HIP MAGAZINE ISSUE 144 : OCTOBER 2016 (SECTION B)

Page 1

1

b side


CONTENTS O c t o b e r 2 0 1 6 V o l. 1 2 N o. 1 4 4

Cover Story 03 Food & Place Special 08 Bike Route 10 Bike Trip 12 Bike Safe 14 Bike Friend 15 Bike Review 16 Travel 18 Trip 24

COVER STORY

FOOD & PLACE SPECIAL

BIKE ROUTE

BIKE TRIP

BIKE SAFE

BIKE FRIEND

03

BIKE REVIEW

COVER STORY ครั้งก่อนไปปั่นกันที่ปาย แต่รอบนี้ HIP และ ททท.แม่ฮ่องสอน ชวนนักปั่นจากเชียงใหม่ และกรุ ง เทพฯ ปั ่ น จั ก รยานจากเชี ย งใหม่ ไปจนถึ ง อ� ำ เภอปายกั น เลย ในกิ จ กรรม ‘HIP ปั ่ น ไปปาย’ ที่ ง านนี้ มี ค รบทุ ก รสชาติ ไม่ว่าจะปั่นกันยาวนานหลายชั่วโมง เจอแดด เจอฝน เจอลมหนาว เจอดอยชัน และเจอ ความสุขใจเมื่อไปถึงที่หมาย

16

TRAVEL

BIKE REVIEW

Friedrichshafen อาจจะเป็นแค่เมืองเล็กๆ เมื อ งหนึ่ ง ในเยอรมนี ส� ำหรั บ คนทั่ ว ไป แต่สำ� หรับนักปัน ่ จักรยานแล้ว ทีน ่ ค ี่ อื สถานที่ จัดงาน Euro Bike ซึ่งเป็นจุดหมายที่คนรัก จักรยานจากทัว่ โลกมุง่ หน้าจะไปเยือน ซึง่ งาน Euro Bike ปี นี้ เราก็ มี ทั้ ง เรื่ อ งราวและ ภาพบรรยากาศภายในงานมาฝากกันด้วย

digital contents www.hipthailand.net

18

TRIP

TRAVEL

ตอนที่ 2 ของการเดินทางไปตามหาความฝัน ของบรรณาธิการผู้ช่วยของ Hip ที่สวีเดน กั บ ระยะทาง 110 กิ โ ลเมตรที่ ใ ช้ เ ท้ า เดิ น ตลอดทริป, ครั้งแรกที่แบกของที่หลังกว่า 15 กิโลกรัมและเดินเองทั้งหมด 6 วัน 5 คืน ในเส้นทางเดินเทรลที่สวยติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เพื่อพิสูจน์ว่าแรงใจจะชนะแรงกาย หรือเปล่า...


COVER STORY

#HIP ปั่นไปปาย

ปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวจากเชียงใหม่ ไปปาย 21 กันยายน 2559 เรื่อง: HIP Editor ภาพ: HIP Thailand

แลว้ ทริป #HIPปัน่ ไปปาย ก็ถูกก�ำหนดขึ้น ด้วยการสนับสนุ นหลักจาก การท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย (ททท.) ส�ำนักงานแม่ฮอ่ งสอน โดยการปัน่ ไปปายในครัง้ นี้ ทาง HIP ก็มี โค้ชจุย๋ (คุณจุย๋ จุย๋ ส์ คนด�ำ คนดี คนเดิม ของพวกเรานัน่ แหละครับ) เป็ นผู ้น�ำและผู ้ดูแลการปัน่ มีคณ ุ อ้น (แห่งการท่าอากาศยาน จ.เชียงใหม่) และชาวคณะ เป็ นทีป่ รึกษา ในฐานะทีเ่ พิง่ จะปัน่ ไปปายมาเมือ่ เดือนสิงหาคมทีผ่ ่านมา พร้อมกับ ร่วมปัน่ ไปด้วยกัน สรุปแล ้ว ทริป #HIPปัน่ ไปปาย ครัง้ นี้ มีนกั ปัน่ ทีร่ ่วมทริปทัง้ หมด 16 คัน จากเชียงใหม่ 12 คัน คือ บก.HIP (ผมเอง), จุย๋ จุย๋ ส์, อ้น, ยิ้มยิ้ม, เต้, ไอจ์, โอม, เมท, บุค๊ , อุม้ , ทศ และ แบงค์ (ซึง่ มากกว่าครึง่ ได้เคย ‘ปัน่ ไปปาย’ แล ้วเมือ่ กลางเดือน สิงหาคม) และมาจากกรุงเทพฯ 4 อีกคัน คือ พีฟ่ ู และ น้าอัน๋ (Stories Group) กับ พีเ่ ปา และ ชัช ผมคุยกับจุย๋ และอ้นว่า แนวทางของ #HIPปัน่ ไปปาย ในครัง้ นี้คอื ไม่เร่งรีบ ไม่ได้ปนั ่ แบบแข่งขัน แต่ปนั ่ แบบท่องเทีย่ ว ค่อยๆ ปัน่ ไป แวะพัก แวะกิน บ่อยหน่อย ใครไม่ไหวก็อย่าฝื น หยุดพักได้ มีรถกระบะขนจักรยาน มีรถเซอร์วสิ ใครพักแล ้ว อยากปัน่ ต่อก็ได้ แต่เน้นย�ำ้ เป็นพิเศษคือเรือ่ งความปลอดภัย และการดูแลช่วยเหลือกัน ระหว่างการปัน่ เมือ่ ปัน่ ไปถึงทางเขาแล ้ว อาจจะแบ่งเป็ นกลุม่ หน้าสุด กลุม่ กลาง และ กลุม่ รัง้ ท้าย ก็ให้ไปตามนัน้ ไม่ตอ้ งรอกัน แต่จะมีจดุ ใหญ่ๆ ทีท่ กุ คันต้องรอกันหมด (นัน่ หมายถึงว่ากลุม่ หน้าจะต้องหยุดนานหน่อย) และอีกอย่างคือ งานนี้มบี นั ทึกทัง้ วิดโี อ และภาพนิ่ง (เพียบ!)

ระยะทางจากเชียงใหม่ถึงอ�ำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถ้านั่งรถตู้ประจ�ำทาง ดูเหมือนว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าขับรถไปเอง บางคนใช้เวลาน้อยกว่า 3 ชั่วโมง ในขณะที่บางคน ใช้เวลา 4 ชั่วโมงหรือมากกว่า เพราะจอดแวะพัก (หาอะไรกิน หรืออ้วก) หลายครั้ง แต่ถ้านั่งเครื่องบินไป ก็ใช้เวลาแค่ 20 นาที เท่านั้นเอง, แล้วถ้าปั่นจักรยานไปล่ะ... จะใช้เวลาสักเท่าไหร่? จะปั่นไป ไหวมั้ย? ไหวสิครับ (ผมบอกตัวเอง) ...และตอนนีถ้ นนจากเชียงใหม่ไปปาย ก็ดแี ล้ว เรามาปัน่ จักรยาน ไปปายกันดีกว่า

3

b side


พุธ 21 กันยายน 2559

จากจุดนัดหมายรวมตัวกันทีห่ น้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ เชียงใหม่ ถนนเลียบคันคลอง ฝนเริม่ ลงเม็ดโปรยลงมา ตัง้ แต่ทย่ี งั ถ่ายรูปกัน ไม่เสร็จ เอ้า! #HIPปัน่ ไปปาย กันครับ เปี ยกก็เปี ยก จักรยานทัง้ 16 คัน ค่อยๆ ปัน่ เรียงกันไปแบบไม่เร่งรีบ คือความเร็วแบบท่องเทีย่ วจริงๆ เราใช้ถนนเส้นใน ของแม่รมิ ทีต่ ดั เข้าไปทางวัดป่ าดาราภิรมย์ ทะลุไปออกทางคุม้ เสือ แล ้วลัดเลาะ ไปออกเส้นในที่ไปทางบ้านควายไทย หรือที่หลายคนเรียกกันว่าทางไป พระพุทธบาทสีร่ อย ทีเ่ ราใช้เส้นนี้ เพราะผมรูส้ กึ ว่าทางสวย น่าปัน่ รถยนต์ ไม่เยอะมาก และเรามีเป้ าหมายที่จะไปกินกาแฟ แซนวิช ซุป ที่รา้ นกาแฟ หลวงพะบางกลางนา ทีเ่ พิง่ ย้ายจากหน้าวัดโป่ งน้อยไปอยู่แถวนัน้ ได้ไม่นาน (ร้านอยูใ่ กล ้ๆ บ้านหนองปลามันครับ อ่านรายละเอียดได้ทห่ี น้า Bike Friend) ก็โดนฝนพร�ำกันมาตลอด จนฝนหยุด หลังจากถึงร้านกาแฟหลวงพะบางกลางนา เป้ าหมายจุดแวะพักส�ำหรับอาหารเช้าของเราจะอยูท่ ร่ี า้ นกาแฟแป้ นเกล็ด (ทีห่ ลายคนคุน้ เคย) แต่ผดิ แผนครับ วันนัน้ ร้านแป้ นเกล็ดปิ ด! เราเลยได้แวะ เติมข้าวเช้ากันที่รา้ นกรีนเฮ้าส์ก่อนถึงแป้ นเกล็ดเล็กน้อย และหลังจากที่ เติมข้าวเช้ากันแล ้ว จุดต่อไปทีท่ กุ คันจะต้องเจอกันก็คอื โอเคมาร์ท ซึง่ ถือว่า เป็ นครึง่ ทางปาย ก็ดๆู แล ้วน่าจะต้องไปอีกเกือบๆ 30 กม. และหนังชีวติ เรือ่ งแรก ของหลายๆ คน รวมทัง้ ตัวผมก็เริ่มต้นขึ้นครับ เพราะปัน่ อยู่ในกลุ่มหลัง ไปได้สกั พัก สายตาก็มองไปที่ Heart Rate บน Garmin ทีพ่ ่งุ ขึ้นเรื่อยๆ 170 175 180 185 190 191 192 193 เฮ้ย หยุดดีกว่า! ท�ำไมวะ เกิดอะไรขึ้น? สรุปว่า กว่าจะปัน่ ไปถึง โอเคมาร์ท ผมต้องหยุดพักให้ฮาร์ทเรทดาวน์ลงถึง 2 ครัง้ แต่กไ็ ปถึงโอเคมาร์ทจนได้ละ่ ครับ ตรงจุดพัก โอเคมาร์ท เราตกลงกันว่าจะยังไม่กนิ ข้าวกลางวัน แต่จะไป กินกันทีข่ ้าวซอยอิสลาม ข้าวหมกไก่ ซุปหางวัว ตรงแม่แสะ ทีอ่ ยูห่ า่ งออกไป อีกราว 10 กม. แต่... ฝนตกอย่างหนักอ่ะครับ และผมก็ทะเล่อทะล่าออกตัว ก่อนคนอืน่ ก่อนทีฝ่ นจะตกไปกับพีฟ่ ู (กรุงเทพฯ) สองคน ปัน่ ไปได้สกั 1-2 กม.

4

b side


ก็ตอ้ งวกรถปัน่ กลับมาติดฝนกับทุกคนทีโ่ อเคมาร์ท ด้วยสภาพทีเ่ ปียกชุม่ ไปทัง้ ตัว (ทัง้ สอง) แล ้วทุกคน ทุกคัน ก็เลยต้องกินมื้อกลางวันกันทีโ่ อเคมาร์ทนัน่ แหละ พักนานพอสมควรจนฝนหยุดตกขาดเม็ด ก็ได้เวลาเดินทางปัน่ กันต่อ จุดนัดหมายต่อไปจึงข้ามร้านข้าวซอยไปเป็ นจุดชมวิวถ่ายรูป ร้านกาแฟรักจัง ซึง่ หลายๆ คนพูดกันว่า หนังชีวติ เรือ่ งใหม่ได้เริม่ ขึ้นแล ้ว เพราะทางมีแต่จะขึ้นเขา ไปเรือ่ ยๆ แต่ผมกลับแปลกใจตัวเองมาก คือ หลังจากออกมาจาก โอเคมาร์ท ผมกลับสามารถควบคุมการเดินทางของตัวเองได้ดี ปัน่ ไปเรือ่ ยๆ หัวใจไม่ขน้ ึ สูงมาก ไม่ถงึ กับเหนื่อยมาก บางช่วงปัน่ ไปคุยกับจุย๋ ไปว่า รถทีข่ บั เส้นนี้บางคันเขาคงว่า พวกเราบ้าเนอะ มาปัน่ จักรยานขึ้นเขาเพือ่ ไปปายกัน โดยเช่ารถตูม้ าวิง่ ไปรับ พวกเรากลับ 5555 นี่กระมังครับ ทีเ่ ขาเรียกว่า ปัน่ จักรยานแล ้วมีความสุข ปัน่ ขึ้นเนิน ผ่านดอย ขึ้นเขา ไปเรือ่ ยๆ ขึ้นแล ้ว ขึ้นอีก แล ้วผมก็พาตัวเอง บนจักรยานมาถึงจุดนัดพบกับคนอื่นๆ จนได้ แม้ว่าผมจะอยู่ในกลุ่มหลัง แต่ผมก็ยงั รูส้ กึ ว่า เรีย่ วแรงยังมีเหลือ และปายใกล ้เข้ามาแล ้ว.. จากจุดชมวิวร้านกาแฟรักจัง อ้น - ผูม้ ปี ระสบการณ์ปนั ่ มาปายแลว้ เมือ่ เดือนสิงหาคมทีผ่ า่ นมา ชี้ให้ผมและคนอืน่ ๆ ดูป้ายทีบ่ อกว่าอีก 7 กม. ก็จะถึง ห้วยน�ำ้ ดัง ดูจากตัวเลขเหมือนจะ ‘แค่’ 7 กม. เอง แต่จริงๆ แล ้วเป็ น 7 กม. ทีเ่ ป็ น หนังชีวติ ครบรส เพราะเส้นทางไต่ข้นึ ไปเรือ่ ยๆ และก็เจอหมอกอยูเ่ รือ่ ยๆ จุย๋ จุย๋ ส์ ทีค่ อยปัน่ ประคองกลุม่ หลังและสือ่ สารกับกลุม่ หน้าบอกกับผมว่า เดีย๋ วจะเจอ หมอกหนามองเห็นได้แค่ 20% สักพักก็พบว่าผมค่อยๆ ปัน่ ค่อยๆ ปีน ค่อยๆ ไป กับพี่ฟูอยู่สองคัน และเริ่มจะมองอะไรข้างหนาไม่เห็นแลว้ เห็นแต่ไฟท้าย รถจักรยานพีฟ่ ูกระพริบแดงๆ ตัดสายหมอก ท�ำให้นกึ ขึ้นได้วา่ ผมเองกดปิ ด ไฟท้ายรถไปแล ้วนี่นา นึกขึ้นได้ดงั นัน้ จึงขอจอดเพือ่ เปิ ดไฟท้ายกระพริบแดงๆ ป้ องกันรถยนต์มาเสยจากด้านหลัง ส่วนรถข้างหน้าทีส่ วนทางมา เกือบทุกคัน เปิ ดไฟหน้ามาเลยล่ะครับ หลังจากผ่านหมอกหนามา ผมก็ปนั ่ มาได้เรื่อยๆ แต่ในใจก็คดิ ว่าท�ำไม 7 กม.นี้มนั ช่างไกลนัก จนสักพัก เราก็เห็นป้ าย ‘ห้วยน�ำ้ ดัง’ ก็รูส้ กึ ใจชื้นว่า เดีย๋ วคงถึง สักพักก็เห็นป้ าย ‘ห้วยน�ำ้ ดัง’ อีก แล ้วสักพักก็เห็นป้ ายอีก แต่ทำ� ไม ไม่ถงึ สักที 555 แล ้วพวกเรากลุม่ ท้ายก็มาถึง (ทางเข้า) ห้วยน�ำ้ ดัง ซึง่ กลุม่ ทีม่ าถึงก่อน รอคอยที่จะถ่ายรูปหมู่ดว้ ยกัน ก็ใช้เวลากันอีกพอสมควรกว่าจะได้ตงั้ ขบวน เคลือ่ นตัวต่อไป เส้นทางจากห้วยน�ำ้ ดังไปยังสะพานประวัตศิ าสตร์ปาย ขึ้นชือ่ ในเรื่องทางลงทีช่ นั และหักศอกอยู่หลายช่วง ทัง้ ทีมจึงต้องบรีฟและเตือนกัน เป็ นพิเศษเรือ่ งความระมัดระวังในการลงเขา และการเข้าโค้ง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถนนที่เปี ยกและลื่น โดยพวกเรานัดเจอกันที่ป้อมต�ำรวจตรงทางแยกไป อ�ำเภอกัลยาณิวฒั นา แต่เอาเข้าจริงๆ กว่าจะเจอทางลงชันๆ ก็ยงั มีทางขึ้นเนินอีกหลายเนิน จนมาถึงป้ ายเตือนทางลงเขายาว 9 กม. ก็เอาล่ะสิครับ ผมเองเป็ นคนกลัวๆ เรื่องการลงเขา จึงพยายามท�ำความช้าเป็ นพิเศษ ด้วยการใช้เบรคไปเรื่อยๆ เพราะมีความเชือ่ และความมันใจว่ ่ ารถเราเป็ นดิสก์เบรค ยังไงก็ชวั ร์ ทีน้ ีแหละครับ เรื่องตื่นเต้น ชวนเสียวก็มาเยือน (เฉพาะผม) นัน่ คือ รถดิง่ ลงเขา เลี้ยวหักศอกบ้าง หักธรรมดาบ้าง มาได้สกั 6 - 7 กม. ผมก็ใช้เบรค ช่วยมาตลอด จนกระทัง... ่

