‘
earnest
ROBERT C. O’BRIEN
Z ZACHARIAH for
สูญมนุษยวันสิ้นโลก วิลาส วศินสังวร แปล
Z ZACHARIAH for
ROBERT C. O’BRIEN
1
20 พฤษภาคม ฉันกลัว มีคนมา ฉันคิดว่ามีคนมา แต่ฉนั ไม่แน่ใจ ฉันภาวนาขอให้ฉนั คิดผิด ฉันเข้าไปในโบสถ์ สวดมนต์ตลอดทัง้ เช้า พรมน�า้ หน้า แท่นบูชา วางดอกไม้ไว้ เป็นดอกไวโอเล็ตกับดอกด็อกวูด แต่มคี วัน มีควันมาสามวันแล้ว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ครัง้ นัน้ เมือ่ ปีทแี่ ล้ว ควันลอยขึน้ เป็นแพเมฆอยูไ่ กลออกไป อยู่ บนท้องฟ้านานสองสัปดาห์ มีไฟป่าในป่ารกร้าง จากนัน้ ฝนก็ตก ควันหายไป แต่ครัง้ นีค้ วันเป็นแท่งเล็กๆ เหมือนเสา ไม่สงู มากนัก แท่งควันเกิดขึน้ สามครัง้ แต่ละครัง้ เกิดในตอนบ่ายแก่ๆ 5
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
กลางคืนฉันมองไม่เห็น พอตอนเช้าก็หายไป แต่พอตอนบ่าย ก็เกิดขึน้ อีก ใกล้เข้ามาอีก ตอนแรกแท่งควันอยูห่ ลังเทือกเขา เคลย์โพล ฉันเห็นแต่ยอด เป็นรอยควันเล็กๆ ฉันนึกว่าเป็น เมฆ แต่สเี ทาเข้ม เข้มเกินไป สีไม่ใช่ จากนัน้ ฉันก็คดิ ว่าไม่เห็น มีเมฆทีไ่ หนเลย ฉันหยิบกล้องส่องทางไกลขึน้ เห็นเป็นเส้นตรง เล็กแคบ เป็นควันทีเ่ กิดจากไฟกองเล็ก เราเคยนัง่ รถบรรทุกไป แถวนัน้ เทือกเขาเคลย์โพลอยูห่ า่ งออกไปสิบห้าไมล์ แต่ดใู กล้ กว่าความเป็นจริง ควันมาจากหลังเขา เลยเทือกเขาเคลย์โพลไปเป็นอ็อกเด็นทาวน์ อยู่ห่าง ออกไปอีกสิบไมล์ แต่ไม่มใี ครอาศัยอยูใ่ นอ็อกเด็นทาวน์แล้ว ฉันรูเ้ พราะหลังสงครามสิน้ สุด โทรศัพท์ใช้งานไม่ได้ พ่อ โจเซฟ...น้องชายฉัน และเดวิด...ญาติ นัง่ รถบรรทุกไปดูวา่ เกิด อะไรขึน้ ทีแ่ รกทีไ่ ปเป็นอ็อกเด็นทาวน์ ทัง้ สามไปตอนเช้า โจเซฟ กับเดวิดตืน่ เต้นมาก แต่พอ่ ดูเครียด ทั้งสามกลับมาตอนฟ้ามืด แม่เป็นห่วงเพราะทั้งสาม หายไปนาน เราดีใจทีใ่ นทีส่ ดุ ก็เห็นไฟหน้าของรถบรรทุกกลับมา จากเนินเขาเบอร์เด็น เนินเขาเบอร์เด็นอยูห่ า่ งออกไปสองไมล์ รถบรรทุกดูเหมือนไฟสัญญาณ เป็นไฟดวงเดียวทีเ่ หลืออยูน่ อก บ้าน...ไม่มรี ถคันอืน่ มาตลอดทัง้ วัน เรารูว้ า่ เป็นรถบรรทุกของพ่อ เพราะไฟดวงหนึง่ ข้างซ้าย กะพริบทุกครัง้ ทีร่ ถเขย่า รถมาถึง บ้าน ทัง้ สามลงมา น้องชายกับญาติไม่ตนื่ เต้นแล้ว ทัง้ สองคน กลัว พ่อหน้าซีดเหมือนคนป่วย พ่ออาจจะเริม่ ไม่สบายแล้ว แต่ ฉันคิดว่าพ่อซึมเศร้าเป็นทุกข์ใจมากกว่า 6
น ์ ัน ินโ
แม่มองพ่อลงจากรถ “เจออะไรบ้าง?” พ่อพูด “ศพ มีแต่ศพคนตาย ทุกคนตายหมด” “ตายหมด?” เราเข้าไปในบ้าน ตะเกียงจุดอยู่ น้องชายกับญาติตาม เข้ามา ไม่พดู อะไร พ่อนัง่ ลง “แย่” พ่อพูดซ�า้ แล้วซ�า้ อีก “แย่ แย่ เราขับรถ กวาดตามองไปเรือ่ ยๆ บีบแตร เข้าไปในโบสถ์ ตีระฆัง เสียงระฆังได้ยนิ ไกลไปถึงห้าไมล์ เรารออยูส่ องชัว่ โมง แต่ไม่มใี ครมา ผมเข้าไปในบ้านสองหลัง...ของจอห์นสันกับของ พีเตอร์ ทุกคนอยูใ่ นบ้าน ตายหมด มีซากนกเกลือ่ นถนน” โจเซฟน้องชายฉันเริม่ ร้องไห้ เขาอายุสบิ สี่ ฉันไม่ได้ยนิ เขาร้องไห้มาหกปีแล้ว 21 พฤษภาคม ควันขยับเข้ามาใกล้ วันนีเ้ กือบอยูบ่ นยอดเขา แต่ไม่ ชัดเจนนัก เพราะในยามทีฉ่ นั มองด้วยกล้องส่องทางไกล ฉัน ไม่เห็นเปลวไฟ เห็นแต่ควัน...