Rosieproject ex

Page 1

earnest

publishing

โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

Graeme Simsion เขียน

มัณฑุกา แปล



โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน



1 ผมว่าผมอาจจะเจอวิธีแก้ปัญหาเรื่องภรรยาแล้ว เรื่องนี้ก็เหมือนกับการ ค้นพบทางวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ นั่นคือเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นว่า ค�ำตอบนัน้ ชัดเจนมาก แต่หากไม่ใช่เพราะเรือ่ งราวผิดแผนมากมายทีเ่ กิดขึน้ ผมอาจจะไม่ค้นพบมันก็ได้ เหตุการณ์เริม่ ต้นเมือ่ จีนรบเร้าให้ผมไปบรรยายเรือ่ งโรคแอสเพอร์เกอร์ แทนเขา จังหวะเวลานั้นขัดข้องเป็นที่สุด ผมเตรียมข้อมูลไปพร้อมกับกิน อาหารเที่ยงได้ก็จริง แต่เย็นวันที่จะต้องไปบรรยาย ผมวางตารางไว้แล้ว ว่าจะล้างห้องน�้ำเป็นเวลาเก้าสิบสี่นาที ผมเผชิญหน้ากับสามทางเลือก แต่ไม่มีทางไหนน่าพอใจ 1. ล้างห้องน�ำ้ หลังบรรยายจบ - จะส่งผลให้ผมมีเวลานอนน้อยลง และลดทอนประสิทธิภาพการท�ำงานทั้งทางร่างกายและจิตใจ 2. ย้ายตารางล้างห้องน�้ำไปวันอังคาร - จะส่งผลให้ห้องน�้ำขาด สุขอนามัยถึงแปดวันและเสี่ยงต่อโรคภัยในภายหลัง 3. ปฏิเสธไม่ไปบรรยาย - จะส่งผลต่อมิตรภาพของผมกับจีน ผมน�ำวิกฤตินี้ไปปรึกษาจีน และเขาก็เสนอทางออกใหม่ให้... เหมือนเคย 7


แกรม ซิมสัน

“ดอน ผมจะจ้างคนมาล้างห้องน�้ำให้คุณเอง” ผมอธิบายให้จีนฟัง...อีกครั้ง ว่าพนักงานท�ำความสะอาดทุกคน ล้วนท�ำงานไม่เรียบร้อย อาจจะยกเว้นสาวฮังการีกระโปรงสั้นที่จีนเคยจ้าง แต่เธอไม่ได้ท�ำแล้วเพราะปัญหาบางอย่างระหว่างจีนกับคลอเดีย “เดี๋ยวผมเอาเบอร์มือถืออีวาให้ อย่าเอ่ยชื่อผมก็แล้วกัน” “ถ้าเธอถามล่ะ ผมจะตอบยังไงโดยไม่เอ่ยชื่อคุณ” “แค่บอกว่าคุณติดต่อไปเพราะเธอเป็นคนเดียวที่ล้างห้องน�้ำได้ เอี่ยมอ่อง แล้วถ้าเจ้าหล่อนเอ่ยถึงผม คุณก็เฉยไว้” ช่างเป็นทางออกที่ยอดเยี่ยม และแสดงถึงความสามารถของจีน ในการตอบโจทย์ปญ ั หาทางสังคม อีวาคงดีใจทีม่ คี นเห็นความสามารถ และ อาจรับต�ำแหน่งนี้เป็นการถาวรก็ได้ ซึ่งจะท�ำให้ตารางของผมมีเวลาว่าง เพิ่มขึ้นสามร้อยสิบหกนาทีต่อสัปดาห์โดยเฉลี่ย การบรรยายของจีนเป็นปัญหาขึ้นมาเพราะเขาสบโอกาสจะได้มี เซ็กส์กับศาสตราจารย์สาวชาวชิลีที่มาประชุมในเมลเบิร์น จีนมีเป้าหมาย จะนอนกับผู้หญิงหลากหลายเชื้อชาติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในฐานะ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา เขาสนใจเรื่องแรงดึงดูดทางเพศของมนุษย์ เป็นอย่างมาก และเขาเชื่อว่าชาติพันธุ์เป็นปัจจัยส�ำคัญในเรื่องนี้ ความเชื่ อ นี้ ส อดคล้ อ งกั บ ภู มิ ห ลั ง ของจี น ที่ เ ป็ น นั ก พั น ธุ ศ าสตร์ หลั ง จากจี น รั บ ผมมาเป็ น นั ก วิ จั ย หลั ง ปริ ญ ญาเอกของมหาวิ ท ยาลั ย ได้ หกสิบแปดวัน เขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าภาควิชาจิตวิทยา ซึ่งเป็น ต� ำ แหน่ ง ที่ ห ลายคนถกเถี ย งกั น ว่ า มหาวิ ท ยาลั ย ตั้ ง ใจจะใช้ ส ร้ า งชื่ อ ต่ อ สาธารณชนและเป็นผู้น�ำทางจิตวิทยาเชิงวิวัฒนาการในออสเตรเลีย ช่วงที่ยังท�ำงานด้วยกันในภาควิชาพันธุศาสตร์ ผมกับจีนเคย แลกเปลีย่ นความเห็นในหัวข้อน่าสนใจมากมาย และยังท�ำต่อเนือ่ งมาหลังจาก เขาได้เลื่อนต�ำแหน่งแล้ว อันที่จริงแค่นี้ผมก็พอใจในความสัมพันธ์ของเรา แล้ว แต่จีนยังชวนผมไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านและแสดงพฤติกรรม 8


โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

ผูกมิตรอีกหลายอย่าง อันเป็นผลให้เกิดความสัมพันธ์เชิงคบหาสมาคม ระหว่างเรา คลอเดีย ภรรยาของจีนซึ่งเป็นนักจิตวิทยาคลินิก ก็กลาย เป็นเพื่อนของผมด้วย ท�ำให้ผมมีเพื่อนทั้งสิ้นจ�ำนวนสองคน จีนกับคลอเดียพยายามช่วยผมแก้ปัญหาเรื่องภรรยาอยู่พักหนึ่ง แต่บังเอิญว่าวิธีการของทั้งสองมีพื้นฐานจากการหาคู่แบบดั้งเดิม ซึ่งผม เลิกใช้ไปแล้วเพราะความน่าจะเป็นของความส�ำเร็จไม่คุ้มกับความพยายาม และประสบการณ์ในเชิงลบ ผมอายุสามสิบเก้าปี รูปร่างสูง แข็งแรง สติปัญญาเฉลียวฉลาด อาชีพผู้ช่วยศาสตราจารย์ยังท�ำให้ผมมีสถานะ ค่อนข้างดีและมีรายได้เกินค่าเฉลี่ย ว่ากันโดยตรรกะแล้ว ผมควรจะเป็น ที่ดึงดูดใจส�ำหรับสตรีหลากหลายประเภท ในโลกของสัตว์ ผมคงสืบต่อ เผ่าพันธุ์ได้ส�ำเร็จ แต่ทว่า มีบางอย่างในตัวผมที่ทำ� ให้ผู้หญิงเมินหนี ผมมีปัญหาใน การผูกมิตรมาตลอด และดูเหมือนความบกพร่องอันเป็นเหตุแห่งปัญหา ได้ส่งผลมายังความพยายามหาคู่ของผมด้วย ความล้มเหลวเรื่องไอศกรีม แอปริคอตเป็นตัวอย่างที่ดี คลอเดียแนะน�ำผมให้แก่เพือ่ นคนหนึง่ ของเธอจากจ�ำนวนมากมาย ที่มีอยู่ อลิซาเบธเป็นนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ผู้มีสติปัญญาสูงมาก เธอ มีข้อบกพร่องทางจักษุภาพ แต่ได้รับการแก้ไขแล้วด้วยแว่นตา ผมเอ่ยถึง แว่นตาเพราะคลอเดียให้ผมดูรูปถ่ายของอลิซาเบธ แล้วถามว่าผมโอเค ไหม เป็นค�ำถามที่เหลือเชื่ออะไรอย่างนี้! เธอเป็นจิตแพทย์ด้วยซ�้ำ! ใน การประเมินผลว่าอลิซาเบธเหมาะหรือไม่ที่จะเป็นคู่ครองของผม เป็น คนที่จะคอยกระตุ้นสติปัญญา ร่วมท�ำกิจกรรมต่างๆ และอาจถึงขั้นสืบ เผ่าพันธุ์ด้วยกันกับผม สิ่งแรกที่คลอเดียกังวลกลับเป็นปฏิกิริยาของผม ต่อกรอบแว่นตาของอลิซาเบธ ซึง่ อาจไม่ใช่ตวั เลือกของอลิซาเบธเองด้วยซ�้ำ อาจเป็นผลจากค�ำแนะน�ำของผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตาประกอบแว่น ก็ได้ นี่ละครับโลกที่ผมต้องมีชีวิตอยู่ จากนั้นคลอเดียก็บอกผมราวกับ 9


แกรม ซิมสัน

เป็นเรื่องใหญ่นักหนาว่า “อลิซาเบธเป็นคนที่ปักใจเชื่ออะไรแล้วไม่ยอม เปลี่ยนง่ายๆ” “สิ่งที่ปักใจเชื่อมีหลักฐานรองรับหรือเปล่า” “น่าจะมีนะ” คลอเดียบอก ยอดเยี่ยม คลอเดียก�ำลังพูดถึงผมชัดๆ เรานัดกันที่ร้านอาหารไทย ร้านอาหารเป็นทุ่งระเบิดส�ำหรับคน ที่ไม่ช�ำนาญการเข้าสังคม และผมก็ประหม่าเหมือนทุกครั้งในสถานการณ์ แบบนี้ แต่เราเริ่มต้นอย่างยอดเยี่ยมเมื่อไปถึงพร้อมกันตามนัดในเวลา 19.00 น. พอดี การมาถึงคลาดเคลื่อนเป็นเรื่องเสียเวลาอย่างใหญ่หลวง เราผ่านมื้ออาหารไปได้โดยที่ผมไม่ถูกวิจารณ์ว่าท�ำผิดมารยาททางสังคม ข้อไหน การสนทนาไปพลางสงสัยว่าเราวางสายตาในบริเวณที่ถูกต้องหรือ ไม่นั้นเป็นเรื่องยาก แต่ผมจ้องดวงตาใต้แว่นของเธอไว้ตลอดเวลาตามที่ จีนเคยแนะน�ำ เรื่องนี้ท�ำให้การกินอาหารของผมเกิดความผิดพลาดไป บ้าง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สังเกต ในทางตรงกันข้าม เราสนทนากันอย่าง ได้เรื่องได้ราวเกี่ยวกับล�ำดับการประมวลผลในการสร้างแบบจ�ำลอง เธอ เป็นคนน่าสนใจมาก! ผมมองเห็นโอกาสที่จะเกิดความสัมพันธ์ในระยะยาว บริกรน�ำเมนูของหวานมาให้ แล้วอลิซาเบธก็พูดว่า “ฉันไม่ชอบ ของหวานแบบเอเชีย” ผมค่อนข้างแน่ใจว่านีเ่ ป็นการเหมารวมแบบผิดๆ จากประสบการณ์ อันจ�ำกัด และบางทีผมควรจะมองเห็นสัญญาณเตือนนี้แล้ว แต่มันท�ำให้ ผมมีโอกาสเสนอทางออกที่สร้างสรรค์ “เราไปกินไอศกรีมฝั่งตรงข้ามก็ได้” “เป็นความคิดที่ดีมาก ถ้าร้านนั้นมีรสแอปริคอตนะ” ถึงจุดนี้ผมประเมินว่าทุกอย่างก้าวหน้าไปด้วยดี และไม่นึกว่า ไอศกรีมรสแอปริคอตจะเป็นปัญหา ผมคิดผิด ร้านนั้นมีไอศกรีมหลาย รส แต่รสแอปริคอตหมดแล้ว ผมสั่งรสช็อกโกแลตพริกกับชะเอมเทศใส่ 10


โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

โคนคู่ส�ำหรับตัวเอง แล้วให้อลิซาเบธเสนอตัวเลือกที่สอง “ถ้าไม่มีรสแอปริคอต ฉันขอผ่าน” ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ไอศกรีมอะไรก็รสชาติเหมือนกันทั้งนั้น โดยเฉพาะรสผลไม้ เพราะตุ่มรับรสของเราถูกความเย็นจนชาไปแล้ว ผม เสนอรสมะม่วง “ไม่ละ ขอบคุณ ไม่เป็นไร” ผมอธิบายกลไกทางกายภาพของตุ่มรับรสที่ได้รับความเย็นอย่าง ลงรายละเอียด ผมท�ำนายว่าถ้าผมซื้อไอศกรีมรสมะม่วงและรสพีช เธอ จะแยกความแตกต่างไม่ออก ด้วยเหตุนี้ ไอศกรีมทั้งสองรสจึงไม่ต่างไป จากรสแอปริคอต “มันเหมือนกันซะที่ไหน” เธอว่า “ถ้าคุณแยกความแตกต่าง ระหว่างรสมะม่วงกับรสพีชไม่ออก ก็เป็นปัญหาของคุณเอง” ทีนเี้ ราก็มคี วามเห็นไม่ลงรอยในเชิงรูปธรรมซึง่ สามารถหาข้อสรุปได้ ด้วยการทดลอง ผมสั่งไอศกรีมขนาดเล็กสุดสองรสนั้นมา แต่พอพนักงาน ตักเสร็จและผมหันกลับมาจะบอกให้อลิซาเบธหลับตาเพื่อท�ำการทดสอบ เธอก็หายไปเสียแล้ว นี่น่ะรึ “ปักใจเชื่อโดยมีหลักฐานรองรับ” นี่น่ะรึ ผู้ศึกษา “ศาสตร์” คอมพิวเตอร์ ภายหลังคลอเดียแนะว่าผมควรละทิ้งการทดลองก่อนที่อลิซาเบธ จะกลับ ถูกต้อง แต่ตอนไหนล่ะ สัญญาณเตือนอยู่ตรงไหน สิ่งเหล่านี้ เป็นความละเอียดอ่อนที่ผมมองไม่เห็น แต่ผมก็มองไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ว่าท�ำไมประสาทที่ไวต่อการบอกรสชาติของไอศกรีมจึงเป็นเงื่อนไขส�ำคัญ ในการหาคู่ การสันนิษฐานว่าผู้หญิงบางคนอาจจะไม่ต้องการสิ่งนี้ฟังดู สมเหตุสมผล แต่โชคร้ายที่กระบวนการเสาะหาผู้หญิงเหล่านั้นดูจะไร้ ประสิทธิภาพอย่างไม่นา่ เป็นไปได้ ความล้มเหลวเรือ่ งไอศกรีมรสแอปริคอต ท�ำให้ผมเสียเวลาไปหนึ่งยามเย็นในชีวิต โดยได้เพียงข้อมูลเกี่ยวกับล�ำดับ การประมวลผลในการสร้างแบบจ�ำลองมาชดเชย 11


แกรม ซิมสัน

การเตรี ย มการบรรยายเรื่ อ งโรคแอสเพอร์ เ กอร์ ใช้ เวลาเพี ย ง สองมื้ออาหารเที่ยง โดยที่ผมไม่ต้องสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการแต่ อย่างใด ต้องขอบคุณอินเทอร์เน็ตไร้สายในร้านกาแฟของห้องสมุดคณะ แพทยศาสตร์ ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับกลุ่มโรคออทิสติกมาก่อน เพราะ อยู่นอกเหนือความเชี่ยวชาญของผม มันเป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาก และ ผมรู ้ สึ ก ว่ า การบรรยายเจาะลึ ก ถึ ง โรคนี้ ใ นด้ า นพั น ธุ ก รรมนั้ น น่ า จะดี ถึงแม้ผู้ฟังจะไม่คุ้นเคยกับมันมาก่อน โรคส่วนใหญ่มีรากฐานบางอย่างมา จากดีเอ็นเอ...ถึงในหลายกรณีเราจะยังหาสาเหตุไม่พบก็ตาม งานวิจัยของ ผมเกี่ยวข้องกับความไวแฝงทางพันธุกรรมที่มีต่อโรคตับแข็ง เวลางานของ ผมส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการมอมเหล้าหนูทดลอง แน่นอนว่าหนังสือและงานวิจัยที่ผมอ่านล้วนบรรยายถึงอาการ ของโรคแอสเพอร์เกอร์ และผมตั้งข้อสรุปชั่วคราวว่า อาการส่วนใหญ่เป็น เพียงความแปรผันในการท�ำงานของสมองมนุษย์ที่ได้รับการรักษาอย่างไม่ เหมาะสม สาเหตุเพราะไม่ตรงกับบรรทัดฐานของสังคม...บรรทัดฐานที่ สังคมก�ำหนดขึ้นและสะท้อนถึงโครงสร้างโดยทั่วไปของมนุษย์ แต่ไม่ใช่ ทุกประเภท การบรรยายก�ำหนดไว้ที่ 19.00 น. ณ โรงเรียนกลางชุมชน ชานเมืองแห่งหนึ่ง ผมประมาณเวลาขี่จักรยานไว้ที่สิบสองนาที เผื่อสาม นาทีส�ำหรับการเปิดคอมพิวเตอร์และต่อเครื่องฉายภาพ ผมไปถึงตามก�ำหนดในเวลา 18.57 น. หลังจากเปิดประตูให้ อีวา แม่บ้านสาวกระโปรงสั้น เข้าไปในอพาร์ตเมนต์ของผมยี่สิบเจ็ดนาที ก่อนหน้านี้ ที่หน้าห้องเรียนและรอบประตูมีคนเดินไปมาประมาณยี่สิบห้า คน แต่ผมระบุตัวจูลีซึ่งเป็นผู้จัดการบรรยายได้ทันที จีนบอกไว้ว่า เธอ เป็น ‘สาวผมบลอนด์อกโต’ อันที่จริงหน้าอกของจูลีไม่ได้ใหญ่เกิน 1.5 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานจากน�ำ้ หนักตัวโดยเฉลี่ย และแทบจะใช้เป็น จุดสังเกตไม่ได้ด้วยซ�ำ้ มันเกี่ยวกับการยกตั้งและเปิดเผยอันเป็นผลมาจาก 12


โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

เสื้อผ้าที่เธอเลือกใส่มากกว่า จะว่าไปก็เหมาะสมดีส�ำหรับยามเย็นอันร้อน อบอ้าวของเดือนมกราคม ผมอาจจะใช้เวลาตรวจสอบเธอให้แน่ใจนานไปหน่อย เพราะเธอ มองผมแปลกๆ “คุณคงเป็นจูลี” ผมพูด “มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” ดี เธอเป็นคนตรงประเด็น “ครับ สายต่อเครือ่ งฉายภาพอยูไ่ หน” “อ๋อ” เธอร้อง “ศาสตราจารย์ทิลล์แมนสินะคะ ดีใจจังที่คุณ มาได้” เธอยื่นมือมา แต่ผมโบกมือบอกปัด “สายต่อเครื่องฉายภาพครับ นี่ 18.58 น. แล้ว” “ใจเย็นๆ ค่ะ” เธอบอก “เราไม่เคยเริ่มก่อนทุ่มสิบห้าสักที รับ กาแฟไหมคะ” ท�ำไมคนเราถึงเห็นเวลาของคนอื่นมีค่าน้อยนัก ทีนี้เราจึงต้องคุย เรื่องสัพเพเหระกันจนได้ ผมควรจะได้ใช้เวลาสิบห้านาทีนี้ฝึกซ้อมไอคิโด ที่บ้าน ตอนแรกผมสนใจแต่จูลีและจอภาพหน้าห้อง เวลานี้พอมอง ไปรอบๆ จึงสังเกตเห็นว่ายังมีคนอีกสิบเก้าคนที่โต๊ะเรียน ทั้งหมดเป็น เด็ก และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย สันนิษฐานว่าเป็นผู้ป่วยโรคแอสเพอร์เกอร์ หนังสือเกือบทุกเล่มเน้นไปที่เด็ก พวกเขาเป็นผูป้ ว่ ยก็จริง แต่ใช้เวลาได้คมุ้ ค่ากว่าบรรดาผูป้ กครองที่ เอาแต่พูดคุยเรื่อยเปื่อย เด็กส่วนใหญ่กำ� ลังง่วนอยู่กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แบบพกพา ผมเดาว่าอายุของพวกเขาอยู่ระหว่างแปดถึงสิบสามปี หวัง ว่าทุกคนคงตั้งใจเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เพราะข้อมูลที่ผมเตรียมมาจ�ำเป็น ต้องอาศัยความรู้ทางเคมีอินทรีย์และโครงสร้างดีเอ็นเอ ผมนึกได้ว่าผมยังไม่ได้ตอบค�ำถามเรื่องกาแฟ 13


แกรม ซิมสัน

“ไม่ครับ” โชคไม่ดีทจี่ ูลีลมื ค�ำถามไปแล้วเพราะผมตอบช้า “ผมไม่รับกาแฟ” ผมอธิบาย “ผมไม่ดื่มกาแฟหลัง 15.48 น. เพราะจะรบกวนการนอน หลับ คาเฟอีนต้องใช้เวลาสามถึงสี่ชั่วโมงกว่าจะหมดฤทธิ์ การเสิร์ฟกาแฟ หลัง 19.00 น. จึงไม่ใช่เรื่องเหมาะสม เว้นแต่ผู้ดื่มตั้งใจจะตื่นอยู่จนถึง หลังเที่ยงคืน ซึ่งจะส่งผลให้พักผ่อนไม่เพียงพอหากต้องเข้างานในเวลา ปกติ” ผมพยายามใช้เวลาขณะรอมอบค�ำแนะน�ำที่เป็นประโยชน์ให้ แต่ ดูเหมือนจูลีสนใจจะคุยเรื่องไม่เป็นสาระมากกว่า “จีนเป็นยังไงบ้างคะ” เธอถาม นี่ต้องเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ การถามว่า ‘สบายดีไหม’ ที่เห็นกันโดยทั่วไปแน่ๆ “เขาสบายดีครับ ขอบคุณ” ผมตอบ เปลี่ยนค�ำตอบตามปกติ ให้อยู่ในรูปบุคคลที่สาม “อ้าว ฉันนึกว่าเขาป่วยเสียอีก” “จีนสุขภาพแข็งแรงดี ถ้าไม่นับน�้ำหนักที่เกินมาตรฐานไปหก กิโลกรัม เมื่อเช้าเราไปวิ่งด้วยกัน คืนนี้เขามีเดทและคงจะไปไม่ได้ถ้าป่วย” จูลีท่าทางไม่พอใจ และเมื่อผมทบทวนบทสนทนานี้ในภายหลัง จึงค่อยเข้าใจว่าจีนคงโกหกเธอเรื่องเหตุผลที่มาไม่ได้ น่าจะเพื่อไม่ให้จูลี รู้สึกว่างานของเธอไม่ส�ำคัญ และเป็นข้ออ้างในการหาผู้บรรยายที่ทรง เกียรติกว่านี้มาแทนไม่ได้ การที่เราจะวิเคราะห์สถานการณ์ซับซ้อนที่มี การโป้ปดและต้องคาดเดาอารมณ์ของอีกฝ่าย พร้อมกับแต่งค�ำโกหกที่ ฟังขึ้นของตัวเองในระหว่างที่มีคนก�ำลังรอค�ำตอบอยู่นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เลย แต่นั่นละคือสิ่งที่ใครๆ คิดว่าคุณต้องท�ำได้ สุดท้ายผมก็ตั้งคอมพิวเตอร์เสร็จและการบรรยายก็เริ่มต้น สาย ไปสิบแปดนาที ผมคงต้องพูดเร็วขึ้นสี่สิบสามเปอร์เซ็นต์เพื่อให้จบตาม ก�ำหนดในเวลา 20.00 น. ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เราคงต้องเลิกช้า และ ตารางที่เหลือของผมในคืนนี้คงเสียหายหมด 14


2 ผมใช้ชื่อการบรรยายว่า ตัวตั้งต้นทางพันธุกรรมของโรคออทิซึม และหา แผนผังโครงสร้างดีเอ็นเอที่ยอดเยี่ยมมาประกอบการบรรยาย ผมเพิ่งพูด ได้เพียงเก้านาที ด้วยความเร็วกว่าปกติเล็กน้อยเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป จูลีก็มาขัดจังหวะ “ศาสตราจารย์ทลิ ล์แมนคะ พวกเราส่วนใหญ่ไม่ใช่นกั วิทยาศาสตร์ คุณคงต้องลงลึกทางเทคนิคให้นอ้ ยกว่านีห้ น่อย” เรือ่ งแบบนีล้ ะทีน่ า่ ร�ำคาญ มาก คนเราบอกได้ว่าคนราศีเมถุนหรือราศีพฤษภน่าจะมีนิสัยอย่างไรและ ดูกีฬาคริกเก็ตได้ตั้งห้าวัน แต่กลับไม่สนใจจะสละเวลาเรียนรู้องค์ประกอบ ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ซึ่งเป็นตัวของเราเอง ผมบรรยายต่อตามที่เตรียมมา สายไปแล้วที่จะเปลี่ยนหัวข้อและ น่าจะมีใครในหมู่ผู้ฟังที่มีความรู้พอจะเข้าใจได้ ผมคิดถูก มีคนยกมือขึ้น เป็นเด็กชายอายุประมาณสิบสอง “คุณก�ำลังบอกว่าโรคนี้ไม่น่าจะมีตัวบ่งชี้ทางพันธุกรรมเพียงหนึ่ง เดียว แต่น่าจะเกี่ยวพันถึงยีนจ�ำนวนมาก อีกทั้งลักษณะการรวมกลุ่มยัง ต้องอยู่ในรูปแบบเฉพาะ ถูกต้องไหม” นั่นไงล่ะ! “ผนวกกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ด้วย สถานการณ์นี้ 15


