ก
าแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำ�จากเมล็ดซึ่งได้จากต้นกาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ด กาแฟ คั่ว มีการปลูกต้นกาแฟในมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
กาแฟเขียว (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการคั่ว) เป็นหนึ่งในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการ ซื้อขายกันมากที่สุดในโลก กาแฟมีส่วนประกอบของคาเฟอีน ทำ�ให้มันมีสรรพคุณชู กำ�ลังในมนุษย์ ปัจจุบัน กาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก....
การค้นพบกาแฟ และการนำ�ผลิตผลออกสู่โลกภายนอก มีตำ�นานเล่าขานกัน มาไม่แพ้นิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมากล่าวกันว่าในต้นศตวรรษที่ 6 มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อคาลดี เป็นชาวอาบิสซีเนียหรือเอธิโอเปียในปัจจุบัน หนุ่มน้อยผู้นี้มีอาชีพเลี้ยงแพะ ทุกวัน เขาจะนำ�ฝูงแพะออกไปหาอาหารกินตามทุ่งนาและตามเนินเขาต่างๆเมื่อเจอแหล่งหญ้าและ พุ่มไม้ที่อุดมสมบูรณ ์ เขาก็จะปล่อยให้ฝูงแพะหากินตามสบาย ส่วนตัวเขาตามประสาหนุ่ม ขี้เกียจก็จะหาที่ร่มเพื่อนอนพัก ตกเย็นก็ต้อนฝูงแพะกลับบ้าน นี่คือกิจวัตรประจำ�วันของ เขา แม้เขาจะเป็นคนขี้เกียจ แต่เขายังมีความดีอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นคนช่างสังเกต วันหนึ่ง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของฝูงแพะ หลังจากที่มันไปหากินตามบริเวณเนินเขา ดูเหมือน ว่ามันจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น เจ้าหนุ่มคาลดีก็เริ่มจับตาดูว่าฝูงแพะมันไปกินอะไรเข้าจึงเกิด อาการเช่นนี้ และก็สังเกตว่ามีผลไม้ลูกเล็กๆ สีแดงชนิดหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเป็น อาหารที่ฝูงแพะของเขากิน จากการเฝ้าสังเกตติดต่อกันหลายวัน เขาจึงสันนิษฐานว่าจะต้อง เป็นผลไม้สีแดงนี้แน่ที่เป็นสาเหตุให้ฝูงแพะกระปรี้กระเปร่าขึ้น เพื่อความแน่ใจเขาจึงเด็ดผล ไม้นี้ติดตัวกลับบ้านและทดลองกินดูเขาก็เลยกลายเป็นหนุ่มคนแรกที่ได้ลิ้มรสชาติของผลไม้ วิเศษที่มีชื่อเรียกกันภายหลังว่า “กาแฟ”
นับว่าเป็นโชคดีของชาวโลกที่เจ้าหนุ่มคาลดีไม่ได้ เก็บการค้นพบโดยบังเอิญนี้ไว้คนเดียว เขานำ�สิ่งที่พบ ไปเล่าให้นักบวชที่อยู่ในหมู่บ้านฟัง ความที่เป็นพระและมี ความรู้ทางสมุนไพร พระรูปนี้จึงได้นำ�ผลไม้ลูกเล็กๆ สี แดงนี้ไปลอกเปลือกออก และนำ�ไปตากแห้ง จากนั้นนำ�ไป ต้มน้ำ� ดื่มเป็นน้ำ�สมุนไพรและสังเกตความเปลี่ยนแปลง ของตนเองดูก็พบว่าความง่วงหงาวหาวนอนในระหว่างที่ สวดมนต์ตอนเย็น ได้หายไปและมีความกระปรี้กระเปร่า เข้ามาแทนที่ทำ�ให้การสวดมนต์สรรเสริญพระเจ้าในตอน เย็นมีชีวิตชีวาขึ้น และจากที่วัดนี้เองการต้ม ผลไม้ลูก เล็กๆ สีแดงที่เรียกว่า”กาแฟ” ก็ได้แพร่หลายออกไปสู่ บริเวณใกล้เคียง
