Bee-book-2-final

Page 1



น้ําผึ้ง

โดย ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม

ไชยวัฒน และภาวนา จันทวรรณกูร วิรัตน และ ดรุณี ลิลิต

ผูใหชีวิต ผูสอน


ชื่อหนังสือ :

น้ําผึ้ง

พิมพครั้งที่ 1 จํานวน สงวนลิขสิทธิ์

กันยายน 2552 500 เลม หามจําหนาย

ISBN จัดพิมพโดย ศูนยบริการชันสูตรโรคผึ้งและผลิตภัณฑผ้งึ แหงภาค เหนือดวยนาโนเทคโนโลยี (BeeP Center) หองปฏิบตั กิ าร SCB 2704 ชั้น 7 อาคาร 40 ป คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัย เชียงใหม http://www.Beeprotection.com E-mail : beep@beeprotection.com คณะผูจัดทํา ผูแตง : ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร ฝายประสานงาน : ประพันธ ไตรยสุทธิ์ ฝายศิลปกรรม : กิติพงษ คงพินิจบรรจง

พิมพที่ : หจก. กลุมธุรกิจแม็กซ (MaxxPRINTINGTM) http://maxx.me info@maxx.me Hotline : 086-6547376 | 053-221097


คํานํา

นาํ ผึง้ นับวาเปนอาหารทีใ่ หความหวานทีเ่ กาทีส่ ดุ ชนิดหนึง่ ของมนุษยนอกจากนี้ น้ําผึ้งเปนอาหารบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่ดีที่สุด ปจจุบันนี้การพัฒนาการเกษตร ของประเทศไทยไดมคี วามกาวหนาไปอยางรวดเร็ว การเลีย้ งผึง้ ไดกลายเปนอาชีพหนึง่ ทีส่ รางรายไดใหแกเกษตรกรเปนจํานวนมาก ผลิตผลหลักจากอุตสาหกรรมการเลีย้ งผึง้ คื อ น้ํ า ผึ้ ง ซึ่ ง เป น สิ่ ง ที่ มี คุ ณ ค า ทางด า นเศรษฐกิ จ ปริ ม าณผึ้ ง ที่ เ ลี้ ย งมี ม ากกว า 200,000 รัง สามารถผลิตน้ําผึ้งไดมากกวา 10,000 ตันตอป และทํารายไดมากกวา 1,000 ล า นบาทต อ ป แหล ง เลี้ ย งผึ้ ง กระจายอยู ทั่ ว ทุ ก ภาคของประเทศโดยที่ ภาคเหนือมีการเลี้ยงมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต น้ําผึ้งเปนผลิตผลของน้ําหวานจากดอกไม และจากแหลงน้ําหวานอื่นๆ ทีผ่ งึ้ งานนํามาเก็บสะสมไว และผานขัน้ ตอนการเปลีย่ นแปลงทางเคมี และทางกายภาพ บางประการแลวสะสมไวในรังผึ้ง น้ําผึ้งมีคุณประโยชนทั้งดานโภชนาการและเภสัช ขาพเจาจึงไดรวบรวมความรูทั่วไปเกี่ยวกับน้ําผึ้ง รวมทั้งงานวิจัยที่ไดศึกษาน้ําผึ้ง ของไทยไวเพื่อใหเปนขอมูลแกผูบริโภคน้ําผึ้ง เกษตรกรผูเลี้ยงผึ้งและผูสนใจ ทั้งนี้ขาพเจาก็ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย ครูบาศรีวิชัย นักบุญแหงลานนา ไดอํานวยพรใหผูอานและครอบครัว จงมีสุขภาพรางกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัย ในโอกาสนีข้ า พเจาขอขอบพระคุณผูส นับสนุน คือโครงการบริการชุมชน ในโครงการ อนุรักษและใชประโยชนความหลากหลายทางชีวภาพ ศูนยวิจัยนาโนเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม และสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ขอขอบคุณรองศาสตราจารย ดร.พาณี ศิรสิ ะอาด ผูใ หความรูเ รือ่ งสูตรสบูน า้ํ ผึง้ แชมพูน้ําผึ้งและยาหมอง ตลอดจนนักศึกษาผูรวมวิจัย นางสาวมนตรา ศรีษะแยม นางสาวชลพินธุ หวานใจ และนักศึกษาที่ชวยประสานงานทุกๆ ทาน ยศศาสสตราจารย ดร.ภาณุวุ รรณ จันทวรรณกูร ผูชวยศาสตราจารย ผูผเู ขีขยี น


สารบัญ คํานํา สารบัญ การเลี้ยงผึ้ง ประวัติการใชน้ําผึ้ง น้ําผึ้งคืออะไร ผึ้งเก็บน้ําผึ้งไวที่ไหน แหลงน้ําผึ้งในประเทศไทย น้ําผึ้งชนิดไหนดี น้ําผึ้งประกอบดวยอะไรบาง คุณสมบัติทางกายภาพ คุณสมบัติทางเคมี คุณภาพและความปลอดภัยของน้ําผึ้งไทย ตําหรับอาหาร เอกสารอางอิง

5 6 7 8 8 9 9 10 10 17 23 32


การเลี้ยงผึ้ง เมื่อหลายพันป มนุษยไดรูจักใชประโยชนจากผึ้ง โดยตีผ้ึงเพื่อเอาน้ําผึ้ง และไขผึ้ ง ดั ง เช น ได พ บหลั ก ฐานที่ มี อ ายุ เ ก า แก ท่ี สุ ด เป น ภาพฝาผนั ง หิ น ในประเทศสเปน นอกจากนี้ไดพบภาพฝาผนังหินทางตอนกลางของประเทศ อิ น เดี ย เป น ภาพมนุ ษ ย เ ก็ บ น้ํ า ผึ้ ง จากรั ง ผึ้ ง หลวง และจากภาพฝาผนั ง ใน ประเทศอียปิ ต ทีเ่ กีย่ วกับการเลีย้ งผึง้ ในหมอดิน ซึง่ เปนหลักฐานยืนยันวามนุษยทว่ั โลกเกีย่ วของกับผึง้ มานานนับพันปแลว น้าํ ผึง้ นัน้ มนุษยเชือ่ วานอกจากจะใช เปนอาหารและสารใหความหวานแลวน้าํ ผึง้ ยังใชเปนยารักษาโรคไดดว ย น้าํ ผึง้ จึงกลายเปนของมีคา มีราคา และเปนสินคาทีม่ ี การซือ้ ขายกันจนทุกวันนี้ สําหรับการเลี้ยงผึ้งในประเทศไทยนั้น เริ่มนํารังผึ้งพันธุเขามาศึกษาทดลอง เลีย้ งโดยหลวงสมานนวกิจ ประมาณป พ.ศ. 2495 แตมกี ารรุกรานจากไรศัตรูผง้ึ ที่ เขามาทําลายรังผึง้ พันธุ ตอมาไดมกี ารศึกษาการปองกันกําจัดไรจึงทําใหการเลีย้ งผึง้ ประสบความสําเร็จและไดรบั ความนิยมเปนอยางมาก โดยเฉพาะทางภาคเหนือของ ประเทศไทย เชน จังหวัดเชียงใหม ลําพูน ซึง่ มีการเก็บน้าํ ผึง้ จากดอกลําไยเปนหลัก ในประเทศไทยมีดอกไมหลายชนิดทีอ่ อกดอกตามฤดูกาล จึงนิยมยายรังผึง้ เพือ่ เก็บน้าํ หวานตามแหลงตางๆ ซึง่ แหลงอาหารของผึง้ ไดแก สาบเสือ นุน ลิน้ จี่ เงาะ ลําไย ยางพารา ทานตะวัน ไมยราบยักษ หรือแมแตวชั พืชทัว่ ไป ทีข่ น้ึ ในแตละทองถิน่

