HIP MAGAZINE ISSUE 153 : JULY 2017 (SECTION B)

Page 1

1

b side


2

a side


CONT EN TS J u l y

2 0 1 7

V o l. 1 3

digital contents www.hipthailand.net

N o. 1 5 3

Bike History 04 Bike Trip 06 Bike Interview 08 Bike Safe 09 Bike Special 10 Cover Story 16 Run 22 Trail 26 Journey & Amazing Dishes 30

Cover Story

Bike History

HILIGHT 04 Bike Section

Bike Special

Bike Section ฉบับนี้ว่าด้วยเรื่อง Rapha Prestige 2017 ล้วนๆ เพราะงานจั ก รยานของแบรนด์ ร ะดั บ โลกแบบนี้ ค งไม่ ไ ด้ จั ด กั น ที่ เ ชี ย งใหม่ บ ่ อ ยๆ อยากรู้ว่า บก.เปิ้ล และชาวคณะหยิบเอาแง่มุมไหนของงานนี้มาน�ำเสนอกันบ้าง เข้าไปติดตามใน 4 คอลัมน์ Bike History, Bike Trip, Bike Interview และ Bike Safe กันได้เลย

10 Bike Special หลังจากเขียนเรื่องราวการปั่นจักรยานในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มาเสนอต่อผู้อ่าน HIP ในฉบับเดือนพฤษภาคม เดือนนี้ Via Wien มีเรื่องราว การปั่นจักรยานจาก Hallstatt ไป Salzburg ที่เขาไปกับกลุ่ม Octo Cycling มาฝากกัน กับการเดินทางไกลตลอดสามวัน ที่ต้องบอกว่ามีครบทุกรสชาติจริงๆ

16 Cover Story

Trail

เพราะเชื่อว่า ‘ชาตินี้ต้องไปให้ได้ โอกาสไม่ได้มีกันบ่อยๆ’ Garn Harmo จึงหอบหิ้วจักรยานตามขบวนทีม Mekhong Challenge เดินทางไป ‘ทิเบต’ กับทริปที่โหดเอาเรื่อง เพราะต้องนั่งรถกันยาวๆ และปั่นท่ามกลางอากาศหนาว และความสูงเสียดฟ้า แต่กค็ มุ้ ค่าเพราะแลกกับการเห็นธรรมชาติอนั ตืน่ ตา และวิถชี วี ติ ของผู้คนที่น่าประทับใจ


INTRODUCTION

B I K E H I S T O R Y

เรื่อง : asidslapper ภาพ : Chz_mhOngZz

RAPHA PRESTIGE 2017 : CHIANGMAI, THAILAND

ในแวดวงนักจักรยาน หากเอ่ยชือ่ Rapha เรามักนึกถึงเสือ้ ผ้าจักรยานหรูๆ เท่ๆ ดีไซน์เฉียบๆ น้อยๆ นิง่ ๆ เรียบๆ แต่จา้ นจัดรสนิยม ทีม่ าพร้อม ภาพถ่ า ยแฟชั่ น จั ก รยานแบบวิ น เทจเกร๋ ๆ ฟ้าวเฟี้ยว เป็นลุคของนักปั่นที่มีไลฟ์สไตล์เก๋าๆ ผมเคยเปรียบแบรนด์ Rapha ว่าเป็น iPhone แห่งวงการจักรยาน ก็มันรู้สึกอย่างนี้จริงๆ นี่นา เพราะแบรนด์ นี้ ส ามารถวางตั ว อยู ่ ใ นต� ำ แหน่ ง ‘ผู ้ น� ำ ’ ได้ เ สมอ และยั ง สามารถสร้ า งเทรนด์ เป็นของตัวเอง ไม่ต้องไปตามลมตามกระแสใคร ด้วยแนวคิดทีน่ อกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์คณ ุ ภาพ ระดับพรีเมี่ยมเกรดแล้ว ยังสร้างสังคมนักปั่น ด้วยการขยายแนวคิดดังกล่าว สูก่ ารจัดกิจกรรม จักรยานไปทั่วโลกอีกต่างหาก 4

a side


Rapha Prestige จึงเกิดขึ้นตามหลายๆ ประเทศ ทัว่ ทัง้ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย ซึง่ แน่นอนประเทศไทย ของเราก็ ม กั ถู ก เลือ กให้เ ป็ น สถานที่ส ำ� หรับ จัด ทริ ป อยู่ เ สมอ โดยใน Rapha Prestige 2017 ปี น้ ีทางทีมผูจ้ ดั เจาะจงเลือก เชี ย งใหม่ บ า้ นเราเป็ น สมรภู มิท �ำ ศึ ก ตามโจทย์ท่ีว่ า ต้อ งเป็ น ทริปโหดๆ ระยะไกลๆ ไต่ระห�ำ ่ ทางพังๆ เพือ่ ให้นกั ปัน่ ทีเ่ ข้าร่วม ได้พิชิต ความทรมานบนหลัง เสือ ! ภายใต้เ งื่อ นไขที่ว่า นัก ปัน่ ต้องสมัครเป็ นทีม ทีมละ 4 คน และต้องมีนกั ปัน่ สาวอยู่ในทีมด้วย แต่ เ นื่ อ งจากมี ที ม จากทัว่ ประเทศสมัค รเข้า มาร่ ว มแข่ ง ขัน เป็ นจ�ำนวนมาก ทางผูจ้ ดั จึงจ�ำเป็ นต้องให้แต่ละทีมส่งจดหมาย แนะน�ำตัวเพื่อคัดทีมเข้าร่ วม ก่ อนจะคัดรอบสุดท้ายจนได้ทีม ทัง้ หมด 47 ทีม โดยมีเงือ่ นไขในการปัน่ แบบหฤโหดดังนี้ ทริปนี้ ไม่ใช่ การแข่งขันความเร็ว แต่ เป็ นการพิชิตเส้นทางสุ ดท้าทาย ดังนัน้ จึงต้องการให้นกั ปัน่ ในทีมดูแลกันเอง ห้ามไม่ให้มรี ถเซอร์วสิ ส่งข้าวส่งน�ำ้ หรืออุปกรณ์ซ่อมรถใดๆ คือนักปัน่ จะต้องวางแผน การปัน่ และก�ำหนดจุดแวะพักกินน�ำ้ กินข้าวกันเอง เส้นทาง Rapha Prestige 2017 : Chiangmai, Thailand เริม่ ปล่อยตัวทีบ่ ริเวณหน้าโรงแรม Vanilla Resident Chiangmai ขึ้นเหนือไปทางอ�ำเภอแม่รมิ เลี้ยวซ้ายไปทางอ�ำเภอปาย จังหวัด แม่ฮ่องสอน แลว้ เลี้ยวซ้ายอีกครัง้ ที่บา้ นป่ าแป๋ เพื่อวกไปทาง อ�ำเภอสะเมิง (เหนือ) ออกทางสะเมิง (ใต้) ไต่ปีศาจทีช่ ่อื ‘เจ็ดพับ’ ก่ อนจะลัดเลาะคลองชลประทานหางดง กลับเข้าสู่ตำ� บลสุเทพ และจบทริปทีโ่ รงแรม Vanilla Resident Chiangmai แล ้วไป งานเลี้ยงกินดืม่ ร่วมกันในตอนค�ำ ่ ระยะทางทัง้ หมด 162 กิโลเมตร ระยะไต่ระห�ำ่ รวม 2,882 เมตร (งานนี้ดอยอินทนนท์และดอยปุย พร้อมใจกันค้อนขวับ!) โดยมีขอ้ แม้ว่า จะต้องจบทริปก่อนเวลา 18:00 น. เท่านัน้ งานนี้ พ วกเราเลยจัด ทีม เฉพาะกิ จ ขึ้น เพื่อ ละเลงน่ อ ง พิชติ ทริปสุดโหดนี้โดยเฉพาะ ก่อนวันจริงหนึ่งวัน ทางผูจ้ ดั ได้นดั นักปัน่ ทัง้ หมดมารวมตัวกันเพื่ออธิบายรายละเอียดของเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยว ความปลอดภัย และข้อแนะน�ำพิเศษต่ างๆ ในการปัน่ มีการแจกแผนที่เส้นทาง Passport ส�ำหรับประทับ ตราปั ๊มทีจ่ ดุ Check Point มีบริการอัพโหลดไฟล์ GPS ให้กบั มิเตอร์จกั รยานส�ำหรับนักปัน่ และแน่นอนว่ามีหมวกกระเป๋ าทีร่ ะลึก ของงานให้ดว้ ย ทีมงานผู จ้ ดั น่ ารักเป็ นกันเองมาแนะน�ำปนยิ้ม และอารมณ์ ข นั โดยหารู ไ้ ม่ ว่ า ได้ซ่ อ นเส้น ทางที่ ไ ม่ มีว นั ลืม ให้ก บั นัก ปัน่ ทัง้ หลายไว้! 555 ผมประทับ ใจตรงที่ผู จ้ ดั งาน แนะน�ำว่าให้นกั ปัน่ ทุกคน ‘Respect People and Culture เคารพ ให้เกียรติ เกรงใจ รักษามารยาทกับคนท้องทีแ่ ละวัฒนธรรม ท้องถิน่ ’ เป็ นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทีท่ างผูจ้ ดั งานไม่มองข้าม เป็ นการปลูกฝังวิธีคิดในการไปเยือนที่ต่างๆ ที่ดมี าก ผมอยาก ขยายแนวคิดนี้ออกไป ไม่ใช่แค่กบั นักปัน่ เท่านัน้ แต่รวมไปถึง นักท่องเทีย่ วทัง้ หลายด้วยครับ ส่วนบรรยากาศทีเ่ กิดขึ้นระหว่างทริปจะเป็ นยังไง ติดตาม ได้ใน HIP Bike Section ฉบับนี้ได้เลยครับ!

5

b side


B I K E T R I P

RAPHA PRESTIGE 2017 : CHIANGMAI, THAILAND เรื่อง : Weekend Warrior ภาพ : Chz_mhOngZz

สวัสดีครับนักปั่นชาว HIP ทุกท่าน ฉบับนี้ผมรับหน้าที่มาเสนอทริปสุดจี๊ด ตามคอนเส็ปท์ของ บก. Bike Section ที่บอกว่าเล่มนี้ให้ท�ำเป็นซีรีส์ Rapha ไปเลย ถ้าอย่างนัน้ ก็ไม่ตอ้ งสาธยายท่อนอินโทรให้มากความ เพราะ บก.คงเกริน่ ไว้ให้แล้วนะครับ ว่ า แต่ ว่ า ทริ ป ปัน่ จัก รยาน Rapha Prestige แบบนี้ มัน น่ า สนใจตรงไหน? ไม่ ใ ช่ ก ารปัน่ ออกทริ ป ธรรมดาเหรอ? แต่ ร ะยะทางและความชัน สะสมทัง้ หมดค่ อ นข้า งที่จ ะโหดร้า ย อยูไ่ ม่นอ้ ยนี่นา เอาอย่างนี้ครับ ถ้าไม่ยอมแพ้ซะอย่าง คุณก็สามารถ ปัน่ จนจบได้ ความหนัก ของทริ ป จะอยู่ ใ นระดับ วัด ใจคน! ระหว่างค�ำว่าปัน่ จบกับปัน่ ไม่จบ ตัดสินกันทีจ่ ติ ใจล ้วนๆ! การจะได้ปนั ่ ใน Rapha Prestige ไม่ใช่ว่าใครอยากปัน่ ก็มาร่ วมปัน่ ได้นะครับ เพราะการปัน่ แบบนี้ตอ้ งปัน่ กันเป็ นทีม ไปด้วยกันตลอดเส้นทาง อีกทัง้ ผูท้ ส่ี นใจรายการนี้กม็ คี ่อนข้างมาก จากชื่อเสียงที่โด่งดัง ดังนัน้ มันก็เลยต้องมีการคัดเลือกว่าทีมใด จะได้ร่วมปัน่ โดยการส่งใบสมัคร บรรยายถึงความสะแด่วแห้ว ของทีมตัวเองและสมาชิกในทีมว่าเป็ นอย่างไร ส�ำหรับทีมผมแลว้ ผมอธิบายเพียงสัน้ ๆ ว่า “I Am Legend” ...ใช่แล ้วครับ ไอ แอม เลเจนด์ ฉันคือต�ำนาน แค่น้ ีก็เพียงพอที่จะบรรยายคุณลักษณะ ของทีมผมได้ทงั้ หมด ไม่ตอ้ งแต่งเรื่องราวอะไรมากมายว่าพวกเรา คือใคร เป็ นใครมาจากไหน ท�ำไมชอบปัน่ จักรยาน เรามีทศั นคติ

อย่างไร ยุ่งยากมากความ! เอาเป็ นว่าฉันนี่แหละคือต�ำนาน ถ้านาย อยากเจอฉันก็ให้ฉนั เข้าร่วมปัน่ รายการนี้ซะ แค่น้ นี ะ จบ!! 555 และแลว้ ทุกอย่างก็เป็ นไปตามแผน ทางผูจ้ ดั งานคงจะอึ้ง กับการบรรยายคุณลักษณะของทีม จึงได้คดั เลือกทีมเราเข้าร่วมปัน่ ในรายการนี้ดว้ ย ทีน้ ีก็เหลือแต่ซอ้ มเท่านัน้ ซึง่ นี่แหละทีย่ ากมาก ก็ดนั ประกาศไปซะเขือ่ งโขใหญ่โตขนาดนัน้ เดีย๋ วพลาดพลัง้ อะไร ต่อหน้าธารก�ำนัลนักปัน่ ทัวประเทศที ่ ม่ าร่วมงานแล ้วมันจะเสียหน้า เสียฟอร์ม เหล่าดราก้อนบอลทัง้ 4 ลูกจึงแยกย้ายไปตัง้ หน้าตัง้ ตา ซ้อมกันอย่างเอาเป็ นเอาตาย! เพราะกลัวจะอายกันเองด้วยแหละ! สมาชิกคนทีห่ นึ่ง... ปากดีเทีย่ วท้าต่อยท้าตีใครเขาไปทัว่ คนทีส่ อง... เคยเก่งแต่นานมาแลว้ ปัจจุบนั เดี้ยง เจ็บตลอดปี ! คนที่สาม... ซ้อมแต่วง่ิ ซ้อมแต่ว่ายน�ำ ้ ปัน่ แต่เสือภูเขา คนที่ส่.ี .. สาวแกร่ง ทีย่ า้ ยไปอยู่โคราช ไม่ค่อยได้ซอ้ มไต่เขา ปัน่ แต่ทางราบ! น่าสนุก แล ้วสิ! ก็งานนี้เต็มไปด้วยเหล่ายอดฝี มอื ทัวแคว้นซะขนาดนี ่ ้ เราจึง ตัง้ ปรัชญาประจ�ำทีมไว้ว่า... “มังกรต่างถิ่นหรือจะสู ง้ ูดินเจ้าที่!” เอาวะ! เป็ นไงเป็ นกัน! 6

a side


เส้นทางการปัน่ เริม่ ต้นจากตัวเมือง ลัดเลาะออกไปทางแม่รมิ ผ่านแม่ริมปัน่ ออกไปทางอ�ำเภอปาย ผ่านร้านกาแฟแป้ นเกล็ด ไต่เขาจนถึงป่ าแป๋ เลี้ยวซ้ายบริเวณป่ าแป๋ เข้าในหมูบ่ ้าน จะมีเส้นทาง ทีส่ ามารถทะลุออกมาอ�ำเภอสะเมิง แล ้วจากอ�ำเภอสะเมิงก็ปนั ่ กลับ ตัวเมืองเชียงใหม่ แค่น้ แี หละเส้นทาง สัน้ ๆ ง่ายๆ แต่การปัน่ จริง คงไม่งา่ ยขนาดนัน้ เพราะเส้นทางทีก่ ล่าวมา ระยะทางรวมทัง้ หมด ประมาณ 160 กิโลเมตร และความชันสะสมประมาณ 2,800 เมตร ลักษณะเส้นทางมีทงั้ ทางด�ำลาดยาง ทางคอนกรีต ทางดินในหมูบ่ ้าน ทางลูกรัง เอาเป็ นว่ามีทกุ รูปแบบให้ผจญภัยไปด้วยกันทัง้ ทีม เมื่อ ถึง วัน ปัน่ จริ ง เป็ น ครัง้ แรกที่พ วกเราเจอกัน แบบ พร้อมหน้าพร้อมตากันทัง้ ทีม ก่อนหน้านัน้ ไม่เคยแม้กระทัง่ นัดเจอ หรื อ นัด ซ้อ มด้ว ยกัน มาก่ อ นเลย นี่ สิวิถีแ ห่ ง ต�ำ นานของจริง ! ก็หวังว่าวันนี้จะไม่โดนต�ำ... นานจนเกินไปซะจนแหลกละเอียดนะ The Show Must Go On! อะไรจะเกิดก็ตอ้ งเกิด! จะกลับบ้านแบบ DNF - Did Not Finish มันไม่ใช่วถิ แี ห่งผูก้ ล ้า เอ้าลุย! ล ้อหมุน! ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์พายุได้เข้าประเทศไทย ฝนตกทัวฟ้ ่ า ข้ามวันข้ามคืน จนมาถึงวันก่อนปัน่ นี่แหละ ฝนหยุด ฟ้ าใสแจ๋ว นัน่ หมายถึงแดดทีส่ าดส่องลงมาถึงพื้นจะไม่ถกู กรองด้วยก้อนเมฆ เลยแม้แ ต่ น อ้ ย รู เ้ ลยว่ า ชะตากรรมวัน นี้ แ ผ่ น หลัง ได้ร บั แดด เต็มทีแ่ น่ๆ จังหวะนี้อยากแปลงร่างเป็ นแผงโซลาร์เซลล์เหลือเกิน! ช่วง 50 กิโลเมตรแรกจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปร้านกาแฟแป้ นเกล็ด เส้นทางยังไม่ได้ยากเท่าไหร่นกั ทางราบเรียบเสียเป็ นส่วนใหญ่ พวกเราตัดสินใจพักเติมน�ำ้ กันทีน่ ่กี ่อนไปต่อ ก็หลังจากนี้มนั จะเป็ น เส้นทางภูเขาไปจนถึงป่ าแป๋ ไม่มเี หตุผลที่จะต้องเร่งรีบมากนัก เพราะการปัน่ วันนี้ไม่ใช่การแข่งขัน แต่มนั คือการพาเพือ่ นร่วมทีม ทัง้ หมดเข้าเส้นชัยไปด้วยกัน

