การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
การสงเสริมการรูวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 ดวย การจัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง Enhancing Grade 11 Students’ Scientific Literacy on Kingdom of Life according to Science, Technology, Society (STS) Approach and the Philosophy of Sufficiency Economy
มณีกานต จิตเอื้อเฟอ1* ศศิเทพ ปติพรเทพิน2 และกันทิมาณี ประเดิมวงศ3 1
สาขาวิชาวิทยาศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร 50 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900 สาขาวิชาวิทยาศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร 50 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900 3 ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร50 ถ.พหลโยธิน เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900 *ผูนําเสนอผลงาน E-mail: kangkok_471@hotmail.com
2
บทคัดยอ การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงคเพื่อสงเสริมการรูวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต ดวยการจัดการเรียนรูตาม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง กลุมที่ศึกษาเปนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2555 จํานวน 25 คน ของโรงเรียนมัธยมศึกษาแหงหนึ่งในจังหวัดระนอง เครื่องมือที่ใชใน การวิจัยครั้งนี้ ไดแก แผนการจัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญาของเ ศรษฐกิจ พอเพียง แบบวัดการรูวิทยาศาสตร บันทึกการสัมภาษณอยางไมเปนทางการ บันทึกหลังการจัดการเรียนรู วีดิทัศนการจัดการ เรียนรูของครูผูสอน และชิ้นงานนักเรียน ผูวิจัยวิเคราะหขอมูลเชิงปริมาณดวยการหาคาความถี่ และคารอยละ วิเคราะหขอมูล เชิงคุณภาพดวยการวิเคราะหเนื้อหา ผลการวิจัยพบวาหลังการจัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นักเรียนมีความเขาใจอยางสมบูรณในหัวขอเรื่อง การจัดหมวดหมูสิ่งมีชีวิต อาณาจักร โพรทิสตา อาณาจักรฟงไจ และอาณาจักรมอเนอรา เพิ่มขึ้นเปนรอยละ 4.00, 4.00, 4.00 และ 8.00 ตามลําดับ และมีความ เขาใจบางสวนในแนวคิดชื่อวิทยาศาสตร อาณาจักรสัตว และอาณาจักรพืช เพิ่มขึ้นเปนรอยละ 60.00, 80.00 และ 88.00 ตามลําดับ นอกจากนี้นักเรียนทั้งหมดมีสวนรวมในประเด็นเรื่องอาณาจักรสิ่งมีชีวิต ทั้งในระดับ ครอบครัว สังคม และชุมชน เพิ่มขึ้นเปนรอยละ 15.38, 30.77 และ 53.85 ตามลําดับ Abstract The aims of this study were to enhance grade 11 students’ scientific literacy on kingdom of life according to Science, Technology, Society (STS) approach and the philosophy of sufficiency economy. The participants of this study were 25 grade 11 students studying in second semester of 2012 academic year. They were in a secondary school in Ranong province. The research instruments included the lesson plans, scientific literacy tests, informal interviews, teacher’s logs and videos and student tasks. The quantitative data was analyzed by finding frequency and percentages. The qualitative SS 698
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
data was analyzed using content analysis. The results showed that teaching according to STS approach and the philosophy of sufficiency economy could enhance the students, sound understanding in all topics: Classification; Kingdom Protista; Kingdom Fungi and Kingdom Monera at 4.00%, 4.00%, 4.00% and 8.00% respectively. However, they still had partial understanding in all topics: Scientific name; Kingdom Animalia and Kingdom Plantae at 60.00%, 80.00% and 88.00% respectively. In addition, all students took action in issues about the kingdom of life in family, society, and community level at 15.38%, 30.77 % and 58.85% respectively. คําสําคัญ การรูวิทยาศาสตร, อาณาจักรสิ่งมีชีวิต, การจัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม, ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง บทนํา วิทยาศาสตรและเทคโนโลยีมีความสําคัญตอการ ดํา เนิ นชี วิต ประจํ าวั นของมนุษ ย ทั้ง ในดา นการพัฒ นา ทางดานเศรษฐกิจ ชีวิตความเปนอยูของคนในสังคม แต ในขณะเดียวกันความเจริญกาวหนาของวิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี ก็ อ าจส ง ผลกระทบต อ สั ง คมได เ ช น กั น โดยเฉพาะอยางยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดลอมทาง ธรรมชาติ ที่ ข าดความสมดุ ล [1] เนื่ อ งจากความ หลากหลายทางชีวภาพถูกทําลายลงเปนจํานวนมาก [2] ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย เ ป น ป ร ะ เ ท ศ ห นึ่ ง ที่ มี ค ว า ม หลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดของโลก ประชาชนของ ประเทศจึ ง สามารถพึ่ ง พาอาศั ย ประโยชน ข องความ หลากหลายทางชีวภาพทั้งทางตรงและทางออม [3] แต จากการดําเนินกิจกรรมในดานตาง ๆ ของมนุษยในอดีต จนถึงปจจุบัน มนุษยใชประโยชนจากความหลากหลาย ทางชีวภาพในทุกดานเกินความจําเปน สงผลใหธรรมชาติ ไมสามารถปรับตัวไดทัน [4] ดังนั้นความหลากหลายทาง ชีวภาพจึงไดรับการบรรจุเปนเนื้อหาหนึ่งของสาระการ เรียนรูวิทยาศาสตร เพื่อสรางความรูความเขาใจ การเห็น คุณคา และการมีจิตสํานึกในการอนุรักษความหลากหลาย ทางชี ว ภาพให เ กิ ด ขึ้ น กั บ นั ก เรี ย น [5] โดยมี เ ป า หมาย สู ง สุ ด ของการจั ด การเรี ย นรู วิ ท ยาศาสตร คื อ เพื่ อ ให นักเรียนเปนผูรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (Scientific and Technology Literacy) ซึ่งเปนผูมีความรูความเขาใจ ในแนวคิ ด หลั ก การพื้ น ฐานและกระบวนการทาง วิทยาศาสตร มีความตระหนักถึงความสําคัญของการมี
