ALL ABOUT COFFEE photo | history | drink | health
by kratua
ก
าแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำ�จากเมล็ดซึ่งได้จากต้นกาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ดกาแฟ คั่ว มีการปลูกต้นกาแฟในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
กาแฟเขียว (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการคั่ว) เป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อ ขายกันมากที่สุดในโลก กาแฟมีส่วนประกอบของคาเฟอีน ทำ�ให้มันมีสรรพคุณชูกำ�ลังใน มนุษย์ ปัจจุบัน กาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก....
การค้นพบกาแฟ และการนำ�ผลิตผลออกสู่โลกภายนอก มีตำ�นานเล่าขานกันมาไม่แพ้ นิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมากล่าวกันว่าในต้นศตวรรษที่ 6 มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อคาลดี เป็น ชาวอาบิสซีเนียหรือเอธิโอเปียในปัจจุบัน หนุ่มน้อยผู้นี้มีอาชีพเลี้ยงแพะ ทุกวันเขาจะนำ�ฝูงแพะ ออกไปหาอาหารกินตามทุ่งนาและตามเนินเขาต่างๆเมื่อเจอแหล่งหญ้าและพุ่มไม้ที่อุดมสมบูรณ ์ เขาก็จะปล่อยให้ฝูงแพะหากินตามสบาย ส่วนตัวเขาตามประสาหนุ่มขี้เกียจก็จะหาที่ร่มเพื่อนอน พัก ตกเย็นก็ต้อนฝูงแพะกลับบ้าน นี่คือกิจวัตรประจำ�วันของเขา แม้เขาจะเป็นคนขี้เกียจ แต่เขา ยังมีความดีอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นคนช่างสังเกต วันหนึ่งเขาสังเกตเห็นความผิดปกติของฝูงแพะ หลังจากที่มันไปหากินตามบริเวณเนินเขา ดูเหมือนว่ามันจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น เจ้าหนุ่มคาลดีก็ เริ่มจับตาดูว่าฝูงแพะมันไปกินอะไรเข้าจึงเกิดอาการเช่นนี้ และก็สังเกตว่ามีผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดง ชนิดหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นอาหารที่ฝูงแพะของเขากิน จากการเฝ้าสังเกตติดต่อกัน หลายวัน เขาจึงสันนิษฐานว่าจะต้องเป็นผลไม้สีแดงนี้แน่ที่เป็นสาเหตุให้ฝูงแพะกระปรี้กระเปร่า ขึ้น เพื่อความแน่ใจเขาจึงเด็ดผลไม้นี้ติดตัวกลับบ้านและทดลองกินดูเขาก็เลยกลายเป็นหนุ่มคน แรกที่ได้ลิ้มรสชาติของผลไม้วิเศษที่มีชื่อเรียกกันภายหลังว่า “กาแฟ” นับว่าเป็นโชคดีของชาวโลกที่เจ้าหนุ่มคาลดี ไม่ได้เก็บการค้นพบโดยบังเอิญนี้ไว้คนเดียว เขานำ� สิ่งที่พบไปเล่าให้นักบวชที่อยู่ในหมู่บ้านฟัง ความที่ เป็นพระและมีความรู้ทางสมุนไพร พระรูปนี้จึงได้ นำ�ผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงนี้ไปลอกเปลือกออก และ นำ�ไปตากแห้ง จากนั้นนำ�ไปต้มน้ำ� ดื่มเป็นน้ำ�สมุน ไพรและสังเกตความเปลี่ยนแปลงของตนเองดูก็พบ ว่าความง่วงหงาวหาวนอนในระหว่างที่สวดมนต์ ตอนเย็น ได้หายไปและมีความกระปรี้กระเปร่าเข้า มาแทนที่ทำ�ให้การสวดมนต์สรรเสริญพระเจ้าใน ตอนเย็นมีชีวิตชีวาขึ้น และจากที่วัดนี้เองการต้ม ผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงที่เรียกว่า”กาแฟ” ก็ได้แพร ่หลายออกไปสู่บริเวณใกล้เคียง
จากภาพ: เมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วในเครื่องบดกาแฟ
จากการค้นพบครั้งแรกในศตวรรษที่ 6 เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 16 การดื่มกาแฟ และขายเมล็ดพันธุ์ยังคงจำ�กัดอยู่ในวงแคบ และอยู่ในมือของชาวอาหรับเท่านั้น ชาวอาหรับ หวงแหนเมล็ดกาแฟมากและเก็บเป็นความลับสุดยอด เมล็ดกาแฟที่จะส่งออกไปจำ�หน่ายให้ พ่อค้าจะต้องผ่านการต้มสุกเสียก่อนเพื่อป้องกันการนำ�ไปขยายพันธุ์ แต่ในที่สุดเมล็ดกาแฟที่ เป็นของหวงแหนของชาวอาหรับก็ถูกมือดีชาวอินเดียลักลอบนำ�ออกไปสู่โลกภายนอกจนได้ ในระหว่างเดินทางกลับจากการไปแสวงบุญที่กรุงเมกกะ นายบาบา บูดาน ผู้มีถิ่นพำ�นัก อยู่ที่ไมซูทางภาคกลางของประเทศอินเดียได้ลักลอบนำ�ผลกาแฟสุกสีแดง 6-7 เมล็ด ซุกไว้ ที่ผ้าคาดเอวและนำ�มาปลูกที่หลังบ้านของเขา เมื่อผลกาแฟที่เพาะเจริญเติบโตขึ้นนายบาบา บูดาน ก็ได้แบ่งต้นกล้าที่เพาะได้ต้นหนึ่งให้แก่พ่อค้าชาวดัตซ์ นำ�ไปทดลองปลูกที่เกาะชวาและ ประสบผลสำ�เร็จ พ่อค้าชาวดัตซ์จึงได้นำ�พันธุ์มาปลูกที่สวนพฤกษชาติในกรุงอัมสเตอร์ดัม ต้น กล้าในสวนพฤกษชาติแห่งนี้จึงกลายเป็นต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของกาแฟในยุโรป ส่วนต้นกล้า ของ นายบาบา บูดาน ก็กลายเป็นต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของต้นกาแฟในอินเดีย
“ ชาวอาหรับหวงแหนเมล็ดกาแฟมากและเก็บเป็นความลับสุดยอด เมล็ดกาแฟที่จะส่งออกไปจำ�หน่ายให้พ่อค้าจะต้องผ่านการต้มสุกเสียก่อน เพื่อป้องกันการนำ�ไปขยายพันธุ์ ”
การขยายพันธุ์ไปยังทวีปอเมริกานั้น มีตำ�นานเล่าว่า ในปี ค.ศ. 1723 มีทหารเรือชาว ฝรั่งเศสชื่อกาเบรียล แมธธิว เดอคิว ได้อุตส่าห์ทะนุถนอมต้นกาแฟ 6 ต้นที่เขานำ�ลงเรือมา ด้วยในระหว่างเดินทางจากยุโรปไปยังทวีปอเมริกา เขายอมสละน้ำ�จืดของเขามารดต้นกล้า กาแฟเพื่อไม่ให้มันตาย แต่มันก็ตายไปทีละต้นและเมื่อเรือเดินทางมาถึงเมืองท่ามาร์ตีนิกในหมู่ เกาะแคริบเบียน เขาก็เหลือต้นกล้าที่รอดตายเพียงต้นเดียวเขาเฝ้าทะนุถนอมต้นกาแฟที่รอด ตายนี้ดุจไข่ในหินและสามปีต่อมาต้นกาแฟต้นนี้ก็เริ่มผลิดอกออกผล 50 ปีให้หลังก็ได้ขยาย พันธุ์ไปมากกว่า 20 ล้านต้น และต่อมาอีก 250 ปี ดินแดนแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นดินแดนที่ปลูก กาแฟมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกรองจากชา
ต้นกาแฟเป็นพืชพื้นเมืองเขตร้อนแถบแอฟริกาและเอเชียใต้ กาแฟถูกจัดให้อยู่รวมกับพืชม ี ดอก ของวงศ์ Rubiaceae ถูกจัดเป็นต้นไม้ประเภทไม่ผลัดใบ ต้นกาแฟสามารถสูงได้ถึง 5 เมตรถ้า ไม่เล็มออก ใบของต้นกาแฟมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ขนาดโดยเฉลี่ยยาว 10-15 เซนติเมตร และ กว้าง 6 เซนติเมตร ดอกของต้นกาแฟมีสีขาว มีกลิ่นหอม และจะบานพร้อมกันทั้งต้น ผลกาแฟมี ลักษณะรียาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ผลกาแฟอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อสุก สีของเมล็ดจะเปลี่ยนเป็น สีเหลือง และเมื่อนำ�ไปผึ่งให้แห้ง สีของเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและสีดำ�ในที่สุด ผลกาแฟแต่ละ ผลจะมีเมล็ดอยู่สองเมล็ด แต่ผลกาแฟประมาณ 5-10% จะมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว เมล็ดจำ�พวก นี้จะเรียกว่า พีเบอร์รี่ โดยปกติแล้ว ผลกาแฟจะสุกภายในเจ็ดถึงเก้าเดือน กาแฟมักจะได้รับการขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด วิธีดั้งเดิมในการปลูกกาแฟคือการใส่ เมล็ดกาแฟจำ�นวน 20 เมล็ดในแต่ละหลุม เมื่อย่างเข้าฤดูฝน เมล็ดกาแฟครึ่งหนึ่งจะถูกกำ�จัดตาม ธรรมชาติ เกษตรกรมักจะปลูกต้นกาแฟร่วมกับพืชผลประเภทอื่น ๆ อย่างเช่น ข้าวโพด ถั่วหรือ ข้าว ในช่วงปีแรก ๆ ของการเพาะปลูก
กาแฟสายพันธุ์หลักที่ปลูกกันทั่วโลกมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ Coffee canephora และCoffee arabica กาแฟอาราบิก้า (ผลผลิตจาก Coffee arabica) ถูกพิจารณา ว่าเหมาะแก่การดื่มมากกว่ากาแฟโรบัสต้า (ผลผลิตจาก Coffee canephora) เพราะกาแฟ โรบัสต้ามักจะมีรสชาติขมกว่าและมีรสชาติน้อยกว่ากาแฟอาราบิก้า ด้วยเหตุผลดัง กล่าว กาแฟที่เพาะปลูกกันจำ�นวนกว่าสามในสี่ของโลกจึงเป็น Coffee Arabica อย่างไร ก็ตาม Coffee canephora สามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถก่อให้เกิดโรคได้น้อยกว่า Coffee arabica และสามารถปลูกได้ในสภาพแวดล้อมที่ Coffee arabica ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ กาแฟโรบัสต้ามีปริมาณคาเฟอีนผสมอยู่มากกว่ากาแฟอาราบิกาอยู่ประมาณ 40-50% ดังนั้น ธุรกิจกาแฟจึงมักใช้กาแฟโรบัสต้าทดแทนกาแฟอาราบิก้าเนื่องจากมีราคาถูก กว่า กาแฟโรบัสต้าคุณภาพดีมักจะใช้ผสมในเอสเพรสโซเพื่อให้เกิดฟองและลดค่าวัตถุดิบ ลง นอกจากกาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้แล้ว ยังมี Coffee liberica และ Coffee esliaca ซึ่งเชื่อ กันว่าเป็นพืชท้องถิ่นของประเทศไซบีเรียและทางตอนใต้ของประเทศซูดานตามลำ�ดับ เมล็ดกาแฟอาราบิก้าส่วนใหญ่ปลูกในละตินอเมริกา แอฟริกาตะวันออก อาราเบียหรือเอเชีย ส่วนเมล็ดกาแฟโรบัสต้าปลูกในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ไปจนถึง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนของประเทศบราซิล เมล็ดกาแฟที่ปลูก ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันส่งผลให้เมล็ดกาแฟของแต่ละท้องถิ่น ทำ�ให้เกิดลักษณะ เฉพาะตัว อย่างเช่น รสชาติ กลิ่น สัมผัสและความเป็นกรด ลักษณะรสชาติของกาแฟนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ปลูกเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์กำ�เนิดและกระบวนการ ผลิตด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว ความแตกต่างนี้จะสามารถรับรู้กันในท้องถิ่นเท่านั้น
จากภาพ: ต้นกาแฟกำ�ลังแทงช่อดอกหรือออกดอกใหม่
จากภาพ: ต้นกาแฟกำ�ลังออกดอกสีขาว ส่งกลิ่น
กาแฟนิยมปลูกตามบริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แบ่งออกเป็น 4 พื้นที่เพาะปลูกที่สำ�คัญ แถบแอฟริกาและแหลมอาหรับ,แถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้,แถบอินโดนีเซีย,แถบบริเวณ อื่นๆ และชนิดของเมล็ดกาแฟที่นิยมปลูกตามพื้นที่ต่างๆให้รสชาติและมีเอกลักษณ์แต่งต่าง กัน กาแฟถูกค้นพบครั้งแรกในทวีปแอฟริกา อย่างที่คอกาแฟทุกคนทราบกัน หลังจากนั้น กาแฟได้อพยพแยกย้ายไปทั้งทางซ้ายและขวาของโลก เกิดเป็นถิ่นฐานกาแฟตามที่ต่างๆ ซึ่ง จะไปทางเหนือได้ไม่เกินเส้นทรอปิคออฟแคนเซอร์ (Tropic of Cancer) และหยุดอยู่ทางใต้แค่ เส้นทรอปิคออฟแคปริคอน (Tropic of Capricon) จะสังเกตได้ว่าถิ่นฐานกาแฟจะอยู่บริเวณ เส้นศูนย์สูตร ทำ�ให้พื้นที่การปลูกกาแฟของโลกที่มีลักษณะคล้ายเข็มขัดBean-Belt ส่วนการปลูกกาแฟในประเทศไทย ประเทศไทยรู้จักกาแฟมามากกว่าครึ่งศตวรรษ จนสามารถส่งออกขายต่างประเทศได้ แต่ครึ่งศตวรรษที่ว่าเป็นช่วงเวลาของกาแฟเฉพาะ พันธุ์โรบัสต้า (โรบุสต้า) ซึ่งมีรกรากอยู่ภาคใต้ของประเทศเท่านั้น จนในปี พ.ศ. 2519 ด้วย คุณสมบัติสองประการของกาแฟพันธุ์อราบิก้า คือ 1. ราคาสูงคุ้มค่าเหนื่อยในการปลูก 2. มี ความพร้อมในการรับช่วงดิน ภูมิอากาศ และความสูงเหนือระดับน้ำ�ทะเล ของพื้นที่ที่เคยปลูก ฝิ่น เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ใช้ในการปลูกฝิ่น จึงทำ�ให้เป็นที่นิยมปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น และสามารถส่งออกตลาดโลกได้
จากภาพ ถนนทางเข้าไร่ไสวพัฒนาที่ยังคงเป็นทางลูกรัง
จากภาพ เฮียหนุ่มกำ�ลังให้สัมภาษณ์ถึงลักษณะของเมล็ดและต้น กาแฟของที่ไร่สไวพัฒนา
จากภาพ ผลกาแฟสีแดงสด ที่สุกได้ที สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว
จากการที่เราได้ทราบข้อมูลของกาแฟกันมาแล้วในเนื้อหาก่อนหน้านี้ จึงได้ทราบกัน ว่าต้นกาแฟนั้นต้นกำ�เนิดมาจากต่างประเทศและเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก ซึ่งบ้านเราก็ ไม่แพ้กันค่ะ เราคงเคยคุ้นหูกับกาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง กาแฟอินทนิน เป็นต้น ซึ่งล้วน แต่เป็นกาแฟที่ปลูกในภาคเหนือของประเทศไทยเพราะด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมใน การเพาะปลูก แต่ใครจะเชื่อว่ากาแฟที่ปลูกในโคราชบ้านเราก็มีเหมือนกันนะค่ะ อยู่ไม่ใกล้ไม่ ไกลโดยตั้งอยู่ที่ บ้านดงมะไฟ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 40 กิโลเมตร เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณบ้านดงมะไฟ ทุกท่านจะพบกับหมู่บ้านเล็กๆรายล้อมไปด้วย ต้นไม้ บรรยากาศดีมากค่ะเพราะตั้งอยู่บนเขา ชาวบ้านแถวนี้จะนำ�พืชผักผลไม้ที่ปลูกเอง มาวางขายหน้าบ้านของตนเองเพื่อหารายได้เล็กๆน้อยๆให้ครอบครัว และบริเวณสองข้าง ทางจะมีสวนผลไม้ และไร่กาแฟเต็มไปหมด จุดหมายของเราคือ ไร่กาแฟไสวพัฒนา โดยไร่ แห่งนี้เป็นไร่กาแฟแห่งการเรียนรู้ของคนในหมู่บ้าน เพราะเจ้าของไร่ เฮียหนุ่ม(ที่ชาวบ้าน เรียกกัน) ได้เป็นผู้ริเริ่มนำ�กาแฟเข้ามาปลูกในที่แห่งนี้จนกลายเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้กับ คนในหมู่บ้าน โดยวันนี้เฮียหนุ่มได้มีโอกาสมาพูดคุยให้ข้อมูล พร้อมทั้งพาเที่ยวชมไร่กาแฟ ไสวพัฒนาด้วยค่ะ
เมื่อมาถึงไร่แห่งนี้เราก็ได้พบกับต้นกาแฟจำ�นวนมากมีทั้งต้นที่มีผลกาแฟและไม่มี ผลกาแฟ ซึ่งเฮียหนุ่มได้บอกกับเราว่า “ทางไร่เพิ่งเก็บผลผลิตไปเมื่อวานนี้เอง น่าเสียดาย ที่ไม่ได้มาเห็นผลเชอร์รี่ แดงสวยทั้งไร่” ได้ฟังแล้วก็รู้สึกเสียดายเลยค่ะเพราะเรามีความ ตั้งใจมากที่จะมาเห็นต้นกาแฟแบบมีผลกาแฟสีแดงเต็มต้น เฮียหนุ่มอธิบายต่ออีกว่าที่ เรียก“ผลเชอร์รี่”ก็เพราะเมล็ดกาแฟเมื่อผลดิบจะมีสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด เหมือนลูกเชอรี่ โดยกาแฟของที่นี่จะเป็นกาแฟสายพันธุ์ อาราบิก้า ซึ่งได้ต้นกาแฟมาจาก ศูนย์วิจัยพันธุ์เกษตรเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในช่วงแรกที่ยังไม่มีความรู้ในเรื่องการปลูก กาแฟก็จะใช้วิธีการเลียนแบบการปลูกกาแฟตามที่ต่างๆ มีการปลูกต้นถั่วแมคคาเดเมีย เพื่อเป็นร่มเงาแก่ต้นกาแฟ เพราะต้นกาแฟชอบอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เพื่อที่สารกาแฟจะได้ มีเวลาสะสมความเข้มข้น ต่างจากกาแฟที่อยู่กลางแดดจัดเมื่อออกผลสารกาแฟก็จะถูก เร่งการเจริญเติบโตโดยแดดและสุกเร็ว สารกาแฟก็ยังไม่เข้มข้นพอ เฮียหนุ่มยังกล่าวอีกว่า การปลูกต้น แมคคาเดเมียเพื่อเป็นร่มเงานั้นไม่ค่อยได้ผล เท่าไหร่เพราะแมคคาเดเมียชอบอากาศเย็นจัด แต่ที่นี่เย็นไม่พอจึงทำ�ให้โตช้ามากไม่ทันได้เป็น ร่มเงาให้กาแฟ จึงได้มีการทดลองหาต้นไม้ ชนิดอื่นมาปลูกแทน ซึ่งก็ไม่ใช่ต้นไม้ที่พิเศษ มากมายเป็นต้นไม้บ้านเราเองค่ะ นั้นก็คือ ต้นกล้วย สาเหตุที่ใช้ต้นกล้วยนั้น เฮียหนุ่ม กล่าวว่าต้นกล้วยนี่ดีมากๆเลยสามารถเป็น ร่มเงาให้ต้นกาแฟได้ ด้วยใบที่ใหญ่ ต้นโตเร็ว ทนต่อหน้าแล้งแม้ไม่ได้รดน้ำ� แถมยังไม่แย้ง อาหารของต้นกาแฟ เราได้ฟังแล้วจึงได้เข้าใจเ ลยค่ะว่าทำ�ไมต้นกล้วยถึงได้เต็มไร่ไปหมด ส่วนเหตุผลที่เลือกปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า นั้นเพราะพื้นที่ในการปลูกเหมาะสมมากกว่า กาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ชอบน้ำ� รสชาติจะเปรี้ยว
“ ทางไร่เพิ่งเก็บผลผลิต ไปเมื่อวานนี้เอง น่าเสียดาย ที่ไม่ได้มาเห็นผลเชอร์รี่ แดงสวยทั้งไร่ ”
เราเดินไปเรื่อยๆตามแนวไร่ สังเกตได้ว่าไร่นี้กว้างขวางมากไม่มีที่สิ้นสุด จึงได้ทราบ ข้อมูลว่าไร่นี้มีเนื้อที่ประมาณ 47 ไร่ แต่ถ้าโดยรวมๆทั้งหมู่บ้านก็มีการปลูกรวมกันแล้ว 600700 ไร่ ที่นี่มีความสูงจากระดับน้ำ�ทะเลที่ 560 เมตร โดยถือว่าเป็นระดับที่กำ�ลังดีในการ ปลูกกาแฟ เพราะกาแฟอาราบิก้าจะไม่ชอบแดดจัด ชอบอากาศเย็นซึ่งจะช่วยให้กาแฟสุกช้า รสชาติจึงเข้มข้น ไร่ไสวพัฒนา ปลูกกาแฟมา 7 ปี มีผลผลิตออกขายทำ�รายได้เข้าสู่หมู่บ้าน เพราะที่นี่จะมีการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดงมะไฟ เพื่อให้ชาวบ้านได้นำ�เมล็ดกาแฟมา ขายเป็นรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวหรือบางครอบครัวการปลูกกาแฟถือเป็นอาชีพหลักเลย ทีเดียว เมื่อกลุ่มวิสาหกิจได้รับซื้อเมล็ดกาแฟมาจากชาวบ้านแล้วก็จะนำ�มาคั่วอย่างพิถีพิถัน จากนั้นก็จะนำ�มาบรรจุหีบห่อออกวางจำ�หน่ายทั้งในหมู่บ้านและส่งออกไปขายตามต่าง อำ�เภอหรือจังหวัดอื่นๆ ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีมาก สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่หมู่บ้านดง มะไฟ
เฮียหนุ่มกล่าวต่ออีกว่า การเก็บเมล็ดกาแฟที่นี้จำ�ง่ายๆเลยคือ “ออกดอกวันแม่ เก็บผลวันพ่อ” แต่ละต้นจะมีความสูงแค่ระดับตัวคนเพื่อให้สะดวกต่อการเก็บผลผลิต โดยเมื่อเก็บผลกาแฟหรือที่เรียกกันว่าผล เชอร์รี่ก็จะนำ�มาล้างน้ำ�ให้สะอาด จากนั้นก็จะ นำ�มาคัดเลือกผลที่มีคุณภาพด้วยวิธีการแบบง่ายๆคือ การแช่ในน้ำ� ถ้าผลไหนลอยน้ำ� ก็แสดงว่าไม่มีคุณภาพก็จะถูกคัดทิ้ง แล้วก็จะนำ�ผลที่มีคุณภาพมาทำ�การสีเอาเปลือก สีแดงๆออก แล้วก็นำ�เมล็ดกาแฟด้านในมาตากแดดจัดๆ 5 วัน เพื่อให้แห้งสนิท จากนั้น จะมีการคัดแยกเมล็ดตามขนาด ซึ่งเมล็ดกาแฟที่นี้ค่อนข้างโต ถือว่าเกรด AA ขายได้ถึง กิโลกรัมละ 130 บาท ถือว่าได้ราคามาก เมื่อคัดเมล็ดเสร็จก็จะนำ�มาใส่กระสอบเก็บไว้ 6 เดือนเพื่อให้สารกาแฟได้เข้มข้นเต็มที่แล้วจึงนำ�ออกมาขาย
การเก็บเมล็ดกาแฟที่นี้จำ�ง่ายๆเลยคือ “ออกดอกวันแม่ เก็บผลวันพ่อ”
ในที่สุดเราก็มาไม่เสียเที่ยวค่ะเพราะนอกจากความรู้ที่ได้รับในเรื่องกาแฟแล้ว เรา ก็ได้เจอต้นกาแฟที่ยังไม่เก็บผลผลิต ยังมีผลสีแดงเต็มต้น โดยผลจะขึ้นตามก้านของ ต้นในส่วนบนๆเกือบถึงยอด ใบต้นกาแฟจะมีสีเขียวเข้มสวยเป็นเงามัน เฮียหนุ่มให้ข้อมูล เพิ่มเติมอีกว่ามีบางต้นจะเป็นผลสีเหลือง นั้นก็ผลกาแฟเหมือนกันแต่จะไม่นิยมปลูก เพราะสีไม่สวย ไม่ค่อยน่ากิน อายุของต้นกาแฟจะอยู่ราวๆ 10 ปีโดยประมาณหลังจากนั้น คุณภาพก็จะลดลง จึงไม่นิยมปลูกไว้ต่อ
วันนี้เราก็ได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับกาแฟจากเฮียหนุ่ม ผู้ริเริ่มการปลูกกาแฟอราบิ ก้าบ้านดงมะไฟ ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีอย่างมาก โดยส่วนใหญ่แล้วเฮียหนุ่มจะไม่ค่อยมีเวลา ว่างมาให้ข้อมูลหรือสัมภาษณ์ใดๆเพราะด้วยภารกิจต่างๆในการเป็นผู้นำ�ชุมชน ทางเราต้อง ขอขอบพระคุณเฮียหนุ่มเป็นอย่างสูงที่ได้เสียสละเวลามามอบข้อมูลความรู้และอำ�นวยความ สะดวกในการเดินทาง การถ่ายภาพเก็บบรรยากาศ สุดท้ายนี้เฮียหนุ่มยังฝากให้เรากลับมาเยี่ยมชมไร่กาแฟนี่อีก รวมทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ ไร่กาแฟให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นเพราะส่วนใหญ่คนจะไม่ค่อยรู้ว่าหมู่บ้านเล็กๆบนเขาแห่งนี้มีไร่ กาแฟหลายร้อยไร่ อีกทั้งยังมีบรรยากาศที่ดี เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดเป็น อย่างมาก....
