การคํานึงถึงปั จเจกบุคคล ของผูน้ าํ
โดย...ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐานะ วัฒนา สุขวงศ์
ประเด็นสําคัญในวันนี) • ความแตกต่างระหว่าง บุคคล • การติดต่อสื/อสารของ ผูน้ าํ • การจัดการแบบมีสว่ น ร่วม
การสื/อสาร เป็ นหัวใจสําคัญของการ บริหารงาน
ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual differences)
• ปั จเจกบุคคล ลักษณะเฉพาะของบุคคล บุคคลแต่ละคนมีลกั ษณะเฉพาะที/ แตกต่างกันไป ภาษาเป็ นส่วนหนึ/ง ที/สะท้อนให้เห็นถึงอุปนิสยั อารมณ์ รสนิยม ความคิด แต่ละ คนจะมีวิธีพดู หรือใช้ภาษาที/ แตกต่างกัน
ความแตกต่างระหว่างบุคคล * คุณสมบัตขิ องบุคคลด้านต่างๆ ของบุคคล เช่น
สติปัญญา อารมณ์ สังคม แต่ละบุคคลจะมีคณ ุ สมบัติ เฉพาะตัว ที/ทาํ ให้แต่ละบุคคล แตกต่างกัน
สาเหตุของความ แตกต่าง * ครอบครัว * การเมือง * การศึกษา * เศรษฐกิจ * ภูมิศาสตร์
ครอบครัวมี อิทธิพลด้าน... ทัศนคติ ค่านิยม บุคลิกภาพ ลักษณะนิสยั แบบแผนของการ บริโภค การใช้จา่ ยและการ ประหยัด
ทฤษฎีความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Differences Theory)
เดอเฟลอร์ De Flure ได้เสนอหลักการไว้ ดังนี) 1. มนุษย์มีความแตกต่างกันอย่างมาก ใน องค์ประกอบทางจิตวิทยาส่วนบุคคล 2. ความแตกต่าง บางส่วนมาจากลักษณะ แตกต่างทางชีวภาคหรือทางร่างกายของ แต่ละบุคคล แต่สว่ นใหญ่มาจากการ เรียนรู ้
3. มนุษย์ถูกชุบเลี)ยงภายใต้ สถานการณ์ตา่ งๆ จะ เปิ ดรับความ คิดเห็นแตกต่างกันไปอย่างกว้างขวาง 4. จากการเรียนรูส้ ิ/งแวดล้อมทําให้ เกิดทัศนคติ ค่านิยม และความเชื/อที/ รวมเป็ นลักษณะทางจิตวิทยาส่วน บุคคลที/แตกต่างกันไป
ในแง่ของการทํางาน
• • • • • • •
ความแตกต่างของบุคคล ส่งผลต่อ ความสามารถ ความฉลาด การแก้ปัญหา ความรวดเร็วและแม่นยํา การเห็น การฟั ง การพูด การ เขียน ความอดทน ความเครียด
สิ/งที/ทา้ ทายผูน้ าํ จึงต้องสังเกตความ แตกต่าง ในผูป้ ฏิบตั งิ านแต่ละคน จัดการกับบุคคลที/แตกต่างกัน ปรับ พฤติกรรมเพื/อประโยชน์และบรรลุ เป้าหมายขององค์กร
การติดต่อสื/อสาร ของผูน้ าํ
•
ผูน้ าํ ที/สื/อสารอย่างมีประสิทธิผล ต้องสามารถสื/อสารวิสยั ทัศน์ของตน และวัตถุประสงค์ขององค์กรได้อย่าง ชัดเจน รับฟั งความคิดเห็นของ พนักงานในองค์กร และสื/อสารเพื/อ กระตุน้ ให้พนักงานเกิดแรงจูงใจใน การทํางานเพื/อบรรลุเป้าหมายของ องค์กร
การสื/อสาร * Everett M.Roger & F.Floyd Shoemaker
การติดต่อสื/อสาร คือ กระบวนการซึ/งสาร ถูกส่งจากผูส้ ง่ สารไปยังผูร้ บั สาร * วิจติ ร ศรีสะอ้าน การติดต่อสื/อสาร หมายถึง การส่งข่าวสารจากผูห้ นึ/งไปยัง อีกผูห้ นึ/งหรือจากผูส้ ง่ สารไปยังผูร้ บั สาร กระบวนการส่งหรือถ่ายทอดจะต้องอาศัย ช่องทางการติดต่อและสัญลักษณ์ตา่ งๆ เพื/อให้ถึงผูร้ บั อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
