โฉลกเรือฉบับเมืองนาน พอเหลี่ยม สมฤทธิ์ บานมวงตึ๊ด อ. ภูเพียง
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒
ซื้อถูกขายแพง (ซื้อถูกขายแปง - ทําการคาแลวไดกําไร) กินแหนงเมื่อไปคา (กินแหนงเมี่ยไปกา - ทําการคาแลวใหรูสึกเสียดาย) ไถขาออกเปนไท (ไถขาออกเปนไท - ไถขาทาสใหเปนอิสระ) หินผาไหลแลนทิ่ม (หินผาไหลแลนถิ้ม - ถูกหินผาไหลมากระแทก) คําเต็มลิ่มเกิดกับถง (คําเตมหลิ้มเกิดกับถง - ในถุงมีทองคําทั้งแทงเกิดขึ้นเอง) ชาตาลงคะคั่น (จาตาลงคะคั่น - ชาตาตกลงเรื่อยๆ) ไปหมั่นไดมาแถม (ไปหมั่นไดมาแถม – ยิ่งออกเรือบอย ยิ่งไดทรัพยเพิ่ม) เรือแชมลมเมื่อจอด (เฮียแจมหลมเมี่ยจอด – เรือยากจนลมเมื่อจอด) ไปรอดแลวมาดี (ไปฮอดแลวมาดี - ไปกลับทุกครั้งโดยสวัสดิภาพ) เศรษฐีรูไร (เสดถีฮูไฮ - แมเปนเศรษฐีก็ยังตกยาก) ไปหมั่นไดขุมคํา (ไปหมั่นไดขุมคํา – ถาออกเรือบอยๆ จะไดพบหลุมทอง) เปนคําบรูเมี้ยน (เปนกําบฮูเมีย้ น - เปนถอยเปนความไมรูจบ)
วิธีวัดโฉลกเรือ ใหวัดความกวางของเรือชวงที่กวางที่สุด เมื่อไดแลวใหถือเปน ๑ ชวงความยาว จากนั้ น จึ ง นํ า ช ว งความยาวนี้ ไ ปทาบกั บ ความยาวของตั ว เรื อ โดยนั บ วนไปเรื่ อ ยๆ จาก ๑ จนถึง ๑๒ ถานับถึง ๑๒ แลวยังไมสุดลําก็ใหเริ่มตนนับ ๑ ใหมจนกระทั่ง สุดลําเรือ ถาตรงกับลําดับที่ ๑, ๓, ๕, ๗, ๙, ๑๑ ถือวาดี ถาตรงกับลําดับที่ ๒, ๔, ๖, ๘, ๑๐, ๑๒ ถือวาไมดี แตโดยมากชางขุดเรือมักจะพยายามใหไดตรงกับลําดับที่ ๕ ซึ่งถือวาดีที่สดุ
ประวัติเรือแขงเมืองนาน จากเอกสาร ตํานาน และเรื่องเลา ISBN 978-974-235-447-3 ที่ปรึกษา
พระศรีธีรพงศ
รองเจาคณะจังหวัดนาน วัดพญาภู พระอารามหลวง
พระครูพิศาลนันทคุณ
เจาอาวาสวัดน้าํ ลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน
พระพนัส ทิพฺพเมธี วัดน้ําลัด นายแพทยบุญยงค วงศรักมิตร ประธานมูลนิธพิ ระครูพทุ ธมนตโชติคณ ุ
วาที่รอยตรีสมเดช อภิชยกุล
ผูท รงคุณวุฒทิ างดานวัฒนธรรม
คุณวุฒิชัย โลหะโชติ
ศูนยประสานงานประชาคม โรงพยาบาลนาน พิมพครั้งที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ จํานวน ๑,๐๐๐ เลม ผูเรียบเรียง
ผลิตสิ่งพิมพ พิมพที่
มูลนิธิพระครูพุทธมนตโชติคุณ
หจก. กลุมธุรกิจแม็กซ (MaxxPRINTING - แม็กซปริน้ ติง้ ) ๑๔ ซ.สายน้ําผึ้ง ถ.ศิริมังคลาจารย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม ๕๐๒๐๐ Hotline : ๐๘๖ ๖๕๔๗๓๗๖, ๐๕๓ ๒๒๑๐๙๗ Website : http://moradoklanna.com
ขอขอบพระคุณ
อาจารยทักษิณา ธรรมสถิตย
ยุทธพร นาคสุข จัดพิมพโดย
พระครูสิรินันทวิทย
รองเจาคณะอําเภอเมืองนาน วัดดอนมูล ต. ดูใ ต
พระมหาสุริยนต ธมฺมานนฺโท
วัดนาหวาย ต. บอแกว อ. นาหมื่น จ. นาน
อาจารยราเชนทร กาบคํา
ผูอ าํ นวยการวิทยาลัยการอาชีพปว อ. ปว จ. นาน
อาจารยเดช ปนแกว
ประธานสภาวัฒนธรรมอําเภอภูเพียง
อาจารยสงา อินยา
รองประธานสภาวัฒนธรรมอําเภอทาวังผา
คุณญาณ สองเมืองแกน
ผูทรงคุณวุฒิดานวัฒนธรรม อาจารยวินัย ปราบริปู หอศิลปริมนาน
TM
วิทยาลัยเทคนิคนาน
อาจารยสิทธิศักดิ์ ธงเงิน
โรงเรียนสามัคคีวิทยาคาร (เทศบาลบานพระเนตร)
คุณวริศรา บุญซื่อ
สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดนาน
คุณอัมพันธ แสงสุทธิวาส สันหนองขอยทีม
พอเหลี่ยม สมฤทธิ์
บานมวงตึ๊ด ต. มวงตึ๊ด อ. ภูเพียง จ. นาน
ทายาทของพอหนานสม ศรีสุขคํา บานหัวนา ต. ทานาว อ. ภูเพียง จ. นาน
พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ นาน หอจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยพายัพ เจาของภาพทุกภาพทีใ่ ชประกอบในหนังสือ
คํานํา ขาพเจาก็เปนเหมือนคนเมืองนานสวนใหญทคี่ ลัง่ ไคลการแขงเรือเปนชีวติ จิตใจ เคยตัง้ ใจวาจะเขียนหนังสือเกีย่ วกับการแขงเรือเมืองนานสักเลม แตจนแลวจนรอดก็ไมมี เวลาและโอกาส ถึงกระนั้นก็ไดเก็บขอมูลมาเรื่อยๆ และดวยที่ขาพเจาเรียนมาทางสาย ภาษาศาสตร จึงสนใจประวัติเรือแขงที่ปรากฏในเอกสารโบราณมากเปนพิเศษ ครั้งนี้ไดโอกาสดีจึงลงมือเขียนเปนหนังสือเลมเล็กๆ เสียเลมหนึ่งกอน โดยจะ กลาวถึงเฉพาะประวัตคิ วามเปนมาของเรือแขงเปนสําคัญ เดิมทีคดิ จะเขียนใหอา นสบายๆ ไมอยากเนนวิชาการหรืออางอิงใหรกรุงรัง แตเมื่อพิจารณาดูอีกทีก็เห็นวาสิ่งที่ขาพเจา เขียนในหนังสือเลมนี้ หลายๆ เรือ่ งเปนสิง่ ทีย่ งั ไมเคยมีใครพูดถึงมากอน ครัน้ จะไมอา งอิง แหลงทีม่ า ก็เกรงวาผูอ า นอาจจะเกิดความกังขาในขอมูลทีข่ า พเจานําเสนอได สุดทายก็เลย ออกแนววิชาการไปหนอย อยางไรก็ดีขาพเจาก็ไดพยายามเขียนใหอานงายที่สุด ข อ มู ล ส ว นใหญ ที่ ใช ใ นการเรี ย บเรี ย งหนั ง สื อ เล ม นี้ ไ ด รั บ ความกรุ ณ าจาก พระพนัส ทิพพฺ เมธี เอกสารทีม่ คี ณ ุ คาหลายชิน้ เปนสมบัตสิ ว นตัวของทานเอง และเมือ่ ใด ทีข่ า พเจาตองการขอมูลเพิม่ เติม ทานก็จะรีบคนหาใหทนั ที บางครัง้ ถึงกับไปสัมภาษณผรู ู แทนขาพเจาซึ่งไมไดอยูในพื้นที่ จึงขอขอบพระคุณทานมา ณ ที่นี้ หนังสือเลมนี้สําเร็จไดก็ดวยความชวยเหลือจากบุคคลหลายทานและหลาย หนวยงาน ทั้งจากการไปขอสัมภาษณ การอางอิงหนังสือหรือเอกสารที่ทานเรียบเรียง หรื อ เก็ บ รั ก ษาเอาไว ทั้ ง การให ก ารสนั บ สนุ น และให กํ า ลั ง ใจข า พเจ า เสมอมา จึงขอขอบพระคุณทุกทานที่ปรากฏชื่อในหนังสือเลมนี้ เหนือสิง่ อืน่ ใดขาพเจาตองขอกราบขอบพระคุณนายแพทยบญ ุ ยงค วงศรกั มิตร ประธานมูลนิธิพระครูพุทธมนตโชติคุณ ที่กรุณาใหการสนับสนุนการจัดพิมพหนังสือ ทั้งหมด ทั้งยังกรุณาเขียนคํานิยมใหอีกดวย ขาพเจารูสึกซาบซึ้งในความเมตตาของทาน เปนที่สุด สุดทายขอกราบขอบพระคุณบรรพชนชาวนานทีไ่ ดสงั่ สมภูมปิ ญ ญาการแขงเรือ ไวใหลูกหลาน ทําใหพวกเราไดมีกิจกรรมสงเสริมความรักสามัคคีกันภายในเมืองนาน บานเราอยางทีเ่ ปนอยูใ นปจจุบนั ขอยกคุณความดีทง้ั หมดทีห่ นังสือเลมนีพ้ อจะมีอยูบ า ง แดบรรพชนชาวนานทั้งหลาย ยุทธพร นาคสุข yyuyut3@gmail.com y g บานบุญนาค เวียงสา ๗ ตุลาคม ๒๕๕๒
สารบัญ ประวัติเรือแขงเมืองนาน จากเอกสาร ตํานาน และเรื่องเลา .....................................๖ ความผูกพันของคนเมืองนานกับสายน้ํานาน .........................................................๗ เมืองนานกับความเชื่อเรื่องพญานาค .....................................................................๘ วิถีชีวิตของคนเมืองนานกับเรือ .......................................................................... ๑๒ ศัพทและสํานวนของคนเมืองนานที่เกี่ยวกับเรือ....................................................๑๓ ประเพณีแขงเรือเมืองนานมีมาตั้งแตเมื่อใด......................................................... ๑๗ ตํานานกําเนิดเรือแขงของเมืองนาน ....................................................................๒๓ เรือทายหลาตาทองมีกี่ลําแน ............................................................................. ๒๖ “ทายหลา” แทจริงแลวก็เปนชื่อเรือโบราณประเภทหนึ่ง ...................................... ๒๖ “ตาทอง” ที่ปรากฏในเอกสารคือตาไม ...............................................................๓๐ ประวัติการแขงเรือเมืองนานที่จัดโดยทางราชการและองคกรปกครองสวนทองถิ่น ...๓๑ บทสรุปเกี่ยวกับประวัติเรือแขงเมืองนาน ..............................................................๓๓ บรรณานุกรม ................................................................................................... ๓๔
ประวัติเรือแขงเมืองนาน จากเอกสาร ตํานาน และเรื่องเลา ยุทธพร นาคสุข
เอกสารลําดับที่ ๔ โครงการจัดพิมพหนังสือและผลงานปริวรรตเอกสารลานนา วัดน้าํ ลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน สนับสนุนการจัดพิมพโดย มูลนิธิพระครูพุทธมนตโชติคุณ
