที่คุกรุ่น ในใจมานาน ก็มีเหตุปะทุออกมาด้วยความ จำเป็ น ที ่ เ ธอต้ อ งเดิ น ผ่ า นป่ า ช้ า เพื ่ อ ไป โรงเรียน สมัยก่อนคงน่ากลัว วังเวงเอาเรื่อง นะ นึกถึงว่าเราต้องเดินคนเดียวในตอนเช้า มืดผ่านหลุมดินนูนๆ การปรุงแต่งเด้งขึ้นมา อัตโนมัติว่ามีสายตานับร้อยคู่กำลังจับจ้อง การก้าววิ่งทุกฝีก้าว น้ำตาที่ไหลอาบสอง แก้ม มีเสียงลมหายใจกระหืดกระหอบ เธอ ได้ยินเสียงก้องดังในใจตัวเธอเองเมื่อผ่าน ป่าช้านั้นมาได้ว่า “เพราะพ่อคนเดียว ทำให้ ฉันต้องเป็นแบบนี้” “ไม่เห็นต้องแคร์ใครเลย เราต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จด้วยตัวเราเอง ไม่มีใครช่วยเราได้” ทุกอย่างถูกรวบเข้าไป

[20]

บันทึกอยู่ในพื้นที่ของการจำได้หมายรู้ในใจ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่ อ ของวรรณสำนึ ก ในความผิ ด พลาด และตั้งใจกลับมาเยี่ยมลูกเมื่อเวลา ผ่านไปราว 10 ปี เธอไม่เพียงไม่พูดอะไรกับ พ่อสักคำ แถมยังร้องไห้ใส่เพื่อให้พ่อกลับๆ ไปซะ ไม่ว่าพ่อจะเพียรพยายามมาเยี่ยมสัก กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งก็ผ่านไปเหมือนเป็นรูป แบบสำเร็จรูปที่รู้ผลลัพธ์อยู่ก่อนแล้ว วรรณ ตัดสินใจแต่งงานทันทีที่มีผู้ชายมาสู่ขอจาก ยาย เพื่อให้พ้นสถานะเด็กกำพร้า และจะได้ ไปมีชีวิตที่ไกลจากพ่อมากขึ้น โดยที่การ แต่งงานไม่ได้เกิดจากความรักเลย หากเรา รับในสิ่งที่เราไม่ต้องการอย่างแท้จริง เราก็ ยังไม่ได้เป็นผู้รับอยู่นั่นเอง เช่นกัน วรรณมี ชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เธองัด ไพ่ตายในการใช้ชีวิตอยู่บ่อยๆ ด้วยความ ภาคภูมิใจในความสำเร็จที่สร้างเนื้อสร้างตัว


ด้วยตัวเอง โดยไม่แคร์ความรู้สึกของผู้นำ ครอบครัว เธอจัดเต็มให้ลูกๆ ของเธอ เมื่อ เธอบอกว่าใช่ มันก็ต้องใช่ หากไม่ใช่ก็คือ ไม่ ใ ช่ ทำให้ ท ุ ก คนต้ อ งใช้ ช ี ว ิ ต อยู ่ ภ ายใต้ อิทธิพลเยี่ยงพระนางซูสีไทเฮาที่คอยบงการ อยู่หลังม่านไม้ไผ่ แล้วทุกคนแม้แต่เธอเองก็ เหมือนคนที่ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยมีชีวิตอยู่ จริง วรรณปฏิเสธพ่ออย่างไม่มีเยื่อใย ใน ความตั้งใจที่จะทำเรื่องยกที่ดินให้ วรรณไป ร่ ว มงานศพพ่ อ ด้ ว ยความตั ้ ง ใจไปกรวดน้ ำ คว่ำขัน ผมถามว่าเพราะอะไรถึงไม่สามารถ อโหสิ กรรมได้ เธอบอกว่ า ก็ เธอเป็นผู้ถ ูก ทำร้ายจิตใจ ให้ตกระกำลำบาก ทรมานจิตใจ มีพ่อก็เหมือนไม่มีมาตลอดชีวิต จะให้อภัยได้ อย่างไร ผมบอกกับเธอ ใช่ และยังมีสิ่งที่ผม เรียนรู้จากโศกนาฏกรรมเรื่องนี้อีกอย่างก็คือ พ่อของวรรณก็เป็นผู้ถูกทำร้ายจิตใจ ให้ทุกข์ ทรมานจิตใจ มีลูกก็เหมือนไม่มีมาตลอด จน วินาทีสุดท้ายของชีวิตด้วยการรับรู้ว่าลูกไม่ เคยให้อภัยเขาเลย จิตสุดท้ายจะรู้สึกยังไง? “สายไปแล้ว สายไปแล้ว” เสียงสั่นเครือฟัง แทบไม่ได้ศัพท์ สองแก้มนองไปด้วยน้ำตา ด้วยความรู้สึกว่า อยากขอโทษพ่อ อยากขอ อโหสิกรรม อยากให้อภัย เธอเห็นในสิ่งที่ไม่ เคยเห็น เห็นว่าเธอก็เป็นผู้กระทำ สร้างกรรม

เช่นกัน ปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกว่า เธอถูกทำกระทำ เธอรู้สึกเบาจากความรู้สึก หนักมานาน เธอโล่งจากความรู้สึกคับข้องใจ เธอเดิ น ออกจากความทุ ก ข์ ท รมาน ปลด ปล่อยกรงขังให้จิตใจเป็นอิสระ ลาออกจาก บทบาทตัวเอกของเรื่องในโศกนาฏกรรมชีวิต ที่เธอเป็นผู้เขียนบท กำกับบงการให้ตัวเอง ให้เป็นนั่นเป็นนี่ รวมทั้งตัวละครคนอื่นๆ ที่ ต้องร่วมเล่นไปด้วย เราอาจคุ้นชินและเห็นกิเลสตัวเอง ได้ไม่ยาก แต่ที่วรรณเห็นเป็นการเห็นที่น่า สรรเสริญ เพราะเห็นได้ยากกว่ากิเลสทั่วไป นั่นคืออาสวะกิเลส ซึ่งเป็นกิเลสที่ทำให้จิตขุ่น มัวหรือรับคุณธรรมได้ยาก แถมยังแอบซ่อน หลบซุกอยู่ในซอกจิตที่เป็นความจำได้หมายรู้ ที่ไม่ใช่สัญญาธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เป็นเหตุ เป็นปัจจัยร่วมกันกับสังขารหรือการปรุงแต่ง ทำให้เกิดการยึดมั่นถือมั่นหรืออุปาทานจน เป็นตัวกูของกู ที่ไม่เห็นก็ต้องโทษอวิชชาคือ ความไม่รู้ เมื่อใดรู้ เห็น ก็โปร่ง โล่ง เบา เพราะปล่อยไป เพราะวางลง ซึ่งอาสวะกิเลส นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในอดีตของชาตินี้เท่านั้น หาก แต่ เ กิ ด สะสมมาไม่ ร ู ้ ก ี ่ ภ พกี ่ ช าติ แ ล้ ว ก็ ไ ม่ ร ู ้ เฮ้อ! การเกิดเป็นทุกข์จริงๆ เลยนะครับ อาสวะกิเลส จัดแบ่งออกเป็น 5 กอง ด้วยกัน คือ

[21]

กองที่ 1 ความโศรก ความเศร้า ความแห้งใจ อันเกิดจากการพลัดพราก การ สูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบ ทั้งบุคคล วัตถุ ทรัพย์สิน ลาภ ยศ สรรเสริญ กองที่ 2 การคร่ำครวญ ความร่ำไร รำพัน ในความสนุก ความสบาย ลาภ สรรเสริญ รสสัมผัสประณีตที่ถูกใจทั้งหลาย ทั้งปวง หรือความพึงพอใจที่เคยเกิดขึ้น เคย มี เคยเป็น กองที่ 3 ความกังวล ความกลัว ความไม่ชอบความเจ็บปวด อันเกิดแต่กาย อันไม่สำราญเป็นเหตุ ความไม่อยากให้เกิด ไม่อยากให้เป็นในสิ่งที่รู้ จึงกลัว จึงกังวล ไม่ อยากเจ็บ ไม่อยากตาย กองที่ 4 ความไม่ชอบใจ ความ กังวลใจ ความไม่สบายใจ ความไม่เป็นไป ตามปรารถนา ความไม่สำราญทางจิต กองที่ 5 ความคับแค้น ความขุ่น ข้อง ความขัดเคืองใจ ความไม่พอใจ โทสะ ต่างๆ ในสิ่งต่าง ๆ ผมอยากชวนให้ทุกคนได้มีโอกาส ใคร่ครวญชีวิตของตัวเองเพื่อให้เป็นไปตาม เจตนารมณ์ ข องคนต้ น เรื ่ อ ง ที ่ อ ยากแชร์ ประสบการณ์ชีวิตจริงให้ได้เป็นข้อคิด เตือน ใจในการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ขอ อนุโมทนา...สาธุครับ