5

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


ประวัติการใช้

น้ําผึ้ง

ในสมั ย โบราณ น้ํา ผึ้ง ถื อ เป น สาร ธรรมชาติท่ใี หความหวานและเปนอาหาร ของมนุษย ในสมัยพระพุทธกาลไดมีการ บั น ทึ ก ว า นางสุ ช าดาผูเ ลื่อ มใสในพุ ท ธ ศาสนา ไดปรุงขาวมธุปายาส (ขาวอันเกิด จากน้ําผึ้ง) ถวายแกพระพุทธเจาซึ่งก็มีนํา้ ผึ้งเปนสวนประกอบในการปรุงขาวทิพยน้ี ในประเทศไทยที่ วั ด ป า เลไลย จั ง หวั ด สุพรรณบุรี เราก็จะพบเห็นภาพผนังเปนลิง ถวายรั ง ผึ้ง แก พ ระพุ ท ธเจ า ตอนที่เ สด็ จ ประทับในปาเลไลย จนมาเปนสัญลักษณ ของพระพุทธรูปประจําวันเกิดวันพุธกลางคืน รูปปนลิงถวายน้ําผึ้งแกพระพุทธเจา พระพุทธรูปประจําวันเกิดวันพุธกลางคืน อี ก ทั้ง ยั ง ปรากฏในวรรณคดี เ รื่อ ง ที่วัดเจ็ดยอด อ.เมือง จ.เชียงใหม รามเกียรติข์ องศาสนาพราหมณ พรานขุนขัน ไดถวายน้าํ ผึง้ แกพระราม พระลักษณและนางสีดาในขณะทีเ่ ดินปาขามแมนาํ้ โคธาวารี สวนในคริสตศาสนา ก็ไดมีการบันทึก การใชน้ําผึ้งเปนอาหาร เชน Old Testament, Proverb 24:13 ‘King Solomon กลาววา Eat honey my son, because it is good’ ตั้งแตอดีตถึงปจจุบัน นอกจากจะใชน้ําผึ้งจะใชเปนอาหารแลว ยังนํามาใช เปนยา เชนใชในการปายแผล หรือรักษาแผลบางชนิด ซึ่งไดมีการรวบรวมเปน หนังสือ และเผยแพรทางอินเตอรเน็ต ในโลกปจจุบันมีการผลิตน้ําผึ้งประมาณ 1.2 ลานตันตอป ถาเปรียบเทียบ กับการผลิตน้ําตาลแลวยังถือวานอยมากเพราะคิดเปนเพียง หนึ่งเปอรเซ็นต ของการผลิ ต น้ํ า ตาลทั้ ง หมด แต ท ว า ยั ง ไม มี น้ํ า ตาลชนิ ด ใดที่ ค นผลิ ต ขึ้ น มสรรพคุ มี ส รรพคุ ณ ทสงเสร ที่ ส ง เสริ ม บํ า รุ ง ร า งกายได เ ท า กั บ น้ํ า ผึ้ ง ความนิ ย มในการบริ โ ภค 6

น้ําผึ้ง


น้ําผึ้งในแตละประเทศก็มีความแตกตางกัน เชนในประเทศจีนและอารเจนตินา ซึ่งถือวาเปนประเทศที่สงออกน้ําผึ้งมากแตมีการบริโภคภายในประเทศเพียง 100 ถึง 200 กรัมตอคน สวนในประเทศยุโรป เชน ในกลุมประเทศเยอรมนี ออสเตรีย สวิสเซอรแลนด โปรตุเกต ฮังการี และกรีซ มีการบริโภคน้ําผึ้งสูงถึง 1-2 กิโลกรัมตอคน

น้ําผึ้งคืออะไร

น้ํ า ผึ้ ง เป น ของเหลวรสหวานซึ่ ง ผึ้ ง ผลิ ต ขึ้ น จากน้ํ า หวานของดอกไม แลวสะสมไวในรังผึ้ง ผึ้งจะบมน้ําหวานโดยผสมเอนไซมลงไปและไลความชื้น ออก โดยผึ้งงานจะกระพือปกใหอากาศจากภายนอกหมุนเวียนถายเทเขาไปใน รังผึ้ง ดึงความชื้นออกจากน้ําหวานในหลอดรวงตางๆ ทําใหน้ําหวานกลายเปน น้ําผึ้งในที่สุดซึ่งน้ําผึ้งที่ไดรับการบมไดที่แลวจะมีปริมาณน้ําเหลืออยูประมาณ ร อ ยละ 20 หรื อ อาจน อ ยกว า ซึ่ ง จะเป น น้ํ า ผึ้ ง ที่ มี คุ ณ ภาพดี มี ค วามเข ม ข น และได ม าตรฐาน สามารถเก็ บ รั ก ษาได น านโดยไม บู ด และไม เ กิ ด ฟองจนมี กลิ่นเหม็นเปรี้ยว

ผึ้งเก็บน้ําผึ้งไว้ที่ไหน ผึ้งเก็บน้ําผึ้งไวในหลอดรวง ลักษณะของการปดฝาหลอดรวงน้ําผึ้งกับการ ปดฝาหลอดรวงตัวออนกอนเริ่มเขาระยะดักแดนั้นแตกตางกันอยางเห็นไดชัด ลวบรรจุ โดยที่ฝาปดหลอดรวงน้ําผึ้งมีความบุมลงเล็กนอย มองเห็นว นวามีของเหลวบรรจุ จากขอบหลอดรวง รว อยูภายใน สวนฝาปดหลอดรวงตัวออนนูนโผลขึ้นมาจากขอบหลอ มาจากขอบหลอดรวง 7

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


แหล่งน้ําผึ้งในประเทศไทย ในไทยจะมี เ กษตรกรผู เ ลี้ ย งผึ้ ง ทุ ก ภาคของประเทศ จะมี จํ า นวนมากที่ ภาคเหนือ น้ําผึ้งที่มีจะแบงตามชนิดตามแหลงน้ําหวาน 1. น้ําผึ้งลําไย ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน กุมภาพันธ – เมษายน 2. น้ําผึ้งลิ้นจี่ ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน มกราคม - มีนาคม 3. น้ําผึ้งเงาะ ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน มกราคม - กุมภาพันธ 4. น้ําผึ้งนุน ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน ธันวาคม- มกราคม 5. น้ําผึ้งมะพราว ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน ตลอดป 6. น้ําผึ้งทานตะวัน ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน พฤศจิกายน - ธันวาคม พฤศจิกายน - ธันวาคม 7. น้ําผึ้งสาบเสือ ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน 8. น้ําผึ้งยางพารา ฤดูกาลเก็บน้ําหวาน มีนาคม - เมษายน 9. น้ําผึ้งปา ไดจากการตีผึ้งตามรังธรรมชาติ เชน ผึ้งหลวง หรือ อาจจะเปนน้ําผึ้งที่ไดจากผึ้งเลี้ยงที่เก็บสะสมนําหวานจากดอกไมนานาพันธุ เชน ผึ้งโพรง และผึ้งพันธุ

ก.น้ําผึ้งงา ข.น้ําผึ้งลิ้นจี่ ค.น้ําผึ้งทานตะวัน ง.น้ําผึ้งยางพารา จ.น้ําผึ้งปา ฉ.น้ําผึ้งลําไย

น้ําผึ้งชนิดไหนดี

ปญหาที่วาน้ําผึ้งจากผึ้งชนิดไหนดี สวนใหญคิดวาน้ําผึ้งปาจากผึ้งหลวงเปน น้ําผึ้งที่มีคุณภาพดีที่สุด แตจากผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตรกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา และสถาบันผึง้ มหาวิทยาลัยคอรแนลล นักวิทยาศาสตรไดทาํ การเก็บ ตวอยางนาผงทวโลก ตัวอยางน้าํ ผึง้ ทัว่ โลกจากผึง้ ทัง้ 4 ชนิดของโลก และในกลุม ตัวอยางน้าํ ทีผ่ งึ้ วิเคราะหนี้ 8

น้ําผึ้ง


มีตัวอยางน้ําผึ้งจากผึ้งมิ้ม ผึ้งโพรง ผึ้งหลวง จากแหลงตาง ๆ ของประเทศไทย ดวย ผลการวิเคราะหทางเคมี พบวา คุณคาทางอาหารของน้าํ ผึง้ จากผึง้ ชนิดตางๆ ไมแตกตางกันจนสามารถแยกไดวา ผึง้ ชนิดไหนจะมีนา้ํ ผึง้ ทีม่ คี ณ ุ ภาพดีกวาผึง้ ชนิด ไหน โดยทั่วๆ ไปแลว ผึ้งชนิดตางๆ ใหน้ําผึ้งที่มีคุณสมบัติคลายคลึงกันทั้งในดาน องคประกอบทางเคมี และคุ​ุณคาทางอาหาร

น้ําผึ่งจากผึ้งมิ้ม

น้ําผึ่งจากผึ้งโพรง

น้ําผึ้งประกอบด้วยอะไรบ้าง น้าํ ผึง้ ประกอบดวยคารโบไฮเดรต ประมาณ 95 เปอร เ ซ็ น ต ข องน้ํ า หนัก นอกจากนี้ยังประกอบดวยสาร อินทรีย โปรตีน กรดอะมิโน (สารทีเ่ ปน ส ว นประกอบของโปรตี น ) เกลื อ แร โพลีฟนอล วิตามินและสารประกอบ อะโรมาติกส (ดังแสดงในตาราง) อยางไร ก็ดสี ว นประกอบทางเคมีตา งๆ จะมีมาก หรื อ น อ ยก็ ข้ึน อยูกับ ชนิ ด หรื อ แหล ง น้าํ หวานของน้าํ ผึง้