ความผูกพันของคนเมืองนานกับสายน้าํ นาน จากประวัติศาสตรยุคแรกของเมืองนานในสมัยของพระญาภูคา (พระญาพูฅา) เชื้อสายของคนนานซึ่งเปนคนไทกลุมหนึ่งคือ “ชาวกาว” หรือ “กาวไทย” ก็ไดต้งั ถิ่นฐาน อยูต ามลุม แมนาํ้ แลว คือ ลําน้าํ ยาง บริเวณเมืองยาง เขต อ. ทาวังผาในปจจุบนั ตอมาในราว พ.ศ. ๑๙๐๒ พระญาครานเมือง ผูท รงพระนามทีม่ คี วามหมายวา “ผูท เ่ี ปนทัง้ ความดีและความงาม ของบานเมือง” หรือ “ผูท ม่ี อี าํ นาจคับพระราชอาณาจักร”๑ ไดทรงยายเมืองจากเมืองวรนคร บริเวณ อ. ปว ลงมาตัง้ ทีเ่ วียงภูเพียง (เวียงพูเพียง) อันเปนบริเวณทีพ่ ระองคไดทรงสรางพระธาตุเจาภูเพียง กอนหนานัน้ แลว ๒ – ๓ ป การยายเมืองครัง้ นัน้ ทําใหเกิดตํานานของ “ซอลองนาน” วาระหวางทีม่ กี ารขนยาย ผูค นจากเมืองวรนครลงมาตามลําน้าํ นานนัน้ ปรากฏวามีศลิ ปน ๒ คน คือ “ปูค าํ มากับยาคําบี”้ ไดผลัดเปลีย่ นกันขับขานพรรณนาความรูส กึ หวงหาอาลัยบานเกิดเมืองนอนทีต่ วั เองจากมา ตอมา จึงเรียกการขับขานเชนนัน้ วา “ทํานองซอลองนาน” ตอมาน้ําเตียนและน้ําลิง ลําน้ําสาขาของแมนํา้ นานที่หลอเลี้ยงผูคนในเวียงภูเพียง ไดแหงขอดลง เพราะแมนาํ้ นานเกิดเปลีย่ นเสนทาง ในป พ.ศ. ๑๙๑๑ พระญาผากองราชบุตรของ พระญาครานเมืองจึงไดยา ยเมืองมาตัง้ ทีบ่ ริเวณฝง ตะวันตกของแมนาํ้ นาน ณ บานหวยไคร อันเปน ทีต่ ง้ั ของเมืองนานในปจจุบนั และเมืองก็ไดตง้ั ชือ่ วา “เมืองนาน” หรือ “เวียงนาน” ตามชือ่ แมนาํ้ สายหลักนัน่ เอง สวนเวียงภูเพียงทีเ่ กิดความแหงแลงนัน้ ก็เลยไดชอ่ื วา “เวียงภูเพียงแชแหง” และ “พระธาตุเจาภูเพียง” ก็จงึ ไดชอ่ื วา “พระธาตุแชแหง” แตบดั นัน้ คําวา “แช” เปนคํา ไทโบราณหมายถึง “เมือง” ทีม่ ขี นาดไมใหญมากนัก นาจะใกลเคียงกับขนาดของ “เวียง” เชน แชสกั แชพราน แชชา ง แชหมอ แชเลียง แชหม เนือ่ งจากคําวา “แช” นี้ ออกเสียงตามแบบ คนลานนาวา “แจ” ดังนัน้ จึงมีผเู ขียนตามเสียงดวยเชน “แจหม ” (แชหม หมายถึง “เมืองลม” ตามตํานานทีเ่ ลาขานวาชาวเมืองกินปลาไหลเผือกทําใหเกิดอาเพศถึงกับเมืองลม)๒ สวนคนไท อาหมก็เรียกเมืองวา “เจ” เชน เจหงุ เจมว น เจรายดอย เปนตน เราควรสํานึกในบุญคุณของแมนํ้านานที่เปนแรงบันดาลใจใหบรรพชนชาวนาน นับตัง้ แตอดีตจนถึงปจจุบนั ไดรงั สรรคศลิ ปวัฒนธรรมแขนงตางๆ ไวใหแกลกู หลาน เชน ซอลองนาน วงกลองลองนาน ฟอนลองนาน การตีกลองปูชาระบําลองนาน เพลงแนลองนาน เพลง ลาวลองนาน ผาลายน้าํ ไหล และโดยเฉพาะอยางยิง่ การแขงเรือของเมืองนาน และสมควรยกยอง บรรพบุรษุ คนเมืองนานทีม่ องการณไกลทีไ่ ดตง้ั ชือ่ ศาสตรและศิลปเหลานีต้ ามชือ่ “แมนาํ้ นาน” หรือตามชื่อของ “เมืองนาน” จึงทําใหทราบไดวาเปนภูมิปญญาที่คนเมืองนานคิดขึ้น จึงไม เกิดปญหาเรือ่ งการแยงชิงวา “ใครเปนคนคิดคนแรก” ไมเหมือนกับวัฒนธรรมหลายๆ แขนงที่ ตางฝายตางก็อา งกรรมสิทธิก์ นั อยู เชน กีฬาตะกรอ เพลงลาวดวงเดือน เปนตน อานรายละเอียดเพิ่มเติมไดใน สิทธิศักดิ์ ธงเงิน, เมืองนาน...อดีตที่คุณอาจไมเคยรู (แพร : เมืองแพร การพิมพ, ๒๕๔๘), ๕ – ๖. ๒ อานรายละเอียดเพิ่มเติมไดใน อุดม รุงเรืองศรี, “เมือง เชียง เวียง แช : แหลงใหญที่อาศัยของคนเมือง,” ใน ลานนาอันอุดม, ทรงศักดิ์ ปรางควัฒนากุล, บรรณาธิการ (เชียงใหม : ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม, ๒๕๔๙), ๑ – ๙. ๑
๗
เมืองนานกับความเชื่อเรื่องพญานาค นักทองเที่ยวมักจะพูดเปนเสียงเดียวกัน เมื่อไปตามวัดตางๆ ในเมืองนานวา พญานาคของเมืองนานดูนา กลัวนาเกรงขามกวาทีเ่ คยเห็นจากทีอ่ นื่ ๆ พญานาคทีส่ รางโดย ช า งเมื อ งน า นในสมั ย ก อ นจะไม ไ ด มี ลํ า ตั ว กลมเป น ต น ตาลอย า งที่ เ ห็ น กั น ดาษดื่ น ในปจจุบัน หากแตจะมีลําตัวอวนใหญ กึ่งกลมกึ่งแบน มีกิริยาประดุจวาจะเลื้อยไดจริง แยกเขี้ยว หนาดุ ตาโปน ดูขึงขัง อยางเชนพญานาคที่วัดภูมินทร วัดพระธาตุแชแหง ที่ฐานชุกชีพระประธานวัดหัวขวง หรือที่คันทวยวิหารหลวงวัดพระธาตุชางค้ํา เปนตน นอยคนนักที่จะทราบวาเมืองนานถือกับกําเนิดมาพรอมกับ “นาคนาม” ตามระบบภูมิทักษา ซึ่งกําหนดใหดาวพระเคราะหทั้ง ๘ องค มีนามเปนชื่อสัตวตางๆ จํานวน ๘ ชื่อ และใชอักษรนามตามรูปแบบอักษรในภาษาบาลี ดังนี้ วันอาทิตย วันจันทร วันอังคาร วันพุธ วันเสาร วันพฤหัสบดี วันราหู (วันพุธกลางคืน) วันศุกร
เปนครุฑนาม เปนพยัคฆนาม เปนสีหนาม เปนโสณนาม เปนนาคนาม เปนมุสิกนาม เปนคชนาม เปนอัชนาม
ไดแก ไดแก ไดแก ไดแก ไดแก ไดแก ไดแก ไดแก
อักษร อักษร อักษร อักษร อักษร อักษร อักษร อักษร
อ อา อิ อี อุ อู กขคฆง จฉชฌญ ฏฐฑฒณ ตถทธน ปผพภม ยรลว ส ห ฬ๓
เมืองนานมีชอื่ ขึน้ ตนดวยอักษร “น” จึงตรงกับ “นาคนาม” พอดี จะเปนดวยเหตุนี้ หรือไมที่ทําใหนักปราชญในอดีตไดเรียกเมืองนานวาเมือง “นาเคนทร” ซึ่งหมายถึง เมืองแหงพญานาค แตทั้งนี้ก็อาจจะแปลวาเมืองแหงพญาชางไดดวย ในประเด็นนี้ ยังไมทราบที่มาของชื่ออยางชัดแจง คงตองมีการศึกษาเพิ่มเติมกันตอไป
กองแกว วีระประจักษ, “ทินนาม : การตัง้ ชือ่ ,” ใน เรือ่ งตัง้ เจาพระยาในกรุงรัตนโกสินทร, สมศรี เอีย่ มธรรม และคนอื่นๆ, บรรณาธิการ (กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๕), ๓๑๗. ๓
๘
ภาพที่ ๑ ภูมิทักษาของเมืองนานจากพับสาของครูบามหายศ วัดทาวังพราว อ. สันปาตอง จ. เชียงใหม อานไดวา “เกณฑ ๗ อายุ ๑๐ ทํสา ๑๙ อักขระ ๓ นามนาค เมืองนาน” ที่มา : เกริก อัครชิโนเรศ
ภาพที่ ๒ แผนที่ ป ระวั ติ ศ าสตร ไ ทย แสดงอาณาจั ก รสุ โ ขทั ย ยุ ค พ อ ขุ น รามคํ า แหงมหาราช พ.ศ. ๑๘๒๒ – ๑๘๔๓ ซึ่งเรียกเมืองนานวา “นาเคนทร” ที่มา : ดัดแปลงจาก องคการบริหารสวนจังหวัดแพร, ประวัติศาสตรเมืองแพร (ฉบับ พ.ศ. ๒๕๕๐) (แพร : เมืองแพรการพิมพ, ๒๕๕๐), ๒๖.
๙
หากดู จ ากตํ า นานที่ เ กี่ ย วกั บ การกํ า เนิ ด แม น้ํ า น า นในเอกสารของทาง ลานนาแลว ไมปรากฏวามีฉบับใดกลาวถึงไวเลย แตกลับพบที่ภาคอีสานคือ “ตํานาน วังนาคินทรคําชะโนด” หรือเมืองชะโนด ตั้งอยูที่ อ. บานดุง จ. อุดรธานี อยางไร ก็ตามตํานานนี้ก็แสดงใหเห็นถึงความสัมพันธอันแนบแนนระหวางคนเมืองนานกับคน ลานชางเมื่อครั้งอดีต จนถึงขั้นมีการผูกเรื่องราวเปนตํานานเขาไวดวยกัน ตามตํานาน เล า ไว ว า พญานาคสองตนคื อ สุ ท โธนาคกั บ สุ ว รรณนาคต า งก็ เ ป น เจ า ปกครอง เมืองหนองกระแสหรือหนองแสตนละครึ่ง ทั้งสองปกครองบานเมืองรวมกันอยาง สงบสุขมาเปนเวลานาน โดยมีขอ ตกลงกันวาเวลาออกไปหาอาหารจะไมออกไปพรอมกัน เนื่องจากเกรงจะกระทบกระทั่งกัน และทุกครั้งที่ลาสัตวหรือหาอาหารมาไดนั้นก็จะตอง แบงกันคนละครึง่ วันหนึง่ สุวรรณนาคไดออกไปหาอาหารและไดเนือ้ ชางกลับมา จึงนําไป แบงใหกับสุทโธนาคเหมือนทุกครั้ง พรอมกับไดนําขนของชางไปยืนยันดวยวาเปน เนื้อชางจริงๆ ผานไปอีกไมนานสุวรรณนาคก็ไดออกไปหาอาหารอีก คราวนี้ไดเนื้อเมน กลับมา สุวรรณนาคก็ยังคงทําตามที่ไดตกลงกับสหายไวเชนเดิม คือไดแบงเนื้อเมน ใหครึ่งหนึ่งพรอมกับนําขนของเมนไปยืนยันดวยเชนเคย แตสุทโธนาคกลับไมพอใจ เพราะเมือ่ เทียบระหวางขนของเมนกับขนของชางแลวขนของเมนใหญกวามาก แตเหตุใด จึงไดเนื้อนอยกวา สุทโธนาคพาลคิดไปวาสุวรรณนาคไมซื่อสัตย ทําผิดขอตกลงที่เคย ใหแกกัน แมสุวรรณนาคจะพยายามอธิบายอยางไรก็ไมเปนผล ในที่สุดจึงเกิดสงคราม ระหวางนาคทั้งสองตนกินเวลาถึง ๗ ป ยังความเดือดรอนแกสรรพสัตวนานา จนเรื่อง เขาถึงหูพระอินทร พระองคจึงคิดหาทางที่จะใหพญานาคทั้งสองยุติสงคราม จึงเสนอให นาคทัง้ สองสรางแมนา้ํ แขงกัน หากใครสรางถึงทะเลกอน พระอินทรจะประทานปลาบึก ใหอยูในแมน้ํานั้น สุทโธนาคจึงไดสรางแมน้ํามุงไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส ดวยความที่เปนพญานาคใจรอนมุทะลุ เมื่อพบเจอภูเขากั้นขวางก็จะเลี่ยงหลบโคงไป โคงมาจึงเกิดเปน “แมน้ําโคง” หรือ “แมน้ําโขง” ฝายสุวรรณนาคไดสรางแมน้ํา ขึ้นทางทิศใตของหนองกระแส ดวยความเปนนาคที่มีความละเอียดและใจเย็น จึงคอยๆ บรรจงสร า งด ว ยความประณี ต แม น้ํ า ที่ ส ร า งขึ้ น จึ ง มี ค วามตรงกว า แม น้ํ า ทุ ก สาย ซึ่งก็คือ “แมน้ํานาน” ในการแขงขันครั้งนั้นสุทโธนาคไดสรางแมน้ําโขงเสร็จกอน พระอินทรจงึ ไดประทานปลาบึกใหตามขอตกลง ดังนัน้ ในแมนา้ํ โขงจึงมีปลาบึกอาศัยอยู ดังที่เห็นกันอยูในปจจุบัน สุทโธนาคยังไดขอทางขึ้น - ลง ระหวางเมืองบาดาลกับเมือง มนุษยไวอีก ๓ แหงคือ ๑. พระธาตุหลวงนครเวียงจันทน ๒. หนองคันแท ๓. พรหมประกายโลก (คําชะโนด)
๑๐
พรหมประกายโลกเชื่อกันวาคือสถานที่ที่พรหมลงมากินงวนดินจนหมดฤทธิ์ กลายเปนมนุษย พระอินทรไดใหสทุ โธนาคหรือพญาศรีสทุ โธนาคไปครอบครองอยูท นี่ นั้ และใหมตี น ชะโนดขึน้ เปนสัญลักษณ ลักษณะของตนชะโนดเหมือนตนไมสามชนิดผสมกัน คือ ตนมะพราว ตนหมาก และตนตาล๔
ภาพที่ ๓ นาคที่ใชลากพระศพของพระเจาสุริยพงษผริตเดชฯ ที่มา : หอจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยพายัพ
จากที่กลาวมาจะเห็นไดวาเมืองนานมีความผูกพันกับพญานาคเปนอยางมาก บางคนก็เชือ่ วา “ขุนนุน ” และ “ขุนฟอง” ราชบุตรบุญธรรมของพระญาภูคาก็ถอื กําเนิด มาจากไขพญานาค จึงมีการกลาววาราชบุตรทั้งคูมี “เชื้อสายมาจากนาคเปนปฐม”๕ ดวยเหตุนี้จึงไมนาแปลกใจที่จะพบรูปพญานาคอยูทั่วไปในเมืองนาน และไมแปลกที่ หัวเรือและหางเรือของเมืองนานจะสรางเปนรูปพญานาค แตทยี่ งั เขาใจผิดกันอยูเ กีย่ วกับ เมืองนานกับพญานาคก็คอื มักมีการอางชือ่ ของเมืองนานจากพืน้ เมืองนาน ฉบับวัดพระเกิด ต. เวียงเหนือ อ. เมืองนาน วา “เทพพบุรี สรีศรีสวัสดิ์ นัคคราชไชยบุรี ศรีนคร นาน” โดยใหความหมายของคําวา “นัคคราช” วาหมายถึง นาคราช นั้น นาจะเปน ความเขาใจผิด แทจริงแลวถาหากไปดูเอกสารตนฉบับทานเขียนเปน “เทพพบุรี สรีสวัตติ นัคครราชชัยนันทบุร”ี คําวา “นัคครราช” (ไมใชนคั คราช) ก็เปนคําเดียวกับ “นคร” หรือ “นครา” ซึ่งหมายถึง เมือง นั่นเอง หากแตเปนการออกเสียงตามความนิยม ของคนทองถิน่ และถาดูจากบริบทก็จะพบคําวา บุรี และ นคร ซึง่ หมายถึง เมือง เชนกัน สรุปความจาก Chuthatip, กําเนิดแมนา้ํ โขง [online], accessed 29 September 2009. Available from http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=877&sid=1b3bd49045c0ac099decbfd660476506 และ Chetawan, ประชาชื่น : ตํานาน “แมน้ําโขง” เรื่องเลาในวาระ “อุโมงคผันน้ํา” รัฐบาล “ขี้เหร” [online], accessed 29 September 2009. Available from http://chetawan.multiply.com/journal/item/29/29 ๕ ปฏิพัฒน พุมพงษแพทย, ภูมิหลังเมืองนาน (มปท., ๒๕๔๙), ๑๐. ๔
๑๑