บางครัง้ การปัน่ จักรยาน ถ้าหากลองวิเคราะห์ดีๆ แลว้ ก็เกิดปัญญาเหมือนกัน ลองสังเกตตัวเองดู ทุกครัง้ ที่เราเครียด หรื อ เป็ น ทุ ก ข์จ ากอะไรก็ แ ล ว้ แต่ และทุ ก ครัง้ เมื่อ ได้อ อกปัน่ ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปกับเส้นทาง วิวทิวทัศน์สองข้างทาง หรือวิถีชีวติ ของผู ค้ นระหว่างเส้นทาง หรือแม้กระทัง่ การสนใจ อยู่กบั ร่างกาย การหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ และการใช้ กล า้ มเนื้ อ ส่ ว นต่ า งๆ ในการออกแรงกดลู ก บัน ไดให้จ กั รยาน เคลื่อ นที่ไ ปข้า งหน้า เราแทบไม่รู ส้ ึก ตัว เลยว่า ความทุก ข์แ ละ ความเครี ย ดต่ า งๆ ได้ห ายไปจากตัว เราเรี ย บร้อ ยแล ว้ ในการใช้ชี วิต ประจ�ำ วัน ก็ เ ช่ น กัน แน่ น อนว่ า ต้อ งได้พ บเจอ เรื่องราวต่างๆ ทัง้ ดีและไม่ดี ซึ่งส่งผลต่อความรู ส้ กึ แต่ถา้ หาก เราไม่เอาใจไปผูกไว้กบั สิง่ ทีท่ ำ� ให้เกิดความทุกข์แล ้ว เราก็สามารถ ที่จ ะดับ ความทุก ข์ท่ีเ กิ ด ขึ้น ได้โ ดยง่า ย เหมือ นกับ ความรู ส้ ึก ตอนทีป่ นั ่ จักรยานนัน่ เอง ลองน�ำไปปรับไปใช้กนั ดูนะครับ วกกลับมาเรื่องการปัน่ ต่อ เนื่องจากเส้นทางและวิวทิวทัศน์ ที่สวยงาม รวมถึงการพูดคุยระหว่างการปัน่ นัน้ ช่างเพลิดเพลิน จนแลว้ จนรอดเราพาร่างกายที่เกือบจะบอบช�ำ้ มาถึงสะเมิงจนได้ ต่อจากนี้คอื ด่านสุดท้าย ก่อนทีก่ ารปัน่ จะสิ้นสุด นัน่ คือการไต่ข้นึ จากตัว อ�ำ เภอสะเมิง ปิ ด ท้า ยด้ว ยการไต่ เ จ็ ด พับ ในต�ำ นาน แล ้วไหลกลับเข้าตัวเมืองด้วยสภาพสะบักสะบอม โชคดีท่ี บก.เรา อยู่ในช่วงฟอร์มพีคสุดๆ โชว์การขึ้นลากเดี่ยวจากอ�ำเภอหางดง กลับเข้าเส้นชัยร่วม 30 กิโลเมตร เมือ่ ถึงเส้นชัย พวกเราไม่ได้ถามว่า ได้อนั ดับเท่าไหร่ แต่กม้ ดูนาฬกิ า โอ้! 17:40 น.จบทันเวลา! ในใจ นึกเพียงแต่วา่ พวกเราใช้ชวี ติ ร่วมกันเกือบ 10 ชัว่ โมง โดยใช้พาหนะ แบบเดียวกัน นัน่ คือจักรยาน กับระยะทางกว่า 160 กิโลเมตร และเส้นทางที่ปนั ่ ฟันฝ่ าร่วมกันมา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ค�ำด่า หยาบคาย 555 ความห่วงใย และการดูแลกันตลอดทาง นี่แหละ คือชัยชนะ การปัน่ จบเส้นทางนี้เราไม่ได้ยินดียินร้ายเท่าใดนัก ขอเพียงแค่เบียร์เย็นๆ และพูดคุยกันเบาๆ แค่น้ กี ม็ คี วามสุขแล ้ว ขอบคุ ณ เพื่ อ นร่ ว มที ม ทุ ก คนที่ บ า้ บิ่ น พอจะมาร่ ว ม สร้างต�ำนาน (ทรมานในวันหยุด) กัน ขอบคุณตากลอ้ งทีต่ ดิ ตาม ถ่ า ยรู ป ให้ก บั พวกเรา ขอบคุ ณ ทีม ดริ ป กาแฟที่ต ามมาเสิร ์ฟ กาแฟเด็ดๆ ระหว่างทาง (นีไ่ ม่ใช่รถเซอร์วสิ นะครับ ถือว่าเป็ นชาวบ้าน ที่มาขุดหาของป่ าแถวนัน้ ! 555) และที่ข าดไม่ ไ ด้คื อ ทีม งาน ผูจ้ ดั งานทุกคนครับ * ส�ำหรับนักปั่นชาว HIP ที่ต้องการปั่นเส้นทางที่เราเซิ้งกันมานั้น ท่านสามารถเข้าไปค้นหาที่ STRAVA พิมพ์ค�ำว่า Rapha Prestige 2017 : Chiangmai Thailand แล้วบันทึก Route ลงในมิเตอร์ ของท่าน และขออวยพรให้มีความสุขแบบพวกเรานะครับ!!! 555

เส้นทางหลังจากป่ าแป๋ นบั ว่าเป็ นเส้นทางทีท่ า้ ทายอย่างมาก ประกอบด้วยเส้นทางขึ้นสูงชัน ทางลงทีอ่ นั ตราย และทางดินขรุขระ ทีด่ ูดว้ ยสายตาแล ้วจักรยานเสือหมอบไม่น่าจะผ่านไปได้ แต่ถา้ หาก ลองไปปัน่ จริงๆ ก็จะสามารถปัน่ ผ่านไปได้ไม่ยากเย็นนัก เพียงแต่ ต้องอาศัยความแข็งแกร่ งของร่ างกาย ทักษะในการควบคุมรถ และสภาพจิตใจทีไ่ ม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ระยะทางจากป่ าแป๋ จนถึง สะเมิงประมาณ 60 กิโลเมตร แต่พวกเราใช้เวลากันสามชัว่ โมงกว่าๆ แสดงให้เห็นว่าเป็ นเส้นทางทีไ่ ม่งา่ ยเลย มีบางครัง้ ทีบ่ น่ กับตัวเองว่า เรามาท�ำอะไรที่น่ี ร้อน ทรมาน เหนื่อย มากันครบทุกอารมณ์ แต่ เมื่อหันไปมองเพื่อนที่ร่วมปัน่ ด้วยกัน มีรอยยิ้มกลับมาให้ ท�ำให้ลมื ความรูส้ กึ เมือ่ สักครู่ไปได้ 7

b side


B I K E I N T E R V I E W

AOM NIPAPORN เรื่อง : asidslapper / Aom Nipaporn ภาพ : Chz_mhOngZz / Chiangchon Tor Luangon

จากที่ Rapha ก� ำ หนดให้ ใ นที ม เราจะต้ อ งมี ผู ้ ห ญิ ง ร่ ว มก๊ ว นอยู ่ ด ้ ว ย ผมก็ เ ลยถื อ โอกาสนี้ ขอสั ม ภาษณ์ ห ญิ ง สาวของที ม เราเลยก็ แ ล้ ว กั น เพราะเธอผู้นี้ขึ้นชื่อได้ว่าพิชิต Rapha Prestige 2017 ส�ำเร็จแล้ว! ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่ๆ

ปัน่ จักรยานมันช่วยเสริมอาชีพหมอฟันมัย้ ? “เหมือนมันช่วย ให้เรานิ่งขึ้นนะพี่ ตอนที่ทำ� ฟันมันจะต้องเพ่งสมาธิอยู่นานมากๆ พอได้ออกทริปไกลๆ มันก็ได้ฝึกให้เราได้จดจ่ออยู่กบั อะไรนานๆ ช่วยเรื่องสมาธิได้เยอะเลย” เสาร์ - อาทิตย์ทำ� ไมไม่ออกไปท�ำคลินิกหารายได้เพิ่ม? มาปัน่ จักรยานท�ำไม? “ไม่เอานะพี่! ได้เงินแต่ ไม่มคี วามสุขน่ ะ เงิน ไม่ ใ ช่ ค� ำ ตอบทั้ง หมด อ้อ มเต็ ม ที่ ก ับ งานแล ว้ ตั้ง ห้า วัน เสาร์ - อาทิตย์ขอไปออกทริปจักรยาน ได้สงั คม ได้เพือ่ น ได้สขุ ภาพ และได้ใช้ชวี ติ ถ้ามีสุขภาพทีด่ แี ลว้ ก็จะได้อยู่ทำ� งานทีร่ กั ไปนานๆ อ้อมมีแผนว่าจะปัน่ จักรยานไปจนแก่เลยค่า 555”

8

a side

RAPHA PRESTIGE 2017

: CHIANGMAI, THAILAND

‘หมออ้อม’ ทันตแพทย์สาวโรงพยาบาลวังน�ำ้ เขียวโคราช เรียนจบจากคณะทันตแพทย์ มช.เรานี่เอง “เริ่มปัน่ จักรยานเพราะ เห็นเพือ่ นๆ ปัน่ จักรยานแล ้วดูน่าสนุก ก็เลยลอง ปรากฏว่าติดใจ” ท�ำไมถึงชอบจักรยาน? “อ้อมชอบความเร็ว และรูส้ กึ ว่ามันท้าทายดี ถึงตอนนี้ก็ปนั ่ มาประมาณสีป่ ี แลว้ แต่เพิง่ ซ้อมจริงจังได้ประมาณ ปี เดียวนี่แหละค่ะ” ทีว่ า่ ซ้อมจริงจังคือ? “ก็ปนั ่ สัปดาห์ละ 3 - 4 วัน และช่วงสุดสัปดาห์กจ็ ะออกทริปทีเ่ กิน 100 กิโลเมตร ร่วมกับทีม ‘เส็งสังแซง’ ่ กลุม่ ขาแรงของโคราช กับเริม่ ตระเวณออกแข่งตามงาน ทีจ่ ดั แถวๆ ละแวกนัน้ น่ะค่ะ” โดยถ้วยรางวัลใหญ่ทเ่ี ธอเคยได้กค็ อื รองชนะเลิศ ‘ปัน่ ข้ามเกิ้งเบิง่ กระธู ป’ จังหวัดชัยภูมิ และอันดับที่ 4 งานแข่งขึ้นดอยสุเทพทีเ่ ชียงใหม่ “อ้อมรู จ้ กั Rapha Prestige เพราะปี ท่แี ลว้ เขาไปจัดที่ เขาใหญ่ - โคราช เส้นทางโหดมาก” ตอนนัน้ คิดยังไง? อยากลอง ไปปัน่ มัย้ ? “ไม่มที างค่ะ! มันบ้ามาก! อย่างกับทะเลทรายร้อนๆ ทางก็สมบุกสมบัน ปล่อยตัวแต่เช้ามืดเข้าเส้นชัยกันเกือบทุ่ม!” อ้าว! แล ้วอีท่าไหนถึงมางานนี้ได้ละ่ ? “พอพีเ่ อจโทรมาชวนเข้าทีม ตอนแรกก็ลงั เล แต่พอได้ยนิ ว่ามาเชียงใหม่ก็ตกลงเลย รับปาก ตัง้ แต่ยงั ไม่รูเ้ ส้นทางเลยพี่ มารู เ้ ส้นทางทีหลังว่าปัน่ ไปไกลมาก ไต่เยอะมาก เห็นกราฟดอยแลว้ ตกใจเลย แต่ตอบตกลงไปแลว้ เดีย๋ วหน้าแตก 555” ซ้อมมาแบบไหน? “ฝนตกหนักตลอดเลยพี่ อ้อมท�ำได้แค่ปนั ่ เครือ่ งจักรยานในห้องกายภาพบ�ำบัดทีโ่ รงพยาบาล แต่อาศัยว่ามีบญ ุ เก่าสะสมอยู่บา้ ง 555 ตอนแรกก็รูส้ กึ เกร็งๆ นะ ไม่เคยปัน่ ไกลขนาดนี้ สถิตทิ เ่ี คยท�ำได้คอื 130 กิโลเมตร แต่พอ เจอพีๆ่ ในทีมทีช่ ลิ ล์มากๆ ปัน่ เล่นพูดคุย แวะพักและรอกันไปเรือ่ ยๆ ก็สบายใจ มีแขวะมีอำ� กันตลอดทาง” จุดโหดทีส่ ดุ ของเส้นทางนี้คอื ? “จากสะเมิงไต่ข้นึ ไปทีป่ ้ อมต�ำรวจไงพี!่ แดดอย่างร้อน เนินมันก็ซมึ ขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนัน้ คิดถอดใจแลว้ พอดีขา้ งทางมีรางส่งน�ำ้ อยู่ พีเ่ อจก็เลยแนะน�ำว่าให้ลงแช่นำ �้ ก็เลยลง เลยฟื้ น! ลุยต่อได้ 555” กลับไปถึงโคราชแล ้วเพือ่ นในกลุม่ ว่าไงกันบ้าง? “โห ได้ฉายาใหม่ ว่าหมออ้อมราฟาเลยพี่ 555 ต้องขอบคุณพีๆ่ ในทีมเส็งสัง่ แซง ทีใ่ ห้คำ� ปรึกษาตัง้ แต่เตรียมตัว และให้ยมื ล ้ออลูมเิ นียมมาใช้ดว้ ย” หลังจากจบทริปหฤโหดนี้แลว้ ชีวติ เปลี่ยนมัย้ ? “รู ส้ ึกว่า ปลดล็อคเลยค่ะ กล ้ามากขึ้น ไม่กลัวระยะทางไกลๆ อีกแล ้ว ตอนนี้ ก็ซ ้อมเตรียมไปงาน Audax 200 ต่อเลย” แหม... ขาโหด “ไม่เลยพี่ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็ นขาโหด แต่มนั มีความท้าทายเข้ามาเรื่อยๆ ก้าวข้ามความกลัวไปเรื่อยๆ แลว้ ก็ทำ� เท่าที่รูส้ ึกสนุ กไปเรื่อยๆ” เพือ่ นร่วมงานรูม้ ยั้ ว่าอ้อมไปสร้างวีรกรรมอะไรมา? “มีแต่คนทักว่า ด�ำก่อนเลยพี!่ เมือ่ ก่อนเพือ่ นไม่ค่อยเก็ต แต่เดีย๋ วนี้เริ่มเข้าใจแล ้ว เริ่มมีคนมาปรึกษาเรื่องจักรยานแล ้ว 555”


B I K E S A F E

RAPHA PRESTIGE 2017 : CHIANGMAI, THAILAND

WARM UP / COOL DOWN เรื่อง : เอ๋หนวด ภาพ : Chz_mhOngZz และ Chiangchon Tor Luangon

แหม่! ผมก�ำลังติดลมกับการเขียนเรื่องเกี่ยวกับการพักทั้งร่างกาย และสมอง ซึ่งเป็นภาคต่อจากการพักจากการออกลังกายหนักๆ มา จะว่าไป เรื่ อ งพั ก นี่ เรี ย กว่า ผมเชี่ยวชาญที่สุด ก็ว่า ได้ แต่แ ล้วอยู่ๆ ก็มีค�ำสั่ง ทางโทรศัพท์จากกัปตันทีมว่าให้ไปร่วมลงแข่งงาน Rapha Prestige Chiangmai พร้อมกันกับที่ บก. Bike Section สั่งมาว่าให้เขียนเรื่อง การเตรียมตัวส�ำหรับการลงแข่งด้วย ใจนี่ตอบรับทันทีที่ชวนเลย แต่ปาก ก็บอกว่าดูกอ่ น เล่นตัวซะหน่อย จะปฏิเสธก็กระไรอยู่ นานๆ แบรนด์เสือ้ ผ้า จักรยานระดับโลกจะมาจัดงานทีเ่ ชียงใหม่ซกั ที งานนีแ้ ข่งเป็นทีม ทีมละ 4 คน และมีเงื่อนไขเดียวคือในทีมต้องมีนักปั่นหญิงหนึ่งคน ซึ่งก็ได้ น้องอ้อม หมอฟันสุดน่ารัก ที่ยอมขับรถขึ้นมาจากโคราชเพื่องานนี้โดยเฉพาะ พอตกลงว่าจะลงแข่งและได้สมาชิกทีมครบสีค่ นแล ้ว มีเวลา เหลือส�ำหรับเตรียมตัว 5 สัปดาห์ การปัน่ ระยะทาง 160 กิโลเมตร ระดับการไต่ 2,800 เมตร ในสภาพอากาศแบบเชียงใหม่ ก็ตอ้ ง เตรียมตัวเตรียมใจเหนื่อยก่ อนเลย ต้องคิดถึงการปรับเปลีย่ น อุปกรณ์ และแน่ นอนต้องออกปัน่ โดยเพิ่มระยะทางและเวลา ในการกินอยู่หลับนอนอยู่บนอานจักรยานให้มากขึ้น ทัง้ หมดนี้ ไม่ใช่ วนั รุ่งขึ้นก็ออกปัน่ ร้อยโลเลยนะครับ ใจเย็นๆ แต่ ละคน จะมีวธิ กี ารไม่ค่อยเหมือนกัน ซึง่ ในทีน่ ้ ผี มเอาทีต่ วั ผมเองเตรียมตัว มาเล่าให้ฟงั นะครับ ก่อนอืน่ ก็ตอ้ งท�ำการบ้านกันก่อนสิครับ วิเคราะห์เส้นทาง เดาว่าผู จ้ ดั น่ าจะใช้เส้นไหน โดยเดาจากระยะทางและระยะไต่ (งานนี้เขาจะบอกเส้นทางก่อนแข่งวันเดียว) เพิม่ Endurance คือเพิม่ ระยะทางปัน่ ในวันทีอ่ อกปัน่ ยาวๆ ซึง่ ของผมเป็ นวันเสาร์ ก่อนหน้านี้ทกุ วันเสาร์ผมออกปัน่ ประมาณ สามชัว่ โมงบ้าง ห้าชัว่ โมงบ้าง แต่เป็ นทางเรียบล ้วนๆ ไม่มดี อยหรือ เนินปนเลย ก็เลยวางแผนว่า 5 สัปดาห์จากนี้ตอ้ งปัน่ ทางทีม่ ดี อย หรือเนินด้วย เริม่ ด้วยทริปสิบแม่ : เส้นแม่โจ้ – แม่หอพระ – แม่งดั – แม่แตง – เชียงใหม่ พักขาด้วยทริปทางเรียบ 120 กิโลเมตร ตามมาด้วยสะเมิง XL : แม่รมิ – แม่ขิ – สะเมิงเหนือ – สะเมิงใต้ – หางดง – เชียงใหม่ เบรกด้วยทริปทางเรียบ 100 กิโลเมตร งานถนัด ปิ ดท้ายด้วยสะเมิงคลาสสิค : แม่รมิ – โป่ งแยง – ศาลา แปดเหลีย่ ม – ยอดเจ็ดพับ – หางดง – เชียงใหม่ 9

b side

เพิ่ม Strength กลางสัป ดาห์จ ะเพิ่ม ความแข็ง แรง ของกล ้ามเนื้อ ด้วยการปัน่ ขึ้นดอยสุเทพ ใช้รอบขาต�ำ่ ๆ ประมาณ 60 - 70 รอบ โดยแบ่งเป็ นเซ็ต เซ็ตละ 5 นาที ปัน่ 5 เซ็ต Tempo Rides ระหว่ า งสัป ดาห์ผ มจะปัน่ ทางเรี ย บ ประมาณสองชัว่ โมง โดยจะมีการปัน่ ให้หวั ใจอยู่โซน 3 ต่อโซน 4 เป็ นเวลา 45 นาที ผมแบ่งเป็ น 15 นาที 3 เซ็ต ฝึ กกิน ด้วยระยะแข่งขันกว่า 160 กิโลเมตร ซึง่ น่าจะใช้เวลา 7 - 8 ชัว่ โมง คงต้องมีหวิ กันอย่างแรง ในวันเสาร์ทอ่ี อกปัน่ ยาว ก็เตรียมของกินติดตัวไปด้วย เปรียบเหมือนการทดสอบอาหาร ไปในตัว ปกติผมจะพกของกินไปในวันทีอ่ อกปัน่ ยาวๆ อยู่แลว้ ตามคติท่ีว่า ‘เหลือ ดีก ว่า ขาด’ ซึ่ง ในวัน แข่ง ก็ เ ตรีย มของกิน ไปเหมือ นกับ วัน ซ้อ ม และวางแผนแวะตามร้า นขายของช�ำ ระหว่างทางด้วย คื น ก่ อ นวัน แข่ ง ก็ เ ตรี ย มตัว เข้า นอนให้เ ร็ ว กว่ า ปกติ งดกิ น กาแฟหลัง เที่ ย ง ระหว่ า งวัน กิ น เต็ ม ที่ เอารถไปเช็ ค เปลีย่ นยางใน จัดเตรียมยางอะไหล่ CO2 เติมน�ำ ้ 2 กระติกจัดเต็ม จัดของกินทีจ่ ะพกไปด้วย ท�ำตัวให้เหมือนวันปกติมากทีส่ ุด ส่ ว นเช้า วัน แข่ ง ไม่ พ ร้อ มก็ ต อ้ งพร้อ มแล ว้ ล่ ะ ครับ ! เตรียมใจให้พร้อมที่จะเผชิญทุกเหตุการณ์ ไปกันเป็ นทีม อะไร จะเกิดก็ตอ้ งเกิดครับ ท่องไว้เลยครับก่ อนออกบ้าน “ไม่มใี คร พร้อม 100% จงสนุกกับทุกเหตุการณ์!” จบทริปสุดทรมานปุ๊ บก็ลงแช่อ่างน�ำ้ แข็งทันทีครับ!


B I K E S P E C I A L

01

HALLSTATT SALZBURG เส้นทางจักรยานในฝัน เรื่อง / ภาพ : VIA WIEN

ทันทีที่ได้รับข้อความเชิญชวนจากพี่เล็ก Octo Cycling ว่าจะพาชาวคณะนักปั่นไทยมาปั่นจักรยานท่องเที่ยว ที่ฮัลสตัทท์ (Hallstatt) ประเทศออสเตรีย แล้วจะปั่นเดินทางไปจนถึงเมืองมิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมัน ความรู้สึกดีใจตื่นเต้นก็บังเกิดขึ้น เราเองตั้งแต่มาอยู่ที่ออสเตรียก็ยังไม่มีโอกาสปั่นจักรยานทางไกลไปไหนเลย เห็นแต่ ภาพชาวยุโรปที่นิยมปั่นจักรยานท่องเที่ยวกันเยอะแยะมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับช่วงหน้าร้อนแล้ว จะเป็น ช่วงเวลาที่กีฬากลางแจ้งทั้งหลาย โดยเฉพาะจักรยานจะได้รับความนิยมมากๆ อยากเห็นว่าเส้นทางจักรยานท่องเที่ยว ด้วยจักรยานข้ามเมืองต่างๆ จะน่าสนุก ปลอดภัย และสวยงามแค่ไหน ดังทีเ่ คยได้ยนิ คนบอกกล่าวและภาพสวยสดต่างๆ ว่าแล ้วก็จดั แจงวางแผนการเดินทาง ตระเตรียมรถคู่ใจ และจัดหา กระเป๋ าติดรถทีเ่ หมาะสมส�ำหรับการเดินทางไกลครัง้ นี้ แต่เนื่องด้วยเวลา ทีม่ ไี ม่มากนัก การขอร่วมเดินทางครัง้ นี้ของผมจึงไปได้แค่ 3 วัน 3 คืน แค่จากฮัลสตัทท์ (Hallstatt) ไปจนถึงซัลบวร์ก (Salzburg) คิดว่า เริ่มต้นแค่น้ กี น็ ่าจะสนุกพอได้แล ้ว เริ่มทีว่ างแผนการเดินทางขนส่งจักรยานและสัมภาระเพือ่ ไปยัง เมืองฮัลสตัทท์ ทีน่ ่สี ามารถเดินทางด้วยทางรถยนต์หรือทางรถไฟเท่านัน้ เลยลองเลือกทางรถไฟดู เพราะเห็นว่าการเดินทางด้วยรถไฟของทีน่ ่นี นั้ แสนสะดวกสบาย มีบริการขนส่งรถจักรยานให้ดว้ ย ไม่ว่าจะเดินทาง ในเมืองหรือเดินทางไกล ทางการรถไฟทีน่ ่ีจะคอยอ�ำนวยความสะดวก ด้านพื้นทีจ่ อดเก็บจักรยานอย่างดีทเี ดียว การจองตัวรถไฟออนไลน์ ๋ ทน่ี ่ี

ต้องส�ำรองทัง้ ทีน่ งั ่ ของเรา แล ้วก็ตอ้ งส�ำรองค่าระวางทีจ่ อดจักรยานด้วย สะดวกและง่ายมาก 15 นาทีกเ็ สร็จเรียบร้อยทัง้ ตัวขาไปและขากลั ๋ บ จากนั้น ก็ จ ดั การเตรี ย มข้า วของเครื่ อ งใช้ท่ีจ ะต้อ งใส่ ล งไป ในกระเป๋ าสัมภาระติดรถจักรยานทีม่ เี พียงแค่ 1 ใบเท่านัน้ เพราะกับการ เดินทางแค่ 3 วัน 3 คืน กระเป๋ าเพียงเท่านี้กน็ ่าจะเพียงพอ ส่วนการ เตรียมรถจักรยานส�ำหรับการขับขี่ ส�ำหรับที่น่ีเราจะต้องมีอุปกรณ์ ด้านความปลอดภัยอย่างครบถ้วนทัง้ ไฟส่องสว่างทัง้ หน้าและหลัง กระดิง่ สองอย่างแรกนี้เป็ นไปตามกฎจราจรของในยุโรปด้วย นอกนัน้ ก็จะเป็ นเครื่องมือซ่อมรถ ชุดเปลีย่ นยาง และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส�ำหรับเหตุฉุกเฉินทีอ่ าจเกิดขึ้นได้ ทีเ่ หลือจากนี้ก็พร้อมรอวันเดินทาง ทีใ่ กล ้จะมาถึงเท่านัน้ 10

a side

04


วันแรก Vienna - Hallstatt การเดินทางวันแรก เริ่มความบันเทิงทีส่ ถานีรถไฟเมืองเวียนนา ทัง้ คน จักรยาน และสัมภาระ ก็รวมเป็ นร่างเดียวกันตัง้ แต่ปนั ่ จักรยาน ออกจากบ้านไปยังสถานีรถไฟ นับจากนี้เราทัง้ สามจะไม่ห่างจากกัน แลว้ ก็มาถึงสถานีก่อนก�ำหนดเวลาขบวนรถไฟออกอย่างสะดวกโยธิน การเดินทางด้วยรถไฟวันนี้จะต้องต่อสองขบวนด้วยกัน เพราะฉะนัน้ การเตรียมของและรถจะต้องคล่องตัวในการขนยกขึ้นลงรถไฟทัง้ สอง ขบวน และแลว้ ขบวนรถไฟก็เข้าจอดเทียบชานชาลา เราเองก็มานัง่ รอ พร้อมรถจักรยานได้ 15 นาทีแล ้ว จากในตัวออนไลน์ ๋ จะแจ้งเลขทีน่ งั ่ และ เลขตู ข้ องผู โ้ ดยสาร กับ เลขราวแขวนจัก รยานและเลขตู ท้ ่ีจ ะฝาก รถจักรยาน ทุกอย่างดูตามเอกสารแล ้วก็บริการตัวเอง เอารถจักรยาน ขึ้นไปฝากแขวนตามเลขทีน่ นั้ จัดแจงล็อครถกับราวแขวนให้เรียบร้อย แล ้วค่อยเดินหาทีน่ งั ่ ทีใ่ กล ้รถตัวเองได้ พร้อมออกเดินทางกันได้แล ้ว นัง่ รถไฟผ่านมาได้ 7 สถานี ผู ้คนผลัดกันขึ้นลงทุกสถานี แต่ทน่ี งั ่ ภายในไม่มคี วามแน่นแออัดแต่อย่างใด เรายังคงนัง่ อย่างสบายและแสน จะเงียบสงบตลอดทางที่ผ่านมา ตรวจดูในตัวรถไฟ ๋ เมือ่ ต้องลงแลว้ เราจะต้องเปลีย่ นชานชาลาภายในเวลา 11 นาที ถ้ารถไฟมาถึงตรงเวลา ท�ำให้มคี วามพะวงอยู่เล็กน้อย เมื่อจอแสดงเวลาการเดินทางแจ้งว่า จะถึงช้ากว่าก�ำหนด 2 นาที อีกหนึ่งสถานีเราก็ตอ้ งลงเพือ่ ไปต่อรถไฟ อีกขบวนหนึ่งแล ้ว ทางรถไฟแจ้งว่ารถจะเข้าจอดทีช่ านชาลาหมายเลข 4 และรถขบวนทีจ่ ะต่อไปอีกจะมาถึงตรงเวลา ณ ชานชาลาหมายเลข 5 ท�ำให้เราคลายความกังวล เนื่องจากชานชาลาอยู่ตดิ กันเลย ว่าแล ้วก็ลกุ ไปเตรียมรถจักรยาน เอาลงจากทีแ่ ขวน ใส่กระเป๋ าสัมภาระ พร้อมรอลง ในสถานีถดั ไป เราลงจากรถได้แป๊ ปเดียว รถไฟขบวนถัดไปก็เข้ามาถึง ตรงเวลาเป๊ ะ จัดแจงพร้อมยืนรอตรงจุดขึ้นตูด้ า้ นหน้าของขบวน ซึง่ เป็ น ตูส้ ำ� หรับระวางรถจักรยานโดยเฉพาะ รถไฟทุกขบวนที่น่ีจะเตรียม ตูร้ ะวางส�ำหรับรถเข็นและรถจักรยานไว้ทต่ี ูข้ บวนแรกเสมอ ไม่วา่ จะเป็ น รถไฟชนิดวิง่ ในเมืองหรือวิง่ ระหว่างเมืองสายหลักและสายรอง ซึง่ ขบวน ทีก่ ำ� ลังจะขึ้นนี้จะเป็ นรถไฟสายชนบททีว่ ง่ิ ระหว่างเมืองย่อยต่างๆ เมือ่ ขึ้นมาแล ้วก็เช่นเดิม แขวนจักรยาน เก็บสัมภาระ และจัดหา ทีน่ งั ่ ตามสะดวก ช่วงนี้จะเป็ นเส้นทางเข้าสู่ช่วงภูเขาและแหล่งท่องเทีย่ ว ลัดเลาะไปตามขุนเขาสวยงามเกือบตลอดเส้นทาง

02

03 01 เริื่มการเดินทางที่สถานีรถไฟเมืองเวียนนา 02 รถไฟขบวนแรก จักรยานแขวนเข้าที่ตามหมายเลขที่ส�ำรองมา พร้อมจัดแจงหาที่นั่งใกล้รถได้ตามสะดวก 03 รถไฟขบวนที่สอง เป็นรถไฟวิ่งในท้องถิ่น แขวนจักรยานแล้วเลือกที่นั่งได้อิสระ 04 ถึงแล้วสถานีรถไฟ Hallstatt 05 ปั่นเล่นๆ เบาๆ จากที่พักเข้าไปชมเมือง Hallstatt 06 ภาพบรรยากาศทั่วไปในเมือง Hallstatt

05

06 11

b side


และแลว้ ก็มาถึงสถานีปลายทางของเรา สถานีอยู่แนบอิงเชิงเขา แวดล อ้ มด้ว ยชุม ชนขนาดเล็ก อยู่ ฝ ัง่ ตรงข้า มกับ เมือ ง Hallstatt ที่ปจั จุบนั ได้ปรับปรุงบ้านและอาคารต่างๆ ให้กลายเป็ นโรงแรมที่พกั ขนาดย่อมไปแล ้ว โรงแรมทีเ่ ราจะพักในคืนแรกนี้กห็ ่างจากสถานีรถไฟ แค่เดินในเวลา 10 นาที แทบจะไม่ตอ้ งปัน่ จักรยานกันเลย ตอนทีม่ าถึง ชาวคณะคนไทย Octo Cycling ก็นงั ่ รถบัสเดินทางจากเมืองมิวนิค มาถึงก่อนเราเรียบร้อยแลว้ เข้าโรงแรมเช็คอินได้ไม่เท่าไหร่ ก็รบี คว้า รถจักรยานออกปัน่ ไปสมทบกับชาวคณะทีเ่ ขาออกปัน่ ท่องเทีย่ วในเมือง Hallstatt กันก่อนหน้านี้แลว้ ระยะทางเพียง 5 กิโลเมตรจากที่พกั บวกกับสายฝนโปรยปราย ใช้เวลาไม่นานนักผมก็ตามมาพบกับพีเ่ ล็ก ผูน้ ำ� ท่องเทีย่ วของ Octo Cycling และชาวคณะทัง้ หมดทีจ่ อดถ่ายรูป รอเราอยู่ท่รี ิมทะเลสาบ Hallstatter See เรียบร้อย ภาพวิวที่เห็น ตรงเบื้องหน้าท�ำให้ผมตะลึงกับความสวยงามที่สมกับการเป็ นเมือง มรดกโลกจริงๆ ยังไม่ทนั จะถ่ายรูปให้เต็มที่ ชาวคณะก็ชวนกันปัน่ เข้าไป เที่ยวในตัวเมือง Hallstatt ที่เป็ นชุมชนริมน�ำ้ เล็กๆ ความน่ าสนใจ ของเมืองนี้คอื การทีเ่ ขาอนุรกั ษ์สภาพอาคารบ้านเรือนให้คงเดิม ถึงแม้วา่ จ�ำนวนนักท่องเทีย่ วจะมีเพิม่ ขึ้นในทุกๆ ปี กต็ าม ดังทีเ่ ราได้เห็นรูปภาพ สวยงามต่างๆ ตามหน้าเว็ปไซต์ และสังคมโซเชียลทีค่ นไทยก็นิยมมา เทีย่ วทีน่ ่แี ล ้วเช่นกัน นับเป็ นการปัน่ เทีย่ วชมเมืองภายในเวลาสัน้ ๆ กับภาพเบื้องหน้า และเบื้องข้างทางปัน่ ที่แสนยิ่งใหญ่จริงๆ กลับเข้าห้องพักเตรียมตัว ส�ำหรับการปัน่ ทางไกลในวันทีส่ องกันต่อไป 07 Hallstatter See ดินแดนมรดกโลก 08 ขี่ผ่านวิวนี้ต้องหยุดกันทันที ชักภาพกันสนุกสนาน 09 เส้นทางลัดเลาะลอยเหนือทะเลสาบบนสะพานเหล็กที่เกาะเชิงเขา 10 Kaiservilla พระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์ Franz Joseph 11 Wolfgangsee ลงเรือโดยสารเดินทางจากทางใต้ของทะเลสาบขึ้นไปยังปลายทางตอนเหนือ 12 ถึงแล้วปลายทางของวันที่สองนี้ St.Gilgen

07

08 12

a side


วันที่สอง Hallstatt – St.Gilgen รุ่งเช้าของการออกเดินทางปัน่ จักรยานกลุ่มทัวร์ เราเริ่มจาก Hallstatt ไปยัง St.Gilgen ระยะทางประมาณ 48 กิโ ลเมตร บนเส้นทางจักรยานสาย R2 เรานัดกันออกตัวล ้อหมุนตอนแปดโมงครึ่ง แดดอ่ อ นปนกับ เมฆมาก คาดว่า ระหว่า งทางวัน นี้ น่ า จะเจอกับ ฝน โปรยปรายบ้าง เส้นทางช่วงแรกจะเป็ นถนนเส้นเล็กลัดเลาะไปตาม ริมทะเลสาบ Hallstatter See มุ่งหน้าขึ้นทางทิศเหนือ ทางบางช่วง ต้องปัน่ บนสะพานโครงเหล็กทีเ่ กาะอยู่บนไหล่เขาเหนือผิวน�ำ้ ทะเลสาบ แบบว่ า ปัน่ ไปถ่ า ยรู ป ไปกัน อย่ า งสนุ ก สนาน วิว และบรรยากาศที่ Hallstatt นี้สวยสุดเยี่ยมยอดมากเลยทีเดียว หมดจากวิวทะเลสาบ ก็เข้ามาปัน่ ลัดเลาะในหมูบ่ า้ นชนบท ขนานแม่นำ �้ Traun ไปตลอดทาง จนมาพักทานอาหารกลางวันทีเ่ มือง Bad Ischl เมืองนี้ในประวัตศิ าสตร์ เป็ นทีพ่ กั ตากอากาศของกษัตริย ์ Franz Joseph หลังมื้อกลางวันแล ้ว เราจะได้เข้าเทีย่ วชมพระราชวังตากอากาศนี้กนั ด้วย

11

12

Kaiservilla แห่งนี้เป็ นพระราชวังฤดูรอ้ น กษัตริยโ์ ยเซฟ ทรงมาประทับที่น่ีสำ� หรับพักผ่อนตากอากาศ และการล่าสัตว์ ซึ่งเป็ นกีฬาที่โปรดปรานเป็ นที่สุด จากเรื่องบอกเล่ากล่าวกันว่า พระมหากษัตริยร์ ชั กาลที่ 5 ของไทยเราก็ทรงเคยมาประทับทีน่ ่ดี ว้ ย ออกเดินทางกันต่อกับอีกครึ่งทางของวันนี้ เส้นทางช่วงนี้ จะลัดเลาะไปตามแม่นำ �้ Ischl ผ่านทุ่งหญ้า เนินเขา และหมูบ่ า้ น ไปเรื่อยๆ จากที่คาดว่าฝนจะตก มีเมฆมาก แต่ฝนกลับไม่ตก ลงมาเลย ท�ำให้การเดินทางในวันนี้แทบจะไม่สมั ผัสแสงแดดเลย ลมเย็นๆ มีมาปะทะตามทางให้หนาวเย็นได้บา้ ง ก่อนจะถึงทีห่ มาย วันนี้ เราจะต้องผ่านทะเลสาบใหญ่อกี หนึ่งแห่งคือ Wolfgangsee เราตัด สิน ใจจะหยุ ด การเดิน ทางด้ว ยจัก รยานกัน ที่เ มือ งท่ า นี้ ด้วยความที่อยากสัมผัสวิวกลางทะเลสาบอย่างใกลช้ ิด เราจึง เอาจักรยานของเราทัง้ หมดลงเรือโดยสาร ล่องไปกลางทะเลสาบ มุ่งหน้าสู่ปลายทางวันนี้ St.Gilgen ถึงที่หมายจัดแจงเอารถ ทัง้ หมดจอดในโรงแรม พักผ่อนทานอาหารเย็นกันอย่างรื่นรมย์

