นั่งเครื่อง Jetstar มาถึงญี่ปุ่นแล้วจ้า
ต่อรถบัสไป Domestic Terminal
เข้าเมืองมาได้แล้ว เย้ๆ อยู่ได้ 15 วัน
มองจากรถบัสออกไปที่ International Terminal
Check in peach air ต่อไปยังโอซาก้า
ฝนตกละจ้า มากับฝนตลอดทริปเลย ที่สนามบินนี้มี free wifi ถึงสนามบินคันไซของโอซาก้า ต่อรถบัสฟรีไปที่ Terminal 1 ไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง
เพื่อนที่ไปด้วย ซื้อไข่ปลาของขึ้นชื่อ เมืองฟุกุโอกะกินรองท้อง
อาหารมื้อแรกที่ตกถึงท้อง เวลา 10 โมงกว่าๆ ซื้อกินที่สนามบิน
สนามบินคันไซไม่มี free wifi แต่สนามบินใหญ่มากๆ
JR Office @ Kansai Airport รับตั๋ว JR Kansai One Day Pass ที่ต้องจองไว้ก่อน
จากนั้นไปรับตั๋ว Yokoso Osaka Ticket ที่เคาน์เตอร์ Nankai อยู่ตรงข้ามกับ JR Office
หน้าตารถไฟ Nankai Rapid Express
ภายในรถไฟหรูหรา ไฮโซ
ได้มาแล้ว Pass นี้ ราคา 2,060 เยนใช้วันที่ไปเที่ยวเกียวโต และนั่ง Haruka Line จากเกียวโตกลับมาที่สนามบินคันไซได้ด้วย
ตั๋ว Yokoso Osaka Ticket ราคา 1,500 เยน ที่ต้องจองไว้ก่อน ราคานี้จะได้ Nankai Rapid Express รถไฟสายสีน้ำเงินจอดที่สถานี Namba โอซาก้า กับ Osaka 1 day Bus&Subway และส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยว
เปิดประตูเข้ามาเจอห้องโถง
ทางเดินเข้าซอยเข้ามาที่พัก
อาคารภายนอกที่พัก
มาถึงหน้าอาคารที่พักแล้ว
ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 6
วิวด้านล่างมองจากห้องพัก
มีโต๊ะกินข้าว ห้องครัว
ประตูหน้าห้องพักมีชื่อติดอยู่
เตียง 2 ชั้นภายในห้องพัก
ห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกกัน มีน้องแมวรับแขกอยู่ 1 ตัวด้วย
ค่าเข้าชมวิวบนตึก ราคา 700 เยน ใช้บัตร Yokoso รับส่วนลด 10% ค่ะ
ข้อมูลของ Yokoso Osaka Ticket
Umeda Sky Tower
คุณลุงกับคุณป้าชาวญี่ปุ่น ยังขึ้นมาสวีตถ่ายรูปคู่กันเลย อิจฉา !!!
