ราชประชาสมาสัย : Rachaprachasamasai

Page 1

ราชประชาสมาสัย หนังสือที่ไม่มใี ครอยากพิมพ์

โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ


2

ราชประชาสมาสัย


ราชประชาสมาสัย

3


คานา เรื่ อง “ราชประชาสมาสัยเป็ นคํา ตอบ สุ ด ท า้ ย” นี ้ เป็ นชื่อบทความบทหนึ่ ง ของผม ผมพูดและเขียนเรื่องนี ้ไวม้ าก ในช่ว งเวลาหลายๆ ปี ก่ อนที่ ทักษิ ณ จะถูกขับออกจากตําแหน่ งด ้วยซํา้ คว าม จริ ง ผม มิ ใช่ ค นแรกที่ เส นอเรื่ องนี ้ พระบา ทสม เด็ จพระ เจา้ อยู่หวั เป็ นผู ท ้ ี่ทรงบัญ ญัติศ พ ั ท ์คํา ้ ่ อปี 2501 และทรงแปลให ว้ ่ า นี ้ ขึนเมื "พระมหากษัตริย ์และประชาชนอาศัย ่ นและกัน" ซึงกั ห ลั ง จ า ก นั้ น เ มื่ อ วั น ที่ 1 1 ธั น ว า ค ม 2 5 1 4 ม . ร . ว . คึ ก ฤ ท ธิ ์ ปราโมช ได เ้ สนอ “ทางสายกลาง ไดแ้ ก่ การปกครองระบอบราชประชา ส ม า สั ย ใ ห ้ พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ก ั บ ประชาชนร่วมกันปกครองแผ่นดิน ให ้ พระมหากษัตริย ์ทรงมี พระราชอํานาจ ้ ในการปกครองมากขึนกว่ าในระบอบ ประชาธิ ป ไตย และให ป ้ ระชาชนมี ้ อํานาจในการปกครองมากขึนกว่ าใน ระบอบประชาธิปไตยของไทยที่แลว้ มา

4

ราชประชาสมาสัย

พร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ก ์ ั บ ป ร ะ ช า ช นใ น เมื องไทยนั้ นไม่ เคยเป็ นภัยต่อกันมี แต่ ความรัก กัน และมี ค วามอนุ เคราะห ์ ้ ลต่อกันและกันมาโดยตลอด เกือกู ถ า้ หากว่ า พระมหากษัต ริ ย ก์ บ ั ประชาชนไดร้ ่ว มกันปกครองแผ่นดิน ด ว้ ยความรัก และความอนุ เคราะห ์ เกื ้อกู ล ต่ อ กั น ดั ง ที่ ได ม ้ ี ม าแล ว้ โดย ตลอดนั้น ผมก็มีความหวังว่า แผ่นดิน ไทยของเรานี ้ จะเป็ นดิ น แดนแห่ ง ความสันติ และความเจริญในทุกทาง ่ ดังที่คนทัวไปปรารถนา" ์ ้เป็ น ต่อมาเมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิได นายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2518 ไม่ปรากฏ ได พ ้ ยา ยามหรื อ ทํ า ให ้ “ราชประ สมาสัย ” ปรากฏเป็ นจริ ง แต่ อ ย่ า งใด เมื องไทยจึ งตกอยู่ในวังวนของ “วงจร อุบาทว ์” กับ “วัฏจักรนํ ้าเน่ า” คือการ ที่ ทหารยึ ดอํ า นา จกั บ กา รที่ พรรค ้ กา รเมื องซื อเสี ยงเข า้ ม า กอบโกย ผู ก ขาดอํ า นา จสลั บ กันไปมา จว บ ่ งปัจจุบน จนกระทังถึ ั


ศาสตราจารย ์ ดร.อมร จันทรส ม บู ร ณ์ ส รุ ป ว่ า เ มื อ งไ ท ยไ ม่ มี วั น ้ แก ้ปัญหาข ้างต ้นได ้ นายทุนตังพรรค ผู ก เงื่ อนตายไว ด ้ ว้ ยกฎหมาย รัฐ ธรรมนู ญที่ เป็ นเผด็ จ การ คื อ บังคับใหผ ้ ูส้ มัครตอ้ งสังกัดพรรค (เป็ น ้ ่ สํ า คัญ ทาง การตัด เสรี ภ าพพื นฐานที ก า ร เ มื อ ง ) แ ถ ม ยั ง บั ง คั บ ว่ า น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ต ้ อ ง ม า จ า ก ผู ้ แ ท น ร า ษ ฎ ร น า ย ทุ น พ ร ร ค จึ ง ผูกขาดตํา แหน่ งนายกรัฐมนตรีไว ไ้ ด ้ อย่างถาวร ที่บ า้ นเมื องเกิ ดความเลวทราม ชั่ว ร ้า ย ทํ า ใ ห ้บ ้า น เ มื อ ง แ ต ก แ ย ก ระสํ่ าระสายมองหาทางออกไม่ เ จอ ก็ เพราะผลประโยชน์ข องนั ก การเมื อ ง แ ล ะ นั ก ก า ร เ มื อ งไ ม่ มี วั น จ ะ แ ก ้ ข ้อกํา หนดดัง กล่ า วเพราะใครเล่ า จะ ทําลายผลประโยชน์ตนเอง ผู ท ้ ่ี จะแก เ้ งื่ อนตายดัง กล่ า วได ้ จะตอ้ งเป็ นรัฐบุรุษ เท่านั้ น แต่เสียดาย ดร.อมรว่ า เมื อ งไทยไม่ มี ร ฐั บุ รุ ษ ดร. อมรอาจจะลื มไปว่ า ยามใดที่ เมื องไทย ตกอยู่ ใ นวิ ก ฤตจนถึ ง ที่ สุ ดใครก็ แ ก ้ ไม่ ไ ด แ้ ล ว้ เมื อ งไทยโชคดี ท่ี ยัง มี ท่ี พึ่ ง

สุ ด ท ้ า ย อ ยู่ เ ส ม อ นั่ น ก็ คื อ พระบาทสมเด็จพระเจ ้าอยู่หวั น า น ม า แ ล ้ว ผ ม ร ว บ ร ว ม บ ท ค ว า ม แ ล ะ เ ขี ย น บ ท วิ เ ค ร า ะ ห ์ เพิ่ มเติ ม เป็ นต น ้ ฉบับ หนั ง สื อ ชื่อว่ า “ราชประชาสมาสัย ” ซึ่งมี บ ทความ มากกว่าที่ทํามาพิ มพใ์ นเล่มนี ้เกือบสี่ เท่ า มี ผู ร้ บ ั อาสาจะพิ ม พ ์ 2 ราย แต่ ปรากฏว่ า ไม่ มี ใ ครลงมื อ พิ ม พ ต ์ าม สัญ ญาสัก ที ไม่ ท ราบด ว้ ยเหตุ ผ ล กลไก จนกระทั่งบ า้ นเมื อ งกํ า ลัง จะตก ไปสู่ หุบ เหว อาจจะเกิดสงครามกลาง เมื องนองเลื อดวันนี ้วันพรุ่ง เรื่องจะแก ้ รัฐ ธรรมนู ญหรื อไม่ แ ก ้ จะปรองดอง หรือไม่ปรองดอง กลายเป็ นประเด็ นที่ ตกลงกันไม่ มี ว ันได ้ นอกจากจะยก กํ า ลัง มาเผชิญ หน้า กัน แล ว้ องค ก์ ร ผูใ้ ช ้อํานาจอธิปไตยในบา้ นเมืองยังจะ ้ ถูกทําลายลา้ ง และหรือตังหน้ าจะโค่น ่ นและกันก็มี ล ้มซึงกั ผมได ร้ บ ั โทรศัพ ท จ์ ากน้อ งๆ ที่ เป็ นนายทหารใหญ่ ในบ า้ นเมื อ งบอก ว่า “พี่ ครับ อาจารย ค์ รับ ผมเห็ น ว่ า ในที่สุดพวกเราคงหนี ไม่พน้ วิธท ี ่พี ี ่ว่า”

ราชประชาสมาสัย

5


ในขณะเดี ย วกัน เมื่ อวัน ที่ 15 ้ มิถุนายน ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิมทอง กุ ล ห นึ่ งใ น แ ก น นํ า ข อ ง พั น ธ มิ ต ร ป ร ะ ช า ช น เ พื่ อ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ก็ ออกมาสรุปในทํานองเดียวกัน ผมขอ คัดลอกความเห็นสนธิมาข ้างล่างนี ้ เติมศก ั ดิ ์ – มีคําหนึ่ งที่อยู่ในฎีกา คํา ว่า หลักราชประชาสมาสัย อยากฝาก อะไรกับผูช ้ มทางบ ้าน สนธิ – ผมคิดว่า พระเจ า้ อยู่ หวั พระองค ท ์ ่ า นนอกจากเป็ นจอมทัพ แล ้ว พระองค ์ท่านยังเป็ นทุกสิ่งทุกอย่าง ในประเทศไทย ผมคิดว่าพระองค ์ท่าน จะตอ้ งทําอะไรสักอย่าง หรือว่าพวก เราจะตอ้ งทําอะไรสักอย่างโดยร่วมมื อ กับพระองค ์ท่าน เพื่ อสรา้ งแผ่นดินนี ้ ้ ้ ผม ขึนมาพร ้อมกัน ตัดการเมืองทิงไป คิ ด ว่ า ความสมัค รสมานสามัค คี ระหว่างพระเจา้ อยู่หวั สถาบันกษัตริย ์ กับประชาชน ต ้องแนบแน่ นมากกว่า ้ เก่า แลว้ ทังสองฝ่ ายจะต ้องร่วมมือกัน เพื่ อสร า้ งประเทศไทยให ก ้ ลับ คื น มา เป็ นประเทศไทยที่ มี คุ ณ ธรรม มี จริยธรรม มี มโนธรรม มี ความโปร่งใส

มีศีลมีธรรม ใหค้ วามเท่าเทียมกันทุก คน เพราะว่าความเท่าเทียมกันไม่ใช่ ใหไ้ ม่ได ้ ทุกวันนี ้ใหไ้ ด ้อยู่แลว้ เป็ นแต่ เพี ย งว่ า เราจะถู ก กระบวนการ ้ ขันตอน ระบบราชการ คนบางกลุ่ม ผู ้ ้ มี อํา นาจบางส่ ว น ขีดกัน ปิ ดขวาง ไม่ใหก้ ระบวนการยุติธรรม หรือความ ยุติธรรมที่จะตกไปสู่ทุกๆ คนมีนผ่าน พ้นไปได ้ โดยพวกนี ้ทําเป็ นแหคอยดัก ประโยชน์เข ้าตัวเอง พวกนี ้ต ้องกวาด ออกให ห ้ มด เมื่ อใดก็ ต าม ประชาชน กับพระเจ ้าอยู่หวั เป็ นนํ ้าหนึ่ งเดียวกัน แล ้ว นั่นคือ หลักราชประชาสมาสัย เติมศก ั ดิ ์ – หลักราชประชาสมาสัย น่ าจะเป็ นคําตอบของวิกฤตรอบด ้านที่ ้ เกิดขึนในเมื องไทยวันนี ้ สนธิ – แน่ นอนเป็ นคําตอบเลยจริงๆ“ ผ ม ห วั ง ว่ า เ มื อ งไ ท ย ค ง จ ะ ร อ ด พ้น ้ ้ สงครามกลางเมื อ งนองเลื อ ดในครังนี เพราะคนไทยเริ่ มเข า้ ใจราชประชา สมาสัยแลว้ และเข ้าใจว่าเมื่ อถึงคราว จํ า เป็ นชาวไทยจะมี ท่ี พึ่ งคนสุ ด ท า้ ย เสมอ

ปราโมทย ์ นาครทรรพ 20 มิถน ุ ายน 2555

6

ราชประชาสมาสัย


สารบัญ  ภัยพิบัติชดั แจ้ง อันอาจเกิดขึน้ ได้

8

 หากนายกเข้าใจราชประชาสมาสัย ก็ไม่ตอ้ งรอปฏิรปู

13

 ใกล้ถึงเวลาราชประชาสมาสัยแล้ว

18

 ประเทศไทยบนทาง ๓ แพร่ง : สงครามกลางเมือง รัฐประหาร หรือปฏิวตั ปิ ระชาธิปไตย

22

 จดหมายเปิ ดผนึกถึงหัวหน้าคณะปฏิวตั ิ

27

 คมช. ทาลายราชประชาสมาสัย?

33

 ทักษิณควรฉวยโอกาสพึ่งพระราชอานาจ

39

 ราชประชาสมาสัยคือคาตอบสุดท้าย

45

 โอกาสสุดท้ายของทักษิณ

49

 พระราชอานาจนอกและเหนือรัฐธรรมนูญ

55

ราชประชาสมาสัย

7


ภัยพิบัติชัดแจ้ง อั นอาจเกิดขึ้นได้ (Clear and Present Danger) โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 3 กุมภาพันธ์ 2553 14:37 น. บ า้ นเมื อ งของเรากํ า ลัง ประสบ “ภัย ้ พิ บ ัติ ช ด ั แจ ง้ อัน อาจเกิ ด ขึ นได ท ้ ุก ขณะ” ้ “ภัย พิ บ ต ั ิชด ั แจ ง้ ” นี ้ เกิ ด ขึน เพราะการกระทํา ของคณะบุ คคลหมู่ หนึ่ ง และการงดเว น ้ การกระทํ า ของ คณะบุคคลอีกหมู่หนึ่ ง ้ “ภัยพิ บต ั ิชดั แจง้ อันอาจเกิดขึน ไดท้ ุกขณะ” เป็ นคติหรือตํารับทาง กฎหมาย (legal concept or doctrine) ที่เรียกว่า Clear and ่ พ Present Danger ซึงผู ้ ิ พากษา ศาลสู งสหรัฐ ฯ Oliver Wendall ้ Holmes, Jr. เป็ นผูป้ ระดิษฐ ์ขึนในปี 1919 ถูกนํ าใช ้มากที่สุดในอเมริกา ประเทศที่ มี ห ลัก ประกัน เสรี ภ าพทาง ความคิดมากที่สุด ห ลั ก ป ร ะ กั น นั้ น มี อ ยู่ ใ น บทบัญ ญัติ เ พิ่ มเติ ม ลํ า ดับ หนึ่ งของ รัฐ ธรรมนู ญ หรื อ The First Amendment

8

ราชประชาสมาสัย

“Congress shall make no law respecting an establishment of religion, or prohibiting the free exercise thereof; or abridging the freedom of speech, or of the press; or the right of the people peaceably to assemble, and to petition the Government for a redress of grievances หา้ มมิ ใหส้ ภาคองเกรส ออกกฎหมายรับ รองศาสนา หรื อ จํ า กัด เสรี ภ าพในการนั บ ถื อ ศาสนา ใดๆ หรื อ จํ า กัด เสรี ภ าพในการพู ด เสรี ภ าพของสื่ อ หรื อ เสรี ภ าพของ ประชาชนที่ จะชุม นุ มโดยสงบ และ เสรีภาพที่จะยื่นฎีกาใหร้ ฐั บาลบรรเทา ทุกข ์ร ้อน” มี การงดใช ้รัฐธรรมนู ญมาตรานี ้ หลายครัง้ โดยไม่ ต อ้ งประกาศออก กฎ หม า ยหรื อ แก ร้ ั ฐ ธรรม นู ญเลย เพี ย งฝ่ ายบริ ห ารใช อ้ ํ า นาจหรื อ ศาล วิ นิ จฉั ย ว่ า มี เ หตุ อ น ั ควรยกเว น ้ เพื่ อ


ป้ องกัน หรื อ ระงั บ ภั ย ต่ อ ความสงบ เ รี ย บ ร ้อ ย แ ล ะ ศี ล ธ ร ร ม อั น ดี ข อ ง ประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ อัน ่ ว้ ่า มี แนวโน้ม มี แบบอย่า ง มี เชือได ่ ข ้อมูลและมีปัจจัยเชือมโยง จนเห็ นได ้ ้ ชัดแจ ง้ ว่าจะเกิดขึนอย่ างแน่ นอน ณ จุดใดจุดหนึ่ ง คว บคู่ ก ั บ หลั ก “ภั ย พิ บั ติ ช ัด แจ ง้ ” คื อ ตํ า รับ “imminent lawless action หรือ การกระทํา เถื่ อนเสมื อ นไร ก ้ ฎหมายซึ่ งจะต อ้ ง ้ เกิ ด ขึนอย่ า งแน่ นอน” หลัก นี ้ ใช ้ ป้ องกันและควบคุมม็อบได ้ดีเป็ นพิเศษ ในประเทศ Common Law ก็ มีการยกเว ้นและบังคับมิใหใ้ ช ้เสรีภาพ ทางการพู ด และสิ ท ธิ ใ นการชุม นุ ม ทํานองเดียวกัน ้ั ้ การเคลื่อนไหวแบบสงบ แต่ทงนี สันติอหิงสาและปราศจากอาวุธในโลก ประชาธิปไตยจะลดน้อยลงก็หามิได ้ ้ หากแต่ ก ารกระทํ า ที่ มี เ บื องหลั ง มีเจตนารับใช ้ผลประโยชน์ของบุคคล และหมู่ ค ณะโดยเฉพาะ มี แ กนนํ า จํานวนหนึ่ งที่กระทําผิ ดต่างกรรมต่าง วาระ ครั้งแล ว้ ครั้งเล่ า เหิ ม เกริ ม กํ า เริ บ เสิ บ สานทํ า ลายปกติ สุ ข ของ บ ้านเมืองและสถาบันที่เคารพบูชาของ

ปวงชนข า้ มเดื อ นข า้ มปี ถึ ง ทุ ก วัน นี ้ ถ ้าเป็ นอเมริกาก็เข ้าข่าย clear and present danger และ imminent lawless action ถูกตัดไฟแต่ต ้นลม ไปนานแล ว้ เพราะมิ ใ ช่ก ารใช ้สิ ท ธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนู ญโดยสุจริต เหตุไฉนในประเทศไทยจึ ง มิ เ ป็ น เ ช่ น นั้ น ป ร ะ เ ท ศไ ท ย มิ ใ ช่ นิ ติ รั ฐ เหมือนนานาอารยประเทศหรือ การกระทํ า ของคณะบุ ค คลหมู่ หนึ่ งนั้ นพอจะเข ้าใจได ้ แต่การงดเว น ้ การกระทําของคณะบุคคลอีกหมู่หนึ่ ง คื อ รั ฐ บ า ล หรื อผู ้มี ห น้ า ที่ บั ง คั บใ ช ้ กฎหมาย เดาไม่ ไ ด ว้ ่ า โง่ แกล ง้ โง่ ้ นหั ้ ว สมอง ไม่ รู ก กลั ว ขี ขึ ้ ฎหมา ย หรื อ เพราะมี ผ ลประโยชน์แ อบแฝง ร่วมกับคณะบุคคลหมู่แรก จะว่าสังคมไทยไม่รู ้หลักกฎหมาย clear and present danger และ imminent lawless action ก็ ก ร ะ ไ ร อ ยู่ ผ ม เ ค ย ส อ น เ รื่ อ ง นี ้ ที่ ธรรมศาสตร ก์ ว่ า 40 ปี มาแล ว้ สังคมน่ าจะมีแต่ความรู ้มากกว่าเดิม ยกตัว อย่ า งเป รี ย บเที ย บไทย อเมริกน ั 1. กรณี อเมริกน ั รอ้ งตะโกนไฟ ไหมใ้ นที่ชุมนุ มกับกรณี พลตรีขตั ติยะ

ราชประชาสมาสัย

9


เอาระเบิดหรือปื นกล M 79 มาขูอ่ ้าง ว่ า ทํา นายหรื อ เตื อ นด ว้ ยความหวัง ดี ้ งมีเหตุการณ์ดงั กล่าวเกิดตามคํา ซํายั ทํานายล่วงหน้ามาแลว้ หลายครัง้ คดี นี ้ อเมริ กน ั พิ พ ากษาลงโทษ และศาล วางบรรทัด ฐาน การบัง คับ หรื อ ออก คํ า สั่ ง ห ้ า ม ล่ ว ง ห น้ า ( prior restraint) ไว ้ “Prior restraint violated the First Amendment of the United States Constitution, คํ า สั่ ง ห ้ า ม ล่ ว ง ห น้ า ขั ด รัฐ ธรรมนู ญ ยกเว น ้ ในกรณี ลามก อ น า จ า ร ก ล่ า ว ร ้า ย ป้ า ย สี ห รื อ กรณี “ภัย พิ บ ต ั ิชด ั แจ ง้ อัน อาจเกิ ด ได ้ทุกขณะ” except in cases of obscenity, defamation, or its representing  “a clear and present danger ” (Oliver Wendall Holmes, Jr.) หากฝู งชนแตกตื่นหนี ไฟเหยียบ กันตายเป็ น clear and present danger กรณี นปช.บุกบ ้านประธาน องคมนตรีมี การด่า ทอหยาบคายและ ้ า รวจและผู ช ต่ อ สู บ ้ าดเจ็ บ ทังตํ ้ ุม นุ ม น่ า จ ะ เ ข า้ ข่ า ย ห ้า ม ก ร ะ ทํ า ซํ ้า อี ก ล งโ ท ษ แ ล ะ เ พิ่ มโ ท ษไ ด ้ แ ล ะ ห ้า ม ล่วงหน้าได ้

10

ราชประชาสมาสัย

2. รัฐมีอํานาจที่จะ จํากัด หา้ ม หรือลงโทษการอภิปราย พิ มพ ์ หรือ การกระทํ า เผยแพร่ ถ า้ หากจํ า เป็ น เพื่ อป้ องกันหรือแกไ้ ขภัยพิบต ั ิชดั แจง้ ้ อัน อาจเกิ ด ขึ นได ท ้ ุ ก ขณะ In constitutional law, the principle that the government, notwithstanding the First Amendment to the United States Constitution, may restrict, prohibit, or punish speech or the printing and distribution of words if it is necessary to prevent a clear and present danger of an event that the government has a right to prevent. Schenck v. United States (249 U.S. 47, 1919) การเผยแพร่ ข อ้ ค ว า ม ข บ ว น ก า ร เ สื ้ อ แ ด ง ข อ ง ทักษิ ณด ้วยวิธีสารพัดหนักหนาสาหัส กว่าอเมริกน ั มาก ทําไมจึงจะห ้ามมิได ้ 3. กรณี ยุยงใหท ้ หารแข็งข ้อต่อ ผู บ ้ ัง คับ บัญ ชา ทํ า ให ก ้ องทัพ เสี ย ภาพลัก ษณ์แ ละความเป็ นเอกภาพ ้ “อาจเกิ ด ภัย พิ บ ัติ ช ด ั แจ ง้ ขึ นได ท ้ ุก ขณะ” เป็ นอันตรายต่อความมั่นคง ของประเทศเปรี ย บเที ย บการกระทํ า ของพลตรี ข ัต ติ ย ะ นายอริ ส มั น ต ์


พงษ เ์ รื อ งรองกับ แกนนํ า นปช.คน อื่ น ๆ กั บ ก ร ณี ข อ ง อ เ ม ริ กั น คือ Schenck v. United States (1919) Schenck was arrested and charged with “causing and attempting to cause insubordination in the military and naval forces of the United States” and with disturbing ซึง่ มี ร า ย ล ะ เ อี ย ด ใ น www.infoplease.com/us/supre me-court/cases/ar37.html Schenck เลขาธิการพรรคสังคม นิ ย ม แ ห่ ง อ เ ม ริ ก า ต อ ้ ง ข อ้ ห า ว่ า ส่ ง ใบปลิ ว 15,000 ฉบับ ยุ ย งใหผ ้ ู ร้ บ ั หมายเกณฑ แ์ ละทหารแข็ ง ข อ้ ต่ อ ผู บ ้ ัง คับ บัญ ชาและกองทัพในขณะที่ ้ ่ ประเทศอยู่ ในภาวะสงครามโลกครังที 1 โดยอ ้างว่าลูกหลานของประชาชนที่ ยากจนเท่านั้ นที่ตาย ในสงครามเพื่ อ ้ ปกป้ องชนชันปกครองให เ้ สวยสุ ข ศาลตัดสิ น 9 ต่อ 0 ใหจ้ ํา คุก เพราะการขอคุ ม ้ ครองเสรี ภ าพตาม First Amendment และข ้ออา้ งว่า กฎหมายปกป้ องประเทศยามสงคราม ขัดรัฐธรรมนู ญฟั งไม่ขน ึ ้ กองทัพตอ้ ง เสื่ อมวิ นัย ความเข ้มแข็งลดลง เป็ น ภัย พิ บ ต ั ิชด ั แจ ง้ ไม่ ต่า งอะไรกับ การ ตะโกนไฟไหมใ้ นโรงมหรสพทําใหค้ น

เหยี ย บกันตาย จะมาอา้ งเสรีภ าพใน การพูดมิได ้ ท่านผูอ้ ่านโปรดใช ้ฝ่ าเทา้ ตรองดู การที่พลตรีขต ั ติยะด่าผู บ้ งั คับบัญชา แ ล ะ ก า ร ที่ แ ก น นํ า น ป ช . ชุ ด เ ดิ ม เดี ย วกัน ใช ม้ ็ อ บและการชุม นุ มทั่ว ประเทศ ใช ร้ ฐั สภา ใช ว้ ิ ท ยุ ช ุม ชน นั บ ร อ้ ยๆ สถานี ใช โ้ ทรทัศ น์ และ วิ ดีโ อลิ ง ก ์ โฟนอินจากนอกประเทศ อาฆาตมาดร า้ ยบุ ค คลสํ า คัญ ของ ประเทศ ประกาศลม้ รัฐบาล ประกาศ ยึดกระทรวงกลาโหมและกองทหาร ยุ ้ อสู ก้ าร ยงให ค ้ นเรื อนล า้ นลุ กฮื อขึนต่ รัฐประหารดว้ ยการเตรี ยมนํ ้ ามันลา้ น ขวดขูจ่ ะเผาบา้ นเผาเมื องอย่างนี ้หรือ จะมิ ใช่ “ภัย พิ บ ต ั ิชด ั แจ ง้ อัน อาจจะ ้ ้ทุกขณะ” หรือ “การกระทํา เกิดขึนได เถื่ อนเสมื อ นไร ก ้ ฎหมายซึ่ งจะต อ้ ง ้ เกิดขึนอย่ างแน่ นอน” 4. กรณี ผีบุญอเมริกน ั Branch Davidians ที่ Waco, Texas กับผี บุ ญ ยุ ค ดิ จิ ต อล เหมื อ นกัน ตรงที่ หัว กระบวนต่ า งอวดอ า้ งเป็ นผู ว้ ิ เ ศษ ผี บุ ญ ดิ จิ ต อ ล จ ะ ป ล ด ห นี ้ ทุ ก ค นใ น ประเทศให ้รํ่ารวยภายใน 6 เดือน David Koresh หัวหน้าผีบุญ ริ บ เอาลู ก เมี ย สานุ ศิ ษ ย ห์ มด อ า้ งว่ า ้ อมคุมเชิงกับ พระเจา้ จะลงมารับ ตังป้

ราชประชาสมาสัย

11


กองกําลังปิ ดลอ้ มกว่า 80 วัน ก่อน ถูกระดมยิ ง ไฟคลอกและฆ่ า ตัว ตาย หมู่ 80 ศพ เหตุเกิด 20 เมษายน 1993 สมัย ประธานาธิบ ดีคลิ นตัน นี่ เอง ้ ที่ มี ม หา ผี บุ ญดิ จิ ตอลนั้ น ทังๆ อํามาตย ์พลเอก และอํามาตย ์ระดับสูง ในราชการตํา รวจทหารมากกว่า คน อื่ น ก็ ห ลอกลวงราษฎรว่ า จะไปโค่ น ลม ้ อํ า มาตย เ์ พื่ อให ร้ าษฎรเป็ นใหญ่ ภายใน 3 เดือน น่ า เสี ย ดายที่ รัฐ บาลมิ ไ ด เ้ อาฝ่ า ้ ่ เทา้ ตรองดูพฤติการณ์ผีบุญเสือแดงที เล่ า มาข า้ งต น ้ มัว แต่ บํ า เพ็ ญ ขัน ติ บารมี และหลงคิ ด ว่ า ผี บุ ญใช ส้ ิ ท ธิ เคลื่อนไหวตามครรลองประชาธิปไตย

12

ราชประชาสมาสัย

ก ว่ า จ ะ รู ้ ต ัว “ภัย พิ บัติ ช ัด ้ แจ้ง อน ั อาจเกิ ดขึนได้ ทุกขณะ” ก็ ลุ ก ลามไปทั่วประเทศเสี ย แล้ว สมัยอาจารย ์เสนี ย ์ ประชาธิ ปัตย ์ ไม่กล้าปิ ดสถานี ยานเกราะที่ปลุก ระดมให้เข่นฆ่านักศึกษา จึงเกิด น อ ง เ ลื อ ด แ ล ะ รั ฐ ป ร ะ ห า ร 6 ้ สมัยนี ้ หาก ตุลาคม 2519 ขึน รัฐบาลไม่กล้าปิ ดวิทยุชุมชน ปิ ด โทรทัศ น์สี แ ดงและปราบกบฏผี ่ั บุญที่ปลุกระดมวน ั ละ 24 ชวโมง อ ยู ่ ทั่ ว ป ร ะ เ ท ศ อ ย่ า ว่ า แ ต่ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อ ั น มี พระมหากษัต ริ ย เ์ ป็ นประมุ ข เลย แ ม้ แ ต่ ชี วิ ต ข อ ง บ ร ร ด า ผู ้ น า ประชาธิ ปั ตย ก ์ ็ อ าจจะรัก ษาไว้ ไม่ได้


หากนายกฯ เข้าใจราชประชาสมาสัย ก็ไม่ต้องรอปฏิรปู โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 11 กรกฎาคม 2553 13:55 น. ท่า นผู อ้ ่า นที่ เคารพ ผมขอฉายหนั ง ซํา้ ท่านที่เคยอ่านแลว้ ขออภัย หรือ จะอ่า นใหม่ ก็ ดี ขอปรับ ทุก ข ์สู่ ก น ั ฟั ง ดังนี ้ 1. เมืองไทยกําลังอยู่บนทางสาม แพร่ง 1.ไปสู่ระบบประชาธิปไตยแบบ เลื อ กตั้งให ค ้ นธรรมดาเป็ นประมุ ข ประเทศ 2.ไปสู่ เ ผด็ จ การยึ ด อํ า นาจ โดยกําลังกองทัพหรือเผด็จการ หรือ ยึดอํานาจโดยกําลังเงินของพรรคผ่าน การเลื อกตัง้ คือ วงจรอุบาทว ์กับวัฏ จักรนํ ้าเน่ า 3. ไปสู่ราชประชาสมาสัย ห รื อ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ที่ แ ท ้จ ริ ง อั น มี พระมหากษัตริย ์ทรงเป็ นประมุข 2. ขณะนี ้ แนวโน้ม นายกฯ ์ า ลัง จะเดิ นไปตามทางที่ 2 อภิ สิ ท ธิ กํ ่ ซึงผมทํ านายว่าจะเตลิดไปถึงทางที่ 3 อย่างแน่ นอนภายใน 5 ปี 3. การปฏิ รู ป การเมื อ งและ ประเทศโดยคณะกรรมการไม่ ว่ า จะ

วิ เศษมาจากไหน ในที่สุดจะลม้ เหลว เสี ย เงิ น และเสี ย เวลาของชาติ การ ปฏิ รู ป ที่ จะสํ า เร็ จได ต ้ อ้ งมาจากผู น ้ ํา ทางการเมืองที่มีเจตจํานงทางการเมือง (political will) กลา้ หาญเด็ดเดี่ยว สามารถนํ าสถาบัน กษัต ริ ย ์ ปวงชน แ ล ะ ก อ ง ทั พ เ ข า้ ม า มี ส่ ว น ร่ ว มใ น ข บ ว น ก า ร แ ล ะ ค ร ร ล อ ง ที่ เ ป็ น ประชาธิปไตยแต่ต ้น ้ 4. เมืองไทยมี ปัญญาชนคนชัน นํ า ที่ จ บ จ า ก ส ถ า บั น ชั้น ย อ ด จ า ก อังกฤษแลว้ ถึง 8 คน เรียงลําดับคือ พระยามโนปกรณ์ฯ ดร.ทวี ตะเวทิ กุล ม.ร.ว.เสนี ย ์ ปราโมช ศ.สัญญา ธรรมศัก ดิ ์ ม.ร.ว.คึ ก ฤทธิ ์ ปราโมช น า ย ธ า นิ น ท ร ์ ก รั ย วิ เ ชี ย ร น า ย อานั นท ์ ปั นยารชุ น และนายก ฯ ่ ตย ์และสามารถ อภิสิทธิ ์ ทุกท่านซือสั ทุกเรื่องนอกจากเรื่องการเมื อง เกือบ ทุ ก ท่ า น ข า ด ค ว า ม แ น่ ว แ น่ ท า ง การเมืองหรือ political will มัวแต่

ราชประชาสมาสัย

13


หวังพึ่ งบุคลาธิษ ฐานหรือคอยใหค้ นดี เข ้ามาแกไ้ ขปั ญ หา โดยไม่ เข ้าใจว่า พฤติ ก รรมคดโกงและเลวทรามทาง กา รเมื อง กา รบ ริ ห า รนั้ นม า จ า ก องค ป์ ระกอบ คื อ องค ก์ รและบุ ค คล เลวที่พากันสร ้างและรักษาโครงสร ้างที่ เลวเอาไวเ้ พื่อปกป้ องผลประโยชน์และ ทางรอดของตนเองและพรรคพวก 5. เรื่องพระราชอํานาจกษัตริย ์ ใ น ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย นั้ น น า ย อานั น ท ์ ปั น ยารชุน เข า้ ใจ และ เปิ ดเผยว่าเวลาจะขอโปรดเกลา้ ฯ ให ้ ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไ ธยเรื่องใด ก็ จ ะต อ้ งเข ้าเฝ้ าฯ กราบบัง คมทูลให ้ ทรงทราบถึ ง ที่ มาที่ ไปเสี ย ก่ อ น ผม ์ เ ข า้ ใจดี แน่ ใจว่ า นายกฯ อภิ สิ ท ธิ ก็ แต่ จ ะปฏิ บ ต ั ิ อ ย่ า งไรหรื อไม่ น้ั น ยังไม่ ทราบ ทราบแต่ว่ าในคราวที่ มี วิ กฤต ราชประสงค ์นั้นนายกฯ มิได ้เข ้าเฝ้ าฯ ถวายรายงานเพราะตอ้ งการป้ องกันมิ ให ้ในหลวงถูกใส่ร ้ายในการที่จะต ้องใช ้ กําลังสลายการชุมนุ ม จะผิ ดหรือถูก ขึ ้ น อ ยู่ กั บ ค ว า ม ป ร ะ ณี ตใ น ก า ร พิจารณาความ 6. ความจริงการสร ้างระบอบราช ประชาสมาสัยจะสําเร็ จกว่าครึ่งโดยไม่ ตอ้ งทําอะไรเลย เพี ยงแต่นายกฯ ไป ขอพระราชทานพระบรมราชโองการ

14

ราชประชาสมาสัย

ให เ้ ข า้ เฝ้ าฯ แต่ ผู เ้ ดี ย วเป็ นประจํ า ตามกํ า หนดที่ แน่ นอน โดยไม่ ต อ้ ง โ ฆ ษ ณ า ป ร ะ ช า สั ม พั น ธ ห ์ รื อ นํ า พระองค ไ์ ปแอบอ า้ งใดๆ พระราช อํ า นาจอื่ นๆ ซึ่งบางอย่ า งก็ ต อ้ งมี พิ ธี ้ การ บางอย่างก็ไม่มี ก็จะเกิดขึนหรื อ ตามมาเอง ในการเข า้ เฝ้ าฯ แต่ ล ะ ค รั้ ง พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ แ ล ะ ่ น นายกรัฐ มนตรี ต่า งก็ ตอ้ งอาศัย ซึงกั และกัน “ทําการบา้ น” ในเรื่องต่างๆ ของบ า้ นเมื องทั้ งที่ เป็ นปั ญหาแล ะ วิธแี ก ้ไข 7. หากมี ภยั พิ บต ั ิช ด ั แจ ง้ อันมิ อาจแก ไ้ ด โ้ ดยขบวนการการเมื อ ง ธรรมดา นายกรัฐมนตรีก็มีสิทธิท่ีจะ ขอพึ่ งพระราชอํานาจพิ เศษเพื่ อสรา้ ง และสงวนความดีสู งสุดของประเทศไว ้ ตามหลัก extra-constitutionality ของ John Locke บิดรแห่งลัทธิเสรี ประชาธิ ป ไตยของอัง กฤษ อเมริ ก น ั แ ล ะ ฝ รั่ ง เ ศ ส ร ว ม ทั้ ง ก า ร ง ดใ ช ้ ่ รัฐธรรมนู ญบางมาตราชัวคราว ต่ อไปนี ้ เป็ นคา ถาราชประชา สมาสัย 3 บท บทที่ 1 พระราชดารัสพระ เจ้าอยู ่หวั