เฮ้ย!!! เบรคไม่อยู่ เกิดอะไรขึ้น ตะโกนบอกจุย๋ จุย๋ ส์ท่อี ยู่ดา้ นหลัง ในขณะทีร่ ถก็พ่งุ ลงด้วยความเร็ว แต่ดว้ ยสติทด่ี ี ทีพ่ ยายามควบคุมรถให้อยู่ ในถนน (แม้จะมีอาการสะบัดอยูบ่ ้าง) จนกระทังเบรคที ่ ใ่ ช้เริม่ ท�ำให้รถลดความเร็ว ลงได้ และสามารถจอดได้โดยไม่ล ้ม (เฮ้อ!) จุย๋ และเต้ทต่ี ามมาติดๆ ช่วยกันดูให้ สรุปว่าน่าจะเป็ นเพราะผมก�ำเบรค นานไป ใช้เบรคมากไป จนดิสก์เบรคร้อนจัด เลยเบรคไม่อยู่ (อ้าว!) ชนิดทีว่ า่ เอาน�ำ้ จากกระติกติดรถราดทีจ่ านเบรคปุ๊ บควันขึ้นโขมงปั ๊บเลยล่ะครับ ในเวลานัน้ ผมตัด สิน ใจเอารถจัก รยานขึ้น รถกระบะ (เจอน้อ งเมทอีก คนที่ย างรัว่ ) แลว้ ลงมาพร้อมกับนักปัน่ กลุ่มหลังเจอกับพวกที่ล่วงหน้ามาก่อนที่จุดนัดพบ ซึง่ เมือ่ จานดิสก์เบรคหายร้อนแล ้ว ก็ปรากฏว่า รถจักรยานผมสามารถใช้งานได้ ตามปกติ ท�ำให้ได้ประสบการณ์ตรงอันน่ าตื่นเต้นว่า จะเบรคอะไรก็เถอะ อย่าไปใช้เยอะ ใช้นาน (โคตรตืน่ เต้น!) จากจุดนัดพบเราตัง้ ขบวนเข้าสู่เขตอ�ำเภอปาย พร้อมกับแวะถ่ายรู ป ทีส่ ะพานประวัตศิ าสตร์ปาย โดยทีมอ้นและชาวคณะ 10 ชีวติ จบทีจ่ ดุ นี้ คือ แวะเช็คอินพักทีบ่ รุ ะล�ำปาย ก่อนทีจ่ ะไปปาร์ต้ตี ่อกันตอนค�ำ ่ ในขณะที่ ผม จุย๋ และทีมกรุงเทพฯ อีก 4 คนต้องเข้าไปค้างคืนทีต่ วั เมืองปาย (ระยะทางอีกประมาณ 10 - 11 กม.) ซึง่ ผมกับจุย๋ เห็นว่า เอาจักรยานขึ้นรถกระบะเลยก็ได้ เพราะเรา ถ่ายรูปหมูท่ ส่ี ะพานกันไปแล ้ว ถือว่าจบทริปแล ้ว และอีกอย่างคือ หิวเบียร์แล ้ว แต่ชาวกรุงเทพฯ อยากปัน่ เข้าไปให้ถงึ ที่พกั ในตัวเมือง... เอ้า ปัน่ ก็ปนั ่ ครับ หนังชีวติ เรือ่ งสัน้ ๆ ส�ำหรับชาวกรุงอีก 4 - 5 เนินล่ะครับ #HIPปัน่ ไปปาย สนุก เหนื่อย ตืน่ เต้น ท้าทาย และมีความสุขกับการปัน่ รวมทัง้ มิตรภาพของคนทีม่ าปัน่ ด้วยกัน กับระยะทางร่วม 130 กว่า กม. (ขึ้นไป นัง่ รถกระบะอยูร่ าว 3 กม. ส่วน Garmin และ Strava ในโทรศัพท์ ก็แบตหมด ไประหว่างทาง) และผมได้บอกกับตัวเองว่า เส้นทางสายนี้จะกลับไปปัน่ อีกแน่นอน แต่ขอเพียงปี ละครัง้ ก็พอนะครับ ทีจ่ ะปัน่ จากเชียงใหม่ไปปาย

ขอขอบคุณ - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส�ำนักงานแม่ฮ่องสอน - REVERIE SIAM RESORT www.reveriesiam.com - PAI RIVERCORNER RESORT & RESTAURANT www.pairivercorner.com - คุณพี่หมี บุระล�ำปาย - และนักปั่นผู้ร่วมทาง กับทีมเซอร์วิสทุกๆ คน 5

b side


บางความรู้สึกที่คนปั่น #HIPปั่นไปปาย อยากจะบอก 21 กันยายน 2559 พวกเราชาวเชียงใหม่และกรุงเทพ ควบจักรยานคู่ใจ ปัน่ ไปปายกัน โดยใช้ชอ่ื เรียกในทริปนี้วา่ #HIPปัน่ ไปปาย ทริปนี้มคี วามสุขเป็ นแรงขับเคลือ่ น และมีมติ รภาพเป็ นก�ำลังเสริม ความแข็งแรงของทุกคนไม่เท่ากัน แต่เราก็ไป กันจนถึง ระยะทางจากเชียงใหม่ไปยังอ�ำเภอปาย ร้อยกว่ากิโลเมตร และการไต่เขา กว่าสองพันเมตร มันไม่มผี ลต่อจิตใจทีจ่ ะท�ำให้พวกเราท้อเลย ทุกคนตาเป็นประกาย ใบหน้าแฝงไว้ดว้ ยความมุ่งมัน่ ต่างก็ไปด้วยก�ำลังของตัวเอง พวกเราไปกัน ไม่เร็วมากนัก และแวะจอดเป็ นระยะ เน้นสนุก ปลอดภัย แม้จะมีอปุ สรรคอยูบ่ ้าง ทัง้ ยางรัว่ ยางแตก เบรคไม่อยู่ ฝนตก ถนนลืน่ แต่เราทุกคนก็ผ่านมาได้ โดยไร้อบุ ตั เิ หตุ ก็ดว้ ยการช่วยเหลือดูแลกัน จนถึงอ�ำเภอปาย... ในการปัน่ จัก รยานทริ ป นี้ มัน คื อ ความสุ ข ครับ ดัง่ สโลแกนที่ว่ า ‘HAPPY RIDE HAPPY LIFE’ ทีผ่ มได้ใส่ไว้ดา้ นข้างของเสื้อจักรยาน HIP ทีผ่ มออกแบบมาล่าสุด ทีใ่ ส่ปนั ่ ไปปายในครัง้ นี้... ปัน่ มาเป็ นครัง้ ที่ 2 ของชีวติ ล่ะฮะ พอรู ว้ ่าพี่โหน่ ง จัดทริปปัน่ ไปปาย ผมนี่ลุน้ ตัวโก่ งเป็ นแมวขู่เลย ขอให้มนั ตรงกับวันหยุด เพราะวันหยุดของเดือนนี้ขอเพิม่ ขอแลกไม่ได้แล ้ว พอพี่เขา Final วันมา ตรงกับวันหยุดเราพอดี เยสสสสสสส!!! หัวใจ มันก็เฟรชชช สดชื่น อยู่ดๆี ก็ได้กลิน่ ดอยลอยมาเลยยย 5555+ เอาจริงๆ ที่อยากไปอีก เพราะติดใจทุกสิ่งทุกอย่ างที่ได้สมั ผัส จากการปัน่ เส้นทางนี้มาตัง้ แต่คราวทีแ่ ลว้ พอมาครัง้ นี้ก็มาเจอซะครบเลย ทัง้ ฝน แดด โคลน หมอก ลม อากาศหนาว...สะใจว่ะ! ฟิ นนนนนมาก ยิง่ ท�ำให้รูส้ กึ อยากปัน่ มากปายอีก, ตอนทีข่ ายังปัน่ อยู่ ในหัวก็คดิ ตลอดนะว่า คิดถึงว่ะ นี่จะเสียดายขนาดไหนนะ ถ้าไม่ได้มา ถึงแม้วา่ ณ ตอนนัน้ ยังปัน่ ไม่ถงึ ปาย... เอ่อเห้ย มันดีจริงๆ นีแ่ หล่ะการปัน่ ทีม่ คี วามสุข ‘ปนั ่ ไปปาย’ ไปเถอะ อยากให้ลองปัน่ ไปสักครัง้ ถ้ามีโอกาส ไม่มอี ด มีจดุ แวะพักตลอด ข้าวซอย ข้า วหมกอร่ อ ย (จ�ำ เขามาไม่ไ ด้กิน เอง) และ... อย่ า กลัว ที่จ ะเหนื่ อ ย เพราะปัน่ ไปไหนก็เหนื่อย (ส่วนตัว) ลองเปลีย่ นเส้นทางการเหนื่อยบ้างก็ได้...

- จุ๋ยจุ๋ยส์ สุทธิพงศ์ สุทินรัมย์ (เชียงใหม่) ศิลปินอิสระ, นักร้อง, นักดนตรี, นักออกแบบ, นักปั่นจักรยาน

- ยิ้มยิ้ม ณัฏฐนิช พรหมมาแบน (เชียงใหม่) Receptionist, Bangkok Airways 6

b side


#HIP ปั่นไปปาย

ความสุข และ ความสนุก เกิดขึ้นทุกครัง้ ทีไ่ ด้ทรมานตัวเองอยู่บนหลังอาน กว่า 8 ชัว่ โมงในการเดินทางจากเชียงใหม่สู่อำ� เภอปาย และนี่เป็ น ครัง้ ที่ 2 แลว้ ที่ปนั ่ มาปาย ใช้ระยะเวลาห่างแค่เดือนกว่าๆ และใช้เวลา ในการซ้อมน้อยมาก ถือว่าไปด้วยใจล ้วนๆ …ทริป #HIPปัน่ ไปปาย ในครัง้ นี้ ทัง้ ทีมงานและผูร้ ่วมชะตากรรม ปัน่ ไปปายในครัง้ นี้ สุดยอดมากจริงๆ ค่ะ เพราะบอกได้เลยว่าทางหฤโหดมาก แต่ทกุ คนปัน่ กันด้วยใจไปด้วยกันจนจบ ขอบคุณพีๆ่ สายเซอร์วสิ ทุกท่าน ทีค่ อยให้กำ� ลังใจเชียร์ตลอดทาง …เส้นทางปายในครัง้ นี้ถอื ว่าได้ครบทุกรสจริงๆ ค่ะ ก่อนออกปัน่ ฝนเริ่มปรอยๆ มีเค้าลางว่าจะได้ลุยฝนเป็ นแน่ แต่ก็ไม่หนักมากปัน่ ได้ อากาศเย็น ความเร็ว เชิง ท่ อ งเที่ยว เอาแบบทัน ได้เชยชมบรรยากาศ ของสองข้างทางระหว่างปัน่ พอเข้าเส้นทางไปปายตรงแป้ นเกล็ด เจอเลยจ้า แดดจ้ามาเชียว อื้มหืมมม ท�ำเราร่างกายเกือบฮีททีเดียว ไปได้ครึง่ ทางร่มไม้มี ลมเย็นมา ไม่พลาดค่ะ ฝนตกหนักมาก 55555 ไม่ทอ้ ค่ะ จอดค่ะหลบฝน ทีโ่ อเคมาร์ท พักทานข้าวไปจ้า พอฝนหยุดรีบพากันออกเดินทางต่อ ถึงทาง จะเปี ยกแต่พวกเราก็ปนั ่ กันแบบเซฟๆ ค่อยๆ ไป พอขึ้นความสูงไปเรื่อยๆ อากาศเริม่ เย็นค่ะ มีทงั้ หมอกทัง้ ปรอยฝน เอาเข้าจริงไม่ได้รูส้ กึ เย็นหรอกค่ะ เพราะร่างกายมันฮีท ตามการ์มนิ อุณหภูมอิ ยู่ราวๆ 15-16 องศา หลังจาก จุดทางเข้าห้วยน�ำ้ ดังจะเป็ นทางลงเขาทีค่ ดเคี้ยวและชันมาก ทางเปี ยกด้วย การลงจึงต้องมีสติและระวังเป็ นอย่างมาก แต่ในใจนี่คดิ เลย 555 ทางของฉัน เพราะขาขึ้นเขานี่ตามกลุม่ ไม่ทนั เลยจริงๆ ปัน่ แบบโดดเดีย่ วมาเรือ่ ยๆ ขาลง เลยขอท�ำเวลาไม่ให้ห่างไปกว่านี้ ถ้า ถามว่ า เหนื่ อ ยมัย้ เหนื่ อ ยค่ ะ แต่ ก็ ป ัน่ ไปชมสองข้า งทางไป พอเห็นวิวแล ้วหายเหนื่อยเลยค่ะ เพราะวิวทีเ่ ห็นมันสวยมากจริงๆๆๆๆๆๆ สุดท้ายนี้ เฟื อง 32 ทีเ่ ปลีย่ นมา ต้องพาไปปรับทัศนคติดๆี อีกสักครัง้ เพราะรูส้ กึ รอบขามันเยอะจนตะคริวถามหาทุกทีเลย ขอขอบคุณเพิม่ เติม #QED ใส่ดจี งึ บอกต่อ #EPtransports สะดวก มากหากไปเป็ นกลุม่ ...

(ไม่ตายหยังเขียด และไม่ยากอย่างทีค่ ดิ ) แค่เริ่มต้นคิดว่าจะปัน่ จักรยานจากเชียงใหม่ไปปายก็คงจะเหนื่อย ตาลายหรือเป็ นลมล ้มพับจนน่องระเบิดก่อนถึงแน่ๆ ขนาดขับรถไปยังยาก ล�ำบากเพราะความชันขึ้นเขาไม่รูจ้ ะกี่พบั นัง่ รถยังหลับไม่กล ้าตืน่ กลัวเมารถ สุดท้ายก็ไม่มอี ะไรยากเกินกว่าทีเ่ ราจะท�ำไม่ได้ถา้ ร่างกายได้รบั การฝึ กฝนมา การปัน่ ไปปายด้วยระยะทาง 135 กม. คราวนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย สนุก รืน่ เริงบันเทิงใจ เส้นทางขึ้นเขาไต่เนินยาวๆ มิตรภาพจากน้องๆ เพือ่ นร่วมทาง อบอวลไปด้วยความสุข ตื่นเต้นกับเส้นทาง แม้จะยากล�ำบาก แต่กส็ วยงาม ด้วยต้นสนสองใบทีข่ ้นึ ในพื้นทีส่ ูงระหว่างสองข้างทางทีผ่ า่ น และอากาศเย็น แถมฝนตกชุ่มฉ�ำ ่ ใครๆ ก็สามารถปัน่ มาถึงปายได้ถา้ ใจได้ ร่างกายก็ได้ ขอบคุณพีโ่ หน่ง สมชาย บก. HIP Magazine ที่ชวนมาทรมานสังขาร #HIPปัน่ ไปปาย ครัง้ นี้ … คราวหน้า ถ้าไม่ชวนมีงอนแน่นอน!

- ไอจ์ มนตรา แสงวรรณา (เชียงใหม่) Baggage Service บริษัท BAGS Ground Services

- พี่ฟู วรพจน์ จันทร์หนองสรวง (กรุงเทพฯ) Stories Group

นี่ยงั คิดถึงปายอยู่เลย ปัน่ ความเร็วหลักหน่วย จ�ำนวนผู ้ร่วมชีวติ หลักสิบ หัวใจหลักร้อย เบิรน์ หลักพัน กินหลักหมืน่ รูปหลักแสน ความประทับใจหลักล ้าน…

- เมท ภัทรี โรจนโรวรรณ (เชียงใหม่) TOONGs Coffee

7

b side


FOOD & PLACE SPECIAL

EAT THE BEST, LEAVE THE REST กินอิ่ม นอนอุ่น @ ปาย เรื่อง / ภาพ: วัฒนาวรรณ, ศมนภรณ์

หลังจากนักปัน่ ทัง้ 16 ชีวติ ปัน่ จักรยานกันอย่างเหน็ดเหนือ่ ยจากเชียงใหม่จนถึงจุดหมายปลายทางทีป่ าย อาหารและการพักผ่อน ก็ถอื เป็นเรือ่ งส�ำคัญทีไ่ ม่ควรละเลย อาหารอร่อยกับบรรยากาศดีๆ เป็นของคูก่ นั หากมากับกลุม่ เพือ่ นทีร่ ใู้ จคงท�ำให้ทริปสนุก จนไม่อยากกลับ และการนอนบนเตียงนุม่ ๆ หลับสบาย ก็คงจะช่วยบรรเทาอาการเมือ่ ยล้าให้เรารูส้ กึ สดชืน่ กันวันใหม่

Pai RiverCorner Resort & Restaurant เสพสุขความอร่อย ริมน�้ำปาย

ที่ตั้ง : 94 หมู่ 3 ต.เวียงใต้ อ.ปาย (ถนนคนเดิน ติดริมน�้ำปาย) เปิด : Resort 08:00 – 24:00 น. / ห้องอาหาร 08:00 - 22:00 น. โทร : 0-5369-9049, 08-1413-5145 Facebook : Pai RiverCorner Resort Website : www.pairivercorner.com

หากใครได้มโี อกาสไปปาย ต้องไม่พลาดอีกหนึ่งลิสต์ท่คี วรท�ำ นัน่ คือการกินข้าวริมน�ำ้ ปาย ที่ Pai RiverCorner จากร้านเราจะเห็นวิว แม่นำ�้ ปายยาวสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศชิลล์เอ้าท์สุดแสนโรแมนติก ร้า นอาหารของที่ น่ี ไ ด้ร ับ การปรับ ปรุ ง ใหม่ จ ากแม่ ค รัว ฝี มือ ฉกาจ ที่บ อกเลยว่ า รสชาติ ไ ม่ ธ รรมดา อาหารไทยที่น้ ี เ น้น ความจัด จ้า น กลมกล่อม หรือจะสัง่ เป็ นอาหารกินเล่นกินคู่ กบั การจิบเบียร์เย็นๆ ก็เก๋ไม่นอ้ ย หากใครเน้นความสะดวก ก็มอี าหารจานเดียวไว้บริการทุกมื้อ จะมากินมื้อเช้า กลางวัน หรือเย็นก็ได้ นอกจากนี้เครื่องดืม่ ก็ดไี ม่แพ้กนั เช้าๆ จิบกาแฟร้อนๆ หอมละมุน นัง่ สบายอารมณ์ดูววิ แม่นำ�้ ให้ช่นื ใจ 8

b side


Reverie Siam Silhouette Bar & Restaurant อิ่มเอม อบอุ่น สวยงามและผ่อนคลาย

ที่ตั้ง : 476 หมู่ 8 ต.เวียงใต้ อ.ปาย เปิด : Reverie Siam, 24 ชั่วโมง (Front 07:00 - 23:00 น.) Silhouette Bar & Restaurant, Breakfast 07:30 - 11:00 น. Lunch 12:00 - 15:00 น. Dinner 17:30 - 22:30 น. (ครัวปิด 21:30 น.) โทร : 0-5369-9870, 09-3164-1574 Facebook : Silhouette by Reverie Siam Website : www.reveriesiam.com