ควันพุง่ ขึน้ เร็วมาก ไม่นา่ จะอยู่ ห่างจากไฟมากนัก ฉันรูว้ า่ ตรงนัน้ คือทีไ่ หน ตรงสีแ่ ยก อยูอ่ กี ฟากของเทือกเขา บนทางหลวงสายตะวันออก-ตะวันตก ถนน ดีนทาวน์ ตัดกับถนนของเรา เป็นทางหลวงหมายเลขเก้า ใหญ่ กว่าถนนของเราซึ่งเป็นถนนในเคาน์ตีสาย 793 เขาหยุดตรง นัน้ ก�าลังตัดสินใจว่าจะไปตามทางหลวงหมายเลขเก้าหรือข้าม 7
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
เทือกเขามา ฉันพูดว่า เขา เพราะฉันคิดว่าคนนัน้ น่าจะเป็นผูช้ าย อาจมีหลายคนหรือเป็นผูห้ ญิงก็ได้ แต่ฉนั คิดว่าเป็นผูช้ าย หาก เขาตัดสินใจไปตามทางหลวง ก็จะเดินห่างออกไป สถานการณ์ ก็จะกลับมาสงบเรียบร้อยอีกครัง้ ไม่มเี หตุผลทีเ่ ขาจะกลับมาทีน่ ี่ แต่ถ้าเขาไปถึงยอด ก็คงจะลงมาที่นี่ เพราะเขาจะเห็นใบไม้ สีเขียว อีกฟากของเทือกเขา อีกฟากของเนินเขาเบอร์เด็น ไม่มี ใบไม้ ทุกอย่างตายหมด ฉันมีเรื่องที่ต้องชี้แจง เรื่องแรกคือ ท�าไมฉันถึงกลัว อีกเรือ่ งคือ ท�าไมฉันถึงเริม่ เขียนบันทึก ฉันได้สมุดเล่มนีม้ าจาก ร้านค้าของคุณไคลน์ ร้านของเขาอยูห่ า่ งออกไปหนึง่ ไมล์ ฉันหยิบสมุดกับปากกาลูกลื่นมาในเดือนกุมภาพันธ์ ตอนนัน้ สถานีวทิ ยุแห่งสุดท้ายหยุดออกอากาศแล้ว ก่อนหน้า นัน้ ฉันได้ยนิ เสียงวิทยุเลือนลางเฉพาะในเวลากลางคืน วิทยุหยุด ออกอากาศมาประมาณสามสีเ่ ดือนแล้ว ฉันพูดว่า ประมาณ นี่ เป็นเหตุผลหนึง่ ทีท่ า� ให้ฉนั หยิบสมุดมา เพราะฉันรูส้ กึ ว่าตัวเอง ก�าลังหลงลืมเหตุการณ์ตา่ งๆ ทีเ่ กิดขึน้ และบางครัง้ ก็ไม่รดู้ ว้ ยซ�า้ ว่าเหตุการณ์นนั้ เกิดขึน้ จริงหรือเปล่า อีกเหตุผลคือ ฉันคิดว่าการ เขียนหนังสือเป็นเหมือนกับการมีคนคุยด้วย หากฉันย้อนกลับมา อ่านในภายหลัง ก็คงเหมือนกับมีคนมาเล่าอะไรให้ฟงั แต่ความ จริงคือ ฉันไม่ได้เขียนอะไรมากนัก เพราะไม่มอี ะไรให้เขียนถึง มากนัก บางครัง้ ฉันก็เขียนลงไปว่าอากาศเป็นอย่างไรหากมีพายุ หรืออะไรทีผ่ ดิ ปกติ ฉันเขียนลงไปว่าฉันท�าสวนเมือ่ ไหร่ เพราะ 8
น ์ ัน ินโ
ฉันคิดว่าปีหน้าคงมีประโยชน์อยู่ แต่เวลาส่วนใหญ่แล้วฉันไม่ได้ เขียนลงไป เพราะวันนีก้ เ็ หมือนกับวันก่อนหน้า และบางครัง้ ฉันก็คดิ ว่า...เขียนไปจะมีประโยชน์อะไร? ไม่มใี ครได้อา่ นอยูแ่ ล้ว ฉันจึงเตือนตัวเองว่าในอนาคต อีกหลายปีนบั จากนี้ ฉัน จะกลับ มาอ่าน ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าฉันเป็นมนุษย์คนสุดท้ายทีเ่ หลืออยู่ บนโลก แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องให้เขียนแล้ว ฉันคิดผิด ฉันไม่ใช่ มนุษย์คนสุดท้ายทีเ่ หลืออยูบ่ นโลก ฉันทัง้ ตืน่ เต้นและหวาดกลัว ตอนแรกพอคนอืน่ เริม่ ล้มหายตายจาก ฉันก็เกลียดการ อยูค่ นเดียว ฉันมองถนนทัง้ วัน ตกกลางคืนก็หวังว่าจะมีรถแล่น ข้ามเขามา ขอให้เป็น ใครก็ได้ ยามหลับฉันฝันว่ามีคนมา ขับ รถผ่านมาโดยไม่รวู้ า่ ฉันอยูท่ นี่ ี่ จากนัน้ ฉันก็สะดุง้ ตืน่ แล้ววิง่ ออก ไปกลางถนน มองหาแสงไฟท้ายรถทีห่ ายลับไป หลายสัปดาห์ ผ่านไป สถานีวทิ ยุดบั ไปทีละแห่ง พอแห่งสุดท้ายดับและไม่มี เสียงขึ้นมาอีก ฉันก็รู้สึกว่าคงไม่มีรถ ไม่มีใคร มาอีกแล้ว แน่ละ ตอนแรกฉันคิดว่าแบตเตอรีใ่ นวิทยุหมด ฉันไปทีร่ า้ นค้า ไปเปลีย่ นแบตเตอรีก่ อ้ นใหม่ ฉันลองกับไฟฉาย ไฟฉายติด ฉัน จึงรูว้ า่ เป็นทีส่ ถานีวทิ ยุ ไม่ใช่แบตเตอรี่ คนในสถานีวิทยุแห่งสุดท้ายบอกว่าเขาจ�าเป็นต้องงด ออกอากาศ เพราะไม่มีพลังงานเหลืออยู่อีกแล้ว เขาอ่านค่า ละติจดู และลองจิจดู ของเขาซ�า้ เขาไม่ได้อยูบ่ นเรือ เขาอยูบ่ น พืน้ ดิน...ทีไ่ หนสักแห่งในบอสตัน, แมสซาชูเซตส์ เขาพูดเรือ่ งอืน่ ด้วย เป็นเรือ่ งทีฉ่ นั ไม่อยากได้ยนิ ฉันจึงเริม่ คิด สมมติวา่ มีรถ 9
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
แล่นข้ามเขามาและฉันวิง่ ออกไป ใครคนนัน้ ลงจากรถ...เขาอาจ เป็นคนบ้า? คนโหดร้าย หรือคนใจคอเหีย้ มโหด? เป็นฆาตกร? แล้วฉันจะท�าอย่างไร? น�า้ เสียงของคนในสถานีวทิ ยุตอนท้ายฟังดู เพีย้ น เขากลัว ทีท่ เี่ ขาอยู่ มีคนเหลืออยูไ่ ม่มากนัก อาหารก็มี น้อย เขาบอกว่ามนุษย์ควรท�าตัวให้มศี กั ดิศ์ รีแม้จะต้องเผชิญหน้า กับความตาย ไม่มใี ครเหนือกว่าใคร เขาวิงวอนทางวิทยุ ฉันรู้ ว่ามีเรือ่ งเลวร้ายก�าลังเกิดขึน้ ทีน่ นั่ เขาสติแตก ร้องไห้ออกมา ทางวิทยุ ฉันจึงตัดสินใจว่าหากมีคนมา ฉันจะต้องดูกอ่ นว่าเขา เป็นคนอย่างไรแล้วค่อยแสดงตัว พฤติกรรมนีก้ เ็ หมือนกับตอนที่ โลกยังเจริญรุง่ เรืองอยู่ ตอนทีม่ คี นมากมาย แต่ในยามทีไ่ ม่มใี คร เหลืออยูอ่ กี แล้ว ความคิดนีก้ เ็ ปลีย่ นไป ฉันค่อยๆ ตระหนักว่า มีสงิ่ ทีแ่ ย่ยงิ่ กว่าการอยูค่ นเดียว หลังจากครุน่ คิดใคร่ครวญเรือ่ งนี้ ฉันก็เริม่ ย้ายข้าวของไปในถ�า้ 22 พฤษภาคม บ่ายวันนี้ควันลอยขึ้นมาอีกครั้ง ยังคงอยู่ในต�าแหน่ง เดิมกับเมือ่ วาน ฉันรูว้ า่ เขา (เธอ? พวกเขา?) ก�าลังท�าอะไรอยู่ เขาเดินลงมาจากทางเหนือ ตัง้ เต็นท์ตรงสีแ่ ยก ส�ารวจเส้นทาง ตะวันออกและตะวันตกบนทางหลวงหมายเลขเก้า ถนนดีนทาวน์ ฉันกังวลใจ เพราะถ้าเขาส�ารวจเส้นทางตะวันออกและตะวันตก เขาก็จะส�ารวจทางใต้ดว้ ย 10
น ์ ัน ินโ
ฉันได้รอู้ ะไรบางอย่างเช่นกัน เขามีอปุ กรณ์กบั สัมภาระ ค่อนข้างหนัก เขาทิง้ ไว้ตรงสีแ่ ยกขณะส�ารวจรอบด้าน เขาจะ ได้เดินทางได้เร็วขึน้ นัน่ หมายความว่าเขาไม่เจอใครเลยระหว่าง ทาง ไม่งนั้ เขาคงไม่กล้าทิง้ สัมภาระไว้ หรือไม่เขาก็มคี นมาด้วย แน่ละ เขาอาจจะพักอยู่ อาจจะมีรถ แต่ฉนั คิดว่าไม่มี พ่อ บอกว่ารถจะแผ่กมั มันตรังสีออกมาเป็นเวลานาน...เพราะรถท�า จากโลหะหนัก พ่อรูเ้ รือ่ งนีเ้ ยอะ พ่อไม่ใช่นกั วิทยาศาสตร์ แต่ อ่านบทความวิทยาศาสตร์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารอยูเ่ สมอ เพราะเหตุนกี้ ระมังพ่อจึงกังวลใจมากหลังจากโทรศัพท์ใช้งานไม่ ได้เมือ่ สงครามสิน้ สุด หลังจากเดินทางไปอ็อกเด็นทาวน์ วันต่อมาพวกพ่อ ก็ไปอีก ครัง้ นีข้ บั รถไปสองคัน รถบรรทุกของเราคันหนึง่ กับรถ ของคุณไคลน์...