“ก็ มีประเพณี เป็ นที่ยอมรับกันใน น า น า ป ร ะ เ ท ศ แ ล ้ ว มิ ใ ช่ ห รื อ ว่ า พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ ใ น ร ะ บ อ บ ประชาธิ ป ไตยนั้ นน่ ะ สั ม พั น ธ ก ์ ับ รัฐ บาลตามที่ ได ย้ ่ อไว อ้ ย่ า งสั้นเป็ น ภาษาอังกฤษว่า “to advise and be advised” หมายความว่ารัฐบาล มี ห น้า ที่ ต อ้ งทู ล เกล า้ ฯถวายรายงาน เป็ นประจําถึงสถานะโดยทั่วๆ ไปและ เหตุการณ์ท่สํ ี าคัญต่อความมั่นคงของ ประเทศ เช่น ในอัง กฤษ นายกฯ ของเค า้ จะต อ้ งเข า้ เฝ้ าฯ พระราชินี ของเคา้ ทุกวัน ศุ กร ์เพื่ อถวายรายงาน และไม่ว่าพระราชินีจะเสด็ จฯ ไปไหน ในประเทศอังกฤษเองหรือต่างประเทศ ก็ จะตอ้ งมี ท่ีเรียกว่า กระเป๋ าดํา คอย ตามไปตลอดเวลา ซึ่งการรายงาน สถานการณ์บา้ นเมื องและรายงานข ้อ ่ ่ ยวกับความมั่นคงของ สํา คัญ ๆ ซึงเกี ประเทศ” “ในทางกลับ กัน ถา้ ทางรัฐ บาล ก ร า บ บั ง ค ม ทู ล ข อ พ ร ะ ร า ช ท า น คําปรึกษา หรือถา้ ทรงเห็ นว่าพระองค ์ ค ว ร จ ะ พ ร ะ ร า ช ท า น คํ า ป รึ ก ษ า เกี่ ยวกับ ความมั่นคงของประทศชาติ และทุกข ์สุขของราษฎรไม่ว่าในเรื่องใด พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ ก็ จํ า เ ป็ น ต ้ อ ง พระรา ช ทา นคํ า ป รึ ก ษ า นั้ นให ก ้ ับ รัฐบาล”

บทที่ 2 จาก Prof Ivor Jennings แปลโดย สมนึ ก ้ นักเรี ยนเก่าอ ังกฤษ เพชรพริ ม “ร า ช บั ล ลั ง ก ์ ห รื อ พระมหากษั ต ริ ย ต ์ า มรัฐ ธรรมนู ญ อัง กฤษ สมเด็ จ พระราชินี ทรงไว ซ ้ ่งึ ้ น นาง พระราชอํา นาจในการแต่ งตังขุ แ ล ะ พ ร ะ ร า ช ท า น ่ึ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทรงไวซ ้ งพระ ราชอํา นาจในการลงพระปรมาภิ ไธย อ นุ มั ติ พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ใ ห ้ เ ป็ น กฎหมาย ในทุกกรณี ของการอนุ มต ั ิ ท ร ง ก ร ะ ทํ า ไ ป โ ด ย คํ า แ น ะ นํ า ข อ ง คณะรัฐ ม นตรี คื อ การตัด สิ นใจ ดํา เนิ นการเสนอร่า งพระราชบัญ ญัติ เป็ นอํา นาจของนายกรัฐ มนตรี หรื อ รั ฐ ม น ต รี ที่ รั บ ผิ ด ช อ บ เ กี่ ย ว กั บ พระราชบัญ ญัติ ในกรณี ที่ ต อ้ งใช ้ แบบพิ ธี เ ป็ นทางการ สมเด็ จพร ะ ราชิ นี ทรงไว ซ ้ ่ึงพระราชอํ า นาจที่ จะ โป ร ด เก ล ้า ฯ รั บ สั่ งใ ห ้ร ั ฐ ม น ต รี ที่ ้ รับผิดชอบเข ้าถวายคําชีแจง อธิบาย เหตุผลในการออกพระราชบัญญัติน้ัน เ มื่ อ มี ร่ า ง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ้ ทูลเกลา้ ฯ ถวายสนอขึนไปยั งสมเด็ จ พระราชินี รัฐ มนตรี ท่ี เกี่ ยวข อ้ งต อ้ ง เข า้ เฝ้ าฯ พร อ้ มกับ การเสนอร่ าง พระราชบัญญัติน้ัน สมเด็จพระราชินี

ราชประชาสมาสัย

15


ทรงมี โ อกาสจะซัก ถามรัฐ มนตรี ใ ห ้ คําอธิบายเกี่ยวกับร่างนั้น (ไม่ว่าเวลา ใด) ก่อนหรือหลังที่รัฐมนตรีเข ้าเฝ้ าฯ ป รึ ก ษ า ห า รื อ กั บ พ ร ะ อ ง ค ์ แ ล ้ ว พระองค ก์ ็ จ ะพระราชทานคํ า แนะนํ า ตามที่พระองค ์ทรงเห็นชอบ แมใ้ นกรณี ท่ีไม่จําเป็ นต ้องมีแบบ พิ ธี เ ป็ นทางการ สมเด็ จ พระราชินี ก็ ทรงไว ซ ้ ่ึ งพระราชอํ า นาจที่ จะโปรด เกล า้ ฯ รับ สั่งให ร้ ัฐ มนตรี เ ข า้ เฝ้ าฯ ้ ถวายคําชีแจงได เ้ สมอ แลว้ พระองค ์ก็ จะทรงพระราชทานคําแนะนํ าดังกล่าว สมเด็ จ พระราชินี ได ร้ บ ั รายงานการ ประชุ ม คณะรัฐ มนตรี ทุ ก ครั้ ง ทรง ได ร้ ับ สํ า เนาโทรเลขติ ด ต่ อ ระหว่ า ง กระทรวงต่างประเทศที่ส่งไปยังสถานที่ ่ และบุคคลต่างๆ (ทัวโลก) สมเด็จพระ ราชินี ทรงติ ด ตามการอภิ ป รายของ ส ม า ชิ ก รั ฐ ส ภ า จ า ก ร า ย ง า น ก า ร ประชุม สภา (ที่ ต อ้ งส่ งไปทู ล เกล า้ ฯ ถวาย) ทั้ งนี ้ เป็ นกา รเพิ่ ม เติ ม คว า ม รู ้ พหู สู ต ของพระองค ท์ างหนั ง สื อ พิ ม พ ์ จ า ก ก า ร ต ร ว จ ต ร า ส ถ า น ที่ ด ้ ว ย พระองค เ์ อง จากการที่ พระองค ท์ รง ซั ก ถ า ม พ ส ก นิ ก ร ข อ ง พ ร ะ อ ง ค ์ น อ ก จ า ก นั้ น พ ร ะ อ ง ค ์ ย ั ง ท ร ง มี หน่ วยงานเพื่ อสื บ สวนรายงานความ

16

ราชประชาสมาสัย

เป็ นอยู่ เป็ นไปในชีวิ ต การเมื อ งและ ชีวิ ต ประจํ า วัน ของประชาชน โดย เหตุ นี้ เมื่ อพระองค ท ์ รงอุ ทิ ศ เวลา ใหแ้ ก่ภารกิจของประเทศ พระองค ์จึง ท ร งไ ด ้ร ั บ ค ว า ม รู ้อ ย่ า ง ม ห า ศ า ล เกี่ยวกับภาวะทางการเมืองของอังกฤษ แมว้ ่าสมเด็จพระราชินีจะห่างไกลจาก รัฐ สภาและจากที่ ทํ า การของรัฐ บาล แต่พระองค ์ก็ทรงใกลช ้ ด ิ กับเหตุการณ์ สําคัญๆ ของรัฐสภาอยู่เป็ นนิ ตย ์” เซอร ไ์ อเวอร ์ เจนนิ่ ง สรุ ป ใน ที่ สุ ด ว่ า “ที่ ว่ า พระมหากษั ต ริ ย อ์ ยู่ เหนื อการเมื องนั้นไม่เป็ นความจริง สิ่ง ที่ พ ร ะ อ ง ค ์อ ยู่ เ ห นื อ คื อ พ ร ร ค ่ การเมื อง ซึงหมายความว่ า พระองค ์ จะทรงเป็ นกลางเสมอไป จะไม่ ท รง เข า้ ข า้ งฝ่ ายหนึ่ งฝ่ ายใด หรื อ พรรค หนึ่ งพรรคใด!” บทที่ 3 ม.ร.ว.คึ ก ฤทธิ ์ ปราโมช (11 ธ.ค. 2514) “ผ ม ใ ค ร่ ข อ เ ส น อ มัชฌิ ม าปฏิ ป ทา คื อ ทางสายกลาง ได ้แก่ การปกครองระบอบราชประชา ส ม า สั ย ใ ห ้พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ก ์ ับ ประชาชนร่ ว มกัน ปกครองแผ่ น ดิ น ให พ ้ ระมหากษั ต ริ ย ท ์ รงมี พระราช ้ อํานาจในการปกครองมากขึนกว่ าใน ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย แ ล ะ ใ ห ้


ประชาชนมี อํ า นาจในการปกครอง ้ มากขึนกว่ า ในระบอบประชาธิ ป ไตย ของไทยที่แลว้ มา พระมหากษัตริย ์กับ ประชาชนในเมืองไทยนั้นไม่เคยเป็ นภัย ต่อ กัน มี แ ต่ ค วามรัก กัน และมี ค วาม ้ ล ต่ อ กัน และกัน มา อนุ เคราะห เ์ กื อกู โดยตลอด ถ า้ หากว่ า พระมหากษัต ริ ย ก ์ ับ ประชาชนไดร้ ่ว มกันปกครองแผ่นดิน ด ว้ ยความรัก และความอนุ เคราะห ์ เกื ้อกู ล ต่ อ กั น ดั ง ที่ ได ม ้ ี ม าแล ว้ โดย ต ล อ ด นั้ น ผ ม ก็ มี ค ว า ม ห วั ง ว่ า แผ่ นดินไทยของเรานี ้ จะเป็ นดินแดน แห่งความสันติ และความเจริญในทุก ่ ทางดังที่คนทัวไปปรารถนา”

หรือมีpolitical will แน่ วแน่ ท่ีจะเป็ น ผู น ้ ํ าปฏิ รู ป ด ว้ ยตนเอง มัก จะผลัก ภาระไปให ้ผูอ้ ่นหรื ื อสังคมเสียหมด ้ ้ก็เช่นเดียวกัน ครังนี สัง คมไทยต อ้ งการราชประชา สมาสัย มิ ใช่การปฏิ รูป ยกเว น ้ การ ป ฏิ รู ป น า ย กฯ แล ะรั ฐ บ า ล อภิ สิ ท ธิ ์ เสียก่อนเป็ นอันดับแรก ก่อนอย่างอื่น ้ ทังหมด ห า ก น า ย ก ฯ ใ จ ถึ ง ห รื อ เข้าใจราชประชาสมาสัยก็จะมา ทัน ที ปฏิ รู ป อื่ นๆ จะตามมาเอง ไม่ตอ ้ งทรมานรอเวลาและผลาญ งบประมาณประเทศไปอีกตง้ั 3 ปี !

้ ปี ผูน ้ ํ าการเมื องไทยในอดีตตังแต่ 2490 เป็ นต ้นมา ไม่มีผูใ้ ดกลา้ หาญ

ราชประชาสมาสัย

17


ใกล้ถึงเวลาราชประชาสมาสัยแล้ว โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ “ผ ม ใ ค ร่ ข อ เ ส น อ มัช ฌิ ม าปฏิ ป ทา คื อ ทางสายกลาง ได ้แก่ การปกครองระบอบราชประชา ส ม า สั ย ใ ห ้ พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ก ั บ ประชาชนร่วมกันปกครองแผ่นดิน ให ้ พระมหากษัตริย ์ทรงมีพระราชอํานาจ ้ ในการปกครองมากขึนกว่ าในระบอบ ประชาธิ ป ไตย และให ป ้ ระชาชนมี ้ อํานาจในการปกครองมากขึนกว่ าใน ระบอบประชาธิปไตยของไทยที่แลว้ มา พร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ก ์ ั บ ป ร ะ ช า ช นใ น เมื องไทยนั้ นไม่ เคยเป็ นภัยต่อกันมี แต่ ความรักกัน และมี ความอนุ เคราะห ์ ้ ลต่อกันและกันมาโดยตลอด เกือกู ถา้ หากว่า พระมหากษัตริย ก์ บ ั ประชาชนไดร้ ่ว มกันปกครองแผ่นดิน ด ว้ ยความรัก และความอนุ เคราะห ์ เกื ้อกู ล ต่ อ กั น ดั ง ที่ ได ม ้ ี ม าแล ว้ โดย ตลอดนั้น ผมก็มีความหวังว่า แผ่นดิน ไทยของเรานี ้ จะเป็ นดิ น แดนแห่ ง ความสันติ และความเจริญในทุกทาง ดัง ที่ คนทั่วไปปรารถนา” 11 ธ.ค. 2514

18

ราชประชาสมาสัย

ม.ร.ว.คึ ก ฤทธิ ์ ปราโมช (2454 – 2538) นายกรัฐมนตรีคนที่ 13 (14 มีนาคม พ.ศ. 2518 – 12 มกราคม พ.ศ. 2519) หลังจากคัดต่างประเทศมานาน ผู เ้ ขีย นขอเสนออดี ต นายกรัฐ มนตรี ไ ท ย นั ก เ รี ย น เ ก่ า อ๊ อ ก ซ ฟ อ ร ์ด เช่นเดียวกับนายกอภิสิทธิ ์ แต่ต่างกัน ที่ท่านแรกยุบสภาหนี การเมื องนํ ้าเน่ า ไม่ ส ามารถทํ า ราชประชาสมาสัยให ้ เป็ นจริงได ้ นายกปั จ จุบ น ั ยัง เกๆ้ กังๆ อยู่ แต่เห็ นเข ้าเฝ้ าพระเจา้ อยู่ หวั บ่อย ้ อาจจะทํ า ”ราชประชาสมาสัย ” ขึน สําเร็จก็ได ้ ผู เ้ ขีย นขอบคุ ณ พัน เอกหญิ ง Chadasha Panawes ที่ Facebook เผยแพร่ บ ทความ “ ก า ร เ มื อ ง เ น่ า ไ ม่ เ อ า ร า ช ป ร ะ ช า สมาสัย” ของผูเ้ ขียนใน ผจก.วันที่ 30 มิถน ุ ายน 2553


( http://www.manager.co.th/Da ily/ViewNews.aspx?NewsID= ้ 9530000080094) พร ้อมทังออกตั ว ว่า “ที่ ผ่ า นมายอมรับ ว่ า ไม่ เ ข า้ ใจ เรื่ องพระราชอํ า นาจ แต่ พ อได อ้ ่ า น บทความนี ้แลว้ น่ าสนใจ และดูเหมื อน จะเป็ นทางออกที่ ดี สํ า หรับ การเมื อ ง เน่ าเฟะของไทยที่ กํ า ลัง แผ่ พิ ษ สง... เสี ยเวลาอ่านหน่ อยนะคะ เพื่ อสังคมที่ ดีขน” ึ้ ความจริ ง ราชประชาสมาสัย เ ข ้ า ใ จไ ม่ ย า ก ใ น ห ล ว ง ท ร ง ้ อปี 2501 ทรง บัญญัติศพ ั ท ์คํานี ้ขึนเมื แปลให ้ว่า “พระมหากษัตริย ์และประชาชน ่ นและกัน” อาศัยซึงกั แ ล ะ ท ร ง แ ส ด ง ตั ว อ ย่ า ง ท ร ง พระราชทานทุนก่อตัง้ มู ลนิ ธิ ราช ป ร ะ ช า ส ม า สั ยใ น พ ร ะ บ ร ม ราชู ปถม ั ภ ์ ขึน้ เพื่อช่วยรักษาโรค ้ มีแพทย ์ พยาบาลและประชาชน เรือน โดยเสด็จดว้ ยแรงและการบริจาคเป็ น ้ จํานวนมาก บัดนี ้ โรคเรือนจวนจะ หมดจากแผ่นดินแล ้ว ผู ้เ ขี ย น จึ ง อ ย า กใ ห ้เ อ า ร า ช ้ ประชาสมาสัย มารักษาโรคดือยาของ

้ อนที ้ ่เต็มบา้ นเต็มเมือง นักการเมืองขีเรื อยู่ขณะนี ้ อุปสรรคสําคัญของราชประชา ้ อนการเมื ้ ่ ด สมาสัยคือโรคขีเรื อง ซึงเกิ แต่นักการเมือง สื่อและนักวิชาการ พวกนี ้หาว่า ราชประชาสมาสัย คื อ การถวายคื น พระราชอํ า นาจสม บู ร ณาญา สิ ท ธิ ร าชย ก ์ ลับไปให ใ้ น หลวง ซึ่ งไม่ ใ ช่เ ลย และราชประชา สมาสัย ที่ อาจารย ค ์ ึ ก ฤทธ เ์ สนอคื อ “ให พ ้ ระมหากษั ต ริ ย ท ์ รงมี พ ระราช ้ อํานาจในการปกครองมากขึนกว่ าใน ร ะ บ อ บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ” แ ล ะ “ใ ห ้ ประชาชนมี อํ า นาจในการปกครอง ้ มากขึนกว่ าในระบอบประชาธิปไตย” ก็ ไ ม่ ใ ช่ แ ล ะ ไ ม่ จํ า เ ป็ น อ ดี ต นายกคงจะเข า้ ใจผิ ด หรื อไม่ ก็ มี เ วลา ทําอะไร เพราะบรรดาผูแ้ ทนนํ ้าเน่ าผี ้ ่งนายก กระสื อพากัน ลากทึ งจนกระทั ทนไม่ได ้ต ้องยุบสภา ดูคาํ สารภาพและ เหตุผ ลในการยุ บ สภาของ ม.ร.ว.คึ ก ฤทธิ ์ (12 มกราคม 2519) ราชประชาสมาสัย ที่แท ้ก็คือ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย ์เป็ น ป ร ะ มุ ข นั่ น เ อ ง อํ า น า จ ข อ ง พระมหากษัตริย ก์ ็ ไม่ ม ากไม่ นอ ้ ยกว่า นิ ติ ร าชประเพณี จํ า เพาะที่ ไม่ ข ด ั กับ

ราชประชาสมาสัย

19


หลัก ประชาธิ ป ไตยสากล บวกกับ อํานาจพระมหากษัตริย ์ตามจารีตและ หลัก รัฐ ธรรมนู ญอัง กฤษเท่ า นั้ น ไม่ มากไม่นอ้ ยเช่นกัน อํ า นาจเหล่ า นี ้ ถู ก เกาะกุ ม และ เบี ยดบั งไว ้ โดยนั กกา รเมื องผู ้ยึ ด อํา นาจการปกครองและผู ส้ ื บสันดาน ตกทอดมาถึ ง ปั จ จุ บ ัน พระปกเกล า้ เจ า้ อยู่ ห ัว ทรงทวงถามแต่ ร ัฐ บาลไม่ ยอมคื น จนเป็ นเหตุใ ห ท ้ รงสละราช สม บั ติ ท ร งป ร า รภ ว่ า ไ ม่ ส า ม า ร ถ คุ ้มครองเป็ นที่พึ่งของปวงราษฎร ้ า ผูเ้ ขียนเคยอธิบายหลายครังว่ ก า ร คื น พ ร ะ ร า ช อํ า น า จ มิ ไ ด ้ หมายความว่ า ออกกฎหมายให ใ้ น หลวงทรงทํ า อะไรก็ ไ ด ต ้ ามพระราช ประสงค ์ การคื น พระราชอํ า นาจทํ า ได ้ โดยนายกรัฐ มนตรี ต อ้ งเข า้ เฝ้ าใน ห ล ว ง เ ป็ น ป ร ะ จํ า ต า ม หมายกําหนดการ เพื่ อถวายรายงาน และ รั บ คํ า แน ะนํ า ตั ก เตื อ นแล ะใ ห ้ กํา ลังใจจากพระมหากษัต ริ ย ์ รวมทัง้ การถวายเอกสารสําคัญ เช่น รายงาน การประชุม ครม. เป็ นต ้น

20

ราชประชาสมาสัย

น อ ก จ า ก นั้ น รั ฐ บ า ล ต ้ อ ง คว บ คุ ม ดู แ ล อ ง ค ก ์ ร ต่ า ง ๆ ข อ ง รั ฐ โดย เฉพา ะอย่ า งยิ่ งผู ้ท่ี ได ร้ ั บ ม อบ อํ า นาจอธิ ป ไตยทั้งสาม คื อ บริ ห าร นิ ติ บั ญ ญั ติ แ ล ะ ตุ ล า ก า ร จ า ก พระมหากษัตริย ์ใหใ้ ช ้แทนปวงชน ซึง่ ทุ ก ฝ่ ายจะต อ้ งปฏิ บ ัติ ต ามกฎหมาย อํานาจหน้าที่ และคําปฏิญญาที่ใหไ้ ว ้ กับพระมหากษัตริย ์ ปรากฏว่ า รัฐ บาลที่ มาจากการ เ ลื อ ก ตั้ ง อั น มิ ช อ บ เ ดื อ น ธั น ว า ค ม 2550 ต่ า งก็ ทํา ลายอํา นาจอธิป ไตย ของชาติ ก ัน อย่ า งสนุ กสนาน อาทิ ส ภ า ผู ้ แ ท น ร า ษ ฎ รไ ม่ ย อ ม อ อ ก ก ฎ ห ม า ย ไ ม่ ป ฏิ บั ติ ต า ม บั ญ ญั ติ รัฐธรรมนู ญ ไม่เข ้าประชุมจนสภาล่ม เป็ นประจํา ฯลฯ วิ ธีแกไ้ ขปั ญ ญาดังกล่ าวนี ้ก็ ไม่ ยาก แต่มิใช่การปฏิวต ั ิรฐั ประหารยึ ด อํ า นาจ หากเป็ นการใช ท้ ฤษฎี ห รื อ ห ลั ก Extraconsitutionality ข อ หรื อ ขับให ผ ้ ู ล้ ่ ว งละเมิ ด พ้น หน้า ที่ ไป และจัดสรรให ้ผูท้ ่สามารถปฏิ ี บต ั ิหน้าที่ ตามกฎหมาย อํ า นาจหน้า ที่ และคํ า ปฏิ ญ ญา ให เ้ ข า้ มาทํ า หน้ า ที่ แทน โดยยึดหลักและครรลองประชาธิปไตย ้ ้ วแทน รวมทังการเลื อกตังตั


้ ่ไม่บริสุทธิ ์ ยกเวน ้ การเลือกตังที ้ ่ยัง ยุติธรรม ครอบงําด ้วยแก๊งเลือกตังที ประโยชน์ห วั หน้า และใช ้อํา นาจแฝง ้ ย งซือ้ ส.ส. โดยเฉพาะเงิ น ทองซือเสี ้ า นาจเข า้ มาถอนทุ น และ และซื ออํ กั ก ตุ น กํ า ไ ร โ ด ย ห า ค ว า ม เ ป็ น ประชาธิปไตยสักนิ ดก็ไม่มี

การกระทํ า เช่น นั้ นต อ้ งพึ่ งพลัง ประชาธิ ป ไตยจากในหลวง ปวงชน และกองทัพแห่งชาติอย่างถูกต ้อง ตาม เงื่อนไขเงื่อนเวลาและมีสมดุล ถ า้ ทํ า เช่ น นั้ นได ้ ราชประชา ส ม า สั ย ห รื อ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี พระมหากษัต ริ ย เ์ ป็ นประมุ ข ก็ อ ยู่ แ ค่ ้ เอือม/******

ราชประชาสมาสัย

21


ประเทศไทยบนทาง ๓ แพร่ง : สงคราม กลางเมือง รัฐประหาร หรือปฏิวัติ ประชาธิ ปไตย โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 2 พฤษภาคม 2553 14:03 น. ไทยอยู่บนทาง ๓ แพร่ง จะไปทางไหน ดูเหมือนจะตีบตัน ้ ๑ คือ สงครามการเมื องเกิดขึนแล ว้ ไม่รู ้จะยุติอย่างไร มีโอกาสหนักยิ่งขึน้ ๒ คื อ การรัฐ ประหารยึ ด อํ า นาจ กองทัพ กําลังรอเงื่อนเวลาและเงื่อนไข ของ ๑ ๓ คือ ปฏิวต ั ิประชาธิปไตยทําอย่างไร ้ หากมี ปั ญ ญาสมาธิ ก็ เ กิ ด ขึ นได ไ้ ม่ ยาก หากการปฏิวต ั ิประชาธิปไตยไม่ เกิด ทางที่ประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย เ์ ป็ นประมุ ข จะดํา รงอยู่ ไดน ้ ้ั น แทบจะมองไม่เห็น การแก ้ปัญหาแบบกดปุ่ มใหเ้ กิด ความสงบชั่วคราว การตั้งรัฐ บาล แห่งชาติเฉพาะกาล การยุบสภาหรือ

22

ราชประชาสมาสัย

รัฐ บาลลาออกตามฝ่ ายกบฏ หรื อ แม ก ้ ระทั่งการเลื อ กตั้งเมื่ อสภาครบ วาระ ลว้ นแลว้ แต่จะเร่งวันสุดทา้ ยของ ้ น ้ สถาบันและประชาธิปไตยทังสิ ้ วิ บ ัติ ค รั้งนี ้ เกิ ด ขึ นเพราะผู น ้ ํา และกลไกในรัฐบาล ทหาร ตํารวจ พา กั น ทํ า ล า ย ก ฎ ห ม า ย จ งใ จ ห รื อ ้ หลีกเลี่ยงการบังคับใช ้กฎหมาย ตังแต่ รัฐบาลทักษิณมาจนถึงปัจจุบน ั พ ร ะ เ จ ้ า อ ยู่ หั ว ท ร ง เ น้ น เช่ น เดี ย วกับ นั ก ปราชญ เ์ พลโตว่ า ้ ความสุ ข จํา เริ ญ ของบ า้ นเมื องขึนอยู ่ ่ กับ การที บุ คคลทุ ก ฝ่ ายปฏิ บ ต ั ิ ห น้า ที่ ของตนให ้ดี และไม่ก ้าวก่ายหน้าที่ของ ผูอ้ ่น ื ขออ ญ ั เชิ ญ พระราชด ารัส ให้เป็ นอนุ สติแก่สงั คม ด ังนี ้


๑. ”ขอใหพ ้ ยายามที่จะปฏิบต ั ิงานใหด้ ี ที่ สุ ด เ พื่ อใ ห ้เ มื อ งไ ท ย มี ค ว า ม เรี ย บร อ้ ย มี ค วามสุ ข ถ า้ ทํ า ไม่ ดี จะเป็ นคนที่ อยู่ใ นตําแหน่ งสูง หรือ คนที่ ทั่วไปทํา ไม่ ดี คนหนึ่ งคนใดก็ ทําใหป้ ระเทศชาติล่ม จมได ้ ท่านมี หน้าที่สูงที่จะใหป้ ระเทศชาติดําเนิ น ไ ป ด ้ ว ย ดี ” (ใ น วั น อ ภิ สิ ท ธิ ์ ปฏิญญาณตนเป็ น นรม. 22 ธค. 2551) ๒. “ใ น ร ะ ย ะ นี ้ บ ้ า น เ มื อ ง ข อ ง เ ร า เรียกว่า บา้ นเมื องกําลังล่ มจม ไม่ รู ้ ว่าจะไปไหน ไปอย่างไร” ฯลฯ-ฯลฯ “ระยะเวลาที่ ผ่ า นมา เรารู ส ้ ึ ก ว่ า บ ้านเมืองเรากําลังล่มจม เพราะต่าง คนต่างทํา ต่างคนต่างแย่งกัน ต่าง คนต่ า งไม่ เ ข า้ ใจว่ า ทํ า อะไร” (21 สค. 52) ๓. “ความสุ ข ความสวัส ดี ข อง ข ้า พ เ จ ้ า จ ะ เ กิ ด ขึ ้ นไ ด ้ ก็ ด ้ว ย บ า้ นเมื อ งของเรามี ความเจริ ญ มั่นคงเป็ นปกติ สุ ข .. ความเจริ ญ ้ ้ นจะสัม ฤทธิ ผลเป็ ์ มั่นคงทังนั นจริ ง ได ้ ก็ด ้วยทุกคนทุกฝ่ ายในชาติมุ่ง ที่ จะปฏิ บ ัติ ห น้ า ที่ ของตนให เ้ ต็ ม กําลัง ดว้ ยสติรูต้ วั ดว้ ยปัญญารู ้ คิด และด ้วยความสุจริตจริงใจ โดย เห็ น แก่ ป ระโยชน์ส่ ว นรวมยิ่ งกว่ า ส่วนอื่น ้ ่นี ้ ซึง่ จึงขอใหท ้ ่านทังหลายในที มี ตําแหน่ งหน้าที่สําคัญอยู่ในสถาบัน หลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน ทุ ก หมู่ เ หล่ า ทํ า ความเข ้าใจในหน้า ที่

้ ต ตังใจให ้ ของตนให ก ้ ระจ่ า ง แล ว้ ตังจิ ้ เที่ยงตรงหนั กแน่ น ที่จะปฏิบต ั ิหน้าที่ ของตนให ้ดีท่สุ ี ด” (5 ธค. 52) ้ ๔. “การที่ประเทศมี ผูท ้ ่ีตังใจทํ าหน้า ที่ อย่ า งเคร่ ง ครัด นี ้ เป็ นสิ่ งที่ สํ า คัญ มาก แสดงว่ า มี เ จ า้ หน้า ที่ ใน ประเทศที่ ตั้งใจอย่ า งแน่ วแน่ ที่ จะ ่ึ ปฏิบต ั ิหน้าที่ รักษาเอาไวซ ้ งความ เรียบรอ้ ยของประเทศ” (25 เมย. 53 คณะผูพ ้ ิพากษา) พิ เ คราะห ข ์ อ้ มู ล ทุ ก อย่ า งด ว้ ย ค ว า ม เ ป็ น ธ ร ร ม ยิ่ ง แ ล ้ ว ส่ อ ว่ า นายกรัฐ มนตรี ก บ ั ผู บ ้ ญ ั ชาการ ทหารบกปฏิบต ั ิหน้าที่ลม้ เหลว (ทําไม่ ดีคนหนึ่ งคนใดก็ทําใหป้ ระเทศชาติล่ม จมได )้ ทํ า ให โ้ ลกตราหน้า ไทยเป็ น ประเทศลม้ เหลว หรือ failed state น่ าเศร ้ามาก แต่เศรา้ ที่ สุ ด แม ก ้ องทัพ ศัตรูก็ จะไม่กระทํา ก็ คือการที่พวกกบฏแดง พากันบุกเข ้าไปตรวจคน้ โรงพยาบาล จุ ฬ าลงกรณ์ จนกระทั่งต อ้ งปิ ดย า้ ย คนไข ร้ วมทั้งสมเด็ จ พระสัง ฆราชไป โรงพยาบาลอื่น ขณะนี ้ บ า้ นเมื อ งไม่ มี ข่ื อมี แ ป หลายจังหวัดตกอยู่ภายใต ้การคุกคาม ่ั ขูเ่ ข็ญ ตํารวจพึ่งไม่ไดท้ วประเทศ ซํา้ ร่ ว มกัก ขบวนรถไฟมิ ใ ห ก ้ องทหาร เดิ น ทางไปปฏิ บ ต ั ิ ห น้า ที่ และจับ ทหาร เอาไว ้เป็ นตัวประกัน

ราชประชาสมาสัย

23


ผู ค ้ นพากัน เบื่ อหน่ ายรัฐ บาล และกองทัพ ที่ เอาแต่ป ระกาศว่ า “ไม่ สลาย ไม่ฆ่าประชาชน ยึดหลักสากล ้ ขอพืนที ้ ่คืน” บันได 7 ขัน

ทางออกที่ พวกกบฏเรี ย กร อ้ ง ้ เพื่ อซื อเวลาคื อ เจรจายุ บ สภาและ รัฐบาลลาออก จึงมิ ใช่ทางออกของ ประเทศอย่างแน่ นอน

้ ่คืน” กลายเป็ น “การขอพื นที วาทกรรมหลอกลวงใหม่ เ หมื อ นกับ “การคืน อํานาจให ้กับประชาชน”

ไฉนสัง คมไทยมองไม่ เ ห็ นว่ า ้ั นมาเพื ้ ่อ แทจ้ ริงพรรคเพื่อไทยมิ ไดต้ งขึ ใช อ้ ํ า นาจนิ ติ บ ัญ ญัติ เพราะพรรค ย ก เ ว ้ น ง บ ป ร ะ ม า ณไ ม่ เ ค ย อ อ ก กฎหมายเลย แมแ้ ต่ฉบับเดียว พรรค ไ ม่ ย อ ม ตั้ ง หั ว ห น้ า ฝ่ า ย ค ้า น ต า ม รัฐธรรมนู ญ ส.ส. ไปสรา้ งม็ อบและ ปลุกระดมมวลชน เป็ นแกนนํ า นปช. ฯลฯ เพราะวัต ถุป ระสงค ห์ ลัก คื อ ล า้ ง มลทิ น คื น ทัก ษิ ณ สู่ อํ า นาจ อัน เป็ น ต ้นเหตุท่แท ี ้จริงของวิกฤติ

ไม่ มี ก ารปราบกบฏที่ ไหนใน โลกที่จะทําไดด้ ว้ ยการยกมื อไหวห ้ รือ อ ้าปาก ขอ ไม่มีการปราบกบฏที่ไหน ใ นโ ล ก ที่ จ ะ สํ า เ ร็ จไ ด ้ด ้ว ย ก า ร ตั้ ง กรรมการสุ ม หัว กัน ประชุม เฉกเช่น ศอฉ. หากแต่จะตอ้ งใช ้กฎหมายดว้ ย ความเด็ดขาดต่างหาก ขณะนี ้ โลกเขามองออกและจับ โกหกได ว้ ่ า นปช. ต อ้ งการ “ล ม ้ ล า้ ง ่ รัฐบาล เปลียนแปลงการปกครอง และ สถาปนารัฐไทยใหม่ ” ทํา การกบฎก่อ การร ้าย มิใช่ขบวนการประชาธิปไตย ที่ ยึ ด สัน ติ อ หิ ง สา หากมี ก ารกระทํ า ข่ม ขู่ หลอกลวง ใช อ้ าวุ ธ และกํ า ลัง ้ โกหกปลิ นปล อ้ น พร อ้ มกับ คุ ยโวว่ า ตนพร ้อมเพราะมีหลักสาม คือ พรรค (เพื่อไทย) มวลชน และกองกําลัง หากรัฐ บาลและกองทัพ ยัง มอง ไม่ อ อกว่ า นี่ เป็ นภัย ต่ อ ชาติ แ ละราช บัลลังก ์ รัฐบาลและกองทัพก็จะนํ าชาติ และราชบัล ลัง ก ไ์ ปสู่ ภ าวะยอมจํ า นน อย่างแน่ นอน

24

ราชประชาสมาสัย

การที่ จะหวังให ้ ส.ส. พรรคนี ้ มี ส่ ว น ร่ ว มใ น ก า ร ป ฏิ รู ป ก า ร เ มื อ ง แม ้ก ร ะ ทั่ ง กา ร ตั้ ง ส ส ร. ห รื อเ ชิ ญ บุ ค คลภายนอกเข ้ามาร่ ว มแก ว้ ิ ก ฤต ย่อมเป็ นไปไม่ได ้ หลายประเทศสํ า คัญ องค ก ์ ร ประชาธิปไตยและสิทธิมนุ ษยชนระดับ ภู มิ ภ าคและโลก ต่ า งก็ เ รี ย กร อ้ งให ้ ประเทศไทยหาทางออกที่สัน ติ และ กลับคืนสู่ความสงบโดยเร็วที่สุด สิ่งที่ซ่อนอยู่ในคําเรียกร ้องนั้นก็ คื อ เงื่ อนเวลาของการใช อ้ ํ า นาจรัฐ อ ย่ า ง เ ด็ ด ข า ด แ ล ะ ก า ร ป ฏิ วั ติ ประชาธิปไตยที่จะนํ าไทยไปสู่สน ั ติและ ความวัฒนาถาวรอย่างแท ้จริง


การปฏิ ว ั ติ ป ระชาธิ ป ไตยนั้ น มิได ้หมายความถึงการยึดอํานาจเสมอ ไป การปฏิวต ั ิดงั กล่าวอาจกระทําได ้ ดว้ ยกําลังปั ญญาและความกลา้ หาญ เช่นเดียวกัน ข อ ย ก ต ัว อ ย่ า ง บ ท ค ว า ม ่ ของผมที่เชือมโยงก ับเรื่องนี ้ ้ ่ ไม่ ถู ก ต อ้ งครบตาม ๑. การเลื อ กตังที ค ร ร ล อ ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ล ะ ประชาธิปไตยปี 2550 เปิ ดโอกาส ให พ ้ รรคไทยรักไทยรวมตัว กัน อยู่ เพื่ อต่ อ สู เ้ รี ย กอํ า นาจคื น จนเกิ ด วิ ก ฤต ปั จจุ บ ั น ใน หนั ง สื อ เรื่ อ ง “เลื อ กตั้งนํ ้ าเน่ าเราจะพากันไป ตาย” พย. 50 ่ ฐบาล ๒. การทํางานโมเดล คมช. (ซึงรั ประชาธิ ปั ต ย ใ์ นกาลต่ อ มาก็ ไ ม่ ้ ต่ า งกัน เลย ซําแย่ ก ว่ า ที่ ปล่ อ ยให ้ ้ นสิ บๆ ขบวนการแดงแข็งแรงขึนเป็ เ ท่ า ) จ ะ ทํ า ใ ห ้ท ั ก ษิ ณ ช น ะ ใ น สงครามแย่ ง ประชาชน บทความ “ใครจะชนะสงครามแย่งประชาชน : ระบอบทักษิ ณหรือประชาธิปไตย อันมี พ ระมหากษัตริย เ์ ป็ นประมุ ข ” 17 ตค. 49 โมเดลนี ้ยังไม่ มี การ เปลี่ยนแปลงการทํางานของรัฐบาล และกองทัพ ทํ า ให โ้ มเดลนี ้ เดิ น หน้า ไปเรื่ อยๆ เหมื อ นระเบิ ด เวลา ๓. 9 มีค. 53 เรื่อง “รหัสแกว้ ิกฤต” ผม เสนอว่ า ควรพึ่ งพระปั ญญา บารมี นํ าพระราชดํ า รัส ต่ า งๆ ไป