แกรม ซิมสัน

คล้ายคลึงกับโรคอารมณ์สองขั้วซึ่ง...” จูลีขัดขึ้นมาอีก “ส� ำหรับพวกเราที่ไม่ใช่อัจฉริยะ ฉันคิดว่า ศาสตราจารย์ทิลล์แมนก�ำลังเตือนเราว่าโรคแอสเพอร์เกอร์เป็นสิ่งที่ติดตัว มาแต่ก�ำเนิด ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น” ผมสยดสยองกับค�ำว่า “ความผิด” ซึ่งมีนัยยะในแง่ลบ โดยเฉพาะ เมือ่ ผูพ้ ดู อยูใ่ นต�ำแหน่งส�ำคัญ ผมโยนความคิดทีจ่ ะไม่บรรยายออกนอกเรือ่ ง ทิ้งไป ปัญหานี้คงต้องคุกรุ่นอยู่ในจิตใต้ส�ำนึกของผม เสียงที่ออกมาจึง ดังขึ้นตามไปด้วย “ความผิด! โรคแอสเพอร์เกอร์ไม่ใช่ความผิด เป็นแค่ความ แปรผันชนิดหนึ่ง และอาจเป็นข้อได้เปรียบอย่างมหาศาลด้วยซ�้ ำ โรค แอสเพอร์เกอร์มีผลกับการจัดระเบียบ สมาธิ ความคิดเชิงนวัตกรรม และการไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์” ผู้หญิงคนหนึ่งที่หลังห้องยกมือขึ้น ผมก�ำลังจดจ่อกับการโต้เถียง จึงท�ำเรื่องเสียมารยาทลงไป ผมรีบแก้ไขในทันที “ครับ คุณผู้หญิงอ้วน...คุณผู้หญิง รูปร่างอวบ ที่หลังห้อง?” ผูห้ ญิงคนนัน้ ชะงักและมองไปรอบๆ แต่แล้วก็พดู ว่า “ไม่หวัน่ ไหว ไปตามอารมณ์ นั่นเป็นค�ำสวยหรูที่ใช้เรียกคนไร้ความรู้สึกหรือเปล่า” “ความหมายคล้ายกัน” ผมตอบ “อารมณ์ความรู้สึกท�ำให้เกิด ปัญหาใหญ่ได้” ผมตัดสินใจว่าการยกตัวอย่างน่าจะพอช่วยได้ จึงเล่าเรื่องที่การ ปฏิบัติตนตามอารมณ์น�ำไปสู่ความหายนะ “ลองนึกดูว่า” ผมพูด “คุณก�ำลังหลบอยู่ในห้องใต้ดิน ศัตรู ก�ำลังตามหาคุณและเพื่อนๆ ทุกคนต้องอยู่กันอย่างเงียบกริบ แต่ทารก แบเบาะของคุณก�ำลังร้องไห้” ผมท�ำเสียงประกอบอย่างที่จีนน่าจะท�ำเพื่อ ให้เรื่องราวน่าเชื่อถือขึ้น “อุแว้ๆๆๆ” ผมหยุดเพื่อดึงความสนใจ “คุณมี ปืนกระบอกหนึ่ง” 16


โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

มือยกกันพรึ่บพรั่บ จูลีลุกพรวด ผมว่าต่อไป “มันเป็นปืนเก็บเสียง ศัตรูก�ำลังใกล้ เข้ามา พวกมันจะฆ่าทุกคน คุณจะท�ำยังไง เด็กเอาแต่ร้องไห้จ้า...” พวกเด็กอดใจรอบอกค�ำตอบของตัวเองไม่ได้ คนหนึ่งร้องออก มาว่า “ยิงเด็ก” ในไม่ช้าทุกคนก็ตะโกนพร้อมกันว่า “ยิงเด็ก ยิงเด็ก” เด็กผู้ชายที่ถามปัญหาเรื่องหน่วยพันธุกรรมร้องว่า “ยิงผู้ร้ายสิ” จากนั้นอีกคนก็บอกว่า “ซุ่มโจมตีมันเลย” ค�ำแนะน�ำแห่ตามมาเป็นชุด “เอาเด็กเป็นเหยื่อล่อ” “เรามีปืนกี่กระบอก” “อุดปากเด็กไว้” “เด็กขาดอากาศได้นานเท่าไหร่” อย่างทีน่ กึ ไว้ ความเห็นทัง้ หมดมาจาก ‘ผูป้ ว่ ย’ โรคแอสเพอร์เกอร์ บรรดาผูป้ กครองไม่มใี ครเสนออะไรเป็นชิน้ เป็นอันสักอย่าง บางคนพยายาม ห้ามความคิดสร้างสรรค์ของลูกด้วยซ�้ำ ผมยกมือสองข้างขึ้น “หมดเวลาแล้ว เยี่ยมมาก ทางแก้ปัญหา ตามหลักเหตุผลล้วนมาจากชาวแอสพี ในขณะทีค่ นอืน่ ถูกอารมณ์ความรูส้ กึ เล่นงานจนหมดท่า” เด็กคนหนึง่ ตะโกนออกมาว่า “แอสพีสดุ ยอด!” ผมเคยเห็นค�ำย่อนี้ ในหนังสือ แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นค�ำใหม่ส�ำหรับพวกเด็กๆ ทุกคนท่าทาง ชอบใจ ไม่ช้าก็พากันขึ้นไปยืนบนโต๊ะและเก้าอี้ ก�ำหมัดชกลม ประสาน เสียงว่า “แอสพีสุดยอด!” จากที่ผมอ่านมา เด็กที่เป็นโรคแอสเพอร์เกอร์ มักขาดความมั่นใจในตัวเองเวลาเข้าสังคม การไขปัญหาได้ส�ำเร็จดูจะ เยียวยาพวกเขาจากอาการนี้ชั่วคราว แต่เช่นเคย พวกพ่อแม่ไม่ยอม ตอบสนองในทางบวก เอาแต่ตะโกนดุว่า บางคนพยายามฉุดลูกลงจาก โต๊ะด้วยซ�้ำ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นห่วงมารยาททางสังคมมากกว่าความ 17


