ดูดวง ดูกรรม ด้วยกราฟชีวิต

Page 1


ไขรหัสกรรมตามวันเดือนปีเกิด เปิดรหัสชีวิตด้วยเส้นกราฟ ปรับกรรมปรับดวงให้ชีวิตก้าวหน้า รุ่งเรือง ร่ำรวย

อำนาจกรรม

เส้นกราฟ บน

สิทธินันท์ ์ ิ ธ ท ิ ส ์ ิ ด ก ั ศ ที่ยงตรง เ : ม ะ า ร า ต ี ส ด ร า น ั บรรณาธิก รูปเล่ม : ว เรียบเรียง/ เมือง ศิลปกรรม คำซอง มีพันธ์ ต ิ ญ ั ช ุ ร น อ อ : : ร ก พิสูจน์อักษ ออกแบบป


ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ ศักดิ์สิทธิ์ สิทธินันท์ อำนาจกรรมบนเส้นกราฟ.- กรุงเทพฯ : เลี่ยงเชียง, 2556. 160 หน้า. ๑. โหราศาสตร์ I. ชื่อเรื่อง. ISBN 978-616-268-087-8

ลิขสิทธิ์ . ผลิต . จำหน่ายปลีก-ส่ง

0-2872-9898

สาขา ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ

0-2221-1050 สาขา สำราญราษฎร์

๑๐๕/๗๕ ถนนประชาอุทิศ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐ โทร. ๐-๒๘๗๒-๙๘๙๘, ๐-๒๘๗๒-๕๙๗๕-๙ แฟกซ์ ๐-๒๔๒๗-๙๕๘๖ Email : LC2YOU@GMAIL.COM, LC2YOU@HOTMAIL.COM WWW.LC2U.COM WWW.พุทธะ.NET

พิมพ์ที่ โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง ๒๒๓ ถนนบำรุงเมือง กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร. ๐-๒๒๒๑-๑๐๕๐, ๐-๒๒๒๑-๔๔๔๖, ๐-๒๒๒๓-๘๙๗๙


คำนำ

ข้าพเจ้าเชื่อตลอดมาว่า คนเราถูกลิขิตโชคชะตาเอาไว้แล้ว และชีวิตต้องเป็นไปตามลิขิตนั้น นับตั้งแต่วันที่เกิดจนกระทั่งตาย และก็มีคนอีกมากมายที่เชื่ออย่างข้าพเจ้า ด้วยความเชื่อที่ว่านี้ ทำให้ข้าพเจ้าหันมาศึกษาตำราด้านโหราศาสตร์เมื่อหลายปีที่แล้ว การศึกษาโหราศาสตร์ทำให้ข้าพเจ้าเกิดข้อสงสัยว่า อะไรหรือใคร กันแน่ที่เป็นผู้ลิขิตชีวิตมนุษย์บนโลกนี้ บางคนบอกว่าพระพรหม เป็นผู้ลิขิตชีวิตมนุษย์ บางคนบอกว่าชะตาชีวิตมนุษย์เป็นไปตาม อิทธิพลของดวงดาว แต่คำตอบทั้ง ๒ ที่กล่าวมาไม่มีเหตุผลมากพอ ที่จะทำให้ข้าพเจ้าเชื่อตามได้อย่างสนิทใจ เพราะข้าพเจ้าคิดว่า พระพรหมจะมีตัวตนจริงๆ หรือไม่ก็ไม่รู้ และดวงดาวบนท้องฟ้า ที่อยู่ห่างจากโลกเป็นหมื่นเป็นแสนไมล์ ก็ไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะมี อิทธิพลส่งผลให้คนแต่ละคนมีชีวิตที่แตกต่างกัน ต่อมาข้าพเจ้าก็พบคำตอบ เมื่อได้ศึกษาหลักคำสอนของ พระพุทธศาสนาที่ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมย่อม จำแนกสัตว์ให้ดี-ชั่ว สุข-ทุกข์ แตกต่างกัน พระพุทธเจ้าสอนว่า ชีวิตของมนุษย์ย่อมหมุนวนอยู่ในวัฏฏะ (วังวน) ๓ ประการ คือ กิเลส กรรม วิบาก กล่าวคือเมื่อมนุษย์มีกิเลส ได้แก่ ความโลภ โกรธ หลงอยู่ในใจ กิเลสก็ผลักดันให้มนุษย์สร้างกรรมต่างๆ นานา ทั้งดีและชั่วตามอำนาจของมัน และเมื่อมนุษย์สร้างกรรมอย่างใด อย่างหนึ่งแล้ว กรรมนั้นก็จะบังเกิดผลที่เรียกว่า วิบาก แก่ผู้นั้น


