On the Island เกาะรักสองหัวใจ
บทที่ 1
แอนนา
มิถุนายน 2001 ฉันอายุสามสิบตอนที่เครื่องบินทะเลล�ำที่ที.เจ. คัลลาแฮนกับฉัน ก�ำลังเดินทางอยู่ร่วงตกลงไปในมหาสมุทรอินเดีย ที.เจ.อายุสิบหก และ โรคมะเร็งต่อมน�้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน* ของเขาสงบมาได้สามเดือนแล้ว คนขับเครื่องบินชื่อมิค แต่เขาเสียชีวิตตอนเราร่วงตกกระทบท้องน�้ำ จอห์นแฟนฉันขับรถมาส่งที่สนามบินถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่สาม ในบัญชีรายชื่อคนที่ฉันอยากให้มาส่งถัดจากแม่และซาราห์พี่สาวของฉัน เราเดินเบียดเสียดผู้คนมากมาย เราทั้งคู่ต่างคนต่างลากกระเป๋าเดินทาง ใบใหญ่มีล้อไปด้วย ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าวันนี้ทุกคนในชิคาโกพร้อมใจบิน ไปที่ไหนสักแห่งกันหมดเลยหรือไงนะ ในที่สุดเราก็มาถึงเคาน์เตอร์ของ สายการบินยูเอส แอร์เวย์ส พนักงานขายตั๋วยิ้มแย้ม ติดป้ายบนกระเป๋า เดินทางของฉัน แล้วส่งบัตรผ่านขึ้นเครื่องบินให้ใบหนึ่ง * เป็นมะเร็งที่แพร่กระจายจากต่อมน�้ำเหลืองหนึ่งไปอีกต่อมน�้ำเหลืองหนึ่ง แต่มีโอกาสรักษา หายได้ถึง 93% 7
เทรซีย์ การ์วิส เกรฟส์
“ขอบคุณค่ะ คุณอีเมอร์สัน ฉันออกตั๋วให้คุณไปจนถึงเมืองมาเล เลยนะคะ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ” ฉันสอดบัตรผ่านขึ้นเครื่องไว้ในกระเป๋าเงิน แล้วหันไปบอกลา จอห์น “ขอบคุณที่ขับรถมาส่งนะคะ” “ผมจะเดินไปส่งคุณ แอนนา” “ไม่ต้องหรอกค่ะ” ฉันตอบ พลางส่ายหน้า เขาสะดุ้ง “แต่ผมอยากเดินไปส่งคุณ” เราเดินกันไปเงียบๆ ตามหลังกลุ่มผู้โดยสารที่เดินกันอย่างเชื่องช้า จอห์นถามฉันที่ประตูขึ้นเครื่องว่า “หน้าตาเขาเป็นยังไง” “ผอมและหัวล้าน” ฉันกวาดตามองผู้คนแล้วยิ้มเมื่อเห็นที.เจ. เพราะตอนนี้ศีรษะเขา มีผมสีน�้ำตาลสั้นๆ ขึ้นปกคลุมบ้างแล้ว ฉันโบกมือให้ ที.เจ.พยักหน้ารับรู้ เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ ใช้ศอกกระทุ้งชายโครงเขา “เด็กอีกคนนั่นใคร” จอห์นถาม “ฉันคิดว่าเป็นเบนเพื่อนเขาค่ะ” ทั้งสองนั่งงอตัวอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ แต่งกายด้วยเสื้อผ้า ที่เด็กหนุ่มอายุสิบหกส่วนใหญ่นิยม คือ กางเกงกีฬาขาสั้นตัวโคร่งยาว เสื้อยืด กับรองเท้าผ้าใบไม่ผูกเชือก มีเป้สีกรมท่าใบหนึ่งวางอยู่แทบเท้า ที.เจ.บนพื้น “แน่ใจนะว่านี่คือสิ่งที่คุณอยากท�ำจริงๆ” จอห์นถาม เขาเอามือ ซุกกระเป๋าหลัง จ้องลงไปบนพรมเก่าโทรมของพื้นสนามบิน ก็เราคนใดคนหนึ่งต้องท�ำอะไรสักอย่างนี่นะ “แน่ใจค่ะ” “ได้โปรด อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรลงไปจนกว่าคุณจะกลับมานะ” ฉันไม่คิดจะบอกหรอกว่าค�ำร้องขอของเขามันน่าขัน “ก็บอกแล้ว ไงคะว่าฉันจะยังไม่ตัดสินใจ” แต่มันมีทางเลือกแค่สายเดียวจริงๆ ฉันเพียงประวิงเวลาออกไป 8
เกาะรักสองหัวใจ
จนกว่าจะถึงปลายฤดูร้อนนี้ จอห์นโอบแขนรอบเอวฉัน แล้วจูบฉันนานเกินกว่าที่ควรจะท�ำ ในที่สาธารณะแบบนี้ ฉันผละออกด้วยความกระดากอาย จากทางหางตา ฉันเห็นที.เจ.กับเบนก�ำลังจับตามองเหตุการณ์อยู่ “ผมรักคุณ” จอห์นพูด ฉันพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ” จอห์นท�ำใจยอมรับ คว้ากระเป๋าแฮนด์แบ็กขึ้นสะพายไหล่ให้ฉัน “ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะจ๊ะ โทรฯ หาผมด้วยเมื่อคุณไปถึงที่นั่น แล้ว” “ตกลงค่ะ” จอห์นเดินจากไป ฉันมองตามจนกระทั่งเขาหายลับไปในฝูงชน ฉันลูบด้านหน้าของกระโปรง เดินไปหาเด็กหนุ่มทั้งสอง พวกเขาหลุบตา ลงเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ “หวัดดีจะ้ ที.เจ. เธอดูยอดเยีย่ มมาก พร้อมจะไปกันหรือยังจ๊ะ” นัยน์ตาสีนำ�้ ตาลของเขาสบตาฉันแวบหนึง่ “พร้อมอยูแ่ ล้ว” ที.