โยคะสารัตถะ 05_2012

Page 1

¨จ´ดËหÁมÒาÂย¢ข ‹ÒาÇว âโÂย¤คÐะÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ

ÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ ¾พÄฤÉษÀภÒา¤คÁม 2555

• ÇวÔิ¶ถÕีâโÂย¤คÐะ¹นÍอ¡กàเÊส×ื่Íอ¨จÒา¡ก¤คÃรÙูËห¹นÙู ªชÁมªช×ื่¹น ,¤คÃรÙูÍอ๊Íอ´ด ÇวÃรÃร³ณÇวÔิÀภÒา áแÅลÐะàเ¤คÃร×ืÍอ¢ข่ÒาÂยàเ¾พ×ื่Íอ¹น¤คÃรÙู • àเ»ปÔิ´ดáแÅล้Çว ¤คÍอÃร์Êส¤คÃรÙูâโÂย¤คÐะàเ¾พ×ื่Íอ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¨จÔิµต ËหÅลÑั¡กÊสÙูµตÃร 220 ªชÑั่ÇวâโÁม§ง • áแ§ง่§งÒาÁม ¢ขÍอ§ง ·ท∙Õี่Çว่Òา§ง ãใ¹น iYoga ªชÕีÇวÔิµตáแÍอ»ปàเ»ปÔิÅลæๆºบ¹นÇวÔิ¶ถÕีâโÂย¤คÐะ

ÊสØุ´ดÄฤ·ท∙¸ธÔิ์¡กÔิ¨จ¡กÃรÃรÁม

Ëห ŒÒาÁม¾พÅลÒา´ด

www.thaiyogainstitute.com [1]


¨จ´ดËหÁมÒาÂย¢ข ‹ÒาÇว âโÂย¤คÐะÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ ÇวÔิ¶ถÕีªชÕีÇวÔิµตàเ¾พ×ื่ÍอÊสØุ¢ขÀภÒาÇวÐะ

ÁมÕี¤ค¹น¶ถÒาÁมÍอ§ง¤ค ·ท∙ÐะäไÅล ÅลÒาÁมÐะ Çว ‹Òาáแ»ปÅล¡กãใ¨จÍอÐะäไÃร·ท∙Õี่ÊสØุ´ดãใ¹นªชÕีÇวÔิµต? ·ท∙ ‹Òา¹นµตÍอºบÇว ‹Òา Áม¹นØุÉษÂย ... àเ¾พÃรÒาÐะàเ¢ขÒาÊสÅลÐะÊสØุ¢ขÀภÒา¾พàเ¾พ×ื่ÍอËหÒาàเ§งÔิ¹น áแÅล ŒÇว¡ก็ÊสÅลÐะàเ§งÔิ¹นàเ¾พ×ื่ÍอãใËห ŒÊสØุ¢ขÀภÒา¾พ¿ฟ „ œ¹น¡กÅลÑัºบÁมÒา áแÅลÐะàเ¢ขÒาËห ‹Çว§งÍอ¹นÒา¤คµตÁมÒา¡ก¨จ¹นäไÁม ‹ÁมÕี¤คÇวÒาÁมÊสØุ¢ข¡กÑัºบ»ป ˜¨จ¨จØุºบÑั¹น ¼ผÅล¡ก็¤ค×ืÍอàเ¢ขÒาäไÁม ‹ÍอÂยÙู ‹·ท∙Ñั้§ง¡กÑัºบ»ป ˜¨จ¨จØุºบÑั¹นáแÅลÐะÍอ¹นÒา¤คµต àเ¢ขÒาÍอÂยÙู ‹àเËหÁม×ืÍอ¹น¨จÐะäไÁม ‹ÁมÕีÇวÑั¹นµตÒาÂย ·ท∙Õี่»ปÃรÖึ¡กÉษÒา áแ¡ก ŒÇว ÇวÔิ±ฑÙูÃรÂย àเ¸ธÕีÂยÃร ¸ธÕีÃรàเ´ดªช ÍอØุ·ท∙ÑัÂยÇวÔิ·ท∙ÂยÒาÃรÑัµต¹น  ¹น¾พ.Âย§งÂยØุ·ท∙¸ธ Çว§งÈศ ÀภÔิÃรÁมÂย ÈศÒา¹นµตÔิ์ ¹น¾พ.ÊสÁมÈศÑั¡ก´ดÔิ์ ªชØุ³ณËหÃรÑัÈศÁมÔิ์

áแÅลÐะ·ท∙ ŒÒาÂยÊสØุ´ดàเ¢ขÒา¡ก็µตÒาÂยäไ»ปâโ´ดÂยäไÁม ‹äไ´ด ŒÁมÕีªชÕีÇวÔิµตÍอÂยÙู ‹¨จÃรÔิ§ง

¡กÃรÃรÁม¡กÒาÃร ¡กÇวÕี ¤ค§งÀภÑั¡ก´ดÕี¾พ§งÉษ , ¨จÕีÃรÐะ¾พÃร »ปÃรÐะâโÂยªช¹น ÇวÔิºบÙูÅลÂย , ¹นÑั¹น·ท∙¡กÒา àเ¨จÃรÔิ­Þญ¸ธÃรÃรÁม, ÃรÑั°ฐ¸ธ¹นÑั¹น·ท∙  ¾พÔิÃรÔิÂยÐะ¡กØุÅลªชÑัÂย, ÇวÃรÃร³ณÇวÔิÀภÒา ÁมÒาÅลÑัÂย¹นÇวÅล, ÊสÁม´ดØุÅลÂย  ËหÁมÑั่¹นàเ¾พÕีÂยÃร¡กÒาÃร

ÊสÓำ¹นÑั¡ก§งÒา¹น ¾พÃร·ท∙Ôิ¾พÂย  ÍอÖึ§ง¤คàเ´ดªชÒา, ÇวÑัÅลÅลÀภÒา ³ณÐะ¹นÇวÅล, ÊสØุ¨จÔิµต¯ฏÒา ÇวÔิàเªชÕีÂยÃร

¡กÍอ§งºบÃรÃร³ณÒา¸ธÔิ¡กÒาÃร ¨จÔิÃรÇวÃรÃร³ณ µตÑั้§ง¨จÔิµตàเÁม¸ธÕี, ªช¹นÒา¾พÃร àเËหÅล×ืÍอ§งÃรÐะ¦ฆÑั§ง, ³ณÑัµต°ฐÔิÂยÒา »ป ÂยÁมËหÑั¹นµต , ³ณÑั¯ฏ°ฐ ÇวÃร´ดÕี ÈศÔิÃรÔิ¡กØุÅลÀภÑั·ท∙ÃรÈศÃรÕี, ¸ธ¹นÇวÑัªชÃร  àเ¡กµต¹น ÇวÔิÁมØุµต, ¸ธÕีÃรÔิ¹น·ท∙Ãร  ÍอØุªชªชÔิ¹น, ¾พÃร¨จÑั¹น·ท∙Ãร  ¨จÑั¹น·ท∙¹นäไ¾พÃรÇวÑั¹น, ÇวÔิÊสÒา¢ขÒา äไ¼ผ ‹§งÒาÁม, ÇวÕีÃรÐะ¾พ§งÉษ  äไ¡กÃรÇวÔิ·ท∙Âย , ÈศÑั¹นÊส¹นÕีÂย  ¹นÔิÃรÒาÁมÔิÉษ

[2]


CONTENTS 4 : workshop update คอร์สครูโยคะเพื่อการพัฒนาจิต รุ่น 12 เวิร์กชอป โยคะ อะ’แนวโตมี by หมอดุล 6 : »ป¯ฏÔิ·ท∙Ôิ¹น¡กÔิ¨จ¡กÃรÃรÁม

10 : ¡กÒาÂยáแÅลÐะãใ¨จãใ¹นÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂย โยคะวิถี รอบพระเจดีย์มหาโพธิ์ âโ´ดÂย..¤คÃรÙูËห¹นÙู ªชÁมªช×ื่¹น ÊสÔิ·ท∙¸ธÔิàเÇวªช

12 : àเ¡ก็ºบÁมÒา½ฝÒา¡ก แสงสว่างแห่งปัญญา ณ เบิกฟ้าธรรมาศรม âโ´ดÂย..¤คÃรÙูÍอ Íอ´ด ÇวÃรÃร³ณÇวÔิÀภÒา ÁมÒาÅลÑัÂย¹นÇวÅล 14 : 4 เรื่องเด็ด ¨จÒา¡กàเ¾พ×ื่Íอ¹น¤คÃรÙู 19 : ¾พÃรÐะäไµตÃร»ป ®ฎ¡กáแ¡ก ‹¹น¸ธÃรÃรÁม 20 : iYoga แง่งาม ของ ‘ที่ว่าง’ âโ´ดÂย..¸ธÓำÃร§ง´ดØุÅล 22 : àเÅล Œ§งàเÅล ‹ÒาàเÃร×ื่Íอ§ง โบย-ตี 24 : µตÓำÃรÒาâโÂย¤คÐะ´ดÑั้§งàเ´ดÔิÁม การเชื่อมโยงแนวคิดของปตัญชลีและแนวคิดสางขยะ

[3]


ÍอºบÃรÁม¤คÃรÙูâโÂย¤คÐะ àเ¾พ×ื่ Íอ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¨จÔิµต

¤คÍอÃร์Êส

ÊสÁมÑั¤คÃร

´ด ‹Çว¹น µตÒาÁมµตÓำÃรÒา´ดÑัé้§งàเ´ดÔิÁม

ËหÅลÑั¡กÊสÙูµตÃร 220 ¢ขÑัè่ÇวâโÁม§ง (ÃรØุè่¹น12) áแÅลÐะÀภÒา¤คÇวÔิªชÒา»ปÃรÑัªช­ÞญÒาáแÅลÐะÈศÒาÊส¹นÒา ¤ค³ณÐะÁม¹นØุÉษÂยÈศÒาÊสµตÃร  ÁมÈศÇว

¢ขÍอàเªชÔิ­Þญ¤ค¹นÃรÑั¡กâโÂย¤คÐะ àเ»ป ´ด»ปÃรÐะÊสºบ¡กÒาÃร³ณ ¡กÒาÃรàเÃรÕีÂย¹นÃรÙู Œ ¡ก ŒÒาÇวÊสÙู ‹¡กÒาÃรàเ»ป š¹น¤คÃรÙูâโÂย¤คÐะ·ท∙Òา§งàเÅล×ืÍอ¡กãใËหÁม ‹

“¤คÃรÙูâโÂย¤คÐะàเ¾พ×ื่Íอ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¨จÔิµต” âโ´ดÂย ¤คÃรÙูÎฮÔิâโÃรªชÔิ ÎฮÔิàเ´ดâโ¡กÐะ ÍอÒาäไÍอ¤คÒาµตÐะ * áแÅลÐะ·ท∙ÕีÁม¤คÃรÙูÊส¶ถÒาºบÑั¹นâโÂย¤คÐะÇวÔิªชÒา¡กÒาÃร ãใ¹นÊส ‹Çว¹น¢ขÍอ§ง¤คÃรÙู­ÞญÕี่»ปØุ †¹น ºบÃรÃรÂยÒาÂยàเ»ป š¹นÀภÒาÉษÒาÍอÑั§ง¡กÄฤÉษ ¾พÃร ŒÍอÁมÅล ‹ÒาÁมáแ»ปÅลàเ»ป š¹นäไ·ท∙Âย

คอร์สครูโยคะ ที่ไม่ใช่แค ่คลิก ÊสÑัÁม¼ผÑัÊส»ปÃรÐะÊสºบ¡กÒาÃร³ณ µตÃร§ง แต่อาจพลิกวิถีชีวิตไปตล อดกาล ½ฝ ƒ¡กÍอÒาÊส¹นÐะ »ปÃรÒา³ณ áแÅลÐะàเ·ท∙¤ค¹นÔิ¤ค·ท∙Õี่àเ¡กÕี่ÂยÇว¢ข ŒÍอ§งµตÒาÁมµตÓำÃรÒา´ดÑั้§งàเ´ดÔิÁมÍอÂย ‹Òา§งÊสÁม ‹ÓำàเÊสÁมÍอ µตÃรÐะËห¹นÑั¡ก¶ถÖึ§ง¤คØุ³ณ¤ค ‹Òา·ท∙Õี่áแ·ท∙ Œ¨จÃรÔิ§ง¢ขÍอ§งâโÂย¤คÐะ ¤ค×ืÍอ¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¨จÔิµต

ÃรÙู ŒÅลÖึ¡ก ÃรÙู Œ¨จÃรÔิ§ง ·ท∙Øุ¡กÁมÔิµตÔิ¢ขÍอ§งâโÂย¤คÐะ µตÒาÁมµตÓำÃรÒา´ดÑั้§งàเ´ดÔิÁม ªชÑั´ดàเ¨จ¹นºบ¹นÇวÔิ¶ถÕี ´ด ŒÇวÂยáแ¼ผ¹น·ท∙Õี่âโÂย¤คÐะ¹นÓำ·ท∙Òา§ง ¨จÒา¡ก¨จØุ´ดàเÃรÔิ่Áมµต Œ¹น¢ขÍอ§งâโÂย¤คÐะ.. ÂยÁมÐะ ¹นÔิÂยÁมÐะ ÍอÒาÊส¹นÐะ »ปÃรÒา³ณÂยÒาÁมÐะ..äไ»ป¨จ¹น¶ถÖึ§ง»ปÅลÒาÂย·ท∙Òา§ง¤ค×ืÍอ.. ÊสÁมÒา¸ธÔิ

àเªช×ื่ÍอÁมâโÂย§งâโÂย¤คÐะàเ¢ข ŒÒา¡กÑัºบ¡กÒาÃร´ดÓำàเ¹นÔิ¹นªชÕีÇวÔิµต µต ‹ÍอÂยÍอ´ด¡กÒาÃรàเÃรÕีÂย¹นÃรÙู Œ..ÊสÙู ‹¡กÒาÃร¾พÑั²ฒ¹นÒา¤คØุ³ณÀภÒา¾พªชÕีÇวÔิµตÍอÂย ‹Òา§งàเ»ป š¹นÍอ§ง¤ค ÃรÇวÁม

¤ค ‹ÒาÅล§ง·ท∙ÐะàเºบÕีÂย¹น 35,000 ºบÒา·ท∙

áแºบ ‹§ง»ป ˜¹น¤คÇวÒาÁมÃรÙู Œ àเ¾พÂยáแ¾พÃร ‹¡กÒาÃร»ป¯ฏÔิºบÑัµตÔิâโÂย¤คÐะµตÒาÁมµตÓำÃรÒา´ดÑั้§งàเ´ดÔิÁมãใËห Œ¡กÑัºบ¼ผÙู ŒÍอ×ื่¹นäไ´ด Œ âโÍอ¹นàเ§งÔิ¹น¤ค ‹ÒาÅล§ง·ท∙ÐะàเºบÕีÂย¹น ฀ ฀

ÃรÑัºบ¨จÓำ¹นÇว¹น¨จÓำ¡กÑั´ด 30 ¤ค¹น [4]

¸ธ.äไ·ท∙Âย¾พÒา³ณÔิªชÂย  ÊสÒา¢ขÒาàเ´ดÍอÐะÁมÍอÅลÅล  3 ÃรÒาÁม¤คÓำáแËห§ง ªช×ื่ÍอºบÑั­ÞญªชÕี ÁมÙูÅล¹นÔิ¸ธÔิËหÁมÍอªชÒาÇวºบ ŒÒา¹น (Êส¶ถÒาºบÑั¹นâโÂย¤คÐะÇวÔิªชÒา¡กÒาÃร)

àเÅล¢ข·ท∙Õี่ 173-2-32949-1 ฀ ÍอÍอÁม·ท∙ÃรÑั¾พÂย 


ÃรÒาÂยÅลÐะàเÍอÕีÂย´ด¡กÒาÃรàเÃรÕีÂย¹น

Jul ‘til.. Oct

4 ก.ค ปฐมนิเทศ. 6 7 8 ก.ค. ค่ายเปิด 9 ก.ค. – 22 ก.ย. เรียนจันทร์ พุธ พฤหัสบดี 17.30–20.00 น (และวันอังคาร 17, 31 ก.ค. 14 ส.ค.) 17.30–20.00 น วันเสาร์ 8.00 -16.00 น. 17 18 19 ส.ค. ค่ายกิริยา 24 ก.ย. – 6 ต.ค. ฝึกสอน / นำเสนองานวิจัย 8 – 13 ต.ค. สอบ

from..