©ฉºบÑัºบÁมËหÒาÇวÔิ·ท∙ÂยÒาÅลÑัÂยÁมËหÒา¨จØุÌฬÒาÅล§ง¡กÃร³ณÃรÒาªชÇวÔิ·ท∙ÂยÒาÅลÑัÂย

¾พÃรÐะäไµตÃร»ป ®ฎ¡ก áแ¡ก ‹¹น¸ธÃรÃรÁม พระไตรปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ฉฉักกสูตร ว่าด้วยธรรม 6 ประการ 6 หมวด /

ãใËห้ ¾พ Ôิ ¨จ Òา Ãร³ณÒา ÅลÐะÍอ¹นØุ Êส Ñั Âย ...ทรงอธิบายต่อไปว่า เพราะอาศัยจักขุ และรูป จักขุ วิญญาณจึงเกิด เพราะอาศัยโสต และเสียง โสตวิญญาณจึงเกิด เพราะอาศัยฆานะ และกลิ่น ฆานวิญญาณจึงเกิด เพราะอาศัยชิวหา และรส ชิวหาวิญญาณจึงเกิด เพราะอาศัยกาย และโผฏฐัพพะ กาย วิญญาณจึงเกิด เพราะอาศัยมโน และธรรมารมณ์ มโนวิญญาณจึงเกิด ความประจวบแห่งธรรม 3 เป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขที่สัตว์เสวย จึงเกิด เขา อันสุขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเพลิดเพลิน ชมเชย ยิ่งติด บุคคลนั้นชื่อว่า มีราคานุสัยนอนเนื่องอยู่ อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ลำบาก รำไร ทุบ อก คร่ำครวญถึงความลุ่มหลง เขา ชื่อว่า มีปฏิฆานุสัยนอนเนื่องอยู่

อันอทุกขมสุขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่รู้ชัดถึงความเกิด ขึ้น ความเสื่อมไป คุณ โทษ และธรรมเป็นเครื่องสลัดออกจากเวทนา นั้นตามความเป็นจริง เขา ชื่อว่ามีอวิชชานุสัยนอนเนื่องอยู่ เป็นไปไม่ได้ ที่บุคคลผู้ยังละราคานุสัยเพราะสุขเวทนาไม่ได้ ยังบรรเทาปฏิฆานุสัยเพราะทุกขเวทนาไม่ได้ ยังถอนอวิชชานุสัยเพ ราะอทุกขมสุขเวทนาไม่ได้ ยังละอวิชชาแล้วทำวิชชาให้เกิดไม่ได้ จัก เป็นผู้กระทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน ทรงสรุปว่า ผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย แม้ใน จักขุ แม้ในรูป แม้ในจักขุวิญญาณ แม้ในจักขุสัมผัส แม้ในเวทนา แม้ ในตัณหา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในโสตะ ในฆานะ ในชิวหา ในกาย ใน มโน... เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคายกำหนัด เพราะคายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็รู้ว่า “หลุดพ้นแล้ว” รู้ชัดว่า ชาติสิ้น แล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อ ความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป เมื่อพระผู้มีพระภาคอธิบายจบ ภิกษุเหล่านั้นต่างมีใจยินดี ชื่นชมพระพุทธภาษิตนี้ ขณะที่พระผู้มีพระภาคอธิบายอยู่ จิตของ ภิกษุประมาณ 60 รูป ได้หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ยึดมั่น

[22]


ÊสÍอ§ง´ดÇว§ง¨จÑั¹น·ท∙Ãร  ผู้เขียน : ชารอน ครีช ผู้แปล : รัตนา รัตนดิลกชัย

âโ´ดÂย ¡กÍอ§งºบÃรÃร³ณÒา¸ธÔิ¡กÒาÃร

อาจมีหลายครั้งหลายหนเหลือเกินในชีวิต ที่เราด่วนตัดสิน ใครทั้งที่ยังไม่ได้รู้จักเขา ไม่ได้ล่วงรู้ความเป็นมา..กระทั่งความคิด ของเขาเลย เราก็ด่วนสรุปเสียแล้วว่าเขาไม่ควรทำอย่างนั้น อย่างนี้ โดยลืมคิดไปว่าหากเราเป็นเขาล่ะ หากเราไปยืนอยู่พื้นที่ตรงนั้น และพบเจอสถานการณ์เดียวกันในขณะที่มีเบ้าหลอมแห่งตัวตนแบบ เดียวกับเขา เราก็อาจจะทำไม่ต่างจากเขาเลย . . . “สองดวงจันทร์” งานวรรณกรรมเยาวชน ที่แม้ไม่อ่านเจอ บนปกหน้าว่ามีรางวัลวรรณกรรมเยาวชนถึง 4 รางวัลยอดเยี่ยม มอบให้ ฉันก็แอบมอบรางวัลส่วนตัวให้เพียงแค่ได้อ่านในบทแรกๆ แล้ว กับเรื่องราวความรัก การพลัดพราก และการแสวงหาตัว ตนของ ซาลามานคา ฮิดเดิล เด็กผู้หญิงวัย 13 ปี ที่ออกเดินทาง โดยรถยนต์ไปกับปู่และย่าเพื่อออกตามหาแม่ที่หายตัวไป ระหว่าง ทางเธอก็ได้เล่าเรื่องของเพื่อนที่โรงเรียนที่ชื่อฟีบี้ซึ่งแม่หายตัวไป จากบ้านให้ปู่กับย่าฟัง แล้วจึงได้ค้นพบว่าในเรื่องราวของฟีบี้นั้น ก็มี เรื่องราวของตัวเธอซ้อนทับอยู่เช่นกัน คล้ายกับในบางครั้งที่เรา อาจมองไม่เห็นสิ่งที่เราเป็นได้ถนัดนัก ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ของใคร อีกคนเกิดขึ้น และการกระทำของใครคนนั้นก็เปรียบเสมือนกระจก ที่สะท้อนให้เราเห็นตัวเราเองชัดขึ้น ผู้เขียนใช้ภาษาได้อย่างเรียบง่าย ทว่าสะท้านสะเทือนนัก ในความรู้สึก กับการผูกโยงเรื่องราวอย่างซับซ้อนแต่กลมกลืน ขณะ

หนังสือแนะนํา

อ่านเราจึงเหมือนได้เดินทาง ไปพร้อมๆ กับตัวหนังสือเหล่า นั้น ได้พบเห็นสถานที่ใน จินตนาการ และในบางช่วง บางตอนเราก็อาจได้พบเจอตัว เราเองที ่ ท ั บ ซ้ อ นอยู ่ ใ นเรื ่ อ ง ราวเหล่านั้นด้วยก็เป็นได้ ทำให้ เ มื ่ อ อ่ า นตั ว หนังสือสุดท้ายจบลง จึง เหมือนได้ค่อยๆเดินทางกลับสู่ ภายในอี ก ครั ้ ง เพื ่ อ ตอบ คำถามที่เคยโยนทิ้งไว้ในหัวใจ ยามที่พบเจอบางเรื่องราวในชีวิต กับการกระทำของผู้คนที่เคยสร้างความกังขา และทำให้เราแอบ พิพากษาอย่างเงียบๆอยู่ในใจเสมอมา เพราะแท้ที่จริงแล้วสำหรับบางคำถาม.. โลกก็ไม่ได้ซ่อนคำ ตอบไว้อย่างซับซ้อนอะไรมากมายเลยหากเรามองอย่างเข้าใจได้ ดัง ที่คำโปรยบนปกหน้าของหนังสือเล่มนี้บอกไว้แล้วว่า..“อย่าได้ตัดสิน ใคร จนกว่าจะได้ใส่รองเท้าม็อคคาซิน ของเขาเดินสองดวงจันทร์”

ËหÁมÍอ»ปÒา¡กËหÁมÒา àเÅล ‹Áม 1 สถาบันโยคะฯ อยู่ในเครือข่าย ของมูลนิธิหมอชาวบ้าน ซึ่ง ภาระหน้าที่หลักคือ ทำให้คน พึ่งตนเองทางด้านสุขภาพมาก ขึ้น หรือถ้าพูดภาษาดิบๆ ก็คือ ทำให้คนพึ่งหมอให้น้อยลง ซึ่ง ปกหนังสือเล่มนี้โปรยไว้ว่า “เรื่อง จริงที่อาจไม่เป็นที่ถูกใจของคนส่วนน้อยบางกลุ่ม แต่เป็นประโยชน์ ต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ / สาระน่ารู้เรื่องสุขภาพที่หมอหลาย คนไม่ ได้บอกคนไข้ หรือบอกแต่บอกไม่หมด” ตรงประเด็นเลย รวมเรื่องสั้นของคุณหมอ มี 8 บท 1 เตรียมตัวไปหาหมอ 2 หมอ...นักบุญหรือคนบาป? 3 ดุลยพินิจของหมอ 4 อย่าไว้ใจ หมอ 5 วางเข็มฉีดยาเถอะหมอ 6 หมอ ขอน้ำเกลือหน่อย 7 โรคที่ ไม่ต้องไปหาหมอ 8 โรคและอาการต่างๆ