09

10 13

b side


13

14

16

15

วันที่สาม St.Gilgen – Salzburg เช้า นี้ อ ากาศขมุก ขมัว มาก ดู แ ล ว้ น่ า จะเจอทัง้ ลมเจอทัง้ ฝนเป็ น แน่ เส้นทางวันนี้ประมาณ 52 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางจักรยานสาย R2 เช่นเดิม ทีเ่ พิม่ มาก็คอื เขา 2 - 3 ลูกทีต่ อ้ งข้ามไป พร้อมแล ้วก็ออกเดินทาง แปดโมงครึ่ง ล ้อหมุน ทีพ่ กั เมือ่ คืนของเราอยู่ในหุบเขา ช่วงแรกจึงต้องเจอกับการปัน่ ไต่เนิน ข้ามเขา ได้ออกแรงกันตัง้ แต่หวั วันกันเลย แต่เมือ่ ข้ามไปแล ้ว พอลงเขาพ้นโค้ง ก็ตอ้ งหยุดจอดทันที เมือ่ วิวของทะเลสาบ Mondsee มาปะทะอยู่ตรงหน้า ถ่ายรูปกันเรียบร้อยก็ออกปัน่ กันต่อ ช่วงต่อมานี้จะลัดเลาะเชิงเขาและทะเลสาบ ไปเรื่อยๆ มีข้นึ บ้างลงบ้าง พอพ้นช่วงทะเลสาบ ก็จะปัน่ ผ่านทุ่งหญ้าและหมูบ่ า้ น ช่วงนี้ไม่มแี ดด แต่ลมแรงมาก ต้องปัน่ สวนลมเป็ นระยะทางประมาณเกือบ 10 กิโลเมตร โชคดีทฝ่ี นไม่ตกเลย เราก็ถอื โอกาสจอดพักเหนื่อยถ่ายรูปและ ดื่มกาแฟกัน ก่อนจะปัน่ ไต่เนินยาวๆ ขึ้นไปบนยอดเขาที่ระดับ 642 เมตร และช่วงต่อไปก็จะเข้าสู่เส้นทาง R2 ที่วง่ิ ขนานกับถนนหลวงที่จะมุ่งหน้าเข้า Salzburg แล ้ว ถึงแม้จะเป็ นเส้นทางขนานถนนหลวง แต่ทางส�ำหรับจักรยานทีน่ ่ี ก็จะแยกออกมาจากเส้นทางรถยนต์สายหลัก อาจจะมีจดุ ตัดกับถนนหลวงบ้าง ลัดเลาะมาเรื่อยๆ ก็เจอทางลงเนินเนียนๆ ยาวๆ 2 - 3 กิโลเมตร เรียกได้วา่ ปัน่ ขาฟรีกนั มุ่งหน้าตรงเข้าเมือง Salzburg แลว้ ก็เริ่มออกแรงปัน่ กันต่ อ ตรงเส้นทางขนานแม่น�ำ ้ Salzach ซึ่งเป็ นแม่น�ำ้ สายหลักที่ผ่านกลางเมือง Salzburg ในอดีตแม่นำ�้ สายนี้เป็ นเส้นทางหลักในการล�ำเลียงขนส่งเกลือซึง่ เป็ น สินค้าหลักของเมืองนี้ ส่งออกไปขายในทัว่ ยุโรปจนถึงปัจจุบนั จอดพักทานอาหารกลางวันตอนบ่ายสาม ณ เมืองปลายทางวันนี้สกั พัก แล ว้ เราจะปัน่ จัก รยานเข้า ไปเที่ย วชมเมือ งเก่ า ที่น่ี ก นั ต่ อ ก่ อ นจะเข้า ที่พ กั เพือ่ พักผ่อนกันตามอัธยาศัยต่อไป 14

a side

17

19


ผมจะจบทริปนี้ก่อนที่เมืองนี้ ส่วนชาวคณะ Octo Cycling ทัง้ หมดจะปัน่ เดิน ทางกัน อีก 4 วัน เพื่อ มุ่ง หน้า เข้า สู่ เ มือ งมิว นิ ค ประเทศเยอรมนีกนั ต่อไป เช้าวันทีส่ ่ี ผมก็ตอ้ งตื่นแต่เช้าเพือ่ ไปขึ้นรถไฟทีส่ ถานี Salzburg มุ่ง หน้า กลับ กรุ ง เวีย นนา เป็ น อัน จบสิ้น การเดิน ทางไกลท่ อ งเที่ย ว ด้วยจักรยานในออสเตรีย นับว่าเป็ นอีกประสบการณ์ทส่ี วยงาม สนุ ก และปลอดภัยมากๆ เส้นทางจักรยานท่องเทีย่ วทีน่ ่ถี อื ว่าดีมาก ได้รบั การ วางผังและออกแบบวางเส้นทางท่องเทีย่ วด้วยจักรยานให้นกั ปัน่ ทัง้ หลาย เดินทางด้วยจักรยานได้อย่างสะดวกโยธิน เขาใช้ถนนสายรองหรือ สายชนบทเดิมที่มอี ยู่แลว้ ในการเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทางระหว่าง เมืองในเมือง แลว้ ค่อยท�ำทางจักรยานโดยเฉพาะในการเชื่อมโยงถนน สายรองเหล่านัน้ โดยไม่ตอ้ งลงทุนก่อสร้างเส้นทางมากมายมหาศาล แต่อย่างใด ส่วนการเดินทางไกลข้ามรัฐหรือข้ามจังหวัด ก็จะมีทางรถไฟ พร้อมระวางรถจักรยานคอยให้บริการ เรียกว่าคิดและวางแผนกันมา อย่างครบวงจร นักปัน่ ท่องเทีย่ วอย่างเราก็เลยสุขสโมสรกันไป สุ ดท้ายขอขอบคุ ณพี่เล็กแห่ ง Octo Cycling ที่เ ชิญ ชวน มาเที่ย วร่ ว มทาง ผมเห็น Octo Cycling จัด ทริ ป ปัน่ จัก รยาน ทัง้ ในประเทศและต่างประเทศมากมายใน 2 - 3 ปี ท่ผี ่านมา ครัง้ นี้ เป็ นครัง้ แรกของผมกับ Octo Cycling และเป็ นอีกครัง้ ที่ได้ปนั ่ เดินทางไกลเป็ นกลุ่มด้วยมิตรภาพแสนอบอุ่น ถึงแม้อากาศจะเย็น พร้อมกับได้รบั ความรูค้ วามบันเทิงอย่างครบครันครับ

13 จัดกระเป๋าสัมภาระติดรถเสร็จ เตรียมตัวออกเดินทางต่อในวันที่สาม 14 จากที่พักไต่เนินเขาลูกแรกขึ้นมาก็พบกับวิวของ Wolfgangsee นี้ 15 ทะเลสาบ Mondsee พักผ่อนถ่ายรูปก่อนจะไต่เนินใหญ่อีกลูก 16 เขาลูกนี้ชื่อว่า ‘ผนังมังกร’ Drachenwand 17 ถึงแล้ว Salzburg จอดถ่ายรูปกับสะพานข้ามแม่น�้ำ Salzach 18 พักเหนื่อยที่ปลายทางในร้านกาแฟที่เก๋ไก๋ริมแม่น�้ำ Salzach 19 นั่งชมเมืองเก่าใน Salzburg 20 สถานีรถไฟใน Salzburg ชักภาพสุดท้ายก่อนเดินทางกลับเมืองเวียนนา

ติดตามเรื่องราวท่องเที่ยวของ Octo Cycling ได้ที่ www.facebook.com/octocycling และติดตามชมภาพสวยๆได้ที่ www.instagram.com/octocycling ส่วนเรื่องราวของผู้เขียน VIA WIEN ไปติดตามกันได้ที่ www.facebook.com/viennaviadesign และติดตามชมภาพสวยๆ ได้ที่ www.instagram.com/viawien

18

20 15

b side


C O V E R S T O R Y

TIBET

:YOU MUST GO IN THIS LIFE!

ชาตินี้ต้องไปให้ ได้... ทิเบต

เรื่อง / ภาพ : Garn Harmo

“จองตั๋วให้แล้วนะ” เสียงทางโทรศัพท์จากคุณอาวัชระ หลิ่ ว พงสวั ส ดิ์ หั ว หน้ า ที ม Mekong Challenge ทีมท่องเที่ยวด้วยจักรยาน ที่ ส นุ ก ที่ สุ ด ในโลกส� ำ หรั บ ผม กลุ ่ ม นี้ เริ่ ม จั ด ทริ ป ขี่ จั ก รยานในประเทศแถบ ลุ่มแม่น�้ำโขงตั้งแต่ปี 2002 ปีละ 1 - 2 ครั้ง ซึ่ ง ผมได้ เ ข้ า ร่ ว มที ม นี้ ตั้ ง แต่ ป ี 2007 (เป็นเด็กที่สุดของทีมมาตลอด) ได้โอกาส ไปขีจ่ กั รยานตามทีส่ วยๆ เกือบทัว่ ภูมภิ าคนี้ ก็เพราะทีมนี้แหละครับ

แต่ดว้ ยปี น้ ตี วั ผมค่อนข้างขัดสนเรือ่ งค่าใช้จ่าย จึงบอกตัวเองว่าช่วงเดือน เมษายนนี้คงไม่ได้ร่วมทริปไปกับคุณลุงคุณป้ า (ทีต่ อ้ งเรียกพีท่ กุ คน) แต่แลว้ อาวัชระได้เกลี้ยกล่อมพร้อมประกาศว่านี่อาจเป็ นทริปสุดท้ายของทีม และการ เดินทางไปทิเบต ซึง่ เป็ นต้นก�ำเนิดของแม่นำ�้ โขง จะเป็ นการปิ ดทริปการเดินทาง อันยาวนานอย่างยิง่ ใหญ่ (อันทีจ่ ริงคือแกต้องการลูกสมุนตัวส�ำคัญต่างหาก 555) ผมใช้เวลาคิดหลังจากกดรับสาย แล ้วตอบตกลงทันทีแบบไม่คดิ ถึงความอิม่ ท้อง ในอนาคตข้างหน้า “ต้องไปให้ได้ ชาติน้ จี ะมีโอกาสไปอีกทีเมือ่ ไหร่” เรามีเวลาจ�ำกัดและต้องขออนุ ญาตเข้าทิเบตโดยจัดการผ่านบริษทั ทัวร์ ของจีน ที่จะพาเราเดินทางจากชายแดนจีนในเขตมณฑลยู นนาน (Yunnan) ไปถึงกรุงลาซา (Lhasa) เมืองหลวงของทิเบต ปกติการปัน่ จักรยานไปถึงลาซา จะใช้เวลาเป็ นเดือน เพราะระยะทางและสภาพเส้นทางนัน้ ค่ อนข้างโหดร้าย การเดินทางของเราจึงต้องใช้ตวั ช่วยคือรถบัสและรถบรรทุกจักรยาน ซึง่ จะท�ำให้ เราเดินทางไปถึงลาซาได้ตามก�ำหนดเวลาทีเ่ รามีคอื แค่ 6 - 7 วัน นัน่ คือเราจะ ไม่ตอ้ งทนทรมานขีจ่ กั รยานขึ้นเขาหิมะ ความสูง 4,000 – 5,000 เมตร วันละกว่า 100 กิโลเมตร ให้เหนื่อยเกินความจ�ำเป็ น!!!! สบายละ แฮ่ ขีว่ นั ละนิดแล ้วนัง่ รถ เอาเวลาไปท่องเทีย่ วดูโลกทีไ่ ม่เคยเห็นดีกว่า 555 (นักจักรยานสายดืม่ กิน) คณะของเราขึ้นเครือ่ งบินจากดอนเมืองมาลงทีค่ นุ หมิง ต่อรถไฟไปลีเ่ จียง แล ว้ นัง่ รถบัส ต่ อ ไปถึง เมือ งแชงกรี ล าในเวลาวัน กว่ า ๆ เท่ า นั้น ปี ท่ีแ ล ว้ ผมมาป่ วยทีน่ ่ี เพราะปรับตัวกับความสูง 3,200 เมตรของเมืองแชงกรีลาไม่ได้ ปี น้ ีเลยไม่ได้เตรียมตัวอะไร อะไรจะเกิดก็ให้มนั เกิด!!! 555 ความหนาว 0 องศา ถือเป็ นเรื่องปกติ มาหนนี้ผมแบกเสื้อกันหนาวมามากกว่าครัง้ ก่อนๆ อาจจะมี ปวดหัวตอนกลางคืนบ้าง แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ดว้ ยดี 16

a side


17

b side


ที่แชงกรีลา จักรยานของพวกเราได้ออกมายืดเส้นยืดสายนิดหน่ อย ก่ อนจะมุดกลับเข้าไปอยู่ ในรถบรรทุกเพื่อเดินทางไปยังเมืองเบนจือหลาน เมืองริมแม่นำ�้ แยงซีเกียงทีแ่ บ่งเขตยูนนานและเสฉวนออกจากกัน ทริปทีผ่ า่ นมา เราขีม่ าทีน่ ่สี องครัง้ แล ้ว คราวนี้เลยประหยัดแรงด้วยการนัง่ รถ แล ้วเริม่ ขีจ่ ากทีน่ ่ี ไปนอนทีเ่ มืองซูซ่วง เมืองเล็กๆ บนภูเขาสูง ทีพ่ กั สไตล์ทเิ บตแท้ๆ เป็ นจุดพัก ของนักจักรยานทัว่ โลกทีข่ ผ่ี ่านเส้นทางนี้ วันรุ่งขึ้นเราขีอ่ อกจากซูซ่วง ผ่านยอดเขาหิมะสูง 4,300 เมตร แม้อากาศ จะดีมากกว่าครัง้ ที่เคยมา แต่ระยะทาง 75 กิโลเมตร บวกกับความสู งและ ความหนาว แถมผ่านภูเขาหิมะ ท�ำให้การขีข่ ้นึ ดอยอินทนนท์บา้ นเราเป็ นเรื่อง น่ารักๆ ไปในทันที แค่คดิ ว่าจะเร่งความเร็วจากช้ามากไปเป็ นช้าธรรมดา ก็ทำ� ให้ หายใจไม่ทนั เอาง่ายๆ (แถมพกข้าวขึ้นไปกินกลางทางไม่ได้นะครับ แข็งเป็ นน�ำ้ แข็ง) พอถึงยอดสูงสุดได้เกือบห้าโมงเย็น ก็เจอพายุหมิ ะทีพ่ ดั มาแบบไม่ทนั ได้ตงั้ ตัว เราปัน่ ลงมาถึงเมืองเต๋อชิงตอนหกโมงเย็น ฝ่ าหิมะลงมามือเท้าแทบแข็ง เมืองนี้ เป็ นเมืองส�ำคัญชายแดนติดทิเบต มีตน้ แม่นำ�้ โขงไหลผ่าน ทิวทัศน์สวยงาม ด้วยภูเขาน�ำ้ แข็ง ความสู งน้องๆ หิมาลัย ไม่ได้ต่างจากสวิตเซอร์แลนด์เลย และยังมีอาหารเลือ่ งชื่อคือต้มชาบูปลาทีอ่ ร่อยทีส่ ุดในแผ่นดิน (คนจีนชอบกิน ต้มหม้อไฟมากๆ ไม่แพ้หมาล่า เพราะในหม้อไฟก็ใส่หมาล่าด้วย 5555) จากเมืองเต๋อชิง จะเป็ นหน้าที่ของทัวร์จีนที่จะพากลุ่มนักปัน่ จักรยาน ขาอ่อน (แบบสมัครใจ) 27 คน ผ่านเข้าไปเปิ ดโลกทีน่ ่ามหัศจรรย์ในเขตทิเบต ผมเคยมาถึงเมืองนี้แลว้ ปัน่ เลาะแม่นำ�้ โขงลงไปด้านล่างแลว้ คราวนี้เราจะเลาะ ทวนต้นแม่นำ�้ โขงขึ้นเหนือกันบ้าง ลืมบอกไปว่าทริปนี้มที ีมงานจากรายการ ‘คน ค้น ฅน’ น�ำทีมโดย พีเ่ ชค - สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว การเดินทางของพวกเราด้วย เป็ นการต่อยอดจากทริปก่อนๆ ทีไ่ ด้ร่วมเดินทาง กันมาหลายครัง้ แล ้ว 18

a side


จากเต๋อชิง เราขีข่ ้นึ มาทีอ่ ทุ ยาน Meili Snow Mountain แหล่งท่องเทีย่ ว ส�ำคัญของทีน่ ่ี จากนัน้ ขีย่ าวลงเขาไปเจอแม่นำ�้ โขง เลาะแม่นำ�้ โขงไปได้ 20 กิโลเมตร ทางทีมงานได้ใช้กฎเหล็กยึดอ�ำนาจ สังให้ ่ ทกุ คนขึ้นรถ!! เป็ นทีบ่ า้ นเราคงเสียใจ แต่พวกเราทุกคนแฮปปี้ สคิ รับ!!!!!! บอกแล ้ว คราวนี้เป็ นนักปัน่ สายดืม่ กินครับ!!! ความจริงคือที่ให้ข้ นึ รถก็เพราะว่า แค่ นงั ่ รถบัสอย่างเดียว กว่าเราจะไปถึง เมืองทีห่ มายคือหม่างคาง (Mangkang) ก็คำ� ่ ๆ อยู่แลว้ ถ้าถึงดึกกลัวจะได้ พักผ่อนน้อย และเสียเวลาดืม่ กิน อิอ.ิ .. ระหว่างทาง เราเข้าเขตทิเบตมาแลว้ มีด่านตรวจเข้มงวดทุกเมือง ต้องมีใบอนุญาตถึงจะผ่านได้ บางด่านเราติดอยู่ เป็ นชัว่ โมงกว่าจะผ่านได้ ช่วงนี้ววิ ทิวทัศน์ข ้างทางเป็ นแบบภูเขาสูง (สูงมากๆๆๆ) แทบไม่มีตน้ ไม้ ผ่านยอดเขาความสู งเกือบ 5,000 เมตร (นัง่ มองคนจีน ปัน่ ขึ้นยอดดอยแลว้ ไม่ค่อยอิจฉาเขาเท่าไหร่) เรามาถึงหม่างคางตอนทุ่มกว่าๆ แดดยังแรงอยู่ โรงแรมทีน่ ่ีค่อนข้างดีมาก ดีกว่าโรงแรม 3 – 4 ดาวบ้านเรา สบายกว่าทีค่ ดิ ไว้เยอะ อาหารอร่อย ใครคิดจะไปเทีย่ วไม่ตอ้ งกังวล วันต่อมาปลายทางของเราอยู่ท่เี มืองบาซู (Basu) วันนี้ระยะทางไกล ผ่านภูเขาหิมะสูงระดับ 5,000 เมตร ทีมงานของเรายึดอ�ำนาจจากไกด์ทวั ร์จนี อีกแล ้ว ทิ้งจักรยานไว้บนรถบรรทุกแหละดี 555 เรานัง่ รถผ่านยอดเขาสูงทัง้ วัน แต่เป็ นการนัง่ รถที่สนุ กมาก จอดถ่ายรูปเป็ นระยะๆ ช่วงเย็นมีการซ่อมถนน ท�ำให้เราติดอยู่บนยอดเขาหิมะประมาณ 2 ชัว่ โมง ได้เล่นหิมะทีต่ กหนักสมใจ เวลาสองทุ่มกว่าเราข้ามแม่น�ำ้ โขงอีกครัง้ ก่ อนมาถึงเมืองบาซู แบบเมื่อยๆ (เมือ่ ยก้น) ห้องอาหารของโรงแรมแต่ละทีน่ นั้ บริการอาหารได้จใุ จมากครับ เช้าของอีกวันที่บาซู พวกเราตื่นมาจัดเรียงรถจักรยานบนรถบรรทุก กันใหม่ ทีผ่ ่านมาสงสัยมันงอน ไม่ค่อยได้ลงสนาม เลยได้แผลฉกรรจ์เพราะ ความแออัดกันถ้วนหน้าทุกคัน ใครเอารถใหม่ๆ มานี่ชำ�้ ใจแย่ ส่วนของผม ไม่ตอ้ งห่วง ผ่านมาหลายทริป ร่ องรอยมีมากกว่าสีจากโรงงาน 555 วันนี้ เราจะได้ปนั ่ กันแลว้ เริ่มด้วยการนัง่ รถบัสสู่ยอดเขาความสู ง 4,500 เมตร เอารถจักรยานลงมาเตรียมพร้อมทีท่ ะเลสาบ Ranwu เป็ นทะเลสาบใหญ่สฟี ้ า ฉากหลังเป็ นภูเขาหิมะ มีหิมะตกปรอยๆ มีหมอกขาวๆ ลอยจางๆ โอ้โห สวยขาดใจครับ ขีล่ งเขาจากทะเลสาบ เลาะแม่นำ�้ สีฟ้าสวยและหิมะขาวข้างทาง ไปสู่แหล่งท่องเที่ยวส�ำคัญคือ Midui Glaciers เป็ นธารน�ำ้ แข็งสวยงาม ถ้ามาปลายๆ หน้าหนาวน่าจะเห็นหิมะหนากว่านี้ แต่แค่น้ ีก็หนาวแทบแย่แลว้ จากนัน้ ก็แน่นอนครับ ขึ้นรถครับ!!! ขีท่ ำ� ไมมากมาย เรามาถึงเมือง โบมิ (Bomi)