เจ. อ้วนขึ้น และใบหน้าก็ไม่ซีดเซียวมากนัก เขาดัดฟันด้วย ซึ่งฉันไม่เคย สังเกตเห็นมาก่อน และมีรอยแผลเป็นเล็กๆ บนคาง “หวัดดีจ้ะ ฉันชื่อแอนนา” ฉันพูดกับเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งข้าง ที.เจ. “เธอต้องเป็นเบนแน่เลย ปาร์ตี้เป็นไงบ้างจ๊ะ” เบนชายตามองที.เจ.ด้วยสีหน้างุนงง “เอ่อ ก็ดีครับ” ฉันควักมือถือออกมาดูเวลา “เดี๋ยวฉันมานะ ที.เจ. ฉันอยาก ตรวจดูเที่ยวบินของเราหน่อย” ขณะเดินจากไป ฉันได้ยินเบนพูดว่า “พี่เลี้ยงนายฮอตสุดๆ ไป เลยว่ะ เพื่อน” “เธอเป็นครูฉันเว้ย ไอ้บ้า” ค�ำพูดนีไ้ ม่มผี ลอะไรกับฉันมากนัก ฉันสอนหนังสือทีโ่ รงเรียนมัธยม 9
เทรซีย์ การ์วิส เกรฟส์
จึงมองว่าค�ำพูดวิพากษ์วิจารณ์เป็นครั้งคราวจากบรรดาเด็กหนุ่มฮอร์โมน แรงสูงพวกนี้เป็นภยันตรายในสายงานแค่ขั้นเบาะๆ เท่านั้น หลังจากได้รับการยืนยันแล้วว่าก�ำหนดเวลาของเรายังเหมือนเดิม ฉันก็เดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ตัวว่างข้างที.เจ. “เบนไปแล้วเหรอ” “ครับ แม่ของเขาเบื่อการวนรถไปมารอบสนามบิน เบนไม่ยอม ให้แม่เขาเข้ามาในนี้กับเรา” “อยากกินอะไรไหม” ที.เจ.สั่นหน้า “ผมไม่หิว” เรานั่งกันเงียบๆ อย่างอึดอัดจนกระทั่งถึงเวลาขึ้นเครื่อง ที.เจ. เดินตามฉันไปตามทางเดินเล็กแคบจนถึงที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส “เธออยาก นั่งข้างหน้าต่างไหม” ฉันถาม ที.เจ.ยักไหล่ “ได้เลยครับ ขอบคุณ” ฉันก้าวหลบไปด้านข้าง รอให้ที.เจ.นั่งลง ฉันค่อยนั่งลงข้างเขา และคาดเข็มขัดนิรภัย ที.เจ.หยิบเครื่องเล่นซีดีแบบพกพาออกมาจาก เป้และใส่หูฟัง เป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่อยากพูดคุย ฉันจึงหยิบ หนังสือเล่มหนึ่งออกจากกระเป๋าแฮนด์แบ็กบ้าง แล้วนักบินก็น�ำเครื่อง ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เราทิ้งชิคาโกไว้เบื้องหลัง s
s
s
เหตุการณ์เริ่มผิดปกติในเยอรมนี เครื่องบินควรจะใช้เวลาสิบแปด ชั่วโมงกว่าๆ ในการบินจากชิคาโกไปมาเล...เมืองหลวงของหมู่เกาะมัลดีฟส์ แต่หลังจากปัญหาด้านเครื่องยนต์และสภาพอากาศท�ำให้ล่าช้าแล้ว เรา ใช้เวลาที่เหลือของวันนั้นกับอีกครึ่งคืนที่สนามบินนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต เพื่อรอให้สายการบินพาเราเดินทางต่อ ฉันกับที.เจ.นั่งบนเก้าอี้พลาสติก แข็งตอนตี 3 หลังจากเที่ยวบินถัดไปได้รับการยืนยันในท้ายที่สุด ที.เจ. 10
เกาะรักสองหัวใจ
ขยี้ตา ฉันชี้ไปที่เก้าอี้ว่างแถวหนึ่ง “นอนได้เลยนะ” “ไม่เป็นไรครับ” ที.เจ.ตอบ พลางกลั้นหาว “อีกหลายชั่วโมงกว่าเราจะออกเดินทางต่อ เธอควรพยายามนอน พักผ่อนนะจ๊ะ” “คุณไม่เหนื่อยหรือไง” ฉันเหนือ่ ยจนหมดแรงเลยละ แต่ท.ี เจ.จ�ำเป็นต้องพักผ่อนมากกว่า ฉัน “ฉันสบายดี เธอนอนเถอะ” “แน่ใจนะครับ” “แน่ใจที่สุด” “โอเค” ที.เจ.ยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณครับ” เขานอนเหยียดยาว บนเก้าอี้หลายตัว แล้วผล็อยหลับไปในทันที ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูเครื่องบินหลายล�ำร่อนลงและเหิน ขึ้นฟ้าอีกครั้ง ไฟสีแดงของเครื่องบินกะพริบบนฟากฟ้ายามราตรี เครื่อง ปรับอากาศเย็นเฉียบท�ำให้ขนแขนฉันลุกซู่และตัวสั่น ฉันใส่กระโปรงกับ เสื้อแขนกุด จึงเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน�้ำใกล้ๆ เป็นกางเกงยีนส์กับ เสื้อยืดแขนยาวที่ฉันใส่มาในกระเป๋าแฮนด์แบ็ก แล้วซื้อกาแฟมาถ้วยหนึ่ง ฉันนั่งลงข้างที.เจ.และเปิดหนังสืออ่านต่อ สามชั่วโมงต่อมาจึงปลุกเขาตื่น เมื่อได้ยินเสียงประกาศเที่ยวบินของเรา เกิดความล่าช้าขึ้นอีกมากมายหลังจากมาถึงศรีลังกา เที่ยวนี้ เป็นเพราะขาดแคลนพนักงานบนเครื่องบิน ฉันนั่งตื่นลืมตาอยู่ถึงสามสิบ ชั่วโมงกว่าเครื่องบินของเราจะร่อนลงจอดที่สนามบินนานาชาติมาเลบน หมูเ่ กาะมัลดีฟส์ และบ้านพักฤดูรอ้ นทีค่ รอบครัวคัลลาแฮนเช่าไว้กย็ งั อยูห่ า่ ง ออกไปอีกสองชั่วโมงโดยต้องนั่งเครื่องบินทะเลไป ขมับของฉันปวดตุบ ตาแสบไปหมด ฉันกะพริบตาปริบๆ เมื่อพนักงานบอกว่าไม่มีการจองตั๋ว ไว้ให้เรา 11