จากการค้นพบครั้งแรกในศตวรรษที่ 6 เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 16 การดื่ม กาแฟและขายเมล็ดพันธุ์ยังคงจำ�กัดอยู่ในวงแคบ และอยู่ในมือของชาวอาหรับเท่านั้น ชาว อาหรับหวงแหนเมล็ดกาแฟมากและเก็บเป็นความลับสุดยอด เมล็ดกาแฟที่จะส่งออกไป จำ�หน่ายให้พ่อค้าจะต้องผ่านการต้มสุกเสียก่อนเพื่อป้องกันการนำ�ไปขยายพันธุ์ แต่ใน ที่สุดเมล็ดกาแฟที่เป็นของหวงแหนของชาวอาหรับก็ถูกมือดีชาวอินเดียลักลอบนำ�ออกไป สู่โลกภายนอกจนได้ ในระหว่างเดินทางกลับจากการไปแสวงบุญที่กรุงเมกกะ นายบาบา บูดาน ผู้มีถิ่น พำ�นักอยู่ที่ไมซูทางภาคกลางของประเทศอินเดียได้ลักลอบนำ�ผลกาแฟสุกสีแดง 6-7 เมล็ด ซุกไว้ที่ผ้าคาดเอวและนำ�มาปลูกที่หลังบ้านของเขา เมื่อผลกาแฟที่เพาะเจริญเติบโต ขึ้นนายบาบา บูดาน ก็ได้แบ่งต้นกล้าที่เพาะได้ต้นหนึ่งให้แก่พ่อค้าชาวดัตซ์ นำ�ไปทดลอง ปลูกที่เกาะชวาและประสบผลสำ�เร็จ พ่อค้าชาวดัตซ์จึงได้นำ�พันธุ์มาปลูกที่สวนพฤกษชาติ ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ต้นกล้าในสวนพฤกษชาติแห่งนี้จึงกลายเป็นต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของ กาแฟในยุโรป ส่วนต้นกล้าของ นายบาบา บูดาน ก็กลายเป็นต้นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของต้น กาแฟในอินเดีย
“ ชาวอาหรับหวงแหนเมล็ดกาแฟมากและเก็บเป็นความลับสุดยอด เมล็ดกาแฟที่จะส่งออกไปจำ�หน่ายให้พ่อค้าจะต้องผ่านการต้มสุกเสียก่อน เพื่อป้องกันการนำ�ไปขยายพันธุ์ ”
การขยายพันธุ์ไปยังทวีปอเมริกานั้น มีตำ�นานเล่าว่า ในปี ค.ศ. 1723 มีทหารเรือ ชาวฝรั่งเศสชื่อกาเบรียล แมธธิว เดอคิว ได้อุตส่าห์ทะนุถนอมต้นกาแฟ 6 ต้นที่เขานำ�ลง เรือมาด้วยในระหว่างเดินทางจากยุโรปไปยังทวีปอเมริกา เขายอมสละน้ำ�จืดของเขามารด ต้นกล้ากาแฟเพื่อไม่ให้มันตาย แต่มันก็ตายไปทีละต้นและเมื่อเรือเดินทางมาถึงเมืองท่ามาร์ ตีนิกในหมู่เกาะแคริบเบียน เขาก็เหลือต้นกล้าที่รอดตายเพียงต้นเดียวเขาเฝ้าทะนุถนอมต้น กาแฟที่รอดตายนี้ดุจไข่ในหินและสามปีต่อมาต้นกาแฟต้นนี้ก็เริ่มผลิดอกออกผล 50 ปีให้ หลังก็ได้ขยายพันธุ์ไปมากกว่า 20 ล้านต้น และต่อมาอีก 250 ปี ดินแดนแห่งนี้ก็ได้กลาย เป็นดินแดนที่ปลูกกาแฟมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกรองจากชา จากการค้นพบครั้งแรกในศตวรรษที่ 6 เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 16 การดื่มกาแฟและ