Communication * การสื/อสาร คือ การมีความเข้าใจ ร่วมกันในสัญลักษณ์ที/แสดง ข่าวสาร (Wilbur Schramm 1997,P.13.) * การสื/อสารคือกระบวนการ ถ่ายทอด และหรือแลกเปลี/ยนสาร เพื/อสร้างความสัมพันธ์และ ความเข้าใจระหว่างกัน
วัตถุประสงค์ของการสื/อสาร - เพื/อแจ้งให้ทราบหรือเพื/อทราบ - เพื/อสอนหรือให้การศึกษา - เพื/อสร้างความพอใจหรือให้ ความบันเทิง - เพื/อเสนอหรือชักจูงใจ
ประเภทของการ สื/อสาร Intrapersonal
Group Communication
Interperso nal
Mass Communication Advertising/Public Relations
กระบวนการสื/อสาร (Communication Process) S
M
C
R
E
Everette M. Rogers & Floyd W. Shoemaker
S
Source
M
Message
C
Channel
ผู้ส่งสาร สาร ช่ องทางการสื9อสาร
RReceiver/Audience ผู้รับสาร
E
Effect ผลการสื9อสาร
หมายถึง แหล่ งข้ อมูล หมายถึง เนือ5 หาข้ อมูลข่ าวสารที9จะนําเสนอ หมายถึง สือ ที องค์กรเลือกใช้ เช่น สื อมวลชน สื อบุคคล หมายถึง พนักงาน ลูกน้ อง ผู้เกี9ยวข้ อง หมายถึง ผลของการสื9อสารที9เกิดขึน5 แก่ ผ้ ูรับสาร
จุดมุ่งหมายของการสื/อสาร สําหรับผูน้ าํ @ เพื/อยืนยันและยํ)าจุดยืน วิสยั ทัศน์ และพันธกิจขององค์กร @ กระตุน้ การเปลี/ยนแปลงองค์กร @ ชี)ประเด็นนําไปสู่การปฏิบตั ิ @ กระตุน้ ความสามารถขององค์กร @ สร้างสิ/งแวดล้อมที/แรงจูงใจ สามารถเติบโตได้
หลักการติดต่อสื/อสารที/ดี -ความเชื/อถือได้ -ความเหมาะสม -มีเนื)อหาสาระ -ความสมํา/ เสมอและความ ต่อเนื/อง -ช่องทางข่าวสาร -ความสามารถของผูร้ บั สาร -ความชัดเจนของข่าวสาร
การสือ/ สารระหว่างบุคคล * เป็ นกิจกรรมที/เกี/ยวข้องกับ บุคคลตัง) แต่สองคนขึ)นไป ติดต่อกัน จะทําให้ท)งั สองฝ่ ายมี ความเข้าใจกันและรับรูข้ อ้ มูลต่างๆ * คนที/ขาดการสื/อสารระหว่าง บุคคลจะเป็ นคนปรับตัวยากและมี ปั ญหา
การสื/อสารระหว่าง บุคคล การเผชิญหน้า * โทรศัพท์ ประชุมกลุ่ม * การนําเสนอ บันทึกข้อความ * โทรสาร จุลสาร * จดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ • การประชุมทางไกลผ่านระบบวีดิทศั น์ (Video Conference)
• • • •
ลักษณะการสื/อสารระหว่างบุคคลที/ ดึงดูดใจ • ความมีเสน่ห ์ (Attractiveness) • ความใกล้เคียงกัน (Proximity) • ความตรงกันข้ามกัน (Reinforcement) • ความคล้ายกัน (Similarity) • ความส่งเสริมซึ/งกันและกัน (Complementary)