องคประกอบของน้ําผึ้ง องคประกอบของน้าํ ผึง้

รัอยละ

น้ํา ฟรุกโทส กลูโคส ซูโครส น้ําตาลอื่นๆ กรดรวม เกลือแร ไนโตรเจน สารที่ไมทราบชนิด

17.20 38.91 31.29 1.31 8.8 0.57 0.16 0.041 2.43 2. .43

ทีม่ า : พงศ พงศเทพ, 2534

9

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


คุณสมบัติทางกายภาพ

น้าํ ผึง้ จะมีความหนาแนนประมาณ 1.36 กิโลกรัมตอลิตร ซึง่ มีความหนาแนน กวาน้ําประมาณ 36 เปอรเซ็นต

คุณสมบัติทางเคมี

คารโบไฮเดรท น้ําตาลที่พบในน้ําผึ้งสวนใหญเปนน้ําตาลโมเลกุลเดี่ยว คือ ฟรุกโตส และ กลูโคส นอกจากนี้ยังมีน้ําตาลชนิดอื่นๆ เกือบ 25 ชนิด ที่พบเชน ซูโครส มอล โตส เทรฮาโลส ทูราโนส ซึง่ น้าํ ตาลฟรุกโตสและกลูโคสเปนน้าํ ตาลทีร่ า งกายของคน นําไปใชไดงาย โดยจะผานกระแสเลือด และใชเปนพลังงานไดทันที โดยน้ําผึ้ง 100 กรัม จะใหพลังงานโดยประมาณ 300 แคลอรี่ โปรตีน กรดอะมิโน และ เอนไซม น้ําผึ้งประกอบดวยโปรตีนประมาณ 0.5 เปอรเซ็นต ซึ่งเปนเอนไซมและ กรดอะมิโน เอนไซมที่พบในน้ําผึ้งคือเอนไซมไดเอสเตส หรือ อะไมเลสจะทํา หนาที่ยอยแปงหรือไกลโคเจน เปนน้ําตาลหนวยเล็กๆ และเอนไซมอินเวอรเทส ซึ่งจะยอยซูโครสใหเปนน้ําตาลโมเลกุลเดี่ยวคือฟรุกโตสและกลูโคส นอกจากนี้ ยังมีเอนไซม กลูโคสออกซิเดส ซึ่งจะผลิตสารไฮโดรเจนเปอรออกไซด และผลิต กรดกลูโคนิคจากกลูโคส สารนีเ้ ปนสารทีเ่ พิม่ คุณสมบัตขิ องน้าํ ผึง้ ใหสามารถมีฤทธิ์ ทําลายเชื้อจุลินทรียได วิตามิน เกลือแร และสารประกอบอื่นๆ น้าํ ผึง้ ประกอบดวยวิตามินและเกลือแร หลายชนิดไดแก โครเมียม แมงกานีส เซเลเนียม ซึ่งเปนประโยชนโดยเฉพาะเด็กในชวงอายุ 1 – 15 ป นอกจากนี้ ยังมีพวกซัลเฟอร โบรอน โคบอลต ฟลูออไรด ไอโอไดด โมลิบดีนัม และซิลิคอน น้ําผึ้งแตละชนิดจะมีปริมาณของวิตามินและเกลือแรที่แตกตางกัน นอกจากนี้ น้ําผึ้งยังประกอบไปดวย โคลินและอะซิติลโคลิน ซึ่งเปนประโยชนตอการทํางาน ของสมองและเซลลประสาทดวย 10

น้ําผึ้ง


กลิ่น รส และสารโพลีฟนอล น้าํ ผึง้ แตละชนิดจะมีความหวาน รสชาด ทีแ่ ตกตางกันไปตามแหลงน้าํ หวาน ดั ง นั้ น กลิ่ น รสสามารถใช บ ง ชนิ ด ของน้ํ า ผึ้ ง ได โ ดยผู ชํ า นาญและน้ํ า ผึ้ ง จะมี ปริมาณของสารโพลีฟนอลที่แตกตางกันดวย สารโพลีฟนอลสวนใหญจะเปน สารฟลาโวนอยด ที่มีคุณสมบัติเปนสารตานอนุมูลอิสระ น้ําผึ้งที่เก็บเกี่ยวไดใน ประเทศไทย อาจจะมีองคประกอบแตกตางกันไปขึ้นอยูกับชนิดและภูมิประเทศ น้ําผึ้งในประเทศไทยมักมีความชื้นสูงกวามาตรฐาน เนื่องจากความตองการของ ตลาดในแถบเอเซีย ชอบบริโภคน้ําผึ้งเหลว เพราะไดกลิ่นเกสรดอกไมมากกวา น้ําผึ้งที่ขนหรือสุก (Ripe Honey) เนื่องจากผึ้งระเหยความชื้นในน้ําผึ้งออกไปมาก ทําใหกลิ่นของเกสรดอกไมระเหยออกไปดวย โดยเฉพาะน้ําผึ้งลําไยที่ผูรับซื้อ สวนใหญจะสั่งซื้อน้ําผึ้งที่มีความชื้นสูง ส ว นประกอบของน้ํ า ผึ้ ง นอกจากจะมี คุ ณ สมบั ติ ท างโภชนาการแล ว ยังมีสรรพคุณทางยาอีกดวย พระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระภิกษุสงฆฉันน้ําผึ้งไดนอกเวลา เพราะถือวา เปนยา น้ําผึ้งสามารถรักษาโรคทางกายไดและยังชวยระงับประสาท ระงับอาการ หงุดหงิด แมแตโรคเบาหวานที่ปริมาณน้ําตาลเปนตนเหตุสําคัญของการเกิด โรค หลวงบุเรศบํารุงการไดเคยแนะนําใหผูปวยโรคเบาหวาน รับประทานน้ําผึ้ง และตนคื่นชาย โดยตําคื่นชายใหละเอียด คั้นเอาแตน้ําผสมน้ําผึ้ง หรือจะลวก ตนคื่นชายพอสุกผสมกับน้ําผึ้งรับประทาน น้ําผึ้งยังเปนยาแกไอขนานดั้งเดิม โดยนําน้าํ มะนาวสด ผสมคนใหเขากัน หรือจะใชนา้ํ แอปเปลไซเดอรวนิ กิ ารแทนน้าํ มะนาว ใชรับประทาน 1 ชอนชาเมื่อมีอาการไอหรือรับประทานกอนนอน น้ําผึ้งจัดเปนยาวิเศษใชไดทั้งภายนอกและภายในเชน เปนยารักษาแผลสด แผลเนาเปอ ยเรือ้ รัง แผลทีถ่ กู ไฟไหมนา้ํ รอนลวก น้าํ ผึง้ ยังชวยระงับอาการปวดแสบ ปวดรอนและแผลพุพองได น้าํ ผึง้ ยังสามารถใชทาหนา ทําใหผวิ ชุม ชืน้ รักษาสิวฝา น้ําผึ้งยังใชเปนยากิน มีทั้งยาแผนโบราณ และแผนปจจุบันนิยมใชน้ําผึ้งเปน สวนผสมของยากิน เชน ยาแกไอ ยาขับพยาธิ และยาบํารุงรางกาย น้ําผึ้งกับโรคเบาหวาน 11

