Yuguan ex

Page 1

earnest

publishing

earnest

publishing

鱼 馆 幽 话

เรื่องเล่า ของ

ยินดีต้อนรับสู่เรือนมัจฉา เหลาสุราปีศาจแห่งความพิศดารลุ่มลึก จิบเมรัยเคล้าเรื่องราวบุญคุณความแค้น ระหว่างมนุษย์กับอมนุษย์ สดับนิทานแห่งโลกคู่ขนาน ที่ความมืดปรากฏในจิตใจคน และความสว่างปรากฏในร่างภูติผี

ติดตามความเคลื่อนไหวของสำ�นักพิมพ์เอิร์นเนสได้ที่ www.facebook.com/EarnestPublishing

ใน

เหลา สุรา เคอสุ้ยอวี้ โหยวโจ่ว

พบพานการผจญภัยสุดพิสดาร และตำ�นานรักสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เหล่า ปีศาจ

เรื่องเล่า ของ

เหล่าปีศาจ ใน เหลาสุรา เคอสุ้ยอวี้ โหยวโจ่ว เขียน ซินโป - หย่งชุน แปล



เรื่องเล่า ของ

เหล่าปีศาจ ใน เหลาสุรา เคอสุ้ยอวี้ โหยวโจ่ว เขียน ซินโป - หย่งชุน แปล


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา เคอสุ้ยอวี้ โหยวโจ่ว เขียน

ซินโป - หย่งชุน แปล

บรรณาธิการ วิลาส วศินสังวร บรรณาธิการบริหาร ชญานุช วศินสังวร รูปเล่มและศิลปกรรม สนพ. เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง Thai language translation copyright © 2014 by Earnest Publishing Co., Ltd. Copyright arranged with : Beijing Chinese All Digital Publishing Co.,Ltd. Room 903, 9th Floor, Block E, Yonghe Plaza, No.28 Andingmen East Street, Dongcheng District, Beijing, P.R.China 100007 through Sichuan Yilan Culture Promulgation and Advertising Co.,Ltd. ALL RIGHTS RESERVED.

จัดท�ำโดย: บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ำกัด 610/35-36 ถนนทรงวาด แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 โทรศัพท์: 02 223 9460-3 โทรสาร: 02 622 4419 Facebook : http://www.facebook.com/EarnestPublishing พิมพ์ที่: บริษัท โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์ จ�ำกัด 113/13 ซอยวัดสุวรรณคีรี ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์: 02 424 6944 โทรสาร: 02 434 3802 จัดจ�ำหน่ายทั่วประเทศ: บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จ�ำกัด 108 หมู่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม แขวงมหาสวัสดิ์ เขตบางกรวย นนทบุรี 11130 โทรศัพท์: 02 423 9999 โทรสาร: 02 499 9561-3 www.naiin.com สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557 © บริษัท เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จ�ำกัด เลขมาตรฐานสากลประจ�ำหนังสือ 978-616-7691-15-2 พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2557 ราคา 400 บาท


ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ขอเชิญนั่งลงก่อน ลงมารับฟังเรื่องเล่าสุดแสนพิศดาร เคล้าสุรา รสลุม่ ลึก เรือ่ งราวประหลาดเหนือธรรมชาติของมนุษย์กบั ภูตผี กลมกล่อม ด้วยบุญคุณความแค้น ความรักและความผิดหวัง ความเศร้าเสียใจและ ความปรีดา แฝงล�้ำด้วยข้อคิดจากวัฏสงสาร หากคุณชอบนิยายอย่าง นางพญางูขาวหรือโปเยโปโลเย คุณจะไม่ยอมพลาด เรือ่ งเล่าของเหล่าปีศาจ ในเหลาสุรา พบกับเถ้าแก่เนี้ยอวี๋จีแห่งเรือนมัจฉาที่งดงามหยดย้อย หลงหยา มือปราบอันดับหนึง่ แห่งนครหลวง ปีศาจแมวฝีปากกล้าหมิงเหยียน จิง้ จอก สุราเมามายซานผี และตัวละครอืน่ ๆ อีกมากมายทีจ่ ะมาประทับไว้ในความ ทรงจ�ำของคุณ ขอเชิญเพลิดเพลินกับสุราจอกนี้ได้แล้วครับ



เรื่องเล่า ของ

เหล่าปีศาจ ใน เหลาสุรา



เรื่องที่ 1

เถาอาวรณ์

ร้านสุราของอวี๋จีตั้งอยู่ ณ ท�ำเลไม่สะดุดตาทางตะวันออกของ เมืองเปี้ยนเหลียง* นครหลวงบูรพา โถงร้านขนาดกว้างยาวไม่กี่จั้ง มีโต๊ะ ไม้ประดู่สามตัว โต๊ะเก็บเงินเก่าแก่ท�ำจากไม้ทรงสูงหนึ่งตัว บนชั้นวางสุรา ที่เรียบง่ายเกินไปนั้น แถวหนึ่งวางเรียงรายไว้ด้วยภาชนะเครื่องปั้นดินเผา ฝีมือหยาบทั้งเล็กและใหญ่เต็มไปหมด ในภาชนะล้วนเป็นสุรา บ้างก็ บรรจุได้เพียงสุราหนึ่งอึก บ้างก็สามารถยัดชายฉกรรจ์ร่างเจ็ดฉื่อหนึ่งคน เข้าไปได้ แน่นอนว่า ณ ที่แห่งนี้ สิ่งที่ด�ำเนินอยู่เป็นการค้าถูกต้อง เพราะ ฉะนั้น ในภาชนะของที่แห่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสุราหลากหลายชนิด หอม เข้มข้น ใสร้อนแรง มากมายนับไม่ถ้วน ในห้องครัวด้านหลังของม่านม้วนหลังโต๊ะเก็บเงิน ยังมีอาหารเลิศรส แกล้มสุรานานาชนิดอีกด้วย ขอเพียงลูกค้ากล่าวชื่อออกมาได้ ห้องครัว ของร้านนี้ล้วนปรุงออกมาได้ นอกจากอาหารชนิดเดียวเท่านั้น---ปลา *  เปี้ยนเหลียง (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “เปี้ยนจิง”) เป็นราชธานีของจีนสมัยราชวงศ์ซ่ง 7


