‘ earnest
“หนังสือเลมนี้ ไมเพียงทำใหผมนึกถึงสมัยที่ยังเปนวัยรุนและตกหลุมรักหญิงสาวสักคน แตยังทำใหผมจำไดดวยวา การเปนวัยรุนและตกหลุมรักหนังสือสักเลมนั้นเปนยังไง” - จอหน กรีน, ผูเขียน The Fault in our Stars (ดาวบันดาล)
ธิดารัตน เจริญชัยชนะ แปล
Rainbow Rowell เขียน ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ แปล
‘
earnest
publishing
เอเลนอร์ กับ ปาร์ค Eleanor & Park
Rainbow Rowell เขียน บรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร ศิลปกรรม
ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ แปล
วิลาส วศินสังวร ชญานุช วศินสังวร สนพ. เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง Copyright for Eleanor & Park Copyright © 2013 by Rainbow Rowell Published by agreement with The Lotts Agency, Ltd. through Silkroad Publishers Agency
จัดพิมพ์โดย: บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ำกัด 610/35-36 ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 โทรศัพท์: 02 223 9460-3 โทรสาร: 02 622 4419 Facebook : http://www.facebook.com/EarnestPublishing จัดพิมพ์: บริษัท โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้ำส์ จ�ำกัด 113/13 ซอยวัดสุวรรณคีรี ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์: 02 424 6944 โทรสาร: 02 434 3802 จัดจ�ำหน่ำยทั่วประเทศ: บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ำกัด 108 หมู่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม แขวงมหาสวัสดิ์ เขตบางกรวย นนทบุรี 11130 โทรศัพท์: 02 423 9999 โทรสาร: 02 499 9561-3 www.naiin.com สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 © บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ากัด เลขมำตรฐำนสำกลประจ�ำหนังสือ 978-616-7691-24-4 พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2558 รำคำ 350 บาท
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ นิยายเรือ่ งนีจ้ ะท�าให้คณ ุ หวนนึกถึงรักครัง้ แรก งดงามอย่างนัน้ เลย
“หนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงท�าให้ผมนึกถึงสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นและตกหลุมรัก หญิงสาวสักคน แต่ยังท�าให้ผมจ�าได้ด้วยว่า การเป็นวัยรุ่นและตกหลุมรักหนังสือสักเล่มนั้นเป็นยังไง” - จอห์น กรีน ผู้เขียน The Fault in our Stars (ดาวบันดาล) “มิตรภาพ ความโดดเดี่ยว และความรักชวนหัวชวนประทับใจในยุคดิจิทัล” - Daily Telegraph “ตลกขบขัน” - Daily Record “อบอุ่นหัวใจ โรแมนติค และสนุกสุดยอด” - Closer “เป็นหนังสือที่โดดเด่นไม่ซ�้าใคร ทว่ายังคงไว้ซึ่งความสนุกสนานจากตัว ละครแสนน่ารัก บวกกับพล็อตเรื่องที่จะท�าให้คุณต้องลุ้นจนจบเล่ม” - South Wales Argus “ราวเวลล์สร้างความประหลาดใจให้ผู้อ่านได้ตลอดทั้งเรื่อง ส่วนการคลี่คลาย--แม้จะมีข้อบกพร่อง แต่น่าเชื่อถือ-ก็รักษาสมดุลอันละเอียดอ่อนของด้านสว่างและด้านมืดไว้ได้เป็นอย่างดี” - Publisher’s Weekly
“ผสมผสานความรักหวานแหววเข้ากับเรื่องราวอันชาญฉลาด ได้อย่างไร้ที่ติ...มีเสน่ห์เหลือล้น” - Chicago Tribune “เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมากๆ” - Star Magazine “ตลก เปี่ยมด้วยความหวัง กัดจิก เซ็กซี่ และน�า้ ตาแตก สุดยอดนวนิยายเรื่องนี้จะประทับใจนักอ่านทั้งวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่” - Kirkus
แด่ ฟอเรสต์, เจด, ฮาเว่น และเจอร์รี่ และคนอื่นๆ บนหลังรถกระบะ
เขาจะเลิกพยายามดึงเธอกลับมาแล้ว เธอจะกลับมาก็ต่อเมื่อรู้สึกอยากกลับมาเท่านั้น ในความฝัน ใน ค�าหลอกลวง และภาพเดจาวูอันเลวร้าย เช่น ระหว่างขับรถไปท�างาน เขาจะเห็นเด็กสาวผมแดงยืนอยูต่ รง หัวมุมถนน แล้วเขาก็จะสบถสาบานอยู่ในชั่วขณะกึ่งๆ ขาดอากาศหายใจ นั่นมันเธอนี่นา จากนัน้ เขาก็จะเห็นว่าผมของเด็กสาวคนนัน้ ออกสีบลอนด์มากกว่า สีแดง และคีบบุหรี่อยู่ในมือ...สวมเสื้อยืดวงเซ็กส์ พิสทอลส์1 เอเลนอร์เกลียดวงเซ็กส์ พิสทอลส์ เอเลนอร์... ยืนอยู่ข้างหลังเขาจนกระทั่งเขาหันหน้าไปมอง นอนอยู่ข้างๆ เขา ก่อนที่เขาจะลืมตาตื่น ท�าให้คนอื่นดูจืดชืดน่าเบื่อกว่าเดิมและไม่มีวันดีพอ เอเลนอร์ท�าลายทุกสิ่งทุกอย่าง เอเลนอร์จากไปแล้ว เขาจะเลิกพยายามดึงเธอกลับมาแล้ว 1 Sex Pistols วงดนตรีแนวพังค์ร็อกจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปีค.ศ.1975 11