วิถีชีวิตของคนเมืองนานกับเรือ ในอดีตคนเมืองนานใชเรือเปนพาหนะสําคัญในการเดินทาง ถึงกับมีการตรา กฎหมายที่วาดวยเรือเอาไวอยางละเอียดลออ ดังปรากฏใน “อาณาจักรหลักคํา” กฎหมายโบราณของเมืองนานวา ถาผูใดขโมยเรือของผูอื่นไปหากถูกจับไดจะตอง เสียคาปรับ ๑๑๐ น้ําผา (นาจะเปนมาตราเงินสมัยโบราณ) แตถาเรือที่ขโมยไป เกิดความเสียหายก็ใหจายคาเสียหายตามราคาจริงของเรือและถูกปรับอีก ๑๑๐ น้ําผา ถ า มี ค วามจํ า เป น ต อ งใช เรื อ จริ ง ๆ ก็ ใ ห เช า หรื อ ยื ม จากเจ า ของให ถู ก ต อ งเสี ย ก อ น ในกฎหมายยังบัญญัติอีกวาถาหากเรือของผูใดหลุดไหลไปตามน้ํา ถามีผูเก็บไดจะตอง ใหรางวัลแกผูนั้นตามระยะทางที่เรือไหลไป เชน ถาเรือไหลจากทาเวียงไปถึงเมืองสา ใหจาย ๕๐ ธ็อก (มาตราเงินสมัยโบราณ) ถาผูเก็บไดหมายจะครอบครองไวเสียเอง ถารูภายหลังก็จะตองเสียเงินใหแกเจาของเรือ ๒๒๐ น้ําผา แตถาเจาของเรือไปเอา โดยพลการโดยไมแจงผูเก็บไดเสียกอน เจาของเรือก็ตองเสียคาปรับใหแกผูเก็บได ๕๒ น้าํ ผา๖ จะเห็นไดวา อาณาจักรหลักคําไดใหความเปนธรรมแกราษฎรอยางเสมอหนา ตามประวัตศิ าสตรของเมืองนาน พบวากษัตริยน า นไดใชเรือเปนพาหนะในการ หลบหนีราชภัยหลายครั้งหลายครา เชน ในสมัยพระญาอินทะแกนทาวไดถูกนองชาย คือทาวแพงและทาวเหาะชิงราชบัลลังก ภายหลังไดหลบหนีไปขอความชวยเหลือจาก สังฆปาละผาขาว ทานก็ไดชวยเหลือพระญาอินทะแกนทาวโดยการ “ลักเจาเอาเขาใส เรือทุมดี ฟายลองไปเมืองใตรอดแชเลียงไปที่เพิ่งสวัสสดี”๗คือ ชวยโดยการเอาใสในเรือ ที่ปกปดอยางดี จนถึงเมืองแชเลียง (เมืองเชลียง) โดยสวัสดิภาพ ในระดับโลกุตตรธรรม คนเมืองนานมีความเชือ่ วาความสุขสูงสุดและเปนนิรนั ดร ก็คอื ความสุขทีไ่ ดพบกับพระนิพพานหรือเนรพาน โดยเชือ่ วา “เวียงแกวยอดเนรพาน” เปนเมืองที่อยูกลางมหานทีที่ตองวายขามไป บางครั้งก็อาจตองไปดวย “เรือ” หรือ “สําเภา(สะเพา)” แตผูที่จะขามไปไดนั้นจะตองหมั่นรักษาศีล เจริญภาวนาทําบุญ ทําทานในปจจุบันชาติใหจงหนัก แลวกุศลผลบุญที่ไดกระทําจะสงผลใหไดพบกับ พระนิพพานสมดังคําอธิษฐานทีว่ า “จุง จักหือ้ บังเกิดเปนยานเรือสําเภาคําลําใหญกวาง นํ า ตนตั ว ผู ข า ทั้ ง หลายหื้ อ ได ต ามหน า คื อ เมื อ งฟ า และเนรพานแท ดี ห ลี ” ๘ ดวยเหตุนเี้ วลาทีม่ กี ารบรรจุพระบรมสารีรกิ ธาตุไวในพระธาตุเจดีย คนสมัยกอนจึงนิยม สรางเรือที่ทําจากเงินหรือทองคําพรอมเขียนคําอธิษฐานบรรจุเอาไวดวย สรุปความจาก สรัสวดี อองสกุล, หลักฐานทางประวัติศาสตรลานนาจากเอกสารคัมภีรใบลาน และพับหนังสา (เชียงใหม : ภาควิชาประวัติศาสตร คณะมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม, ๒๕๓๔), ๗๗ – ๗๘. ๗ สรัสวดี อองสกุล, พื้นเมืองนานฉบับวัดพระเกิด (กรุงเทพฯ : อมรินทรพริ้นติ้งแอนดพับลิชชิ่ง จํากัด (มหาชน), ๒๕๓๙), ๑๓. ๘ จารึกวัดนาทะนุง ต. นาทะนุง อ. นาหมื่น จ. นาน จารึกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ บรรทัดที่ ๓๒ - ๓๓. ๖
๑๒
ภาพที่ ๔ เรือเงินรูปลักษณคลายเรือแขงเมืองนานที่คนในสมัยกอนสรางถวายไวกับพระธาตุ ที่มา : พิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติ นาน
ศัพทและสํานวนของคนเมืองนานทีเ่ กีย่ วกับเรือ จากที่ ไ ด ก ล า วไปแล ว ว า คนเมื อ งน า นมี วิ ถี ชี วิ ต ผู ก พั น อยู กั บ แม น้ํ า และเรื อ จึงมีศัพทและสํานวนที่เกี่ยวของกับเรืออยูจํานวนหนึ่ง บางสํานวนก็เหมือนกับสํานวน ที่คนภูมิภาคอื่นใชกัน เชน แขงเรือแขงแพแขงได แขงบุญแขงวาสนาแขงบได (แขงเรือ แขงแพแขงได แขงบุญแขงวาสนาแขงไมได) เรือลมเมือ่ จอด ตาบอดเมือ่ เถา (เรือลมเมือ่ จอด ตาบอดเมือ่ แก) จะไปกะหลัดเรือกลางน้าํ เชีย่ ว (น้าํ เชีย่ วอยางขวางเรือ) บางสํานวนก็เปน สํานวนที่มีใชเฉพาะเมืองนาน โดยเฉพาะอยางยิ่งในวงซอ ในที่นี้ขอยกศัพทสํานวน เทาที่รวบรวมไดดังนี้
แมทา ยเรือหยอน (แมตายเฮียหยอน)
ในบทซอหรือคําซออันเปนการขับขานของคนลานนาไมวาจังหวัดใดก็มักจะมี คํ า ที่ ใช เรี ย กแทนผู ห ญิ ง เหมื อ นๆ กั น โดยมากมั ก จะเป น คํ า ที่ แ สดงถึ ง ความงาม ของธรรมชาติหรือวัตถุสิ่งของ หรือกลาวอางวาไดรับการเสกสรรปนแตงจากเทวดา เชน แมสรอยดอกไม แมสรอยคอหงส (แถบขนคออันสวยงามของหงส) แมตองพันยา (ใบตอง ทีเ่ รียบสวยสําหรับใชมวนบุหรี)่ แมแพรเมืองจีน แมอนิ ทรลงเหลา ฯลฯ แตในวงซอเมืองนาน ก็มีคําอยูจํานวนหนึ่งที่ใชไมเหมือนที่อื่น อันเนื่องมาจากเอกลักษณทางวัฒนธรรมที่มี เฉพาะเมืองนาน หนึง่ ในนัน้ คือคําวา “แมทา ยเรือหยอน” ทีม่ าจากประเพณีการแขงเรือ งามอยยางยิ่ง คนเมืองนานเห็นวาทายของเรือที่เชิดสงขึ้นและมีหางคลอยต่ําลงเปนความงามอย ทัง้ นีร้ วมไปถึงหางเรือทีม่ พี หู รือผาหลากสีหอ ยยาวลงมาจนแทบจะสัมผัสกับน้าํ ก็นบั เปน ณะดังกล กลาว ความงามเชนกัน ดวยเหตุนี้ชางซอจึงไดนําความงามของทายเรือลักษณะดั ไปเปรียบกับหญิงงาม
๑๓
พรองจูงขึน้ หาด พรองยาดลงวัง (พองจูง ขึน้ หาด พองญาดลงวัง)
หาด หมายถึงบริเวณตางระดับกลางแมนา้ํ ซึง่ น้าํ มักไหลเชีย่ วแรงและเต็มไปดวย กอนหินนอยใหญ เมื่อเรือไปถึงบริเวณดังกลาวบางทีไปตอไมได ผูโดยสารจะตองลงมา ลากจูงเพื่อใหพนจากหาดนั้น สวน วัง หมายถึง หวงน้ําที่เปนแองกวางและลึกบางครั้ง ก็ มี น้ํ า วนด ว ย นั บ ว า เป น อั น ตรายอย า งยิ่ ง ต อ การสั ญ จรโดยทางเรื อ สํ า นวนที่ ว า “พรองจูงขึ้นหาด พรองยาดลงวัง” เปนการสอนใหเลือกคบเพื่อนฝูง เพื่อนบางคน อาจนํ า พาเราไปในทางที่ ดี เ หมื อ นคนที่ จู ง เรื อ ขึ้ น หาดเพื่ อ ให เ ดิ น ทางต อ ไปได โ ดย สวัสดิภาพ แตเพือ่ นบางคนก็อาจนําพาเราไปสูค วามหายนะเหมือนกับการกระชากหรือ “ยาด” เรือใหจมดิ่งลงวังน้ําวน ยอมไมมีทางที่จะพบความเจริญได
คันพีย่ องหัวนองหนัวยองทายคอยดุง คอยวายขึน้ วังลองวัง (กันปย องหัว นองหนัวยองตาย
ภาพที่ ๕ ชาวบานกําลังจูงเรือบริเวณ หาดกลางแมน้ํานาน ที่มา : หอจดหมายเหตุมหาวิทยาลัย พายัพ
กอยดุง กอยหวาย ขึน้ วังลองวัง) คนเมืองนานและคนไทยถิน่ อืน่ ๆ ก็คดิ เห็น ตรงกันวาคนที่อาศัยอยูรวมกันหรือทํางานรวมกัน ก็เปรียบเสมือน “ลงเรือลําเดียวกัน” ตางก็สมควร ต อ งทํ า ตามหน า ที่ ข องตนให ดี ที่ สุ ด สํ า นวนที่ ว า “คันพี่ยองหัว นองหนัวยองทาย คอยดุงคอยวาย ขึ้นวังลองวัง” นี้ แปลความไดวา ถาหากพี่พายอยู หัวเรือ นองก็พรอมจะชวยคัดทายเรือให แมบางครัง้ ตองประสบพบเจอวังน้ําลึกก็จะชวยกันพายตอไป อยางไมยอ ทอ กลาวโดยสรุปแลวก็คอื จะยอมรวมหัว จมทายกันนั่นเอง
หันรายดูรา ยเหมือนทายเรือขวาง หันพีบ่ ง ามวาไหนวาโปน
(หันฮายดูฮายเหมียนตายเฮียขวาง หันปบงามวาไหนวาโปน) เปนทีย่ อมรับกันวาเรือทีล่ อ งไปตามลําน้าํ โดยเฉพาะอยางยิง่ ถาเรือแขงลํายาวๆ เป แแลลว ไไมมวาจจะแลนเร็วหรือชาก็ดูองอาจนาดูชมยิ่ง แตถาเมื่อใดที่เรือกําลังกลับลํากลาง สายน้ สายนน้ํา ททาายเรือขวางลําน้ําอยู อยางเมื่อตอนที่เรือเขาเสนชัยแลวกําลังจะกลับขึ้นไปยัง ตตนทางอี ทาางอีกครั ค ้งหนึ่งนั้น ก็ใหนึกประดักประเดิด เกๆ กังๆ คนนั้นพายที คนนี้พายที เป เปนภาพที ภาพที่ไมเจริญหูเจริญตาเทาใดนัก คนโบราณจึงเปรียบเทียบเรือที่ขวางลําน้ําอยูกับ
๑๔
คนทีอ่ บั จนรูปสมบัติ สํานวนทีว่ า “หันรายดูรา ยเหมือนทายเรือขวาง หันพีบ่ ง ามวาไหน วาโปน” เปนการตัดพอคนทีม่ องอะไรแตเพียงรูปลักษณภายนอก เห็นวาอีกฝายหนึง่ รูปชัว่ ตัวดํา ก็ดูหมิ่นถิ่นแคลนและมองขามจนไมเหลือใจที่จะมองเห็นความดีของบุคคลผูนั้น
เหมือนเรือเหมือนแพบมไี มถอ จ้าํ ลอยไปวันค่าํ บรหู นรูว น
(เหมียนเฮียเหมียนแปบมไี มถอ จ้าํ ลอยไปวันค่าํ บฮหู นฮูว น) สํานวนขางตนแปลความไดวาเรือหรือแพที่ไมมีไมพายหรือไมถอคอยควบคุม (ไมมีคนพายหรือถอ) ก็ยอมไหลลอยไปโดยไรทิศทาง เปรียบเสมือนคนที่ไมมีหลัก หรือไมมีเปาหมายในชีวิต ก็ยอมใชชีวิตไปอยางไรจุดหมายแบบอยูไปวันๆ เทานั้นเอง
อยูป า กวางอยากลาวอางหาเสือ อยูแ พเรืออยาไดทา เงือก
(อยูป า กวางอยากาวอางหาเสีย อยูแ ปอยูเ ฮียอยาไดตา เงียก) สํานวนขางตนแปลความไดวา ถาอยูใ นปาอยาถามถึงเสือ ถาอยูบ นแพหรือบน เรือก็อยาทาทายจระเข๙ ซึง่ คนลานนาถือวาเปนลางไมดี อาจจะไดรบั อันตรายถึงชีวติ จาก สัตวทงั้ สองชนิดนีเ้ ขาจริงๆ เพราะในปาเสือยอมเปนสัตวทอี่ นั ตรายทีส่ ดุ เชนเดียวกับใน แมน้ําที่จระเขก็เปนสัตวที่มีอันตรายมากที่สุดเชนกัน สํานวนนี้สอนวาเมื่อเราอยูในถิ่น ของผูมีอํานาจบารมีก็อยาไดทาทายอํานาจบารมีของผูนั้น ควรจะสงบเสงี่ยมเจียมตัวจึง จะเอาตัวรอดได
ชางซออยูทางเหนือ ชางเรืออยูทางใต
(จางซออยูตางเหนีย จางเฮียอยูตางใต) คนเมืองนานมีความเชื่อและพูดตอๆ กันมาวา ชางซออยูทางเหนือ ชางเรือ อยูทางใต หมายถึง ชางซอที่เกงและมีชื่อเสียงมักจะอยูทางทิศเหนือของเมืองนาน เชน อ. ปว อ. ทาวังผา สวนผูที่มีความชํานาญในการขุดเรือมักจะอยูทางทิศใตของเมืองนาน เชน อ. เมือง อ. ภูเพียง อ. เวียงสา ถาหากลองวิเคราะหจากตํานาน ประวัติศาสตร และ วัฒนธรรม ก็เชื่อไดวาคงจะมีสวนจริงอยูบาง ในเรื่อง “ชางซออยูทางเหนือ” ถาหากตํานานการกําเนิดซอลองนานไม เลือ่ นลอยถึงขนาดทีว่ า ไมมสี ว นจริงเอาเสียเลยนัน้ ก็พอจะอนุมานไดวา ศิลปนแถบเมือง ปวหรือวรนครนั้นก็นาจะมีความชํานาญในการขับขานซอมาแตโบราณกาล และชางซอ ทีเ่ ปนขวัญใจมหาชนในสมัยนัน้ คงจะหนีไมพน “ปูค าํ มากับยาคําบี”้ นัน่ เอง เพราะชางซอ เมืองนานทั้งหลายถึงกับยกยองใหเปน “ปฐมบรมครู” ของตนเลยทีเดียว งเชชยี งใหม งใหมม “เงือก” ในวรรณกรรมของลานนา หมายถึง จระเข ดังในโคลงมังทรารบเชียงใหมกลาวถึงคูเู มืองเชี หมด เพือ่ ในอดีตวามี “’งูเงือกจะเขเฝา ไขวขวางขางเวียง” คือมีการเลีย้ งบรรดาสัตวนา้ํ ทีด่ รุ า ยประเภทจะเขเต็มคูเมืองไปห งไปหมด ไมใหศัตรูสามารถบุกเขาเมืองไดโดยงาย ๙