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

ยามเปิดร้าน เถ้าแก่เนี้ยมักเกยอยู่ด้านหลังโต๊ะเก็บเงินเรียบลื่น เป็นมันวาววับเนื่องเพราะผ่านห้วงเวลาหลายปี นานๆ ครั้งจะเลื่อนสายตา ไปยังท้องถนนอย่างเกียจคร้าน ชมดูความคึกคักหลายหลากด้านนอก ร้ า นสุ ร าที่ เรี ย บง่ า ยจนคล้ า ยซอมซ่ อ เช่ นนี้ จึงยากจะไม่รู้สึก เงียบเหงาอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหลิวจินเก๋อ (ต�ำหนักทอง) ฝั่ง ตรงข้าม ต� ำ หนั ก ทองเป็ น หอคณิ ก าเลื่ อ งชื่ อ ที่ สุ ด ของเมื อ งเปี ้ ย นเหลี ย ง รวบรวมแม่นางเปี่ยมเสน่ห์ที่สุด อ่อนโยนที่สุดจากทั่วหล้า ว่ากันว่า ฮ่องเต้ฮุยจงในยุคนั้นยังเคยปลอมเป็นสามัญชนมา “ตรวจราชการ สัมผัส ชีวิตชาวบ้าน” ยังสถานที่นี้ด้วย ทรงทิ้งลายพระอักษรไว้ให้ ต่อมา เบื้องบนตั้งแต่ขุนนางใหญ่แลผู้สูงศักดิ์ เบื้องล่างพ่อค้าวาณิชถึงทหารเลว ต่างยินดีใช้จ่ายเงินเพื่อมาชื่นชมพระบารมีของลายพระหัตถ์ เพราะฉะนั้น แม้ท้องฟ้าครึ้มเมฆ ฝนปรอยต่อเนื่องหลายวัน เหล่าแม่นางของต�ำหนักทองฝั่งตรงข้ามก็ยังคงโบกผ้าเช็ดหน้าอยู่ชั้นบน ชักชวนเรียกคนผ่านทางที่เดินผ่านไปมาอยู่ดังเดิม บางครั้ง เม็ดฝน กระเซ็นตกบนผ้าโปร่งบนร่างแม่นางจนเปียก ปรากฏเห็นหนั่นเนื้อร�ำไร กระตุ้นให้เหล่าบุรุษที่เดินอยู่บนถนนด้านล่างใจฟุ้งซ่านเปี่ยมปรารถนา ก้าวสองขาอันอ่อนระทวยเดินเข้าสู่แดนอันอ่อนละมุนนี้โดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้น เช่น คนผู้ก�ำลังถือร่มกระดาษน�้ำมัน ยืนอยู่กลางถนนผู้นั้น มันยืนอยู่ที่นั่น เหม่อมองความสนุกสนานวาบหวามบนหอสูง เป็นเวลาเกือบชั่วธูปสองดอกแล้ว เนิ่นนานยิ่งค่อยก้าวเดินไปด้านนั้นสอง ก้าว แต่กลับหยุดลงอย่างสับสนลังเล หมุนกายเดินเข้าในร้านสุรา เก็บ ร่มกระดาษ กล่าวว่า “เถ้าแก่อวี๋ หลีโหวเซาหนึ่งกา” อวี๋จีเงยหน้าขึ้นยิ้มคราหนึ่ง “ข้านึกว่าเป็นท่านใด ที่แท้เป็น หลงปู่โถว (หัวหน้ามือปราบแซ่หลง)” กล่าวจบ ลุกขึ้นอุ่นสุราหนึ่งกา 8


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

ส่งไปถึงข้างโต๊ะพร้อมกับจัดกับแกล้มสุราสี่อย่างมาให้ด้วย “มือปราบหลง มิได้มาเกือบสามเดือนแล้ว ไปราชการหรือ” “มิใช่เกือบสามเดือน แต่เป็นสามเดือนกับอีกเจ็ดวันที่ไม่ได้ลิ้ม ชิมอาหารเลิศรสสุราดีของเถ้าแก่อวี๋แล้วต่างหาก” มือปราบแซ่หลงดม ปากขวดอย่างหนักหน่วงคราหนึ่ง ขนคิ้วดกด�ำหนาแน่นทั้งสองผ่อนคลาย ออกทันใด พึมพ�ำว่า “สามารถกลับมาดื่มสุราเยี่ยงนี้ได้ ประเสริฐยิ่ง” อวี๋จีเคลื่อนกายแช่มช้ากลับไปด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน หัวเราะหึๆ พลางกล่าวว่า “ดูปากนีช้ า่ งหวานเสีย หรือว่ามีเรือ่ งสนุกสนานอันใดอีกแล้ว เล่าให้ฟังคลายกลัดกลุ้มก็ดียิ่ง” มือปราบหัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง “เถ้าแก่อวี๋อารมณ์สุนทรีย์ยิ่งนัก ต้องการรับฟังจริงหรือ” “แน่นอนสิ” อวี๋จีกล่าวเสียงดังว่า “หากเล่าได้ยอดเยี่ยม ค่า สุราวันนี้ก็มิต้องแล้ว” มือปราบทอดถอนใจแผ่วเบาคราหนึ่ง “ได้ เช่นนั้นรบกวน เถ้าแก่อวี๋เชิญนั่งให้สบายก่อนเถิด...” เรื่องนี้ต้องเริ่มกล่าวจากที่มือปราบหลงหยา รับบัญชาไล่ล่าจับกุม จอมโจรแห่งเจียงหยาง เฟิงฉีหลิน สามเดือนก่อน หลงหยาน�ำปู่ไคว่* สี่คนเผชิญหน้ากับเฟิงฉีหลินที่ เทือกเขาเหมียวหลิ่งแห่งกุ้ยโจว ทั้งสองคนประมือกันอย่างดุเดือดสามร้อย เพลงยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ สุดท้ายเฟิงฉีหลินหนีเข้าป่าลึก พวกหลงหยาทั้ง ห้าไล่ติดตามเข้าไป ทว่ากลับสูญเสียร่องรอยของมัน อีกทั้งไม่คุ้นกับถิ่นที่ เดินหมุนซ้ายหมุนขวาไปมา สุดท้ายหลงทางเสียแล้ว ปู่ไคว่สี่คนนี้เป็นพี่น้องกัน ล้วนแซ่หลี่ เรียกขานตามอายุเป็น *  ค�ำเรียกขานของเจ้าหน้าที่ปราบปรามสมัยโบราณ 9


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

หลีอ่ ี หลีเ่ อ้อร์ หลีซ่ าน หลีซ่ อื่ * ถึงพลังยุทธ์มกิ ล้าแข็ง แต่ยงั นับว่าไหวพริบดี ทั้งห้าคนหลงวนเวียนอยู่ในป่าหนึ่งวันหนึ่งคืน แม้ว่าหาทางออกไม่พบ แต่กระต่ายป่าและหมู่นกในป่าก็มีมิใช่น้อย ด้วยระดับฝีมือของพวกมัน จึงไม่ต้องทนหิวโหย จนเมือ่ ฟ้าสางของวันทีส่ อง ในทีส่ ดุ พวกมันได้พบทางน้อยสายหนึง่ กลางป่าลึก ทางภูเขาเป็นดินโคลน ปรากฏรอยเท้าตื้นๆ เป็นแนวสายตรง เข้าไปในป่าลึก รอยเท้านั้นตื้นนัก อีกทั้งลงสัมผัสพื้นด้วยปลายเท้า คะเนว่า เป็นรอยเท้าที่ผู้มีสุดยอดวิชาตัวเบาทิ้งเอาไว้ ในสถานที่ยากพบเห็นผู้คน เช่นนี้ นอกจากจอมโจรเฟิงฉีหลินที่ก�ำลังตามไล่ล่าแล้วย่อมไม่คิดถึงคนที่ สอง ดั ง นั้ น พวกมั น จึ ง ติ ด ตามไปอย่ า งระมั ด ระวั ง เพื่ อ ป้ อ งกั น เหตุสดุ วิสยั หลงหยาจึงท�ำเครือ่ งหมายบนกิง่ ไม้ขา้ งทางเป็นระยะ มิคาดว่า เดินอยู่เนิ่นนาน มิได้พบเจอเฟิงฉีหลิน แต่กลับเห็นค่ายภูเขาของชนเผ่า เหมียวค่ายหนึ่ง บนก�ำแพงที่สร้างขึ้นจากต้นไม้ปักเรียงรายมากมาย มีเถาวัลย์ เถาหวายเกาะก่ายพันเลื้อยชั้นแล้วชั้นเล่า มองแต่ไกลเห็นสีเขียวครึ้มเป็น ผืนใหญ่ งดงามยิ่ง เดินเข้าใกล้ก็เห็นเด็กหญิงเผ่าเหมียวหลายคนก�ำลังเล่นวิ่งไล่จับ กันอยู่นอกค่าย อีกทั้งยังตบมือน้อยๆ ร้องเพลง “ไม้ใหญ่เอย ไม้ใหญ่ เอย เถาไร้ไม้ลอยตามลม ไม้ใหญ่เอย ไม้ใหญ่เอย เถากอดไม้ได้หยั่ง ราก เปลี่ยวใจชราผ่านพันภพชาติว่างเปล่า มิสู้อาวรณ์หนึ่งขวบปี...” พวกหลงหยามิได้พบเจอผู้คนมานาน พลันได้พบผู้คน ในใจย่อม ลิงโลดนัก เห็นเด็กน้อยหลายคนก�ำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ขณะก�ำลัง จะเดินเข้าไปถามก็ตกใจ *  หลี่หนึ่ง หลี่สอง หลี่สาม หลี่สี่ 10