อาหารมื้อที่ 2 มาตอน 6 โมงเย็น กินกันใต้ตึกนี่แหละ วิวเมืองโอซาก้า ยามค่ำคืน
ขึ้นรถไฟจากสถานี Namba มาลงสถานี Umeda
เวลาทำการตึก Umeda
จาก Umeda Sky Tower เดินลงอุโมงค์ตรงไปเรื่อยๆ ข้ามแยกไฟแดง จนเจอไฟแดงหน้าตาแบบนี้ แล้วเลี้ยวขวาเดินตรงไปจะเจอตึก HEP Five อยู่ด้านซ้ายมือ
หน้าตาตั๋วขึ้นกระเช้า HEP Five ราคา 500 เยน
ถ่ายจากในกระเช้า HEP Five
เขาบอกว่ามาโอซาก้า ต้องกินทาโกะยากิ ร้านนี้ 6 ลูก ราคา 450 เยน มาถึงแล้วย่าน Dotombori ใหญ่โตมากมาย ร้านค้าเยอะสุดๆ ถ้าช่างสังเกตจะแอบเห็นหญิงชายแต่งตัวดีๆมายืนขายบริการด้วย
การซื้อตั๋ว รถไฟในญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ดูราคาก่อน แล้วใส่เงินลงไป เลือกราคาตั๋วสถานีที่เราจะลง และ รับตั๋วเดินทางออกมา ใช้ตั๋วในการเข้าออกสถานี
ใช้ตั๋วใบเก่าออกจากสถานี ตู้จะกินบัตรลงไปเลย ไม่ต้องรอตั๋วคืน
หน้าตารถบัสของเมือง Nara จะมีวนซ้ายกับวนขวา
ภายในรถไฟ Kintetsu Nara ออกจากสถานีรถไฟ เดินข้ามฝั่งไปซื้อตั๋ว Nara Kotsu Bus One Day Pass ที่ Office Nara Kotsu Bus ราคา 500 เยน ภายในรถบัสสาย Nara
เบนโตะ ซื้อจาก Family Mart ก่อนนั่งรถไฟมา Nara พึ่งได้กินตอนลงจากรถเมล์ นั่งกินที่ป้ายรถเมล์เลยค่ะ
เดินออกจากศาลเจ้า Kasuga Shrine มาสักครู่ จะพบทางเข้าวัด Tōdai-ji วัดหลวงพ่อโต ค่าเข้าชม 500 เยน ภายในยิ่งใหญ่อลังการมาก แถมกวางแถวนี้ยังเชื่องสุดๆ
เดินมั่วๆดูบ้านเรือน ทะลุป่าเขาลำเนาไพร่ และแล้วก็ทะลุป่ามาเจอศาลเจ้า Kasuga Shrine ไม่เสียค่าเข้า แต่เสียเงินซื้อกวางน้อยน่ารักมา 1 ตัว ราคา 500 เยน
เที่ยวเพลิน ได้กินมื้อกลางวัน อีกทีตอนบ่าย 2 เลยจัดเต็มกันใหญ่
ซื้อตั๋วใบใหม่ คราวนี้ซื้อ JR ไปลงสถานี Osaka ต่อรถไฟ JR loop line ไปลงสถานี Imamiya
ซื้อตั๋วรถไฟ Kintetsu จะกลับไป Namba
รถไฟมาแล้ว จะได้กลับไปทันเที่ยวปราสาทโอซาก้าต่อ
จากนั้นจะได้ใบแบบนี้ออกมาแทน นำไปใช้ออกประตูสถานีได้
นั่งรถไฟผิดคันมาถึงเกียวโตก่อนกำหนด 1 วัน ราคาตั๋วก็แพงขึ้น เลยต้องใช้บริการตู้จ่ายเงินเพิ่ม หน้าตาแบบนี้นะจ๊ะ ถ้าใครหลง
สถานีรถไฟเกียวโตใหญ่มาก คนเยอะกว่า Nara มากมาย
คราวนี้เล็งดีๆ ขึ้นรถไฟให้ถูกคัน หลงอีกไม่ไหวแล้ว
ภายในรถไฟเข้าโอซาก้าตอนเย็นๆ คนเยอะเชียว
เห็นหอคอยไกลๆ แสดงว่าลงถูกสถานีแล้วจ้า