๑๕
ถาหากมองวาตํานานไรสาระเกินกวาจะเชือ่ ถือได ก็ลองไปดูพธิ กี รรมและความเชือ่ ของคนเมืองนานและเมืองปวกันบาง นั่นคือ การเลี้ยงผีอารักษพระญาปวหรือ พระญาผานอง (ปูของพระญาครานเมือง) คนเมืองนานถือวาในบรรดาผีทั้งหลาย ที่อยูในอาณาเขตของเมืองนานจะขึ้นตรงกับอารักษพระญาปวทั้งสิ้น โดยมีวิญญาณ อดีตกษัตริยน า นอีก ๑๑ ตน๑๐เปนบริวารทําหนาทีค่ มุ พันนาตางๆ๑๑ ทาวพระญาผูจ ะขึน้ ครองเมืองนานจะตองมาทําพิธีบวงสรวงอารักษพระญาปวกอนจึงจะเขาเมืองได ในพิธี บวงสรวงหรือที่เรียกวาการ “แกมอารักษ” นั้น สิ่งที่ขาดไมไดก็คือ “การสรงเสพ” คือ ตองมีงานฉลองสมโภช ในพืน้ เมืองนานกลาววาประกอบดวย “ชางฆอง ชางกลอง ชางป ชางยิง ชางเสพ” ซึ่งชางป ชางยิง ชางเสพ ก็นาจะเปนคนที่อยูในวงซอนั่นเอง เพราะเมื่อกอนคนเมืองนานก็ซอโดยใชปเหมือนที่อื่นๆ การที่อารักษพระญาปวไดรับ ความเคารพอยางสูง และมีการบวงสรวงกันเปนประจําทุกป บางทีปละหลายครั้ง๑๒ จึงทําใหอาชีพชางซอไดรับการอุปถัมภเปนอยางดี และเนื่องจากเปนพิธีที่เกี่ยวของกับ กษัตริยยอมเปนธรรมดาที่การใชศัพทสํานวนของชางซอทางสายเหนือจะตองพิถีพิถัน ในการสรรคําใชมากกวาชางซอในพื้นที่อื่น อนึ่งยังมีความเชื่อสืบทอดกันมาจนกระทั่ง ปจจุบันวา ในพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณอารักษพระญาปว ถาหากไมมีซอโดยเฉพาะ อยางยิง่ ถาไมมซี อทํานองดาดเมืองนานแลว ดวงพระวิญญาณของพระองคจะไมลงประทับ รางทรงเปนอันขาด๑๓ สวนเรื่อง “ชางเรืออยูทางใต” นั้นคงไมแปลก เพราะทางใตของเมืองนาน เปนที่ราบกวางใหญ มีผูคนอาศัยอยูมาก ทั้งยังเปนที่ตั้งของคุมหลวง ยอมจะมีชางฝมือ แขนงตางๆ รวมกันอยูที่นี่ เครื่องไมเครื่องมือที่ใชในการขุดเรือก็ยอมจะหาไดงายกวา แหลงอื่น ชางขุดเรือที่มีชื่อเสียงของเมืองนานในอดีตก็มักจะอาศัยอยูแถบนี้ เชน ครู บ าคั น ธา อดี ต เจ า อาวาสวั ด น้ํ า ป ว สล า แสน อิ น ต ะ อดี ต นายบ า นบ า นน้ํ า ป ว ต. น้าํ ปว พระครูประสิทธิว์ รคุณ อดีตเจาอาวาสวัดปาสัก ต. ตาลชุม สลาจันทร มีสขุ บาน ดอนไชย ต. กลางเวียง หนานศิริวงศ บานหวยแกว ต. น้ําปว สลาเขียน บานบุญเรือง ต. ไหลนาน อ. เวียงสา นายเหลี่ยม สมฤทธิ์ บานมวงตึ๊ด อ. ภูเพียง ฯลฯ แมแต ปจจุบันชางผูแกะหัวเรือและหางเรือที่มีชื่อเสียงก็อยูแถบ อ. เวียงสา เปนสวนใหญ เชน พระครูจักรธรรมสุนทร ที่ปรึกษาเจาคณะอําเภอเวียงสา ชางประเสริฐ วงศสีสม บานปากลวย ต. กลางเวียง ชางเสวียน วงศสีสม บานสาน ต. สาน ชางวิทยา สมนึก บานน้ําปว ต. น้ําปว อ.เวียงสา เปนตน ทีน่ บั เปน ๑๑ ตน นาจะนับพระญาอินทะแกนทาว ๒ ครัง้ เพราะทรงขึน้ ครองเมือง ๒ ครัง้ ทีจ่ ริงแลวคงมีเพียง ๑๐ ตนเทานั้น ไดแก ทาวสรีจันทะ พระญาเถร พระญาอุนเมือง พระญาหุง พระญาพูเขง ทาวพัน (ไมใชชื่อทาวพันตน) พพระญาสารผาสุ ระญาสสารผาสุม พระญาอินทะแกนทาว (ครั้งที่ ๑) พระญาแพง พระญาอินทะแกนทาว (ครั้งที่ ๒) และพระญาผาแสง ๑๑ สสรัสวดี อองสกุล, พื้นเมืองนานฉบับวัดพระเกิด, ๖๕. ๑๒ หหออารักษพระญาปวตั้งอยูที่บานแกม ต. ปว อ. ปว จ. นาน จะมีพิธีบวงสรวงในวันมหาสงกรานต หหรืรือื ทีค่ี นนเมื เมือื งน งนานเรียกวา “วันสังกรานตลองหรือสังขานตลอง” ของทุกป แตถามีเหตุเฉพาะกิจอันใด เชน มีผูมา บบนบานศาลกล นบานนศาลกลาวแลวสมหวังดังที่ตั้งใจก็สามารถจัดพิธีบวงสรวงไดอีกเปนคราวๆ ไป ๑๓ สัมภาษณ คมสันต ขันทะสอน, ครู คศ. ๑ โรงเรียนปว อ. ปว จ. นาน, ๒๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๐. ๑๐
๑๖
ประเพณีแขงเรือเมืองนานมีมาตั้งแตเมื่อใด ประเพณีแขงเรือของเมืองนานคงเหมือนกับประเพณีอื่นๆ ที่ไมอาจบอกไดวา เริ่มมาตั้งแตเมื่อใด แตพอจะกําหนดคราวๆ ไดวานาจะมีมาไมต่ํากวา ๒๐๐ ปแลว ดังมีหลักฐานที่ยังหลงเหลืออยูไดแกเรือโบราณของหมูบานตางๆ ที่มีการจดบันทึก ปที่สรางหรือเลาสืบๆ ตอกันมา เรือที่เกาที่สุดในเมืองนานคือ เรือเสือเฒาทาลอ ขุดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๙ ถานับจนถึงปจจุบนั ก็มอี ายุเกือบ ๒๐๐ ปแลว นอกจากนีย้ งั มีหลักฐานอืน่ ๆ ทีแ่ สดงใหเห็นถึงความเคลือ่ นไหวของประเพณีแขงเรือเมืองนาน ซึง่ ในทีน่ ขี้ อยกมาเฉพาะ หลักฐานที่สําคัญและนาสนใจดังนี้
๑
หลักฐานเกี่ยวกับ เรือแขง เรือเสือเฒาทาลอ
๒
เรือจักแตนบานหนองบัว
๑๘๖
๓
เรือเสือเฒาบุญเรือง
๑๗๒
๔
เรือคําแดงเทวี
๑๖๒
๕
เรือคําปว (แมคําปว)
๑๕๒
ลําดับ
อายุ (ป)
รายละเอียด
๑๙๓
ขุดเมื่อป พ.ศ. ๒๓๕๙ ปจจุบันเก็บรักษา ไวที่บานทาลอ ต. ฝายแกว อ. ภูเพียง จ. นาน ขุดเมื่อป พ.ศ. ๒๓๖๖ ปจจุบันเก็บรักษา ไวที่บานหนองบัว ต. ปาคา อ. ทาวังผา จ. นาน ขุดเมื่อป พ.ศ. ๒๓๘๐ ปจจุบันเก็บรักษา ไวทบี่ า นบุญเรือง ต. ไหลนา น อ. เวียงสา จ. นาน ขุดเมื่อป พ.ศ. ๒๓๙๐ ปจจุบันเก็บรักษา ไว ที่ บ า นนาเตา ต. ริ ม อ. ท า วั ง ผา จ. นาน ขุดเมื่อป พ.ศ. ๒๔๐๐ ปจจุบันเก็บรักษา ไวที่บานเชียงแล ต. ริม อ. ทาวังผา จ. นาน แตตัวเรือชํารุดมาก ไมสามารถ ใชทําการแขงขันไดแลว
(นับถึงป ๒๕๕๒)
๑๗
๖
หลักฐานเกี่ยวกับ เรือแขง คําสูขวัญเรือฉบับใบลาน ในความครอบครองของ พระพนัส ทิพพฺ เมธี วัดน้าํ ลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน
๗
ภาพจิตรกรรมทีว่ ดั ภูมนิ ทร
ลําดับ
อายุ (ป)
รายละเอียด
๑๕๑
เนื้ อ หาในคั ม ภี ร ใ บลานผู ก นี้ ป ระกอบ ไปด ว ย หนั ง สื อ สู ข วั ญ ข า ว สู ข วั ญ ช า ง สู ข วั ญ เรื อ สู ข วั ญ ทุ (พระสงฆ ) และ ธรรมดาสอนโลก ในทายเรื่องธรรมดา สอนโลกบั น ทึ ก ไว ว า “หนั ง สื อ หนาน กั ณ ณิ ก าร แ ต ม ไว ย ามเมื่ อ ศั ก ราชได ๑๒๒๐ (พ.ศ. ๒๔๐๑) ตัว ปเปกสะงา เดื อ นยี่ ออกค่ํ า ๑ วั น ๗ (เสาร ) ปริปุณณะแลวแล” การที่มีคําสูขวัญเรือ เมื่ อ ๑๕๑ ป ม าแล ว นั้ น ย อ มแสดง ใหเห็นวาพิธีการสูขวัญเรือและประเพณี แขงเรือตองมีมากอนหนานั้นแลว เพราะ คํ า สู ข วั ญ เรื อ ฉบั บ นี้ ค งเป น เพี ย งฉบั บ คัดลอกอีกทอดหนึ่งเทานั้น แมภายในวิหารของวัดภูมินทรจะไมมี ภาพเรือแขงปรากฏใหเห็น แตจากการ สั ม ภาษณ อ าจารย ด วงเดื อ น ธนู ส นธิ์ ทราบวาเมือ่ ครัง้ ทีท่ า นยังเรียนในระดับชัน้ ประถมศึกษาที่โรงเรียนจุมปวนิดาภรณ เมื่อหาสิบปกอนนั้น ทานตองมาเรียน ทีศ่ าลารายรอบวัดภูมนิ ทร เพราะหองเรียน ไมเพียงพอ ทานเลาวาศาลารายรอบ วิหารวัดภูมินทรมีภาพเขียนทั้ง ๔ ดาน เขียนดวยชางคนเดียวกับที่เขียนในวิหาร และมี ภ าพเรื อ แข ง เมื อ งน า นอยู ด ว ย
(นับถึงป ๒๕๕๒)
ประมาณ ๑๓๕๑๔
มีผูสันนิษฐานวาจิตรกรรมวัดภูมินทรนาจะวาดแลวเสร็จระหวาง ป พ.ศ. ๒๔๔๓ – ๒๔๔๖ แตจากนิราศ เมืองหลวงพระบางของนายรอยเอกหลวงทวยหาญรักษา (เพิ่ม) ที่แตงไวเมื่อป พ.ศ. ๒๔๒๘ ก็พบวามีภาพจิตรกรรม อยูกอนแลว ดังนั้นผูเขียนจึงสันนิษฐานวาภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทรนาจะเขียนแลวเสร็จในป พ.ศ. ๒๔๑๗ อันเปนปที่บูรณะวิหารครั้งใหญแลวเสร็จเชนกัน ดังกลอนในนิราศ กลาววา (สะกดการันตตามตนฉบับ) เขาในโบถบงพระพุทธวิสุทธศรี อัญชลีลานจิตตพิสมัย ยลรูปเขียนเพี้ยนภาพใหปลาบใจ ยักษอะไรนุงสิ้นจินตะนา จึ่งแจงจิตตคิดเห็นเปนกําหนด ภาพทั้งหมดหมายงามตามภาษา ภาพจีนจามพราหมณฝรั่งแขกลังกา ลายเรขาคงเปนเชนตระกูล ๑๔
๑๘
ลําดับ
หลักฐานเกี่ยวกับ เรือแขง
อายุ (ป)
(นับถึงป ๒๕๕๒)
รายละเอียด โดยกลาววาฝพายนุง “เค็ดมาม” ตามแบบ ชายชาวนานในอดีต สอดคลองกับการ ใหสัมภาษณของพระครูพิศาลนันทคุณ เจาอาวาสวัดน้ําลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง ที่ เ ล า ว า เมื่ อ ครั้ ง ที่ ท า นจํ า พรรษาอยู ที่ วัดภูมนิ ทรสมัยเปนสามเณรเมือ่ ๓๐ กวาป มาแลวนั้น ที่ศาลารายดานทิศตะวันตก เฉียงใตก็มีภาพเขียนเรือแขง ในสมัยนั้น ภาพเขียนไดถกู ปูนขาวทาทับไปหมดแลว แตยังคงเห็นภาพไดลางๆ บางแหงเปน ภาพหางเรือ ไมพาย และฝพาย บางแหง ก็เปนภาพคนกําลังแหบั้งไฟ ในนิราศ เมืองหลวงพระบางไดกลาวถึงศาลาราย ที่ วั ด ภู มิ น ทร ห รื อ ที่ ใ นนิ ร าศเรี ย กว า “กําแพงแกว” ไวดังนี้ (สะกดการันต ตามตนฉบับ) เห็นวัดหนึ่งจึ่งพินิจพิศวง ดูมั่นคงขอบโขดโบถวิหาร กําแพงแกวแถวกั้นเปนชั้นชาน แลละลานเอกสําอางกลางนคร บันไดนาคหลากล้ําทําสดุง เปนคันคุงคดคูเชิดชูหงอน เกล็ดระบายลายขนดดูชดชอน ดังนาคนอนแนบทางขางบรรได๑๕ ตอมาในป พ.ศ. ๒๕๓๖ ทางวัดจึงไดรื้อ ศาลารายทั้งสี่ดานออกไป
๑๕ กรมศิลปากร, เมืองนาน (กรุงเทพฯ : ฝายงานเผยแพร, ๒๕๓๐. หนังสือนําชมในวโรกาสที่สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดําเนินทรงเปดพิพิธภัณฑสถานแหงชาติ นาน จังหวัดนาน ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๐), ๗๖.