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

เนื่องเพราะเด็กหลายคนนี้หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันยิ่ง ต่าง น่ารัก ขาวปานหิมะ เหมือนเป็นเด็กแฝด เห็นพวกหลงหยาทั้งห้าคน เดินเข้ามาใกล้ แต่ละคนรีบวิ่งหนีเข้าค่ายภูเขา ราวกับตกใจกลัว แอบ ซ่อนมองดูอยู่ไกลๆ เด็กน้อยในป่าเขาหวาดกลัวคนแปลกหน้าก็เป็นเรื่องปกติ เพียง แต่ว่าแต่ละคนประกายตาสุกใส ตื่นเต้นดีใจมากกว่าประหลาดใจ พวกหลงหยาไม่มีแก่ใจจะถือสาเหล่าเด็กน้อย ดังนั้นจึงรีบเดิน เข้าค่ายคิดหาคนสอบถามทางออกจากภูเขา ค่ายภูเขาไม่ใหญ่ ตรงกลางตั้งตระหง่านด้วยหอบูชาเทพยดา ที่ผ่านกาลเวลามายาวนานหลังหนึ่ง เถาหวายผืนใหญ่เลาะเลื้อยไปตาม ขั้นบันไดหินเก่าแก่แตกร้าวผืนแล้วผืนเล่า มองในคราแรกคล้ายกับหอบูชา นั้นแหวกทะลุขึ้นมาจากดินพร้อมกับเครือเถาหวายมากมายนับไม่ถ้วนใน คราวเดียว แผ่ความลี้ลับออกมาอยู่หลายส่วน ละแวกใกล้เคียงหอบูชาเทพยดา มีกระท่อมหญ้าหลายหลังตั้ง กระจัดกระจายออกไป ผืนนาหลายผืน สตรีเผ่าเหมียวหลายคนก�ำลัง ท�ำงานอยู่ในนา พอเห็นพวกหลงหยา ต่างก็พากันทิ้งงานในมือ ต้อนรับ พวกมันอย่างอบอุ่น ในค่ายขนาดใหญ่อาศัยอยู่กันยี่สิบกว่าครอบครัว คนประมาณ สี่สิบกว่าคน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสตรีวัยเยาว์สิบกว่าถึงยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี แต่ละคนหน้าตางดงามน่ารัก นอกจากนี้ก็คือเด็กน้อยหลายคนที่เห็น เมื่อครู่ กับหญิงชราผิวเหี่ยวย่นเส้นผมขาวโพลนหลายคน ทั้งค่ายไม่เพียง ไม่มีบุรุษแม้ครึ่งคน กระทั่งสตรีวัยสาวอายุยี่สิบห้าปีขึ้นไปก็ไม่พบเห็น แม้แต่คนเดียว ที่แปลกประหลาดที่สุดคือ สตรีหน้าตางดงามเหล่านั้นก็มีหน้าตา เหมือนกับเด็กหญิงพวกนั้น หากมิใช่อายุแตกต่างกัน เกรงว่าจะเข้าใจผิด ว่าเป็นพี่น้องฝาแฝด... 11


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

แม้พวกมือปราบรู้สึกประหลาดยิ่ง แต่ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ว่าการต้อนรับอย่างอบอุ่นของสตรีเหล่านี้ ย่อมท�ำให้พวกมันนึกไม่ถึงว่า จะได้รับการต้อนรับดีเลิศเยี่ยงนี้ นี่ก็เป็นเรื่องปกติ หากสถานที่แห่งหนึ่ง มีเพียงสตรีกลุม่ หนึง่ อาศัยเป็นเวลายาวนาน เมือ่ พลันมีบรุ ษุ ฉกรรจ์หลายคน เข้ามา ย่อมดั่งหนึ่งก้อนหินก่อเกิดคลื่นน�้ำนับพันวง หลงหยาสอบถามทางออกภูเขาจากเหล่าสตรี ทว่ากลับได้รับการ บอกกล่าวว่า เนื่องจากอากาศในหุบเขาแปรปรวน หลายวันนี้อากาศพิษ แผ่ปกคลุม คนและสัตว์เลี้ยงมิอาจกระทบถูกแม้ครึ่งหยด ขึ้นที่สูงมองไป แต่ไกล ก็เห็นเส้นทางภูเขาที่เข้ามามีหมอกขาวปกคลุมหนาแน่นจริงดังว่า แม้นไปถึงยังที่นั้น ก็เห็นทางไม่ชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกมันจึงได้แต่ พักค้างอยู่ในค่ายสักหลายวันก่อน รอหมอกหนากระจายจางไป แล้วค่อย ออกเดินทาง การพักอยูท่ แี่ ห่งนี้ ผูส้ ำ� ราญใจทีส่ ดุ กลับเป็นสีพ่ นี่ อ้ งแซ่หลี่ พวกมัน สี่คนไม่เหมือนหลงหยา ซึ่งเอาแต่กังวลใจกับภารกิจจากเบื้องบน พวกมัน ยากจะได้ผ่อนคลายสบายใจเยี่ยงนี้ เมื่อคิดถึงว่าในค่ายเผ่าเหมียวนี้ สตรีงดงามมากมายดั่งก้อนเมฆ จะเลือกใครมาสักคนหนึ่ง ก็สามารถเปรียบได้เหนือล�ำ้ แม่นางในหอคณิกา นครหลวงได้ ทั้ ง นั้ น ยิ่ ง กว่ า นั้ น หญิ ง เผ่ า เหมี ยวมากน�้ำใจ มิถือกฎ ธรรมเนียมเคร่งครัดเช่นหญิงสาวชาวฮั่น ย่อมผูกพันปฏิพัทธ์ หลงหยาเห็นพวกมันหลายคนนี้สุขใจ ไม่คิดถึงบ้านเกิด ก็คร้าน จะเข้มงวดควบคุมมากไป เพียงแต่ที่แห่งนี้แต่ละสิ่งล้วนผิดปกติ บังเกิด ความไม่สบายใจอยู่บ้าง นอกจากนี้โจรชั่วซึ่งหลบหนีไปได้ก็ไม่แน่ว่าอาจ อยู่ละแวกใกล้เคียง ดังนั้นหลังงานเลี้ยงเสร็จสิ้น มันจึงปลีกตัว ออกเดิน ส�ำรวจรอบบริเวณ เดินออกมาห่างสิบกว่าจั้ง ยังสามารถได้ยินเสียงหัวร่อ หยอกล้อดังครึกครื้นอยู่ เดินออกจากค่ายเหมียว เลาะอ้อมก�ำแพงไม้ของค่ายภูเขารอบ 12