ปฏิบต ั ิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราช ดํารัสเรื่องพระราชอํานาจ และเรื่อง สุ ญ ญากาศ ในขณะเดีย วก็ ให ้ ศึ กษาความคิ ดของนายกอภิ สิ ทธิ ์ เรื่ อง “มาตรา 7 ข ้อเสนอเพื่ อ ป ฏิ เ ส ธ ก า ร น อ ง เ ลื อ ด แ ล ะ รัฐประหาร” บัดนี ้ ถึงเวลาแลว้ ที่ นายกจะต ้องตัดสินใจว่าจะคอยการ นอง เลือดหรือสงครามกลางเมืองที่ ใหญ่ ก ว่ า เดิ ม ซึ่ งจะนํ าไปสู่ ก าร รัฐประหารอย่ างแน่ นอน หรือจะ ปฏิบต ั ิตามพระราชกระแส “ในทาง กลับกัน ถ ้าทางรัฐบาลกราบบังคม ทูลขอพระราชทานคําปรึกษา หรือ ถ ้า ท ร ง เ ห็ น ว่ า พ ร ะ อ ง ค ค ์ วรจะ พระราชทานคํ า ป รึ ก ษาเกี่ ยวกับ ความมั่นคงของประเทศชาติ แ ละ ทุกข ์สุขของราษฎรไม่ว่าในเรื่องใด พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ก ์ ็ จํ า เ ป็ น ต ้อ ง พระราชทานคํ า ปรึ ก ษานั้ นให ก ้ บ ั รัฐบาล” (พระราชดํารัส) ๔. เห็ นไหมว่ า องค พ ์ ระประมุ ข ทรง พรอ้ มที่จะปฏิ บต ั ิหน้าที่ แต่รฐั บาล เล่ า พรอ้ มหรือยัง หรือว่าจะกีดกัน พระองค ์เพราะอา้ งว่าไม่ตอ้ งการให ้ ้ คลบาท ปล่อยให ้ ระคายเคืองเบืองยุ ้ โมฆะนายกทังสองจาบจ ว้ งจะเข า้ เฝ้ า ผมเขี ย นเรื่ อง “ราชประชา สม า สั ย คื อคํ า ตอบ สุ ด ท า้ ย ” (6 เม.ย. 53) เรีย กรอ้ งใหป้ ระมุ ขผู ใ้ ช ้ อํ า นา จ อธิ ป ไต ย ทั้ ง ส า ม ป ฏิ บั ติ หน้า ที่ โปรดอย่ าเข ้าใจผิ ดว่า ราช ประชาสมาสัยคือการถวายคืนพระ

ราชประชาสมาสัย

25


ราชอํา นาจ หรือการกลับ คืน สู่ สมบู รณาญาสิ ทธิร าชย ์ หรื อการ ดึ ง พระมหากษั ต ริ ย ใ์ ห ล ้ งมาเล่ น การเมือง หามิ ได ้ ราชประชาสมาสัย คือ การที่ ปวงชนชาวไทย พลเมื อ งทั่วไป ข ้าราช การ รัฐ บาล และพระประมุ ข ต่ า งก็ มี หน้ า ที่ แล ะส่ ว นร่ ว มในกา ร ่ น และ ปกครองแบบพึ่ งพาร่ว มมื อ ซึงกั

26

ราชประชาสมาสัย

กัน ตามหลัก รัฐ ธรรมนู ญ ครรลอง ประชาธิปไตยและนิ ติราชประเพณี ราชประชาสมาสัย คื อ การ ปฏิว ัติประชาธิปไตยโดยไม่ตอ ้ งยึด อานาจ แต่กองทัพประชาชนและ กองทัพแห่งชาติจะต้องเข้าใจและ มี ส่ ว น ร่ ว ม ส นั บ ส นุ น อ ย่ า ง เข้มแข็ง


จดหมายเปิ ดผนึกถึงหัวหน้าคณะปฏิวัติ โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 16 สิงหาคม 2550 18:35 น. เรียน พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน จดหมายฉบับ นี ้ เขี ย นมานาน แล ้ว แต่มิได ้นํ าส่งเพราะผมต ้องการรอ คอยเวลาที่สุกงอมเข ้าด ้ายเข ้าเข็ม จะ ได บ้ รรจุ เ หตุ ก ารณ์ปั จ จุ บ น ั ที่ ท า้ ทาย การตัด สิ นใจของชายชาติ ท หาร ให ้ เห็ น ประจัก ษ ว์ ่ า มี ปั ญ ญาสมาธิ แ ละ ความกล า้ หาญสมยิ่ งกับ เครื่ องแบบ อันมีเกียรติ บัดนี ้ เวลานั้นได ้มาถึงแลว้ เพียง 2 วัน จากวันนี ้ประเทศไทยจะมี การลง ประชามติ เกี่ยวกับรัฐธรรมนู ญอัน เป็ นผลพวงมาจากการยึดอํานาจของ คณะทหารในวัน ที่ 19 กัน ยายน 2549 นั บ เ ว ล า ม า จ น ถึ ง วั น ที่ 19 สิงหาคม 2550 ครบ 11 เดือนพอดี ผมขออภัย ที่ ต อ้ งนํ าความจริ ง ้ เ้ ห็ น ว่า นอกจากนั กการเมื อง มาชีให แ ล ้วไ ม่ มี บุ ค ค ลใ น อ า ชี พใ ด ที่ ท ว น ้ ากับทหารที่ใหส้ ต สาบานบ่อยครังเท่ ั ย์ ปฏิ ญ าณเป็ นประจํ า ทุก ปี ว่ า จะ “สละ ชีพ เพื่ อชาติ ” จะปกป้ องราชบัล ลัง ก ์ แ ล ะ “ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี พระมหากษั ต ริ ย เ์ ป็ นประมุ ข ” ด ว้ ย ชีวิต

้ ถ ว้ น ทหารกลับ เป็ น นั บ ครังไม่ ผูน้ ํ า “วงจรอุบาทว ์” มาสู่การเมืองไทย เ อ ง ด ้ว ย ก า รใ ช ก ้ ํ า ลั ง ก ร ะ ทํ า ก า ร ้ ยว รัฐประหารยึดอํานาจ มี อยู่ครังเดี เท่ า นั้ น ในวัน ที่ 24 มิ ถุน ายน 2475 ที่ทหารกับพลเรือนไดร้ ่วมมื อกันอย่าง แ ท ้จ ริ ง ทํ า ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ก า ร ปกครองจากสมบูรณาญาสิ ทธิราชย ์ มาเป็ นประชาธิปไตย ถึงแมก้ ารปฏิวต ั ิ ้ นั นจ ะยั งไม่ สํ า เร็ จ บ ริ บู ร ณ์ เพรา ะ กระแสการเมืองของโลก และการต่อสู ้ ชิ ง อํ า น า จ กั น เ อ ง ร ะ ห ว่ า ง ช น ชั้ น ปกครองของไทย ก็ นั บได ว้ ่ า ทหารได ้ เข า้ ร่ ว ม เป็ นกํ า ลั ง สํ า คัญ ของกา ร “ปฏิ ว ัติ ” ด ว้ ยอุ ด มการณ์แ ละความ เสียสละอย่างแท ้จริง ผมอยากเห็ นการยึ ด อํ า นาจ ของท่ า นครั้งนี ้ เป็ น “การปฏิ ว ัติ ” ที่ ้ ่ กระทํ า กัน แท จ้ ริ ง ต่ า งกับ ทุก ๆ ครังที มาตั้งแต่ ปี 2490 ซึ่ งเป็ นการ รั ฐ ป ร ะ ห า ร แ บ บ อํ า น า จ นิ ย ม เ พื่ อ ้ ผลประโยชน์ใ นหมู่ ค ณะของชนชัน ้ น ้ ทังพระเจ ้ ปกครองทังสิ า้ อยู่ ห วั และ ประชาชนเพี ย งถู ก นํ ามาเป็ นข อ้ อ า้ ง เพื่อความชอบธรรมเท่านั้นเอง

ราชประชาสมาสัย

27


ผมขออัญ เชิญ พระราชกระแส 2517 ซึ่งต่ า งกรรมต่ า งวาระและต่ า ง กลุ่ ม เป้ าหมาย แต่ ย ัง คงเป็ นอมตะ ใช ้ได ้ในปัจจุบน ั ดังนี ้ ้ “โดยมากที่ เกิ ด เรื่ องขึนมาใน ระยะนี ้ ก็ เพราะว่ า มี ความคิ ด ที่ ไม่ ถูกต ้อง อ ้างสิ่งหนึ่ งเพื่ออีกสิ่งหนึ่ ง อ ้าง ค ว า ม ดี เ พื่ อ ค ว า ม ไ ม่ ดี อ ้ า ง ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ค น ห นึ่ ง เ พื่ อ ผลประโยชน์ข องตัว เอง อ า้ งผู ท ้ ่ี ดู น่ า สงสารเพื่ ออํา นาจของตน อา้ งทฤษฎี ต่า งๆ เพื่ อทฤษฎี ของตนและความ ยิ่งใหญ่ของตน” พร อ้ มจดหมายนี ้ ผมแนบ ่ หนั งสื อ เรื อง “ใครทํา ลายราชประชา สมาสัย คนนั้ นทําลายประชาธิปไตย อัมมี พระมหากษัตริย ์เป็ นประมุข ” มา ให ้ คมช. ช่วยกันอ่าน ด ้วยความปรารถนาดีและจริงใจ ที่สุด นอกจากผมจะไม่อยากใหค้ นคน นั้นเป็ นพลเอกสนธิ บุญยรัตกลินแลว้ ผมยังอยากใหท ้ ่านร่วมกับปวงชนและ ผู ้ แ ท น ถ า ว ร ข อ ง เ ข า คื อ พระบาทสมเด็ จ พระเจ า้ อยู่ ห ัว สร า้ ง ประชา ธิ ป ไตยให ก ้ ั บ บ า้ นเมื องจน สําเร็จ ประชาธิปไตยเท่านั้ นที่จะรักษา สถาบันกษัตริย ์ไวไ้ ด ้ มิใช่การปฏิวต ั ิ รัฐ ประหารหรื อ ยึ ด อํ า นาจด ว้ ยกํ า ลัง ดอก อย่ า งหลัง นี ้ คื อ การนํ าราช

28

ราชประชาสมาสัย

บัล ลัง ก ไ์ ปเสี่ ยง และเป็ นการทํ า ลาย สถาบันด ้วยซํา้ ท่า นทราบดี ว่ า ผมเห็ น ด ว้ ยกับ การใช ก้ ํ า ลัง ล ม ้ ล า้ งรัฐ บาลทัก ษิ ณ เพราะถึ ง แม ร้ ัฐ บาลจะได อ้ ํ า นาจมา ด ้วยการเลือกตัง้ แต่ก็ได ้ใช ้อํานาจนั้น ดว้ ยความผิ ด พลาดและจงใจจนขาด ความชอบธรรม เช่นเดีย วกับรัฐบาล ของมาร ก ์ อส ฮิ ต เลอร ์ และรัฐ บาล ้ ประเทศดอ้ ยพัฒ นาทังหลายในละติ น อเมริกา และแอฟริกา ที่มาจากการ เลือกตัง้ ใ น วั น ที่ 8 แ ล ะ 9 ธั น ว า ค ม 2548 ผมตีพิมพ ์บทความ 2 เรื่องใน นสพ.ผูจ้ ด ั การคือ “การลม้ ลา้ งรัฐบาล ที่ ขาดความชอบธรรมตามทฤษฎี สัญ ญาประชาคม” กับ “การล ม ้ ล า้ ง รัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมในทัศนะ พุ ท ธ” ในนั้ นผมได อ้ ธิ บ ายความซึ่ ง ถึงแม เ้ ป้ าหมายคือรัฐบาลทักษิ ณ แต่ ต่ อ มาก็ อ าจนํ ามาใช ก้ ับ คมช. และ รัฐ บาลปั จ จุ บ น ั ได เ้ หมื อ นกัน หากได ้ อํ า น า จ ม า แ ล ้วไ ม่ รู ้จ ั กใ ช ใ้ ห ้เ กิ ด ความชอบธรรม เสี ยดายที่ ในหนั งสื อที่ผมส่งมา มิ ไดร้ วมบทความเรื่อง “ระวังปฏิรูปลง ทาง” ในนสพ.ผู จ้ ด ั การ วัน ที่ 21 ่ กัน ยายน 2549 ซึงผมได ป้ ระกาศว่ า ้ ้ ผม “รู ้แต่ไม่ร่วม การยึดอํานาจครังนี เห็ นใจแต่ ไ ม่ เ ห็ น ด ว้ ย ช่ว ยแต่ ไ ม่ ข อ เกี่ยวข ้อง” ในนั้ นผมไดว้ างหลักการ


และเงื่ อนไขไว ว้ ่ า ทํ า อย่ า งไรการยึ ด อํานาจจึงจะชอบธรรม เช่นการมีส่วน ร่ ว มอย่ า งแท จ้ ริ ง ตั้งแต่ เ ริ่ มต น ้ จาก ประชาชน ฯลฯ ผมอยากจะเห็นหรือ ช่วยเรื่องอะไรได ้บ ้าง อีกฉบับหนึ่ งวันที่ 27 กันยายน 2549 ผมได เ้ ตื อนอี ก ว่า ระวัง อย่ า ให ้ เกิดการ “วิ่งเต ้น เล่นพวก รีบทําลวกๆ เละอย่ างเป็ นระบบ จบแบบไทยๆ” แต่ ้ ้ นก็ เ กิ ด ขึนจนได ้ ในที่ สุ ด ทังหมดนั ้ ที่ ผมรังเกียจที่สุด เพราะถือว่าเป็ นความ มัก ง่ า ยไร ค ้ วามรับ ผิ ด ชอบ ทํ า อะไร ลว กๆ นั่ นก็ คื อ กา ร ที่ ท่ า นได ส ้ ละ อํานาจรัฎฐาธิปัตย ์ที่ได ้มาจากการยึด อํ า นาจและขอพระราชทานจากใน ห ล ว ง ใ ห ้ ก ั บ นั ก ก ฎ ห ม า ย กั บ นั กวิ ช าการอํา นาจนิ ยมที่ รับใช ้เผด็ จ การ รสช. กับบรรดา “ลูกครอก” ที่ เป็ นบริ ว ารระบอบทัก ษิ ณ มา ไม่ ว่ า ท่านผูใ้ หญ่ท่านใดจะแนะนํ าหรือฝาก ้ น ้ ฝังมาก็ฟังไม่ขนทั ึ ้ งสิ สิ่งที่ผมหวาดเกรงนั้ น คือความ ้ ริ ง ๆ เล ะ อย่ า งเป็ นระ บ บ ก็ เกิ ด ขึ นจ ่ ไดแ้ ก่ รัฐ ธรรมนู ญ ชัวคราว 2549 แ ล ะ บ ท บั ญ ญั ติ ว่ า ด ว้ ย ส มั ช ช า ยุ ง ส.ส.ร. และประชามติ ผมสนั บสนุ น ประชามติมาตลอดทุกยุค แต่จะตอ้ งมี ้ การตระเตรียมอย่างเป็ นขันตอน ให ้ ประชาชนมี ส่ ว นร่ ว มรั บ รู ม ้ าแต่ ต น ้ สํ า หรับ ครั้งนี ้ เวลาจํ า กัด ผู จ้ ัดไม่ มี ประสบการณ์ และประชาชนอยู่ ใ น

ความว่ า งเปล่ า จัด มหกรรมโฆษณา ปาหี่อย่างไร ก็เหลวอยู่ดี ป ร ะ ช า ม ติ ค รั้ ง นี ้ ใ น ทั ศ น ะ รัฐธรรมนู ญ และประชาธิปไตยไม่มี ทางผ่าน แต่ในทางยุทธศาสตร ์ เป็ น การต่ อ สู ก ้ ั น ทา งการเมื องระหว่ า ง ระบอบทักษิ ณ กับ คมช. ผูท้ ่ีต่อสูก้ บ ั ระบอบทัก ษิ ณ อาจจะต อ้ งให ผ ้ ่ า นไป ก่อน แลว้ ค่อยไปตายดาบหน้า ความ จริ ง ทัก ษิ ณคงอยากให ผ ้ ่ า น เพราะ ้ เลื อกตังเขาได เ้ ปรี ย บที่ สุ ด แต่ตีกวน เอาไว เ้ พื่ อหาเสี ย งกับต่า งประเทศ ใน ประเทศออกมาอย่ า งไร ก็ ดีกบ ั เขาทัง้ ้ งล่ ้ อง เขากํา ลังอยากทดสอบวัด ขึนทั กําลังและความภักดีระดับรากหญา้ อยู่ พอดี ท่ า นคงทราบดี พ อๆ กับ ผมว่ า การยึดอํานาจจะต ้องเกิดขึน้ หลังจาก วัน ที่ ท่ า นไปกิ น ข า้ วเที่ ยงที่ กอรมน. แล ว้ ท่า นเองก็ เ คยตอบทัก ษิ ณ เล่ น ๆ ว่า ถา้ ทักษิ ณจะปลดท่านๆ จะทําการ ปฏิวต ั ิ นี่ เป็ นสาเหตุหนึ่ งที่ทักษิ ณเอา ไปอ า้ งได ้ ส่ ว นการที่ ท่ า นต อ้ งรอไฟ เขียวนั้น ไม่น่าจะเอามาพูดกัน เพราะ จะทําใหเ้ กิดความเข ้าใจผิ ดเสื่ อมเสี ย ถึงผูใ้ หญ่ได ้ ผ ม เ อ ง กั บ เ พื่ อ น ๆ ไ ด ้ทํ า ใ จ ล่ ว ง หน้ า แล ะ ห า เ อ ก สา ร ส่ งไ ป ใ ห ้ กองทัพ เรื่ องกองทั พโปรตุ เ กสยึ ด อํานาจจากรัฐบาลเผด็จการพลเรือน เพื่ อสถาปนาประชาธิ ป ไตย โดยมี

ราชประชาสมาสัย

29


หลักการและแผนการ (Road Map) อย่างแน่ นอนภายใน 2 ปี พอดี ผมเอง ไดย้ ิ นท่า นพู ดถึงกองทัพโปรตุเกสก็ ดี ใจ แต่แลว้ ก็ ผิดหวังที่ท่านไม่จําเริญ รอยตามตัวอย่างที่ดีของเขา ผ ม เ สี ย ด า ย ที่ ก อ ง ทั พ ชิ ง ยึ ด อํ า นาจไปฝ่ ายเดี ย ว โดยไม่ มี ประชาชนและพลเรื อ นร่ ว มด ว้ ย ใน วั น ที่ 30 สิ ง ห า ค ม 2549 พ ล เ อ ก สายหยุด เกิดผลกับผม เชิญอดีตผู ้ บัญ ชาการเหล่ า ทัพ หลายท่ า น มา ปรารภปรึกษากันเรื่องนี ้ เห็ นว่าหาก กองทัพใช ้กําลังแฝงหนุ นประชาชนจน บีบบังคับให ้ พ.ต.ท.ทักษิ ณ ออก จะมี ความสง่ า งาม โด่ ง ดังไปทั่วโลก ไม่ มี ปัญหากลืนไม่เข ้าคลายไม่ออกตามมา อย่างปัจจุบน ั ถา้ หากท่า นกรุณาอ่านหนั งสื อ ่ ทีผมฝากมา “ใครทําลายราชประชา สมาสัย คนนั้ นทําลายประชาธิปไตย อัน มี พ ระมหากษั ต ริ ย เ์ ป็ นประมุ ข ” ท่า นจะรูส้ ึ กว่า พวกท่า นมิ ไดใ้ หค้ วาม ้ สนใจและตังใจปฏิ รป ู พระราชอํานาจใน ระบอบประชาธิปไตยเลย พลเอกสุรยุทธ ์เคยคุยกับผมว่า ห า ก มี ก ร ร ม ต ้ อ ง รั บ ตํ า แ ห น่ ง นายกรัฐมนตรีจริงๆ หากทําอะไรไม่ได ้ เลย แค่ ป ฏิ รู ป ตํ า รวจให เ้ ป็ นตํ า รวจ อาชีพได ้สักครึ่งหนึ่ ง ก็นับว่าคุ ้ม ผมว่า เท่ า นั้ นไม่ พ อ อยากขอให ท ้ ่า นปฏิ รูป ทหารใหเ้ ป็ นทหารอาชีพ อย่าเข ้ามา

30

ราชประชาสมาสัย

ยุ่งกับการเมือง และลดขนาดลงมากๆ อย่ า ให น ้ ายพลเอกเดิ น ชนกัน ตาย ไหนจะเอาแบบอเมริ ก น ั แล ว้ ก็ ข อให ้ ทําตามแบบเขาจริงๆ ใ น วั น ที่ 19 สิ ง ห า ค ม นี ้ ประชามติอาจจะผ่าน แต่จะเป็ นการส่ง ต่อยาพิ ษอวิชชา และหายนะใหก้ บ ั ก า ร เ มื อ งไ ท ย ย ก เ ว ้น แ ต่ ท่ า น กั บ ่ อยู่หลาย รัฐบาลจะหาทางแก ้ไข ซึงมี วิธี ไม่เกินปัญญาของคนไทย แ ต่ ถ ้ า ท่ า น กั บ รั ฐ บ า ล แ ล ะ พ.ต.ท.ทัก ษิ ณ ต่า งก็ เ ห็ น ว่ า การ ้ นคํา ตอบสุ ดทา้ ย ถึงแม ว้ ่ า เลื อกตังเป็ ่ เหตุผ ลจะต่า งกัน ผมเชืออย่ า งที่ ดร. อมร จันทรสมบูรณ์ ว่า จะต ้องรอรับ วิกฤตใหญ่ และปฏิรูปการเมืองกันอีก รอบหนึ่ ง ผ มไ ม่ อ ย า ก จ ะ ก า้ ว ล่ ว ง สิ ท ธิ ในทางการเมื องของท่าน แต่อยากให ้ ท่านกรุณาอ่านเรื่อง “พรรคหัวหน้าตัง้ ไม่ ย่ งยื ั น” แล ว้ ตอบตัว เองอย่ า ง ลูกผู ช ้ ายว่า จอมพล สฤษดิ ์ จอมพล ถนอม พลเอกเกรีย งศักดิ ์ พลเอก ชวลิต พลเอกเทียนชัย พลตรีจําลอง และพลเอกสุ จิ น ดา ฯลฯ ประสบ ่ ความสํ า เร็ จ หรื อไม่ ในเรื องพรรค ้ อตังพรรคให ้ หัวหน้าตังหรื ห้ วั หน้า ่ พรรคการเมืองชัวคราวหรื อแก๊ง เลื อ กตั้งคื อ ความด อ้ ยพัฒ นาถาวร ของระบอบการเมืองไทย


ท่า นคงเห็ นแล ว้ ว่า นั กเลื อกตัง้ ้ ต่า งก็ วิ ง พล่ า นตังพรรคหรื อหาพรรค สังกัดกันอยู่ ผลที่สุดถ ้าใครเอาเงินมา กองไดม้ ากกว่า ก็ จะประกาศ “ไอเ้ สื อ เอาวา” ไดก้ ่อน ท่านไดย้ ินสมศักดิ ์ เทพสุทิน ตอบสรยุทธ ์ หรือไม่ว่า สูตร นี ้พวกทักษิ ณจะชนะแน่ นอน คุณบุญชู โรจนเสถียร มิตรผู ้ ล่ ว ง ลั บ ข อง ผ ม ผู ้ซ ่ึ ง ตั้ งพ ร รค แ ล ะ ้ ่เป็ นสุดยอดนายธนาคาร ลม้ เหลวทังที ทํ า นายว่ า “วงจรอุ บ าทว ก์ ลับ มาอี ก แล ว้ ฯล ฯ ที นี้ ถ า ม ม า ว่ า จ ะแก ก ้ ัน อย่ า งไร เมื่ อกี นี้ ้ ก็ บ อกว่ า เราต อ้ ง พั ฒ นา พร รค กา รเ มื อ ง ไม่ ทั น กิ น หรอก เพราะพรรคการเมืองที่มีอยู่ใน ทอปบู ท ๊ นี่ มานานแลว้ มันเป็ นบอนไซ ไม่โต ก็มน ั จะพัฒนาได ้อย่างไร 2-3 ปี หยุดๆ ยึดๆ เรื่อย ก็ลองบอกกองทัพไป อยู่ ก บ ั กองทัพ เฉยๆ ก่อน ไปพัฒนา กองทัพ เสี ย แล ว้ ผมก็ พ ัฒ นาพรรค การเมืองของผม อย่ามายุ่งเกี่ยวกันได ้ ไหม” ผมอยากจะเรียนพลเอกสนธิว่า ไม่ว่าประชามติจะมีผลออกมาอย่างไร ้ ้ นหรอก มันคงมิใช่ตน้ ชีตายปลายชี เป็ ยังมี วิ ธีการอี กมากที่ จะบรรเทาความ ้ เสียหาย และวางพื นฐานปฏิ รูปกันต่อ ขอใหท ้ ่า นสํ า นึ กเสี ย ก่อ นว่า ท่า นยัง มี

อํานาจรัฏฐาธิปัตย ์อยู่ เผด็จการสร ้าง ประชาธิปไตยไม่ มี วน ั สํา เร็ จ แต่ใช ้ อํ า น า จ เ ผ ด็ จ ก า ร ทํ า ใ ห ้ เ กิ ด กระบวนการประชาธิปไตยได ้ ไม่ มี เผด็ จ การที่ ไหนหรอกที่ จะปล่ อ ยให ้ ศัตรูผู ก ้ วนเมื องมาชักธงรบหน้า บ า้ น และด่าทอหยาบคายเหมื อ นพ่อแม่ไม่ สั่ ง ส อ น ใ น เ มื่ อ ท่ า น ยึ ด อํ า น า จ เพราะว่ า ทัก ษิ ณ กับ พวกทํ า ตนเป็ น ป ฏิ ปั ก ษ ์ ก ั บ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี พระมหากษัตริย ์เป็ นประมุขแลว้ ท่าน ไ ม่ อ า ย ห รื อ ที่ ป ล่ อ ยใ ห ้พ ร ร ค พ ลั ง ประชาชนของทักษิ ณกับ นปก.ใส่เสือ้ ้ แดงมาท า้ ทายพวกเราเสื อเหลื อ งอยู่ เหยงๆ ผมเคยพู ด กับ พลเอกสุ จิ น ดา คราประยูรอย่างไร ผมขอพูดกับพล ้ ้หรือไม่ว่า “ในยามที่ เอกสนธิอีกครังได บ า้ นเมื อ งมี ปั ญ หา เราจะแก ไ้ ด ก ้ ็ แ ต่ ่ ้ ้ด ้วย โดยปัญญาสมาธิ ซึงจะเกิ ดขึนได ความเพี ยรอย่างแทจ้ ริง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งปัญหาที่เราจะตอ้ งหาทางออก ที่ดีท่ีสุ ดใหก้ บ ั เมื องไทย ใหเ้ กิดการ ้ ดสภาพของการปฏิ วต สิ นสุ ั ิและเผด็ จ การโดยสันติวิธี ไม่ตอ้ งใช ้กําลัง ไม่ ต ้องมี ปฏิวต ั ิซ ้อนปฏิวต ั ิซาํ ้ หรือปฏิวต ั ิ เงียบ ใหป้ ระเทศชาติตอ้ งดิ่งลงไปใน หุ บ เ ห ว ข อ ง เ ผ ด็ จ ก า ร อี ก ใ น ขณะเดีย วกัน ก็ ตอ้ งรีบ สรา้ งสรรค ์

ราชประชาสมาสัย

31


้ ญลักษณ์ ประชาธิปไตยที่แทจ้ ริง ทังสั องค ป ์ ระกอบ โครงสร า้ ง และ พฤติ ก รรม ให ส ้ ํ า เร็ จโดยฉั บ พลั น ทันที ” อัน หลังนี่ แหละคื อการปฏิ ว ต ั ิ ท่ี แท ้จริง

32

ราชประชาสมาสัย

ไหนๆ ท่านก็ มีอํานาจรัฏฐาธิ ปั ตย อ์ ยู่ ในมื อ แล ว้ ปฏิ ว ต ั ิ จ ริ งๆ เสี ย ที ไม่ดีหรือ ปฏิวต ั ิเพื่อประชาธิปไตยและ ในหลวงแล ้ว ยังจะต ้องกลัวอะไรอยู่ ขอให้พระเจ้าคุม ้ ครองท่าน


คมช. ทาลายราชประชาสมาสัย? โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 24 ธันวาคม 2549 17:41 น. ท่ า นผู อ ้ ่ า นที่ เคารพ บัด นี ้ เรา มาถึงจุดที่ถอยหลังไม่ได ้เสียแล ้ว ถ้ า ห า ก เ ร า ต้ อ ง ก า ร ประชาธิ ป ไตยอัน มี พ ระมหากษัต ริ ย ์ ทรงเป็ นประมุขอย่างแท ้จริง เราจะต ้อง ช่วยกันสร ้างราชประชาสมาสัย ผม เกื อ บ จ ะเอา เครื่ องหม า ย ่ ้ ทิ งเสี ้ ย แล ว้ คํา ถามหลังชือบทความนี ่ า คมช. ที่คงเอาไวเ้ พราะผมยังเชือว่ ต ้ อ ง ก า ร ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี พระมหากษัตริย ์ทรงเป็ นประมุขอย่ า ง แท ้จริง เช่นเดียวกับพวกเรา แต่เราจะนอนใจมิได ้ เพราะการ กระทําของ คมช. แต่ต ้นมา นอกจาก จะไม่ ส่งเสริม กระบวนการราชประชา สมาสัย แล ว้ คมช. ยังสนั บ สนุ นคณะ บุคคลและแนว ความคิดที่ทําลายราช ประชาสมาสัยเสียอีก เรายังมองโลกในแง่ดีว่าที่ คมช. เป็ นดั่งนั้ น เพราะ คมช. ไม่เข ้าใจ ไม่ ้ และไม่ตงใจ ้ั ตังใจ

ไม่ ต ้ังใจอัน ที่ สองต่ า งกับ อัน ที่ ้ั หนึ่ ง เพราะอัน ที่ หนึ่ งคื อไม่ ต งใจเฉยๆ ้ั ้ แต่อน ั ที่สองคือไม่ตงอกตั งใจ พลโทฤกษ ์ดีบอกว่า แมอ้ าจารย ์ ้ งยังไม่ กฎหมายและนั กรัฐศาสตร ์ชันสู รู ้เรื่อง เพราะฉะนั้ น คมช. จะไปอาย ทําไมว่าท่านก็ไม่รู ้เรื่อง ้ ้ แทนที่ ท่า นจะตังอกตั งใจศึ กษา หาความรูว้ ่า ประชาธิปไตยอันมีพระ มหา กษัตริ ย ท์ รงเป็ นประมุ ขที่ แทจ้ ริ ง นั้นเป็ นอย่างไร ทําอย่างไรจึงจะเกิดขึน้ ได ้ ทําไมจึงตอ้ งราชประชาสมาสัย เท่านั้น ท่ า น ก ลั บไ ป ป ล่ อ ยใ ห ้ค น ที่ มี ค ว า ม คิ ด มี ป ร ะ วั ติ แ ล ะ ผ ล ง า น ที่ ทํา ลายประชาธิป ไตยและราชประชา สมาสัย มาตลอดมาเป็ นผู ช ้ นํ ี ้ า กํา กับ เสียอีก อย่ า งนี ้ แม ท ้ ่ า นจะมิ ใ ช่ต วั การ ท่านก็กระทําผิดในฐานะผูส้ มคบ

ราชประชาสมาสัย

33


พวกเราจะช่วยมิให ้ คมช. ถลํา ลึ กก ว่ า นี ้ ชั้น แร กอย า กให ้ ค ม ช . ้ ฐ ธรรมนู ญ พระ กลับไปศึ กษาว่า ทังรั ราชกฤษฎี ก าฯ กับ พฤติ ก รรมของ สมัชชา (ยุง) แห่งชาติน้ั น เป็ นเรื่อง นอกคอกหรือมิใช่ เราใช ้พฤติกรรมเผด็จการสร ้าง ประชาธิปไตยไม่ได ้ แต่เราใช ้อํานาจ เผด็จการสร ้างประชาธิปไตยได ้ ่ ไม่เชือคอยติ ดตามพระเจา้ จิกมี พระเจ ้าแผ่นดินองค ์ใหม่ของภูฏานดู ท่า นผู อ้ ่ า นที่ เคารพ ตอนนี ้ สําคัญ ด ้วยความถ่อมตัวอย่างยิ่ง ผม ขออนุ ญาตเล่าเรื่องที่เมื องไทยอาจจะ ยังไม่รู ้ เพราะเป็ นเรื่องที่หนั งสือพิ มพ ์ มิ ไ ด ร้ ายงาน นั ก วิ ช าการรวมทัง้ ศา สตราจา รย ป ์ ระวั ติ ศ าสตร ม ์ ิ ได ้ วิเคราะห ์ เพราะเขาเหล่านั้นเข ้าไม่ถึง ข อ้ เท็ จ จริ ง และเหตุ ก ารณ์ท่ี อยู่ ้ เบืองหลั งการเมืองไทย ผมขอพู ด ย่ อ ๆ ว่ า ยกเว น ้ ่ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 (ซึงก็ ยังมี “มื อที่มองไม่เห็ น” อยู่เหมือนกัน) ้ ในครึ่ งหลัง ของการเมื อ งไทยตังแต่ ปี 2475 เป็ นต น ้ มา การต่อสู ใ้ นทาง การเมืองที่ถึงจุดระเบิด

34

ราชประชาสมาสัย

ลว้ นแลว้ แต่เป็ นการขัดแยง้ และ ้ น ้ ต่อสูก้ น ั เองในหมู่ทหารที่มี กําลังทังสิ ไ ม่ มี ค รั้ งใ ด เ ล ย ที่ ก า ร ต่ อ สู ้ ข อ ง ์ บ อํ า นาจเผด็ จ ประชาชนผู บ ้ ริ สุ ท ธิ กั การ จะปลอดจากการประสานงานและ อํ า นวยการของทหารที่ อิ ง แอบ และ ฉวยโอกาสใช ป้ ระชาชนเพื่ อกํ า จัด กันเอง ไม่ว่าจะเป็ น 20 ตุลาคม 2520 ้ หรือพฤษภาทมิฬ หรือครังใดๆ ก็ตาม นี่ คื อ สิ่ ง ที่ ผ ม ก ลั ว ที่ สุ ด ว่ า จ ะ ้ ก กลัวยิ่งกว่าทักษิ ณซึงจะ ่ เกิดขึนอี เป็ นเพี ยงปั จจัยแทรกซ ้อนเท่านั้ น ก็ คื อ ความขัด แย ง้ ระหว่ า งทหารเก่ า ทหารใหม่ และทหารที่กําลังจะใหญ่ ้ ขึนมา การจะป้ องกัน มิ ใ ห ท ้ หารต่ อ สู ้ กันเองโดยแอบอ ้างประชาธิปไตย มีอยู่ หนทางเดียวเท่านั้น คือการขับเคลื่อน รัฐ ธรรมนู ญไปสู่ ก ระบว นการราช ประชาสมาสัยอันได ้แก่ การผนึ กกําลัง ฟ้ าดินเข ้าด ้วยกัน ผมขอยกตัวอย่างการเมืองเรื่อง ทหารก่อน (1) มีใครทราบว่า การปฏิวต ั ิลม้ ลา้ ง รัฐ บาลหอยของนายธานิ นทร ์ กรัย วิเชียร โดยมีพลเรือเอกสงัด ชะลออยู่ เป็ นหัวหน้า ประกาศเมื่ อเวลา 18.00


น. วัน ที่ 20 ตุ ล าคมนั้ น ขณะที่ 24 นายพลเอกสามเหล่ า ทัพ ประชุม กัน ้ อไป อยู่ เ พื่ อจะดํ า เนิ นมาตรการขันต่ ้ ้ ทังหมดพร อ้ มกํ า ลัง คุ ม ้ กัน ถู ก จี ปลด อาวุ ธ ขัง อยู่ ใ นห อ้ งภายใน 1 ชั่วโมง ต่อมา โดย 2 พันโท และทหารบกยศ ต่างๆ อีกเพียง 9 นาย นั่ นคือ การ ปฏิ วต ั ิซ ้อนที่พลเรือเอกสงัดเป็ นเพี ยง เชลย ยอมให ร้ ัฐ บาลพลเอกเกรี ย ง ศักดิ ์ พลเอกเปรม และยังเติร ์ก จปร.7 ้ ผงาดขึนมา 2 นายพันโทดังกล่าวมี ่ า พัลลภ ปิ่ นมณี กับ จําลอง ศรี ชือว่ เมือง (2) ผมเสี ย ดาย ใครยื ม หนั งสื อ อัต ชี ว ประวัติ ข องพลเอกสายหยุ ด เกิดผล เรื่อง “ชีวิตนี ้มี ค่านั ก” ไปยัง ไม่ คื น ผมเลยไม่ ส ามารถลอกคํ า ต่ อ คํ า ที่ หมอประเวศเขี ย นในคํ า นํ าว่ า ก่ อ นที่ จะมี ก ารยึ ด อํ า นาจโดย รสช. นั้ น คุณ หมอกับ ผมได ไ้ ปหา และ ้ า้ ม ขอร อ้ งให พ ้ ลเอกสายหยุ ด ยับ ยังห ปรามมิ ให ้ จปร.5 ของพลเอกสุจินดา ค ร า ป ร ะ ยู ร ทํ า ก า ร ป ฏิ วั ติ ล ้ม ล ้า ง รั ฐ บ า ล พ ล เ อ ก ช า ติ ช า ย พ ล เ อ ก สายหยุ ดตอบว่าหา้ มไม่ไดด้ อก เวลา คน (ทหาร) มีอาํ นาจมันไม่ยอมฟังใคร (3) ถ ้าใครมาบอกว่า รสช. เพิ่งมาคิด ๊ อด พล.อ.สุนทร คง ปฏิ วต ั ิตอนที่บิ กจ๊