๑๙
ลําดับ
หลักฐานเกี่ยวกับ เรือแขง
๘
ภาพจิตรกรรมที่วัดตามอน (จิตรกรรมเวียงตา)
๙
ภาพถ า ยเจ า มหาพรหม สุรธาดาฯ ฟอนบนเรือแขง
๙๒
ภาพถายนีน้ บั วาเปนหลักฐานสําคัญเกีย่ วกับ การแขงเรือเมืองนานอีกชิ้นหนึ่ง ถายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ เมื่ อ ครั้ ง ที่ ส มเด็ จ เจ า ฟ า กรมพระนครสวรรควรพินิต เสด็จมาตรวจ ราชการทีเ่ มืองนาน พระเจาสุรยิ พงษผริตเดชฯ เป น เจ า ผู ค รองนครน า นและข า ราชการ ประจํ า เมื อ งได จั ด ให มี ก ารแข ง ขั น เรื อ ให ทอดพระเนตร สวนเจามหาพรหมสุรธาดาฯ เจาผูครองนครนานองคสุดทาย ขณะนั้น ดํ า รงตํ า แหน ง เจ า อุ ป ราชและเจ า นาย ฝายเหนือไดลงไปฟอนในเรือลําที่ชนะเลิศ เพื่อเปนการถวายการตอนรับ
๑๐
ไมแกะสลักทีห่ อพระไตรปฎก วัดหัวขวง ต. ในเวียง อ.เมือง
๗๙
หอพระไตรปฎกวัดหัวขวงนี้ เจามหาพรหม สุรธาดาฯ โปรดใหสรางขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๗๓ บริ เวณขอบประตู ด า นล า ง ทั้ ง ซ า ยและขวาทางด า นทิ ศ ใต ข องหอ พระไตรป ฎ กมี ไ ม แ กะสลั ก รู ป หั ว เรื อ แข ง ประดับอยูด ว ย นับเปนไมแกะสลักทีม่ คี ณ ุ คา และงดงามตามแบบศิลปะพื้นเมืองนาน
๒๐
อายุ (ป)
(นับถึงป ๒๕๕๒)
รายละเอียด
ประมาณ ๑๓๐ ป จิตรกรรมวัดตามอน เดิมอยูภายในวิหารไม ของวัดตามอน ต. เวียงตา อ. ลอง จ. แพร ต อ มาได ผ าติ ก รรมไปอยู ที่ ไร แ ม ฟ า หลวง จ. เชียงราย ภาพในจิตรกรรมวัดตามอน นี้ มี รู ป เรื อ แข ง เมื อ งน า นอยู ด ว ย จากการ วิเคราะหดวยศาสตรทางศิลปะของ อ. วินัย ปราบริปู ผูอํานวยการหอศิลปริมนาน และ จากการวิเคราะหทางดานอักษรและอักขรวิธี ของผูเขียน เห็นไปในทางเดียวกันวา ผูวาด ภาพจิ ต รกรรมเวี ย งต า น า จะเป น ช า ง กลุ ม เดี ย วกั บ ช า งที่ ว าดภาพจิ ต รกรรม ที่วัดหนองบัวและวัดภูมินทร (แตคงวาด หลังสองวัดแรก) จึงไดสอดแทรกวัฒนธรรม ของทางเมืองนานลงไปในภาพดวย
ภาพที่ ๖ เรือเสือเฒาทาลอ บานทาลอ ต. ฝายแกว อ. ภูเพียง อายุ ๑๙๓ ป (นับถึงป พ.ศ. ๒๕๕๒) ที่มา : http://www.nan2day.com/forum/index.php?topic=1702.0
ภาพที่ ๗ เรือคําแดงเทวี บานนาเตา ต. ริม อ. ทาวังผา อายุ ๑๖๒ ป (นับถึงป พ.ศ. ๒๕๕๒) ที่มา : สงา อินยา
ภาพที่ ๘ วิหารวัดภูมนิ ทรถา ยเมือ่ ป พ.ศ. ๒๕๓๐ จะเห็นศาลารายกอนถูกรือ้ ถอนทางขวาของภาพ าพ ทีม่ า : กรมศิลปากร, เมืองนาน (กรุงเทพฯ : ฝายงานเผยแพร, ๒๕๓๐), ๕๔.
๒๑
ภาพที่ ๙ เจามหาพรหมสุรธาดาฯ ฟอนบนเรือแขงที่ชนะเลิศ เมื่อป พ.ศ. ๒๔๖๐ ที่มา : http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=1097
ภาพที่ ๑๐ หอ หอพระไตรปฎกวัดหัวขวงและไมแกะสลักรูปหัวเรือแขงที่ขอบประตูดานทิศใต ที่มา : วริศรา บุญซื่อ
๒๒
ตํานานกําเนิดเรือแขงของเมืองนาน ตํานานที่ ๑ ในอดีตกาล เจาเมืองนานไดสั่งใหนําไมตะเคียนทองขนาดยักษมาขุดเปนเรือ ไมตะเคียนทองตนนัน้ ใหญมากวากันวาสามารถวางสํารับขาว (โกะขาว) ไดถงึ ๑๐๐ สํารับ และดวยความใหญโตของไมทอนนั้น ถึงขนาดที่ทําใหรอยลากไดกลายเปนรองน้ําสมุน ในปจจุบนั (แมนา้ํ สมุน มีตน กําเนิดในเทือกเขาดอยผาจิ อ. บานหลวง ไหลผาน ต. สะเนียน ต. ถืมตอง ต.ไชยสถาน ต. ดูใต ลงสูแมน้ํานานที่บานสมุน ต. ดูใต อ. เมืองนาน) จากนั้นเจาเมืองจึงสั่งใหผาครึ่งไมนั้นทอนนั้น เพื่อขุดเปนเรือ ๒ ลํา เรือลําแรกไดชื่อวา เรือทายหลา (อานวา เฮียตายหลา) อีกลําหนึ่งชื่อวาเรือตาทอง (อานวา เฮียตาตอง) เรือทั้งสองมีอิทธิปาฏิหาริยอยางยิ่งยวด อันเนื่องมาจากอํานาจของ “ผีเรือ” ที่สิงสถิต อยูน นั้ บางครัง้ เรือจะแอบหนีจากโรงเก็บไปเลนน้าํ โดยไมมคี นพาย จนชาวบานชาวเมือง ตองตามจับกันหลายครั้งหลายครา ครั้งหนึ่งชาวบานชวยกัน “นาว” หรือฉุดเรือทั้งคูไว เปนเหตุใหหางของเรือทายหลาหักหลุดไป สถานที่นั้นจึงไดชื่อวา “ทานาว” (ปจจุบัน คือบานทานาว ต. ทานาว อ. ภูเพียง) สุดทายเรือทายหลาและเรือตาทองก็ไดจมลงสู วังน้ําตรงปากสบสมุน และคอยแสดงอิทธิฤทธิ์รบกวนผูคนที่อาศัยอยูแถบนั้นดวยการ “ทักรอง” เอาเครื่องเซนสังเวย บางทีก็จะปรากฏตัวใหผูคนเห็น เมื่อถึงวันพระวันโกน ชาวบานที่อาศัยอยูติดแมน้ํานานก็จะไดยินเสียง ฆอง กลอง และพาน (ปาน) ดังแวว มาแตไกล เชื่อกันวาเปนการออกมาเลนของเรือทายหลาและเรือตาทอง จนทําให ชาวบานหวาดผวาไปทั่ว รอนถึงอารักษพระญาปวหรือพระญาผานอง อดีตกษัตริยนาน อดรนทนไมได จึงปลอมตัวเปน “พระหนอย” หรือสามเณรมาปราบ โดยใชกาบปลี เปนพาหนะ เรือทั้งคูสูไมไดจึงยอมสยบ และหลบไปอยูที่วังคําเปนการถาวร (วังคํา คือ วังน้าํ หนึง่ ในลําน้าํ แหง ปจจุบนั อยูใ นเขต ต. สาน อ. เวียงสา) กอนลงไปอยูใ ตวงั คํานัน้ เรือทายหลาและเรือตาทองไดฝากฆองที่ติดมากับเรือใหกับอารักษตนหนึ่ง พรอมสั่งวา ถาหากตองการใหตนปรากฏกายเมื่อใด จงตีฆองขึ้น แลวทั้งคูจะมาทันที ตอมาอารักษ ตนนั้นไดชื่อวา “เจาอุย” เพราะเปนผูคอยตีฆองเสียงดัง “อุย” เพื่อเรียกเรือทั้งสอง นั่นเอง๑๖
สรุปความจาก ราเชนทร กาบคําและสมชาย จินาเกตุ, ตํานานเรือแขงเมืองนาน (นนาน : อองค งคการร บริหารสวนจังหวัดนาน, ๒๕๔๗), ๑ – ๓๑. ๑๖
๒๓
ภาพที่ ๑๑ ลําน้าํ สมุนในอดีต ถาสังเกตใหดจี ะเห็นเรือขนาดยาวจอดอยูใ นลําน้าํ ดวย ทีม่ า : หอจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยพายัพ
ตํานานที่ ๒ ในอดีตกาล เจาเมืองนานไดสั่งใหขาราชบริพารไปตัดไมที่ขุนน้ําสมุนเพื่อขุด เปนเรือแขง ไมตนนั้นมีขนาดใหญมาก กลาวกันวาตอไมตนนั้นสามารถตั้งสํารับขาว (โกะขาว) ไดถึง ๑๐ สํารับ ตัวเรือสามารถบรรทุกผูคนไดถึง ๑๐๐ คน เรือดังกลาว ไดชอื่ วา “เรือทายหลาตาทอง” เมือ่ ขุดแลวเสร็จเจาเมืองนานก็เสด็จเขาไปทีข่ นุ น้าํ สมุน เพื่อนําเรือออกมาจากปาดวยพระองคเอง แตปรากฏวาเมื่อเรือมาถึงสบน้ําสมุนก็ไดเกิด ลมลง ทําใหเจาเมือง เสนาอามาตย และนางสนมที่มาในเรือจมน้ําเสียชีวิตทั้งหมด เหลือแตเพียงสามเณรนอยรูปหนึ่งที่สามารถเกาะทายเรือเอาไวได เรือไดลอยไป ตามกระแสน้ําเรื่อยๆ จนถึงหนองน้ําแหงหนึ่ง เรือทายหลาตาทองก็ไดมาหยุดนิ่ง อยูบ ริเวณนัน้ ขณะหนึง่ ซึง่ คนทองถิน่ เรียกอาการเชนนัน้ วา “ขาบ” ผูค นจึงเรียกหนองน้าํ นัน้ วา “หนองขาบ” มาจนกระทัง่ ปจจุบนั (หนองขาบอยูใ นพืน้ ทีบ่ า นดอนมูล หมูท ี่ ๑๓ ต. ดูใต อ. เมืองนาน) จากนั้นเรือก็ไหลไปถึงหมูบานแหงหนึ่ง ชาวบานเห็นสามเณร เกาะอยูต รงทายเรือจึงรีบชวยฉุดหรือ “นาว” ทายเรือขึน้ สูฝ ง ตอมาหมูบ า นนัน้ จึงไดชอื่ วา บาน “ทายนาว” ตอมาเพี้ยนเปน “บานทานาว” สุดทายเรือทายหลาตาทองก็ไดไหล ไปจนถึง “วังคํา” อันเปนวังน้าํ ลึก เขต ต. สาน อ. เวียงสา เรือก็ไดจมลงทีน่ นั่ โดยตัวเรือ ตะแคงไปทางทิศเหนือ ชาวบานยังกลาวขานอีกวากราบเรือ (แผนเฮีย) ทั้งสองดาน ที่ตะแคงอยูนั้นมีความสูงมาก ถึงขนาดที่คนเอื้อมจากกราบหนึ่งไปหาอีกกราบหนึ่ง แทบไมถึง ยอนกลาวถึงนางสนมที่จมน้ําตายที่สบสมุนนั้น ศพของนางก็ไดขึ้นอืด และลอยไปติดที่ทาน้ําบริเวณบานหนองแดง (บานหนองแดง ต. ทานาว อ. ภูเพียง) บังเอิญมีชายผูหนึ่งไปพบศพเขา และเกิดความโลภอยากจะไดกําไลที่แขนของศพ จึงได ตัดขอมือศพเพื่อเอากําไลนั้นไป ตอมาชายผูนั้นเกิดมาอีกชาติหนึ่งปรากฏวามีแตแขน ไม มีมืออจงไ จึงไดชื่อวา “ปูปนกุด” (อานวา ปูปนกุด) ซึ่งถาไปสอบถามชื่อของชายผูนี้ ไมมม จจากผู ากผูเู ฒาผูแู กแถบบานหนองแดงและหมูบ า นใกลเคียงก็ไดความวาเปนบุคคลทีม่ ตี วั ตน ออยูยูยจ รริงิ เมอร เมื่อรราว ๘๐ ปกอน๑๗ สัมภาษณ เมือง ธงเงิน, อดีตผูใหญบานน้ําลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน, ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒.