สิงหำคม 1986
1
ปำร์ค เพลงของเอ็กซ์ทีซี1 ไม่เหมาะส�าหรับไว้กลบเสียงพวกปัญญาอ่อนท้ายรถ โรงเรียน ปาร์คกดหูฟังแนบหู พรุ่งนี้เขาจะเอาสกินนี่ ปั๊ปปี2้ หรือมิสฟิตส์3มา หรืออาจอัดเทป ชุดพิเศษส�าหรับรถโรงเรียนที่มีเสียงร้องโหยหวนที่สุดเท่าที่จะมากได้ เดีย๋ วเขาค่อยกลับไปฟังเพลงนิวเวฟ4ใหม่ในเดือนพฤศจิกายน หลัง จากได้ใบขับขี่มาแล้ว พ่อแม่บอกแล้วว่าเขาสามารถรับช่วงต่อรถเชฟโลเร็ต อิมพาลาของแม่ได้ และเขาก�าลังเก็บเงินซื้อเครื่องเล่นเทปชุดใหม่ ครั้นได้ ขับรถไปเรียน เขาจะฟังเพลงอะไรก็ได้ตามใจ หรือไม่ฟังเลยก็ยังได้ และ 1 XTC วงร็อกนิวเวฟจากประเทศอังกฤษ 2 Skinny Puppy กลุ่มคนดนตรีอินดัสเทรียล ซึ่งเป็นแนวดนตรีทดลอง โดยมากมัก หมายถึงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ 3 Misfits วงดนตรีแนวเฮอร์เรอร์ พังค์ (horror punk) ก่อตั้งในปีค.ศ.1977 4 New Wave เป็นค�าเรียกในหมู่แนวเพลงป๊อบร็อกในช่วงปลายยุค 1970 และกลาง ยุค 1980 โดยทัว่ ไป ค�านีม้ คี วามหมายเดียวกับพังค์รอ็ ก ก่อนทีจ่ ะรวมกับอิเล็กทรอนิกส์ ม็อด ดิสโก้ และป๊อบ 15
เรนโบว์ ราวเวลล์
เขายังจะมีเวลานอนต่ออีกตั้งยี่สิบนาที “ไม่มีอยู่จริงสักหน่อย” ใครบางคนตะโกนอยู่ข้างหลังเขา “เชี่ย มีโว้ย” สตีฟตะโกนกลับ “ไอ้หนุ่มหมัดเมาแม่งโคตรเจ๋ง ท่านั้นฆ่าคนได้เลยนะเว้ย...” “ตอแหล” “แกสิ ตอแหล” สตีฟสวนกลับ “ปาร์ค! เฮ้ย ปาร์ค” ปาร์คได้ยนิ สตีฟเรียก แต่เขาไม่ตอบ บางครัง้ ถ้าเราไม่สนใจสตีฟ สักพัก เดีย๋ วเขาก็จะหันไปหาคนอืน่ แทน การรูเ้ รือ่ งนีท้ า� ให้มโี อกาสรอดพ้น จากเพื่อนบ้านอย่างสตีฟได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาเข้าไว้... ซึ่งปาร์คลืมไปชั่วขณะ กระดาษขย�าเป็นก้อนลอยมาโดนด้านหลัง ศีรษะเขา “นั่นมันสมุดจดวิชาการเจริญเติบโตและการพัฒนาของมนุษย์ของ ฉันนะ ไอ้เลว” ทีน่าด่า “โทษทีจ้ะ ที่รัก” สตีฟบอก “ฉันจะสอนการเจริญเติบโตและการ พัฒนาของมนุษย์ให้เอง เธออยากรู้อะไรล่ะ?” “สอนท่าไอ้หนุ่มหมัดเมาเธอสิ” ใครบางคนเอ่ย “ปาร์ค!” สตีฟตะโกน ปาร์คดึงหูฟังลงแล้วหันไปทางท้ายรถ สตีฟครองที่นั่งแถวหลังสุด ขนาดนั่งอยู่ ศีรษะของเขายังสูงชนเพดาน สตีฟมักดูเหมือนถูกแวดล้อม ด้วยเฟอร์นิเจอร์ตุ๊กตาอยู่เสมอ เขาดูเหมือนผู้ใหญ่มาตั้งแต่ชั้นม.1 และ นั่นคือก่อนที่เขาจะไว้หนวดไว้เคราเพียงเล็กน้อย บางครั้งปาร์คก็สงสัยว่าสตีฟคบกับทีน่าเพราะเธอท�าให้เขายิ่งดู เหมือนอสูรกายหรือเปล่า เด็กสาวเกือบทุกคนในย่านแฟลตส์จะตัวเล็ก แต่ ทีน่าสูงไม่ถึง 5 ฟุตด้วยซ�้า นี่ขนาดรวมผมฟูฟ่องแล้วนะ ครั้งหนึ่ง สมัยมัธยมต้น มีคนพยายามล้อเล่นกับสตีฟว่าเขาไม่ ควรท�าทีน่าท้อง เพราะหากเธอท้องขึ้นมา ลูกร่างยักษ์ของเขาอาจฆ่าเธอ 16
เ เลน ร์ บ าร์
ได้ “เด็กจะระเบิดออกมาจากท้องของเธอเหมือนในหนัง เอเลีย่ น” เขาบอก แล้วสตีฟก็ชกหน้าหมอนั่นจนนิ้วก้อยของเขาหัก เมื่อพ่อของปาร์คได้ยินข่าว เขาพูดว่า “ต้องมีใครสักคนสอนวิธี ก�าหมัดให้เจ้าหนูเมอร์ฟี” แต่ปาร์คหวังว่าจะไม่มีใครสอนเขา เพราะขนาด ก�าหมัดไม่เป็น เจ้าคนทีส่ ตีฟตัน๊ หน้ายังลืมตาไม่ขนึ้ ไปเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว ปาร์คโยนก้อนกระดาษการบ้านคืนให้ทีน่า เธอรับไว้ “ปาร์ค” สตีฟเรียก “เล่าเรือ่ งคาราเต้ทา่ ไอ้หนุม่ หมัดเมาให้ไอ้ไมกีย์ ฟังหน่อยสิ” “ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น” ปาร์คยักไหล่ “แต่มันมีอยู่จริง ใช่มั้ย?” “รู้สึกจะเคยได้ยิน” “นั่นไง” สตีฟมองหาของจะปาใส่ไมกีย์ ทว่าไม่เจอ จึงหันไปชี้ หน้าเขาแทน “ฉันบอกแกแล้ว” “เชอริแดนมันจะไปรู้อะไรเรื่องกังฟู?” ไมกีย์ถาม “แกปัญญาอ่อนปะเนี่ย?” สตีฟถาม “แม่มันเป็นคนจีนนะเว้ย” ไมกียม์ องปาร์คอย่างระแวดระวัง ปาร์คยิม้ และหรีต่ า “ใช่ ฉันว่า ฉันเห็นแล้ว” ไมกียบ์ อก “ฉันนึกว่าแกเป็นคนเม็กซิกนั มาตลอดเลยนะเนีย่ ” “ห่าเอ๊ย ไมกีย์” สตีฟเอ่ย “แกแม่งโคตรเหยียดผิวเลยว่ะ” “เธอไม่ได้เป็นคนจีนซะหน่อย” ทีน่าแก้ “คนเกาหลีต่างหาก” “ใคร?” สตีฟถาม “แม่ของปาร์ค” แม่ของปาร์คตัดผมให้ทนี า่ มาตัง้ แต่ชนั้ ประถม ทัง้ คูท่ า� ผมทรงเดียว กันเป๊ะ ดัดเป็นเกลียวยาวกับผมหน้าม้าสไลด์เต่อ “แม่แกแม่งโคตรฮอตเลยว่ะ” สตีฟหัวเราะก๊าก “ไม่ได้ว่านะเว้ย ปาร์ค” ปาร์คฝืนยิ้มอีกครั้ง แล้วแอบกลับไปนั่งที่ตามเดิม เขายกหูฟังขึ้น มาครอบศีรษะแล้วเร่งเสียง เขายังได้ยินเสียงของสตีฟกับไมกีย์ที่อยู่ห่างไป 17