สมพงษ ์ กับ เต ้ พล.อ.อ.เกษตร โรจน นิ ล กลัว จะถู ก ปลดนั้ น อย่ า เชื่อเป็ น อันขาด คนไม่ มี นํ้ายาอย่ างผมรูเ้ รื่อง ได ้ยิน และได ้หา้ มมาเป็ นปี แลว้ ว่าอย่า เลย โลกมัน เปลี่ ยน เมื่ อก่ อ นใคร ปฏิวต ั ิไอก้ น ั จะวิ่งเอาเงินมาให ้ เดี๋ยวนี ้ มันจะตัดความช่วยเหลือและเพิกถอน วี ซ า่ อนึ่ งขณะนั้ นเมื องไทยกํา ลังหอม ในอาเซี ย น ป๋ าเปรมสั่ งสมเงิ น และ ้ ถูก ราคา ความมั่นคงไวใ้ ห ้ ดอกเบี ยก็ นํ ้ามันกําลังลด ฯลฯ ผมเองได ้พยายามเขียนใหท้ หาร และสังคมไทยเข ้าใจ ทําอย่างต่อเนื่ อง ้ ตุลาคม 2533 เป็ นตน ตังแต่ ้ มา พอ กุม ภาพัน ธ ์ 2544 เมื่ อ รสช. ยึ ด อํานาจแลว้ ผมก็ ไม่เลิก วันแรกไม่มี ห นั ง สื อ พิ ม พ ์ร่ ว ม มื อ กั บ ผ ม เ ล ย ่ นอกจากภาษาฝรังฉบั บเดียว (4) พอเขายึดอํานาจแลว้ ผมก็แน่ ใจ ว่าเผด็จการต ้องต่อยอดแน่ เพราะเป็ น ธรรมชาติและสัญชาตญาณของการ ป้ องกัน ตัว ในที่ สุ ด จะหนี ไม่ พ น ้ นอง เลือด ผมจึงไดข ้ อใหส้ มาคมนั กข่าว แห่ ง ประเทศไทยจัด การอภิ ป รายใน วัน ที่ 1 พฤศจิ กายน 2534 ณ ห อ ป ร ะ ชุ ม ธ ร ร ม ศ า ส ต ร ใ์ น หั ว ข อ้ “ระวัง อย่ า ให น ้ องเลื อ ด : ทิศ ทางการ เมื อ งไทย” มี ผู อ้ ภิ ป รายคื อ หมอ

ราชประชาสมาสัย

35


ประเวศ วะสี ธีร ยุ ทธ บุ ญ มี บุ ญ ชู โร จนเสถี ย ร พล.อ.ชวลิ ต ยงใจยุ ท ธ จํา ลอง ศรีเมื อง บัญ ญัติ บรรทัดฐาน และผม ้ (5) ทังหมดล ว้ นแต่เป็ น คมมนย. (คน ้ น ้ เพราะไม่ มี อํา นาจ ไม่ มี นํ้ ายา) ทังสิ ในที่ สุ ด ก็ เกิ ด นองเลื อ ดจนได ้ ผู ้ท่ี อยากจะภาคภู มิ ใ จว่ า พฤษภาทมิ ฬ 2535 เป็ นการต่ อ สู ร้ ะหว่ า ง ประชาธิ ป ไตยกับ เผด็ จการทหาร ล ้ว น ๆ ผ ม ก็ ไ ม่ ว่ า เ พ ร า ะ ท่ า นไ ม่ สามารถมองเห็ น เงาทมิ ฬ อย่ า งที่ ผม เห็ น นั่ นก็ คือ ความขัดแยง้ และการ ต่ อ สู ้ ร ะ ห ว่ า ง อ ดี ต ผู ้ บ ั ญ ช า ก า ร ทหารบกกับผูท ้ ่ีสืบทอดตําแหน่ ง โดย ฝ่ ายหนึ่ งมี จปร.7 เข า้ ข า้ ง และอี ก ฝ่ ายหนึ่ งมี จปร.5 ยื น ทะมึ น อยู่ ข า้ ง หลัง (6) ก่อนที่จะเกิดการยึดอํานาจลม้ ลา้ ง รัฐ บาลทัก ษิ ณ 20 วัน พลเอก สายหยุด เกิดผล ทหารอาชีพ ผู บ ้ ูชา และต่ อ สู เ้ พื่ อประชาธิป ไตย มองเห็ น ้ บประเทศเพราะ อันตรายที่จะเกิดขึนกั การปกครองรวมศูนย ์ระบอบใหม่ท่ีเป็ น ประชาธิป ไตยแต่ในนาม ในวันที่ 30 สิงหาคม 2549 ท่านจึงเป็ นเจา้ ภาพ เ ลี ้ ย ง อ า ห า ร เ ช ้ า ผ ม กั บ อ ดี ต ผู บ ้ ัง คับ บัญ ชาทหารสามเหล่ า ทัพ

36

ราชประชาสมาสัย

ตํ า แ ห น่ ง จ อ ม พ ล ทั้ ง นั้ น แ ล ะ อ ดี ต เอกอัครราชทูต สุ รพงษ ์ ชัยนาม เรา คุย กันถึ งเรื่องกองทัพโปรตุเกสปฏิ ว ต ั ิ ประชาธิปไตยปี 1974 ได ้สําเร็จ ไทย จะสามารถใช ้อะไรเป็ นบทเรียนไดบ้ า้ ง สิ่งที่พลเอกสายหยุดไม่อยากเห็ นก็คือ การที่ทหารจะออกหน้า ทําการปฏิ ว ต ั ิ โดยลํ า พัง ท่ า นเป็ นห่ ว งอนาคตของ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย จึ ง อ ย า กใ ห ้ท ห า ร ออกมาประกาศหรือ เปิ ดใจให ส้ ัง คมรู ้ ว่ า ท ห า ร ก็ อ ยู่ ข า้ ง ป ร ะ ช า ช น แ ล ะ ประชาธิปไตยร ้อยเปอร ์เซ็นต ์ และร่วม ผลัก ดันให เ้ กิ ด People Power เช่นเดีย วกับ การขับไล่ป ระธานาธิบ ดี มารก ์ อ ส ข อ ง ฟิ ลิ ป ปิ น ส ์ พ ล เ อ ก ส า ย ห ยุ ด กํ า ลั ง จ ะ เ ดิ น ท า งไ ป ต่างประเทศจนถึงวันที่ 12 ตุลาคม จึง เป็ นห่วงมาก พยายามนัดพบกับพล เอกเปรม เพื่ อให ช ้ ว่ ยประคับ ประคอง การเปลี่ยนแปลงใหส้ ําเร็จ และถูกต ้อง ตามครรลอง แทนที่ จะเป็ นการให ไ้ ฟ เขียวแต่เพี ยงอย่างเดียว ปราศจาก ทิศทางหรือโรดแมปใดๆ ในยุค รสช. นั้น ผมรักษาความ เป็ นมิ ต ร แต่ ก็ ค ัด ค า้ นทั้งพลเอกสุ จิ นดา นายกฯ อานั นท ์และพรรค ้ ที่ มี พ่ี น้อ ง รสช. อย่ า งหนั กหน่ ว ง ทังๆ ในไสเ้ ป็ นใหญ่ในพรรค 2 คน คนหนึ่ ง เป็ นถึงเลขาธิการ สุชน ชาลีเครือและ


คนใหญ่ๆ หลายคนในยุ คทักษิ ณก็ หิว้ ้ โหนกระแสนี ้ขึนมา ผมเรียกร ้องใหพ ้ ล เอกสุ จิ น ดาสนั บ สนุ นความคิ ด ราช ประชาสมาสัย และถา้ ไปไม่รอดใหข ้ อ ่ พระราชทานรัฐ ธรรมนู ญ ซึงผมเห็ น ว่าเป็ นหนทางเดียวที่จะหลี กเลี่ยงการ ่ นองเลือดและได ้มาซึงประชาธิ ปไตย แต่ ข อ้ เสนอของผมซึ่งกระทํ า อย่างเปิ ดเผยในสื่อและโดยตรงมิได ้รับ ค ว า ม แ ย แ ส ร ส ช . เ ชื่ อ ว่ า ต น คุ ม อํานาจอย่างเหนี ยวแน่ นทัง้ 3 กองทัพ และตํารวจ กลุ่มทุนประเทศก็อยู่ในกํา มื อ นั ก การเมื องและผู แ้ ทนเกือ บเต็ ม รอ้ ย นั กวิ ชาการปั ญ ญาชนวิ่ งเข ้าหา หัวกระไดไม่แห ้ง ฯลฯ ผมทํานายว่าพลเอกสุจินดาขึน้ เป็ นนายกรัฐ มนตรี เ มื่ อใดจะอยู่ ได ไ้ ม่ ถึง 3 เดือน และจะตอ้ งนองเลือดอีก ้ นอน ครังแน่ ท่านผูอ้ ่านที่เคารพ กลับมาหา ปั จ จุ บ ัน สมควรหรื อไม่ ท่ี เราจะนํ า บทเรียนในอดีตมาเป็ นอุทาหรณ์ รสช. กั บ ค ม ช . ไ ม่ เ ห มื อ น กั น แ ต่ ก็ ไ ม่ ต่างกัน ไม่ต่างกันเพราะภูมิหลังและ ก า ร ศึ ก ษ า อ บ ร มใ นโ ร ง เ รี ย น แ ล ะ กองทัพ ไม่ ต่า งกันในวิ ธีการตัดสิ นใจ และการใช ้บุคลากรและองค ์กรอํานาจ นิ ยมเป็ นเครื่ องมื อ ไม่ ต่ า งกันในการ

อ ้ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ แ ล ะ ร ะ บ อ บ ประชาธิ ป ไตยโดยปราศจากความ เข ้าใจภายใตก้ ารชักนํ าผิดๆ ของนัก กฎหมายและนั กวิชาการ สําคัญที่สุด ไม่ ต่า งกันเพราะไม่ มี เป้ าหมาย ไม่ เ ข ้ า ใ จ ว่ า ร ะ บ บ แ ล ะ ร ะ บ อ บ ประชาธิ ป ไตยอัน มี พ ระมหากษัต ริ ย ์ ทรงเป็ นประมุขคืออะไรกันแน่ จึงหวัง พึ่ งรั ฐ ธรรมนู ญ สมั ช ชา พระรา ช กฤษฎี ก า และศาสตราจารย โ์ น่ นนี่ เป็ นสรณะ โดยอา้ งว่ า ตนไม่ มี อํา นาจ จะแทรกแซง ้ บา้ ทังเพ เช่นนี ้จะนํ าพาประเทศ เข ้าสู่วฏ ั จักรนํ ้าเน่ าและวงจรอุบาทว ์อีก แน่ นอน นานมาแล ว้ ผมเสนอใหค ้ นไทย หันหน้า เข ้าหากัน เอาบารมี ในหลวง เป็ นที่พึ่ง ช่วยกันสร ้างประชาธิปไตย ท่า นผู อ้ ่านที่ เคารพ ช่วยผม ปรับข ้อเสนอ 1 พ.ย. 2534 ข ้างล่างนี ้ เข ้าสู่ปัจจุบน ั สมัยด ้วย หากไม่ ต อ้ งการนองเลื อ ดและ อยากได ้ประชาธิปไตย 1. คนไทยจะต อ้ งช่ว ยกัน เคลื่อนไหว ให ้รัฐธรรมนู ญที่จะออกมา เป็ นกลาง และเป็ นประชาธิปไตย

ราชประชาสมาสัย

37


2. เสนอใหเ้ ตรียมทําประชามติ โดยให ้สมัชชาประชาชนมีส่วนร่วมแต่ ตน ้ ถ า้ ไม่ สํ า เร็ จ ให โ้ อกาสทุ ก ฝ่ าย แสดงความคิดเห็ น เสนอสูตร และ ทางเลื อ กอี ก รอบหนึ่ ง ให ป ้ ระชาชน เรียนรู ้ รับรู ้ และช่วยกันคิดใหถ้ ่ีถว้ น พร ้อมๆ กับรัฐบาลและสภา 3. ถ ้าไม่สําเร็จ ทูลเกลา้ ขอบรม ราชวิ นิจฉัยเช่นที่มี ตวั อย่างมาแลว้ ใน รัชกาลที่ 7 4. ถ า้ ไม่ สํ า เร็ จ อี ก เสนอให ้ คมช. (รสช.) สนช. สลายตัว เพื่ อ สร ้างสุญญากาศทางการเมือง อันเป็ น เงื่ อนไขที่ จะถวายพระราชอํ า นาจคื น ใหพ ้ ระเจา้ อยู่หวั เพื่ อทรงสั่งและหา ม า ต ร ก า รใ ห ้ ป ฏิ บั ติ ต า ม จ า รี ต ประชาธิปไตย 5. ถ ้าไม่สําเร็จ ทูลเกลา้ ถวาย ฎีกาขอพระราชทานรัฐธรรมนู ญ ้ ้ ต อ้ งใช ส้ ัน ติ วิ ธี งดวิ ธี ก าร ทังนี รุนแรงทุกอย่าง ตอ้ งรูจ้ ก ั พัฒนาพลัง ข อ ง บุ ค ค ลใ ห ้ เ ป็ น พ ลั ง ข อ ง ก ลุ่ ม ย ก ร ะ ดั บ ค ว า ม เ ค ลื่ อ นไ ห ว จ า ก ขบวนการเป็ นองค ก์ าร เป็ นสถาบัน โดยผู ก พั น และเกาะเกี่ ยวกั บ กลุ่ ม องค ์กรและเครือข่ายต่างๆ อย่างเป็ น ระบบ

38

ราชประชาสมาสัย

อย่ า ลื ม ว่ า เรากํ า ลัง สู ก ้ ับ ระบบ ้ บ ทอด ความคิ ด เก่ า และการจัด ตังสื สถาบัน ของระบบเก่ า เราจะสู ต ้ าม ย ถ า ก ร ร มไ ม่ ไ ด ้ ต ้ อ ง มี ทิ ศ ท า ง เป้ าหมาย และเป็ นระบบ อย่ า เป็ นเครื่ องมื อ ของความ รุน แรง การก่ อ จลาจล การสวมรอย การประท ้วงโดยฝูงชนที่เคียดแค ้นและ ไม่เข ้าใจ ขอโทษอีกทีครับ กระดาษหมด ฉบับ หน้า เรื่ องการผนึ กกําลังฟ้ าดิน สู่ ราชประชาสมาสัย และประชาธิปไตย อัน มี พ ระมหากษัต ริย ท ์ รงเป็ นประมุ ข อย่างละเอียดและเป็ นรูปธรรม ก่อนที่ จะอําลาปี เก่าและของเก่า ท่านผูอ้ ่านที่เคารพเกือบ 33 ปี แล ว้ บางท่ า นอาจจะไม่ รู ว้ ่ า อํ า นาจ การเมื องกับ ทหารสู ก้ น ั เอง ลู กหลาน ของประชาชนตาดําๆ ตอ้ งสังเวยไปกี่ ชีวิ ต ในอนาคต เราอย่ า ปล่ อ ยให ้ ทหารสู ก ้ ัน อี ก แล ว้ ดึ ง เอาชีวิ ต ป ร ะ ช า ช น ผู ้ บ ริ สุ ท ธิ ์แ ล ะ ส ถ า บั น พระมหากษัตริย ์ของเราไปด ้วยเลย ส่งหรือยังครับ ไปรษณี ยบัตร 3 ใบ!!!


ทักษิณควรฉวยโอกาสพึง่ พระราชอานาจ โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 17 พฤศจิกายน 2548 19:57 น. วันอังคารผมตื่นเช ้า ทํา ไมกลอนครึ่ ง ้ บทนี ้จึงผุดขึนมาในอนุ สติก็ไม่รู ้ “เสาศิลา หกศอก ตอกเป็ นหลัก ไปมาผลัก บ่อยเข ้า เสายังไหว” ผมเลยลองเขียนต่ออีกครึ่งบทเอาเอง “สํามหา หลักประชา ธิปไตย หากปวงไทย หมั่นก่น คงโค่นล ้ม” ผ ม ก ลั ว ค นไ ท ย จ ะ ช่ ว ย กั น ทําลายประชาธิปไตย ดีไม่ดีผมอาจจะ ถูกกล่าวหาว่ากระทําการอุกอาจปลุก ปั่นให ้โค่นล ้มรัฐบาล ความจริงบทความของผมเขียน ้ ขึนในยุ ค รสช. ผมรู ้ว่าพลเอกสุจินดา เ ป็ น ค น ดี แ ต่ อ ง ค ์ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ ้ พฤติ ก รรมของ รสช. นั้ นมิ ใ ช่ ซํามี วาระซ่อนเรน ้ ความบังเอิญ ทํา ใหผ ้ ม เข ้าถึงผูน ้ ํ าประเทศส่วนมาก แต่ผมได ้ ถู ก สั่งสอนมิ ใ ห ต ้ ิ ด ยึ ด ตัว บุ ค คล ให ้ พิจารณาเอากรรมหรือการกระทําเป็ น หลัก สิ่งใดดีก็ใหส้ นับสนุ น สิ่งใดไม่ดีก็ ใหค้ ด ั คา้ น พี่ น้องร่วมทอ้ งของผมเป็ น ผูช ้ าย 4 คน คนโตเป็ นทหารคนเล็ ก

เป็ นทนายความ สองคนนี ้ เข ้ากับ พล เอกสุ จิ น ดาและพรรคสามัค คี ธ รรม เป็ นปี่ เป็ นขลุ่ย คนโตใหญ่ถึงกับเป็ น เลขาธิก ารพรรค ผมกับ น้องชายคน รองเป็ นทหารอาชีพ เห็ น ว่ า การ กระทํ า ของ รสช. เป็ นการทํ า ลาย ประเทศชาติ เราจึ ง ต่ อ สู ค ้ ด ั ค า้ น รัฐบาล รสช. อย่างเต็มที่ ผมพนั นกับพี่ น้องว่า รัฐบาลจะ อยู่ไดไ้ ม่เกินสามเดือน เขาโตว้ ่า ไม่มี ทาง กํ า ลัง อยู่ ใ นกํ า มื อ ทุ ก เหล่ า ทัพ กํา ลัง เงิ น และนายทุ น หนาปึ ก ผู แ้ ทน แ น่ น เ ห นื อ จ ดใ ต ้ก ล า ง จ ด อี ส า น ้ าประเทศแน่ นระเบี ยง ปั ญญาชนชันนํ ้ ่ ง ผมบอกว่าคอยดูก็แลว้ จนไม่มีเก ้าอีนั ่ งกฎแห่ ้ กัน ผมเชือทั งความเป็ นอนิ จจัง และ หลั ก ป ฏิ จจ สมุ ปบ า ท ผ ม เป็ น นั ก วิ ช าการผมมี ห น้า ที่ คิ ด ผมไม่ จําต ้องไปเข ้าขบวนแห่กบ ั ใคร รัฐ บาลอยู่ ไ ด ้ 47 วัน ในหลวง ตอ้ งทรงลงมาช่ว ยระงับ การนองเลื อด แต่ พ ระองค ม์ ิ ไ ด ล้ งมาเล่ น การเมื อ ง เพราะ ดร.อาทิ ต ย ์ อุไรรัต น์ ประธาน ่ รัฐสภาได ้ถวายชือนายอานั นท ์ ปันยา

ราชประชาสมาสัย

39


ร ชุ น เ ป็ น น า ย ก ฯ ต า ม ค ร ร ล อ ง รัฐธรรมนู ญ สุญญากาศทางการเมือง จึ งไม่ เ กิ ด คน ที่ เรี ย กร อ ้ งว่ า นา ย ก ้ ้ อง นี่ แหละคนไทย เลือกตังเฮกั นทังเมื ข ณ ะ นี ้ มี สุ ญ ญ า ก า ศ ท า ง ้ การเมื อ งเกิ ด ขึนหรื อไม่ ตอบว่ า ไม่ ถามว่ า เราจะสร า้ งสุ ญ ญากาศ ้ ห้ รือไม่ ตอ้ งตอบว่า ทางการเมืองขึนได ้ บ ได ้ ส่ วนจะสมควรหรือไม่ น้ั นขึนกั เงื่อนไข เงื่อนเวลา และวิธก ี าร วิ ธีการที่ผมรับไม่ ได ้ และขอ ประกาศต่อตา้ นเสียแต่ตน้ ก็คือ การ เปลี่ยนรัฐบาลโดยม็ อบและการกระทํา รัฐประหาร การปฏิ วั ติ มั ก จะอ ้า งว่ าหมด หนทางเลือกทางการเมื อง มี ผูว้ ิเศษอา้ ง ว่ารัฐธรรมนู ญปัจจุบน ั ได ้ปิ ดรูร่วที ั ่เป็ น ความบกพร่องของระบบการเมื องไทยไว ้ ้ ได ้หมดสิน การปิ ดรูมิใหม้ ี ทางเลือกนี ้ แทท้ ่ี ่ จริงคือยาสังทางการเมื อง หลายคนหลงว่ า ระบบ ประธานาธิบดีของอเมริกน ั ทําใหผ ้ ูน ้ ํา เข ้มแข็งและมั่นคงเพราะกฎหมายคํ า้ ตําแหน่ งใหค้ รบ 4 ปี ความจริงตรงกัน

40

ราชประชาสมาสัย

ข ้าม แต่ เมื่ อใดเกิ ด ประธานาธิ บ ดี ้ เข ้มแข็งขึนมาก็ มี ปั ญ หา เพราะ 4 ปี บางทีก็นานเกินรอ ประธานาธิบดีโดน ล อ บ สั ง ห า ร ห ล า ย ค น ร ว ม ทั้ ง ประธานาธิ บ ดี ย อดนิ ยม ลิ น คอล น ์ และเคนเนดี ้ ่ า ระบบรัฐสภาของอังกฤษ เชือว่ เสี ย งข า้ งมากคื อ หลัก ประกัน ความ มั่นคงของรัฐ บาล หัว หน้า ที่ พาพรรค กําชัยอย่างล ้นหลาม ไม่ว่าจะเป็ น มาร ์ กาเรต แธตเชอร ์ หรือจอห ์น เมเจอร ์ ไม่ มี ใ ครอยู่ ไ ด ค ้ รบเทอม ลู ก พรรค โหวตให อ้ อก ขณะนี ้ บริ ษ ัท พนั น เริ่ ม ่ าชัยเสี ยง รับแทงกันแลว้ ว่าแบลร ์ ซึงกํ ข ้างมากจนฝ่ ายค า้ นไม่ เ ห็ น ฝุ่ นถึ ง 3 สมัยจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ สัปดาห ์ที่ แล ว้ แบลร แ์ พ้ม ติ ใ นสภาคอมมอน เพราะลูกพรรค 47 คนแหกคอกไป ลงคะแนนเสียงกับฝ่ ายค ้าน ผมไดย้ ินคําถามจากวงราชการ ลับ ต่า งประเทศเสมอว่ า หากทัก ษิ ณ เป็ นเหมื อนเคนเนดี ้หรื อ มา ร ก ์ อส เมืองไทยจะเกิดอะไร ผมตอบว่ า กลัว กลี ยุ ค เพราะ ไทยไม่ใช่อเมริกา พรรคการเมืองของ


เรายังไม่ตา่ งจากแก๊งเลือกตัง้ รัฐบาลยัง ไม่เป็ นประชาธิปไตย สภายังมิใช่หลัก ของนิ ติ บ ัญ ญัติ ราชการยังไม่ เ ป็ น ก ล า ง แ ล ะ ร า ษ ฎ ร ยั ง ข า ย เ สี ย ง วัฒ นธรรมทางการเมื อ งยัง เป็ นแบบ ชนะไหนเข า้ ด ว้ ยช่ว ยกระพื อ สื่ อยัง ซื่อสัต ย ต ์ ่ อ ยอดขายและงบโฆษณา มากกว่าผูอ้ า่ น ฯลฯ ผมไดก้ ล่าวมาแลว้ ว่า การต่อสู ้ ทางการเมื องสมควรเปิ ดทางเลื อกให ้ กวา้ ง แม้แต่ civil disobedience และ passive resistance ก็ยงั ดีกว่า การจับ ตัว การลอบสัง หาร การก่อ วินาศกรรม การก่อการร ้าย การยก กําลังเข ้าต่อสูก้ น ั และสงครามกลาง เมือง ผ มไ ม่ อ ย า ก เ ห็ น สิ่ ง เ ห ล่ า นี ้ ้ ้ เกิดขึน แต่มน ั จะเกิดถี่และโหดขึน ่ าไม่ เรื่อยๆ ถา้ สังคมหมดหวังและเชือว่ มีทางเลือก ยิ่งรัฐบาลปิ ดทางเลือกเสีย ้ เอง รวมทังการปิ ดหู ปิ ดตาประชาชน และสื่อก็ย่ิงเร็ว ้ ท่านที่ได ้อ่านผมมาทังสามตอน คงตระหนั กว่า แม แ้ ต่ใ นยุ คเผด็ จ การ รสช. โอกาสที่จะเคลื่อนไหวอย่างสงบ แ ล ะ เ ปิ ด เ ผ ย ต า ม ค ร ร ล อ ง ประชาธิ ป ไตย ก็ ย งั มี ค วามเป็ นไปได ้

และมี วิ ธีก ารและทางเลื อ กอยู่ ไ ม่ น ้อ ย เลย แต่สงั คมไทยในตอนนั้นยังอ่อนหัด และพลัง กลุ่ ม ที่ มุ่ ง มั่นและแข็ง แกร่ ง ยัง ไม่มี ท่ า น ผู ้ อ่ า น ค ง ต ร ะ ห นั ก อี ก เ ห มื อ น กั น ว่ า ยุ ค สุ จิ น ด า กั บ ยุ ค ทักษิ ณนั้นเป็ นคนละยุค ถึงจะมีความ คล า้ ยคลึ ง ต่ อ เนื่ องหลายๆ อย่ า งเช่น การศึกษา ประสบการณ์ และมูลค่า ข อ ง ผู ้ นํ า ต ล อ ด จ น มู ล ค่ า ข อ ง นั ก การเมื อ งและประชาชน แต่ องค ์ประกอบและเทคโนโลยีในสังคมก็ ได เ้ ปลี่ ยนแปลงไปไม่ น ้อ ย แต่วิ ธีก าร แก ไ้ ขปั ญ หาที่ ผมเสนอ บางอย่ า งก็ นํ ามาประยุ ก ต ใ์ ช ก้ ับ ยุ ค ปั จ จุ บ ันได ้ อ า จ จ ะ ดี ก ว่ า เ ดิ ม ด ้ว ย ซํ ้า เ พ ร า ะ ความสามารถของกลุ่ ม พลังและภาค ้ ประชาชน รวมทังเทคโนโลยี ส่ื อสาร แพร่ข ้อมูลและความรู ้มีมากขึน้ พลเอกสุ จิ น ดาท า้ ทายว่ า ถ า้ อยากใหต้ นทําหรือไม่ทําอะไร ก็ขอให ้ ส่งจดหมายมาล ้านฉบับ ในยุคทักษิ ณ คุณหมอเสม อายุเกือบ 90 ปี รวบรวม จดหมายสนั บ สนุ นทัก ษิ ณจํ า นวน มหาศาลได ้แสนง่าย ผมเสียดายที่สนธิ ไปบอกผูฟ ้ ังกว่า 4 หมื่นว่าอย่าไปลง ่ เ้ มื่ อยเลย วุฒิสภาเขากลายเป็ น ชือให อะไหล่ตรายางไปหมดแล ้ว

ราชประชาสมาสัย

41


่ ผมว่ารวบรวมรายชือเถอะครั บ อย่ า เสี ย ดายค่ า ซอง ค่ า แสตมป์ หรื อ ค่ า ถ่ า ยสํ า เนา บั ต รป ระชา ชนเลย อยากจะได ห ้ รื อไม่ อ ยากจะได อ้ ะไร ้ ฐธรรมนู ญพระราชทาน ขอได ้ รวมทังรั ้ ว เล็ ก โปรดส่ งไปที่ โคนั น ทวิ ศ าลทังตั ้ ่ อยู่ ใ นทํ า เนี ยบรัฐ บาล และตัวโต ทังที รั ฐ สภ า หรื อจ ะส่ งไ ปใ ห ล ้ ู กเ มี ยโ ค ้ ่ บ า้ นด ว้ ยก็ ไ ม่ ย าก ทํา เถิ ด ทังหลายที ครับ “เสาศิลา หกศอก ตอกเป็ นหลัก ไปมาผลัก บ่อยเข ้า เสายังไหว เราก็จิต คิดดูเล่า เขาก็ใจ จะไม่กลัว ให ้รู ้ไป คนเหมือนกัน” ก่อนอื่น ขอใหศ้ ึกษาใหถ้ ่องแท ้ ถูกถว้ นและยุติธรรมเสียก่อนว่า ข ้อดี และข อ้ เสี ย ของทัก ษิ ณ มี อ ย่ า งไรบ า้ ง บวกลบกันแลว้ อย่ างไหนจะดีหรือเลว ต่อบา้ นเมืองมากกว่ากัน ข ้อกล่าวหา และข อ้ แก ต ้ วั ของทัก ษิ ณ มี อ ะไรบ า้ ง อย่ า งไหนมี นํ้ าหนั ก อย่ า งไหนไม่ มี นํ ้าหนัก ผมไม่ อ ยากพู ด ถึ ง วิ ว าทะเรื่ อง ทักษิ ณหลายเรื่องที่รูด้ ีกน ั อยู่ แลว้ แต่ อยากจะบอกว่ า สั ง คมไทยควรจะ ส่งเสริมและเอาประโยชน์จากจุดแข็งที่ ทัก ษิ ณ มี อ ยู่ คื อ การเป็ นรัฐ บาลที่ มา

42

ราชประชาสมาสัย

จากการเลื อกตัง้ มี พ รรคการเมื อ ง ใหญ่ ท่ี เสี ย งล น ้ หลาม มี ภ าพพจน์ท่ี ดู เหมื อ นจะมี ค วามมั่นคงต่ อ เนื่ อง (ซึ่ง ่ อของ เป็ นปั จจัยสําคัญต่อความเชือถื ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ โ ด ย เ ฉ พ า ะ ใ น เ รื่ อ ง เศรษฐกิจ) มีลก ั ษณะความเป็ นผูน ้ ํ าที่ ขยัน ขัน แข็ ง กล า้ คิ ด -กล า้ ทํ า ใน ขณะเดี ย วกัน ต อ้ งช่ว ยกัน สร า้ งระบบ ตรวจสอบและทํ า ลายจุ ด อ่ อ นของ ทักษิ ณที่จะเป็ นอันตรายต่อบา้ นเมื อง ่ อยู่มากมายอีกเหมือนกัน วันหน้า ซึงมี ผ ม จ ะ พู ด ถึ ง แ ล ะ รั บ เ ป็ น ที่ ป รึ ก ษ า วิทยานิ พนธ ์เรื่องนี ้ สํ า หรับ เรื่ องถวายคื น พระราช อํา นาจ-ขอพระราชทานรัฐธรรมนู ญ ผมมี ข ้อเสนอเพิ่ มเติ มใหแ้ ก่คู่ ต่อ สู ท ้ ง้ั สองฝ่ าย ดังต่อไปนี ้ ้ั 1. ใหท้ งสองฝ่ าย โดยเฉพาะทักษิ ณ คิดหาวิธีการและลงมื อพึ่ งพระราช อํานาจ โดยถวายรายงานบ่อยๆก็ดี ขอบรมราชวินิจฉัยก็ดี ศึกษาและ ป ฏิ บั ติ ต า ม พ ร ะ ร า ช ดํ า รั ส ก็ ดี (โดยเฉพาะอย่ า งยิ่ งเรื่ องที่ ไม่ ท รง เห็นด ้วยเรื่องการแปรสินทรัพย ์เป็ น ทุน) นํ าแก ้ไขรัฐธรรมนู ญ ม.313 ตามแนวของ ดร.อมร ก็ดี ฯลฯ 2. ขอให ท ้ ัก ษิ ณ ลดความเป็ นเผด็ จ ก า ร ล ง แ ล ะ เ พิ่ ม ค ว า ม เ ป็ น


้ ประชาธิปไตยขึน้ ทังในพรรค ใน รัฐบาล และในรัฐสภาเปิ ดโอกาสให ้ มี ค วามคิ ด และมาตรการแตกต่า ง แบบประชาธิปไตยส่วนร่วมของจริง มิ ใ ช่ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ต า มใ บ สั่ ง ทั ก ษิ ณ คว รจ ะถอนฟ้ องสื่ อเสี ย เ พ ร า ะ ไ ม่ มี ผู ้ นํ า รั ฐ บ า ล ประชาธิปไตยที่พัฒนาแลว้ ประเทศ ใดที่ฟ้ องสื่อ ถึงแมส้ ่ือนั้ นจะสารเลว หรื อ มดเท็ จ ก็ ต าม นอกจากนั้ น ข อ ใ ห ้ ทั ก ษิ ณ ใ น ฐ า น ะ นายกรัฐมนตรี เป็ นผูน ้ ํ าจารีตและ บรรทัดฐานประชาธิปไตยมาใช ้กับ รั ฐ สภ า เช่ น เดี ย ว กั บ รา ยกา ร prime minister questions ของอังกฤษ ที่นายกรัฐมนตรีจะต ้อง ไปปรากฏตัว และตอบคํา ถามของ สภาล่ า งทุ ก วัน พุ ธ (ถึ ง แม จ้ ะไม่ มี กฎ หม า ย บั ญ ญั ติ ใ ห ้ทํ า ก็ ตา ม ) หรือการเปิ ดโอกาสใหห ้ วั หน้าฝ่ าย ค ้านไดร้ ่วมพิธีการ ได ้รับข ้อมูลลับ หรือไดร้ บ ั ความเท่าเทียมในการใช ้ สื่อของรัฐ ที่เรียกว่า equal time provision ฯลฯ 3. ขอใหท้ ก ั ษิ ณนํ าตนเอง ลูกเมียและ บริ ว ารออกจากวงการค า้ วงการ สัม ปทาน ตลาดหุ น ้ และผ่ า น กฎหมายปฏิรูปธุรกิจใหป้ ลอดจาก ่ คอรัปชันและการเอาเปรี ยบคดโกง

โดยผู ม ้ ี อํ า นาจ หากเกรงว่ า นั ก ธุ ร กิ จ แ ก่ ง ๆ จ ะ ไ ม่ ย อม เ ข า้ สู่ ว ง ก า ร เ มื อ ง เ พ ร า ะ ก ลั ว ข า ด ทุ น หรือไม่พอกิน ก็ใหอ้ อกกฎหมาย blind trust หรือการจัดการ ธุ ร กิ จ ลงทุ น แทนโดยเจ า้ ของไม่ สามารถเข ้าไปแทรกแซง รับรูห้ รือ ่ ้ เรื่องเหล่านี ้ทักษิ ณรู ้ดี ออกคําสังได เว น ้ แต่ ว่ า จะเต็ มใจหรื อ ตัดใจได ้ หรือไม่ ฯลฯ 4. เรื่ องตรว จ เงิ นแผ่ นดิ น ป.ป.ช . ก ส ช . ก า ร โ อ น ค รู ฯ เ ป็ น สุญญากาศการเมื องอนุ ภาค แต่ สุญญากาศมหภาคยังไม่มี แต่อาจ ้ ้ โดยการเคลื่ อนไหวบี บ สรา้ งขึนได ้ คันจากประชาชน โดยมโนธรรม ของทัก ษิ ณ และนั ก การเมื อ ง เช่น ้ การลาออกของฝ่ ายค า้ นทังคณะ การลาออกกลุ่ มใหญ่ ใ นวุ ฒิ ส ภา การประท ้วงโดยชะลอหรือหยุดงาน ของข า้ ราชการ ฯลฯ ซึ่ งจะทํ า การเมื องชะงักงัน เปิ ดโอกาสใหใ้ น หลวงลงมาช่วยได ้ 5. สําหรับสนธิ และสนธิแฟนคลับ ผม อยากเห็ น ความเข ม้ แข็ ง ต่ อ เนื่ อง ้ ่บนสัจจะ และการขยายฐานที่ตังอยู และความยุ ติ ธ รรม พัฒ นาตนเอง ้ ขึนมา

ราชประชาสมาสัย

43


6. จากความเคลื่ อนไหวสู่ ค วามเป็ น องค ก ์ ร จากองค ก ์ รสู่ ค วามเป็ น ส ถ า บั นโ ด ย ลํ า ดั บ ก ล า ย เ ป็ น สมัชชาประชาธิปไตยที่จดทะเบียน เ ป็ น นิ ติ บุ ค ค ล บ ริ ห า รโ ด ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค ์ เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ “Westminster Foundation for Democracy” (www.wfd.org) มี ส าขาทุก จัง หวัด มี ว ต ั ถุป ระสงค ์ ส่ ง เ ส ริ ม ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ภ า ค ประชาชน การมี ส่ วนร่ว มและการ ่ โดยน่ าจะขอรับทุน ขจัดคอรัปชัน

44

ราชประชาสมาสัย

จากรัฐ บาล กกต. ป.ป.ช. หรื อ แมแ้ ต่มูลนิ ธิทก ั ษิ ณได ้ ข ้อเสนอใน อดีตของผมอาจนํ ามาประยุกต ์ใช ้ ให ้เข ้ากับเหตุการณ์ปัจจุบน ั ได ้ ผมชอบเพลงฝรั่งที่ ว่ า คนเรา ตอ ้ ง มี ค ว า ม ฝั น ถ า้ ไ ม่ มี ค ว า ม ฝั น ความฝันจะเป็ นจริงได ้อย่างไร ผมฝันว่า ชาติหน้าผมจะมาเกิด ในเมื องไทยอีก ตอนนั้ นเมื องไทยจะมี ประชาธิปไตย ที่มี กษัตริย ์เป็ นประมุ ข อย่างแท ้จริง


ราชประชาสมาสัยคือคาตอบสุดท้าย โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 6 เมษายน 2553 18:15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ ้าอยู่หวั มี พระราชดํ า รัส เมื่ อวัน ที่ 23 สิ ง หาคม 2552 ซึ่งบัง เอิ ญ ตรงกับ วัน ครบรอบ 8 เดื อ นของรัฐ บาลนายอภิ สิ ท ธิ ์ เวช ชาชีวะ พอดี พระองค ต์ รัส ว่า บ า้ นเมื องกํา ลัง ยุ่งไม่รูจ้ ะไปทางไหนไปอย่างไร และทรง ้ กว่า ยําอี “รูส้ ึ กว่า บา้ นเมื องของเรากํา ลัง ล่มจม เพราะว่าต่างคนต่างทํา ต่างคน ต่างแย่งกัน ต่างคนต่างไม่เข ้าใจว่าทํา อะไร” บั ด นี ้ เว ล า ผ่ า นไป อี ก คร บ 8 เดือนอีกพอดี ใครว่ า วิ ก ฤตที่ สุ ดในโลกของ บา้ นเมื องเราบรรเทาเบาบางลงไปบา้ ง หรื อ มิ ใ ช่ว่ า มัน ยิ่ งหนั ก กว่ า เดิ ม เป็ น ร ้อยเท่าพันทวี คนที่ รับ ผิ ด ชอบบ า้ นเมื อ งอยู่ ข ณ ะ นี ้ ใ ค ร มี คํ า ต อ บใ ห ้อ ง ค พ ์ ระ ประมุขบ ้าง