แกรม ซิมสัน

ก้าวหน้าของลูก ผมรู้สึกว่าตนเองส่งมอบประเด็นได้เรียบร้อยแล้ว และจูลีก็ไม่ คิดว่าเราต้องบรรยายเรื่องพันธุกรรมอีกต่อไป พวกผู้ปกครองคงมัวแต่ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ลูกๆ ได้เรียนรู้ จึงกลับไปโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับผมอีก เพิ่งจะ 19.43 น. เท่านั้น ผลลัพธ์ที่ออกมายอดเยี่ยมมาก ผมเก็บคอมพิวเตอร์ใส่กระเป๋าหิ้ว จูลีระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “โอ พระเจ้า” เธอพูด “สงสัยฉันต้องหาเหล้าดื่มหน่อยแล้ว” ผมไม่ แ น่ ใจว่ า ท�ำ ไมเธอจึ ง บอกเรื่ อ งนี้ กับคนที่เพิ่งรู้จักได้เพียง สี่สิบหกนาที ผมมีแผนจะดื่มแอลกอฮอล์ตามล�ำพังเมื่อถึงบ้าน แต่ไม่เห็น เหตุผลที่ต้องบอกจูลี เธอพูดต่อไป “คุณรู้ไหม เราไม่เคยใช้ค�ำว่า แอสพี เพราะไม่ อยากให้เด็กๆ คิดว่าเป็นกลุ่มที่แปลกแยกจากสังคม” นัยยะในด้านลบอีก แล้ว จากคนที่น่าจะถูกจ้างมาช่วยเหลือและให้ก�ำลังใจเด็กพวกนี้เสียด้วย “เหมือนค�ำว่า รักร่วมเพศ หรือครับ” ผมถาม “เข้าใจย้อนนะคะ” จูลีพูด “แต่มันไม่เหมือนกัน ถ้าพวกเด็กๆ ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง พวกเขาจะไม่มีวันสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงได้ ไม่มีวันจะมีคู่ชีวิตได้” ค�ำโต้แย้งนี้มีเหตุผล ผมเข้าใจ เพราะผมเองก็ ติดขัดในเรือ่ งนัน้ เหมือนกัน แต่จลู เี ปลีย่ นหัวข้อ “แต่คณ ุ บอกว่ามีบางอย่าง ...ทีม่ ปี ระโยชน์ ซึง่ พวกแอสพีท�ำได้ดกี ว่า...ดีกว่าคนทีไ่ ม่ใช่แอสพี ใช่ไหมคะ นอกจากการฆ่าเด็ก” “แน่นอนครับ” ผมสงสัยว่าท�ำไมผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาของ บุคคลผู้มีคุณสมบัติพิเศษจึงไม่รู้ถึงคุณค่าและตลาดส�ำหรับคุณสมบัตินั้น “มีบริษัทแห่งหนึ่งในเดนมาร์กที่รับแอสพีเป็นเจ้าหน้าที่ทดสอบโปรแกรม คอมพิวเตอร์” “ฉันไม่เคยรู้เลย” จูลีพูด “คุณท�ำให้ฉันมีมุมมองที่ต่างไปจริงๆ นะคะนี่” เธอมองผมอยู่สองสามอึดใจ “มีเวลาไปดื่มด้วยกันไหมคะ” 18


โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

ว่าแล้วเธอก็วางมือลงบนบ่าผม ผมหดตัวหนีโดยอัตโนมัติ นี่เป็นการสัมผัสผู้อื่นอย่างไม่เหมาะสม แน่ๆ ผมแน่ใจว่าถ้าผมท�ำอย่างนี้กับผู้หญิง จะต้องมีปัญหาตามมาแน่ ดี ไม่ดีผมอาจถูกร้องเรียนไปยังคณบดีว่าคุกคามทางเพศ ซึ่งจะส่งผลกระทบ ต่อหน้าที่การงานของผม แต่แน่นอนว่าไม่มีใครจะต�ำหนิเธอในเรื่องนี้ “บังเอิญผมมีแผนอื่นอยู่แล้ว” “ยืดหยุ่นหน่อยไม่ได้เลยหรือ” “ไม่ได้เด็ดขาด” อุตส่าห์เก็บเวลาที่เสียไปกลับมาได้ทั้งที ผมจะ ไม่โยนชีวิตตัวเองเข้าสู่ความวุ่นวายอีก ก่ อ นที่ ผ มจะพบจี น และคลอเดี ย ผมเคยมี เ พื่ อ นอี ก สองคน คนแรกคือพี่สาวของผม เธอเป็นครูคณิตศาสตร์ แต่กลับมีความสนใจที่ จะก้าวหน้าในสาขานี้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม เธออาศัยอยู่ใกล้ๆ และ มาเยี่ยมผมสัปดาห์ละสองครั้ง บางครั้งก็มาโดยไม่ได้นัด เรากินอาหาร ด้วยกันและพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ อย่างเช่น สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของ ญาติ และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพื่อนร่วมงาน ผมกับพี่สาวขับรถไป เมืองเชพพาร์ตันเดือนละครั้งเพื่อรับประทานอาหารเย็นวันอาทิตย์กับพ่อ แม่และน้องชาย พี่ของผมเป็นโสด อาจเป็นเพราะเธอขี้อายและไม่ใช่คน สวยตามมาตรฐาน แต่ตอนนี้เธอตายแล้ว เพราะความขาดสมรรถภาพ ทางการแพทย์ที่น่ารังเกียจและให้อภัยไม่ได้ เพื่อนคนที่สองคือ ดาฟนี ช่วงเวลาแห่งมิตรภาพของเธอและ ผมทับซ้อนกับจีนและคลอเดีย เธอย้ายเข้ามาที่ห้องชุดชั้นบนในตึกเดียว กับผมหลังจากสามีไปอยู่บ้านพักคนชราเนื่องจากสติเลอะเลือน ดาฟนี เดินได้เพียงไม่กี่ก้าวเพราะเข่าเสีย ซ�้ำยังเป็นโรคอ้วน แต่เธอมีสติปัญญา ปราดเปรื่อง ผมจึงเริ่มไปมาหาสู่เธอ ดาฟนีไม่มีประกาศนียบัตรใดๆ เพราะเป็นภรรยาอยู่กับบ้านมาตลอด ซึ่งผมมองว่าสิ้นเปลืองพรสวรรค์ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อลูกหลานไม่กลับมาดูแลเธอเลย ดาฟนีสนใจงาน 19