ตอนเกือบทุ่ม เมืองนี้ก็คลา้ ยๆ หลายๆ เมืองในทิเบต คือมีความเป็ นจีนสูง มีตกึ ใหม่ๆ มากมาย ชาวบ้านคนทิเบตดูแล ้วไม่น่าจะสร้างเมืองใหม่ๆ แบบนี้ คาดว่าคงเป็ นนโยบายของทางการจีนที่สร้างเมืองใหม่ทบั เมืองของคนทิเบต แล ้วให้คนจีนเข้ามาอยู่ เพือ่ ให้ทเิ บตกลายเป็ นของจีนโดยสมบูรณ์ จากเมือ งโบมิ อีก แค่ ส องวัน ก็ จ ะถึง ลาซาแล ว้ เร็ ว มาก ถ้า ให้ป นั ่ ตลอดทางคงใช้เวลาเกือบเดือนแน่ ๆ กว่าจะมาถึงตรงนี้ เรานัง่ รถบัสมาถึง ยอดเขาสูง มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมิ ะขาวโพลนไปทัว่ เราขีล่ งเขาจากยอดนี้ ลงไปที่เมืองบายี่ (Bayi) ระยะทาง 60 กิโลเมตร (มาขีค่ ราวนี้เมือ่ ยมาก... เมือ่ ยมือ เบรกอย่างเดียว) ระหว่างทางเป็ นภูเขาหิมะเต็มรูปแบบ ไม่ใช่หมิ ะกองๆ ข้างถนน แต่เหมือนปัน่ อยูบ่ นยอดเขาเอเวอเรสต์เลยทีเดียว ขีล่ งมาถึงเมืองบายี่ ซึ่งเป็ นเมืองใหญ่ก่อนถึงลาซา เมืองนี้ใหญ่จริง มีโรงแรมใหญ่ ห้างช้อปปิ้ ง และร้านอาหารแบบทันสมัยเต็มไปหมด

19

b side


ที่เ มือ งบายี่ น่ี เ ป็ น เมือ งที่พ วกเราจ�ำ ขึ้น ใจเลย ผมได้ไ ปเที่ย วเล่ น ในโรงพยาบาลของเขาซะหลายรอบ ก็เพราะพีร่ ุ่ง หนึ่งในทีมงานหัวเรี่ยวหัวแรง เกิดป่ วยด้วยอาการน�ำ้ เข้าปอด แบบเดียวกับในหนังทีไ่ ต่ข้นึ เขาเอเวอเรสต์ ทัง้ ไอ และต้องการออกซิเจนอย่างหนัก พวกเราเลยต้องส่งพีร่ ุ่งไปโรงพยาบาล ส่วนผม ไปส่งเสบียงให้พร่ี ุ่งตอนดึก เลยได้เจอสภาพห้องน�ำ้ ของโรงพยาบาล ทีอ่ าวัชระ เห็นแล ้วถึงกับบอกกับพีร่ ุ่งว่า “ถ้าไม่อยากตาย อย่าเข้าห้องน�ำ้ นะ 55” นี่หอ้ งน�ำ้ ของโรงพยาบาล แต่ดนั มีสภาพเหมือนห้องน�ำ้ สาธารณะในจีน (ไม่มที ่สี ะอาด ให้วางเท้าเวลาเคลือ่ นตัวเข้าไป บอกได้แค่น้ ี) เอาเถอะ ยังไงๆ พีร่ ุ่งก็ตอ้ งอยู่ ที่เมืองนี้ไปก่ อน 2 - 3 วัน เพราะหมอห้ามเคลื่อนย้าย แลว้ หลังจากนัน้ หมอสัง่ ให้กลับไปทีต่ ำ� ่ ๆ ทันที!! ทีมเราก็เลยตัดสินใจเดินทางล่วงหน้าไปก่อน โดยมีพ่เี ครียด หัวหน้าฝ่ ายวางแผน (อาวัชระเป็ นหัวหน้าฝ่ ายกินดื่ม 555) และหัวหน้า ไกด์จีน คอยอยู่ ดู แลพี่รุ่ ง ตามแผนคือ ถ้า พี่รุ่ ง ดีข้ ึน จะหนี จาก โรงพยาบาลแล ้วรีบตามทีมไปทันที!!!! กว่าจะออกจากบายี่ก็เกือบเที่ยง ได้เดินเล่นจนจุใจ นัง่ รถไปไม่นาน พอหลังอาหารกลางวันพวกเราก็เปลีย่ นมาปัน่ ระยะทาง 40 กว่ากิโลเมตรไปถึง ทะเลสาบ Basomtso ซึง่ เป็ นทะเลสาบบนความสูง 3,700 เมตร น�ำ้ เป็ นสีฟ้า วิวสวยมาก เห็นภูเขาน�ำ้ แข็งเป็ นฉากหลัง เราพักกันในรีสอร์ทริมทะเลสาบสุดสวย (เสียอย่างเดียวไม่มที ใ่ี ห้เดินช้อปปิ้ ง) ตื่นเช้ามาแดดแรง ท้องฟ้ าเป็ นสีฟ้าใสมาก เราเทีย่ วหมูบ่ ้านชาวทิเบตโบราณริมทะเลสาบ เป็ นหมูบ่ ้านชาวทิเบตแท้ๆ ผมลอง เปิ ดโทรศัพท์ เจอสัญญาณ Wifi เต็มไปหมด พอออกจากรีสอร์ทริมทะเลสาบ เราก็ใกล ้จะถึงกรุงลาซากันแล ้วนะครับ จากทะเลสาบระยะทางไกล ต้องผ่านยอดเขาสูงเฉียด 5,000 เมตร การเดินทาง ผ่านสภาพแวดลอ้ มที่ทรหดเช่นนี้ ถ้าได้ลงไปปัน่ จักรยานน่ าจะท�ำให้ร่างกาย แข็งแรงกว่าการนัง่ บนรถบัส ซึง่ ท�ำให้คนส่วนใหญ่ในทีมป่ วย มีอาการไอ มีไข้ แพ้ความสูง หลักๆ คือจะท�ำให้ความสามารถในการกินดืม่ ลดลง แต่ความเห็น ส่วนใหญ่กล็ งมติวา่ นัง่ รถสบายดีอยู่แล ้ว (แน่นอนว่าการปัน่ จักรยานของพวกเรา จบตัง้ แต่เมือ่ วานแล ้ว 555) เรานัง่ รถผ่านภูมปิ ระเทศแปลกตา ทัง้ ภูเขาหิน หิมะ เหว ทุ่งโล่ง บางทีค่ ลา้ ยดาวอังคารก็มี แต่ทเ่ี ห็นอยู่ตลอดก็คือคนครับ คนจีนและ คนทิเบตนี่อาศัยกันอยู่ทกุ ที่ บางจุดบนยอดเขาทีห่ ่างจากถนนใหญ่มากๆ ก็มี บ้านคน บางทียงั งงเลยว่าถ้ามาเติมเงินมือถือนี่ตอ้ งเดินเป็ นวันๆ เลยหรือเปล่า

ในที่สุดพวกเราก็มาถึงลาซา (Lhasa) ตอนสองทุ่ม เมืองใหญ่ มาก ทันสมัยกว่าทีค่ ดิ มีทกุ อย่างทีบ่ า้ นเรามี แต่มคี วามสวยงามแบบทิเบตทีห่ าทีไ่ หน ไม่ได้ ส่วนนักท่องเทีย่ วเยอะครับ อยู่ทน่ี ่เี รากินเนื้อ Yak กันทุกมื้อ รสชาติคล ้าย เนื้อวัวหมักเครื่องเทศ วันนี้ไกด์พาไปกินร้านหรูของเมือง ผมรูส้ กึ ว่าแอบหรู ไปหน่อย แต่ Yak อร่อยมาก จานเล็ก ไม่อม่ิ ทริปเทีย่ วลาซาของเรามีทงั้ เทีย่ ววัดโจคัง วัดเดรปุง วังฤดูรอ้ น แต่ทท่ี กุ คน รอคอยก็คือพระราชวังโปตาลา ที่ประทับขององค์ดาไลลามะอันโด่งดังนัน่ เอง ผมได้เข้าไปเทีย่ วตามโปรแกรมตอนกลางวัน แล ้วมาถ่ายรูปอีกทีตอนกลางคืน มีแสดงน�ำ้ พุแสงไฟ สวยไปอีกแบบ เป็ นทีท่ ท่ี ำ� ให้เห็นความเป็ นทิเบตได้ชัดเจนทีส่ ดุ ทีห่ นึ่งเลยครับ ช่วงทีเ่ ราอยู่ทล่ี าซาตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี เห็นคนจากทัวทิ ่ เบต เดินทางมาสักการะวัดต่างๆ ในลาซา เห็นชัดว่าความเลือ่ มใสในศาสนาพุทธนี่ คนไทยเรายังเป็ นรองประเทศอืน่ อยู่หลายขุม อยากรูว้ า่ แค่ไหน ลองไปแค่พม่าดู ก็รูแ้ ล ้วครับ หลังจากช่วงสนุ ก 3 วันในลาซา ก็มาถึงจุดไคลแม็กซ์สำ� คัญ (แม้ว่า จะต้องกลับกันแลว้ ) โดยทีมไกด์มาส่งพวกเราที่สถานีรถไฟ เพื่อนัง่ รถไฟ สายหลังคาโลกไปลงที่เมืองซีอาน มณฑลส่านซี รถไฟสายนี้เป็ นรถไฟสายที่ สวยที่สุดในโลกก็ว่าได้ สองข้างทางนี่ผมไม่รูจ้ ะอธิบายให้เหมือนที่ตาเห็น ได้ย งั ไง ทัง้ ทะเลหิม ะ ภูเขาน�ำ้ แข็ง ทะเลสาบ วิวที่ราบสู งทิเบต หรือการ นอนหลับให้ได้ท่คี วามสูง 5,000 เมตร (เกือบหัวใจวายตาย บนรถไฟต้องมี ท่อต่อออกซิเจนให้ฟรีๆ) เอาเป็ นว่าสักครัง้ ในชีวติ ถ้ามีโอกาส ไปสัมผัสมัน ด้ว ยตัว คุ ณ เองเถอะครับ คนจี น สร้า งทางรถไฟสายนี้ ไ ด้สุ ด ยอดมากๆ มัน พาเราไปในที่ท่ีใ นชี วิต นี้ ไ ม่ คิ ด ว่ า น่ า จะได้ม าพบเจอ บางสถานี ต งั้ อยู่ แบบกันดารสุดๆ เหมือนไม่ใช่บนโลกของเรา แต่กย็ งั มีคนอาศัยอยู่ คุยกันเล่นๆ ว่าใครชอบบ่นว่าเหงา ลองมาอยู่ทน่ี ่สี ิ จะรูว้ า่ บ้านเราเหงาจริงหรือเปล่า 20

a side


หลังจาก 35 ชัว่ โมงบนรถไฟ เรามาลงทีซ่ อี าน กลับเข้ามาสู่ความเป็ นจีน เต็ม ๆ อีก ครัง้ เราได้ไ ปเที่ย วสุ ส านจิน๋ ซีฮ่ อ งเต้ และเที่ย วเล่น เมือ งซีอ าน พอสนุ กสนาน (ความยิ่งใหญ่ของเมืองนี้คือไม่มสี าวสวยเลย หาไม่เจอแม้แต่ คนเดียว สงสัยกลัวจักรพรรดิมาเอาไป เลยไปท�ำศัลยกรรมให้ไม่สวย) ซีอาน เป็ นเมืองใหญ่เหมือนกรุงเทพ มีทกุ อย่างทีท่ นั สมัย แต่ผมกลับรูส้ กึ คิดถึงทิเบต อยากเดินทางย้อนกลับไปใหม่อกี ครัง้ ความรู ส้ กึ ของคนขีจ่ กั รยานท่องเที่ยว ไปในที่แปลกใหม่จะคลา้ ยๆ กัน คือถ้าคุณมีทุกอย่างที่ตอ้ งการอยู่แค่ เอื้อม คุณก็จะรูส้ กึ ว่าคุณตัวใหญ่ มีอำ� นาจที่จะได้มนั มาสนองความต้องการ ซึ่งมัน อาจไม่ใช่สง่ิ ทีค่ ุณต้องการอย่างแท้จริง แต่ทเิ บตจะท�ำให้คุณรูส้ กึ ว่าคุณมันก็แค่ ธุลี (ยืมค�ำนี้มาจากพีน่ กั ปัน่ ร่วมทีมท่านหนึ่ง) คุณต้องปรับตัวทีจ่ ะอยูก่ บั ธรรมชาติ อันยิง่ ใหญ่ และคุณจะต้องอยู่กบั มันให้ได้โดยทีต่ วั คุณต้องไม่ตกต�ำ่ ลง การเดินทางครัง้ นี้เป็ นครัง้ ทีส่ ำ� คัญทีส่ ุดครัง้ หนึ่งในชีวติ ผม ชาติน้ ีไม่รูว้ า่ ผมจะมีโอกาสได้ไปทิเบตอีกครัง้ หรือเปล่า ผมไม่เสียดายอะไรเลยทีต่ อ้ งจ่ายไป แลกกับการได้ร่วมเป็ นส่วนเล็กๆ ของดินแดนหลังคาโลกทีน่ อ้ ยคนจะได้เข้าไปเห็น ได้คลุกคลีกบั ชีวติ ของคนทิเบต ได้เห็นถึงความศรัทธาต่อศาสนาอย่างแรงกลา้ ผมอยากบอกเล่าเรื่องราวให้ละเอียดกว่านี้ เพราะมันมีอกี เยอะมากๆ ทีย่ งั จดจ�ำ ติดตา ถ้ามีใครอ่านแล ้วเกิดอยากเดินทางไปทิเบตดูบ ้าง นัน่ แหละคือความต้องการ ของผม บางทีก็อยากเก็บหลายๆ เรื่องไว้กบั ตัวเอง ถ้าใครอยากรูม้ ากกว่านัน้ จะได้บอกเขาอย่างจริงใจว่า “ไปเห็นด้วยตาของคุณเองเถอะ”

ขอขอบคุณ : ทีม Mekong Challenge ทุกๆท่าน ที่ดูแลผมมาตลอด สิ บ กว่ า ปี ให้ ผ มได้ รู ้ ว ่ า การเดิ น ทางด้ ว ยจั ก รยานไปในที่ ต ่ า งๆ ท� ำ ให้ เ รา ได้พบเจออะไรที่คนเดินทางแบบอื่นไม่มีวันค้นเจอ

21

b side


R U N

UTA 50 CONQUER THE BLUE MOUNTAINS พิชิตเทือกเขาบลูเมาเทนส์ เรื่อง / ภาพ : อาเหลียง

คุณเคยคิดถึงการผจญภัยไหม? ผมคิดว่าทุกคนคงอยากจะออกผจญภัยเหมือนกันแหละ ไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง ค�ำว่าการผจญภัยของผมนั้นอาจจะต่างออกไปนิดหน่อย ผมเป็นคนที่ชอบที่จะเห็นวิวสวยๆ ของธรรมชาติ เช่นวิวเมือง จากยอดเขา วิวภูเขาตัดสีเขียวกับฟ้าที่สดใส หรือแม้กระทั่งหมอกขาวๆ บินมาปกคลุมแผ่นพื้นจนเป็นทะเลหมอก ประกอบกับทีผ ่ มชอบวิง่ เป็นกิจจะลักษณะอยูแ่ ล้ว ทันทีทไี่ ด้รจู้ กั กับ ‘การวิง่ เทรล’ มันก็เลยเติมเต็มสองสิง่ เหล่านีเ้ ข้าด้วยกันทันที หลายครั้งที่ผมวิ่งไปบนเขา แล้วมองลงมาเห็นทะเลหมอก หลายๆ ครั้งที่ได้ยินเสียงนกร้องก้องกังวานในป่า และบางที วิ่งกลางป่า ฝ่าสายหมอกเย็นๆ ในฤดูรอ้ นของประเทศไทย หลายอย่างมันท�ำให้เกิดความหลงไหลในการวิง่ แบบนี้ ท�ำให้ลา่ สุด ผมจึงเกิดความสงสัยว่า ถ้าวิ่งเทรลในประเทศอื่น มันจะเป็นอย่างไรกันนะ?

นัน่ จึงเป็ นทีม่ าของ UTA 50 – Ultra trail Australia 50 Km. การแข่งขัน อัลตร้าเทรลทีป่ ระเทศออสเตรเลียครัง้ แรกของผม ในความจริงแล ้ว งานนี้มถี งึ ระยะ 100 กิโลเมตร แต่ตวั ผมเองวางแผนว่า อีกวันจะไปวิง่ ฮาล์ฟมาราธอนต่อ ก็เลย ลงแค่ระยะ 50 กิโลเมตร เพือ่ ไปให้ได้ทงั้ สองงาน (มาทัง้ ทีเอาให้คมุ ้ ) งาน UTA เป็ นงานระดับเวิลด์ทวั ร์ ทีม่ นี กั วิง่ เทรลทีห่ ลงไหลการวิง่ ตะลุยป่ าแบบนี้มาจาก ทัว่ โลก เรียกว่าเป็ นงานทีด่ งั มากงานหนึ่งเลยก็วา่ ได้ งานนี้ตอ้ งขอขอบคุณพีว่ นิ และพีน่ ุ่ม สองเจ้าภาพและเจ้าถิน่ ทีน่ ่ารักซึง่ อาศัยอยูใ่ นเมืองซิดนีย ์ ทีใ่ ห้คำ� แนะน�ำ และไปส่งให้ถงึ ที่ ท�ำให้การเดินทางของเราสะดวกขึ้นมากครับ Blue Mountains เป็ น National Park ทีต่ งั้ อยู่ทเ่ี มือง Katoomba ห่างจากซิดนียป์ ระมาณ 100 กิโลเมตร ในอารมณ์ผมตอนแรก คิดว่ามันน่าจะ ให้ฟีลลิง่ แบบเมืองเชียงดาวบ้านเรา เป็ นเมืองบ้านนอกเล็กๆ แต่มภี ูเขาสวยๆ แบบดอยหลวงเชียงดาวอยู่ แต่ความคิดผมจัดว่าผิดถนัดเลย พอไปถึงปุ๊ ป มันเหมือนเป็ นเมืองใหญ่ๆ อีกเมืองเลย แค่ไม่มตี กึ สูงเท่านัน้ เอง ระบบสาธารณะ ทุกอย่างค่ อนข้างดี มีรถไฟ มีรถบัส ที่พกั สวยงาม มีซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ อยู่ดว้ ย แทบจะเรียกว่ายกนิมมานเหมินท์มาไว้ตรงนี้เลยก็วา่ ได้ 22