แหล่งผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียง - จาไมกา เป็นแหล่งผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก บลูเมาน์เทน ซึ่งปลูกบนยอด เขาสูง ผลผลิตเกือบทั้งหมดถูกส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น และที่เหลืออีกเล็กน้อยถูกส่งไป สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, และเยอรมนี ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงคือ ไฮเมาน์เทนซูพรีม (Hign Mountain Supreme) และ ไพรม์วอชท์จาไมกัน (Prime Washed Jamaican) - บราซิล ผลิตกาแฟเป็นอันดับ 1 ของโลก ยี่ห้อมีชื่อคือ บราซิเลียน ซานโตส (Brazillian Santos) - โคลัมเบีย ผลิตกาแฟเป็นอันดับ 2 ของโลก กาแฟที่มีชื่อคือ ซูรีโม (Suremo) - ฮาวาย กาแฟขึ้นชื่อคือ โคน่า (Kona) - อินโดนีเซีย ชวา วิธีการเฉพาะของที่นี่คือ การบ่มในโกดังพิเศษเพื่อให้เมล็ดกาแฟ เปลี่ยนสี และมีรสชาติที่ดี , สุมาตรา ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า กาแฟแมนเฮลิงและอันโก ลาของชวา มีรสชาติดีกว่าบลูเมาน์เทนและโคน่าเสียอีก - อินเดีย มีกาแฟรสชาติเฉพาะตัว ชื่อมอนซูน มาลาบาร์ (Monsooned Malabar) - เอธิโอเปีย ประชากร 1 ใน 4 ของประเทศมีรายได้จากอุตสาหกรรมกาแฟ กาแฟที่นี่มี ลักษณะเฉพาะเนื่องจากมีกาแฟป่าปะปนอยู่ แต่นี่ก็เป็นสาเหตุให้รสชาติมีความไม่แน่นอนสูง ด้วยเช่นกัน กาแฟที่มีชื่อเสียงคือ ฮารา ลองเบอรี่ (Harrar Longberry), ซีดาโม (Sidamo), และ คาฟฟา (Kaffa) - เคนยา พิถีพิถันเรื่องคุณภาพมาก กาแฟที่มีคุณภาพที่สุดคือ “เคนยา AA” - เวียดนาม ส่งออกกาแฟได้เป็นอันดับ 3 ของโลก สำ�หรับประเทศไทยปลูกกาแฟโรบัสต้า ร้อยละ 98 โดยมากปลูกทางภาคใต้เช่น กระบี่ และชุมพร อีกประมาณร้อยละ 2 เป็นกาแฟอราบิก้าซึ่งปลูกมากตามดอยต่างๆ ทางภาคเหนือ กาแฟที่มีชื่อเสียงของไทยได้แก่ กาแฟดอยช้าง ซึ่งปลูกบนดอยช้าง จังหวัด เชียงราย ถือว่าเป็นกาแฟได้จากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับสากล และรสชาติดี เทียบเคียงกับกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก
กาแฟในประเทศไทย กาแฟไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ ดังนี้ สายพันธุ์โรบัสต้า มีปลูกอยู่ทางภาคใต้ของไทย ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ นครศรีธรรมราช โรบัสต้า สามารถปลูกง่าย ดูแลง่าย กาแฟสายพันธุ์โรบัส ต้า เป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สายพันธุ์โรบัสต้า มีความเด่นใน เรื่อง Body ที่สูง ไม่ค่อยมีกลิ่นและรสชาติ ทนทานต่อโรคได้ดี นิยมใช้ในการผลิตเป็นกาแฟ สำ�เร็จรูป เพราะสามารถแต่งกลิ่นและรสได้ สายพันธุ์อราบิก้า มีปลูกมากทางภาคเหนือของประเทศ มีระดับความสูงจากระดับ น้ำ�ทะเล ระดับ 800-1,600 เมตร จังหวัดที่มีการปลูกสายพันธุ์อราบิก้า เช่น เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำ�ปาง ตาก อราบิก้า เม็ดสุกช้ารสดี อราบิก้ามีความเด่นเรื่องกลิ่น หอม มี Aroma มี Acidity ที่สามารถสร้างรสชาติบนลิ้นเป็นที่ชื่นชอบระดับสากล สายพันธุ์ อราบิก้าในเมืองไทย เป็นสายพันธุ์คาติมอร์ มีความโดดเด่น เรื่อง Aroma แรง มี Acidity มี ความเปรี้ยวค่อนข้างมาก ให้ความหวานปานกลาง Body ค่อนข้างต่ำ� มีความเค็มเล็กน้อย
กระบวนการผลิต การทำ�เมล็ดกาแฟดิบ (สารกาแฟ) ในการบริโภคกาแฟ จะเป็นการบริโภคส่วนเมล็ดของต้นกาแฟ ผลกาแฟที่สุกจะถูกเก็บ เกี่ยว และ ผ่านกระบวนการที่ทำ�ให้ได้เมล็ดกาแฟดิบ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะส่งผลต่อ คุณภาพด้านรสชาติ ของกาแฟเป็นอย่างมาก วิธีที่นิยมทำ�กันได้แก่ 1. วิธีแห้ง Dry method 2. วิธีเปียก Wet method 1. วิธีแห้ง (Dry method)เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก และ มีต้นทุนต่ำ� เหมาะสำ�หรับพื้นที่ที่มีน้ำ�ไม่มากนัก จึงทำ�ให้คุณภาพที่ได้ต่ำ�กว่าการทำ�โดยวิธีเปียก - นำ�เอาผล กาแฟที่เก็บเกี่ยวได้มาตากแดดบนลานตาก ประมาณ 15 - 20 วัน เมื่อกาแฟแห้ง (สังเกตได้โดย เมื่อเขย่าจะมีเสียงเมล็ดกระทบเปลือก )จึงนำ�ไปกระเทาะ หรือสีเอาเปลือกผล แห้งออก ซึ่งอาจกระทำ�ไปพร้อมกับการคัดขนาดเมล็ดด้วย ก็จะได้เมล็ดกาแฟดิบตามต้องการ วิธีแห้งนี้เป็นที่นิยม ในการผลิตกาแฟโรบัสต้าในภาคใต้
2. วิธีเปียก (Wet method) เป็นวิธีการสำ�หรับผลิตกาแฟคุณภาพ มีขั้นตอนดังนี้ คือ - นำ�ผลกาแฟแช่น้ำ� หรือ ลอยน้ำ� เพื่อแยกผลที่ไม่สมบูรณ์ออกจากผลที่ดี เทผลกาแฟลงเครื่องปอกเปลือก ( ไม่ควรทิ้งผลกาแฟสุกไว้เกิน 24 -36 ชั่วโมง ) เพราะจะ เกิดการบูดเน่า ของสารประกอบภายในผลกาแฟจะทำ�ให้เกิดกลิ่น และรส อันไม่พึ่งประสงค์ กลายเป็นกาแฟคุณภาพต่ำ�ได้ - นำ�กาแฟที่ปอกเปลือกแล้วใส่ลงในบ่อซีเมนต์ หรือถังพลาสติก ซึ่งมีทางระบายน้ำ�ด้านล่าง ใส่กาแฟประมาณ 3/4 ของถัง แล้วเติมน้ำ�ลงไป ให้ปริ่ม เอ็นไซม์ในกาแฟจะย่อยเมือกหุ้มเมล็ด ออกภายในเวลาประมาณ 36-72 ชั่วโมง ขึ้นกับอุณหภูมิ และ ลักษณะของเมล็ดกาแฟ เมื่อเมือกหุ้มหลุดจากเมล็ดแล้ว ( สัมผัสแล้วไม่ลื่น ) ทำ�การล้างให้สะอาด แช่น้ำ�ทิ้งไว้ประมาณ 12-24 ชั่วโมง ก่อนน้ำ�ขึ้นมาตากแห้ง เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพทางด้านรสชาติ สรงกาแฟกะลาเปียกขึ้นจากน้ำ� แล้วนำ�มาผึ่งให้แห้ง โดยการเทลงบนลานตากกระจายกาแฟ กะลาเปียก ให้มีความหนาประมาณ 1.5 - 3 นิ้ว หมั่นพลิกกลับเมล็ดคืนด้วย การตากให้แห้ง ได้อย่างสม่ำ�เสมอ และ ควรใช้วัสดุ ปกคลุมกันน้ำ�ค้าง ในเวลากลางคืนด้วย การตากให้แห้งจะ ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน การตรวจสอบว่าเมล็ดกาแฟแห้ง พร้อมจะนำ�ไปสีได้ โดยการแกะ กะลากาแฟออกแล้วใช้เล็บจิกเมล็ดดูถ้าเมล็ดกาแฟแห้งจะจิกไม่เข้า หรือ ลองกัดดู กาแฟที่ยัง ไม่แห้งจะเหนียว ถ้านำ�ไปสีเมล็ดจะแบน และแตก ทำ�ให้คุณภาพเสียไป นำ�กาแฟกะลาแห้งไปสีเอากะลาออก ซึ่งเครื่องสีบางประเภทอาจมีส่วน ของการคัดขนาดเมล็ด กาแฟไปพร้อมกันเลย หลังคัดขนาดแล้ว ทำ�การคัดสีเมล็ดกาแฟอีกครั้งเพื่อให้คุณภาพกาแฟ ดีขึ้น - วิธีเปียกนี้แม้ว่าจะมีขั้นตอนมากกว่า และ ต้นทุนสูงกว่าวิธีแห้ง แต่ เป็นวิธีที่ใช้ในการส่ง เสริมการผลิตกาแฟ อาราบิก้า ทางภาคเเหนือ เพราะทำ�ให้คุณภาพกาแฟดี เป็นที่ต้องการของ ตลาด ได้ราคาสูง
ข้อดีข้อเสียของการผลิตสารกาแฟโดยวิธีแห้ง และวิธีเปียก ........................................................................................................................ วิธีแห้ง ข้อดี 1. เป็นวิธีที่ง่าย แลต้นทุนตำ� 2. ผลกาแฟไม่จำ�เป็นต้องสุกสม่ำ�เสมอกันสามารถทำ�ได้จากผลกาแฟทุกชนิด 3. ไม่ต้องใช้ความรู้ ความชำ�นาญมากก็ทำ�ได้ 4. เหมาะสมที่จะใช้ในพื้นที่ที่มีน้ำ�จืด ข้อเสีย 1. สารกาแฟที่ได้มีคุณภาพต่ำ�กว่าวิธีเปียก 2. ใช้เวลาในการตากนาน วิธีเปียก ข้อดี 1. ใช้เวลา และพื้นที่ในการตากน้อยกว่าวิธีแห้ง 2. มีเมล็ดแตกหักน้อยกว่าในขั้นตอนการสี 3. สารกาแฟมีคุณภาพกว่าวิธีแห้ง 4. ต้องใช้น้ำ�ปริมาณมาก ข้อเสีย 1. มีขั้นตอนมาก และต้นทุนสูงกว่า 2. ต้องใช้ความรู้ และเทคนิคที่เพียงพอ ถ้าไม่ถูกขั้นตอนจะได้สารกาแฟคุณภาพต่ำ� 3. ไม่สามารถทำ�ได้กับผลดิบ หรื รู้จักกาแฟและวิธีการเก็บรักษา ก่อนชงกาแฟแก้ว โปรด
รู้จักกาแฟและวิธีการเก็บรักษา ก่อนชงกาแฟแก้วโปรด
...................................................................................................................... กาแฟเป็นเครื่องดื่มการเก็บรักษากาแฟที่ดีจะทำ�ให้กาแฟยังคงสดใหม่ และช่วยคง รสชาติและความหอมของกาแฟไว้ได้นาน การเก็บรักษากาแฟมีข้อควรคำ�นึงถึงอยู่ 4 อย่างคือ อากาศ ความชื้น แสง และความ ร้อน เพราะเป็นตัวเปลี่ยนรสชาติ และความหอมของกาแฟ.. การเก็บรักษาจึงควรหลีกเลี่ยง ทั้ง 4 อย่างนี้..คำ�แนะนำ�ทั่วๆ ไปในการเก็บรักษาก็มีดังนี้ - ควรเก็บกาแฟไว้ในขวดแก้วปิดสนิท เพราะแก้วไม่ทำ�ให้รสชาติและกลิ่นกาแฟโดน เจือปน - ควรวางขวดไว้ในที่เย็นและไม่โดนแดดเพราะเชื่อกันว่าแสงอาทิตย์ทำ�ให้กลิ่นระเหยเร็ว และความสดหายไป - ไม่ควรนำ�กาแฟเก็บในตู้เย็น แม้ว่ากาแฟหลายยี่ห้อจะแนะนำ�ให้แช่เย็นก็ตาม เพราะ ความเย็นทำ�ให้รสชาติกาแฟเสีย และเมื่อเอาขวดออกจากตู้เย็นจะทำ�ให้เกิดความชื้นในขวดได้ - ถ้าเป็นไปได้ ควรซื้อเมล็ดกาแฟคั่วที่ยังไม่ได้บด เพราะมีพื้นผิวสัมผัสอากาศน้อยกว่า กาแฟที่บดแล้ว จึงเก็บรักษาได้นานกว่า ได้รสชาติและกลิ่นที่หอมกว่า - เมล็ดกาแฟควรนำ�มาบดเมื่อต้องการจะชง ในปริมาณที่ต้องการดี่ม .. ไม่ควรบดทิ้งไว้ ล่วงหน้านานๆ เพราะถ้าทิ้งกาแฟไว้นานจะถูกอากาศนานเกินไป ทำ�ให้กาแฟไม่สด - หากไม่มีเครื่องบดกาแฟ ควรจะซื้อเป็นเมล็ดกาแฟแล้วให้ร้านค้าบดให้ ปริมาณที่ซื้อกะ ให้พอดีที่จะดื่มในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ดื่มกาแฟที่สดเสมอ
ชนิดของกาแฟ /////////////////
เอสเปรสโซ (อิตาลี: espresso) คือกาแฟที่มีรสแก่และเข้ม ซึ่งมีวิธีการชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำ� หรือน้ำ�ร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด ที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ มาจากคำ�ภาษาอิตาลี “espresso” แปลว่า เร่งด่วน เอสเปรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอน ใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลี การสั่งกาแฟ “caffe” ในร้านโดยทั่วไปก็คือสั่งเอสเปรสโซ เอ สเปรสโซถูกผลิตที่อิตาลีเอสเปรสโซมีต้นกำ�เนิดที่อิตาลีตอนที่อิตาลีล่าเอธิโอเปียมาเป็น อาณานิคมกาแฟก็นำ�มาปลูกที่อิตาลีส่วนใหญ่ ด้วยวิธีการชงแบบใช้แรงอัด ทำ�ให้เอสเปรส โซมีรสชาติกาแฟซึ่งเข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่ว ๆ ไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำ�หยด และ เพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำ�ให้คอกาแฟดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ ปรุงด้วยน้ำ�ตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นชอต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจน เกินไป (ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60มิลลิลิตร แตกต่างตาม พฤติกรรมการดื่ม ของ แต่ละประเทศ) การสั่งเอสเปรสโซตามร้านกาแฟทั่วไป มักสั่งตามปริมาณเป็น “ซิงเกิ้ล” หรือ “ดับเบิ้ล” (ชอตเดียว หรือ สองชอต) เอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำ�ปฏิกิริยากับออกซิเจน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ ๆ