ต้นกาแฟเป็นพืชพื้นเมืองเขตร้อนแถบแอฟริกาและเอเชียใต้ กาแฟถูกจัดให้อยู่รวม กับพืชมีดอก ของวงศ์ Rubiaceae ถูกจัดเป็นต้นไม้ประเภทไม่ผลัดใบ ต้นกาแฟสามารถสูง ได้ถึง 5 เมตรถ้าไม่เล็มออก ใบของต้นกาแฟมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ขนาดโดยเฉลี่ยยาว 10-15 เซนติเมตร และกว้าง 6 เซนติเมตร ดอกของต้นกาแฟมีสีขาว มีกลิ่นหอม และจะ บานพร้อมกันทั้งต้น ผลกาแฟมีลักษณะรียาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ผลกาแฟอ่อนจะ มีสีเขียว เมื่อสุก สีของเมล็ดจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และเมื่อนำ�ไปผึ่งให้แห้ง สีของเมล็ดจะ เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและสีดำ�ในที่สุด ผลกาแฟแต่ละผลจะมีเมล็ดอยู่สองเมล็ด แต่ผลกาแฟ ประมาณ 5-10% จะมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว เมล็ดจำ�พวกนี้จะเรียกว่า พีเบอร์รี่ โดย ปกติแล้ว ผลกาแฟจะสุกภายในเจ็ดถึงเก้าเดือน กาแฟมักจะได้รับการขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด วิธีดั้งเดิมในการปลูกกาแฟคือ การใส่เมล็ดกาแฟจำ�นวน 20 เมล็ดในแต่ละหลุม เมื่อย่างเข้าฤดูฝน เมล็ดกาแฟครึ่งหนึ่งจะ ถูกกำ�จัดตามธรรมชาติ เกษตรกรมักจะปลูกต้นกาแฟร่วมกับพืชผลประเภทอื่น ๆ อย่าง เช่น ข้าวโพด ถั่วหรือข้าว ในช่วงปีแรก ๆ ของการเพาะปลูก
กาแฟสายพันธุ์หลักที่ปลูกกันทั่วโลกมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ Coffee canephora และCoffee arabica กาแฟอาราบิกา (ผลผลิตจาก Coffee arabica) ถูกพิจารณาว่าเหมาะแก่ การดื่มมากกว่ากาแฟโรบัสต้า (ผลผลิตจาก Coffee canephora) เพราะกาแฟโรบัสต้ามักจะ มีรสชาติขมกว่าและมีรสชาติน้อยกว่ากาแฟอาราบิก้า ด้วยเหตุผลดังกล่าว กาแฟที่เพาะ ปลูกกันจำ�นวนกว่าสามในสี่ของโลกจึงเป็น Coffee Arabica อย่างไรก็ตาม Coffee canephora สามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถก่อให้เกิดโรคได้น้อยกว่า Coffee arabica และสามารถ ปลูกได้ในสภาพแวดล้อมที่ Coffee arabica ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ กาแฟโรบัสต้ามี ปริมาณคาเฟอีนผสมอยู่มากกว่ากาแฟอาราบิกาอยู่ประมาณ 40-50% ดังนั้น ธุรกิจ กาแฟจึงมักใช้กาแฟโรบัสต้าทดแทนกาแฟ อาราบิก้าเนื่องจากมีราคาถูกกว่า กาแฟโร บัสต้าคุณภาพดีมักจะใช้ผสมในเอสเพรสโซเพื่อให้เกิดฟองและลดค่าวัตถุดิบลง