ส ว นร ว มในการแสดงความคิ ด เห็ น ประเด็ น ทาง วิทยาศาสตร และสื่อสารสูผูอื่นได [1]; [5]; [6]; [7] อย า งไรก็ ต ามจากประสบการณ ใ นการจั ด การ เรียนรูของผูวิจัย ผูวิจัยพบวานักเรียนสวนใหญมีแนวคิด คลาดเคลื่อน เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจาก เปนแนวคิดที่ยากและมีความสําคัญ [8] เชน แนวคิดการ จั ด กลุ ม สิ่ ง มี ชี วิ ต ของพื ช และสั ต ว ชื่ อ วิ ท ยาศาสตร อาณาจั ก รมอเนอรา อาณาจั ก รโพรทิ ส ตา เป น ต น [9]; [10]; [11] การมีแนวคิดคลาดเคลื่อนในเรื่องดังกลาวจึง อาจเปนอุปสรรคตอการเรียนรูแนวคิดวิทยาศาสตรอื่นที่ เกี่ ย วข อ งได [12]นอกจากนี้ ผู วิ จั ย ยั ง พบว า นั ก เรี ย น บางส ว นยั ง ขาดการมี ส ว นร ว มในประเด็ น ความ หลากหลายทางชีวภาพ การจั ด การเรี ย นรู ต ามแนวคิ ด วิ ท ยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม เปนแนวทางการจัดการเรียนรูหนึ่ง ที่ ส ง เสริ ม ให นั ก เรี ย นสามารถนํ า ความรู ที่ เ รี ย นไป ประยุกตใชในสถานการณจริงได [13] และมีสวนรวม รับผิดชอบตอสังคมในฐานะพลเมืองที่ดขี องประเทศ [14] ครูผูสอนสามารถใชสถานการณที่เปนปญหาทางสังคมที่ มีความเกี่ยวของกับวิทยาศาสตร และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น จริงในชีวิตประจําวันของนักเรียนนําเขาสูบทเรียนแลวให นักเรียนหาคําตอบในสถานการณนั้น ๆ ทําใหนักเรียน สามารถเชื่ อ มโยงสิ่ ง ที่ ไ ด เ รี ย นรู ใ นห อ งเรี ย นกั บ สถานการณที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงได [15] จากเอกสารและงานวิ จั ย ที่ ผ า นมา ผู วิ จั ย พบว า ลักษณะของการจัดการเรียนรูตามแนวคิด วิทยาศาสตร SS 699
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
เทคโนโลยี และสัง คม สอดคล อ งกั บ หลั กปรัช ญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในดานการเรียนรูที่เริ่มตนในทองถิ่น ของนักเรียนแลวเชื่อมโยงไปถึงระดับโลก และสามารถ เชื่ อ มโยงความเกี่ ย วข อ งของเหตุ ก ารณ จ ากในอดี ต ป จ จุ บั น และอนาคต ทํ า ให นั ก เรี ย นเข า ใจ ป ญ หาที่ เกี่ยวของกับวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี อันนํามาสูการ ปฏิบัติตนในการแกปญหา และความตระหนักตอปญหาที่ เกิดขึ้น [16]; [17] ดังนั้นการจัดการเรียนรูที่ ผนวกหลักปรัชญาของ เศรษฐกิ จ พอเพี ย งจึ ง ได รั บ การพิ จ ารณาว า สามารถ ส ง เสริ ม การดํ า เนิ น ชี วิ ต ของนั ก เรี ย นท า มกลางการ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง สั ง ค ม ที่ ไ ด รั บ ผ ล กร ะ ท บ จ า ก วิทยาศาสตร และเทคโนโลยี ดวยความพอประมาณ บน พื้นฐานของความมีเหตุผล ทําใหนักเรียนเกิดภูมิคุมกันทีด่ ี โดยอาศัยเงื่อนไขของความรูคูคุณธรรม เพื่อเสริมสราง การมีจิตสํานึก มีความรอบรูที่เหมาะสม ดําเนินชีวิตดวย ความอดทน มีความเพียร มีสติปญญา และความรอบคอบ [18] ผูวิจัยในฐานะที่เปนครูผูสอนวิชาชีววิทยาจึงมี ความสนใจจั ด การเรี ย นรู ต ามแนวคิ ด วิ ท ยาศาสตร เทคโนโลยี และสั ง คม ผนวกปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพียง เพื่อสงเสริมการรูวิทยาศาสตรของนักเรียนใน ดานแนวคิด และการมีสวนรวมในสังคม เรื่อง อาณาจักร สิ่ง มีชี วิต ของนั กเรีย นชั้น มัธ ยมศึ กษาป ที่ 4 ดว ยการ จัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และ สังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระเบียบวิธีการศึกษาวิจัย [1] รูปแบบการวิจัย งานวิจัยนี้ใชรูปแบบการวิจัยปฏิบัติการในชั้น เรียน (Classroom Action Research) มีการเก็บขอมูลทั้ง เชิ ง ปริ ม าณและเชิ ง คุ ณ ภาพ เพื่ อ ทํ า ความเข า ใจการ สงเสริมการรูวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 โดยการจัดการเรียนรู ตาม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญา ของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง ซึ่ ง มี วิ ธี ดํ า เนิ น การวิ จั ย เชิ ง
ปฏิ บัติ ก ารในชั้ น เรี ยน 4 ขั้น ตอน ตามแนวคิ ดของ Kemmis and McTaggart (1998) ไดแก 1) ขั้นวางแผน คือ ผูวิจัยวางแผนการจัดการเรียนรู เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต จํานวน 6 แผน โดยใชเวลาในการจัดการเรียนรู 7 สัปดาห 2) ขั้ น ปฏิ บั ติ คื อ ผู วิ จั ย ดํ า เนิ น การจั ด การเรี ย นรู ต าม แผนการจัดการเรียนรูที่ สรางขึ้น 3) ขั้นสังเกต คือ ผูวิจัย สั ง เกตผลที่ เ กิ ด ขึ้ น จากการจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นรู พฤติกรรมนักเรียน 4) ขั้นสะทอนการปฏิบัติ คือ ผูวิจัยนํา ข อ มู ล ที่ ไ ด บั น ทึ ก หลั ง การจั ด การเรี ย นรู วี ดิ ทั ศ น ก าร จั ด การเรี ย นรู ใ นแต ล ะแผน จากการจั ด การเรี ย นรู ม า วิเ คราะห เพื่ อหาสาเหตุ ข องปญ หา แนวทางการแก ไ ข แลวนําผลที่ไดมาปรับปรุง แกไขแผนการจัดการเรียนรู ตอไป [2] เครื่องมือที่ใชในการวิจัย [2.1] เครื่องมือที่ใชในการจัดการเรียนรู เครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช ใ นการจั ด การเรี ย นรู ได แ ก แผนการจัดการเรียนรู เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต โดยการ จัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และ สังคม ตามรูปแบบของ Yager (1996) สอดแทรกหลัก ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย งโดยการจั ด การเรี ย นรู ประกอบดวย 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ขั้นกระตุนความสนใจ โดยครูผูสอนนําขาวสถานการณที่เกิดขึ้นในปจจุบันเปน ปญหาทางสั งคมได รับ ผลกระทบจากจากวิ ทยาศาสตร และเทคโนโลยี ซึ่ ง เกี่ ย วข อ งกั บ ชี วิ ต ประจํ า วั น ของ นักเรียนนําเขาสูบทเรียน กระตุนความสนใจของนักเรียน เพื่อใหเกิดคําถามนําไปสูการคนควาหาคําตอบ 2) ขั้นการ สํ า รวจเรี ย นรู การค น คว า หาคํ า ตอบด ว ยกระบวนการ ทํางานเปนกลุมโดยการวางแผนดําเนินการคนหาคําตอบ ดวยวิธีการตาง ๆ เชน การสังเกต การสํารวจตรวจสอบ การทดลอง การสืบคนจากหนังสือหรือแหลงขอมูลตาง ๆ การถามผู รู ศึ กษานอกสถานที่ เป นต น 3) ขั้ นการ นําเสนอการอภิปรายและขอคนพบ โดยนักเรียนรวมกัน อภิปรายเพื่อสะทอนสิ่งที่ไดคนพบรวมกัน ทําใหนักเรียน สามารถแก ไขแนวคิด คลาดเคลื่ อนที่เกิดขึ้ นกอนไดรั บ การจัดการเรียนรู 4) ขั้นลงมือปฏิบัตินักเรียนสามารถนํา สิ่ ง ที่ ไ ด รั บ จากการจั ด การเรี ย นรู ไ ปเชื่ อ มโยงกั บ หลั ก SS 700