เหมือ นได้ย อ้ นเวลากลับ ไปอยู่ ใ นยุ ค ที่ ผู ห้ ญิง แต่ ง ตัว Gatsby กับ ดนตรีแ จ๊ซ ซ์แ บบ Louis Armstrong – Billie Holiday เมื่อประมาณ 80-100 ปี ท่ีแลว้ ซึ่งอยู่ในช่ วงที่ สยามประเทศ รับเอาอิทธิพลของศิลปวัฒนธรรม จากตะวันตกเข้ามาด้วย... เราติดอยู่ในภวังค์น้ กี เ็ พราะบรรยากาศของ โรงแรม Reverie Siam ทัง้ สถาปัต ยกรรม, การออกแบบภายในที่เป็ นแบบ Colonial และ ของประดับตกแต่งแบบ Antique… รวมถึงเพลง ที่เ ปิ ด คลอเบาๆ บริ เ วณห้อ งอาหาร ซึ่ง ก็ เ ป็ น เพลงเเจ๊ซซ์ยุคเก่าด้วยเช่นกัน Silhouette Bar & Restaurant เป็ นห้อ งอาหารในโรงแรม Reverie Siam ซึ่งเป็ นส่วนที่เราได้สมั ผัสบรรยากาศและลิ้มรส อาหารตอนย�ำ่ ค�ำ่ ด้วย Tapas & Wine ในส่วนของ เมนู Tapas เช่น Chef’s Board (รวมอาหาร เรี ย กน�ำ้ ย่ อ ยต่ า งๆ ที่เ ชฟคัด สรรมาให้แ ล ว้ ),

HIP Recommend :

Beer Batter (ปลาค็อดชุบแป้ งทอดกับเบียร์) กัดลงไปแล ้วรูส้ กึ ถึงแป้ งทีก่ รอบและเนื้อปลานุ่มๆ ที่ปรุงรสได้กลมกล่อมทีเดียว... อีกเมนู ท่ตี ิดใจ คือ Lamb Kebab Tapas (เนื้อแกะเสียบไม้ย่าง) หอมนุ่มละมุนอร่อยมาก... กินดืม่ คู่ไปกับทัง้ ไวน์ขาว และไวน์แดงทีค่ ดั สรรมาให้ได้เลือกอย่างหลากหลาย ทัง้ ไวน์จ ากโลกเก่ า และโลกใหม่ . .. แต่ ว่ า ก็ มี Imported Craft Beers ให้สำ� หรับคนที่ชอบ ดืม่ เบียร์ดว้ ยนะ ส�ำหรับอาหารเช้า... พอเรานัง่ ลงปุ๊ บ วิวทิวเขา สีเ ขีย วกับ หมอกบางๆ เอื่อ ยๆ ก็ อ ยู่ ต รงหน้า พร้อมกับอาหารเช้าทีท่ ำ� ให้เราประทับใจเป็ นอย่างยิง่ เพราะเป็ นแบบ A La Carte ดูเมนูแล ้วน่ากินไปหมด จนอยากจะสังมากิ ่ นซะทุกเมนู ... ทุกอย่างใน Reverie Siam นี้มรี สนิยม... พนักงานก็เป็ นกันเอง ท�ำให้รูส้ กึ อบอุน่ จนสัมผัสได้ ถึ ง ค�ำ ว่ า อิ่ ม เอม... อบอุ่ น ... สวยงามและ ผ่อนคลาย....

Chef’s Board / Lamb Kebab Tapas / Breakfast 9

b side


BIKE ROUTE

DIFFICULTY TIGER เสือล�ำบาก เรื่อง / ภาพ: ฝาฟา

ถ้ า เป็ น คนเชี ย งใหม่ ก็ คงเคยได้ยินบ่อยครั้งว่า เชียงใหม่เป็น สวรรค์ ของนักปัน่ โดยเฉพาะนักปัน่ จากเมืองกรุงทีไ่ ด้มาสัมผัสบรรยากาศความชิลล์ ของเนินภูเขาอันแสนวิเศษอัศจรรย์ ที่นักปั่นเชียงใหม่บางคนขึ้นลงเป็นว่าเล่น จนแทบเรียกกันเล่นๆ ว่าเนินหลังบ้าน ไอ้เราก็เกิดทีเ่ ชียงใหม่ไม่เคยจะไปไหนไกล มั น ก็ ค งจะชิ น ตา บางที ไ ด้ ยิ น ค� ำ ชมค� ำ อวยจากนั ก ปั ่ น ที่ ไ ด้ ล องมาสั ม ผั ส บรรยากาศปั่นที่เชียงใหม่ ก็รู้สึกว่า โห อะไรจะดีขนาดนั้นเลยเหรอ เดี๋ยวนี้ รถเก๋งก็เริม่ เยอะ ความเจริญก็เข้ามา ถนนหนทางก็ไม่ได้ชลิ ล์ขนาดนัน้ สักหน่อย แล้วมันจะเหมาะกับค�ำว่าสวรรค์ของนักปั่นเลยเหรอ?

10

b side

จนกระทัง่ ผมได้มกี ิจที่จะต้องย้ายมาอาศัยในเมืองกรุงสักพัก (นี่คือสาเหตุท่ีผมถูกลักพาตัวไปจากหน้ากระดาษของ HIP ไงครับ) แน่นอนว่ามันต้องมีความท้าทายต่อการเปลีย่ นแปลงไลฟ์สไตล์พอสมควร และอย่างยิง่ ยวดกับไลฟ์สไตล์การออกก�ำลังกาย ก่อนทีจ่ ะย้ายทีพ่ กั มาอยู่ ในเมืองกรุง ผมก็วางแผนไว้บ้างแล ้วแหละว่าจะเอาจักรยานมาด้วย ก็เรามัน คนเคยปัน่ ทุกเช้าเย็น ซ้อมแข่งเป็ นอาจิณอยู่แลว้ จะให้เลิกได้อย่างไร ก็วา่ จะไปปัน่ เลียบมอเตอร์เวย์ไรงี้ (เคยได้ยนิ ผ่านๆ อยูท่ างทิศไหนก็ไม่รู)้ หรือเอารองเท้าวิง่ มาสักคู่ วิง่ ซิต้รี นั เกร๋ๆ ไปสิ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่อย่างทีค่ ดิ ตอนอยูเ่ ชียงใหม่ผมสามารถ ตืน่ หกโมง ค่อยๆ ละเมียดใส่เอีย๊ มจัดเสื้อปัน่ แขนสแปนเด็กซ์อย่างชิลล์ๆ เข็นรถออกจากบ้านมาปัน่ ออกไปไม่ถงึ 10 นาที ก็ได้ข้นึ ดอยสุเทพเกร๋ๆ ลงมาจิบลาเต้สักแก้ว ไปท�ำงาน 9 โมง ยังทัน แต่ทน่ี ค่ี อื ??.... แบบ เห้ย อะไร


หกโมงเช้าคนออกมาท�ำงานกันแล ้ว รถเต็มถนน รถเมล์วง่ิ กันกระหึม่ หรือจะไปปัน่ ทีเ่ ขาปัน่ ๆ กันก็คงไม่พน้ สนามฟ้ าสุวรรณภูมิ ผมนัง่ เล็งเส้นทางในกูเกิลแมพสตรีท ประมาณสองสัปดาห์เต็มๆ เพือ่ จะปัน่ ไป ซึง่ โดยระยะทางมันก็แค่ 30 กิโลเมตร คือถ้า 30 กิโลที่เชียงใหม่น่ีชิลล์มาก ปัน่ ไปเลยแบบไม่ตอ้ งคิด แต่ท่นี ่ีตอ้ งคิด จะไปดีไม่ไปดี ต่อให้วันไหนเตรียมตัวดีๆ ก็ตามเถอะ จูงรถลงไปหน้าหอ ได้ยนิ เสียง รถวิง่ กันไคว่ (ค�ำไทยแปลว่าทัว)่ ถนน ใจมันก็ปอดละ ตัง้ แต่อยู่เมืองกรุงมาเกือบ 3 เดือนได้ออกปัน่ ไกลทีเดียว ก็คือติดรถเก๋ง พีท่ ร่ี ูจ้ กั กันไปปัน่ ทีส่ นามฟ้ า อะ ก็วนไปดิ 3 รอบ ภาพเดิมๆ แฮนด์ ล ้อ เลน ล ้อ แฮนด์ เลน ล ้อ เลน สาว ล ้อ แฮนด์ วนอยูแ่ ค่เนี้ย ถ้าเป็ นเชียงใหม่ ระยะท�ำการ 80 กิโลเมตร แบบนี้นะ อื้อหืมมม วนสะเมิงคลาสสิคสิคะ แล ้วไหนจะค่าทางด่วน ค่าน�ำ้ มัน บลาๆ ไปกลับก็เป็ นร้อยแล ้ว คือนี่งง จะปัน่ จักรยานชิลล์ๆ แล ้วต้องเสียเงินคือ? จนถึงวันนี้ก็เกือบเดือนแลว้ ที่ไม่ได้ออกปัน่ จักรยานจริงๆ จังๆ มีแต่ปนั ่ ไปท�ำงานเซ็งๆ กิโลกว่าๆ ไปกลับสามกิโล เอลิเวชัน่ เกนน่ าจะไม่เกินสิบเมตร (จากการยกจักรยานข้ามสะพานลอย) ตอนปัน่ กลับจากทีท่ ำ� งานห้าโมงกว่าๆ คือปกติ เวลานี้ถา้ อยู่เชียงใหม่กค็ งจับเสือภูเขาเข้าป่ าเลี้ยวหลบต้นไม้กนั มันหยด ซึง่ ทีน่ ่กี ม็ นั เหมือนกัน แต่เลี้ยวหลบวินมอเตอร์ไซค์นะ โอ้โห พีแ่ กขีก่ นั แบบไร้ซง่ึ รูปแบบมากๆ ถ้าเป็ นดนตรีกเ็ รียกว่าแนวทดลอง คิดจะสวนก็สวน จะขึ้นฟุตปาธก็ข้นึ สุดจริงๆ ครับ มัวแต่บน่ แต่เซ็งมันก็คงจะไม่ช่วยอะไร ลองมองไปรอบๆ สิ (รอบเฟซบุค๊ ) คนทีเ่ ขาอยูใ่ นเมืองกรุงเขาก็หาทีป่ นั ่ กันจนได้ ไม่ด ้วยจะวิธใี ดวิธหี นึง่ ไอ้เรามันเคยชิลล์ มาก่อน จะเอาแต่ทเ่ี คยชินคงจะไม่ได้ ยังไงผมว่าไอ้เจ้าสองล ้อนี้เดีย๋ วมันก็คงพาผม ไปทีเ่ จ๋งๆ เองแหละ ใครทีอ่ ยู่เชียงใหม่ อย่าบ่นเรือ่ งฝนตกแล ้วอดปัน่ เลยครับ นักปัน่ ทีเ่ มืองกรุง ล�ำบากกว่าเยอะ! ตอนนี้ผมมันใจแล ่ ้วล่ะว่าเชียงใหม่คอื สวรรค์ของนักปัน่ จริงๆ (จดหมายจากเสือล�ำบาก) 11

b side


เรื่อง: acidslapper / ภาพ: มะนาวเจ้า

ปั่นเปลี่ยนเมือง

CAR FREE DAY

BIKE TRIP

หลังจากทีก่ ระแสการรักษาสิง่ แวดล้อม การตืน่ ตัวเรือ่ งอนุรกั ษ์พลังงาน การใช้พลังงานทางเลือก ปัญหาจราจรติดขัด ไปจนถึงกระแสจักรยานทีก่ ำ� ลัง ได้รบั ความนิยมในวงกว้าง ทัง้ ในแง่ของการกีฬา ออกก�ำลังกาย ท่องเทีย่ ว สันทนาการ และคมนาคมสัญจร ล้วนท�ำให้เกิดค่านิยม และนโยบายต่างๆ เกี่ยวกับจักรยาน การก�ำหนดเชิงนโยบายของภาครัฐให้เมืองหลายเมือง ในโลกพัฒนาตัวเองไปเป็นเมืองจักรยาน เช่น อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) โตเกียว (ญี่ปุ่น) และอีกมากเมืองทั่วโลก

จึงเป็ นที่มาของโปรเจ็คท์รณรงค์ลดการใช้รถยนต์ เพือ่ ให้ สังคมตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เรียกว่า Car Free Day โดยผูค้ น จะพร้อ มใจกัน งดใช้ร ถยนต์ 1 วัน งานนี้ มีม าตัง้ แต่ ปี 1956 โน่นเลยครับ มีฮอลแลนด์และเบลเยีย่ มเป็ นประเทศผูร้ เิ ริ่ม แล ้วก็ จัดต่อกันมาทัว่ โลก จนกลายมาเป็ นประเพณี Car Free Day (วันปลอดรถ) ซึง่ ก�ำหนดเป็ นวันที่ 22 กันยายนของทุกปี งาน Car Free Day เป็ นกิจกรรมขนาดใหญ่ ซึง่ มีอทิ ธิพล ครอบคลุมประเด็นเรื่องปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม จราจร และพัฒนา เปลีย่ นมาเป็ นการรณรงค์สง่ เสริมการใช้พลังงานทดแทน ซึง่ พระเอก ของเราก็คือออ... จักรยาน! นอกจากจะรักษ์ส่ิงแวดลอ้ มแลว้ ยังสนับสนุนเรื่องสุขภาพของผูค้ นด้วย ได้ประโยชน์สองเด้งเลย!

ประเทศไทยก็ เ ป็ น อีก หนึ่ ง ที่ท่ีมีป ญ ั หาเรื่อ งสิ่ง แวดล อ้ ม ปัญหาจราจร และสุขภาพของผู ้คน อีกทัง้ ไทยเรายังมีกระแสจักรยาน ที่ก�ำ ลัง ได้ร บั ความนิ ย มอย่ า งแพร่ ห ลาย ทางสมาคมจัก รยาน เพือ่ สุขภาพไทย ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หน่ วยงานภาครัฐ รวมไปถึงชมรมจักรยานต่างๆ จึงได้ ร่วมมือกันจัดงาน Car Free Day ขึ้นตามจังหวัดต่างๆ ทัว่ ประเทศ เพือ่ กระตุน้ ให้สงั คมตระหนักถึงการร่วมมือกันแก้ปญั หามลภาวะ เป็ นพิษ ส่งเสริมการออกก�ำลังกาย ฯลฯ จังหวัดเชียงใหม่ของเราก็ถอื เป็ นเวทีใหญ่ของงาน Car Free Day เนื่องจากปัจจุบนั มีนกั ปัน่ จักรยานจ�ำนวนมาก และเชียงใหม่ เริม่ มีปญั หาสิง่ แวดล ้อมเป็ นของตนเอง เรามีภมู ปิ ระเทศเป็ นแอ่งกระทะ 12

b side


- ระบบขนส่งมวลชนสามารถรองรับนักปัน่ ได้ เช่นมีช่องเก็บจักรยาน บนรถบัสประจ�ำทาง เป็ นต้น (เอ่อ... ขอมีรถบัสประจ�ำทางก่อน ก็ได้ฮะ แหะแหะ) - รัฐบาลออกกฎหมายให้ทกุ บริษทั ทุกอาคาร ต้องมีทจ่ี อดจักรยาน ดีๆ ไม่ใช่โครงเหล็กแบบเสีย่ งๆ (รถแต่ละคันนี่แหมมม๋ ล็อคแค่ล ้อ นี่มนั หลอนเกินไปนะฮะ) และทุกอาคารต้องมีหอ้ งอาบน�ำ้ ส�ำหรับ พนักงานน่องเหล็ก - องค์การ และบริษทั ทัง้ หลายมีกิจกรรมส่งเสริมการปัน่ เช่ น ขึ้นเงินเดือน เพิม่ โบนัส ลดหย่อนภาษี หรือสิทธิพเิ ศษในสินค้า และบริการต่างๆ - กรมทางหลวงสร้า งถนน ฝาตะแกรง และฝาท่ อ ระบายน�ำ้ ทีเ่ ป็ นมิตรกับล ้อจักรยาน หืยยยยยย นี่มนั เมืองในฝันชัดๆ!!! เราจะได้ยดื อกกันอย่าง ผายผึง่ ว่า ‘เชียงใหม่เมืองจักรยาน’ เริ่มยังไงล่ะ? นักปัน่ ... ต้องเข้าใจว่าการปัน่ จักรยานส�ำคัญมากในเรื่อง การรับผิดชอบสังคม สังคม องค์กร และภาครัฐ... ต้องเข้าใจว่าจักรยานคือกลไก ส�ำคัญทีส่ ามารถแก้ปญั หาต่างๆ ท�ำให้เมืองน่าอยู่ เมืองทีน่ ่าอยู่ประชากรจะมีความสุข ประชากรมีความสุขเมืองก็จะมีค่า เมืองทีม่ คี ่าจะมีมลู ค่า เมืองทีม่ มี ลู ค่าจะมีเศรษฐกิจทีด่ ี เมืองทีม่ เี ศรษฐกิจทีด่ ปี ระชากรจะมีคุณภาพชีวติ ทีด่ ี เป็ นห่วงโซ่ของชีวติ ดีๆ ทีไ่ ม่ทำ� ร้ายสิง่ แวดล ้อม จักรยานแก้ปญั หาเหล่านี้ได้! ...เริ่มกันเลยมัย้ ครับ?