ชายเจ้าของร้านขายของช�า เผือ่ ไว้ในกรณีรถคัน หนึง่ เสีย คุณไคลน์กบั ภรรยาไปด้วย แม่จงึ ตัดสินใจไปเช่นกัน ฉันคิดว่าแม่กลัวทีจ่ ะต้องแยกห่างจากพ่อ แม่กงั วลใจยิง่ กว่าเดิม หลังจากทราบว่าเกิดอะไรขึน้ ในอ็อกเด็นทาวน์ โจเซฟจะอยูบ่ า้ น กับฉัน ครัง้ นีพ้ วกพ่อจะลงใต้ ผ่านหุบเขาลึกทีค่ รอบครัวอามิช อาศัยอยู่ เพื่อดูว่าหลังจากเกิดการระเบิดแล้ว พวกเขาเป็น อย่างไร (พวกเขาไม่ได้โดนระเบิดนะ...ระเบิดทีใ่ กล้ทสี่ ดุ อยูห่ า่ ง ออกไปไกล พ่อคิดว่ามากกว่าหนึง่ ร้อยไมล์ เราแทบไม่ได้ยนิ เสียง บึม้ เลย แต่กร็ สู้ กึ ได้ถงึ แรงสัน่ สะเทือน) ไร่ของครอบครัวอามิช อยูท่ างใต้ของหุบเขา ครอบครัวอามิชเป็นเพือ่ นของเราและสนิท 11
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
กับคุณไคลน์มาก เพราะเขาเป็นลูกค้าประจ�าของร้านคุณไคลน์ ครอบครัวอามิชไม่มรี ถ มีแต่มา้ กับเกวียน พวกเขาจึงไม่ได้เข้า ไปในอ็อกเด็นทาวน์ หลังจากพวกพ่อพบครอบครัวอามิชแล้ว ก็จะอ้อมไป ทางทิศตะวันตก ขึน้ ทางหลวงไปยังดีนทาวน์ ระหว่างทางผ่าน เบย์เลอร์ ดีนทาวน์เป็นเมืองใหญ่...มีประชากรสองหมืน่ คน ใหญ่ กว่าอ็อกเด็นทาวน์มาก อีกสองปีขา้ งหน้าฉันจะไปวิทยาลัยฝึกหัด ครูทด่ี นี ทาวน์ ฉันใฝ่ฝนั อยากเป็นครู พวกพ่อเริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรู่ คุณไคลน์ขับรถ กระบะน�าทาง พ่อจับหัวฉันก่อนจากไป ท�าเหมือนตอนทีฉ่ นั อายุหกขวบ เดวิดไม่พดู อะไร หลังจากพวกพ่อออกเดินทางได้ ราวหนึง่ ชัว่ โมง โจเซฟก็หายตัวไป ฉันหาเขาไม่พบ แต่แล้วฉัน ก็คดิ ได้ โจเซฟจะต้องซ่อนตัวอยูท่ า้ ยรถกระบะของคุณไคลน์แน่ๆ ฉันน่าจะคิดได้ตงั้ แต่แรก เราทัง้ คูก่ ลัวการถูกทอดทิง้ ไว้เบือ้ งหลัง แต่พ่อบอกว่าเราควรจะอยู่ให้น�้าสัตว์และรอเผื่อมีใครมา เผื่อ โทรศัพท์ใช้งานได้อกี ครัง้ และมีโทรศัพท์มา แต่โทรศัพท์ไม่เคยดัง ไม่เคยมีใครมา ครอบครัวของฉันไม่เคยกลับมา คุณไคลน์กบั คุณนาย ไคลน์ดว้ ย ฉันรูว้ า่ ไม่มใี ครในครอบครัวอามิชรอดชีวติ ไม่มใี คร ในดีนทาวน์รอดชีวติ ทุกคนตายหมดแล้ว ฉันจึงปีนขึ้นไปบนเนินเขาทุกลูก ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ บนยอดเขา มองไปไกล เห็นมีแต่ต้นไม้ตายซาก ไม่มีสิ่งใด ขยับเขยือ้ นเคลือ่ นไหว ฉันออกไปไหนไม่ได้ 12
2
23 พฤษภาคม ฉันเขียนบันทึกนีใ้ นตอนเช้า ราวสิบโมงครึง่ ขณะพัก จากงานกิจวัตรประจ�าวัน ฉันไม่อยากท�า แต่ถา้ รอจนกระทัง่ เขาข้ามสันเขามา ข้ามเนินเขาเบอร์เด็นมา คงสายเกินไป กิจวัตรประจ�าวันของฉันคือ ปล่อยไก่ออกจากเล้า ต้อนไก่มา ให้ไก่ได้เดินเล่น แล้ว ค่อยจับพวกมันอีกครัง้ ในภายหลัง หวังว่าพวกมันคงจะไม่ไปไหน ไกล ปล่อยแม่ววั สองตัวกับลูกวัวตัวผูอ้ อกไปเล็มหญ้า ฉัน ต้องไล่ววั ออกมาเช่นกัน พวกมันยังแข็งแรงดีอยู่ ยังมีหญ้าใน ทุง่ กว้างตามถนน มีนา�้ ในบึง ลูกวัวจะได้ดมื่ นมจากแม่ววั เป็น 13
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