เรนโบว์ ราวเวลล์
ทางด้านหลังสี่ที่นั่ง “ว่าแต่ จะมีประโยชน์อะไรวะ?” ไมกีย์ถาม “แกอยากสูก้ บั ไอ้หนุม่ หมัดเมาหรือเปล่าล่ะ? พวกมันตัวแม่งโคตร ใหญ่เลย อย่างกับหนัง แชมป์นอกสังเวียน1 ลองนึกภาพไอ้สารเลวนัน่ คลัง่ ใส่แกดูดิ” ปาร์คสังเกตเห็นเด็กใหม่เกือบจะจังหวะเดียวกับที่ทุกคนเห็น เธอ ยืนอยู่ด้านหน้าของรถ ติดกับที่นั่งว่างตัวแรก มีเด็กม.3 นั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว เขาเอากระเป๋าวางบนที่นั่งข้างๆ ก่อนเสมองไปทางอื่น จากนั้นคนที่นั่งคนเดียวก็พากันขยับไปนั่งตรงริม ทางเดินตลอดทัง้ แถว ปาร์คได้ยนิ เสียงทีนา่ หัวเราะคิกคัก เธอมีชวี ติ อยูเ่ พือ่ สิง่ นีจ้ ริงๆ เด็กใหม่สดู หายใจและก้าวมาตามทางเดิน ไม่มใี ครมองเธอ ปาร์ค เองก็พยายามไม่มอง แต่สถานการณ์นี้น่าอับอายไม่ได้เรื่องเอาซะเลย เด็กสาวคนนั้นก็ดูเหมือนคนที่จะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้เป๊ะ ไม่เพียงเป็นเด็กใหม่ แต่ยังร่างใหญ่และดูเงอะงะ ผมยุ่งเหยิง มี สีแดงสดตรงด้านบนของลอนหยิก เธอแต่งตัวอย่างกับ...อย่างกับ อยาก ให้ทุกคนหันมามอง ไม่ก็อาจไม่รู้ว่าตัวเองดูไม่จืดแค่ไหน เธอสวมเสื้อเชิ้ต ผ้าลายสก็อตของผูช้ าย มีสร้อยคอแปลกๆ ครึง่ โหลอยูร่ อบคอ และผ้าพัน คอพันรอบข้อมือ เธอท�าให้ปาร์คนึกถึงหุน่ ไล่กา หรือตุก๊ ตาขจัดความกังวล ทีแ่ ม่ของเขาเก็บไว้ในลิน้ ชักตู้ เหมือนอะไรบางอย่างทีจ่ ะไม่มที างรอดชีวติ ใน ความป่าเถื่อนโหดร้าย รถโรงเรียนจอดอีกครั้ง เด็กอีกกลุ่มขึ้นมาบนรถ พวกเขาเบียดตัว ผ่านเด็กสาว กระแทกตัวเธอ และทรุดลงนั่งในที่ของตัวเอง มันก็เป็นอย่างนี้แหละ ทุกคนบนรถโรงเรียนมีที่นั่งประจ�าของ ตัวเองอยูแ่ ล้ว ทุกคนจับจองทีน่ งั่ กันตัง้ แต่วนั เปิดเทอม คนอย่างปาร์ค ซึง่ 1 Every Which Way But Loose ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 1978 น�าแสดงโดย คลินท์ อีสต์วู้ด 18
เ เลน ร์ บ าร์
โชคดีพอได้ครองที่นั่งคนเดียว จะไม่มีวันสละที่ให้ใครในตอนนี้เป็นอันขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนอย่างนี้ ปาร์คเงยหน้ากลับไปมองเด็กสาว เธอได้แต่ยืนนิ่ง “นี่ เธอ” คนขับรถตะโกน “นั่งลง” เด็กสาวเริ่มขยับเดินมาท้ายรถ ตรงเข้ามาในท้องของสัตว์ร้าย พระเจ้า ปาร์คคิด หยุดนะ หันหลังกลับไป เขารู้สึกได้ว่าสตีฟกับไมกีย์ ก�าลังแลบลิน้ เลียปากขณะเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาพยายามหันไปมองทางอืน่ อีกครั้ง เด็กสาวเห็นทีว่ า่ งฝัง่ ตรงข้ามของปาร์ค ใบหน้าเธอฉายแววโล่งอก ก่อนจะรีบปรี่ไปที่นั่น “เฮ้” ทีน่าเอ่ยน�้าเสียงเฉียบขาด เด็กสาวยังเดินหน้าต่อไป “เฮ้” ทีน่าเรียก “โบโซ่” สตีฟเริม่ หัวเราะ เพือ่ นๆ ของเขาประสานเสียงหัวเราะตามมาติดๆ “นั่งตรงนั้นไม่ได้นะยะ” ทีน่าบอก “นั่นมันที่ของมิเคล่า” เด็กสาวชะงักฝีเท้าและเงยหน้าขึน้ มองทีนา่ จากนัน้ หันกลับไปมอง ที่นั่งว่างๆ “นั่งลง” คนขับแผดเสียงจากหน้ารถ “ฉันต้องนั่งตรงไหนสักที่” เด็กสาวพูดกับทีน่าด้วยน�้าเสียงสงบ หนักแน่น “ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ทีน่าแว้ดใส่ รถโรงเรียนเซวูบ เด็กสาวเซไป ทางด้านหลังเพื่อประคองตัวไม่ให้ล้ม ปาร์คพยายามเร่งเสียงวอล์กแมน1 แต่มนั เร่งจนสุดแล้ว เขามองกลับไปทีเ่ ด็กสาว เธอท�าท่าอย่างกับจะร้องไห้ ปาร์คเขยิบไปนั่งชิดริมหน้าต่างก่อนที่เขาจะตัดสินใจท�าด้วยซ�้า “นั่งลง” เขาบอก เสียงลอดออกจากปากอย่างขัดเคือง เด็กสาว หันไปทางเขา ราวกับเธอไม่อาจบอกได้ว่าเขาเป็นไอ้งี่เง่าอีกคนหรือเปล่า 1 Walkman ชื่อเรียกเครื่องเล่นเทปแบบพกพายี่ห้อ Sony 19