a side


พอไปถึงก็งานเข้าทันที ฝนตก! ตกกะปริดกะปรอย แต่กต็ กเรือ่ ยๆ เอือ่ ยๆ ตลอดเวลา ท�ำให้เริ่มรู ส้ กึ ว่า วันพรุ่งนี้งานน่ าจะเข้าเป็ นแน่ แท้ พี่วนิ พาไปที่ National Park ทันที เป็ นพื้นทีส่ ำ� หรับรับเบอร์วง่ิ และรายงานตัวนักวิง่ รวมถึง เป็ นเส้นชัยของรายการนี้ดว้ ย เรามาถึงก็เย็นแล ้ว เดินตัดผ่านเส้นชัยไป แล ้วก็ มุง่ หน้าไปยังจุดรับเบอร์วง่ิ เรามาทันงานบนเวทีพอดี เลยยืนดูนิดหน่อย มีการ แนะน�ำ Elite หลายท่าน รวมไปถึงนักวิง่ เทรลขาเดียว ใช่ครับ เขามีขาเดียว วิ่งพร้อมไม้เท้านี่แหละ เท่ชะมัด แค่ ตอนวิ่งผ่านผมไปยังเร็วเลย วันจริง คงเร็วกว่านี้แน่ๆ ยืนดูได้สกั พักพีก่ งุ ้ ก็เริ่มสะกิด “เอ็กซ์โปๆ” อ๊ะ นัน่ สิ มาถึงทีน่ ่ี ต้องช้อปด้วยสินะ งานอัลตร้าเวิลด์ทวั ร์ทงั้ ทีตอ้ งมีอะไรเยอะแน่ๆ แน่นอนครับ ทรัพย์ละลายแทบจะทันที ไหนจะบัฟ ไหนจะเสื้อฮูด้ ไหนจะถุงเท้า อุปกรณ์เทรล ทัง้ หลาย ทุกอย่างมีความลม้ ละลายในบัดดล ดีนะยับยัง้ ชัง่ ใจตัวเองได้บา้ ง เลยท�ำให้ไม่เสียหายมาก 555 ขอบคุณพี่ๆ ที่เตือนสติว่าต้องกลับที่พกั แลว้ ไม่งนั้ อยู่ต่ออีกยาวแน่ๆ ครับ ทีพ่ กั ทีพ่ ว่ี นิ จองให้เป็ นห้องพักแบบโฮสเทล คือนอนรวมกัน 6 คนต่อห้อง แยกชาย - หญิง ท�ำให้พีก่ งุ ้ และพีน่ ุ่มต้องแยกไปนอนอีกห้องแทน ส่วนห้องหนุ่มๆ ในวันนัน้ ไม่ตอ้ งสงสัยเลย สมาชิกในห้องเป็ นนักวิง่ เทรลทัง้ นัน้ ส่วนใหญ่วง่ิ 100 กิโลเมตร มีผมกับพีว่ นิ เท่านัน้ ทีว่ ง่ิ 50 กิโลเมตร (ก็ทำ� ไงได้อะ จะไปวิง่ ฮาล์ฟ ต่ออีกวันนิ แหะๆ) และแน่นอนว่า เมือ่ นักวิง่ เทรลมาอยู่ดว้ ยกัน แม้วา่ จะต่าง ชนชาติกนั มีทงั้ ไทย มาเลย์ อินโดนีเซีย จีน ฝรัง่ เศส ก็ต่างเม้าท์มอยกันอย่าง สนุกสนาน สอนวิธแี พ็คกระเป๋ าด้วยสไตล์ตวั เอง แถมเพือ่ นใหม่ชาวมาเลย์ของเรา ยังวางกระป๋ องเบียร์ไว้บนตูล้ อ็ กเกอร์เขา 4 กระป๋ อง พร้อมบอกว่า “ถ้าพรุ่งนี้ ใครจบก่อน หยิบเบียร์ตรงนี้ไปฉลองได้เลย!” เป็ นทีเ่ ฮฮาของห้องเรามาก หลังจากนัน้ ก็ไปกินข้าวเย็นทีช่ อ้ ปมาเมือ่ ตอนอยู่ในเมือง เป็ นแซนด์วชิ อ้อ ลืมบอกไป คนออสเตรเลียนี่เขากินกันโหดมากครับ โหลดข้าวโหลดอาหารทีน่ี คิดว่ากินกันเผือ่ วันพรุ่งนี้รไึ ง แซนด์วชิ ทีเ่ ขากินใหญ่กว่าแซนด์วชิ บ้านเรา 3 - 4 เท่า แต่เขากินทีเดียวหมด ส่วนข้าวผมก็เคยสังมากิ ่ นตอนอยู่ในเมือง ลองนึกสภาพ ตามนะครับ ข้าวแกงกะหรี่ แต่โหลดลงในจานไซส์จานสลัดใหญ่ๆ กินทีแทบไม่ตอ้ ง กินข้าวทัง้ วันแล ้ว แต่คนทีน่ ่กี นิ กันเป็ นปกติ ไม่อว้ นด้วย เรือ่ งกินนี่ยอมเลยจริงๆ และแล ้วก็มเี รื่องเซอร์ไพรส์ให้กบั นักวิง่ 50 กิโลเมตรและ 100 กิโลเมตร ทุกท่าน เมือ่ มีขา่ วอย่างเป็ นทางการจากงานว่า เส้นทางมีการเปลีย่ นระดับ Major เลยทีเดียว ไม่ใช่ Minor Change เหมือนรถยนต์ คือเส้นทาง 50 กิโลเมตร เปลีย่ นใหม่หมดเลย เนื่องจากฝนตกหนักสองวันทีผ่ ่านมา และเส้นทางไม่ใช่ เส้นเดิมที่โฆษณาไว้เลยครับ ท�ำให้เจ้าถิ่นอย่างพี่วนิ กับพี่นุ่มออกอาการเลย เพราะพีแ่ กไปซ้อมในเส้นทาง 50 กิโลเมตรมาหลายรอบมาก เพือ่ ความเชีย่ วชาญ และท�ำเวลา ท�ำให้เขาค่อนข้างมัน่ ใจในการแข่งขันวันพรุ่งนี้ แต่พอข่าวออกมา ท�ำให้ทุกคนเหมือนนับ 0 ใหม่ พี่ทงั้ สองเริ่มมีความกังวลเข้ามา แต่สำ� หรับ กะเหรีย่ งสองคน อาเหลียงกะพีก่ งุ ้ ไม่สะทกสะท้านอะไรอยูแ่ ล ้ว เพราะมาแบบงงๆ เส้นเปลีย่ นยังไงเราก็ไม่เดือดร้อน ขอให้ได้วง่ิ ก็พอละ

สรุปว่าคืนนัน้ ต้องนอนกันไว เพราะห้องนี้มนี กั วิง่ 100 กิโลเมตรด้วย เขา ออกตัวกันแต่เช้า ตอน 6:00 น. ส่วนนักวิง่ 50 กิโลเมตรอย่างพวกเราโดนเลือ่ น การออกตัวไปเป็ นช่วง 9:00 – 10:00 น. ท�ำให้นอนกันชิลล์ๆ เลยทีน้ ี (แต่ดูเหมือน พวก 100 กิโลเมตรจะชิลล์กว่า ปิ ดไฟแล ้วยังเล่นมือถือกันอยู่เลย) เมือ่ พระอาทิตย์ข้นึ พวกนักวิง่ ระยะไกลก็ทยอยออกไปแข่งขัน แต่พวก 50 กิโลเมตรก็ยงั นอนสบายๆ จนถึงเวลาทีพ่ วกเราจะต้องออกไปยังจุดเริ่มต้น งานที่น่ีจดั ว่าท�ำการบ้านมาดี เมื่อเราออกมาจากที่พกั เดินมาไม่ไกลนักก็จะมี รถบัสมารับทันที และแน่นอนว่า บนรถมีแต่นกั วิง่ เทรลนัง่ เม้าท์กนั ตลอดทาง ไปจนถึง Blue Mountains บรรยากาศที่ Blue Mountains ตอน 9 โมงเช้า มันช่างแตกต่างกับ บรรยากาศตอนกลางคืนซะเหลือเกิน ท้องฟ้ าสีฟ้า ปะปนไปด้วยปุยเมฆ ต่างกับ ค�ำพยากรณ์ของหลายๆ ส�ำนักทีว่ า่ วันนี้ฝนจะตกหนักทัง้ วัน ซึง่ นี่เป็ นสัญญาณ ที่ดีข องการออกเดิน ทางรอบภู เ ขาสีน�ำ้ เงิน ในวัน นี้ เสีย งสัญ ญาณดัง ออก เป็ นระลอก ตามเวฟของตนทีท่ างผูจ้ ดั ได้กำ� หนดไว้ สมาชิกชาวไทยมีทงั้ หมด 4 ท่าน ประกอบไปด้วยพีว่ นิ เวฟ 3 พีน่ ุ่มกับพีก่ งุ ้ เวฟ 5 ส่วนอาเหลียง ผูซ้ ง่ึ กรอกข้อมูลไม่ตรงใจผูจ้ ดั เลยโดนไล่ไปอยู่เวฟสุดท้ายคือเวฟที่ 6 ได้แต่ยนื ตาละห้อย คอยดูนกั วิง่ ออกไปเป็ นชุดๆ เมือ่ Race Director นับถอยหลัง 10:06 น. ถึงคิวของผม เมือ่ เจ้าหน้าทีน่ บั ถอยหลังจนถึง 0 นักวิง่ เทรล ทุกท่านพร้อมเป้ นำ�้ ใบตุงๆ ก็ต่างพร้อมใจกันวิง่ ออกไปตามเส้นทางที่กำ� หนด พร้อมเสียงกระดิ่งกระพรวนเรียกวัว ที่แถวนี้ชอบเอามาใช้ให้กำ� ลังใจนักวิ่ง ดังตลอดทางเป็ นระยะหลายร้อยเมตร เรียกว่ามีกำ� ลังใจตลอดเส้นทางปล่อยตัว เลยทีเดียว แต่ความสุขก็อยู่ได้แป๊ บเดียว เพราะพอหมดเสียงกระพรวน เส้นทาง ข้างหน้าก็เป็ นเนินลูกโตๆ ทันที ผมค่อย ๆ จ๊อกกิ้งขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รบี ไม่รอ้ น แต่ดูเหมือนคนแถวนี้ไม่คดิ อย่างนัน้ แต่ละคนใส่แรงกันสุดชีวติ วิง่ กันหายใจดัง อย่างกับกระทิงโกรธ ไอ้เราเป็ นเอเชียคอเคเชียนกะเหรี่ยงตัวน้อยๆ ก็ได้แต่ จ๊อกๆ เบาๆ ถ่ายรูประหว่างทางไป เส้นทางใหม่ทผ่ี ูจ้ ดั เสนอให้เป็ นพิเศษในวาระครบรอบ 10 ปี ของสนามนี้ (จริงๆ คือฝนตกเลยเปลีย่ นเส้นทาง) เปิ ดเส้นทางก็จะเจอกับน�ำ้ ตก ทีแ่ ถวนัน้ เรียกว่า Rainforest Lookout แล ้วเดินลงบันไดทีม่ ชี ่อื เสียงของทีน่ ่ี ทีเ่ รียกว่า Furber Steps เป็ นบันไดยาวไม่รูจ้ บ (เขาว่าถ้าได้วง่ิ ขึ้นจะรูซ้ ้งึ ถึงบันไดนี้ทนั ที 23

b side


แต่ พ อดีท างเปลี่ย นใหม่ เ ลยกลายเป็ น วิ่ง ลงแทน) หลัง จากจุด นี้ ก็ จ ะเป็ น บันไดยาวๆ ลงจนไปถึงหน้าผา และเราจะได้ว่งิ เลาะหน้าผาไปเรื่อยๆ ด้วย เป็ นประสบการณ์ใหม่ทไ่ี ม่เคยเห็นในไทยมาก่อน ส่วนใหญ่แลว้ เราจะวิง่ ในเส้นอุทยานแห่งชาติ ซึง่ ทีน่ ่ีเขาพัฒนาเส้นทาง กันหมดแลว้ ทางวิง่ จึงเป็ นทางที่ค่อนข้างดี วิง่ ได้งา่ ย ไม่ค่อยมี Technical มากนักครับ แต่เสียอย่างหนึ่งคือเวลาวิ่งไปแลว้ ผ่านจุดที่สวยๆ เนี่ย นักวิ่ง จะมัวแต่ถา่ ยรูปกัน ยิง่ ผมเป็ นเวฟสุดท้าย แนวหลังสุดๆ ด้วย ท�ำให้เจอเหตุการณ์ ขบวนคนติดกันหลายรอบอยู่พอสมควรเลยครับ ทีส่ งั เกตได้เป็ นพิเศษของการ มาวิง่ ทีต่ ่างประเทศ คือนักวิง่ ชาวออสเตรเลีย เวลาขึ้นเขา พวกเขาใช้แรงมากจริงๆ เพราะเวลาหายใจจะแรงมากเป็ นพิเศษเวลาขึ้นเขา แม้จะเป็ นขัน้ บันไดก็ตาม มีช่วงหนึ่งที่จะขึ้นบันไดช่วงที่เรียกว่า Golden Stairway พวกฝรัง่ ตัวโตๆ จะจ�ำ้ อ้าวขึ้นไปอยู่นนั ่ แหละ แต่สกั พักก็จะน็อก แล ้วก็หยุดพักเลย อีกอย่างคือ นักวิง่ ทีน่ ่ีนบั ว่าเป็ นนักวิง่ มารยาทงามนะครับ เวลาวิง่ ๆ อยู่ ถ้าผ่านบันไดแคบ แลว้ เจอคนสวนลงมา ซึ่งส่วนใหญ่ เป็ นนักท่องเที่ยว (อุทยานแห่งชาติจะมี นักท่องเทีย่ วเสมอ) แบกเป้ ใบโตๆ พร้อมนอนได้ทกุ ที่ พวกนี้จะตะโกนบอกกันว่า Walkers! แลว้ ทุกคนก็จะหลบให้นกั ท่องเที่ยวเดินลงไป นับเป็ นมารยาทดีๆ ทีเ่ ห็นแล ้วประทับใจครับ

วิง่ ได้สกั 8 กิโลเมตรก็หลุดจากบันไดมรณะนี้มาได้ เจอทางวิง่ กว้างๆ สบายๆ ทีส่ ามารถเพิม่ ความเร็วได้แลว้ พอเจอทางแบบนี้นบั ว่าเข้าทางผมเลย วิง่ แบบสนุกสนาน และโชคดีมากทีเ่ หลือบกลับไปมองวิวข้างหลังแลว้ เป็ นภาพ ของ Blue Mountains ทีฟ่ ้ าเปิ ดพอดี สวยงามแบบทีไ่ ม่เคยเห็นมาก่อน ตรงนี้ กินใจผมไปแล ้ว 1 คะแนน ตรงทางวิง่ นี้มชี ่อื ว่า Narrow Neck Fire Trail เป็ นแนวกันไฟของทีน่ ้ ี อ้อ อย่าลืมนะครับ ออสเตรเลียมีปญั หาเรื่องไฟป่ าทุกปี ดังนัน้ อุทยานทุกที่จึงต้องมีแนวกันไฟเพื่อป้ องกันไม่ให้ไฟลามไปไกลครับ แนวกันไฟนี่แหละ ผมว่าเป็ นหนึ่งในไฮไลต์ของงานเลย ยิง่ วิง่ แนวถนนทีต่ ดั กับวิวภูเขาสีนำ�้ เงินตลอดทางมันช่างสวยประทับใจ เหลือเกิน แทบจะอยากหยุดชมวิวตรงนี้สกั ชัว่ โมงเลย แต่กห็ ยุดไม่ได้ เพราะเวลา ไม่ได้หยุดเดินให้เรา เวลาคัทออฟยังคงเหมือนเดิม ดังนัน้ เราก็ตอ้ งไปตามแผน วันนี้ผมบอกกับตัวเองแลว้ ว่า ไม่เร่ง ไม่รีบ กินบรรยากาศให้เต็มที่ ห้ามเจ็บ เพราะอีกสองสัปดาห์มงี านช้างรออยู่ ผมเลยเอารูปมาฝากท่านผูอ้ ่านเพียบครับ งานนี้ วิง่ ไปสักพักก็เจอจุด Check Point แรก ทีน่ีอาหารการกินค่อนข้างดี มีสม้ กล ้วย แตงโม มันฝรัง่ ทอด เยลลี่ และเจลให้พลังงานให้เรากิน จะหยิบไป เท่าไหร่ก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่หยิบจนน่าเกลียด ถ้าจะหยิบเยอะก็ขอเขาก่อน ก่อนจะ ออกไป เจ้าหน้าทีก่ เ็ ตือนผมว่า “Next Station 20 Km.!!” ทีแรกผมก็เข้าใจว่า อ๋อ กม.20 ก็เจอ CP วิง่ อีกสิบกิโลก็ถงึ ละ สบายๆ น�ำ้ ไม่ตอ้ งเติมก็ได้ แต่พอวิง่ ออกมาได้สกั พัก... เอ๊ะ! แต่ถา้ จ�ำไม่ผดิ เขาบอกว่างานนี้มี CP อยู่ 3 จุดเองนะ พอวิง่ ออกมาได้สกั กิโล เปิ ดดูมอื ถือทีแ่ คปไว้ “เอ๊า ตายละ กม.30 โน่น ถึงจะเจอ CP” สรุปคือ 20 กิโลทีเ่ ขาบอกเมือ่ กี ๊ คือระยะทางทีเ่ หลือ... อาเหลียงเอ้ย ได้ใช้ มาตรการประหยัดน�ำ้ แล ้ว... จุดพีคของงานนี้เลย คือปี นบันไดลิง เป็ นไฮไลท์ตงั้ แต่ผมเปิ ดดูในคลิป รีววิ งานละ ว่ายังไงเราก็จะต้องไปสัมผัสให้ได้... แต่มนั ไม่ใช่อย่างงัน้ อะดิ... ตรงทางลงบันไดลิงนี่คนติดยิ่งกว่าตอนแรกอีก พีก่ ุง้ ทีผ่ มแซงได้ตอน กม.16 ก็มาเจอกันอีกทีท่บี นั ไดลิงนี่ล่ะ ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่บอกว่ามีทางลัดลงอยู่นะ แต่ดว้ ยอีโก้ไง อาเหลียงจะลงบันไดลิง... พีก่ ุง้ ซึ่งดูเวลาแลว้ เสียเวลาไปเยอะ ก็เลยใส่เกียร์หา้ ลงทางลัดหายไปเลย ส่วนอาเหลียงก็ยงั คงไม่เปลีย่ นใจ ยังคงรอ บันไดลิงต่อไปอย่างมีความหวัง แต่กว่าจะได้ลงบันไดลิงตามใจหมาย นาฬกิ า ก็ดงั ขึ้น แจ้ง กม.ที่ 20 พร้อมเพซ 57:30... ใช่ครับ กิโลนี้ผมวิง่ ไปเกือบชัว่ โมง... โอ๊ยยยย แต่ไม่สนแล ้ว ได้ลงบันไดลิงยาวๆ แล ้ว ลงไปก็โดนสาวออสซีข่ า้ งบน เหยียบหัวทีสองที โอย เจ๊ครับ จะรีบไปไหน ใจเย็นๆ เพียงอึดใจเดียวเท่านัน้ เท้าก็แตะพื้น... ไม่ถงึ นาที... โอ๊ยยย ตรูจะบ้า นี่ต่อคิวกันมาเป็ นชัว่ โมงเพือ่ ลง แว้บเดียวเท่านัน้ เนี่ยนะ... โป้ งแล ้วบันไดลิง... ว่าแลว้ ก็รีบใส่เกียร์หา้ ลงดอยตามหาพี่กุง้ ต่ อไป กว่าจะตามพี่กุง้ เจอ ก็ กม.26 นัน่ แหละ รูง้ ้ไี ม่ลงบันไดลิงแลว้ รีบเผ่นตามพีก่ งุ ้ ไปก็ดี แต่คดิ อีกแง่ เราก็ได้รบั ประสบการณ์ใหม่ๆ ในการวิ่งลงบันไดลิงเหมือนกันนะ เทรลที่น่ี เวลาวิง่ ผ่านพื้นทีช่ าวบ้าน ตรงทีเ่ ป็ นรัว้ ลวดหนามกัน้ ไว้ ก็จะมีบนั ไดเหล็กท�ำพิเศษ ให้ขา้ มรัว้ ลวดหนามไป จัดว่าน่ารักดี เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าเป็ นบ้านเรานี่ ไม่รูจ้ ะท�ำยังไงเหมือนกันแฮะ กลับ มาถึง CP ตอน กม.30 น�ำ้ ผมหมดพอดี ได้โ อกาสก็เ ติม ซะ ให้เต็มเลย เติมขนมด้วย พร้อมหยิบเจลไปทานสักห่อสองห่อ (สุดท้ายไม่ได้กนิ 24