วัวนมพันธุเ์ กิรน์ เซย์ สัตว์เจริญเติบโตได้ดี และฉันก็ดแู ลพวกมัน อย่างดี ไก่เอาแต่นอน มีไก่เพิม่ มาอีกสองตัวแล้ว สุนขั มีตวั เดียว เป็นสุนขั ของเดวิด ชือ่ ฟาโร มันวิง่ หนีไป เช้าวันหนึง่ มันก็ไม่อยู่ แล้ว และไม่กลับมาอีก ฉันคิดว่ามันคงออกจากหุบเขาไปแล้ว ไปตามหาเดวิด และเสียชีวติ ระหว่างทาง ฉันขุดสวนผัก ทุกอย่างทีโ่ ผล่ขนึ้ มาจากพืน้ ดินฉันจะบี้ มัน กลบมันด้วยใบไม้แห้ง จะได้ไม่มใี ครมองเห็น ฉันเกลียด ความคิดนีท้ สี่ ดุ เพราะพืชพรรณเจริญงอกงามดี แต่ฉนั มีอาหาร กระป๋องกับอาหารแห้งมากพอจะด�ารงชีวติ สืบต่อไปได้ หากเขา เห็นสวน เห็นพืชพรรณเรียงราย เห็นวัชพืช เขาคงรูว้ า่ มีคนอยู่ ทีน่ ี่ ฉันนัง่ อยูป่ ากถ�า้ จากตรงนีฉ้ นั เห็นพืน้ ทีส่ ว่ นใหญ่ของ หุบเขา เห็นบ้านของฉันและเห็นยุ้งฉาง เห็นหลังคาร้านขาย ของช�า เห็นยอดหลังคาเล็กๆ บนโบสถ์เก่า (ไม้กระดานบาง แผ่นหลุดออกไปแล้ว...ฉันซ่อมได้ไหม? ไม่รสู้ )ิ และเห็นล�าห้วย ทีเ่ ลียบผ่านออกไปราวห้าสิบฟุต ฉันเห็นถนนทอดยาวไปเนินเขา เบอร์เด็น...ราวสีไ่ มล์ดว้ ยกัน แต่ฉนั ไม่คดิ ว่าเขาจะเห็นถ�า้ เพราะ ถ�า้ อยูบ่ นไหล่เขา ห่างออกไปครึง่ ทางหลังตัวบ้าน ต้นไม้บงั ทีโ่ ล่ง ทีโ่ ล่งเล็ก โจเซฟ เดวิด กับฉันใช้เวลาหลายปีกว่าจะเจอถ�า้ ทัง้ ทีเ่ ราไปเล่นใกล้บริเวณนัน้ ทุกวัน หรือเกือบทุกวัน เขาเห็นบ้าน ร้านค้า และโบสถ์แน่ แต่ระหว่างทางเขา คงเจอบ้านเรือนมาเยอะ โชคดีทเี่ มือ่ ไม่นานมานีฉ้ นั ไม่ได้ทา� ความ สะอาดบ้าน เช้าวันนีฉ้ นั ส�ารวจบ้านอย่างละเอียด คิดว่าไม่มี 14
น ์ ัน ินโ
ร่องรอยของฉันในตัวบ้าน ฉันหยิบดอกไม้ออกจากแท่นบูชาใน โบสถ์ น�าตะเกียงสองดวงมาตัง้ ไว้พร้อมน�า้ มัน ตอนนี้ฉันได้แต่รอ ฉันบอกว่าเวลานี้ราวสิบโมงครึ่ง แต่ฉนั ก็ไม่แน่ใจเรือ่ งเวลานัก นาฬิกาข้อมือของฉันเดิน แต่ไม่มี อะไรให้อา้ งอิงนอกจากดวงอาทิตย์ ฉันไม่แน่ใจว่าวันนีเ้ ป็นวันที่ เท่าไหร่ดว้ ย ฉันมีปฏิทนิ แต่ยาก...ยากมาก...ทีจ่ ะนับวัน ตอน แรกฉันขีดฆ่าทีละวันด้วยดินสอ วันต่อมาฉันก็มองปฏิทนิ และเริม่ คิดว่าฉันขีดฆ่าวันนีไ้ ปหรือยังนะ? ยิง่ คิด ฉันก็ยงิ่ จ�าไม่ได้ ฉัน ค่อนข้างแน่ใจว่าฉันขีดฆ่าผิดไปบ้าง บางวันฉันก็ขดี ฆ่าซ�า้ สอง ครัง้ ตอนนีฉ้ นั มีระบบทีด่ ขี นึ้ ฉันมีนาฬิกาปลุกทีต่ งั้ เวลาไว้ ฉัน วางนาฬิกาปลุกไว้ขา้ งปฏิทนิ พอนาฬิกาปลุกส่งเสียง ฉันจะขีด ฆ่าวัน ฉันท�าเฉพาะตอนเช้า ตอนเย็นฉันจะไขลานและตัง้ เวลา ปลุกใหม่ อีกไม่นานฉันก็คงรูว้ นั ทีแ่ น่ชดั ฉันมีปฏิทนิ ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ส�าหรับเกษตรกรที่บ่งบอกวันที่ยาวนานที่สุดของปี คือ วันที่ 22 มิถนุ ายน ดังนัน้ ในอีกไม่กสี่ ปั ดาห์ ฉันจะพยายาม จับเวลาพระอาทิตย์ขนึ้ และตกในแต่ละวัน วันไหนยาวนานทีส่ ดุ ฉันจะรูว้ า่ เป็นวันที่ 22 มิถนุ ายน เรือ่ งนีไ้ ม่สา� คัญเท่าไหร่นกั แต่วนั เกิดของฉันจะมาถึง ในวันที่ 15 มิถนุ ายน และฉันอยากจะรูว้ า่ วันเกิดของฉันคือ เมือ่ ไหร่ ฉันจะได้รวู้ า่ ฉันอายุเท่าไหร่ ฉันจะอายุสบิ หกในปีหน้า อีกราวสามสัปดาห์ ฉันเขียนเรือ่ งแบบนีไ้ ด้เยอะ...เรือ่ งทีฉ่ นั นึกออกในยามที่ 15