โดย นายแพทย์พินิจ ลิ้มสุคนธ์ สนพ ดวงกมลพับลิชชิ่ง ลองดูทัศนะความคิดของหมอนะครับ “ค่าวิชาของหมอ พวกเรา (ประชาชน) ได้ชำระล่วงหน้าไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยการเสีย ภาษีให้รัฐนำไปผลิตแพทย์ หมอจะมาถอนทุนไม่ได้ ต้องเป็นการใช้ หนี้คืนจึงจะถูกต้อง” คือจุดยืนของผู้เขียนที่ว่าไว้ในบทที่ 2 บทที่ 5 มีโจ๊กที่ขำไม่ออก ลูกหมอคนหนึ่งเป็นหวัด เมีย ถามว่าจะไม่ตรวจลูกหน่อยเหรอ หมอตอบว่า “จะต้องตรวจอะไร อาการมันชัดอยู่แล้วว่าเป็นหวัดธรรมดา” เมียหมอยังไม่วางใจ “จะ ไม่ฉีดยาลูกสักเข็ม?” “ไม่” “อ้าว แล้วทำไมคนไข้ที่ร้านฉีดยาเกือบ ทุกราย” หมอตอบว่า “นั่นมันคนไข้ แต่นี่มันลูกเรา” นพ.พินิจทำงานรักษาอยู่ที่เชียงใหม่ จัดรายการวิทยุด้วย มีสโลแกนประจำรายการวิทยุว่า “อย่าใช้ยามาก อย่าอยากฉีดยา อย่าบ้าหาหมอ” ลองหาอ่านดูครับ เขาพิมพ์ครั้งที่ 14 แล้ว หรือมา ยืมอ่านได้ที่สำนักงานสถาบันฯ

[23]


âโ´ดÂย ³ณÑั°ฐËห·ท∙ÑัÂย

ºบÑั¹น·ท∙Öึ¡ก·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ “ãใ¹นÇวÔิ¶ถÕี·ท∙Òา§ง¸ธÃรÃรÁม ·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ¢ขÍอ§ง©ฉÑั¹นäไÁม ‹ãใªช ‹àเÃร×ื่Íอ§งºบÑั§งàเÍอÔิ­Þญ”