บัตรผ่านประตู 700 เยนค่ะ
แหงนหน้ามองบนลิฟท์ที่กำลังขึ้น เจอพระจันทร์กับเทพเจ้านำโชค
เอาวิวสวยๆจากบนหอคอยมาฝากกันจ้า
ตัวบอกชั้นภายในลิฟท์ เป็นรูปหอคอยด้วย
เจ้าตัวการ์ตูนข้างหลัง ได้แรงบันดาลใจมาจาก เทพเจ้านำโชคนี่เอง
ชั้นบนมีคิดตี้ถือที่ทำ ทาโกะยากิด้วย ที่ไหนๆในญี่ปุ่นก็มีคิตตี้
เทพเจ้าบนหอคอยกะเหรียญที่ระลึก ราคา 100 เยน
ปลาปักเป้าตัวโต เทพเจ้านำโชค กับหอคอย Shinsekai และร้านอาหารมากมาย คือสัญลักษณ์ของย่านนี้เลย
ของทอดสไตล์ญี่ปุ่น หรือ Kushi Age อาหารที่ขายเยอะในย่านนี้ จิ้มซอลสีดำกินคู่กับผักกะห่ำปลีสด นอกจากนี้ยังมีเนื้อปลาปักเป้าด้วย แต่ไม่ได้สั่งมากินจ้า
บรรยากาศภายในร้าน วันนี้คนไม่ค่อยเยอะ
พ่อครัวทำให้เห็นกันเลย แต่งตัวเรียบร้อยทุกคน
เมนูเยอะมากเลือกกินไม่ถูกเลย หิวๆ
ใช้ JR Pass ที่แลกมาในวันแรกในการเดินทาง ช่วงเช้าก่อน 7 โมงคนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ภายในศาลเจ้า Fushimi Inari Shrine ที่มีเสา Inari สีแดงส้ม ทอดตัวยาวตามทาง อย่างสวยงาม
นั่งรถไฟ JR train สาย Nara จากสถานี Kyoto มาลงสถานี Inari เดินออกจากสถานีไปก็เห็นทางเข้าศาลเจ้าเลย
วันนี้อากาศแจ่มใส เหมาะแก่การท่องเที่ยว
ถ่ายรูปปราสาทโอซาก้ามาฝากจ้า ใหญ่โตมากมาย จากนั้นนั่งรถไฟ สายเดิมย้อนกลับ มาลงสถานี Tofukuji เดินไปไกลมาก แถมต้องถามทาง คนแถวนั้นบ่อยๆ ก็มาถึงสะพานไม้ ที่มองเห็นสะพาน Tsutenkyo แห่งวัด Tofukuji ก็เลยถ่ายแค่นี้พอ ไม่เดินเข้าไป เดี๋ยวจะไปไม่ทันดู วัดแห่งอื่นๆ
ออกจากรถไฟ มาขึ้นรถบัสเที่ยวในเมืองเกียวโต โดยซื้อ Kyoto City Bus One day pass ราคา 500 เยน
นั่งรถเมล์สาย 207 ลงป้าย Kiyomizu-michi จากนั้นเดินจ๊ะ เดินไกลมากๆ ผ่านร้านค้าต่างๆมากมาย กว่าจะถึงวัด เดินไกลจนต้อง แวะกินไอติม คลายเหนื่อยเลย
จากบริเวณวัด สามารถมองเห็น Kyoto Tower ด้วย แถวนี้มีหนุ่มสาวแต่งชุดกิโมโน เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะเว่อร์ เดินขึ้นไปเที่ยวบนวัดกันด้วย ถึงแล้วจ้าวัดน้ำใส สวยจริงๆ กว้างใหญ่มาก ถ้ามีเวลาจะเดินเที่ยวให้ทั่วเลย แต่เวลามีน้อยเดินได้นิดหน่อย ก็ต้องเลยกลับทางเก่าไปขึ้นรถที่เดิม
บัตรผ่านเข้าชมภายในวัด ราคา 300 เยน
บัตรเข้าชมวัด Ginkakuji ราคา 500 เยน