CAR FREE DAY

ท�ำให้ระบบถ่ายเท - หมุนเวียนอากาศของเมืองไม่ค่อยดี เราก็เลย สร้างตึกสู งๆ มาช่วยกันกักควันพิษ!!! เราแห่กนั ไปซื้อรถยนต์ คันใหม่ดว้ ยข้อเสนอสุดพิเศษจนรถติดทัง้ เมือง แต่กลับร่วมลงชื่อ คัดค้านการขยายถนน!!! -- เอาใจ๋ยากแต๊ๆ เน่อจ้าวววววววว -ในวันที่ระบบขนส่งมวลชนยังไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะรองรับ การคมนาคมสัญจรของผูค้ น ในวันที่เราสนับสนุ นการท่องเที่ยว นอกฤดูทอ่ งเทีย่ ว (Low Season) เพือ่ ส่งเสริมและกระตุน้ เศรษฐกิจ ในฐานะเมืองท่องเทีย่ ว เชียงใหม่ของเราจึงพาตัวเองแปลงร่างเป็ น เมืองทีเ่ ริ่มแออัด และเริ่มมีมลพิษอย่างรวดเร็ว! น่ าแปลกใจไหมล่ะครับ? ทัง้ ๆ ที่เชียงใหม่เราเป็ นจังหวัด ทีว่ งการจักรยานและสังคมจักรยานมีความคึกคัก มีอตั ราการขยายตัว สูงเป็ นอันดับต้นๆ ของประเทศ -- ฟังดูแปลกจังเนาะ -- ท�ำไม ประเทศที่พ ฒ ั นาแล ว้ ยิ่ง คนปัน่ เยอะปัญ หามลพิษ จะลดลง แต่บา้ นเราคนปันจักรยานเยอะปัญหามลพิษดันไม่ลด มิหน�ำซ�ำ้ ยังเพิม่ ขึ้นอีก! -- เอาล่ะสิ! งัน้ เอางี้ มาไล่ ดู ก ัน ที ล ะเรื่ อ งครับ ผมพบว่ า จ�ำ นวน นักปัน่ จักรยานของเราเพิม่ ขึ้นน่ะจริง แต่เกือบทัง้ หมดล ้วนเป็ นการ ปัน่ จักรยานเพือ่ ออกก�ำลังกาย การกีฬา ท่องเทีย่ ว และสันทนาการ แต่ไม่ใช่การปัน่ เพือ่ เดินทางในชีวติ ประจ�ำวัน -- ประเด็นมันอยูต่ รงนี้ เลยครับ! -- ไม่ว่าเราจะมีนกั จักรยานเพิ่มมากขึ้นแค่ไหนก็ตาม แต่ ถ า้ นัก ปัน่ เหล่า นัน้ ยัง คงขับ รถยนต์ไ ปท�ำ งานหรือ ธุ ร ะต่ า งๆ โดยมีจ กั รยานเป็ น เพีย งเครื่ อ งออกก�ำ ลัง กาย อุ ป กรณ์ กี ฬ า หรือเป็ นงานอดิเรก แม้ว่าสุขภาพของพวกเขาจะดีข้ นึ แต่ปญั หา ด้านสิง่ แวดล ้อม และปัญหารถติดมันจะยังอยู่ไงครับ ดังนัน้ เราจะหวังพึง่ งาน Car Free Day เพือ่ รณรงค์ให้สงั คม มองเห็นจักรยานเพียงอย่างเดียวนัน้ ดูเหมือนจะไม่พอ แต่เราจ�ำเป็ น จะต้องเปลี่ย นนักจักรยานทัง้ หลายที่มีอ ยู่ (ยัว้ เยี้ย) ให้หนั มา ใช้จกั รยานในฐานะยานพาหนะสัญจรเดินทางในชีวติ ประจ�ำวัน มากกว่าใช้เพือ่ ออกก�ำลังกาย กีฬา และท่องเทีย่ วเท่านัน้ -- แหม่ พูดง ้ายง่าย แต่ทำ� ย้ากยากเลยนะฮะ อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนทีค่ ุยกันไว้น่ีหน่า!!! คนออกก�ำลังกาย เพราะอยากเสียเหงือ่ แต่ไม่อยากเหม็นเหงือ่ ไปท�ำงาน -- ใครบ้าง ไม่อยากเนื้อหอม -- ผมเองในฐานะที่เป็ นนักจักรยานคนหนึ่ง ก็ ย อมรับ ตามตรงเลยว่า ปัน่ ไปท�ำ งานน้อ ยมาก (ผมจึง ไม่เ คย อ้างถึงเรื่องลดภาวะโลกร้อนจากการปัน่ ของผมเลย และตราบใด ที่ยงั ไม่ได้ปนั ่ ไปท�ำงานทุกวัน ผมจะไม่พูดเรื่องจักรยานรักษา สิง่ แวดล ้อมเด็ดขาด!!!) ผมว่าเรื่องนี้ “เรา” (หมายถึงทุกคน ทุกนิติบุคคล หรือ ทุกมหาคน) ต้องเริ่มเปลีย่ นพร้อมๆกัน ลองคิดดูสคิ รับ... - สังคมยอมรับและให้เกียรติคนที่ปนั ่ จักรยานไปท�ำงานเยี่ยง ผูเ้ สียสละ เยีย่ งวีรบุรุษกูโ้ ลก - นักจักรยานทัง้ หลายปัน่ ออกก�ำลังกาย ปัน่ เพือ่ กีฬา ปัน่ ไปท�ำงาน และสัญจรในชีวติ ประจ�ำวัน

BIKE NEWS วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม 2559 CNX LOOPER Ep. Night Criterium ธนาคารออมสิน และอุทยานหลวงราชพฤกษ์ เชียงใหม่ เชิญร่วมงานแข่งขันจักรยาน CNX LOOPER Ep. Night Criterium วันเสาร์ท่ี 29 ตุลาคม 2559 ณ อุทยานหลวง ราชพฤกษ์ เชียงใหม่ (พืชสวนโลก) ตัง้ แต่เวลา 17:00 น. เป็ นต้นไป ติดตามข้อมูลเพิม่ เติมได้ท่ี http://www.cnxlooper.com/ และ https://www.facebook.com/Cnxlooper 13

b side


BIKE SAFE

SWEET BIKE สายหวาน เรื่อง / ภาพ: Weekend Warrior

อัดจักรยานมาเกือบร้อยกิโลเมตรแล้ว รูส้ กึ กระหายจริงๆ เลยพับผ่าสิ! จอดรถถีบแล้วกระดกน�ำ้ อัดลมซักกระป๋องท่าทางจะดีแฮะ ว่าแล้วก็จดั การซะเลย แหม... น�้ำอัดลมเย็นๆ นี่มันชื่นใจจริงๆ นี่สิใช่เลย วันนี้ปั่นมาเยอะแล้ว จะดื่ม เท่าใหร่ก็ได้ ไม่มีใครว่า ยังไงก็ไม่อ้วน (#ออกก�ำลังกายแล้วกินได้) หลังจาก ดื่มน�้ำหวานดับกระหายเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกปั่นต่อได้ ว่าแล้วก็กระโดด ขึ้นคร่อมอานกันเลย เนินชันแค่ไหนเราไม่กลัว เราเติมพลังด้วยน�้ำหวาน มาเรียบร้อยแล้ว ลุยเลยพวก!!! หลังจากอัดเนินมาได้ประมาณสิบนาที จูๆ่ ก็รูส้ กึ หมดเรีย่ วแรงไปซะดื้อๆ เหยยยย... แกรรรร... อย่าปัน่ เร็วดิแกร คือเราหมดอะ จู่ๆ ก็หมด คือหมด แบบโง่ๆ เลยอะแกร จอดก่อนได้ป่าววะ ขอนัง่ พักหายใจหายคอก่อนได้ป่าว ตอนนี้สมองเราเริ่มตื้อ ไม่สงั ่ การแลว้ อะ แกไปก่อนเลย เดีย๋ วเราขึ้นรถ เซอร์วสิ ตามไปนะ บายยยยยย ภาษานักปัน่ ทัว่ ไปเขาเรียกอาการนี้วา่ ‘น�ำ้ ตาลตก’ ครับ เอ๊ะ!?! มันเกิดอะไรขึ้น ทัง้ ๆ ทีเ่ มือ่ สักครู่เพิง่ เพิม่ พลังด้วยน�ำ้ หวาน แลว้ จู่ๆ ก็หมดแรงขึ้นมาซะดื้อๆ นอกจากจะรู ส้ กึ ด้อยแลว้ ยังจะโดน รุมประณามว่า DNF (Did Not Finish) ทัง้ จากสังคมจริงและใน สังคมออนไลน์อกี ! คืออย่างนี้ครับ ร่างกายของเราเนี่ยมันมีระบบอัตโนมัติ และฉลาด อย่ า งไม่ น่ า เชื่ อ เมื่อ ใดที่เ ราดื่ม น�ำ้ หวาน มัน จะท�ำ ให้ร ะดับ น�ำ้ ตาล ในกระแสเลือ ดของเราสู ง ขึ้น อย่ า งรวดเร็ ว เป็ นเหตุให้เรารูส้ กึ สดชืน่ กระปรี้กระเปร่าหลังดืม่ แต่ ใ นร่ า งกายคนที่มีสุ ข ภาพปกติจ ะสามารถ ตรวจจับได้วา่ ระดับน�ำ้ ตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น มันเลยต้องมีการดึงน�ำ้ ตาลส่วนเกินออกจาก กระแสเลือด แล ้วน�ำน�ำ้ ตาลเหล่านี้ไปเก็บสะสม ไว้ท่ีส่วนอื่น ร่ างกายเราก็เลยจัดการโดยการ หลังฮอร์ ่ โมนอินซูลนิ เพือ่ ควบคุมระดับน�ำ้ ตาล ในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ ไม่สูงจนเกินไป 14

b side

แล ว้ อาการเพลีย ที่เ กิ ด ขึ้น หลัง จาก ดื่ ม น�้ำ หวานมัน เกิ ด ขึ้ น ได้อ ย่ า งไรล่ ะ ? ก็ เ พราะว่ า เมื่อ ร่ า งกายหลัง่ อิ น ซู ลิน เพื่อ ควบคุมระดับน�ำ้ ตาลให้ลดลงจนอยูใ่ นระดับ ปกติ แต่ บงั เอิญว่าอินซู ลนิ ที่หลัง่ ออกมา มัน ยัง มี ต กค้า งอยู่ ซึ่ ง เจ้า อิ น ซู ลิน เนี่ ย ไม่รูห้ รอกว่ามันคือส่วนเกินไปแล ้ว มันก็ยงั คงท�ำ หน้า ที่ ข องมัน ไป ก้ม หน้า ก้ม ตา ท�ำหน้าที่ไปเรื่อยๆ จนท�ำให้ระดับน�ำ้ ตาล ในกระแสเลือดต�ำ่ กว่าปกติ ทีน้ ลี ะ่ ! จึงเกิด อาการเพลียเกิดขึ้น ซึง่ อาการเหล่านี้จะเกิด หรื อ ไม่ เ กิ ด ก็ ข้ ึ นอยู่ ก ั บ ชนิ ด ของแป้ ง (คาร์ โ บไฮเดรต) ที่ เ ราทานเข้า ไป คาร์โบไฮเดรตบางชนิดย่อยสลายเร็ว และ เข้าไปอยู่ในกระแสเลือดเร็ว เช่นพวกน�ำ้ ตาล ในน�ำ้ หวานต่างๆ เป็ นต้น ยิ่งเข้าไปอยู่ใน กระแสเลือดเร็วเท่าไหร่ ร่างกายก็จะหลัง่ อินซู ลินมากและเร็วเป็ น เงาตามตัวเท่ านัน้ เมื่ออิน ซู ลินได้ห ลัง่ เต็ม ที่ และได้ท ำ� งานอย่ า งเต็ ม ก�ำ ลัง น�ำ้ ตาลในกระแสเลือ ดเราก็ จ ะลดลง อย่างรวดเร็ว เป็ นดังผลกรรมติดจรวด จนท�ำให้เกิดอาการเพลียเช่นเดิม ดัง นั้น วิธี ก ารที่จ ะป้ องกัน ไม่ ใ ห้เ กิ ด อาการเช่ น นี้ เ กิ ด ขึ้น ก็ คื อ ควรเปลีย่ นคาร์โบไฮเดรตที่เราทานเข้าไปซะ เปลีย่ นเป็ นคาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อน (ไม่ใช่ขนมปังสองแผ่นนะฮะ!) ซึง่ จะค่อยๆ ย่อยสลายอย่างช้าๆ และจะค่ อ ยๆ ปลดปล่อ ยพลัง งานให้ร่ า งกายอย่ า งช้า ๆ แต่ ต่ อ เนื่ อ ง และการหลังอิ ่ นซูลนิ ของร่างกายเราก็จะไม่พงุ่ ปรีด๊ ปร๊าดเหมือนดืม่ น�ำ้ หวาน ซึ่ง อาหารประเภทนี้ ไ ด้แ ก่ พ วกธัญ พืช และผลไม้ต่ า งๆ ที่ท านทัง้ ลู ก หรือทัง้ ผล ข้าวโอ๊ต ถัว่ เป็ นต้น อ้าว... แลว้ ทีพวกนักปัน่ จักรยานมืออาชีพ ท�ำไมถึงดื่มน�ำ้ อัดลม ระหว่างแข่งล่ะ? ไม่เห็นเค้าจะมีอาการน�ำ้ ตาลตกให้เห็นเลย แถมยัง ปัน่ กันอย่างกะเครื่องจักร รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ! แรงไม่มหี มด จะอธิบายยังไงล่ะ?... ปัดโถ่ววว ไอ้ทดิ !! ถามอย่างนี้มนั เรียกว่าถามหาเรื่องกันนี่หว่า ไอ้ทเ่ี อ็งเห็นตอนมืออาชีพเค้ากระดกน�ำ้ หวานน่ะ มันก็แค่สง่ิ ทีเ่ อ็งเห็นในทีวี แต่ ก่ อ นหน้า นั้น เอ็ ง เห็ น มัย้ ว่ า เค้า ก็ ฟ าดอาหารอย่ า งอื่ น ระหว่ า งปัน่ เหมือนกัน ไหนจะข้าวโอ๊ตผสมผลไม้แห้ง ข้าวปัน้ หรือคาร์โบไฮเดรต เชิงซ้อนชนิดต่างๆ มันกองอยู่ในกระเพาะของนักปัน่ พวกนัน้ แลว้ เฟร้ย เค้ากินน�ำ้ อัดลมไปเพือ่ ความสดชื่น และได้คาเฟอีนระดับต�ำ่ ๆ เป็ นเหมือน สารกระตุน้ ชัน้ ดีเลยแหละ เค้ากินแบบผสมผสานทัง้ อาหารย่ อยง่าย ให้พลังงานเร็ว และย่อยช้าเพือ่ ให้พลังงานแบบต่อเนื่อง นี่แหละเคล็ดลับ!! ถึงนักปัน่ สายหวานทุกท่าน การจะดื่มน�ำ้ หวานระหว่างปัน่ นัน้ ไม่ผิดหรอก แต่ ถา้ ไม่อยากเกิดอาการน�ำ้ ตาลตก เราควรสร้างสมดุล การกินระหว่างปัน่ ให้มที งั้ อาหารย่อยง่ายให้พลังงานรวดเร็ว ผสมผสาน ไปกับอาหารย่อยช้า เพื่อค่ อยๆ ปลดปล่อยพลังงานให้เราปัน่ ได้แบบ ไม่หมดแรงง่ายๆ ลองเอาไปปรับใช้กนั จะได้ไม่ตอ้ งมานัง่ บ๊องกันข้างทาง แล ้วเบียร์ละ่ ?? เบีย ร์คือ เครื่อ งดื่ม ที่ดีท่ีสุ ด ที่พ ระเจ้า มอบให้แ ด่ ม นุ ษ ยชาติ! !! พิจารณากันเองเถิดพ่อมหาจ�ำเริญ...


BIKE FRIEND

LUANG PHABANG COFFEE

สบายดี หลวงพะบางกลางนา ที่ตั้ง : จากถนนสายหลักจากแม่ริมไปแม่แตง เลี้ยวซ้ายเข้าซอยบ้านควายไทย เปิด : 09:00 – 16:00 น. โทร : 08-6629-6362 Facebook : Luang Phabang Coffee

“สบายดี” หรือสวัสดีในภาษาลาว ค�ำต้อนรับของพีเ่ จีย๊ บสุดสวย เจ้าของร้านกาแฟหลวงพะบาง ที่ตอนนี้ ย้า ยไปเปิ ดริ ม ทุ่ ง นาแสนสงบที่ แ ม่ ริ ม โฉมใหม่ ค ราวนี้ ใหญ่ ก ว่ า เดิ ม แต่ ย ัง คงความอบอุ่ น เป็ นกัน เอง การตกแต่ ง ผสมผสานของสะสมหลายสไตล์ท่ีถูก จัด วางอย่ า งลงตัว และมีเ รื่อ งราว เรื่อ งกาแฟไม่ต อ้ งพูด ถึง ร้านใช้เมล็ดกาแฟที่ข้นึ ชื่อเรื่องความหอม อร่อย ผนวกกับฝี มอื ของนักชงมากประสบการณ์ ความพิเศษอีกอย่าง ของหลวงพะบางกลางนา คืออาหารประจ�ำวัน เช่น ข้าวซี่โครงหมูอบ สปาเก็ตตี้ ที่ทุกคนต่างต้องยกนิ้วให้กบั ความอร่อย ซิกเนเจอร์ของร้านอีกอย่างคือแซนวิชชิ้นใหญ่ราดด้วยเดรสซิ่งสู ตรพิเศษของทางร้าน และโฮมเมด โยเกิรต์ สดกับผลไม้ตามฤดูกาล (หรือจะสัง่ เป็ นสมูทตี้โยเกิรต์ ก็ได้) ปิ ดท้ายด้วยเค้กหลากหลายรสชาติให้เลือกสรร ไม่วา่ จะเป็ น นิวยอร์คชีสเค้ก เค้กใบเตย หรือเค้กแครอท กินไปด้วย จิบกาแฟไปด้วย คุยกับพีเ่ จีย๊ บ อ่านหนังสือ ฟังเพลงไปด้วย ดูววิ ทุ่งนาสบายตาก็เพลินไม่นอ้ ย นอกจากนี้หากใครต้องการสร้างมื้ออาหารสุดพิเศษกับคนพิเศษ พีเ่ จีย๊ บก็มี ‘อาหารตามนัด’ เพียงแค่โทรจองล่วงหน้า ก็สามารถจัดอาหารสุดฟิ นให้ได้เลย 15

b side


BIKE REVIEW

01.