แกรม ซิมสัน

ของผม เราจึงเริ่มโครงการสอนวิชาพันธุศาสตร์ให้ดาฟนี เราทั้งคู่สนุกกัน มาก เธอเริ่มมากินอาหารเย็นที่ห้องชุดของผมเป็นประจ�ำ เพราะการ ปรุงอาหารหนึ่งมื้อส�ำหรับสองคนท�ำให้เกิดการประหยัดต่อขนาดอย่าง มหาศาลเมื่อเทียบกับการแยกปรุงอาหารของตัวเอง ทุกวันอาทิตย์เวลา 15.00 น. เราจะไปเยี่ยมสามีของเธอที่บ้านพักคนชรา ซึ่งอยู่ห่างออก ไป 7.3 กิโลเมตร ระหว่างการดันรถเข็นของดาฟนีไปกลับเป็นระยะทาง 14.6 กิโลเมตร ผมสามารถสนทนาในหัวข้อที่น่าสนใจทางพันธุศาสตร์ไป กับเธอได้ด้วย ผมอ่านหนังสือระหว่างที่เธอพูดกับสามีผู้ยากจะระบุได้ว่า มีระดับการรับรู้อยู่เท่าไหร่ แต่คงจะต�่ำอย่างแน่นอน ดาฟนีถูกตั้งชื่อตามพรรณไม้ที่ออกดอกในช่วงวันเกิดของเธอ นั่น คือยี่สิบแปดสิงหาคม ในวันเกิดแต่ละปี สามีของเธอจะน�ำดอกดาฟนีมา มอบให้ เธอรู้สึกว่านี่เป็นการกระท�ำที่โรแมนติกมาก เธอบ่นว่าวันเกิดที่ จะมาถึงจะเป็นครั้งแรกในรอบห้าสิบหกปีที่ขาดเหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์นี้ ทางแก้ปัญหานั้นชัดเจน และเมื่อผมดันรถเข็นเธอไปถึงห้องชุดของผมเพื่อ รับประทานอาหารเย็นในวันเกิดปีที่เจ็ดสิบแปด ผมก็มอบดอกดาฟนีที่ผม ซื้อเตรียมไว้ให้ เธอจ�ำกลิ่นได้ในทันทีและเริ่มร้องไห้ ผมคิดว่าตัวเองท�ำผิดพลาด อย่างใหญ่หลวง แต่เธออธิบายว่าน�้ำตาของเธอเป็นสัญญาณแห่งความสุข เธอยังประทับใจเค้กช็อกโกแลตที่ผมอบด้วย แต่สู้ดอกไม้ไม่ได้ ระหว่างมื้ออาหาร ดาฟนีพูดอะไรที่เหลือเชื่อขึ้นมาอย่างหนึ่ง “ดอน คุณจะต้องเป็นสามีที่ดีแน่” ผมอึ้งไปชั่วขณะ เพราะประโยคนี้ช่างตรงข้ามกับประสบการณ์ ของผมที่ถูกพวกผู้หญิงปฏิเสธ จากนั้นผมก็บรรยายข้อเท็จจริงให้เธอฟัง โดยเล่าถึงประวัติความพยายามในการหาคู่ เริ่มจากข้อสันนิษฐานของผม ในวัยเด็กที่ว่าผมจะได้แต่งงานเมื่อเป็นผู้ใหญ่ จบลงด้วยการละทิ้งความคิด 20


โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

เมื่อหลักฐานต่างๆ บ่งชี้ว่าผมไม่เหมาะกับการแต่งงาน เหตุผลของดาฟนีนั้นเรียบง่าย ในโลกนี้มีใครคนหนึ่งส�ำหรับเรา ทุกคน ในทางสถิติ เธอคงพูดถูก น่าเสียดายว่าโอกาสที่ผมจะพบคน คนนั้นมีความน่าจะเป็นใกล้เคียงศูนย์ แต่เรื่องนี้กวนใจผม มันเหมือนกับ โจทย์คณิตศาสตร์ที่เรารู้ว่าต้องมีค�ำตอบ ในวันเกิดของเธอทั้งสองปีต่อมา เราท�ำกิจกรรมดอกดาฟนีซ�้ำ อีก ผลที่เกิดขึ้นไม่ซาบซึ้งเท่าครั้งแรก แต่ผมซื้อของขวัญให้เธอด้วย เป็น หนังสือวิชาพันธุศาสตร์ เธอดูมีความสุขมาก ดาฟนีบอกผมว่าวันเกิดคือ วันที่เธอโปรดปรานที่สุดในรอบปี ผมเข้าใจว่าความคิดแบบนี้พบได้บ่อย ในเด็ก เนื่องจากมีของขวัญเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่นึกว่าจะพบในผู้ใหญ่ ด้วย เก้าสิบสามวันหลังการฉลองวันเกิดครั้งที่สาม ขณะเราเดินทางไป บ้านพักคนชราและพูดคุยถึงงานวิจัยทางพันธุศาสตร์ที่ดาฟนีได้อ่านเมื่อวัน ก่อน ปรากฏว่าเธอลืมประเด็นส�ำคัญบางอย่างไปเสียแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ความทรงจ�ำของดาฟนีบกพร่อง ผมจัดให้มีการทดสอบความสามารถใน การรู้คิดทันที ผลการวินิจฉัยระบุว่าเธอเป็นโรคอัลไซเมอร์ ความสามารถทางสติปัญญาของดาฟนีเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว และ ในไม่ช้าเราก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับวิชาพันธุศาสตร์ได้ อีกต่อไป แต่เรายังกินอาหารด้วยกันและเดินไปบ้านพักคนชราด้วยกัน อยู่ ตอนนี้ดาฟนีคุยแต่ความหลังเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยเน้นไปที่สามี และครอบครัว แต่ผมนึกภาพโดยรวมของชีวิตแต่งงานไม่ออก เธอยัง คงยืนยันว่าผมจะได้พบคู่ชีวิตที่เหมาะสมและมีความสุขมหาศาลอย่างที่ เธอเคยประสบมา งานวิจัยเสริมยืนยันว่าความเห็นของดาฟนีมีหลักฐาน เชื่อถือได้ ผู้ชายที่แต่งงานมีความสุขกว่าและอายุยืนกว่าคนโสด วันหนึ่งดาฟนีถามขึ้นว่า “วันเกิดของฉันเมื่อไหร่นะ” ผมจึง ส�ำนึกว่าเธอลืมวันเดือนปีไปเสียแล้ว ผมตัดสินใจว่าการโกหกเพื่อความ 21