“บ้าเอ๊ย” ปาร์คพูดเสียงแผ่วเบา ผงกศีรษะไปตรงทีว่ า่ งข้างๆ “นัง่ ลงเถอะน่า” เด็กสาวนัง่ ลง เธอไม่พดู อะไร ขอบคุณพระเจ้า เธอไม่ได้ขอบคุณ เขา และเธอเว้นช่องว่างบนที่นั่งระหว่างกลางไว้หกนิ้ว ปาร์คหันหน้าไปหาหน้าต่างกระจกอะคลิรคิ และรอให้เรือ่ งเฮงซวย นี่โดนเอาไปเม้าท์ต่อ
2
เอเลนอร์ เอเลนอร์พิจารณาทางเลือกของตัวเอง 1. เธอจะเดินจากโรงเรียนกลับบ้าน ข้อดี: ได้ออกก�าลังกาย แก้มมีเลือดฝาด มีเวลาอยูก่ บั ตัวเอง ข้อเสีย: เธอยังไม่รทู้ อี่ ยูข่ องบ้านใหม่ หรือแม้แต่ทิศทางให้เริ่มออกเดิน 2. เธอจะโทรไปบอกแม่ให้มารับ ข้อดี: เพียบ ข้อเสีย: แม่ไม่มี โทรศัพท์หรือรถยนต์ 3. เธอจะโทรหาพ่อ ฮ่าฮ่า 4. เธอจะโทรหาคุณยาย แค่โทรไปทักทายน่ะ เธอนัง่ อยูบ่ นขัน้ บันไดปูนหน้าโรงเรียน พลางจ้องไปยังรถโรงเรียน สีเหลืองที่จอดอยู่เรียงราย รถคันของเธอจอดอยู่ตรงนั้น หมายเลข 666 ถึงแม้วันนี้เอเลนอร์จะเลี่ยงไม่ขึ้นรถโรงเรียนได้ ถึงแม้นางฟ้า แม่ทนู หัวจะโผล่มาพร้อมกับรถม้าฟักทอง เธอยังต้องหาทางมาโรงเรียนใน เช้าวันพรุ่งนี้อยู่ดี 21
เรนโบว์ ราวเวลล์
และพวกเด็กนรกบนรถก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนนิสัยในวันพรุ่งนี้ จริงๆ นะ เอเลนอร์จะไม่ประหลาดใจเลยหากพวกนั้นแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เธอตอน เธอเจอพวกเขาครัง้ ถัดไป เด็กสาวท้ายรถทีม่ ผี มสีบลอนด์และสวมเสือ้ แจ็กเก็ต ฟอกสีคนนัน้ น่ะเหรอ? เราสามารถมองเห็นเขาทีซ่ อ่ นอยูห่ ลังผมม้าของเธอ ได้เลยละ ส่วนแฟนของเธอก็อาจเป็นพวกเนฟิลิม1 เด็กสาวคนนัน้ --ทุกคน--เกลียดเอเลนอร์กอ่ นทีพ่ วกเขาจะปรายตา มองเธอด้วยซ�้า อย่างกับพวกเขาถูกจ้างมาให้ฆ่าแกงเธอแต่ชาติปางไหน เอเลนอร์ดูไม่ออกว่าเด็กเอเชียที่สุดท้ายก็ยอมให้เธอนั่งด้วยเป็น พวกนั้นด้วยหรือเปล่า หรือเขาแค่โง่เง่าสุดๆ (แต่ไม่ใช่โง่เง่า-สมองทึบ... เขาลงเรียนวิชาก้าวหน้า2เดียวกับเอเลนอร์ตั้งสองวิชา) แม่ ข องเธอยื น กรานว่ า โรงเรี ย นใหม่ จ ะต้ อ งให้ เ ธอลงเรี ย นวิ ช า ก้าวหน้า แม่ถงึ กับสติแตกเมือ่ พบว่าเอเลนอร์ได้เกรดแย่แค่ไหนจากเมือ่ ปีที่ แล้วตอนม.3 “เรือ่ งนีไ้ ม่นา่ ประหลาดใจหรอกค่ะ คุณนายดัก๊ ลาส” อาจารย์ ที่ปรึกษาบอก ฮ่าฮ่า เอเลนอร์คิด คุณจะต้องประหลาดใจในสิ่งที่อาจจะ เป็นเรื่องประหลาดใจได้ ณ จุดนี้ เอาเถอะ เอเลนอร์สามารถนั่งจ้องหมู่เมฆได้โดยสะดวกในวิชา ก้าวหน้า เพราะมีหน้าต่างอยู่เพียบ ถ้าเธอจะได้กลับมาที่โรงเรียนนี้อีก ถ้าเธอจะกลับถึงบ้าน ถึงยังไงเอเลนอร์กไ็ ม่สามารถเล่าเรือ่ งรถโรงเรียนให้แม่ฟงั ได้ เพราะ แม่บอกแล้วว่าเอเลนอร์ไม่จ�าเป็นต้องขึ้นรถโรงเรียน เมื่อคืนนี้ ตอนแม่ ก�าลังช่วยเอเลนอร์รื้อของ... “ริชชี่บอกจะไปส่งลูก” แม่พูด “มันเป็นทางผ่านไปท�างานของเขา 1 Nephilim คือทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่ง ที่ลงมาสมสู่กับมนุษย์โลกผู้หญิงและมีทายาทเป็น มนุษย์ประหลาด ตัวโต เป็นมนุษย์ยักษ์ที่อายุยืน 2 วิชาก้าวหน้า หรือ honor class เป็นวิชาที่จะเรียนยากกว่าและมีการบ้านมากกว่า วิชาเดียวกันแบบธรรมดา 22
เ เลน ร์ บ าร์
พอดี”
“เขาจะให้หนูนั่งหลังกระบะไปเหรอคะ?” “เขาพยายามจะสงบศึกกับลูกนะ เอเลนอร์ ลูกสัญญาแล้วว่าลูก ก็จะพยายามเหมือนกัน” “หนูสงบศึกจากระยะไกลง่ายกว่าค่ะ” “แม่บอกเขาว่าลูกพร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้” “หนูเป็นส่วนหนึง่ ของครอบครัวนีอ้ ยูแ่ ล้ว หนูเป็นสมาชิกรุน่ บุกเบิก” “เอเลนอร์” แม่เอ่ย “ขอร้องละ” “หนูจะนั่งรถโรงเรียนค่ะ” เอเลนอร์บอก “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร หนูจะได้พบปะผู้คน” ฮ่าฮ่า เอเลนอร์คิด ณ ตอนนี้ เป็นการฮ่าฮ่าที่เว่อร์วังอลังการ มาก รถโรงเรียนคันของเธอก�าลังจะออกในไม่ช้า รถคันอื่นสองสามคัน ขับออกไปแล้ว ใครบางคนวิ่งลงบันไดมาข้างๆ เอเลนอร์ และเตะกระเป๋า ของเธอเข้าโดยบังเอิญ เธอดึงกระเป๋าหลบให้พ้นทางและก�าลังจะขอโทษ แต่เป็นเจ้าเด็กเอเชียโง่เง่านั่นเอง เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าเป็นเธอ เธอ ขมวดคิ้วกลับใส่เขา แล้วเขาก็วิ่งน�าหน้าไป เฮ้อ เอาวะ เอเลนอร์คดิ เด็กนรกพวกนัน้ อย่าหวังว่าจะมาแหยม ฉันได้
23
3