02.

03.

04.

05.

06.

07.

08.

09.

EURO BIKE เรื่อง / ภาพ: 25

Friedrichshafen เป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของเยอรมนี อยู่ติดกับทะเลสาบ Bodensee ทะเลสาบใหญ่ที่มีพื้นที่อยู่ถึงสามประเทศ คือเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย (สวิตเซอร์แลนด์เรียกทะเลสาบนี้ว่า Lake Constance) เมื่อถึงช่วง ปลายหน้าร้อนหรือปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี เมืองเล็กๆ อย่าง Friedrichshafen จะกลายเป็นจุดหมายของคนรักจักรยานจากทั่วโลกที่จะมุ่งหน้ามายัง Euro Bike หลังจากตัดสินใจแน่วแน่แล ้วว่าปี น้ ีตอ้ งกัดฟัน เก็บเงินซื้อตัวไป ๋ Euro Bike ให้จงได้ แต่ถา้ ไม่ได้ พีธ่ านินทร์เจ้าของแบรนด์จกั รยานทัวร์ร่งิ RIT ผมก็คง ไม่ได้ไปงานนี้แน่ๆ ครับ พีธ่ านินทร์ช่วยจัดการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็ น Register จองตัวเครื ๋ ่องบิน จองที่พกั คื อ สรุ ป ง่ า ยๆ ว่ า พาผมไปนัน่ เองครับ ขอบคุ ณ พีธ่ านินทร์ไว้ ณ ตรงนี้ดว้ ยครับ (งาน Euro Bike จัดทัง้ หมด 4 วันครับ โดย 3 วันแรกจะเปิ ดให้เฉพาะ 16

b side

01. ลุ ง ผมยุ ่ ง นี่ คื อ เจ้ า ของแบรนด์ Olmo แกขั บ Ferrari มาจาก Milan มาร่วมงานนี้ครับ อีกคนคือ คุณเอก Distributor ของ Olmo ในประเทศไทย 02. Ass Savers ที่เรารู้จักกันดีมาคัสตอมโชว์ สร้างแบรนด์จนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผมเพิ่งจะรู้ว่า เครื่ อ งมื อ ผลิ ต หน้ า ตาอย่ า งกั บ รถเข็ น บดปลาหมึ ก ของบ้านเรานี่เอง 03. Scott TT สีสวยทีเดียว แต่ทีเด็ดอยู่ที่หมวก รุ่นใหม่ของปี 2017 04. Scott ก็ร่วมขบวนจักรยานไฟฟ้ากับเค้าด้วย ใช้ไฟจากการปั่นมาช่วยหมุนมอเตอร์ ช่วยให้ใช้แรงปั่น น้อยลง ไม่มีปลั๊กเสียบแล้วนะครับ 05. หมวกของ Scott ปรับเป็นแอโรโดยใช้อุปกรณ์ ปิดรูระบายอากาศ 06. แบตเตอรี่อยู่ที่ท่อล่าง 07. มุมนี้ของ Canyon ดูคล้ายๆ วัวแฮะ 08. Bold ดีไซน์ซ่อนสายสะดุดตามาก 09. กระเป๋าจักรยานใบนี้ไม่ได้ขาย แต่ดูดีทีเดียว

ผู ท้ ่ี อ ยู่ ใ นธุ ร กิ จ จัก รยานเท่ า นั้น และต้อ งมี ก าร Register ล่ว งหน้า เฉพาะวัน ที่ส่ีข องงานเท่ า นัน้ ที่จะเปิ ดให้บุคคลทัว่ ไปเข้าชมงาน ซึ่งในวันที่เปิ ดให้ บุคคลทัว่ ไปเข้าชมนี้ บางฮอลล์ท่เี ป็ นส่วนของผูผ้ ลิต ชิ้นส่วนต่างๆ ก็จะปิ ด แยกย้ายกันกลับบ้านเรียบร้อย) พื้นทีข่ องงาน Euro Bike แบ่งออกเป็ นสองโซน หลักๆ คือโซนแสดงสินค้าและโซนทดลองขี่ โซนแสดง สินค้ามีทงั้ หมด 4 ฮอลล์ (A B C และ D) ซึง่ จะอยู่


คนละด้า น มีพ้ ืน ที่ต รงกลางเป็ น โซนแสดงสิน ค้า อีกหนึ่งโซนอยู่ ดา้ นนอกอาคาร ตรงนี้จะเป็ นโซนที่ แบรนด์เล็กๆ จะมารวมตัวกัน โซน Outdoor นี่ คึ ก คัก มากครับ เนื่ อ งจากส่ ว นมากแล ว้ จะเป็ น แบรนด์ใหม่ๆ ของคนรุ่นใหม่ ส่วนโซนลองรถก็จะอยู่ ลอ้ มรอบฮอลล์ทงั้ สีอ่ ยู่รอบนอก มีจกั รยานมาให้ลอง ทุกประเภทครับ ไม่ว่าจะเป็ นเสือหมอบ เสือภูเขา จักรยานไฟฟ้ า ไปจนถึงจักรยานแม่บา้ น พื้นทีท่ งั้ หมด ของงานนี่ถา้ สามารถเดินครบทุกบูทได้ภายในสามวัน ถือว่าเก่งมากครับ วันแรกผมเดินตัง้ แต่แปดโมงเช้า ถึ ง สี่ โ มงเย็ น ส�ำ รวจได้แ ค่ ส องฮอลล์ก ว่ า ๆ เอง สรุปสุดท้ายสามวันใน Euro Bike ของผมก็หมดไปกับ ฮอลล์ทงั้ 4 โดยทีไ่ ม่ค่อยได้ไปส�ำรวจโซนทดลองรถ ซักเท่าไหร่เลยครับ

ผมขอเล่าภาพรวมให้เห็นถึงความใหญ่โตของ Euro Bike ก่ อ นนะครับ รายละเอี ย ดต่ า งๆ คงไม่ ส ามารถเล่ า ได้ห มด ทัง้ ๆ ที่ ก่ อ นไปตั้ง ใจ จะเก็ บ บรรยากาศต่ า งๆ มาเขี ย นให้เ ยอะที่ สุ ด แต่ เอาเข้าจริงๆ เข้าไปในงานปุ๊ บผมกลายเป็ นเด็ก ในโรงงานของเล่น ตื่นตาตื่นใจ ลืมเรื่องงานไปหมด เอาแต่วง่ิ เล่น ดูรูปแทนก็แล ้วกันนะครับ Pronunciation จากเจ้าของแบรนด์ POC อ่านว่า “พ๊อค” ไม่ใช่ พี โอ ซี USE แต่ USE อ่านว่า ยู เอส อี มาจาก Ultimate Sport Engineering แบรนด์หลักอานตัง้ แต่ยุค 80s ของอังกฤษ ปี น้ มี แี ฮนด์ และสเต็มออกมาขายด้วย Dedaciai อ่านว่า ดี แดค ไชน์

10.

11.

12.

13.

14.

15.

16.

17.

18. 22.

19.

20.

21.

23.

24.

25.

26.

27.

28.

17

b side

10. มุกล้อเลียนความแข็งแกร่งของ Chuck Norris ยั ง คงฮิ ต อั น นี้ จั บ มาเป็ น แบรนด์ ข องอุ ป กรณ์ ล ้ อ Tubeless 11. ล้อ Reynolds ปี 2017 ซีล่ วดคาร์บอนสวยมาก ถ้าใครยังหาล้ออยู่รอได้เลยครับ 12. E Bike Evoluzione ออกแบบโดย Pininfarina 13. Riese & Muller E Bike 14. Disc Brake ของ Parlee 15. Parlee 16. Lauf Grit ตะเกี ย บซั บ แรงที่ ก ล้ า บอกว่ า Zero-Maintenance 17. อยู่ในบูท Edco นี่มัน Lotus Sport 110 ชัดๆ 18. หมวก UVEX เมื อ งไทยไม่ ค ่ อ ยมี ใ ครสนใจ แต่พรีเซนต์ในงานนี้ได้โดดเด่นเชียว 19. จักรยานส�ำหรับคนปวดหลัง เห็นหน้าตาแบบนี้ มันพับได้ด้วย!!!! 20. NMD, Yeezy หลบไป LOOK มาแล้ว 21. Mavic กับ Peugeot 504 คลาสสิค 22. หมอนีช่ อื่ Grsssssss (ไม่สามารถออกเสียงได้) กินเหล้าเป็นน�ำ้ มาเฝ้าบูทได้ดว้ ยการกระดกกระทิงแดง แก้แฮงค์ 23. Giro สวยกระชากกระเป๋าสตางค์เลยทีเดียว 24. Alpina ปีนี้หมวกกันน็อคสีสดแนว 80s มาแรง 25. Douchebags กระเป๋าสวยมากและแบรนด์กวนๆ 26. ดีไซน์รองเท้าปี 2017 นี่เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว 27. Mavic สาวๆ ควรจะใส่กางเกงแบบนีป้ น่ั จักรยาน ใช่ ใช่ ใช 28. LOOK R96 New Fomula 1of Velodrome


TRAVEL

FOLLOW THE TRAIL DREAM KUNSLEDEN ฉันมาท�ำอะไรที่สวีเดน? (ตอนจบ) เรื่อง: ศมนภรณ์ ภาพ: ผู้ร่วมเดินทาง

เรื่องราวตอนสุดท้ายของทริปสวีเดน เมื่อการเดินทางในครั้งนี้มีจุดหมายอยู่ที่การเข้าร่วม Fjällräven Classic 2016 กับ กลุม่ Fjällräven Thailand เราเดินพร้อมๆ กับนักเดินกว่า 30 ประเทศทัว่ โลก กับเส้นทางเดินเท้า 110 กิโลเมตร แบกเป้เอง ท�ำอาหารเอง กางเต๊นท์เอง เมือ่ คนทีช่ นื่ ชอบชีวติ กลางแจ้งและหลงใหลในธรรมชาติมามารวมตัวกัน ทัง้ มือสมัครเล่นและมืออาชีพ กับ ‘เส้นทางเปลีย่ นชีวติ ’

3.8.2016

จุดหมายปลายทางของรถไฟ หลังจากรูว้ า่ จะได้มาเดินเขาทีส่ วีเดน เราก็คน้ หาการเดินทางไปเมือง Kiruna (คิรูนา) ทีป่ ระหยัด ทีส่ ุด มีตวั เลือกสองอย่างคือ เครื่องบินและรถไฟ ดูจากราคาทีต่ อ้ งใช้จ่ายอย่างประหยัดแล ้ว เสียเวลา ไม่เกี่ยง ก็เลยตกลงปลงใจใช้บริการรถไฟแบบตูน้ อน (มีเจ้าใหญ่ให้บริการคือ SJ Train) เราเลือก แบบตูน้ อน 6 เตียง ราคากลางๆ ในขบวนเดียวกันก็จะมีหลายแบบให้เลือก ทัง้ แบบนัง่ ตูดบาน แบบตูน้ อนส่วนตัว (ห้องน�ำ้ ในตัว) หรือแบบตูน้ อน 4 เตียง 6 เตียงว่ากันไป ต้องเดิน 20 กว่าชัว่ โมง ขอนอนดีๆ บนรถไฟดีกว่า รถไฟเส้นนี้จะเริ่มต้นจากสถานีเซ็นทรัล ในเมือง Stockholm สถานี ปลายทางอยู่ทเ่ี มือง Narvik ประเทศนอร์เวย์ แต่พวกเราต้องลงก่อนทีส่ ถานี Kiruna ท�ำให้พลาด Arctic Circle Train ระหว่างเมือง Kiruna และ Narvik ทีว่ า่ กันว่าเป็ นการนัง่ รถไฟทีใ่ กล ้เส้นอาร์กติก มากที่สุด วิวสวยสุดแสนจะบรรยาย ปลอบใจตัวเองด้วยการมองออกไปนอกหน้าต่ างเอาหน้า โต้ลมหนาว มองวิวทะเลสาบสลับกับป่ าสน สีท่ ่มุ แล ้วพระอาทิตย์ยงั ไม่ลบั ของฟ้ าเลย

4.8.2016

คนพันธุ์เดียวกัน รถไฟที่น่ีรกั ษาเวลามาก บวกลบห้านาที เมือ่ ได้ยนิ เสียง เจ้าหน้าทีป่ ระกาศว่าใกล ้ถึงสถานีทต่ี อ้ งลงแล ้วให้เตรียมตัว ทันใดนัน้ ก็เกิดความโกลาหล นักเดินทาง (ที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตา เก็บตัว กันอยู่ตูใ้ ครตูม้ นั ) ทยอยเดินออกมารอทีป่ ระตูโบกี้ แบกเป้ ใบใหญ่ เหน็บ Trekking Pole ใส่รองเท้าเดินป่ าหลากหลายยีห่ ้อ เดาได้เลย ว่าจุดหมายเดียวกัน! คนเหล่านี้เขามางานเดียวกับเรา (คนเยอะจัง!) มีทงั้ กลุม่ เพือ่ น คู่รกั หรือครอบครัวพ่อแม่ลูก หลากหลายเชื้อชาติ หลายภาษา (เท่าที่ฟงั คือไม่พูดภาษาอังกฤษกันเลย เดาว่าเป็ น ประเทศในยุโรปเป็ นส่วนใหญ่) อะดรีนาลินหลังไหล ่ รูส้ กึ ตื่นเต้น ขึ้นมาทันที มองไปก็แอบยิ้มที่ทุกคนแต่ งตัวเต็มยศกันมาเลย (พวกเราแก๊งคนไทยก็เช่นกัน) รูส้ กึ เปิ ดโลกในกะลาของตัวเองทีร่ ูจ้ กั แต่ TNF กับ Columbia มานี่เรารูจ้ กั Fjällräven และต่อจากนี้ เราก็จะรูจ้ กั อีกหลายยีห่ อ้ ของอุปกรณ์เอ้าท์ดอร์มากยิง่ ขึ้น หลังลงจากรถไฟ มีรถบัสมารอรับที่สถานีสำ� หรับพวกเรา ที่จ่ายค่าสมัครมาตัง้ แต่อยู่ไทย (เราต้องตอบอีเมล์ว่ารถไฟมาถึง เวลาไหนเพื่อนัง่ รถบัส) พอมาถึงจุดลงทะเบียนของงาน เรารับ Hiking Pass (เหมือนสมุดสะสมแสตมป์) ทีม่ ชี อ่ื เรา ถุงขยะหนึ่งใบ แก๊สกระป๋ อง และอาหาร Freeze Dry (เป็ นอาหารทีผ่ ่านกรรมวิธี ปรุงแต่งมาแล ้ว แค่เติมน�ำ้ ร้อน ปิ ดถุงซิปล็อค ทิ้งไว้ 7 นาทีกเ็ อาช้อน ตักกินได้เลย) ซึง่ เราก็เตรียมอาหารจากไทยมาพอสมควรแลว้ นะ

มาม่า โจ๊กคนอร์ กลว้ ยตาก อะไรแบบนี้ (ฮ่า) เราก็ไม่โลภมาก หยิบเพิม่ อีกให้พอดีม้อื (อย่าหยิบเผือ่ เพราะมันจะกลายเป็ นภาระ) งานนี้คำ� นวณเรื่องน�ำ้ หนักกระเป๋ ากันอย่างเคร่งเครียด เรียกได้วา่ เอาเฉพาะของที่จำ� เป็ นไปเท่านัน้ คืนนี้ยงั อีกยาวไกล รื้อๆ จัดๆ กระเป๋ าที่โรงแรมเท่าไหร่ ก็ยงั หนักอยู่ แลว้ วันพรุ่งนี้จะเดินแลว้ จะรอดมัย้ เนี่ย? สิ่ง ที่ป ระทับ ใจวัน นี้ คื อ ความซื่อ สัต ย์ข องคน คื อ งานนี้ ไม่มกี ารเช็คชื่อ ระหว่างขึ้นรถบัสที่สถานีรถไฟ สังเกตจากคนที่ ไม่ได้จ่ายเงินมาก่อน เขาก็จะเดินหรือโบกแท็กซีไ่ ปทีจ่ ดุ ลงทะเบียน เองเลย (ทัง้ ที่จะแอบเนียนขึ้นรถก็ได้) หรือที่จุดลงทะเบียนจะมี ร้านขายของทีเ่ หมือนไม่ได้ขาย แบบว่าหยิบทีน่ ึงให้จ่ายอีกที่ คือจะ เดินเนียนออกไปเลยก็ได้นะ แต่เขาไม่ทำ� กัน ท�ำให้เห็นว่าคุณภาพ ของคนทีน่ ่สี ุดยอดจริงๆ บ้านเมืองถึงพัฒนาไปไกลขนาดนี้ 18