¡ก ‹Íอ¹นÍอ×ืè่¹นµต ŒÍอ§ง¢ขÍอÍอÍอ¡กµตÑัÇว¡ก ‹Íอ¹นÇว ‹Òา àเ»ป š¹น¤คÇวÒาÁมàเªช×ืè่ÍอÊส ‹Çว¹นµตÑัÇว àเ¾พÃรÒาÐะµตÅลÍอ´ดªชÕีÇวÔิµต·ท∙Õีè่¼ผ ‹Òา¹นÁมÒา ÁมÕีàเËหµตØุ¡กÒาÃร³ณ ÍอÂยÙู ‹ËหÅลÒาÂย ÍอÂย ‹Òา§ง·ท∙Õีè่àเ¡กÔิ´ด¢ขÖึé้¹น¡กÑัºบµตÑัÇวàเÍอ§งËหÃร×ืÍอ¼ผÙู Œ¤ค¹นÃรÍอºบ¢ข ŒÒา§ง ·ท∙Õีè่àเÃรÒาäไÁม ‹ÊสÒาÁมÒาÃร¶ถËหÒา¤คÓำµตÍอºบäไ´ด Œ ãใ¹นáแ§ง ‹¤คÔิ´ด·ท∙Òา§งÇวÔิ·ท∙ÂยÒาÈศÒาÊสµตÃร  áแµต ‹àเÃรÒาÊสÒาÁมÒาÃร¶ถ àเ¢ข ŒÒาãใ¨จäไ´ด Œ ãใ¹น·ท∙Òา§ง¸ธÃรÃรÁม ¹นÕีè่¨จÖึ§งàเ»ป š¹น·ท∙Õีè่ÁมÒา·ท∙Õีè่¤คÔิ´ดÇว ‹Òา§งÒา¹นÇวÔิ¨จÑัÂยªชÔิé้¹น¹นÕีé้·ท∙Õีè่àเ¡กÔิ´ด¢ขÖึé้¹นäไ´ด Œ ÁมÑั¹นäไÁม ‹ ãใªช ‹àเÃร×ืè่Íอ§งºบÑั§งàเÍอÔิ­Þญ ÍอÂยÒา¡ก¢ขÍอãใªช Œ¤คÓำÇว ‹Òา ¸ธÃรÃรÁม ÁมÐะ¨จÑั´ดÊสÃรÃร àเ¾พÃรÒาÐะµตÑัé้§งáแµต ‹ÃรÙู ŒÇว ‹Òา¨จÐะµต ŒÍอ§ง·ท∙Óำ§งÒา¹นÇวÔิ¨จÑัÂย ¡กç็àเÃรÔิè่Áม¤คÔิ´ดàเÃร×ืè่Íอ§ง·ท∙Õีè่¨จÐะ·ท∙ÓำµตÑัé้§งáแµต ‹ÂยÑั§งäไÁม ‹ äไ´ด Œàเ»ป ´ดàเÃรÕีÂย¹น ¤คÔิ´ดÁมÒาàเÃร×ืè่ÍอÂยæๆ «ซÖึè่§งÁมÕี ËหÅลÒาÂยàเÃร×ืè่Íอ§ง·ท∙Õีè่¤คÔิ´ด¨จÐะ·ท∙Óำ áแµต ‹ ãใ¹น¤คÇวÒาÁมÃรÙู ŒÊสÖึ¡กÁมÑั¹นÂยÑั§งäไÁม ‹ ãใªช ‹ ¡กç็àเÅลÂยÂยÑั§งäไÁม ‹¤คÔิ´ด·ท∙Õีè่¨จÐะàเÊส¹นÍอªช×ืè่ÍอàเÃร×ืè่Íอ§ง «ซÖึè่§ง§งÒา¹นÇวÔิ¨จÑัÂย·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ¡กç็äไÁม ‹àเ¤คÂยÁมÕี ÍอÂยÙู ‹ ãใ¹น¤คÇวÒาÁม¤คÔิ´ดàเÅลÂย ¨จ¹น¡กÃรÐะ·ท∙Ñัè่§งãใ¹นàเÊสÒาÃร ÇวÑั¹นËห¹นÖึè่§ง ËหÅลÑั§ง¡กÅลÑัºบ¨จÒา¡ก¡กÒาÃรäไ»ปàเ¢ข ŒÒา¤ค ‹ÒาÂยàเ»ป ´ด¤คÍอÃร ÊสàเÃรÕีÂย¹นäไ´ด Œ»ปÃรÐะÁมÒา³ณ 1 àเ´ด×ืÍอ¹น ¤คÃรÙู¡กç็ÁมÒาàเµต×ืÍอ¹น ÊสÓำËหÃรÑัºบ¤ค¹น·ท∙Õีè่ÂยÑั§งäไÁม ‹Êส ‹§งªช×ืè่ÍอàเÃร×ืè่Íอ§ง ãใ¹นµตÍอ¹น¹นÑัé้¹นÃรÙู ŒÊสÖึ¡ก¡ก´ด´ดÑั¹นÁมÒา¡ก àเ¾พÃรÒาÐะàเÃรÒาàเ»ป š¹นËห¹นÖึè่§งãใ¹นäไÁม ‹¡กÕีè่¤ค¹น·ท∙Õีè่ÂยÑั§งäไÁม ‹ äไ´ด ŒÊส ‹§งªช×ืè่ÍอàเÃร×ืè่Íอ§ง áแµต ‹áแÅล ŒÇว ¨จÙู ‹æๆ àเÃร×ืè่Íอ§งÇวÔิ¨จÑัÂย·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ¡กç็¼ผØุ´ด¢ขÖึé้¹นÁมÒาãใ¹นÊสÁมÍอ§งâโ´ดÂยäไÁม ‹·ท∙Ñั¹นµตÑัé้§งµตÑัÇว ¾พÃร ŒÍอÁม¡กÑัºบ»ปÒา¡ก·ท∙Õีè่àเ»ป ´ดÍอÍอ¡กâโ´ดÂยÍอÑัµตâโ¹นÁมÑัµตÔิ àเ¾พ×ืè่Íอ·ท∙Õีè่¨จÐะ¢ขÍอ¤คÇวÒาÁม ¤คÔิ´ดàเËหç็¹น¨จÒา¡ก¤คÃรÙูÇว ‹Òา·ท∙ÓำÇวÔิ¨จÑัÂยàเÃร×ืè่Íอ§ง·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ´ดÕีÁมÑัé้Âย ¤คÃรÙู¡กç็ÃรÕีºบµตÍอºบÃรÑัºบÇว ‹Òา "´ดÕี ÂยÑั§งäไÁม ‹ÁมÕี ãใ¤คÃรàเ¤คÂย·ท∙ÓำàเÅลÂย" àเËหµตØุ¡กÒาÃร³ณ àเËหÁม×ืÍอ¹นàเ¡กÔิ´ด¢ขÖึé้¹นäไÁม ‹¶ถÖึ§ง 5 ¹นÒา·ท∙Õี àเ»ป š¹นÍอÑั¹นÇว ‹Òา³ณÑั°ฐ¨จÐะ·ท∙ÓำÇวÔิ¨จÑัÂยàเÃร×ืè่Íอ§ง·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ ·ท∙Ñัé้§งæๆ ·ท∙Õีè่ÂยÑั§งäไÁม ‹ÁมÕีÍอÐะäไÃรÍอÂยÙู ‹ ãใ¹นËหÑัÇว àเÅลÂย áแµต ‹àเÁม×ืè่Íอ¾พÙู´ดÍอÍอ¡กäไ»ปáแÅล ŒÇวáแÅลÐะ¤คÃรÙู¡กç็ÃรÑัºบÃรÙู ŒáแÅล ŒÇว ·ท∙Øุ¡กÍอÂย ‹Òา§งàเÅลÂยàเËหÁม×ืÍอ¹น¢ข ŒÍอ¼ผÙู¡กÁมÑั´ด·ท∙Õีè่·ท∙ÓำãใËห ŒàเÃรÒาµต ŒÍอ§ง´ดÓำàเ¹นÔิ¹นµต ‹Íอäไ»ปâโ´ดÂยäไÁม ‹ÁมÕี àเ§ง×ืè่Íอ¹นäไ¢ข ¹นÕีè่¨จÖึ§งàเ»ป š¹น·ท∙Õีè่ÁมÒา¢ขÍอ§ง§งÒา¹นÇวÔิ¨จÑัÂยªชÔิé้¹น¹นÕีé้ ËหÃร×ืÍอ¨จÐะºบÍอ¡กÇว ‹Òาàเ»ป š¹นäไ´ดÍอÒาÃรÕีè่àเÅล ‹ÁมáแÃร¡กãใ¹นªชÕีÇวÔิµต àเ»ป š¹น¨จØุ´ดàเÃรÔิè่Áมµต Œ¹น¢ขÍอ§งªชÕีÇวÔิµตãใËหÁม ‹ÍอÑั¹นÊสØุ¢ข Êส§งºบ àเ»ป š¹นàเÃร×ืè่Íอ§ง«ซÖึè่§งàเÃรÒา¤ค Œ¹นËหÒาÁมÒาµตÑัé้§ง¹นÒา¹นáแµต ‹ äไÁม ‹¾พºบ·ท∙Òา§งàเ´ดÔิ¹น àเ»ป š¹นªชÕีÇวÔิµต·ท∙Õีè่¡กÓำÅลÑั§งàเ´ดÔิ¹นäไ»ปÊสÙู ‹àเÊส Œ¹น·ท∙Òา§ง¢ขÍอ§ง¡กÒาÃรËหÅลØุ´ด¾พ Œ¹น«ซÖึè่§ง¨จÐะ¶ถÖึ§ง àเÁม×ืè่ÍอäไËหÃร ‹ äไÁม ‹ÁมÕี ãใ¤คÃรÃรÙู Œ áแµต ‹¡กç็ÃรÙู ŒÊสÖึ¡ก´ดÕี ãใ¨จ·ท∙Õีè่ÍอÂย ‹Òา§ง¹น ŒÍอÂยàเÃรÒาäไ´ด Œ¾พºบàเÊส Œ¹น·ท∙Òา§งàเ´ดÔิ¹นáแÅล ŒÇว ´ดÕี ãใ¨จ·ท∙Õีè่àเÃรÒาäไ´ด ŒàเÃรÔิè่Áม¡ก ŒÒาÇวáแÃร¡ก¢ขÖึé้¹นáแÅล ŒÇว áแÅลÐะ¡กç็ºบÍอ¡ก ¡กÑัºบµตÑัÇวàเÍอ§งÇว ‹Òา¨จÐะàเ´ดÔิ¹นµต ‹Íอäไ»ปàเÃร×ืè่ÍอÂยæๆ ´ด ŒÇวÂย¤คÇวÒาÁมàเ¾พÕีÂยÃร ªชÕีÇวÔิµต¹นÕีé้·ท∙Ñัé้§งªชÕีÇวÔิµต¨จÐะ¢ขÍอàเ´ดÔิ¹นµตÒาÁมÃรÍอÂย¾พÃรÐะºบÒา·ท∙¢ขÍอ§ง¾พÃรÐะ¾พØุ·ท∙¸ธàเ¨จ ŒÒา ¢ขÍอÍอÍอ¡กµตÑัÇว (ÍอÕี¡ก¤คÃรÑัé้§ง) Çว ‹Òา§งÒา¹นÇวÔิ¨จÑัÂยªชÔิé้¹น¹นÕีé้àเ¡กÔิ´ด¨จÒา¡ก»ปÃรÐะÊสºบ¡กÒาÃร³ณ µตÃร§ง¨จÒา¡ก¡กÒาÃร½ฝ ƒ¡ก·ท∙ ‹ÒาÈศ¾พ áแÅลÐะàเ¢ขÕีÂย¹นµตÒาÁม¤คÇวÒาÁมÃรÙู ŒÊสÖึ¡ก ·ท∙Õีè่àเ¡กÔิ´ด¢ขÖึé้¹นâโ´ดÂยäไÁม ‹ äไ´ด ŒÍอÔิ§ง·ท∙ÄฤÉษ®ฎÕี ãใ´ดæๆ ËหÒา¡กÁมÕี¢ข ŒÍอ¼ผÔิ´ด¾พÅลÒา´ด»ปÃรÐะ¡กÒาÃรãใ´ด ´ดÔิ©ฉÑั¹น¢ขÍอÍอÀภÑัÂยÁมÒา ³ณ ·ท∙Õีè่¹นÕีé้ áแÅลÐะ¨จÐะÂยÔิ¹น´ดÕีàเ»ป š¹นÍอÂย ‹Òา§งÂยÔิè่§ง ËหÒา¡กÁมÕี¢ข ŒÍอµตÔิªชÁมËหÃร×ืÍอ¤คÓำáแ¹นÐะ¹นÓำãใ´ดæๆ àเ¾พ×ืè่Íอ·ท∙Õีè่´ดÔิ©ฉÑั¹น¨จÐะäไ´ด ŒàเÃรÕีÂย¹นÃรÙู ŒáแÅลÐะàเ¡กÔิ´ด¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา ¢ขÍอ¢ขÍอºบ¤คØุ³ณÁมÒา ³ณ ·ท∙Õีè่¹นÕีé้ (àเªชÔิ­ÞญÍอ ‹Òา¹นµต ‹Íอ©ฉºบÑัºบËห¹น ŒÒา)

[24]


ºบÍอ¡กÃรÑั¡ก..áแºบºบ»ปµตÑั­ÞญÅลÕี âโ´ดÂย Åล.àเÅล Œ§ง àเÊสÕีÂย§ง¡กÃรÐะ´ดÔิ่§งËหÂย¡ก (äไÁม ‹ãใªช ‹ÁมÑั§ง¡กÃรºบÔิ¹น)