การสื/อสารภายในองค์กร - เป็ นเครื/องมือของผูบ้ ริหารใน การบริหารงาน - เป็ นเครื/องมือที/ช่วยสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างผูบ้ ริหารกับ บุคลากรต่างๆ - การช่วยกันปฏิบตั ภิ ารกิจของ องค์กรและมีการประสานงานระหว่าง กัน - การช่วยให้เกิดการพัฒนาและ การทํางานที/มีประสิทธิภาพ
การสื/อสารภายในองค์กร สื/อ ผูส้ ง่ สาร เข้ารหัส Sources Encoding
ข่าวสาร Message
ถอดรหัส ผูร้ บั สาร Decoding Receivers
Medias
สิ/งรบกวน Noise ผลสะท้อนกลับ Feedback
การตอบสนอง Response
การไหลของข่าวสารภายในองค์กร Communication Flow in Organization 1. Downward Communication : การไหล ของข่าวสารจากระดับบนสูร่ ะดับล่าง ได้แก่ คําสั /ง แนวนโยบาย กฎระเบียบ ข้อแนะนํา ในการปฏิบตั งิ านจากผูบ้ ริหาร
ผูบ้ ริหาร
นโยบาย ข้อแนะนํา กฎระเบี ย บ คําสั /ง พนักงาน
2. Upward Communication : การไหล ของข่าวสารจากระดับล่างสูร่ ะดับบน ได้แก่ ข้อคิดเห็น ข้อเสนอ หรือ ข้อ เรียกร้องจากพนักงาน และข้อควร ปรับปรุงเกี/ยวกับการปฏิบตั งิ าน ผูบ้ ริหาร ข้อปรับปรุง ข้อเสนอ ข้ อ เรี ย กร้ อ ง ข้อคิดเห็น พนักงาน
3. Lateral or Horizontal Communication : การไหลของ ข่าวสารในระดับเดียวกันเกิดขึ)นใน ระหว่างพนักงานในระดับเดียวกัน เพื/อเชื/อมความสัมพันธ์อนั ดีระหว่าง คนในองค์กร ผูบ้ ริหาร
พนักงาน
ผูบ้ ริหาร
พนักงาน
ทิศทางของการติดต่อสื/อสารของ องค์การ การสื/อสารจากบนลงล่าง
การติดต่อสื/อสารตามแนวนอน
การติดต่อสื อสาร จากล่างขึ นบน
การติดต่อสื/อสารข้ามสายงาน 30
เครือข่ายการสื/อสาร Communication Network • เครือข่ายการสื/อสารเป็ น ช่อง ทางการสื/อสารภายในองค์กร โดยการถ่ายทอดข่าวสารจาก บุคคลหนึ/งไปยังอีกคนหนึ/ง ตามลําดับชั)นขององค์กร
เครือข่ายการสื/อสารแบ่งออกเป็ น 2 ลักษณะ 1. เครือข่ายการ สื/อสารอย่างเป็ น ทางการ เป็ นการสื/อสาร ตามระเบียบแบบ แผนที/องค์กร กําหนดขึ)น เช่น บันทึก สิ/งพิมพ์ รายงาน ประจําปี การ แถลงข่าว
2. เครือข่ายการ สื/อสารอย่างไม่เป็ น ทางการ เป็ นลักษณะการ สื/อสารระหว่าง บุคคลอย่างไม่เป็ น แบบแผน เช่น การพูดคุยซุบซิบ เล่าเรื/องเบื)องหลัง การทํางานหรือ การ สังเกต วิธีการปฏิบตั ิ ตัวของสมาชิก
รูปแบบของเครือข่ายการสื/อสารภายใน องค์กร (5 รูปแบบ) แบบ) 1. แบบวงกลม CIRCLE เป็ นการสื/อสารภายในองค์กรแบบ ไม่มีผนู ้ าํ คนในองค์กรมีความเท่า เทียมกันในการกระจายข่าวสารมี อํานาจและอิทธิพลต่อกลุ่มอย่างเสมอ ภาค
ข้อดี - เป็ นการสื/อสารแบบ ประชาธิปไตย - เหมาะกับการแลกเปลี/ยนความ คิดเห็น ข้อเสีย - ใช้เวลามาก - ไม่เหมาะกับการตัดสิน ปั ญหาโดยเร็ว
2. แบบวงล้อ (WHEEL) เป็ นการสื/อสารที/มีผนู ้ าํ ชัดเจน อํานาจการควบคุมการสื/อสารอยูท่ ี/ ศูนย์กลาง[ very centralized ] คือ ผูน้ าํ