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

หนึ่ง คล้ายว่าหมอกหนาในป่าด้านนอกยิ่งหนาขึ้น ล�ำแสงสะท้อนจาก แสงสายัณห์ในหุบเขายังคงผ่านเข้ามาได้ ฉาบขอบสีทองบนผนังหวาย หลากหลายชั้นของก�ำแพงไม้ ได้ละทิ้งชีวิตจริง มีเวลาผ่อนคลายสักครึ่งวันเช่นนี้ เดิมนับเป็น เรื่องเบิกบานใจ ทว่า มองอย่างละเอียด ก�ำแพงไม้ที่ต่อเรียงขึ้นจากล�ำต้นไม้ กลับประหลาดพิสดาร ทุกต้นใหญ่ขนาดรอบเอวมนุษย์ ผิวไม้แตกลาย ลวดลายแน่นหนา และระหว่างล�ำต้นแต่ละต้นกลับไร้เดือยตะปูตอกยึด แม้ครึ่งตัว คล้ายเพียงตั้งตรงพิงกัน อาศัยเพียงเถาหวายที่งอกเลื้อยขึ้น จากด้านนอกรัดพันให้แน่นหนาเท่านั้น พินจิ อย่างละเอียดอีกครากลับพบว่าเถาหวายทีเ่ ลาะเลือ้ ยเกาะเกีย่ ว ไปทั่วเหล่านั้น เห็นมีเพียงเถา มีเพียงใบ แต่กลับไม่เห็นรากของมัน ราวกับมันงอกออกมาจากในล�ำต้นไม้นั่นเอง เพียงแต่พันรัดแน่นยิ่ง ฝัง เข้าไปในเปลือกต้นไม้ มิน่าเล่าบนล�ำต้นไม้ปรากฏรอยแผลเป็นริ้วรอย มากมาย เห็นเป็นรอยแตกบิดเบี้ยวแบบต่างๆ ขณะที่หลงหยาก�ำลังคิดจะเข้าไปดูใกล้กว่านี้ พลันได้ยินเสียงสตรี อ่อนโยนเสนาะโสต “ที่แท้ท่านหลงอยู่ที่นี่เอง” มองไปตามเสียงก็พบเห็นซาม่าน แม่นางเผ่าเหมียวทีน่ งั่ ข้างกายตน ในงานเลี้ยงเมื่อครู่ จึงผงกศีรษะยิ้มน้อยๆ รับค�ำตามมารยาท “ซาม่านมาเชิญท่านหลงกลับค่าย ที่แห่งนี้พอตกดึกมีสัตว์ร้าย มากมายปรากฏตัว” น�้ำเสียงแว่วหวาน เจ้าของเสียงงามล�้ำ เชื่อว่าไม่มี บุรุษสักกี่คนสามารถปฏิเสธการเชื้อเชิญของนางได้ กระทั่งคิดก็มิต้องคิด หลงหยาติดตามนางไปทันที ได้ซาม่านจัดแจงห้องหับที่พักผ่อนให้ พักอยู่แปลกถิ่น นอนอย่างไรก็หลับไม่สนิท ถึงเที่ยงคืนได้ยิน เสียงสวบสาบจากกระท่อมข้างเคียง คล้ายเสียงฝีเท้าคน หลงหยาพลิกตัวปราดถึงริมหน้าต่างด้วยความเคยชิน จริงดังคาด 13


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

ได้เห็นหลี่ซื่อลับๆ ล่อๆ ออกจากกระท่อม เดินตรงไปยังหอบูชาเทพยดา นั้นเพียงล�ำพัง ไปไม่นานเท่าใดพลันปรากฏเงาร่างอรชรร่างหนึ่งออกมา จากความมืด ดูแล้วเหมือนเป็นหนึ่งในบรรดาสตรีเผ่าเหมียว ทั้งสอง พบหน้าก็โอบกอดกันอย่างสนิทสนม เดินไปตามบันได ตรงสู่หอบูชา เทพยดา... ดึกดื่นเที่ยงคืน หนึ่งชายหนึ่งหญิงย่อมมิได้กระท� ำเรื่องดีงาม อันใดแน่ แม้ขนบกฎเกณฑ์ต้าซ่งเข้มงวด แต่พี่น้องเหล่านี้คลุกคลีตีโมง อยู่ในหอคณิกาเป็นนิจ ในแดนดินถิ่นที่ห่างไกลเช่นนี้ไหนเลยจะคิดกังวล อันใด “สุนัขชายหญิงเอ๋ย” หลงหยาหัวเราะดูแคลน ถ่มถุยคราหนึ่ง มิได้ใส่ใจ เพียงเดินหันหลังกลับขึ้นเตียงนอน ผ่านไปสองชั่วยาม มีคนเคาะหน้าต่างข้างเคียง คิดว่าเป็นโฉม สะคราญเผ่าเหมียวนางใดนางหนึ่งที่ยากจะทนทานต่อความอ้างว้าง จริง ดังคาด หลังจากเสียงสวบสาบครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอีกครา คล้าย ตรงไปยังทิศทางของหอบูชาเทพยดาเช่นกัน... หลงหยาลอบหั ว ร่ อ อยู ่ ใ นใจ ใจคิ ด ว่ า หลี่ ซื่ อ นั้ น ยั ง ไม่ ก ลั บ มา ปีศาจบ้าตัณหาอีกคู่ก็ไปสมทบอีก เกรงว่าเมื่อพบหน้ากัน ทั้งสองคู่คง น่าดูยงิ่ เรือ่ งราวมิได้ขอ้ งเกีย่ วกับตน คร้านจะใส่ใจ จึงหลับต่อเนือ่ งรวดเดียว จนถึงฟ้าสว่างเสียเลย อรุณรุง่ ตืน่ แล้ว จิตใจแจ่มใสเปีย่ มสมาธิ ออกนอกห้องยืดเส้นยืดสาย เหยียดมือเหยียดเท้า เห็นผืนนาด้านนอกมีผู้คนไม่น้อยเริ่มต้นท�ำงานแล้ว กระโปรงของซาม่านผูกไว้ที่เอว เผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่อง สะอาดได้รูป คู่หนึ่ง บอกไม่ถูกว่างดงามปานใด ดวงตาของหลงหยาไฉนจะเลื่อนพ้นไปได้ ท�ำได้เพียงกอดอก พิง เสาประตู ทันใดนั้น ซาม่านกรีดร้องตกใจ กระโดดดิ้นรนอยู่กลางทุ่งนา 14