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยเขา ไปมีสวนรวมใน ชุมชนในฐานะพลเมืองที่ดีของสังคม [2.2] เครื่องมือที่ใชเก็บรวบรวมขอมูลวิจัย เครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช เ ก็ บ รวบรวมข อ มู ล วิ จั ย ได แ ก แบบวัดการรูวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต แบบ คําถามปลายเปด (Open – ended questions) ซึ่งผูวิจัยสราง ขึ้นเองตามกรอบการรูวิทยาศาสตรจากการศึกษาเอกสาร และงานวิ จั ย ที่ เ กี่ ย วข อ งพบว า องค ป ระกอบของการรู วิทยาศาสตรที่นักการศึกษาและองคกรวิทยาศาสตรศึกษา ใหความสําคัญที่สุด ประกอบดวย 2 ดาน ไดแก 1) ดาน แนวคิดวิทยาศาสตร [1]; [5]; [7]; [19]; [20] และ 2) ดาน การมีสวนรวมในประเด็นวิทยาศาสตร[1]; [7]; [19]; [20] หลังจากนั้นไดมีการตรวจสอบความถูกตองของแบบวัด การรูวิทยาศาสตรในดานเนื้อหา ภาษา ความเหมาะสม และความสอดคล อ งของข อ คํ า ถามและคํ า ตอบจาก ผู เ ชี่ ย วชาญจํ า นวน 3 ท า น จากนั้ น นํ า แบบวั ด การรู วิทยาศาสตรมาวิเคราะหหาความตรงเชิงเนื้อหาเปนราย ขอ จากนั้น ผู วิจั ยได นํ า แบบวั ด การคื อ ผูเ ชี่ ยวชาญด า น วิท ยาศาสตร ศึ ก ษา เป น อาจารย จ ากคณะศึ ก ษาศาสตร มหาวิ ทยาลั ยเกษตรศาสตร จํา นวน 2 ท าน ผูเชี่ย วชาญ ดานเนื้อหา และการสอนวิทยาศาสตร เปนอาจารยที่สอน วิช าชี ว วิท ยา จํ านวน 1 ท า น เป น อาจารย จากโรงเรี ย น สาธิตแหงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร จากนั้นนําแบบวัด การรูวิทยาศาสตรมาวิเคราะหหาความตรงเชิงเนื้อหาเปน รายขอ แลวผูวิจัยไดนําแบบวัดการรูวิทยาศาสตรไปใชกับ นักเรียนที่มีลักษณะใกลเคียงกับกลุมที่ศึกษา จํานวน 10 คน เพื่อตรวจสอบความเขาใจของภาษาที่ใชในการสื่อ ความหมายของข อ คํ า ถาม และนํ า แบบวั ด มาปรั บ ปรุ ง แก ไ ขในด า นเนื้ อ หา และภาษาแล ว ก อ นไปใช จ ริ ง นอกจากผูวิ จั ยไดใ ชบั น ทึก หลั งการจั ดการเรีย นรู และ วี ดี ทั ศ น ก ารจั ด การเรี ย นรู เ พื่ อ ตรวจสอบลั ก ษณะการ จัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และ สังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เหมาะสมกับ กลุมที่ศึกษา [3] การเก็บรวบรวมขอมูลและวิเคราะหขอมูล
ผูวิจัยไดเก็บรวบรวมขอมูลโดยใหนักเรียนทําแบบวัด การรูวิทยาศาสตรกอนการจัดการเรียนรู เพื่อตรวจสอบ การรูวิทยาศาสตรของนักเรียนกอนการจัดการเรียนรูใน ดา นแนวคิด วิ ท ยาศาสตร เรื่ อง อาณาจัก รสิ่ งมี ชี วิต ซึ่ ง ประกอบดวย 3 แนวคิด หลั ก ไดแก การจัดหมวดหมู สิ่ ง มี ชี วิ ต ชื่ อ วิ ท ยาศาสตร และอาณาจั ก รสิ่ ง มี ชี วิ ต ประกอบดวย 5 แนวคิดยอย ไดแก อาณาจักรมอเนอรา อาณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรฟงไจ อาณาจักรพืช และ อาณาจั ก รสั ต ว และด า นการมี ส ว นร ว มในประเด็ น ที่ เกี่ ย วข อ งอาณาจั ก รสิ่ ง มี ชี วิ ต เพื่ อ นํ า ผลที่ ไ ด ม าเป น แนวทางในการออกแบบกิ จ กรรมสํ า หรั บ การจั ด การ เรียนรู เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต จากนั้นผูวิจัยดําเนินการ จัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และ สังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแผนการ จัดการเรียนรู เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต ในแตละแผนการ จัดการเรียนรูเริ่มตนโดยครูผูสอนนําขาวหรือสถานการณ ที่เกิดขึ้นในปจจุบันเปนปญหาทางสังคมไดรับผลกระทบ จากวิ ท ยาศาสตร และเทคโนโลยี ซึ่ ง เกี่ ย วข อ งกั บ การ ดําเนินชีวิตประจําวันของนักเรียนนําเขาสูบทเรียน เพื่อ กระตุนความสนใจ หรือนํานักเรียนศึกษานอกสถานที่ ซึ่ง เปนแหลงทรัพยากรที่มีความสําคัญในชุมชนของนักเรียน ทําใหนักเรี ยนเกิดคํา ถามนําไปสู การคนคว าหาคําตอบ โ ด ย การ วาง แ ผ น ดํ าเ นิ น การ ค น ห าคํ า ต อ บ ด ว ย กระบวนการทํางานเปนกลุม แลวนําเสนอคําตอบดวยการ อภิ ป รายร ว มกั น ทํ าให นั กเรี ย นได ส ะทอ นสิ่ งที่ ค น พบ สามารถแก ไขแนวคิด คลาดเคลื่ อนที่เกิดขึ้ นกอนไดรั บ การจัดการเรียนรู หลังจากนั้นเขาสูขั้น การลงมือปฏิบัติ โดยให นั ก เรี ย นนํ า หลั ก ปรั ช ญาเศรษฐกิ จ พอเพี ย งมา เชื่ อ มโยงกั บ สิ่ ง ที่ ไ ด รั บ จากการจั ด การเรี ย นรู ทํ า ให นักเรียนคนพบแนวทางในการแกไขปญหาจากขาวหรือ สถานการณ ที่ นํ า เข า สู บ ทเรี ย น ซึ่ ง หลั ก ปรั ช ญาของ เศรษฐกิจที่พอเพียงที่ผูวิจัยนํามาใชในการจัดการเรียนรู ประกอบดวย 3 หวง คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสรางภูมิคุมกันที่ดีใหกับตนเอง ควบคูไปกับ 2 เงื่อนไข คือ ความรูคูคุณธรรม ซึ่งในระหวางการจัดการ เรียนรูผูวิจัยไดบันทึกวี ดิทัศนการจัดการเรียนรู เพื่อชวย SS 701
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
ใหผูวิจัยสามารถสังเกตการปฏิบัติการจัดการเรียนรูของ ตนเองไดอยางชัดเจน และผูวิจัยบันทึกหลังการจัดการ เรียนรูในประเด็นปญหา อุปสรรค แนวทางแกไข และสิ่ง ที่ ไ ด เ รี ย นรู จ ากการจั ด การเรี ย นรู นอกจากนี้ ผู วิ จั ย ได สัมภาษณนักเรียนอยางไมเปนทางการเพิ่มเติมในประเด็น ที่ผูวิจั ยสงสัย หรือต องการขอ มูลเพิ่ มเติ ม เมื่ อผูวิ จัยจั ด กิจ กรรมการเรี ย นรู ครบทุ ก แผนการจั ด การเรี ย นรู แ ล ว ผูวิจัยใหนักเรียนทําแบบวัดการรูวิทยาศาสตร เรื่อง อาณา จักรสิ่งมีชีวิต และสัมภาษณนักเรียนอยางไมเปนทางการ อีกครั้ง หลังจากเก็บรวบรวมขอมูล ผูวิจัยวิเคราะหแบบ วัดการรูวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต ทั้งกอน และหลั ง การจั ด การเรี ย นรู ต ามแนวคิ ด วิ ท ยาศาสตร เทคโนโลยี และสั ง คม ผนวกปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพียง รวมกับการวิเคราะหจากบันทึกหลังการจัดการ เรียนรู วีดิทัศนการจัดการเรียนรู และบันทึกการสัมภาษณ อยางไมเปนทางการ ซึ่งแบงการวิเคราะหคําตอบเปน 2 ดาน ตามกรอบของการรูวิ ทยาศาสตร คือ ดานแนวคิ ด วิ ท ยาศาสตร โ ดยผู วิ จั ย อ า นแล ว วิ เ คราะห คํ า ตอบของ นักเรียนเปนรายขอ โดยการจัดกลุมคําตอบของนักเรียน ตามกรอบแนวคิดของ Abraham et al. (1994, p.105-120)