คาปูชิโน (อิตาลี: cappuccino) เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มประเภทกาแฟซึ่งมีต้นกำ�เนิดมาจาก ประเทศอิตาลี คาปูชิโนมีส่วนประกอบหลักคือ เอสเปรสโซ และ นม คำ�ว่า Cappuccino เป็น ภาษาอิตาเลียน ออกเสียงให้ถูกต้องว่า กัปปุชชิโน่ การชงคาปูชิโนโดยส่วนใหญ่มักมีอัตราส่วนของเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมสตีม (นม ร้อนผ่านไอน้ำ�) 1/3 ส่วน และนมตีเป็นโฟมละเอียด 1/3 ส่วนลอยอยู่ด้านบน นอกจากนั้น อาจโรยหน้าด้วยผงซินนามอน หรือ ผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบ ส่วนผสมของคาปูชิโน ต่างจากของลาเต้ มาเกียโต้ (latte macchiato) ซึ่งประกอบไปด้วยนมเป็นส่วนใหญ่และนมตี โฟมเพียงเล็กน้อย ในประเทศอิตาลี ผู้คนมักดื่มคาปูชิโนเป็นอาหารเช้าโดยเฉพาะ โดยอาจมีขนมปังแผ่นหรือ คุกกี้ประกอบ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหาร เช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำ�หรับ ยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำ�ให้ไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน แต่สำ�หรับต่างประเทศรวมถึง ประเทศไทย การดื่มคาปูชิโน ดื่มได้ทุกเวลาโดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
ลาเต้ (อิตาลี: Latte) เป็นภาษาอิตาลีแปลว่านม ส่วนในประเทศอื่น จะหมายถึง กาแฟลาเต้ หรือเครื่องดื่มกาแฟที่เตรียมด้วยนมร้อน โดยการเทเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อมๆ กัน และจะหยอดโฟมนมหนาประมาณ 1 ซม. ทับข้างบน ใน ประเทศอิตาลี กาแฟลาเต้นี้รู้จักกันในชื่อของ “caffe latte” ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม ซึ่งใกล้ เคียงกับในภาษาฝรั่งเศส คำ�ว่า “cafe au lait” กาแฟลาเต้เริ่มเป็นที่นิยมนอกประเทศอิตาลีใน ช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ในการชงกาแฟลาเต้ บาริสต้า (หรือผู้ชงกาแฟที่ชำ�นาญงาน) จะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะ ที่รินนมและโฟมนมลงบนกาแฟ ทำ�ให้เกิดลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า ลาเต้อาร์ต (latte art) หรือ ศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ มอคค่า (อังกฤษ: Cafe Mocha) เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่คล้ายกับกาแฟลาเต้คือมีเอสเพรสโซ่ 1/3 ส่วนและนมร้อน 2/3 ส่วน แต่แตกต่างกันที่มอคค่าจะมีส่วนผสมของช็อคโกแลตด้วย โดยมักจะใส่ในรูปของน้ำ�เชื่อมช็อคโกแลต เสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นใส่น้ำ�แข็ง มักมีวิป ครีมปิดหน้า มอคค่า อาจหมายถึงกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง ซึ่งปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่าใน ประเทศเยเมน กาแฟมอคค่ามีสีและกลิ่นคล้ายชอคโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของชอค โกแลตในมอคค่าเลยก็ตาม) อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำ�ให้กาแฟมอคค่าเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
อเมริกาโน หรือ คาเฟ่ อเมริกาโน (cafe americano) คือเครื่องดื่มกาแฟชนิดหนึ่ง ซึ่งมีวิธีการ ชงโดยเติมน้ำ�ร้อนผสมลงไปในเอสเพรสโซ. การเจือจางเอสเพรสโซซึ่งเป็นกาแฟเข้มข้นด้วย น้ำ�ร้อน ทำ�ให้อเมริกาโนมีความแก่พอ ๆ กับกาแฟธรรมดา แต่มีกลิ่นและรสชาติที่เข้มอันมา จากเอสเพรสโซ อเมริกาโนเหมาะสำ�หรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ� แต่ไม่แก่และหนักถึงขั้นเอสเพรส โซ คอกาแฟส่วนใหญ่นิยมดื่มอเมริกาโนโดยไม่ปรุงด้วยนมหรือน้ำ�ตาล เพื่อดื่มด่ำ�กับรสชาติ กาแฟของอเมริกาโนซึ่งแตกต่างจากกาแฟธรรมดา สำ�หรับที่มาของชื่ออเมริกาโนซึ่งหมายถึงสหรัฐอเมริกานั้น ว่ากันว่าเอสเพรส โซเพียว ๆ นั้น เข้มข้นเกินไปสำ�หรับคอกาแฟชาวอเมริกา จึงมีการเสิร์ฟกาแฟเอสเพรสโซซึ่ง ทำ�ให้เจือจางด้วยน้ำ�ร้อน. แม้ที่มาของชื่อจะหมายถึงกาแฟสไตล์อเมริกา แต่อเมริกาโนก็มิได้ เป็นกาแฟที่ชาวอเมริกานิยมดื่ม จนกระทั่งยุครุ่งเรืองของร้านกาแฟแฟรนไชส์ สตาร์บัคส์ ใน ปี พ.ศ. 2533 แต่ถึงกระนั้นอเมริกาโนก็ไม่จัดเป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมมากนัก....
สรรพคุณของกาแฟ ////////////////////////
กาแฟกับสุขภาพ หลังจากตื่นนอนตอนเช้าได้กาแฟหอมๆสักแก้วจะรู้สึกกระชุ่มกระชายตลอดทั้ง เช้า บางท่านรับกาแฟและขนมบางอย่างเป็นอาหารเช้า หลังจากทำ�งานก็ยังมี coffee break บาง ท่านยังดื่มหลังอาหารเที่ยงและตอนสายๆ ยิ่งต้องเข้าประชุมกาแฟหอมๆสักแก้วจะ ทำ�ให้สดชื่นหายง่วง ปัจจุบันการดื่มกาแฟเป็นที่นิยมการอย่างแพร่หลายตามปั้มน้ำ�มัน ตาม ห้างสรรพสินค้ามีการขายอย่างมากมาย จะเห็นได้ว่ากาแฟเป็นส่วนหนึ่งหรือบางคนอาจ จะเป็นส่วนสองส่วนสามของชีวิต ประจำ�วัน แต่จะมีใครกังวลหรือไม่ว่าที่เราดื่มทุกวันวันละ หลายแก้วแล้วมันมีโทษ หรือคุณประโยชน์อะไรบ้าง
ส่วนประกอบที่สำ�คัญของกาแฟ ส่วนประกอบที่สำ�คัญของกาแฟคือ caffeine หรือมีชื่อทางเคมีว่า 1,3,7-trimethylxanthine ซึ่ง เป็นอนุพันธ์ของยาขยายหลอดลม theophylline Caffeine สามารถพบได้ในหลายชนิดได้แก่ เมล็ดกาแฟ ใบชา โคลา caffeineถูกผสมลงในน้ำ�อัดลม ยาแก้หวัดบางชนิด ยาแก้ปวด ยาลดน้ำ�หนัก - กาแฟจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วหลังจากที่เราดื่มกาแฟและจะถูกขับออกไปครึ่งหนึ่งในเวลา ประมาณ 4 ชั่วโมง กาแฟจะไม่สะสมในร่างกายโดยจะถูกทำ�ลายและขับออกหมด - ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีการขับถ่ายกาแฟมากกว่าผู้ที่ไม่สูบดังนั้นคนที่สูบบุหรี่หากต้องการการกระ ตุ้นของกาแฟจะต้องดื่มกาแฟบ่อยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ - คนท้องและผู้ที่กินยาคุมกำ�เนิดจะมีการขับกาแฟน้อยกว่าคนทั่วไป - กาแฟจะออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นสมองทำ�ให้รู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ - นักวิทยาศาสตร์ประมาณว่าวันหนึ่งๆเราจะรับสาร caffeine ประมาณ 250-600 มก.ซึ่งไม่ เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย
ผลดีของกาแฟ กาแฟ จะกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำ�ให้ไม่ง่วง สมาธิในการทำ�งานดีขึ้น ผู้ที่ดื่มกาแฟจะ ทำ�ให้ไม่ง่วงนอน มีสมาธิในการทำ�งาน และยังทำ�ให้ความสามารถในการทำ�งานดีขึ้น และยัง ลดอาการปวดเมื่อยเนื่องจากไขหวัด ผลต่อสมรรถภาพของร่างกายดีขึ้น เช่นการขี่จักรยาน การว่ายน้ำ� เล่นกีฬาได้นานขึ้น ช่วยกระตุ้น อวัยวะของร่างกายและเพิ่มการเผาผลาญไขมันและช่วยลดน้ำ�หนักได้ด้วย กาแฟ จะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆดังนั้นขณะออกกำ�ลังกายหรือหลังออกกำ�ลังกายไม่ควรรับเครื่อง ดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟเพราะจะทำ�ให้ร่างกายขาดน้ำ� ดื่มนานๆจะติดกาแฟหรือไม่ องค์การ อนามัยโลกกล่าวว่าไม่มีหลักฐานว่ากาแฟจะเป็นสารซึ่งหากดื่มนานๆแล้วจะเสพติด การดื่มกาแฟจะเป็นนิสัยมากกว่าเสพติดเนื่องจากไม่จำ�เป็นต้องเพิ่มปริมาณของ กาแฟ และ เมื่อหยุดกาแฟบางคนก็เกิดอาการปวดหรือมึนศีรษะเพียงเล็กน้อย ผลดีของกาแฟต่อสุขภาพ - โรคหอบหืด มีรายงานว่าการดื่มกาแฟวันละ 3 แก้วจะลดอาการหอบหืด หากดื่ม มากกว่า 6 แก้วการทดสอบสมรรถภาพปอดจะดีขึ้น - กาแฟก็เหมือนกับพืชอื่นๆมีสาร flavanoid ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ - การดื่มกาแฟจะลดอาการง่วงนอน และทำ�ให้มีสมาธิในการทำ�งานดีขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่ ทำ�งานเป็นกะ และลดอุบัติเหตุขณะขับขี่ - กาแฟช่วยลดอาการซึมเศร้าและคลายความวิตกกังวล - การดื่มกาแฟเป็นประจำ�จะลดอุบัติการณ์การเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และยังลดอุบัติ การณ์ของนิ่วในถุงน้ำ�ดี - มีหลักฐานพอจะเชื่อว่าการดื่มกาแฟจะป้องกันมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่เมื่อดื่มวันละ 4 แก้ว
กาแฟกับสุขภาพสตรี - กาแฟกับการตั้งครรภ์ The Food Standards Agency ก่อน หน้านี้มีความเชื่อว่าการ ดื่มกาแฟจะเป็นผลเสียต่อการตั้งครรภ์ แต่จากหลักฐานยังไม่พบผลเสียดังกล่าว ประเทศ อังกฤษได้แนะนำ�ว่าการดื่มวันละ 3-4 แก้วขณะตั้งครรภ์ไม่เกิดผลเสีย สำ�หรับผู้ที่ตั้งครรภ์ หากงดได้ก็น่าจะงด - การเป็นหมัน พบว่าหากดื่มกาแฟมากกว่า 1แก้วจะมีโอกาสเกิดการเป็นหมันเพิ่มขึ้น กาแฟกับโรคกระดูกพรุน ยังมีรายงานทั้งสนับสนุนว่าการดื่มกาแฟทำ�ให้เกิดโรคกระดูกพรุน บางรายงานก็ กล่าวว่าไม่เกิดโรค ผู้ที่เกิดโรคกระดูกพรุนมักจะได้รับแคลเซียมไม่พอแนะนำ�ว่าควรจะดื่มนม เริม สำ�หรับผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ2แก้วขึ้นไป กาแฟกับโรคมะเร็ง - มีรายงานจากWorld Cancer Research Fund ว่าการดื่มกาแฟปริมาณปานกลางไม่มี ความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง - มีรายงานกล่าวว่าการดื่มกาแฟมีผลดีต่อการป้องกันมะเร็งตับอ่อนเล็กน้อย - มีรายงานว่าการดื่มกาแฟอาจจะมีผลป้องกันโรคมะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ กาแฟกับโรคหัวใจ - เท่ามีรายงานขณะนี้พบว่าการดื่มกาแฟวันละ 4 แก้วไม่มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจ - การดื่มกาแฟเป็นประจำ�ไม่ทำ�ให้ความดันโลหิตสูงขึ้น การดื่มกาแฟครั้งแรกจะทำ�ให้ ความดันขึ้นชั่วคราว กาแฟกับโรคเบาหวาน จากการศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟจะทำ�ให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น 15 % กรด ไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ฮอร์โมน epinephrineเพิ่มสูงขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผล เสียต่อผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