นายกรัฐ มนตรี ? คณะ องคมนตรี? กองทัพแห่งชาติ? ข ้าราช บริพาร? ข ้าราชการของรัฐ? ศาล? และรัฐสภา? ถา้ ยังไม่มีคําตอบ ถึงเวลาแลว้ ที่ ท่า นจะตอ้ งศึ กษาและหาความเข ้าใจ เกี่ยวกับ “ราชประชาสมาสัย” ร า ช ป ร ะ ช า ส ม า สั ย ไ ม่ ใ ช่ สมบูรณาญาสิทธิราชย ์ ราชประชาสมาสัย ไม่ ใ ช่เ รื่ อง กษัตริย ์ลงมาเล่นการเมือง ราชประชาสมาสัย ไม่ ใ ช่เ รื่ อง ้ ระคายเคืองเบืองพระยุ คลบาท ร า ช ป ร ะ ช า ส ม า สั ย คื อ ประชาธิ ป ไตยอัน มี พ ระมหากษัต ริ ย ์ ่ เสมื อนว่าเราจะเคยมี เป็ นประมุข ซึงดู หรือเกือบมี แทท ้ ่ี จริ งแค่เกื อบเท่า นั้ น แต่ยงั ไม่เคยมี กลุ่ ม ประเทศที่ มี ป ระชาธิป ไตย อันมี พระมหากษัตริย ์เป็ นประมุข เขา ทิ ้ ง ป ร ะ เ ท ศ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย ที่ มี ค น

ราชประชาสมาสัย

45


ธรรมดาเป็ นประมุ ข ในเรื่ องเสรี ภ าพ สาธารณประโยชน์ ความเป็ นธรรมใน สัง คม ความเท่ า เที ย มเรื่ องรายได ้ ความปลอดภัย และสบายในชีวิ ตและ การครองชีพอย่างเห็นได ้ชัด แต่ ข องเรา กลั บโหล ยโท่ ย รั้ ง ้ ที่เรามีพระมหากษัตริย ์ ท ้ายที่สุด ทังๆ อันประเสริฐ ทั้ ง นี ้ ก็ เ ป็ น เ พ ร า ะ เ ร า ไ ม่ เ ป็ น ประชาธิปไตย คํ า ว่ า “ราชประชาสมาสัย ” นี ้ พระเจ ้าอยู่หวั เป็ นผูท ้ รงบัญญัติ มีท่ีมา และคําอธิบายย่อๆ ดังนี ้ “เ มื่ อ วั น ที่ 16 ม ก ร า ค ม พุ ท ธศัก ราช 2501 พระบาทสมเด็ จ พระเจา้ อยู่หวั และสมเด็จพระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ไดเ้ สด็ จ พระราช ดํา เนิ นไปในการพระราชพิ ธีว างศิ ล า ฤกษ ์ ณ สถานพยาบาลพระประแดง เมื่ อการก่อสรา้ งไดด้ ําเนิ นการจนเป็ น ที่เรียบรอ้ ยแลว้ กระทรวงสาธารณสุข ไดข ้ อพระราชทานนามสถาบันแห่งนี ้ จึ งไ ด ้ท ร ง พ ร ะ ก รุ ณ า โ ป ร ด เ ก ล ้า ฯ พระราชทานนามว่ า “สถาบัน ราช ประชาสมาสัย ” (มี ค วามหมายว่ า พระมหากษัตริย แ์ ละประชาชนอาศัย ซึ่ งกั น และกั น ) และเสด็ จพระรา ช

46

ราชประชาสมาสัย

ดํ า เ นิ น เ ปิ ด “ส ถ า บั น ร า ช ป ร ะ ช า ส ม า สั ย ” เ มื่ อ วั น ที่ 16 ม ก ร า ค ม พุทธศักราช 2503 พระบาทสมเด็ จ พระเจ า้ อยู่ ห ัว ได พ ้ ระราชทานแนวพระราชดํ า ริ ว่ า ดวงตราประจํา ของมู ล นิ ธิค วรเป็ นรูป ด อ ก บั ว กั บ นํ ้ า ซึ่ ง ห ม า ย ถึ ง พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ก ั บ ป ร ะ ช า ช น ผูอ้ อกแบบดวงตรา คือ นายเหม เวช ก ร ด อ ก บั ว สี เ ห ลื อ ง ห ม า ย ถึ ง พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ สี เ ห ลื อ ง คื อ สี ประจํ า วัน จัน ทร ์ อัน เป็ นวัน พระบรม ราชสมภพ นํ ้ าหมายถึ ง ประชาชน โดยธรรมชาติ แล ว้ ดอกบัว กับ นํ ้ าตอ้ ง ่ นและกัน จึงมีชวี ิตเจริญอยู่ อาศัยซึงกั ได ้ นั บ ตั้งแต่ น้ั นมา สถาบัน ราช ประชาสมาสัยนี ้ไดร้ บ ั ความช่วยเหลื อ จ า ก อ ง ค ์ก า ร ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ห ล า ย องค ์การ องค ์การอนามัยโลกได ้จัดส่งที่ ปรึ กษามาประจํา กองทุน สงเคราะห ์ เด็กแห่งสหประชาชาติจด ั หาเครื่องมื อ และอุปกรณ์การเรียนการสอน แลว้ ยัง มี มู ล นิ ธิ ฮ า ร ท ์ เดเกน ้ แ ห่ ง ป ร ะ เ ท ศ เยอรมนี และซาซากาวาแห่งประเทศ ญี่ ปุ่ น และองค ก ์ ารอื่ นๆ ที่ ร่ ว มมื อ ช่วยเหลือสถาบันนี ้อีกมาก


จํ า เดิ ม นั้ นสถาบัน ราชประชา ้ ่ ด สมาสัยเน้นการรักษาโรคเรื อนซึ งคิ ว่าเป็ นโรคที่รักษาไม่ หายก่อน แลว้ จึง ขยายไปสู่ ก ารศึ ก ษาและการพัฒ นา อื่นๆ มี ผู ้ ส ง สั ย ว่ า “ร า ช ป ร ะ ช า ้ อนทาง ้ สมาสัย ” จะรัก ษา “โรคขี เรื ้ อน” ้ การเมือง” หรือ “นักการเมืองขีเรื ได ้หรือไม่ ใ น ปี 2517 ม . ร . ว . คึ ก ฤ ท ธิ ์ ปราโมช และ ดร.ชัยอนันต ์ สมุทวณิ ช ช่วยกันตอบว่าน่ าจะได ้ แต่ราชประชา ส ม า สั ย ห รื อ ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย อั น มี พระมหากษัต ริ ย เ์ ป็ นประมุ ข ก็ เ ข็นไม่ ้ ก ที ทั้งนี ้ เพราะมัวไปตกอยู่ ใ น ขึ นสั “วงจรอุ บ าทว ”์ หรื อไม่ ก็ “วัฏ จัก รนํ ้ า เน่ า” หาทางออกไม่พบสักที และขณะนี ้ เราต่ า งก็ ช ่ว ยกัน ทํา ลายโอกาสของประชาธิป ไตยเป็ น การใหญ่ “ต่างคนต่างแย่งกัน ต่างคน ต่างไม่เข ้าใจว่าทําอะไร” ต่างก็ อา้ งว่า การกระทําของตนเป็ นประชาธิป ไตย ้ ที่ต่างก็ พา ของอีกฝ่ ายหนึ่ งไม่ใช่ ทังๆ กัน ทํ า ลายกฎหมายของบ า้ นเมื อ ง ้ น ้ เพี ย งแต่ม ัน เป็ นคนละ ด ว้ ยกัน ทังสิ ด ้าน

เวลา นี ้ บ้า นเ มื องของเร า กาลังจ่ออยู ่ ริมปากเหวของความ มรณะฉิ บหาย ใครขยับ กายผิ ด หน่ อย เลือดก็จะนองแผ่นดิน หากโชคดี ผ่านวัน ผ่านสัปดาห ์ ไปได ้ อี กไม่ ช า้ หายนะอวิ ช ชาก็ จ ะ กลั บ ม า ไม่ ว่ า โอกา ส รั ฐ ประหา ร รัฐ บาลล่ ม พรรคประชาธิปั ตย ถ์ ูกยุ บ ฯลฯ ลว้ นแลว้ แต่จะนํ าไปสู่คําถามว่า “ไม่ รู จ้ ะไปทางไหน ไม่ รูจ้ ะไปอย่ า งไร ้ น” ้ ทังสิ ขอโทษเถิด อย่าหาว่าอวดวิเศษ เลย ถึ ง แม จ้ ะเป็ นเพี ย งนั ก เรี ย นวิ ช า รัฐ ธรรมนู ญคนหนึ่ ง ผมก็ เ ป็ นคนที่ เจียมตัว ขยันทําการบ ้าน ผมขอฟั นธงว่า คําตอบสุดทา้ ย อยู่ท่ีราชประชาสมาสัย ทํา อย่ า งไร เมื่ อไหร่ ผมตอบว่ า เมื่อท่านผูม้ ีอํานาจหน้าที่ที่เกี่ยวข ้องมี สติ รู ต ้ ัว มี ปั ญ ญารู ค ้ ิ ด และเข า้ ถึ ง ่ื า “เวสารัชชกรณกรรม” ธรรมที่มีชอว่ คื อ “ธรรมที่ ทํ า ให เ้ กิ ด ความแกล ว้ กล ้า” เสียก่อน เมื่ อก่อนนี ้ คนเรายังโง่ จึงคิดว่า ้ โรคเรือนเป็ นโรคที่รักษาไม่ หาย ราช

ราชประชาสมาสัย

47


้ ประชาสมาสัย ก็ ไ ด ก้ ํ า จัดโรคเรื อนไป ้ เกื อบสิ นแผ่ น ดิ น แล ว้ ปี นี ้ เหลื อ อยู่ ไ ม่ ถึง 300 คน เมื่อเจริญสติ เจริญปัญญา และ เ จ ริ ญ ธ ร ร ม ดั ง ก ล่ า ว แ ล ้ว บุ ค ค ล ดั ง ต่ อไ ป นี ้ คื อ น า ย ก รั ฐ ม น ต รี ประธานสภาผู แ้ ทนราษฎร ประธาน วุฒิ ส ภา ประธานศาลฎี ก า ประธาน ศ า ล รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ป ร ะ ธ า น ศ า ล ปกครองสูงสุด ผู บ ้ ญ ั ชาการเหล่า ทัพ จงพรอ้ มกันไปเข ้าเฝ้ าฯ พระเจ ้าอยู่หวั เถิด

48

ราชประชาสมาสัย

โปรดพากัน ถามพระองค ท์ ่ า น ว่ า โ ร ค เ รื ้ อ น ท า ง ก า ร เ มื อ ง ห รื อ ้ ่ มี อยู่ ไม่ ถึงพัน นั กการเมื อ งโรคเรื อนที คน ที่พากันรับใช ้ผู น ้ ํ าการเมื องมะเร็ ง ที่มีอยู่ไม่ก่ีตัว จะรักษาโดยราชประชา สมาสัยได ้หรือไม่ แ ล้ ว ท่ า น ก็ จ ะ เ ห็ น เ อ ง ว่ า ราชประชาสมาสัย เป็ นค าตอบ สุดท้าย


โอกาสสุดท้ายของทักษิณ โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ 14 และ 18 กันยายน 2549 ทักษิณยังไม่ไปอีกหรือ ไม่ มี เวลาไหนเหมาะเท่า เวลานี ้ รีบไปเสียเถอะ จะลาป่ วยก่ อ น ตามด ว้ ยใบลา ออกทีหลัง ตามธรรมเนี ยม ค.ก.ห. ก็ คงไม่ มี ใ ครว่ า อะไร นั ก ฉวยโอกาส มหัศจรรย ์ไหนเลยจะควรพลาดโอกาส สุดท ้ายอย่างนี ้ ถ้า ต ด ั สิ นใจผิ ด จะไม่ มี โ อกาส เสียใจ พี่ น้องชาวไทยในต่า งประเทศที่ เคารพ ไม่ ว่ า ท่ า นจะเป็ นพัน ธมิ ต ร หรือเป็ นกัล ยาณมิ ตรของทักษิ ณ ไม่ ว่ า จะเป็ นที่ ลอนดอน นิ วยอร ก์ หรื อ แอลเอ เมื่ อเห็ น หนั ง สื อ นี ้ แล ว้ โปรด กรุณ านํ าไปส่ ง ต่อให ท ้ ก ั ษิ ณ ด ว้ ย ถ า้ หากยังถึงตัวไม่ไดก้ ็ ขอใหพ ้ ากันเอาไป ฝากสถานทูตไว ้ ทักษิ ณ คงตระหนั กดี บ ด ั นี ้ เวลา ที่ จะแก ต้ วั ของทัก ษิ ณ หมดแล ว้ หาก ทัก ษิ ณ จะขัด ขืน และพาพรรคพวก บริ ว ารขัด ขืนในนามทัก ษิ ณ เหมื อ น

ทาสที่กลัวขาดลาภยศอามิ สเมื่ อขาด ้ นาย ประชาชนไทยจะพากันลุกฮือขึน ขับไล่ทก ั ษิณ ถึ ง ตอนนั้ นเหตุ ผ ลจะสู อ้ ารมณ์ ไม่ ไ ด ้ ผมคงตอ้ งเสี ยใจและเสี ย ดายที่ ทักษิ ณอาจจะไม่ไดร้ บ ั ความคุม้ ครอง ทางกฎหมายตามหลัก รัฐ ธรรมนู ญ และประชาธิ ป ไตย นั่ นมิ ใ ช่ส่ิ งที่ ผม ปรารถนา และสาบานไดว้ ่าผมจะไม่มี ส่วนผสมโรงด ้วยเลย ทนายของทักษิ ณ คงจะมี ข ้อแก ้ ต่า งอเนกอนั น ต ว์ ่า ทักษิ ณ กระทํา ผิ ด อะไรหรื อ ทัก ษิ ณไม่ มี ผิ ด อะไรเลย ทัก ษิ ณ เป็ นคนรักชาติ รัก ประชาชน ความจริงอาจจะเป็ นอย่างนั้ นก็ ได ้ แต่ ผู น ้ ํ าประเทศนั้ นย่ อ มจะต อ้ งมี ค วาม ้ รับ ผิ ด ชอบทังตามกฎหมายและกฎ จ ริ ย ธ ร ร ม ผู ้ นํ า เ พี ย ง แ ต่ ทํ า ใ ห ้ ่ ากระทําผิ ด ประชาชนสงสัยหรือเชือว่ เ ท่ า นั้ น ก็ อ ยู่ ไ ม่ ไ ด ้ แ ล ้ ว ก ฎ แ ห่ ง จริย ธรรมสํ า หรับ ผู น ้ ํ า ย่ อมสู งกว่า คน ธรรมดา และสูงยิ่ งกว่านั กบวชเสี ยอีก เพราะการกระทําผิ ดของนักบวชก็ แค่

ราชประชาสมาสัย

49


กระเทื อนเหล่ า สาวกผู ศ ้ รัทธาเท่า นั้ น แต่ ค วามผิ ด ของผู น ้ ํ ากระเทื อ นไปทัง้ บ ้ า น ทั้ ง เ มื อ ง วิ ช า บ ริ ห า ร ค ว า ม ยุ ติธ รรมที่ ทักษิ ณ เรี ย นมา บุ คคลถูก กล่าวหาตอ้ งสันนิ ษฐานไวก้ ่อนว่าเป็ น ผู ้ บ ริ สุ ท ธิ ์ แ ต่ ทั ก ษิ ณ มิ ใ ช่ บุ ค ค ล ธรรมดา ความสงสัย หรื อ ความเชื่อของ ประชาชนจะถู ก ต อ้ งเสมอไปหรื อ ไม่ จํ า เป็ นเลย และบ่ อ ยครั้งความเชื่ อ ของประชาชนก็ ไม่ ตอ้ งสอดคล อ้ งกับ ่ ความจริงเสี ยดว้ ยซํา้ เช่น ความเชือ ของรากหญ ้าที่มีตอ ่ ทักษิ ณ เป็ นต ้น แต่ ค วามเชื่ อในเรื่ องที่ สํ า คัญ ที่สุดที่ทักษิ ณเคยพูดถึงบ่อยๆ สําคัญ ก ว่ า นั่ น ก็ คื อ ค ว า ม เ ชื่ อใ น ท ฤ ษ ฎี ่ ้กลับอยู่ สัญญาประชาคม ความเชือนี เหนื อบทบัญญัติของรัฐธรรมนู ญ ตัว ้ ้ ว้ ย บทกฎหมาย รวมทังการเลื อกตังด ่ าเมื่ อใดผู ป้ กครอง นั่ นก็ คือความเชือว่ ป ร ะ พ ฤ ติ ต น เ ป็ น ป ฏิ ปั ก ษ ์ ต่ อ ผลประโยชน์ท่ี แท จ้ ริ ง ของประชาชน และบา้ นเมือง เมื่อนั้ นประชาชนมีสิทธิ โค่ น ล ม ้ ผู ป ้ กครองได ้ จะด ว้ ยวิ ธี ก าร ใดๆ ก็ตาม แต่ ผ มเองเห็ น ว่ า เราควรใช ว้ ิ ธี ประชาธิปไตย

50

ราชประชาสมาสัย

ตัว อย่ า งที่ เห็ นได ช ้ ด ั ที่ สุ ด เมื่ อ ส อ ง ปี ม า นี ้ ก็ คื อ ก า ร ที่ ช า ว แคลิ ฟ อร เ์ นี ยขับ ผู ว้ ่ า ราชการมลรัฐ ้ ที่ เกรย เดวิ ส ออกจากตํา แหน่ ง ทังๆ ผูว้ ่าไดร้ บ ั เลือกมาจากการลงคะแนน เสียงโดยตรงจากประชาชน ตัวอย่างที่ ยั ง พ อ จ ะ จํ า ไ ด ้ ก็ คื อ ก ร ณี ข อ ง ประธานาธิ บ ดี เ ฟอร ด ์ ิ นั น มาร ก ์ อส แห่ ง ฟิ ลิ ป ปิ นส ์ และอี กไม่ น านเกิ น รอ เราก็ จะเห็ นจากประเทศต น ้ ตํ า รับ ประช า ธิ ป ไตยไทย นั่ น ก็ คื อ โท นี่ แบลร ์ นายกฯ อังกฤษที่พาพรรคชนะ ้ เลื อ กตังสมั ย ที่ 3 มาด ว้ ยคะแนนล น ้ หลาม จะตอ้ งถูกขับออกจากตําแหน่ ง อย่างแน่ นอน ผมเคยเขีย นเล่ า สู่ กน ั ฟั งสนุ ก ๆ ว่าดวงของทักษิ ณเหมือนแบลร ์ เพราะ วั น เ กิ ด ล ง ท ้า ย เ ล ข ก า ล กิ ณี คื อ 6 ้ เหมื อ นกัน เลยต อ้ งขึนลงและประสบ ปัญหาทางการเมืองคล ้ายกัน ทั้งหมดนี ้ ทัก ษิ ณโชคดี ท่ี สุ ด เพราะทัก ษิ ณ เป็ นคนไทย วัฒ นธรรม ไทยแท น ้ ้ั นเมื่ อมี ค วามจํ า เป็ นและถึ ง เวลา คนไทยพู ด กัน รู เ้ รื่ องเสมอ อี ก ป ร ะ ก า ร ห นึ่ ง เ ร า โ ช ค ดี ที่ มี พระมหากษั ต ริ ย อ์ ัน ประเสริ ฐ หาก ทัก ษิ ณได อ้ ่ า นคํ า แนะนํ าของผมเมื่ อ ส อ ง ปี ที่ แ ล ้วใ ห ้ห า ท า งพึ่ ง พ ระ ร า ช


อํ า นาจ ป่ านนี ้ ทัก ษิ ณ อาจจะสบาย แล ้วภายใต ้ร่มพระบารมี ทํ า ไมผมจึ ง ยํ ้านั กยํ ้าหนาว่ า ทักษิ ณควรลาออก นั่ นก็ เป็ นเพราะว่า การลาออกนอกจากจะบรรเทาความ รุ น แ ร ง ยุ่ ง ย า กใ ห ้ ก ั บ ทั ก ษิ ณ แ ล ะ ่ื า ครอบครัวแลว้ ทักษิ ณ ยังจะไดช ้ อว่ เป็ นผูร้ ่ว มใจพิ ทก ั ษ ร์ ก ั ษารัฐ ธรรมนู ญ ไ ว ้ มิ ป ล่ อ ยใ ห ้ถู ก ทํ า ล า ย ล ง ด ้ว ย อุบต ั ิเหตุ และช่วยไม่ใหค้ นไทยทําลาย ล า้ งกัน เอง ส่ ง ผลถึ ง ชีวิ ต และความ ปลอดภัยของครอบครัวชินวัตรด ้วย การลาออกมิ ใ ช่ค วามพ่ า ยแพ้ แต่เป็ นชัยชนะ เป็ นความเสียสละกลา้ หาญ เป็ นวิ ถี แ ห่ ง วี ร บุ รุษ เป็ นความ สง่ า งามตามวิ ถี ท างแห่ ง รัฐ ธรรมนู ญ ทําได ้ง่ายๆ ทักษิ ณ ลองใช ้ฝ่ าเทา้ ตรองดูว่ า ทําไมทักษิ ณจึงไม่ควรอ ้างการเลือกตัง้ เพียงเพื่อจะนํ าไปสู่การปฏิรป ู ก า ร ป ฏิ รู ป แ บ บ ทั ก ษิ ณ กั บ บรรหาร เด็กอมมือที่ไหนมันจะเชือ่ ทํ า ไมไม่ ป ฏิ รู ป เสี ย ก่ อ นแล ว้ จึ ง เลื อ กตัง้ จะได ไ้ ม่ เ ปลื อ งเงิ น ทองและ เลือดเนื ้อของแผ่นดิน เพียงแต่ทก ั ษิ ณ เสี ย สละลาออกคนเดี ย วเท่ า นั้ น ก็ เริ่มต ้นได ้ทันที

ถามจริ ง ๆ เถอะ ทัก ษิ ณเคย ้ ตังใจฟั งพระราชดํา รัส แลว้ ลองนํ า ไป ปฏิ บ ต ั ิ บ า้ งไหม หรือ เคยแต่คอยพยัก ้ บ หน้า แลว้ เก็ บเอาไปนิ นทาโกรธขึงลั หลัง ยังไม่ ส ายเกิ นไปที่ ทัก ษิ ณ จะนํ า พระราชดํา รัส มาอ่า น ผมจะอัญ เชิญ มาให ้ "คนที่พยักหน้าเนี่ ยไม่ ไดแ้ กไ้ ข นี่ ผิ ด ตรงนี ้ ไม่ ไ ด แ้ ก ไ้ ข หลบความ รับ ผิ ด ชอบ มัน เป็ นอย่ า งนั้ น คื อ มัน ในเมืองไทยนี่ คนไหนที่ทําอะไรไม่ค่อย เข ้าร่องเข ้ารอยก็ ล าออก ลาออกแล ว้ ไม่ มี อ ะไรผิ ด เลย แม จ้ ะทํ า อะไรผิ ด อย่างมากๆ" (4 ธันวาคม 2548) "ที่ท่านไดป้ ฏิ ญาณไวเ้ มื่ อกีนี้ ้ ก็ เป็ นหมัน ที่ บอกว่ า จะต อ้ งทํา ทุ กอย่ า ง เพื่อให ้การปกครองแบบประชาธิปไตย ตอ้ งดําเนิ นการไปไดท ้ ่านก็ เลยทํางาน ไม่ ไ ด ้ ถ า้ ท่ า นทํ า งานไม่ ไ ด ้ ท่ า นก็ อาจจะต อ้ งลาออก" (25 เมษายน 2549) ทักษิ ณอาจจะเถียงว่านี่ เป็ นการ ตัดตอนมาบางส่วน และมิ ไดห้ มายถึง ทักษิ ณ ก็ จริงอยู่ ทักษิ ณควรกลับไป ้ อ่านทังหมดหลายๆ เที่ยว แลว้ คิดดูให ้ ดี ๆ ว่ า สุ ภ าษิ ตที่ คนโบราณท่ า นสั่ ง สอนนั้ น เป็ นการเจาะจงถึงบุ คคลคน เดี ย ว ในเวลาหนึ่ งเวลาใดจํ า เพาะ

ราชประชาสมาสัย

51


เท่านั้นหรือ แทนที่จะนํ าพระราชดํารัส นี ้ ใส่ ห วั ใส่ เ กล า้ ไปเป็ นหลักพิ จ ารณา ทัก ษิ ณ กลับ จ ว้ งจาบไม่ รู จ้ ก ั ที่ ตํ่ าที่ สู ง เหิ ม เกริ ม จ ะให ้พ ร ะเจ า้ อ ยู่ ห ั ว ทร ง กระซิบที่หู ทั ก ษิ ณไ ม่ เ ค ย เ ห็ น ห รื อ แ ม ้ สมเด็ จพระพี่นางฯ เป็ นพี่ในไสแ้ ทๆ้ ยัง ต อ้ งถวายบัง คมในหลวง หาทรงไป กระซิบที่หูเล่นๆ ได ้ไม่ ทัก ษิ ณ มัว แต่ อ า้ งมาตรา 215 ว่ า ไม่ ใ ห ล้ าออก แม แ้ ต่ ม าตรา 215 ทัก ษิ ณก็ ยึ ด อยู่ ว รรคเดี ย วที่ ตนได ้ ป ร ะ โ ย ช น์ ว ร ร ค อื่ น ๆ ทั ก ษิ ณ ก็ มองข ้ามไม่นํามาใช ้เลยหรือมิใช่ ถามหน่ อยเถอะ ถ ้าลาออกไม่ได ้ เพราะรัฐ ธรรมนู ญห า้ ม แล ว้ ตายได ้ ไ ห ม ห รื อ ว่ า รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ห ้ า ม เหมือนกัน ผมอยากเห็ นทัก ษิ ณออกไป ตามครรลองแห่ ง รัฐ ธรรมนู ญมาตรา 216 ขณะนี ้ มาตรา 216 วงเล็ บ และ ้ วรรคอื่ นๆ ได ถ ้ ู ก ทํ า ลายจนหมดสิ น แล ว้ ในอายุ ร ฐั บาลของทัก ษิ ณ เหลื อ เพียงแค่วงเล็ บ 1, 2 และ 4 (1) คือ ตาย (2) คือ ลาออก (4) คือ ต ้องคํา พิพากษาให ้จําคุก

52

ราชประชาสมาสัย

ผมเกรงอยู่เหมือนกันว่าบรรดา ้ ่ ทักษิ ณ เผชิญ อยู่ คดี ค วามทังหลายที และกําลังจะประดังเข ้ามา จะทําใหห้ วย ออกเลข 4 ผมได ย้ ิ น ข่า วลื อ ว่ า อดี ต นายกฯ ท่ า นหนึ่ งซึ่ งรักใคร่ เ มตตา ทัก ษิ ณไม่ ส ร่า งซา แนะนํ าให ท ้ ก ั ษิ ณ เลือกเอาว่า จะไปอยู่องั กฤษหรือจะติด คุก ผมไม่รูว้ ่าจริงหรือไม่ แต่ก็อยากให ้ ทักษิณเลือกวรรค 2 ผ ม เ ชื่ อ ว่ า ทั ก ษิ ณ ค ง รู ้ อ ยู่ เหมื อ นกัน ว่ า เรื่ องคาร บ์ อมบ น ์ ้ั นจริ ง ครึ่ งไม่ จ ริ ง ครึ่ ง หรื อไม่ จ ริ ง เลย คุ ณ หมอประเวศไดห ้ าทางออกให ท ้ ก ั ษิ ณ อย่ า งดีแล ว้ ผมเองไม่ อยากเห็ นความ โหดร า้ ยในการเมื อง และไม่ เ ห็ น ด ว้ ย การลอบสัง หารที่ เกิ ด จากโครงสร า้ ง หรื อ นํ ้ ามื อ ของทางการ (structural killing) แต่ถา้ เป็ น random killing ที่เกิดจากความเคียดแค ้นหรือเสียสละ ส่วนบุคคล ผมก็ไม่รูจ้ ะว่าอย่างไร ต ้อง ถือเสียว่ามันเป็ นเรื่องของวิบากกรรม ที่ ผมทนเขีย นถึ ง ทัก ษิ ณ อยู่ ก็ เพราะไม่ตอ้ งการเห็ นการลอบสังหาร ไม่ว่าจะเป็ นแบบใด มาถึ ง วั น นี ้ แล ว้ ป่ วยการที่ จะ มา กควา ม คนส่ ว นใหญ่ ท่ี พอจ ะมี ปัญญา เขามองเห็นเหมือนกันหมดว่า ทัก ษิ ณคนเดี ย ว คื อ ตั ว ปั ญหาของ


ประเทศ ที่ จะทํา ใหเ้ กิ ดความแตกรา้ ว ไม่ ส งบ ที่ จะทําใหป้ ระชาธิป ไตยอัน มี พระมหากษัตริย เ์ ป็ นประมุ ขล่ ม สลาย ที่ จ ะ ทํ า ใ ห ้ อ ง ค ์พ ร ะ ป ร ะ มุ ข เ สี่ ย ง ภยันตราย พู ดไ ป ทํ า ไ ม มี ผ มไ ม่ เ ชื่ อ ว่ า ทัก ษิ ณเป็ นตัว สร า้ งปั ญ หาทั้งหมด หรอก แต่ ท ก ั ษิ ณ เป็ นคนเทนํ ้ ามันใส่ กองไฟ ด ว้ ยการพู ด และการกระทํ า ของทัก ษิ ณ เอง ที่ วัน นี ้ อย่ า ง พรุ่ ง นี ้ อย่ า ง ไม่ อ ยู่ ก ะร่อ งกะรอย ขัด กัน เอง เป็ นประจํ า ที่ สํ า คัญ เมื่ อเขาสงสัย ว่ า ทั ก ษิ ณ กั บ พ ว ก ก ร ะ ทํ า ทุ จ ริ ต ผิ ด ก ฎ ห ม า ย ตั้ ง 30-40 เ รื่ อ ง แ ท น ที่ ้ ทัก ษิ ณ จะรับ ฟั ง และชี แจงด ว้ ยอ่ อ น น้อม กลับโมโหโกรธาเข ้าใส่ และปล่อย ์ ให ล ้ ู ก น้ อ งบ ริ ว า รสํ า แดงฤทธิ เดช อัน ธพาล ใช อ้ ํ า นาจเถื่ อนทํ า ลาย กลไกของเสรีภ าพและการตรวจสอบ ้ เสียจนหมดสิน ทัก ษิ ณมิ ใ ช่ ห รื อ ที่ เคยพู ด ว่ า "ประชาธิปไตยมิ ใช่เป้ าหมายของผม ประชา ธิ ป ไตย เป็ นเพี ยงเครื่ องมื อ เท่า นั้ น" เมื่ อทักษิ ณ กับ พวกเป็ นเสี ย เอง ทัก ษิ ณ มาพู ด ทีห ลัง ว่า จะปกป้ อง ประชาธิปไตยด ้วยชีวิต ใครเลยเขาจะ เชือ่ เขากลับจะยิ่งพาโลว่าใหส้ ละชีวิต

เสียเถอะ แล ้วประชาธิปไตยจะกลับคืน มาเอง ขณะนี ้ ตอนที่ ทัก ษิ ณไม่ อ ยู่ ใ น ประเทศ บรรดาบริ ว ารของทัก ษิ ณ ออกมาตีปลาหน้าไซว่ามีขา่ วลือหนา หู เ รื่ องทหารจะปฏิ ว ัติ ที แ รกก็ มี ค น เกรงว่ า ทั ก ษิ ณ จ ะใช เ้ พื่ อนเตรี ย ม ท ห า ร รุ่ น 10 ป ฏิ วั ติ เ สี ย เ อ ง แ ต่ ผู ้ สันทัดกรณี บอกว่า หลังจาก ผบ.ทบ. ย ้า ย ผู ้ บ ั ง คั บ ก อ ง พั น ค ร า ว ที่ แ ล ้ ว ทักษิ ณ หมดศักยภาพที่ จะปฏิ วต ั ิ หรื อ ป้ องกัน ปฏิ ว ต ั ิ ไ ด ้ จะทํา ได อ้ ย่ า งเดี ย ว คือแอบประกาศภาวะฉุ กเฉิ น ด ้ ว ย เ ท คโ นโ ล ยี ส มั ยใ ห ม่ เครือข่ายของโทรคมนาคม และความ เ ติ บ ก ล ้ า ท า ง ปั ญ ญ า ข อ ง ภ า ค ประชาชน ไม่ ว่ า ที่ ไหนในโลกนี ้ ไม่ มี ใครเขากลัวหรือยอมแพ้การประกาศ ภาวะฉุ กเฉิ นอี ก แล ว้ ยิ่ งนั ก สู ผ ้ ูก ้ ล า้ แนวหน้า ประชาธิ ป ไตยของไทย ได ้ ้ ้วครังเล่ ้ าว่าเขาไม่เป็ นรอง พิสูจน์ครังแล ใคร ทักษิ ณจะไดอ้ ่า นบทความเรื่อง ทหารกับประชาธิปไตยของท่านทูตสุ รพงษ ห ์ รื อ เปล่ า ไม่ ท ราบ การปฏิ ว ัติ ประชาธิป ไตยของโปรตุเ กสสํ า เร็ จได ้ ด ว้ ยกอง ทั พ ทํ า ให โ้ ปรตุ เ กสเป็ น ประชาธิ ป ไตย และเกิ ด อานิ สงส ถ ์ ึง

ราชประชาสมาสัย

53


สเปนและกรีกใหต้ ่อสูไ้ ด ้ประชาธิปไตย มาดว้ ย กลายเป็ นองค ์ประกอบทํา ให ้ ้ นํ าไปสู่ จุ ด สหภาพยุโรปเข ้มแข็ง ขึน จบของระบอบคอมมิ วนิ สต ์ในสหภาพ โซเวียตและยุโรปตะวันออกในที่สุด ผมทราบว่ า บรรดาผู น ้ ํ าทหาร ของเราพากัน สนใจอ่ า น เรื่ อง The Armed Forces Movement ของ โปรตุ เ กสกัน อยู่ ผมทราบว่ า ทหาร สะเทือนใจกับการเมืองที่แทรกแซงการ ้ ้ ่ แต่งตังโยกย า้ ยเป็ นที่สุด รวมทังการที ตํารวจปฏิบต ั ิ กบ ั ผูต้ ้องหาคาร ์บอมบ ์ที่ ้ ญ ญาบัต รเยี่ ยง เป็ นนายทหารชันสั ้ ้ ้ อาชญากรชันเลวอี ก ดว้ ย ทังหมดนี ไม่เป็ นผลดีกบ ั ทักษิณเลย แ ต่ ผ ม ค งไ ม่ ยิ น ดี ที่ ท ห า ร จ ะ ปฏิ ว ัติ ผมอยากจะเห็ น ประเทศไทย

54

ราชประชาสมาสัย

แสดงวุ ฒิ ภ าวะ และหาทางออกที่ นุ่ ม น ว ล แ น บ เ นี ย น ก ว่ า นั้ น ยั ง มี ทางเลือกอยู่อีกหลายทาง ทางที่ ดีท่ี สุดเป็ น best case scenario คือทักษิณลาออกไปเสียดีๆ ถ า้ ผมมี อํ า นาจบัง คับได ้ ผมจะ บังคับให ้ทักษิณลาออก ลาออกเสียเถอะ ลาออกเสียดีๆ อย่าให ้ถึงต ้องบังคับกันเลย เคยได ย ้ ิ น ผู ใ้ หญ่ ส อนไหมว่ า อย่ า อวดเก่ง ขืนฟ้ า อย่ า กวดกล า้ ข่ม ดิน ไ ม่ มี อํ า น า จใ ด จ ะ ต ้า น ท า น อํานาจประชาชนได ้ดอก***


พระราชอานาจพิเศษของกษั ตริย์นอก และเหนื อ รั ฐ ธรรมนู ญ ในทั ศ นะของ จอห์น ล็อค เรียบเรียงจาก The Extraconstitutionality of Lockean Prerogative ของ Ross J. Corbett โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ หมายเหตุ​ุ : John Locke หรือ ล็ อค คือปรัชญาเมธีเอกชาวอังกฤษ (1632-1704) ความคิดหรือหนังสือ ข อ ง ล็ อ คไ ด ้ก ล า ย เ ป็ น ท ฤ ษ ฎี เ ส รี ประชาธิ ป ไตยและสิ ท ธิ เ สรี ภ าพที่ มี อิทธิพลที่สุดในการเมืองสหรัฐอเมริกา ่ อังกฤษ และฝรังเศส (๑) บุคคลจะยอมรับ ความชอบธรรมของ การกระทํานอกกฎหมายมิได ้ เวน้ แต่ ว่ า ความยึ ด มั่นในหลัก การกระทํ า ที่ ชอบธรรมสอดคลอ้ งกับกฎหมายนั้ น อ่อนแอลง แต่จอห ์น ล็อค กลับกระทํา

เช่นนั้นอย่างชัดแจ ้ง เขาอ ้างในหนังสือ ชือ่ Two Treatises of Government ์ ว่า กษัตริ ย ์มี สิทธิ ตามกฎหมาย