a side


พาเจลไปเทีย่ วเฉยเลย) และก่อนจะออก เจ้าหน้าทีเ่ ห็นว่าจะมืดแล ้ว เลยแจกเสื้อ สะท้อนแสงให้นกั วิง่ ทุกท่านเพือ่ ใช้ตอนกลางคืน (อันทีจ่ ริงระยะ 50 กิโลเมตร คัทออฟไม่ถงึ กลางคืนหรอก แต่เวลาปล่อยตัวเลือ่ น ทีมงานก็ตอ้ งหาวิธีแก้ไข กันตามนี้ ซึง่ ถือว่าน่ารักดีครับ ใส่ใจดี ผมชอบ) เลยได้เสื้อมาใส่ก่อนแสงจะเริ่ม หายไป แลว้ ผมกับพีก่ ุง้ สองคนไทยชุดสุดท้ายก็เริ่มเดินทางออกจาก กม.30 ทีเ่ รียกว่าเราสองคนเป็ นชุดสุดท้าย เพราะว่าเมือ่ ถึง Check Point ต่อไปนัน้ เราตรวจสอบรายชื่อ ผู เ้ ข้า แข่ ง ขัน พบว่ า พี่วิน ของเรานัน้ จบการแข่ ง ขัน ไป เป็ นทีเ่ รียบร้อยแล ้ว ด้วยเวลา 6:30 ชัว่ โมง (เร็วม๊ากกกกก) ส่วนเรายังโอ้เอ้กนั อยูท่ ่ี กม.37 อยู่เลย ส่วนพีน่ ุ่มเองก็ผ่าน CP นี้ไปตัง้ แต่ 1 ชัว่ โมงทีแ่ ล ้วด้วย ตอนนี้ เริ่มมืดแล ้ว ผมกับพีก่ งุ ้ ก็เลยเอาไฟฉายมาติดหัว แล ้วเริม่ เดินทางในยามวิกาลต่อไป ถึงจุดนี้ เรียกว่าเป็ นจุดวิกฤติของชีวติ ผมเลย เมือ่ พีก่ งุ ้ ทีม่ าด้วยกันตลอด เกิดคึก! เจอแดดเราเดิน เจอเนินไม่สู ้ แต่ถา้ รู ว้ ่าไม่รอ้ น เครื่องจะติดทันที!! ผมขอใช้คำ� ศัพท์วา่ ‘ดีด’ พีก่ งุ ้ เกิดอาการดีดตลอดทาง เดีย๋ ววิง่ ๆ เดินๆ ลงเนิน ก็วง่ิ ยาวๆ ท�ำให้มีช่วงหนึ่ง ประมาณ กม.40 มีเพซ 5 หลุดมาให้เห็นด้วย แล ้วพีก่ งุ ้ ก็เริ่มดีดออกจากผมไปเรื่อยๆ ส่วนตัวผมเอง ถ้าถามว่าให้ตามก็ตามได้ แต่กงั วล เรื่องจะเจ็บขามากกว่า พอนึกได้วา่ เดีย๋ วมีรายการใหญ่รออยู่ ก็ตอ้ งจอดปล่อยให้ พีก่ งุ ้ ดีดไปแซงฝรัง่ มากมายในขาลง อ้อ ลืมบอกไป ชาวต่างประเทศเกือบทัง้ หมด เท่าทีเ่ จอ ดาวน์ฮลิ ล์ (วิง่ ลงเขา) ไม่ค่อยเก่ง เลยเป็ นโอกาสของชาวเอเชียคอเคเชียน กะเหรีย่ งอย่างพวกเรา เก็บอันดับทีไ่ ม่มใี ครสนแล ้วได้บ ้างเล็กน้อย สักพักเราก็เจอเส้นทางในต�ำนานของทีน่ ่ี เขาเรียกว่า Six Foot Track เป็ นเส้นทางทีจ่ ะมีความกว้างอยู่ท่ี 6 ฟุต ตลอดแนว ส่วนความยาวนี่เท่าไหร่ไม่รู ้ จ�ำไม่ได้ รูแ้ ต่วา่ ยาวมาก จนถึงขนาดมีงานแข่งงานหนึ่งของทีน่ ่ใี ช้ชอ่ื เส้นทางนี้เลย เป็ นงานที่มกี ารคัดตัวโหดมาก และจัดมาอย่างยาวนาน ประมาณ 30 ปี แลว้ ซึง่ พีว่ นิ ของเราก็ได้พชิ ติ รายการนี้ไปแล ้วเรียบร้อย ว่าแต่ตอนทีผ่ มก�ำลังร�ำลึกถึง ทีม่ าของเส้น Six Foot Track อยู่น่แี หละ พีก่ งุ ้ ก็โผล่มาข้างหลังผม “เฮ้ย! มาได้ไง ไหนว่าแซงไปแล ้ว” “ฉันหลง” แล ้วพีก่ งุ ้ ก็ดดี ขึ้นบันไดไปอีกที

เส้น ทางต่ อ จากนี้ เ ป็ น บัน ไดล ว้ นๆ บัน ไดหนัก มาก บัน ไดอิน ฟิ นิ ต้ ี (เราเรียกมันว่าอย่างนัน้ ) จนนักวิง่ บางท่านถึงกับนัง่ พักทีข่ นั้ บันไดเลยก็มี ส่วนเรา ก็ค่อยๆ ไป ไม่ได้รบี อะไรอยู่แล ้ว พอหลุดบันไดของ Six Foot Track มา ก็เจอ ทางราบๆ ช่วงสุดท้ายของรายการ ผมเองก็ข้เี กียจตามพีก่ งุ ้ แลว้ เลยมองขึ้นไป บนฟ้ า พักสายตาจากไฟคาดหัวทีส่ ่องพื้นมาหลายชัว่ โมง “นี่มนั ทางช้างเผือก.... ไม่สิ ใช่รเึ ปล่าก็ไม่รู ้ แต่มนั สวยมากเลย” “Beautiful. Isn’t it?” ป้ าชาวออสซีท่ ว่ี ง่ิ ด้วยกันหันหน้ามาคุยกับผม “Yes. I never see a lot of stars like this before in my country. It’s very beautiful” “Yes. It’s Gorgeous. It’s worthy to come here” คุณป้ ากล่าวปิ ดท้าย พร้อมวิง่ ไปต่อพร้อมรอยยิ้ม นับว่าเป็ นกลุ่มดาวที่สวยมากๆ เท่าที่เคยได้เห็นมาจริงๆ ครับ ถึงจุดนี้ ผมปิ ดไฟฉาย ยืนมองท้องฟ้ าอยู่สกั พักหนึ่งเลยครับ กลับ ขึ้น มา เราขึ้น มาวิ่ง ในเมือ งคาทุม บ้า อีก ครัง้ รอบนี้ ว่ิง ตามถนน แต่เมื่อใดก็ตามที่มเี ส้นเทรลเล็กๆ แม้จะสัน้ ขนาดไหน ผูจ้ ดั ก็พร้อมจะพาเรา ฝ่ าตรงนัน้ เข้าไปทันที จนมาถึง CP สุดท้ายทีเ่ ป็ นโรงยิม นักวิง่ 50 กิโลเมตร ส่วนใหญ่กจ็ ะวิง่ วนออกไปเลย แต่ผมแวะไปกินน�ำ้ กินโค้กให้เปรมก่อนจะออกไป อีกที สุดท้ายแล ้ว เราก็วง่ิ เข้า Scenic World ซึง่ เป็ นจุดปล่อยตัวอีกครัง้ ผมได้ยนิ เสียงกระพรวนเรียกวัวอีกครัง้ ก�ำลังใจก็เริม่ มา แสงไฟจากอารยธรรมเริม่ สาดส่อง มาให้เห็น เสียงจากเครื่องเสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ผมวิง่ หลุดออกมาจากกลุม่ ผูค้ น เด็กเล็ก ผูเ้ ฒ่า ผูใ้ หญ่ ทีต่ ่างเชียร์กนั เสีย งดัง กึ ก ก้อ ง เมื่อ ได้เ ห็ น นัก วิ่ง ผุ ด ออกมาจากเส้น ทางทีล ะคนสองคน ผมดีใจมากจนคว้าเฮดแลมป์ ออกมาเหวี่ยง ท�ำเอาเด็กข้างๆ หัวเราะชอบใจ พีว่ นิ ทีว่ ง่ิ จบมาแลว้ สามชัว่ โมงกว่าก็เอาธงชาติไทยมายื่นให้ ผมรีบคว้าไปทันใด แลว้ โบกสะบัดธงชาติไทยผืนเล็กๆ ท่ามกลางกองเชียร์ชาวออสเตรเลียมากมาย ตลอดทาง แลว้ ก็มเี สียงผ่านล�ำโพงออกมาว่า “Congratulations Sillawat. You came so far. Now you can go back and tell your tales about conquering this beautiful blue mountains” ประโยคอาจจะไม่ถูกต้อง แต่ใจความประมาณนี้แหละ เสียงปรบมือกึกก้องอีกครัง้ ผมหันหลังกลับไปดู ให้แน่ ใจว่าไม่มีใคร จะได้มนใจว่ ั ่ าเขาไม่ได้ปรบมือให้คนข้างหลังเรา ก่อนจะไหว้ขอบคุณงามๆ หนึ่งที แลว้ ก็เดินผ่านซุม้ ที่เขียนว่า ULTRA TRAIL AUSTRALIA 2017 ไปอย่าง มีค วามสุ ข พร้อ มกับ ประสบการณ์ ดีๆ จากการผจญภัย ครัง้ นี้ ท่ีน่ า จดจ�ำ ไปอีกนานแสนนาน ปล. เห็นวิ่งช้าๆ ถ่ายรูปชิลล์ๆ แบบนี้ นี่ วิ่งไม่ถงึ 10 ชัว่ โมงนะจ๊ะ

25

b side


T R A I L

THE TRAIL ADVENTURES วิ่งเทรลลองทางดอยอินทนนท์ เรื่อง / ภาพ : Pavida Vowell

สวัสดีค่ะชาว HIP ที่บังเอิญผ่านมาเจอบทความนี้ ที่จะมาบอกเล่า ถึงเรื่องราวของการกีฬาที่ก�ำลังเป็นที่สนใจในขณะนี้ นั่นก็คือ ‘การวิ่ง’ ซึ่งใครๆ หลายๆ คนก็เลือกที่จะวิ่งเพื่อให้เราสุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน

แต่ ในบทความนี้ จะขอพูดถึงการวิ่งอีกแบบหนึ่งที่เพิ่มความท้าทาย มากขึ้น นอกเหนือจากการวิง่ ทางเรียบทีใ่ ครๆ ต่างก็รูจ้ กั ดี อย่างการวิง่ บนถนน สวนสาธารณะ ในสนามกีฬา และบางคนก็อาจะเคยลองลงสนามการแข่งขันจริง ในระยะต่ างๆ ไปจนถึงระยะมาราธอน (42.195 กิโลเมตร) แลว้ นัน่ ก็คือ ‘การวิง่ เทรล (Trail Run)’ ซึง่ ผสมผสานระหว่างการเดินป่ าและการวิง่ ไปด้วยกัน การวิ่งแบบนี้ เรื่องความเร็วอาจไม่ส ำ� คัญเท่ากับความทนทาน เพราะเมื่อ อยู่ในป่ าแล ้ว จะเรียกรถกลับบ้านทันทีกค็ งไม่ได้ หากกล่าวถึงการเริ่มต้นที่จะวิ่งเทรลนัน้ นอกจากเราจะต้องมีร่างกาย ที่แข็งแรงแลว้ ก็ตอ้ งมีใจรักษ์ธรรมชาติ รู จ้ กั รักษาทรัพยากรของส่วนรวม ให้คงอยู่ตลอดไป เมือ่ คนพร้อมแลว้ ก็ต่อด้วยเรื่องการเตรียมตัวต่อ หากคุณ มีพ้นื ฐานในการวิง่ หรือเดินป่ าอยูแ่ ล ้ว ทีเ่ หลือก็จะเป็ นเรือ่ งของการเตรียมอุปกรณ์ ของการวิง่ เทรล ซึง่ อาจมีเพิม่ ขึ้นมาสักหน่อยจากการวิง่ ปกตินะคะ เราขอจ�ำแนก

26

a side

อุปกรณ์เป็ น 2 ประเภท คือ ‘อุปกรณ์แนะน�ำ’ กับ ‘อุปกรณ์บงั คับ’ โดยส่วนตัว ของเรานัน้ หากว่ า ไปซ้อ มเอง ไม่ ว่ า จะซ้อ มวิ่ง สัน้ หรือ ยาว ก็ ต อ้ งมีเ ป้ น�ำ ้ (กระเป๋ าที่สามารถบรรจุนำ�้ ไว้ภายใน), ชุดปฐมพยาบาล (First Aid Kit), ยากันยุง, ขนมห่อเล็กๆ แบบพกพาง่าย, โทรศัพท์มอื ถือพร้อมซองกันน�ำ้ , เสื้อกันฝน และเงินสด (ไม่ค่อยพกเหรียญ เพราะจะเกิดเสียงกระทบกัน ระหว่างการวิง่ ) มากล่าวกันต่อในเรื่องของอุปกรณ์ 2 ประเภท คือ อุปกรณ์แนะน�ำ และ อุปกรณ์บงั คับ ซึง่ ถ้าหากเข้าร่วมการแข่งขันวิง่ เทรลจะได้พบเจอ 2 ค�ำนี้แน่นอน 1. อุปกรณ์แนะน�ำ ได้แก่ แว่นกันแดด, ครีมกันแดด, ขนม, แก้วน�ำ้ แบบพกพา (แต่ บางงานวิ่งก็เป็ นอุปกรณ์บงั คับ ถ้าไม่นำ� ไปก็จะไม่มภี าชนะ ใช้ดม่ื น�ำ ้ โดยส่วนตัวชอบเพราะได้ช่วยลดการใช้พลาสติกสิ้นเปลือง), ยากันยุง, ยาประจ�ำตัว, เงินสด, ถุงมือ


2. อุปกรณ์บงั คับ (ซึง่ หมายถึงว่าควรมีตดิ ตัวไว้เสมอ ถ้าไม่มคี ุณอาจ ได้กลับบ้านในทันที) ได้แก่ เป้ นำ�้ ทีส่ ามารถบรรจุนำ�้ ได้ตงั้ แต่ 1.5 - 2 ลิตร, ไฟฉาย คาดศีรษะ พร้อมแบตเตอรี่สำ� รอง 1 - 2 ชุด, นกหวีด, ภาชนะดืม่ น�ำ้ , แผนที่ เส้นทางการแข่งขัน, โทรศัพท์มอื ถือ, เสื้อกันฝน (บางที่ทงั้ เสื้อและกางเกง), ชุดปฐมพยาบาล และ หมายเลขประจ�ำตัวการแข่งขัน (BIB) ซึง่ ในบางงานเจ้าหน้าทีจ่ ะสุม่ ตรวจอุปกรณ์ทก่ี ล่าวมาข้างต้น เพราะฉะนัน้ โปรดศึกษาข้อมูลการแข่งขันทุกครัง้ นะคะ ล่าสุดเมือ่ วันอาทิตย์ท่ี 4 มิถนุ ายน 2560 ทีผ่ ่านมา เราได้ไปร่วมทดสอบ เส้นทางการวิง่ เทรลและปลูกป่ า ณ น�ำ้ ตกแม่ยะ อ�ำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ในงาน โครงการรักษ์ป่าต้นน�ำ้ ดอยอินทนนท์ ‘ยิง่ เทีย่ ว ยิง่ เขียว’ หรือ MSIG Thailand Action Asia 50 - ZERO Edition ซึง่ จัดโดย Action Asia (www.actionasiaevents.com/our-events/upcoming-events/2017msigthai/overview.html) และได้รบั การสนับสนุ นจากอุทยานแห่งชาติ ดอยอินทนนท์ การทดสอบเส้นทางการวิง่ ในครัง้ นี้มที งั้ หมด 3 ระยะด้วยกัน ได้แก่ระยะ 50, 20 และ 10 กิโลเมตร จ�ำกัดจ�ำนวนผูเ้ ข้าร่วมเพียง 100 คน โดยผูท้ ส่ี นใจ จะต้อ งท�ำ การลงทะเบีย นล่ว งหน้า ระยะที่เ ราได้เ ข้า ร่ ว มทดสอบคือ ระยะ 50 กิโลเมตร และต้องไต่ระดับความสู งราว 2,100 เมตรจากระดับน�ำ้ ทะเล โดยก�ำหนดการปล่อยตัวคือเวลา 6:00 - 18:00 น. ในวันเดียวกัน ในงานนี้ ผูจ้ ดั การแข่งขันได้เตรียมจุดให้บริการน�ำ้ ไว้จำ� นวน 7 จุด (Check Point) และแต่ละจุดจะมีเวลาตัดตัวย่อยอีกทีหนึ่ง