เทรซีย์ การ์วิส เกรฟส์
“แต่ฉันมีหมายเลขยืนยันนะ” ฉันพูดกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว พลาง เลื่อนกระดาษแผ่นหนึ่งข้ามเคาน์เตอร์ “ฉันอัปเดตการจองของเราก่อนที่ จะเดินทางออกจากศรีลังกา จองไว้สองที่นั่งชื่อ ที.เจ. คัลลาแฮน กับ แอนนา อีเมอร์สัน ช่วยตรวจดูอีกครั้งได้ไหมคะ” เจ้าหน้าที่ขายตั๋วตรวจดูในคอมพิวเตอร์ “เสียใจครับ” เขาพูด “ไม่มีชื่อของพวกคุณในบัญชีรายชื่อ และเครื่องบินทะเลก็เต็มหมดแล้ว” “เที่ยวบินต่อไปล่ะคะ” “อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว เครื่องบินทะเลจะไม่บินหลังตะวัน ตกดิน” เขามองฉันด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจเมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของ ฉันเคร่งเครียด เขาเคาะคีย์บอร์ด แล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้น “ผมจะลองดู ว่าจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง” “ขอบคุณค่ะ” ฉั น กั บ ที . เจ.เดิ น ไปที่ ร ้ า นกิ๊ ฟ ช็ อ ปเล็ ก ๆ ฉั น ซื้ อ น�้ ำ มาสองขวด “อยากได้สักขวดไหม” “ไม่ครับ ขอบคุณ” “ท�ำไมไม่ใส่ไว้ในเป้ของเธอสักขวดล่ะ” ฉันพูด ยื่นขวดน�้ำให้ “เธออาจต้องการน�้ำในภายหลังก็ได้นะ” ฉันล้วงขวดยาไทลีนอลออกจากกระเป๋า เขย่ายาสองเม็ดใส่มือ แล้วกลืนลงคอตามด้วยน�้ำ เรานั่งลงบนม้านั่งยาว ฉันโทรฯ หาเจนแม่ ของที.เจ. และบอกว่าเราจะไปพบเธอในตอนเช้า “มีโอกาสที่พนักงานจะหาเครื่องบินให้เราได้ค่ะ แต่ฉันคิดว่าเรา คงไม่ได้ออกเดินทางในคืนนี้หรอก เครื่องบินทะเลไม่บินหลังฟ้ามืด เรา อาจต้องค้างคืนที่สนามบิน” “เสียใจด้วยนะ แอนนา คุณคงเหนื่อยมากแน่ๆ” เจนพูด “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จริงๆ นะคะ เราจะไปถึงทีน่ นั่ พรุง่ นีแ้ น่นอน” ฉันเอามือปิดโทรศัพท์ “อยากคุยกับแม่เธอไหม” ที.เจ.ท�ำหน้าบึ้ง แล้ว 12
เกาะรักสองหัวใจ
ส่ายหน้า ฉันสังเกตเห็นว่าเจ้าหน้าที่ขายตั๋วก�ำลังโบกมือให้ฉันพร้อมรอยยิ้ม “เจน ฟังนะคะ ฉันคิดว่าเราอาจจะ...” แล้วสัญญาณมือถือก็ขาดหายไป ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เดินกลั้นหายใจไปที่เคาน์เตอร์ “นักบินรับจ้างคนหนึ่งสามารถพาคุณบินไปที่เกาะนั้นได้ครับ” เจ้าหน้าที่ขายตั๋วบอก “ผู้โดยสารที่เขาต้องพาไปติดอยู่ที่ศรีลังกา และ กว่าจะมาถึงที่นี่ก็พรุ่งนี้เช้า” ฉันถอนหายใจแล้วยิม้ “วิเศษมากค่ะ ขอบคุณทีช่ ว่ ยหาเครือ่ งบิน ให้เรานะคะ ขอบคุณจริงๆ” ฉันพยายามโทรฯ หาพ่อแม่ของที.เจ.อีกครั้ง แต่โทรฯ เท่าไหร่กไ็ ม่ตดิ หวังว่าโทรศัพท์คงมีคลืน่ สัญญาณเมือ่ เราไปถึงเกาะ “พร้อมหรือยังจ๊ะ ที.เจ.” “พร้อมแล้วครับ” เขาตอบ พลางคว้าเป้ รถมินิบัสคันหนึ่งพาเราไปส่งที่อาคารผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่ขายตั๋ว คนนั้นเช็คอินให้เราที่เคาน์เตอร์ แล้วเราก็เดินออกมาข้างนอก สภาพอากาศของมัลดีฟส์ทำ� ให้ฉนั นึกถึงห้องอบไอน�ำ้ ทีโ่ รงยิม เหงือ่ ผุดเป็นเม็ดๆ บนใบหน้าและท้ายทอยของฉันทันที กางเกงยีนส์กับเสื้อยืด แขนยาวกักเก็บอากาศร้อนชื้นไว้แนบผิวกาย ฉันภาวนาให้ตัวเองเปลี่ยน กลับไปใส่เสื้อผ้าที่เย็นสบายกว่านี้ อากาศจะร้อนอบอ้าวแบบนี้ตลอดเวลาหรือเปล่านะ เจ้าหน้าที่สนามบินคนหนึ่งยืนบนท่าเรือข้างเครื่องบินทะเลที่ลอย ตุ้บป่องๆ อยู่บนผิวน�้ำ เขากวักมือเรียกเรา เมื่อฉันกับที.เจ.เดินไปหา เขา ก็เปิดประตูให้ เรามุดศีรษะเข้าไปแล้วขึ้นเครื่อง นักบินนั่งประจ�ำที่ ส่ง ยิ้มให้เราทั้งชีสเบอร์เกอร์เต็มปาก “หวัดดีครับ ผมชื่อมิค” เขาเคี้ยวเสร็จแล้วกลืนลงคอ “หวัง ว่าคุณคงไม่รังเกียจนะถ้าผมจะขอกินมื้อค�่ำให้เสร็จก่อน” มิคน่าจะอยู่ใน วัยห้าสิบปลายๆ และอ้วนมากจนแทบจะนัง่ เก้าอีน้ กั บินไม่ได้ เขาใส่กางเกง 13