àเ¹น×ื้ÍอËหÒาÀภÒา¤ค»ป¯ฏÔิºบÑัµตÔิ

ÀภÒา¤ค·ท∙ÄฤÉษ®ฎÕี

ฝึกอาสนะตามตำราปตัญชลีโยคะสูตร และ หฐประทีปิกะ ฝึกปราณายามะตามตำราโยคะสูตร และ หฐประทีปิกะ เรียนรู้และฝึก มุทรา พันธะ กิริยา ที่เกี่ยวข้อง ทำการบ้าน เขียนบันทึกประสบการณ์การฝึกโยคะะทุกวัน

วิชาสรีรวิทยา ประวัติศาสตร์ ปรัชญาอินเดีย ทัศนะชีวิต เขียนสรุปเนื้อหาจากหนังสือเรียน 14 เล่ม

ÊสÍอºบ¶ถÒาÁมÃรÒาÂยÅลÐะàเÍอÕีÂย´ดàเ¾พÔิ่ÁมàเµตÔิÁม ฀ 02-732 2016,081-401-7744 àเµตÃรÕีÂยÁม¾พºบ¡กÑัºบ

âโÂย¤คÐะ ÍอÐะ’áแ¹นÇวâโµตÁมÕี ËหÁมÍอ´ดØุÅล

by

»ป°ฐÁมºบ·ท∙¢ขÍอ§งÍอÀภÔิÁมËหÒา¡กÒา¾พÂย์áแËห่§ง¡กÒาÃรàเÃรÕีÂย¹นÃรÙู้ yogaanatomy the series àเµต็ÁมÍอÔิ่Áม¡กÑัºบÍอ§ง¤ค์¤คÇวÒาÁมÃรÙู้¾พÃร้ÍอÁมãใªช้·ท∙Õี่áแ»ปÅล§งâโ©ฉÁมµตÓำÃรÒา¡กÒาÂยÇวÔิÀภÒา¤คàเÅล่ÁมËห¹นÒา ÊสÙู่»ป¯ฏÔิºบÑัµตÔิ¡กÒาÃร·ท∙ÐะÅลØุÁมÔิµตÔิâโ¤คÃร§งÊสÃร้Òา§งÃร่Òา§ง¡กÒาÂย áแºบºบ 360 Íอ§งÈศÒา ÍอÅลÑั§ง¡กÒาÃรáแÍอ¹นÔิàเÁมªชÑั¹น ·ท∙Õี่¨จÐะ·ท∙ÓำãใËห้¤คØุ³ณàเ¢ข้Òาãใ¨จ¡กÒาÃร·ท∙Óำ§งÒา¹น¢ขÍอ§ง¡กÅล้ÒาÁมàเ¹น×ื้Íอ áแÅลÐะ¡กÃรÐะ´ดÙู¡กÊสÑั¹นËหÅลÑั§ง¼ผ่Òา¹น·ท∙่Çว§ง·ท∙่ÒาÍอÒาÊส¹นÐะ·ท∙Õี่¤คØุ้¹นàเ¤คÂย

áแ«ซè่ºบàเÇวè่ÍอÃรì์ àเ¢ขé้Òาãใ¨จ§งè่ÒาÂย áแ¤คè่¡ก´ด ¤ค ‹ÒาÅล§ง·ท∙ÐะàเºบÕีÂย¹น

300

äไÁมè่¾พÍอ

17 ÁมÔิ¶ถØุ¹นÒาÂย¹น¹นÕี้ 9 âโÁม§งàเªช้Òา ¶ถÖึ§ง 4 âโÁม§งàเÂย็¹น ·ท∙Õี่ ÁมÈศÇว.»ปÃรÐะÊสÒา¹นÁมÔิµตÃร âโ´ดÂย ·ท∙Ñั¹นµตáแ¾พ·ท∙Âย์ ÊสÁม´ดØุÅลÂย์ ËหÁมÑั่¹นàเ¾พÕีÂยÃร¡กÒาÃร

ºบÒา·ท∙ ÊสÍอºบ¶ถÒาÁมÃรÒาÂยÅลÐะàเÍอÕีÂย´ดàเ¾พÔิ่ÁมàเµตÔิÁม ฀02-732 2016,081-401-7744 www.facebook.com/iLoveYogaAnatomy [5]


Activities

YOAGRAOUND

IS ALL

¡กÔิ¨จ¡กÃรÃรÁม´ดÕีæๆ

¾พÄฤÉษÀภÒา¤คÁม

âโÂย¤คÐะÍอÒาÊส¹นÐะ¢ขÑั้¹น¾พ×ื้¹น°ฐÒา¹นàเ¾พ×ื่Íอ¤คÇวÒาÁมÊสØุ¢ข ÊสÓำËหÃรÑัºบ¼ผÙู้àเÃรÔิ่Áมµต้¹น วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 2555 เวลา 9.00 – 15.00 น. ที่ชั้น 6 ห้อง 262 คณะมนุษยศาสตร์ มศว ประสานมิตร ค่าลงทะเบียน 650 บาท

wed 2 wed 16 sat 26

sun 27

âโÂย¤คÐะãใ¹นÊสÇว¹น¸ธÃรÃรÁม ³ณ ËหÍอ¨จ´ดËหÁมÒาÂยàเËหµตØุ¾พØุ·ท∙¸ธ·ท∙ÒาÊส วันพุธที่ 2 พ.ค. เวลา 17.00 – 18.30 น. โดย วัลลภา ณะนวล (ครูกลอย) วันพุธที่ 16 พ.ค. เวลา 17.00 – 18.30 น. โดย นพ. สมศักดิ์ วสุวิทิตกุล (ครูศักดิ์) และวันเสาร์ที่ 26 พ.ค. 14.00 – 16.00 น. โดย รุ่งศศิธร เอกปัญญาชัย (ครูเหมียว) ไม่เสียค่าใช้จ่าย

FREE

¢ข³ณÐะ¹นÕี้·ท∙Øุ¡ก·ท∙่Òา¹น·ท∙Õี่ÁมÕี äไÍอâโ¿ฟ¹น, äไÍอàเ¾พ´ด, ÊสÒาÁมÒาÃร¶ถ´ดÒาÇว¹น์âโËหÅล´ดÍอ่Òา¹น¤คÙู่Áม×ืÍอËหÁมÍอªชÒาÇวºบ้Òา¹น

¿ฟÃรÕี äไ´ด้áแÅล้Çว

¾พºบ¡กÑัºบ DoctorMe áแÍอ»ป¾พÅลÔิàเ¤คªชÑั¹น´ด้Òา¹นÊสØุ¢ขÀภÒา¾พºบ¹น iOS µตÑัÇวáแÃร¡ก¢ขÍอ§ง¤ค¹นäไ·ท∙Âย ãใËห้¤คØุ³ณÃรÙู้ÇวÔิ¸ธÕี´ดÙูáแÅลµตÑัÇวàเÍอ§ง¨จÒา¡กÍอÒา¡กÒาÃรàเ¨จ็ºบ»ป่ÇวÂยàเºบ×ื้Íอ§งµต้¹น´ด้ÇวÂยµต¹นàเÍอ§ง àเªช่¹น àเ»ป็¹นäไ¢ข้ àเ¨จ็ºบ¤คÍอ »ปÇว´ดËหÑัÇว »ปÇว´ด·ท∙้Íอ§ง ÏฯÅลÏฯ âโËหÅล´ดÍอ่Òา¹นäไ´ด้·ท∙Ñั่ÇวâโÅล¡ก ·ท∙Õี่ doctorme.in.th ¤คÃรÑัºบ

[6]


âโÂย¤คÐะàเ¾พ×ืè่ÍอÊสØุ¢ขÀภÒา¾พ

sat-mon 5-7 May

âโ´ดÂย¤คÃรÙูÎฮÔิâโÃรªชÔิ ÎฮÔิàเ´ดâโ¡กÐะ äไÍอ¤คÐะµตÐะ

ºบ ŒÒา¹นµตÃรÁม µต. ¹นÒาºบÑัÇว ãใ¡กÅล ŒÇว¹นÍอØุ·ท∙ÂยÒา¹น¾พ¹นÁมÊสÇวÒาÂย ¨จÑั§งËหÇวÑั´ดÊสØุÃรÔิ¹น·ท∙Ãร  ขอเชิญมาร่วมกันเก็บเกี่ยวความรู้ทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ กับ ¤คÍอÃร Êส “âโÂย¤คÐะàเ¾พ×ื่ÍอÊสØุ¢ขÀภÒา¾พ” ท่ามกลางบรรยากาศแบบสบายๆ สนุกสนานเป็นกันเอง ค่าลงทะเบียน 1,000 บาท (อาหารเที่ยงมังสะวิรัติ) บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ โดยมีล่ามแปลเป็นภาษาไทย ท่านสามารถไปเช้า กลับเย็น หรือจะพักที่สถานที่อบรมก็ได้ หลักสูตรอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ¢ขÍอÃรÒาÂยÅลÐะàเÍอÕีÂย´ดàเ¾พÔิ่ÁมàเµตÔิÁม ¤คÃรÙูáแÁมÇว 085 0222 109 e-mail : maewboonlerd@gmail.com นอกจากจะได้เรียนโยคะกับครูญี่ปุ่นแล้ว ผู ้ เ ข้ า ร่ ว มจะได้ ม ี โ อกาสเรี ย นรู ้ ส ุ ข ภาพแนว ธรรมชาติบำบัดตำหรับหมออินเดีย ได้นั่งสมาธิ ร่วมกันก่อนและหลังการเริ่มกิจกรรมในแต่ละวัน ได้ ท านอาหารสุ ข ภาพปลอดสารพิ ษ มี ประสบการณ์การดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย ขัดตัว และอบไอน้ำด้วยสมุนไพร แช่เท้าและพอกหน้า ด้วยยาสมุนไพร เมื่อจบคอร์ส ผู้เข้าร่วมสามารถไปเยี่ยม หมู่บ้านทอผ้าไหมมหัศจรรย์ที่ใช้คนทอถึง ๔ คนในขณะทอ หมู่บ้านช้าง ปราสาทพนมรุ้ง ตลาดสินค้าจากกัมพูชาที่ชายแดนสุรินทร์ หรือ จะข้ามไปชมนครวัด นครธมที่เสียมราฐก็ได้ (เหมาแท็กซี่ ๑,๒๐๐ บาทต่อหนึ่งเที่ยว เดินทางสองชั่วโมงจากชายแดน ถนน ลาดยางอย่างดีตลอดเส้นทาง)

[7]


FREE

sat

19 May

âโÂย¤คÐะ ¸ธÃรÃรÁมÐะËหÃรÃรÉษÒา 555

¤คÃรÑั é้§ง¾พÔิàเÈศÉษ 8

³ณ ÁมËหÒาÇวÔิ·ท∙ÂยÒาÅลÑั ÂยÈศÃรÕี¹น¤คÃรÔิ¹น·ท∙ÃรÇวÔิâโÃร²ฒ ห้องประชุม ศ.ดร.สุดใจ เหล่าสุนทร ชั้น 2 สำนักหอสมุดกลาง เยื้องกับสนามหญ้าของอาคารจอดรถใต้ดิน

สถาบันโยคะวิชาการ ร่วมกับ ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มศว ขอเชิญผู้ที่สนใจในโยคะ และ ธรรมะ เข้าร่วมอบรมคอร์ส “โยคะธรรมะหรรษา ฮา..ฮา..ฮา” ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ สนุกสนานเป็นกันเอง มาร่วมกัน เก็บเกี่ยวความรู้ที่สามารถนำกลับไปฝึกฝนที่บ้านด้วยตนเองแบบง่าย ๆ

วิทยากรโยคะ นำทีมโดย ครูกิ๊ม บรรยายและนำปฎิบัติธรรมโดย พระอาจารย์ครรชิต อกิณจโณ วัดป่าสันติธรรม พระอาจารย์วิทยากรในแนวทางหลวงพ่อเทียน กำหนดการ 08.30 - 09.00 น. 09.00 - 09.15 น. 09.15 - 09.45 น. 09.45 - 12.00 น. 12.00 – 12.30 น. 12.30 - 13.10 น. 13.10 - 15.10 น. 15.10 - 15.30 น. 15.30 - 16.40 น. 16.40 - 16.50 น. 16.50 – 17.40 น. 17.40 – 18.00 น.

ค่าใช้จ่าย การสมัคร

ลงทะเบียน และรับเอกสาร (โปรดตรงต่อเวลา) (มหาวิทยาลัยมีโรงอาหารจำหน่ายอาหารเช้า) เปิดงาน และปฐมนิเทศ “วิถีแห่งโยคะ” การเกร็งคลายกล้ามเนื้อ อาสนะ 11 ท่าที่ควรฝึกทุกวัน การผ่อนคลายอย่างลึก สรุปการฝึก เรียนรู้ลมหายใจ การชำระล้างโพรงจมูก รับประทานอาหารกลางวัน “พุทธศาสนา คุณค่าต่อชีวิต” และ แนะนำวิธีปฏิบัติธรรมแบบหลวงพ่อเทียน “การนำโยคะมาใช้เป็นแนวทางในการเกื้อกูลการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีได้อย่างไร” ฝึกทบทวนอาสนะตั้งแต่ต้นจนจบ พักรับประทานอาหารว่าง ปฏิบัติธรรม (ต่อ) และ การเจริญสติในชีวิตประจำวัน แผ่บุญร่วมกัน สอบถามพูดคุยประเมินผล จับรางวัล อาสนะ 3 รางวัล ปิดงาน

ฟรี หรือสมทบค่าใช้จ่ายในการจัดงาน และถวายปัจจัยพระอาจารย์ตามกำลังศรัทธา เงินบริจาคถ้าเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะบริจาคเข้าองค์กรสาธารณกุศล โทรลงชื่อด่วน ที่ครูโจ๋ 081-420-4111 E-MAIL : chacha_l@yahoo.com สอบถามรายละเอียดได้ที่ครูโจ๋ และ ดูรูปการจัดงานครั้งก่อน ๆ ได้ที่ http://yogadhammahunsa.multiply.com/

* มีแผ่นรองฝึกโยคะ (อาสนะ) เตรียมไว้ให้แล้ว โปรดเตรียมผ้ามาปูทับแผ่นรองฝึกเพื่อความสะอาด*

[8]


sat-sun

The Little Om : Family Yoga Camp

23-24 June

ÊสØุ¢ขÀภÒาÂยãใ¹นÊสÃร ŒÒา§งäไÇว Œáแµต ‹ÇวÑัÂยàเÂยÒาÇว  µตÍอ¹น happy sea, happy me ³ณ ÃรÕีàเ¨จ Œ¹น·ท∙  ªชÒาàเÅล ‹µต  ÃรÕีÊสÍอÃร ·ท∙ Íอ.ªชÐะÍอÓำ ¨จ.àเ¾พªชÃรºบØุÃรÕี

Êส¶ถÒาºบÑั ¹นºบÙู¸ธÒาÃรÒาâโÂย¤คÐะ ¢ขÍอàเªชÔิ­Þญ¹น ŒÍอ§งæๆ Ëห¹นÙูæๆ ÍอÒาÂยØุ 5-10 »ป ‚ ¨จÙู§งÁม×ืÍอ¤คØุ³ณ¾พ ‹Íอ¤คØุ³ณáแÁม ‹¼ผÙู Œ»ป¡ก¤คÃรÍอ§ง ÁมÒาÃร ‹ÇวÁมÊส¹นØุ¡กÍอÂย ‹Òา§งÊสÃร ŒÒา§งÊสÃรÃร¤ค  ¡กÑั ºบ ¡กÔิ ¨จ ¡กÃรÃรÁมâโÂย¤คÐะ¤คÃรÍอºบ¤คÃรÑั ÇวÊสäไµตÅล  ºบ Ùู ¸ธ ÒาÃรÒา.. àเÃรÕี Âย ¹นÃรÙู Œ àเ ¤คÃร×ื è่ Íอ §งÁม×ื Íอ áแÅลÐะ áแ¹นÇว·ท∙Òา§งÊสÃร ŒÒา§ง “¤คÇวÒาÁมÊสØุ¢ขÀภÒาÂยãใ¹น” àเ¾พ×ืè่Íอ¡กÒาÃรàเµตÔิºบâโµต·ท∙Ñั é้§งÃร ‹Òา§ง¡กÒาÂยáแÅลÐะ ¨จÔิµตãใ¨จ¢ขÍอ§งàเ´ดç็¡ก ÊสÃร ŒÒา§ง¤คÇวÒาÁมÊสÑั Áม¾พÑั ¹น¸ธ ãใ¹น¤คÃรÍอºบ¤คÃรÑั Çว Êส¹นØุ¡กÊส¹นÒา¹นáแÅลÐะ ¼ผ ‹Íอ¹น¤คÅลÒาÂยãใ¹นºบÃรÃรÂยÒา¡กÒาÈศÃรÔิÁมªชÒาÂยËหÒา´ดªชÐะÍอÓำ ¤ค ‹ÒาÊสÁมÑั¤คÃร 5,400 ºบÒา·ท∙ ÊสÓำËหÃรÑัºบàเ´ด็¡ก 1 ¤ค¹น áแÅลÐะ¼ผÙู Œ»ป¡ก¤คÃรÍอ§ง 1 ·ท∙ ‹Òา¹น (àเ¾พÔิ่Áม¼ผÙู Œ»ป¡ก¤คÃรÍอ§ง 1 ·ท∙ ‹Òา¹น = 2,700 ºบÒา·ท∙ àเ¾พÔิ่Áมàเ´ด็¡ก 1 ¤ค¹น = 2,300 ºบÒา·ท∙ ÃรÑัºบ¨จÓำ¹นÇว¹น¨จÓำ¡กÑั´ด)

¡กÔิ¨จ¡กÃรÃรÁม โยคะเด็ก : แสนสนุก พัฒนาใจ เสริมสร้าง EQ และคุณธรรม การอยู่ร่วมกัน โยคะพ่อแม่ : เสริมสร้างสุขภาพกายใจ ฝึกสติ สู่ความสงบสันติ Sea Walk : “สติน้อยๆ ในรอยทราย” เทคนิคการฝึกเจริญสติเบื้องต้นแก่เด็กริมชายหาด Sense Rally : “มหัศจรรย์แดนสัมผัส” เกมส์เสริมสร้างพัฒนาสมองและประสาทสัมผัสสำหรับเด็ก Family Team Building : “เกมส์เชื่อ(ม)ใจ” สร้างการเรียนรู้และสัมพันธภาพในครอบครัว บทเพลงกล่อมใจ นิทานชวนฝัน สมาธิส่งนอน วิทยากรผู้ออกแบบและดูแลกิจกรรม ครูเก๋ รสสุคนธ์ ซันจวน : ครูโยคะผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะเด็ก จบหลักสูตร RYT 200, Yogakids และ Radiant Child Yoga จากอเมริกา ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งและบริหารสถาบันบูธาราโยคะ และเป็นวิทยากรจิตอาสาสอนโยคะเด็กและพ่อแม่ ในโครงการโรงเรียนพ่อแม่ของเสถียร ธรรมสถาน ครูเล็ก เอกชัย สถาพรธนพัฒน์ : นักโยคะบำบัด จบหลักสูตรครูโยคะจาก Yoga Vidya Gurukul ประเทศอินเดีย ผู้สนใจศึกษาด้านการแพทย์ พื้นบ้าน ดนตรีและศิลปะบำบัด ปัจจุบัน เป็นวิทยากรด้านโยคะบำบัด และการพัฒนาศักยภาพองค์รวม ให้แก่โรงพยาบาล และ หน่วยงาน หลายแห่ง สมัครได้ที่คุณออน 081-875-2343 สอบถามรายละ เอียดเพิ่มเติม ครูเก๋ 085-121-1396 rosukon3@yahoo.com ครูเล็ก 081-869-1816 whitemusic1@gmail.com หรือที่ www.budharas.com

การเดินทาง ขึ้นรถที่บิ๊กซี พระราม 2 (ตรงข้าม เซ็นทรัลพระราม 2) เวลา 7:30 น. วันเสาร์

[9]