แกรม ซิมสัน

สุขสูงสุดของเธอเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ปัญหาก็คือจะหาดอกดาฟนีนอก ฤดูได้จากที่ไหน แต่ความส�ำเร็จของผมมีมาอย่างไม่คาดฝัน ผมรู้ว่ามี นักพันธุศาสตร์คนหนึ่งก�ำลังท�ำงานเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนและยืดเวลา ออกดอกของพืชเพื่อผลในเชิงพาณิชย์ เขาส่งดอกดาฟนีให้ร้านขายดอกไม้ ทีผ่ มซือ้ เป็นประจ�ำ เราจึงจ�ำลองงานฉลองวันเกิดขึน้ ผมท�ำกระบวนการนี้ ซ�้ำทุกครั้งที่ดาฟนีถามถึงวันเกิดของเธอ ในที่สุด ดาฟนีก็จ�ำเป็นต้องไปอยู่บ้านพักคนชราเหมือนกับสามี ระหว่างที่ความจ�ำของเธอเสื่อมถอยนั้นเราฉลองวันเกิดของเธอบ่อยครั้ง ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมไปเยี่ยมเธอทุกวัน คนขายดอกไม้ให้บัตรสมาชิก พิเศษแก่ผม ผมค�ำนวณว่าในยามที่เธอลืมหน้าผม ดาฟนีอายุสองร้อย สิบเจ็ดปีพอดีตามจ�ำนวนวันเกิดที่เราฉลอง และสามร้อยสิบเก้าเมื่อเธอ หยุดมีปฏิกิริยากับดอกดาฟนีและผมเลิกไปหาเธอ ผมไม่ได้คิดว่าจูลีจะติดต่อผมอีก แต่เช่นเคย สมมติฐานของ ผมเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์นั้นผิดพลาด สองวันหลังการบรรยาย โทรศัพท์ของผมดังขึ้นในเวลา 15.37 น. เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก จูลีฝาก ข้อความให้โทรกลับ ผมอนุมานว่าตัวเองคงลืมของบางอย่างไว้ ผมเดาผิดอีก เธออยากคุยเรื่องโรคแอสเพอร์เกอร์ต่อ ผมยินดีที่ ข้อมูลของผมมีอิทธิพลขนาดนี้ จูลีเสนอให้เราพบกันระหว่างอาหารเย็น ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะกับการสนทนาให้เกิดประโยชน์ แต่ปกติผมกิน อาหารเย็นคนเดียวอยู่แล้ว การจัดตารางจึงเป็นเรื่องง่าย แต่การเตรียม ข้อมูลล่วงหน้านั้นไม่ใช่ “คุณสนใจหัวข้ออะไรเป็นพิเศษ” “แหม” เธอพูด “ฉันคิดว่าเราคุยเรื่องทั่วไปก็ได้...จะได้รู้จักกัน มากกว่านี้หน่อย” ฟังดูสะเปะสะปะ “ผมจ�ำเป็นต้องมีขอบเขตหัวข้อกว้างๆ เป็น อย่างน้อย คราวก่อนผมพูดอะไรที่คุณสนใจเป็นพิเศษ” 22


โปรเจ็ครักของนายจอมเพี้ยน

“อืม...คงเป็นเรื่องทดสอบคอมพิวเตอร์ในเดนมาร์กมั้ง” “ทดสอบโปรแกรมคอมพิวเตอร์” ผมคงต้องหาข้อมูลล่วงหน้า จริงๆ “คุณอยากรู้อะไรบ้าง” “ฉั น สงสั ย ว่ า บริ ษั ท นั้ น หาพนั ก งานได้ ยั ง ไง ผู ้ ใ หญ่ ที่ เ ป็ น โรค แอสเพอร์เกอร์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้” มีเหตุผล การสุ่มสัมภาษณ์ผู้สมัครคงเป็นวิธีที่ไร้ประสิทธิภาพ อย่างยิ่งส�ำหรับการค้นหาโรคที่มีความชุกเฉลี่ยต�่ำกว่า 0.3 เปอร์เซนต์ ผมลองเดา “ผมสันนิษฐานว่าพวกเขาคงใช้แบบสอบถามเป็นตัว คัดกรองชั้นแรก” ผมยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ�ำ้ ดวงไฟก็สว่างวาบขึ้นใน หัวของผม...แน่นอนว่านี่เป็นแค่ค�ำเปรียบเปรย แบบสอบถาม! วิธีแก้ปัญหาชัดเจนขนาดนั้นโดยแท้ เครื่องมือ ที่ใช้ได้ผลจริงทางวิทยาศาสตร์ บวกกับวิธีวิจัยที่ดีที่สุดในปัจจุบัน สร้าง ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกรองคนที่ไม่ต้องการออกไป ทั้งคนที่ไม่เห็น ค่าของเวลา ไร้ระเบียบ เรื่องมากกับรสไอศกรีม ชอบบ่นว่าถูกคุกคาม ทางสายตา ชอบดูหมอ อ่านค�ำพยากรณ์อนาคต บ้าแฟชั่น คลั่งศาสนา เป็นมังสวิรัติแบบบริสุทธิ์ ดูกีฬา เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลก สูบบุหรี่ ไม่มี ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เชื่อวิธีรักษาโรคแบบหนามยอกเอาหนามบ่ง จากนั้นก็เหลือทิ้งไว้เพียงบุคคลในอุดมคติผู้เพียบพร้อม...หรือพูดให้เพ้อเจ้อ น้อยลงก็คือ เหลือกลุ่มคนที่เป็นไปได้เพียงไม่กี่คน “ดอน?” เสียงของจูลียังดังอยู่ในสาย “เราเจอกันเมื่อไหร่ดีคะ” ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ล�ำดับความส�ำคัญเปลี่ยนไป “เป็นไปไม่ได้” ผมพูด “ตารางของผมเต็มแล้ว” ผมจ�ำเป็นต้องเก็บเวลาว่างทั้งหมดไว้ส�ำหรับโครงการใหม่ โครงการหาคู่

23


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.