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
ฉันตระหนักว่าฉันอยูค่ นเดียว และจะอยูค่ นเดียวไปชัว่ ชีวติ โชคดี ที่มีร้านค้าอยู่ที่นี่ เป็นร้านใหญ่ทีเดียว ขายของช�าทั่วไป ตุน สินค้าไว้เยอะเพราะการค้าของครอบครัวอามิชเจริญรุง่ เรือง โชคดี อีกประการคือ สงครามสิน้ สุดลงในฤดูใบไม้ผลิ (สงครามเริม่ ต้นใน ฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน...กินเวลาแค่หนึง่ สัปดาห์) ฉันจึงมีเวลาตลอด ฤดูรอ้ นทีจ่ ะท�าความเข้าใจสถานการณ์ เอาชนะความกลัว และ ทบทวนเรือ่ งทีฉ่ นั จะอยูร่ อดมีชวี ติ ผ่านฤดูหนาวได้อย่างไร อย่างเช่น เรือ่ งความร้อน ในบ้านมีเตาน�า้ มันกับเตา แก๊ส เตาน�า้ มันใช้งานไม่ได้เมือ่ ไม่มไี ฟฟ้า เตาแก๊สใช้งานได้ แต่ ต้องใช้แก๊สโพรเพน ฉันรูว้ า่ สุดท้ายแก๊สในถัง (มีอยูส่ องถัง) จะ หมดลง พอแก๊สหมด รถบรรทุกแก๊สจะไม่มาเติม แต่ในบ้านมี เตาผิงสองเตา เตาหนึง่ อยูใ่ นห้องนัง่ เล่น อีกเตาอยูใ่ นห้องกิน ข้าว มีไม้หนึง่ มัดในโรงเก็บฟืน ตัดแล้ว แต่ฉนั ก็รวู้ า่ แค่นน้ั ไม่ พอหรอก ฉันต้องเจียดเวลาในช่วงเช้าของฤดูใบไม้ผลิ ฤดูรอ้ น และฤดูใบไม้รว่ งมาตัดฟืนด้วยเลือ่ ยสองมือ (ฉันได้เลือ่ ยอันใหม่ มาจากร้านค้า เป็นแบบท่อ) แล้วลากฟืนด้วยรถเข็นคันเก่าที่ เก็บไว้ในยุง้ ฉาง ฉันปิดส่วนทีเ่ หลือของบ้าน รักษาอุณหภูมขิ อง สองห้องไว้ให้อนุ่ ...อุน่ มากๆ เว้นแต่ในวันทีอ่ ากาศหนาวจริงๆ จากนั้นฉันก็สวมเสื้อสเวตเตอร์เพิ่ม เก็บรักษาแก๊สไว้ใช้ในช่วง ฤดูหนาว ฉันใช้เตาไฟท�าอาหาร ซึง่ ยุง่ ยากมากทีเดียว เพราะ กระทะจะด�าปี๋ มีเตาเผาไหม้ไม้และถ่านอยูใ่ นยุง้ ฉาง แม่ฉนั เคย ใช้กอ่ นทีเ่ ราจะมีแก๊ส ฤดูรอ้ นปีนฉี้ นั จะลองลากเตาเผาไหม้ไม้และ ถ่านหินไปทีบ่ า้ น เตาหนักมาก ฉันยกไม่ขนึ้ ฉันจะแยกชิน้ ส่วน 16
น ์ ัน ินโ
เอา ฉันหยอดน�า้ มันลงในสลักแล้ว ฉันเริม่ ท�าในตอนเช้าขณะพัก จากนัน้ ฉันก็ทา� งานต่ออีก นิดหน่อย กินอาหารกลางวัน เวลานีย้ ามบ่ายแล้ว ควันผุดขึน้ มาอีกครัง้ อยูฝ่ ง่ั นีข้ องเทือกเขาเคลย์โพลแน่ ระยะประมาณครึง่ ทางระหว่างสันเขากับเนินเขาเบอร์เด็น นัน่ หมายความว่าเขา (หรือพวกเขา? หรือเธอ?) เห็นหุบเขาแล้ว และก�าลังมุง่ หน้ามาทางนี้ ฉันรู้สึกราวกับมันเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ ฉันต้อง ตัดสินใจว่าจะท�าอย่างไรต่อไป ทีแ่ ปลกก็คอื ไม่วา่ เขาจะเป็นใคร เขาเคลือ่ นตัวช้ามาก หากเขาข้ามสันเขามา ซึง่ เขาต้องท�าอยูแ่ ล้ว เขาจะเห็นหุบเขา และต้นไม้สเี ขียว เพราะสันเขาสูงกว่าเนินเขาเบอร์เด็น คุณเห็น หุบเขาได้จากตรงนัน้ ฉันรูเ้ พราะฉันเคยท�ามาแล้วหลายครัง้ เขา จึงน่าจะรีบเดินทางมาทีน่ ี่ หากเขาเดินมาทางดีนทาวน์ หรือฝัง่ ตะวันออกบนทางหลวงหมายเลข 9 เขาจะเห็นแต่ความแห้งแล้ง ตายซากอย่างทีฉ่ นั เห็นเมือ่ มองออกไป ทุกอย่างเป็นสีนา�้ ตาล และสีเทา ต้นไม้เหลือแต่กา้ น ไม่วา่ เขาจะมาจากไหน ระหว่าง ทางเขาคงไม่เห็นอะไรอย่างอืน่ อีก เขายังคงอยูร่ ะหว่างสันเขากับ เนินเขาเบอร์เด็น ระยะทางเหลือแค่แปดไมล์เท่านัน้ แต่เขาก็ยงั คงหยุดพักตัง้ แคมป์ พรุง่ นีเ้ ช้าฉันจะขึน้ ไปใกล้ยอดเขาเบอร์เด็น ปีนขึน้ ไป บนต้นไม้และจับตาดูเขา ฉันจะไม่ผา่ นไปทางถนน มีเส้นทาง 17