àเÃร×ื ่ Íอ §ง ¤คÃรÙู ªช Áมªช×ื ่ ¹น ÊสÔิ ·ท∙ ¸ธÔิ àเ Çวªช

¤คÃรÙูËห¹นÙู

“ÃรÍอºบ¾พÃรÐะàเ¨จ´ดÕีÂย ÁมËหÒาâโ¾พ¸ธÔิì์” ¡กÒาÂยáแÅลÐะãใ¨จ ãใ¹นÍอÔิ¹นàเ´ดÕีÂย 2

ºบÃรÔิàเÇว³ณÃรÍอºบæๆ ¾พÃรÐะàเ¨จ´ดÕีÂย  àเÃรÒา¨จÐะ¾พºบÅลÒาÁมÐะËหÃร×ืÍอ¾พÃรÐะ ¸ธÔิàเºบµต áแÅลÐะÂยÑั §งÁมÕี¤ค¹น¸ธÔิàเºบµต·ท∙Õีè่Íอ¾พÂย¾พÁมÒาÍอÂยÙู ‹áแÅลÐะ·ท∙ÓำÁมÒา ËหÒา¡กÔิ¹นãใ¹นàเÁม×ืÍอ§ง ¤คÂยÒาÁมÒา¡กÁมÒาÂย ¤ค¹นàเËหÅล ‹Òา¹นÕีé้àเ¤คÃร ‹§ง¤คÃรÑั ´ดµต ‹Íอ¡กÒาÃรäไËหÇว Œ¾พÃรÐะÊสÇว´ดÁม¹นµต ÁมÒา¡ก ©ฉÑั ¹น¨จÖึ§งäไ´ด ŒàเËหç็¹น·ท∙ ‹Òา¡กÃรÒาºบ·ท∙Õีè่àเÃรÕีÂย¡กÇว ‹Òา ÍอÑั Éษ®ฎÒา§ง¤ค »ปÃรÐะ´ดÔิÉษ°ฐ ÍอÂย ‹Òา§งªชÑั ´ดàเ¨จ¹น ·ท∙ÓำãใËห Œ¹นÖึ¡ก¶ถÖึ§ง·ท∙ ‹ÒาÊสØุÃรÔิÂย¹นÁมÑั Êส¡กÒาÃร¢ขÍอ§งâโÂย¤คÐะ»ป¯ฏÔิºบµตÔิÑั ·ท∙Õีè่©ฉ¹น½ฝ ƒ Ñั ¡กÍอÂยÙู ‹·ท∙Øุ¡กÇวÑั ¹น ¤คÃรÙูàเ¤คÂยºบÍอ¡กäไÇว ŒÇว ‹Òา ÊสØุÃรÔิÂย¹นÁมÑั Êส¡กÒาÃรäไÁม ‹äไ´ด Œ ¡กÓำËห¹น´ดäไÇว Œãใ¹นÍอÒาÊส¹นÐะ áแµต ‹àเ»ป š¹น¡กÒาÃร¹นÓำËหÅลÒาÂยæๆ ÍอÒาÊส¹นÐะÁมÒาÃร ŒÍอÂยàเÃรÕีÂย§งàเ¢ข ŒÒา´ด ŒÇวÂย¡กÑั ¹น àเ¾พÃรÒาÐะ©ฉÐะ¹นÑั é้¹น ÍอÑั Éษ®ฎÒา§ง¤ค »ปÃรÐะ´ดÔิÉษ°ฐ ¤ค×ืÍอ 8 ¨จØุ´ด¢ขÍอ§งÃร ‹Òา§ง¡กÒาÂย ÊสÑั Áม¼ผÑั Êส¾พ×ืé้¹น¨จÖึ§ง àเ»ป š¹น¡กÒาÃร¤คÑั ´ดÅลÍอ¡ก ÁมÒา¨จÒา¡ก·ท∙ ‹Òา¡กÃรÒาºบ ¢ขÍอ§งªชÒาÇว¸ธÔิàเºบµต¹นÕีè่àเÍอ§ง ¤คÓำÇว ‹Òา ÍอÑั Éษ®ฎÒา§ง¤ค  áแ»ปÅลÇว ‹Òาáแ»ป´ด ÁมÍอ§ง ¡กÅลÑั ºบ¡กÑั ¹น¡กÒาÃร¡ก ÃรÒาºบáแºบºบàเºบ­Þญ¨จÒา§ง¤ค  »ปÃรÐะ´ดÔิÉษ°ฐ ÍอÂย ‹Òา§ง ªชÒาÇว¾พØุ·ท∙¸ธäไ·ท∙Âย àเ»ปÃรÕีÂยºบ »ปÃรÐะËห¹นÖึè่§งÇว ‹ÒาàเÃรÒา ½ฝ ƒ¡ก·ท∙ ‹ÒาâโÂย¤คÐะàเªช ‹¹น¡กÑั ¹น àเÃรÔิè่Áมµต Œ¹น´ด ŒÇวÂย ¡กÒาÃร¹นÑั è่§ง·ท∙Ñั ºบÊส Œ¹น ¼ผÙู ŒËห­ÞญÔิ§ง ¹นÑั è่§ง·ท∙Ñั ºบÊส Œ¹น ËหÅลÑั §งàเ·ท∙ ŒÒาÃรÒาºบ¡กÑั ºบ¾พ×ืé้¹น àเÃรÕีÂย¡กÇว ‹Òา·ท∙ ‹Òา àเ·ท∙¾พ¸ธÔิ´ดÒา ÀภÒาÉษÒาâโÂย¤คÐะ àเÃรÕีÂย¡กÇวÑั ªชÃรÐะ ËหÃร×ืÍอ·ท∙ ‹Òา¹นÑั è่§งàเ¾พªชÃร àเÁม×ืè่Íอ ¾พ¹นÁมÁม×ืÍอ ÃรÐะËหÇว ‹Òา§งÍอ¡ก ·ท∙ ‹ÒาâโÂย¤คÐะ¢ขÍอ§ง ÈศÕีÃรâโÂยàเ¡ก¹น·ท∙ÃรÒา àเÃรÕีÂย¡กÇว ‹Òา·ท∙ ‹Òา»ปÃรÐะ³ณÁม ¢ข³ณÐะ·ท∙Õีè่àเÃรÒา Âย¡กÁม×ืÍอ¾พ¹นÁมáแµตÐะËห¹น ŒÒา¼ผÒา¡ก ¨จÐะËหÒาÂยãใ¨จàเ¢ข ŒÒา ¾พÃร ŒÍอÁม¡กÑั ºบ¡ก ŒÁมµตÑั ÇวÅล§ง¨จ¹นËห¹น ŒÒา¼ผÒา¡ก¨จÃร´ด¾พ×ืé้¹น¨จÐะËหÒาÂยãใ¨จÍอÍอ¡ก àเ·ท∙ ‹Òา¡กÑั ºบ àเÃรÒา·ท∙Óำ·ท∙ ‹ÒาâโÂย¤คÐะÁมØุ·ท∙ÃรÒาáแºบºบ·ท∙ ‹Òา ¹นÑั è่§ง ¶ถ ŒÒา¾พÙู´ด¶ถÖึ§งãใ¹น·ท∙Òา§งÊสØุ¢ขÀภÒา¾พ àเÃรÒา¨จÐะäไ´ด Œ¡กÒาÃรËหÁมØุ¹นàเÇวÕีÂย¹น¢ขÍอ§งàเÅล×ืÍอ´ด¨จÒา¡กËหÑั Çวãใ¨จÅล§งÊสÙู ‹ÊสÁมÍอ§ง ãใºบËห¹น ŒÒา¨จÐะÊส´ดªช×ืè่¹น¨จÔิµตãใ¨จáแ¨จ ‹ÁมãใÊส ¡กÃรÐะ´ดÙู¡กÊสÑั ¹นËหÅลÑั §ง¢ขÍอ§งàเÃรÒา¨จÐะ¼ผ ‹Íอ¹น¤คÅลÒาÂย ÊสµตÔิ¡กÓำËห¹น´ดÃรÙู Œ¡กºบ¡กÒาÃร¡กÃรÒาºบÍอÂย ‹ Ñั Òา§งªช ŒÒาæๆ àเÃรÒา¨จÐะäไ´ด ŒÊสÁมÒา¸ธÔิáแ¢ข¹น§งËห¹นÖึè่§ง àเªช ‹¹นàเ´ดÕีÂยÇว¡กÑั ºบ ¤ค¹น¸ธÔิàเºบµต¡กÃรÒาºบÍอÑั Éษ®ฎÒา§ง¤ค  Ãร ‹ÒาÂย¡กÒาÂยáแ·ท∙ºบ·ท∙Øุ¡กÊส ‹Çว¹นäไ´ด ŒÃรºบ¡กÒาÃรÂย×ื Ñั ´ด ¡กÃรÒาºบËหÅลÒาÂยæๆ ÃรÍอºบäไ´ด Œ¤คÇวÒาÁมÍอºบÍอØุ ‹¹น àเÅล×ืÍอ´ด ËหÁมØุ¹นàเÇวÕีÂย¹น´ดÕี ÀภÒาÇว¹นÒาäไ»ป´ด ŒÇวÂยäไ´ด Œ¤คÇวÒาÁม¹นÔิè่§ง¢ขÍอ§ง¨จÔิµต... ©ฉÑั ¹น¢ขÍอáแÊส´ด§ง¤คÇวÒาÁม¹นÍอºบ¹น ŒÍอÁม ¤คÒาÃรÇวÐะ¤คÃรÙูºบÒาÍอÒา¨จÒาÃรÂย ¼ผÙู Œ ¡กÓำËห¹น´ด·ท∙ ‹Òา¡กÃรÒาºบ¢ขÖึé้¹น ·ท∙ÓำãใËห ŒàเÃรÒาÃรÙู ŒÊสÖึ¡กÈศÃรÑั ·ท∙¸ธÒาÀภÒา¤คÀภÙูÁมÔิãใ¨จ µต ‹Íอ¾พØุ·ท∙¸ธÈศÒาÊส¹นÒาÁมÒา¡กÂยÔิè่§ง¢ขÖึé้¹น

! []!

10


พูดถึงการฝึกโยคะอาสนะ ไม่เคยเป็นอุปสรรคใดๆ เลย แม้กระทั่งในการเดินทาง ฉันจึงฝึกฝน โยคะอาสนะให้เหมือนลมหายใจเข้าและออก ตราบใดที่ยังต้องหายใจ ฉันคงยังฝึกโยคะอาสนะไปเรื่อยๆ รวมทั้งปราณยาม เพื่อเพิ่มพูนพลังอีกด้วย ที่เรียกว่าพลังปราณไงคะ เสื่อโยคะจึงเปรียบ เสมือน กัลยาณมิตรที่ไม่มีชีวิต แต่มีประโยชน์อย่างยิ่ง มิตรคู่ ใจอีกสิ่งหนึ่งคือผ้าขาวม้าไทยยืนยาว สารพัด ประโยชน์จนถึงปูนอน มีกัลยาณมิตรหลายท่านเคยถามฉันว่า ถ้าเราอยู่ในเวลาหรือสถานที่จำกัด เราสามารถฝึกฝน โยคะอาสนะได้หรือ ไม่ และทำอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์ในช่วงเวลาจำกัดนั้น ความคิดของฉันคิดว่าทุก อย่างอยู่ที่เราจัดการ อย่างที่บอก โยคะเหมือนลมหายใจเข้า–ออก ฉันจะตื่นนอนแต่เช้าตรู่เสมอถึงแม้จะ อยู่ในการเดินทาง และเริ่มสาธยายมนต์ด้วยการเหยียดยืดร่างกายด้วยท่าสุริยนมัสการเป็นปฐมบท แม้ เพียงท่าเดียว 12 รอบ แต่ใช้สติตามรู้ตลอดเวลา เมื่อครบ 12 รอบโอ้โฮ ! สมองตื่นเบิกบานใจ ตัวเบาขึ้น มาทันที จากนั้นจะฝึกอีก 2-3 อาสนะ เพื่อประโยชน์ต่อกระดูกสันหลัง เช่น ภุชงคสะนะ และปิดท้ายด้วย โยคะมุทราเป็นการแก้กัน นอนพักด้วยสติกับศวะสะนะสัก 5 นาที เท่านี้เราก็จะรู้ตื่นและเบิกบาน ออกไป ทำภารกิจได้อย่างสบาย ไม่ง่อนแง่น งอนแงน หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเสร็จสิ้น ก่อนจะนั่งสมาธิ ฉันจะบริหารคอสัก 2-3 รอบ ยืดกระดูกสัน หลังด้วยท่า ปารวรรตสะนะหรือท่าภูเขา และวีราสะนะหรือท่าวีรบุรุษ เพราะท่าเหล่านี้อยู่บนท่านั่ง ดอกบัว เราสามารถยืดหยุ่น ร่างกาย เพื่อเอื้ออำนวยให้การปฏิบัติสมาธิของเราได้คงทนขึ้น และเป็นการ ป้องกันอาการ “สมาธิหลับ” เพราะฉับแอบเห็นหลายคนที่นั่งอยู่บริเวณใต้ต้นมหาโพธิ์ สมาธิหลับกันเป็น ส่วนใหญ่ แม้แต่ก่อนที่เราจะเริ่มเดินจงกรม ฉันจะหาที่หลบผู้คนสักนิด และทำท่าอุทกัตสะนะหรือท่ายืน เขย่งย่อ เพื่อเป็นการยืดหยุ่นข้อต่อหัวเข่า ข้อเท้า ไม่อย่างนั้นอาจหกล้มได้ เพราะพื้นบริเวณรอบเจดีย์ เป็นหินอ่อนทั้งหมด ฉันรู้สึกปิติเบิกบานใจต่อการปฏิบัติครั้งนี้ เพราะเตรียมพร้อมทุกอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่างกายต้องไม่เจ็บ ป่วย ความตั้งใจพร้อม ปัจจัยพร้อม ท้องไส้ไม่ปั่นป่วน ขับถ่ายสบาย กินอย่างง่าย นอนหลับได้ในทุกที่ จึงตั้งใจว่าจะเก็บหอมรอมริบ และเตรียมตัวเตรียม ใจอธิษฐานจิตต่อไปไม่ให้ ติดขัดเพื่อการปฏิบัติ ณ พุทธสถานนี้อีกเป็นครั้งต่อไป ต่อฉบับหน้า

11!

[]


àเÃร×ื ่ Íอ §ง ÇวÃรÃร³ณÇวÔิ Àภ Òา ÁมÒาÅลÑั Âย ¹นÇวÅล

Êส¶ถÒา¹น»ป¯ฏÔิºบÑัµตÔิ¸ธÃรÃรÁม

àเºบÔิ¡ก¿ฟ ‡Òา¸ธÃรÃรÁมÒาÈศÃรÁม

Yogini of Mumbai

¡ก Òา ½ฝ Òา Áม ºบ ็ àเ¡ก

Êส¶ถÒา¹น»ป¯ฏÔิºบµตÔิÑั ¸ธÃรÃรÁม ‘àเºบÔิ¡ก¿ฟ ‡Òา¸ธÃรÃรÁมÒาÈศÃรÁม’ Íอ.´ด ‹Òา¹นªช ŒÒา§ง ¨จ.ÊสØุ¾พÃรÃร³ณºบØุÃรÕี ºบ¹น¶ถ¹น¹นàเÊส Œ¹น·ท∙Òา§งËหÅลÇว§งÊสÒาÂย 3480 àเÁม×ืè่Íอàเ§งÂยËห¹น ŒÒาÁมÍอ§งäไ»ปµตÒาÁมàเÊส Œ¹น·ท∙Òา§ง ¾พÍอàเËหç็¹นÃรÙู»ปÀภÒา¾พËหÅลÇว§ง¾พ ‹Íอàเ·ท∙ÕีÂย¹น¢ข¹นÒา´ด ãใËห­Þญè่ÊสÐะ´ดØุ´ดµตÒา·ท∙Õีè่µตÔิ´ดÍอÂยÙู ‹ºบ¹น»ป ‡ÒาÂย¢ข ŒÒา§ง·ท∙Òา§ง ºบ ‹§งºบÍอ¡กãใËห ŒÃรÙู ŒÇว ‹Òา¤ค³ณÐะ¢ขÍอ§งàเÃรÒาäไ´ด Œàเ´ดÔิ¹น·ท∙Òา§งÁมÒา¶ถÖึ§ง “àเºบÔิ¡ก¿ฟ ‡Òา¸ธÃรÃรÁมÒาÈศÃรÁม” áแÅล ŒÇว ผ่านทางเข้าที่ปกคลุมด้วยแมกไม้ร่มครึ้ม รถตู้จอดนิ่งสนิท พวกเราทั้งสิบชีวิตทะยอยกันลงจากรถ เจ้าหมาน้อยสองตัว เดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร ไม่มีการเห่าขู่กรรโชก มีแต่ถ้อยทีกระดิกหางเข้ามาอย่างเชื่องช้า พลางยื่นจมูกแล้วมุดหัวมาให้ สัมผัสราวกับรู้จักกันมาก่อน ฝนคงเพิ่งขาดเม็ดไปได้ไม่นาน น้ำฝนยังค้างยอดไม้หยดแหมะๆ ลงบนพื้นดินที่เปียกชุ่มโชก หอมกลิ่น ฝนชะดินผสมผสานกันไปกับพันธ์ไม้นานาพันธุ์ พวกเราค่อยเดินเงียบเชียบลงไปจากรถ ราวกับไม่อยากจะทำลายความเป็น ธรรมชาติของสถานที่ ความสงบที่ปรากฏอยู่ ทำให้ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจตัวเองที่คละเคล้าไปกับเสียงนก และเสียงไก่แจ้ที่ กระพือปีกบินไปมา

! []!

12


ไม่กี่อึดใจ สุภาพบุรุษท่านหนึ่งก็ลงมาจากเรือนชั้นเดียว บุคคลิกเรียบง่ายเคลื่อนไหวนุ่มนวลใบหน้ายิ้มอ่อนโยนทักทายครู เสร็จสรรพ ครูหันมาบอกพวกเราว่านี่ ‘พี่ปรีชา ก้อนทอง’ นับญาติ กันแล้วว่า พี่ปรีชาเป็นศิษย์ครูโยคะรุ่น ๑ ของสถาบันฯ แล้วครูก็ แนะนำให้พี่ปรีชารู้จักพวกเราทีละคนๆ นอกจากพี่ปรีชาแล้ว ที่นี่ยังมี พี่อ้วนอีกคน (รุ่น ๑ เช่นกัน) ที่ช่วยกันดูแลสถานที่นี้ พี่อ้วนมาพร้อม ไม้ถูบ้าน และผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดม้านั่งให้พวกเราอย่างกุลีกุจอ พี่ปรีชา บอกว่าฝนเพิ่งหยุดตก พื้นและเก้าอี้เลยเปียกแฉะสักหน่อย พวกเรา ทะยอยกันเข้าห้องน้ำห้องท่า แล้วออกมานั่งคุยกันที่ลานหน้าบ้าน ทั้ง พี่ปรีชาและพี่อ้วนบอกเล่าเกี่ยวกับที่นี่ว่ามีเนื้อที่กว่า 8 ไร่ ปลูกต้นไม้ รดน้ำกันมาได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าในระยะเวลา ไม่นาน สถานที่นี้จะร่มครึ้มเย็นกายเย็นใจได้ขนาดนี้ ฝั่งตรงข้ามตัวบ้าน เรามองเห็นศาลาไม้ขนาดใหญ่โล่งกว้าง ยกจากพื้นไม่สูงมากนัก ซี่งใช้เป็นสถานที่สำหรับทำกิจกรรมปฏิบัติ ธรรม พี่ปรีชาเล่าว่าเพิ่งเสร็จงานวันมาฆบูชาไปเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง แม้ว่าบางครั้งมีญาติธรรมมากันจำนวนมาก ศาลาที่ดูกว้างนั้นอาจจะดู คับแคบไปเลย แต่ก็อบอุ่นและเรียบร้อยกันดี ด้วยการถ้อยทีถ้อย อาศัยกัน วันนี้ก็เพิ่งมีคุณแม่ชีท่านหนึ่งเดินทางมาพักเพื่อปฏิบัติธรรม ที่นี่ นั่งคุยกันได้สักพักหนึ่ง พี่ปรีชาชวนพวกเราไปเดินดูต้นไม้ รอบสถานที่กัน จากหน้าบ้านเราข้ามทางเดินไปที่ศาลาปฏิบัติธรรม แล้วเดินไปถึงลานหินโค้งที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง พี่ ปรี ช าเล่ า ว่ า พระพุ ท ธรู ป องค์ น ี ้ ส ร้ า งโดยอาศั ย ต้ น แบบจากองค์ ท ี ่ ประดิษฐานที่เมืองสารนาถ เป็นปางปฐมเทศนา นอกจากนั้นยังมีรูป ปั้นที่แสดงถึงท่าการยกมือ14 จังหวะตามแนวทางการปฏิบัติของ หลวงพ่อเทียน และรูปปั้นท่าเดินจงกรม รูปปั้นเหล่านี้ทำเป็นสีขาว ดู แล้วมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นชายหรือหญิง พี่ปรีชา เล่าว่าเป็นปริศนาที่แฝงไว้ว่า ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มีโอกาสบรรลุธรรม ได้เสมอกัน ถัดจากลานหินโค้ง ก็เป็นป่าไผ่ซึ่งมีไผ่หลากหลายสายพันธุ์ ปลูกเป็นกอๆ เพื่อความร่มรื่น เว้นพื้นที่ระยะห่างระหว่างกอไผ่ไว้ สำหรับการเดินจงกรมได้อย่างร่มรื่น เหมาะ เจาะ ใบไผ่ที่ร่วงลงพื้น ยามไม่เปียกฝนคงดูราวกับพรมธรรมชาติ ให้ผู้ปรารถนาจะเดินตาม คำสอนของพระพุทธองค์ได้ฝึกฝนความเพียรได้เป็นอย่างดี ระหว่างทางพี่ปรีชาก็แนะนำต้นไม้ต้นต่างๆ ซึ่งมีทั้งต้นเล็ก ต้นใหญ่ คละเคล้ากันไป “โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง” พี่ปรีชาบอกเล่าถึง โพธิญานพฤกษาสี่ชนิดที่ตั้งใจปลูกไว้หลายต้น ต้นไม้สำคัญที่กล่าวไว้ ในพุทธประวัติ ต้นโพธิ์นั้นหมายถึง พระศรีมหาโพธิ์ที่พระสัมมาสัม พุทธเจ้าทรงประทับนั่งแล้วทรงตรัสรู้ ณ พุทธคยา และเรื่องเล่าของ ต้นโพธิ์ที่นี่ว่า จากต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่เป็นหน่อของต้นเดิมที่พุทธคยา ก็มี อีกต้นที่ได้ถูกปลูกเป็นต้นแรกในสมัยพุทธกาล (ปลูกจากเมล็ด) ที่ ประตูวัดพระเชตวัน โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตามความ ปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี และเรียกชื่อว่า ‘อานันทโพธิ’ ซึ่งพี่ อ้วนได้เก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นนี้นำกลับมาปลูกลงที่นี่ด้วย