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


ผูปวยโรคเบาหวานคือ ผูที่ตับออนทํางานผิดปกติ ไมสามารถสรางสาร อินซูลินได หรือสรางไดในปริมาณที่ไมเพียงพอในการนําน้ําตาลกลูโคสเขาสูเซลล สงผลใหปริมาณกลูโคสในกระแสเลือดมากกวาปกติ แตอยางไรก็ตามคนทีเ่ ปนเบา หวานก็ยังคงตองการพลังงาน ซึ่งน้ําตาลฟลุกโตสในน้ําผึ้งสามารถทดแทนน้ําตาล กลูโคสไดเปนอยางดี เพราะไมตอ งอาศัยอินซูลนิ เปนตัวกลางในการนําน้าํ ตาลเขาสู เซลล นอกจากนั้น ในน้ําผึ้งยังมีกรดกลูโคนิคซึ่งชวยใหตับทําลายสารพิษตกคาง ในตับได ดังนั้นถาผูปวยโรคเบาหวานบริโภคน้ําผึ้งแทขนาดไมเกิน 3 ชอนโตะ ตอวัน (ประมาณ 180 แคลอรี่) แลวลดแปงหรือน้ําตาล 10% จากอาหาร และเครื่องดื่มที่บริโภคในแตละวัน ก็สามารถรับประทานน้ําผึ้งได ซึ่งมีประโยชน ตอรางกายและชวยปรับสมดุล น้ําผึ้งกับโรคตับ น้ําผึ้งมีวิตามินบีรวม และแรธาตุที่จําเปนสําหรับตับ อีกทั้งชวยใหตับสราง เอนไซมไดถึง 200 ชนิด และที่สําคัญที่สุดคือ ในน้ําผึ้งมี “กรดกลูโคนิค” ที่มี ประโยชนและทําลายพิษในตับ ดังนัน้ น้าํ ผึง้ จึงมีประโยชนอยางยิง่ โดยเฉพาะผูท มี่ ี อาการเสีย่ งตอโรคตับแข็งและตับอักเสบหรือผูท รี่ บั ประทานยาปฏิชวี นะปริมาณมาก น้ําผึ้งใชเปนยาแกกลามเนื้อเปนตะคริว กลามเนื้อกระตุกและเหน็บชา เมื่อรางกายขาดแคลเซียม เราก็จะเปนตะคริว กลามเนื้อกระตุก เพราะ กล า มเนื้ อ ไม ส ามารถเปลี่ ย นกรดแลคติ ค มาเป น พลั ง งานได อาการเหล า นี้ น้ําผึ้งชวยบรรเทาได เพราะในน้ําผึ้งมีแรธาตุโซเดียม ซึ่งเปนองคประกอบอยูใน ของเหลวภายนอกเซลลและมีโพแตสเซียมซึ่งพบอยูภายในเซลล ซึ่งทั้งสองสวน มีความสําคัญอยางยิง่ ตอสมดุลของความดันน้าํ ตลอดจนระบบสมองและประสาท นอกจากนี้วิตามินบีรวมในน้ําผึ้งยังมีบทบาทสําคัญหลายอยาง เชน ชวยในการ ทํางานของกลามเนื้อ และชวยใหกลามเนื้อยืดหยุนอีกดวย น้ําผึ้งชวยยอยอาหาร น้ําผึ้งสามารถชวยลดอาการทองอืดทองเฟอ อาหารไมยอยเพราะในน้ําผึ้ง มีเอนไซมที่สําคัญ คือ ไดแอสเตส หรือ อะไมเลส ที่ทําหนาที่เปลี่ยนโมเลกุลของ แปงใหมขี นาดโมเลกุลเล็กลงทําใหรา งกายสามารถดูดซึมไดดขี นึ้ อีกทัง้ ในน้าํ ผึง้ ยัง มีเอนไซมโปรตีเนสและฟอสฟาเตส ซึ่งมีสวนชวยเสริมน้ํายอยในรางกาย ทําให 12

น้ําผึ้ง


ระบบยอยอาหารทํางานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น น้ําผึ้งชวยแกนอนไมหลับ ชงน้ําผึ้งผสมน้ําอุนหรือชาดอกไม เชน ชาดอกคาโมมายล ดื่มกอนนอน จะชวยใหหลับสบายขึ้น น้ําผึ้งชวยสําหรับผิวหนาสดใสและผมเงางาม ผูที่มีปญหาสิวเสี้ยนหรือตองการบํารุงผิวหนาใหดูออนเยาว มีวิธีงายๆ ดังนี้ หลังจากลางหนาดวยน้าํ อุน และเช็ดใหแหงแลวนํากลวยหอมครึง่ ลูก มาบดผสมกับ น้ําผึ้งไมผานความรอน แลวนํามาทาบนหนา ทิ้งไวซัก 10-15 นาที แลวลางออก น้ําผึ้งไมผานความรอนจะทําใหผิวหนาชุมชื่นและนุมนวลขึ้น หลังสระผมเสร็จนําน้าํ ผึง้ ไมผา นความรอนผสมกับน้าํ มะกอกอยางละ 3 ชอน โตะ นํามาชโลมผมแลวทิ้งไว 3-5 นาที จึงลางออกดวยน้ําสะอาด ผมจะนิ่มและ เงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใดๆ คุณสมบัติตานเชื้อโรคของน้ําผึ้ง น้ําผึ้งสามารถยับยั้งเชื้อจุลินทรียไดหลายชนิด ในงานวิจัยไดใชน้ําผึ้งระดับ ความเขมขน 6%-22% ยับยัง้ เชือ้ แบคทีเรียกอโรคหลายชนิด เชน เชือ้ กอสิว ฝหนอง โรคผิวหนัง โรคทางเดินอาหาร และระบบทางเดินหายใจ ประสิทธิภาพของการตาน เชือ้ แบคทีเรียขึน้ อยูก บั ชนิดของน้าํ ผึง้ น้าํ ผึง้ จึงมีฤทธิช์ ว ยสมานแผล ลดการติดเชือ้ บางตําราใชน้ําผึ้งรักษาโรคผิวหนังจากเชื้อราโดยใชผงขมิ้นผสมน้ําผึ้งทาบริเวณ กลากเกลื้อน วันละ 2 ครั้ง น้ําผึ้งมีสารตานอนุมูลอิสระ ตานโรคไดอยางไร ในปจจุบันเปนที่ยอมรับทั่วไปในวงการแพทยวา การเกิดโรคหลายชนิด เชน โรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือ โรคมะเร็งซึ่งมีความเกี่ยวของสัมพันธกับ การเกิดอนุมูลอิสระในรางกาย ดังนั้น การทําลายหรือการควบคุมอนุมูลอิสระ ดังกลาว จะชวยในการปองกัน หรือรักษาโรคตางๆ ที่เกิดขึ้น จากการศึกษาทาง ระบาดวิทยาจํานวนมากยืนยันถึงการลดอัตราเสีย่ งและเพิม่ อัตราการปองกันการ เกิดโรคมะเร็ง โรคเกีย่ วกับหลอดเลือดและหัวใจ รวมถึงโรคอืน่ ๆ ทีม่ ความสั คี วามสัมพันธ นธ กับอนุมลู อิสระ สารประกอบในกลุม โพลีฟฟน อลิก เปนสารทีทีม่ บี ทบาท ทบาทสํ ทบ บาทสํ ทสําคัญในการ ใน 13

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


ตานอนุมูลอิสระ การศึกษาถึงการสงเสริมสุขภาพจากการบริโภคน้ําผึ้ง พบวา มีการเพิม่ ขึน้ ของประสิทธิภาพการตานอนุมลู อิสระ หลังจากกินน้าํ ผึง้ น้าํ ผึง้ ไทยมี คุณสมบัติตานอนุมูลอิสระดีเพราะมีสารประกอบพวกฟนอลลิก โดยไดขอมูลจาก การศึกษาวิจัยพบวาน้ําผึ้งไทยหลายชนิดดวยกัน คือ น้ําผึ้งลําไย น้ําผึ้งสาบเสือ น้ําผึ้งงา น้ําผึ้งยางพารา น้ําผึ้งเงาะ น้ําผึ้งทานตะวัน น้ําผึ้งลิ้นจี่ น้ําผึ้งดอกไมปา และน้ํ า ผึ้ ง นุ น มี ค วามสามารถในการเป น สารต า นอนุ มู ล อิ ส ระอยู ใ นช ว งค า IC50 เทากับ 3.15-29.94 มิลลิกรัมตอมิลลิลิตร สวนใหญพบวาน้ําผึ้งสีเขมมี ความสามารถในการตานอนุมูลอิสระมากกวาสีออน น้ําผึ้งไทยมีความนาสนใจในการตานเชื้อแบคทีเรียและอนุมูลอิสระที่ดี ทั้งนี้ น้ําผึ้งยังมีคุณคาและคุณประโยชนมากมาย อีกทั้งยังมีราคาถูกและปลอดภัยตอ รางกาย และยังสงเสริมสุขภาพ ดวยสารอาหาร วิตามิน และ องคประกอบอื่นที่มี ประโยชนที่มีความสามารถในการตานอนุมูลอิสระ เชน สารในกลุมฟนอลลิก ดัง นั้นจากขอมูลที่ไดแสดงใหเห็นวาน้ําผึ้งไทยเปนน้ําผึ้งที่มีคุณคา และ สามารถนํา ไปประยุกตใชประโยชนไดอยางหลากหลาย เชน อาหาร เครื่องสําอาง ยา หรือ ผลิตภัณฑทางการแพทย น้ําผึ้งที่มีคุณภาพดีมีลักษณะอยางไร น้ําผึ้งจะมีลักษณะขนและหนืดพอสมควร มีสีเหลืองออนถึงสีน้ําตาล ใส จะมีกลิ่นหอมตามแหลงดอกไม น้ําผึ้งที่ดีควรปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัว ผึ้งปะปน ไมมีกลิ่นรสเปรี้ยว ไมมีการใสสารปรุงแตง สี กลิ่น รส ใดๆ ไมมีการ ปนเปอนของสารปฏิชีวนะ ยาฆาแมลงและไร ไมมีจุลินทรียที่กอโรค การทีน่ า้ํ ผึง้ มีฟองอากาศอยูม ากและมีลกั ษณะเหลว ถาเปดภาชนะดมมีกลิน่ บูดเปรีย้ ว แสดงวาน้าํ ผึง้ นัน้ บูดแลว โดยเชือ้ ยีสตทาํ ปฏิกริ ยิ าเปลีย่ นน้าํ ผึง้ บางสวน ไปเปนแอลกอฮอล เห็นไดชดั จากฟองอากาศทีม่ อี ยูม ากบริเวณผิวของน้าํ ผึง้ ซึง่ เกิด ปฏิกริ ยิ าของการหมักของยีสตนนั้ เอง น้าํ ผึง้ ทีด่ คี วรมีรสหวานหอม ไมขมเฝอ น ไมมี รสหรือกลิน่ ไหมทแี่ สดงวาน้าํ ผึง้ นัน้ ไดรบั ความรอนสูงเกินไปในขบวนการเก็บหรือ บรรจุ ในบางครั้ง น้ําผึ้งที่ดีแตถูกเก็บนานในที่เย็น หรือน้ําผึ้งจากดอกไมบางชนิด อาจตกผลึกเปนตะกอนนอนกนอยู ก็อยาเขาใจผิดวาน้าํ ผึง้ นัน้ เสีย ซึง่ สามารถแกไข ให ใหกลบคนสภาพเดม กลับคืนสภาพเดิมไดงาย โดยนําภาชนะที่บรรจุน้ําผึ้งที่ตกผลึกนั้นไปแชในอาง 14