นอกจาก กาแฟทั้งสองสายพันธุ์นี้แล้ว ยังมี Coffee liberica และ Coffee esliaca ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพืช ท้องถิ่นของประเทศไซบีเรียและทางตอนใต้ของประเทศซูดานตามลำ�ดับ เมล็ดกาแฟอาราบิก้าส่วนใหญ่ปลูกในละตินอเมริกา แอฟริกาตะวันออก อาราเบีย หรือเอเชีย ส่วนเมล็ดกาแฟ โรบัสต้าปลูกในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ไปจนถึง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และบางส่วนของประเทศบราซิล เมล็ดกาแฟที่ปลูกในสภาพ แวดล้อมที่แตกต่างกันส่งผลให้เมล็ดกาแฟของแต่ละท้องถิ่น ทำ�ให้เกิดลักษณะเฉพาะตัว อย่างเช่น รสชาติ กลิ่น สัมผัสและความเป็นกรด ลักษณะรสชาติของกาแฟนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่ กับพื้นที่ที่ปลูกเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์กำ�เนิดและกระบวนการผลิตด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว ความแตกต่างนี้จะสามารถรับรู้กันในท้องถิ่นเท่านั้น
กาแฟนิยมปลูกตามบริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แบ่งออกเป็น 4 พื้นที่เพาะปลูกที่สำ�คัญ แถบแอฟริกาและแหลมอาหรับ,แถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้,แถบอินโดนีเซีย,แถบ บริเวณอื่นๆ และชนิดของเมล็ดกาแฟที่นิยมปลูกตามพื้นที่ต่างๆให้รสชาติและมีเอกลักษณ์ แต่งต่างกัน กาแฟถูกค้นพบครั้งแรกในทวีปแอฟริกา อย่างที่คอกาแฟทุกคนทราบกัน หลังจาก นั้นกาแฟได้อพยพแยกย้ายไปทั้งทางซ้ายและขวาของโลก เกิดเป็นถิ่นฐานกาแฟตามที่ต่างๆ ซึ่งจะไปทางเหนือได้ไม่เกินเส้นทรอปิคออฟแคนเซอร์ (Tropic of Cancer) และหยุดอยู่ทาง ใต้แค่เส้นทรอปิคออฟแคปริคอน (Tropic of Capricon) จะสังเกตได้ว่าถิ่นฐานกาแฟจะอยู่ บริเวณเส้นศูนย์สูตร ทำ�ให้พื้นที่การปลูกกาแฟของโลกที่มีลักษณะคล้ายเข็มขัดBean-Belt ส่วนการปลูกกาแฟในประเทศไทย ประเทศไทยรู้จักกาแฟมามากกว่าครึ่ง ศตวรรษ จนสามารถส่งออกขายต่างประเทศได้ แต่ครึ่งศตวรรษที่ว่าเป็นช่วงเวลา ของกาแฟเฉพาะพันธุ์โรบัสต้า (โรบุสต้า) ซึ่งมีรกรากอยู่ภาคใต้ของประเทศเท่านั้น จน ในปี พ.ศ. 2519 ด้วยคุณสมบัติสองประการของกาแฟพันธุ์อาราบิก้า คือ 1. ราคา สูงคุ้มค่าเหนื่อยในการปลูก 2. มีความพร้อมในการรับช่วงดิน ภูมิอากาศ และความ สูงเหนือระดับน้ำ�ทะเล ของพื้นที่ที่เคยปลูกฝิ่น เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ใช้ในการ ปลูกฝิ่น จึงทำ�ให้เป็นที่นิยมปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น และสามารถส่งออกตลาดโลกได้