13

ต้นไทรหรือต้นกร่าง (นิโครธ) พระกัสสปพุทธเจ้า ทรง ประทับตรัสรู้ ณ ควงไม้นิโครธหรือต้นกร่าง ต้นไกรหรือต้นเลียบ กล่าวไว้ว่า พระทีปังกรพุทธเจ้า ประทับตรัสรู้ ณ ควงไม้เลียบ พวกเรายังได้เด็ดชิมกินผลของต้นไกร ผลอ่อนมีสีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีชมพูแดงม่วง หรือดำ มีเมล็ดเล็กๆ คล้ายมะเขือ รสชาดอมเปรี้ยวนิดๆ พี่อ้วนบอกว่าเอามาจิ้มน้ำพริก อร่อย ถัดจากนั้นเราเดินย้อนไปทางด้านหน้าของสถานที่ เพื่อแวะ เข้าดูบ้านดินที่มีไว้สำหรับพระภิกษุอาพาธ ภายในมีพระพุทธรูปของ ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต เป็นพระพุทธเจ้าในนิกายมหายาน พระนามของท่านหมายถึงพระตถาคตเจ้าผู้เป็นบรมครูแห่งยารักษา โรค ซึ่งเป็นที่นิยมนับถือในหมู่ชาวจีนและชาวทิเบต ถัดจากนั้นไปทางด้านหน้า พี่ปรีชาเดินนำไปทางกุฏิที่พัก สำหรับพระภิกษุ ตลอดทางเดินลาดปูนซีเมนต์ที่สามารถเดินวนได้ รอบ ไปจนจรดตัวบ้าน เดินไปพลางชี้ให้ดูต้นไม้อีกหลายชนิดที่ ปรากฏในพุทธประวัติเป็นส่วนมาก พี่ปรีชาบอกว่าที่ปลูกแบบนี้เพื่อ ให้เป็นการศึกษาสำหรับเด็กๆ ที่มาที่นี่ พร้อมกับมีเกร็ดพุทธประวัติ เล่าให้ฟัง เพื่อการรำลึกถึงครั้งพุทธกาลด้วย ผ่านกลุ่มกุฏิของพระ ก็ พบบ่อน้ำขนาดย่อมๆ ที่มีเป็ดน้อยกำลังลงเล่นน้ำพอก้าวขึ้นเนินเล็กๆ ก่อนกลับถึงตัวบ้าน เราก็ได้กลิ่นหอมข้าวใหม่ เหมือนใบเตยหอม ของ ดอกชมนาดหอมฟุ้งกระจายอยู่โดยรอบ ตามด้วยกอของดอกมะลิริม ทางเดินที่ออกดอกประปราย จนถึงซุ้มดอกเล็บมือนางที่ออกดอก สะพรั่งเต็มไปหมดที่หน้าบ้านพัก เดินพอได้รู้สึกสบายๆ กับสถานที่ พวกเรากลับมานั่งหน้า บ้านอีกครั้ง พี่อ้วนอุตส่าห์เตรียมผลไม้ และแครกเกอร์ ไว้ต้อนรับพวก เราให้ได้คุยกันไปทานไปพลางด้วย พี่ปรีชาบอกว่า ตั้งใจเปลี่ยนบ้าน เรือนให้เป็นอาราม เรานึกในใจว่า ตอนนี้เราก็รู้สึกเช่นนั้น ไม่ได้รู้สึก ว่าที่นี่เป็นบ้านเลย รู้สึกแต่ว่าเป็นวัดป่าธรรมชาติแห่งหนึ่ง ต่อข้อถาม ที่ว่าที่นี่เป็นของใคร พี่ปรีชาหันมาตอบหนักแน่นว่า ที่นี่เป็นของทุก คน อาจจะรวมถึงพวกคุณด้วย ทุกคนสามารถมาใช้สถานที่นี้ เพื่อการปฏิบัติได้ทุกเมื่อ หาเวลาชีวิตให้ตัวเองสัก 7-8 วัน ให้มา ปฏิบัติจริงจังไม่ใช่เพื่อชิมลองจะได้รับผลที่ได้จากประสบการณ์ ตรงของตนเองได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดสถานที่แห่งนี้จึงดูสงบเงียบ และ มั่นคงอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมีพี่ทั้งสองที่มีเมตตาอ่อนโยนอันเป็น ผลจากการปฏิบัติที่เห็นได้ชัดเจนช่วยกันดูแล เพื่อให้สถานที่นี้ เป็นไป เพื ่ อ ประโยชน์ ก ั บ ผู ้ ค นจำนวนมากผู ้ ส นใจในธรรม ·ท∙ ‹ Òา Áม¡กÅลÒา§ง ¸ธÃรÃรÁมªชÒาµตÔิáแÇว´ดÅล ŒÍอÁม·ท∙Õีè่àเÍอ×ืé้ÍอÍอÓำ¹นÇวÂยÊสÓำËหÃรÑั ºบ¡กÒาÃรàเºบÔิ¡ก¿ฟ ‡ÒาãใËห ŒÁม ‹Òา¹นàเÁม¦ฆ áแËห ‹§งÍอÇวÔิªชªชÒาäไ´ด Œàเ»ป ´ดÍอÍอ¡ก áแÅลÐะáแÊส§งÊสÇว ‹Òา§งáแËห ‹§ง»ป ˜­Þญ­ÞญÒาäไ´ด ŒâโÍอ¡กÒาÊส ©ฉÒาÂยáแÊส§งÍอÂย ‹Òา§งàเµตç็Áม·ท∙Õีè่ ÊสÁม¡กÑั ºบªช×ืè่Íอ·ท∙Õีè่Çว ‹Òา ‘àเºบÔิ¡ก¿ฟ ‡Òา¸ธÃรÃรÁมÒาÈศÃรÁม’ ¨จÃรÔิ§งæๆ


àเÃร×ื ่ Íอ §ง Íอ้ Çว ¹น

¨จÒา¡ก

àเ¾พ×ืè่Íอ¹น¤คÃรÙู ¨จÒา¡กÃรÍอÂยÂยÔิé้Áม¶ถÖึ§ง... 1

ครูคะ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่ชั่วโมง จะมีเรืองราวต่างๆ เกิดขึ้นและสร้างความประทับใจให้ กับเราได้มากมายขนาดนี้ จนไม่รู้ว่าจะเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องไหน ก่อนดี รอยยิ้มที่หลากหลาย นกน้อยที่น่ารัก คุณแม่ที่แสนดีของลูก และอ้วนก็ได้พบว่า ทุกเรื่องราวที่อยากถ่ายทอด ล้วนเป็น เรื่องที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน จากที่ครั้งแรกคิดว่า วันนี้น่าจะได้เล่า เรื่อง รอยยิ้มที่หลากหลาย ที่ได้พบจากการเดินทางไปสอนโยคะที่ ศรีนครินทร์ เมื่อวานนี้ และทำให้เรารู้สึกปลาบปลื้มเบิกบานใจ ตั้งแต่ เริ่มออกเดินทาง จากรอยยิ้มของเด็กปั๊ม (ที่ช่วยสูบลมยางให้เรา) เจ้าของร้านเครื่องดื่มเล็กๆ ข้างรถที่เราจอดสูบลม (และได้อุดหนุน โกโก้เย็นของที่ร้านเค้า) พนักงานเก็บเงินหนุ่มบนทางด่วน เพื่อนร่วม เส้นทางที่เราหยุดจอดให้เค้ายูเทิร์น ดีเจหนุ่มที่เปิดเพลงแสนไพเราะ ระหว่างรถติดฝนพรำ (ที่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะนุ่มๆ) พนักงานที่ ลานจอดรถของห้ า งพาราไดซ์ (ที ่ พ นมมื อ ไหว้ อ ย่ า งนอบน้ อ ม) พนักงานต้อนรับที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ (ที่เราแค่เข้าไปชม ไม่ได้อุดหนุน) ลูกจ้างเก่าร้านเรา (เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว) เจ้าหน้าที่ธนาคารทุก ธนาคารที่เราติดต่อ ผุ้ฝึกโยคะทุกๆ คน ในคลาส (ที่ฝึกมาครบ 1 ปี ใน วันที่ 2 ก.พ. นี้) และอีกหลายรอยยิ้มจากการเดินทางกลับ จนมาพบ กับรอยยิ้มสุดท้ายของวัน รอยยิ้มของแม่ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เกิดรอยยิ้มมากมายเมื่อวานนี้ เป็น เรื่องที่ทำให้เรามีความสุข ชื่นบานในใจ จนอยากจะเล่ารายละเอียด ของทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา และความสามารถ เฉพาะตัวในการใช้ดัชนีนางของตัวเรา จึงต้องขอพักไว้ก่อน เพราะมี เรื่องที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกประทับใจมากมายสุดๆ เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ นาทีมานี้เอง ไม่น่าเชื่อว่าจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เรารู้สึก เหมือนว่าได้สูญเสียสิ่งมีค่า (ทรัพย์สินต่างๆ) ไปมากมาย กลับทำให้ เราได้มีโอกาสในการปรับเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งล้วนแต่ทำให้ เราได้ค่อยๆ กลับมาเริ่มต้นศึกษา เรียนรู้ตัวเองและสิ่งรอบๆ ตัวมาก ขึ้น มีเวลาอยู่กับบ้าน (จากการต้องค่อยๆ ซ่อมแซมบ้านทีละเล็กละ น้อยตามความจำเป็น เพราะรอดู และเตรียมรับสถานการณ์น้ำที่เค้า อาจติดใจอยากกลับมาเยียมเยือนอีก) ได้ใช้ชีวิตช่วงนี้อย่างช้าๆ ถึงช้า มาก กับธรรมชาติใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการหันมาหัดปลูกผักสวนครัว เอง ด้วยการเพาะเมล็ด จากเดิมที่เคยปลูกมาบ้าง (โดยการซื้อต้นที่ ออกดอกผลใบ พร้อมใช้งาน) ได้เริ่มต้นเรียนรู้จากการนับ 1 ไปเรื่อยๆ

ซึ่งอาจจะไม่มีวันสิ้นสุดว่าจะไปจบที่ไหน นับช้าบ้าง เร็วบ้าง ตามแต่ จังหวะของแต่ละสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ค่อยๆ ให้เราได้เฝ้าสังเกต และเรียนรู้ อย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิตที่ยังคงเหลืออยู่ จากเหตุการณ์ความต่อเนื่องของครอบครัวนก ที่เค้าเข้ามา ให้เราได้รู้จักอย่างใกล้ชิด จนเป็นความรู้สึกผูกพัน ประทับใจกับความ น่ารักของครอบครัวน้อยๆ ที่รู้จักกันแต่หน้าและตัว (แต่ยังไม่รู้จักชื่อ) ทำให้วันนี้เราจึงใช้ช่วงเวลาในตอนเช้าในการค่อยๆ ทำความรู้จักกับ เค้าด้วยการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ที่ดูเหมือนว่า วันนี้คุณเธอทั้ง สองตั้งใจจะแสดงให้เราได้เห็นชัดๆ เลยทีเดียว เพราะแค่เราไปยืน ใกล้ๆ รังน้อย เหลือบตาดู ไม่เห็นตัวเธอทั้งสอง พอมองไปที่ต้นมะม่วงข้างๆ ปรากฎว่าทั้งคุณพ่อนก แม่นก ต่างยืนอวดโฉมให้ชมอย่างเต็มที่ แถมในปากเธอยังคาบอาหารอยู่ด้วย และเค้าก็ใจเย็นให้เราได้ชื่นชมอยู่นานพอดู กว่าจะหลบเข้าไปแอบ ป้อนอาหารลูกน้อย (ไม่เห็นตอนป้อนหรอกนะ แค่จินตนาการเอง) และก็กลับออกมาใหม่ บินโฉบไปโฉมมาให้ยลโฉมกันอีกหลายรอบ แต่พอเราจะเข้าไปถ่ายรูป คุณเธอก็บินหนีไปเกาะต้นอื่น เลยได้แต่ เก็บภาพคู่รักคู่นี้ในระยะไกล ไม่เห็นรายละเอียดมากพอ เพราะเราใช้ กล้องจากมือถือ ที่พอกลับมาดู โห สงสัยต้องใช้แว่นขยายช่วยแล้วซิ เรา แม้ จ ะไม่ ไ ด้ เ ห็ น รายละเอี ย ดบนตั ว เค้ า ทั ้ ง สอง แต่ เ ค้ า ก็ แสดงออกให้เรารู้ว่ายินดีให้มองนะ แต่ขอแบบเว้นระยะห่างหน่อย เค้า ทั้งคู่ยืนเกาะบนสายไฟบ้าง กิ่งมะม่วงบ้าง ต้นประดู่นอกรั้วบ้าง สลับ กับการเอาอาหารเข้าไปให้ลูกน้อย ระหว่างนี้ก็มีบรรดาญาติมิตรนก กระจิบ กระจอกทั้งหลาย ที่เข้ามาสังสันต์ meeting กันสนุกสนานบน สนามหญ้าหน้าบ้านเรา จนยิ่งทำเราเห็นชัดว่า คุณๆ ทั้งหลายเหล่านี้ มีลักษณะและพฤติกรรมที่ต่างไปจากคู่รักทั้งสอง เลยเริ่มมาเอะใจว่า ตกลงเค้าเป็นนกอะไรกันแน่ พอกลับเข้าห้องเลยได้เวลาในการค้นหา คำตอบ เริ่มจากนกกระจิบ นกกระจอก (ซึ่งระหว่างการค้นหาได้พบ คลิปวิดิโอเรื่อง "นกกระจอกครับพ่อ") เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของคู่

14


พ่อลูกชาวตะวันตกคุ่หนึ่ง ที่น่าจะทำให้ผู้ที่ได้ชมหันกลับมามองดู คนในครอบครัวมากขึ้น ต่อมาก็นกกระจาบ ดูไปเรื่อยๆ เริ่มงงแล้วเรา ก็มันช่าง หาความต่างกันได้ยากจริงๆ ทั้งสีสัน ขนาดตัว จนมาเจอภาพนกที่ คล้ายกับคุณนกทั้งสองมากที่สุด ข้อมูลบอกว่า ตาสีเทา ยิ่งทำให้เริ่ม แน่ใจมากขึ้น (ก็เราสบตากับเค้าตั้ง 2 ครั้งนี่นะ) เลยเริ่มต้นใหม่ เค้าไม่ น่าจะใช่ นกกระจิบ กระจอก และกระจาบ แน่นอน แต่ชื่อที่เห็นในภาพ ช่างไม่คุ้นเอาซะเลย คราวนี้เลยต้องเริ่มค้นคำใหม่ ดูไปเรื่อยจนมาเจอ "รักของแม่ นกปรอดสวน" แค่เปิดหน้เวบได้ยินเสียงเพลงประกอบที่แสนไพเราะ ช่างจับใจเราจริงๆ ค่อยๆ ดูไปทีละภาพ ที่เจ้าของเวบค่อยๆ บรรยาย มันช่างคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราจังเลย ทั้งภาพและคำบรรยายอย่าง ละเอียด ตั้งแต่ลักษณะของรัง ลักษณะสีของไข่ ภาพของลูกนกตอน

2 “กูกลุ้มใจ”...”แล้วมึงคิดว่ากูสบายใจเหรอ?” “กูกลุ้มใจ”...”แล้วมึงคิดว่ากูสบายใจเหรอ” อาจจะดูไม่ค่อยสุภาพ แต่เป็นคำพูดที่โต้ตอบกันจริงระหว่างเพื่อนและ พี่ท่านหนึ่ง ทั้งสองคนนี้ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ได้พบกันครั้งแรก (ย้ำว่า ครั้งแรก) จากการไปโยคะธรรมะหรรษาขององค์กรหนึ่งด้วยกัน ทำให้ เหมือนได้พบเจอพี่น้องที่พรากจากกันมานาน คำพูดจึงได้ตอบโต้กัน ได้อย่างรวดเร็วและทันควันเช่นนี้ ตอนนั้นรู้สึกแค่ว่าตลกดี แต่ระยะ หลังนี้สองประโยคนี้เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตอย่างประหลาด เราเริ่ม รู้สึกว่าสองประโยคนี้แฝงข้อคิดอะไรบางอย่างเลยทีเดียว แม้คนต้น เรื่องอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็เหอะ เริ่มตั้งแต่ตัวเราเอง ก่อนหน้านี้จะรู้สึกหงุดหงิดกับบางคน มองว่าคนนั้นแหละเป็นต้นเหตุของปัญหา ต้นเหตุของความทุกข์ความ ไม่พอใจ เมื่อเวลาผ่านไปเราได้มองกลับไปด้วยสายตาของคนอื่นที่ มองกลับไปหาตัวเอง หรือได้ฟังจากบุคคลที่สามที่คู่กรณีเราไปปรับ ทุกข์ด้วย ก็ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วเราก็ทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญด้วย เหมือนกัน และ แถมบางทีเรานั่นแหละ ที่คิดให้ตัวเองหงุดหงิดไปเอง ซะอย่างนั้น มันเหมือนเราหาข้ออ้างหาคนโทษ ทั้งที่เหตุแห่งความ ทุกข์ใจนั้นเกิดขึ้นจากใจของเราเองที่มันดิ้นรนอยู่ไม่สุข เรามองจากแค่ มุมของเรา ว่าเรารับอารมณ์หรือพฤติกรรมที่ทำให้เราไม่พอใจนั้นมาไว้ เป็นของตัว ความเป็นตัวตนของเรานั้นกว้างใหญ่ จนคิดว่าเราต้องได้ทุก สิ่งทีเราต้องการ คนนี้ต้องเป็นแบบนั้นคนนั้นต้องไม่ทำแบบนี้ นั่นสิ ฉันถึงจะพอใจ พอคิดอย่างนี้อยู่บ่อยเข้า จิตใจของเราก็หยาบลง จน มองข้ามไปถึงความดีของคนอื่นเราสนใจแต่ความรู้สึกของตัวเองมาก ขึ้น มองข้ามความน่ารัก หรือแง่มุมดีๆ ของคนรอบข้าง จนทำให้เรารัก คนอื่นได้น้อยลง คนเรามีความต้องการหลากหลาย มีความอยากจะได้ อย่างที่ตัวต้องการ เมื่อคนต้องมาอยู่รวมกันมากกว่าหนึ่งคน ก็จะมี ความไม่ลงตัวที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเราสนใจแต่ว่า “กูกลุ้มใจ เพราะไอ้คนนั้น