ปำร์ค เธอไม่ได้พูดกับเขาระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ปาร์คพยายามคิดมาทัง้ วันว่าจะหนีจากเด็กใหม่ยงั ไง เขาอาจต้อง ย้ายที่ นั่นเป็นทางออกเดียว แต่ย้ายไปไหนล่ะ? เขาไม่อยากกดดันใคร และแม้แต่การย้ายที่ก็อาจดึงดูดความสนใจของสตีฟ ปาร์คคิดว่าสตีฟจะเล่นงานเขาทันทีที่เขายอมให้เด็กใหม่นั่งด้วย แต่สตีฟกลับไปคุยเรื่องกังฟูต่อในทันที ว่าแต่ปาร์ครู้เรื่องกังฟูดีเชียวละ เนือ่ งจากพ่อของเขาหลงใหลศิลปะการต่อสูม้ าก ไม่ใช่เพราะแม่ของเขาเป็น คนเกาหลี ปาร์คกับน้องชาย จอช ฝึกเทควันโดมาตั้งแต่เริ่มหัดเดินเลย ทีเดียว ย้ายที่ยังไงล่ะ...? เขาอาจไปนัง่ ด้านหน้ารถกับเจ้าเด็กม.3 แต่นนั่ จะเป็นการแสดงถึง ความอ่อนแออย่างเห็นได้ชดั และเขาค่อนข้างเกลียดความคิดทีจ่ ะทิง้ เด็กใหม่ ท่าทางประหลาดไว้ท้ายรถเพียงล�าพัง เขาเกลียดตัวเองที่คิดเช่นนี้ ถ้าพ่อรูว้ า่ เขาคิดอย่างนี้ เขาคงจะเรียกปาร์คว่า หน้าตัวเมีย ออก 24
เ เลน ร์ บ าร์
มาดังๆ สักครั้งเป็นแน่แท้ ถ้าคุณย่าของเขารู้ละก็ เธอคงจะตบหัวเขา “มารยาทไปไหนหมด?” เธอคงถาม “นั่นเหรอ วิธีปฏิบัติกับคนโชคร้าย?” แต่ปาร์คไม่ได้มีโชค--หรือสถานะ--ที่จะเผื่อแผ่ให้กับยายหัวแดง โง่ทึ่มนั่นได้ เขามีโชคเพียงแค่พอรักษาตัวเองให้รอดพ้นจากเรื่องยุ่งยาก เท่านั้น และเขารู้ว่ามันอุบาทว์ แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณที่มีคนอย่างเด็กสาว คนนั้นอยู่บนโลก เพราะมีคนอย่างสตีฟ และไมกีย์ และทีน่าอยู่บนโลก เช่นกัน และพวกเขาก็จา� เป็นต้องกินเลือดกินเนื้อใครสักคน ถ้าไม่เป็นเด็ก ผมแดงนั่น ก็ต้องเป็นคนอื่น และหากไม่เป็นคนอื่น ก็ต้องเป็นปาร์ค เมื่อเช้าสตีฟไม่สนใจ แต่เขาจะไม่ปล่อยผ่านไปตลอด... ปาร์คได้ยินเสียงคุณย่าแว่วมาอีกครั้ง “จริงเหรอนี่ หลานเอ๊ย หลานปล่อยให้ตวั เองปวดมวนท้อง เพราะหลานท�าเรือ่ งดีๆ ในขณะทีค่ นอืน่ ได้แต่มองเนี่ยนะ?” ไม่ใช่เรือ่ งดีขนาดนัน้ สักหน่อย ปาร์คคิด เขายอมให้เด็กนัน่ นัง่ ด้วย แต่เขาสบถใส่เธอ ตอนเธอปรากฏตัวในห้องเรียนภาษาอังกฤษในบ่ายวันนัน้ เขารู้สึกราวกับเธอมาตามล่าเขา... “เอเลนอร์” ครูสเตสส์แมนเอ่ย “เป็นชื่อที่ทรงพลังอะไรอย่างนี้ เป็นชื่อของราชินี รู้มั้ย” “เป็นชื่อของชิปมังค์ตัวอ้วนละไม่ว่า” ใครบางคนข้างหลังปาร์ค กระซิบ คนอื่นพากันหัวเราะ ครูสแตสส์แมนชี้ไปที่โต๊ะว่างข้างหน้าห้อง “วันนี้เราจะมาอ่านบทกวีกัน เอเลนอร์” ครูสเตสส์แมนเรียก “ดิกคินสัน1 บางทีเธออาจจะอยากเป็นคนเริ่มให้พวกเรา” ครูสเตสส์แมนเปิดหนังสือของเอเลนอร์ไปยังหน้าที่ต้องการและชี้ “ว่ามาเลย” เขาบอก “ขอเสียงดังฟังชัดจนกว่าครูจะบอกให้หยุด” เด็กใหม่จอ้ งหน้าครูสเตสส์แมนราวกับหวังให้เขาพูดเล่น เมือ่ แน่ใจ แล้วว่าเขาไม่ได้พูดเล่น เขาแทบไม่เคยพูดเล่น เธอจึงเริ่มอ่าน 1 Emily Dickinson กวีหญิงชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียง 25
เรนโบว์ ราวเวลล์
“ฉันผ่านคืนวันกระหายหิวมานานเนิน่ ” เธออ่าน เด็กนักเรียนสอง สามคนหัวเราะ ให้ตายเถอะ ปาร์คคิด มีแต่ครูสเตสส์แมนเท่านั้นที่จะให้ เด็กร่างท้วมอ่านบทกวีเกี่ยวกับการกินในวันแรกที่เรียน “ว่าต่อไป เอเลนอร์” ครูสเตสส์แมนสั่ง เธอเริ่มใหม่อีกครั้ง ซึ่งปาร์คคิดว่าเป็นความคิดที่แย่มาก “ฉันผ่านคืนวันกระหายหิวมานานเนิน่ ” คราวนีเ้ ธออ่านเสียงดังขึน้ “กระทั่งถึงยามเที่ยงวันแห่งชีวิต ที่จะได้ดื่มกิน “ฉันลากโต๊ะมาแนบชิด ด้วยร่างสั่นสะท้าน “และสัมผัสลิ้มรสไวน์ไม่คุ้นลิ้น “ซึ่งเคยพบเห็นวางอยู่บนโต๊ะมามากมาย “ครั้นหันไปมองอย่างหิวกระหาย เพียงล�าพัง “ฉันจ้องเข้าไปในหน้าต่าง เสาะหาความมั่งคั่งร�า่ รวย “ที่ฉันมิอาจคาดหวังจับจองเป็นเจ้าของได้” ครูสเตสส์แมนไม่ได้บอกให้เธอหยุดอ่าน เธอจึงอ่านกวีทั้งบทด้วย น�้าเสียงท้าทายสุดเจ๋งแบบเดียวกับที่เธอใช้พูดกับทีน่า “วิเศษมาก” ครูสเตสส์แมนบอกเมื่อเธออ่านจบ สีหน้าของเขา ปลาบปลื้มยินดี “วิเศษจริงๆ หวังว่าเธอจะอยู่กับพวกเรานะ เอเลนอร์ อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงเรือ่ ง เมดิอา1 นัน่ เป็นเสียงทีจ่ ะเอาไว้ใช้ตอนมังกร ลากรถม้า” ครัน้ เด็กสาวปรากฏตัวในคาบประวัตศิ าสตร์ ครูแซนเดอร์ฮอฟฟ์ไม่ ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แต่เขาพูดว่า “อ้อ ราชินีเอเลนอร์แห่งแคว้น อากีแตน” เมื่อเธอยื่นเอกสารให้เขา เธอนั่งห่างออกไปสองสามแถวหน้า ปาร์ค และเท่าที่เขาสังเกต เธอเอาแต่จดจ้องดวงอาทิตย์ตลอดทั้งคาบ ปาร์คคิดวิธีก�าจัดเธอ หรือวิธีก�าจัดตัวเองบนรถโรงเรียนไม่ออก เขาจึงสวมหูฟังก่อนที่เด็กสาวจะนั่งลง แล้วเปิดเสียงดังจนสุด ขอบคุณพระเจ้าที่เธอไม่ได้พยายามพูดกับเขา 1 Medea ชื่อเจ้าหญิงในเทพนิยายกรีกเรื่องเจสันกับขนแกะทองค�า 26