เทรซีย์ การ์วิส เกรฟส์
ขาสั้นคาร์โกกับเสื้อยืดลายบาติกตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา เท้าของ เขาเปลือยเปล่า เหนือริมฝีปากบนกับหน้าผากมีเหงื่อแตกซิก เขากิน ชีสเบอร์เกอร์ค�ำสุดท้าย แล้วเช็ดหน้าด้วยกระดาษเช็ดปาก “ฉันชื่อแอนนา และนี่ที.เจ.ค่ะ” ฉันพูดยิ้มๆ พลางยื่นมือไปจับ มือกับเขา “แน่นอนว่าเราไม่รังเกียจ” เครื่อง DHC-6 ทวิน ออตเตอร์สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สิบ คน และมีกลิ่นเหมือนน�้ำมันเติมเครื่องบินกับกลิ่นเชื้อรา ที.เจ.คาดเข็มขัด นิรภัย มองออกไปนอกหน้าต่าง ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทางเดินกับ เขา ดันกระเป๋าถือกับกระเป๋าแฮนด์แบ็กเข้าไปใต้เก้าอี้ แล้วยกมือขึน้ ขยีต้ า มิคสตาร์ตเครื่อง เสียงเครื่องดังจนกลบเสียงของมิค แต่เมื่อเขาเอี้ยวหน้า ไปด้านข้าง ฉันก็เห็นริมฝีปากของเขาขยับขณะติดต่อกับใครบางคนทาง หูฟังของวิทยุสื่อสาร เขาขับเครื่องบินออกจากท่า เร่งความเร็ว แล้วเรา ก็ทะยานขึ้นฟ้า ฉันนึกสาปแช่งตัวเองที่ไม่สามารถนอนหลับบนเครื่องบินได้ ฉัน อิจฉาพวกที่หลับปุ๋ยในทันทีที่เครื่องบินขึ้นและไม่ตื่นจนกว่าล้อจะแตะพื้น รันเวย์ ฉันพยายามจะงีบหลับบ้าง แต่แสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้าต่าง เครื่องบินทะเลกับร่างกายที่ยังปรับตัวไม่ได้กับเวลาที่แตกต่างกัน ท�ำให้ ฉันนอนยังไงก็ไม่หลับ พอฉันยอมแพ้และลืมตาขึ้น ก็พบว่าที.เจ.ก�ำลัง จ้องฉันอยู่ ถ้าสีหน้าของเขากับใบหน้าที่ร้อนผ่าวของฉันเป็นเครื่องบ่งบอก อะไรสักอย่างละก็ มันคงท�ำให้เราทั้งคู่กระดากอาย ที.เจ.เบือนสายตาไป ทางอืน่ ยัดเป้หนุนใต้ศรี ษะ ก่อนจะผล็อยหลับไปในอีกสองสามนาทีตอ่ มา ฉันนั่งไม่ติด จึงปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเดินไปถามมิคว่าอีกนาน แค่ไหนกว่าเราจะไปถึง “อีกราวหนึ่งชั่วโมงครับ” มิคชี้ไปที่เก้าอี้ผู้ช่วยนักบิน “เชิญนั่ง ได้เลยนะ” ฉันนั่งลง คาดเข็มขัดนิรภัย ยกมือขึ้นป้องตา ชมวิวที่สวยงาม 14
เกาะรักสองหัวใจ
จับตา ท้องฟ้าเบื้องบนไร้เมฆและเป็นสีนำ�้ เงิน ในขณะที่มหาสมุทรอินเดีย ไหลวนอยู่เบื้องล่างเป็นสีเขียวสะระแหน่ปนสีเขียวเทอร์คอยส์ มิคนวดกลางหน้าอกตัวเองด้วยก�ำปั้น เอื้อมมือหยิบยาลดกรดมา หลอดหนึ่ง หยิบยาหนึ่งเม็ดใส่ปาก “แสบหน้าอกครับ ผลของการกิน ชีสเบอร์เกอร์ แต่มันอร่อยกว่าสลัดบ้าๆ เยอะเลย” เขาหัวเราะ ฉันพยัก หน้าเห็นด้วย “คุณสองคนมาจากไหน” “ชิคาโกค่ะ” “คุณท�ำอะไรที่ชิคาโก” เขาหย่อนยาลดกรดอีกเม็ดใส่ปาก “ฉันสอนภาษาอังกฤษชั้นเกรดสิบ” “อ๋อ พักผ่อนฤดูร้อน” “ไม่ใช่ส�ำหรับฉันหรอกค่ะ ฉันมักสอนพิเศษในช่วงฤดูร้อน” ฉัน ชี้ไปทางที.เจ. “พ่อแม่เขาจ้างฉันให้ช่วยสอนพิเศษให้เขาเรียนทันเพื่อนๆ ในชั้น เขาเป็นโรคมะเร็งต่อมน�้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน เลยขาดเรียนบ่อย” “ผมคิดแล้วเชียวว่าคุณดูสาวเกินกว่าจะเป็นแม่ของเขา” ฉันยิ้ม “พ่อแม่กับน้องสาวเขาบินไปล่วงหน้าเมื่อสองสามวันก่อน แล้ว” ฉันไม่สามารถออกเดินทางได้เร็วเท่าครอบครัวคัลลาแฮน เพราะ โรงเรียนมัธยมของรัฐที่ฉันสอนปิดเทอมภาคฤดูร้อนหลังโรงเรียนมัธยม เอกชนที่ที.เจ.เรียนอยู่ราวสองสามวัน เมื่อที.เจ.รู้เรื่องนี้ เขาก็อ้อนวอน พ่อแม่ขอให้เขาอยู่ที่ชิคาโกต่อในสุดสัปดาห์นั้น แล้วค่อยบินมากับฉันแทน เจน คัลลาแฮนโทรฯ มาถามฉันว่าได้ไหม “เบนเพื่อนเขาจะจัดงานปาร์ตี้ ที.เจ.อยากไปมาก คุณแน่ใจนะ ว่าไม่ขัดข้อง” เจนถาม “ไม่เลยสักนิดค่ะ” ฉันตอบ “เราจะได้มีโอกาสท�ำความรู้จัก กันด้วย” 15