ตามสมควรแก่กรรมที่ตนได้ทำไว้ ซึ่งกรรมที่ทำบางอย่างให้ผลเร็ว บางอย่างให้ผลช้า บางอย่างติดตามให้ผลข้ามภพข้ามชาติ ใคร ทำดีย่อมได้รับผลดี ใครทำชั่วย่อมได้รับผลชั่ว จากคำสอนนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้ข้อสรุปว่า ชะตาชีวิตของ คนเราไม่ได้เป็นไปตามอำนาจของพระพรหม หรืออิทธิพลของ ดวงดาว แต่เป็นไปตามอำนาจของกรรมที่ทำไว้ต่างหาก ดังนั้น หลักวิชาที่ว่าด้วยการทำนายทั้งหลายไม่ว่าจะรูปแบบใด แท้จริง คือการทำนายกรรมและผลแห่งกรรมของบุคคลนั้นนั่นเอง ชะตาชีวิตของคนเราจะดีจะร้ายขึ้นอยู่กับกรรม คือการ กระทำของตน และขึ้นชื่อว่ากรรมไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน ตาม หลักพระพุทธศาสนาเราสามารถแก้ไขได้ด้วยการทำดี ซึ่งนั่น

หมายความว่าชะตาชีวิตเราสามารถลิขิตให้ดีให้ชั่วได้ด้วยตัวเอง และยังสามารถแก้ไขดวงไม่ดีให้ดีได้ด้วยการทำความดี ละเว้น ความชั่ว ชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ หนังสือเล่มนี้ เขียนขึ้นมิใช่มีจุดประสงค์ให้ท่านเชื่ออย่าง งมงาย แต่เขียนขึ้นเพื่อให้ท่านเชื่ออย่างมีสติและพร้อมที่จะแก้ไข ปัญหาหรือเคราะห์ด้วยกำลังแห่งสติปัญญา นำพาชีวิตสู่ความสุข ศักดิ์สิทธิ์ สิทธินันท์ ไม่เชื่อไม่ลบหลู่ รู้เชื่อไม่งมงาย ตริตรองด้วยปัญญา


สารบัญ บทนำ ๖ บทที่ ๑ ความเป็นมาและองค์ประกอบของกราฟชีวิต ๑๐ บทที่ ๒ การนับวัน เดือน ปีเกิด ๑๓ บทที่ ๓ การผูกดวงลงในตารางกราฟ ๑๘ บทที่ ๔ หลักการอ่านดวง ๒๘ ภาคที่ ๑ การอ่านพื้นดวงเดิม ๒๙ ภาคที่ ๒ การอ่านดวงจร ๖๒ บทที่ ๕ กฎเกณฑ์ประกอบการอ่านดวงชะตา ๑. ดูรูปร่างลักษณะของบุคคล ๙๙ ๒. ดูลักษณะของการงาน ๑๐๑ ๓. ดูโรคภัยไข้เจ็บ ๑๐๒ ๔. ดูอุปนิสัยใจคอ ๑๐๓ ๕. ดูธาตุแท้ อุปนิสัยส่วนลึก ข้อดี ข้อเสีย ๑๐๔ ๖. ดูลักษณะของเพศ ๑๐๕ ๗. ดูความเป็นไปของชีวิตในแต่ละปี ๑๐๖ ๘. ทำนายชะตาชีวิตตามวันเกิด ๑๑๐