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

คล้ายพบสิ่งน่าสะพรึงกลัวอันใด หลงหยาพุ่งไปอย่างรวดเร็วราวเหาะเหิน มือเดียวรวบร่างนาง ทะยานขึน้ เห็นขาขวาของนางเลือดไหลโกรก ถูกบางสิง่ ฉีกผิวหนังออกไป ใหญ่เท่าไข่ไก่! ได้ยินเสียงจี๊ดคราหนึ่ง ในดินมีมุสิกยักษ์ตัวโตกว่าหนึ่งเชียะพุ่ง ออกมา ท่าทางดุร้ายยิ่งนัก ดาบของหลงหยารวดเร็วเสมอ มุสิกยักษ์ตัวนั้นศีรษะแยกออก จากร่างทันใด เลือดไหลนองไปตามผืนนา ย้อมดินโคลนเป็นสีน�้ำตาลเข้ม ซาม่ า นยั ง ไม่ คื น จากความตระหนก สตรี ช าวเหมี ย วนางอื่ น ประคองออกไปพยาบาลด้านข้าง เดินออกไปไม่กี่ก้าว นางก็หันมามอง ใบหน้าแฝงแววประหลาด บอกไม่ถูกว่าซาบซึ้งบุญคุณหรืออื่นใด…. หลงหยาใช้สายตามองส่งซาม่านจากไปไกล ใจคิดว่าสตรีอ่อนแอ เยี่ยงนี้ พ�ำนักในดินแดนไกลโพ้นเช่นนี้ นับว่าเคี่ยวกร�ำทรมานนางจริงๆ ขณะคิดฟุ้งซ่านนั้น กลับได้ยินเสียงแหบแห้งแก่ชราดังมาจากด้านหลัง “ท่านหลง...รับประทานอาหารเช้า...” หลงหยานัน้ เป็นผูฝ้ กึ วิชาบู๊ น้อยครัง้ นักทีจ่ ะมีคนปรากฏกายด้านหลัง อย่างเงียบเชียบเยี่ยงนี้ ได้ยินเสียงพิกลพิสดารนี้ มันอดหัวใจเต้นระทึก มิได้ รีบกระชากหน้าหันกลับมา เห็นบนใบหน้าเฒ่าชราคล้ายผิวส้มตากแห้ง แฝงรอยยิ้มพิกล พิสดาร นางคือยายเฒ่าเถิงผอ ผู้สูงวัยที่สุดในค่ายนี้นี่เอง พลันเห็นใบหน้าชราเช่นนี้กะทันหัน น้อยนักที่จะไม่ตื่นตระหนก ตกตะลึง หลงหยารับค�ำอย่างลุกลี้ลุกลนค�ำหนึ่ง กลับได้ยินเสียงแอบ หัวร่อด้านข้าง เด็กหญิงตัวน้อยหลายคนนั้นนั่งยองอยู่ใกล้ๆ บนใบหน้า น้อยๆ ที่ละม้ายคล้ายคลึงกันนั้น แฝงแววหัวเราะเยาะเย้ยแบบเดียวกัน เพียงแต่ประกายตากลับไม่รู้ว่าท�ำไมมักท�ำให้เสียวสันหลังหนาวยะเยือก รู้สึกไม่สบายยิ่ง 15


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

แม้ว่าหลงหยาไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีแก่ใจเอาเรื่องราวกับเด็กน้อย พวกนี้ หันกลับมาอีกครา เถิงผอก็เดินจากไปไกลแล้ว ดูงกๆ เงิ่นๆ ทว่า พริบตาเดียวกลับไกลออกไปสิบกว่าจั้ง หลงหยาสงบใจลง คิดในใจว่าสถานที่นี้ทุกหนแห่งเปี่ยมกลิ่นไอ ประหลาดพิกล ถึงอย่างไรย่อมไม่ใช่สถานที่ควรรั้งอยู่นาน สมควรรีบ เรียกระดมลูกน้องทั้งสี่ให้พร้อมหน้า เสาะหาเส้นทางออกจากหุบเขานี้ จะดีกว่า ดังนั้นมันจึงเดินตรงไปกระท่อมหญ้าที่สี่พี่น้องนั้นพักอยู่ แล้ว เคาะประตู เคาะอยู่เนิ่นนานยิ่ง ประตูเปิดออกเชื่องช้า ใบหน้าที่ยังนอน ไม่ตื่นของหลี่ต้าปรากฏขึ้นที่ปากประตู “รีบเรียกพี่น้องหลายคนของเจ้ามา มีงานท�ำ” “พวกมันมิใช่ตื่นนานแล้วหรือ” หลี่ต้าหาวคราหนึ่ง ในปากมี กลิ่นเหม็นสุราพุ่งกระจายออกมา ดูแล้วเมื่อคืนคงดื่มมากเกินขนาด ยัง ไม่หายมึนเมา หลงหยาอุดจมูกด้วยความรังเกียจ ผลักหลี่ต้าพ้นทาง เดินเข้า ห้องไป เห็นบนกระดานไผ่ที่กางออกอยู่นั้น หมวกเจ้าหน้าที่และชุดยาว กระจัดกระจาย สามคนนั้นไม่อยู่ที่นี่จริงๆ ‘ประหลาด หรือว่าเจ้าสามคนนั้นเมื่อคืนออกไปแล้วไม่ได้กลับ มา?’ ในใจหลงหยาบังเกิดความสงสัย คว้าหมวกขุนนางบนที่นอนโยนใส่ บนร่างหลี่ต้า “รีบเก็บสัมภาระ แล้วไปตามหาสามคนนั้น” กล่าวจบ ลุกขึ้นเดินออกไป มองแต่ไกลเห็นบรรดาหญิงเหมียวอยู่บนลานฝาย กาง โต๊ะออกตระเตรียมรับประทานอาหาร มองอย่างละเอียดอีกครา คล้ายว่า ขาดหายไปหลายคน คิดว่าก็คือสตรีชาวเหมียวที่ลอบเข้าหาพวกหลี่ซื่อ สามคนนั้น ระหว่างดื่มกินก็ไม่มีผู้ใดกล่าวถึงชายหญิงที่หายตัวหลายคู่นั้น ใน ใจหลงหยารู้ดีว่าเรื่องนี้มีเลศนัย แต่ไม่สะดวกไต่ถาม ได้แต่รอกินอาหาร 16


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

เสร็จสิ้นแล้วจึงพาหลี่ต้าลอบตามหากันเอง หนึ่งวันเต็มๆ ยังคงไม่พบ เบาะแสอันใด ค่ายภูเขาแห่งนีต้ งั้ อยูก่ ลางป่าลึก คล้ายว่ามีเพียงเส้นทางทีใ่ ช้เข้ามา เท่านั้นที่เชื่อมต่อภายนอก ในป่าหมอกขาวหนาทึบย่อมไม่อาจออกไป มืดค�่ำกลับมาถึงค่ายภูเขา หญิงชาวเหมียวกลุ่มนั้นยังคงต้อนรับ อย่างอบอุ่นเช่นคืนวาน ยังไม่กล่าวอันใดเกี่ยวกับคนหลายคนนั้นแม้แต่ ค�ำเดียวเช่นเดิม หลี่ต้าไม่รู้ถึงความกังวลใจของหัวหน้า อีกทั้งไม่ใส่ใจกับเรื่องการ หายตัวไปของพี่น้อง เฝ้าแต่ดื่มสุราสนุกสนานกับเหล่าสตรีเหมียว กระท�ำ ตามอ�ำเภอใจ หลงหยามีลางสังหรณ์ด้านร้ายอยู่เลือนราง ขณะดื่มกิน สนทนาตามมารยาทแล้วรีบกลับห้องพักผ่อน คิดไว้ว่าพอฟ้ามืดจะลอบ ตรวจสอบอีกครา จริงดั่งคาด ผ่านเวลาเที่ยงคืนไป มีคนเคาะประตูของกระท่อม หญ้าที่ด้านข้างอีก หลงหยาแอบหลังหน้าต่างมองออกไป หญิงสาวหน้าตางดงาม ผู้หนึ่งเปิดประตูของหลี่ต้า ทั้งสองโอบกอดกันอย่างดูดดื่ม เปี่ยมความ กระหายความใคร่อย่างยากบรรยาย เดิมหลี่ต้าคิดจะดึงหญิงสาวผู้นั้นเข้า ห้อง ทว่าเห็นหญิงสาวผู้นั้นอมยิ้มปิดปากเอียงอาย ชี้นิ้วไปทางหอบูชา เทพยดาที่ไกลออกไป มิ น านนั ก หลี่ ต ้ า ถึ ง กั บ เดิ น ตามหญิ ง สาวผู ้ นั้ น ไปทางหอบู ช า เทพยดาแล้ว ความระแวงสงสัยของหลงหยาลอบผุดขึ้น เมื่อคืนเจ้าตัวใช้การ ไม่ได้สามคนนัน้ เลือกสถานทีแ่ ห่งนัน้ มัว่ สุมกันยังพอกล่าวได้วา่ เพือ่ หลบเลีย่ ง มิถูกพบเห็น คืนนี้ในกระท่อมหญ้านั้นมีเพียงหลี่ต้าผู้เดียว มิมีเหตุผล ทิ้งใกล้เลือกไกลแม้แต่น้อย 17