เทรซีย์ การ์วิส เกรฟส์
ฉันเคยเจอที.เจ.แค่ครั้งเดียวตอนพ่อแม่เขาสัมภาษณ์ฉัน เขาต้อง ใช้เวลาสักพักกว่าจะเริ่มท�ำความคุ้นเคยกับฉันได้ มันเป็นแบบนี้เสมอเวลา ที่ฉันท�ำงานกับลูกศิษย์คนใหม่ โดยเฉพาะลูกศิษย์หนุ่มวัยรุ่น เสียงของมิคดังขัดจังหวะความคิดของฉัน “คุณจะพักอยู่นาน แค่ไหนครับ” “ตลอดฤดูร้อนนี้ค่ะ พวกเขาเช่าบ้านอยู่บนเกาะ” “แปลว่าตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้วงั้นหรือ” “ใช่ค่ะ พ่อแม่ของที.เจ.บอกว่าเขาป่วยมากอยู่ระยะหนึ่ง แต่ โรคของเขาสงบมาได้สองสามเดือนแล้ว” “เป็นสถานที่ดีมากส�ำหรับการรับจ๊อบช่วงฤดูร้อนนะครับ” ฉันยิ้มกว้าง “ดีกว่าห้องสมุดเยอะค่ะ” เราบินกันไปเงียบๆ สักระยะ “ข้างล่างนั่นมีเกาะหนึ่งพันสองร้อย เกาะจริงๆ หรือคะ” ฉันถาม เพราะฉันเพิ่งนับได้แค่สามสี่เกาะเท่านั้น เกาะกระจัดกระจายอยู่บนท้องน�้ำเหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ขนาดยักษ์ ฉัน รอฟังค�ำตอบจากเขา “มิค” “อะไรนะ อ๋อ ใช่ครับ บวกลบสองสามเกาะ แต่มีคนอาศัยอยู่ แค่ประมาณสองร้อยเกาะเท่านั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้จะต้องเปลี่ยนไปเมื่อการ พัฒนาทั้งหลายแหล่เกิดขึ้น มีโรงแรมหรือไม่ก็รีสอร์ทเปิดใหม่ทุกเดือน” มิคหัวเราะลงลูกคอเบาๆ “ทุกคนอยากเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์ด้วยกัน ทั้งนั้น” มิคนวดหน้าอกอีกครัง้ ยกแขนซ้ายออกจากคันบังคับ แล้วเหยียด ไปข้างหน้า ฉันสังเกตเห็นสีหน้าเจ็บปวดกับหน้าผากเหงื่อแตกซิกของเขา “คุณสบายดีหรือเปล่า” “ผมสบายดี เพียงแต่ผมไม่เคยแสบหน้าอกมากเท่านี้มาก่อน” มิคหย่อนยาลดกรดอีกสองเม็ดใส่ปาก แล้วขย�ำกระดาษห่อยาที่กินหมด แล้ว 16
เกาะรักสองหัวใจ
ความรู้สึกอึดอัดไหลอาบไปทั่วร่างกายฉัน “คุณอยากโทรฯ หา ใครไหม ฉันโทรฯ ให้คุณได้นะถ้าคุณสอนวิธีใช้วิทยุสื่อสารให้ฉัน” “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อยาลดกรดพวกนี้เริ่ม ออกฤทธิ”์ มิคสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วยิม้ ให้ฉนั “แต่กข็ อบคุณนะ” มิคดูดีอยู่พักหนึ่ง แต่อีกสิบนาทีต่อมาเขาก็ยกมือขวาออกจาก คันโยกมานวดไหล่ซ้าย เหงื่อไหลย้อยลงมาข้างใบหน้าเขา ลมหายใจฟังดู หอบถี่ เขาขยับตัวบนเก้าอี้ราวกับหาท่านั่งที่สบายไม่ได้ ความรู้สึกอึดอัด ของฉันโป่งพองขึ้นเป็นความรู้สึกเสียขวัญอย่างรุนแรง ที.เจ.ตื่นพอดี “แอนนา” เขาเรียกเสียงดังพอที่ฉันจะได้ยินเหนือ เสียงเครื่องยนต์ ฉันหันไปมอง “เราจวนจะถึงหรือยังครับ” ฉันปลดเข็มขัดนิรภัย เดินกลับไปนั่งข้างที.เจ. ฉันไม่อยากตะโกน จึงรั้งตัวเขาเข้ามาใกล้ แล้วพูดว่า “ฟังนะ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่ามิคก�ำลัง เป็นโรคหัวใจ เขาเจ็บหน้าอกและดูน่ากลัวมาก แต่เขาโทษว่าเป็นอาการ แสบหน้าอกเพราะท้องอืดท้องเฟ้อ” “ว่าไงนะ พูดจริงรึเปล่า” ฉันพยักหน้า “พ่อฉันรอดชีวิตจากอาการหัวใจวายอย่างรุนแรง เมื่อปีก่อน ฉันจึงรู้ว่าอาการมันเป็นยังไง ฉันคิดว่ามิคไม่กล้ายอมรับว่า มีบางอย่างผิดปกติ” “แล้วเราล่ะ เขายังขับเครื่องบินได้อยู่หรือเปล่า” “ฉันไม่รู้” ฉั น กั บ ที . เจ.เดิ น ไปที่ ห ้ อ งนั ก บิ น มิ ค กดก� ำ ปั ้ น ทั้ ง สองข้ า งบน หน้าอกและหลับตาแน่น หูฟังของเขาบิดเบี้ยวไปข้างหนึ่งแล้ว ใบหน้า กลายเป็นสีเทา ฉันนั่งยองๆ ลงข้างเก้าอี้ของมิค ความหวาดกลัวไหลเป็นระลอก ไปทัว่ กาย “มิค” เสียงฉันร้อนรน “เราต้องโทรฯ ติดต่อขอความช่วยเหลือ นะ” 17