4
เอเลนอร์ บ่ายวันนั้น เธอกลับถึงบ้านก่อนน้องๆ ซึ่งก็ดี เพราะเธอยังไม่พร้อมจะ เจอพวกเขาอีก ตอนที่เธอเดินเข้ามาในบ้านเมื่อคืนนี้ อย่างกับโชว์พิสดาร ยังไงยังงั้น... เอเลนอร์คิดมาตลอดว่าจะเป็นยังไงที่ได้กลับบ้านซะที และเธอ คิดถึงทุกคนมากเพียงใด เธอคิดว่าพวกน้องจะจัดขบวนพาเหรดสายรุ้งให้ คิดว่ามันจะเป็นเทศกาลกอดครั้งยิ่งใหญ่ แต่พอเอเลนอร์เดินเข้ามาในบ้าน เธอรู้สึกเหมือนน้องๆ จ�าเธอ ไม่ได้ด้วยซ�้า เบนเพียงแต่ช�าเลืองมาแวบหนึ่ง ส่วนเมซี่ เมซี่นั่งอยู่บนตักริชชี่ ซึ่งเอเลอนอร์คงจะอาเจียนพรวดออกมาหากเธอไม่ได้สัญญากับแม่ไว้ว่าจะ พยายามท�าตัวดีเต็มที่ตลอดชีวิตที่เหลือ มีเม้าส์คนเดียวทีว่ งิ่ เข้ามากอดเอเลนอร์ เธออุม้ เขาขึน้ มาอย่างรูส้ กึ ซาบซึ้งใจ เขาอายุห้าขวบแล้ว และตัวหนักอึ้ง “เฮ้ เม้าส์” เธอเอ่ย ทุกคนเรียกเขาอย่างนั้นตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ทารก เธอจ�าไม่ได้วา่ เพราะอะไร เขาท�าให้เธอนึกถึงลูกสุนขั ตัวใหญ่จอมซน 27
เรนโบว์ ราวเวลล์
มากกว่า ซึ่งมักจะตื่นเต้นและพยายามกระโดดขึ้นมาบนตักเราอยู่เสมอ “ดูสิ พ่อฮะ เอเลนอร์” เม้าส์บอก พลางกระโดดลงไปยืน “พ่อ รู้จักเอเลนอร์มั้ยฮะ?” ริชชี่แกล้งท�าเป็นไม่ได้ยิน เมซี่นั่งมองตาปริบๆ พลางดูดนิ้วโป้ง จ๊วบๆ เอเลนอร์ไม่เห็นเธอท�าอย่างนัน้ มาหลายปีแล้ว ตอนนีเ้ ธออายุแปด ขวบแล้ว แต่พอมีนิ้วโป้งอยู่ในปากอย่างนั้น เมซี่ดูอย่างกับเด็กทารกเลย ส่วนทารกน้อยคงจะจ�าเอเลนอร์ไม่ได้แม้แต่นอ้ ย เขาน่าจะสองขวบ แล้ว...เขานั่งอยู่บนพื้นกับเบน เบนอายุสิบเอ็ด สายตาของเขาจดจ้องอยู่ ตรงผนังด้านหลังทีวี แม่ของพวกเขาแบกถุงทะเลทีม่ ขี า้ วของของเอเลนอร์เข้ามาในห้อง นอน ซึ่งอยู่ถัดจากห้องนั่งเล่น เอเลนอร์เดินตามแม่ไป ห้องนอนมีขนาด เล็กจิ๋ว ใหญ่แค่พอใส่ตู้ลิ้นชักหลังหนึ่งกับเตียงสองชั้น เม้าส์วิ่งตามเข้ามา ในห้อง “พี่ได้นอนชั้นบน” เขาบอก “ส่วนเบนต้องนอนบนพื้นกับผม แม่ บอกพวกเราแล้ว แล้วเบนก็เริ่มร้องไห้” “ไม่ตอ้ งห่วงนะจ๊ะ” แม่บอกเสียงเบา “เดีย๋ วเราค่อยขยับขยายกัน ใหม่” ห้องนี้ไม่มีที่ว่างพอให้ขยับขยาย (ซึ่งเอเลนอร์ตัดสินใจไม่เอ่ยถึง) เธอเข้านอนเร็วทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะท�าได้ จะได้ไม่ตอ้ งกลับเข้าไปในห้องนัง่ เล่นอีก ตอนเธอตืน่ ขึน้ มากลางดึก น้องชายทัง้ สามนอนหลับปุย๋ อยูบ่ นพืน้ ไม่มีทางที่จะยืนขึ้นโดยไม่เหยียบใครสักคน และเธอก็ไม่รู้ว่าห้องน�า้ อยู่ตรง ไหน... เธอหาห้องน�า้ เจอแล้ว ในบ้านหลังนีม้ เี พียงห้าห้อง และห้องน�า้ ก็ แทบจะนับไม่ได้วา่ เป็นห้อง ห้องน�า้ เชือ่ มติดกับครัว ใช้คา� ว่าเชือ่ มตรงตาม ตัวอักษรได้เลย ไม่มีประตู บ้านหลังนี้ได้รับการออกแบบโดยโทรลล์ถ�้า เอเลนอร์คิด ใครบางคน ซึ่งอาจเป็นแม่ น�าผ้าปูที่นอนลายดอกไม้มา แขวนกั้นไว้ระหว่างตู้เย็นกับห้องส้วม เมือ่ เธอกลับจากโรงเรียนมาถึงบ้าน เอเลนอร์ใช้กญ ุ แจดอกใหม่ไข 28
เ เลน ร์ บ าร์
เข้ามา บ้านหลังนีอ้ าจยิง่ ดูนา่ หดหูใ่ นเวลากลางวัน เพราะซอมซ่อและแทบ ไม่มีข้าวของใด แต่อย่างน้อยเอเลนอร์ก็ยังมีที่และแม่เป็นของตัวเอง เธอรู้สึกแปลกๆ ที่กลับถึงบ้านแล้วเห็นแม่ยืนอยู่ในครัวเหมือน... เหมือนเป็นปกติ แม่ก�าลังต้มซุป หั่นหัวหอม เอเลนอร์รู้สึกอยากร้องไห้ “ที่โรงเรียนเป็นไงบ้างจ๊ะ?” แม่ถาม “ก็ดีค่ะ” เอเลนอร์ตอบ “เรียนวันแรกสนุกมั้ย?” “แน่นอน คือ สนุกค่ะ ก็แค่โรงเรียน” “ลูกต้องตามงานเยอะหรือเปล่า?” “คงไม่มั้งคะ” แม่เช็ดมือกับด้านหลังกางเกงยีนส์ และจับผมทัดหู เอเลนอร์รสู้ กึ ตะลึงเป็นครั้งที่หมื่นกับความสวยของแม่ ตอนเอเลนอร์ยังเด็ก เธอคิดว่าแม่เหมือนราชินี เหมือนตัวเอก ของเทพนิยายสักเรื่อง ไม่ใช่เจ้าหญิง เจ้าหญิงก็แค่หน้าตาสวย แต่แม่ของเธอนั้นแสน งดงาม ทั้งสูงโปร่งและสง่าผ่าเผย ไหล่กว้างและทรวดทรงองค์เอวงามสง่า กระดูกทุกท่อนของแม่ดมู จี ดุ ประสงค์กว่าของคนอืน่ ราวกับกระดูกไม่เพียง ช่วยประคองร่างแม่ไว้ แต่มาอยู่ที่นั่นเพื่อเป้าหมายอะไรสักอย่าง แม่มีจมูกโด่งเป็นสัน คางเรียวแหลม และโหนกแก้มสูงอวบอูม เราจะมองดูแม่ของเอเลนอร์และคิดว่าเธอต้องถูกสลักเสลามาให้เป็นหัวเรือ ไวกิ้งเป็นแน่แท้ หรือไม่ก็อาจถูกวาดระบายไว้ที่ด้านข้างของเครื่องบิน... เอเลนอร์รูปร่างหน้าตาคล้ายแม่มาก แต่ยังไม่มากพอ เอเลนอร์ดูเหมือนแม่ของเธอยามมองผ่านกระจกตู้ปลา อวบกว่า และตัวนิม่ กว่า ดูคลุมเครือ ในขณะทีแ่ ม่ของเธองามสง่าดัง่ รูปปัน้ เอเลนอร์ กลับตัวใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ในขณะที่แม่ของเธอถูกวาดมาอย่างประณีต เอเลนอร์กลับดูเลอะเทอะเปรอะเปื้อน 29
เรนโบว์ ราวเวลล์
หลังจากมีลูกถึงห้าคน แม่ก็มีหน้าอกและสะโพกเหมือนผู้หญิงใน โฆษณาบุหรี่ ในขณะที่เอเลนอร์อายุแค่สิบหก เธอกลับมีรูปร่างเหมือน เจ้าของผับในยุคกลางแล้ว เธอมีทกุ อย่างมากเกินความจ�าเป็น และตัวสูงไปหน่อยทีจ่ ะปิดซ่อน ไว้ หน้าอกของเธอเริ่มอวบนูนตั้งแต่ใต้คางลงมา ส่วนสะโพกก็...อย่างกับ ภาพล้อเลียน แม้แต่ผมของแม่ที่ยาวหยิกเป็นลอนและมีสีน�้าตาลแดง ยัง เป็นเวอร์ชนั่ ทีถ่ กู ต้องเหมาะสมกว่าผมหยิกเป็นเกลียวสีแดงแจ๋ของเอเลนอร์ เอเลนอร์ยกมือจับศีรษะอย่างเขินอาย “แม่มีอะไรให้ลูกดู” แม่บอกขณะปิดหม้อซุป “แต่แม่ไม่อยากให้ น้องๆ เห็น มานี่สิ” เอเลนอร์เดินตามแม่เข้าไปในห้องนอนเด็กๆ แม่เปิดตู้และหยิบ กองผ้าขนหนูกับตะกร้าผ้าที่เต็มไปด้วยถุงเท้าออกมา “แม่ไม่สามารถเอาของทัง้ หมดของลูกมาได้ตอนเราย้ายบ้าน” เธอ บอก “ลูกก็เห็นแล้วว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้กว้างขวางเหมือนบ้านหลังเก่า...” เธอเอื้อมเข้าไปในตู้ หยิบถุงขยะพลาสติกสีดา� ออกมา “แต่แม่ก็เก็บมาเท่า ที่ท�าได้” แม่ยื่นถุงให้เอเลนอร์แล้วพูดว่า “แม่เสียใจส�าหรับของที่เหลือจ้ะ” เอเลนอร์เดาว่าริชชีค่ งโยนของทุกอย่างของเธอลงถังขยะไปแล้วเมือ่ หนึ่งปีก่อนหลังจากเขาไล่เธอออกจากบ้านได้สิบวินาที เธอรับถุงมากอดไว้ “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอบอก “ขอบคุณนะคะ” แม่เอื้อมมือมาแตะไหล่เอเลนอร์เพียงแค่เสี้ยววินาที “พวกน้องๆ จะกลับถึงบ้านในยี่สิบนาทีน้ี” เธอบอก “และเราจะกินอาหารค�่ากันตอน สี่โมงครึ่ง แม่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนริชชี่กลับถึงบ้าน” เอเลนอร์พยักหน้า เธอเปิดถุงทันทีที่แม่ออกจากห้อง เธออยาก ดูว่ายังมีอะไรบ้างที่เป็นของเธอ... อย่างแรกที่เธอจ�าได้คือตุ๊กตากระดาษ ตุ๊กตาหลุดลุ่ยและยับยู่ยี่ อยูใ่ นถุง สองสามตัวมีรอยดินสอสีขดี เขียน เอเลนอร์ไม่ได้เล่นตุก๊ ตาพวกนี้ 30
เ เลน ร์ บ าร์
มาหลายปีแล้ว แต่เธอยังคงมีความสุขที่ได้เห็นพวกมันอยู่ตรงนั้น เธอลูบ ตุ๊กตาให้เรียบและวางกองกันไว้ ใต้ตุ๊กตากระดาษเป็นหนังสือราวหนึ่งโหลหรือมากกว่านั้น แม่คง หยิบมามั่วๆ แม่คงไม่รู้ว่าเล่มไหนคือเล่มโปรดของเอเลนอร์ เอเลนอร์ ดีใจที่ได้เห็นเรื่อง การ์พ และ วอเตอร์ชิป ดาวน์ แย่มากที่ โอลิเวอรส์ สตอรี่ ได้รับเลือก แต่ เลิฟ สตอรี่ ตกอันดับ ลิตเติ้ล เม็น ก็อยู่ที่นั่น แต่ไม่ใช่ ลิตเติ้ล วีเม็น หรือ โจส์ บอยส์ มีกระดาษอีกปึกอยูใ่ นถุง เธอมีตเู้ อกสารอยูใ่ นห้องนอนเก่า และดู เหมือนแม่จะหยิบแฟ้มเกือบทัง้ หมดมาด้วย เอเลนอร์พยายามเรียงทุกอย่าง ให้เป็นกองเรียบร้อย ใบผลการเรียนทัง้ หมด และภาพถ่ายทีโ่ รงเรียน และ จดหมายจากเพื่อนทางจดหมาย เธอสงสัยว่าของอื่นๆ จากบ้านเก่าอยู่ที่ไหน ไม่เพียงของของเธอ แต่ของทุกคน เช่น เฟอร์นิเจอร์และของเล่น รวมทั้งต้นไม้และภาพวาด ทั้งหลายของแม่ จานของขวัญแต่งงานจากเดนมาร์กของคุณยาย...ม้า “อุฟฟ์ ดา” สีแดงตัวเล็ก ซึ่งแขวนไว้เหนืออ่างล้างจานเสมอ บางทีของอาจโดนส่งไปไว้ทไี่ หนสักแห่ง แม่ของเธออาจหวังให้บา้ น โทรลล์ถา�้ หลังนี้เป็นเพียงบ้านชั่วคราว เอเลนอร์ยังหวังว่าริชชี่จะผ่านมาเพียงชั่วคราว ที่ก้นถุงขยะสีด�ามีกล่องใบหนึ่ง หัวใจเธอกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็น ลุงของเธอที่มินเนโซตามักจะส่งบัตรสมาชิกชมรมผลไม้ประจ�าเดือนมาให้ ครอบครัวเธอทุกวันคริสต์มาส และเอเลนอร์กบั น้องชายน้องสาวมักจะแย่ง กล่องใส่ผลไม้ทสี่ ง่ มาเสมอ มันค่อนข้างไร้สาระ แต่กเ็ ป็นกล่องทีด่ ี แข็งแรง ทนทาน มีฝาปิดอย่างดี ใบนี้เป็นกล่องเกรปฟรุตที่อ่อนนุ่มจากรอยเปื่อย ตรงขอบ เอเลนอร์เปิดกล่องอย่างระมัดระวัง ของในกล่องไม่มีอะไรโดน แตะต้อง มีอุปกรณ์เครื่องเขียนของเธอ ดินสอสี และปากกาเน้นค�ายี่ห้อ พริสมาคัลเลอร์ (ของขวัญวันคริสต์มาสอีกชิน้ จากลุง) มีบตั รโปรโมชัน่ จาก 31