ซึ่งจําแนกประเภทแนวคิด 5 ประเภท ดังนี้ ความเขาใจ อย างสมบู รณ (Sound understanding: SU) ความเข าใจ บางสวน (Partial understanding: PU) ความเขาใจบางสวน และมีแนวคิดคลาดเคลื่อน (Partial understanding with a specific misconception: PU/SM) แนวคิดคลาดเคลื่อน (Specific misconception: SM) และไม เ ข า ใจ (No understanding: NU) จากนั้นผูวิจัยนับจํานวนนักเรียนใน แตละประเภทแนวคิด หาคารอยละของจํานวนนักเรียน ในแตละประเภทแนวคิด และผูวิจัยวิเคราะหขอมูลดาน การมี ส ว นร ว มในประเด็ น ที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ อาณาจั ก ร สิ่ง มี ชี วิ ต โดยผู วิ จั ย อ า นวิ เคราะห คํ า ตอบของนั ก เรี ย น แลวจัดกลุมคําตอบ นับจํานวนนักเรียนในแตละกลุม คําตอบ หาคารอยละ ผลการศึกษาวิจัย ผลการจัดการเรียนรู ตามแนวคิด วิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสั ง คม ผนวกปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง เรื่ อ ง อาณาจั ก รสิ่ ง มี ชี วิ ต ของนั ก เรี ย นชั้ น มัธยมศึกษาปที่ 4 มีจํานวน 2 ดาน ดังนี้ [1] ดานแนวคิดวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักร สิ่งมีชีวิต
ตารางที่ 1 แนวคิดของนักเรียน เรือ่ ง อาณาจักรสิ่งมีชีวิตที่มีแนวคิดแบบตาง ๆ กอนและหลังการจัดการเรียนรูตามแนวคิด วิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (N = 25)
แนวคิด
กอน
1. การจัดหมวดหมู สิ่งมีชีวิต 2. ชื่อวิทยาศาสตร 3. อาณาจักรสิ่งมีชีวิต 3.1 อาณาจักรมอเนอรา 3.2 อาณาจักรโพรทิสตา 3.3 อาณาจักรฟงไจ 3.4 อาณาจักรพืช 3.5 อาณาจักรสัตว
SU
หลัง
กอน
0
1(4.00)
5(20.00)
0
0
0
0 0 0 0 0
2(8.00) 1(4.00) 1(4.00) 0 0
3(12.00) 4(16.00) 0 0 3(12.00)
PU
หลัง
PU/SM กอน หลัง
14(56.00) 8(32.00)
กอน
SM
หลัง
NU กอน หลัง
7(28.00)
9(36.00)
3(12.00)
3(12.00)
0
15(60.00) 9(36.00) 10(40.00)
13(52.00)
0
3(12.00)
0
22(88.00) 17(68.00) 19(76.00) 22(88.00) 20(80.00)
13(52.00) 12(48.00) 15(60.00) 13(52.00) 12(48.00)
1(4.00) 5(20.00) 1(4.00) 1(4.00) 2(8.00)
9(36.00) 8(32.00) 9(36.00) 8(32.00) 9(36.00) SS 702
0 0 0 0 0
0 1(4.00) 1(4.00) 1(4.00) 1(4.00)
0 2(8.00) 4(16.00) 2(8.00) 3(12.00)
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
จากตารางที่ 1 พบว า การจั ด การเรี ยนรู ต าม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญา ของเศรษฐกิ จ พอเพี ย งพั ฒ นาแนวคิ ด เรื่ อ ง อาณาจั ก ร สิ่งมีชีวิต ดังนี้ [1] แนวคิด เรื่อง การจัดหมวดหมูสิ่งมีชีวิต โดย ใชคําถามดังนี้ “หากนักเรียนตองการจัดหมวดหมูของ สิ่งมีชีวิตจากภาพที่กําหนดให ไดแก งู ปรง ปลา ลิ เ วอร เ วิ ร ต เหงื อ กปลาหมอ มด ไส เ ดื อ น และเต า นักเรียนสามารถจัดไดอยางไร และใชเกณฑใดบาง” จากการวิ เ คราะห ข อ มู ล ผู วิ จั ย พบว า ก อ นการ จัดการเรียนรูไมมีนักเรียนที่มีความเขาใจอยางสมบูรณ (SU) แต ห ลั ง การจั ด การเรี ย นรู มี นั ก เรี ย นส ว นน อ ย (4.00%) ที่มีความเขาใจอยางสมบูรณ (SU) ดังตัวอยาง คําตอบ “จากภาพจัดไดเปน 2 กลุม คือ กลุมพืชเปน สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ ส ามารถสร า งอาหารเองได เพราะสามารถ สังเคราะหแสงได ไดแก ปรง ลิเวอรเวิรต เหงือกปลาหมอ และกลุมสัตวเปนสิ่งมีชีวิตที่ไมสามารถสราง อาหารเองได จึงกินผูอื่นเปนอาหาร ไดแก งู ปลา มด ไสเดือน เตา (นร.23)” อยางไรก็ตามผูวิจัยพบวานักเรียน เกิ น ครึ่ ง (56.00%) มี ค วามเข า ใจบางส ว น (PU) โดย สามารถจัดหมวดหมูสิ่งมีชีวิตที่กําหนดใหแบงออกเปน 2 กลุ ม ได แ ก พื ช และสั ต ว เ ท า นั้ น แต ไ ม ไ ด บ อกเกณฑ ใด ๆ ในการจัดจําแนกประเภท ดังตัวอยางคําตอบ “จาก ภาพที่กําหนดใหแบงออกเปนพืชและสัตว พืช ไดแก พืช ไมมีทอลําลียง ลิเวอรเวิรต พืชมีทอลําเลียง แบงเปนพืช เมล็ ด เปลื อ ย คื อ ปรง และพื ช ดอก เป น ใบเลี้ ย งคู คื อ เหงือกปลาหมอ สัตว ไดแก มีกระดูกสันหลัง คือ งู ปลา เต า และไม มี ก ระดู ก สั น หลั ง คื อ มด และไส เ ดื อ น (นร.22)” ซึ่งมีเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกอนการจัดการ เรียนรู (20.00%) นอกจากนี้นักเรียนบางสวนทั้งกอนการ จั ด การเรี ย นรู ( 28.00%) และหลั ง การจั ด การเรี ย นรู นักเรียนบางสวน (32.00%) มีความเขาใจบางสวนและมี แนวคิดคลาดเคลื่อน (PU/SM) ดังตัวอยางคําตอบ “จาก ภาพจัดไดเปน 2 กลุม คือ สัตว ไดแก งู ปลา มด ไสเดือน เตา และพืช ไดแก ปรง ลิเวอรเวิรต เหงือกปลาหมอ ใน กลุมสัตวแบงออกเปน สัตวมีกระดูกสันหลัง ไดแก เตา
และสัตวไมมีกระดูกสันหลัง ไดแก งู ปลา ไสเดือน มด (นร.12)” จากตัวอยางคําตอบจะพบวานักเรียนมี แนวคิด คลาดเคลื่อน (SM) เนื่องจากนักเรียนเขาใจวางูและปลา จัดอยูในกลุม สัตวที่ไมมีกระดูกสันหลัง โดยใชลักษณะ ของการเคลื่อนที่มาเปนเกณฑในการ จัดกลุม และนักเรียน (12.00%) มีแนวคิดคลาดเคลื่อน (SM) โดยไม ส ามารถระบุ เ กณฑ ที่ ชั ด เจนในการจั ด ประเภท และไมไดจัดประเภทของสิ่งมี ชีวิตจากภาพที่ กําหนดให ดังตัวอยางคําตอบ “จัดตามหมวดหมูตาม ลักษณะ ที่อยูอาศัย การดํารงชีวิต การเจริญเติบโต และ ชนิ ด ของสิ่ ง มี ชี วิ ต (นร.11)” ซึ่ ง มี จํ า นวนลดลงเมื่ อ เปรี ย บเที ย บกั บ ก อ นการจั ด การเรี ย นรู ( 36.00%) นอกจากนี้หลังการจัดการเรียนรูผูวิจัยพบวาไมมีนักเรียน ที่ไมเขาใจ (NU) [2] แนวคิด เรื่อง ชื่อวิทยาศาสตร โดยใชคําถาม ดั ง นี้ “นั ก เรี ย นคิ ด ว า มี ห ลั ก ในการตั้ ง ชื่ อ วิ ท ยาศาสตร อยางไร” จากการวิเคราะหขอมูลผูวิจัยพบวานักเรียนสวน ใหญ (60.00%) มีความเขาใจบางสวน (PU) ดังตัวอยาง คําตอบ “เพราะวาทุกคนไมวาจะพูดคนละภาษากัน แตถา มีชื่อวิทยาศาสตรสามารถทําใหทุก ๆ คน สามารถเขาใจ ในสิ่งนั้นตรงกันได และชื่อวิ ทยาศาสตรเปนชื่อจําเพาะ เจาะจง ซึ่งมีหลักการเขียน คือ ชื่อแรกขึ้นดวยจีนัส ชื่อที่ สองขึ้นดวยสปชีส คําแรกเริ่มตนดวยตัวพิมพใหญและ ตามดวยตัวพิมพเล็ก (นร.23)” จากตัวอยางคําตอบจะ พบวาสามารถระบุความสําคัญของชื่อวิทยาศาสตร คือ ใช เรียกชื่อสิ่งมีชีวิตเพื่อใหทุกคนเขาใจตรงกัน แตนักเรียน สวนใหญไมสามารถอธิบายหลักการตั้งชื่อไดครอบคลุม แนวคิ ด โดยไม ก ล า วถึ ง กํ า หนดชื่ อ วิ ท ยาศาสตร ข อง สิ่งมีชีวิตแบบทวินาม และการเขียนชื่อวิทยาศาสตรใชตัว เอียงหรือขีดเสนใต ซึ่งมีจํานวนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบ กับกอนการจัดการเรียนรูที่ไมมีนักเรียนใดที่มีความเขาใน บางสวน นอกจากนี้นักเรียนบางสวนทั้งกอนการจัดการ เรียนรู (36.00%) และหลังการจัดการเรียนรู (40.00%) มี ความเขาใจบางสวนและมีแนวคิดคลาดเคลื่อน (PU/SM) ดังตัวอยางคําตอบ “ตั้งชื่อใหความหมายสอดคลองกับ SS 703