่ ธรรมชาติทวไป ั่ (II/159) ที จะ ่ กระท าอะไรก็ ไ ด้เ พื อประโยชน์ ของสังคม โดยไม่ตอ้ งมีกฎหมาย ่ ด รองรับ หรื อ แม้ก ระทังข ั กับ กฎหมาย มีคําถามว่า ทําไมจึงต ้องมี อํานาจดังกล่าว และอํานาจนั้ นเป็ น อย่างไร ในประเทศประชาธิปไตย

ระยะหลังๆ นี ้ นั กวิชาการให ้ ความสนใจกับทฤษฎี พระราชอํานาจ ้ ซึงก็ ่ ไม่น่าจะ พิเศษของล็ อคมากขึน แปลกใจ เพราะสงครามก่อการรา้ ย

ราชประชาสมาสัย

55


จํา ต อ้ งมี ม าตรการตอบโต พ ้ ิ เ ศษกว่ า ธรรมดา การอภิปรายความเป็ นไปได ้ ของเรื่ องนี ้ เพี ย งแต่ เ ริ่ มก็ อ ด กระทบกระเทือนหลักการปกครองโดย กฎหมายมิ ได ้ เป็ นคําถามที่ ทฤษฎี การเมื องปั จจุบน ั ยากที่จะตอบ ล็ อค ้ กเสรี นิ ยม นั้ นเป็ นทังนั และเป็ นทัง้ ผูเ้ ขีย นถึงความชอบธรรมนอกเหนื อ ้ กฎหมาย ทังสองอย่ า งนี ้ ขัดกัน เอง ดัง นั้ นการกลับ มาศึ ก ษาเรื่ องล็ อ คจึ ง เป็ นเรื่ องที่ เข ้าใจไดแ้ ละสอดคล อ้ งกับ กาลเวลา อย่ า งไรก็ ตาม มี ความเห็ น ที่ ขัด แ ย ง้ กั น เ กี่ ย ว กั บ ค ว า ม หม า ย ที่ แท จ้ ริ ง ของทฤษฏี อํ า นาจพิ เ ศษของ ล็อค ทัศนะหนึ่ ง มีบุคคลจํานวนมาก เห็ นว่าอํานาจพิ เศษมีอยู่ในโครงสรา้ ง ของรัฐธรรมนู ญอยู่แลว้ เช่น การใช ้ อํ า นา จของฝ่ า ย บ ริ ห า รที่ เกิ น เล ย ขอบเขตของกฎหมาย แต่อีกทัศนะ ้ เ้ ขียน เชือว่ ่ า หนึ่ ง หลายคนรวมทังผู อํา นาจพิ เศษที่ ล็ อคกล่ า วถึ งนี ้ อยู่ นอกเหนื อโครงสร า้ งของรัฐ ธรรมนู ญ ้ อย่ า งสิ นเชิ ง ความขัด แย ง้ เรื่ องนี ้ ้ ขึนอยู ่ กบ ั ว่าใครจะเป็ นผูต้ ด ั สิน และ ควบคุมการใช ้อํานาจพิเศษ หรืออีก นัยหนึ่ ง คือ คําถามถึงที่มาว่าอํานาจ พิ เศ ษ นั้ นป ระชา ชนเ ป็ นผู ้ม อบใ ห ้ หรือว่า (มีอยู่แลว้ ) เป็ นองค ์ประกอบ

56

ราชประชาสมาสัย

ของกฎหมายธรรมชาติ สําหรับนั ก รัฐธรรมนู ญ มี ความเห็ นว่าอํา นาจ พิ เศษ ควบคุมโดยสภานิ ติบญ ั ญัติ คณะรัฐมนตรี หรือองค ์กรการเมืองอัน ใดอัน หนึ่ ง สามารถบรรจุไ ว ใ้ น รัฐ ธรรมนู ญที่ เขี ย นอย่ า งดี ร องรั บ สถานการณ์ได ้ทุกอย่าง แต่สําหรับผู ้ เชื่อในทฤษฎี พ ระราชอํ า นาจพิ เ ศษ น อ ก แ ล ะ เ ห นื อ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ อ ย่ า ง ผู เ้ ขีย น เห็ น ว่ า อํ า นาจพิ เ ศษนี ้ ไม่ สามารถควบคุมไดภ ้ ายในสถาบันใดๆ (ของ) รัฐบาล ต ้องยกไวต้ ่างหาก แต่ ้ เพื่ อมิ ใหท้ ําลายหลักกฎหมายทังหมด ประชาชนต อ้ งใจถึ ง และควบคุ ม ดู แ ล อย่างแข็งขัน การหันไปพึ่งการกระทํา นอกและเหนื ออํานาจรัฐธรรมนู ญนั้ น ในทางทฤษฏี เห็ นว่าจําเป็ น และจะ กระทํ า ได โ้ ดยบุ ค คลที่ อยู่ น อกและ เหนื อกว่ารัฐธรรมนู ญเท่านั้น ในความขัด แย ง้ เกี่ ยวกับ การ ตีความทฤษฎีของล็ อค บทความนี ้ สนั บ สนุ นทัศ นะที่ สอง ผู เ้ ขีย นจะ ดํ า เ นิ น ต่ อไ ป ด ้ว ย ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห ์ ความหมายของพลความในวรรคต่างๆ ที่ ก ล่ า ว ถึ ง พ ร ะ ร า ช อํ า น า จ พิ เ ศ ษ ้ า prerogative หรือ ผูเ้ ขียนขอยําว่ พระราชอํานาจพิเศษต่างกับและมิ ใช่ อํ า น า จ ข อ ง ฝ่ า ย บ ริ ห า ร ห รื อ executive power อํ า น า จ ฝ่ า ย


บริ ห ารคื อ การบัง คับใช ้ (ให เ้ ป็ นไป ตาม) กฎหมายเท่ า นั้ น ไม่ มี อะไร มากกว่านั้น ล็ อคมิได ้กํากวมในเรื่องนี ้ เลย และเขาก็มิได ้โมเมขยายขอบเขต อํ า นาจของฝ่ ายบริ ห ารไปถึ ง อํ า นาจ พิ เ ศษหรื อ พระราชอํ า นาจ อย่ า งไรก็ ตาม ล็ อ คยัง เบลออยู่ ใ นข อ้ แตกต่ า ง ้ ระหว่า งทังสอง โดยเผลอมอบอํา นาจ หน้ า ที่ ในอํ า นา จ พิ เศ ษให ก ้ ั บ ฝ่ า ย บริหารบา้ ง แต่คําอธิบายของเขาก็ ยงั ้ ยืนยันว่าอํานาจทังสองมี ขอบเขตและ ที่ มาต่ า งกั น ฝ่ ายบริ ห ารเป็ นผู ใ้ ช ้ อํ า น า จ ก า ร เ มื อ ง ห รื อ อ า น า จ

บ ริ ห า ร เ ป็ น อ า น า จ ก า ร เ มื อ ง ในขณะที ่พระราชอ านาจเป็ น อ า น า จ ข อ ง ม นุ ษ ย ์ ที ่ จ ะ ใ ช้ กฎหมายธรรมชาติ ดัง นั้ น จึ ง มี ส ถ า น ะ ตั ง้ อ ยู ่ น อ ก เ ห นื อ ก า ร ควบคุมของรัฐธรรมนู ญ เ ห ตุ ที่ จ า ต้ อ ง มี พ ร ะ ร า ช อานาจพิเศษ ล็ อ คให เ้ หตุ ผ ล 2 ข อ้ ว่ า ทํ า ไม ้ กฎหมาย (ที่ มี อ ยู่ ห รื อ ที่ จะเขี ย นขึ น ใหม่ ) จึ งไม่ เพี ย งพอที่ จ ะรั บใช ท ้ ุก วัตถุประสงค ์ทางการเมือง จําต ้องเสริม ด ้วย prerogative หรืออํานาจพิเศษ เหตุผลแรกก็ คือความไม่สมบูรณ์ของ ฝ่ ายนิ ติบญ ั ญัติแมจ้ ะมี องค ์กรพัฒนา

้ ้เป็ นเพราะสภา ที่สุดเพียงใดก็ตาม ทังนี มิไดม้ ีอยู่เป็ นประจํา และแยกออกจาก ้ ส มาชิกมากมาย ฝ่ ายบริหาร กับ ทังมี มิ ใ ช่ มี ผู ้ แ ท น แ ค่ ห นึ่ ง เ ดี ย ว ด ้ว ย ลักษณะดังกล่ า วของฝ่ ายนิ ติบ ญ ั ญัติ ล็ อ ค จึ งก ล่ า ว ว่ า ไ ม่ จํ า เ ป็ น ที่ ส ภ า จะต อ้ งอยู่ ใ นสมัย ประชุม ตลอดกาล สภาอยากออกกฎหมายอะไรก็ อ อก เสร็จแลว้ ก็ปิดประชุม ใหผ ้ ูแ้ ทนทุกคน ออกไปอยู่ ภ ายใต ก ้ ฎหมายนั้ นๆ (II 143 II 153) ยิ่ งกว่ า นั้ น หากสภา ้ ปี แล ว้ ปี จะต อ้ งประชุม อยู่ ต ลอดทังปี เล่ า ก็ ย่ อ มจะเป็ นภาระแก่ ป ระชาชน อย่ า งหนั ก (II 153 II 156) สิ ท ธิ แ ละ ความมั่นคงในทรัพย ์สินของประชาชน แม จ้ ะอยู่ ภ ายใต ฝ ้ ่ ายนิ ติ บ ญ ั ญัติ ห รื อ ภายใต ส้ มบู ร ณาญาสิ ท ธิ ร าชย ก์ ็ ไ ม่ ต่างอะไรกัน (II 138) ด ้วยเหตุผลดังนี ้ สภ า นิ ติ บั ญ ญั ติ จึ งส ม ค ว ร ยุ บ บ ้า ง ปฏิรูปบา้ งสลับกันไปตามความจําเป็ น ในประเทศที่ พัฒ นาดี แ ล ว้ สภานิ ติ บัญ ญัติ แ ยกออกจากฝ่ ายบริ ห าร(II 143, II 159) ด ว้ ยเหตุผ ลนี ้ ฝ่ ายนิ ติ บัญ ญัติ จึ ง ต อ้ งเป็ นสภา เพราะหาก เป็ นแค่บุคคลเดียวแลว้ เมื่ อผูน ้ ้ั นตาย ฝ่ ายนิ ติบญ ั ญัติก็หมดไปด ้วย (II 153 cf. II 143, II 153-157) ด ว้ ยลัก ษณะข ้างต น ้ แม น ้ ฝ่ าย นิ ติ บ ัญ ญัติ ท่ี จัด ตั้งดี ท่ี สุ ด ก็ ย ัง จะมี

ราชประชาสมาสัย

57


ความขาดตกบกพร่อ งในกฎหมายที่ เ ส น อใ ห ้ เ ป็ น ห ลั ก ป ก ค ร อ ง ด ้ ว ย กฎหมายดัง กล่ า วมาแล ว้ ในระบบ รัฐ บาลเช่ น นี ้ จึ ง จํ า เป็ น “จะต อ้ งมี ค ว า ม ยื ด ห ยุ่ น เ ห ลื อไ ว ้ใ ห ้อํ า น า จ บริหาร เพื่ อเลือกปฏิบต ั ิการบางอย่าง ที่กฎหมายมิได ้กําหนดไว”้ เพราะฝ่ าย นิ ติบ ญ ั ญัติมิ ไดป้ ระชุม เป็ นประจํา อยู่ ตลอดไป และผู แ้ ทนก็ มี จํ า นวนมาก เ กิ นไ ป ย า ก ที่ “ ป ฏิ บั ติ ก า ร อ ย่ า ง ทันท่วงทีในสิ่งที่จําเป็ น” ได ้ (II 160) ปั ญ หาพื ้นฐานเรื่ องหลัก การ ปกครองดว้ ยกฎหมายยังมี มากกว่า นี ้ คํา วิ จ ารณ์ข ้างบนนั้ นเป็ นเรื่องเฉพาะ ของรัฐบาลที่กล่าวถึงเท่านั้น (II 160) ปั ญ หาดัง กล่ า วจึ ง เป็ นเพี ย งปั ญ หา ้ จําเพาะโครงสร ้าง เขียนขึนมาก็ เพราะ ล็ อ ค (หรื อ พวกวิ ก ส ์ Whigs ทั่วไป) ปรารถนาที่ จะป้ องกัน อัน ตรายของ อํานาจเบ็ ดเสร็ จ ดว้ ยการใหส้ ภาออก กฎหมายใหก้ ษัตริย ์รับไปปฏิบต ั ิและจะ ปฏิบต ั ิเกินเลยหรือใช ้อํานาจเกินกว่า ที่ กฎหมายนั้ นกํ า หนดมิ ได ้ ความ บกพร่ อ งขาดเหลื อ (ของกฎหมาย) ในหลัก การปกครองด ว้ ยกฎหมายนี ้ อ า จ คิ ด ห า ท า ง แ ก ้ไ ขไ ด ้ด ้ว ย ก า ร เ ส า ะ ห า ส ถ า บั น ขึ ้น ม า ต ร ว จ ส อ บ อํานาจเด็ ดขาดดังกล่าว สถาบันหรือ บุ ค คลที่ ว่ า จะต อ้ งไม่ ถู ก จํ า กัด ด ว้ ย

58

ราชประชาสมาสัย

ความยุ่งยากที่บรรยายมา อันเป็ นผล ต่ อ เ นื่ อ ง ม า จ า ก วิ ธี อ อ ก ก ฎ ห ม า ย ดัง กล่ า วมาแล ว้ ถึ ง กระนั้ น ก็ ยั ง มี จุ ด อ่ อ น เ พิ่ ม ขึ ้ น ม า อี ก เ กี่ ย ว กั บ ธรรมชาติของกฎหมายโดยตรง ล็ อ คเขีย นว่ า มี ห ลายสิ่ งหลาย อย่ า ง ที่ กฎหมายไม่ มี ท างเขีย นไว ไ้ ด ้ หมด (II 159) นี่ คื อ ความขาดเหลื อ สํ า คัญ ของระบบการปกครองด ว้ ย กฎหมาย ในการกํ า เนิ ดหรื อ เริ่ มต น ้ ของทุ ก กฎหมายหรื อ หลัก rule of law เพราะการเริ่ มต น ้ เป็ นเช่ น นั้ น ตรรกะเรื่องความเป็ นเอกของฝ่ ายนิ ติ บัญ ญัติ (legislative supremacy) จึงถูกโจมตีได ้ ล็ อคขยายความต่อไป ว่า กฎหมายส่วนใหญ่ลว้ นถูกออกมา เพื่ อจํ า กัด (อํา นาจใช ้) ดุล พิ นิ จของ ฝ่ ายบริ ห าร (II 162) เมื่ อล็ อ คแสดง ทัศ นะมาถึ ง จุ ด นี ้ เขายัง รับ ว่ า อํา นาจ กษั ต ริ ย ม ์ าจากกฎหมาย (II 151152) อันเป็ นผลและความจําเป็ นของ ความเป็ นเอกของอํา นาจนิ ติบ ญ ั ญัติ แต่ ใ นกรณี นอกเหนื อจากนี ้ กษัต ริ ย ์ ยังมี พระราชอํานาจที่มาจากแหล่งอื่น นอกจ า กก ฎ หม า ย ที่ ว่ า ม า ดั ง นั้ น ้ บ ฝ่ าย อํ า นาจดัง กล่ า วจึ งไม่ ต อ้ งขึนกั นิ ติบ ญ ั ญัติ กล่ า วนั ย หนึ่ ง อํา นาจนิ ติ บั ญ ญั ติ ย่ อ ม เ ป็ น เ อ ก เ มื่ อ อํ า น า จ ้ ้ ทังหลายเกิ ดขึนมาจากกฎหมาย และ


อีกนั ยหนึ่ ง ยังมี อํานาจที่มิ ไดเ้ กิดจาก กฎหมายอยู่ ดังนั้ นอํานาจนิ ติบญ ั ญัติ จึ ง ถู ก ส อ บ ถ า ม ท ้ า ท า ย ใ น เ มื่ อ กฎหมายคื อ ข อ้ จํ า กัด อํ า นาจของ กษัต ริ ย ์ ดัง นั้ นอํ า นาจของกษัต ริ ย จ์ ึ ง ตอ้ งมาจากแหล่งอื่น นั่ นก็ คือ กษัตริย ์ ้ั มซึง สามารถใช ้อํานาจที่มี อยู่แต่ดงเดิ ่ บรองว่ากษัตริย ์ไม่ มาจากปวงชน ซึงรั ผิ ดในการอ า้ งอํ า นาจพิ เ ศษที่ แท จ้ ริ ง ดั้ ง เ ดิ ม (II 163) ซึ่ ง ณ ที่ นี ้ ้ หมายความว่ากษัตริย ์มิได ้เกิดขึนจาก อํ า นา จ นิ ติ บ ั ญ ญั ติ แต่ อํ า นา จนิ ติ ้ ่ อจะจํ า กัด อํ า นาจ บัญ ญัติ เ กิ ด ขึนเพื ้ ม ของกษัต ริ ย ต์ ่า งหาก พู ด ง่า ยๆ ดังเดิ กฎหมายเป็ นตัวจํากัด มิใช่ตวั ส่งเสริม อํา นาจกษัต ริ ย ์ ดัง นั้ น จึ งไม่ มี เ หตุผ ล ใดๆที่ จะถามว่ า กฎหมายนั้ นจะแทน ้ อํา นาจทังหมดเกิ นจากที่ตนจํากัดได ้ หรือไม่ ล็ อคก็มิไดต้ อบเลยว่าได ้ แทท้ ่ี จริ ง ล็ อ คให เ้ หตุ ผ ลที่ หนั ก แน่ นว่ า ไม่ ควรปล่ อ ยให อ้ ํ า นาจการปกครองที่ อ่อนแอนั้ นเป็ นไปตามชะตากรรมโดย ปราศจากความช่วยเหลือของหลักอีก อย่ า งหนึ่ ง นี่ คื อหลัก วิ พ ากษ ส์ ํ า คัญ ที่ อยู่ ใ นความสนใจของเราโดยตลอด ่ เ้ ขียนกําลังจะสาธยายต่อไป ซึงผู ล็อคบอกว่า การสรา้ งกฎหมาย จะต ้องมีสายตาไกล แต่บรรดาผูแ้ ทน” จ ะ มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ที่ จ ะ ม อ ง เ ห็ น

ล่ ว ง ห น้ า ห รื อ ส ร ้ า ง ส ร ร ค ์ ส่ิ ง ที่ มี ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ บ ้า น เ มื อ ง ล งไ ป ใ น กฎหมายหาได ไ้ ม่ ” (II 159) ล็ อค ้ น นี ้ อีกในบทต่อไปว่ า “มัน กล่ า วยํ าเช่ เป็ นไปไม่ ไดท ้ ่ีจะมองเห็ น ล่ว งหน้าและ กําหนดลงไปในกฎหมายเผื่ออุบต ั ิเหตุ ห รื อ ค ว า ม จํ า เ ป็ น ที่ จ ะ เ กิ ด ขึ ้นใ น อนาคตที่ เป็ นปั ญ หาของประชาชน” (II 160; cf II 156, II 167) แน่ นอน เราสามารถทํา นายอนาคตและสร า้ ง กฎไว ค ้ วบคุ ม หลายสิ่ งหลายอย่ า งได ้ แต่อ ย่ า ลื ม ว่ า จะรวบเอาทุ ก สิ่ งมาอยู่ ใต ้กฎหมายเดียวกันหมดได ้ก็ต่อเมื่อมี ความสามารถที่ จะมองเห็ น อนาคต ล่วงหน้าเกือบทุกอย่าง ถึงแมจ้ ะจํากัด อยู่ เฉพาะ ”สิ่ งที่สํ า คัญ ทางการเมื อง” ก็เกินจะคาดหวังความสามารถเช่นนั้น ได ้จากสมองธรรมดาของมนุ ษย ์ การขาดความสามารถที่จะเห็ น ล่ ว งหน้ า คื อ กุ ญ แจที่ ล็ อคไขเข า้ ไป ขย า ย ข อ บ เข ต ข อ ง prerogative หรืออํานาจพิ เศษ เมื่ อล็ อคพูดถึงการ ขาดสายตาไกล เขาก็ อธิบ ายสาเหตุ ของมันดว้ ย และสาเหตุเช่น นี ้แหละที่ เป็ นจุดพลิกกลับของมาสู่หนังสือส่วน ที่ ส อ ง คื อ The Second Treatise ล็ อ คบอกว่ า เราไม่ ส ามารถมี ท ัศ นะ ญ า ณ ล่ ว ง ห น้ า ก็ เ พ ร า ะ ค ว า ม เปลี่ ยนแปลงของสรรพสิ่ งทุ ก ขณะ

ราชประชาสมาสัย

59


ทุ ก อย่ า งในโลกนี ้ ล ว้ นแต่ เ ป็ นอนิ จจัง ไม่ มี ส่ิ งหนึ่ งสิ่ งใดที่ อยู่ ใ นสภาพหรื อ ฐานะเดิ ม อย่ า งยื น ยง ดั ง นั้ น ผู ค ้ น เศรษฐีการคา้ ขาย และอํา นาจ ต่า งก็ เ ป ลี่ ย นไ ป จ า ก ที่ เ ดิ ม เ ส ม อ น ค ร ที่ รุ่ ง เ รื อ ง ก ร ะ เ ดื่ อ ง อํ า น า จ ล่ ม ส ล า ย กล า ย เป็ นแ หล่ ง ที่ ผุ พั ง ถู ก ทอ ดทิ ้ ง ในขณะที่ ไม่ เ คยมี ค นอยากไปกลับ กลายเป็ นประเทศที่ ประชากรเนื อง ่ ่ารวย (II 157) แน่ นและมั่งคังรํ นี่ คื อค ว า ม จ ริ ง ขอ งส ร รพ สิ่ ง มิ ใ ช่ จํ า เ พ า ะ สิ่ ง ที่ พู ด ถึ ง เ ท่ า นั้ น ตัว อย่ า งที่ ยกมาแสดงให เ้ ห็ น ถึ ง การ เปลี่ ยนแปลงทางการเมื อ งที่ สํ า คัญ ล็ อ คเตื อ นว่ า ความเคารพยึ ด มั่นใน กฎหมายที่ผุ พงั ไรเ้ หตุผลแลว้ ย่อมจะ นํ า ม า สู่ ” ค ว า ม บ ้า บั ด ซ บ ” เ ช่ น ตัว อย่ า งของเมื อ งที่ เสื่ อมโทรมเน่ า เหม็ น หลายแห่ ง ของอัง กฤษ แย่ ก ว่ า ้ เ้ ห็ น นั้น ภายใตร้ ะบบที่ล็ อคยกมาชีให ก่อนการเปลี่ ยนแปลงนี ้ “คือความคิด ว่ า ความล ม ้ เหลวทั้งปวงไม่ ส ามารถ แ ก ้ ไ ขไ ด ้ ” (II 157) ดั ง นั้ น เ มื่ อ กฎหมายไม่ สามารถปกครอง ล็ อคจึ ง แนะนํ า และสนั บสนุ นอํา นาจนอกและ เ ห นื อ ก ฎ ห ม า ย ว่ า เ ห ม า ะ ส ม ที่ จ ะ นํ ามาใช ้แก ้ความบกพร่องดังกล่าว

60

ราชประชาสมาสัย

(๒) นิ ยาม Prerogative ก ันใหม่ Prerogative ในความหมาย ้ มได แ้ ก่ สิ ท ธิ ข องกษัต ริ ย ์ ล็ อ ค ดังเดิ รักษาคําของพวกปฏิปักษก์ ษัตริย ์นี ้ไว ้ แต่ เ ปลี่ ยนคํ า นิ ยามให ใ้ หม่ ห มด เขา ้ เ้ ห็ นความพิ สดารของคํานิ ยามที่ ชีให เ ข า ใ ห ้ “ กั บ สิ่ ง ที่ เ รี ย ก ว่ า prerogative” (II 160) มิ ใช่ ว่ า ทุ ก สิ่ งที่ เรี ย กว่ า prerogative จะเป็ น prerogative หรืออํานาจพิเศษจริงๆ เช่น นั้ นแล ว้ ล็ อคหมายความอย่ า งไร กั น แ น่ กั บ คํ า นี ้ ล็ อ ค นิ ย า ม คํ า ว่ า prerogative นี ้ 5 ค รั้ ง แ ล ะ ทั้ ง 5 ค รั้ ง เ ข า พู ด ถึ ง prerogative นั้ น และ prerogative นี ้ ดังนั้ นจึงจําเป็ น ที่เราจะต ้องตรวจสอบคํานิ ยามนั้นและ นี ้ของเขาอย่างรอบคอบ คํานิ ยามแรกของล็ อคตามหลัง ติดมากับข ้อความที่เขาบอกว่าสรรพ ้ สิ่ งทังหลายล ว้ นแต่เป็ นอนิ จ จังและอยู่ ใ น ภ า ว ะ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง เ รื่ อ ย ๆ prerogative จึงมิใช่อะไรมากไปกว่า อํ า นาจในมื อ ของกษั ต ริ ย ท ์ ่ี จะทํ า ให ้ เกิดผลดีแ ก่ป ระชาชน ในกรณี ต่า งๆ แลว้ แต่ว่าจะเกิดสิ่ งไม่ แน่ นอนที่มองไม่ เห็ นล่วงหน้า หากกฎหมายที่มี อยู่และ เปลี่ยนแปลงมิ ไดไ้ ม่สามารถนํ าความ


ปลอดภัย อะไรก็ได ้ที่จะทําใหเ้ กิดผลดี กับ ประชาชนอย่ า งชัด แจ ง้ และจับ รั ฐ บ า ลใ ห ้ต ้ั ง อ ยู่ บ น ค ว า ม ถู ก ต ้อ ง นั่ นก็ คื อ และเป็ นอํ า นาจพิ เ ศษหรื อ prerogative ที่เที่ยงธรรม (II 158) ่ นคําแรกที่ คํานิ ยามที่สอง (ซึงเป็ ปรากฏในบทว่าด ้วยอํานาจพิเศษ ”Of Prerogative”) มี ค ว า ม ว่ า ดั ง นี ้ “อํานาจที่จะปฏิบต ั ิการได ้ตามดุลพินิจ เพื่ อประโยชน์ของประชาชน ถึงแมว้ ่า จ ะ ไ ม่ มี ก ฎ ห ม า ย บั ญ ญั ติ ไ ว ้ ห รื อ ้ ขด แม ก ้ ระทั่งบางครังก็ ั กับ กฎหมายมี อยู่ นี่ แหละที่ เรี ย กว่ า อํ า นาจพิ เ ศษ ของกษั ต ริ ย ”์ (II 160) อี ก สี่ หมวด ต่ อ ม า ล็ อ ค ก็ ใ ห ้คํ า นิ ย า ม อี ก ว่ า “Prerogative หรืออํา นาจพิ เศษ ไม่ มี อ ะ ไ ร ม า ก ก ว่ า ก า ร ที่ ป ร ะ ช า ช น อนุ ญาตให ก ้ ษั ต ริ ย ท ์ ํ า อะไรหลายๆ อย่ า งไดโ้ ดยเสรี ในเมื่ อไม่ มี กฎหมาย ่ ดกฎหมาย บัญญัติไว ้ หรือแมก้ ระทังขั ที่ เขี ย นไว ก ้ ็ ได ้ เพื่ อประโยชน์ ข อง ประชาชน เมื่ อกษัต ริ ย ก์ ระทํ า ดั่งนั้ น ประชาชนก็ยอมรับโดยสงบ” (II 164) คํานิ ยามสุดท ้ายที่ล็ อคพูดถึงอีกในบท ว่ า ด ว้ ยอํ า นาจพิ เ ศษ ก็ คื อ “อํ า นาจ พิ เ ศษมิ ใ ช่อ ะไรนอกจากอํ า นาจที่ จะ ทํ า ประโยชน์ใ ห ป ้ ระชาชนโดยไม่ มี กฎหมาย (II 166) ในที่ สุ ด ในท า้ ย บทที่ ว่ า ด ว้ ยทรราชย ห ์ รื อ tyranny

ล็อคกล่าวว่า “อํานาจที่จะกระทําตาม อําเภอใจที่มอบไว ใ้ นมื อกษัตริย ์นั้ น มี ไวเ้ พื่อกระทําความดี มิใช่ทําอันตราย ให ้กับประชาชน (II 210) เ ร า จ ะ เ ห็ นไ ด ้ท ั น ที ว่ า ทุ ก คํ า นิ ยาม มี อยู่ 2 อย่ า งที่ คงที่ อยู่ โ ดย ตลอด จนเราสามารถกล่ า วไดว้ ่า ทัง้ 2 อย่างนี ้นั้ นรวมตัวกันเป็ นคุณสมบัติ ห ลั ก ข อ ง prerogative นั่ น ก็ คื อ หนึ่ ง อํานาจนั้นจะตอ้ งเป็ นอํานาจที่จะ ทํ า ประโยชน์ใ ห ป ้ ระชาชน และต อ้ ง จํากัดอยู่กบ ั ประโยชน์น้ันๆ ความจงใจ ฝ่ า ฝื น น อ ก ค อ ก ก า ร ก ร ะ ทํ า ห รื อ อํ า น า จ นั้ น ๆ ก็ มิ ใ ช่ prerogative เสี ย แต่แรกแล ว้ (II 166) หากการ ยึดถือกฎหมายธรรมชาติเป็ นส่วนหนึ่ ง ใน อํ า น า จ นิ ติ บ ั ญ ญั ติ (cf II 134) การยึ ด ถื อ กฎหมายธรรมชาติ แ ละ การเมื อ งก็ เ ป็ นส่ ว นหนึ่ งในคํ า นิ ยาม ของ prerogative เช่น เดี ย วกัน (II 159) และสาระของทัง้ 2 อย่ า งนี ้ ก็ เหมื อนกัน นั่ นก็ คือรักษาความมั่นคง ดํารงอยู่ของสังคม และถา้ เป็ นไปได ้ ก็ รวมถึ ง ทุ ก สิ่ งทุ ก อย่ า งที่ มี อ ยู่ ใ นสัง คม นั้ นๆ และนี่ ก็ คือความหมายของคําว่า public good ห รื อ ป ร ะ โ ย ช น์ (สาธารณะ) ของประชาชน ผู ใ้ ช ้ อํ า น า จ prerogative เ ค า ร พ กฎหมายธรรมชาติ อ ัน เดี ย วกัน กับ

ราชประชาสมาสัย

61


ฝ่ ายนิ ติ บ ญ ั ญัติ แต่ทํา งานไปสู่ ความ มุ่ ง หมายด ว้ ยวิ ธี ก ารที่ นิ ติ บ ญ ั ญัติ ถูก หา้ มมิใหก้ ระทํา (cf II 136) ประการ ที่ ส อ ง prerogative ห รื อ พ ระ ร า ช ้ อํ า นาจหรื อ อํ า นาจพิ เ ศษมิ ไ ด ข ้ ึนอยู ่ กั บ บ ท บั ญ ญั ติ ข อ ง ก ฎ ห ม า ย Prerogative เป็ นอํา นาจพิ เศษที่ อยู่ เหนื อและนอกกฎหมาย ที่ อํ า นวยให ้ กษั ต ริ ย ส์ ามารถกระทํ า ในสิ่ งที่ ไม่ มี ก ฎ ห ม า ย บั ญ ญั ติ ห รื อ ขั ด กั บ ที่ กฎหมายบัญญัติไว ้ก็ได ้ ้ ทังสองแง่ นี้ แต่ ล ะแง่ ใ นตัว ของ มั น เ อ ง ก็ ยั ง ทํ า ใ ห ้ เ ร า ต ้ อ ง ก า ร คํ า อ ธิ บ า ย ม า ก ขึ ้น เ พื่ อ ทํ า ค ว า ม กระจ่างว่า ล็ อคหมายความว่า อย่ างไร เ ร า ต ้ อ ง หั น ไ ป ห า ตั ว อ ย่ า ง prerogative ที่ ล็ อคย กขึ ้นม า อ า้ ง ทั้งหมดมี อ ยู่ 5 ตัว อย่ า งด ว้ ยกัน (II 156, II 158, II 159 x 2, II 167) แต่ ต วั อย่ า งที่ 1 กับ ที่ 5 คล า้ ยจนจะ เหมื อนกันทีเดียว อาจสงเคราะห ์เป็ น ตัวอย่างเดียวได ้ ล็ อ ค เ ริ่ ม ต ้น อ ย่ า ง ค่ อ น ข า้ ง ระมัดระวังว่าการเปิ ดประชุมสภาเมื่อมี ความจํา เป็ นเป็ นการใช ้อํานาจพิ เศษ ต่ า งกับ การเปิ ดประชุ ม ตามวาระที่ กํ า ห น ดไ ว ้ ใ น ก ฎ ห ม า ย ก่ อ น จ ะ ยกตัวอย่างนี ้ ล็อคอธิบายว่าการเรียก

62

ราชประชาสมาสัย

ประชุมสภาเป็ นหน้าที่รับผิ ดชอบของ ฝ่ ายบริ ห าร ซึ่งทํ า ให ด ้ ู เ หมื อ นว่ า นั่ น เป็ นการใช ้อํ า นาจธรรมดาทั่วไปของ ฝ่ ายบริหาร (II 154-155) ผูเ้ ขียนใคร่ ตรวจดูว่าล็ อคว่าอย่างไรก่อนจะไปถึง การยกตัวอย่างจริงๆ เพื่ อจะไดเ้ ข ้าใจ คําอธิบายนั้นแต่ต ้น แต่ก่อนฝ่ ายบริหารมี หน้าที่สั่ง เปิ ดประชุ ม ฝ่ ายนิ ติ บ ัญ ญัติ เ ท่ า นั้ น หากรัฐ ธรรมนู ญกํ า หนดเวลาสมัย ประชุมไว ้ ฝ่ ายบริหารก็ เพี ย งประกาศ ให ม ้ ี ก ารเลื อ กตั้ง และออกระเบี ย บ ้ นไป คํา สั่งต่ า งๆเพื่ อให ก ้ ารเลื อ กตังเป็ โดยเรียบร ้อยหรือไม่ การประกาศใหม้ ี ้ ่ อใดก็ ขึนอยู ้ การเลื อ กตังเมื ่กบ ั กุ ศโล บายของฝ่ ายบริหาร ที่จะพิ จารณาว่า มี ค วามจํ า เป็ นที่ จะออกหรื อ แก ไ้ ข กฎหมายใด หรือมีความจําเป็ นจะต ้อง ป้ องกันแกไ้ ขปั ญ หาความยุ่ งยากใดๆ หรือไม่ (II 154) ข ้อสําคัญพึงรําลึกว่า ฝ่ ายบริ ห ารที่ ใช อ้ ํ า นาจไม่ ถู ก ต อ้ งก็ เ ท่ า กั บ ก า ร ป ร ะ ก า ศ ส ง ค ร า ม กั บ ประชาชน (II 155) ้ เพราะ ที นี้ มี เ รื่ องแปลกเกิ ด ขึน ตอนนี ้ แหละที่ ล็ อคบวกอํ า นาจในการ ไล่ฝ่ายนิ ติบญ ั ญัติออกเพิ่ มใหก้ บ ั ฝ่ าย บริ ห าร (II 156) ในขณะที่ ล็ อ คเพิ่ ง พู ด ถึ ง ความเป็ นไปได ท ้ ่ี ฝ่ ายบริ ห าร


อาจกระทําผิ ดอํา นาจหน้า ที่ เขาพู ด ขยายขอบเขตออกไปกว า้ งๆ ไม่ มี จํา กัด แต่เ ราต อ้ งจํา คํา เตื อ นว่ า การ ใช ้พระราชอํานาจพิเศษกับสภาอย่าง น่ าเคลื อ บแคลงของกษั ต ริ ย ส์ จ๊ว ต (เกิดขัดแยง้ กับสภาและประชาชนจน ทํ า ใ ห ้ Charles 1 ถู ก ป ร ะ ห า ร 1649-ผู เ้ รี ย บเรี ย ง) ล็ อ คก็ แ สดงให ้ เห็นอย่างชัดแจ ้งว่า อํานาจนั้นในที่สุด ก็ ถู ก ควบคุ มโดยสํ า นึ กว่ า มี โ อกาสที่ ้ อ ต า้ น ด ว้ ย ประชาชนจะลุ ก ฮื อ ขึนต่ เหตุนี้ อํานาจพิ เศษทางรัฐธรรมนู ญที่ เปิ ดกว ้างจึงเป็ นเรื่องที่ยอมรับได ้ ล็ อคบรรยายต่อดว้ ยการขยาย อํ า นาจที่ กษั ต ริ ย พ ์ ึ ง มี เ หนื อรัฐ สภา แต่เดิมล็ อคเห็ นว่าควรไวใ้ จใหก้ ษัตริย ์ เปิ ดและปิ ดการประชุม สภาได ต ้ าม ความจํ า เป็ น แทนที่ จะกํ า หนดเวลา เปิ ดไวใ้ นรัฐธรรมนู ญ (cf. II 154) แต่ แลว้ เขาก็ เปลี่ ยนใจเพราะเห็ นว่าอย่าง นั้นไม่แยบคาย ล็ อคใหเ้ ห็ นผลว่า ในการก่อตัง้ ้ ่ ผู ก รัฐ บาลครังแรกที ้ ่ อ ตัง้ ถึ ง แม จ้ ะมี จิ น ตนาการและสายตาไกลเพี ย งใด ย่ อ ม จ ะ เ ป็ นไ ป ไ ม่ ไ ด ้ท่ี จ ะ เ ป็ น เ จ ้า บัญ ชาการเหตุ ก ารณ์ใ นอนาคตได ้ จนกระทั่งสามารถกําหนดวันเปิ ดและ ระยะการประชุม ของสภาไว ล้ ่ ว งหน้า