กาแฟกับการปวดหัว( ข้อเท็จจริง) 1.ในทางการแพทย์แล้ว กาแฟมีฤทธิ์อย่างไรกับการปวดหัว ในทางการแพทย์เอง การศึกษาวิจัยจะพบว่า กาแฟ มีฤทธิ์ระงับอาการปวดได้ดี องค์การอาหารและยาเองก็ตระหนักและอนุญาตให้ใช้ และเชื่อว่า การกินกาแฟในปริมาณที่ เหมาะสม ปลอดภัยต่อร่างกาย ปกติ เมื่อรับประทานกาแฟ คาเฟอีนจะออกฤทธิ์ภายใน 6-8 นาที และออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 30 นาที มีค่าครึ่งชีวิต 3-5 ชั่วโมง คนอเมริกันปกติดื่มกาแฟประมาณ 200-300 มิลลิกรัม ในทางการแพทย์พบว่า เมื่อผสมกาแฟลงในยาแก้ปวด จะเพิ่มการดูดซึมและฤทธิ์การแก้ปวด ในยาเช่น แอสไพริน ในทางกลับกันคือ เราสามารถลดปริมาณยาแก้ปวดลงได้ถึง 40 % เมื่อ ใช้ยานั้นร่วมกับคาเฟอีน 2.การหยุดกาแฟทันทีจะเกิดการปวดหัวหรือไม่ เป็นได้ในคนที่เป็นไมเกรน หรือแม้แต่ในคนธรรมดา พบว่า การจะวินิจฉัยว่าเป็นการ ปวดหัวจากการหยุดกาแฟกะทันหัน คนนั้นต้องกินกาแฟต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 15 กรัม ต่อเดือน แต่ในบางคนมีความไวกว่านั้น ถ้าเฉลี่ยเป็นวันคือ คนที่กินกาแฟ มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวัน แต่มีรายงานพบว่าบางคนกินกาแฟแค่ 100 มิลลิกรัมต่อวันก็มีอาการได้ จากการวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า จากการสอบถามคนไข้ 11000 ราย พบ 11% มีอาการของการหยุดดื่มกาแฟ และเพียง 3% ที่มีอาการรุนแรง
อาการของการขาดกาแฟ(caffeine withdrawal) 1.ปวดหัว เริ่มจากตื้อ ๆ บางทีปวดตุบ บางทีคล้ายไมเกรน มักเกิดภายใน 24 ชม.และอาจเป็น มากเมื่อออกกำ�ลังกาย อาการหายไปเมื่อได้รับคาเฟอีน 100 มิลลิกรัม 2.ง่วงซึม 3.ขาดสมาธิ 4.ซึมเศร้า 5.เครียดหรือวิตกกังวล 6.อยู่นิ่งไม่ได้ 7.คลื่นไส้อาเจียน 8.กล้ามเนื้อปวด ตึง 3.แหล่งและปริมาณของกาแฟ โดยเฉลี่ยชาวอเมริกัน ได้รับคาเฟอีนประมาณ 200-300 มิลลิกรัม 96% ได้จากอาหาร หรือเครื่องอื่นที่มีคาเฟอีน โดย 80% ได้จากกาแฟ 10% ชา และ 6% จากเครื่องดื่มอื่น ๆ
เคล็ดลับปรุงกาแฟแคลอรีต่ำ� กาแฟลาเต้ ถ้วยขนาดใหญ่ถ้วยหนึ่งอาจให้พลังงานมากถึง 250-570 แคลอรี ซึ่งหากใครที่ ดื่มกาแฟวันละหลายๆ ถ้วย โดยไม่คำ�นึงถึงแคลอรี่เหล่านี้ คุณก็คงจะต้องรับแคลอรี่จำ�นวนไม่ น้อยเลย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแน่ๆ ระหว่างวันของการทำ�งานที่รีบเร่ง กาแฟ ได้กลายเป็นเครื่องดื่มเคียงข้างโต๊ะทำ�งานของ หลายคน ซึ่งบางคนนิยมดื่มกาแฟแทนน้ำ�เปล่าก็ว่าได้ นับๆ ดูแล้วในแต่ละวันบางคนอาจดื่ม มากถึงวันละ 3-4 ถ้วยทีเดียว ซึ่งผลที่ตามมาก็อาจทำ�ให้คุณได้รับคาเฟอีนจากกาแฟเข้าไปเกิน พิกัดได้ ไม่เพียงแต่ได้รับคาเฟอีนมากเกินไปแล้ว กาแฟแต่ละถ้วยที่คุณชงดื่มนั้นยังอาจให้ พลังงานสูงเสียด้วยซ้ำ� โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่ติดใจรสชาติหวานมันหอมหวนของกาแฟ ที่ผสมทั้งนม ครีม และน้ำ�ตาล ไม่ว่าจะเป็นกาแฟไทยใส่นมข้นที่ขายตามรถเข็นข้างทาง กาแฟ ภาพลักษณ์หรูหราอย่างคาปูชิโน (cappuccino) ที่อุดมด้วยครีมลอยฟ่อง หรือบางคนนิยม กาแฟผสมนมสด ที่เรียกกันว่า ลาเต้ (latte) แต่ละแบบ แต่ละรสชาติ ก็จะให้พลังงานตามส่วน ผสมที่ปรุงเข้าด้วยกัน ใน Mayo Clinic Womens HealthSource ได้ยกตัวอย่าง เขาจึงได้แนะเคล็ดลับการดื่มกาแฟ เพื่อสุขภาพ ดังนี้ หากในแต่ละวันคุณต้องดื่มกาแฟวันละหลายๆ ถ้วย ก็ควรเลือกถ้วยที่มีขนาดเล็กสัก หน่อย ซึ่งการใช้ถ้วยกาแฟขนาด 8 ออนซ์ หรือ 12 ออนซ์ แทน mug ถ้วยโตๆ จะช่วยให้ สามารถลดพลังงานได้ถึง 110 แคลอรีต่อครั้งเลยทีเดียว การเติมความหอมมันให้กับกาแฟด้วยนมสด ชนิดพร่องไขมัน (low fat / fat free milk) แทน นมข้น หรือนมสดแบบธรรมดา จะช่วยลดปริมาณพลังงานได้อีกประมาณ 80 แคลอรี และลด ไขมันได้ประมาณ 8 กรัมต่อถ้วย ใช้สารให้ความหวานแทนการใช้น้ำ�ตาล เพราะถ้าคุณดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวัน และใส่น้ำ�ตาล 2 ช้อนในแต่ละถ้วย นั้นเท่ากับว่าคุณจะได้รับแคลอรีเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 150 แคลอรีต่อวัน ควร หลีกเลี่ยงที่จะเพิ่ม วิปครีม ช็อกโกแลต น้ำ�เชื่อม หรือของหวานใดๆ ก็ตามลงในกาแฟของ คุณ เพราะสิ่งเหล่านี้มันประกอบไปด้วยแคลอรีจำ�นวนมากที่จะทำ�ให้คุณอ้วนได้
สครับผิวสวยด้วย...กาแฟ เป็นงานของศูนย์สุขภาพดับบลิวเฮลท์ คลับ แอนด์ สปา กล่าวว่า”เมล็ดกาแฟ สามารถนำ�มาสครับผิวได้ เพราะนอกจากการขัดผิวด้วยครีมขัดผิวสูตรกาแฟ เพื่อผลัด เซลล์ผิวแล้ว กาแฟยังมีคุณสมบัติช่วยการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และสลายไขมัน ใต้ผิวหนังอันเป็นสาเหตุของปัญหาเซลลูไลต์ได้ พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมอ่อนๆช่วยผ่อนคลาย ให้รู้สึกมีพลังอีกด้วย” แต่กาแฟที่ใช้ต้องเป็นกาแฟบดไม่ใช่กาแฟสำ�เร็จรูปนะคะ^^ สูตร 1 สำ�หรับผิวมันหรือผิวธรรมดา เมล็ดกาแฟบดเป็นผง 2 ช้อนโต๊ะ, โอลีฟ ออยล์ 2 หยด, น้ำ�มันหอมระเหย 3 หยด, เกลือทะเล 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำ�กาแฟบริสุทธิ์ กะปริมาณเพื่อใช้เป็นตัวละลาย ให้ส่วนผสมไม่ เหลวหรือข้นจนเกินไป สูตร 2 สำ�หรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เมล็ดกาแฟบดเป็นผง 2 ช้อนโต๊ะ, เมล็ดถั่วเหลืองบดเป็นผง 2 ช้อนโต๊ะ, โอลีฟ ออยล์ 3 หยด, น้ำ�มันหอมระเหย 3 หยด, น้ำ�นม กะปริมาณเพื่อใช้เป็นตัวละลาย ให้ส่วนผสมไม่ เหลวหรือข้นจนเกินไป คุณสมบัติปรนนิบัติผิว สารที่อยู่ในกาแฟ คือกาเฟอีน เป็นสารที่ช่วยในเรื่องของการไหลเวียนโลหิตและทำ�ให้ ผิวกระชับ ในกาแฟนั้นจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ยังผลให้มีสารอาหารไป หล่อเลี้ยงผิว ทำ�ให้ผิวดูเปล่งปลั่งและเต่งตึง อีกทั้งกาเฟอีนยังไปกระตุ้นระบบเผาผลาญ อาหารในร่างกาย ผลก็คือกระตุ้นกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย ทำ�ให้ผิว สะอาด ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำ�ให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสได้ **โอลีฟ ออยล์ ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน เหมาะสำ�หรับคนผิว แห้ง ดังนั้นปริมาณที่ใช้จึงขึ้นอยู่กับสภาพผิวด้วย หากผิวมันใช้เพียง 2 หยด หรือผิวแห้ง ใช้ 3-4 หยด **น้ำ�มันหอมระเหย ช่วยในเรื่องของกลิ่น ทำ�ให้บรรยกาศการดูแลผิวพรรณสดชื่น ปลอด โปร่ง โล่งสบาย โดยเฉพาะกลิ่น โรสแมรี่ ซีทรัส และจูนิเปอร์ จะมีฤทธิ์ในการช่วยบำ�บัดและ ฟื้นฟู ทำ�ให้รู้สึกปลดปล่อยและผ่อนคลาย และนอกจากจะช่วยบำ�บัดด้วยกลิ่นแล้ว น้ำ�มัน หอมระเหยยังช่วยบำ�รุงให้ผิวชุ่มชื่นด้วย
**เกลือทะเล เป็นตัวช่วยสครับเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดล่วง ช่วยทำ�ความสะอาดผิวได้อย่าง ล้ำ�ลึก แต่อย่าใช้เม็ดที่หยาบมากอาจจะระคายเคืองได้ **ผงถั่วเหลือง บำ�รุงผิวทำ�ให้ผิวเนียนนุ่ม คุณสมบัติคล้ายกันกับมอยเจอร์ไรเซอร์ **น้ำ�กาแฟ ช่วยในเรื่องของกลิ่นทำ�ให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังและเป็นตัวละลายส่วนผสมให้ เข้ากัน (ใช้สำ�หรับสูตร 1) **น้ำ�นม ช่วยให้ผิวนุ่มเหมาะกับคนผิแห้ง และเป็นตัวละลายส่วนผสมให้เข้ากัน ใช้สำ�หรับ สูตร 2) ผิวสวยไม่ใช่เรื่องยาก - หลังจากเตรียมส่วนผสมทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ส่วนผสมสามารถเพิ่มได้ตามขนาด สัดส่วนของร่างกาย คนส่วนผสมให้เข้ากัน เติมน้ำ�กาแฟ (น้ำ�นม) ไปเรื่อยๆจนเข้ากันเป็น ครีม อย่าให้เนื้อครีมเหลวเกินไป และที่สำ�คัญไม่ควรหยาบกระด้างเกินไปเพราะจะเป็นการ ให้โทษมากกว่าให้คุณ - หลังได้สครับกาแฟมาแล้ว ให้วนเนื้อสครับเป็นวงกลมตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา สะโพก มือ แขน ไหล่ หน้าอก มุ่งตรงสู่หัวใจ จำ�ไว้ว่าวัตถุประสงค์เพื่อการกระตุ้นผิว ไม่ใช่ทำ�ร้าย ผิว จึงไม่ควรขัดแรง หรือกดแรงเกินไป การขัดผิวด้วยวิธีการวน ก็เพื่อกระตุ้นให้เลือด หมุนเวียน - ส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก หัวเข่า ควรนวดวนซ้ำ�เยอะๆ หน่อย แต่ไม่ใช่การถูที่ รุนแรง เพราะจะทำ�ให้ผิวอักเสบได้ - ส่วนบริเวณแผ่นหลังนั้น คงต้องหาให้คนใกล้ตัวมาช่วยหน่อยล่ะค่ะ ^^ สำ�หรับเวลาที่ใช้ในการขัดถูครบทุกสัดส่วนของร่างกาย ควรอยู่ในเวลาเฉลี่ย 15-20 นาที หลังจากนั้นไปอาบน้ำ� ขอแนะนำ�ว่าให้อาบน้ำ�ด้วยน้ำ�อุ่น เพราะจะช่วยเสริมให้ เลือดหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น สลับกับการอาบน้ำ�เย็น สลับกันสัก 5-6 ครั้ง จึงปิดท้ายด้วยการ อาบน้ำ�อุ่น ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายคลายความตึงเครียดต่างๆได้เป็นอย่างดี นอกจากผิวจะ สวยด้วยการสครับผิวด้วยกาแฟแล้ว ยังทำ�ให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นด้วย และขั้นตอนสุดท้าย เช็ดตัวให้แห้งพอหมาดๆ บำ�รุงผิวให้ชุ่มชื่นด้วยการทามอยเจอร์ไรเซอร์ทำ�เพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งก็พอค่ะ ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ ลองดูขอให้ผิวสวยใสทุกคนนะคะ ^^
ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่เสียสุขภาพ เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา กาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนถูกโจมตีว่า ทำ�ให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นหมัน ทำ�ให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้ หรือทารกน้ำ�หนักน้อย เพิ่มความเสี่ยง มะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่าการดื่ม กาแฟเพียงวันละ 1-2 ถ้วยนั้นปลอดภัย และอาจให้ผลดี ถ้าดื่มให้เป็น รายงานผลการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟมี ความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม ความเสี่ยงที่ลดลงเป็นสัดส่วน กับปริมาณกาแฟที่ดื่ม และกาแฟไร้คาเฟอีนให้ผลน้อยกว่า ส่วนชาไร้คาเฟอีนและเครื่องดื่ม อื่นๆ ที่มีคาเฟอีนไม่ให้ผลเหมือนกาแฟ แต่นักวิจัยก็เตือนว่าอย่าเพิ่งมั่นใจจนหันไปโหมกาแฟ เพราะนักวิจัยยังต้องติดตามการวิจัยอีกมาก นอกจากนี้กาแฟยังยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำ�ดี มะเร็งลำ�ไส้ใหญ่ โรค พาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ� และสำ�หรับนักกีฬาเพิ่มความทน และความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน สำ�หรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง นักวิจัยแนะนำ�ให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่ กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล.) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาที และจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่า ที่จะถูกขจัดออกจาก ร่างกาย ของดีในกาแฟ นักวิจัยของศูนย์วิจัยของศูนย์วิจัยใหญ่ในสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งมีบริษัทขายกาแฟ รายใหญ่ของโลกพบว่า เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยัง มากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดงอีก ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่อง ดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากันขึ้นกับชนิด ของกาแฟ
ข้อควรระวังในกาแฟ ================ คอกาแฟอย่าเพิ่งย่ามใจกับข้อมูลด้านดีๆ เพราะองค์ประกอบหลักของกาแฟ คือ สารคาเฟ อีนซึ่งเป็นเป็นสารกระตุ้น จึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจพอสมควร โดยทำ�ให้หัวใจเต้นเร็ว ขึ้น เพิ่มความดันโลหิต และทำ�ให้หัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัย โทรอนโทเปิดเผยว่า การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน ในผู้ที่มียีนขจัด คาเฟอีนช้า ทำ�ให้คาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำ�หรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดคาเฟอีนได้เร็ว กาแฟก็จะไม่มีผล ถึงอย่างไรนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเพียง 1-2 ถ้วยจะไม่มีผลต่อการเกิดหัวใจวาย เฉียบพลันไม่ว่ามียีนอย่างไร แต่การดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปไม่ให้ผลดีขึ้น ดังนั้น ควรดื่มแต่พอควร เพราะปัจจุบันการตรวจยีนยังไม่ได้มีใช้กันเหมือนการตรวจสุขภาพทั่วไป และยีนที่แตกต่างกัน ทำ�ให้ผลการวิจัยทางโภชนาการที่สัมพันธ์กับโรคต่างๆ ที่ออกมามีข้อมูลขัดแย้งกันจนเกิดความ สับสน ส่วนผลของกาแฟต่อสุขภาพผู้หญิงก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง เต้านม ซีสต์ในเต้านมหรือกระดูกพรุนหรือไม่ การเดินสายกลางจึงดีที่สุด ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดคาเฟ อีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดคาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือด ให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดคาเฟอีนจะสกัด เอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย
ข้อควรปฏิบัติ ========== เลี่ยงกาแฟที่ใช้หม้อต้มแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย เพราะจะมีสารไดเทอร์พีนสูง เพิ่มระ ดับคอเลสเทอรอลในเลือด ควรเลือกกาแฟสำ�เร็จรูปที่ละลายน้ำ� หรือชนิดกรองหยด และเอส เพรสโซ ซึ่งจะมีผลน้อยกว่า ถ้าต้องเลือกกาแฟสกัดคาเฟอีน ควรเลือกชนิดที่ใช้ กระบวนการสกัดธรรมชาติ (Swiss Water Process) สำ�หรับผู้ที่เลี่ยงกาแฟอยู่แล้ว ไม่ควรหันมาดื่มเพียงเพื่อต้องการผลดีจากคาเฟอีน โดยเฉพาะ คนที่ร่างกายไวต่อกาแฟ การดื่มอาจยิ่งเพิ่มผลเสีย เช่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินควร ทำ�ให้ปวดท้อง และเป็น สารขับปัสสาวะทำ�ให้ร่างกายเสียน้ำ�มากขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่ดื่มกาแฟควรดื่มน้ำ�ตามไปชดเชยด้วย ระวังสิ่งที่เติมลงในกาแฟ เช่น ครีม นมไขมันเต็ม น้ำ�ตาล น้ำ�ผึ้ง เพราะเท่ากับเติมพลังงานส่วนเกิน กาแฟ มาตรฐาน 1 ถ้วย มีขนาด 5-6 ออนซ์หรือ 150-180 มล. แต่ที่ขายโดยทั่วไปนั้นมีขนาด 12 ออนซ์หรือ 360 มล . ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่า ดังนั้น ควรจำ�กัดการดื่มให้ไม่เกิน 5 ถ้วย ซึ่งเป็น ปริมาณที่ใช้ในการศึกษาวิจัย สารคาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติที่พบในอาหารอื่นด้วย เช่น ใบชา เมล็ดโคลา โกโก้ ช็อค โกแลต น้ำ�อัดลมสีดำ� และยาบางชนิด ซึ่งอาจทำ�ให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินควร จึงต้อง ตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเองเสมอ
เกล็ดความรู้ xxxxxxxxxxx เกี่ยวกับชื่อกาแฟ การอ้างอิงคำ�ว่าcoffee ในภาษาอังกฤษ อยู่ในรูปของ chaoua ซึ่งสามารถสืบย้อน ไปได้ถึง ค.ศ. 1598 ในภาษาอังกฤษและในภาษายุโรปอื่น ๆ coffee ได้ถูกดัดแปลงมา จากภาษาตุรกีออตโตมันkahve ผ่านทางภาษาอิตาลี caffe ในขณะเดียวกัน คำ�ดังกล่าว ในภาษาตุรกีออตโตมันถูกยืมมาจาก เกาะหฺวะหฺ ในภาษาอาหรับ ผู้เขียนพจนานุกรมชาว อาหรับ ยืนยันว่า เดิม เกาะหฺวะหฺ ไปคำ�ที่หมายถึงไวน์ประเภทหนึ่ง และได้ให้นิรุกติศาสตร์ กับคำ�กริยา qahiya ในความหมายว่า “ไม่มีความอยากอาหาร” เนื่องจากเครื่องดื่มดัง กล่าวถูกใช้เพื่อดับความหิวของผู้ที่ดื่มเข้าไป นิรุกติศาสตร์ทางอื่นอีกเป็นจำ�นวนมาก กล่าวว่า คำ�ดังกล่าวในภาษาอาหรับอาจเป็นการบิดเบือนคำ�ยืมมาจากหลักฐานเอธิโอเปีย หรือแอฟริกัน โดยเสนอว่าคำ�ดังกล่าวมาจาก คัฟฟา ที่ราบสูงทางตะวันออกเฉียงใต้ของ เอธิโอเปีย เนื่องจากต้นกาแฟเป็นพืชท้องถิ่นในบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คำ�ว่า qahwah ไม่ได้ถูกใช้กับเบอร์รี่หรือพืชซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นในบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะถูกเรียกว่า bunnหรือมีชื่อพื้นเมืองในชีวา ว่า ben
กาแฟกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในอดีต การปลูกต้นกาแฟจะทำ�ในร่มเงาของต้นไม้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และ แมลงทั้งหลายทฤษฎีนี้มักจะเป็นไปตามทฤษฎีเงาดั้งเดิม ในปัจจุบัน เกษตรกรจำ�นวนมาก ได้เปลี่ยนไปใช้วิธีการปลูกต้นกาแฟแบบทันสมัย โดยการใช้แสงอาทิตย์ในการปลูกต้นกาแฟ ซึ่งต้นกาแฟจะถูกปลูกเรียงกันเป็นแถวอยู่ใต้แสงอาทิตย์โดยมีปะรำ�ป่าเพียงเล็กน้อยหรือ ไม่มีเลย การปลูกแบบใหม่นี้ทำ�ให้เมล็ดกาแฟสุกเร็วขึ้นและให้ผลผลิตมากขึ้น แต่การปลูก แบบดังกล่าวจำ�เป็นต้องตัดต้นไม้ ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงจำ�นวนมาก อีกด้านหนึ่ง การปลูก ต้นกาแฟแบบดั้งเดิมจะทำ�ให้เมล็ดกาแฟสุกช้ากว่าการปลูกต้นกาแฟแบบใหม่และให้ผลผลิต น้อยกว่า แต่จะให้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงกว่า นอกเหนือจากนั้น ทฤษฎีเงาดั้งเดิมยัง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในกับสิ่งมีชีวิตจำ�นวนมาก นัก วิจารณ์การปลูกกาแฟแบบใหม่กล่าวว่าปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น การตัดไม้ทำ�ลายป่า มลภาวะที่เกิดจากยาฆ่าแมลง การทำ�ลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า การเสื่อมคุณภาพของ ดินและน้ำ� ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลข้างเคียงมาจากการปลูกต้นกาแฟแบบใหม่นี้สมาคมดูนก อเมริกันเป็นผู้นำ�การรณรงค์ “การปลูกในร่มเงา” และ กาแฟอินทรีย์ ซึ่งพวกเขาสนับสนุน ให้เปลี่ยนแปลงการปลูกกาแฟให้เป็นแบบดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะที่การปลูกต้นกาแฟ ในร่มหลายแบบแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางชีวภาพมากกว่าระบบการปลูกต้นกาแฟ กลางแจ้ง มันก็ยังเทียบไม่ได้กับป่าท้องถิ่นในแง่ของที่อยู่อาศัยของสัตว์ อีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือ การใช้น้ำ�ในการผลิตกาแฟ ตามที่ นิตยสาร New Scientist ระบุว่า ต้องใช้น้ำ�จำ�นวนถึง 140 ลิตรในกระบวนการปลูกต้นกาแฟ ไปจนถึงผลผลิตกาแฟหนึ่งถ้วย และกาแฟมักจะถูกปลูกในประเทศที่มีการขาดแคลนน้ำ� อย่างเช่น เอธิโอเปีย
กาแฟกับสังคม กาแฟนั้นแต่เดิมใช้เพื่อเหตุผลทางด้านจิตวิญญาณ เมื่อ 1,000 ปีที่ผ่านมา พ่อค้าได้นำ� กาแฟข้ามทะเลแดงมายังดินแดนอาระเบีย (ปัจจุบัน คือประเทศเยเมน) ที่ซึ่งนักบวชชาวมุสลิม ได้ปลูกไม้พุ่มในสวนของตน ในตอนแรก ชาวอาหรับได้ผลิตไวน์จากเนื้อของเมล็ดกาแฟหมัก เครื่องดื่มดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันว่า qishr (ปัจจุบัน คือ kisher) และเป็นส่วนประกอบของพิธีการ ทางศาสนาอีกด้วย หลังจากนั้น กาแฟได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ทำ�หน้าที่แทนไวน์ในพิธีกรรมทางศาสนา หลังจากที่ ได้มีการห้ามดื่มไวน์ การดื่มกาแฟถูกห้ามโดยชาวมุสลิมตามฮะรอม ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษ ที่ 16 แต่ว่าข้อห้ามดังกล่าวได้ถูกล้มล้างในเวลาไม่นาน การนำ�ไปใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ทำ�ให้กาแฟถูกส่งไปยังนครเมกกะ กาแฟถูกกล่าวว่าเป็นต้นเหตุของการประพฤติตนนอกคอก การผลิตและการบริโภคกาแฟถูกปราบปราม ต่อมา กาแฟถูกห้ามอย่างเด็ดขาดในจักรวรรดิ ออตโตมาน กาแฟซึ่งเป็นเครื่องดื่มของชาวมุสลิม ถูกห้ามในหมู่ชาวเอธิโอเปียซึ่งนับถือคริสต์ ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1889 ซึ่งได้เป็นเครื่องดื่มประจำ�ชาติของ เอธิโอเปีย ที่ไม่ว่าคนที่นับถือความเชื่อใดก็สามารถดื่มได้ทั้งสิ้น การใช้กาแฟในกิจกรรมก่อการ กบฏทางการเมืองทำ�ให้กาแฟถูกห้ามในสหราชอาณาจักร และประเทศอื่น ๆ