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
สิ่งมีชีวิต นําคําแตละคํามาประสมกัน คําแรกขึ้นตนดวย ตัวพิมพใหญรองลงมาก็จะเปนตัวพิมพเล็กทุกตัว เพราะ จะช ว ยแยกแยะสิ่ ง มี ชี วิ ต ได และชื่ อ วิ ท ยาศาสตร เ ป น ภาษาอังกฤษและภาษาอังกฤษก็เปนภาษาของโลก เราก็ ไดรูชื่อวิทยาศาสตรทั่วทุกประเทศ และใหทุกคนเขาใจใน สิ่ง เดี ยวกัน (นร.13)” จากตัว อย างคํา ตอบจะพบว า สามารถระบุความสําคัญของชื่อวิทยาศาสตรได แตไ ม สามารถอธิบายหลักการตั้งชื่อไดครอบคลุมแนวคิด และ การระบุวา ชื่อวิทยาศาสตรมาจากการนําคํา แตละคํามา ประสมกั น และชื่อวิ ทยาศาสตร เป นภาษาอั งกฤษ เป น แนวคิดคลาดเคลื่อน (SM) เพราะชื่อวิทยาศาสตรใชภาษา ละติน อยางไรก็ตามหลังการจัดการเรียนรูผูวิจัยพบวาไม มีนักเรียนที่ไมเขาใจ (NU) และมีแนวคิดคลาดเคลื่อน (SM) ซึ่ ง มี จํ า นวนลดลงเมื่ อ เปรี ย บเที ย บกั บ ก อ นการ จัดการเรียนรู (52.00%) และ (12.00%) ตามลําดับ [ 3] แ น ว คิ ด เ รื่ อ ง อ า ณ า จั ก ร สิ่ ง มี ชี วิ ต ประกอบดวย 5 แนวคิดยอย ไดแก อาณาจักรมอเนอรา อาณาจักรโพรทิสตา อาณาจักรฟงไจ อาณาจักรพืช และ อาณาจั ก รสั ต ว ใช คํ า ถาม ดั ง นี้ “จากภาพสิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ กําหนดให ไดแก A คือ อะมีบา B คือ แบคทีเรีย C คือ เห็ด D คือ มอส E คือ ผีเสื้อ F คือ พะยูน G คือ พลับพลึง ธาร และ H คือ ดาวทะเล นักเรียนคิดวาอยูในอาณาจักร ใดบาง เพราะเหตุใดจึงคิดเชนนั้น” [3.1] แนวคิ ด วิ ท ยาศาสตร เรื่ อ ง อาณาจั ก ร มอเนอรา จากการวิ เคราะหข อมู ล ผูวิ จัย พบว า นั ก เรี ย น สวนนอย (8.00%) มีความเขาใจอยางสมบูรณ (SU) ดัง ตัวอยางคําตอบ “ภาพ B คือ แบคทีเรีย อยูในอาณาจักรมอ เนอรา เป นโพรคาริโ อตเซลล เดี ยว สรา งอาหารเองได และสรางอาหารเองไมได เปนผูยอยสลาย (นร.08)” ซึ่งมี จํานวนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกอนการจัดการเรียนรูที่ ไมมีนักเรียนคนใดสามารถตอบไดครอบคลุมแนวคิดนี้ นักเรียนสวนใหญ (88.00%) มีความเขาใจบางสวน (PU) ดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ B เปนสิ่งมีชีวิตในอาณาจักร มอ เนอรา เพราะเปนสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก ๆ เปนโพรคาริ โอตเซลลเดียว (นร.10)” จากตัวอยางคําตอบจะพบวา สามารถระบุสิ่งมีชีวิตที่กําหนดใหอยูในอาณาจักรมอเนอ
รา มีลักษณะสําคัญเปนโพรคาริโอตซึ่งจัดเปนสิ่งมี ชีวิต เซลล เ ดี ย ว แต นั ก เรี ย นไม ไ ด ร ะบุ ไ ด ว า สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ กําหนดใหเปนแบคทีเรีย และไมไดอธิบายถึงบทบาทของ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา และมีนักเรียนเพียงคน เดียวเทานั้น (4.00%) ที่มีแนวความคิดคลาดเคลื่อน (SM) ตัวอยางคําตอบ “ภาพ B คือ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว (นร.12)” ซึ่งมีจํานวนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับกอนการ จัดการเรียนรู (52.00%) นอกจากนี้ทั้งกอนการจัดการ เรียนรูและหลังการจัดการเรียนรูผูวิจัยพบวาไมมีนักเรียน ที่ ค วามเข า ใจบางส ว นและมี แ นวคิ ด คลาดเคลื่ อ น (PU/SM) และหลั ง การจั ด การเรี ย นรู ไม มี นั ก เรี ย นที่ ไ ม เขาใจ (NU) ซึ่งมีจํานวนลดลงเมื่อเปรียบเที ยบกับกอน การจัดการเรียนรู (36.00%) [3.2] แนวคิดวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจัก ร โพรทิสตา จากการวิเคราะหขอมูลผูวิจัยพบวานักเรียน เพียงคนเดียวเทานั้น (4.00%) มีความเขาใจอยางสมบูรณ (SU) ดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ A คือ อะมีบาอยูในอาณา โพรทิสตา ลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักร โพ รทิสตา คือ เปนยูคาริโอตมีเซลลเดียวและหลายเซลล แต ไมไดพัฒนาเปนเยื้อเยื่อ มีการดํารงชีวิตเปนผูผลิต และ ผูบริโภค ตัวอยางสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรโพรทิสตา เชน พารามี เ ซี ย ม (นร.08)” ซึ่ ง มี จํ า นวนเพิ่ ม ขึ้ น เมื่ อ เปรียบเทียบกับกอนการจัดการเรียนรูที่ไมมีนักเรียนคน ใดมี แ นวคิ ด นี้ เ ลย และนั ก เรี ย นส ว นใหญ (68.00%) มี ความเขาใจบางสวน (PU) ดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ A คือ อะมี บ า อยู ใ นอาณาจั ก รโพรทิ ส ตา ทํ า ให เ กิ ด โทษ สิ่งมีชีวิตอื่นตาย (นร.06)” จากตัวอยางคําตอบจะพบวา นั ก เรี ย นตอบคํ า ถามไม ค รอบคลุ ม แนวคิ ด โดยไม ไ ด อธิบายวาเปนยูคาริโอตมีเซลลเดียวและหลายเซลล และ ไม ไ ด มี ก ารพั ฒ นาเป น เยื้ อ เยื่ อ ซึ่ ง มี จํ า นวนเพิ่ ม ขึ้ น เมื่ อ เปรี ย บเที ย บกั บ ก อ นการจั ด การเรี ย นรู ( 16.00%) นอกจากนี้ นั ก เรี ย นสว นน อ ยทั้ ง ก อนการจัด การเรี ย นรู (4.00%) และหลังการจัดการเรียนรู (8.00%) มีความเขาใจ บางสวนและมีแนวคิดคลาดเคลื่อน (PU/SM) โดยระบุ อาณาจักรของสิ่งมีชีวิตจากภาพที่กําหนดใหไมถูกตอง และตอบคําถามไมครอบคลุมแนวคิด ดังตัวอยางคําตอบ SS 704
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