b side


5.8.2016

กายพร้อม ใจพร้อม เราท�ำได้ อยู่ๆ ก็อยากกินไวตามิ้ลค์ข้นึ มาทันที วันนี้ต่นื เช้ากันทุกคน หน้าตาเป็ น หมีแพนด้า (รูเ้ ลยว่าจัดกระเป๋ ากันจนวินาทีสุดท้าย) ชัง่ กระเป๋ าเป้ ขนาด 60 ลิตร ทีจ่ ะเอาติดตัวไปด้วยได้ 16 กิโลกว่า เต็มทีไ่ ด้แค่น้ แี หละ เรียกว่าของในกระเป๋ า จ�ำเป็ นสุดๆ ในชีวติ แล ้ว เราต้องเอาสัมภาระทีจ่ ะไม่เอาติดตัวไปด้วย ฝากไว้กบั Fjällräven ในตูค้ อนเทนเนอร์ ของพวกนี้จะไปรอเราอยูท่ ป่ี ลายทาง เมือง Abisko (ออบิสโก) วันนี้รสบัสมารับเราเช่นเคย พาไปส่งทีจ่ ดุ สตาร์ทเดินที่ Nikkaluokta (นิกกาลัวก์ตา้ ) เราจะได้ป ั ๊มแสตมป์หนึ่งดวงตามจุดเช็คพอยท์ บรรยากาศก่อนเดิน ครึกครื้นมาก เพราะกลุม่ เราจะเป็ นกลุม่ แรกจากทัง้ หมด 8 กลุม่ เช็คจากรายชื่อ คนลงทะเบียนทัง้ หมด มี 2,429 คน กลุม่ แรกมี 432 คน พวกเราคนไทย 32 คน ก็อยู่ในนี้ดว้ ย โคตรตื่นเต้น คนเอเชียค่ อนข้างเยอะ และฝรัง่ แต่ละคนแลดู ฟิ ตแอนด์เฟิ รม์ กันสุดๆ น่าจะซ้อมมาเยอะ (ฮ่า) เอาวะวันนี้เป็ นไงเป็ นกัน! ใกล ้เก้าโมงแล ้ว เราได้ยนิ เสียงพิธกี รร้องเพลง (น่าจะเพลงชาติ) อยู่ดๆี ก็รูส้ กึ ปวดท้องขึ้นมาทันที คงจะตื่นเต้นมาก หรืออะไรดลใจให้ลองเข้าห้องน�ำ้ ของทีน่ ่ี (แบบว่าเลีย่ งไม่ได้) รีบวิง่ ไปเข้าห้องน�ำ้ แบบไร้นำ�้ ? และกลิน่ ไร้คำ� บรรยาย (ประโยชน์อกี อย่างของผ้าบัฟที่เอามาคือเอามากรองกลิน่ !) เป็ นการถ่ายหนัก ทีเ่ ร็วทีส่ ุดในชีวติ เพราะต้องแข่งกับการกลัน้ หายใจ แล ้วเราก็ได้ยนิ ค�ำว่าสตาร์ท! ชิบหายละยังไม่ได้ข้นึ เป้ เลย อากาศก�ำลังสบายสิบกว่าองศา แต่เหงือ่ ท่วม อาจจะ เป็ นเพราะแดดจัดและความลนลานของเรา กว่าจะขึ้นเป้ เริ่มเดิน ทุกคนก็ทยอย ออกเดินไปแลว้ ไม่เป็ นไรไม่รบี ร้อน ไม่อวดเก่ง เดีย๋ วเจ็บ (ฮ่า) กลุม่ เรามีการ นัดแนะกันก่ อนแลว้ ว่าจะเดินเร็วเดินช้ายังไง ก็หา้ มแซงพี่ปนั้ และจะมีพ่งี บ เดินรัง้ ท้ายอยู่หลังสุด ใช้สูตรเดิน 50 นาที พัก 10 นาที (ไม่งนั้ จะพักกันถีม่ าก เมือ่ ความล ้ามาเยือน) วันแรกมักส�ำคัญเสมอ เป็ นการเดินในภูมปิ ระเทศทีเ่ ราไม่เคยเดินมาก่อน รองเท้าทีเ่ ราใช้เป็ น Hiking Boot ทีส่ น้ หนาและกันน�ำ้ ได้ เนื่องจากพื้นทีเ่ ดิน เป็ นหินลอย (ก้อนใหญ่) และโคลนผสมหินลอย เดินค่อนข้างยาก (แต่ไม่ยากทีส่ ดุ ) ระหว่างเดินก็ตอ้ งคอยปรับกระเป๋ าเป้ ให้เข้ากับหลังและสะโพกตลอดเวลา ไม่ใช่ ปรับครัง้ เดียวเดินตลอดทริป (เดินขึ้นเดินลงเดินทางราบมีวธิ สี ะพายเป้ ทต่ี ่างกัน ผูร้ ูส้ อนมา) เดินมาได้ 6 กิโลเมตรก็เจอกับทะเลสาบทีโ่ คตรสวย ทีม่ คี นทีม่ าถึง

ก่ อนเรานัง่ โซ้ยเบอเกอร์เรนเดียร์ท่ี LapDanalsa รออยู่แลว้ (เราก็ซ้ ือบ้าง อยากลองกินเนื้อกวางมานานแล ้ว) แหมคิดในใจวันนี้น่าจะสบายๆ นะ ทันใดนัน้ ฝนก็ถล่มลงมาแบบไม่มปี ่ี มขี ลุย่ ปากก็งบั เบอเกอร์ มือก็หยิบเอง Rain Cover มาคลุมกระเป๋ า เอ้ย! ลืมเสื้อกันฝน เอ้าทุลกั ทุเลแกะกระเป๋ าใหม่อกี เราตัดสินใจ เดินต่อ ซักพักฝนก็หยุด แดดออก โอเคเก็บเสื้อกันฝน ซักพักลมแรง โอเค ใส่เสื้อกันลม เอ้าอยูด่ ๆี แดดออก โอเค! ถอดออกให้หมด วันนี้อากาศแปรปรวนมาก แต่ งตัวยากมาก ต้องไม่ข้ ีเกียจที่จะลงเป้ เก็บของและขึ้นเป้ ใหม่ตลอดเวลา (ซึ่งเป็ นสิ่งที่ใช้พลังงานมาก) ระหว่างเดินต้องเตือนตัวเองให้จบิ น�ำ้ ตลอดเวลา (เอาผงเกลือแร่ทห่ี อบมาจากไทยผสมไปด้วย) อากาศเย็น พอไม่มเี หงือ่ ออกเราก็คดิ ว่า ไม่ตอ้ งดืม่ น�ำ้ หรอก ไม่เหมือนกับตอนเดินทีไ่ ทย เหงือ่ ออกเต็มตัวดืม่ น�ำ้ เป็ นลิตร เดินไปกีก่ โิ ลแล ้วไม่รู ้ มองนาฬกิ าตอนนี้หกโมงกว่าแล ้ว มองรองเท้าตัวเอง ที่เปื้ อนโคลน มองฟ้ าที่ไม่มที ่าทีว่าฝนจะหยุด ลมแรงจนเสื้อกันฝนมันไม่เห็น จะกันฝนเลย เราก็มาถึงจุดเช็คพอยท์ทส่ี อง Kebnekaise (เราหูแว่วว่าพีๆ่ เรียก เคปนิไกลสัส จริงๆ คืออ่านว่า เคปเนไคเซ่) รีบเข้ากระโจมก่อนอับดับแรกเลย หนาวมาก ทุกคนปากซีดกันเป็ นแถว “เรายังไม่กางเต๊นท์ทน่ี ่นี ะครับ ต้องเดินต่อ อีกนิดหน่อย เดีย๋ วก็ได้พกั แล ้ว” เหมือนค�ำบัญชาจากสวรรค์ หนาวมากพอๆ กับ อยากนอนมากถึงมากที่สุด ฝนตกยังไงก็ตอ้ งเดินต่ อ ก่ อนขึ้นเป้ เราจัดแจง ใส่เสื้อฟลีซกันหนาว เสื้อกันลม เสื้อกันฝน และถุงมือให้เรียบร้อย ไม่งนั้ ตายแน่ๆ ขาแข็งก้าวไม่ออก เดินเหมือนหุ่นยนต์ทต่ี งั้ พิกดั ปลายทางไว้แล ้ว โชคดีฝนหยุด ท�ำให้กางเต๊นท์ได้ เราและพีก่ อ้ ย รูมเมท พยายามจะเลือกบริเวณทีม่ มี อสเยอะๆ เพราะมันนุ่มดี วันนี้แผนทีจ่ ะนัง่ ล ้อมวงท�ำกับข้าวก็เป็ นอันยกเลิกไป เพราะทุกคน ขี้เกียจ (ฮ่าๆ) จึงมุดหัวกินหน้าเต๊นท์ใครเต๊นท์มนั ต้มน�ำ้ ร้อนใส่ฟรีซดรายซองส้ม มองนาฬกิ า สามทุ่มเพิง่ ได้กนิ ข้าวเย็น ชีวติ หนอ...

19

b side


6.8.2016 หุบเขาไร้รัก

Kebnekaise (เคปเนไคเซ่) ไม่เพียงแต่จะเป็ นชื่อจุดเช็คพอยท์เท่านัน้ แต่เป็ นชือ่ เรียกของยอดเขาทีก่ ำ� ลังอยู่ตรงหน้าเราขณะนี้ 2,097.8 เมตรจากระดับ น�ำ้ ทะเล ท�ำให้มันเป็ นยอดเขาทีส่ ูงทีส่ ดุ ในเทือกเขาละแวกนี้ แต่เราจะไม่เดินขึ้นมัน หรอกนะ เราจะเดินเลียบไป ภาพถ่ายจากหลายคนทีบ่ งั เอิญไปเข้าห้องน�ำ้ กลางแจ้ง แล ้วมองมา จะเห็นถึงความยิง่ ใหญ่ของหุบเขานี้ ทีด่ ูโดดเดีย่ วเดียวดายและหดหู่ เข้ากับอากาศหนาวจริงๆ หลายคนคงแปลกใจว่าห้องน�ำ้ อยู่ไหนกลางป่ ากลางเขา ค�ำตอบคือ ห้องน�ำ ้ อิส เอเวอรี่แวร์! แต่ไม่ใช่จะทีไ่ หนก็ได้ซะเมือ่ ไหร่ ใน Hiking Pass ระบุไว้ว่า หากคุณจะท�ำธุระส่วนตัวเกีย่ วกับการขับถ่าย ต้องห่างจากแหล่งน�ำ้ ทีต่ อ้ งใช้บริโภคพอสมควร เพราะน�ำ้ ทีว่ า่ เราใช้ทำ� อาหารและกรอกใส่ขวดเพือ่ ดืม่ น�ำ้ ทีใ่ ช้ดม่ื แรกๆ เราก็กรองนะ เพราะกลัวพวกแบคทีเรียไวรัสต่างประเทศจะจู่โจม แต่หลังก็ช่างแ_ง เติมใส่ขวดเลย หลักการเติมน�ำ้ ก็คือ ไม่เติมจากตาน�ำ้ ที่น่ิง พยายามเติมจากล�ำธารทีไ่ หลอยู่ตลอดเวลา หรือถ้าเลือกไม่ได้กต็ ม้ ก่อนจะดีทส่ี ุด วันนี้อากาศดี ท้องฟ้ าสดใส เหมาะกับทางทีเ่ ราจะเดินในวันนี้ หลังจากที่ เมือ่ วานเราเดินผ่านป่ าทีม่ ตี น้ ไม้เป็ นส่วนมาก ทางวันนี้จะเป็ นเนินหินและทีโ่ ล่ง มองไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็จะเห็นแต่ภเู ขาสวยๆ น�ำ้ ตกสวยๆ แม่นำ�้ สวยๆ ช่าง เจริญหูเจริญตาอะไรแบบนี้ “เราก�ำลังจะเริ่มเดินเข้า King’s Trail แล ้วนะครับ” เห้ย นี่คิดว่าเดินเมือ่ วานก็คือเริ่มแลว้ นะ ปรากฏว่าเป็ นอินโทรเท่านัน้ วิววันนี้ มันช่างน่านอนเอกเขนกเหลือเกิน อากาศดีด๊ ี แต่เราต้องเดินตามทีว่ างแผนกันไว้ เพือ่ ไปให้ถงึ จุดเช็คพอยท์ต่อไป นัน่ คือ Singi (ซิงกิ) พวกเรารีบจ�ำ้ อ้าวสลับ ถ่ า ยรู ป เล่ น กับ เป็ น ระยะ หรื อ จะเรี ย กได้ว่ า นอกลู่ น อกทาง กลุ่ ม รัง้ ท้า ย หน้าคุน้ เดิมทีเ่ จอกันเป็ นประจ�ำ (และทุกๆ วัน) เราพักกินข้าวเทีย่ งริมน�ำ้ เติมพลัง ภาคบ่ายหินเริ่มเยอะ ต้องเอาไม้จ้ ิมดีๆ ไม่งนั้ เท้าพลิก เดินไปเดินมา เริม่ ไม่ชลิ ล์ละ หินจะเยอะไปไหนเนี่ย “เครปกวางแยมเบอรีร่ ออยูน่ ะ” พอได้ยนิ ว่า มีข องกิน รออยู่ ท่ีจุด เช็ค พอยท์ เราก็ เ ร่ ง สปี ด ทัน ที (ต้อ งเอาของกิน มาล่อ ) เราถึงจุดตามกลุม่ หน้ามาอย่างทันท่วงที เครปเรนเดียร์คอื รางวัลของวันนี้ “ขึ้นเป้ ” เสียงสวรรค์จากพีง่ บลอยมา โอเค วันนี้คงยังไม่ได้กางเต็นท์ทน่ี ส่ี นิ ะ เราต้องเดินต่อ อีกซักพักเพื่อหาจุดภูมิศาสตร์ท่ีใกลแ้ หล่งน�ำ้ และกางเต็นท์อยู่ใกลๆ้ กันได้ วิวทีก่ างเต๊ทน์วนั นี้สวยพอๆ กับเมือ่ วาน ส่วนพวกเราปรับตัวกับอากาศพอได้แล ้ว เย็นนี้เลยได้มาลอ้ มวงกินข้าวด้วยกัน โป๊ ดเอาข้าวสารที่แบกมาหุง พี่กอ้ ยเอา ปลาสลิดที่ทอดมาจากไทยมาแจกคนละตัว เราทยอยเอาแกงโรซ่ามาแกะอุ่น ในน�ำ้ ร้อน (เพราะว่าอยากก�ำจัดของออกจากกระเป๋ า ขี้เกียจแบก) นี่เรามาถึงจุดที่ คิดว่าสัมภาระ กลายเป็ น ‘ภาระ’ ตัง้ แต่เมือ่ ไหร่

20

b side


7.8.2016

ช้าแต่ชัวร์ และเรื่องของซาวน่า 18+ “วันนี้เราจะเดินกันนิดเดียว และพักทีจ่ ดุ เช็คพอยท์ Sälka (ซัลก้า) จะได้ ซาวน่ากันนะครับ” จับใจความว่าประมาณนี้ ระหว่างวิง่ ลงเนินเพือ่ ห้องน�ำ้ ให้ห่างไกล สายตาผูค้ น มองซ้ายมองขวาระหว่างนัง่ ยองๆ มองไกลเราเห็นคนนะ แต่เขาคง ไม่เห็นเราหรอก พยายามสะกดจิตตัวเอง และก็เป็นอีกวันหนึง่ ทีไ่ ด้แต่ฉ่ี แต่ไม่ได้ถ่าย (ใช่ค่ะ ตัง้ แต่เข้าป่ ามา ท้องผูกมาสามวันแล ้ว!) ชีวติ ช่างน่าเศร้า มะขามแก้วก็ไม่ชว่ ย ตะเกียกตะกายเดินขึ้นเนินมาที่เต๊ทน์เพื่อแพ็คกระเป๋ า (นี่จะเดินไปไกลอะไร ขนาดนัน้ ) มีพบ่ี างคนออกน�ำไปก่อนแล ้ว เพราะว่าจะไปตกปลา ฟังไม่ผดิ หูไม่เพี้ยน พี่ๆ หอบเบ็ดตกปลามาจากไทยและต้องซื้อใบอนุ ญาตตกปลาในเขตอุทยาน ตกแล ้วก็เอาไปกินไม่ได้นะ เค้ามีกฏว่าถ้าตัวเล็กต้องปล่อยกลับ ตัวใหญ่ถงึ กินได้ (จ�ำขนาดไม่ได้แล ้วขอโทษที) สุนทรียะทางชีวติ อย่างแท้จริง วันนี้อากาศขมุกขมัว ไม่มแี ดด ฝนปรอยๆ ไม่หนักขนาดต้องใส่เสื้อกันฝน แต่ลมแรง ต้องใส่แจ๊กเก็ต ข้างนอก เมือ่ ดูจากแผนที่ คาดคะเนแลว้ ระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร เพือ่ ไปถึงจุดเช็คพอยท์ กลางวันเราหยุดพักทานข้าวที่กระท่อมบนเนินเขา ที่คลา้ ยๆ เหมือน เซฟเฮ้าส์หลบภัย แลว้ เราก็ได้ใช้จริงๆ เมื่อพายุฝนโหมกระหน�ำ ่ ดีท่ีตม้ น�ำ้ ใส่ถงุ ฟรีซดรายไว้ได้ทนั หอบเสื้อกันฝนทิ้งเป้ แลว้ วิ่งเข้ากระท่อมทันที นี่มนั ปลากระป๋ องชัดๆ นักเดินชาวต่างชาติเขาก็เข้ามาหลบดมกลิน่ ตัวทีไ่ ม่ได้อาบน�ำ้ มาสองวันครึ่งด้วยกันในนี้ กลุ่มเรารอจนฝนหยุดถึงเริ่มเดินต่ อ แลว้ ก็เกิด เหตุการณ์ไม่คาดคิด เมือ่ เราต้องเดินผ่านล�ำธารกว้างประมาณ 4 - 5 เมตรทีม่ ี พื้นเป็ นหิน งานนี้ถงึ จะบอกว่ารองเท้ากันน�ำ้ ได้ แต่ถา้ มันสูงกว่าบูท๊ ก็ไม่น่ารอดนะ เราจึงเดินลัดไปเรื่อยๆ ลองเหยียบก�ำลังจะข้าม หินลืน่ ก้าวเท้ากลับหาที่ใหม่ เอาจริงๆ ถ้าไม่มกี ระเป๋ าเป้ ท่หี ลังและต้องเดินอีกสามวันก็คงกระโดดตัวปลิว ปล่อยรองเท้าเปี ยกไปแลว้ เราพยายามระมัดระวัง ใช้สองมือทีถ่ อื Trekking Pole จิ้มหินที่คิดว่าชัวร์แลว้ เหยียบ มือสองข้างช่วยประคองจากน�ำ้ ไหลเชี่ยว ทันใดนัน้ พีจ่ า๋ ทีอ่ ยู่หน้าเราก็หน้าคว�ำ่ ลงน�ำ้ ไปแล ้วเรียบร้อย พร้อมกระเป๋ าใบใหญ่ กลางหลังทีก่ ดทับอยู่ พีห่ มอนัททีอ่ ยูฝ่ งั ่ ตรงข้ามรีบดึงขึ้นทันที ชิบหายละ พีเ่ ขาผอม น�ำ้ หนักน้อยยังล ้ม เราไม่น่ารอด ว่าแล ้วก็ตดั สินใจเอาเท้าจุ่มน�ำ้ ไปโต้งๆ รับรูไ้ ด้ ถึงความเย็นทีเ่ ข้ามา อ่า ถุงเท้าเปี ยกแล ้วสินะ ทุกอณูของเท้าคือเปี ยก!