น้ําผึ้ง


น้ําอุน ผลึกน้ําผึ้งก็จะละลาย แตผูบริโภคบางรายนิยมรับประทานน้ําผึ้งที่ตกผลึก เพราะมีรสชาดที่แตกตางออกไป และงายตอการรับประทานดวย ไมคอยจะหก หรือหยดเรี่ยราดจนถึงกับมีบางบริษัทผลิตน้ําผึ้งในรูปของน้ําผึ้งครีมหรือน้ําผึ้งที่ ตกผลึกแลวจําหนาย หลักเกณฑในการพิจารณาจําแนกน้ําผึ้งแทและไมแท การทดสอบวาเปนน้ําผึ้งแทหรือไมนั้น ตองใชเครื่องมือทางวิทยาศาสตร ตรวจสอบปริมาณซูโครสและสารอาหารตางๆ ที่มีอยูในน้ําผึ้งตามองคประกอบ ตางๆ เนื่องจากการพิจารณาคุณสมบัติของน้ําผึ้งแทหรือไม จําเปนตองพิจารณา ประกอบกันหลายอยาง จึงนับวาเปนการยากสําหรับผูบ ริโภคจะวินจิ ฉัยดวยตนเอง นอกจากจะเปนผูชํานาญเรื่องน้ําผึ้งโดยเฉพาะ อยางไรก็ตามอาจสังเกตเบื้องตน คือตองมีกลิน่ หอมของเกสรดอกไมทรี่ ะบุไวบนฉลากขางขวดน้าํ ผึง้ เชน น้าํ ผึง้ ลําไย ก็ควรมีกลิ่นดอกลําไย และพิจารณาคุณสมบัติที่มองเห็นไดเชน - มีความเขมขน คือมีความหนืด แมในอากาศรอนหรือทีอ่ ณ ุ หภูมหิ อ ง ถือวา เปนน้ําผึ้งที่สุก ผานกระบวนการบมจากผึ้งมาอยางดี - มีสตี ามธรรมชาติ ถาน้าํ ผึง้ มีสเี ขมมากจนดํา แสดงวาเปนน้าํ ผึง้ ทีเ่ ก็บมานาน แลว บางปบางฤดูกาลมีน้ําผึ้งสีคอนขางเขม ซึ่งผันแปร น้ําผึ้งที่เก็บไวนานมักจะมี คุณคาทางอาหารลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นควรดู วัน เดือน ป ที่บรรจุขวด ไมแยกชั้น ตองอยูเปนเนื้อเดียวกัน และสะอาดไมมีสิ่งเจือปน ถามีแสดงวากรรมวิธีการเก็บ เกีย่ วไมดี อาจใชอปุ กรณการสลัดและบรรจุนา้ํ ผึง้ ไมเหมาะสม หรืออาจใชวธิ สี งั เกต ฉลากดูบริษทั ทีผ่ ลิตวามีความนาเชือ่ ถือขนาดไหน เครือ่ งหมายรับรองคุณภาพจาก กระทรวงอุตสาหกรรมหรือไมเปนตน การเก็บรักษาน้ําผึ้ง น้าํ ผึง้ แทเปนอาหารทีส่ ามารถเก็บไวเปนปๆ โดยไมเปลีย่ นแปลง สามารถเก็บ ไวในอุณหภูมหิ อ ง หรืออาจจะเก็บไวในทีอ่ ณ ุ หภูมติ า่ํ หรือในตูเ ย็น เพราะประเทศ เรามีอากาศรอน ทิ้งไวนานๆ น้ําผึ้งบางชนิดอาจเปลี่ยนสีและทําใหคุณภาพลด ลงไดบาง การเก็บน้ําผึ้งไวในตูเย็น โดยปกติน้ําผึ้งทั่วไปไมคอยตกผลึ ยตตกผลึลกเพราะม กเพราะมี น้าํ ตาลฟรุกโทสมากกวาน้าํ ตาลกลูโคสอยูแ ลว การตกผลึ ก รตกผลึกของน้าํ ผึผง้ึ อาจจะตกผลึ อ จะตกผลกก 15

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


เปนบางสวน น้ําผึ้งที่ตกผลึกไมใชน้ําผึ้งเสียหรือบูดแตอยางใด เพียงแตน้ําผึ้งได เปลีย่ นสถานะไปเทานัน้ วิธแี กนา้ํ ผึง้ ใหเปนของเหลวทําไดโดยการแชในอางน้าํ อุน ที่อุณหภูมิในน้ําผึ้งไมเกิน 60 องศาเซลเซียส ใชเวลาประมาณ 5 นาที ผลึกก็จะ ละลายหมด แลวเทใสขวดปากกวางที่สามารถนําชอนลงไปตักได

คุณภาพและความปลอดภัยของ

น้ําผึ้งไทย

ความปลอดภัยของน้ําผึ้ง ในปจจุบัน ผูบริโภคเริ่มคํานึงถึงความปลอดภัยคุณคาทางโภชนาการของ อาหารมากขึ้นและใหความสนใจในการนําน้ําผึ้งเปนวัตถุดิบในการปรุงอาหาร แทนที่สารใหความหวานที่ไดจากการสังเคราะหหรือสกัดจากพืชอื่นๆ ทําให อุตสาหกรรมน้ําผึ้งเจริญเติบโตและสรางรายไดใหแกเกษตรกรผูเลี้ยงผึ้งอยาง มากมาย อีกทั้งปริมาณการซื้อขายน้ําผึ้งในตลาดโลกมีแนวโนมเพิ่มขึ้นทุกๆ ป ตลอดจนถึงการสรางเปนอุตสาหกรรมการผลิตน้าํ ผึง้ และผลิตภัณฑจากผึง้ ในอดีต ผึ้งเปนแมลงชวยผสมเกสรที่อยูตามธรรมชาติ แตตอมาไดมีการพัฒนาพันธุผึ้งให เหมาะสมกับการเลี้ยง แลวนําผึ้งมาอยูรวมกัน เพื่อใหไดมาซึ่งน้ําผึ้งในปริมาณ มากๆ จากการศึกษาคุณภาพและความปลอดภัยของน้ําผึ้งไทย ผลการวิเคราะห คุณภาพของน้าํ ผึง้ ทีไ่ ดจากการสุม เก็บจากแหลงตางๆ และน้าํ ผึง้ ของดอกไมแตละ ชนิด สรุปผลไดดังนี้ ความชื้น (Moisture content) การวิเคราะหปริมาณความชื้น เปนการตรวจสอบคุณภาพการคงสภาพ และ การลดโอกาสการเกิดการหมักของน้าํ ผึง้ เนือ่ งจากยีสต ถาหากมีปริมาณความชืน้ สูง โอกาสเกิดการหมักจะสูงตามไปดวย น้าํ ผึง้ ทีม่ คี วามชืน้ ต่าํ (ประมาณ 20 %) ถือไดวา เปนน้าํ ผึง้ ทีม่ คี ณ ุ ภาพดี และเปนทีต่ อ งการของตลาดน้าํ ผึง้ จากการศึกษาความชืน้ ในตัวอยางน้ําผึ้ง โดยใชการวัดดวยเครื่องรีแฟรกโตมิเตอร (refractrometer) พบวา ความชื้นของน้ําผึ้งมีคาเฉลี่ยของความชื้นอยูที่ 20 %