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

หลายคนที่หายสาบสูญไปสุดท้ายล้วนติดตามหญิงเหมียวไปหอ บูชาเทพยดา แม้ว่าหญิงสาวบอบบางหลายคนนี้มิอาจท�ำอันตรายชาย ฉกรรจ์ที่ฝึกยุทธ์เหล่านี้ แต่ดูเช่นนี้แล้ว คล้ายว่าในหอบูชาเทพยดานั้น มีสิ่งประหลาด หลงหยาติดตามเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงอยู่เบื้องหลังแต่ไกล เพิ่งมา ถึงปากประตู ก็ได้ยินเสียงหอบหายใจครวญคราง ห้องศิลาอันสามัญยิ่ง บนผนังบนเพดานเลื้อยพันเกาะเกี่ยวไว้ ด้วยเครือเถาหวายใหญ่เล็กคละเคล้ามากมาย กลางเพดานห้องเจาะช่อง กว้างราวหนึง่ จัง้ ไว้หนึง่ ช่อง แสงจันทร์ลำ� หนึง่ สาดส่องเข้ามา ส่องแท่นบูชา รูปกลมทีก่ ลางห้องศิลาสว่างชัดเจน ร่างเปลือยเปล่าของสองคนบนแท่นบูชา กอดรัดโลมเล้าแนบแน่นแต่แรกแล้ว ภายใต้แสงจันทร์แห่งราตรีมืดมิดนี้ สะท้อนแผ่นผืนสีขาวอันน่าตระหนกใจ มิว่าเช่นไร การลอบชมดูเรื่องส่วนตัวเยี่ยงนี้ย่อมไม่ดี แม้ว่า หลงหยายินดีชมฉากร่วมสังวาสต่อหน้าต่อตานี้ มันก็ไม่สะดวกแก่การ เข้าไปใกล้ ได้แต่มองส�ำรวจสิ่งของอื่นๆ ในหอบูชาเทพยดาอยู่แต่ไกล เท่านั้น ประหลาดยิ่งนัก แม้กล่าวว่าเป็นหอบูชาเทพยดา นอกจาก แท่นบูชานั้นแล้ว ก็ไม่ได้ประดิษฐานเทพเทวาแต่อย่างใด มีเพียงล�ำต้น ของต้นไม้สูงเท่าคนสามท่อนตั้งพิงผนังด้านตะวันออก และก็มีเซียงซือเถิง* เลาะเลื้อยเต็มไปหมดเช่นเดียวกับล�ำต้นไม้ที่ก�ำแพงไม้นอกค่าย เพียงแต่ ส่วนกลางนูนสูงออกมา มองแต่ไกลก็เหมือนกระสวยขนาดใหญ่สามชิ้น วางตั้งอยู่ นอกจากนี้ก็ไม่มีสิ่งแปลกประหลาดอันใดอีก ได้ยินหลี่ต้าค่อยๆ หอบหายใจรุนแรงขึ้น คาดว่าถึงระดับสลาย วิญญาณกัดแทะกระดูก ปรารถนาหยุดก็หยุดมิได้ หลงหยาลอบหัวร่อ *  เถาไม้ตระกูลหวายชนิดหนึ่ง 18


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

อยู่ในใจ หันกลับมามอง เห็นสองแขนขาวผ่องลื่นละมุนของหญิงสาวผู้นั้น ก�ำลังโอบรัดต้นคอหลี่ต้า เปี่ยมใคร่รักพันพัวอย่างบรรยายไม่ถูก ทันใดนั้น ภาพน่าสยดสยองพลันปรากฏขึ้น สองแขนอ่อนละมุนได้สมดุลของสตรีผนู้ นั้ พลันยืดยาวออกหลายจัง้ กะทันหัน แปรเปลี่ยนเป็นเล็กยาวเลื้อยไต่ พันรัดล�ำคอหลี่ต้าประหนึ่ง เครือเถาหวาย จากนั้นไต่เลื้อยขึ้นสูงทันทีทันใด พันรัดทั่วทั้งร่างหลี่ต้า อย่างแน่นหนา พลังอันรุนแรงถึงกับท�ำให้หลี่ต้ามิสามารถขยับกายแม้ น้อยนิด เรือนร่างนางนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด สิ่งของคล้าย เถาหวายเลือ้ ยออกมาจากท้องจากเอว ความเร็วการแผ่ขยายออกน่าสะพรึง กลัวยิ่ง รัดพันหลี่ต้าเอาไว้อย่างหนาแน่นในเพียงพริบตาเดียว ยิ่งกว่านั้น ยังรัดฝังเข้าหนังเข้าเนื้ออย่างโหดเหี้ยม หลงหยาแอบซ่อนอยู่นอกหอบูชา เห็นภาพสยดสยองเช่นนี้ อด ตะลึงอ้าปากค้างมิได้ จากนัน้ สองขาของนางบังเกิดความแปรเปลีย่ นเช่นกัน เกาะเกี่ยวม้วนวนขึ้นสูงหลายจั้ง ม้วนพันยอดเพดานศิลาอย่างแน่นหนา ผูกหลี่ต้าห้อยหัวอยู่กลางอากาศในพริบตา หลี่ต้าผู้น่าสงสารมิได้ขาดใจตายทันที ทว่ากลับไม่สามารถเปล่ง เสียงออกมาแม้ครึ่งค�ำ ได้แต่ดิ้นรนอย่างไร้ผล เลือดไหลย้อยตามก้าน เครือเถาหวายบนร่างมัน หยดเปาะแปะลงบนแท่นบูชาที่ด้านล่าง ร่างกายสตรีนางนั้นหาใช่ร่างมนุษย์อีกแล้ว หากแต่เป็นดั่งดักแด้ ห่อหุ้มหลี่ต้าอย่างแน่นหนา ในขณะที่เลือดซึ่งคั้นจากร่างหลี่ต้าย่อมเป็นสิง่ หล่อเลีย้ งเครือเถาให้เติบโตอย่างมิตอ้ งสงสัย ดังนัน้ มันจึงเติบใหญ่หนาแน่น อย่างรวดเร็ว พันรัดหลี่ต้ายิ่งแน่นถี่ เผยเพียงใบหน้าตะลึงพรึงเพริด สะพรึงกลัว สิ้นหวัง บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด เนื่องจากสูญเสียเลือด ปราณจึงค่อยๆ เหี่ยวแห้งด�ำไป ชัดเจนยิ่ง หลี่ต้าตายแล้ว ห้วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น 19