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
ไปได้เหมือนกัน แต่อยูใ่ นป่า สูงขึน้ ไปบนไหล่เขา ทีจ่ ริงในป่า มีหลายเส้นทาง ฉันรูจ้ กั หมด หากฉันไป ฉันจะพกปืนไรเฟิล .22 น�า้ หนักเบาไปด้วย ฉันยิงปืนนัน้ แม่น แม่นกว่าโจเซฟและ เดวิด แต่ฉนั เคยฝึกซ้อมกับขวดและกระป๋องเท่านัน้ ปืนไรเฟิล ล่ากวางกระบอกใหญ่ของพ่อแรงดีดเยอะ ฉันเคยยิง แต่ปนื ดีด ฉันกระเด้งกลับในยามทีฉ่ นั เหนีย่ วไกและท�าให้พลาดเป้า ฉันไม่ ได้คดิ จะใช้ปนื อยูแ่ ล้ว ฉันไม่ชอบปืน แค่คดิ ว่าน่าจะพกติดตัวไว้ เพราะฉันไม่รวู้ า่ อะไรจะเกิดขึน้ คืนนีฉ้ นั ต้องไปตักน�า้ มาเก็บไว้เพิม่ ในถ�า้ และปรุงอาหาร หลังจากเขามาถึงหุบเขาแล้ว ฉันไม่อาจก่อไฟได้ ตอนกลางวัน เขาจะเห็นควัน ตอนกลางคืนเขาจะเห็นเปลวไฟ เพราะไฟต้อง ก่อข้างนอก เราเคยก่อไฟในถ�า้ ครัง้ หนึง่ และต้องรีบวิง่ หนีออกมา ข้างนอกเพราะควันหนามาก คืนนีฉ้ นั จะท�าไก่ ต้มไข่ (ให้แข็ง) และท�าขนมปังแป้งข้าวโพด ฉันจะได้ไม่ตอ้ งกินแต่อาหารกระป๋อง ฉันแอบไปตักน�้าได้ที่ล�าธารในยามค�่าคืน แต่ฉันคิด ว่าเก็บตุนไว้จะปลอดภัยกว่า ฉันมีขวดหกใบ เป็นเหยือกน�้า แอปเปิล้ มีฝาปิด น�้าเป็นอีกเรื่องที่ฉันต้องตัดสินใจในยามที่ไม่มีไฟฟ้า เคยมีบ่อน�้าขุดเจาะใกล้บ้าน ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ ลึกราวหกสิบ ฟุต กับเครือ่ งสูบน�า้ ไฟฟ้า เรามีเครือ่ งท�าน�า้ ร้อนไฟฟ้า ฝักบัว อ่างอาบน�า้ แต่ของทุกอย่างใช้งานไม่ได้แล้วเมือ่ ไม่มไี ฟฟ้า ไฟฟ้า ดับไปก่อนทีค่ รอบครัวของฉันจะจากไป เราจึงต้องขนน�า้ เรา หย่อนถังลงในบ่อน�า้ ไม่ได้ ปากบ่อเล็กเกินไป เราต้องไปทีล่ า� ธาร 18
น ์ ัน ินโ
ล�าธารมีสองสาย สายหนึง่ ไหลผ่านถ�า้ ฉันเห็นได้จากตรงนี้ ไหล ลงไปทางบ้าน แต่หกั เลีย้ วไปทางซ้าย ไปในทุง่ เลีย้ งสัตว์ กลาย เป็นหนองน�า้ ...เป็นบึงเล็กๆ ใสและลึก มีปลาบรีมและปลาแบส ในนัน้ อีกสายชือ่ ล�าห้วยเบอร์เด็น (ตัง้ ชือ่ ตามครอบครัวของฉัน เหมือนภูเขา ตระกูลเบอร์เด็นเป็นครอบครัวแรกทีม่ าตัง้ รกรากใน หุบเขานี)้ ใหญ่กว่า กว้างกว่า และใกล้บา้ นกว่าด้วย ล�าธารนี้ ไหลขนานไปกับถนน ออกไปจากหุบเขา ผ่านหุบเขาลึกทางใต้ เป็นแม่นา�้ ทีเ่ ล็กมาก แต่สวยงาม หรือเคยสวยงาม เพราะล�าห้วยเบอร์เด็นอยูใ่ กล้กว่า เราจึงไปขนน�า้ ทีละ สองถังจากทีน่ นั่ กลับมาบ้าน โจเซฟกับฉันไปทีน่ นั่ ครัง้ แรกและ สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มีปลาในนัน้ ด้วย แต่ตวั ไม่ใหญ่เท่า หรือเยอะเท่าในบึง แต่ครัง้ แรกทีเ่ ราไปตักน�า้ เราเห็นปลาตาย ลอยอืดผ่านไป