15

ออกจากไข่ ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้เราได้รับคำตอบแล้วว่า ครอบครัว แสนน่ารักและอบอุ่นนี้ เป็นครอบครัวของ "นกปรอดสวน" แต่สิ่งที่ได้หลังจากคำตอบนี่ต่างหาก ที่ทำให้เราซาบซึ้งใจ และนึกขอบคุณเจ้าของเวบ ที่ได้ post เรื่องราวและสิ่งที่แสนดี มาให้ เราได้ร่วมซึมซับกับความมหัศจรรย์ในคำว่า "รัก" ที่แสนยิ่งใหญ่ ด้วย ภาพและน้ำเสียงที่ใส ก้องกังวาน หวาน ของกลุ่มศิลปิน “จีวัน” จาก บทเพลงอันทรงคุณค่า "ธรรมะมาตา (มารดาของโลก)" จนเราน้ำตา ซึมที่เดียว ความปิติ เบิกบานใจ ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ มากมายท่วมท้น จน อดใจไว้ไม่ไหวอีกรอบ อยากถ่ายทอดให้ครูได้ร่วมรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับ เราจริงๆ และทำให้เราได้ข้อคิดหลายอย่างว่า ระหว่างที่เรากำลัง ค้นหาคำตอบในบางสิ่งบางอย่างอยู่ นั้น อาจมีบางสิ่งที่เราไม่ได้ ต้องการจะค้นหา แต่สิ่งสิ่งนั้นกลับเป็นสิ่งที่สำคัญและมีคุณค่าสำหรับ เราได้ยิ่งกว่า

คนนี้น่ะแหละ” เราก็จะมีที่ ให้โทษอยู่ร่ำไป แต่เราลืม มองว่า ไอ้คนนั้นคนนี้ก็ ต้องอดทน แม้แต่เสียสละ ความสุขส่วนตัวบางอย่าง เมื ่ อ เราทำอะไรที ่ เ ขาไม่ พอใจด้วยเหมือนกัน ตัวอย่างจาก ประสบการณ์ของตัวเอง ที่ เคยโดนคนอื่นทำให้เสียใจ ตอนแรกเราก็จะมองแต่ว่าทำไมทำกับเรา อย่างนี้ วันทั้งวันไม่คิดอะไรคิดแต่โทษ โกรธ และไม่รู้ตัวเลยว่าความ รู้สึกนั้นก่อตัวขึ้นอยู่ในจิตใจ จนเวลาผ่านไปเห็นข้าวของเสื้อผ้า เครื่อง สำอางอันไม่จำเป็นมากมายที่กองอยู่ในบ้าน มาสคาร่าสี่อัน บลัชออน เจ็ดอันปัดได้ครบอาทิตย์เลย ถึงได้รู้สึกว่า เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นกับเรา เมื่อ มองดูดีๆ ไปถึงคนที่ทำให้เราทุกข์มากนั้น เราก็เห็นว่าเค้าเองก็ทุกข์ ไม่ใช่ทุกข์ในรูปแบบของความเศร้าเสียใจ แต่เป็นรูปแบบของความ ระเริง ความไม่รู้ ถึงได้รู้สึกว่าเราเข้าใจสองประโยคนี้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ว่าเมื่อคนมาทำให้เราทุกข์ คนที่ทำให้เราทุกข์เขาก็ทุกข์เหมือนกันนะ เมื่อเรามีความรักมีเมตตาเป็นพื้นฐาน เรามีจิตใจที่ละเอียด อ่อน ที่จะนึกถึงความรู้สึกหรือระลึกถึงความดีของผู้อื่น เราอาจจะมอง ได้ลึกซึ้งและเมตตาขึ้น เมื่อเรารู้สึกได้อย่างนี้ เราก็รู้สึกว่าใจมันเป็น อิสระอย่างแท้จริง เพราะเราแก้ที่ใครไม่ได้ เราจะเอาตัวเองเป็น ศูนย์กลางของทุกสิ่ง มันก็คือการยึดเอาไว้ แล้วใจเราเองที่ไม่เป็นสุข เอาง่ายๆ ก็เสียเงิน ชอปปิ้งไปอย่างไร้สาระ หรือเฝ้านั่งเกลียดนั่ง รำคาญคนอื่นกลายเป็นว่าคนที่ทุกข์นั้นจะใครเล่า ก็ตัวเราเอง เพราะ ฉะนั้น เมื่อเกิดคำว่า “กูกลุ้มใจ” ขึ้นมาอาจจะลองหันไปถามคู่กรณีใน ใจก็ได้นะว่า “แล้วแกโอเคป่ะ?”


¾พÃรÐะ»ป †ÒาÁมÒาÊสÇว¹นâโÁม¡ก¢ข 

àเÃร×ื ่ Íอ §ง àเ»ป้

3

¶ถÖึ§ง ¤คÃรÙู áแÅลÐะ àเ¾พ×ืè่Íอ¹นæๆ ·ท∙Õีè่Ãร¡ก·ท∙Øุ Ñั ¡ก¤ค¹น มาหาที่เรียนฟรี" จากนั้นเขาถามเรามั่ง "มาสอนโยคะค่ะพี่" เค้าร้องดัง

เป้ขอบคุณน้องกลอยและน้องเจี๊ยบ ที่ให้โอกาสไป แนะนำโยคะที่สวนโมกข์กรุงเทพฯ เมื่อ 28.1.55 ที่ผ่าน มา มีเหตุการณ์ประทับใจมากๆ ที่อยากถ่ายทอดให้ครู เพื่อนๆ และน้องๆ ฟัง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อน้องกลอยโทรมา โดยยังไม่รู้น้องจะพูด อะไร เป้รีบบอก "พี่งานสอนเยอะมาก เปิดสอนกลางวันสามวัน" แต่มี ที่หนึ่งที่อยากไปสอนมากคือ "สวนโมกข์" และกลอยก็บอกว่า "พี่เป้ วันเสาร์ไปได้เลย" ดีใจม๊ากๆๆ มากกว่าได้เงินเดือนอีก จากนั้นมานั่ง คิด นอนคิด เราจะไปสอนแบบไหนดี เอาแบบ joint ที่ศรีโยเกนดราดีมั๊ ย หรือเอาแบบสถาบันที่เราถนัด ...เฮ้อ คิดไปคิดมาปวดหัว เช้าบอกหลานให้ช่วยปลุกด้วย (ไม่เคยตื่นก่อนเจ็ดโมงเช้าถ้า ไม่จำเป็น) นั่งรถไฟฟ้า ขำตัวเอง ต้องมองเด็กๆ ว่าเขาซื้อตั๋วรถไฟฟ้า อย่างไร เหอๆ เขาเอาเงินสอดเข้าไปได้เลย low tech ใช่ป่ะ ลงจาก รถไฟฟ้าต่อแท็กซี่ คนขับเป็นเด็กหนุ่ม (หล่อนะน้องๆ) อายุ 39 พอ ออกรถ ก็ชวนเขาคุย ชวนเขาให้พาหลานไปเที่ยวสวนโมกข์ เขาก็ถาม เป้ว่าไปทางไหน ก็บอกไม่รู้ เขาว่าบางคันจะพาวิ่งอ้อมสวนจตุจักรไป ไกล ได้ตังค์เยอะ แต่เขาจะพาวนกลับนะครับ พี่จะได้ไม่เสียตังค์เยอะ ตอนลงก็เลยทิปไปยี่สิบบาท (ไม่ได้สินบนนะ) ไปถึงคุณป้า (รู้ชื่อภายหลังว่า หมอน) บอกว่าวันนี้กิจกรรม ทุกอย่างงด ไอ๋หย่า..เย็นๆ ไว้ ยังยืนยันกับกลอยอยู่เลย ไม่เป็นไร พระกำลังตักอาหารเช้าอยู่ มีคนแก่ๆ สาวบ้างนั่งกันอยู่ที่เก้าอี้ เราก็ไป นั่งด้วยเลยแล้วกัน พอเขาขึ้นไปชั้นสองเพื่อถวายอาหารพระ เรา ก็ตามเขาไปด้วย เข้าไปห้องประชุมสอง กราบงามๆ แบบที่ท่านพุทธ ทาสสอนเมื่อครั้งไปสวนโมกข์ (ท่านพูด "เอ้าทำ พนมมือระหว่างอก เรียกว่า วันทนา ยกมือจรดหว่างคิ้ว เรียกว่า อัญชลี กราบลงศีรษะอยู่ ระหว่างมือเรียกว่า อภิวาท" ทำเลย) เสร็จเดินออกมานอกห้อง เจอผู้ชายคนหนึ่งผอมๆ สะพาย กล้อง รองเท้าไม่ใส่ นุ่งกางเกงเล เราก็ไปถาม "พี่คะ ห้องนี้เหรอที่ เรียนโยคะ" “ครับ เพิ่งมาครั้งแรกเหรอ" “ค่ะ หนูจะมาสอนโยคะ น้อง ที่ให้มา ไม่ทราบว่าวันนี้งด หนูลืมโทรศัพท์ด้วย” พี่แกยื่นโทรศัพท์ให้ "โทรเลย ตามสบาย" “จำเบอร์ใครไม่ได้เลยค่ะพี่ ขอบคุณค่ะ" “งั้นไปทานข้าวข้างล่างเลย” พี่เขาบอก (ภายหลังทราบว่า ชื่อคุณหมอบัญชา เป็นหลานท่านพุทธทาสที่เป้เคยอ่านหนังสือเจอ) ก็ มากินข้าวเหนียว แจ๋วปลาร้า ผักต้ม มังคุด (อาหารเยอะมาก มีคนมา ทำบุญ หิวยังเพื่อนๆ) อาหารเขาใส่กาละมังอลูมิเนียมขนาดย่อมที่ ขอบเขียนว่า ให้รู้ประมาณในการบริโภค (ภาษาบาลีเขียนไว้จำไม่ได้) แล้วก็มีคุณลุงบอกว่า วันนี้พระป่าจากวัดหนองป่าพงพร้อมสาขามา แสดงธรรม ว้าว..พระป่าจากบ้านเกิดของเราเอง...(พูดภาษาลาวด้วย เด้อ) กินเสร็จก็ไปล้างชาม ขณะเดินกลับก็เห็นคนแบกเสื่อโยคะ มาสองสามคนแล้วก็เดินออกไป เราก็รีบมาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง (ชื่อแอ๋ วมั๋งรู้ตอนหลังอีกแหล่ะ) นั่งหน้าห้องสมุด ก็เข้าไปคุยว่ามาทำอะไรคะ "มาเล่นโยคะ แต่ยกเลิก" พี่เคยเล่นหรือเปล่า "เคยที่สตูดิโอ แพง เลย

"ครูอยู่นี่เอง" เขินจัง แล้วมีอีกคนพุ่งมาเลย “เหรอค่ะ มีเพื่อนอีกสอง คนจะสอนมั๊ย” "ได้ค่ะ กี่คนก็สอนถ้ามีสถานที่" แหมๆ...ถามถูกคนอ่ะ คุณหมอบัญชาเดินออกมาจากห้องสมุด เป้ก็เข้าไปถามว่ามี ห้องมั๊ยค่ะ (ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเค้าเป็นใครหรอก) คุณหมอก็บอกว่าเอา ที่สวนปฏิจจฯ ได้ป่ะ "ได้ค่ะที่ไหนก็ได้" เขาก็ให้เขียนที่บอร์ดว่า มี เรียนโยคะที่สวนปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท เพื่อนๆ รู้ยังว่าคือ อะไร) หันไป เห็นน้องเจี๊ยบยกกล่องซีดีหนักเชียวเดินเข้ามา ก็พากัน นำผู้เรียนไป พอดีมีผู้ชาย (staff) คนหนึ่งบอกว่าจะเรียนด้วย แล้วก็ไป ดูห้องเดิมที่เคยใช้บอกว่า พระท่านเลิกใช้แล้ว ไปเรียนที่เดิมเหอะ..พี่ เขาชื่อ อ.วิรัตน์ เป็นคนบรรยายภาพปฏิจจสมุปบาท ที่เก่งมากๆ เป้ ฟังมาแล้วสุดยอด มีนักเรียนห้าคน (รวมน้องเจี๊ยบ ซึ่งคนอื่นเรียกครูเจี๊ยบ แต่พี่ ขอเรียกน้องเจี๊ยบ หนิดหนมมากว่า) ตอนหลังก็ค่อยๆ มา จน ประมาณสิบคนมั้ง สอนสิบโมงถึงก่อนเที่ยงประมาณสิบนาที แล้วก็คุย กับผู้มาเรียน ถามชื่อ บางคนก็มาถามปวดคอทำอย่างไร ปวดหลัง ทำท่าไหน วันไหนจะมาสอนอีก รู้จักครูดลมั๊ยมาสอนวันไหน เรียนมา จากไหน แพงมั๊ย ฯลฯ ขอบอกเป็นประสบการณ์ที่ดีมากจ๊ะ... มีข้าวเที่ยงเลี้ยงฟรี ไปซื้อหนังสือที่ห้องหนังสือ ถูกจัง ซื้อ เยอะจนหอบไม่ไหว มีเสื้อยืดขายด้วย ซื้อเสื้อไปแจกเพื่อนดีกว่า แทน ของปีใหม่ที่ยังไม่ได้ให้รวมกับวันวาเลนไทน์เลย เลยได้รู้จักพี่สมรเพิ่ม (คนขายหนังสือ) รู้จักน้องผู้ชายน่ารักๆ อีกคน (จำชื่อไม่ได้ เขาบอก สองครั ้ ง แล้ ว ) เลยสามารถฝากหนั ง สื อ ในห้ อ งของเจ้ า หน้ า ที ่ ไ ด้ เย้...จากนั้นก็ไปฟัง อ.วิรัตน์อธิบายภาพต่างๆ จากโรงมหรสพทาง วิญญาณก็มี ดีมาก ใครไม่เคยไปเชิญชวน ไปสอนพร้อมไปฟังเลย จ๊า... กำหนดการคือ หกโมงทำวัตรเย็น สองทุ่มแสดงธรรมทั้งคืน เราก็อืม ฟังสักสามสี่ทุ่มค่อยกลับแล้วกัน โทรศัพท์ก็ไม่มี เบอร์ใครก็จำ ไม่ได้ หลานก็ไม่ได้บอกว่าจะกลับกี่โมง แต่โอกาสจะได้ฟังพระป่ามา แสดงธรรมในเมือง แล้วเยอะขนาดนี้จะมีอีกมั๊ยเนี่ย... กลับไปอาบน้ำ ก่อน บอกหลานแล้วค่อยมาดีมั๊ย.. พี่คนขายเสื้อบอกว่าไม่ต้องกลับ หรอก เดี๋ยวก็ไม่มา คนกรุงเทพฯ จะเป็นอย่างนี้ อืมจริงๆ ..แต่เขาให้ ใส่ชุดขาวกันนะพี่ กางเกงหนูสีส้ม (ซื้อมาจากอินเดีย) เอาบอกอยู่ที่ใจ แต่ญาติโยมทางวัดหนองป่าพงเขาบอก "ไม่ได้ ต้องขาวล้วน" เลยซื้อ กางเกงเลสีกลักใส่เลย (สีของพระวัดป่า ..ไม่ได้ประชดนะ) รูปที่หนึ่งขึ้นเทศน์ อัดเสียงไว้สักครู่ memory เต็ม ตายหล่ะ ที่อัดมามีเสียงครูญี่ปุ่น เสียงจากอินเดียยังไม่ได้เอาออก เอาหล่ะ ลบ ของเพื่อนๆ ทิ้งแล้วกัน แล้วอัดได้นิดหน่อย รูปที่สอง รูปที่สาม ขณะนี้เวลาผ่านไปถึงตีหนึ่งกว่าแล้ว เรา ยังไม่ง่วง และไม่ได้กลับ แวบในความคิด "เนี่ยเราแค่มีหลานสาวอยู่ที่ บ้าน สมบัติก็ไม่ค่อยมี รองเท้าทองก็ไม่ได้ใส่ ยังลำบากใจ" เจ้าชาย สิทธัตถะตอนออกบวช "มเหสีสวยมาก โอรสยังเล็กน่ารัก พระราช บิดา-มารดาแก่ ทรัพย์สมบัติมหาศาล" ท่านยังตัดใจไปได้ หัวใจทำ ด้วยอะไร ช่างยิ่งใหญ่...