จากการที่เราได้ทราบข้อมูลของกาแฟกันมาแล้วในเนื้อหาก่อนหน้านี้ จึงได้ทราบกัน ว่าต้นกาแฟนั้นต้นกำ�เนิดมาจากต่างประเทศและเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วโลก ซึ่งบ้านเราก็ ไม่แพ้กันค่ะ เราคงเคยคุ้นหูกับกาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง กาแฟอินทนิน เป็นต้น ซึ่งล้วน แต่เป็นกาแฟที่ปลูกในภาคเหนือของประเทศไทยเพราะด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมใน การเพาะปลูก แต่ใครจะเชื่อว่ากาแฟที่ปลูกในโคราชบ้านเราก็มีเหมือนกันนะค่ะ อยู่ไม่ใกล้ไม่ ไกลโดยตั้งอยู่ที่ บ้านดงมะไฟ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 40 กิโลเมตร เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณบ้านดงมะไฟ ทุกท่านจะพบกับหมู่บ้านเล็กๆรายล้อมไปด้วย ต้นไม้ บรรยากาศดีมากค่ะเพราะตั้งอยู่บนเขา ชาวบ้านแถวนี้จะนำ�พืชผักผลไม้ที่ปลูกเอง มาวางขายหน้าบ้านของตนเองเพื่อหารายได้เล็กๆน้อยๆให้ครอบครัว และบริเวณสองข้าง ทางจะมีสวนผลไม้ และไร่กาแฟเต็มไปหมด จุดหมายของเราคือ ไร่กาแฟไสวพัฒนา โดยไร่ แห่งนี้เป็นไร่กาแฟแห่งการเรียนรู้ของคนในหมู่บ้าน เพราะเจ้าของไร่ เฮียหนุ่ม(ที่ชาวบ้าน เรียกกัน) ได้เป็นผู้ริเริ่มนำ�กาแฟเข้ามาปลูกในที่แห่งนี้จนกลายเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้กับ คนในหมู่บ้าน โดยวันนี้เฮียหนุ่มได้มีโอกาสมาพูดคุยให้ข้อมูล พร้อมทั้งพาเที่ยวชมไร่กาแฟ ไสวพัฒนาด้วยค่ะ
เมื่อมาถึงไร่แห่งนี้เราก็ได้พบกับต้นกาแฟจำ�นวนมากมีทั้งต้นที่มีผลกาแฟและ ไม่มีผลกาแฟ ซึ่งเฮียหนุ่มได้บอกกับเราว่า “ทางไร่เพิ่งเก็บผลผลิตไปเมื่อวานนี้เอง น่า เสียดายที่ไม่ได้มาเห็นผลเชอร์รี่ แดงสวยทั้งไร่” ได้ฟังแล้วก็รู้สึกเสียดายเลยค่ะเพราะเรา มีความตั้งใจมากที่จะมาเห็นต้นกาแฟแบบมีผลกาแฟสีแดงเต็มต้น เฮียหนุ่มอธิบายต่อ อีกว่าที่เรียก“ผลเชอร์รี่”ก็เพราะเมล็ดกาแฟเมื่อผลดิบจะมีสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสี แดงสดเหมือนลูกเชอรี่ โดยกาแฟของที่นี่จะเป็นกาแฟสายพันธุ์ อาราบิก้า ซึ่งได้ต้นกาแฟ มาจากศูนย์วิจัยพันธุ์เกษตรเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในช่วงแรกที่ยังไม่มีความรู้ในเรื่องการ ปลูกกาแฟก็จะใช้วิธีการเลียนแบบการปลูกกาแฟตามที่ต่างๆ มีการปลูกต้นถั่วแมคคาเด เมียเพื่อเป็นร่มเงาแก่ต้นกาแฟ เพราะต้นกาแฟชอบอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เพื่อที่สารกาแฟ จะได้มีเวลาสะสมความเข้มข้น ต่างจากกาแฟที่อยู่กลางแดดจัดเมื่อออกผลสารกาแฟก็ จะถูกเร่งการเจริญเติบโตโดยแดดและสุกเร็ว สารกาแฟก็ยังไม่เข้มข้นพอ เฮียหนุ่มยังกล่าวอีกว่า การปลูกต้น แมคคาเดเมียเพื่อเป็นร่มเงานั้นไม่ค่อยได้ผล เท่าไหร่เพราะแมคคาเดเมียชอบอากาศเย็น จัด แต่ที่นี่เย็นไม่พอจึงทำ�ให้โตช้ามากไม่ทัน ได้เป็นร่มเงาให้กาแฟ จึงได้มีการทดลองหา ต้นไม้ชนิดอื่นมาปลูกแทน ซึ่งก็ไม่ใช่ต้นไม้ที่ พิเศษมากมายเป็นต้นไม้บ้านเราเองค่ะ นั้น ก็คือต้นกล้วย สาเหตุที่ใช้ต้นกล้วยนั้น เฮีย หนุ่มกล่าวว่าต้นกล้วยนี่ดีมากๆเลยสามารถ เป็นร่มเงาให้ต้นกาแฟได้ ด้วยใบที่ใหญ่ ต้น โตเร็ว ทนต่อหน้าแล้งแม้ไม่ได้รดน้ำ� แถมยัง ไม่แย้งอาหารของต้นกาแฟ เราได้ฟังแล้วจึง ได้เข้าใจเลยค่ะว่าทำ�ไมต้นกล้วยถึงได้เต็มไร่ ไปหมด ส่วนเหตุผลที่เลือกปลูกกาแฟพันธุ์ อาราบิก้านั้นเพราะพื้นที่ในการปลูกเหมาะ สมมากกว่ากาแฟพันธุ์โรบัสต้าที่ชอบน้ำ� รสชาติจะเปรี้ยวและเข้ม ไม่เหมือนกาแฟอา ราบิก้าที่มีรสชาตินุ่มหอม เป็นที่นิยมและ ขายได้ราคามากกว่า
“ ทางไร่เพิ่งเก็บผลผลิต ไปเมื่อวานนี้เอง น่าเสียดาย ที่ไม่ได้มาเห็นผลเชอร์รี่ แดงสวยทั้งไร่ ”
เราเดินไปเรื่อยๆตามแนวไร่ สังเกตได้ว่าไร่นี้กว้างขวางมากไม่มีที่สิ้นสุด จึงได้ทราบ ข้อมูลว่าไร่นี้มีเนื้อที่ประมาณ 47 ไร่ แต่ถ้าโดยรวมๆทั้งหมู่บ้านก็มีการปลูกรวมกันแล้ว 600-700 ไร่ ที่นี่มีความสูงจากระดับน้ำ�ทะเลที่ 560 เมตร โดยถือว่าเป็นระดับที่กำ�ลังดีใน การปลูกกาแฟ เพราะกาแฟอาราบิก้าจะไม่ชอบแดดจัด ชอบอากาศเย็นซึ่งจะช่วยให้กาแฟ สุกช้ารสชาติจึงเข้มข้น ไร่ไสวพัฒนา ปลูกกาแฟมา 7 ปี มีผลผลิตออกขายทำ�รายได้เข้าสู่ หมู่บ้านเพราะที่นี่จะมีการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดงมะไฟ เพื่อให้ชาวบ้านได้นำ�เมล็ด กาแฟมาขายเป็นรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวหรือบางครอบครัวการปลูกกาแฟถือเป็น อาชีพหลักเลยทีเดียว เมื่อกลุ่มวิสาหกิจได้รับซื้อเมล็ดกาแฟมาจากชาวบ้านแล้วก็จะนำ�มา คั่วอย่างพิถีพิถัน จากนั้นก็จะนำ�มาบรรจุหีบห่อออกวางจำ�หน่ายทั้งในหมู่บ้านและส่งออก ไปขายตามต่างอำ�เภอหรือจังหวัดอื่นๆ ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีมาก สามารถสร้างชื่อเสียง ให้แก่หมู่บ้านดงมะไฟ