บทนำ

ผู้ลิขิตชะตาชีวิตที่แท้จริง

ท่านเคยสงสัยกันไหมว่าอะไรที่ทำให้คนเราเกิดมาแล้ว ไม่เหมือนกันทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล ตลอดถึงชะตา ชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนเกิดมารวยแต่กลับยากจนในภายหลัง บางคนเกิดมายากจนแต่กลับถูกหวยล็อตเตอรี่รางวัลแจ๊คพ็อต ได้เงิน ๔๕ ล้านบาท กลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา บางคน เกิดมาโชคร้ายถูกทอดทิ้งตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก บางคนเกิดมา ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมด ตรงข้ามกับบางคนที่ทำ อะไรไม่เคยสมหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

มีบางคนบอกว่านั่นคือชะตาชีวิตที่ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วใครเล่าเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตคน เหตุใด จึงมีอำนาจขีดเขียนชะตาชีวิตคนให้ดี-ร้าย สุข-ทุกข์ ได้ตาม ชอบใจ ไฉนจึงไม่ลิขิตให้มีแต่ความสุข ร่ำรวย และมีความเจริญ รุ่งเรืองแต่ฝ่ายเดียว

6

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


หลายคนบอกว่าผู้ลิขิตชะตาชีวิตคนก็คือพระพรหม เพราะพระพรหมเป็นผู้สร้างโลกและสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวงบนโลก แต่บางคนกลับบอกว่าเป็นเพราะอำนาจของ ดวงดาวบนท้องฟ้า เพราะโลกเป็นดาวดวงหนึ่งในจักรวาล เมื่อดาวในจักรวาลมีการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลง ย่อมจะส่ง ผลกระทบต่อโลกและสรรพชีวิตที่อยู่บนโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น

ผู้ลิขิตทั้ง ๒ ก็เป็นเพียงความเชื่อของคนบางกลุ่มที่ยังขาด น้ำหนักและไม่มีเหตุผลมากพอที่จะยึดเป็นหลักอ้างอิงได้ แต่ถ้าหากเราเชื่อในกฎแห่งกรรม เชื่อในหลักคำสอน ของพระพุทธเจ้าที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แล้วเราก็จะพบ สัจธรรมที่เป็นความจริงว่า ชีวิตของคนเราแต่ละคน ไม่มีใคร มาบงการหรือลิขิตให้เป็นไป กรรมหรือการกระทำของเรา

นี่แหละเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของเรา พระพุทธศาสนาสอนให้เชื่อในหลักเหตุผล เชื่อในกฎ แห่งกรรม ผลที่เกิดขึ้นกับเราในปัจจุบันย่อมสืบเนื่องมาจาก กรรมหรือการกระทำในอดีตที่ผ่านมาทั้งในชาตินี้และอดีตชาติ การที่แม่ค้าขายส้มตำหรือคนถีบสามล้อถูกล็อตเตอรี่รางวัล

ที่หนึ่ง รวยแบบไม่รู้ตัวชั่วข้ามคืนนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ พรหมลิขิต และไม่ใช่อำนาจของดวงดาว แต่มันคือผลของ กรรมดีที่ได้สะสมไว้ต่างหาก เมื่อว่าตามนี้แล้ว กรรมหรือการกระทำของเรานี่แหละ คือผู้กำหนดชะตาชีวิตของคนเรา หาใช่สิ่งอื่นไม่ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