๑๗
๒๔
ตํานานที่ ๓ กาลครั้ ง หนึ่ งนานมาแล วยั งมีชายทุคคตะเข็ ญใจผูหนึ่ งอาศั ยอยู นอกเมื อง ชายผูนี้มีภรรยางามเลิศกวาหญิงใดในเมืองนั้นเลยทีเดียว ความลวงรูถึงหูของพระญา เจาเมือง พระญาเจาเมืองจึงมีความปรารถนาทีจ่ ะไดภรรยาของชายทุคคตะผูน ไี้ ปเปนสนม เลยออกอุบายใหชายทุคคตะไปหาเรือมาแขงกับเรือของตนในวันรุงขึ้น โดยมีกติกาวา ถาเรือของชายผูน แี้ พจะตองยกเมียใหเปนสนมของพระองค แตถา เรือของพระญาเจาเมือง แพพระองคกจ็ ะมอบทรัพยสมบัตมิ คี า ใหเต็มลําเรือ แมชายทุคคตะจะขอรองออนวอนวา ญาหาเรือจากไหนมาแขงขันได พระญาเจาเมือง ตนยากจนขนาดขาวยังไมมจี ะกินจะมีปญ ก็ไมฟง ชายทุคคตะกับภรรยาไมรจู ะทําอยางไรไดแตพากันรองไหคร่าํ ครวญจนเดินไปถึง ปากถ้าํ ภูเขาหลวงแหงหนึง่ ทัง้ คูเ ลยไหววอนตอเจาปาเขาหลวง เจาปาเขาหลวงก็ปรากฏกาย และถามวารองไหดวยเหตุอันใด ทั้งสองสามีภรรยาจึงเลาเรื่องราวทั้งหมดใหฟง เจาปา เขาหลวงเกิดความสงสาร จึงบอกแกคนทั้งสองวาวันรุงขึ้นใหกลับมาที่เดิมตนจะผูกเรือ เตรียมไวให วันรุง ขึน้ ทัง้ สองสามีภรรยาก็มาตามคําสัง่ แตแทนทีจ่ ะพบเรือแขงกลับเห็นวา มีพญานาคตนหนึ่งถูกลามเอาไวที่ริมตลิ่ง เจาปาเขาหลวงก็ไดเนรมิตใหพญานาค กลายเปนเรือพรอมทัง้ ไดบอกวา “ใหเมียอยูห วั ใหผวั อยูท า ย” ทัง้ สองก็ชว ยกันพายไปยัง สนามแขงขันทีพ่ ระญาเจาเมืองไดนดั หมายไว คนทัง้ หลายเห็นวาเรือของชายทุคคตะพาย มาแคสองคน จะสูเรือของพระญาเจาเมืองที่มีคนพายนับหลายสิบคนไดอยางไร เห็นที จะตองเสียภรรยาใหแกพระญาเจาเมืองเปนแน จากนั้นเรือทั้งสองลําก็ทําการแขงขันกัน เมื่อเรือพายไปจนไกลลับตาผูคน เรือของชายทุคคตะก็แปลงเปนพญานาคดังเดิม พรอมกับใชหางฟาดเรือของพระญาเจาเมืองจนลมไป เรือของชายทุคคตะเปนฝายชนะ พระญาเจาเมืองจึงตองมอบทรัพยสนิ เงินทองอันมีคา ทัง้ หลายใหตามสัญญา ชายทุคคตะ จึงกลายเปนเศรษฐีไมตองอดอยากยากจนอีกตอไป การที่พญานาคมาชวยเหลือทั้งสอง สามีภรรยาใหรอดพนจากความอยุติธรรมในครั้งนั้น จึงเปนเหตุใหคนรุนหลังสํานึก ในบุญคุณ จึงทําการขุดเรือเปนรูปพญานาคดังที่เห็นมาจนถึงปจจุบัน๑๘
ถอดความจากการเสวนาเรือแขงที่ขวงเมืองนาน โดย พอครูคําผาย นุปง, ศิลปนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๓๘, ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๐. ๑๘
๒๕
เรือทายหลาตาทองมีกี่ลําแน จากตํานานกําเนิดเรือแขงของเมืองนานตํานานที่ ๑ และตํานานที่ ๒ ทีก่ ลาวถึง เรือทายหลาตาทองนัน้ จะเห็นวามีความขัดแยงกันอยู ในตํานานที่ ๑ กลาววาเปนเรือ ๒ ลํา คือเรือทายหลาลําหนึ่ง และเรือตาทองลําหนึ่ง สวนตํานานที่ ๒ กลาววาเปนเรือเพียง ลําเดียวเทานั้น จากการที่ผูเขียนไดไปสัมภาษณผูรู เชน พอครูญาณ สองเมืองแกน นายเหลีย่ ม สมฤทธิ์ นายสําราญ มาลี๑๙ตางก็กลาวตรงกันวาเรือทายหลาตาทองเปนเรือ เพียงลําเดียว ทั้งยังกลาววาเหตุที่จากเดิมเปนเรือเพียงลําเดียวแลวไดกลายมาเปน ๒ ลํานั้น คงเปนเรื่องปกติของตํานานที่ยอมมีการเสริมแตงใหพิสดารขึ้นเรื่อยๆ ผูเขียน ก็มีความเห็นเชนเดียวกับผูรูทั้งสามทาน เหตุเพราะภายหลังคนไมทราบความหมาย ที่แทจริงของ “เรือทายหลา” และ “ตาทอง” แลว จึงพลอยคิดไปวาเปนชื่อเรือ ๒ ลํา
“ทายหลา” แทจริงแลวก็เปนชือ ่ เรือโบราณประเภทหนึง่ หลายคนคงคิดเรือ “ทายหลา” เปนเพียงเรื่องในจินตนาการหรือเปนเพียง เรือ่ งในตํานานเทานัน้ แตถา หากอานเอกสารโบราณทีโ่ ดยมากมักเขียนดวยอักษรธรรม ลานนาใหมากสักหนอย อานหรือฟงแบบพินจิ พิเคราะหสกั นิดแลว ก็จะพบวามีการบันทึก ไวเปนลายลักษณอักษรเชนกัน เทาที่ผูเขียนไดสํารวจมามักพบคําวา “ทายหลา” ปรากฏอยูใ นคําสูข วัญเรือและคําสูข วัญยาหมอนึง่ ๒๐ซึง่ ถาใครเคยไดเขารวมพิธสี ขู วัญเรือ มาแลวก็อาจจะเคยผานหูมาบาง เพียงแตอาจไมไดเฉลียวใจเทานั้น คําวา “ทายหลา” บางทีเขียนเปน “ทายหลา” จากเอกสารโบราณที่บันทึก คําสูขวัญเรือและคําสูขวัญยาหมอนึ่ง พบวา “ทายหลา” หรือ “ทายหลา” เปนชื่อของ เรือประเภทหนึ่ง เพื่อใหเห็นจริงขอเสนอขอมูลจากเอกสารดังตอไปนี้ ๑๙
นายสําราญ มาลี อยูบานบอแกว ต. บอแกว อ. นาหมื่น จ. นาน ทําหนาที่เปนรางทรงของเจาหลวง เวียงสามานานหลายสิบป บางคนมองวาเขามีปญหาทางดานบุคลิกภาพ แตจากการที่ผูเขียนไดสนทนากับเขาราว ๒ ชั่วโมง ก็รูสึกประหลาดใจเปนอยางมาก เพราะเขามีความรูในประวัติศาสตรทองถิ่นลึกซึ้งมากผูหนึ่ง เชน เขาสามารถ ลําดับสาแหรกสายตระกูลของแมเจาศรีโสภา ชายาของเจามหาพรหมสุรธาดาฯ เจาผูค รองนครนานองคสดุ ทายไดอยาง แมนยํา ซึ่งปจจุบันแมแตลูกหลานของแมเจาศรีโสภาเองก็ไมมีใครทราบรายละเอียดแลว ผูเขียนจึงลองถามกลับไป กลับมาหลายครั้ง แตก็ปรากฏวาไดคําตอบตรงกันทุกครั้งไป ๒๐ ยาหมอนึ่งบางทีเรียกวายาดํา เปนคําที่คนลานนาพูดเชิงยกยองหมอที่ใชในการนึ่งขาว วาเปนเสมือน “ยา” หรือญาติผใู หญทคี่ อยผลิตขาวนึง่ เลีย้ งชีวติ ใหเติบใหญ และเชือ่ กันวายาหมอนึง่ มีความศักดิส์ ทิ ธิ์ สามารถพยากรณ เหตุการณตา งๆ และสามารถขจัดปดเปาสิง่ ชัว่ รายได เชน เมือ่ เกิดฝนรายตอนกลางคืน ถาหากไดมาเลาใหยา หมอนึง่ ฟง ในรุง เชา เรือ่ งรายก็จะกลายเปนดี คนลานนายังเชือ่ วายาหมอนึง่ ก็มขี วัญเหมือนกับคน บางครัง้ ถาขวัญเตลิดไปก็จะตอง มีการเรียกขวัญใหกลับมา โดยกลาวอางถึงความนาอยู ความสมบูรณพูนสุขของบานเรือนที่เคยอาศัย เพื่อเลาโลม โนมนาวใหขวัญกลับมาโดยเร็ว
๒๖
๑. คําสูขวัญเรือ …เรือมงคลเหลมประเสริฐ มีทุกอันพร่ําพรอม มีทังสุราและขาวเปลือกขาวสาร หื้อนางไมแมมาเสวย ลวงกลมมีสามไกว ลวงหนามีพอคืบ มีทังเรือถูกมอกตาหมาน มีทงั เรือซะหลาไฟมาแลกัญญา สระพร่ําพรอมมากเมามวล...๒๑
จิ่งจักเบิกพระขวัญ มีทังกลวยออยหมากพลู เทิกดีงามมีทังเทียนตามสองไว หื้อมาชมเชยของไขว ลวงใหญกวางสามวา ลวงยาวสิบเอ็ดวา มีทงั เรือเชียงครานทายหลา (เชียงคราน = สวยงาม) มีทังเรือแสนตาและเรือดี
ภาพที่ ๑๒ ตัวอยางสวนหนึง่ ของคําสูข วัญเรือทีป่ รากฏคําวา “ทายหลา” หรือ “ทายหลา” (คําทีข่ ดี เสนใต) ทีม่ า : พระพนัส ทิพพฺ เมธี
จากคําสูข วัญเรือขางตนจะเห็นวา คําวา “ทายหลา” หรือ “ทายหลา” รวมอยูก บั เรือซะหลาหรือเรือชะลา เรือไฟมาหรือเรือพายมา เรือกัญญา และเรือแสนตา ในบรรดา ชื่อเหลานี้เปนที่ทราบแนชัดวาเรือซะหลา เรือไฟมา และเรือกัญญา เปนชื่อประเภท ของเรือทัง้ สิน้ (สวนเรือแสนตายังไมทราบวามีลกั ษณะอยางไร) ดังมีรายละเอียดของเรือ ทั้ง ๓ ประเภทดังนี้ เรือซะหลาหรือเรือชะลา คือ เรือขุดชนิดหนึง่ ทองแบน หัวเชิดขึน้ เล็กนอย หัวตัด ทายตัดมีขนาดยาวมาก๒๒ ในนิราศเมืองหลวงพระบาง ของนายรอยเอก หลวงทวยหาญ รั ก ษา (เพิ่ ม ) ได ก ล า วถึ ง สภาพวิ ถี ชี วิ ต ของชาวเมื อ งน า นในอดี ต ที่ ใช เรื อ ชะล า กั น เปนสวนใหญ ดังกลอนในนิราศตอนหนึ่งวา ๒๑
“สูข วัญเรือ,” เอกสารในความครอบครองของพระพนัส ทิพพฺ เมธี วัดน้าํ ลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน, ใบลานมี ๔ เสนบรรทัด, อักษรธรรมลานนา. ภาษาลานนา. พ.ศ. ๒๔๐๑ (จ. ศ. ๑๒๒๐), ลานใบที่ ๖. ๒๒ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ (กรุงเทพฯ : นานมี บุคสพับลิเคชั่นส, ๒๕๔๖), ๙๗๑.