16


รูปที่สี่ชื่อท่านเกวลี เป็นชาวเยอรมัน เจ้าอาวาสวัดป่า นานาชาติ อุบลฯ ท่านขึ้นเทศน์ บอกความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ ความรู้สึก ฯลฯ (จะไปขอคุณหมอบัญชาแล้วส่งมาให้เพื่อนๆ ที่สนใจ ฟัง) รูปที่ห้า หก เจ็ด แล้วก็แปด ถึงตีสี่แล้ว หมดเวลา...ทำวัตร เช้าถึงตีห้า..หมดกิจกรรม พักทำธุระส่วนตัว เนื้อหาธรรมสรุปรวมตามที่จดไว้มีดังนี้ (ไม่ครบ ถ้วน) "ท่าน เน้น พวกอาตมาเป็นพระป่า มาจากบ้านนอก อยู่กับธรรมชาติ โยมอยู่ กรุงเทพฯ เสียงที่นี่เหมือนน้ำเดือด... ใจคือรู้... กายใจทิ้งกันไม่ได้เว้น แต่ตาย.. ปวดหัว ปวดท้อง เป็นหน้าที่ได้มั๊ย... วางใจให้ถูก... ดูใจ เห็นใจ เกิดอะไรขึ้นในใจ... ชีวิตคือศีลธรรม.. สัตว์คือผู้ข้องอยู่กับอกุศล ธรรม.. ขี้เกียจก็ทำ ขยันก็ทำ (หลวงปู่ชาบอกลูกศิษย์)... พระไตรปิฏก อยู่ที่กายยาววาหนาคืบนี่... อธิษฐานจิตก็สำคัญนะโยม... กรรมบท สิ บ ... พระศรี อ ริ ย เมตตรั ย .. "ถ้ า เขาบอกว่ า เราเป็ น หมาจะเชื ้ อ ไหม" (หลวงปู่ชาถาม).. มานะเก้า อาการสามสิบสอง.. มนุษย์คือผู้มี ใจสูง มีศีลห้า.. การฝึกอยู่ที่ใจ... สังขาร วิสังขาร... ให้มีศรัธา มีปีติ ขัน ตี.. ศิลาทับหญ้า... สุดท้ายพระท่านฝากมาถามว่า "โยม เกิดมาทำไม" ให้ไปตอบท่านด้วย

4 ´ด ŒÇวÂย¨จÔิµต·ท∙Õีè่»ปÃรØุ§งáแµต ‹§ง

ธรรมชาติของความมีตัวตน ด้วยอัตตาที่โตใหญ่ ทำให้เรา ภาคภูมิในความคิดเห็นของเราเองอยู่ตลอดเวลา ว่าถูก ว่าดี ว่าควร และโดยมากระหว่างที่ภาคภูมิใจนั้น มักเกิดความคิดที่ว่า อยากแบ่งปัน ความภูมิใจนี้ให้คนอื่นร่วมรับรู้ เพื่อเพิ่มความฟูในใจเรา เร่งอัตตาตัวตน ให้ใหญ่โตขึ้น เหมือนดังเหตุการณ์ที่กำลังจะกล่าวอ้างต่อไปนี้ ให้ได้ลอง คิดใคร่ครวญพิจารณากัน เรื่องมีอยู่ว่า เพราะความกระหยิ่มยินดีจากที่ตนได้ตอบคำถาม พร้อมทั้งให้คำแนะนำคนอื่นออกไป ทำให้ รู้สึกถึงความเจ๋งของตัวกูโผล่ ออกมาอย่างชัดเจน คิดได้ดังนี้จึง รีบทำการพิมพ์รายงานเล่าเรื่องราว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมท้ายยังสรุปเสร็จสรรพ ว่าสิ่งที่บอกกล่าวไป เป็นความคิดเห็นที่ถูก ที่ดี ที่ควร โดยบุคคลที่เราอยากให้ร่วมรับรู้การก ระทำครั้งนี้ของเราอย่างมากมาย คือ เจ้านายของเรานั่นเอง เรื่องราวถูกเล่าออกมาเป็นตัวหนังสือ ส่งผ่านไปทางจดหมา ยอิเล็คทรอนิกส์หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า อีเมล์ และตั้งหน้าตั้งตานั่งรอ คอยการตอบกลับมาด้วยการคิดถึงผลลัพธ์ในแง่ดี ว่า ต้องได้รับคำ ชื่นชมรื่นรมย์มากมาย ยิ่งปรุงแต่งจิตตัวเองต่อไป ยิ่งทำให้ใจฟู ตัวพอง และหน้าบาน เมื่อมีข้อความตอบกลับมา ไม่รอช้า รีบเปิดอ่านโดยพลัน ด้วย ธงที่ปักไว้แล้วว่า ต้องได้โล่ห์เป็นแน่แท้ แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ประโยคที่ตอบกลับมา ขึ้นต้นด้วยคำว่า ดี แต่.... ความยาวกว่าหน้า กระดาษ อ่านไปทีละวรรค ทีละบรรทัด เหมือนถูกตบที่หน้า ชกด้วย หมัด และทุบซ้ำด้วยกำปั้น อ่านไปด้วยใจที่เต้นระรัว ได้ยินเสียงหัวใจ ตัวเองเต้นไม่ได้จังหวะ จิตปรุงเป็นเสียงของเจ้านายที่ดังเกรี้ยวกราด ผ่านตัวหนังสือที่อ่าน เกิดความรู้สึกแน่นในหัว มึน งง และชา สิ่งที่ตอบ กลับมา ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้ ใจเริ่มฝ่อลงเรื่อย ๆ ที่สุดบ่ายที่

17

ตีห้านั่งแท็กซี่กลับบางนา หลับไปสามชั่วโมง อาบน้ำแต่งตัว กลับไปร่วมงานตอนบ่ายโมง พระอาจารย์รูปสุดท้ายแสดงธรรม ขอ ขมาพระรัตนตรัย ปิดงาน แล้วมีแสดงธรรมพิเศษเวลาบ่ายสามโมงโดย ท่านชยสาโรภิกขุ (ลูกศิษย์ชาวอังกฤษของหลวงปู่ชา) เนื้อความได้ แนบมาให้เพื่อนๆ ฟังสองไฟล์เสียง ก่อนกลับได้ถวายไม้เท้าพระอาจารย์อายุเยอะหน่อยหนึ่งรูป ได้เจอคุณลุงที่มาจากอุบล (ที่เจอตอนเช้า) พระท่านนั่งอยู่สามรูปมีพระ หนุ่มสอง ท่านก็พูดให้ชื่นใจว่า "โอ..ได้ของดีตัวนี้ ไม้เท้าปรับระดับได้" ดีใจ) หอบหนังสือกลับบ้านด้วยความสุข (หลับมาในรถไฟฟ้า ดีน้ำลาย ไม่ไหลใส่น้องที่นั่งข้างๆ) ผลบุญกุศลจากการได้ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ได้ความรู้สึก สุขใจ และปลื้มใจมากในครั้งนี้ ขอแบ่งให้ครูทุกท่าน เพื่อนๆ ขอบคุณ น้องกลอย น้องเจี๊ยบมากๆ ที่ทำให้พี่มีเหตุปัจจัยเกิดขึ้นตรงเวลา ตรง สถานที่ ขอบคุณมากๆ ค่ะ เคารพครู รักเพื่อนๆ จนกว่าจะหมดเวลา àเ»ป ‡

àเÃร×ื ่ Íอ §ง ¹นÔิ Ãร ¹นÒาÁม เหลือของวันนั้น ไม่เป็นอันได้ทำงานอื่นต่อไป เพราะมัวแต่แบกเรื่อง ราวนี้ไว้ไม่ยอมวาง กลับถึงบ้านหน้ามืด ตามัว หาที่ระบายโดยการเล่าเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นให้คนข้างกายฟัง หลั่งน้ำตา และปรารภว่า ไม่อยากทำงานนี้ แล้ว เพียงแค่ได้ระบาย อกที่อัดอั้นกลับเบาขึ้น วางใจลง ไม่ได้เอา เรื่องราวมาแบกไว้อีก คืนนั้นจึงเข้านอนหลับได้อย่างใจสบาย ตื่นเช้ามา เรื่องราวนั้นยังคั่งค้างวนเวียนอยู่ในใจ ระหว่างการ เดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน ตลอดระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร พลัน เกิดความคิดว่า อืม ทุกเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิต ล้วนแล้วเป็นบทเรียน เพื่อสอนให้เราพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับมัน การที่เจ้านายตอบกลับ มายาวเหยียดขนาดนั้น นั่นเพราะเขาเห็นความสำคัญของการอธิบาย ให้เราเข้าใจ ซึ่งหากเขาไม่ใสใจเราแล้ว เขาจะมามัวเสียเวลากับการ สอนสั่งเราทำไม จะมัวมานั่งทุกข์อยู่ใย ประโยชน์อันใดจะเกิดขึ้นได้ พิจารณาดังนี้ จึงยิ้มให้กับตัวเอง พร้อมกับได้คิดว่า มันคือบทเรียนบท หนึ่ง รู้แล้ว ยอมรับ เรียนรู้ และปล่อยวาง เดินทางถึงที่ทำงาน นั่งโต๊ะ เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมกับ เริ่มต้นอ่านจดหมายฉบับเดิม ด้วยข้อความเดิม แต่ความรู้สึกเปลี่ยนไป สิ่งที่เกิดขึ้น คือ กระแสเสียงแห่งความเมตตากรุณาดังผ่านมาจาก ข้อความทีละวรรค ทีละตอน ทีละประโยค ทีละบรรทัด เป็นไปอย่าง ช้าๆ แต่อบอุ่น ทุกประโยคที่ได้รับเต็มไปด้วยความเมตตา ช่างเป็น อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง หรือนี่เกิดจาก การปรุงแต่งของจิตด้วยเช่นกัน จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ทุกครั้งที่เกิดสิ่งใดมากระทบ หรือ ใครที่มีเหตุให้ชีวิตเข้าสู่ด้านมืด มักจะบอกทั้งตัวเองและคนรอบข้าง ว่า ทุกคนคือครู ทุกเหตุการณ์คือบทเรียน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะสอนให้เรา เข้าใจ มองมันอย่างเป็นธรรม แล้วธรรมนั้นจะให้คุณแก่เรา ก็เท่านั้นเอง


¤คØุ³ณ¶ถÒาÁม àเÃรÒาµตÍอºบ

¤คÔิ´ดàเËหç็¹นÍอÂย ‹Òา§งäไÃร¡กÑั ºบ¡กÒาÃรÊสÍอ¹นâโÂย¤คÐะáแ¹นÇวÊสÁมÒา¸ธÔิ

เราถาม: คิดเห็นอย่างไรกับการสอนโยคะแนวสมาธิ ในโครงการโยคะเดลิเวอรี่ ? คุณตอบ: อืมมมม....ยากนะคะ ยากที่จะฟันธง เพราะจะดูก้าวร้าวเกินไป งั้นขอตอบแบบอ้อมๆ แบบนี้คะ 1. ได้คุยกับพี่ยุทธโรจน์ (กรีนไลฟ์ฟิตเนส) พี่โรจน์ เป็นคนธรรมะธรรมโมเลยทีเดียว ข้อนึงของการรับสมัครงาน คือ พนักงานสามารถ ลาไปปฎิบัติธรรมได้ ขนาดนั้นเลย ครูคงทราบดีแล้ว เมื่อพี่โรจน์จบจากสถาบันฯ ของเรา ก็ได้ให้ครูโจ๋ เข้าไปสอนในแนวไกวัลยธรรม สุดท้าย “ไม่รอด” ทั้งๆ ที่พี่เขาเป็นเจ้าของฟิตเนสเอง แต่ก็ไม่สามารถทานกระแสของโยคะ ที่คนบางกลุ่มต้องการได้ โดยเฉพาะโยคะในฟิตเนส... ซึ่ง ปัจจุบันนี้ ดาวก็ยังไม่ได้เข้าไปสอนนะคะ ตอนที่ไปทดลองสอนดู ขนาดปรับให้หนักขึ้นจากของสถาบันฯ ของเรา ผู้เรียนก็ยังว่าเบาไป จะสอนโยคะเพื่อสมาธิได้ ต้องมีการจัดเป็นคอร์สเฉพาะเจาะจง ในวันที่ 20 พ.ค. ที่จะถึงนี้ กรีนไลฟ์จัดคอร์ส ล้างพิษฟรีสำหรับบุคคล ทั่วไป (ที่เลื่อนมาจากช่วง พ.ย. น้ำท่วม) ดาวจะได้เข้าไปสอนในแนวไกวัลยธรรม เป็นการหลังการเทศน์ของพระ คือต้องเฉพาะเจาะจงขนาด นั้น !!! 2. ครูเคยบอกถึง เป้ า ประสงค์ ข องการเผย แพร่ อาสนะแนวไกวั ย ล ธรรม เน้นให้บุคคล ประชาชน คนทั่วไป ทำได้ ด้วยตนเอง ขนาดถ้าเกิดว่า ใครเก็ บ หนั ง สื อ โยคะแนว ไกวัลยฯ ที่ตกอยู่ ก็สามารถ นำไปฝึกเองได้ที่บ้าน อันนี้ ดาวเห็นด้วยทุก ประการ ....แต่ถ้าในบุคคล อี ก กลุ ่ ม มี ค วามสนใจถึ ง ขนาดจ้างครูไปสอน หรือมา เรียน อาสนะแค่นี้จะพอหรือ คะ??? จากที่ดาวสอน และประสบการณ์ จ ากตั ว เอง จะมีนักเรียนสักกี่คน ที่ ตามดูจิต ตามรู้ใจ ผ่อนลม หายใจ ตามที่เราแนะนำได้ คะ ที่พบคือ ในการค้างท่า อาสนะใดอาสนะหนึ ่ ง นั ้ น โดยเฉพาะท่าที่ไม่ใช่ อิริยาบถตามธรรมชาติ เช่น ท่างู ค้าง 30 วินาที 60 วินาที นักเรียนมัก “พยายาม” ทำ นึกว่านี่คือ เรื่องปกติที่ใครก็ทำได้ ก็เกร็ง ก็ฝืนคะ ในวันที่ 26 ก.พ. ที่ ดาวไปช่วยสอน ดาวก็เห็นคะ สำหรับผู้ฝึกใหม่ ตัวสั่นกันทีเดียว สุดท้ายตะคริวรับประทานคะ 555 3. ดาวว่าแค่นี้ครูน่าจะพอเห็นภาพคะ หลังจากที่ดาวจบ ประสบการณ์การเป็นครูอาจจะน้อย แต่ประสบการณ์ การเป็นนักเรียน โดย เฉพาะในฟิตเนส นี่ก็ประมาณ 10 ปีได้ ดาวได้สอนในที่ต่างๆ ไฟแรงคะ ลองทุกแนวแล้ว แนวสถาบัน ได้ใช้นะ ใช้ได้ในทฤษฎี แก่นของโยคะ การหายใจ และผ่อนคลาย ส่วนอาสนะนั้น ต้องถูกปรับเปลี่ยนไป ตอนนี้คิดออกแค่นี้คะ 555+ สุดท้ายดาวคิดว่า การสอนโยคะแนวสมาธินี้ ก็เหมาะกับที่วัดหรือสถานที่ปฎิบัติธรรมคะ ป.ล. จะเป็นไปได้ไหมคะ คือดาวอ่านหนังสือของ ครูพี่เละ แล้วชอบมาก ถ้าอยากจะให้แกมาสอน มาถ่ายทอดวิชา แลกเปลี่ยนความ คิดเห็นกันสักครั้งหนึ่ง เอาแต่เรื่องอาสนะ นะคะ 555+ สถานที่ไม่มีอย่างไร ดาวจะขอประสานกับพี่ๆ ให้ ขอบคุณค่ะครู ´ดÒาÇว

! []!

18


http://www.84000.org/tipitaka/

¾พÃรÐะäไµตÃร»ป ®ฎ¡ก áแ¡ก ‹¹น¸ธÃรÃรÁม ÍอÑั¡กâโ¡กÊส¡กÊสÙูµตÃร สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ใน พระวิหารเวฬุวัน อันเป็นที่พระราชทาน เหยื่อแก่กระแต เขตพระนคร ราชคฤห์ ฯ อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ได้ สดับมาว่า พราหมณ์ภารทวาชโคตรออก จากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในสำนักของพระสมณโคดมแล้วดังนี้ โกรธ ขัดใจ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ด่าบริภาษพระผู้มีพระภาคด้วยวาจาอันหยาบคาย มิใช่ของสัตบุรุษ ฯ เมื่อ อักโกสกภารทวาชพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับอักโกสกภารทวาชพราหมณ์ว่าดูกร พราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน มิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้ เป็นแขกของท่าน ย่อมมาบ้างไหม ฯ อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ตอบว่า พระโคดมผู้เจริญ มิตรและอำมาตย์ ญาติสาโลหิต ผู้เป็นแขกของข้าพระองค์ย่อมมาเป็นบางคราว ฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ท่านย่อมสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านจัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มต้อนรับมิตร และ อำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นบ้างหรือไม่ ฯ อ. พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์จัดของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มต้อนรับมิตร และอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นบ้างในบาง คราว ฯ พ. ดูกรพราหมณ์ ก็ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับ ของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้นจะเป็นของใคร ฯ อ. พระโคดมผู้เจริญ ถ้าว่ามิตรและอำมาตย์ญาติสาโลหิตผู้เป็นแขกเหล่านั้นไม่รับ ของเคี้ยวของบริโภคหรือของดื่มนั้น ก็เป็นของข้า พระองค์อย่างเดิม ฯ พ. ดูกรพราหมณ์ ข้อนี้ก็อย่างเดียวกัน ท่านด่าเราผู้ไม่ด่าอยู่ ท่านโกรธเราผู้ไม่โกรธอยู่ ท่านหมายมั่นเราผู้ไม่หมายมั่นอยู่ เราไม่รับเรื่อง มีการด่าฯลฯ ของท่านนั้น ดูกรพราหมณ์ เรื่องมีการด่าฯลฯ นั้นก็เป็นของท่านผู้เดียว แล้วตรัสต่อไปว่า ดูกรพราหมณ์ ผู้ใดด่าตอบบุคคลผู้ด่าอยู่ โกรธตอบบุคคลผู้โกรธอยู่ หมายมั่นตอบบุคคลผู้หมายมั่นอยู่ ดูกรพราหมณ์ ผู้นี้เรากล่าวว่า ย่อมบริโภคด้วยกัน ย่อมกระทำตอบกัน เรานั้นไม่บริโภคร่วม ไม่กระทำตอบด้วยท่านเป็นอันขาด ดูกรพราหมณ์ เรื่องมีการด่าฯลฯ นั้นเป็นของท่านผู้เดียว อ. บริษัทพร้อมด้วยพระราชา ย่อมทราบพระโคดมผู้เจริญ อย่างนี้ว่าพระสมณโคดมเป็นพระอรหันต์ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนพระโคดมผู้ เจริญ จึงยังโกรธอยู่เล่าฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ผู้ไม่โกรธ ฝึกฝนตนแล้ว มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ สงบ คงที่อยู่ ความโกรธจักมีมาแต่ ที่ไหน ผู้ใดโกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ลามกกว่าบุคคลนั้นแหละ เพราะการโกรธตอบนั้น บุคคลไม่โกรธตอบบุคคลผู้โกรธแล้ว ชื่อว่าย่อมชนะสงครามอันบุคคลชนะได้โดยยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติ สงบเสียได้ ผู้นั้น ชื่อว่าย่อมประพฤติประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย คือแก่ตนและแก่บุคคลอื่น ผู้นั้นรักษาประโยชน์อยู่ทั้งสองฝ่าย คือของตนและของบุคคลอื่น ชนทั้งหลายผู้ไม่ฉลาดในธรรม ย่อมสำคัญบุคคลนั้นว่า เป็นคนเขลา ดังนี้ ฯ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของ พระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศพระธรรมโดยปริยายเป็นอันมาก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืดด้วยคิดว่า คนมีจักษุย่อมเห็นรูปได้ฉะนั้น ข้า พระองค์นี้ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอข้าพระองค์พึงได้บรรพชาพึงได้อุปสมบทในสำนักของพระโคดมผู้ เจริญ ฯ อักโกสกภารทวาชพราหมณ์ได้บรรพชาได้อุปสมบทแล้วในสำนักของพระผู้มีพระภาค ก็ท่านอักโกสกภารทวาชอุปสมบทแล้วไม่นานแล หลีกไปอยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปอยู่ ไม่นานเท่าไรนัก ก็กระทำให้แจ้งซึ่งคุณวิเศษอันยอดเยี่ยมเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ซึ่ง กุลบุตรทั้งหลาย ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบมีความต้องการ ด้วยปัญญาเป็นเครื่องรู้ยิ่งเองในปัจจุบันนี้เข้าถึงอยู่ ได้ทราบว่าชาติสิ้น แล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่จะต้องทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็แหละท่านพระอักโกสกภารทวาชะได้เป็นพระ อรหันต์รูปหนึ่ง ในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย ดังนี้แล ฯ 19!