เรนโบว์ ราวเวลล์
ห้างสรรพสินค้าปึกหนึง่ ซึง่ ยังมีกลิน่ เหมือนน�า้ หอมราคาแพง และวอล์กแมน ไม่โดนใครแตะต้อง และไม่มถี า่ น แต่ไม่วา่ ยังไงวอล์กแมนก็อยูต่ รงนัน้ และ ในเมื่อมีวอล์กแมน ก็จะมีโอกาสได้ฟังเพลง เอเลนอร์ปล่อยศีรษะให้ก้มอยู่เหนือกล่อง กล่องมีกลิ่นเหมือน น�้าหอมชาแนล No.5 และกบเหลาดินสอ เธอถอนหายใจ เธอไม่รู้จะท�ายังไงกับสมบัติที่กู้มาได้เมื่อคัดแยกแล้ว ในตู้ลิ้นชัก ไม่มีที่เหลือพอส�าหรับเสื้อผ้าของเอเลนอร์ด้วยซ�้า เธอจึงแยกกล่องกับ หนังสือออกมา และบรรจงเก็บทุกอย่างใส่ถงุ ขยะดังเดิม จากนัน้ ดันถุงกลับ เข้าไปให้ลึกสุดในชั้นบนสุดของตู้ หลังผ้าขนหนูและเครื่องท�าความชื้น เธอปีนขึน้ ไปบนเตียง พบแมวแก่ขนกระเซอะกระเซิงนอนอยูท่ นี่ นั่ “ชิ่ว ชิ่ว” เอเลนอร์ไล่ เจ้าเหมียวกระโดดลงไปบนพื้น แล้วเดินผ่านประตู ห้องนอนออกไป
32
5
ปำร์ค ครูสเตสส์แมนให้พวกเขาท่องจ�าบทกวีให้ขึ้นใจ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการกวี บทใด คือ ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกกวีบทไหนน่ะ “พวกเธอจะลืมอย่างอืน่ ทัง้ หมดทีค่ รูสอน” ครูสเตสส์แมนพูดพลาง ลูบหนวด “ทุกสิง่ ทุกอย่าง บางทีเธออาจจะจ�าได้วา่ เบวูลฟ์ ต่อสูก้ บั อสูรกาย บางทีเธออาจจะจ�าได้วา่ ประโยค ‘แม้นใช่หรือไม่ใช่’ มาจากเรือ่ ง แฮมเล็ต ไม่ใช่ แมคเบธ... “แต่อย่างอื่นน่ะเรอะ? ลืมหมด” เขาเดินไปเดินมาตามแต่ละช่องทางเดินอย่างช้าๆ ครูสเตสส์แมน ชอบเรือ่ งแบบนีน้ กั ละ--โรงละครแบบอารีนา1 เขาหยุดอยูข่ า้ งโต๊ะของปาร์ค และยืนพิงสบายๆ เอามือเท้าบนพนักเก้าอี้ของปาร์ค ปาร์คหยุดวาดรูป แล้วนั่งตัวตรง ถึงยังไงเขาก็วาดไม่ออกอยู่ดี “ดังนัน้ พวกเธอจึงจะต้องท่องจ�าบทกวี” ครูสเตสส์แมนบอก เว้น จังหวะเล็กน้อยเพื่อก้มลงไปยิ้มให้ปาร์คเหมือนตัวละครจีน ไวล์เดอร์ ใน 1 theater in the round หรือ arena theater คือโรงละครที่จัดการแสดงกลางที่นั่ง ของผู้ชม 33
เรนโบว์ ราวเวลล์
โรงงานช็อกโกแลต “สมองชอบบทกวี มันเป็นสิง่ ทีฝ่ งั แน่นอยูใ่ นใจ พวกเธอจะท่องจ�า กวีบทนี้ และอีกห้าปีนบั จากนี้ เราจะเจอกันทีโ่ รงแรมวิลเลจ อินน์ แล้วเธอ ก็จะพูดว่า “ครูสเตสส์แมนฮะ ผมยังจ�าบทกวีทชี่ อื่ ‘ถนนสายทีไ่ ม่ได้เลือก!1’ ได้อยู่เลย ฟังนะฮะ...‘ถนนสองสายแยกจากกันในป่าสีเหลือง...’” เขาเดินต่อไปที่โต๊ะตัวถัดไป ปาร์ครู้สึกผ่อนคลาย “ว่าแต่ จะไม่มใี ครได้เลือก ‘ถนนสายทีไ่ ม่ได้เลือก’ เพราะครูเอียน เต็มทนแล้ว และห้ามเลือกกวีของเชล ซิลเวอร์สตีน2ด้วย เขายิง่ ใหญ่กจ็ ริง แต่พวกเธอโตแล้ว ทุกคนที่นี่เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว จงเลือกบทกวีผู้ใหญ่...” “เลือกกวีโรแมนติก นั่นคือค�าแนะน�าจากครู เธอจะได้ประโยชน์ จากมันเต็มที่” เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ โต๊ะของเด็กใหม่ แต่เธอไม่ได้หันหน้ามา จากหน้าต่าง “แน่ละ แล้วแต่พวกเธอ เธออาจเลือก ‘ความฝันทีไ่ ด้รบั การผันผ่อน’ ใช่มั้ยเอเลนอร์?” เธอหันมาหน้าตาเฉยเมย ครูสเตสส์แมนโน้มตัวไปหา “เธออาจเลือกกวีบทนั้นก็ได้ เอเลนอร์ มันสะเทือนอารมณ์และเป็นจริง แต่จะมีสักกี่ครั้งที่พวกเธอจะร่ายกวีบทนั้นออกมา “ไม่ จงเลือกกวีทสี่ อื่ สารกับเธอ เลือกกวีทจี่ ะช่วยให้เธอได้สอื่ สาร กับคนอื่น” ปาร์ควางแผนจะเลือกกวีที่คล้องจอง จะได้จ�าง่าย เขาชอบครู สเตสส์แมนจริงๆ นะ แต่เขาภาวนาให้ครูสงบลงกว่านีห้ น่อย เวลาใดก็ตาม ที่ครูท�าให้ห้องมีบรรยากาศแบบนี้ ปาร์คจะรู้สึกอายแทน “พรุ่งนี้เราจะไปเจอกันที่ห้องสมุด” ครูสเตสส์แมนบอก เขากลับ ไปที่โต๊ะของตัวเอง “พรุ่งนี้เราจะไปเก็บกุหลาบตูมกัน” เสียงออดดังขึ้น ตามคิวเป๊ะ 1 The Road Not Taken บทกวีมีชื่อของโรเบิร์ต ฟรอสต์ 2 Shel Silverstein กวี นักแต่งเพลง นักวาดการ์ตูน ผู้ประพันธ์หนังสือเด็กที่มีชื่อเสียง 34