คงไปไม่ถึง มันคงจะตายก่อนในวันนั้น พอพระราชินีท่านทอด พระเนตรมาทางยายซุบและทรงทราบเรื่อง ก็บอกให้หมอที่มา ถ้านึกถึงวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ เราก็คงจะคิดถึง ด้วยตรวจดู พบหมอบอกว่าใส้ติ่งกำลังจะแตก พระองค์ท่านก็ทรง กริยากอดและหอม ของขวัญ ช็อกโกแลต กุหลาบแดง ดินเนอร์ใต้ ติดต่อไปที่ในหลวงซึ่งทรงอยู่ที่ตีนเขาอีกลูกหนึ่ง ในหลวงทรงวิ่ง แสงเทียนบนยอดตึกระฟ้า Honey moon หอมหวานที่อิตาลีใน จากตีนเขาลูกโน้น มาตั้ง 1 กิโล (เมตร) แล้วท่านก็ให้ฮ.มารับและ เรือกอนโดล่า ที่มีคนถ่อเรือร้องเพลงกล่อมคู่รักให้เพลิดเพลิน ตรัสว่า เดี๋ยวเราจะกลับทางเรือ ให้เอาคนไข้ไปส่ง (โรงพยาบาล) เจริญใจ ก่อน หมอ 2 คน ก็หิ้วปีกยายซุบไป ในหลวงไปส่งจนถึงเครื่อง แต่ถ้าคิดถึงวิธีบอกรักของปตัญชลี ต่อผู้คนมากมายที่ ก่อนประตู ฮ.จะปิด ก็มองลงมาเห็นในหลวงท่านทรงโบกพระหัตถ์ รายล้อมรอบตัวเรา ให้ดูตำราโยคสูตร บท 1 โศลก 33 ดังนี้ ให้ด้วย รู้สึกซาบซึ้งมาก หลังจากนั้นในหลวงยังส่งเงินมาให้ถึง ไมตฺรีกรุณามุทิโตเปกฺษาณำ หนึ่งปี ครั้งละ 3,000 – 5,000 บาท จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ สุขทุหฺขปุณฺยาปุณฺยวิษยานำ ภาวนาตาศฺจิตฺตปฺรสาทนมฺ เรารักในหลวงมาก ในชีวิตประจำวัน เราเห็นผู้คนรอบตัว คิดดูสิ โลกนี้จะหากษัตริย์อย่างท่านได้ที่ไหน เรา… เราเป็นแค่ชาวบ้านจนๆ แต่ท่านห่วงเราเหมือนเป็น ที่มีความสุขกว่าเรา ลูกของท่าน ท่านทรงเสียสละ แม้กระทั่งของส่วน บ้างมีความสุขน้อยกว่าเรา พระองค์ ทรงยอมลำบากกลับทางเรือเพื่อคน บ้างก็ทำสิ่งที่ควรค่าแก่การ อย่างเรา (ฮ.ให้ยายซุบนั่งไปแล้ว) àเÅล ‹ÒาàเÃร×ื่Íอ§ง ยกย่อง ยายซุบอายตัวเองว่า ในขณะที่ท่าน บ้างก็ทำให้เกิดปัญหา ให้ชีวิตใหม่กับเรา แต่เรากลับช่วยท่านไม่ได้เลย ไม่ว่าเราจะมีทัศนะคติต่อคนเหล่า ตอนที่ในหลวงป่วยก็ไม่มีเงิน ไม่มีปัญญาไปเฝ้า ได้ นั้นและการกระทำ ของเขาอย่างไร ถ้าเรา แต่ช่วยเหลือคนใกล้ตัว เวลาคนในหมู่บ้านป่วยก็ไป สามารถ.... เยี่ยม ถึงไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ญาติ ก็ไปพูดคุยให้กำลังใจ ไปบีบ ยินดี กับ คนที่มีความสุขกว่าเรา นวดให้ นี่คือสิ่งที่ในหลวงให้เรา แล้วเราก็ให้คนอื่นต่อไป (หน้า กรุณาต่อคนที่ไม่มีความสุข 18-24 จากหนังสือ ๓ ร้อยพันบริหารจาก อีเมล์ ของ ยอดเยี่ยม อนุโมทนาต่อคนที่ทำสิ่งที่ควรค่าแก่การยกย่อง เทพธรานนท์ และวางเฉยไม่หวั่นไหวรำคาญใจในความผิดพลาด 3.มุฑิตา... คนอื่นทำบุญได้บุญไปแล้ว... แต่เรายังไม่ได้ ของผู้อื่น จิตใจของเราจะสงบยิ่ง (หัวใจแห่งโยคะ ที.เค.วี เทสิกา ทำอะไรเลย โกรธมัน เกลียดมัน ข้ามหน้าข้ามตาเราไป คนอื่นตื่น จารย์ เขียน ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์ แปล) มาตักบาตรแต่เช้า เรานอนตื่นสาย ยังไม่ได้ตักบาตรเลย คนอื่น ถ้าอ่านโศลกนี้แล้วยังไม่ซึ้ง ยังไม่รู้ว่าจะบอกรักคนข้าง ไปนั่งสมาธิ 10 วัน หลายรอบแล้ว เรายังนั่งเฉยอยู่เลย ทนนั่ง ตัวอย่างไร ให้ไปอ่านหนังสือของ BKS Iyengar: Light on Yoga นิ่งๆ ไม่ไหว ตั้ง 10 วันตายแน่ๆ แค่คิดก็สยองแล้ว ไม่ต้องโกรธ หน้า 26-27 เค้าบอกว่า ตัวเองเกลียดตัวเอง รู้สึกแย่กับตัวเอง ให้ “อนุโมทนาบุญ” ขอ 1.ไมตรี... ไม่ใช่แค่เป็นมิตร แค่ผิวๆ เปลือกๆ แต่ต้อง copy บุญของเค้ามาสถิตย์ในใจเราด้วย วิธีของคนขี้เกียจนะเนี๊ยะ รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับคนคนนั้น เหมือนแม่ยินดีกับความ สำเร็จ 4. อุเบกขา... ถ้าเราเจอคนบาปกำลังตกทุกข์ได้ยาก ของลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง จะเปลี่ยนศัตรูคู่อาฆาต เพราะบาปกรรมที่ทำไว้ เช่น เด็กช่างกลตีกัน แล้วถูกจับเข้าคุก ให้กลายเป็นมิตรผู้มีอุปการะคุณในภายภาคหน้า ไม่ต้องไปสมน้ำหน้าพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน แต่ให้ทบทวน ตนเองว่า 2.กรุณา... ไม่ใช่แค่สงสาร แต่ต้องทุ่มเท ช่วยเหลือ (คน เวลาเราโกรธ เราทะเลาะและด่ า ทอกั บ ชาวบ้ า นไหม เรามี ที่ตกทุกข์ได้ยาก) ด้วยกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา บางที ปฏิกิริยาโต้ตอบกับคนที่มาด่าเรา มาดูถูกเรามาทำให้เราปรี๊ดแตก แถมต้องให้เงินเค้าไปอีกด้วย จนกว่าเค้าจะพ้นทุกข์ และช่วย อย่างไร เรายังใช้การตอบโต้แบบ ตา-ต่อ-ตา ฟัน – ต่อ–ฟัน แบบ เหลือตัวเองได้ ดังกรณีที่ในหลวงของเราได้ช่วยเหลือ ยายซุบ เด็กช่างกลไหม ให้ไปทบทวนตนเอง ไม่ใช่ให้ไปซ้ำเติมเค้าคนอื่น สามร้อยยอด หญิงชาวบ้านวัย 70 ปี แห่งบ้านคุ้งโตนด อ.กุยบุรี สรุปว่าวาเลนไทน์ปีนี้ ขออวยพรให้คนอ่านที่รักทุกคน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยายซุบเล่าว่า... “เมื่อ 40 ปีก่อน ตอนที่ไปรับ ค้นพบแนวทางบอกรักคนใกล้ตัวของตัวเองให้พบนะ อย่าปล่อย เสด็จนั้น ปวดท้องมาก ที่จริงก็ปวดมาตั้งครึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่มี เวลาไปเฉยๆ อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ ทำปราณายามะบ้างก็ยังดี ปัญญาไปหาหมอ ที่หมู่บ้านยังไม่มีถนนที่จะติดต่อกับโลกข้าง จิตใจจะได้คืนสู่สมดุลมีความปีติ และเป็นสุขอยู่ในใจ สาธุ... นอก... จะไปหาหมอก็ลำบาก น้ำก็แห้ง เรือเครื่องก็ไม่มี ถ้าไปก็ สาธุ

àเÅล Œ§ง

[25]