ถ่ายภาพกับภูเขาไฟฟูจิในสวนของวัดเงิน แต่หนุ่มข้างหลังดูน่าสนใจกว่า 555
บัตรเข้าชมวัด Kinkakuji ราคา 400 เยน
จุดไคลแม็กซ์ที่ต้องมาถ่ายรูปวัดทอง เงาสีทองที่สะท้อนตัดกับสีน้ำใสๆ สวยมาก
สวนสวยๆ กับ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นงามๆ มันเปะมากอ่ะ อยากมีเวลาอยู่นานๆจัง
หงส์ทองเหนือยอดหลังคาวัดทอง สวยเด่นเป็นสง่ามาก เสียดายฝนเริ่มมาละ ถ้าฟ้าใสๆนะ แจ่มเลย
ตะลุยเที่ยวเกียวโตใน 1 วัน เหนื่อยมาก เติมพลังด้วยโค้กจากตู้หยอดเหรียญระหว่างรอรถไฟ
จากนั้นต่อ JR Haruka พุ่งตรงเข้าสู่ Kansai Airport มื้อเย็นไม่ได้กินอะไรเลย หิวมาก จนต้องสั่งทาโกะยากิ ได้มาแล้ว Boarding pass มาชิม เป็นการเดินทางไปขึ้นเครื่องที่คาบเส้นที่สุด (เซ็ตที่ถูกสุดในเมนู) 5 นาทีสุดท้ายก่อน check in counter ปิด ราคา 670 เยน
เดินไปขึ้นเครื่องท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น วิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า สวยงามจริงๆเนอะ
ถึง Narita Airport ตรงมาที่ Information เห็นแผ่นพับแนะนำ สนามบินเป็น ภาษาไทยด้วย
ภายในรถไฟเข้าโอซาก้าตอนเย็นๆ คนเยอะเชียว
เมื่อลงเครื่องแล้ว มาซื้อตั๋ว N’EX one way ราคา 1,500 เยน ที่ JR Office ชั้น 1 เพื่อเดินทางไปลงสถานี Shinjuku รถไฟมาทุกครึ่งชั่วโมง มาถึงสถานี Shinjuku แล้วค่ะ บอกตรงๆว่า ตะลึกในความใหญ่โต และบรรยากาศ ผู้คนรอบข้างมาก กำลังคึกคัก ประมาณ ข้าวสาร x 100เท่า เลย
ถึงแล้วโรงแรมแคปซูล คืนละ 4,200 เยน สบายมาก มีทุกอย่างให้หมด เพียงแค่คุณพกยาสีฟันมาด้วยก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย
บรรยากาศยามเช้า หน้าโรงแรม แตกต่างจากเมื่อวานมาก
วันนี้ใช้ตั๋ว Tokyo Subway One day pass ราคา 710 เยน
มาถึงแล้วตลาดปลา Tsukiji ของทะเลทั้งสดและแห้งขายเพียบ รู้สึกเหมือนอยู่สมุทรปาการ เลยซื้อปลาหมึกแห้งกลับมาฝากที่บ้านสักหน่อย แวะกินข้าวเช้าที่ตลาดปลา ข้าวญี่ปุ่นกับปลาดิบสดๆ และซุปมิโซะร้อนๆ แต่เราไม่ชอบกินปลาดิบ เพื่อนเลยกินกันเปรมเลย ร้านไข่หวานแถวนี้ ก็มีชื่อเสียง ไม้ละ 100 เยน หวานจริงๆ
โคมใหญ่สีแดงหน้าทางเข้าวัด Sensoji
นั่งรถไฟมาลงสถานี Asakusa
แถวนี้ตึกเก๋ๆ
ภายในวัดสวยงามมาก กำลังจะมีงานวัดด้วย
ร้านขายของที่ระลึก ร้านขนม สอง้างทางระหว่างทาง เดินเข้าวัด