ข้อดี - ผูบ้ ริหารจะเป็ นศูนย์กลางของ การสื/อสาร - ลดความเชื/องช้าของการสื/อสาร จากบนลงล่าง ข้อเสีย - เป็ นการรวมอํานาจ รับข้อมูล และตัดสินใจ เพียงคนเดียง
3. แบบลูกโซ่ CHAIN เป็ นการสื/อสารที/คล้ายกับแบบ CIRCLE แต่ตา่ งกันที/ผสู ้ ื/อสารคน สุดท้ายสามารถสื/อสารกับคนคน เดียว….การสื/อสารรูปแบบนี)ไม่มีผนู ้ าํ ที/ ชัดเจน แต่ตาํ แหน่งตรงกลางน่าจะมี ความเป็ นผูน้ าํ มากกว่าตําแหน่งอื/น
“ ข้อดี - ข้อมูลน่าจะมาจากแหล่งที/เชื/อถือได้ ข้อเสีย- อาจจะเชื/องช้าเพราะสื/อสารคล้าย กับบนลงล่าง
4. แบบ THE Y เป็ นการสื/อสารที/มีความเป็ น ศูนย์กลางน้อยกว่าแบบ WHEEL แต่ เป็ นการสื/อสารที/มีผูน้ าํ ที/ชดั เจนและมี ผูน้ าํ คนที/ 2 แสดงบทบาทเพิ/มขึ)น สมาชิกสามารถรับและส่งข่าวสารได้ จากผูน้ าํ ทั)ง 2 คน
เป็ นการสื/อสารที/มีขอ้ มูลเข้าออกได้ ข้อดี – ข้อมูลเข้าถึงผูบ้ ริหารได้ 2 ทาง ข้อเสีย- อาจเกิดความสับสน ได้
• 5. แบบ ALL - CHANNEL หรือ ที/เรียกว่า THE STAR …. เป็ นการสื/อสารที/สมาชิกมีความเท่า เทียมกันในการสื/อสาร ทําให้สมาชิก สามารถสื/อสารกันได้ทุกทิศทุกทาง ก่อให้เกิดการสื/อสารในวงกว้าง
สมาชิกเท่าเทียมกันในการสื/อสารทําให้ สื/อสารกันได้ทุกทิศทาง” ข้อดี - ข้อมูลกระจายไปได้หลาย ทิศทาง ข้อเสีย - อาจต้องใช้เวลามากขึ)น
แนวทางในการสื/อสารที/มี ประสิทธิภาพ •
5W+1H . ทําไมเราจะต้องสื/อสาร (Why) . เราต้องการให้เขารูอ้ ะไร(What) . เรากําลังจะสื/อสารกับใคร( ใคร(Who)) . เรากําหนดกลยุทธ์ หรือวิธีการใน การสื/อสารเอาไว้อย่างไร(How) . จะใช้สถานที/ที/ไหนดี (Where) . จะใช้เวลาไหนดี(When)
ปั ญหาการสื/อสารระหว่าง บุคคล •
สื/อสารด้วยศัพท์เทคนิคมาก เกินไป
•
สื/อสารผ่านตัวกลาง, ตัวแทน บ่อยๆ
•
ประชุมแบบทางเดียว / ไม่มี ส่วนร่วม
•
ข้อมูลน้อยเกินไป
ปั ญหาการสื/อสารองค์กรไปไม่ ทั /วถึง - สื/อสารแล้วไม่ตดิ ตาม - สื/อสารแล้วไม่นาํ ไปปฏิบตั ิ - สื/อสารล่าช้า ฉิวเฉียดหรือด่วน ทุกครั)ง
การแก้ไขปั ญหาจากการ ติดต่อสื/อสาร * ให้โอกาสผูร้ บั ข่าวสารโต้ตอบ * ใช้ภาษาง่าย ๆ ทั)งการเขียน และพูด * ข่าวสารที/ส่งออกไปต้อง ชัดเจน * ตัง) ใจรับฟั ง * ระงับอารมณ์ความรูส้ ึก * สังเกตอากัปกิริยาของคู่ สนทนา * วางแผน/ติดตาม
การจัดการแบบมี ส่วนร่วม
• การจัดการแบบมีสว่ นร่วมเป็ น การจูงใจ ให้ผรู ้ ว่ มปฏิบตั งิ านในองค์การได้ มีสว่ นร่วม ในการตัดสินใจ ความรับผิดชอบ และร่วมมือในการพัฒนาปฏิบตั ิ ด้วยความเต็มใจ
หนังสือ The Essential Drucker
• ทุกคนในองค์กรต้องหมั /นคิด สร้างสรรค์ ทุกคนมีสิทธิPคิดได้ไม่ จําเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็ นซีอีโอ ต้องกล้าคิดและกล้าล้มเหลว