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

มิว่าผู้ใดพบเห็นภาพน่าสะพรึงกลัวนี้ล้วนมิอาจเยือกเย็นอยู่ได้ หลงหยาก็ไม่นอกเหนือ ขณะที่มันพลันได้สติ ตระเตรียมหลบหนีนั้น ด้านหลังมีเสียงเยือกเย็นดังขึ้น “เจ้าเห็นแล้ว?” หลงหยาหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับถูกผู้มาชิงลงมือ ก่อน ผลักมันเข้าไปในหอบูชาเทพยดา! เมื่อมันยืนทรงกายมั่นคงหันหน้ากลับไป ก็เห็นเงาร่างงองุ้มของ ยายเฒ่ายืนอยู่ที่ปากประตู คล้ายภูตผีน่าสะพรึงอันยากบรรยาย “เคี้ยกๆ...รอมาหกสิบกว่าปี ในที่สุดก็ได้เหยื่อที่แส่เข้ามาหาเอง” เถิงผอเดินงกเงิ่นเข้ามา พลันที่สัมผัสถูกแสงจันทร์ซึ่งสาดส่องลงมาจาก ยอดเพดาน ก็ บั ง เกิ ด เสี ย งดั ง ฉ่ า ๆ ทั น ที ร่ า งชรานั้ น คล้ า ยเป็ น พุ ่ ม กอ เถาหวายขนาดใหญ่แผ่พุ่งกระจายออกทุกทิศทาง เกาะเกี่ยวประสานเป็น ตาข่ายหวายผืนหนึ่ง พุ่งเสียงหวีดหวิวเข้าใส่หลงหยา หลงหยาอาศัยท่าร่างคล่องแคล่ว หลบเลี่ยงได้ทุกคราว เมื่อ เถาหวายเหล่านัน้ สัมผัสพืน้ ก็บงั เกิดรากงอกออก จากนัน้ แผ่กระจายขยาย ออกจากพืน้ คล้ายไร้สนิ้ ไร้สดุ เพียงครูเ่ ดียว กว่าครึง่ ของโถงใหญ่กม็ เี ถาหวาย งอกเลื้อยเต็มไปหมด ประตูศิลาก็ถูกผนึกปิดไปแต่แรกแล้ว หลงหยาจนปัญญาได้แต่ล่าถอยมามุมตะวันออก เมื่อเข้าใกล้จึง พบว่าบนกระสวยขนาดยักษ์ที่มุมนี้ล้วนมีใบหน้าน่าสยดสยองน่าตระหนก แม้ว่าบิดเบี้ยวเสียรูปไปแล้ว ทว่ายังพอแยกแยะออกว่าเป็นใบหน้าของ หลี่เอ้อร์ หลี่ซาน กับหลี่ซื่อที่หายตัวไปเมื่อคืน ภายในเวลาอันรวดเร็ว หลีต่ า้ ก็จะเป็นเฉกเช่นเดียวกับพวกของมัน กลายเป็นล�ำต้นไม้ภายใต้การห่อหุ้มของหวายภูเขาเหล่านี้ บัดนีห้ ลงหยาจึงนึกขึน้ ได้ ลวดลายแตกขาดบนล�ำต้นไม้ในก�ำแพงไม้ ที่พบเห็นวันนั้นคืออันใด ก็เฉกเช่นเดียวกับพวกมัน เป็นใบหน้ามนุษย์ที่ บิดเบี้ยวจ�ำนวนมากมาย 20


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

ช่วงทีก่ �ำลังครุน่ คิดนีเ้ อง เถาหวายเหนียวแกร่งขนาดใหญ่เส้นหนึง่ พุ่งม้วนเข้ามา รัดสองขาของมันเอาไว้แน่น เพียงยืดหดไม่กี่ครั้ง ก็ดึงมัน ล้มคว�่ำลงกับพื้น จากนั้นพลังมหาศาลแผ่เข้ามา มันถูกลากเข้าไปยังเครือ เถาหวายหนาแน่นผืนนั้นแล้วโดยไม่รู้ตัว แม้นชักดาบเหล็กกล้าออกมาปักทิ่มลงพื้น ก็ไม่อาจต้านทานการ ลื่นไถลนี้ได้ เห็ น ว่ า ตาข่ า ยหวายใกล้ เข้ า มาทุ ก ขณะแล้ว พลันปรากฏเงา แสงดาบวาบขึ้นคราหนึ่ง เถาหวายขนาดใหญ่เส้นนั้นขาดสะบั้นทันใด ก่อเกิดเสียงร้องโหยหวนบีบเค้นหัวใจ ด้านข้างมีมอื ข้างหนึง่ ดึงมันขึน้ มา หันหน้าไปดู พบว่าเป็นซาม่าน มื อ ข้ า งหนึ่ ง ของซาม่ า นดึ ง หลงหยาเอาไว้ มื อ อี ก ข้ า งคว้ า ดึ ง เถาหวายที่ห้อยลงมาจากยอดเพดานเส้นหนึ่ง ทะยานร่างขึ้น พริบตา เดียว ทั้งสองคนทะยานพุ่งออกไปทางช่องเปิดเหนือเพดานลงสู่หลังคา ได้ยินเสียงแผดร้องไม่ขาดสายจากด้านล่าง เถาหวายที่พันรัดเหล่านั้น คล้ายคิดจะพุ่งออกมาจากช่องเปิด ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็มิส�ำเร็จ “ท่านวางใจได้ เมื่อคืนร่างในหอบูชาเทพยดาแล้ว นอกจาก ก�ำเนิดใหม่ส�ำเร็จเท่านั้น มิเช่นนั้นนางก็จะไม่สามารถออกมาชั่วนิรันดร์” ซาม่านเหม่อมองเถาหวายที่แผ่เลื้อยอยู่ด้านล่าง ในดวงตาปรากฏแวว ปวดร้าวใจ “พวกเจ้าเป็นอันใดกันแน่...” “ข้าไม่ทราบ” ซาม่านส่ายศีรษะ กล่าวอย่างเลื่อนลอย “นาน แสนนานมา พวกข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว ชีวิตหนึ่งยี่สิบห้า หากไม่สามารถหา ต้นไม้ใหญ่มาเป็นแหล่งอาศัยก�ำเนิดใหม่ก่อนอายุยี่สิบห้าปี ร่างกายก็จะ เหี่ยวแห้งเฉกเช่นเถิงผอ ยากจะเสาะหาต้นไม้ใหญ่มาอาศัยได้อีก” “แต่ว่านั่นเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่อันใด” หลงหยากล่าว เคร่งเครียด “บริวารทั้งสี่ของข้า...” โทสะประดังขึ้นในหัวอก ทว่ากลับ 21