ภายในศาลาวัด ข้างในอลังการมาก แต่ห้ามถ่ายรูป เมื่อเช้ากินน้อย เลยซื้อขนมคล้ายๆ พวกขนมปังบัน จากร้านใกล้ๆวัด คนซื้อเยอะมาก ชิ้นใหญ่โตมาก 1 ชิ้น 200 เยน 3 ชิ้น 500 เยน
ร้านขายของที่ระลึก มีของให้เลือกเยอะมาก
ซื้อตั๋วที่ท่าเรือ มีหลายเส้นทาง เลยเลือกเส้นทางที่ถูกที่สุด ราคา 780 เยน ไปลงท่าเรือ Hinode Pierใกล้ๆ Tokyo Tower
เดินออกจากวัด Sensoji มาเรื่อยๆ ตามทิศทาง Tokyo Skytree ก็จะพบแม่น้ำและเรือพาเที่ยว Tokyo Cruise
ภายในเรือ Tokyo Cruise เรือที่เรานั่งล่องไปตามแม่น้ำ
AzumaBashi Bridge
KomagataBashi Bridge
KuramaeBashi Bridge
JR Soubu line Bridge
RyogokuBashi Bridge
Shin-ohashiBashi Bridge
KiyosuBashi Bridge
Chuo-ohashi Bridge
KachidokiBashi Bridge
Rainbow Bridge
Sumidagawa ohashi Bridge
EitaiBashi Bridge
UmayaBashi Bridge
เดินจากท่าเรือ ออกมาไกลเหมือนกัน จึงแวะกินอาหารกลางวัน ร้านนี้น่าจะเป็นเฟรนไชส์ เห็นคนเยอะดี อร่อยดีนะ
วิวสวน Hamarikyu มองจากสะพานข้ามถนน ระหว่างเดินไป Tokyo Tower
ถึงแล้ว Tokyo Tower ค่าบัตรเข้าชมที่ความสูง 150 เมตร ราคา 900 เยนมีสูงกว่านี้ 250 เมตร แต่ตั๋วราคาแพงกว่า เลยเอาแค่นี้พอ มองเห็นวิวรอบโตเกียวเลย เมื่อ 56 ปีที่แล้ว หอคอยนี้สูงที่สุดในญี่ปุ่นเลยนะ ใกล้ๆกับ Tokyo Tower มีวัด Zojoji เป็นวัดที่ใหญ่มากๆ อยู่ใจกลางกรุงโตเกียวเลย
ด้านข้างหอคอย มีป่าไม้ขนาดใหญ่ ลำธาร และน้ำตกเล็กๆอยู่ด้วย
บรรยากาศชิวๆบริเวณ Imperial Palace ที่ปิดซ่อม อดดูข้างในเลย แต่บรรยากาศข้างนอกที่สวนสาธารณะชิวมากๆ เป็นเหมือนตึกที่ล้อมรอบ ธรรมชาติมากๆ โล่ง โปร่ง สบาย ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใกล้เมืองนิดเดียว
ที่ศาลเจ้า Meiji Shrine สงบ ร่มรื่น ร่มเย็นมาก แค่คุณเดินออกจาก สถานีรถไฟ Harajuku เพียงไม่กี่ก้าว จะเหมือนคุณออกจากเมือง มาอยู่ป่า จากความศรีวิไล มาสู่ความสงบสุข ฟินมาก บอกเลย ชอบที่นี่
ตกเย็นก็เริ่มหาอะไรใส่ท้อง และก็ไม่พลาดทาโกะยากิ ใกล้ๆกับร้านขาย Popcorn Garret อร่อยดี กรอบนอก นุ่มใน ปลาหมึกชิ้นใหญ่ ซอลเข้มข้น
เดินไปเดินมา เจอร้านขายของน่ารัก แนวไอเดีย คล้ายร้าน Loft เลยแวะช็อปปิ้ง ได้หมวกแก็ป กับน้ำเปล่าราคา 70 เยน ถูกสุดที่เคยเจอละ