เทรซีย์ การ์วิส เกรฟส์
มิคพยักหน้า “ผมจะพาเราลงบนผิวน�้ำก่อน แล้วพวกคุณคนใด คนหนึ่งต้องติดต่อทางวิทยุสื่อสาร” เขาหอบหายใจ แต่ก็พยายามเค้น ค�ำพูดออกมา “ใส่เสื้อชูชีพซะ เสื้ออยู่ในช่องเก็บของข้างประตู แล้วกลับ ไปนั่งที่เดิม คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย” เขาท�ำหน้าเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “ไปเร็ว!” หัวใจฉันเต้นโครมครามในอก อะดรีนาลีนฉีดพล่านไปทั่วร่างกาย เรารีบวิ่งไปที่ช่องเก็บของแล้วรื้อดู “ท�ำไมเราต้องใส่เสื้อชูชีพด้วยล่ะ แอนนา เครื่องบินล�ำนี้มีทุ่น ลอยน�้ำไม่ใช่หรือ” เพราะมิคกลัวว่าเขาอาจจะพาเราลงจอดไม่ทันกาลน่ะสิ “ฉันไม่รู้ บางทีอาจเป็นระเบียบปฏิบัติตามมาตรฐานก็ได้ เรา ก�ำลังจะร่อนลงกลางมหาสมุทร” ฉันเจอเสื้อชูชีพแทรกอยู่ระหว่างกล่อง ทรงกระบอกใบหนึ่งที่เขียนว่า แพชูชีพ กับผ้าห่มอีกหลายผืน “นี่จ้ะ” ฉันยื่นเสื้อชูชีพตัวหนึ่งให้ที.เจ.ก่อนจะสวมเสื้อชูชีพของฉันเอง เรานั่งลง และคาดเข็มขัดนิรภัย มือของฉันสั่นมากจนต้องใช้ความพยายามถึงสอง ครั้งกว่าจะคาดส�ำเร็จ “ถ้าเขาหมดสติ ฉันจะต้องรีบท�ำซีพีอาร์ทันที เธอต้องหาวิธีใช้ วิทยุสื่อสารเอาเองนะ ที.เจ. ตกลงไหม” ที.เจ.พยักหน้า ท�ำตาโต “ผมท�ำได้ครับ” ฉันยึดแขนเก้าอี้แน่น แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ผิวน�้ำที่เป็น ลูกคลื่นของมหาสมุทรเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว แต่แทนที่เครื่องจะบินช้าลง กลับบินเร็วขึ้น เครื่องก�ำลังร่อนลงเป็นมุมลาดชัน ฉันเหลือบมองไปด้าน หน้าของเครื่อง มิคล้มฟุบแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่เหนือคันโยก ฉันจึงรีบ ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วถลันไปบนทางเดิน “แอนนา!” ที.เจ.ตะโกนเรียก ชายเสื้อยืดของฉันลื่นหลุดมือเขา ก่อนที่ฉันจะไปถึงห้องนักบิน มิคผงะหงายหลังบนเก้าอี้ มือ 18
เกาะรักสองหัวใจ
สองข้างยังจับคันโยกไว้ขณะหน้าอกของเขาก�ำลังชักกระตุกอย่างรุนแรง หัวเครื่องบินแหงนขึ้นอย่างรวดเร็ว เรากระแทกท้องน�้ำโดยเอาส่วนหาง ลงก่อน แล้วเครื่องบินก็กระเด้งไม่เป็นจังหวะไปบนเกลียวคลื่น ปลาย ปีกเครื่องบินกระแทกผิวน�้ำ เครื่องบินหมุนคว้างอย่างไม่อาจควบคุมได้ แรงกระแทกส่งผลให้ฉันล้มลงราวกับมีคนเอาเชือกมามัดข้อเท้า ไว้แล้วกระชากแรงๆ เสียงกระจกแตกดังก้องเต็มสองหู ฉันรู้สึกได้ว่า ตัวลอย ตามด้วยอาการปวดแปลบเมื่อเครื่องบินแตกเป็นเสี่ยงๆ ฉันพุ่งถลาลงมหาสมุทร น�้ำทะเลไหลทะลักลงคอ ฉันงุนงงสับสน แต่เสื้อชูชีพค่อยๆ พยุงตัวฉันให้ลอยขึ้นมาช้าๆ จนศีรษะโผล่พ้นน�้ำ ฉัน ส�ำลักไอคอกแคก พยายามสูดอากาศเข้าและพ่นน�้ำออก ที.เจ.! พระเจ้าช่วย ที.เจ.อยู่ไหน ฉันวาดภาพเขาติดอยู่กับเก้าอี้เพราะไม่อาจปลดเข็มขัดนิรภัยได้ ฉันกวาดสายตามองไปทั่วท้องน�้ำอย่างร้อนรน หยีตาสู้แดด ตะโกนเรียก ชื่อเขา แต่พอคิดว่าที.เจ.ต้องจมน�้ำแน่ๆ เขาก็โผล่ขึ้นมา ส�ำลักน�้ำ ฉันรีบว่ายเข้าไปหาและรับรู้รสเลือด ศีรษะฉันเต้นตุบๆ อย่างแรง จนกลัวว่ามันอาจจะระเบิดก็ได้ พอไปถึงตัวที.เจ. ฉันก็รีบคว้ามือเขาไว้ และพยายามจะบอกว่าฉันดีใจมากแค่ไหนที่เขารอดมาได้ แต่ค�ำพูดของ ฉันฟังดูไม่ปะติดปะต่อ ฉันรู้สึกเหมือนลอยละล่องอยู่กลางสายหมอก ที.เจ.ตะโกนใส่ พยายามปลุกฉันให้ตื่น ฉันจ�ำได้ว่าเห็นคลื่นสูง และกินน�้ำเข้าไปหลายอึก จากนั้นฉันก็จ�ำอะไรไม่ได้อีกเลย
19
บทที่ 2
ที.เจ.
น�ำ้ ทะเลหมุนวนปัน่ ป่วนรอบกายผม น�ำ้ เข้าจมูก ไหลลงคอ และ เข้าตา ผมไม่สามารถหายใจโดยไม่ส�ำลัก แอนนาว่ายน�้ำมาหาผม เธอ ร้องไห้ เลือดอาบ และกรีดร้อง แอนนาจับมือผมและพยายามพูด แต่ ค�ำพูดของเธอฟังดูมั่วไปหมด ผมฟังไม่รู้เรื่องเลยสักค�ำ ศีรษะเธอเอียงไป เอี ย งมา แล้ ว ล้ ม หน้ า คว�่ำ ในน�้ำ ผมจิ ก ผมเธอให้เงยหน้าขึ้น “ตื่นสิ แอนนา ตื่นเร็วเข้า!” คลื่นสูงมากจนผมกลัวว่าเราจะแยกจากกัน ผม จึงยัดแขนขวาเข้าไปใต้สายคาดเสื้อชูชีพของแอนนา แล้วกอดเธอไว้ ผม แหงนหน้าเธอขึ้น “แอนนา! แอนนา!” พระเจ้าช่วย แอนนาหลับตา และไม่ตอบสนอง ผมจึงยัดแขนซ้ายเข้าไปใต้สายคาดอีกเส้นของชูชีพเธอ แล้วเอนตัวไปด้านหลังโดยให้เธอนอนบนหน้าอกผม กระแสน�้ำพัดพาเราออกห่างจากซากเครื่องบิน ชิ้นส่วนของมัน จมหายลงไปใต้ผิวน�้ำ เพียงไม่นานก็ไม่มีอะไรเหลือเลย ผมพยายามไม่ คิดถึงมิคที่ถูกรัดติดอยู่กับเก้าอี้ ผมลอยละล่องไปตามกระแสคลื่นด้วยความรู้สึกมึนงง หัวใจผม 20
เกาะรักสองหัวใจ
เต้นโครมครามในอก รอบตัวเราไม่มีอะไรเลยนอกจากเกลียวคลื่น ผม พยายามให้ศีรษะของเราทั้งคู่โผล่พ้นน�้ำและบังคับตัวเองไม่ให้เสียขวัญ จะมีคนรู้ไหมว่าเครื่องบินของเราตก จะมีคนใช้เรดาห์ตามหาเรา หรือเปล่า อาจจะไม่ก็ได้ เพราะไม่เห็นมีใครมา ท้องฟ้าด�ำมืดและดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แอนนาพึมพ�ำ เบาๆ ผมคิดว่าเธออาจจะฟื้น แต่เธอตัวสั่นและอาเจียนใส่ผม คลื่นซัด อาเจียนออกไป แต่เธอยังตัวสั่นจนผมต้องรั้งเธอเข้ามาใกล้เพื่อแบ่งปัน ไออุ่นให้เธอ ผมเองก็หนาวเหมือนกัน ถึงแม้ว่าน�้ำทะเลจะอุ่นหลังจาก เครื่องบินตก แต่ไม่มีแสงจันทร์เลย ผมจึงแทบมองไม่เห็นผิวน�้ำรายรอบ ซึ่งในเวลานี้เป็นสีด�ำ ไม่ใช่สีฟ้าอีกต่อไป ผมเป็นห่วงเรื่องปลาฉลาม ผมเอาแขนข้างหนึ่งออกจากสายคาด เสื้อชูชีพของแอนนา แล้วเอามือช้อนใต้คางเธอเพื่อยกศีรษะเธอออกจาก หน้าอกผม แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอุ่นๆ ใต้คอตรงที่ศีรษะเธอเคย หนุน แอนนายังเลือดออกอยู่หรือเปล่า ผมพยายามปลุกเธอ แต่เธอ จะตอบสนองเฉพาะเวลาที่ผมเขย่าหน้าเธอเท่านั้น เธอไม่ยอมพูด แต่ ยังดีที่ส่งเสียงคราง ผมไม่อยากท�ำร้ายเธอ แต่ก็อยากรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ หรือเปล่า แอนนาไม่ขยับเขยื้อนอยู่นาน ผมขวัญกระเจิง แล้วเธอก็ อาเจียนออกมาอีกครั้ง และตัวสั่นในอ้อมแขนของผม ผมพยายามสงบอกสงบใจและสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ มันง่าย กว่าที่จะรับมือกับเกลียวคลื่นด้วยการลอยตัวนอนหงายให้คลื่นพัดพาผม กับแอนนาไปเรื่อยๆ เครื่องบินทะเลจะไม่บินในความมืด แต่ผมมั่นใจว่า จะต้องมีคนส่งเครื่องบินออกมาตอนฟ้าสาง เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องมีคนรู้ แล้วว่าเครื่องบินเราตก พ่อแม่ผมไม่รู้ด้วยซ�้ำว่าเราอยู่บนเครื่องบินล�ำนั้น หลายชั่วโมงผ่านไป ผมไม่เห็นปลาฉลามเลยสักตัวในความมืด 21
เทรซีย์ การ์วิส เกรฟส์