16

น้ําผึ้ง


ปริมาณเถา (Ash content) การวิเคราะหปริมาณเถา เปนการวิเคราะหเพือ่ ตรวจสอบการปนเปอ นของน้าํ ผึง้ ซึง่ เถาทีไ่ ดจากการเผาน้าํ ผึง้ จะเหลือเพียงของแข็งจําพวกแรธาตุ โดยจะเผาน้าํ ผึง้ ทีอ่ ณ ุ หภูมิ 500 องศาเซลเซียส โดยทัว่ ไปน้าํ ผึง้ แทจะมีปริมาณเถาประมาณ 0.60 % คาการนําไฟฟา (Electrical conductivity) การวัดคาการนําไฟฟาของน้าํ ผึง้ โดยใชเครือ่ งวัดการนําไฟฟา (EC meter) วัดคา สารละลายน้าํ ผึง้ (20%) ทีอ่ ณ ุ หภูมิ 20 องศาเซลเซียส จากการศึกษาตัวอยางน้าํ ผึง้ พบวาคาการนําไฟฟาของน้ําผึ้ง มีคาอยูในชวงระหวาง 0.19 – 0.36 mS/cm โดยมีคาเฉลี่ยเทากับ 0.25 mS/cm คาความเปนกรดเปนดาง ( pH) และปริมาณกรดทั้งหมดในน้ําผึ้ง จากการศึกษาตัวอยางน้ําผึ้ง พบวาคา pH ของน้ําผึ้งผันแปรอยูในชวง 3.01 – 4.84 โดยมีคา เฉลีย่ อยูท ี่ 4.31 สําหรับปริมาณกรดทัง้ หมดนัน้ จะพบผันแปร อยูในชวง 1 – 41.88 me/kg โดยมี่คาเฉลี่ยเทากับ 18.96 me/kg ปริมาณสารไฮดรอกซีเมทิลเฟอฟวรอล (HMF) ในน้ําผึ้ง การวิเคราะหปริมาณ HMF เปนการตรวจวัดคุณภาพของน้ําผึ้ง โดยอาศัย เครือ่ ง HPLC เปนเครือ่ งมือในการวิเคราะห โดยปกติแลวน้าํ ทีม่ คี ณ ุ ภาพดีปริมาณ สาร HMF จะต่ํากวา 80 มิลลิกรัมตอกิโลกรัมน้ําผึ้ง จากการศึกษาปริมาณสาร HMF ในตัวอยางน้ําผึ้ง พบวาปริมาณสาร HMF กระจายตัวอยูในชวงตั้งแตตรวจ ไมพบจนถึง 6.8 มิลลิกรัมตอกิโลกรัมน้ําผึ้ง โดยมีคาเฉลี่ยของสาร HMF เทากับ 0.67 มิลลิกรัมตอกิโลกรัมน้ําผึ้งน้ําผึ้ง คาเอนไซมไดเอสเตส ในน้ําผึ้ง (Diastase activity) จากการศึกษา พบวาน้ําผึ้งมีเอนไซมไดเอสเตส เฉลี่ยเทากับ 12.86 โดยมีคา อยูในชวงระหวาง 8.06 – 23.72

17

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


ปริมาณน้ําตาลในน้ําผึ้ง (High Performance liquid chromatography method) การวิเคราะหหาชนิดและปริมาณน้ําตาลในน้ําผึ้ง นิยมตรวจวิเคราะหหา ปริมาณน้ําตาลกลูโคส น้ําตาลฟรุกโตส และน้ําตาลซูโครส โดยใชเครื่อง HPLC เปนเครือ่ งมือในการวิเคราะห โดยทัว่ ไปแลวน้าํ ผึง้ ทีม่ คี ณ ุ ภาพดี จะมีปริมาณน้าํ ตาล ซูโครสควรไมเกิน 5 % จากการวิเคราะหหาชนิดและปริมาณน้าํ ตาลในตัวอยางน้าํ ผึง้ พบวา น้ําผึ้งมีปริมาณกลูโคสโดยเฉลี่ย 41.76 % มีปริมาณน้ําตาล ฟรุคโตสเฉลี่ย 35.08 % และมีปริมาณน้ําตาลซูโครส 1.84 % ซึ่งอยูในเกณฑที่ดีมาก ปริมาณเชื้อจุลินทรียในน้ําผึ้ง เมื่อนําตัวอยางน้ําผึ้งเดิมมาหาปริมาณจุลินทรีย พบวาน้ําผึ้ง 34 ตัวอยาง ที่ นํ า มาตรวจ มี ตั ว อย า งน้ํ า ผึ้ ง จํ า นวน 28 ตั ว อย า งที่ มี จุ ลิ น ทรี ย น อ ยกว า 10 cfu/g และมี 8 ตัวอยางที่มีจุลินทรียเกิน 10 cfu/g สําหรับปริมาณยีสต และเชื้อรานั้น ตัวอยางน้ําผึ้งทุกชนิดที่นํามาตรวจสอบนั้นมีปริมาณยีสตและ เชื้อรา ต่ํากวา 10 cfu/g ซึ่งปลอดภัยสําหรับการบริโภค

ผลิตภัณฑ์

ที่สามารถใช้น้ําผึ้งเป็นส่วนประกอบ

แชมพูน้ําผึ้ง-ใบหมี่ สวนประกอบ 1. Texapon N40 2. NaCl 3. น้ําใบหมี่ 4. Aminon 5. Amphitol 55 AB 6. น้ําผึ้ง

18

น้ําผึ้ง

40 11 2 4.5 4 10

กรัม กรัม มิลลิลิตร มิลลิลิตร มิลลิลิตร มิลลิลิตร


7. Cetiol HC 3 8. Citric acid 2 9. Glydant 0.8 10. EDTA 0.1 11. เติมน้ําใหครบ 100 (เติม 31 มิลลิลิตร) 12. แตงกลิ่นตามใจชอบ (ประมาณ 1 มิลลิลิตร) วิธีทํา

มิลลิลิตร มิลลิลิตร มิลลิลิตร กรัม มิลลิลิตร

1. ผสม Texapon N40, Aminon, Amphitol 55 AB และ Cetiol HC ลงในบีกเกอร ขนาด 1,000 มิลลิลิตร 2. เติมน้าํ จนครบปริมาตร นําบีกเกอรสารไปอุน ใน water bath คนใหเขากัน จนสารละลาย 3. ใสนํา้ ผึ้ง และ น้ําใบหมี่ ลงไป คนใหเขากันละลาย 4. เติมเกลือแกงลงไปทีละนอย และคนเบา ๆ ตลอด จนขนเหนียว 5. วัด กรด ดาง ดวยกระดาษวัด pH ซึ่งควรอยูในชวง pH 5-7 6. ปรับ pH แลวจึงเติมสารกันบูด glydant (การปรับ pH ใชสารละลายกรดซิตริก 1%) 7. แตงกลิ่นตามชอบ

สูตรทํายาหมอง (ใชขี้ผึ้งเปนสวนประกอบ) อุปกรณที่ใช 1. water bath (ถาไมมีใชหมอตุนหรือหมอสองใบ) 2. เตาไฟฟา (ถาไมมีใชเตาแกส) 3. กระดาษชั่งสาร 4. ถวยหลอม หรือใช บีคเกอรเหล็ก ขนาดเล็ก หรือหมอเคลือบ 5. แทงคน 6. ขวดยาหมอง 19

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


สูตรประมาณ 100 กรัม รายการสวนผสม ไขพาราฟน ขี้ผึ้ง beeswax วาสลิน เมนทอล การบูร น้ํามันระกํา น้ํามันยูคาลิบตัส

อัตราสวนผสม 10 กรัม 3 กรัม 57 กรัม 9.5 กรัม 2.5 กรัม 10 ซีซี 3 ซีซี

วิธีทํา ขั้นที่ 1 นําไขพาราฟน ขี้ผึ้งและวาสลิน ตมบนหมอไอน้ํา ใหหลอมละลาย เขาเปนเนื้อเดียวกัน ขั้นที่ 2 นําสวนผสมตามระบุขางตนตั้งแต 4 ถึง 7 คนใหละลายเขาดวยกัน ขั้นที่ 3 นําสวนผสมในขั้นที่ 1 และ 2 ผสมเขาดวยกัน (เมื่อสวนผสมขั้นที่ 1 มีอุณหภูมิลดลง) แลวจึงบรรจุใสภาชนะหรือขวดทิ้งใหเย็นจะไดยาหมองตาม ตองการ ขอควรระวัง การหลอมในขั้นที่ 1 ตองใหอุณหภูมิไมเกิน 70 องศาเซลเซียส ควบคุมโดย ตั้งในน้ํารอน หรือบนไอน้ํา การเทสารหอมลงในสวนผสมขั้นที่ 1 ตองระวังอุณหภูมิของสารผสมขั้นที่ 1 ตองไมเกิน 50 องศาเซลเซียส สังเกตโดยลักษณะสารละลายเริ่มขุน