• องค์กรจะต้องเดินไปในแนวทางของ การเรียนรู ้ หรือ learning organization การทํางานของทุกคน ต้องมองเป้าหมายเดียวกันขององค์กร ถึงแม้แต่ละฝ่ ายจะมีหน้าที/ตา่ งกัน ก็ ต้องทํางานเชื/อมกันเหมือนวงออเคสต ร้า มีโน้ตในการสีไวโอลิน มีโน้ต สําหรับกีตา้ ร์ ทุกคนต้องเล่นเพลง เดียวกัน ถึงแม้จะมี conductor หรือไม่มี ก็จะไม่มีความหมาย
HR กับความเป็ นเลิศขององค์กร โดย ผูจ้ ดั การ 360 องศา รายสัปดาห์ 17 มีนาคม 2554
HPO คือองค์การที/สามารถ ดําเนินการให้ได้ผลทางธุรกิจตามที/วางแผน ไว้ และมีความสามารถเป็ นเลิศในการแข่งขัน เชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็ นภาวะธุรกิจจะตกอยูใ่ น สถานการณ์ใดก็ตาม ปั จจัยหลักที/ก่อให้เกิดผลการ ปฏิบตั งิ านอันยอดเยีย/ มอย่างยั /งยืน ที/ได้ชื/อว่า เป็ นองค์การที/มีความเป็ นเลิศ ประกอบไป ด้วย
- ผูบ้ ริหารอาวุโสมีความเข้าใจในสภาพการณ์ ของตลาดอย่างลึกซึ)งและถ่องแท้ - วิสยั ทัศน์และกลยุทธ์สอดประสานกับ สภาพการณ์ของตลาดเป็ นอย่างดี - การบริหารจัดการของผูบ้ ริหารสนับสนุน วิสยั ทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กร - ทักษะและพฤติกรรมของพนักงาน เหมาะสมกับที/องค์การและตลาดต้องการ - ระบบและกระบวนการบริหารจัดการต่างๆ มีประสิทธิภาพเป็ นอย่างดี และเชื/อถือได้
บริษทั ทาวเวอร์ส วัทสัน ได้ ศึกษาถึงองค์การที/เป็ นองค์การ ที/มีความเป็ นเลิศ (Best in Class) โดยพิจารณาจาก 2 มิติ คือ
1.องค์การที/มีผลการปฏิบตั งิ านยอด เยีย/ ม สร้างรายได้สูง มีผล ประกอบการอันยอดเยีย/ ม 2.องค์การที/มีการบริหารจัดการด้าน ทรัพยากรมนุษย์ที/เป็ น Best in Class โดยพิจารณาจากความรูแ้ ละ ความสามารถ ในการบริหารจัดการ งาน HR ในระดับโลก
โดยตั)งคําถามว่า “บริษทั ของท่าน จะรอดพ้นภาวะวิกฤติและอยูร่ อดมา ได้เป็ นอย่างดีเนื/องจากปั จจัย อะไรบ้าง” คําตอบ 10 อันดับแรกที/ได้รบั จากบริษทั ต่างๆ เนื/องมาจาก
1.การสื/อสาร (Communication) 2.ภาวะผูน้ าํ (Leadership) 3.ความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness)
4.ภาพลักษณ์ขององค์การ (Image) 4. 5.การจ่ายรางวัลค่าตอบแทน (Rewards)
6.การพัฒนาความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Development)
7.มุ่งเน้นลูกค้าเป็ นหลัก(Customer Focus) 8.การประเมินผลการปฏิบตั งิ าน (Performance Evaluation)
9.การฝึ กอบรม(Training) 10.ความผูกพันของพนักงานภายใน องค์การ(Engagement)
ประโยชน์ของการบริหารแบบมีสว่ น ร่วม • ช่วยสร้างความสามัคคี • ช่วยให้ทราบถึงความต้องการของ องค์การทั)งหมด • ช่วยเพิ/มพูนประสิทธิภาพการทํางาน ให้สูงขึ)น ลดความเฉื/อยชาในการ ทํางาน การย้ายงานและการหยุดงาน