µตÓำÃรÒาâโÂย¤คÐะ´ดÑั้§งàเ´ดÔิÁม âโ´ดÂย ÇวÕีÃรÐะ¾พ§งÉษ  äไ¡กÃรÇวÔิ·ท∙Âย  áแÅลÐะ¨จÔิÃรÇวÃรÃร³ณ µตÑั้§ง¨จÔิµตàเÁม¸ธÕี áแ»ปÅลáแÅลÐะàเÃรÕีÂยºบàเÃรÕีÂย§ง อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่ง เหล่านี้ โดยไม่มีความจำเป็น ซึ่งมันอาจจะ เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับ มาถึงตัวเราในอนาคตข้างหน้า (แต่คนเรา ตามกฎของสาง มักจะวิตกกังวลไปล่วงหน้าแล้ว ไม่ว่าสิ่งนั้น ข ย ะ แ ล ะ จะเกิดหรือไม่ก็ตาม – ผู้แปล) ดังนั้นตาปะ โ ย ค ะ ท ี ่ (ความกังวล)จึงดูเหมือนจะเป็นเหตุปัจจัยที่ ก ล ่ า ว ว ่ า สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดความทุกข์ สัมสการะคือ สิ่งตกค้างที่ประทับ ประกฤติ2มี อยู่ในจิตซึ่งหลงเหลืออยู่ในจิตส่วนที่เป็นกรร 3 ก า ร มาศยะ อันเกิดจากกรรมที่ได้ทำไป แม้ว่า เปลี ่ ย นแปลง เราจะไม่เข้าใจมันได้ง่ายนัก แต่ทุกๆ การก อยู่เสมอ ตราบใด ระทำซึ่งสร้างสัมสการะหรือสิ่งประทับในจิต ที่การเปลี่ยนแปลงนั้น จะนำไปสู่การสร้างนิสัยบางอย่างขึ้นมา ถึง ยั ง ไม่ อ าจรั บ รู ้ แ ละเข้ า ใจได้ เราก็ ย ั ง ไม่ แม้ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ตระหนักถึงมัน ความรู้สึกสูญเสียและความ ก็ตาม กระบวนการสร้างสัมสการะนี้ก็จะ ทุกข์ที่ตามมาจึงยังไม่เกิดขึ้น เว้นแต่เมื่อการ สร้างนิสัยความเคยชินในระดับเล็กๆ ขึ้นมา เปลี่ยนแปลงนั้นมีระดับที่รุนแรงและชัดเจน ได้ง่ายถ้ามีโอกาสที่จะกระทำเหตุการณ์นั้น ขึ้น เมื่อนั้นเราจึงตระหนักว่าเรากำลังสูญเสีย ซ้ำอีก ในอีกแง่หนึ่งถ้าในโอกาสที่จะกระทำ บางสิ่งบางอย่างและเริ่มที่จะรู้สึกเสียใจต่อสิ่ง เหตุการณ์นั้นซ้ำ เกิดมีการเปลี่ยนแปลงบาง ที่สูญเสียนั้น ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็น ส ิ ่ ง บ า ง อ ย ่ า ง ท ี ่ แ ต ก ต ่ า ง อ อ ก ไ ป จ า ก ลักษณะพื้นฐานของทุกสิ่ง (ประกฤติ)ในโลก ประสบการณ์ หรือความเคยชินเดิม ความ ที่มองเห็นจับต้องได้ จะนำไปสู่ความรู้สึกสูญ รู ้ ส ึ ก ยุ ่ ง ยากบางอย่ า งจะเกิ ด ขึ ้ น ในขณะที ่ เสียและความทุกข์ ในช่วงใดช่วงหนึ่งของ กระทำเหตุการณ์นั้น และจะเกิดการปรับตัว กระบวนการเปลี่ยนแปลงเสมอ ฉะนั้นการ ปรับนิสัยใหม่ก่อนที่จะกระทำเหตุการณ์นั้น เปลี่ยนแปลง (ปริณามะ) ก็คือเหตุปัจจัยอัน ให้ลุล่วงไป ดังนั้น การปรับตัวหรือการปรับ แท้จริงที่ก่อให้เกิดความทุกข์ ส่วนตาปะและสัมสการะซึ่งเป็นเหตุ นิสัยใหม่จากความเคยชินเดิม จึงเปรียบ ปัจจัยอีก 2 ประการที่ก่อให้เกิดความทุกข์ เหมือนอุปสรรคต่อการกระทำเหตุการณ์ที่ นั้น ก็เป็นเพียงแง่มุมที่แตกต่างออกไปของ เปลี่ยนไปจากเดิมนั้น ยิ่งมีเหตุปัจจัยที่ก่อให้ ตั ว ปริ ณ ามะ ตาปะคื อ ความวิ ต กกั ง วลที ่ เกิดความยุ่งยากหรือไม่สะดวกสบายมาก รุนแรงเป็นผลของความกลัวการสูญเสียสิ่งที่ เท่ า ไร เราก็ จ ะยิ ่ ง รู ้ ส ึ ก ทุ ก ข์ ท รมานมาก เรารัก และที่ได้กล่าวไปแล้วว่าความสูญเสีย เท่ า นั ้ น สั ม สการะซึ ่ ง เห็ น ชั ด แล้ ว ว่ า เป็ น นี้ ก็เป็นเพียงจุดสุดท้ายของกระบวนการ อุ ป สรรคเมื ่ อ ต้ อ งเผชิ ญ กั บ สถานการณ์ ท ี ่ เปลี่ยนแปลง บ่อยครั้งที่ส่วนใหญ่แล้วความ เปลี่ยนแปลงไป จึงนำมาซึ่งความทุกข์ ด้วยเหตุนี้ปริณามะ ตาปะ และสัม สัมพันธ์อันใกล้ชิด(ของความวิตกกังวลและ ความกลัวการสูญเสีย) นี้ไม่อาจรับรู้ได้ง่าย สการะซึ่งเป็นแง่มุมที่แตกต่างกันของสิ่งๆ นัก ความวิตกกังวลที่รุนแรงนี้ดูเหมือนจะ เดียวกัน แท้จริงก็คือ วงจรของการเกิดและ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ต้องสงสัย การเสื่อมสลาย (กฎแห่งการเปลี่ยนแปลง เลยว่าสิ่งนี้จะนำความเจ็บปวดและความโศก ของสรรพสิ่ง – ผู้แปล) ได้สร้างช่องทางหนึ่ง เศร้ามาสู่ชีวิตของเรา ผู้คนจำนวนมากมักจะ ที่ทำให้ความทุกข์ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา วิตกกังวลต่อการสูญเสียและความทุกข์ยาก ได้ เหตุปัจจัยทั้งสามอย่างที่ทำให้เกิดทุกข์นี้

ÊสÍอ§งªช ‹Íอ§ง·ท∙Òา§ง ¢ขÍอ§งàเËหµตØุáแËห ‹§ง·ท∙Øุ¡ก¢ข  ความตอนที ่ แ ล้ ว สรุ ป ว่ า กิ เ ลสหรื อ กรรมเป็ น มู ล เหตุ ใ ห้ ม ี ก ารเกิ ด (ชาติ) ช่วงชีวิต และประสบการณ์ชีวิตซึ่งจะ นำไปสู่ผลที่เป็นความสุขหรือความทุกข์ ก็ ขึ้นอยู่กับกรรมนั้นว่าเป็นกรรมดีหรือกรรม ชั่ว โยคสูตรประโยคที่ ๒:๑๕ “ปริณามะ-ตาปะ-สัมสการะ-ทุห์ไขร-คุณ ะ-วฤตติ-วิโรธาจ-จะ ทุห์ขะเมวะ สรรวัม วิเวกินะห์” แปลว่า ความทุกข์มีเหตุมาจาก การเปลี่ยนแปลง ความวิตกกังวลที่รุนแรง และสัมสการะ(สิ่งที่ประทับอยู่ในจิตซึ่งเกิด จากกรรม) และ (ความทุกข์) ก็มาจากความ ขัดแย้งระหว่างคุณะ1 (คุณะมีอิทธิพลต่อ ธรรมชาติของมนุษย์) กับวฤตติ(การปรุงแต่ง ของจิตในขณะใดขณะหนึ่ง) สำหรับคนที่ วิเคราะห์แยกแยะได้อย่างนี้จะเห็นว่า (เหตุ) ทั้งหมดนี้คือความทุกข์และความเจ็บปวด ในประโยคนี ้ ป ตั ญ ชลี อ ธิ บ ายถึ ง กลไกการเกิดทุกข์ในชีวิตของคนเรา ช่อง ทางแรกนั้นเกิดจากปริณามะ-ตาปะ-สัมสกา ระ ปริณามะในปรัชญาโยคะหมายถึง การ เปลี่ยนแปลง นี่เป็นสาเหตุหรือเหตุปัจจัย หนึ่งของการเกิดทุกข์ (ความเจ็บปวด) เรามี ความทุกข์เมื่อเราสูญเสียบางสิ่งอันมีค่าหรือ เป็นที่รัก เช่น ความตายของคนที่เรารัก แต่ ความทุกข์ความเจ็บปวดเหล่านี้ เป็นผล สุ ด ท้ า ยของการเปลี ่ ย นแปลงที ่ ด ำเนิ น มา อย่างช้าๆ ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นหรือปรากฏนั้น ต้องดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดตามกฎธรรมชาติ

[26]