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

ไม่อาจกล่าวต่อไป “พวกมันเป็นต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว สตรีดั่งไม้เลื้อย บุรุษดั่งต้นไม้ ใหญ่ มิพันพัวเยี่ยงนี้ ไฉนมีอาวรณ์สิ้น?” ซาม่านกล่าวเสียงราบเรียบ “ในเวลาอันรวดเร็วนี้จะมีพี่น้องหญิงก�ำเนิดใหม่แล้ว จากนั้นซ�้ำซ้อนเป็น วัฏจักรไม่ขาดสาย แต่ละชาติล้วนมิอาจหลุดพ้นจากการเวียนว่ายนี้ แม้ เบื่อหน่ายชะตาชีวิตเนิ่นนานมากแล้ว ทว่ามิอาจกระท�ำเช่นใดได้……” เสียงซาม่านอ่อนโยน หลงหยาฟังแล้วกลับเปี่ยมความอ้างว้างอย่าง บรรยายไม่ถูก “เจ้าช่วยข้าท�ำไม” มันถามเสียงสั่น ทว่ากลับเห็นซาม่านเลิก กระโปรงให้ดนู อ่ งทีส่ วยได้รปู น่องขวายังมีรอยแผลเท่าไข่ไก่ ก็คอื รอยแผล ที่ถูกมุสิกเมื่อยามกลางวันนั่นเอง คิดไม่ถึงว่าเวลาเพียงวันเดียวแผลก็แห้ง แล้ว เพียงแต่รอยแผลเป็นสีเขียวหมึกด�ำ กลับเหมือนรอยแผลของพืช เช่นหวายมากกว่า “ท่านไปเถอะ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ทันการแล้ว” ซาม่านยกมือชี้ไป ยังทางน้อยที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าลึกนอกค่าย “ออกจากค่ายแล้วอย่าหัน กลับมาอีก หลับตาเดินออกจากป่าแล้วค่อยลืมตาได้” กระท่อมหญ้าด้านล่างส่วนใหญ่จุดคบไฟขึ้นแล้ว คิดว่าคงท�ำให้ ผู้คนตื่นตระหนกไม่น้อย หลงหยารู้ว่ายามนี้หากไม่รีบไป รอผู้คนมาถึงก็ออกไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นทะยานร่างกระโดดลงจากหลังคา วิ่งตะบึงไปยังปากประตูค่าย แต่ กลับพลันหันศีรษะกลับไป เห็นซาม่านยืนอยู่บนหลังคา ภายใต้แสงจันทร์ ละมุนงามเฉกนางเซียน ในประกายตาปานระลอกคลื่นพอจะพบเห็นความ ระลึกแจ้งเลือนรางอยู่หลายส่วน ยิ้มน้อยๆ ให้แก่มัน หมุนควงร่างลงสู่ ในหอบูชาเทพยดา หลังจากนั้น มันเห็นหวายเขียวสดมากมายไต่เลื้อยออกมาจาก ในหอบูชาเทพยดานั้น เกี่ยวรัดเข้าเป็นผืนแผ่นเดียวกับเครือเถาหวายของ 22


เรื่องเล่าของเหล่าปีศาจในเหลาสุรา

เถิงผอก่อนหน้านั้น ปิดตายประตูใหญ่หอบูชาเทพยดาหนาแน่น ซาม่านกลายร่างเป็นหวายเขียวสดต่อเบือ้ งหน้าสายตามัน จากนีไ้ ป ไม่มีหญิงสาวน�้ำเสียงอ่อนโยนละมุนละไมผู้นั้นอีกแล้ว หลงหยายืนอยู่กับที่อย่างเหม่อลอย เห็นบรรดาสตรีชาวเหมียว เหล่านั้นวิ่งตะบึงจากทั่วทุกทิศทางไปยังหอบูชาเทพยดา ส่งเสียงแผดร้อง สิ้นหวัง มันพลันได้สติคืนมาทันที รีบวิ่งไปยังทางน้อยสายนั้น หลับตา เฝ้าเค้นถามตนเองไม่หยุดหย่อนว่า “นางไฉนกระท�ำเช่นนี้...” ราตรีนี้ยาวนานเป็นพิเศษ กระทั่งเมื่อหนังตาที่ปิดแน่นของมัน รับรู้ถึงแสงสว่างนั้น มันก็มาถึงปากทางของเมื่อสองวันก่อนแล้ว บนกิ่งไม้ ข้างทางยังปรากฏเครื่องหมายที่มันท�ำไว้ก่อนเข้าป่า เพียงแต่รอยแยก แตกขาดมากแล้ว บนรอยดาบจับเต็มด้วยละอองฝุ่นดิน คล้ายว่าอยู่ที่นั้น ไม่เพียงแค่สองวัน ย้อนหันไปดูทางน้อยหมอกทึบหนาแน่นทีด่ า้ นหลัง บนพืน้ ดินโคลน ปรากฏรอยเท้าสมบูรณ์หรือไม่ก็วิ่นแหว่งมากมาย มีของมัน มีของสี่ พี่น้องแซ่หลี่ ยังมีรอยเท้าคนเดินทางนิรนามมากมายนับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้ ล้วนเดินตรงเข้าสู่กลางป่าลึก... มีเพียงรอยเท้าของมันเท่านั้นที่เดินคดเคี้ยวทอดยาวออกมาจาก ในป่า หลงหยาทรุดนั่งลงกับพื้น เหม่อมองทางน้อยลี้ลับเส้นนั้น งุนงง กับเหตุการณ์งงงันต่างๆ มากหลาย ข้างหูคล้ายได้ยินเสียงเพลงของหมู่ เด็กหญิงตัวน้อยที่ได้ยินในวันนั้นอีกครา ไม้ใหญ่เอย ไม้ใหญ่เอย เถาไร้ไม้ลอยตามลม ไม้ใหญ่เอย ไม้ ใหญ่เอย เถากอดไม้ได้หยั่งราก เปลี่ยวใจชราผ่านพันภพชาติ ว่างเปล่า มิสู้อาวรณ์หนึ่งขวบปี...... 23


เคอสุ้ยอวี้โหยวโจ่ว

หลงหยาเล่าจบ รินหลีโหวเซาจากในกาสุราออกจอกหนึ่ง ขณะ ส่งถึงริมฝีปากพลันหยุดค้าง กล่าวเคร่งเครียด “รอเมื่อข้าแยกแยะ ทิศทางออกจากเทือกเขาเหมียวหลิ่งกลับเข้าเมืองได้แล้ว จึงรู้ว่าโลก ภายนอกผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว ทั้งที่ความจริง ข้าอยู่ในป่าเพียงเวลา สองวันเท่านั้น” อวี๋จียิ้มน้อยๆ หยิบขวดหยกขาวกะทัดรัดน่ารักจากชั้นวางสุรามา ขวดหนึ่ง เดินมาถึงข้างโต๊ะ “ในป่าหนึ่งทิวา โลกีย์พันปีผ่าน มิน่าเล่า ท่านมือปราบหลงประสบกับตนเองกลับมิทราบ” นางยื่นมือดึงจอกสุรา ออกจากในมือหลงหยา สะบัดมือสาดเทสุราลงพื้นถนน “ได้ฟังเรื่องราว เยี่ยมยอดเช่นนี้ เพียงเชิญท่านมือปราบดื่มหลีโหวเซาคล้ายไร้น�้ำใจเกินไป แล้ว” กล่าวจบรินสุราจากในขวดหยกขาวลงสู่จอกสุรา วางลงบนโต๊ะ สุราในจอกนั้นเขียวสดปานจะหยาดหยด หลงหยาจิบแผ่วเบา ค�ำหนึ่ง รู้สึกอบอวลทั่วปาก ขณะซาบซ่านกระจายแผ่ยิ่งแฝงความฝาดขม ไว้หลายส่วน “นี่คือสุราใด” อวีจ๋ อี มยิม้ วางขวดหยกขาวลงบนโต๊ะ เดินแช่มช้ากลับสูด่ า้ นหลัง โต๊ะเก็บเงิน “สุรานี้...มีชื่อว่า อาวรณ์” หลงหยาได้ฟังพลันสะท้านหัวอก หยิบขวดสุราขึ้นดู เห็นในขวด หยกสีขาวกระจ่างเปล่งประกายสว่าง หวายเขียวขนาดเล็กชิ้นหนึ่งแช่อยู่ ภายใน แผ่ประกายเขียวเรืองเรื่อชวนลุ่มหลง...

24


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.