• ช่วยลดความขัดแย้ง และการต่อต้าน จากพนักงานระดับล่าง • ช่วยสร้างบรรยากาศในการทํางาน และทําให้สุขภาพจิตในองค์การดีข) ึน • ช่วยเพิ/มผลผลิตในองค์กร • สร้างหลักประชาธิปไตยให้เกิดขึ)นใน องค์การ
• ช่วยลดค่าใช้จา่ ยในการบริหารงาน ใช้ ทรัพยากรอย่างประหยัดและทะนุ ถนอม • ทําให้พนักงานรูส้ ึกว่าเขาเป็ นส่วนหนึ/ง ขององค์การ • เป็ นการแบ่งเบาภาระหน้าที/ของ ผูบ้ งั คับบัญชา ในด้านการควบคุมงาน ให้ลดน้อยลง และทําให้ผลงานดีช) ึน
ICO (Integrated Organization Communication)
การสื/อสารองค์กรแบบบูรณา การ ได้แนวคิดมาจากด้านการสื อสารการตลาด แบบบูรณาการ IMC:Integrated Maketing Communications
การสื/อสารในองค์กร ในรูปแบบและ วิธีการที/หลากหลายผสมกัน มี ทางเลือกในการสื/อสารต่างๆ ใน องค์กรมีหลายวิธีดงั นี)
1. การปฐมนิเทศ 2. การประชุม 3. การฝึ กอบรม สัมมนา ดูงาน 4. จดหมายข่าว 5. หนังสือเวียน 6. ป้ายประกาศ 7. บอร์ดนิทรรศการ 8. วารสาร
10. เกม 11. กิจกรรม 12. การบอกกล่าว บอกต่อ 13. บล็อก 14. เว็บไซต์ 15. อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต 16. เฟซบุค้ 17. ทวิตเตอร์
18. ทีวี/วีดิทศั น์ 19. วิทยุ 20. สื/อกลางแจ้ง 21. แถลงข่าว 22. กล่องรับความ คิดเห็น 23. เวทีประชาพิจารณ์ 24. การสอน/การโค้ช 25. การตักเตือน
27. การตักเตือน/ลงโทษ 28. ชมเชย/ให้รางวัล 29. จัดตัง) ชมรม 30. KM 31. ระดมสมอง 32. ใช้ Presenter/ ตัวแทน 33. จัดอีเว้นท์ ฯลฯ
ทักษะการสื/อสารเป็ นหัวใจของ ผูน้ าํ ผูต้ ามจะทําตามได้อย่าง ถูกต้องตามความต้องการหรือไม่ นั)น ขึ)นกับการสื/อสารของผูน้ าํ เป็ น สําคัญ
สื/อสารได้อย่างดี •
ไม่ว่าเรื/องยากแค่ไหน ก็ตอ้ งสามารถ สื/อสารให้ท)งั คนฉลาดและไม่ฉลาดเข้าใจ ได้ครบถ้วน ทักษะ การพูด การเขียน การ ตีความหมาย
•
ต้องรูจ้ กั ว่าคนที/เราสื/อสารด้วยนั)นมี ความสามารถเช่นใด จะสื/อสารอย่างไร
•
เพื/อให้คนหมู่มากเข้าใจได้อย่างพร้อม กัน และตรงกับที/เราต้องการ
ผูน้ าํ ดี สร้างได้ ไม่ยากนัก มักได้ผล
ถ้ารูจ้ กั การให้
ให้อภัย ให้ความรัก ให้เกียรติคน อย่ายกตน ข่ม ใคร มันไม่ดี จะพูดจา น่าฟั ง ยังประโยชน์ ให้หมองศรี
ไม่กล่าวโทษ ผูใ้ ด
รูค้ ณ ุ คน แทนคุณท่าน ในทันที หยาม ประณามคน
อย่ายํายี / เหยียด
เริม/ ด้วยเรา จริงใจ ให้เขาก่อน ทวีผล
ผลสะท้อน ก็จะมี
ยิง/ ด้วยเรา เอาใจ เขาใส่ตน มิตร สนิทนาน
จะเกิดผล มาก
ผูกสนิท ชิดเชื)อ นี/ เหลือยาก ถึงเหล็กฟาก ผูกไว้ ก็ไม่ มั /น จะเป่ าด้วย มนต์เสก ลง เลขยันต์ ก็ไม่มั /น เหมือนผูกไว้ ด้วย ไมตรี
สุนทร ภู่
The End
70