เดินออกจาก Meiji Shrine มานิดเดียว ก็จะเป็นย่าน Harajuku แหล่งช็อปปิ้ง สินค้ามากมายหลากหลายแบรนด์ พนักงานร้านแบรนด์เนมแต่ละร้าน คัดสรรรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างดี เห็นแล้วฟินเว่อร์ อยากมาซื้อของบ่อยๆเลย 555
เดินจาก Harajuku มาจนถึง Shibuya เดินหลงมาไกลเหมือนกัน 555
นั่งรถไฟมาชมวิวโตเกียวยามค่ำคืนที่ Tokyo Metropolitan
ด้านหน้าทางขึ้นโรงแรมแคปซูลยามค่ำคืน
กลับมาบริเวณ shinjuku ตอนดึกวันเสาร์ คึกคักพอๆกับวันแรกที่มาถึง แต่วันนี้รู้ละว่าจะเจออะไร เลยไม่เซอร์ไพร์เท่าวันแรก คนญี่ปุ่นเขา Work hard and Play harder ของแท้จริงๆ กว่าจะได้กินข้าวเย็นจริงๆ ก็เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่ม ร้านอาหารมีเยอะมาก จนเลือกไม่ถูก เลยลองสั่งจาก ตู้หยอดเหรียญดูบ้าง และในที่สุดอาหารเย็น แสนอร่อมก็มาถึง
ภายในรถไฟเข้าโอซาก้าตอนเย็นๆ คนเยอะเชียว
^ ถึงแล้วท่ารถของ KEIO
จากท่ารถมองไปจะเห็นย่าน shijuku ยามเช้า ^ มีรถบัสมาจอดรับ ผู้เดินทางมากมาย ด้านข้างอาคาร
ส่องวิวสองข้างทาง รู้เลยว่าออกมาจาก โตเกียวแล้ว
สถานีรถบัส Mt. Fuji ยังไม่ลงนะคะ นั่งต่อไป ลงสถานี Kawaguchiko
^ ได้ตั๋วแล้วจ้า จองก่อนนะ แล้วค่อยมาจ่ายเงิน อาหารมื้อเช้าจากมินิมาร์ท ^ ใกล้ถึงเวลาขึ้นรถ ก็มาต่อแถวได้เลย รถบัสที่นี่ ตรงเวลาไม่ต่าง จากรถไฟเลย
ภายในรถบัส จอทีวีคอยบอกสถานีต่อไป
ถึงแล้วค่ะ สถานี Kawaguchiko
ที่สถานีรถบัส Kawaguchiko มี Peace ขายด้วย ลูกใหญ่น่ากินมาก ซื้อบัตร one day pass ราคา 1,200 เยน ด้านหลังเป็นโปสการ์ด
นั่งรถบัสรอบเมืองมาจนถึงป้ายสุดท้ายก็จะพบกับ Kawaguchiko Natural Living Center ถ้าฟ้าเปิดก็จะเห็นภูเขาไฟฟูจิลูกโต แต่วันนี้ฟ้าปิด ได้ดูแต่ดอกลาเวนเดอร์กับทะเลสาป Kawaguchiko อากาศวันนี้เย็นสบาย มีฝนเล็กน้อย แต่เมฆมาก เห็นแต่ฐาน ต้องกลับมาดูใหม่สินะ
ที่นี่มีตลาดนัดขายของด้วยค่ะ ชมวิวไป ช็อปไป สบายใจเลย
แถมยังมีนักดนตรีฝีมือเยี่ยม มาเล่นดนตรีขับกล่อม สร้างความครื้นเครง ให้กับบรรยากาศชิวๆริมทะเลสาป
อยู่สักพักก็มีฝนพร่ำ ลงมาตอนเที่ยงๆ ใกล้ๆไม่มีอะไรกิรนอกจาก อุด้งหอมๆ ราคา 500 เยน เลยต้องจัดมากิน คลายหนาวสักหน่อย รสชาติแบบท้องถิ่น แต่แป้งเยอะไป เลยกินไม่หมดเลย ซดแต่น้ำซุป สงสัยบรรยากาศดี จะทำให้คนหิว นั่งกินแซนวิส กับบรรยากาศดีๆต่อ