7


โหราศาสตร์คืออุปกรณ์ตรวจเช็คกรรม

กรรม ในทางพระพุทธศาสนา แปลว่า การกระทำ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ การกระทำทางกาย เรียกว่า กายกรรม การกระทางวาจา หรือคำพูด เรียกว่า วจีกรรม การกระทำทางใจหรือทางความคิด เรียกว่า มโนกรรม การกระทำทั้ง ๓ นั้น ถ้าเป็นไปในทางที่ดี ไม่สร้างความ เดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น เรียกว่า กุศลกรรม หรือ กรรมดี ถ้าเป็นไปในทางที่ไม่ดี ก่อความเดือดร้อนแก่ตนเอง และผู้อื่น เรียกว่า อกุศลกรรม หรือ กรรมชั่ว กรรมที่เราได้สร้างขึ้นไม่ว่าจะทางกาย ทางวาจา ทาง ความคิด ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว จะถูกเก็บบันทึกไว้ในใจและฝังอยู่ ในจิตใต้สำนึก เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่ถูกฝังลงในดิน รอคอย เวลาผลิดอกออกผล ซึ่งกรรมบางอย่างก็ให้ผลทันที บางอย่าง ก็ให้ผลในชาติหน้า บางอย่างให้ผลช้าในชาติถัดๆ ไป ชีวิตของคนเราที่เกิดมาในชาตินี้ ทุกคนต่างหอบเอา กรรมเก่าติดตัวมามากมายมหาศาล เพราะเราทุกคนต่างเคย เวียนว่ายตายเกิด และก่อกรรมทั้งดีและชั่วเอาไว้นับไม่ถ้วน ดังนั้น จึงมีคำพูดติดปากอยู่เสมอว่า เกิดมาใช้กรรม (เก่า) แต่ใช่ว่าเราจะเกิดมาใช้กรรมเพียงอย่างเดียว เรายังเกิดมา 8

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


เพื่อสร้างกรรมใหม่และรับผลของกรรมใหม่ด้วย ด้วยเหตุนี้ ชีวิตของคนเราจึงเกี่ยวพันกับกรรมใน ๒ มิติ คือ ๑. ชดใช้กรรมเก่า ๒. สร้างกรรมใหม่และรับผลกรรมใหม่ที่ให้ผลทันตา ด้วย ดังนั้น เราจึงเกี่ยวข้องกับกรรมตั้งแต่ก่อนเกิดจนกระทั่ง ตาย ต่อเนื่องยาวไปถึงการเกิดใหม่ วิถีชีวิตและโชคชะตาของ คนจึงเป็นไปตามกรรมที่ตนได้สร้างเอาไว้ แต่เนื่องจากกรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อน ข้ามภพข้าม ชาติ ไม่อาจสืบค้นให้รู้ได้ว่ากรรมที่เราทำนั้นจะให้ผลเมื่อไร อย่างไร และจะมีผลกระทบอย่างไรต่อชีวิต ด้วยเหตุที่ไม่อาจ หยั่งรู้กรรมของตนเองได้ แต่สัญชาตญาณของมนุษย์ก็ใคร่ อยากรู้และพยายามแสวงหาวิธีการที่จะรู้ให้ได้ เหตุนี้เองโหราศาสตร์แขนงต่างๆ จึงเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การดูดวงจากวันเดือนปีเกิด ลายมือ โหงวเฮ้ง หรืออื่นๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นชะตาชีวิตของตนว่า จะตกทุกข์ได้ยาก จะลำบากหรือสุขสบายอย่างไร ซึ่งถ้าเป็น ผลร้ายก็จะได้แก้ไข ถ้าเป็นผลดีก็จะได้ส่งเสริมสนับสนุนให้ดี ยิ่งขึ้น โหราศาสตร์จึงเป็นเหมือนอุปกรณ์ตรวจเช็คกรรม เพื่อ นำไปปรับปรุงแก้ไขกรรมให้ดียิ่งขึ้น

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

9


บทที่ ๑ ความเป็นมา และองค์ประกอบ ของกราฟชีวิต

กราฟชีวิตคือหลักการทำนายแบบประยุกต์

วิชาโหราศาสตร์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้น เพื่อจะหาคำตอบ เกี่ยวกับชะตาชีวิตของคนเรานั้นมีมากมายหลายแขนงด้วยกัน ซึ่งอาจจำแนกเป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ คือ ๑. การทำนายโดยคำนวณจากวัน เดือน ปีเกิด เช่น วิชาเลข ๗ ตัว, โหราศาสตร์ไทย, โหราศาสตร์พม่า เป็นต้น ๒. การทำนายโดยดูจากรูปลักษณ์ เช่น ดูโหงวเฮ้ง