กาแฟกับเศรษฐกิจ บราซิลเป็นประเทศที่ส่งออกกาแฟสูงที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เวียดนามกลาย มาเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสตารายใหญ่ของโลก[36]อินโดนีเซียเป็นประเทศส่งออกกาแฟ รายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม และเป็นผู้ผลิตกาแฟอราบิก้าละลาย ราคาซื้อขายกาแฟโรบัสตา ในลอนดอนมีราคาถูกกว่าในนิวยอร์ก ซึ่งทำ�ให้ลูกค้าผู้ประกอบการอุตสาหกรรม อย่างเช่น บริษัทข้ามชาติและผู้ผลิตกาแฟสำ�เร็จรูป โอนเอียงไปทางกาแฟในลอนดอนมากกว่า เพราะ ว่ามีราคาถูกกว่า บริษัทข้ามชาติสี่แห่ง (ประกอบด้วย ครอฟท์ เนสเล่ พร็อกเตอร์แอนด์แกม เบิลและซาร่า ลี) ได้ซื้อกาแฟคิดเป็นปริมาณ 50% ของผลผลิตต่อปี การเลือกซื้อกาแฟโร บัสต้าราคาถูกของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสี่ของตลาดกาแฟทำ�ให้เกิดความเชื่อว่าเป็นปัจจัย ที่สนับสนุนให้ราคากาแฟตกต่ำ� และปริมาณความต้องการเมล็ดกาแฟอราบิก้าคุณภาพสูง กระเตื้องขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
ทำ�ไมต้อง กาแฟดำ� - กาแฟดำ� ชงด้วยวิธีการหยดน้ำ� อาจเป็นแบบให้น้ำ�ซึมหรือแบบเฟรนช์เพรส เสิร์ฟโดย ไม่ใส่นม อาจเติมน้ำ�ตาลได้ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่ากาแฟดำ�กับเอสเปรสโซเป็นอย่างเดียวกัน แต่ ที่จริงแล้วกาแฟทั้งสองชนิดมีข้อแตกต่างกันหลายข้อ ข้อที่สำ�คัญคือ - ถ้วยเสิร์ฟของเอสเปรสโซมีขนาดเล็กกว่า เพราะนิยมดื่มให้หมดในอึกเดียว - ปกติแล้วเอสเปรสโซจะไม่ใส่น้ำ�ตาลหรือนม เพราะคนไม่นิยม - เอสเปรสโซที่ชงถูกวิธีจะต้องมีฟองสีทองลอยอยู่ด้านบน - รสชาติของเอสเปรสโซจะติดปากหลังจากดื่มนานกว่า (15-30 นาที) กาแฟขาว (White coffee) เป็นกาแฟที่เติมนมเข้าไปหลังจากทำ�เสร็จ อาจเติมน้ำ�ตาลด้วยก็ได้ หม้อกาแฟ มีหลายรูปลักษณ์และขนาด หม้อแบบดั้งเดิมที่ใช้ต้มกาแฟมีคาเฟอีนจะมีสีน้ำ�ตาล หรือดำ� ส่วนหม้อสีส้มใช้สำ�หรับต้มกาแฟไร้คาเฟอีน
ทำ�ไมต้อง “กาแฟสด” สำ�หรับคนที่ชอบดื่มกาแฟสด ส่วนใหญ่คงตอบว่าเพราะมันอร่อยกว่า กาแฟไม่สดน่ะสิ กาแฟสด ทั่วๆ ไปหมายถึง กาแฟที่ทำ�จากเมล็ดกาแฟที่คั่วมา แล้วเก็บไว้ในเวลาพอเหมาะ โดยทั่วๆ ไปการเก็บเมล็ดกาแฟไม่ควรเกิน 2 ปี แต่ระยะที่ดีที่สุดสำ�หรับการนำ�มาชง ไม่ควร เกินสองเดือน (โดยประมาณ) ความใหม่ของเมล็ดไม่ใช่ สิ่งเดียวที่บอกความสด ยังมีเรื่อง การ “บด” เมล็ดอีก ความสด ได้จากการที่บดเมล็ด สดๆ แล้วนำ�มาชงทันที ด้วยวิธีชงต่างๆ ตามที่ท่านชอบ โดยทั่วๆไป ใช้เครื่อง espresso แต่หากทำ�ดื่มที่บ้าน ใช้วิธีชงแบบอื่นๆ ก็ได้ เช่น French Press, กระดาษกรอง, moka pot เป็นต้น กาแฟที่บดไว้นานๆ จะสูญเสียกลิ่น และรสชาติรวดเร็วกว่า กาแฟที่เป็นเมล็ดมาก นอกจากเสียกลิ่น และรสกาแฟไปแล้ว ยังเก็บกลิ่นจากสิ่งแวดล้อมมาเก็บไว้อีกด้วย (กาแฟ เป็นเครื่องดูดกลิ่นอย่างดีนั่นเอง) ดังนั้น กาแฟสด จึงเป็นกาแฟที่ผู้ดื่มจะได้รสชาติ และ กลิ่นหอมของกาแฟ ได้มากกว่า
ที่ตั้ง ถ.โพธิ์กลาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 081-6007053 เปิดบริการ จันทร์-อาทิตย์ 08.00 – 19.00 น.
SMILE COFFEE ถ้าหากจะพูดถึงร้านกาแฟสดระดับต้นๆของโคราชคงไม่มีใครไม่รู้จักร้าน smile coffee ที่เป็นร้านกาแฟสดในยุคแรกๆของท้องถิ่น ด้วยรสชาติที่มี ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีความสดใหม่แก้วต่อแก้ว เพราะเป็นกาแฟที่ไม่ได้ เก็บไว้นาน
พี่ปุ๊ เจ้าของร้านแห่งนี้ได้ให้ข้อมูลกับเราว่า ร้านนี้เปิดมาแล้ว 12 ปี แรกเริ่มจะ เป็นกาแฟรถเข็ญขายตามตลาดไนท์(วัดบูรพ์) โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัย ทำ�งาน วัยรุ่น เพราะทางร้านมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ต่อมาได้ย้ายมาเปิด ร้านที่นี้ โดยแบ่งร้านเป็น 2 ส่วน คือส่วนของร้านรับทำ�กรอบไม้และวาดภาพ ส่วนอีกฝั่งเป็นร้านกาแฟที่พี่ปุ๊เป็นผู้ดูแล การตกแต่งร้านเป็นสไตล์ย้อนยุคกึ่ง วินเทจ เพราะเฟอร์นิเจอร์ในร้านส่วนใหญ่จะเป็นของเก่า ทำ�ให้บรรยากาศใน ร้านรู้สึกอบอุ่น และสบายตา เหมาะอย่างยิ่งสำ�หรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ และพักสายตาระหว่างวัน
เมนูที่พี่ปุ๊แนะนำ�ให้ลองมาชิมกันที่ร้านนั้นก็คือ มอคค่าเย็น เป็นกาแฟผสม โกโก้ รสชาติจะเข้มข้นมีกลิ่นของกาแฟ ให้ความรู้สึกกระปรี่กระเป่าบวก กับความเย็นสดชื่นแถมด้วยฟองนมตกแต่งด้วยคาราเมล โดยกาแฟที่ นี่จะใช้กาแฟอราบิก้า จากดอยช้าง กาแฟจะมีรสชาติเข้มข้น หอม และ มีคุณภาพสูง พี่ปุ๊ยังบอกกับเราอีกว่า ทางร้านรับสอนทำ�กาแฟ เพราะมี ลูกค้าที่สนใจอยากเปิดร้านกาแฟเลยมาขอคำ�แนะนำ�และฝากตัวเป็นลูก ศิษย์ ซึ่งทางร้านมีความยินดีให้บริการอย่างยิ่ง...
จากภาพ ไซรัปสำ�หรับแต่งกลิ่น เครื่องดื่มให้มีรสชาติดี
จากภาพ กากกาแฟที่ผ่านการ ตากแห้ง บรรจุกระปุกวางจำ� หน่ายผ่านในร้าน
จากภาพ พี่ปุ๊เจ้าของร้านในลุค สบายๆ ขณะให้สัมภาษณ์กับ เรา
กาแฟวาวี สาขา โคราช ที่ตั้ง ถ.มหาดไทย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 080-1703232 เปิดบริการ จันทร์-อาทิตย์ 07.00 – 22.00 น. ร้านกาแฟวาวี เป็นร้านกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงในเรื่องของ รสชาติและการคัดสรรเมล็ดกาแฟ โดยเป็นกาแฟจากแหล่งเทือกเขาหินปูน ดอยเชียงดาว ตามโครงการปลูกกาแฟทดแทนป่าเสื่อมโทรม ไม่ว่าจะเป็น กาแฟดอยหลวง ล้านนาเบลนด์ เอื้องฟ้าเบลนด์ อินทนนท์เบลนด์ เอสเปร สโซ ซึ่งจะมีรสชาติเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ตามความชอบของแต่ละ บุคคล กาแฟวาวี สาขา โคราช เปิดทำ�การได้ประมาณ 2 ปี โดยร้านตั้งอยู่ ภายในตัวเมืองที่พลุกพล่าน แต่ถ้าได้แวะมาลองชิมกาแฟที่นี้ หรือเครื่อง ดื่มอื่นๆที่มีให้เลือกหลากหลาย คุณจะต้องหลงรักในบรรยากาศที่อบอวล ไปด้วยความคลาสสิค มีเสียงเพลงเบาๆขับกล่อม ทางร้านมีโซนด้านหน้า ร้านที่จะเป็นแบบ out door นั่งสบายๆรับลมธรรมชาติ กับ in door ที่ เป็นห้องแอร์ มีโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา ให้คุณได้เลือกนั่งตามความชอบ แถมที่ร้านมี บริการ wifi free ไว้บริการอีกด้วย
อีกเมนูที่ทางร้านแนะนำ�ให้กับเรานั้นก็คือ เบเกอร์รี่เค้ก ที่มีให้เลือก มากมาย อาทิ เค้กมะพร้าวใบเต้ย เนื้อเค้กจะนุ่มนิ่มแทบไม่ต้องเคี้ยว หรือจะ เป็น เครปเค้กราดด้วยน้ำ�สตอร์เบอร์รี่ ทางร้านรับประกันว่าไม่เลี่ยนแน่นอน สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัยเพราะมีแคลลอรี่ต่ำ�
จากภาพ เบเกอร์รี่เค้ก ที่ทางร้านวาวีมีให้เลือก มากมาย
จากภาพ บรรยากาศภายในร้านกาแฟวาวี
ร้าน So far so good ร้านกาแฟในสไตล์แบบโมเดิร์น ดูภายนอกอาจจะมองว่าหรูหราไฮโซ ราคาต้องแพงแต่ความจริงแล้วร้านนี้มีบริการที่เป็นกันเอง ราคาเครื่องดื่ม ก็ไม่ได้แพงอีกทั้งราคายังคุ้มกับคุณภาพ ร้านนี้มีสองพี่น้องฝาแฝด คุณ กระต่ายและกระแต เป็นเจ้าของร้านคอยให้บริการ ทั้งคู่น่ารักเป็นกันเองกับ ลูกค้า คอยให้คำ�แนะนำ�ในการเลือกเครื่องดื่ม โดยในร้านยังมีเบเกอร์รี่โฮมเมด ที่ทำ�สดใหม่ทุกวัน สีสันน่าทาน คุณกระแต เจ้าของร้านได้ให้สัมภาษณ์กับเราถึงที่มาที่ไปของร้านว่า เริ่มจากที่บ้านอยากให้ทำ�ธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปหางาน ทำ� ก็เลยคิดว่าอยากทำ�ร้านกาแฟเพราะชอบนั่งร้านกาแฟ ชอบบรรยากาศ ร้านกาแฟ จึงเกิดไอเดียทำ�ร้านนี้ขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มศึกษาการทำ�กาแฟจากที่ ต่างๆ การแต่งร้านที่มีลักษณะเป็นตึกไม่ใช่พื้นที่โล่ง ดังนั้นสถาปนิกจึงแนะนำ� ให้ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น มีสีสันสดใส มีมุมต่างๆให้เลือกนั่งได้ตามชอบ ทางร้านจะเน้นกาแฟที่มีรสชาตินุ่มลิ้น ไม่หนักมาก ใช้กาแฟจากดอยช้าง เพราะกาแฟอราบิก้าจากที่นี้จะมีชื่อเสียงมาก โดยคนที่ทำ�เครื่องดื่มจะเป็นคุณ กระแตเอง ส่วนคุณกระต่ายพี่น้องฝาแฝดจะเน้นไปที่เบเกอร์รี่ที่ทำ�เอง และทำ� ตามออเดอร์ลูกค้า
ส่วนที่มาที่ไปของชื่อร้าน so far so good คุณกระแตบอกว่าแปลได้ 3 ความหมาย คือ ในสำ�นวนภาษาอังกฤษที่หมายถึงการมีชีวิตที่ดีถ้ามีการ ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบ อีกหนึ่งความหมายคือหมายถึงการที่ร้านตั้งอยู่ทางที่ จะออกมานอกตัวเมือง ไกลจากตัวเมือง แต่มีร้านกาแฟให้นั่งผ่อนคลายเหมือน ยิ่งไกลยิ่งดี ส่วนอีกหนึ่งความหมาย คือ หมายถึงเก้าอี้โซฟา ที่ในร้านจะมีหลาก หลายรูปแบบที่น่านั่งและสวยงามให้เลือกนั่งมากมาย คุณกระต่ายและคุณกระแต ยังแนะนำ�โปรโมชั่นในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี เก่าต้อนรับปีใหม่ นั้นก็คือ บุฟเฟ่ต์เค้ก ทานได้ไม่อั้นในราคาเพียงท่านละ 199 บาท จำ�กัดเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยเค้กจะมีมาให้เลือกหลากหลายจุใจกันไป เลยทั้งคุณภาพและปริมาณ เจ้าของร้านทั้ง 2 ท่านรับประกันคุณภาพว่าคุ้มค่า คุ้มราคามากค่ะ
ที่ตั้ง ถ.มุขมนตรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 086-2587667 เปิดบริการ จันทร์-อาทิตย์ 09.00 – 21.00 น.