๒๗
เทีย่ วแวดชมนิคมเขตประเทศฐาน ปอมปราการกอตั้งเปนฝงฝา มีเชิงเทินเนินใสใบเสมา ทวาราเรือนยอดตลอดแล เปนดอนดอยลอยพื้นดูรื่นเรียบ แตไมเทียบทาทางหางกระแส สักสี่เสนเห็นไกลอาลัยแล ใชเรือแตชะลาลวนควรระคาง๒๓ เรือไฟมาหรือเรือพายมา คือ เรือขุดชนิดหนึง่ หัวเรือและทายเรือเรียวงอนขึน้ พองาม มีไมหูกระตายติดขวางอยูทั้งหัวเรือและทายเรือ ตรงกลางลําปองออกใชงาน แถบภาคกลาง๒๔และพบวามีใชในภาคเหนือดวย๒๕ ภาพที่ ๑๓ เรือชะลากลางแมนํา้ นานมี หลังคาเพือ่ กันแดดกันฝน ทีม่ า : หอจดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยพายัพ
เรือกัญญา คือ เรือหลวงที่จัดตั้งเกงประกอบหลังคาทรงกัญญา ใชเปนเรือ ประทับแรมหรือเรือพระประเทียบ๒๖ คําอธิบายนี้เปนเรือกัญญาของภาคกลาง แตยัง ไมทราบแนชัดวาจะเหมือนเรือกัญญาของภาคเหนือดังในคําสูขวัญเรือที่ยกมาหรือไม จากบริบทของคําสูข วัญเรือขางตนก็จะเห็นไดวา เรือ “ทายหลา” หรือ “ทายหลา” นั้นเปนเพียงชื่อเรือประเภทหนึ่งเชนเดียวกับ เรือซะหลา เรือไฟมา เรือกัญญา และ เรือแสนตา หาใชเปนชื่อเฉพาะของเรือลําใดลําหนึ่งไม ๒. คําสูขวัญยาหมอนึ่งสํานวนที่ ๑ ...มีทังมาวใสแขนมีทังแหวนใสนิ้ว มีทังฝายริ้วเขาสุกขาวสาร จกขวานมีดพราขวานกลาสิ่วชี หิงแหเรือแพทายหลา มีพร่ําพรอมตูแตงนอมปงปน มีทั้งพิสสนูกรรมผากลา...๒๗ กรมศิลปากร, เมืองนาน, ๗๖. ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒, ๙๗๓. ๒๕ ประจักษ สีหราช. ฮีตฮอยพิธีก๋ําเฮือแขง กิ่งอําเภอภูเพียง จังหวัดนาน, ๓๓. ๒๖ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒, ๙๗๐. ๒๗ “คําสูขวัญยาหมอนึ่ง,” เอกสารในความครอบครองของพระมหาสุริยนต ธมฺมานนฺโท วัดนาหวาย ต. บอแกว อ. นาหมื่น จ. นาน, สมุดฝรั่งมี ๑๓ เสนบรรทัด, ๒๒ หนา, อักษรธรรมลานนา, ภาษาลานนา, ไมทราบ ปที่คัดลอก, ๑๐. ๒๓
๒๔
๒๘
๓. คําสูขวัญยาหมอนึ่งสํานวนที่ ๒ ...ดูรายาหมอนึ่งไมเทาเลาก็มี ทังพรากลาสิ่วเสียมชี ตกแตงหื้อถวายปน
หิงแหเรือแพทายหลา ขาวของเรามีพอตื้อ มีทังทอตันแลปนเกลา...๒๘
ภาพที่ ๑๔ ตั ว อย า งส ว นหนึ่ ง ของคํ า สู ข วั ญ ย า หม อ นึ่ ง ที่ ป รากฏคํ า ว า “ท า ยหล า ” (คําที่ขีดเสนใต) ที่มา : พระพนัส ทิพฺพเมธี
จากคําสูขวัญยาหมอนึ่งทั้งสองสํานวนที่ยกมา เปนตอนที่กําลังกลาวเชื้อเชิญ ใหขวัญของยาหมอนึ่งกลับมาสูบานเรือนที่เคยอยู โดยหวานลอมวามีเครื่องใชไมสอย ครบถวนบริบูรณ ตระเตรียมไวสําหรับใหขวัญของยาหมอนึ่งมาใชสอยไดตามใจชอบ จะเห็นวาชือ่ ของ “เรือทายหลา” รวมอยูก บั บรรดาขาวของเครือ่ งใชตา งๆ เชน จก (จอบ) ขวาน มีด พรา สิ่ว หิง (สวิง) แห ปนปกผม ฯลฯ จึงเปนสิ่งยืนยันอีกทางหนึ่งวา “เรือทายหลา” เปนเพียงเรือประเภทหนึง่ ทีค่ นเมืองนานในอดีตใชกนั อยูใ นวิถชี วี ติ ประจําวัน ผูเขียนสันนิษฐานวา “เรือทายหลา” คงจะมีลักษณะคลายเรือชะลา หัวทายโคงงอน มากกวา และมีกระทงเรือไวสําหรับนั่ง หรือกลาวอยางงายๆ ก็คงจะเหมือนกับเรือแขง ในปจจุบันนั่นเอง สวนความหมายของคําวา “ทายหลา” นั้น คงเปนการยากที่จะหา คําอธิบายได เพราะแมแตคําวาเรือชะลา เรือไฟมา หรือเรือแสนตา เราก็ยังไมสามารถ หาคําแปลไดเลย อนึ่งจากตํานานกําเนิดเรือแขงของเมืองนานตํานานที่ ๑ ที่กลาววาอารักษ พระญาปวหรือพระญาผานองไดแปลงกายเปนสามเณรมาปราบเรือทายหลาตาทอง โดยใชกาบปลีเปนพาหนะนัน้ บางทีอาจจะไมใชกาบปลีของตนกลวยอยางทีเ่ ชือ่ ตามกันมา ก็ได เพราะ “กาบปลี” ก็เปนชื่อเรืออีกประเภทหนึ่ง เปนเรือขนาดเล็กที่ตอดวยไม ลักษณะคลายกาบปลีของกลวย๒๙ แตดวยความที่เปนตํานานซึ่งเลาขานกันปากตอปาก จึงอาจทําใหเนือ้ เรือ่ งเกิดการผิดเพีย้ น ตกหลน หรือแมกระทัง่ เสริมแตงกันขึน้ ตางๆ นานา “คําสูข วัญยาหมอนึง่ ,” เอกสารในความครอบครองของพระพนัส ทิพพฺ เมธี วัดน้าํ ลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน, พับสามี ๕ เสนบรรทัด, ๕๖ หนา, อักษรธรรมลานนา, ภาษาลานนา, ไมทราบปที่คัดลอก. ๒๙ อุดม รุงเรืองศรี, ผูรวบรวม. พจนานุก รมลานนา – ไทย (เชียงใหม : ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม, ๒๕๔๗), ๖๒๕. ๒๘
๒๙
“ตาทอง” ที่ปรากฏในเอกสารคือตาไม ในคําสูข วัญเรือสํานวนของพออุย เติง ปนทา บานหนองเตา ต. มวงตึด๊ อ. ภูเพียง จ. นาน ไดกลาวถึงคําวา “ตาทอง” เอาไวดวย นับวามีคุณคาที่ทําใหไดความกระจาง เกี่ยวกับ “เรือทายหลาตาทอง” มากยิ่งขึ้น คําสูขวัญสํานวนนี้คัดลอกมาจากคํา สูขวัญเรือของทาง อ. ทาวังผา เขียนดวยอักษรไทย แมจะมีบางคําที่แตงเสริมเขามา ในภายหลัง เพราะบางคําไมมใี ชในภาษาลานนา เชน คําวา ชิงชัยไดชนะเลิศ, แมยา นาง เปนตน แตก็มีเพียงสวนนอยเทานั้น นอกนั้นยังรักษาภาษาเกาเอาไวไดเปนอยางดี ในคําสูขวัญตอนหนึ่งกลาวถึงตาของไมที่นํามาขุดเปนเรือไวดังนี้ ตาพระญาเปนเคานัง่ อยูเ ฝาทางหัว ตานึ่งเปนตาตอตานชื่อวาตาทอง ตาอยูใตน้ํานั้นเปนตาหนุน เปนตาเพื่อนขยาดเกรงขาม
มีทังตาเพื่อนกลัวเพื่อนอยาน ตานึ่งนั้นเปนตาคนนั่งยองชื่อวาตาค้ํา ตานึง่ นัน้ เปนตาแกวตาคุณชือ่ วาตาพญานาค หกทะยานวิ่งเลนกลางน้ํา๓๐
จากวรรคทีว่ า “ตานึง่ เปนตาตอตานชือ่ วาตาทอง” นัน้ ยังไมเปนทีก่ ระจางนักวา ตาไมทกี่ ลาวถึงเปนตาดีหรือตาราย เพราะหากดูตาอืน่ ๆ ทีพ่ รรณนาไว ลวนแตเปนตาไม ที่เปนคุณทั้งสิ้น แตโดยความหมายของคําวา “ตาตอตาน” ก็แฝงความหมายดาน ลบเอาไวอยูในที เมื่อถามพออุยเติง ปนทา เจาของสํานวนสูขวัญเรือเอง ทานก็ตอบ แบบไมแนใจวาอาจเปนตาไมทไี่ มดเี หมือน “ตุงเหล็กตุงทอง” ทีใ่ ชในงานศพ จะวาไปแลว คําอธิบายของพออุยก็เขาเคาอยู เพราะคําวา “ตาตอตาน” อาจจะสอดรับกับตํานาน เรือทายหลาตาทองที่วาเรือลําดังกลาวเปนเรือที่มีฤทธิ์เกงกลา ไมยอมสยบใหใคร แตสําหรับผูเขียนเองยังจะไมดวนสรุป ตองไปสอบถามจากผูรูเพิ่มเติมอีกหลายๆ ทาน ใหแนชดั กวานี้ ในเบือ้ งตนจึงใครขอสรุปแตเพียงวา “ตาทอง” ทีเ่ ปนสวนหนึง่ ของชือ่ เรือ ในตํานานคือ “เรือทายหลาตาทอง” นั้น นาจะมาจากชื่อของตาไมมากกวาจะเปนตา ของเรือที่ทํามาจากทองเหลืองดังที่มีผูสันนิษฐานไว (“ทอง” ในภาษาลานนาหมายถึง ทองเหลืองหรือทองแดง สวน “ทอง” ในภาษาไทยคนลานนาเรียกวา “คํา”)
๓๐ “สูขวัญเรือ (ฉบับคัดลอก),” เอกสารในความครอบครองของนายเติง ปนทา บานหนองเตา ต. มวงตึ๊ด อ. ภูเพียง จ. นาน, สมุดฝรั่งมี ๑๓ เสนบรรทัด, อักษรไทย, ภาษาลานนา, ไมทราบปที่คัดลอก.
๓๐
ประวั ติ ก ารแข ง เรื อ เมื อ งน า นที่ จั ด โดย ทางราชการ และองคกรปกครองสวนทองถิน ่ การแขงเรือของเมืองนานในอดีตจะจัดขึ้นหลังจากออกพรรษาและจะตองมี ประเพณีถวายทานสลากภัตเทานัน้ แตตอ มาก็เริม่ มีการจัดการแขงขันเปนการเฉพาะกิจ ดังเชนพระเจาสุริยพงษ ผริตเดชฯ ไดโปรดใหมีการแขงขันเรือขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ เมือ่ ครัง้ ทีส่ มเด็จเจาฟากรมพระนครสวรรควรพินติ เสด็จตรวจราชการทีเ่ มืองนาน ดังทีไ่ ดกลาวไปแลว หลังจากนัน้ ขาหลวงและขาราชการทีม่ าประจําทีเ่ มืองนานก็ไดสง เสริม ประเพณีแขงเรือของเมืองนานมาโดยลําดับ ในที่นี้จะขอกลาวถึงประวัติของการแขงเรือ เมืองนานที่จัดโดยทางราชการ และองคกรปกครองสวนทองถิ่น ครั้งสําคัญๆ ดังนี้ พ.ศ. ๒๔๖๗ พระยาวรวิชยั วุฒกิ ร (เลือ่ น สนธิรตั น) ปลัดมณฑล ประจําจังหวัดนาน ไดริเริ่มใหมีการทอดกฐินสามัคคีขึ้นอยางเปนทางการ นับเปนครั้งแรกของจังหวัดนาน ในงานนี้ไดจัดใหมีการแขงเรือประเพณีเพื่อเปนการเฉลิมฉลอง จึงเปนประเพณีสืบตอ กันมาทุกป จนถึงปจจุบัน พ.ศ. ๒๔๗๙ พระเกษตรสรรพกิจ (นุน วรรณโกมล) ขาหลวงประจําจังหวัดนาน ไดจดั ใหมกี ฎกติกาการแขงขันเรือขึน้ เปนครัง้ แรก เปนกติกางายๆ เชนมีจดุ ปลอยและเสนชัย สวนรางวัลก็มีธง ( ชอ ) ปกหัวเรือ มอบใหเรือที่ไดรับรางวัลที่ ๑ เทานั้น เรือที่ไดรับ รางวัลในปนนั้ คือ “เรือบัวพาชมชืน่ ” หรือ “เรือบัวระพาชมชืน่ ” ของบานน้าํ ปว อ. เวียงสา พ.ศ. ๒๔๙๘ นายมานิต บุรณพรรค ผูว า ราชการจังหวัดนาน ไดจดั ใหองคการ ดุรยิ างคนาฏศิลป กรมศิลปากร มาถายทําภาพยนตร สารคดี เพือ่ เปนหลักฐานทางดาน มนุษยชาติ วัฒนธรรม ประเพณีพนื้ บาน การแขงเรือประเพณีในปนนั้ จึงจัดอยางยิง่ ใหญ พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงอนุมัติราชกิจ (อั๋น อนุมัติราชกิจ) ผูวาราชการจังหวัดนาน ไดขอพระราชทานผาพระกฐินพระราชทาน เรียกกันวา “กฐินหลวง” นําไปทอด ณ วั ด พระธาตุ ช า งค้ํ า วรวิ ห าร การแข ง เรื อ ประเพณี ใ นป นั้ น จึ ง เป น การแข ง เรื อ กฐินพระราชทาน พ.ศ. ๒๕๒๒ พท.นพ.อุดม เพชรศิริ ผูวาราชการจังหวัดนาน ไดกําหนดใหมี การแขงเรือประเพณีนัดเปดสนามในงานประเพณีทานสลากภัตของวัดพระธาตุชางค้ํา วรวิหาร ตรงกับวันขึน้ ๑๕ ค่าํ เดือน ๑๒ นาน ประมาณเดือนกันยายน และใหมกี ารแขงเรือ ประเพณีนัดปดสนามในงานทอดกฐินพระราชทาน ซึ่งกําหนดในวันเสาร – อาทิตย หลังออกพรรษาประมาณ ๑ - ๒ สัปดาห ประมาณชวงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๕ นายชัยวัฒน หุตะเจริญ ผูว า ราชการจังหวัดนาน ไดกราบบังคมทูล ขอพระราชทานถวยรางวัลประเภทเรือใหญจากพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพล อดุลยเดช เพื่อเปนรางวัลใหกับเรือแขงที่ชนะเลิศ ในป พ.ศ. ๒๕๒๖ เรือขุนนาน บานศรีบุญเรือง อ. ภูเพียง ไดรับพระราชทานถวยรางวัลเปนปแรก
๓๑
พ.ศ. ๒๕๒๖ นายประกอบ แพทยกุล ผูวาราชการจังหวัดนาน ไดกราบ บังคมทูลขอพระราชทานถวยรางวัลชนะเลิศเรือกลางจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และขอพระราชทานถวยรางวัลชนะเลิศเรือเล็กจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พ.ศ. ๒๕๒๗ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไดเสด็จ พระราชดําเนิน เปนองคประธานในพิธีปดการแขงขันเรือประเพณีจังหวัดนาน และได พระราชทานถวยรางวัลใหแกเรือแขงที่ชนะเลิศในการแขงขัน ดังนี้ ประเภทเรือใหญ คือ เรือขุนนาน บานศรีบุญเรือง อ. ภูเพียง ประเภทเรือกลาง คือ เรือดาวทอง บานมวงตึ๊ด อ. ภูเพียง ประเภทเรือเล็ก คือ เรือศรนารายณ บานดอนแกว อ. เมือง พ.ศ. ๒๕๓๖ สํานักงานเทศบาลเมืองนาน ไดกราบบังคมทูลขอพระราชทาน ถวยรางวัลชนะเลิศประเภทเรือสวยงามจากสมเด็จพระเจาลูกเธอ เจาฟาจุฬาภรณวลัยลักษณ อัครราชกุมารี ในปนี้วิทยาลัยสารพัดชางนาน รวมกับ กศ.บป.ศูนยนาน ไดครองถวย พระราชทาน พ.ศ. ๒๕๔๑ สํานักงานเทศบาลเมืองนาน ไดกราบบังคมทูลขอประทาน ถวยรางวัลชนะเลิศกองเชียรจากพระเจาหลานเธอ พระองคเจาพัชรกิตติยาภา ในปนี้ กองเชียรบานทาลอ อ. ภูเพียงไดรับพระราชทานถวยรางวัลเปนปแรก พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการบริหารสวนจังหวัดนานรวมกับสํานักงานเทศบาลเมืองนาน อ. ภูเพียง และสภาวัฒนธรรมจังหวัดนาน ไดจดั การแขงขันเรือเยาวชน อายุไมเกิน ๑๘ ป (ตอมาเปลี่ยนเปนอายุไมเกิน ๒๐ ป) นับเปนแหงแรกของประเทศไทย ในปแรกนี้เรือ เทพสุวรรณของเยาวชนบานทาค้ํา อ. ทาวังผา เปนผูครองถวยรางวัลชนะเลิศ พ.ศ. ๒๕๕๑ เทศบาลตําบลเวียงสาไดกราบบังคมทูลขอพระราชทานถวย รางวัลชนะเลิศเรือใหญจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปนี้ เรือเพชรบุญเรือง ๑ บานบุญเรือง ต.ไหลนาน อ. เวียงสา ไดครองถวยพระราชทาน ไปเปนกรรมสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ เทศบาลตําบลเวียงสาไดกราบบังคมทูลขอพระราชทานถวยรางวัล ชนะเลิศเรือใหญ เรือกลาง และเรือเล็ก จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารีอีกวาระหนึ่ง ซึ่งกติกาใหมกําหนดวาเรือที่จะไดครองถวยเปนกรรมสิทธิ์จะตอง ชนะเลิศ ๓ ปตดิ ตอกัน ในปแรกนีเ้ รือทีไ่ ดรบั รางวัลชนะเลิศและไดครองถวยพระราชทาน คือ เรือใหญไดแก เรือขุนสยามแดนทอง บานน้ํามวบ ต. น้ํามวบ อ. เวียงสา เรือกลาง ไดแก เรือขุนตี้ คาย ม. พัน ๑๕ อ. เมืองนาน เรือเล็กไดแก เรือแมคนงามน้ําลอม บานน้ําลอมและบานมหาโพธิ์ ต. ในเวียง อ. เมืองนาน ราเชนทร กาบคํา, เรือแขงเมืองนาน มรดกล้าํ คา (นาน : องคการบริหารสวนจังหวัดนาน, ๒๕๔๙), ๖ – ๘.