ยิ ่ ง จะได้ ร ั บ ความใส่ ใ จมากขึ ้ น เมื ่ อ ไป เกี ่ ย วข้ อ งกั บ โลกแห่ ง ปรากฏการณ์ ห รื อ โลกภายนอกที่แวดล้อมเราอยู่ และไม่ต้อง สงสัยเลยว่าโลกภายนอกในที่นี้ ตามความ เข้าใจในความหมายเฉพาะก็หมายถึงโลก ภายนอกตัวเรา ดังนั้นแม้แต่ร่างกาย จิต และการกระทำของเราก็เป็นเรื่องภายนอก ในบริบทนี้ (ในฐานะที่กายจิตของเราก็เป็น ส่ ว นหนึ ่ ง ของประกฤติ แ ละเป็ น องค์ ประกอบหนึ่งของสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน – ผู้แปล) และกลไกของปริณามะ-ตาปะ-สัม สการะก็ ส ามารถนำมาอธิ บ ายโลกแห่ ง ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ได้ด้วยเช่นกัน ช่องทางที่สองที่ก่อให้เกิดทุกข์คือ คุ ณ ะ-วฤตติ - วิ โ รธะ คุ ณ ะในที ่ น ี ้ ค ื อ ธรรมชาติที่มีอิทธิพลต่อปัจเจกบุคคล ซึ่งก็ คือลักษณะบุคลิกนิสัยพื้นฐานของจิตตาม ธรรมชาติ ข องบุ ค คลที ่ ไ ม่ ส ามารถ เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ส่วนวฤตติที่เกิดขึ้นใน จิตในขณะต่างๆ นั้นเกิดจากปรากฏการณ์ หรือสิ่งภายนอกบางอย่าง และสิ่งภายนอก นี้ก็จะมีอิทธิพลต่อคุณะใดคุณะหนึ่งด้วย ว ฤตติที่ถูกสิ่งภายนอกกระตุ้นให้เกิดขึ้นนี้จะ มี ค ุ ณ ะที ่ โ ดดเด่ น ตามสิ ่ ง ภายนอกที ่ ม า กระตุ้นนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วสัดส่วนของ คุ ณ ะทั ้ ง สามในวฤตติ จ ะแตกต่ า งจาก สั ด ส่ ว นของคุ ณ ะตามธรรมชาติ ข อง ปัจเจกบุคคล ดังนั้นคนที่มีพื้นจิตเป็นสาต ตวิกะจะมีราชสิกะ หรือตามสิกะวฤตติเกิด ขึ้นในจิตที่เป็นสาตตวิกะของเขาด้วย ราช สิกะหรือตามสิกะจะถูกควบคุมโดยวฤตติที่ ถู ก กระตุ ้ น ด้ ว ยปรากฏการณ์ หรื อ ธรรมชาติของสิ่งภายนอก แม้ว่าความโดด เด่นของคุณะจะเป็นแบบเดียวกัน ทั้งใน ธรรมชาติของบุคคลและของวฤตติ แต่ก็จะ มีความแตกต่างของสัดส่วนของคุณะทั้ง

สามในจิ ต ของบุ ค คลและ ในวฤตติที่ถูกกระตุ้นให้เกิด ขึ้นเสมอ ลองพิจารณาในแง่ มุ ม ทางคณิ ต ศาสตร์ โ ดย สมมุติว่า สัดส่วนของคุณะ ของบุคคลหนึ่งเป็นสาตตวิ กะ 90% และสิ่งภายนอกที่ กระตุ้นวฤตติในจิตของเขา มีสาตตวิกะอยู่ 60% (ที่ เหลือ 40% เป็นราชสิกะ และตามสิกะรวมกัน) ว ฤตติ จ ึ ง เป็ น สาตตวิ ก ะ 60% ดั ง นั ้ น ทั ้ ง บุ ค คล และวฤตติจะถูกตีตราว่า เป็ น สาตตวิ ก ะเพราะหากดู จากทั้งสามคุณะแล้วสาตตวะคุณะเป็นคุณ ะที่โดดเด่นที่สุดทั้งในบุคคล และในวฤตติ แม้ว่าในวฤตติจะมีสาตตวิกะน้อยกว่า(คือ 60%) เมื่อเทียบกับสาตตวิกะในพื้นจิตของ บุคคลที่มีมากกว่า(คือ 90%) ดังนั้นชีวิตใน ทางปฏิ บ ั ต ิ จ ริ ง แล้ ว มั ก จะมี ค วามไม่ สอดคล้องกลมกลืนกันระหว่างสัดส่วนของ คุณะในพื้นจิตของบุคคลกับในวฤตติที่เกิด ขึ ้ น ในจิ ต ของเขาในขณะต่ า งๆ กั น ตัวอย่างเช่น คนที่เป็นสาตตวิกะที่ดี เมื่อ เผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่ไม่สอดคล้อง กั บ ธรรมชาติ พ ื ้ น ฐานของเขา ก็ เ ป็ น ธรรมดาที่เขาจะไม่ชอบทำสิ่งที่ถูกบังคับให้ ทำเหล่ า นั ้ น เพราะมั น เป็ น สิ ่ ง ที ่ ไ ม่ สอดคล้องกับพื้นจิตของเขา การทำเช่นนี้ ทำให้เกิดความสูญเสียความสงบสุขในจิต ของเขา อี ก นั ย หนึ ่ ง มั น ก่ อ ให้ เ กิ ด การ รบกวนจิตหรือความไม่สบายใจและนำไปสู่ ความทุกข์ ดังนั้นความขัดแย้งอันไม่สิ้นสุด ระหว่างสัดส่วนของคุณะในจิตของบุคคล

กับของวฤตตินี้จึงเป็นช่องทางที่สอง ที่นำความทุกข์มาสู่ชีวิต ช่องทางที่สองนี้ส่วนใหญ่จะเกิด ขึ้นภายในซึ่งเป็นการโต้ตอบของตัวจิตเอง ที่นำไปสู่ความทุกข์ ในแง่นี้ เมื่อประสบการณ์ชีวิตถูก วิเคราะห์โดยจิตซึ่งมีความสามารถที่จะคิด แยกแยะได้นั้น จึงนำไปสู่ข้อสรุปที่ไม่อาจ หลีกเลี่ยงได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะปรากฏ ในตอนต้นว่าเป็นสิ่งที่ให้ความพึงพอใจ แต่ ใ นท้ า ยที ่ ส ุ ด กลั บ กลายเป็ น เพี ย ง แหล่งที่มาของความทุกข์ ปตัญชลีดู เหมือนจะเสนอความจริง อันเดียวกันกับที่ พระพุทธเจ้าได้ทรงเคยอธิบายไว้อย่างเป็น ที่รู้จักกันดีในเรื่อง อริยสัจ ๔4 ข้อแรกที่ กล่าวเป็นสันสกฤตว่า “สรรวัม ทุห์ขัม” (หรือทุกข์ทั้งหลาย – ผู้แปล) เอกสารอ้างอิง : Karambelkar, P. V.

(1986). PATANJALA YOGA SUTRAS Sanskrta Sutras with Transliteration, Translation & Commentary. Lonavla : Kaivalyadhama, p.199-204.

1 อ่านเพิ่มเติมเรื่องของคุณะ ในโศลก ๑:๔๕ จากสารัตถะ ฉบับเดือนมกราคม ๒๕๕๔ (ผู้แปล) 2 ประกฤติ คือ แหล่งกําเนิดของสสารหรือวัตถุทุกอย่างในโลก รวมถึงกายและจิตของมนุษย์ด้วย ซึ่งมีธาตุพื้นฐานทั้ง ๕ เป็นส่วน ประกอบ ได้แก่ ธาตุดิน น้ํา ลม ไฟ และอากาศธาตุ ประกฤติมีคุณสมบัติของการเปลี่ยนแปลงเสมอ เช่น สิ่งของย่อมมีการเสื่อมและ สลายไป หรือร่างกาย-จิตใจก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนเสื่อมสลายตายไป (ผู้แปล)

3 กรรมาศยะ คือ ที่เก็บสะสมสิ่งที่ประทับลงในจิตอันเกิดจากกรรม โปรดอ่านเพิ่มเติมในโศลกที่ ๒:๑๒ ในสารัตถะ ฉบับเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ (ผู้แปล)

4 อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ ประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค โดยทุกข์คือสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงและ ทนได้ยาก สมุทัยคือเหตุแห่งทุกข์ นิโรธคือการดับทุกข์หรือภาวะที่สิ้นทุกข์ มรรคคือหนทางที่นําไปสู่การดับทุกข์ (ผู้แปล)

[27]


ÊสÃรØุ»ปºบÑั­ÞญªชÕี ยอดยกมาจาก 31 ธันวาคม 2553 งานเผยแพร่ รายรับ รายจ่าย* งานกิจกรรมอบรม รายรับ** รายจ่าย งานโยคะเดลิเวอรี่ รายรับ รายจ่าย สำนักงาน รายรับ - บริจาค รายจ่าย อื่นๆ รายรับ รายจ่าย ยอดยกไป 1 มกราคม 2555 บัญชีกระแสรายวัน บัญชีออมทรัพย์ รายรับ บัญชีออมทรัพย์ รายจ่าย

1,918,893.06 1,033,035.92 889,230.50

143,805.42

1,404,494.00

702,232.00

43,000.00

73,225.05

714,727.67

- 608,111.13

306.22

66,437.28 2,296,481.68 19,213.25 2,277,080.76 187.67 2,296,481.68 377,588.62 316,852.50 420,000.00