“ภาพ A คือ อะมีบาจัดอยูในอาณาจักรมอเนอรา สราง อาหารเองไมได (นร.11)” และนักเรียนบางสว น (20.00%) มีแนวคิดคลาดเคลื่อน (SM) โดยไมสามารถ ระบุอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตจากภาพที่กําหนดใหได ดัง ตั ว อย า งคํ า ตอบ“ภาพ A คื อ สิ่ ง มี ชี วิ ต ในอาณาจั ก ร มอเนอรา (นร.25) ซึ่งมีจํานวนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับ กอนการจัดการเรียนรู (48.00%) อยางไรก็ตามหลังการ จัดการเรียนรูผูวิจัยพบวาไมมีนักเรียนที่ไมเขาใจ (NU) เมื่อเปรียบเทียบกับกอนการจัดการเรียนรู (32.00%) [3.3] แนวคิดวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักร ฟง ไจ จากการวิเคราะหขอมูลผูวิจัยพบวา กอนการจัดการ เรี ยนรูไ ม มีนั กเรี ยนที่มี มี ความเขาใจอยางสมบูรณ (SU) และมีความเขาใจบางสวน (PU) แตหลังการจัดการเรียนรู นักเรียนสวนนอย(4.00%) มีความเขาใจอยางสมบูรณ (SU) ดังตัวอยางคําตอบ“ภาพ C คือ เห็ด อยูในอาณาจักรฟงไจ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้ คือ เปนยูคาริโอต เซลลเดียวและหลายเซลล ไมเปนเนื้อเยื่อ เปนผูยอยสลาย สรางอาหารเองไมได ตัว อยางสิ่งมี ชีวิต ในอาณาจักรนี้ เชน รา (นร.08)” และนัก เรียนส วนใหญ (76.00%) มี ความเขาใจบางสวน (PU) ดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ C คือ เ ห็ ด อ ยู ใ น อ า ณ า จั ก ร ฟ ง ไ จ ลั ก ษ ณ ะ เ ป น ยูคาริโอต และสรางอาหารเองไมได นอกจากนี้สิ่งมีชีวิต ในอาณาจักรนี้มี รา และยีสตดวย (นร.14)” จากตัวอยาง คําตอบจะพบวานักเรียนไมสามารถอธิบายลักษณะของ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรฟงไจไดครอบคลุมแนวคิด วาเปน สิ่ง มี ชี วิต เซลล เ ดี ยวหรื อหลายเซลลที่ ไ ม ได พั ฒ นาเป น เนื้อเยื่อ พรอมทั้งไมไดบอกถึงบทบาทหนาที่ นอกจากนี้ นักเรียนบางสวนทั้งกอนการจัดการเรียนรู (4.00%) และ หลังการจัดการเรียนรู (16.00%) มีความเขาใจบางสวน และมีแนวคิดคลาดเคลื่อน (PU/SM) ดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ C คื อ สิ่ง มีชี วิ ตที่ อยู ใ นอาณาจั ก รฟ งไจ เพราะ อาณาจักรฟงไจอยูในพืช จําพวกเห็ดราตาง ๆ เปนผูยอย สลาย (นร.10)” อยางไรก็ตามนักเรียนสวนนอย (4.00%) มีแนวคิดคลาดเคลื่อน (SM) โดยนักเรียนมีความเขาใจวา เห็ ด เป น พื ช โดยสั ง เกตจากลั กษณะภายนอกที่ มี ลํ า ต น คลายพืชดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ C เปนสิ่งมีชีวิตที่อยูใน
อาณาจักรพืช (นร.19)” ซึ่งมีจํานวนลดลงเมื่อเปรียบเทียบ กับกอนการจัดการเรียนรู (60.00%) และหลังการจัดการ เรี ย นรู ผู วิ จั ย พบว า ไม มี นั ก เรี ย นที่ ไ ม เ ข า ใจ (NU) เมื่ อ เปรียบเทียบกับกอนการจัดการเรียนรู (36.00%) [3.4] แนวคิดวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักรพืช จากการวิเคราะหขอมูลผูวิจัยพบวา นักเรียนสวนใหญ (88.00%) มีความเขาใจบางสวน (PU) โดยไมสามารถ ตอบคําถามไดครอบคลุมแนวคิด โดยไมไดระบุวาภาพ D คือ มอส และภาพ G คือ พลับพลึงธาร และไมได อธิ บ ายว า เป น สิ่ ง มี ชี วิ ต หลายเซลล ดั ง ตั ว อย า งคํ า ตอบ “ภาพ D และ G อยูในอาณาจักรพืช สามารถสราง อาหารเองได พั ฒนาเปนเนื้ อเยื่อ แลว (นร.11)” ซึ่ง มี จํานวนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับกอนการจัดการเรียนรูที่ ไม มี นั ก เรี ย นที่ มี คํ า ตอบอยู ใ นกลุ ม แนวคิ ด นี้ เ ลย นอกจากนี้ นั ก เรี ย นบางส ว นทั้ ง ก อ นการจั ด การเรี ย นรู (4.00%) และหลังการจัดการเรียนรู (8.00%) มีความเขาใจ บางสวนและมีแนวคิดคลาดเคลื่อน (PU/SM) โดยระบุ อาณาจั ก รสิ่ ง มี ชี วิ ต ของภาพ D ไม ถู ก ต อ งดั ง ตั ว อย า ง คําตอบ “ภาพ G อยูอาณาจักรพืช เพราะสรางอาหารเอง ได เปนยูคาริโอต ภาพ D อยูในอาณาจักรฟงไจ เพราะ จั ด เป น ยู ค าริ โ อต เป น ผู ย อ ยสลาย (นร.09)” และมี นักเรียนเพียงคนเดียวเทานั้น (4.00%) เทานั้นที่มีแนวคิด คลาดเคลื่อน (SM) ดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ D และ G เปน สิ่งมีชีวิตที่อยูตามธรรมชาติ (นร.16)” จากตัวอยาง คําตอบพบวานักเรียนไมไดระบุวาสิ่งมีชีวิตที่กําหนดให คืออะไร อยูในอาณาจักรใด และไมไดบรรยายลักษณะ ของสิ่ ง มี ชี วิ ต ในอาณาจั ก รพื ช อย า งไรก็ ต ามหลั ง การ จัดการเรียนรูผูวิจัยพบวาไมมีนักเรียนที่ไมเขาใจ (NU) เมื่อเปรียบเทียบกับกอนการจัดการเรียนรู (32.00%) [3.5] แนวคิดวิทยาศาสตร เรื่อง อาณาจักรสัตว จากการวิ เคราะหข อมูล ผูวิ จัย พบวา นัก เรีย นส วนใหญ (80.00%) มีความเขาใจบางสวน (PU) โดยสามารถระบุ ได ว า สิ่ ง มี ชี วิ ต ที่ กํ า หนดให อ ยู ใ นอาณาจั ก รสั ต ว และ สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตวมีลักษณะสําคัญ คือ เปนยูคาริ โอต พัฒนาเปนเนื้อเยื่อ มีบทบาทเปนผูบริโภค แตไมได ระบุวาภาพ E คือ ผีเสื้อ ภาพ F คือ พะยูน และภาพ H คือ SS 705
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
ดาวทะเล และไมไดอธิบายวาเปนสิ่งมีชีวิตหลายเซลล ดัง ตัวอยางคําตอบ “ภาพ E, F และ H เปนสิ่งมีชีวิตที่อยูใน อาณาจักรสัตว เปนยูคาริโอต มีเนื้อเยื่อ และผูกินผูอื่นเปน อาหาร (นร.01)” ซึ่งมีจํานวนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ ก อ นการจั ด การเรี ย นรู (12.00%) นอกจากนี้ นั ก เรี ย น บางสวนทั้งกอนการจัดการเรียนรู (4.00%) และหลังการ จั ด การเรี ย นรู (12.00%) มี ค วามเข า ใจบางส ว นและมี แนวคิดคลาดเคลื่อน (PU/SM) ดังตัวอยางคําตอบ “ภาพ E F และ H อยูในอาณาจักรสัตว (ยูคาริโอตสรางอาหาร เองได) (นร.04) และนักเรียนสวนนอย (8.00%) มี แนวคิดคลาดเคลื่อน (SM) โดยมีความเขาใจวาสิ่งมีชีวิต ในอาณาจักรสัตวสามารถสรางอาหารเองได ดังตัวอยาง คําตอบ “ภาพ E F และ H เปนสิ่งมีชีวิตที่สรางอาหารเอง ได (นร.24)” ซึ่งมีจํานวนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับกอน การจัดการเรียนรู (48.00%) อยางไรก็ตามหลังการจัดการ เรี ย นรู ผู วิ จั ย พบว า ไม มี นั ก เรี ย นที่ ไ ม เ ข า ใจ (NU) เมื่ อ เปรียบเทียบกับกอนการจัดการเรียนรู (36.00%) [2] การมี สว นรว มในประเด็ นที่ เกี่ ย วข องกั บ อาณาจักรสิ่งมีชีวิต ผูวิจัยพบวากอนการจัดการเรียนรู ตามแนวคิด วิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง นักเรียนจํานวน 72% มีสวนรวมใน ประเด็นอาณาจักรสิ่งมีชีวิต แตหลังการจัดการเรียนรู ตาม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพี ย ง นั ก เรีย นมี สว นร วมในประเด็ น อาณาจักรสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นเปน 100% นักเรียนมีสวนรวม ในประเด็นที่เกี่ยวของกับ อาณาจักรสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้น ดัง ตารางที่ 2 ตารางที่ 2 การมีสวนรวมของนักเรียน เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต กอนและหลังการจัด การเรียนรู ตาม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ประเด็น อาณาจักรสิ่งมีชีวิต