ฉันเจอเต่าตายริมตลิง่ ล�าธารสายนีไ้ หลออกมา จากรอยแยกของเทือกเขา เข้าไปในหุบเขา ไปทางซ้ายของเนินเขา เบอร์เด็น น�า้ มาจากข้างนอกและเป็นพิษ เรามองดูอยูน่ าน (แต่ เราก็ยงั กลับไปทีน่ นั่ ) เราไม่เห็นสิง่ มีชวี ติ ใดในนัน้ แม้แต่กบหรือ แมงด�าน�า้ เรากลัว เรา (หิว้ ถัง) วิง่ ไปทีบ่ งึ ขึน้ ไปจนถึงตรงทีม่ ี ล�าธารสายเล็กไหล ฉันไม่เคยดีใจทีไ่ ด้เห็นปลาซิวมาก่อนในชีวติ ! ปลาซิวว่ายหนีไปเหมือนเคย น�า้ ตรงนีใ้ ช้ได้ ยังคงใช้ได้ ล�าธาร สายนีไ้ หลมาจากน�า้ พุบนเขา อยูใ่ นหุบเขา น�า้ คงมาจากใต้ดนิ ฉันจับปลาในบึงมากินตลอด ปลาซิวเป็นเสบียงอาหารทีด่ ที สี่ ดุ รายการหนึ่งของฉัน ยกเว้นช่วงหน้าหนาว เพราะปลาไม่กิน 19
โรเบิร์ต ซี. โอ’ไบรอัน
เหยือ่
ฉันคิดว่าฉันจะไปที่ถ�้าในตอนเช้าทันทีที่ฟ้าสาง ฉัน ตัดสินใจแล้ว และฉันก็เริม่ กังวลเรือ่ งอะไรไม่เข้าท่า เรือ่ งหน้าตา ของฉัน การแต่งตัว ฉันคิดเรือ่ งนีใ้ นตอนเช้าในยามทีฉ่ นั ยังอยู่ บ้าน ฉันดูตวั เองในกระจก ซึง่ ฉันเลิกดูไปแล้ว สวมกางเกงยีนส์ สีนา�้ เงิน แต่เป็นกางเกงยีนส์ผชู้ าย (มีกางเกงยีนส์หลายกล่อง ในร้านค้า แต่ไม่มขี องผูห้ ญิง) กางเกงยีนส์จงึ ไม่พอดีกบั ตัวฉันนัก ค่อนข้างหลวม ฉันใส่เสือ้ ท�างานผูช้ าย เป็นผ้าฝ้ายสักหลาดอ่อน กับรองเท้าเทนนิสผูช้ าย ไม่คอ่ ยเก๋ไก๋ ทรงผมของฉันก็ไม่เก๋ไก๋... ตัดเป็นเหลีย่ มรอบคอ ฉันเคยม้วนผมทุกคืนอยูช่ ว่ งหนึง่ แบบ ทีฉ่ นั ท�าตอนไปโรงเรียน แต่มนั กินเวลา ในทีส่ ดุ ฉันก็คดิ ได้วา่ คง ไม่มใี ครเห็นนอกจากฉัน ผมฉันตรง แต่สะอาด สีซดี ไปมาก เพราะฉันอยูข่ า้ งนอกบ่อย ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ผอมแห้งกว่าแต่กอ่ น แต่ใส่เสือ้ ผ้าพวกนีแ้ ล้วก็บอกยาก แต่ทฉี่ นั สงสัยก็คอื ...ฉันควรจะใส่เดรสหรือเปล่า? สมมติ ว่าทีม่ าเป็นหน่วยกูภ้ ยั ล่ะ? ฉันก็แอบกลับไปเปลีย่ นชุดได้ ฉันมี กางเกงสแลคเหลืออยูต่ วั หนึง่ ตัวอืน่ เก่าขาดหมดแล้ว แต่ฉนั ไม่ได้ใส่เดรสมาเลยตัง้ แต่สงคราม เอาเหอะ ฉันใส่กระโปรงปีน ต้นไม้ไม่ได้อยูแ่ ล้ว แต่ฉนั ยอมใส่กางเกงสแลคก็แล้วกัน 24 พฤษภาคม เป็นผูช้ าย ผูช้ ายคนเดียว 20
น ์ ัน ินโ
เช้านีฉ้ นั ออกไปตามแผนทีว่ างไว้ ใส่กางเกงสแลค ถือ .22 มีกล้องส่องทางไกลแขวนคอ ฉันปีนต้นไม้ เห็นเขาเดินมา ตามถนน ฉันมองได้ไม่ถนัดนักว่าหน้าตาเขาเป็นอย่างไร เพราะ มีชดุ พลาสติกสีเขียวคลุมทัง้ ตัว คลุมหัวด้วย มีหน้ากากกระจก ครอบดวงตา เหมือนชุดประดาน�้าในน�้าเย็น เพียงแต่ดูบวม พองและหลวม เขามีถังอากาศบนหลังด้วย แต่ฉันบอกได้ว่า เขาเป็นผูช้ ายถึงฉันจะไม่เห็นหน้าเขา ฉันดูจากขนาดตัวและการ เคลือ่ นไหวของเขา สาเหตุที่เขามาช้าเป็นเพราะเขาลากรถลากมาด้วย ขนาดเท่าหีบใบใหญ่บนล้อจักรยานสองล้อ คลุมด้วยพลาสติก สีเขียวเหมือนชุดของเขา หนัก และเขาต้องล�าบากทีเดียวกว่า จะลากขึน้ เนินเขาเบอร์เด็นมาได้ เขาหยุดพักเป็นช่วงๆ ยังคง เหลือระยะทางอีกหนึง่ ไมล์กว่าจะถึงยอดเขา ฉันต้องตัดสินใจแล้วว่าจะท�าอย่างไร
21