๓๑
๓๒
พ.ศ. ๒๕๕๒ องคการบริหารสวนตําบลฝายแกว อ. ภูเพียง ไดกราบบังคมทูล ขอประทานถวยรางวัลชนะเลิศเรือกลางและเรือเล็ก ในการแขงขันเรือเยาวชนจากพระองคเจา โสมสวลีพระวรราชาทินดั ดามาตุ ในปนเี้ รือทีช่ นะเลิศประเภทเรือกลางคือเรือเทพนรสิงห ๒ บานแสงดาว ต. ฝายแกว อ. ภูเพียง และเรือทีช่ นะเลิศประเภทเรือเล็กคือเรือนานพลังสันต ศูนยกีฬสตําบล บอ อ. เมืองนาน
บทสรุปเกี่ยวกับประวัติเรือแขงเมืองนาน การแขงเรือของเมืองนานนาจะมีมาไมต่ํากวา ๒๐๐ ปแลว อนุมานจาก หลั ก ฐานที่ เ ก า ที่ สุ ด ที่ ยั ง หลงเหลื อ อยู คื อ เรื อ เสื อ เฒ า ท า ล อ บ า นท า ล อ ที่ มี อ ายุ ถึ ง ๑๙๓ ปแลว เริ่มแรกเรือแขงเมืองนานนาจะเปนเรือที่ใชอยูในวิถีชีวิตประจําวันที่เรียกวา “เรือทายหลา” ดังในคําสูข วัญเรือและคําสูข วัญยาหมอนึง่ ไดกลาววาเปนเรือประเภทหนึง่ ซึ่งรวมอยูในประเภทขาวของเครื่องใชของคนในอดีต ไมใชเปนชื่อเฉพาะของเรือลําใด ลําหนึ่ง สวนตํานานเรือ “ทายหลาตาทอง” ที่คนเมืองนานเลาขานกันสืบตอๆ มานั้น ถาเปนเรื่องที่มีเคาความจริง ก็คงเปนเรือทายหลาที่มีลักษณะพิเศษอยางใดอยางหนึ่ง ถึงขั้นที่ทําใหผูคนในยุคนั้นกลาวขานกันทั่วไป เชน อาจเปนทอนมีขนาดใหญมหึมา อยางที่ไมมีใครเคยพบเคยเห็นมากอน หรือไมที่ใชขุดเรืออาจมีตาไมชนิดที่เรียกวา “ตาทอง” ตามทีป่ รากฏในคําสูข วัญของพออุย เติง ปนทา บานหนองเตา หรืออาจจะเปน เรือทายหลาที่หัวเรือรูปพญานาคมีดวงตาทํามาจากทองเหลือง ดังที่มีผูรูหลายทาน ไดเคยใหคาํ อธิบายไวกไ็ ด แลวจึงมีการแตงเติมอิทธิปาฏิหาริยเ ขาไปในภายหลัง จนเปน ตํานานกําเนิดเรือแขงของเมืองนานมาจนทุกวันนี้ เรือแขงของเมืองนานเดิมทีเดียวคงไมไดตงั้ ใจขุดเพือ่ ใชแขงขันอยางเชนปจจุบนั แตคงเปนพาหนะของสวนกลางทีพ่ ระและชาวบานชวยกันสรางขึน้ ใชสาํ หรับขนยายผูค น เมื่อเกิดอุทกภัยรายแรง หรือใชบรรทุกพระสงฆและชาวบานไปทําบุญตางหมูบานเมื่อ คราวมีงาน เพราะสังเกตวาการแขงเรือในอดีตจะจัดขึน้ ก็ตอ เมือ่ มีการถวายทานสลากภัต เทานั้น การแขงเรือในยุคแรกคงเปนการแขงขันกันเลนๆ ไมไดหวังผลแพชนะ หลังจาก เสร็จพิธีทางศาสนาแลวก็คงนําเรือมาประลองกําลังกันเพื่อความสนุกสนานแลวก็ แยกยายกันกลับ ตอมาจึงเริม่ มีการแขงขันและมีรางวัลเปนเรือ่ งเปนราวมากขึน้ จนกระทัง่ ปจจุบันการแขงเรือของเมืองนานนับเปนการแขงขันเรือยาวที่ยิ่งใหญที่สุดแหงหนึ่ง มี จํ า นวนเรื อ มากที่ สุ ด ในประเทศ มี นั ก กี ฬ ามากที่ สุ ด ถึ ง ราว ๕,๐๐๐ คน มี ผู ช ม นั บ หลายหมื่ น คน และที่ ยั ง ความปลาบปลื้ ม ให กั บ ชาวเมื อ งน า นเป น ล น พ น ก็ คื อ การแขงขันเรือของเมืองนานไดรบั พระมหากรุณาธิคณ ุ จากพระบาทสมเด็จพระเจาอยูห วั ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศอีกหลายพระองคที่ไดทรงพระราชทานถวยรางวัลแกเรือ ชนะเลิศประเภทตางๆ เปนจํานวนมากที่สุดกวาการแขงเรือยาวสนามใดๆ ในสยาม ประเทศ
๓๓
บรรณานุกรม หนังสือ กรมศิลปากร, เมืองนาน. กรุงเทพฯ : ฝายงานเผยแพร, ๒๕๓๐. (หนังสือนําชม ในวโรกาสที่ ส มเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี เสด็ จ พระราชดําเนินทรงเปดพิพธิ ภัณฑสถานแหงชาตินา น จังหวัดนาน ๑๔ สิงหาคม ๒๕๓๐) กองแกว วีระประจักษ. “ทินนาม : การตัง้ ชือ่ .” ใน เรือ่ งตัง้ เจาพระยาในกรุงรัตนโกสินทร. สมศรี เอีย่ มธรรมและคนอืน่ ๆ, บรรณาธิการ. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๕. ปฏิพฒ ั น พุม พงษแพทย. ภูมหิ ลังเมืองนาน. มปท., ๒๕๔๙. ประจักษ สีหราช. ฮีตฮอยพิธกี าํ๋ เฮือแขง กิง่ อําเภอภูเพียง จังหวัดนาน. รายงานการวิจยั เสนอตอคณะกรรมการวิจัยการศึกษา กรมการศาสนาและการวัฒนธรรม ของกระทรวงศึกษาธิการ, กันยายน ๒๕๔๕. (อัดสําเนา) ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒. กรุงเทพฯ : นานมีบุคสพับลิเคชั่นส, ๒๕๔๖. ราเชนทร กาบคํา และสมชาย จินาเกตุ. ตํานานเรือแขงเมืองนาน. นาน : องคการบริหาร สวนจังหวัดนาน, ๒๕๔๗. ราเชนทร กาบคํา. เรือแขงเมืองนาน มรดกล้าํ คา. นาน : องคการบริหารสวนจังหวัดนาน, ๒๕๔๙. สรัสวดี อองสกุล. พืน้ เมืองนานฉบับวัดพระเกิด. กรุงเทพฯ : อมรินทรพริน้ ติง้ แอนดพบั ลิชชิง่ จํากัด (มหาชน), ๒๕๓๙. สรัสวดี อองสกุล. หลักฐานทางประวัตศิ าสตรลา นนาจากเอกสารคัมภีรใ บลาน และพับหนังสา. เชียงใหม : ภาควิชาประวัติศาสตร คณะมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม, ๒๕๓๔. สิทธิศกั ดิ์ ธงเงิน. เมืองนาน...อดีตทีค่ ณ ุ อาจไมเคยรู. แพร : เมืองแพรการพิมพ, ๒๕๔๘. องคการบริหารสวนจังหวัดแพร. ประวัตศิ าสตรเมืองแพร (ฉบับ พ.ศ. ๒๕๕๐). แพร : เมืองแพรการพิมพ, ๒๕๕๐. อุดม รุง เรืองศรี, ผูร วบรวม. พจนานุกรมลานนา - ไทย. เชียงใหม : ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม, ๒๕๔๗. อุดม รุงเรืองศรี. “เมือง เชียง เวียง แช : แหลงใหญที่อาศัยของคนเมือง.” ใน ลานนาอันอุดม. ทรงศักดิ์ ปรางควัฒนากุล, บรรณาธิการ. เชียงใหม : ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม, ๒๕๔๙.
๓๔
ตนฉบับตัวเขียน
“คําสูขวัญยาหมอนึ่ง.” เอกสารในความครอบครองของพระพนัส ทิพฺพเมธี วัดน้ําลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน. พับสามี ๕ เสนบรรทัด. ๕๖ หนา. อักษรธรรม ลานนา. ภาษาลานนา. ไมทราบปที่คัดลอก. “คํ า สู ข วั ญ ย า หม อ นึ่ ง .” เอกสารในความครอบครองของพระมหาสุ ริ ย นต ธมฺ ม านนฺ โ ท วัดนาหวาย ต. บอแกว อ. นาหมื่น จ. นาน. สมุดฝรั่งมี ๑๓ เสนบรรทัด. ๒๒ หนา. อักษรธรรมลานนา. ภาษาลานนา. ไมทราบปที่คัดลอก. “สูขวัญเรือ (ฉบับคัดลอก).” เอกสารในความครอบครองของนายเติง ปนทา บานหนองเตา ต. มวงตึด๊ อ. ภูเพียง จ. นาน. สมุดฝรัง่ มี ๑๓ เสนบรรทัด. อักษรไทย. ภาษาลานนา. ไมทราบปที่คัดลอก. “สูขวัญเรือ.” เอกสารในความครอบครองของพระพนัส ทิพฺพเมธี วัดน้ําลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน. ใบลานมี ๔ เสนบรรทัด. อักษรธรรมลานนา. ภาษาลานนา. พ.ศ. ๒๔๐๑ (จ. ศ. ๑๒๒๐).
การสัมภาษณ
คมสันต ขันทะสอน. ครู คศ. ๑ โรงเรียนปว. สัมภาษณ, ๒๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๐. ญาณ สองเมืองแกน. ผูเชี่ยวชาญดานศิลปวัฒนธรรมเมืองนาน. สัมภาษณ, ๒๘ กันยายน ๒๕๕๒. ดวงเดือน ธนูสนธิ์. อดีตนักเรียนโรงเรียนจุมปวนิดาภรณ อ. เมือง จ.นาน. สัมภาษณ, ๓ ตุลาคม ๒๕๕๒. พิศาลนันทคุณ. พระครู. เจาอาวาสวัดน้ําลัด ต. นาปง อ. ภูเพียง จ. นาน ที่ปรึกษา เจาคณะตําบลนาปง. สัมภาษณ, ๒๘ กันยายน ๒๕๕๒. เมื อ ง ธงเงิ น . อดี ต ผู ใ หญ บ า นน้ํ า ลั ด ต. นาป ง อ. ภู เ พี ย ง จ. น า น. สั ม ภาษณ , ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒. สําราญ มาลี. รางทรงของเจาหลวงเวียงสา บานบอแกว ต. บอแกว อ.นาหมื่น จ. นาน. สัมภาษณ, ๒๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๑. เหลี่ยม สมฤทธิ์. ชางขุดเรือแขงอาวุโสของเมืองนาน บานมวงตึ๊ด ต. มวงตึ๊ด อ. ภูเพียง จ. นาน. สัมภาษณ, ๕ ตุลาคม ๒๕๕๒.
สื่ออิเล็กทรอนิกส
Chuthatip [นามแฝง]. กําเนิดแมนา้ํ โขง [online]. accessed 29 September 2009. Available from http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=877&sid=1b3bd49045c0ac099 decbfd660476506 Chetawan [นามแฝง]. ประชาชื่น : ตํานาน “แมน้ําโขง” เรื่องเลาในวาระ “อุโมงคผันน้ํา” รัฐบาล “ขี้เหร” [online]. accessed 29 September 2009. Available from http://chetawan.multiply.com/journal/item/29/29 Pungpond [นามแฝง]. ประวัติเรือเสือเฒาทาลอ เรือที่อายุมากที่สุดในจังหวัดนาน [online]. accessed 29 September 2009. Available from http://www.nan2day.com/forum/ index.php?topic=1702.0
คํานิยม หนังสือประวัตเิ รือแขงเมืองนาน จากเอกสาร ตํานาน และเรือ่ งเลาของคุณ ยุทธพร นาคสุข ฉบับนี้ เปนการนําเสนอ ข อ มู ล ที่ เรี ย กได ว า เป น การบู ร ณาการ เรือ่ งราวเกีย่ วกับประวัตเิ รือแขงเมืองนาน ที่ ค รบถ ว นสมบู ร ณ น า ศึ ก ษาฉบั บ หนึ่ ง นับเปนความพยายามอยางสูง กอปรกับมีการเรียบเรียงดวยถอยคําที่อานงาย กระชับ แตคงไวซึ่งภาษาดั้งเดิมไวคอนขางดี สะทอนความรูสึกถึงอดีตเมืองนาน โดยเฉพาะวิถีชีวิตชาวนานในอดีตที่มีความผูกพันกับเรืออยางลึกซึ้ง เปนหนังสือ ที่ผูสนใจเรื่องราวของเรือแขงเมืองนานจะตองอาน และเก็บไวเปนสมบัติสวนตัว ไวอางอิงตอไปได กระผมในฐานะที่อาศัยอยูเมืองนานมาเปนเวลานาน จึงมอง ในทัศนะและในความรูส กึ แบบคนเมืองนานทีจ่ ะขอขอบพระคุณ คุณยุทธพร นาคสุข ดวยใจจริง ที่ทําใหกระผมไดรับความรูใหมๆ พรอมกับความสุขทุกครั้งที่ไดอาน ประวัติที่เกี่ยวของกับเมืองนาน ที่งดงาม ที่มีคุณคาควรแกการสืบทอดและธํารง รักษาไว นายแพทยบุญยงค วงศรักมิตร
ราคา
๓๐
บาท
ภาพหนาปก : ภาพเรือแขงเมืองนานในจิตรกรรมวัดตามอน อ. ลอง จ. แพร ปจจุบนั อยูท ไ่ี รแมฟา หลวง จ. เชียงราย ผูถ า ยภาพ : วินยั ปราบริปู