การมีสวนรวม กอน หลัง 18(72.00) 25(100.00)
นอกจากนี้ เ มื่ อ วิ เ คราะห ก ารมี ส ว นร ว มของ นั ก เรี ย น ผู วิ จั ย พบว า นั ก เรี ย นมี ส ว นร ว มในประเด็ น ดังกลาว ในระดับที่แตกตางกัน ดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 การมีสวนรวมของนักเรียน เรื่อง อาณาจั ก รสิ่ ง มี ชี วิ ต ในระดั บ ต า ง ๆ ก อ นและหลั ง การ จัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และ สังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับการ มีสวนรวม ครอบครัว ชุมชน สังคม
จํานวนความถี่ (รอยละ) กอน หลัง 1(4.00) 4(15.38) 13(52.00) 14(53.85) 4(16.00) 8(30.77)
จากตารางที่ 3 พบวาหลังการจัดการเรียนรูตาม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพี ย ง นั ก เรีย นมี สว นร วมในประเด็ น อาณาจั ก รสิ่ ง มี ชี วิ ต โดยนั ก เรี ย นมี ส ว นร ว มในระดั บ ครอบครัวจํานวน 15.38% ดังตัวอยางคําตอบของนักเรียน วา “ถาเราเรียนแลวไมนําไปใชก็นาเสียดาย เพราะถาเกิด เราไมนําความรูที่ศึกษามาใชในทางที่ถูกตอง ดังนั้น เรา ควรนําความรูที่เรียนมาไปบอกผูปกครองเพื่อที่ผูปกครอง จะไดชวยกันดูแล (นร.16)” และนักเรียนมีสวนรวมใน ระดับสังคม จํานวน 30.77% ตัวอยางคําตอบของนักเรียน วา “ควรชวยกันขยายพันธุโดยการเพาะปลูกต นกลา คน ในชุ ม ชนควรช ว ยกั น ดู แ ลรั ก ษาและปกป อ ง (นร.22)” และมีสวนรวมในระดับชุมชน จํานวน 53.85% ตัวอยาง คํา ตอบของนัก เรี ย นว า “บอกทุ กคนในจัง หวั ดระนอง พังงา รูถึงสาเหตุวาพลับพลึงธารเปนพืชที่ถูกคุกคามและ ใกลสูญพันธุ วาควรจะทําอยางไร หรือปลูกฝงจิตใจใหรู ถึงการรักษาพืชที่หาอยากที่สุด (นร.03)” อภิปรายผลการวิจัย จากผลการวิจัยพบวาหลังการจัดการเรียนรู ตาม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญา
SS 706
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
ของเศรษฐกิจ พอเพี ย ง ส ง เสริม การรู วิ ท ยาศาสตร ข อง นักเรียน ใน 2 ดาน ดังนี้ [1] ดา นแนวคิด วิ ทยาศาสตร หลั ง การจัด การ เรียนรูตามแนวคิด วิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สงเสริมนักเรียนใหมี การพั ฒ นาในทุ ก แนวคิ ด เรื่อ ง อาณาจั ก รสิ่ ง มี ชี วิ ต แต อยางไรก็ต ามในแนวคิดชื่อ วิทยาศาสตร อาณาจั กรพื ช และอาณาจั ก รสั ต ว ไม มี นั ก เรี ย นที่ มี ค วามเข า ใจอย า ง สมบูรณ สอดคลองกับงานวิจัยของ ศรวณีย ลาเต (2553) เนื่องมาจากแนวคิด เรื่อง อาณาจักรสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะ แนวคิดชื่อวิทยาศาสตรสิ่งมีชีวิตเปนแนวคิดที่มีคําศัพท ทางวิทยาศาสตรที่นักเรียนไมคุนเคย และอาจจะมาจาก การขาดความรูพื้นฐานและการขาดความรอบคอบในการ ตอบคําถามนักเรียน รวมทั้งจากการจัดการเรียนรูที่ผานมา ของผูวิจัยพบวานักเรียนทั้งหมดมีปญหาเกี่ยวกับทักษะ การอานภาษาอังกฤษ แตนักเรียนสวนใหญมีความเขาใจ บางสวนในทุกแนวคิด และไมพบนักเรียนที่อยูในกลุมที่ ไม เ ข า ใจแนวคิ ด จากผลการวิ จั ย แสดงให เ ห็ น ว า การ จัดการเรียนรูตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และ สั ง คม ส ง เสริ ม การพั ฒ นาแนวคิ ด วิ ท ยาศาสตร ข อง นักเรียน [13]; [14]; [21] ดวยลักษณะการจัดการเรียนรูที่ เนนผูเรียนเปนศูนยกลาง สงเสริมใหนักเรียนมีสวนรวม ทุกขั้น ตอนของการจัดการเรียนรู เริ่ม จากการพิจ ารณา ประเด็ น ป ญ หาทางสั ง คม หรื อ สิ่ ง ที่ น า สนใจเกี่ ย วกั บ วิท ยาศาสตร และเทคโนโลยีที่ สง ผลกระทบตอ คนใน สังคมนําเขาสูบทเรียน [14] เปนการกระตุนความสงสัย ของนักเรียนทําใหเกิดความอยากเรียนรูอยากเห็น โดย การตั้งคําถามเพื่อใชสํารวจคนควาหาคําตอบแลวนําเสนอ สิ่งที่ไดจากการคนพบนําไปสูการลงมือปฏิบัติ [22] ทําให นักเรียนเกิดจึงพฤติกรรมการเรียนรูสอดคลองกับทฤษฎี การสรางองคความรูดวยตนเอง (Constructivis Theory) ทําใหนักเรียนเกิดความทาทาย อยากรูอยากเห็น สนใจใน การจะติดตามขอมูลตาง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณา ตั ด สิ น ใจในเรื่ อ งราวที่ เ กิ ด ขึ้ น ในชี วิ ต ประจํ า วั น [23]ทํ า ให นั ก เรี ย นสามารถปรั บ เปลี่ ย นแนวคิ ด ที่
คลาดเคลื่อนใหถูกตอง นําไปสูสรุปและเชื่อมโยงสิ่งที่ได เรียนรู และความคิดกอนขั้นนําไปใชจริง [21] [2] ดานการมีสวนรวมในประเด็นวิทยาศาสตร พบว า หลั ง การจั ด การเรี ย นรู ตามแนวคิ ด วิ ท ยาศาสตร เทคโนโลยี และสั ง คม ผนวกปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง นั ก เรี ย นทั้ ง หมดมี ส ว นร ว มในประเด็ น ที่ เกี่ ยวขอ งกั บ อาณาจัก รสิ่ ง มีชี วิต ทั้ง ในระดั บครอบครั ว ชุมชน และสั งคม ทั้ งนี้ เนื่ องจากการจั ดการเรีย นรู ตาม แนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม ผนวกปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ไดนําประเด็น ปญหาทางสังคมที่ เกิดจากวิท ยาศาสตร และเทคโนโลยี นํ าเข าสูบทเรีย น [21] เปดโอกาสใหนักเรียนไดแสดงและแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นโดยเขาไปมีสวนรวมทําใหไดรับประสบการณ ที่ เกิดจากการเรียนรู ดวยกระบวนการกลุม [24] ประกอบ กั บ ผู ป กครองของนั ก เรี ย นส ว นใหญ ป ระกอบอาชี พ การเกษตร และทําประมง นอกจากนี้การจัดการเรียนรูใน ครั้ ง นี้ นั ก เรี ย นได ไ ปเรี ย นรู น อกสถานที่ ซึ่ ง เป น แหล ง ทรัพยากรธรรมชาติที่สําคัญในชุมชนของนักเรียน รวมถึง จากการสั ม ภาษณ อ ย า งไม เ ป น ทางการพบว า บ า นของ นักเรียนสวนใหญอยูใกลกับปาชายเลนจึงทําใหนักเรียนมี โอกาสเขารวมกิจกรรมที่เกี่ยวของกับปาชายเลน เปนการ ส ง เสริ ม ให นั ก เรี ย นได เ ข า ไปมี ส ว นร ว มในการให ขอเสนอแนะ รณรงคเกี่ยวกับอาณาจักรสิ่งมีชีวิตใหกับ ผูอื่นทั้งในระดับครอบครัวชุมชน และสังคม กิตติกรรมประกาศ งานวิ จั ย นี้ สํ า เร็ จ ได อ ย า งเรี ย บร อ ยและสมบู ร ณ ขอขอบพระคุณผูเชี่ยวชาญทุกทานที่ใหคําแนะนําในการ ตรวจ แก ไ ขเครื่ อ งมื อ ที่ ใ ช ใ นงานวิ จั ย ขอบพระคุ ณ อาจารย นักเรียนและผูที่เกี่ยวของที่ใหความรวมมือ และ ขอขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรที่สนับสนุน ทุ น อุ ด หนุ น การค น คว า และวิ จั ย ประเภทวิ ท ยานิ พ นธ ระดับบัณฑิตศึกษา ประจําปงบประมาณ 2556