รถบัสรอบเมืองมาแล้วนั่งต่อไปที่ Kawaguchiko Herb Hall Kawaguchiko Herb Hall ตึกสวยๆ เข้าไปหอมฟุ้งแบบธรรมชาติ ด้านหลังมีสวนสวยและ Cafe นั่งจิบกาแฟ
แวะซื้อไอติมรสองุ่นกินแก้หนาวดีกว่า หอมองุ่นมาก
บรรยากาศสบายริมทะเลสาป Kawaguchiko ของคนและสัตว์ รสบัสเดินทางกลับ จาก Kawaguchiko มุ่งหน้าสู่ Shinjuku เวลา 15.45 น. ฝนพร่ำกับ อุณหภูมิเย็นๆ
ซื้อน้ำและขนมของฝาก Mt. Fuji หน้าตากล่อง ดูดีมาก รู้เลยว่า ต้องซื้อมาฝากจาก Mt. Fuji ของแท้แน่นอน
ฉันว่าการไปเที่ยว Mt.Fuji ก็คงคล้ายๆกับคนไทยไปเที่ยวเขาใหญ่ ธรรมชาติที่สวยงาม และมีแก็ง Big Bike ขี่ชมวิวเป็นกลุ่ม อย่าซ้อน Big Bike แบบนี้บ้างจัง
เข้าสู่โหมด ความเป็นเมือง คึกคักตลอดเลย
กลับมาถึง Shinjuku ก็เย็นค่ำ แสงกำลังสวย เลยเก็บภาพมุมโล่งๆ ของ Shinjuku มาฝาก
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง มื้อเย็นเลยจัดเต็ม ขึ้นลิฟท์ที่ห้าง Uniclo เปลี่ยนบรรยากาศกินอาหารชั้นบน โดยเลือกร้านจากภาพอาหารที่โชว์อยู่ที่ชั้น 1 สุ่มไปจนเจอร้านนี้ ก็อร่อยดี แบบแพงๆ
ความไฮโซของเรา ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ จัดเต็มต่อของหวานในร้านกาแฟชั้นใต้ดินสุดหรู ชิบชาร้อนพร้อมของหวาน รู้สึกเป็นราชนิกูลขึ้นมาทันที ความจริงคือเดินไปร้าน Toast ที่เล็งไว้ใกล้ๆโรงแรมแคปซูล จะไม่ทันขึ้นรถบัสไปต่อ แต่ Toast เรียบง่ายสุดหรูร้านนี้ก็อร่อยมากเลย เป็นอันว่าภารกิจการกิน Complete พร้อมเดินทางไกลต่อจ้า
หลังจากเดินจนเมื่อย ต่อไปนี้จะได้นั่งพักขานานถึง14 ชั่วโมง เดินทางโดยรถบัสของ Keio จาก Shinjuku ไปที่ Hakata รถออก 21.00 - 11.00 น. ประหยัดค่าโรงแรมไป 1 คืน
จุดแวะพักรถ เดินทางมาถึงที่แวะพักรถตอน 08.00 น. มีห้องน้ำสะอาด และมินิมาร์ท เลยแวะซื้อ ฮอตดอก เจออีก 1 งานดีไซต์สไตล์ญี่ปุ่น ของเขาดีจริงๆ
และแล้วการเดินทาง ที่แสนยาวนาน ก็พาเรามาถึงที่หมาย Kaosan Fukuoka Hostel
หิวมากเลย อาหารจริงๆ มื้อแรกของวัน เป็นราเมงเส้นเหนียวนุ่ม กับน้ำซุปมิโสะหอมกรุ่น
หิวแล้ว จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟจากสถานี Hakata ไปลงสถานีรถไฟฟ้า Tenjin เดินเชื่อมไปสถานีรถไฟ ของบริษัท Nishitetsu ชื่อสถานี Nishitetsu Fukuoka ราคา 200 เยน
! !