พวกมันอาจจะอยู่ที่นั่นแหละ แต่ผมไม่รู้ ผมโงกหลับไปด้วยความอ่อนล้า และปล่อยให้ขาตกห้อยลงไปใต้น�้ำแทนทีจ่ ะขืนมันไว้ใกล้ผวิ น�้ำ ผมพยายาม ไม่คิดถึงฝูงปลาฉลามที่อาจว่ายวนอยู่ข้างใต้ เมื่อผมเขย่าตัวแอนนาอีกครั้ง เธอไม่ตอบสนอง ผมคิดว่าผมรู้สึก ได้ว่าทรวงอกของเธอสะท้อนขึ้นลง แต่ผมไม่แน่ใจนัก ผมสะดุ้งโหยงเมื่อ ได้ยินเสียงน�้ำแตกกระจาย ศีรษะของแอนนาเอียงห้อยไปด้านข้าง ผมจึง รีบรั้งกลับมา เสียงน�้ำแตกกระจายยังคงดังต่อเนื่อง ฟังเกือบเหมือนเป็น จังหวะสม�่ำเสมอ ผมหันขวับไปมอง พลางนึกวาดภาพปลาฉลาม ไม่ใช่ แค่ตัวเดียว แต่เป็นห้าตัว สิบตัว หรืออาจจะมากกว่านั้น อะไรบางอย่าง โผล่ขึ้นจากน�้ำ ผมใช้เวลาหนึ่งวินาทีจึงคิดออกว่ามันคืออะไร เสียงน�้ำแตก กระจายเกิดจากเกลียวคลื่นซัดกระทบโขดหินโสโครกที่รายล้อมรอบเกาะ ผมไม่เคยรู้สึกโล่งอกแบบนี้มาก่อนในชีวิต แม้กระทั่งตอนที่หมอ บอกเราว่าการรักษาประสบความส�ำเร็จ และมะเร็งของผมหายไปแล้ว กระแสน�้ำพัดพาเราไปใกล้เกาะมากขึ้น แต่เราไม่ได้ก�ำลังตรงดิ่ง เข้าหาเกาะ ถ้าผมไม่ท�ำอะไรสักอย่าง เราจะต้องผ่านเลยเกาะนั้นไปแน่ๆ ผมใช้แขนไม่ได้ เพราะแขนยังอยู่ใต้สายคาดเสื้อชูชีพของแอนนา ผมจึงนอนหงายหลังไว้เหมือนเดิมแล้วเตะเท้า รองเท้าผมกระเด็นหลุดไป แต่ผมไม่แคร์ ผมน่าจะถอดรองเท้าออกตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล้ว เกาะยังอยู่ห่างออกไปอีกห้าสิบหลา เราออกนอกเส้นทางไป ไกลกว่าเดิม ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้แขนข้างหนึ่งพุ้ยน�้ำและลาก ใบหน้าของแอนนาลุยน�้ำไปด้วย ผมแหงนหน้ามอง เราใกล้จะถึงเกาะแล้ว ผมเตะเท้าให้วุ่น ปอด ของผมร้อนเหมือนถูกไฟลน ผมแหวกว่ายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ เรามาถึงท้องน�้ำที่สงบนิ่งของทะเลสาบในบริเวณแนวหินโสโครก แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ยอมหยุดว่ายจนกระทั่งเท้าแตะพื้นที่เป็นทราย ผม เหลือเรี่ยวแรงแค่พอลากแอนนาขึ้นจากน�้ำไปบนชายฝั่งก่อนจะล้มฟุบลง 22
เกาะรักสองหัวใจ
ข้างกายเธอและหมดสติไป s
s
s
แสงแดดแผดจ้าปลุกผมตื่น ตัวผมแข็งเกร็งและปวดระบมไปหมด แถมยังมองเห็นได้ด้วยตาเพียงข้างเดียว ผมลุกขึ้นนั่ง ถอดเสื้อชูชีพออก มองไปที่แอนนา ใบหน้าของเธอบวมช�้ำ และมีรอยแผลตัดกันไปมาบน แก้มและหน้าผาก เธอนอนนิ่งไม่ไหวติง หัวใจผมเต้นโครมคราม แต่ก็ยังบังคับตัวเองให้เอื้อมมือไปแตะ คอของแอนนา ผิวกายเธอยังอุ่น ผมโล่งอกเป็นครั้งที่สองเมื่อคล�ำเจอ ชีพจรเต้นอยู่ใต้นิ้วมือผม แอนนายังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้เกี่ยวกับ บาดแผลที่ศีรษะคือว่า เธอน่าจะมีแผลสักแห่ง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่ ฟื้นขึ้นมาล่ะ ผมเขย่าตัวเธออย่างระมัดระวัง “แอนนา คุณได้ยินผมไหม” เธอไม่ตอบ ผมเขย่าตัวเธออีกครั้ง ผมรอให้เธอลืมตา ดวงตาของแอนนาน่าทึ่งมาก ทั้งโตและเป็น สีฟ้าเข้มอมเทา ดวงตาของเธอคือสิ่งแรกที่ผมสังเกตเห็นตอนที่ผมพบเธอ เธอมาที่อพาร์ตเมนต์ของเราเพื่อให้สัมภาษณ์พ่อแม่ ผมรู้สึกเขินเพราะเธอ สวย แต่ผมผอมกะหร่อง แถมยังหัวล้านและดูทุเรศนัยน์ตาอีกด้วย เร็วเข้า แอนนา ให้ผมดูตาคุณหน่อย ผมเขย่าตัวเธอแรงขึ้น ต่อเมื่อเธอลืมตาขึ้นนั่นแหละ ผมจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมาอย่างเชื่องช้า
23