เฮียหนุ่มกล่าวต่ออีกว่า การเก็บเมล็ดกาแฟที่นี้จำ�ง่ายๆเลยคือ “ออกดอกวันแม่ เก็บผล วันพ่อ” แต่ละต้นจะมีความสูงแค่ระดับตัวคนเพื่อให้สะดวกต่อการเก็บผลผลิต โดยเมื่อ เก็บผลกาแฟหรือที่เรียกกันว่าผล เชอร์รี่ก็จะนำ�มาล้างน้ำ�ให้สะอาด จากนั้นก็จะนำ�มาคัด เลือกผลที่มีคุณภาพด้วยวิธีการแบบง่ายๆคือ การแช่ในน้ำ� ถ้าผลไหนลอยน้ำ�ก็แสดงว่า ไม่มีคุณภาพก็จะถูกคัดทิ้ง แล้วก็จะนำ�ผลที่มีคุณภาพมาทำ�การสีเอาเปลือกสีแดงๆออก แล้วก็นำ�เมล็ดกาแฟด้านในมาตากแดดจัดๆ 5 วัน เพื่อให้แห้งสนิท จากนั้นจะมีการคัด แยกเมล็ดตามขนาด ซึ่งเมล็ดกาแฟที่นี้ค่อนข้างโต ถือว่าเกรด AA ขายได้ถึงกิโลกรัมละ 130 บาท ถือว่าได้ราคามาก เมื่อคัดเมล็ดเสร็จก็จะนำ�มาใส่กระสอบเก็บไว้ 6 เดือนเพื่อให้ สารกาแฟได้เข้มข้นเต็มที่แล้วจึงนำ�ออกมาขาย
ก
มารู้จักกาแฟกันเถอะ
าแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ทำ�จากเมล็ดซึ่งได้จากต้นกาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ดกาแฟ คั่ว มีการปลูกต้นกาแฟใน มากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
กาแฟเขียว (กาแฟซึ่งยังไม่ผ่านการคั่ว) เป็นหนึ่งในสินค้า ทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก กาแฟมีส่วน ประกอบของคาเฟอีน ทำ�ให้มันมีสรรพคุณชูกำ�ลังในมนุษย์ ปัจจุบัน กาแฟเป็นเครื่องดื่มซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดใน โลก.... เป็นที่เชื่อกันว่าสรรพคุณชูกำ�ลังจากเมล็ดของต้นกาแฟนั้นถูกพบ เป็นครั้งแรกในเยเมน แถบอาระเบีย และทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของเอธิโอเปีย และการปลูกต้นกาแฟในสมัยแรกได้แพร่ขยายในโลก อาหรับ หลักฐานบันทึกว่าการดื่มกาแฟได้ปรากฏขึ้นราวกลางคริสต์ ศตวรรษที่ 15 อันเป็นหลักฐานซึ่งเชื่อถือได้และเก่าแก่ที่สุด ถูกพบในวิ หารซูฟี ในเยเมน แถบอาระเบีย จากโลกมุสลิม กาแฟได้แพร่ขยายไป ยังทวีปยุโรป อินโดนีเซีย และทวีปอเมริกา ในระหว่างที่กาแฟเริ่มเดิน ทางจากทวีปอเมริกาเหนือและตะวันออกกลางสู่ทวีปยุโรป กาแฟได้ ถูกส่งผ่านไปยังชิลีและอิตาลีในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากนั้น ผ่านตุรกีไปยังกรีซ ฮังการี และออสเตรียในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 จากอิตาลีและออสเตรีย กาแฟได้แพร่ขยายไปยังส่วนที่เหลือของ ทวีปยุโรป กาแฟได้เข้ามามีบทบาทสำ�คัญในสังคมหลายแห่งตลอด ประวัติศาสตร์ ในแอฟริกาและเยเมน มันถูกใช้ร่วมกับพิธีกรรมทาง ศาสนา ผลที่ตามมาคือ ศาสนจักรเอธิโอเปีย ได้สั่งห้ามการบริโภค กาแฟตลอดกาล จนกระทั่งถึงรัชสมัยของจักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 มัน ยังได้ถูกห้ามในจักรวรรดิออตโตมันระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 17 เนื่องจากสาเหตุทางการเมืองและมีส่วนเกี่ยวพันกับกิจกรรมทางการ เมืองหัวรุนแรงในทวีปยุโรป