้ กครัง้ เพื่ อให ้ เหตุการณ์ท่ี จะเกิดขึนทุ ส อ ด ค ล ้ อ ง กั บ ปั ญ ห า แ ล ะ ค ว า ม ต อ้ งการทุ ก อย่ า งของสัง คม ถ า้ อย่ า ง นั้ นจะทํ า อย่ า งไรจึ ง จะป้ องกั น มิ ให ้ ประชาชนต ้องเสี่ยงหรือเผชิญเหตุร ้าย ้ ที่ จะเกิ ดขึนแน่ น อน นอกจากจะฝาก ความหวังไวก้ บ ั บุ คคลผูม้ ี ป รีชาญาณ ่ น ที่อยู่ในเหตุการณ์ในขณะนั้ น ซึงเป็ ผู ม้ ี ความรอบรูแ้ ละเข ้าใจการบริหาร ราชการแผ่ น ดิ น ผู ส ้ ามารถจะใช ้ prerogative หรื อ อํ า นาจพิ เศษเพื่ อ ช่ว ยเหลื อ ประชาชนและประโยชน์ ส่วนรวม ที่ไหนและในมือใครเล่า จึงจะ เหมาะสมที่จะควบคุมการใช ้กฎหมาย เพื่อประโยชน์ของบา้ นเมื องเท่าบุคคล ผูน้ ้ัน (II 156)****

(๓) ก า ร กํ า ห น ด เ ว ล า ข อ ง ส มั ย ประชุมไว ใ้ นรัฐ ธรรมนู ญน่ าจะดี ก ว่ า ้ บ ความเก่ ง หรื อ ดี ข อง ปล่ อ ยให ข ้ ึ นกั กษั ต ริ ย ์ อย่ า งน้ อ ยนั่ นก็ น่ าจะเป็ น ท า ง เ ลื อ ก ที่ ดี ก ว่ า ป ล่ อ ย ว า งไ ว ้ก ั บ ความสามารถที่ ประชาชนจะลงโทษ ฝ่ ายบริ ห ารที่ ไร ค ้ วามเชื่อมั่นหรื อไม่ ล่ ว ง รู ว้ ่ า จ ะ กํ า ห นด เ ว ล า อย่ า งไ ร ดี ล็ อคแนะนํ าว่าอย่าใช ้ทางเลือกนี ้ และ ในการคัดคา้ นการกําหนดเวลาไว ใ้ น

ราชประชาสมาสัย

63


รัฐ ธรรมนู ญ ล็ อ คบอกว่ า กรณี เช่น นี ้ ไม่ มี ท างออกอื่ นนอกจากการลุ ก ฮื อ ของประชาชน ใ น ก า ร คั ด ค ้ า น ท า ง เ ลื อ ก ดั ง ก ล่ า ว ล็ อ ค ไ ด ้ ใ ช ้ คํ า ว่ า ”prerogative” ห รื อ อํ า น า จ พิ เ ศ ษ ้ เป็ นครังแรก อํานาจนั้ นก็ คืออํานาจที่ จะเรี ย กเปิ ดประชุม และยุ บ สภา ล็ อ ค มิ ไ ด ใ้ ช ค้ ํ า ดัง กล่ า วจนกระทั่งเขาได ้ บ ร ร ย า ย ถึ ง ค ว า ม บ ก พ ร่ อ ง ข อ ง จิ น ตนาการล่ ว งหน้า ของมนุ ษย ์ และ ข ้อเท็ จจริงที่ว่าประชาชนเท่านั้ นจึงจะ เป็ นผูต ้ ด ั สินได ้ นี่ เป็ นตัว อย่างที่ทําให ้ เราเข า้ ใจ prerogative ต่ า งๆ ที่ จะ หลั่งไหลตามกัน ออกมา และนี่ ก็ เ ป็ น ตัว อย่ า งหลัก ที่ ล็ อ คใช เ้ พื่ อจู งให ค ้ น อ อ กไ ป จ า ก ก า รโ ต ้ แ ย ้ ง กั น เ รื่ อ ง prerogative ต่ อไป อี กด ว้ ย (cf. II 167) ในขณะที่ตัวอย่างแรกเป็ นเรื่อง ของการเปิ ดแลว้ ก็ปิดการประชุมหรือ ยุบ สภา ตัว อย่ า งที่ สอง กลับเป็ นเรื่ อง ของการล ม ้ ล า้ งสถาบัน นิ ติ บ ัญ ญัติ ซึ่งล็ อ คบอกว่ า ไม่ ใ ช่ห รอก ปฏิ รู ป ต่ า งหากไม่ ใ ช่ล ม ้ ล า้ ง ปฏิ รู ป ให ส้ ภา เป็ นไปตามรู ป แบบที่ คิ ดไว แ้ ต่ ต น ้ (II 158) เรื่องนี ้ล็ อคเสนอแนวคิดทฤษฎี ้ ่ยวกับความเป็ นอนิ จจัง ที่ลึกซึงมากเกี

64

ราชประชาสมาสัย

และพลั ง ของการเปลี่ ยนแปลงไปสู่ อนาคต ซึ่ งปรากฏอยู่ ต ลอดเวลา เป็ นเหตุให เ้ ห็ นได ช ้ ด ั ในกรณี ที่ เมื อ ง ห รื อ borough ข อ ง อั ง ก ฤ ษ เ ป็ น จํานวนมากที่ตกตํ่าเสื่ อมโทรมสุดขีด จนกระทั่ง prerogative หรืออํา นาจ พิ เ ศ ษ ที่ มี อ ยู่ ใ น ข ณ ะ นั้ นไ ม่ เ พี ย ง พ อ ที่ จ ะ แ ก ้ ไ ข ไ ด ้ (II 157) เพราะฉะนั้ น จึงจําตอ้ งขยายขอบเขต ของอํ า นาจพิ เ ศษอี ก อย่ า งไรก็ ต าม การขยายขอบเขตดัง กล่ า วต อ ้ งมี เหตุ ผ ลรับ ฟั งได ้ แต่ ล็ อ คก็ มิ ไ ด เ้ สนอ หรื อ สัก แต่ ว่ า บวก prerogative อัน ใหม่ ด ว้ ยการเติ ม ตัว s เข า้ ไปหลัง prerogative(s) เ พื่ อ ทํ า ใ ห ้เ ห็ น ว่ า prerogative ยังมีอยู่อีกเยอะ แ ท ้ท่ี จ ริ ง ล็ อ ค เ ส น อ ท ฤ ษ ฎี prerogative กวา้ งๆ โดยไม่ตอ้ งเติม s เ กี่ ย ว กั บ borough ห รื อ เ มื อ ง ที่ ตกตํ่าเสื่ อมโทรม ล็ อคกล่าวว่า “แขก คนที่มาเห็ นเมื องต่างก็ พากันแปลกใจ ในสภาพซึ่ งรู ส ้ ึ กได ท ้ ัน ที ว่ า จํ า เป็ น จะ ต อ ้ งก อบ กู เ้ ป็ น กา รใ หญ่ ” ด ว้ ย หลั ก เกณฑ ท ์ ุ ก ๆอย่ า งที่ มี อยู่ ล็ อค มองเห็ นว่าไม่มีทางที่จะกู ้ได ้ (II 157) เว น ้ เสี ย แต่ ว่ า จะปฏิ รู ป ใหญ่ ล ม ้ เลิ ก รัฐ บาลหรื อการปกครองท อ้ งถิ่ นตาม หลัก ความยิ น ยอมของประชาชนทุก ค น เ สี ย แ ล ้ ว นํ า ก ฎ regal


sovereignty หรืออํานาจกษัตริย ์ใน รัฐ บาลกลางมาใช ้ สภาผูแ้ ทนจะเป็ น เ ส มื อ น ส ภ า ที่ ป รึ ก ษ า ข อ ง พระมหากษั ต ริ ย ์ ตามความเห็ นใน ้ อดี ต ของ Filmer และขึนอยู ่กบ ั การ ควบคุ ม ตามพระราชอัธ ยาสัย อนึ่ ง เนื่ องจากการสรา้ งสถาบันนิ ติบญ ั ญัติ ้ ้ ขึนมาครั งแรกเป็ นประดิษฐกรรมสูงสุด ของสังคม จึ งไม่ มีอํานาจใดๆที่ตํ่ากว่ า จ ะ ม า ทํ า ล า ย ล ้ ม ล ้ า งไ ด ้ แ ล ะ แ ม ้ ประชาชนก็ ไม่มีอํานาจกระทําเช่นนั้ น ไดห ้ ากยัง มี ร ฐั บาลบริ หารอยู่ และถ า้ หากเรายอมรับประวัติการเกิดรัฐบาล อัน ชอบตามกฎหมายครั้งแรกตาม คํา อธิ บ ายของล็ อ ค เราก็ ม องไม่ เ ห็ น หนทางที่ จะแก ไ้ ขเปลี่ ยนแปลงความ ตกตํ่ า เสื่ อม ทรา ม ของมั นได เ้ พี ย ง เพ ร า ะ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง จํ า น ว น ประชากร (II 157; cf II 134, II 149, II 150) ล็ อ คเสนอวิ ธี แ ก ไ้ ขด ว้ ยการใช ้ ศัพท ์ทางทฤษฎีอย่างสูง เขายกคําของ Cicero มาอ า้ งว่ า “ความปลอดภัย ของประชาชนคื อ กฎหมายสู ง สุ ด : Salus Populi Suprema Lex” อั น เป็ นหลัก พื ้นฐานที่ สํ า คัญ และชอบ ธรรมยิ่ ง และบุ ค คลกระทํ า ตามหลัก ที่ ว่ า นี ้ ค ง จ ะ ไ ม่ ก ร ะ ทํ า อ ะ ไ ร ผิ ด จ น เสียหาย (II 158) ถึงแม ห ้ ลักการนี ้จะ

มีเหตุผลอย่างสมบูรณ์ และถึงแมล้ ็ อค จะถูกตอ้ งในการอนุ มานว่าการกระทํา ตามหลักนี ้จะไม่ มีความผิ ดพลาด แต่ ก็ ย งั น่ าประหลาดใจอยู่ ดี ท่ี ล็ อ คกล่ า ว เช่นนั้น เรารับ ทราบแล ว้ ว่ า สภานิ ติ บั ญ ญั ติ เ ป็ น ผู ้อ อ ก ก ฎ ห ม า ย เ พื่ อ ป ร ะ โ ย ช น์ แ ล ะ ค ว า ม ผ า สุ ก ข อ ง ประชาชน และประชาชนจะต ้องปฏิบต ั ิ ตามกฎหมาย ดว้ ยการยอมสละสิ ทธิ ส่ ว น ตั ว ที่ จ ะ ตั ด สิ นใ จ ว่ า อ ะ ไ ร คื อ ประโยชน์ของส่วนรวม กล่าวคือจะยก ประโยชน์ส่ ว นตัวไว เ้ หนื อประโยชน์ ส่ ว นรวมมิ ไ ด ้ (II 87, II 89, II 129130) ที นี ้ ล็ อ ค ก ลั บ เ ส น อ ว่ า ก า ร ตัดสิ นใจส่ว นตัว (ของบุ คคลบางคน) เพื่ อความดีของส่วนรวมนั้ นอาจสงวน ไ ว ้ไ ด ้ เ พื่ อใ ห ้บุ ค ค ล นั้ น บ ร ร ลุ ถึ ง จุดหมายปลายทาง (คือประโยชน์ของ ปวงชน) ความสงสัย ของเรากลับ ยิ่ ง ้ าการกระทํานั้นจะต ้องยิ่งใหญ่ เพิ่มขึนว่ เพี ย งใด จึ ง จะฟั งได ว้ ่ า หลัก หรื อ การ ปกครองใหม่ ท่ี เสนอนั้ นจํ า เป็ นและดี จริ ง ๆ การปฏิ รู ป การปกครองท อ้ งถิ่ น ในเมืองหรือ borough ต่างๆ ที่ตกตํ่า เสื่อมโทรมของอังกฤษนั้นเป็ นแต่เพียง ตัวอย่างหนึ่ งเท่านั้น

ราชประชาสมาสัย

65


แต่ ถ า้ หากไม่ มี ต ัว อย่ า งแบบนี ้ ค น ก็ จ ะ คิ ด ว่ า prerogative ก็ คื อ อํ า นาจที่ จะทํ า อะไรก็ ไ ด ต ้ ามใจชอบ โดยไม่ มี ควา มจ าเป็ น เป็ นกา ร กระทํานอกกฎหมาย และมิใช่อํานาจ ้ ้ ด ว้ ย ที่ เป็ นหรื อออกกฎหมายได ้ ทังนี เหตุ ท่ี เราหลงเชื่อว่ า สภานิ ติ บ ญ ั ญัติ เท่ า นั้ นที่ เป็ นผู อ ้ อกกฎหมายแต่ ผู ้ เดียว แต่น่ี ก็ เห็ นแลว้ ว่ากฎ(หมาย)ว่า ้ ออก (เปลี่ยน) ใหม่ ด ้วยการเลือกตังก็ ้ โดยโยนกฎหมายเก่ า ทิ งไปเสี ย ก็ ไ ด ้ มั น จึ ง มิ ใ ช่ เ ป็ น แ ค่ ก า ร ป รั บ ป รุ ง กฎหมายนิ ติ ก รรมสัญ ญาหรื อ ส่ ว น ห นึ่ ง ส่ ว นใ ด ข อ ง common law เท่านั้ น มันเป็ นการบังคับใช ้กฎหมาย รัฐธรรมนู ญใหม่ เนื่ องจากข ้อสรุป ข ้างตน ้ นี ้ ออก จะแปลกอยู่ สก ั หน่ อย อาศัย เหตุผลที่ ล็ อ คยกมาอ า้ งถึ ง ตรงนี ้ เราจะลอง พยายามแปลความหมายของล็ อ ค ้ ก โดยไม่ ต อ้ งให ล ้ ็ อ คมาอธิ บ ายซําอี เราอาจกล่าวได ้แบบลําลองว่า แท ้ที่จริง ไ ม่ มี ก า ร อ อ ก ก ฎ ห ม า ย ขึ ้น ม า ใ ห ้ เลื อ กตั้งใหม่ แต่ ใ นกรณี นี ้ กษั ต ริ ย ์ ผูป้ กครองทรงใช ้พระราชอํานาจเพียง หนึ่ งครัง้ ให เ้ กิ ด การปฏิ บ ัติ ต ามพระ ร า ชโ อ ง ก า ร เ พื่ อใ ห ้ มี “fair and equal representative คื อ ตัว แทน ้ อันเที่ยงธรรมและทั่วถึง” (II 158) ขึน

66

ราชประชาสมาสัย

เป็ นหลักการถาวรในอนาคต ด ้วยการ ใช ว้ ิ ธี ก ารใหม่ (แทนที่ จะใช พ ้ รรค การเมืองในสภาปัจจุบน ั ) ดังนั้น ถ ้าเรา อยากได ท ้ างเลื อ กนี ้ วิ ธี ก ารใหม่ ท่ี ว่ า นั้นจะเป็ นอย่างไร ก็มีอยู่ 2 ทาง เมื่อใช ้ พระราชอํา นาจแล ว้ ก็ ใหส้ ภารับ รอง หรื อไม่ ก็ ใ ห ป ้ ระชาชนยอมรับ (ตาม ้ ครรลองประชาธิปไตย) ทังสองอย่ างนี ้ หนี ไม่ พ น ้ ปั ญ หา อย่ า งที่ หนึ่ ง สภาที่ ไหนจะยอมรับ กติ ก าใหม่ ท่ี ทํ า ลาย ผลประโยชน์ข องตน (ที่ ได ร้ ับ จาก ระบบเดิมในปั จ จุบ น ั ) แม แ้ ต่ส ภาที่ รื อ้ ้ ฟื ้ นขึ นมาใหม่ ก็ ต าม สภาที่ คดโกง ค อ ร ์ร ั ป ชั่ นไ ม่ มี วั น จ ะ ทํ า ใ ห ้ ใ น ขณะเดี ย วกัน หากจะให ป ้ วงชนทั้ง มวลลงคะแนนรับรอง มันก็ อาจจะเป็ น เพี ย งการสมยอมมิ ใ ช่ก ารยอมรับ ที่ แท จ ้ ริ ง ก็ ไ ด ้ (cf. II 158, II 164, II 165, II 176, II 227) เ พื่ อ จ ะ หลี กเลี่ยงความเป็ นไปไดด้ งั กล่าว เรา จําเป็ นจะตอ้ งยกอํานาจใหก้ ษัตริย ์ (มี พระบรมราชโองการ) ออกกฎหมาย ใหม่ โดยไม่มีข ้อจํากัดพระราชอํานาจ ใดๆทั้งสิ ้น ล็ อ คมิ ไ ด เ้ ปิ ดทางให เ้ รา แก ป ้ ั ญ หานี ้ ได ง้ ่ า ยๆ และเราก็ ต อ้ งไม่ ้ หลงว่ า คํ า อธิ บ ายที่ กล่ า วมาทังหมด เพียงพอแล ้ว ไม่ ว่ า ใ ค ร จ ะ อ่ า น ห ม ว ด นี ้ ว่ า อย่ า งไร ก็ ตอ้ งเห็ นได ช ้ ด ั ว่ า ขอบเขต


ข อ ง prerogative ห รื อ พ ร ะ ร า ช อํา นาจพิ เศษนั้ นกว า้ งใหญ่ ไพศาล มี ความชอบธรรมที่สามารถแมแ้ ต่จะลบ ล า้ งรัฐ ธรรมนู ญในขณะนั้ นได ้ ด ว้ ย ตัว อย่ า งที่ ยกมาข า้ งต น ้ นี ้ เราจึ ง เริ่ ม เ ข ้า ใ จ นิ ย า ม คํ า แ ร ก ข อ ง คํ า ว่ า prerogative หรื อ พระราชอํ า นาจ พิเศษ*****

(๔) ตัวอย่างที่ 3 กับ 4 (อันเป็ นที่มา ของคํานิ ยามและของ prerogative) เ ป็ น ตั ว อ ย่ า ง ที่ ดึ ง ม า จ า ก ห ม ว ด เดียวกัน และประโยคเดียวกันดว้ ยซํา้ ้ า้ น (II 159) อันแรก เกี่ยวกับการรือบ ์ ่ อมิ ใ หไ้ ฟลามไปไหม ้ ของผู บ ้ ริ สุ ท ธิเพื ้ บ า้ นในละแวกนั้ นทังหมด บ า้ นของผู ้ ์ จ้ ะยังไม่ ถูกไหม ้ แต่ก็ตอ้ งรือ้ บริสุทธิแม ้ ่ อป้ องกัน บ า้ นหลัง อื่ นๆที่ ยัง มิ ไ ด ้ ทิ งเพื เกิ ดไหม ้ เช่น เดี ย วกัน กรณี นี ้ ถู ก ยก ้ เ้ ห็ น ว่ า มาเป็ นตัว อย่ า ง เพื่ อจะชี ให “ ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม ก ฎ ห ม า ยโ ด ย เคร่ ง ครัด กลับ จะเกิ ด อัน ตราย ” (II 159) ห ล า ย ๆ ค ร อ บ ค รั ว จ ะ ต ้อ ง สู ญ เ สี ย ห า ก ก ฎ ห ม า ยไ ม่ ย อ มใ ห ้ ้ า้ นตัดไฟแต่ตน้ ตามที่เห็ น กษัตริย ร์ ือบ ว่ า จํ า เป็ น ตามหลัก กฎหมายจะต อ้ ง ์ ปกป้ องกรรมสิทธิในทรั พย ์สินมิใหถ้ ูก

พรากไปโดยปราศจากความยิ นยอม หรือผิ ดกฎหมาย แต่ความจํา เป็ นทํา ้ า้ นนั้ น ไม่ รือไม่ ้ ได ้ (เพราะ ใหต้ อ้ งรือบ เพื่ อนบ า้ นจะถู กไหม ก ้ ัน หมด และ ้ ตนเองก็จะถูกเผาก่อนเพื่อนด ้วย) ทังๆ ที่เจ า้ ของบ า้ นเคราะหร์ า้ ยนั้ นบริ สุ ทธิ ์ แท ้ๆ ตั ว อ ย่ า ง ข า้ ง ต ้น นี ้ ถู ก ย ก ม า ต่ า งหาก อยู่ ใ นวงเล็ บ ไม่ ป ะปนใน ประโยคอื่นๆ มี ความยาวเพียงยี่สิบคํา เท่า นั้ น ที่ สํ า คัญ มันยังมิ ใ ช่ตวั อย่ า งที่ นํ าไปสู่ ข อ้ สรุ ป ในประโยค ว่ า ด้ว ย

พระราชอานาจพิเศษในการอภัย โทษ อันมี ความมุ่ งหมายจะคุม้ ครอง ส่ ว น ร ว ม ทั้ ง ห ม ด ร ว ม ทั้ ง บุ ค ค ล ที่ กระทําผิด เมื่ อใดก็ ตามที่กระทําได ้ ที่ ้ า้ น) นี ้ น่ าสนใจยิ่ งกว่ า นั้ นเรื่ อง (รื อบ เป็ นเพี ย งตัว อย่ า งเรื่ องเดีย ว ที่ จํา ตอ้ ง สละสิ ท ธิ ข องบุ ค คลหนึ่ งเพื่ อรัก ษา ส่ ว น ร ว มใ ห ้ป ล อ ด ภั ย เ รื่ อ ง นี ้ ไ ม่ มี บัญญัติ (อนุ ญาต) ไวใ้ นตัวกฎหมาย ดั ง นั้ น จึ ง เ ป็ น ตั ว อ ย่ า งใ ห ้ เ ห็ น ว่ า กฎหมายที่ดีๆ และจําเป็ นหลายเรื่อง ก็ ยัง มิ ไ ด บ ้ ัญ ญัติ เ อาไว ้ ทํ า ไมจึ ง เป็ น เช่นนั้น ล็ อคกล่ า วว่ า การปิ ดหรื อ รื ้อ บ า้ นเมื่ อพิ สู จ น์ไ ด ว้ ่ า มี ค วามจํ า เป็ น มิได ้ทําความเสียหายใหก้ บ ั บุคคลอื่นๆ

ราชประชาสมาสัย

67


เ ล ย (cf. II 26-32 with II 33) หลังจากนั้ น ล็ อ คเสริ ม ว่า การกระทํา ดั ง ก ล่ า ว ทํ า ใ ห ้ช ี วิ ต ค น อื่ น ๆ ห รื อ ส่วนรวมปลอดภัยหรือดีขน ึ ้ ถึงแมท ้ ุก คนจะยื น ยัน มิ ไ ด ว้ ่ า มัน จํ า เป็ นก็ ต าม (II 37 II 40-43) ล็อคอธิบายด ้วยวิธี เดี ย วกัน ว่ า การสร า้ ง civil society หรื อ สัง คมประชาธิ ป ไตยก็ เ ป็ นเช่น นี ้ ( คื อ มี ก า ร จํ า กั ด สิ ท ธิ ส่ ว น ตั ว ข อ ง บุ ค คลหลายประการ เช่น กฎจราจร ใบอนุ ญาตต่ า งๆ กฎหมายอาญา เป็ นต ้น) การสรา้ งสังคมประชาธิปไตย ไม่ ทํา อันตรายใหก้ บ ั ผู ใ้ ด หากเข ้าใจ เรื่ องความจํ า เป็ นที่ กล่ า วมาแล ว้ (II 95) ส ภ า นิ ติ บั ญ ญั ติ จ ะ ป ฏิ เ ส ธไ ม่ ยอมรับ การกระทํ า บางอย่ า งโดยไม่ คํ า นึ งถึ ง ความจํ า เป็ นที่ เราพู ด มา ได ้ ห รื อไ ม่ ถ ้า ห า ก ค ว า ม จํ า เ ป็ น นั้ น กระทบกระเทื อ นสิ ท ธิ ข องผู ห ้ นึ่ งผู ใ้ ด สภานิ ติ บ ญ ั ญัติ หรื อแม แ้ ต่ป ระชาชน จะปฏิเสธไม่ยอมรับความเป็ นไปได ้ของ ความจํ า เป็ นนั้ นๆ ได ห ้ รื อไม่ โดยถื อ เสมื อ นว่ า ทางที่ เลื อ กลํ า บากนั้ นเป็ น ทางเลื อกที่ผิ ด เป็ นไปไดห ้ รื อไม่ ท่ี การ ไม่ มี หรือความบกพร่องของกฎหมาย ในเรื่ องต่ า งๆ เช่ น นี ้ จึ ง กลายเป็ น เหตุ ผ ลสํ า คัญ เพิ่ มเติ ม อํ า นาจพิ เ ศษ ้ า้ นของผู ้ นอกและเหนื อกฎหมาย รือบ ้ ่ อป้ องกันอันตรายที่ใหญ่ บริสุทธิทิ์ งเพื

68

ราชประชาสมาสัย

กว่าของส่วนรวมเป็ นแต่เพียงตัวอย่าง หนึ่ งของการหันหลังใหก้ ฎหมาย แต่ก็ เป็ นกรณี เบ า ๆ ไม่ สา หั ส สา กรร จ ์ เพราะในภายหลัง หากรัฐบาลต ้องการ รัฐบาลก็สามารถจ่ายค่าทดแทนใหก้ บ ั ์ ้ แต่ ย ัง มี ก รณี ผู เ้ สี ย หายที่ บริ สุ ท ธิ ได อื่นๆ มิใช่ทก ุ กรณี จะเหมือนกับกรณี นี้ เสมอไปที่การเสี ยสละสิ ทธิส่์ วนบุคคล เพื่ อความปลอดภัยของส่วนรวมจะได ้ ค่าทดแทนจากรัฐบาลเสมอไป แทนที่ จะพึ่งฝ่ ายนิ ติบญ ั ญัติใหอ้ อกกฎหมาย ่ ทัวไปครอบคลุ มกรณี ท่ียากๆ กรณี ที ่

อาจจะกล่าวได้วา่ ต้องมีการปฏิบต ั ิ ผิ ด ท าให้ค นส่ ว นใหญ่ เ สี ย หาย และเสี ยเปรี ยบ ล็อคเห็นว่า น่ า จะ เก็ บ เรื ่ องนี ้ ไว้ใ ห้ก ษัต ริ ย ผ ์ ู ้ท รง ธรรมเป็ นผู ม ้ ี อ านาจตัด สิ น ตาม ความเหมาะสมเป็ นกรณี ๆ ไป ตัวอย่าง prerogative ที่สี่ของ ล็ อ ค อ ย่ า ง ล ะ เ อี ย ด ก็ น่ า ฉ ง น เช่ น เดี ย วกั น นั่ นคื อ ตั ว อย่ า งเรื่ อง อํานาจอภัยโทษ ล็ อคใหเ้ หตุผล 2 ข ้อ ว่ า ทํา ไมกษัต ริ ย จ์ ึ ง ต อ้ งมี อํ า นาจอภัย โทษ “เพื่ อลดความรุน แรงเกินไปของ กฎหมาย และอภัยโทษใหผ ้ ูก้ ระทําผิด” (II 159) จ ะ เ ห็ น ว่ า อั น ห นึ่ ง ผิ ด ธรรมดากว่าอีกอันหนึ่ งมาก เหตุผลที่ 2 ของล็ อ คได แ้ ก่ mercy หรื อ ความ กรุณาธรรมดา เป็ นความกรุณาที่ใน


ที่สุดรัฐบาลจะตอ้ งเป็ นผู ใ้ ห ้ “ในกรณี ที่ พิ สู จ น์ไ ด ว้ ่ า จะไม่ ลํ า เอี ย งหรื อ เป็ น ผลรา้ ยต่อผู บ ้ ริ สุ ทธิ”์ ด ว้ ยเหตุผ ลข ้อ แรก ล็ อคตั้ งหน้ า วิ จ ารณ์ ค วามไม่ เพียงพอของกฎหมายต่อไปตลอด ใน 2 ข ้อนี ้ ข ้อที่ 1 น่ าสนใจกว่ามาก

และการอภัยโทษหรื อไม่ มัน เป็ นการ ผิ ด ก ฎ ห ม า ย ที่ จ ะ ป ร ะ ก อ บ อาชญากรรมเพื่ อนํ า ประโยชน์มาให ้ รัฐ ล็ อ คมิ ไ ด เ้ สนอให ก ้ ับ การกระทํ า ดังกล่าว เพียงแต่ยอมมิ ใหเ้ ขารับโทษ เท่านั้น

หลังจากยกตัวอย่างเรื่องไฟไหม ้ ล็ อ คพู ด ต่ อไปว่ า “บุ ค คลบางเวลาก็ ้ เข ้ามาใกล เ้ งื อมมื อ ของกฎหมาย ซึ่ง ้ ทุ ก คนไม่ มี ค วามแตกต่ า งกัน ขึนอยู ่ กับการกระทําว่าสมควรจะได ้รับรางวัล คื อ การอภัยโทษ หรื อไม่ ” กฎหมาย มิ ไดก้ ํา หนดใหบ้ ุ คคลแตกต่างกัน แต่ ถึงกระนั้น ก็ ยงั มีข ้อที่โจมตีได ้ความไม่ ลํ า เ อี ย ง ห ม า ย ค ว า ม ว่ า “ ต ้อ งใ ช ้ กฎหมายเดียวกันไม่ว่าคนจะรวยหรือ จน ผู ท ้ ่ี รู จ้ ก ั ชอบพอกับ ศาล หรื อ คน ถื อ คันไถเป็ นชาวนาบ า้ นนอก” (II 142) แ ล ะ นี่ ย่ อ ม ห ม า ย ค ว า ม เช่น เดี ย วกัน ว่ า กฎหมายจะต อ้ งไม่ เข า้ ข า้ งการกระทํ า ผิ ด ที่ เป็ นคุ ณ ต่ อ ้ า การกระทํ า ของคน สัง คม ล็ อ คยํ าว่ ต่ า ง ห า ก ที่ ส ม ค ว รไ ด ้ ร ั บ ร า ง วั ล หมายความว่า การอภัยโทษมิ ใช่เรื่อง ของความเมตตากรุณา หากเป็ นเรื่อง กตัญญูตอบแทนการประกอบกรรมดี ยิ่ งกว่ า นั้ น การกระทํ า ต่ า งหากที่ ดึ ง บุคคลเข ้ามาใกลม้ ือกฎหมายและเป็ น ข อ้ ตัด สิ น ว่ า เขาสมควรได ร้ บ ั รางวัล

กฎ ห ม า ยไม่ ส า ม า รถ ร ะ บุ ว่ า เ มื่ อใ ด จ ะ อ นุ ญ า ตใ ห ้ ก ร ะ ทํ า ผิ ด กฎหมาย เมือใดจะไม่อนุ ญาต อะไรที่ ไม่ ถู ก กฎหมายย่ อ มจํ า เป็ นอยู่ เ องที่ กฎหมายจะต อ้ งห า้ ม ดัง นั้ น การใช ้ ดุ ล พิ นิ จนอกหรื อ เหนื อกฎหมายจึ ง จําตอ้ งมี แต่กษัตริย ์อาจจะมิ ไดอ้ ยู่ใน จุ ด นั้ นทุ ก เวลา บุ ค คลใดบุ ค คลหนึ่ ง จ ะ ต ้ อ ง ยื น ขึ ้ น แ ล ะ ก ร ะ ทํ า สิ่ ง ที่ จําเป็ นตอ้ งกระทํา อย่างนั้ น ล็ อคมิ ได ้ เรี ย กว่ า prerogative แต่ อ ย่ า งไรก็ ตามเหตุ ผ ลที่ จะแจงมาข า้ งล่ า ง ณ เวลาเดียวกันนั้ น กษัตริย ์ที่ดีจะตอ้ งใช ้ พระราชอํานาจอภัยโทษใหผ ้ ูน ้ ้ั น นี่ คือ ตัว อย่ า งของ prerogative เขาควร ได ้รับอภัยโทษ ถึงแม้จะมีกฎหมายหา้ ม ไว ก ้ ็ ตา ม เรานึ กดู เ อา เองก็ ได ้ ว่ า อาชญากรคนหนึ่ งตัดสิ นใจทําหน้า ที่ ้ า้ นต น รื อบ ้ ไฟ เพื่ อป้ องกัน บ า้ นหลัง อื่ น ๆ ห รื อ แ ม ้แ ต่ น ค ร นั้ น ๆ ทั้ ง น ค ร อัค คี ภ ย ั และการปกป้ องรัก ษาชุม ชน ย่ อ ม จ ะเป็ นเหตุ ผ ล ที่ ดี ว่ า ทํ า ไม จึ ง

ราชประชาสมาสัย

69


ส ม ค ว ร มี พ ร ะ ร า ช อํ า น า จ อ ภั ย โทษ******

(๕) ค ว า ม ล้ ม เ ห ล ว ข อ ง ลั ท ธิ รัฐ ธ ร ร ม นู ญ : The Failure of Constitutionalism

(เมืองไทยมักจะแปล constitutionalism ว่า รัฐธรรมนู ญนิ ยม และให้คํา นิ ยาม หรือคําอธิบายผิ ดๆ ลัทธิรฐั ธรรมนู ญ เน้นการจํากัดอํานาจของฝ่ ายบริหาร ในระบอบประชาธิ ป ไตย เพื ่อเป็ น ห ลั ก ป ร ะ กั น สิ ท ธิ เ ส รี ภ า พ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น แ ล ะ ก า ร ป ก ค ร อ ง ด ้ว ย ้ งไม่ มี กฎหมาย ขณะที ล็่ อ คเขีย นนี ยั รัฐ ธรรมนู ญสัก ฉบับในโลก-ผู เ้ รี ย บ เรียง) ตอนนี ้ เราอยู่ ใ นฐานะที่ จะระบุ ลัก ษณะกว า้ งๆ ของ prerogative ห รื อ อํ า น า จ พิ เ ศ ษ ต่ า ง ๆ ไ ด ้แ ล ้ว นอกจากลัก ษณะที่ เด่ น ชัด ที่ สุ ด (อัน ได ้แก่ลก ั ษณะนอกหรือเหนื อกฎหมาย เพื่ อ public good หรื อ ประโยชน์ ของส่วนรวม) แลว้ พระราชอํานาจยัง ้ นยกเว ้ ไม่อาจจํากัดไดโ้ ดยสิ่งใดทังสิ น ้ ก ฎ ห ม า ย ธ ร ร ม ช า ติ (law of nature) พระราชอํา นาจเป็ นอํา นาจ

70

ราชประชาสมาสัย

พิเศษต่างกับอํานาจการเมืองของฝ่ าย บริ ห าร เพราะมัน เป้ นและคื อ อํ า นาจ ธรรมชาติ และการใช อ้ ํ า นาจนี ้ ไม่ สามารถควบคุ ม หรื อ ตัด สิ นได ด ้ ว้ ย มนุ ษย ์ (ยกเวน ้ สววรค ์และเสียงสวรรค ์ ของปวงชน : vox populi,vox dei) ดังจะได ้อธิบายเพิ่มเติมโดยลําดับ Prerogative กั บ ลั ท ธิ รัฐ ธรรมนู ญอยู่ ด ว้ ยกันได ด ้ ว้ ยความ ลํ า บากยิ่ ง ผู พ ้ ิ พ ากษา Davis เขีย น ความเห็ นส่ วนตัวในคํา พิ พ ากษาของ ศาลคดี Ex parte Milligan อย่ า ง ชัด แจ ง้ ดัง นี ้ “ไม่ มี ล ท ั ธิใ ดที่ ประดิ ษ ฐ ์ ้ ขึนมาโดยหั ว ของมนุ ษย ์ ที่ จะมาซึ่ง ความเสี่ ยงและเสี ยหายเท่ากับการลม้ ล า้ งรัฐ ธรรมนู ญ ในยามที่ ฉุ ก เฉิ นยิ่ ง ของรัฐ บาล ลัท ธิ ด งั กล่ า วจะนํ าไปสู่ อนาธิ ป ไตยและเผด็ จ การโดยตรง” ด ้วยเหตุนี้ เราจึงอยากใหข ้ อบเขตของ อํ า นาจพิ เ ศษผู กไว ก ้ ับ รัฐ ธรรมนู ญ ให เ้ ป็ นอํ า นาจอย่ า งเดี ย วที่ สามารถ ปฏิ บต ั ิการโดยปราศจากกฎหมายใน บางเรื่อง (II 120) ดังนั้น ตัวอย่างของ ล็ อ คเรื่ องอํ า นาจกษั ต ริ ย ท ์ ่ี จะเรี ย ก ประชุม หรื อ ยุ บ สภาจึ ง เป็ นอํ า นาจที่ เขี ย นไว ใ้ นรัฐ ธรรมนู ญ (II 156 II 167)


แต่ตรรกะในคําอธิบายของล็อค ้ เ้ ราเห็ น ว่า ข ้อจํา กัด ดังกล่ า วจะมี ชีให ไม่ได ้ ความเสียหายจากอุบต ั ิเหตุอน ั ยิ่ งใ ห ญ่ ใ น อ น า ค ต ก็ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ม อ ง เ ห็ น ห รื อ กํ า ห น ด ล่ ว ง ห น้ า ไ ด ้ เช่นกัน ดังนั้ น อํานาจที่ จะแกไ้ ขหรื อ ป้ องกันการลุกลามของความเสียหาย จึ งไม่ ส ามารถกํ า หนดหรื อ จํ า กัดไว ้ ล่ ว งหน้า เหตุ ผ ลสนั บ สนุ นพระราช อํา นาจจึ ง ล ม ้ ล า้ งความพยายามที่ จะ จํ า กั ด prerogative ไ ว ้ ล่ ว ง ห น้ า prerogative บ า ง ป ร ะ เ ภ ท อ า จ จ ะ เขี ย นไว ใ้ นรัฐ ธรรมนู ญได ้ แต่ ส่ิ งที่ รับ รองไว ใ้ นรัฐ ธรรมนู ญนั้ นไม่ อ าจ ้ั ครอบคลุ ม prerogative ไดท ้ งหมด และการมี prerogative ก็มิใช่เพราะ มี รฐั ธรรมนู ญรับ รองไว ห ้ รือไม่เช่นกัน อํ า นาจของ prerogative ในทัศ นะ ของล็ อคจะกําหนดไดก้ ็ดว้ ยประโยชน์ ของประชาชนหรื อ public good เท่า นั้ น ในทํา นองเดีย วกัน กฎหมาย ใ ด ๆ ก็ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ห ้ า ม ก า รใ ช ้ prerogative เ พื่ อ ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ้ ที่ขัดกฎหมายหรือไม่ ประชาชน ทังๆ มี ก ฎ ห ม า ย เ ขี ย นไ ว ้ ก็ ต า ม แ ม ้ รัฐ ธรรมนู ญจะปฏิ เ สธอํ า นาจของ กษั ต ริ ย ท ์ ่ี จะปกป้ องประโยชน์ข อง ประชาชนตามแต่จะเห็ นสมควร แต่ก็ หาได ห ้ มายความว่ า รัฐ ธรรมนู ญจะ