ร้าน นิยมชมชอบ ใครๆก็ต้องหลงรัก ที่ตั้ง ถ.สุรนารี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 044-246822 เปิดบริการ จันทร์-อาทิตย์ 09.00 – 18.30 น. ใครที่ได้ผ่านไปมาบริเวณหน้าวัดโพธิ์แล้วเห็นร้านนี้ทุกคนต่างก็ต้อง รู้สึก นิยมชมชอบ ตามชื่อร้านเลยค่ะเพราะร้านมีขนาดเล็กๆเหมือนกล่อง สี่เหลี่ยมแต่มีการดีไซน์ที่โดดเด่น น่าสนใจ ด้วยบรรยากาศในร้านที่ร่มรื่น ด้วยต้นไม้นานาๆชนิดที่ทางร้านได้จำ�หน่ายควบคู่กันไปด้วย แรกเริ่มเดิมทีบริเวณนี้จะเป็นแค่ร้านขายต้นไม้ของคุณแม่เจ้าของร้าน แต่เมื่อลูกชายเรียนจบจึงคิดสนใจเปิดร้านกาแฟ และเล็งเห็นว่าในโคราชยัง ไม่มีร้านกาแฟสไตล์แบบนั่งดื่มท่ามกลางธรรมชาติเท่าไหร่ จึงได้มาขอแบ่ง พื้นที่ร้านต้นไม้ของคุณแม่ทำ�ร้านกาแฟเล็กๆ แต่กลับเป็นที่รู้จักอย่างกว้าง ขว้างเพราะด้วยรสชาติของกาแฟที่ทางร้านได้มีการคั่วบดเองให้เกิดเป็น เอกลักษณ์ มีความสะอาด สดใหม่เสมอ นอกจากจะมีกาแฟที่รสชาติที่ดีแล้ว ที่ร้านนี้ยังมีไอศกรีม i-Berry ให้ เลือกหลากหลายรสชาติ โดยที่ไม่ต้องไปหากินไกลถึงเชียงใหม่กันเลย หากใครที่ชอบบรรยากาศสบายๆท่ามกลางธรรมชาติลองแวะมาพัก ผ่อนที่นี้ได้นะค่ะ
ร้านบ้านเกื้อ ที่นี้ คือ อาณาจักรของความสุขครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่อง ดื่ม สปา คาราโอเกะ ห้องพัก โต๊ะสนุ๊ก อาหาร ผับ โดยร้านจะเปิดบริการ ตั้งแต่เช้าในโซนเครื่องดื่มและอาหาร ส่วนโซนที่จะเปิดช่วงบ่ายจะเป็น สปา คาราโอเกะ โต๊ะสนุ๊ก โซนที่จะเปิดบริการในช่วงค่ำ� จะเป็น ผับ และห้องพักที่ จะเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง บ้านเกื้อ มีการตกแต่งร้านในสไตล์ไทยผสมความทันสมัย แบ่งเป็น โซนๆ มีเรือนทรงไทย พร้อมบรรยากาศของต้นไม้ใหญ่ มีสวนตรงกลาง ร้าน และเก้าอี้จัดเป็นมุมน่านั่ง กาแฟของที่นี้เป็นกาแฟจากดอยช้าง รสชาติจะนุ่มกลมกล่อม บดกาแฟแก้วต่อแก้ว ลูกค้าจะนิยมมานั่งทาน ในช่วงพักเที่ยงจากการทำ�งาน พร้อมรับประทานอาหารที่มีเมนูให้เลือก มากมาย รับรองได้ว่าใครที่ได้มาที่นี้แล้วต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอน
ที่ตั้ง ถ.ช้างเผือก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 044-271223 เปิดบริการ จันทร์-อาทิตย์ 08.00 – 24.00 น.
ร้าน ฮูย่า กับตำ�นานหน่วยซีล ที่ตั้ง ถ.มหาดไทย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 044-266928 เปิดบริการ จันทร์ - ศุกร์ 08.00 – 19.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ 07.30 – 18.00 น. ร้านกาแฟท่ามกลางสวนพันธุ์ไม้นาๆชนิด ที่ประดับตกแต่งอย่างลงตัว ในสไตล์บาหลี ร้าน ฮูย่า เดิมเป็นบ้านไม้เก่าแก่แต่ถูกดัดแปลงมาเป็นร้าน ในปัจจุบัน โดยชื่อร้าน ฮุย่า มาจากคำ�ลงท้ายของนักเรียนฝึกหลักสุตร นัก ทำ�ลายใต้น้ำ� หรือหน่วย ซีล SEAL (sea air land) ของกองทัพเรือ หน่วย รบพิเศษที่เจ๋งที่สุดและฝึกโหดที่สุดหลักสูตรหนึ่งในโลก ซึ่งระหว่างการฝึก หลักสูตรนี้ ไม่ว่าครูฝึกจะสั่งอะไรก็ตาม นักเรียนต้องทำ�ตามคำ�สั่งและห้าม นักเรียนปฏิเสธ สิ้นเสียงครูฝึกทุกครั้ง นักเรียนจะต้องเปร่งเสียงร้องว่า ฮู ย่า!!! ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของนักเรียนหน่วยซีลทั่วโลก และเจ้าของร้าน กาแฟนี้มีดีกรีเป็นถึงอดีตทหารหน่วยซีลเก่า นี้จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน ฮูย่า!!! กาแฟของที่ร้านเป็นกาแฟอราบิก้า ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ทุก แก้วได้มีรสชาติกลมกล่อม เมนูที่แนะนำ�ก็คือ คาปูชิโน่ ลาเต้อาร์ต ที่มีฟอง ครีมนมนุ่มลิ้น เป็นที่ชื่นชอบของนักชิมกาแฟอย่างยิ่ง ร้านนี้เหมาะอย่างยิ่งสำ�หรับผู้ที่ต้องการบรรยากาศที่ร่มรื่น สงบ แต่ อยู่ไม่ไกลมาก เพราะร้านนี้ตั้งอยู่กลางใจเมือง มีทั้งคนในพื้นที่และต่างพื้นที่ แวะเวียนมากันมามากมาย ด้วยชื่อเสียงของรสชาติกาแฟและบรรยากาศ ของร้านที่ไม่ซ้ำ�ใคร
ร้าน Gzz’s cake ที่ตั้ง หลังโรงเรียนอัสสัมชัญ อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 044-271100 เปิดบริการ จันทร์ - ศุกร์ 12.00 – 19.00 น. เสาร์ 12.00 – 18.00 น. ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟและขนมเค้ก โดย ตั้งอยู่หลังโรงเรียนอัสสัมชัญ จ.นครราชสีมา คุณเก๋ เจ้าของร้านได้ให้ สัมภาษณ์กับเราว่า ร้านนี้เปิดมา 2 ปี โดยใช้บริเวณสวนหลังบ้านในการทำ� ร้านเพราะไม่รู้จะทำ�อะไรดี และเล็งเห็นว่าในบริเวณนี้ยังไม่มีร้านกาแฟ และ เบเกอร์รี่เปิด จุดเด่นของร้านนี้ คือ ความน่ารักสดใสกึ่งสไตล์วินเทจ ที่นี้ใช้กาแฟ ดอยช้าง ที่คุณเก๋ไปเลือกซื้อด้วยตนเอง ทำ�ให้กาแฟจะเป็นรสชาติที่นิ่มนวล เหมาะกับคุณผู้หญิง อีกทั้งยังได้มีการเรียนทำ�กาแฟอย่างพิถีพิถันจนมี ความชำ�นาญ สามารถสร้างสรรค์เมนูต่างๆด้วยสูตรเฉพาะของทางร้าน ในส่วนของเค้กที่คุณเก๋อยากจะแนะนำ�ให้ทานคือ เค้กใบเตยลูกตาล จะเป็น เค้กใบเตยนุ่มลิ้นที่สอดใส่ลูกตาลเป็นชั้นๆแถมปาดหน้าด้วยลูกตาลอีก หนึ่งชั้น คุณเก๋รับประกันความอร่อย และฝากให้ลองแวะมาชิมกันได้นะค่ะ
ร้าน De bus cafe ที่ตั้ง ถ.สืบศิริ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 044-353280 เปิดบริการ จันทร์ – อาทิตย์ 0.00 – 22.00 น. ร้านกาแฟที่ตั้งขึ้นให้ดูเหมือนเป็นจุดพักเล็กๆระหว่างการเดินทางที่แสน เหนื่อยล้า ได้แวะพักเติมความสดชื่นจากการดื่มกาแฟ และ เมนูเครื่องดื่ม อื่นๆที่มีให้เลือกอีกมากมาย ร้านนี้ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น ให้ความรู้สึกทันสมัย สบายตา ด้วย โทนสีขาว ครีม ภายในร้าน และของตกแต่งร้านที่น่ารัก ลงตัวในทุกมุม กาแฟของที่นี้เป็นกาแฟสูตรของทางร้าน โดยใช้กาแฟอราบิก้า รสชาติ กาแฟจะมีความพิเศษเฉพาะตัว
ร้าน อาม่ากับกาแฟลาว ที่ตั้ง ถ.มิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000 โทร 044-352859 เปิดบริการ จันทร์ – อาทิตย์ 09.00 – 18.00 น. ร้านอาม่ามีจุดเด่นของร้านให้เราต้องสะดุด และต้องแวะเข้ามาลองชิม กาแฟ ในบรรยากาศที่ร่มรื่น ริมถนน มิตรภาพ ที่มีแต่ความเร่งรีบ แต่ถ้าได้ ลองแวะที่ร้านนี้แล้วทุกคนล้วนต้องติดใจแน่นอน คุณปุ๊ย เจ้าของร้านบอกกับเราว่า ร้านนี้เปิดมาได้ 3 ปี ใช้เวลาทำ�ร้าน เรื่อยๆประมาณ1ปี ค่อยๆลองผิดถูกไปเรื่อยๆ จนชำ�นาญ กาแฟ ของที่นี้เป็น กาแฟลาว เพราะความชอบส่วนตัวที่ได้ไปลองชิมตอนไปเที่ยวที่ลาว และ ลูกสาวได้สนับสนุนให้เปิดร้านกาแฟเพราะเห็นชอบดื่ม ส่วนที่ตั้งร้านตรงนี้ เดิมทีเป็นที่ดินของอาม่า ยกให้เลยเป็นที่มาของชื่อร้านว่า อาม่า เมนูเครื่องดื่มที่นี้โดดเด่นที่สุดคงไม่พ้นเมนูกาแฟ ถึงแม้ว่าทางร้านจะใช้ กาแฟจากลาว แต่วัตถุดิบภายในร้านจะเป็นของไทยหมด แม้กระทั่งเครื่องทำ� กาแฟ คุณปุ๊ยบอกว่า ของไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆเพราะสามารถใช้งาน ได้ดีแถมสามารถตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม กาน้ำ�ร้อนก็ของไทยสามารถถอด ออกมาล้างได้ ต่างจากของต่างชาติไม่สามารถล้างทำ�ความสะอาดได้ แนะนำ�ร้านนี้ให้ท่านผู้อ่านได้ลองแวะมาชิมกาแฟกันนะค่ะ เพราะ บรรยากาศดีมากๆ การตกแต่งจะเป็นวินเทจและบาหลี ควบคู่กันไป