[]


iYoga àเÃร×ื ่ Íอ §ง ¸ธÓำÃร§ง´ดØุ Åล www.facebook.com/iLoveYogaAnatomy

·ท∙Õีè่Çว ‹Òา§ง

1 Ëห¹นÖึ่§งãใ¹น mission ·ท∙Õี่ÍอÂยÒา¡กãใËห Œ possible ÁมÒา¡ก·ท∙Õี่ÊสØุ´ดãใ¹น ªช ‹Çว§งÇวÑั¹นËหÂยØุ´ดÂยÒาÇว·ท∙Õี่¼ผ ‹Òา¹นÁมÒา¤ค×ืÍอ ¼ผÁมÍอÂยÒา¡ก¨จÑั´ดºบ ŒÒา¹นãใËห ŒàเÃรÕีÂยºบÃร ŒÍอÂย àเÍอÔิ่Áม..áแµต ‹Çว ‹Òา.. ÇวÑั¹นÊส§ง¡กÃรÒา¹นµต ¼ผÁมäไ»ป IKEA Ãร ŒÒา¹น¢ขÒาÂยàเ¤คÃร×ื่Íอ§งµต¡กáแµต ‹§งºบ ŒÒา¹นÊสÑั­ÞญªชÒาµตÔิÊสÇวÕีàเ´ด¹นÁมÒา¤คÃรÑัºบ áแ¤ค ‹¡กÐะ¨จÐะËหÒา¡กÅล ‹Íอ§งÊสÇวÂยæๆ ÁมÒาàเ¡ก็ºบ¢ขÍอ§ง¡กÃรÐะ¨จØุ¡ก¡กÃรÐะ¨จÔิ¡กãใËห Œ´ดÙูàเ»ป š¹นÃรÐะàเºบÕีÂยºบ »ปÃรÒา¡ก¯ฏÇว ‹Òา Íอ´ดãใ¨จäไÁม ‹äไËหÇว..«ซ×ื้Íอ¢ขÍอ§ง¡กÅลÑัºบÁมÒาºบ ŒÒา¹นàเµต็ÁมàเÅลÂย ÃรÇวÁม¶ถÖึ§งÃรÙู»ปÍอÍอÃร àเ´ดÃรÂย  áแÎฮ»ปàเºบÔิÃร ¹น ÊสäไµตÅล »ป ˆÍอ»ปÍอÒาÃร µต ¢ข¹นÒา´ดäไÁม ‹Âย ‹ÍอÁม·ท∙Õี่äไ´ด ŒÁมÙู Œ´ดÅล§งµตÑัÇวàเ»ป ˆÐะ¡กÑัºบ¼ผ¹นÑั§งËหÑัÇวàเµตÕีÂย§ง ¡กÅลÑัºบ¨จÒา¡ก IKEA ÁมÒา¶ถÖึ§งºบ ŒÒา¹น ¾พÍอµตÑั้§งµต Œ¹นàเ¡ก็ºบ¢ขÍอ§ง ¨จÑั´ดºบ ŒÒา¹นÍอÂย ‹Òา§งµตÑั้§งãใ¨จ¼ผÁม¾พºบÇว ‹Òา ÊสÔิ่§ง·ท∙Õี่¼ผÁมµต ŒÍอ§ง¡กÒาÃร¨จÃรÔิ§งæๆäไÁม ‹ãใªช ‹¡กÅล ‹Íอ§ง áแµต ‹¤ค×ืÍอ

! []!

20

‘·ท∙Õี่Çว ‹Òา§ง’


2

4 ตอนขนของหนีน้ำท่วมเมื่อปี

เคยคบกับใคร แบบต้อง ตัวติดกันเหมือนรายการเรียลลิตี้ 24 ชั่วโมงไหมครับ ช่วงแรกๆอาจตื่นใจได้ เรียนรู้ เหมือนเกิดมาเป็นคู่แท้ที่หากัน จนเจอ จากส.ค.ส.สวีตตี้ จนถึงวาเลน ไทน์สวีตตี้ ก็พอโอ(เค)อ่ะ เลิฟ.เลิฟ แต่พอหมดโปรโมชัน จึง ได้เรียนรู้ว่า การกระชับพื้นที่เข้ามาอยู่ ใกล้กัน(เกินไป)แทนที่จะหวั่นไหว กลายเป็นอยากตีตัวออกห่าง ไปหาที่

ที่แล้ว ชีวิตในโหมดวิกฤติยามนั้น ทำให้เราเห็นสัจธรรมของความ พะรุงพะรังในชีวิต เมื่อเห็นว่าของที่ จำเป็นกับการดำรงชีพทั้งหมดมีขนาด เท่ากับเป้ใบย่อมแค่เพียงหนึ่งใบ ผมถึงกับปฏิญญาณตนว่า “ฉันจะไม่สะสมอีกแล้ว” ผ่านไปเพียงไม่​่กี่เดือนเมื่อ ชีวิตกลับมาอยู่ในโหมดชิลล์ๆ โปรแกรมสำเหนียกในตัวเริ่มไม่ฟังก์ชันอีกครั้ง นิสัยเติมกิจกรรมในช่องว่างที่ยังแก้ไม่หายทำให้ตารางเวลาชีิวิต ถูกจัดเต็ม ชีวิตที่พุ่งไปแต่ข้างหน้า ทำให้เราเอาเวลาทั้งหมดมุ่งไปจัดการ กับภารกิจตรงหน้าให้ลุล่วงไป จนไม่เหลือเวลา ’ที่ว่าง’ จัดของให้เข้าที่เข้า ทาง การทำงาน สัปดาห์ละ 7 วัน 3 จังหวัด ทำให้นิยามคำว่าบ้าน เป็นแค่ที่ซุกหัวนอนและเปลี่ยน’สัมภาระ’ จนกลายเป็นการ ‘สุมภาระ’ ตอน (คิดจะ) จัดเก็บ ของที่ว่า เช่น หนังสือ เอกสาร อุปกรณ์ต่างๆที่นำมาใช้ประกอบ การนำเสนอทุกสิ่งอย่าง.. everything jingle bell ถูกรื้อค้นออกไปใช้งาน ต่างที่ต่างวาระ ยังวางระเกะระกะเต็มห้อง เมื่อตู้ทุกใบ ทุกลิ้นชักล้วนมีของบรรจุอยู่เต็มไปหมด แล้วจะหา ‘ที่ว่าง’ จากไหนไปใส่ของที่กองเกลื่อนอยู่นอกตู้ได้อีกเล่า..เศร้าแท้ ! 3 บ้านของคนญี่ปุ่นมักจะมีพื้นที่จำกัดกว่าบ้านเราโดยส่วนใหญ่ ทุกครั้งที่เข้าไปเดินในร้าน muji จะเห็นข้าวของเครื่องใช้ซึ่งถูก ออกแบบมาให้ใช้ได้อย่างเต็มประโยชน์ สะท้อนให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นจะเก็บ ของเล็กๆน้อยๆ ในกล่อง ในห้องอย่างเป็นระเบียบเรียบงาม สะอาดและมี ประสิทธิภาพ ด้วยเพราะเขาตระหนักถึงคุณค่าของ ‘ที่ว่าง’ และยังหมั่นรักษา มันไว้เสมอ ห้องนอนของผมที่ลงทุนยกพื้นเป็นเสื่อตาตามิแบบญี่ปุ่นตาม คอนเซปต์เรียบง่ายสไตล์เซน ตอนนี้กลับเห็นแล้ว เซ็ง! เพราะมีสภาพไม่ ต่างกับโกดังสุมของ (อนิจจา..แม้แต่เปลือกนอกของเซนก็ยังไม่อาจเข้าถึง) ตอนรื้อตู้ คุ้ยลิ้นชัก เห็นของข้างใน ผมตกใจจนต้องอุทาน “คุณพระ ! นี่มันอะไรกัน สลิปบัตรเครดิตเมื่อชาติปางก่อน ยา เก่าหมดอายุ เสื้อผ้าที่เก่าวิ่นเกินกว่าจะเอาไปบริจาค ฯลฯ บลา. บลา... “ ได้เวลา..ปฏิบัติการทิ้งเทอราพี บำบัดความรกเน่าของตู้ด้วยการ เอามันทิ้งไป ก่อนที่บ้านจะเปลี่ยนพิกัดจากสนามบินน้ำเป็นอ่อนนุช ให้ เทศบาลเอาขยะมากำจัด

21!

ว่างส่วนตัวซะอย่างนั้น จนเมื่อคนสองคน มี ’ที่ว่าง’ ระหว่างโลกของเธอ โลกของฉัน และ โลกของเรา ความพอดีของสามโลกกลับยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ กระชับแน่น ผูกพันกันมากกว่าเดิม เหมือนกล่องเก็บของกับ ‘ที่ว่าง’ ในตู้หรือชั้นวางของที่ IKEA หลายรุ่นถูกออกแบบให้มีขนาดเข้าล็อกน็อกดาวน์กันได้พอดี เหมือนเกิด มาเป็นของกันและกัน แต่ถ้าซื้อมาทั้งหมดคงล่มจมทั้งคนทั้งบ้านแน่ จะเครื่องเรือน อยู่บนรถเมล์ ขึ้นลิฟท์ หรือความสัมพันธ์ อะไรๆ มันก็ไปได้สวยทั้งนั้น ถ้ามี ‘ที่ว่าง’ 5 หลายปีก่อนในค่ายครูโยคะ ครูสอนผมว่า ”ไม่เบียดเบียน ตนเอง” จุดประกายชีวิตให้ผมมองหา ‘ที่ว่าง’ กับการใช้ชีวิตแบบไม่มีลิ มิตของตัวเอง หลังฝึกอาสนะ เรารู้สึกสบายกายคลายปวดเมื่อย เพราะมี ‘ที่ ว่าง’ ระหว่างกล้ามเนื้อให้ปราณได้ไหลเวียน ’ที่ว่าง’ ระหว่างลมหายใจเข้าและออก ทำให้ปราณเคลื่อนสู่ ความสงบ คลื่นสมองที่สงบ เป็น ‘ที่ว่าง’ ให้ความคิดสร้างสรรค์งอกงาม จิต.. ’ที่ว่าง’ จากความคิด จึงพร้อมให้เรียนรู้ เมื่อของไม่จำเป็นถูกกำจัดออกไป ตู้มี ‘ที่ว่าง’ สำหรับเก็บของที่ กองอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง ผมกลับมาอยู่อย่างมีความสุขในห้องนอน ’ที่ว่าง’ 6 ผมไม่ได้ชวนป้าออร์เดรย์กลับมาประดับบนผนัง จากดวงตาแฝง เสน่ห์ความงามแบบคลาสสิกที่จับจ้องมายังผู้พบเห็น แต่เพราะความงามของ ’ที่ว่าง’ ตรงมุมด้านซ้ายบนภาพนั้น จับใจผมเหลือเกิน .... อยากจัดบ้านให้เรียบร้อย อยากอยู่ห้องที่ดูดีมีสไตล์ โดยส่วนผม ชอบสไตล์เซนๆ ไม่มีสิ่งของรกตา ว่าแต่ว่า..จะเซนได้นานไหมเนี่ย !

[]


âโ´ดÂย ÇวÕีÃรÐะ¾พ§งÉษ  äไ¡กÃรÇวÔิ·ท∙Âย  áแÅลÐะ¨จÔิÃรÇวÃรÃร³ณ µตÑั้§ง¨จÔิµตàเÁม¸ธÕี áแ»ปÅลáแÅลÐะàเÃรÕีÂยºบàเÃรÕีÂย§ง

¡กÒาÃรàเªช×ืè่ÍอÁมâโÂย§งáแ¹นÇว¤คÔิ´ด¢ขÍอ§ง»ปµตÑั ­ÞญªชÅลÕี áแÅลÐะáแ¹นÇว¤คÔิ´ดÊสÒา§ง¢ขÂยÐะ

µตÓำÃรÒาâโÂย¤คÐะ

´ดÑัé้§งàเ´ดÔิÁม เนื ้ อ หา ใจความตอน ที่แล้ว ๒:๑๘ สรุป ได้ว่า สรรพสิ่งทั้ง หลายหรือประกฤติ ที่ถูกรับรู้นั้นล้วนมี คุณะทั้ง ๓ เป็นองค์ ประกอบ ได้ แ ก่ คุณลักษณะของความสว่างใส(สัตตวะ) การกระทำ(รชัส) และความ คงที่(ตมัส) สรรพสิ่งเหล่านี้ประกอบด้วยมหาภูตะหรือธาตุพื้นฐานทั้ง ๕ และบางชนิดอาจมีอินทรีย์หรืออวัยวะต่างๆ ประกอบ ประกฤติหรือ สรรพสิ่งเหล่านี้มีขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการเก็บรับประสบการณ์ อันนำ ไปสู่การหลุดพ้นอย่างสมบูรณ์ของปุรุษะหรือวิญญาณอันบริสุทธิ์ โยคสูตรประโยคที่ ๒:๑๙ “วิเศษาวิเศสะ-ลิงคมาตราลิง คานิ คุณะ-ปรรวาณิ” แปลว่า ลำดับขั้นต่างๆ ของความก้าวหน้าที่ แยกกันชัดเจนของคุณะทั้งสาม คือ วิเศษะ (สิ่งที่มีลักษณะเฉพาะที่ สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส) อวิเศษะ(สิ่งที่ปราศจากลักษณะ เฉพาะที่ให้รับรู้ได้) ลิงคมาตระ(มีรูปลักษณ์) และอลิงคะ(ไร้รูปลักษณ์) นอกเหนือจากประโยค ๒:๑๒ ถึง ๒:๒๗ แล้ว ประโยคนี้ เชื่อมโยงแนวคิดของปตัญชลีโยคสูตร กับแนวคิดของสางขยะได้ ชัดเจนที่สุด ประกฤติซึ่งปรากฏขึ้นเป็นองค์ประกอบของคุณะทั้งสาม เริ ่ ม ทำงานในตั ว มั น เอง ทั น ที ท ี ่ เ กิ ด สั ง โยคะหรื อ การรวมกั น ของ ประกฤติและปุรุษะ กระบวน การวิวัฒนาการของประกฤติก็เริ่มต้นขึ้น ในขั้นประธานะหรือ มูละ-อวัสถาแต่เดิมนั้น คุณะทั้งสามอยู่ในสาม ยาวัสถาหรือสภาวะแห่งความสมดุล ความสมดุลนี้มีความสมบูรณ์มาก จน กระทั่งไม่มีคุณะใดคุณะหนึ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัดได้ ดังนั้นในขั้น นี้จึงไม่มีคุณลักษณะใดๆ(ทั้งสัตตวะ รชัส และตมัส) แสดงออกมา ความจริงแล้วในขั้นนี้คือความเป็นหนึ่งเดียวซึ่งไม่มีรูปลักษณ์หรือ เครื่องหมายแห่งคุณลักษณะใดๆ ปรากฏ นั่นหมายความว่ามันอยู่ใน ขั้นไร้รูปลักษณ์ เรียกว่า “อลิงคะ” ซึ่งมีความหมายเดียวกัน แต่เนื่องจากประกฤตินั้นประกอบด้วยสามคุณะ หรือกล่าวอีก อย่างหนึ่งว่า ประกฤติโดยตัวมันเองคือคุณะทั้งสาม คุณะเหล่านี้แสดง ตัวออกมาอย่างชัดเจนพร้อมๆ กับการเกิด ขึ้นของสังโยคะ ความ สมดุลของคุณะทั้งสามถูกรบกวนจนคุณะใดคุณะหนึ่งเริ่มแสดงตัวโดด เด่นขึ้นมา ขั้นต่อไปเรียกว่า มหัต ซึ่งในระดับปัจเจกบุคคลก็คือ พุทธิ หรือความสามารถในการแยกแยะพินิจพิเคราะห์ เป็นสิ่งที่สามารถ แสดงคุณลักษณะของคุณะทั้งสามได้ตามความโดดเด่นของคุณะที่

! []!