ดูลายมือ ดูไฝปาน ดูฝ่าเท้า เป็นต้น ๓. การทำนายจากการเสี่ยงทาย หรือจากลางสังหรณ์ เช่น ทำนายจากการจับไพ่ยิปซี เขย่าเซียมซี จับยามสามตา ทำนายฝัน หรือทำนายจากใบไม้ที่เด็ดมา เป็นต้น

10

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


การอ่านกรรม หรือทำนายชะตาชีวิตด้วยเส้นกราฟนี้ เป็นหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์หลายแขนงที่ผู้รู้ได้คิดค้นขึ้น ซึ่ง ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่าวิชานี้มีต้นกำเนิดมาจากที่ใด เพราะ บางกระแสบอกว่ามีต้นกำเนิดมาจากพม่า บางกระแสบอกว่า มาจากฝรั่ง เพราะคำว่ากราฟนี้เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษ ว่า Graph อันหมายถึงเส้นแสดงความเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ แต่บางกระแสก็ว่าวิชากราฟชีวิตนี้เป็นตำราไทยแท้ที่คิดค้นขึ้น โดยนักโหราศาสตร์ไทยรุ่นหลัง สังเกตได้จากหลักเกณฑ์การ ผูกดวง เป็นการนำเอาวัน เดือน ปีเกิดมาบวกลบกัน ได้ผลลัพธ์ เท่าไรก็ทำนายไปตามนั้น ซึ่งเป็นลักษณะการผูกดวงในวิชาเลข ๗ ตัวของไทย จะแตกต่างกันก็ตรงที่การทำนายแบบกราฟชีวิต จะนำเลขผลลัพธ์ไปบรรจุลงในตารางกราฟ แล้วดูว่าเลขนั้น ตกภพอะไร ภูมิอะไร และมีความสัมพันธ์กับเลขในภพไหนบ้าง หลักวิชากราฟชีวิตนี้ แม้จะเป็นวิชาที่คิดค้นขึ้นใหม่ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นศาสตร์อันเก่าแก่ และได้รับการรับรองจาก นักโหราพยากรณ์ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ว่าให้ความแม่นยำสูง อนึ่ง การดูดวงด้วยเส้นกราฟนี้มีวิธีการทำนายที่ง่าย ไม่สลับ ซับซ้อน คนทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานทางโหราศาสตร์มาก่อนเลย

ก็สามารถดูได้ วิชานี้จึงมีผู้ให้ความสนใจศึกษาเรียนรู้ และ

นำไปทำนายดวงกันอย่างแพร่หลาย

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

11


องค์ประกอบหลักของวิชากราฟชีวิต

องค์ประกอบหลักของการอ่านกรรมทำนายชะตาชีวิต ด้วยเส้นกราฟนี้มีอยู่ ๓ หลักการใหญ่ที่ต้องรู้ คือ ๑. หลักการนับวัน เดือน ปีเกิด ๒. หลักการผูกดวงลงในตารางกราฟ ๓. หลักการอ่านหรือทำนายดวงชะตา ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ ๑) หลักการอ่านพื้นดวงเดิม ๒) หลักการอ่านดวงจร หลักการทั้งหมดนั้น จะได้กล่าวไปตามลำดับต่อไป ซึ่ง ถ้าหากว่าท่านจับหลักการทั้ง ๓ นี้ได้แล้ว รับรองได้ว่าจะ สามารถทำนายดวงชะตาด้วยเส้นกราฟได้แน่นอน