20

น้ําผึ้ง


สบูใสกลีเซอรีน 1. สบูใสกลีเซอรีน สูตรน้ําผึ้ง วัสดุและอุปกรณ 1) สบูกลีเซอรีนใสเปนแทง ชนิดสําเร็จซื้อตามรานขายเครื่องยาทั่วไป 2) น้ํามันหอมระเหยมะกรูด 3) น้ําผึ้ง, แอลกอฮอล 95% 4) เตาไฟฟา พรอม หมออังไอน้ํา พรอมกับเติมน้ําลงไปทั้ง 2 เตา 5) พายสําหรับคนทําจากสเตนเลสหรือไม หรือเทฟลอนจํานวน 2 อัน 6) แผนพลาสติกหอสบู 1 มวน ซีซี 7) บีคเกอรหรือหมอเคลือบ หรือกระบอกเหล็ก ขนาด 2,000 ซซ 8) ขวดพลาสติกสําหรับสเปรยแอลกอฮอล 95% 9) พิมพมาตรฐานขนาด 20 กรัม จํานวน 10) มีดหั่นสบู ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร 11) เขียงพลาสติก 1 อัน 12) ผาพลาสติกขนาด ยาว 75 ซม รองโตะกันเปอน สวนผสม สบูกลีเซอรีนใส 100 กรัมั น้ํามันหอมระเหยกลิ่นมะนาว หรือ มะกรูด 5-6 หยด น้ําผึ้ง 3 ซีซี พิมพมาตรฐาน วิธีทํา 1. ตัดสบูกลีเซอรีนเบสเปนชิ้นเล็กๆ ขนาด ประมาณ 1 นิ้ว และหลอมให เหลว บนหมอไอน้ํา อาจใชหมอตุน หรือหมอตมน้ํารอนหนึ่งใบ วางหินเปนฐาน แลววางหมอสําหรับละลายสบูอีกใบ 2. เติมน้ําผึ้งลงในสบูกลีเซอรีนที่หลอม 3. เมื่ออุณหภูมิลดลง แตงกลิ่นโดยหยดน้ํามันหอมระเหยลงไป 5-6 หยด 4. เทลงในแมพิมพ ออกจากแบบบพิมพ 5. รอใหแหง แกะออกจากแบบพิ 21

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


หมายเหตุ ระวังอยาคนบอยเกินไป จะทําใหสบูที่ไดมีฟองอากาศ หากเกิดฟองอากาศ ที่ผิวหนา ใหสเปรยดวยแอลกอฮอลเล็กนอย ใชนิ้วปาดหนาใหเรียบ อาจใชสี เครื่องสําอาง หรือสีที่คงทนในดาง (สีแดง บางสีไมคอยทน) ทําเสร็จแลวสามารถนําไปใชไดเลย ไมเหมือนสบูทึบแสงที่อาศัยปฏิกิริยา กรดและดาง ตองรอใหปฏิกิริยาสมบูรณกอน วิ ธี ทํ า ให เร็ ว คื อ หลอมปริ ม าณมาก แล ว แบ ง ใส บี ค เกอร ป ริ ม าตร 40 มิลลิลิตร แตงสีตามใจชอบ แลวเทลงแมพิมพ รอจนเริ่มแข็งตัว หอดวยพลาสติก ใส (ที่ใชปดอาหาร) อาจใสสมุนไพรสกัด แตอยาใสมากเกิน 3% เพราะจะทําใหสบูเหลวได

22

น้ําผึ้ง


ตําหรับอาหาร

อกเปดอบน้ําผึ้ง

เครื่องปรุง 1. อกเปด 150 กรัม 2. เบคอนหั่นเปนลูกเตา 5 กรัม 3. กะหล่ําปลีซอยบางๆ 80 กรัม 4. น้ําผึ้ง 5 กรัม 5. white wine vinegar 1 เซนติลิตร 6. หอมแดงสับ 2 กรัม 7. กระเทียมสับ 2 กรัม 8. พริกไทยเม็ดบดละเอียด 9. เกลือ 10. น้ํามันพืช วิธีการปรุง 1. บั้ ง หนั ง เป ด บางๆ ปรุ ง ด ว ย เกลือ,พริกไทย แลวนําอกเปดไปทอดด ณ ในน้ํามันทั้งสองดาน ดานละประมาณ 4 นาที 2. นําน้าํ ผึง้ มาทาบนหนังเปด แลว ทิ้งไวอยางนอย 4 นาที 5. ใสกะหล่ําปลี white wine vin3. แบงกะหล่ําปลีเปน 4 สวน แลว egar น้าํ ซุป juniper และ ใบ thyme แลว นําไปลางน้ําและหั่นเปนเสนบางๆ 4. นําเบคอนผัดกับหัวหอม และ ปดฝาทิง้ ไวใหสกุ ประมาณ 12 นาที ปรุง รสดวยเกลือและพริกไทย กระเทียมจนเบคอนสุก

23

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


ซี่โครงหมูอบ น้ําผึ้ง

เครื่องปรุง 1. ซี่โครงหมู 1 เสน 2. กระเทียม 2 หัว 3. พริกไทยปน 1 ชอนชา 4. รากผักชี 6-7 ราก 5. ซอสมะเขือเทศ 3 ชอนโตะ 6. ซีอิ้วขาว 4 ชอนโตะ 7. น้ําผึ้ง 3 ชอนโตะ 8. ไวนขาว 2 ชอนโตะ (ถาไมมีก็ไมตอง) วิธีการปรุง 1. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยใหละเอียด ผสมกับซอสมะเขือเทศ ซีอิ้วขาว และน้ําผึ้ง 2. นําเครือ่ งทัง้ หมดใสกระทะ เติมไวนขาวลงไป สับซีโ่ ครงหมูลงไปคลุกเคลา ใหทั่ว 3. จากนั้นเอาฝาหมอปดกระทะไว ใชไฟออน อบไปจนกระทั่งเนื้อหมูสุก

24

น้ําผึ้ง


สันในหมูอบน้ําผึ้งกับลูกพรุน เครื่องปรุง 1. สันในหมูใชชอนจิ้มใหทั่ว 1 กิโลกรัม 2. ผงออสไปช 1/2 ชอนชา 3. น้ําผึ้ง 1/3 ถวย 4. ซอสปรุงรส 3 ชอนโตะ 5. ซอสมะเขือเทศ 2 ชอนโตะ 6. ขิงสดสับละเอียด 2 ชอนชา 7. แปงขาวโพด 2 ชอนชา 8. น้ําสมคั้น 1/2 ถวย 9. น้ําเปลา 1/4 ถวย 10. ลุกพรุนควานเมล็ดแลว 1 ถวย 11. มันฝรั่งตม 12. ขนมปง วิธีการปรุง 1. ผสมเครื่องปรุงทุกอยางยกเวนลูกพรุน มันฝรั่ง และขนมปง คนใหเขากัน แลวใสสนั ในหมูลงคลุกในถุงพลาสติกจากนัน้ รัดปากถุงพลาสติกเก็บใสตเู ย็นชองแข็ง 2. พอจะใชเนื้อหมูหมักใหนําออกมานึ่งจนหมูสุกประมาณ 20 นาที แลวหั่น เปนแวนหนา 2 เซนติเมตร เรียงใสถาดและใสลูกพรุนราดน้ําจากการนึ่ง 3. อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 45 นาที หรือจะใสหมอตั้งไฟ ปดฝาใหเดือดรุมๆ จนหมูเปอยน้ําแหงก็ได 4. เสิรฟหมูพรอมกับมันฝรั่งตม และขนมปงฝาน

25

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


ไกอบบารบีคิวผสมน้ําผึ้งผัดมะเขือยาว เครื่องปรุง 1. ปกไกน้ําผึ้ง 350 กรัม 2. มะเขือยาว 100 กรัม 3. น้ํามันพืช 1 ชอนโตะ 4. กระเทียมสับละเอียด 100 กรัม 5. น้ํามันหอย 4 ชอนโตะ 6. ซอสถั่วเหลือง 1 ชอนโตะ 7. พริกแดง 5 กรัม 8. พริกไทย 1/2 ชอนโตะ 9. ใบกะเพรา 10 ใบ วิธีการปรุง 1. นําปกไกนา้ํ ผึง้ เจาะรูประมาณ 3-4 รู ทีแ่ ผนฟลม ใสในไมโครเวฟ อุณหภูมิ ความรอน 1,300 วัตต ประมาณ 30 วินาที หรืออุณหภูมิความรอน 800 วัตต ประมาณ 1 นาที 2. ใสน้ํามันในกระทะ ตั้งไฟปานกลาง เจียวกระเทียมจนมีกลิ่นหอม จากนั้น ใสปกไกน้ําผึ้งและมะเขือยาว 3. ปรุงรสดวยน้าํ มันหอย และซอสถัว่ เหลือง โรยดวยใบกะเพราและพริกแดง 44.. จจัดใใสสโรรยด ยดวยยพริ พรกไไทย ทย