ปรากฏอยู่ แต่ไม่อาจแสดงคุณสมบัติอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ได้ ในขั้นนี้ถูกจัดว่าเป็น ลิงคะ-มาตระ หรือ มีรูปลักษณ์ วิวัฒนาการขั้นต่อไป การแยกรายละเอียดก็ดำเนินต่อไป อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นๆ แต่ยังไม่ได้ชัดเจนมากจนกระทั่งทำให้ธาตุทั้ง หลายแยกออกจากกันทีเดียว มีระดับของการผสมผสานหรือการก ระจายตัวบ้าง ขั้นนี้เรียกว่า อวิเศษะ หรือปราศจากลักษณะเฉพาะ ที่ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ อหังการะ(ของสางขยะ อสมิตาหรืออสมิตา มาตระของปตัญชลีโยคะ) ซึ่งหมายถึงสิ่งที่บ่งบอกความเป็นปัจเจก ภาพ หรือการมีบุคลิกลักษณะเฉพาะของสิ่งใดๆ รวมถึงบุคคล อาจ เป็นที่เข้าใจได้ดีกว่าที่แปลว่า อีโก้(ego) และตันมาตระทั้งห้า1ที่อยู่ ภายใต้อหังการะ อหังการะที่ก่อให้เกิดบุคลิกลักษณะเฉพาะนี้ได้แพร่ กระจายอยู่ในทุกสิ่งที่เป็นประกฤติ ตันมาตระทั้งหลายถูกผสมผสาน เข้าด้วยกัน ตันมาตระหยาบอันหนึ่งประกอบด้วยตันมาตระที่ละเอียด กว่าที่เหลือทั้งหมด เช่น คันธะตันมาตระซึ่งหยาบที่สุดประกอบด้วย ตันมาตระที่เหลืออีกสี่อย่าง ได้แก่ รสะ รูปะ สปรรศะ และศัพทะ ส่วน รสะก็ประกอบด้วยตันมาตระที่เหลืออีกสามอย่าง(รูปะ สปรรศะ และ ศัพทะ) เป็นต้น ธาตุเหล่านี้ไม่ได้ถูกแบ่งแยกและทำให้มีลักษณะ เฉพาะอย่างชัดเจนมากนัก จึงถูกจัดว่าเป็นอวิเศษะหรือปราศจาก ลักษณะเฉพาะที่ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ อรรถกถาจารย์ทั้งหลายต่างก็มีความคิดเห็นที่แตก ต่าง หลากหลายกันไปในเรื่องธาตุต่างๆ ที่อยู่ในขั้นตอนของวิวัฒนาการ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการจำแนกแจกแจงธาตุทั้งหลายให้อยู่ในกลุ่มขอ งอวิเศษะและวิเศษะ บางท่านเห็นว่าตันมาตระอยู่ในกลุ่มวิเศษะ และ บางท่านจัดมนัส(ใจ)ให้อยู่ภายใต้อวิเศษะ เพราะแม้ว่ามันเป็นอินทรีย์ อย่างหนึ่งตามแนวคิดของส่วนใหญ่ แต่พวกเขาคิดว่ามันทำงานผ่าน และแพร่กระจายไปทั่ว ๑๐ อินทรีย์ที่เหลือซึ่งก็คือชญาเนนทรีย์ ๕ และ กรรเมนทรีย์ ๕2 แต่มนัส(ใจ) มีความสามารถในการคิดที่พิเศษและปรากฏ ชัดเจนในมนุษย์เท่านั้น ด้วยเหตุผลนี้และตามที่คนโบราณได้ทำไว้ ดู เหมือนเป็นการเหมาะสมที่จะให้มนัสอยู่ในกลุ่มอินทรีย์ทั้งสิบนั้น และ จัดมันอยู่ในกลุ่มวิเศษะ ดังนั้นธาตุทั้ง ๑๖ อันได้แก่ มหาภูตะ ๕ ชญาเนนทรีย์ ๕ กรรเมนทรีย์ ๕ และหัวเรือใหญ่คือมนัสอินทรีย์ มี ลักษณะที่แยกกันอย่างชัดเจน จึงถูกจัดกลุ่มอยู่ในวิเศษะหรือสิ่งที่มี ลักษณะเฉพาะที่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส โยคสูตรประโยคนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงเพราะมันชี้ให้ เห็นถึงขั้นต่างๆ ของวิวัฒนาการของประกฤติหรือทฤศยะตามที่กล่าว ไว้ในประโยคก่อนหน้า (๒:๑๘) แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนมากนักว่า

22


ไว้ในประโยคก่อนหน้า (๒:๑๘) แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนมากนักว่า ทำไมปตัญชลีจึงนำเสนอการจัดแบ่งประเภทนี้ในตอนนี้ สำหรับคำ ตอบนี้อรรถกถาจารย์บางท่าน (เช่น ไอ.เอส.ไตมนิ ,“Science of Yoga”, Theosophical Society, Adyar, India) ได้พยายามเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ระหว่างขั้นต่างๆ ของวิวัฒนาการประกฤติกับขั้นต่างๆ ของสมาธิ (Samadhi)3 และสมาปัตติ4 (ของปตัญชลี) ไตมนิได้ยืนยัน ความสัมพันธ์ดังกล่าวเพราะว่าการกล่าวถึงขั้นอลิงคะว่าเป็นขั้นสูงสุด ของความละเอียดของวัตถุที่สามารถเลือกมาใช้ในกระบวนการทำ สมาธิของสมาปัตติซึ่งได้เคยกล่าวไว้ในประโยคที่ ๑:๔๕ และการ เปรียบเทียบคู่ขนานกันในพื้นที่ย่อยต่างๆ ของสัมปรัชญาตะ5ใน ขอบเขตของกระบวนการสมาธิของสมาปัตติและสพีชะสมาธิ (จาก แนวคิดปตัญชลี) และโกศะหรือกายละเอียดที่มาจากแนวคิดเวทานตะ และพาหนะละเอียดที่สอดคล้องกันซึ่งมาจากแนวคิดเทววิทยาที่เขามี ศรัทธามาก แต่การเปรียบเทียบความสัมพันธ์คู่ขนานที่ชัดเจนระหว่าง ขั้นต่างๆ ของวิวัฒนาการของประกฤติ โกศะของเวทานตะ และ พาหนะของเทววิทยาในด้านหนึ่ง และขั้นต่างๆ ในสมาปัตติและสพีชะ สมาธิในอีกด้านหนึ่งดังกล่าว ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผล ปตัญชลีดู เหมือนจะไม่ยอมรับแนวคิดของเวทานตะ (เพราะว่าเทววิทยาเพิ่งมี ขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เอง ดังนั้นแนวคิดนี้จึงไม่เป็นที่รู้จักสำหรับปตัญชลี) อย่างไรก็ตาม มีความสัมพันธ์ทั่วไปอันหนึ่งในขั้นต่างๆ ของ วิวัฒนาการของประกฤติและขั้นต่างๆ ของพื้นที่ภายในซึ่งการเดินทาง ของจิตเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการทำสมาธิ ปกติสิ่งที่ใช้ในการทำ สมาธิก็จะมาจากประกฤติ ตามที่เคยกล่าวไว้ในบทสมาธิ(บทแรก) ว่า

ระหว่างการทำสมาธิวัตถุที่เลือกใช้นั้น จะถูกรับรู้ในแง่มุมที่ละเอียดยิ่ง ขึ้นๆ เพราะ ว่าการทำสมาธินั้นก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่สูงขึ้นๆ อย่างที่ กล่าวไว้ในประโยค ๑:๔๕ จุดสุดท้ายของความละเอียดของวัตถุนี้คือ อลิงคะ(ไร้รูปลักษณ์) หรือขั้นมูละ-ประกฤติ หรือประธานะ ณ จุดนี้ วัตถุที่ใช้ทำสมาธิจะสลายตัวไปอย่างสมบูรณ์ทั้งด้านแนวคิดและ อารมณ์ของมัน และจิตจะก้าวพ้นประกฤติและเข้าสู่การตระหนักรู้ ความจริง(ของปุรุษะอันบริสุทธิ์) ขณะเดียวกันจิตก็จะสลายตัวไปด้วย และการตระหนักรู้ของปุรุษะอันบริสุทธิ์นี้จะคงเหลืออยู่เพียงลำพัง เนื่องจากการหลุดพ้นขั้นสุดท้ายนี้สามารถบรรลุได้ด้วยการฝึกสมาธิ ดังกล่าว และสิ่งนี้จะเป็นไปได้โดยง่ายถ้าวัตถุที่เลือกมาใช้ทำสมาธิ อย่างน้อยใน ช่วงเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ประกฤติ และเป็นสิ่งที่ได้ถูกรับ รู้ได้จริงๆ ในชีวิต และจากนั้นก็กลายเป็นวัตถุสำหรับทำสมาธิ ดังนั้น การเข้าใจธรรมชาติและวิวัฒนาการของประกฤตินี้จึงมีความหมาย อย่างที่กล่าวนี้ ………………………………………………………… เอกสารอ้างอิง : ๑) สุนทร ณ รังษี, (๒๕๓๐). ปรัชญาอินเดีย : ประวัติและลัทธิ. (พิมพ์ ครั้งที่ ๑). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, น.๒๒๕-๒๒๗. ๒) Karambelkar, P. V. (1986). PATANJALA YOGA SUTRAS Sanskrta Sutras with Transliteration, Translation & Commentary. Lonavla : Kaivalyadhama, p.210-214. ๓) Philosophico Literary Research Department, (1991). Yoga Kosa. Lonavla : Kaivalyadhama.

1

ตันมาตระ ๕ หมายถึง ธาตุพื้นฐานอันละเอียดอ่อน ๕ อย่าง ได้แก่ เสียง(ศัพทะ) สัมผัส(สปรรศะ) รูป(รูปะ) รส(รสะ) และกลิ่น(คันธะ) ธาตุพื้นฐานอันละเอียดทั้ง ๕ นี้ เป็นวัตถุในการรับรู้ของประสาทสัมผัสหรืออวัยวะเพื่อการรับรู้ทั้ง ๕ คือ การได้ยิน การรับรู้สัมผัส การเห็น การรู้รส และการได้กลิ่น ธาตุพื้นฐานอันละเอียดอ่อนทั้ง ๕ นี้จะวิวัฒนาการต่อไปเป็นธาตุหยาบเรียกว่า มหาภูตะ ๕ อย่าง คือ อากาศธาตุ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จากนั้นก็จะเป็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดจากการผสมของธาตุ หยาบทั้ง ๕ (สุนทร, น.๒๒๕-๒๒๖) 2 ชญาเนนทรีย์ ๕ คือ อวัยวะเพื่อการรับรู้ทั้ง ๕ ได้แก่ อวัยวะสำหรับการได้ยิน การสัมผัส การเห็น การลิ้มรส และการได้กลิ่น ส่วนกรรเมนทรีย์ ๕ คือ อวัยวะเพื่อ การกระทำ ๕ อย่าง ได้แก่ ปาก มือ เท้า ทวารหนัก และอวัยวะสืบพันธุ์ (สุนทร, น.๒๒๕) 3 สมาธิ (Samadhi) ในที่นี้คือ ขั้นที่แปดของมรรคทั้ง ๘ ของปตัญชลีโยคะ (ผู้แปล) 4 สมาปัตติ (Samapatti) คือ การรวมกันของจิตผู้รู้กับวัตถุที่ถูกรู้ (Yoga Kosa, p.299) 5 สัมปรัชญาตะ คือ ขั้นของสมาปัตติซึ่งจิตได้หลอมรวมกับวัตถุที่หยาบหรือละเอียด (Yoga Kosa, p.300)

àเ´ด×ืÍอ¹น àเÁมÉษÒาÂย¹น 2555 มีผู้บริจาคสนับสนุนการทำงานของสถาบันฯ ดังนี้ คุณลัญจกร คงสกุล (เหมียว) ยืมเสื่อไปใช้ และบริจาค 1,000 คุณสรรสวย แช่มช้อย ( T10 ) 1,000 จากกล่องรับบริจาค ณ สำนักงาน 956 สรุปยอดบริจาคประจำเดือนเมษายน 2555 ทั้งสิ้น 2,956.- ºบÒา·ท∙

23!

[]


àเÃร×ื ่ Íอ §ง Åล.àเÅล้ §ง àเÊสÕี Âย §ง¡กÃรÐะ´ดÔิ ่ §ง ËหÂย¡ก (äไÁม่ ãใ ªช่ Áม Ñั §ง ¡กÃรºบÔิ ¹น )

âโºบÂย-µตÕี

àเÅล Œ§ง àเÅล ‹ÒาàเÃร×ื่Íอ§ง

µตÍอ¹น¹นÕีé้¡กç็ 4 ·ท∙Øุ ‹Áม¢ขÍอ§งÇวÑั ¹น·ท∙Õีè่ 26 àเÁมÉษÒาÂย¹นáแÅล ŒÇว ¹นÑั è่§ง»ป ˜ ›¹น เปิดเพลงกินเหล้ากัน เสียงดังกว่า และใกล้หูเรายิ่งกว่าดิสโก้เทคในก µต Œ¹น©ฉºบÑั ºบÁมÒา 2 ÇวÑั ¹น 2 ¤ค×ื¹น áแµต ‹¡กç็Âย§งäไÁม ‹ Ñั ÁมÕีÍอÐะäไÃรàเ»ป š¹นªชÔิé้¹นàเ»ป š¹นÍอÑั ¹น ทม. อีก...เฮ้อ ! ถ้าจะคิดอะไรให้ออก หลังจากคิดแบบธรรมดามา 3 ตลบ – ¾พÍอ·ท∙Õีè่¨จÐะÊส ‹§งäไ»ปÊส¶ถÒาºบÑั ¹นÏฯ àเÅลÂย ¹นÕีè่Áม¹นàเ¡กÔิ Ñั ´ดÍอÐะäไÃร¢ขÖึé้¹น¡กÑั ºบªชÕีÇวÔิµต ทำไมงาน 8 ตลบแล้วก็ยังคิดไม่ออก วิธีเกือบสุดท้ายที่เล้งจะทำก็คือไปเดิน เขียนต้นฉบับที่เราเคยชอบมากๆ เมื่อ 6 - 7 ปีก่อน ถึงได้เป็นงานที่ จงกรม ก็เดินกลับไป–กลับมานั่นแหละ แล้วเสียงของพี่ๆ เพื่อนๆ ก็ เราต้องมาโบย - ตีตัวเองให้เขียนให้คลอดต้นฉบับออกมาให้ได้ตาม ลอยมากับความคิดดังนี้ กำหนดเวลาทุกเดือน อยู่ดีๆ ความสุขที่ได้เขียน ความสุขที่งานของ 1. เสียงพี่ยี สุรศักดิ์ จิรศรีปัญญา (1 ในครูโยคะอาวุโสของ เรามีคนเอาไปพิมพ์ มีคนตามอ่านทุกเดือนความสุขแบบนั้นมันหาย สถาบันฯ) ไปไหนแล้ว “เราไม่ต้องรีบทำงานให้เสร็จ แล้วถึงจะมีความสุขหรอก... พอคิดอะไรไม่ออก แถมยังต้องมาทนดมกลิ่นบุหรี่ที่ลอยมา ให้มีความสุขตั้งแต่ตอนเริ่มจับปากกาทำงานแล้ว” จากคนสูบบุหรี่ข้างบ้าน ก็รู้สึกหงุดหงิดเหลือกำลัง วันนี้ยังโชคดีที่ 2. ครูดล กับครูพี่พร (สุภาพร ธนาพันธ์รักษ์) กลิ่นบุหรี่ลอยมาจากด้านซ้ายเท่านั้น บางวันมันลอยมาทั้งซ้าย-ทั้ง เค้าเคยคุยกันว่า ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ตอนนี้สอนโยคะเป็น ขวา แถมคนข้างบ้านยังชวนก๊วนเพื่อนมาก๊งเหล้า ทั้งกลิ่นบุหรี่กลิ่น ยังไงกันบ้างแล้วทั้ง 2 คนเห็นพ้องต้องกันว่า “ไม่ได้คิดว่ากำลังสอน เหล้าผสมกันลอยข้ามกำแพงมาจนรู้สึกมึนไปหมด อยากจะหนี่ไป โยคะเลย ตอนที่ทำงานอยู่หน้าห้องนี่ ก็คิดว่ากำลังทำงาน ดูจิต อยู่ ไกลๆ แต่ก็คงได้แต่คิดเพราะไม่ว่าจะหนีไปไหน ก็หนีไปไม่พ้นอย่าง นะ” แท้จริงหรอก ก็เมื่อ 10 ปีก่อน (นึกแล้วก็ยังขำไม่หาย) ที่คิดว่าจะหนี พอเล้งเอา 2 เรื่องนี้มารวมกัน ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเอง เออ.. พ้นเสียงดิสโก้เทคแถวบ้านด้วยการไปเที่ยวสัตหีบ แต่เพราะว่ามัน ถ้าเราลองไม่คิดว่า เป็นคืนวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ คนข้างบ้านพักที่สัตหีบเค้าก็ เรากำลังทำงานเขียนต้นฉบับอยู่ แต่เปลี่ยนเป็น... เรากำลังทำงานดูจิตอยู่ มันจะเป็นยังไงนะ ! []!

24


ก็เห็นแต่จิตที่ไม่มีความสุข จิตที่ถูกโบยตีด้วย Due Date / Deadline ของการส่งต้นฉบับ แต่ไม่มีงานให้ส่ง พอดูไปสักพัก ..เออ ! เราไม่ต้องรอให้เขียนต้นฉบับเสร็จแล้วค่อยมี ความสุขก็ได้เนอะ ขอมีความสุขตั้งแต่ตอนคิด นี้เลยดีกว่า ถ้าไม่มีต้นฉบับส่ง จริงก็ใช้เคล็ดวิชาสุดท้าย คือวิชาปลงนั่นเอง คืนพื้นที่นี้ไปให้เพื่อนได้มีโอกาส แบ่งปันเรื่องราวในแง่มุมอื่นๆ บ้าง จะมัวมานั่งหวงเก้าอี้ จองที่ตรงนี้เอาไว้ทุก เดือนทำไมกัน คิดได้ดังนี้ ใจก็พลิกกลับมามีความสุขพอที่จะเขียนแบ่ง ปันประสบการณ์ที่คิด (เอาเอง) ว่าน่าจะมีประโยชน์กว่าไปทำ Literature Review ว่าตอนนี้ หน้าร้อนควรจะกินอะไร ฝึก โยคะท่าไหน เพราะไปถามอากู๋ Google เอาก็ได้ สุ ด ท้ า ยนี ้ ก็ ห วั ง ใจว่ า มิ ต รรั ก แฟนเพลงจะยั ง มี เมตตา กรุณา และอุเบกขา หากบทความเดือนนี้ออกจะเบา สาระลงไปบ้าง ถ้ายังคงติดตามอ่านกันต่อไป ฉบับหน้าอาจมี เรื่องสนุกๆ มาให้อ่านกันนะ ขอบคุณปตัญชลีที่สอนเรื่อง อัภยาสะ ไวราคยะ หมั่นเพียร ทำเหตุให้เกิด ส่วนผลจะเป็นเช่นไร ยากที่มนุษย์ผู้ น้อยอย่างเราจะเอาให้ได้อย่างใจ 100 % เป็นไปได้ยาก ขออย่าให้ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่กลับมาโบย-ตีเราให้เป็นทุกข์มากกว่ามีความสุข เลย จบแล้วจ้า

Ãร่ÇวÁมÊส¹นÑัºบÊส¹นØุ¹น¡กÒาÃร¨จÑั´ด·ท∙Óำ¨จØุÅลÊสÒาÃร âโÂย¤คÐะÊสÒาÃรÑัµต¶ถÐะ äไ´ด้·ท∙Õี่ ºบÑั­ÞญªชÕีÍอÍอÁม·ท∙ÃรÑั¾พÂย์àเÅล¢ข·ท∙Õี่ 173-2-32949-1 ªช×ื่ÍอºบÑั­ÞญªชÕี ÁมÙูÅล¹นÔิ¸ธÔิËหÁมÍอªชÒาÇวºบ้Òา¹น (Êส¶ถÒาºบÑั¹นâโÂย¤คÐะÇวÔิªชÒา¡กÒาÃร) ¸ธ¹นÒา¤คÒาÃรäไ·ท∙Âย¾พÒา³ณÔิªชÂย์ ÊสÒา¢ขÒาàเ´ดÍอÐะÁมÍอÅลÅล์ 3 ÃรÒาÁม¤คÓำáแËห§ง

Êส ‹§งËหÅลÑั¡ก°ฐÒา¹น¡กÒาÃรâโÍอ¹นàเ§งÔิ¹น ÁมÒา·ท∙Õี่.. Êส¶ถÒาºบÑั¹นâโÂย¤คÐะÇวÔิªชÒา¡กÒาÃร ÁมÙูÅล¹นÔิ¸ธÔิËหÁมÍอªชÒาÇวºบ ŒÒา¹น 201 «ซÍอÂยÃรÒาÁม¤คÓำáแËห§ง 36/1 ºบÒา§ง¡กÐะ»ป  ¡ก·ท∙Áม.10240 âโ·ท∙ÃรÈศÑั¾พ·ท∙  02 732 2016-7, 081 401 7744 âโ·ท∙ÃรÊสÒาÃร 02 732 2811 ÍอÕีàเÁมÅล  yogasaratta@yahoo.co.th àเÇว็ºบäไ«ซµต  www.thaiyogainstitute.com

25!

[]


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.