หลังผ่านเหตุการณ์ชลุ มุน เราก็ได้รบั รูจ้ ากพีโ่ อ๋และพีก่ ว้ ยว่า มีสะพานข้าม อยู่ตรงฝัง่ นู น้ นน เราก็แบบเราก็เห็นนะ แต่คดิ ว่ามันพังไง เพราะคนน�ำดันข้ามน�ำ ้ (ฮ่าๆๆ) แต่กล็ มื ว่าพีเ่ ขาเป็ นผู ้ชาย วิทยายุทธแกร่งกล ้ากว่า งานนี้ยอมเดินอ้อมหน่อย รองเท้าก็ไม่เปี ยกแลว้ ... ตัดภาพมาทีพ่ จ่ี า๋ ครึ่งบนเปี ยก น�ำ้ ไม่เข้ารองเท้าเท่าไหร่ เพราะเอามือดันไว้ เลือดตกยางออกกันนิดหน่ อย เราพักผึ่งถุงเท้าและให้พ่จี า๋ เปลีย่ นเสื้อกันแป๊ บนึง พีผ่ ้งึ เริม่ มีอาหารนิ้วเป็ นแก้ว ก็เลยต้องผ่าตัดย่อยเจาะน�ำ้ หนอง กันกลางป่ า เราส�ำรวจนิ้วเท้าตัวเอง ยังโอเคอยู่เพราะพันล็อคเทปซะเต็มเท้าเลย แทบไม่มอี ากาศหายใจ สะกดจิตว่าเท้าแห้ง อดทนอีกนิดก็ถงึ แล ้ว มาถึง Sälka (ซัลก้า) มองจากบนยอดเนินไปลานกางเต๊นท์ เรารูเ้ ลยว่า ทุกคนมากางเต๊นท์ทน่ี ่ีโดยนัดหมายกัน (ฮ่า) เราเห็นฝรัง่ เปลือยกายเดินล่อนจ้อน ออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง ทีค่ าดว่าน่าจะเป็ นซาวน่า เรามองอยู่นาน (ไม่ได้โรคจิตนะ) คือเขาเอาถังออกมาตักน�ำ้ แลว้ กลับเข้าไปใหม่ หลายคนสับเปลีย่ นกันไป พีเ่ ดียร์ ทีอ่ ยู่กลุม่ เดียวกับเราทีม่ าถึงก่อนหน้า เราเห็นเขานุ่งผ้าขาวม้าออกมา (โล่งใจทีพ่ เ่ี ขา ไม่เปลือย) คงเป็ นเรื่องปกติของฝรัง่ แถบนี้แหละเนาะ แลว้ ก็นึกถึงตัวเอง ถ้าเรา เข้าไปต้องท�ำไงว้า หลังจากกางเต๊นท์ กินข้าวร่วมกันกับเพือ่ นๆ เราก็ตดั สินใจชวนพีเ่ ชลและ พีก่ อ้ ยเข้าไปซาวน่าด้วยกัน แต่จะใส่ชดุ ว่ายน�ำ้ เข้าไปนะ รอจังหวะคนน้อยๆ ก่อน อาย เราสามคนใจกลา้ บ้าบิน่ เข้าไปในบ้านหลังนัน้ ทันทีทป่ี ระตูเปิ ดออกก็เจอกับ ชาวเอเชียด้วยกันทีเ่ ปลือยอยู่ทงั้ ชายและหญิง (นี่ไม่ได้ตงั้ ใจมองนะ มันเห็นเอง) ซักพักสายตาก็กวาดไปรอบๆ (คือห้องไม่ได้ใหญ่มาก มองเห็นภายในหนึ่งวินาที) เขาเปลือยกันหมดว่ะ มองหน้ากันเลิกลัก่ เอาไงดีวะกลับไม่ทนั ละ ถอดก็ถอด กลิน่ ภายในห้องแรงมาก (ให้นึกถึงกลิน่ ตัวแขกแรงๆ) เราไม่พดู พร�ำ่ ท�ำเพลง เอาน�ำ้ เย็น ทีอ่ ยู่ในถังราดตัว ฟอกสบูส่ ระผม แล ้วไปยืนรอคิวเข้าตูซ้ าวน่า แหม ห้องก็อยู่ได้ สิบกว่าคน คนต่อคิวก็เปลือยรอกันอยูแ่ บบนัน้ พอได้ควิ ก็รบี เข้าไปนัง่ อบซาวน่าฟิ นๆ นัง่ เงียบกันไป ประมาณว่าเราไม่รูจ้ กั กัน อย่าจ�ำฉันเลยอะไรประมาณนี้ ซักพักมีฝรัง่ หัวทองคงทนรอไม่ไหว ไม่มที น่ี งั ่ ก็ยงั จะเข้ามาในตูซ้ าวน่า แล ้วก็ยนื อยู่ขา้ งหน้าเรา เห้ย เต็มๆ หน้าเลยน้องชายของนาย ฮ่าๆ จังหวะนี้ไม่รูจ้ ะเขินอายกับไปท�ำไมละ ปล่อยเลยตามเลยตามเวรตามกรรม ถือว่าเป็ นประสบการณ์ทม่ี คี ่าทีค่ วรจดจ�ำ

21

b side


8.8.2016

เมื่อชีวิตเริ่มดราม่า “เราออกเดินทางเวลาเดิมนะครับ 8 โมง” เสียงจากพีง่ บลีดเดอร์ของเรา ทะลุผ่านสายฝนและพายุเข้ามา ตอนนี้เรากับพีก่ อ้ ยนัง่ อยู่ในเต๊นท์ “เอาจริงดิ” หลังจากตัดสินใจว่าเราควรจะกินข้าวในเต๊นท์เพราะฝนแรงมาก (นี่มาทดสอบ อุปกรณ์กนั รึป่าว) ฟังก์ชนั ่ ของเต๊นท์ทเ่ี อามา โชคดีทถ่ี งึ แม้จะเล็กแต่มฟี ลายชีท (หลังคา) คลุมออกด้านข้าง ท�ำให้มพี ้ นื ที่วางของ วางเตาแก๊สต้มน�ำ ้ และฉี่! ฟังไม่ผดิ หรอก ตกหนักแบบนัน้ ใครจะเสีย่ งตายออกไปให้ชุดนอนทีเ่ อามาชุดเดียว เปี ยกกันเล่า งานนี้เราบอกกล่าวกับรูมเมทไว้แล ้วว่า ถ้าฝนตกขอฉี่ข ้างในเต๊นท์นะ (และมารู ท้ ่ีหลังว่าเต๊นท์อ่ืนเขาก็ทำ� เหมือนกัน) เจ็ดโมงครึ่งแลว้ ไม่มที ีท่าว่า ฝนจะหยุด เรารู ดซิปออกไปมองเต๊นท์อ่นื เขาก็ยงั ไม่เก็บกัน คือจะให้ออกไป เก็บเต๊นท์ตอนนี้มหี วังทีน่ อนเปี ยกกันพอดี เราส่องอีกรอบ เราเห็นพีป่ นั้ พีต่ ่าย ผูเ้ ชี่ยวชาญเก็บเต๊นท์จากด้านใน! เห้ย! มันยอดมาก! เรามองแกะสูตรอยู่ซกั พัก ก็รบี ท�ำตามทันที หลักการคือ เอาชัน้ กลาง เก็บก่อนในทีๆ่ แห้ง เพราะตอนนอน สัมผัสโดยตรง จากนัน้ ข้างในเราเก็บแผ่นรองเต๊นท์ก่อน แลว้ จึงมุดออกมาเก็บ ฟลายชีทอย่างรวดเร็ว เห้ยท�ำได้! ปรบมือให้ตวั เองสามที ฟลายชีทและพื้นทีเ่ ปี ยก เราจะเอาตากไว้นอกกระเป๋ า ส่วนชัน้ กลางเราต้องเก็บไม่ให้เปียก ราอาจจะขึ้นและชื้น นอนไม่สนุก วันที่ 4 ของการเดินฝนตกแรงแต่เช้า แต่แผนเดิม เราต้องรักษาระยะเวลา วันนี้เดินเยอะ และจะต้องเดินผ่านยอดทีส่ ูงทีส่ ุดในเทรลนี้ เมือ่ วานรองเท้าและ ถุงเท้าทีเ่ ปี ยก พยายามเอาย่างไฟแล ้วแต่กย็ งั ไม่แห้ง 100% ทริปนี้เราพลาดตรง เตรียมถุงเท้าดีๆ มาไม่มากพอ จะเอาถุงเท้านอนทีม่ เี พียงคู่เดียวมาใส่กไ็ ม่น่าจะรุ่ง เลยทนใส่ถงุ เท้าชื้นๆ ต่อไป ด้วยร่างกายทีเ่ ริ่มพัง และรูต้ วั ว่าน่าจะเป็ นไข้นิดๆ

จากการโดนฝนปรอยๆ มาหลายวัน เช้านี้เราอัดพาราแต่เช้า และกินช็อคโกแลต เพือ่ เพิม่ น�ำ้ ตาลให้กบั ร่างกาย เราต้องดูแลตัวเองให้ได้ อย่าเป็ นภาระของคนอืน่ เราบอกตัวเองตลอดเวลา วันนี้เราเดินกันแบบชาวร็อคมากๆ เพราะมีแต่ ROCK หินเยอะแยะ เต็มไปหมด แทบจะไม่มพี ้นื ดินนิ่มๆ ให้เหยียบ จะมีอกี ทีกโ็ คลนเลย แย่มากวันนี้ ดาวน์สุดๆ เท้าที่ช้ ืนกับร้องเท้าที่เดินบนหินตลอดเวลา พื้นหนาแค่ไหนก็ปวด เริ่มมีอาการระบมเท้า อากาศก็แย่ จิตใจวุน่ วายโทษนู่นโทษนี่ไปหมด วันนี้เราเดิน เงียบๆ คนเดียว ก้มหน้าก้มตาจะเดินข้ามสะพานไม้ ผลักก!!! ่ ลืน่ จ้า ล ้มเอาก้น ลงเต็มๆ พร้อมกระเป๋ า โอ้โห มองซ้ายมองขวามีฝรัง่ เห็นว่ะ เริ่มลุกขึ้นเดินต่อ อย่างรวดเร็วเพราะความอายและปวดในเวลาเดียวกัน นี่ขาไม่มแี รงขนาดนัน้ เลยเหรอ วันนี้แทบไม่มใี ครยกกล ้องออกมาถ่ายรูปกันเลย อากาศหนาวกัดกิน ทุกอณูของร่างกาย ต้องเอาผ้าบัฟปิ ดจมูก หายใจเข้ายังแสบ หายใจออกก็มแี ต่ น�ำ้ มูก ชีวติ !! “เห็นเนินชันๆนัน่ มัย้ นัน่ แหละจุดทีส่ ูงทีส่ ุด 1,140 เมตร” พีเ่ ติรด์ ชี้ให้ดู อนาคตข้างหน้า นัน่ แหละสิง่ ทีเ่ ราต้องเจอ ชันอะไรขนาดนัน้ มองไกลๆ นี่จะเป็ นลม ถอยไม่ได้แลว้ มาได้เกินครึ่งทางแลว้ ไม่มเี ฮลิคอปเตอร์มารับแกหรอกนะ... ณ จุดนี้ เราสะกดจิตตัวเองอีกแลว้ อีกนิดเดียวก็ถงึ จุดเช็คพอยท์ Tjäktja (เชียก์ช่า) และคัพเค้กแครอทรอเราอยู่ วันนี้เราประทับใจคนในกลุม่ ด้วยกันมาก โป๊ ดซึ่ง อยู่ ก ลุ่ม เร็ว และเดิน ถึง จุด กางเต๊น ท์ก่ อ น เดิน ย้อ นกลับ มาเพื่อ ช่ ว ย แบกกระเป๋ าของพีน่ ุช พีส่ าวคนโตของพวกเราทีม่ อี าการลา้ และเจ็บอย่างชัดเจน พีเ่ ชลเริ่มมีอาการเจ็บเอ็นร้อยหวาย พีจ่ า๋ ซึง่ เจ็บเข่ามาก่อนหน้านี้เดินกะเผลกๆ อย่างช้าๆ พวกเรากลุม่ หลังดูจะสะบักสะบอมกันทุกคน เย็นนี้พอได้กางเต๊นท์ เราไม่ได้กนิ ข้าวพร้อมกับเพือ่ น เพราะว่าพังมาก ไข้ข้นึ และไม่หวิ พีก่ อ้ ยก็ดุว่า ต้องกินแลว้ ไปต้มโจ๊กมาให้ พี่หมอใหญ่ เดินมาตรวจอาการ ตอนนี้เราแค่ อยากกินยาแลว้ นอนเลย ด้วยฤทธิ์จากยาทัง้ หลาย บวกกับอาการเมือ่ ยลา้ และ เสียงน�ำ้ ตกข้างๆ ท�ำให้เราสลบไปแบบไม่รูต้ วั 22

b side


9.8.2016

ทุ่งโคลนสังหาร สะดุง้ ตื่นตอนเช้าจากเสียงคนเดินนอกเต๊นท์ท่ีก�ำลังท�ำกับข้าวกันอยู่ เราได้ยินเสียงฝนตกปรอยๆ สะลึมสะลือลุกขึ้นมาเช็คเท้าและเช็คว่าถุงเท้า ที่ตากไว้แห้งรึยงั ... ไม่แห้ง งัน้ ย่างต่ อละกัน เราคิดถึงแสงแดดที่เมืองไทย ชีวติ ขมขืน่ ระทมใจมากกับการเดินด้วยถุงเท้าเปี ยกๆ ชื้นๆ วันนี้ต่ืนก่อนเวลา ค่อนข้างมาก ทีก่ อ้ ยท�ำโจ๊กมาให้กนิ อีกแล ้ว รูส้ กึ โลกหมุนน้อยกว่าเมือ่ วาน เลยมี โอกาสหยิบมือถือทีซ่ ่อนไว้ในส่วนลึกของกระเป๋ าออกมา (ส่วนมากใช้โกโปรถ่าย) เราเปิดกล ้องหน้าแทนกระจกเพือ่ ส�ำรวจสภาพหน้าตัวเอง... อืมม หน้าลอก ปากแตก สิว ผมเป็ นกลีบ ช่างมันเถอะ ตอนนี้ปลงแล ้ว ขอเท้าอยู่รอดปลอดภัยก็พอ ระยะทางที่เราเดินจนมาถึงตอนนี้ น่ าจะมากกว่า 60 กิโลเมตรแลว้ และทางวันนี้ก็ไม่หมูอย่างที่คิด ในแผนที่เราจะต้องเดินเลียบทะเลสาบเพือ่ ไป จุดเช็คพอยท์ Alesjaure (ออเลสซิอาวเร่) และเดินต่อไปจนเกือบถึงจุดเช็คพอยท์ Kieron (เคียร่อน) วันนี้น่าจะเป็ นวันทีเ่ ดินเยอะทีส่ ุด แต่สง่ิ ทีท่ ำ� ให้สมองคิดว่า “กูมาท�ำอะไรทีน่ ่ี” ก็คือสภาพเส้นทางทีเ่ ดินวันนี้ การทีฝ่ นตกหลายวันท�ำให้ดนิ ริมทะเลสาบแปรสภาพไปเป็ นโคลนผสมหิน โอ้โห สุดๆ ไปเลยจ้า การเดินวันนี้ มันเลยจุดทีจ่ ะใช้คำ� ว่า ‘เหนือ่ ย’ แล ้ว น่าจะใช้คำ� ว่า ‘รันทด’ ซะมากกว่า เอวทีเ่ ริม่ เจ็บ จากการกดทับของสายรัดเอว เข่าทีเ่ ริม่ แปล๊บๆ เท้าทีเ่ น่าและแก้วขึ้น 3 นิ้ว ไข้ทีย่ งั ไม่หายขาด พร้อมกับเจอเหตุการณ์ท่เี รียกว่าเป็ นจุดพลิกของชีวติ ในตอนนัน้ นัน่ คือเท้าซ้ายจุ่มโคลนเข้าไปเต็มเหนี่ยว จนพีม่ ดที่อยู่ขา้ งหลังต้องช่วยดึงขึ้น กว่าจะถึงทีพ่ กั เล่นเอาทัพหน้าทีล่ ว่ งหน้าไปก่อนต้องเดินกลับมาให้กำ� ลังใจกันเลย วันนี้ขอบคุณพระเจ้าหรือสวรรค์ทส่ี ่งแสงแดดมาก่อนจะหมดวัน เป็ นแสงแดด ทีส่ วยทีส่ ุดในชีวติ เลยจริงๆ เรื่องประทับใจของวันนี้ คือการได้เข้าห้องน�ำ้ ริมทะเลสาบและหายท้องผูก ใช่แล ้ว! ในทีส่ ุดก็ได้อซึ กั ที หลังหมักบ่มเป็ นเวลาเกือบ 5 วัน...