เมื่อ การปล่อ ยตัว เริ่ม ขึ้น ทุก คนก็ ก า้ วเท้า เข้า สู่ ท างเทรลมุ่ง หน้า ไป ให้ทนั เวลา Cut Off ใน CP1 ซึง่ จากจุดสตาร์ทนัน้ มีระยะห่าง 5 กิโลเมตร ตามทีผ่ ูจ้ ดั ได้ให้ขอ้ มูลก่อนหน้านี้ แต่พอมาถึงกิโลเมตรที่ 3.4 เราก็เจอ CP1 โดยไม่รู ต้ วั ตามปกติเ มื่อ ถึง CP เราก็ จ ะแวะเติม น�ำ้ เติม ท่ า กิน ของกิน ตามอัธยาศัย แต่ครัง้ นี้ไม่ได้เติมน�ำ้ เพราะคิดว่าคงพอจนกว่าจะถึง CP ถัดไป แต่ พ อวิ่ง ต่ อ มาเรื่ อ ยๆ คิ ด ในใจว่ า ท�ำ ไมยัง ไม่ ถึง CP2 สัก ที น�ำ้ ก็ ห มด เริ่มเกิดอาการหิว พี่ท่ีอยู่ ดว้ ยกันเลยถามเจ้าหน้าที่ท่ีข่ีมอเตอร์ไซค์ผ่านมา ว่าจุดให้นำ�้ ต่อไปอยู่อีกไกลมัย้ คะ? เจ้าหน้าที่ตอบว่าไม่ไกลครับอีกนิดเดียว เราก็ดีใจ อีกนิดเดียวเอง กัดฟันต่ อไปจนมาถึง CP2 จนได้ ซึ่งผู จ้ ดั งาน (Race Director) อยู่ตรงนัน้ พอดี แล ้วเขาก็เอ่ยมาว่า “คุณผ่านจุดทีย่ ากทีส่ ุด ของ Race มาแล ้วนะ!” เราหันไปมองนาฬกิ า นี่เพิง่ 11 กิโลเมตรเองนะ ผ่านจุด ยากทีส่ ุดแล ้วเหรอ ถ้าอย่างนัน้ เราก็คงจบก่อนเวลา 10 ชัว่ โมงได้แน่นอน เอ้า! มีกำ� ลังใจ มุง่ หน้าต่อไปสู่ CP3 ไร่กาแฟของโครงการหลวง ที่ CP นี้ มีขา้ วเหนียวน่องไก่ให้เรากินเป็ นมื้อเทีย่ ง แต่นึกออกมัย้ คะ พอเราเหนื่อยมากๆ เราก็จะกินอะไรไม่ค่อยลง ตอนไปถึง CP3 เจ้าหน้าที่ให้เซ็นชื่อ เติมน�ำ้ ในเป้ หยิบไก่มาหนึ่งน่องพร้อมข้าวเหนียว แต่พอถึงเวลาจริงๆ กินได้แค่ครึง่ น่องเท่านัน้ จากนัน้ ก็วางมือแลว้ ก็ไปต่อ เส้นทางนี้ผ่านไร่กาแฟซึ่งสวยมากๆ เขียวสดชื่น มีฝนลงมาปรอยๆ ให้คลายร้อนกันไป เย็นฉ�ำ่ กันแล ้วก็มงุ่ หน้าสู่ CP4 ระหว่างสองข้างทางมีตน้ สนตลอดทัง้ ทาง เส้นทางส่วนใหญ่ เป็ นทางเดินรถของชาวบ้านอยู่แลว้ ไม่ตอ้ งใช้เทคนิคมาก วิง่ มาเรือ่ ยๆ จนเจอเจ้าหน้าทีป่ ระจ�ำ CP4 ทีจ่ ดหมายเลขประจ�ำตัวของเรา ก่อนจะ 27

b side


ยืน่ ต้นกลา้ ให้นกั วิง่ กันคนละต้นเพือ่ น�ำไปลงดิน ณ จุดทีเ่ จ้าหน้าทีเ่ ตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็ นกิจกรรมที่ให้นกั วิ่งได้มสี ่วนร่วม โดยส่วนตัวเราชอบกิจกรรมนี้นะคะ ถึงงานครัง้ นี้จะเป็ นการทดสอบสนามก็จริง แต่ก็มกี จิ กรรมทีท่ ำ� ให้ผูม้ าร่วมงาน ได้ตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิน่ ทีเ่ ราไปเยือนด้วย หลังจากปลูกกลา้ เสร็จแลว้ ก็ตอ้ งเดินไปทีย่ อดเขาต่ออีกนิดแลว้ กลับตัว ลงมา เมื่อ ไปถึง ตรงจุด กลับ ตัว เท่ า นัน้ แหละค่ ะ เราก็ต อ้ งตาเป็ น ประกาย เพราะว่าฝัง่ ซ้ายก็เป็ นภูเขาหินสีนำ�้ ตาลชื่อว่า ‘เขาหัวเสือ’ ส่วนด้านขวาทีส่ ามารถ เดินถึงได้นนั้ ก็มหี นิ ตัง้ ขนาดใหญ่ซง่ึ ความสูงน่าจะราว 10 เมตรตัง้ อยู่ ใหญ่กว่า ตัวเราเยอะเลย เมื่อมาถึงตรงหินตัง้ ก้อนนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราไปแตะหิน แล ้วกลับตัวลงไป เสร็จจากไฮไลท์ของงานแลว้ ก็มุ่งหน้าต่ อไปที่ CP5 เจอทางลงบ้าง ให้หายเหนื่อยจากการไต่ทางชัน เจอถนนคอนกรีตบ้างเป็ นบางช่วง ช่วงไหน วิง่ ลงเบาๆ ได้กว็ ง่ิ แต่ไม่กล ้าวิง่ เร็วมากค่ะ เพราะยังเจ็บๆ ข้อเท้าจากงานก่อน ทีม่ นั สะสมมาเรื่อย (เจ็บนะคะ แต่ไม่ค่อยจะจ�ำ) เอาล่ะ! เวลา 12:30 น. มาเจอ CP5 จนได้ ซึง่ CP5 และ CP6 เนี่ยมันคือ CP เดียวกัน ตรงนี้กย็ งั คงมีนำ�้ ดืม่ และผลไม้บ ริ ก ารแก่ น ัก วิ่ง ส่ ว นพี่เ จ้า หน้า ที่ต รงนี้ ก็ เ ป็ น นัก วิ่ง เหมือ นกัน อะไรทีเ่ ขาอยากช่วยเขาก็จะช่วย เช่นเติมน�ำ ้ แกะผลไม้ เติมเกลือแร่ ต้องขอบคุณ มากเลยค่ะ จริงๆ เป็ นเรื่องง่ายทีน่ กั วิง่ ท�ำเองได้ แต่ ณ เวลานัน้ คนมันเหนื่อย แค่มาช่วยเติมน�ำ้ ให้กด็ ใี จแล ้วค่ะ

แต่ในความใจดีของเจ้าหน้าทีต่ รงจุดนี้กแ็ ฝงความโหดอยู่ในตัว ตอนเรา เติมน�ำ้ เสร็จเรียบร้อยและจะมุ่งหน้าต่อ ก็ถามทางว่าไปทางไหน เขาก็ช้ ีลงไป ข้างล่าง คิดในใจว่าหมูๆ แล ้วค่ะทีน้ ี ในหัวคิดถึงค�ำพูดของ Race Director ว่า “คุณผ่านจุดทีโ่ หดทีส่ ุดมาแล ้ว” อ้าว! เขาพูดเรื่องจริง! แต่ไม่เลย พอลงไปแล ้ว ถึงระยะที่ 3.6 กิโลเมตรก็ตอ้ งกลับขึ้นมาทางเดิม อะไรนะ! ลงไป 3.6 กิโลเมตร คือดิง่ ลง แล ้วเวลาขึ้นก็ตอ้ งไต่ข้นึ แถมต้องมาให้ทนั Cut Off ก่อน 13:00 น. เรากับเพือ่ นก็เป็ นกลุม่ สุดท้ายด้วย ค�ำนวณกันว่าถ้าลงไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย น่ าจะ 3 ชัว่ โมง เลยไม่ไปดีกว่า เพราะกลัวว่าจะกลับถึงเส้นชัยแลว้ มืดค�ำ ่ เราไม่ไ ด้คุ น้ เส้น ทางเหมือ นในเขาในดอยตัว เมือ งเชีย งใหม่ เลยตัด สิน ใจ ไม่ลงไปค่ะ แน่นอนเลยระยะหายไปราว 7 กิโลเมตร หลังจากการตัดสินใจที่จะไม่ลงไปและมุ่งหน้าไปที่ CP7 เราก็มาเจอ ถนนคอนกรีตที่มีทงั้ ขึ้นและลง พร้อมกับอากาศที่รอ้ นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยค่ ะ คิดในหัวแลว้ ว่าถ้ามีโค้กเย็นๆ ก็คงดี แต่งานทดสอบสนามก็ไม่ได้คาดหวัง ว่ า จะมีอ ะไรเตรีย มให้ส มบู ร ณ์ แ บบเหมือ นงานแข่ ง มีอ ะไรให้กิ น ก็ กิ น ไป เรื่องมากไม่ได้ สุดท้ายสวรรค์ก็มาอยู่ตรงหน้า นัน่ ก็คือร้านขายของช�ำที่มี ตูแ้ ช่เครื่องดื่มเย็นๆ อยู่ ไม่รอช้าหยิบน�ำ้ อัดลมออกมาจากตูท้ นั ที จ่ายเงินให้ ป้ าเจ้าของร้าน มานัง่ พักรับลมทีเ่ ก้าอี้ซง่ึ จุดทีน่ งั ่ นัน้ เป็ นช่องลมพอดี ลมผ่านหน้า เย็นสบาย มองไปไกลๆ เห็น Race Director โบกมือเรียก เราเห็นแลว้ ว่า เขาเรียกแต่ขอพักก่อนเดีย๋ วค่อยลุกไป นัง่ ไปสักพักเท่านัน้ ล่ะค่ะ พีแ่ กเดินมาตาม 28

a side


แลว้ ก็ถามสารทุกข์สุกดิบว่าเป็ นยังไงบ้าง จากนัน้ พีแ่ กก็เตือนว่า ถ้าคุณอยู่ใน การแข่งขันทีฮ่ ่องกงหรือสนามนานาชาติประเทศอืน่ คุณคงโดนตัดสิทธิ์ให้นงั ่ รถ กลับบ้านไปเรียบร้อยแลว้ (นี่เป็ นความรู ใ้ หม่เลยว่า เราควรศึกษากฎกติกา ของสนามนัน้ ๆ ให้ดี ไม่งนั้ คงนัง่ เครื่องบินไปเสียเทีย่ วเสียค่าตัวฟรี ๋ ) โอเคค่ะ ลุกไปต่อ มุง่ หน้าไป CP สุดท้าย แต่ก่อน CP สุดท้ายเขามีจดุ ให้น�ำ้ อีกจุดหนึ่งค่ะ ก็เติมน�ำ้ กินแตงโมกันไป ทีต่ อ้ งเติมน�ำ้ เพราะว่าเหลืออีก 10 กิโลเมตรกว่าจะถึง เส้นชัย เอ้า! พร้อมไปต่อให้มนั จบๆ สักทีค่ะ อยากกลับบ้านจะแย่แล ้ว เอาล่ะ 10 กิโลเมตรสุดท้าย วิง่ ๆ จ๊อกๆ หน่อยละกัน วิง่ ไปได้สกั พัก อะไรๆ ก็ดไี ปหมดค่ะ แต่กม็ าเจอทางลงคอนกรีตยาวๆ เนี่ยแหละค่ะ จุดอ่อน ของเรา เจอทางแบบนี้จะเจ็บข้อเท้าทุกที แล ้วก็ไปต่อได้ไม่ไวอย่างทีห่ วัง มาเรือ่ ยๆ จน 3 กิโลเมตรสุดท้าย เจอทางเทรลทีผ่ ูกริบบิ้นงานสีชมพู สีสม้ เอาล่ะขึ้นเขา อีกรอบ มาๆ ทางเทรลอย่างนี้แหละพีช่ อบ มาเรือ่ ยๆ ตามริบบิ้นไม่มหี ลงแน่นอน แต่ชกั สงสัยว่าท�ำไมไม่เจอใครเลยล่ะ? จะถอยกลับก็ตอ้ งเจอคอนกรีตอีก ไปก็ได้ ไปทางนี้แหละ (ซึง่ เขาลูกนี้เป็ นเขาลูกแรกทีเ่ คยผ่านมาแล ้ว ไปทางนี้ตามริบบิ้น ยังไงก็ไม่หลงแน่นอน) ไปเรื่อยๆ เดีย๋ วขึ้นเดีย๋ วลง สลับฟันปลาตามริบบิ้นทีเ่ ขา ผูกไว้ จริงๆ ก่อนหน้านี้กม็ เี พือ่ นนักวิง่ ทีว่ ง่ิ มาด้วยกัน แต่พอเจ็บข้อเท้าก็ให้เขา ไปกันก่อนเลย 3 กิโ ลเมตรสุ ด ท้า ยของเราก็ เ ป็ น การบุก ป่ าฝ่ าดง ลื่น สะดุ ด รากไม้ ยังไม่พอเจอฝนกระหน�ำ่ เข้ามาอีก แต่ เย็นดีค่ะ เหมือนตัวเองอยู่ในสารคดี

สัตว์โลกมีชวี ติ อะไรสักอย่าง จนในทีส่ ุดก็ได้ยนิ เสียงผูค้ นทีเ่ ส้นชัยปรบมือยินดี ที่ร อดมาได้ เพื่อ นทุก คนที่ม าด้ว ยกัน ก็ ม ารอรับ เราอยู่ เก่ ง กัน ทุก คนเลย โดยเฉพาะคนทีจ่ บ 50 กิโลเมตร ยินดีดว้ ยจริงๆ ร่างกายและจิตใจของเพือ่ นๆ ถือ ว่า ไม่ธ รรมดา ขอนับ ถือ นัก วิ่ง ผู จ้ ดั งานนี้ และเจ้า หน้า ที่ทุก คนที่ดู แล อ�ำนวยความสะดวกแก่พวกเราทุกคน ขอบคุณค่ะ สรุปว่าระยะทีเ่ ราท�ำได้นนั้ คือ 42 กิโลเมตร ไม่เต็มตามจ�ำนวนทีต่ งั้ ใจ ส่วนงานทดสอบสนามครัง้ นี้ เต็ม 10 ให้คะแนน 8.9 เพราะไม่ค่อยปลื้ม ทางถนน แต่สุดท้ายก็ข้นึ อยู่กบั ผูจ้ ดั และผูท้ เ่ี กี่ยวข้องหลายๆ ฝ่ าย ใครอยากแข่ง สนามจริงทีม่ ปี ลายปี น้ ี วันที่ 17 ธันวาคม 2560 รีบสมัครเลยค่ะ และอย่าลืม ซ้อมมาเยอะๆ กับอ่านข้อมูลการแข่งขันให้ละเอียดนะคะ งานนี้ทุกคนจะได้ เก็บความประทับใจกลับบ้านแน่นอน The mountains are calling and I must go!

29

b side


J O U R N E Y & A M A Z I N G D I S H E S คอลั ม น์ Journey & Amazing Dishes เกิ ด ขึ้ น มาได้ เ พราะความตื่ น เต้ น ของเราที่ ไ ด้ ไ ปเจอ-ชิ ม -กิ น อาหาร จากการที่ เ ราได้ ไ ปเที่ ย วในต่ า งประเทศหรื อ แม้ แ ต่ ในประเทศเอง อาหารนั้ น ๆอาจจะไม่ ว ้ า วววส� ำ หรั บ หลายคน แต่ อี ก หลายคนว้ า วววแน่ ๆ เพราะไม่ รู ้ จั ก เช่ น เดี ย วกั บ เรา บางที อ าจจะไม่ ใ ช่ อ าหารที่ แ ปลกหรื อ อาจเป็ น อาหาร พื้นบ้านธรรมดา แต่ก็ท�ำให้เราว้าวววได้ จนเราต้องไปค้นหาสูตรเพื่อจะได้ปรุงรสชาติให้เหมือนหรือคล้ายที่สุด และบางทีก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราประยุกต์ขึ้นมาเป็นเมนูใหม่ๆ ซะเลย

NASI LEMAK @ MELAKA MALAYSIA เรื่อง / ภาพ : Missน�้ำปู๋

Wowww …อยากมาหลายวันแล้ว กินเลยๆ!!! ณ ร้าน Honky Tong Havent Cafe ถนน Lorong Hang Jebat, Melaka

01

‘มะละกา’ เราเลือกมาเทีย่ วเมืองนี้เพราะเราไม่เคยมา... ฮา!!! เป็ นเมืองทีเ่ ดินทางไม่นาน ไม่ยาก และเพราะเราชอบสถาปัตยกรรม แบบ Chino - Portuguese ด้วย ถ้าได้มาแล ้วเรามุง่ มันว่ ่ าต้องกิน Nasi Lemak และ Nasi Goreng ทีป่ ระเทศต้นต�ำหรับให้ได้ เพราะเราไปติดใจ Nasi Lemak ซึง่ มีขายบนสายการบินแอร์เอเชีย นัน่ เอง... มีเวลาเที่ยว 3 คืน 4 วัน เฉพาะมะละกา เราก็สบายๆ ไม่เร่งรีบ ช้าๆ มาพักผ่อนจะรีบไปไหน (ก็เป็ นงี้ทกุ ที) เทีย่ วเฉพาะ ในเมืองอย่างเดียวเลย เราชอบเดินก็เดิน... วันแรกไปถึงตอนบ่ายแก่ๆ เขามีถนนคนเดิน Jonker Street Night Market แน่ นอน ต้องเดิน... โดยรวมของทีข่ ายไม่โดน (อีกละ) เป็นของจากจีนซะส่วนใหญ่ เดินเบื่อ ก็ ห าร้า นนัง่ พัก ดื่ม ดีก ว่ า ไก่ ส ะเต๊ะ กับ เบีย ร์เ ย็น ๆ นังริ่ มถนนร้าน Geographer Cafe (ร้านดัง) ดูผู ้คน ดูอาคาร สวยงามแบบ Chino - Portuguese พักแล ้วก็เดินต่อ อีกหน่อยจนปรุ ของงาน Craft ก็ไม่มอี ะไรให้ซ้อื แต่ทเ่ี ห็นขายกันเยอะคือน�ำ้ ตาลมะพร้าว (Gula Malaka) …หิวละ เลือกร้านทีค่ นไม่เยอะก็ผดิ หวัง กับรสชาติ เดินคอตกออกมาเจอสามล ้อตกแต่งด้วย Hello Kitty เปิ ดเพลงดิสโก้เสียงดังไฟกะพริบ คอตกไปใหญ่ โอ้วววว ไม่เอาเราไม่ชอบ ถ้าจะนัง่ สามลอ้ เราอยากให้เขาเปิ ดเพลงแบบ Tradition และไฟไม่ตอ้ งดิสโก้ขนาดนัน้ ก็ได้ จะได้กลมกลืนกับ การเป็ นเมืองมรดกโลกแบบนี้ ก็เลยต้องเดินกลับทีพ่ กั (ของชอบ) ไม่เสียตังค์ดว้ ย

02

04

03

Amazing Dish @ Honky Tong Haven Cafe 30

a side


Nasi Goreng by ครัวHIP ดูสูตร Nasi Goreng (ข้าวผัดมาเลเซีย) ได้ท ่ี www.hipthailand.net > Food&Place > Recipe > 2017

อีก วัน เราเดิน ถ่ า ยรู ป อาคารแบบ Chino - Portuguese จนหน�ำใจ เข้าไปดูบ ้าน Malaqa House ทีเ่ ขาท�ำบ้านเป็ นพิพธิ ภัณฑ์ ได้อารมณ์ประมาณโรงแรมออนออนที่ภูเก็ต และเดินเล่นดูเมืองต่ออีกหน่อย บ่ายนัง่ เรือล่อง แม่นำ�้ มะละกา สองข้างทางสะอาดสวยงาม มี Graffiti ตามอาคารริมน�ำ้ ให้เห็นเกือบตลอด ดีจงั ... พอตกเย็น เราต้องหา Nasi Lemak และ Nasi Goreng กินและอยาก นัง่ ริมแม่นำ�้ ด้วย เดินหาแล ้วก็เจอร้านชื่อ Honky Tong Havent Café …ชื่อ ร้า นก็ โ ดนแล ว้ รีบปรี่เข้าไปถามว่ามีเมนู Nasi Lemak หรือ Nasi Goreng ไหม? ...มีครับ! นังริ่ มน�ำ้ ดูเรือผ่านไปมา อากาศตอนเย็นค่อยยังชัวขึ ่ น้ เพราะกลางวัน ร้อนมาก ร้อนชื้นเหนียวตัว... พอชายหนุ่มผิวเข้มผมยาวเดินเอาอาหาร มาเสิ ร ์ฟ ปุ๊ บ... Woww …อยากมาหลายวัน แล ว้ กิ น เลยๆ!!! ทัง้ Nasi Lemak และ Nasi Goreng ก็มาวางตรงหน้าและหมดไป อย่างรวดเร็ว (รูป Nasi Goreng หายไป)... Nasi Lemak อร่อยมาก เข้มข้น ส่วน Nasi Goreng ก็เป็ นข้าวผัดทีห่ อมอร่อยจากเครื่องเครา สมใจอยากเราแล ้ว....

06

05

07

10

08

01 อาคารร้านค้าริมแม่น�้ำมะละกา 02 อิฐบล็อคหญ้าเก๋ๆ 03 Honky Tong Haven Cafe 04 มุมหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบ Chino - Portuguese 05 Malaqa House อารมณ์ใกล้เคียงกับโรงแรมออนออนที่ภูเก็ต 06 Heeren House อาคารสีขาวโดดเด่นริมแม่น�้ำ 07 Graffiti ริมแม่น�้ำ 08 สามล้อ Hello Kitty 09 โบสถ์บริเวณ Dutch Square 10 มะละกายามค�่ำ

09 31

b side


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.