จากนั้น ซื้อตั๋วสำหรับเที่ยวจะมีขายที่จุดจำหน่ายตั๋วของบริษัท Nishitetsu ! มีชื่อเรียกว่า Dazaifu Stroll Ticket Pack (1 Day Journey) ! ราคาคนละ 1000 เยน ขึ้นรถไฟไปลงสถานี Futsukaichi ก่อน ! แล้วต่อ Local Train ไปยัง Dazaifu อีก 2 สถานี (รถไฟสีเขียวๆ)! ตั๋วนี้ได้ทั้งขึ้นรถไฟ ส่วนลดบางสิ่ง (อ่านไม่ออก) และขนมไดฟุกุไส้ถั่วแดง
ถึงแล้วสถานี Dazaifu
ถ่ายรูปกับ เสาโทริอิ หน้าทางเข้าศาลเจ้า
ร้าน Starbucks ที่ตกแต่งร้าน อย่างสวยงาม จนเป็นที่ขึ้นชื่อ
ขนมไดฟุกุที่แลกฟรี มาจากการซื้อตั๋ว Dazaifu Stroll Ticket Pack แต่ละร้านจะให้ขนมมา 3-4 ชิ้น ไปกัน 3 คน เลยแลกมา 3 ร้าน แบ่งกันกินอร่อยเลย
บรรยากาศภายในศาลเจ้า Dazaifu กว้างใหญ่ ร่มรืน อยากมีเวลาเยอะๆ! นั่งชิวๆมากเลย อากาศสดชื่น บริสุทธ์ สัมผัสได้ถึงวิธีแห่งชนบทแบบญี่ปุ่น
เดินเล่นกินลมชมวิว นอกเส้นทางบ้าง! ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศ! ชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริง! ของชาวเมือง Dazaifu ก่อนนั่งรถไฟ! กลับไปเดินเล่นที่ Fukuoka!
เดินเล่นย่าน Gion แถวนี้มีวัดเต็มไปหมด แต่ไปถึงเย็นเกิน วัดปิดหมดละ ถ่ายได้แต่ข้างนอก
วันพรุ่งนี้เมือง Fukuoka จะมีการแห่ เทพเจ้าประจำเมือง วันนี้ประชาชน ต่างเตรียมตัวต้อนรับ เทศกาลกันอย่างคึกคัก บริเวณศาลเจ้า Kushida Shrine
มื้อนี้จัดเต็มไปเลย จริงๆอยากกินปิ้งย่าง! แต่หาร้านไม่เจอ เลยต้องกินแบบเขาปิ้งมาให้! อร่อยฟินมาก หน้าตาสวยงาม ! ร้านนี้มีเมนู Sasimi เป็นเนื้อสัตว์แปลก! อาทิ เนื้อปลาวาฬ เนื้อม้า ฯลฯ! เพื่อนอยากลองของแปลก ! เลยสั่งเนื้อม้ามาทาน กินกันสดๆเลยทีเดียว! ปิดฉากการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นอย่างงดงาม! ฉลองด้วย Sake รสหวานกลมกล่อม! อยากมีเวลาอีกหลายๆวัน เพราะติดใจ Sake ! ของญี่ปุ่นเขานี่แหละ อร่อยเลิศค่ะ
ของจุ๊กจิ๊กไดโซะ 100 เยน กับเครื่องสำอางค์นิดหน่อย ช็อปแบบประหยัดค่ะ
ขึ้นรถบัสสาย A ที่ป้ายรถเมล์มาส่งที่สนามบิน Fukuoka International Airport
อาหารมื้อสุดท้ายในญี่ปุ่น
ก่อนเดินไปขึ้นเครื่อง แล้วจะกลับมาใหม่นะ
อาหารมื้อแรกในไทย เมื่อกลับมาถึง
ตั๋วขึ้นเครื่องบินขากลับ Fukuoka - Thailand