ห ้ า ม เ ช่ น นั้ นไ ด ้ ไ ม่ prerogative จํ า เ ป็ น ต ้อ ง เ กิ ด ขึ ้น เ พ ร า ะ ปั ญ ห า (ความบกพร่ อ ง) ของกฎหมาย และ เ พ ร า ะ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ก็ เ ป็ น เ พี ย ง ก ฎ ห ม า ย ป ร ะ เ ภ ท ห นึ่ ง เ ท่ า นั้ น ข อ บ เ ข ต อั น ช อ บ ธ ร ร ม ข อ ง prerogative จึ งไม่ ส ามารถจํา กัดได ้ โดยรัฐธรรมนู ญ Prerogative ไม่ใช่และไม่เป็ น อํ า นาจประเภทหนึ่ งของฝ่ ายบริ ห าร prerogative เ ข า้ กั นไม่ ได เ้ ล ยกั บ อํ า น า จ ข อ ง ฝ่ า ย บ ริ ห า ร ภ า ยใ ต ้ ่ ายบริหารได ้อํานาจมา กฎหมาย (ซึงฝ่ ก็ ด ว้ ยกฎหมาย เพื่ ออนุ มั ติ ใ ห ฝ ้ ่ าย ้ บริหารบางคนและบางครังยกเว น้ มิต ้อง ปฏิ บ ัติ ต ามกฎหมายนั้ นๆ ได ้ cf. II 151) ดัง นั้ น จะเป็ นไปได ห ้ รื อ ที่ ล็ อ ค เพี ยงแต่จะขยายขอบเขตของอํานาจ ่ าล็ อค ของฝ่ ายบริหาร ผูเ้ ขียนไม่เชือว่ คิ ดอย่ า งนั้ น ล็ อคหลี ก เลี่ ยงการเรี ย ก prerogative ว่ า อํ า น า จ ข อ ง ฝ่ า ย บริหาร แต่ล็ อคก็ ยืนกรานว่าจะตอ้ งมี บุ ค คลหนึ่ งที่ ได ร้ ับ ความไว ใ้ จให ใ้ ช ้ อํานาจ (ต่างกับผูส้ ่ง-ผู ั เ้ รียบเรียง) และ ฝ่ ายบริ ห ารก็ เ ป็ น candidate หรื อ บุ ค คลที่ เหมาะสม (II 156) แต่ ท ้ังนี ้ มิ ไ ด ห ้ ม า ย ค ว า ม ว่ า prerogative เป็ นส่ ว นหนึ่ งของอํ า นาจบริ ห ารมาก หรื อ น้ อ ยกว่ า เมื่ อเป รี ย บเที ย บกั บ

ราชประชาสมาสัย

71


อํ า นา จบริ ห า รของสม า พั น ธ ์ (ใน ความสัมพันธ ์ระหว่างประเทศ) (cf. II 147-148) (เข ้าใจยาก ผ่านไปเลย-ผู ้ เรี ย บเรี ย ง) การที่ ฝ่ ายบริ ห ารได ถ ้ ือ อํ า น า จ prerogative ห า ไ ด ้ หมายความว่ า อํา นาจนั้ นเป็ นอํา นาจ ของฝ่ า ยบริ ห ารไม่ ล็ อคพู ดถึ ง ตั ว อํานาจมิไดพ ้ ูดถึงตัวผูใ้ ช ้อํานาจ ล็ อค ใช ้คําว่า อํานาจ “ตกไปสู่มือของฝ่ าย ้ บริหาร” (II 156) และ “และมันขึนอยู ่ กั บ ดุ ล พิ นิ จ ข ง บุ ค ค ล ผู ้มี อํ า น า จ บริหารในมือ (II 159) และมัน ”ตกอยู่ กับ อํ า นาจบริ ห าร” (II 160 II 167) ล็ อ คเกื อ บจะผิ ด พลาดในการพู ด ว่ า “ ใ น บ า ง ค รั้ ง แ ล ะ ใ น บ า ง ก ร ณี กฎหมายก็ ค วรจะหลี ก ทางให อ้ ํา นาจ ของฝ่ ายบริ ห าร” แต่ ล็ อ คก็ ก ลับ ลํ า ทันทีโดยพูดใหม่ว่า “หรือที่ถูกกว่าคือ ให ก ้ ับ หลัก ของกฎหมายธรรมชาติ แ ล ะ ก า ร เ มื อ ง ” (II 159) prerogative เป็ นคนละส่วนและแยก ออกจากอํ า นาจบริ ห ารแต่ อ ยู่ ใ นมื อ ข อ ง ฝ่ า ย บ ริ ห า ร prerogative มี ้ ม อยู่ ก่อนแลว้ เพราะมัน เจ า้ ของดังเดิ เป็ นอํานาจธรรมชาติ (หมายเหตุ ข องผู เ้ รี ย บเรี ย ง : บทคว าม ตอนนี ้ เข า้ ใจย ากเพรา ะ ผู เ้ ขีย นไปเล่ น คํ า ตามล็ อ ค ถ า้ จะให ้ ้ ผูเ้ รียบเรียงเสนอใหเ้ รา เข ้าใจง่ายขึน

72

ราชประชาสมาสัย

แยกตัว อํ า นาจผู ม ้ ี กับ ผู ใ้ ช อ้ ํ า นาจ ออกจากกัน ยกตัว อย่ า งเช่น ตํา รวจ กับ รัฐ บาล ตํา รวจมี ปื นเพราะรัฐ บาล ม อ บใ ห ้ ตํ า ร ว จไ ม่ มี อํ า น า จใ ช ป ้ ืน นอกจากจะทําตามกฎหมายและคําสั่ง ที่สูงกว่า ฉันใดก็ฉันนั้น อํานาจที่มอบ ปื นให ต ้ ํ า รวจ สาวไปถึ ง ต น ้ ตอแล ว้ ก็ ไม่ ใ ช่ อํ า น า จ ข อ ง รั ฐ บา ล แ ต่ เ ป็ น อํ า นาจที่ ประชาชนมอบให ร้ ัฐ บาล โล ก ของ ล็ อค ขณ ะ นั้ นคื อจั ก รภ พ อั ง ก ฤ ษ แ ล ะ ส่ ว นใ ห ญ่ ข อ งโ ล ก ยั ง ปกครองดว้ ยกษัตริย ์ รัฐชาติยงั ไม่เกิด Two Treatises of Government ้ ่ อปี ค.ศ. 1690 ก่อน พิ มพค์ รังแรกเมื สหรัฐอเมริกาเกิดและก่อนการปฏิวต ั ิ ฝรั่งเศสราว 100 ปี รัฐ ธรรมนู ญลาย ลัก ษณ์อ ัก ษรฉบับ แรกของโลกคื อ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ข อ ง อ เ ม ริ ก า ค ว า ม บ ก พ ร่ อ ง ข อ ง รั ฐ บ า ล ก็ ดี แ ล ะ ข อ ง รัฐ ธรรมนู ญก็ ดี เ ป็ นจิ น ตนาการและ ้ ความสามารถอย่า งลึ กซึงของล็ อคใน การวิเคราะห ์ถึงเหตุการณ์ปัจจุบน ั และ อนาคต ระบบการศึกษาของไทยดอ้ ย มาก ผูท ้ ่ีจบปริญญาเอกยังขาดความ

เ ข า้ ใ จ แ ม้ แ ต่ ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร ์แ ล ะ ป รั ช ญ า ข อ ง ช า ติ ต น เ อ ง ไ ม่ กี ่ ่ อ ค ใน เปอร เ์ ซ็ น ต จ์ ะเคยได ย้ ิ น ชือล็ ประเทศประชาธิปไตยนั กเรียนมัธยม


ส่วนมากจะรูจ้ กั ล็อคแลว้ แม้จะผิวเผิน ก็ตาม)***

(๖) ล็ อ ค จ ง ใ จ จ ะ ทํ า ใ ห ้ prerogative เป็ นสิทธิ (และอํานาจ) ธรรมชาติ อ ย่ า งโจ่ ง แจ ง้ ผู บ ้ ริ ห าร “มี อํานาจอยู่ในมื อ โดยกฎธรรมดาของ กฎหมายธรรมชาติ มี สิ ท ธิ ท่ี จะใช ้ อํานาจนั้ น เพื่ อความดีงามของสังคม (II 159) โดยความเป็ นมา เขามิได ้รับ สิ ท ธิ นี ้ ม า จ า ก สั ญ ญ า ป ร ะ ช า ค ม ดัง นั้ นเขาย่ อมจะได ร้ บ ั สิ ท ธิ นี้ มาจาก รัฐ ธรรมนู ญอัน เป็ นผลของสัญ ญา มิได ้ รัฐธรรมนู ญมีอํานาจที่จะควบคุม อํา นาจทางการเมื อง (เช่นอํา นาจนิ ติ บัญ ญัติ อํ า นาจบริ ห าร และอํ า นาจ ก า ร ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ ห รื อ federative powers cf. II 3 II 143-148 II ้ 171) โดย ที่ prerogative เกิ ด ขึ น จากกา รพิ นิ จใคร่ ค รวญในการให ้ อํ า น า จ เ ห ล่ า นั้ น ดั ง นั้ น prerogative จึ ง ต ้ อ ง เ ป็ น สิ่ ง ที่ นอกเหนื อและมาก่อนรัฐธรรมนู ญคือ extra-constitutional แ ล ะ preconstitutional

้ ก ว่ า กษัต ริ ย ม์ ี อํ า นาจ ล็ อ คยํ าอี ข อ ง สั ง ค ม อ ยู่ ใ น อุ ง้ พ ร ะ หั ต ถ ์ แ ล ะ กฎหม ายธรรม ชาติ ร ับ รองการใช ้ อํ า นาจพิ เ ศษนั้ นเพื่ อประโยชน์ข อง สั ง ค ม เ รื่ อ ง นี ้ ต ้ อ ง พิ จ า ร ณ า ใ ห ้ รอบคอบ กษัตริย ์ทรงมีอํานาจก็เพราะ พระองค ์ทรงเป็ น (ประมุข) ฝ่ ายบริหาร ตามครรลองของรัฐ ธรรมนู ญ ซึ่งพู ด อีกอย่างไดว้ ่าตามฉันทานุ มต ั ิหรือการ ยอมรับสนั บ สนุ นหรือ consent ของ ปวงชน ตามปกติกษัตริ ย ส์ ามารถใช ้ อํ า นาจนั้ นตามที่ กฎหมายกํ า หนด หากกษั ต ริ ย ใ์ ช อ้ ํ า นาจนั้ นตามพระ ร า ช อั ธ ย า ศั ย ก็ จ ะ เ ป็ น ก า ร ขัด กั บ เงื่อนไขที่พระองค ์ได ้รับมอบอํานาจนั้น มาเป็ นประการแรก พระองค อ์ าจทรง ใ ช อ้ ํ า น า จ นั้ น ต่ อไ ป ถึ ง ผู ้ท่ี อ ยู่ ใ ต ้ อํ า นาจอาจจะเชื่อฟั ง พระองค อ์ ยู่ แต่ ถือไดว้ ่าพระองค ์ขาดความชอบธรรม ้ ้ เปรียบเสมือน ที่จะทรงใช ้อํานาจ ทังนี ทรัพย ์ที่ถูกขโมย ยิ่ งกว่านั้ นราษฎรคง จะไม่ยินยอมสถานกาณ์เช่นนั้ นอย่าง แน่ นอน เพราะนั่ นก็ คื อ อํ า นาจตาม อํ า เภอใจ ถ า้ กษัต ริ ย ป์ ฏิ บ ัติ เ กิ น เลย กฎหมาย ก็ย่อมจะมิใช่ผลของสัญญา ป ร ะ ช า ค ม แ ต่ อ า จ จ ะ เ ป็ น อํ า น า จ ธรรมชาติ ล็อคกล่าวอย่างชัดเจนว่านี่ คื อ ตัว อย่ า ง อํ า นาจของฝ่ ายบริ ห าร (ตัวกษัตริย ์บวกรัฐบาลของกษัตริย ์) ที่

ราชประชาสมาสัย

73


จะใช ้อํา นาจ ก็ ขนกั ึ ้ บ ความสามรถที่ พระองค ์จะนํ ามันมาใช ้ ดว้ ยอํานาจที่ พระองค ม์ ี อันได แ้ ก่ ค วามสามารถที่ อาจจะอ า้ งประเพณี ในขณะที่ สิ ท ธิ จริงๆนั้นไม่มี

อะไร เรื่ องนี ้ ล็ อ คก็ ไ ม่ พู ด ว่ า อย่ า งนี ้ ทํา ไมทุกคนที่มี อํา นาจอยู่ใ นมื อจึ งไม่ ใช ้มันให เ้ ป็ นประโยชน์ต่อ ประชาชน ้ ่กฎหมายจะกํา หนดไว เ้ ป็ นอย่า ง ทังๆที อื่น เรื่องนี ้ ล็อคก็เงียบอีก

อ ย่ า งไ ร ก็ ต า ม ข ้ า ง ต ้ น นี ้ กล า ย เ ป็ น ปั ญ ห า ห นั ก ใ น แ ง่ ห นึ่ ง ที่ มาของสิ ท ธิ ห รื อ อํ า นาจของฝ่ าย บริหารแสดงว่าผูบ้ ริหารทุกคนควรจะ มี สิทธิน้ั นอยู่โดยปริยาย และทุกคนที่ มีอํานาจย่อมมีสิทธิใช ้ prerogative แ ต่ มั นไ ม่ เ ป็ น ดั่ ง นั้ น ก ฎ ห ม า ย ธรรมชาติมิ ไดใ้ หอ้ ํา นาจแก่แต่ล ะคน สักแต่ว่ามีตําแหน่ งสูง แต่ในอีกแง่หนึ่ ง ล็ อ คก็ ไ ม่ เ คยพู ด ว่ า ผู บ ้ ริ ห ารทุ ก ๆคน มีแต่กษัตริย ์หรือเจ ้าผูป้ กครองเท่านั้ น ที่มี สิทธิจะมี อํานาจนี ้ : ล็ อคไดล้ ็ อกไว ้ เสมอว่ า ใครจึ ง จะใช ้อํ า นาจนี ้ ได ้ เรา อ า จ จ ะ พู ด ว่ า ซี อี โ อ ห รื อ ป ร ะ ธ า น ผูบ้ ริห ารมี อํานาจในมื อมากกว่าผู อ้ ่ื น ฉะนั้ นอาจจะดี ก ว่ า ที่ ให เ้ ขาเป็ นผู ใ้ ช ้ อํา นาจของทุก คน แต่ล็ อคไม่ เคยพู ด ้ อย่างนี ้ เราอาจจะขยับขึนไปอี กหน่ อย ว่า : prerogative มีลก ั ษณะคลา้ ย กับ อํ า นาจศาลหรื อ อํ า นาจป้ องกัน ตนเองของบุ ค คล ทั้งสองอย่ า งไม่ มี อะไรมากไปกว่า บุ คคลใช ้อํา นาจของ กฎ หมา ยธรรม ชาติ เขา ต่ า งก็ ใช ้ ดุล พิ นิ จส่ ว นตัว ว่ า กฎหมายต อ้ งการ

ห รื อ ว่ า ล็ อ ค พู ด ว่ า อ ย่ า งไ ร ขอให ด ้ ู ต ัว อย่ างเรื่ องการอภั ยโทษ เรื่องนี ้ การใช ้ prerogative เป็ นเรื่อง จํา เป็ นเพื่ อปลดโทษใหผ ้ ูท ้ ่ี การกระทํา ผิ ด กฎหมายของเขาสมควรได ร้ ับ รางวัล (เพราะเกิ ด ผลดี ต่อ ส่ ว นรวม) แ ต่ อ า ช ญ า ก ร ค ว ร มี สิ ท ธิ ฝ่ า ฝื น กฎหมายที่ บัญ ญัติ ไว อ้ ย่ า งชัด แจ ง้ ได ้ หรื อ ดู เ หมื อนเราและล็ อคจะไม่ มี ทางเลื อ กนอกจากจะสรุ ป ว่ า นั่ นคื อ สิ ท ธิ ธ รรมชาติ เช่น เดี ย วกฎหมาย ธ ร ร ม ช า ติ ที่ รั บ ร อ ง prerogative กฎหมายธรรมดาหรือกฎหมายสาระ บัญ ญัติไม่ สามารถใหส้ ิ ทธิ (ใคร) มา ฝ่ าฝื นล ม ้ ล า้ งกฎหมายสาระบัญ ญัติ ด ว้ ยกัน จนกระทั่งกลายเป็ นไม่ ผิ ด กฎหมาย

74

ราชประชาสมาสัย

ถ า้ อย่ า งนั้ น อะไรล่ ะ ที่ ต่ า งกัน เรา ก็ ต อ ้ งก ลั บไปหา ส ม มุ ติ ฐา นใ น ตัว อย่ า งเรื่ องอภัยโทษอี ก อาชญากร อาจได ร้ ับ การอภัยโทษ ถ า้ หากเขา ต ้องคําพิพากษาในศาล การอภัยโทษ ทํา ไดเ้ ฉพาะกับ ผู ก ้ ระทํา ผิ ดหรือศาล


เห็ น ว่ า กระทํา ผิ ดแล ว้ เท่า นั้ น สํ า หรับ ผู บ ้ ริ หารกระทํา ผิ ด ใครจะเป็ นผู อ้ ภัย โทษให ้ หรื อใครจะเป็ นผู ต ้ ัด สิ น ถ า้ หา กว่ า prerogative เป็ น extraconstitutional อยู่ น อกหรื อ เหนื อ รัฐธรรมนู ญแลว้ ไม่มีใครในโลกนี ้ที่จะ ตัด สิ นได ้ อย่ า งไรก็ ตาม ในสั ง คม ก า ร เ มื อ ง ทุ ก ๆ ค น ที่ ใ ช อ ้ ํานาจ ธรรมชาติ จ ะต อ้ งมี ผู พ ้ ิ พ ากษา อัน ได แ้ ก่ ร ัฐ บาลนั่ นเอง ถึ ง ตอนนี ้ เราก็ อนุ มานได ้แล ้วว่า ทําไมจึงมีแต่กษัตริย ์ ผู ป ้ กครองเท่ า นั้ นที่ สามารถใช พ ้ ระ ราชอํ า นา จพิ เศษ ซึ่ งมิ ใช่ อํ า นา จ ธรรมชาติธรรมดาๆ หากเป็ นอํา นาจ ธรรมชาติพิเศษที่ไม่มีผูอ้ ่ืนในโลกนี ้จะ ตัดสินได ้ มีผูเ้ สนอใหฝ ้ ่ ายนิ ติบญ ั ญัติเป็ น ผู ้ ค ว บ คุ ม ตั ด สิ น อํ า น า จ prerogative (เพราะยังไงนิ ติบญ ั ญัติ ก็ เ ป็ นอํ า นาจสู ง สุ ดในแผ่ น ดิ น ) แต่ ความคิ ด แบบนี ้ ประสบคํ า ถามและ ปัญหาใหญ่หลวงมากมายที่แกไ้ ม่ ตก เฉพาะที่ เป็ นหลัก ๆ ในต น ้ ฉบับ ของ ล็ อ คที่ วิ จ ารณ์ว่ า ฝ่ ายบริ ห ารอาจจะ ดํ า เ นิ น ก า รไ ป โ ด ยไ ม่ มี ก ฎ ห ม า ย บัญ ญัติ “จนกระทั่งสะดวกที่ จะเรี ย ก ประชุม สภามาปฏิ บ ัติ ห น้ า ที่ ได ”้ (II ้ ง ขา หาก 159) เรื่ องนี ้ อาจจะไม่ สิ นกั ปรากฏว่ า นี่ เป็ นเพี ย งกรณี (การ

ป ก ค ร อ ง ท ้อ ง ถิ่ น ) ที่ “ ก ฎ ห ม า ย เกี่ ยวกับ เทศบาลไม่ มี ท างออกหรื อ ทิ ศ ท า ง อ ะ ไ รใ ห ้ ไ ว ้ เ ล ย ) แ ล ะ ไ ม่ ค ร อ บ ค ลุ ม ถึ ง ก ร ณี ที่ ฝ่ า ย บ ริ ห า ร ปฏิ บ ต ั ิการตรงกัน ข ้ามกับ ที่กฎหมาย บัญ ญัติ ไ ว ้ อย่ า งไรก็ ต าม พิ จ ารณา จากข อ้ ความที่ ล็ อ คเขี ย นไว ้ การให ้ สัต ยาบันโดยฝ่ ายนิ ติ บ ัญ ญัติ อ ย่ า ง มากที่จะกระทําไดก้ ็ คือผ่านกฎหมาย ออกมาใหม่ เ พื่ อแก ไ้ ขข อ้ บกพร่ อ ง ต่ า งๆ ของกฎหมายเทศบาลเท่ า นั้ น ถา้ หากจะเป็ นเพี ยงการรับสภาพหรือ ยื น ยั น prerogative ห รื อ อํ า น า จ พิ เ ศ ษ เ ฉพ า ะ เ รื่ อง แ บ บ นี ้ ฝ่ า ย นิ ติ บั ญ ญั ติ ก็ ค งไ ม่ พ้ น ผิ ด ฐ า น อ อ ก ก ฎ ห ม า ย เ ฉ พ า ะ กิ จ แ ท น ที่ จ ะ เ ป็ น กฎหมายทั่ วไป (cf II 136 II 142) อํานาจนอกหรือเหนื อกฎหมายของผู ้ ครองแผ่นดินไม่สามารถจะออกใหเ้ ข ้า กับกฎหมายรัฐบาลตามกฎหมายโดย การใช อ้ ํ า นาจนิ ติ บ ั ญ ญั ติ ผิ ดๆ ได ้ ยิ่ ง ก ว่ า นั้ น ห ลั ง จ า ก ก า ร อ ธิ บ า ย ดังกล่า ว ล็ อคยังเปิ ดประเด็ นว่า “ยังมี อีกหลายสิ่ งหลายอย่าง ที่กฎหมายไม่ มี ท างออกมาให ค ้ รอบคลุ มได ”้ (II 159) สิ่ งเหล่ า นั้ นจํ า เป็ นจะต อ้ งอยู่ ภายในขอบเขตของ prerogative และฝ่ ายนิ ติ บ ัญ ญั ติ ไ ม่ ส ามารถให ้ สัตยาบันในภายหลังได ้ สิ่งเหล่านี ้ไม่ มี

ราชประชาสมาสัย

75


ทางเยี ย วยาโดยฝ่ ายนื ติ บ ญ ั ญัติ ทุ ก ค รั้ ง ที่ ล็ อ ค ก ล่ า ว ถึ ง สั ต ย า บั น ข อ ง prerogative หรืออํา นาจพิ เศษ เขา จะพู ด ถึ ง ประชาชนที่ จะเป็ นผู ต ้ ด ั สิ น หาใช่ ผู แ้ ทนราษฎรไม่ (cf II 164165) ฝ่ ายนิ ติ บ ัญ ญัติ ไ ม่ เ คยมี สิ ท ธิ ห รื อ อํ า น า จ ดั้ ง เ ดิ ม ที่ จ ะ ตั ด สิ น prerogative หรื อ ฝ่ ายนิ ติ บ ั ญ ญั ติ อาจจะทํ า ได ภ ้ ายใต เ้ งื่ อนไขที่ ฝ่ าย บริหารเป็ นเพี ย งลูก (creature) ของ สภาผู แ้ ทน ในขณะที่ กษั ต ริ ย ไ์ ม่ มี อํานาจนิ ติบญ ั ญัติ? ล็อคกล่าวด ้วยว่า ใ นโ ล ก นี ้ ไ ม่ มี ผู ้พิ พ า ก ษ า ค นไ ห น สามารถทํ า ให ฝ ้ ่ ายนิ ติ บ ัญ ญัติ ส่ งให ั ้ ฝ่ ายบริ ห ารประชุมได ้ (II 168) แต่ น่ี เป็ นกรณี ของประเทศที่ จัด ระเบี ย บดี แ ล ้ ว เ ท่ า นั้ น (well-ordered commonwealth) (II 156) ด ้ ว ย เหตุนี้ บางคนอาจจะคิดว่าในประเทศ ที่ จัด ระเบี ย บเลว (poorly ordered commonwealth) ฝ่ ายนิ ติ บ ัญ ญัติ อ า จ จ ะ ตั ด สิ น prerogative ไ ด ้ อํ า นาจอย่ า งเดี ย วที่ ล็ อ คให ฝ ้ ่ ายนิ ติ บัญญัติเหนื อฝ่ ายบริหารก็ คืออํานาจ ลงโทษและไล่รฐั บาลออกเพราะบริหาร ผิ ดพลา ด (II 152-153) อย่ า งไรก็ ตาม รัฐ ธรรมนู ญสหรัฐ อเมริ ก า (ซึ่ง เกิด 100 ปี หลังจากที่ล็ อคเขียนเรื่อง

76

ราชประชาสมาสัย

นี ้) มิได ้เขียนไว ้ใหอ้ เมริกาเป็ นประเทศ ที่ จัด ระเบี ย บเลว ประธานาธิ บ ดี จึ ง มี อํา นาจนิ ติ บ ญ ั ญัติ พิ เ ศษคื อ การวี โ ต ้ กฎหมายที่ผ่านโดยสภา*******

(๗) ตอนจบ อย่างไรก็ตาม ถ ้าหากจะใหฝ ้ ่ าย นิ ติ บั ญ ญั ติ เ ป็ น ผู ้ ค ว บ คุ ม ตั ด สิ น prerogative ปั ญ ห า ย า ก ที่ สุ ด ที่ จะตอ้ งแกใ้ หต้ ก คื อตัว อย่า งที่ 2 ของ ล็ อ ค ได แ้ ก่ ต ัว อย่ า งก่ อ นที่ ล็ อคทํ า เหมือนกับจะสนับสนุ นในตอนแรกโดย ถามว่ า ถ า้ หากฝ่ ายบริ หารจะกระทํา ผิ ดโดยเรี ย กประชุม ฝ่ ายนิ ติ บ ัญ ญัติ เพื่ อลม้ ลา้ งการปกครองทอ้ งถิ่ นที่ เน่ า ้ เหม็ นเสื่อมโทรม และจัดตังองค ์กรใหม่ ที่ เที่ ยงธรรมและมี ต วั แทนได ส้ ด ั ส่ ว น จะต ้องถามเสียก่อนว่าสภาไหนที่จะให ้ สัตยาบันการตัดสินใจ สภาเก่าที่โคตร โกง สารเลวจกเปรต หรืออีกสภาหนึ่ ง ที่หาใช่ตวั แทนที่ประชาชนเลือกมาไม่ คงจะไม่ ท ้งสองอั ั น ส่ ว นอี ก อัน ที่ เขา ้ ตั้งขึ นเองเล่ า เราหวัง ว่ า ล็ อคคงไม่ ปล่อยใหใ้ หข ้ นกั ึ ้ บผูพ ้ ิพากษาว่าตนจะ ่ งได ้ สามารถบังคับใหป้ ระชาชนเชือฟั ้ หรือไม่ แน่ นอนที่สุด ผูต้ ด ั สิ นที่ตังโดย


้ บ สภานิ ติบญ ั ญัติ อยู่ภายใตแ้ ละขึนกั ้ ง ก็คงจะปั ด ฝ่ ายนิ ติบญ ั ญัติโดยสินเชิ ่ า้ ยนี ้ ไม่ ไ ด ้ และกลับ จะ เป่ าความชัวร ทําให ้ปัญหาหนักยิ่งขึน้ ้ ่ อมี Prerogative นั้ นเกิดขึนเมื ความจําเป็ น และตัดสินโดยประโยชน์ ์ ของประชาชน เพื่ อสัมฤทธิประโยชน์ ดั ง ก ล่ า ว มั น อ า จ จ ะ ขัด ก ฎ ห ม า ย ้ รวมทังกฎหมายรั ฐ ธรรมนู ญ และถ า้ หากกฎหมายรัฐ ธรรมนู ญ เท่า นั้ นคื อ อุ ป สรรคที่ ขัด ขวางมิ ใ ห ฝ ้ ่ ายบริ ห าร ก ร ะ ทํ า สิ่ ง ที่ จํ า เ ป็ น ยิ่ ง นั้ นไ ด ้ เ จ ้า ผู ป ้ กครองจะขัด ขืน บทบัญ ญัติ ข อง รัฐ ธรรมนู ญเพื่ อปกป้ องส่ ว นรวมได ้ หรือมิใช่ หรือจะใช ้สิทธิอน ั ถูกตอ้ งยึด อํานาจเสียเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เมื่อถึงคราวจําเป็ น ล็ อ ค ย กใ ห ้ป ร ะ ช า ช น เ ป็ น ผู ้ เหมาะสมที่ จะตัด สิ น prerogative ถ า้ หากฝ่ ายนิ ติ บ ัญ ญัติ ท านอํ า นาจ พิเศษไม่ได ้ และฝ่ ายหลังเป็ นอิสระจาก คํ า สั่งของฝ่ ายแรก ก็ มี แ ต่ ป ระชาชน เท่ า นั้ นที่ จะปลดเจ า้ ผู ป ้ กครองได ้ (II 168) ใ น ค ว า ม พ ย า ย า ม ที่ จ ะ ทํ า เช่นนั้ น ประชาชนจะปลดผูพ ้ ิพากษา ทุกคนหมด หรือถือว่าทุกคนถูกปลด แลว้ โดยการกระทํานอกกฎหมายของ เจ ้าผูป้ กครอง (II 13 II 137) รัฐบาล

ทั้งในฐานะอํ า นาจนิ ติ บ ัญ ญัติ สู ง สุ ด แ ล ะ ใ น ฐ า น ะ อํ า น า จ พิ เ ศ ษ เ ห นื อ ้ นมาเพื ้ ่ อประโยชน์ กฎหมายลว้ นตังขึ ของประชาชน ดังนั้นประชาชนจึงเป็ น ผู ้ ต ั ด สิ น ที่ ดี ที่ สุ ด ว่ า ทั้ ง คู่ รั บใ ช ้ ผลประโยชน์ของประชาชนหรือไม่ (II 240) ประชาชนคื อ ผู ม ้ ี อํ า นาจสู ง สุ ด เพียงแต่ไม่สามารถใช ้อํานาจนั้นไดเ้ อง ในเมื่อยังมีรฐั บาลอยู่ (II 149 II 243) ประชาชนก็ คื อ extraconstitutional authority หรือผู ม้ ี อํา นาจพิ เศษนอก แ ล ะ เ ห นื อ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ด ้ ว ย เช่นเดียวกัน (กับกษัตริย ์) ประชาชน มี ค วามสัม พัน ธ ก์ ับ อํ า นาจทางการ เมืองในฐานะผูใ้ หม้ ิใช่ผูร้ บ ั การตัดสิน ้ ของประชาชนจะตอ้ งเกิดขึนภายนอก ประชาคม เช่น การปฏิ ว ัติ เ ป็ นต น ้ ก า รใ ห ้ ป ร ะ ช า ช น เ ป็ น ผู ้ ต ั ด สิ น prerogative นั้ น ล็ อ ค เ ห็ น ว่ า ประชาชนเป็ นพลัง ต า้ นธรรมชาติ อย่างเดียวที่จะควบคุม prerogative ไ ด ้ แ ต่ ป ร ะ ช า ช น อ า จ ย อ ม รั บ prerogative ด ้วยการไม่ต่อต ้านก็ได ้ บทว่าด ้วย prerogative ของล็อคจบ ้ ลงด ้วยการอธิษฐานต่อสวรรค ์เบืองบน อัน เป็ นสัมโมทยวจี ท่ี ล็ อคใช ้แทนการ ตัดสิ นโดยการเข ้าปะทะดว้ ยกํา ลัง (II 168 II 21)

ราชประชาสมาสัย

77


บทสรุป พ ร ะ ร า ช อํ า น า จ ที่ เ รี ย ก ว่ า prerogative นี ้ เ ป็ น เ รื่ อ ง น อ ก แ ล ะ เ ห นื อ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ (extraconstitutional) แต่ ม ั น มิ ไ ด ้ ทํ า ใ ห ้ร ั ฐ ธ ร ร ม นู ญไ ร ้ค ว า ม ห ม า ย prerogative เป็ นเรื่องนอกและเหนื อ กฎหมาย (extralegal) แต่ ม ัน มิ ไ ด ้ ทํ า ให ก ้ ฎหมายไร ค ้ วามหมาย ข อ้ สําคัญ prerogative คือสิทธิท่ีจะฝ่ า ฝื นกฎหมายและรัฐ ธรรมนู ญเมื่ อถึ ง ค ร า ว จํ า เ ป็ น มิ ใ ช่ เ มื่ อ ค ว า ม ทะเยอทะยานของบุคคลฉวยโอกาสทํา ตามความสะดวก ในทัศ นะของล็ อ ค การจํ า กัด prerogative ด ว้ ยหลัก ลัทธิธรรมนู ญคือการลดความสําคัญ ของปั ญ หาที่จะตอ้ งรีบแกไ้ ข และการ มั ว แ ต่ ก ลั ว ค ว า มไ ร ้ก ฎ ห ม า ย ข อ ง prerogative คื อ ก า ร ตี ร า ค า ศักยภาพของรัฐธรรมนู ญสูงเกินไป เ จ ม ส ์ เ ม ดิ สั น : James Madison (อี ก ร อ้ ยปี ต่ อ มา) ปกป้ อง ข ้อเสนอเรื่อง check and balance หรื อ การตรวจสอบและถ่ ว งดุ ล ซึ่งกัน แ ล ะ กั น ข อ ง อํ า น า จ อ ธิ ป ไ ต ยใ น รัฐ ธรรมนู ญอเมริ ก ัน สรุ ป ว่ า การ ป้ องกัน ทรราชย ท์ ่ี ได ผ ้ ลอย่ า งสํ า คัญ ก็คือ การที่ประชาชนลุกฮือต่อต ้านผู ้

78

ราชประชาสมาสัย

ทํา ลายหลัก รัฐ ธรรมนู ญ เมดิส น ั อ า้ ง ว่าประชาชนมีสิทธิ (ตามรัฐธรรมนู ญ) ้ ที่จะถืออาวุธและจัดตังกองกํ าลัง จึงทํา ใ ห ้ สิ ้ น ส ง สั ย ว่ า ก า ร ต่ อ ต ้ า น จ า ก ประชาชนนั้นจะเป็ นอย่างไร เมดิสน ั กล่าวว่าการดําเนิ นตาม รัฐธรรมนู ญตามปกติ ผูด้ ํารงตําแหน่ ง ไม่สามารถใช ้อํานาจเกินกว่าที่มอบให ้ ที่ ร ะ บุ ไ ว ้ อ ย่ า ง ชั ด แ จ ้ ง ก ร ณี นี ้ ้ ่มี สญ รัฐธรรมนู ญจึงเหมื อนรัวที ั ญาณ กันขโมย หากใครล่วงละเมิดบุกรุกเข ้า ม า จ ะ ถู ก ร ะ ด ม ต่ อ ต ้า น ก า ร เ พิ่ ม prerogative มากกว่านี ้หมายความ ว่ า ผู ฝ ้ ่ าฝื นจะเผชิญ กับ ความขัน แข็ง ไม่ หยุ ดหย่ อนของประชาชน ถา้ หาก ประช า ชนข า ดวิ จ า รณญ า ณทา ง ่ การเมื อง ซึงอาจจะเป็ นได ้ ก็ ไม่มีสูตร อะไรง่ า ยๆที่ ประชาชน (มิ ใ ช่ผู แ้ ทน หรือผูช ้ ว่ ย) จะตัดสินความชอบธรรม ของการกระทําเช่นนั้นหรือการกระทํา ตามที่ รัฐ ธรรมนู ญกํ า หนดไว ้ การที่ ล็ อ คอ า้ งอํ า นาจของ prerogative นั้นทําใหส้ รุปได ้ว่า หากมีการกําหนด ตายตัว ว่ า ใครมี อํ า นาจอะไรที่ ชอบ ธรรมตามกฎหมายบา้ ง เมื่อประชาชน ขาดวิ จ ารณญาณ สิ ทธิแ ละเสรีภ าพ ของประชาชนจะไม่ ป ลอดภัย ทฤษฎี prerogative ข อ ง ล็ อ ค จึ ง อ ยู่ น อ ก รัฐธรรมนู ญ เพราะเหตุผลที่ชัดเจนว่า


แ ม ้ ร ั ฐ ธ ร ร ม นู ญ จ ะ ดี แ ค่ ไ ห น ก็ ไ ม่ เพี ย งพอสํ า หรับ การปกครองอย่ า ง เสรี****

หมายเหตุ​ุ Ross J. Corbett เขียนบทความนี ้เมื่อปี 2006 เป็ นส่วน หนึ่ งที่ ดัด แปลงมาจากวิ ท ยานิ พนธ ์ ปริญญาเอกของเขาจากมหาวิทยาลัย โตรอนโต ขณะนี ้ Ross เป็ นผู ช ้ ่ว ย ศาสตราจารยอ ์ ยู่ ที่ ม ห า วิ ท ย า ลั ย Northern Illinois ผูเ้ รียบเรียงเห็ น ว่าเป็ นบทความที่น่ าสนใจ สามารถย่อ ้ ให ผ ้ ูท ้ ่ี ไม่ มี เ วลาอ่ า นต น ้ ฉบับ ทังหมด ข อ ง Locke เ รื่ อ ง The Two Treatises of Government (เขียน ในปี 1688-90) พอเกิดความเข ้าใจ ได ้ สิ่ งที่น่ า ฉงนก็ คือคํา ถามเมื่ อ 300 ก ว่ า ปี ม า แ ล ้วใ น อั ง ก ฤ ษ ทํ า ไ ม จึ ง เหมือนปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบน ั

ราชประชาสมาสัย

79


80

ราชประชาสมาสัย


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.