26

น้ําผึ้ง


น้ําขิงผสมน้ําผึ้ง

เครื่องปรุง 1. สม 1 ลูก 2. ขิงผงสําเร็จรูป 1 ซอง 3. น้ําผึ้ง 1 ชอนชา 4. น้ํารอน 2/3 ถวย วิธีทํา 1. คั้นน้ําสมใสแกว พักไว 2. ชงขิงผงสําเร็จรูปกับน้ํารอนในถวยผสม ใสน้ําผึ้งลงไป จากนั้น เติมน้ําสมที่คั้นไวลงไป คนใหเขากัน 3. เทใสแกว เสิรฟตอนอุนๆ

ชีสเคกน้ําผึ้ง สวนผสม 1. วิปปงครีม 2. ครีมชีส 400 กรัม 3. คุกกี้(รสที่ชอบ) 400 กรัม 4. มาการีน 150 กรัม 5. น้ําผึ้งแบบครีมคลายน้ําตาลปบ 3 ชอนโตะ 6. วนิลา 1 ชอนโตะ วิธีทําฐานของชีสเคก 1.บดคุกกี้ใหละเอียดพอประมาณ ไมตองละเอียดจนเกินไป 2.ละลายเนยแล ว ผสมลงไปในคุ ก กี้ หลั ง จากนั้ น ก็ เ อาเข า อบในอุอุ ณ ภู มิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที 27

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


วิธีทําตัวครีม 1.ผสมกลิ่นวนิลาลงไปในวิปปงครีมแลวตีใหขึ้นฟู 2.ตักครีมชีสใสลงไปในวิปปงครีมที่ตีฟูแลวจนเขากันดี 3.ใสนา้ํ ผึง้ ประมาณ 3 ชอนโตะ คนใหเขากันดีแลวชิมรส ถายังไมหวานก็ใหใส เพิม่ ได ตามตองการ หลังจากนัน้ เอาครีมทีต่ ไี ดใสบนหนาฐานของชีสเคกทีเ่ ย็นแลว ใสในตูเย็นชองธรรมดาประมาณ 10-12 ชั่วโมง หรือคางคืนหนึ่งคืน เทานี้ครีมชีสก็จะเซ็ทตัวไดที่แลว เราก็มาละลายเยลลี่รสใดก็ไดที่ชอบคน จนกระทั่งเย็นแลวก็ราดหนาบนตัวครีมชีส เคล็ดลับการราดเยลลี่ ตัวครีมที่แชจนเซ็ทตัวแลวเอาสปริงโฟมมาขยายตัว โดยการเปดลอคขางๆ ใหหลวม แลวคอยๆใชชอนตักเยลลี่มาเทใสขางๆ หลังจากเทจนรอบโฟมแลว ก็ เอาทีเ่ หลือราดหนาบนตัวครีม ครีมชีสสูตรนีร้ สจะนุม ละมุนลิน้ ละลายในปากเลย หอมกลิ่มน้ําผึ้งมากๆ

28

น้ําผึ้ง


เคกน้ําผึ้งมูสโยเกิรต สวนผสม 1. โยเกิรต รสธรรมชาติ 1 กระปอง 2. วิปปง 300 กรัม แบงมาซัก75 กรัม อีกสวน 3. เจลาติน 1 ¾ แผน 4. น้ําตาลปน 30 กรัม 5. น้ําผึ้ง(1) 3 ชอนโตะ 6. น้ําผึ้ง(2) ตามชอบ วิธีทํา 1. เอาวิปปงครีม (75กรัม) ใสหมอ ตั้งไฟออนพออุนใสเจลาตินแผนที่แชน้ํา จนอิ่มตัวคนพอละลายปดไฟ พักใหเย็น 2. คราวนี้เอาโยเกิรตมาผสมกับน้ําผึ้งตามใจชอบ ใหเขากัน 3. นําสวนที่1กับ2มารวมกัน ตีใหเนียนแลวพักไว 4. เอาวิปปงที่เหลือมาตีดวยความเร็วปานกลาง พอเริ่มขน คอยๆทยอยใส น้ําตาล แลวปรับความเร็วสุด ตีจนสวนผสมเริ่มแข็งตัว 5. จากนัน้ เอาสวนที3่ มาใสในสวนที4่ อยาใหเหลวมาก (ขนพอดี) มาตะลอม ใหเขากัน แลวนําไปปาดบนกอนเคก

29

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


สูตรเครื่องดื่ม : สมูทตี้ สูตรที่ 1 สวนผสม 1. ลูกพีชกระปอง (เอาแตเนื้อ) 2 ชิ้น 2. ขาวโอต 1/4 ถวย 3. โยเกิรตรสธรรมชาติ 1 ถวย 4. น้ําสมคั้น 1/2 ถวย 5. น้ําผึ้ง 1 ชอนโตะ วิธีทํา 1. หั่นลูกพีชเปนชิ้นใหญ เทลงเครื่องปน 2. เทขาวโอต น้ําสมคั้น โยเกิรต น้ําผึ้งตามลงไป 3. ปนรวมกันจนละเอียด เทใสแกว ตกแตงใหสวยงามดวยใบสะระแหน สูตรที่ 2 สวนผสม 1. แกวมังกร (ขนาดกลาง) 1 ลูก 2. สตรอวเบอรรี่ 5-6 ลูก 3. โยเกิรต 1 ถวย 4. น้ําผึ้ง 2 ชอนโตะ วิธีทํา 1. หั่นแกวมังกร และสตรอวเบอรรี่เปนชิ้นๆ ใสลงในเครื่องปน 2. เทโยเกิรตและน้ําผึ้งตามลงไป 3. ปนรวมกันจนละเอียด เทใสแกว ตกแตงใหสวยงามดวยใบสะระแหน เคล็ดลับ - ถาไมเปรี้ยวบีบมะนาวเติมได - ถาชอบสตรอเบอรร่ใี สเพิ่มไดตามใจชอบ

30

น้ําผึ้ง


เอกสารอางอิง นพพร ตันติศิรินทร. 2549. “การจัดการธุรกิจและกลยุทธเพื่อการพัฒนาการ ตลาดของผูเลี้ยงผึ้งใน จังหวัดเชียงใหมและลําพูน”. วิทยานินธปริญญา โท. สาขาวิชาเศรษฐศาสตรเกษตร คณะเกษตรศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม พงศเทพ อัครธนกุล. 2534. วาดวยผึง้ และการเลีย้ งผึง้ . บริษทั สํานักพิมพ ไทยวัฒนา พานิชจํากัด:กรุงเทพฯ มนตรา ศรีษะแยม และ ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร. 2552. รายงานวิจยั คุณสมบัตทิ าง ชีวภาพของน้ําผึ้งไทยเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑสูตลาดสากล วิฑรู ย ปญญากุล, อารีรตั นกติ ติศริ ิ และ ธนรัช ใกลกลาง. 2547. “ผลพวงจากรวงผึง้ ผลิตภัณฑเพื่อสุขภาพ”. เกษตรกรรมธรรมชาติ. 7(9) : 20-29 สมนึก บุญเกิด. 2544. ผึ้ง. สํานักพิมพมติชน:กรุงเทพฯ สิรวิ ฒ ั น วงษศริ ,ิ ยงยุทธ ไวคกุล และแสนนัด หงสทรงเกียรติ. 2528. หลักการเลีย้ งผึง้ และขยายพันธุผึ้งในประเทศไทย. ฟนนี่พับบลิชชิ่ง: กรุงเทพ ฯ หลวงบุเรศบํารุงการ. 2524. น้าํ ผึง้ และประโยชนของแมลงผึง้ กับชีวติ และงานของ แมลงผึ้ง. สํานักพิมพแพรพิทยา: กรุงเทพฯ Bogdanov, S., Jurendic, T., Siber, R., and Gallmann, P. 2008. Honey for Nutrition and Health: a Review. American Journal of the College of Nutrition. 27: 677-689. Srisayeam, M. and Chantawannakul, P. 2009. Antimicrobial and Antioxidant Properties of Thai honeys (Submitted to Journal of ApiProduct and ApiMedical Science)

31

ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์


น้ําผึ้งHoney

Bee

Protection (BeeP) center ศูนยบริการชันสูตรโรคผึ้งและผลิตภัณฑผึ้ง แหงภาคเหนือดวยนาโนเทคโนโลยี คณะผูจ้ ัดทํา ผูแตง : ภาณุวรรณ จันทวรรณกูร ฝายประสานงาน : ประพันธ ไตรยสุทธิ์ ฝายศิลปกรรม : กิติพงษ คงพินิจบรรจง

ผู้ร่วมงาน กรกนก สันติภราภพ ชลพิณทุ หวานใจ ชัยณรงค สินภู เทิด ดิษยธนูวัฒน นงนุช ดวงประทุม บงกช บุปผา พันพงศ เลขะกุล

มนตรา ศรีษะแยม เยาวนุช พรมนวล วีรนันท ไชยมณี ศศิประภา ครองแดง ศิริกาญจน สันพา สุจินันท ศักดิ์สินธุชัย




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.