2,106,726.00 116,225.05 106,616.54 66,743.50

กำไรจาการดำเนินงาน *รายจ่ายฝ่ายเผยแพร่ในปี 54 มีการสั่งพิมพ์ตำราปตัญชลี ยอดเงิน **รายรับฝ่ายกกิจกรรมปี 2554 มีเงินรับล่วงหน้าจากคอร์สครูสั้นรุ่น 17

เดือน มกราคม 2555 มีผู้บริจาคสนับสนุนการทำงานของสถาบันฯ ดังนี้

APPROVED

1 คุณฐิตารีย์ สิทธิรัตนดิษฐ์ (ดาว) บริจาคสมทบค่าระฆัง

700 2 คุณกนิษฐา เชิดเกียรติวงศ์ (เปิ้ล) บริจาคสมทบค่าระฆัง 3 จากตู้บริจาค ณ สำนักงานสถาบันฯ ถนนรามคำแหง 4 ผู้เข้าอบรม ผู้สอนโยคะเพื่อการพัฒนาจิต รุ่นที่ 17 สรุปยอดบริจาคประจำเดือนมกราคม 2555 ทั้งสิ้น

700 1,600 350 3,350.- บาท

[28]


âโ»ปÃรáแ¡กÃรÁมàเ´ด็´ด 2555 ÍอºบÃรÁมâโÂย¤คÐะàเ¾พ×ื่Íอ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¨จÔิµต ËหÅลÑั¡กÊสÙูµตÃรÃรÐะÂยÐะÊสÑั้¹น 100 ªชÑั่ÇวâโÁม§ง ÃรØุ ‹¹น·ท∙Õี่ 17 ค่ายเปิด 25-29 ม.ค. และ ค่ายปิด 25 – 29 ก.พ. สวนสันติธรรม ÍอºบÃรÁมâโÂย¤คÐะàเ¾พ×ื่Íอ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¨จÔิµต ËหÅลÑั¡กÊสÙูµตÃรÃรÐะÂยÐะÊสÑั้¹น 110 ªชÑั่ÇวâโÁม§ง ÃรØุ ‹¹น·ท∙Õี่ 18 ค่ายเปิด 21-25 พ.ค. และ ค่ายปิด 6 – 11 ส.ค. สวนสันติธรรม ÍอºบÃรÁมâโÂย¤คÐะàเ¾พ×ื่Íอ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¨จÔิµต ËหÅลÑั¡กÊสÙูµตÃรÃรÐะÂยÐะÂยÒาÇว 250 ªชÑั่ÇวâโÁม§ง ÃรØุ ‹¹น 12 มศว - สวนสันติธรรม เรียนวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี เสาร์ ปฐมนิเทศ 27 มิ.ย. เริ่มเรียน 29 มิ.ย. - 22 ก.ย. ฝึกสอน 24 ก.ย. – 6 ต.ค. โดยมีค่ายเปิด 29 มิ.ย. – 1 ก.ค. และ ค่ายกิริยา 17 – 19 ส.ค. »ปÃรÒา³ณÒาÂยÒาÁมÐะµตÒาÁมµตÓำÃรÒาËห°ฐ»ปÃรÐะ·ท∙Õี»ป ¡กÒา ËหÅลÑั¡กÊสÙูµตÃร 75 ªชÑั่ÇวâโÁม§ง ÃรØุ ‹¹น·ท∙Õี่Ëห¹นÖึ่§ง มศว 2 ก.ค. – 20 ก.ย. มศว ทุกวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี เวลาเรียน 14.00-16.30 น

สอบ 8 – 13 ต.ค.

. ¡กÃรÐะºบÇว¹น¡กÒาÃรàเÃรÕีÂย¹นÃรÙู ŒªชÕีÇวÔิµต ¾พÒา¤ค¹นËหÅล§ง·ท∙Òา§ง¡กÅลÑัºบºบ ŒÒา¹น (TIR) ตามแนวทางจิตวิทยาการปรึกษาเชิงพุทธของ รศ.โสรีช์ โพธิแก้ว รุ่น 2 จำนวน 4 ครั้ง วันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ., และวันเสาร์ที่ 10, 17, 31 มี.ค. สวนโมกข์ กรุงเทพฯ TIR ËหÅลÑั¡กÊสÙูµตÃร·ท∙ºบ·ท∙Çว¹น (สำหรับผู้ผ่านการอบรมแล้ว) พบกันเดือนละครั้ง (สวนโมกข์ มศว) พฤหัสบดี 23กพ

อังคาร 13 มี.ค.

จันทร์ 30 เม.ย.

เสาร์ 19 พ.ค.

อังคาร 12 มิ.ย.

อังคาร 14 ส.ค.

เสาร์ 15 ก.ย.

อังคาร 9 ต.ค.

เสาร์ 10 พ.ย.

อังคาร 4 ธค.

เสาร์ 7 ก.ค.

âโÂย¤คÐะãใ¹นÊสÇว¹น¸ธÃรÃรÁม ณ สวนโมกข์ กรุงเทพ ทุกวันพุธที่ 1, พุธที่ 3 และ วันเสารที่ 4 ของเดือน âโÂย¤คÐะ¾พ×ื้¹น°ฐÒา¹น ที่คณะมนุษยศาสตร์ มศว ทุกวันอาทิตย์ที่ 4 ของเดือน 22 มกราคม 26 กุมภาพันธ์ 25 มีนาคม เมษายน งด 27 พฤษภาคม 24 มิถุนายน 22 กรกฎาคม 26 สิงหาคม 23 กันยายน 28 ตุลาคม 25 พฤศจิกายน 23 ธันวาคม âโÂย¤คÐะÊสÁม´ดØุÅล ที่ สำนักงานรามคำแหง วันธรรมดา วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี เช้า 10.30 – 12.00 เย็น 18.00-19.30 วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น. ÊสÑัÁมÁม¹นÒา หลักการแปล ศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ เวลา 9-00 – 12.00 น. อ.ช่อเพชร เอื้ออาภรณ์ ห้อง 221 คณะมนุษยศาสตร์ มศว เกษตรกรรมยั่งยืนกับวิถีโยคะ วันพฤหัสบดีที่15 มีนาคม โดย อ.เดชา ศิริภัทร ที่มูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณบุรี ปฎิบัติธรรม มูลนิธิพันดารา 6 – 8 เมษายน งานไหว้ครูของสถาบันฯ ที่คณะมนุษยศาสตร์ มศว วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม ประชุมวิชาการ 27 – 30 ธันวาคม 2012 หัวข้อ Yoga for the youth เมืองโลนาฟลา ประเทศอินเดีย สัมมนา (ยังไม่กำหนดวัน) เทคนิคฝึกสมองเพิ่มพลังชีวิตและความสุข โดย นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ค่ายกระบวนกร การจัดปรับสมดุลอิริยาบถจากภายใน (ชุโยชิเซ) โดยครูนันทกา เจริญธรรม การจัดการความรู้: ครูโยคะกับการทำวิจัย µตÓำÃรÒา พิมพ์ตำรา (ที่จำหน่ายหมดไป) 2 ปก โยคะกับการพัฒนามนุษย์, ศาสตร์และศิลป์แห่งโยคะ พิมพ์ตำรา (ปรับปรุงจากชีท) 4 ปก อาสนะ, หฐประทีปิกา, บันทึกสาระแห่งอาสนะ ปราณ กริยา, โยคะประยุกต์ [29]


www.thaiyogainstitute.com

¨จ´ดËหÁมÒาÂย¢ข ‹ÒาÇว âโÂย¤คÐะÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ ที่ปรึกษา กองบรรณาธิการ

ÇวÔิ¶ถÕีªชÕีÇวÔิµตàเ¾พ×ื่ÍอÊสØุ¢ขÀภÒาÇวÐะ

แก้ว วิฑูรย์เธียร ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ กวี คงภักดีพงษ์, จิรวรรณ ตั้งจิตเมธี, จีระพร ประโยชน์วิบูลย์, ชนาพร เหลืองระฆัง, ณัตฐิยา ปิยมหันต์, ณัฏฐ์วรดี ศิริกุลภัทรศรี, ธนวัชร์ เกตน์วิมุต, ธีรินทร์ อุชชิน, พรจันทร์ จันทนไพรวัน, รัฐธนันท์ พิริยะกุลชัย, วรรณวิภา มาลัยนวล, วัลลภา ณะนวล, วิสาขา ไผ่งาม, วีระพงษ์ ไกรวิทย์, ศันสนีย์ นิรามิษ, สมดุลย์ หมั่นเพียรการ, สุจิตฏา วิเชียร

สถาบันโยคะวิชาการ มูลนิธิหมอชาวบ้าน

201 ซอยรามคำแหง 36/1 บางกะปิ กทม.10240 โทรศัพท์ 02 732 2016-7, 081 401 7744 โทรสาร 02 732 2811 อีเมล์ yogasaratta@yahoo.co.th เว็บไซท์ www.thaiyogainstitute.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.