10.8.2016

110 กิโลเมตร กับมิตรภาพที่สวยงาม

ขอขอบคุณ

- ภาพจากกล้อง พี่ก้อย (Putsadee Koikoko) พี่ปั้น (Pun Thailand Off Limits) พี่งบ (Tatrawee Harikul) พี่หมอนัท (Nut Iamsupasit) รูปในกล้องตัวเองช่างน้อยนิดเหลือเกิน... - กลุ่ม Thailand Outdoor และ fjällräven Thailand - พี่ๆ และเพื่อนในกลุ่มทุกคน ที่ช่วยดูแลซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ใครอยากไปปีหน้าติดตามรายละเอียดในได้ www.facebook.com/fjallraventhai และฝากติดตามรายการ Thailand Off Limits ด้วยค่ะ

หลัง จากได้กิ น ข้า วเย็ น เมื่ อ วานอย่ า งสนุ ก สนานและข�ำ ท้อ งแข็ ง จากฝี มอื ของ ปอ ตัวยิงมุข วันนี้เราทุกคนเหมือนปลดล็อคประตูบานใหญ่ ของตัวเอง ไม่รูจ้ ะอธิบายยังไง แต่วนั ทีแ่ ย่ทส่ี ุด เราผ่านมันมาด้วยกัน ฝ่ าฟัน มาด้วยกัน เรายิ้มให้กนั ตัง้ แต่เช้า (ขอบคุณพี่เชลที่มอบถุงเท้าแห้งให้หนึ่งคู่ เป็ นไอเท็มชิ้นส�ำคัญเลย) เพราะวันนี้จะเป็ นวันสุดท้ายแลว้ อีก 17 กิโลเมตร! พวกเราเก็บเต๊นท์กนั อย่างรวดเร็ว ไม่ตอ้ งให้ใครมาสัง่ เราเดินผ่านจุดเช็คพอยท์ Kieron (เคียร่ อน) ที่ใกลก้ บั จุดกางเต๊นท์นิดเดียว มีคุณป้ าน่ ารักสองคน ท�ำแพนเค้กราดแยมคอยสนับสนุ นเหล่านักเดินกันอย่างเต็มที่ เช้าวันนี้ขา้ งใน ร่างกายเราปัน่ ป่ วนหมดแล ้ว พยายามจะยัดมาม่าซองสุดท้ายเข้าปาก แต่กไ็ ด้แค่ สองสามค�ำ แพนเค้กเลยเป็ นยาช่วยชีวติ ให้วนั นี้มแี รงเดิน ภูมปิ ระเทศวันนี้ เหมือนวันแรกทีเ่ ริม่ เดิน มีตน้ ไม้สูงให้ร่มเงา ลานเนินหินเริม่ หายไป และแสงแดด ทีแ่ รงจนอดไม่ได้ทจ่ี ะเอาถุงเท้ามาตากนอกกระเป๋ า จุดหมายปลายทางของพวกเราทัง้ หมดในวันนี้ คือทีท่ ำ� การอุทยานแห่งชาติ Abisko (ออบิสโก) ทุกคนดูจะอัพสปี ดการเดินของตัวเองอย่างรวดเร็ว พอเรารูว้ า่ มีอะไรรออยู่ตรงหน้า ก�ำลังใจจะช่วยดันร่างกายให้ไปต่อแบบยกก�ำลัง “นี่เราเดิน กันเร็วไปรึเปล่า” นี่เป็ นวันแรกทีเ่ ดินอยู่ในทัพหน้า เราโหยหาบ้าน คิดถึงพ่อแม่ อยากอาบน�ำ้ อุน่ อยากจิบเบียร์ อยากนัง่ ชักโครกดีๆ เหล่านี้คอื แรงผลักดันทีท่ ำ� ให้ ชนะใจตัวเอง เราไม่ได้ไปพิชิตอะไร ธรรมชาติอยู่ยงั ไงก็ยงั คงตัง้ อยู่อย่างนัน้ ไม่มเี ปลีย่ นแปลง เราเองทีอ่ ยากเข้าไปสัมผัส เพราะถ้าไม่มธี รรมชาติ พวกเรา ก็ไม่มคี ่าอะไรเลย - Without Nature, We’re Nothing. 23

b side


BHUTAN

A JOYFUL PLACE IN MY HEART

ภูฏาน... สถานของใจ เรื่อง / ภาพ: ธาตรี แสงมีอานุภาพ

ท�ำไมเราต้องมาที่นี่... ผมตั้งค�ำถามกับตัวเอง ในตอนที่รู้ว่าต้องพาคนไปเที่ยวที่นี่... ครั้งแรก

วัดทักซัง หรือ วัดถ�้ำเสือ (Tiger’s Nest) ในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝน วัดที่ไม่ใช่เพียงแต่คนภูฏานที่อยากมา แต่ถือว่านี่คือหมุดหมายหนึ่งของนักเดินทาง จากทั่วโลกที่ตั้งใจมาให้ได้สักครั้งหนึ่ง ต�ำนานเล่าไว้ว่าท่านคุรุรินโปเชได้ใช้อิทธิฤทธิ์ ขี่ น างเสื อ ขึ้ น มายั ง ถ�้ ำ บนเขานี้ และบ� ำ เพ็ ญ สมาธิ อ ยู ่ ถึ ง สามเดื อ นเต็ ม จึ ง ออกมา แสดงธรรมแก่ชาวบ้านในหุบเขาพาโรเบื้องล่าง จนชาวบ้านเกิดศรัทธาสร้างวัดถวาย (ภายในวัดเขาจะห้ามเราถ่ายรูป ภาพวัดทีเ่ ราเคยได้เห็นบ่อยๆ จึงถูกถ่ายจากบริเวณนี)้

ทีท่ ไ่ี ม่มตี กึ ระฟ้ า เซเว่นอีเลฟเว่น ไม่มสี ง่ิ อ�ำนวยความสะดวกอะไรมากมายนัก กระทัง่ กินข้าว คนทีน่ ่ยี งั ใช้มอื ควักข้าวเป็ นค�ำๆ ใส่ปากกันอยู่เลย... ทางเชื่อมระหว่างเมือง ยังคงเต็มไปด้วยฝุ่น และหลุมบ่อ แต่ถามกลับไปอีกที... ท�ำไมไม่มาทีน่ ่.ี .. ประเทศทีเ่ อาความสุขเป็ นเป้ าหมาย มากกว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจ ประเทศที่คนค่อนประเทศยังใช้ชีวติ อย่างเรียบง่าย ท�ำกสิกรรมกันแบบดัง้ เดิม ไม่ใช้สารเคมี กินง่ายอยู่งา่ ย ประเทศทีป่ ระชาชนยังคง ยึดมันอยู ่ ่ในหลักศาสนา และศรัทธาในองค์พระมหากษัตริยค์ ล ้ายๆ เรา เนื่องจาก บ้า นเมือ งนี้ การปกครองเป็ น ส่ ว นผสมผสานระหว่ า งศาสนา คื อ องค์ล ามะ และกษัตริย ์ จึงท�ำให้เป็ นการปกครองในแบบธรรมราชา แต่ท่ผี มเห็นว่ามีมากกว่าคือ ความบริสุทธิ์ และสบายใจ ที่ยงั คงฉายชัด อยู่ภายในสีหน้าและแววตาของชาวภูฏาน ถ้าใครไม่ชอบเทรคกิ้งเดินป่ า โปรแกรมการเดินทางทีไ่ กด์แนะน�ำ ก็มกั จะเป็ น วัด วัง วัด วัง (เยอะจริงๆ) ซึง่ ศูนย์กลางของเมืองจะสร้างทัง้ วัดและวังอยู่ภายใน ป้ อมปราการเดียวกัน นอกจากนัน้ ก็จะมีพพิ ธิ ภัณฑ์ท่ถี อื ว่าเป็ นหน้าเป็ นตาระดับ นานาชาติเลยทีเดียว เราคงจะไม่พร�ำ่ พรรณนาลงไปในรายละเอียดให้ยดื ยาว เพราะยุคนี้เพียงเสิรช์ หาข้อมูลก็มรี วี วิ ให้อ่านกันมากมาย แต่บอกได้เพียงว่า ‘ความสุขมวลรวมประชาชาติ’ ไม่ใช่เพียงค�ำเท่ๆ ทีเ่ อาไว้โม้กบั นานาชาติ แต่เป็ น ‘ความสุข’ ทีค่ ุณต้องมาสัมผัส จากอากาศ จากอาหาร จากผูค้ น ต้นไม้ วัด วัง อันละเอียดลออวิจติ ร ทีน่ ่เี ลยครับ... ‘ภูฏาน’

ที่นั่งรอรถประจ�ำทาง สไตล์ภูฏาน 24

b side


Buddha Point ตัง้ อยูท่ ี่ คูนเซล โฟดราง (Kuensel Phodrang) เมื อ งทิ ม พู (Thimpu) คือศาสนสถานที่ใช้เวลาสร้าง ยาวนานเป็ น สิ บ ปี และถื อ เป็ น องค์ พ ระ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ (สูงถึง 51.5 เมตร) ถึงแม้ว่าจะไม่เก่าแก่อย่างวัดอื่น แต่เมื่อ เพ่งพินิจในรายละเอียด เราจะเห็นความ ชดช้ อ ยประณี ต ของพุ ท ธศิ ล ป์ ใ นองค์ พระปฏิมา ที่ได้อิทธิพลจากทิเบต เราชอบ ไปยืนมองที่หน้าองค์พระ และรู้สึกว่าท่าน ก�ำลังมองมาที่เรา อนึ่ง โดยปกติวัด หรือ ป้ อ มต่ า งๆ จะไม่ อ นุ ญ าติ ใ ห้ ถ ่ า ยภาพ พระพุ ท ธรู ป ภายในตั ว โบสถ์ การได้ ถ่ายภาพองค์พระใหญ่ทนี่ จี่ งึ มีความหมาย ต่อความทรงจ�ำของเรามาก

ระหว่างทางของฝุ่น... รถบัสส่วนใหญ่ที่ใช้พานักท่องเที่ยวที่มากับทัวร์จะเป็นรถ คันไม่ใหญ่มาก เพื่อสะดวกในการวิ่งในทางแคบระหว่างเมือง

ก้อนชีสทีท่ ำ� จากนมของตัวยัก (Yak) หรือจามรี เขาร้อยเป็นพวงขายข้างทาง

ที่ โดชู ล าพาส (Dochu La Pass) นอกจาก วัดดรุกวังเยลลาคัง (Drukwangyal Lhakhang Temple) ใกล้ ๆ กั น ก็ จ ะมี อ นุ ส รณ์ ส ถานที่ เ ขา สร้ า งให้ แ ก่ ท หารวี ร ชนชาวภู ฏ าน ที่ เ สี ย ชี วิ ต ในสงครามอั ส สั ม ซึ่ ง เรี ย กกั น ว่ า 108 สถู ป (108 Stupas) สร้างขึ้นในปี 2005 25

b side


บริเวณ 108 สถูป สามารถขึ้นไปเดินเล่นได้ หากมาในวั น ที่ อ ากาศดี ๆ บนความสู ง ที่ 3,150 เมตรเหนือระดับน�้ำทะเล ณ จุดนี้ เราสามารถมองไปเห็ น หมู ่ เ ทื อ กเขาหิ ม าลั ย ได้อย่างชัดเจน

ถึง... เสียที หลังจากกระเด้งกระดอนอยู่นาน พูนาคาซอง (Punakha Dzong) ต้อนรับเรา ด้วยวิวของป้อมทีส่ ร้างเป็นอันดับสองของประเทศ แต่ ส วยงามเป็ น อั น ดั บ หนึ่ ง และถ้ า จ� ำ กั น ได้ ที่ นี่ คื อ สถานที่ ป ระกอบราชพิ ธี อ ภิ เ ษกสมรสของ กษัตริย์จิกมีและพระราชินี เมื่อปี 2011 นั่นเอง

หญิงชราที่มาแสวงบุญภายใน สถูปอนุสรณ์ (National Memorial Chorten) เมืองทิมพู คนชราจ�ำนวนมากมักจะเข้าวัดเพื่อมาสวดมนต์ พร้อมกับ หมุน ‘กงล้อมนตรา’ เพิม่ เสริมสิรมิ งคลแก่ตวั ตามความเชือ่ ในพุทธศาสนานิกายตันตระหรือวัชรยาน

ภายในพูนาคาซอง ป้อมที่สวยที่สุด แห่ ง นี้ นอกจากจะใช้ เ ป็ น สถานที่ จัดพระราชพิธีส�ำคัญแล้ว ปัจจุบัน ยั ง เป็ น สถานที่ พ� ำ นั ก ของพระเถระ ชั้นผู้ใหญ่อีกด้วย 26

b side


ก�ำแพงภายในวัดคิชูลาคัง (Kichu Lhakhang) ในเมืองพาโร (Paro) ที่นี่เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด ของภูฏาน สันนิษฐานว่าสร้างโดยกษัตริย์ซงซาน กัมโป กษัตริยท์ เิ บตในปี ค.ศ. 659 เราแนะน�ำให้เข้าไป ชมรูปองค์พระโพธิสตั ว์ตา่ งๆ ซึง่ สวยงามแบบศิลปะ ทิเบตดัง้ เดิม และยังมีรปู ปัน้ ของท่านคุรรุ นิ โปเช ขนาด สูง 5 เมตร อยู่ที่นี่ด้วย เนื่องจากเขาห้ามถ่ายภาพ ภายในวัด จึงไม่มีรูปภายในมาฝากกัน

Bhutan Travel Tips

มีข้อควรรู้เล็กๆ ที่กระซิบบอกกันได้สักหน่อย > นอกจากต้องขอวีช่า เพือ่ จ�ำกัดและดูแลการท่องเทีย่ วให้อยู่กนั อย่างยัง่ ยืน ประเทศนี้ตอ้ งมากับทัวร์ครับ เขาไม่อนุญาตให้เราไปเทีย่ วกันเองโดยปราศจาก ไกด์นำ� ไป (ถ้าไม่ซ้อื ทัวร์ไปก็ตอ้ งหาจ้างไกด์ทน่ี ู่นนะครับ) > ฟุตบอลประเทศนี้อยู่อนั ดับบ๊วยๆ ของฟี ฟ่า เพราะกีฬาประจ�ำชาติคอื ‘ธนู ’ เราอาจจะได้ลองยิงธนู ของเขาถ้าหาโปรแกรมทัวร์เข้าในหมูบ่ า้ นหรือเทรคกิ้ง > หมา... คุณอาจจะเอ็นดู พวกมันในวันแรกๆ แต่อาจต้องหาส�ำลีอุดหู กัน ในตอนกลางคื น หากเลือ กนอนในตัว เมือ ง เพราะมัน เห่ า กัน ทัง้ คื น (เป็ นดินแดนที่หมาเยอะจริงๆ) แนะน�ำให้เลือกโรงแรมที่อยู่คนละฝัง่ แม่นำ�้ กับตัวเมืองจะเงียบสงบกว่า > ของฝากที่ข้ ึนชื่อของที่น่ีคือภาพเขียนบนธงผ้า หรือที่เรียกว่า ‘ทังกา (Thangka)’ เป็ นภาพวาดพระพุทธเจ้า หรือพระโพธิสตั ว์องค์ต่างๆ ราคาแพง สักหน่อย แต่เป็ นงานฝี มอื ทัง้ สิ้น ถ้างบน้อย แนะน�ำน�ำ้ ผึ้งป่ า ซึง่ มีคุณภาพ ดีมาก (หาได้ตามร้านค้าในเมืองทัว่ ไป) > สแตมป์ กเ็ ป็ นอีกสิง่ หนึ่งทีโ่ ด่งดังของทีน่ ่ี และเราสามารถซื้อหาสแตมป์สวยๆ กับโปสการ์ดเพือ่ ส่งหาญาติมติ ร หรือจะท�ำสแตมป์รูปตัวเองก็ยงั ได้! ทีท่ ท่ี ำ� การ ไปรษณียก์ ลางของเมืองทิมพูเท่านัน้ > อาหารโดยรวมของทีน่ ่ที านได้ไม่ยากนัก มีข ้าวเป็ นหลักคล ้ายบ้านเรา รสชาติ อาหารมีเค็ม เผ็ด มัน แนะน�ำเมนู เด็ดอันหนึ่งของทีน่ ่ี คือ ‘พริกผัดชีส (Ema Datshi)’ อันนี้ผูเ้ ขียนชอบมาก (โอย... น�ำ้ ลายไหล) > ห้องน�ำ้ ทีห่ ลายๆ คนกังวลเวลาไปเทีย่ วทีก่ นั ดาร ก็บอกได้ครับว่ามันไม่แย่ ถ้าเป็ นร้านอาหาร โรงแรมต่างๆ ก็ถอื ว่าสะอาดดี (สะอาดกว่าไปจีนนะ) ควร เข้าให้เสร็จทีร่ า้ นอาหารหรือโรงแรมไปเลย จะสะดวกกว่าไปเข้าทีว่ ดั หรือวังครับ > ทีน่ ่หี า้ มสูบบุหรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถา้ เลิกไม่ได้ ให้ไปลงทะเบียนกับทางการ กันเลยทีเดียว > สนามบินซึง่ มีอยูแ่ ห่งเดียวในเมืองพาโร รันเวย์สนั้ มาก คือไม่ถงึ 2 กิโลเมตร ถือว่าเป็ นสนามบินทีล่ งยากติดอันดับโลก และมีเพียงสายการบินประจ�ำชาติ ของทีน่ ่เี ท่านัน้ ทีบ่ นิ ขึ้นลงได้ วันหนึ่งไม่ก่เี ทีย่ วบินเท่านัน้ > ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยว คือเดือนพฤษภาคม – มิถนุ ายน เพราะอากาศก�ำลังดี ไม่รอ้ นหรือหนาวเกินไป (อุณหภูมเิ ฉลีย่ เวลากลางวัน ของทีน่ ่คี อื 15-25 องศาเซลเซียส) ตามที่บอกไปว่าประเทศนี้จ ำ� เป็ นต้องไปกับไกด์ และยังคงจ�ำกัด จ�ำนวนนักท่องเทีย่ วต่อปี ฉะนัน้ ข้อมูลเรื่องทีพ่ กั ต่างๆ โปรดสอบถามจากทัวร์ ทีท่ ่านสนใจได้เองเลยนะครับ ** ขอขอบคุณ บริษทั Mind Tour ทีใ่ ห้โอกาสไปเป็ นหัวหน้าทัวร์ในทริปนี้ จนได้รูปกลับมาฝากชาว HIP กันครับ **

บรรยากาศของป้อมพาโร หรือ พาโร รินปุงซอง (Paro Rinpung Dzong) สถานที่ซึ่งเป็นทั้งอารามหลวงและศูนย์กลางบริหารปกครอง เมืองพาโร ปัจจุบันมีพระจ�ำวัดและศึกษาอยู่ที่นี่ประมาณ 200 รูป ภายใน หอกลางของป้อม มีงานเครื่องไม้ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในภูฏาน

27

b side


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.