SS 707
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
เอกสารอางอิง [1] American Association for the Advancement of Science. 1990. Science for all American. New York : Oxford University Press. [2] สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่ ง แ ว ด ล อ ม . 2 5 5 1 . ม า ต ร ก า ร ป อ ง กั น ควบคุม และกําจัดชนิดพันธุตางถิ่น. กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม. [3] กีรติ กิ่งแกว. 2555. ภาวะเสี่ยงความหลากหลายทาง ชีวภาพในประเทศไทย. คนเมื่อ 7 สิงหาคม 2555, จาก http://wqm.pcd.go.th. [4] นงลักษณ สกุลญานนทวิทยา 2544. พัฒนาตามแนว พระราชดําริ ชุดที่ 1. พิมพครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). [5] สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.). 2554. คูมือครูสาระการเรียนรู พื้นฐานและเพิ่มเติม ชีววิทยา เลม 5 ชั้น มัธยมศึกษาปที่ 4-6. กรุงเทพฯ : คุรุสภา ลาดพราว. [6] โครงการ PISA ประเทศไทย, สถาบันสงเสริมการ สอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี. 2551. ตัวอยางการประเมินผลวิทยาศาสตรนานาชาติ: PISA และ TIMSS. กรุงเทพมหานคร : หาง หุนสวนจํากัด อรุณการพิมพ. [7] National Research Council (NRC). 1996. National Science Education Standards. Washington D.C. : National Academy Press. [8] Chris, D.F. 2006. Biodiversity for Beginneers. Teaching Statistics. 28(3), 66-70.
[9] สายใจ ทิพพิชัย. 2550. การเปรียบเทียบผลการ เรียนรูแบบวัฏจักรการเรียนรูแ บบ 7 ขั้นโดยพหุ ปญญากับการสืบเสาะแบบ สสวท. ที่มีตอ แนวคิดเลือกเกี่ยวกับมโนมติชีววิทยา : พืช หรือ สัตว และการจัดจําแนกสัตว และการคิดเชิง วิพากษวิจารณของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5. วิทยานิพนธมหาบัณฑิตศึกษา สาขา วิทยาศาสตรศึกษา. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, กรุงเทพฯ. [10] ญาณพัฒน พรมประสิทธิ์และคณะ. 2551. “การ รับรูของครูและนักเรียนเกี่ยวกับสภาพการ จัดการเรียนการสอนเรื่องความหลากหลายของ สิ่งมีชีวิต”. วารสารวิทยาศาสตรเกษตรศาสตร สาขาสังคมศาสตร, (29), 1-10. [11] ศรวณีย ลาเต. 2553. การพัฒนาแนวคิด วิทยาศาสตรเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ ของนักเรียนชั้นมธยมศึกษาปที่ 4 โดยการ จัดการเรียนรูตามแนวทฤษฎีสรรคนิยมและการ ใชแหลงการเรียนรูในทองถิ่น. วิทยานิพนธ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร ศึกษา. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, กรุงเทพฯ. [12] พันธ ทองชุมนุม. 2547. การสอนวิทยาศาสตร ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : โอ เดียนสโตร. [13] NSTA. 1993. “Science/Technology/Society : A New Effort for Providing Appropriate Science for all”. pp. 3-5. In R.E.Yager(ed.). What Research Says to the Science Teacher Volume Seven. The Science, Technology, Society Movement. Washngton, DC : The National Science Teacher Association. [14] นฤมล ยุตาคม. 2542. การจัดประสบการณการ เรียนรูวิชาวิทยาศาสตรโดยใชโมเดลการสอน วิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม (Science, Technology and Society-STS Model). ศึกษา ศาตรปริทัศน, 14(3), 29-48. SS 708
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแหงชาติครั้งที่ 29 ณ มหาวิทยาลัยแมฟาหลวง ระหวางวันที่ 24-25 ตุลาคม 2556
[15] Wilson, J. and S. Livingston. 1996. “Process Skills Enhancement in the STS Classroom.” Pp. 59-67. in R.E. Yager(ed.). Science/Technology/Society As Reform in Science Education. New York : States United of America of New York. [16] เกียรติศักดิ์ ชิณวงศ. 2544. การสอนแนวคิด วิทยาศาสตร-เทคโนโลยี-สังคม(STS)โดยใช หองเรียนธรรมชาติ. วารสารวิชาการ, 4 (11), 13-27. [17] ปรียานุช พิบูลสราวุธ. 2549. เศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกตใชทางการศึกษา. คนเมื่อ 7 สิงหาคม 2555, จาก http: // www.sufficiencyeconomy.org. [18] สํานักงานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติ. 2550. ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ 21 เซ็นจูรี่. [19] Murcia, K. 2006. An evidenced based framework for developing scientific Literacy. April 5, 2012. http://www. waier.org.au/forums/2006/ muecia.html, [20] Organisation for Economic Cooperation and Development. 2007. Assessing scientific, reading and mathematical literacy: A framework for PISA 2006. February 2, 2012. http://www.oecd.org/dataoecd/63/ 35/37464175.pdf [21] ณัฐวิทย พจนตันติ. 2546. การจัดการเรียนการสอน วิชาวิธีสอนชีววิทยาตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยีและสังคม. ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎี บัณฑิต สาขาวิทยาศาสตรศึกษา. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร, กรุงเทพฯ. [22] Yager, R. E. 1996. Science/Technology/Society As Reform in Science Education. United States of America : University of New York.
[23] วราวรรณ ศิริอุเทน และโชคชัย ยืนยง. 2552. การ พัฒนากระบวนการเรียนรูแ ละยุทธศาสตรเมตา คอกนิชันของนักเรียน เกี่ยวกับพลังงาน นิวเคลียรตามแนวคิดวิทยาศาสตร เทคโนโลยี และสังคม. คนเมื่อ 7 สิงหาคม 2555, จาก http: // www.nst.or.th/nstconf/nst/nst11/ED/ED01.pdf. [24] Lutz, M. 1996. “The Congruency of the STS Approach and Constructivism”. pp. 39-49 in R.E. Yager (ed.).Science/Technology/Society As Reform in Science Education. New York : State University of New York Press.
SS 709