12

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


บทที่ ๒ การนับวัน เดือน ปีเกิด

วัน เดือน ปี มีต้นกำเนิดมาอย่างไร

หลายท่ า นอาจเคยนึ ก สงสั ย ว่ า ใครเป็ น ผู้ ก ำหนดวั น เดือน ปีขึ้น เหตุใดจึงกำหนดวันไว้ ๗ วัน และกำหนดเดือน และปีไว้อย่างละ ๑๒ ข้าพเจ้าเคยนำข้อสงสัยนี้ไปสอบถาม กับอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งศึกษาและมีความเชี่ยวชาญด้านการ อ่านชะตาชีวิตแบบกฎแห่งกรรม โดยนำเอาตัวเลขจากวัน เดือน ปีเกิดมาถอดรหัสเป็นคำทำนายเชื่อมโยงกับหลักธรรม คำสอนในพระไตรปิฎก ท่านให้คำตอบว่า การที่วันถูกกำหนด ให้มี ๗ วัน เดือนและปีถูกกำหนดไว้อย่างละ ๑๒ นั้น ก็เพื่อ ให้เท่ากับจำนวนวัฏสงสาร ๓๑ ภูมิ คือเมื่อนำเลขจำนวนวัน เดือน ปีบวกกัน คือ ๗ + ๑๒ + ๑๒ จะได้ ๓๑ ซึ่งเท่ากับจำนวน ของวัฏสงสารพอดี วัฏสงสารคืออะไร ตามหลักพระพุทธศาสนาหมายถึง ภพภูมิที่สรรพสัตว์ทั้งหลายจะต้องไปเวียนว่ายตายเกิด กล่าวคือ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

13


บุคคลใดที่ยังไม่ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ยังมีกิเลสในสันดาน เมื่อตายไปแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด วนเวียน อยู่ในภพภูมิต่างๆ ทั้ง ๓๑ ภูมิ ซึ่งแบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้ คือ ๑. กามาวจรภูมิ ภูมิเป็นที่อยู่ของผู้ยังหมกมุ่นยินดี

ในกาม ได้แก่ อบายภูมิ ๔ โลกมนุษย์ ๑ และโลกสวรรค์ ๖ รวมเป็น ๑๑ ๒. รูปาวจรภูมิ ได้แก่ ภูมิเป็นที่อยู่ของพรหมที่มีรูป ซึ่งมีทั้งหมด ๑๖ ชั้น ๓. อรูปาวจรภูมิ ได้แก่ ภูมิเป็นที่อยู่ของพรหมที่ไม่มีรูป ซึ่งมีทั้งหมด ๔ ชั้น ภพภูมิทั้ง ๓๑ นี้ใครจะไปเกิดในภพภูมิใด จะสุขหรือ ทุกข์อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคนที่ได้ทำไว้ แต่ไม่ว่าจะเกิดอีกสักกี่ภพกี่ชาติ ถ้าหากยังไม่สิ้นกิเลส ก็วนเวียนติดยู่ในวัฏสงสาร ๓๑ ภูมินี้ ซึ่งก็เหมือนกับมนุษย์เรา ไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไรก็ไม่พ้นต้องเกิดภายใน ๗ วัน ๑๒ เดือน ๑๒ ปีที่กำหนดไว้ ดังนั้น ทุกคนเกิดมาจึงมีวัน เดือน ปีของ แต่ละคน ตามคติทางพระพุทธศาสนาแล้วการเกิดเป็นบ่อเกิด แห่งความทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดในภพภูมิใด หรือเกิดวัน เดือน ปีใด ก็ตามล้วนแต่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น วัน เดือน ปีเกิดที่กำหนดไว้จึง เป็นข้อเตือนสติให้เกิดความสังเวชใจ ไม่ให้ยินดีในการเกิด และเมื่อเกิดแล้วต้องหาทางหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เพื่อจะได้ไม่ทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกต่อไป 14

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


การนับวัน เดือน ปีเกิด ในหลักวิชากราฟชีวิต

การนับวัน เดือน ปีเกิดของไทยที่ใช้ในปัจจุบันมี ๒ แบบ ด้วยกัน คือ ๑. การนับแบบสากล คือ นับแบบสุริยคติ เป็นการ นับวัน เดือน ปีตามการโคจรของดวงอาทิตย์ การนับแบบนี้ จะประกอบด้วย วันที่ / เดือนสากล / ปี พ.ศ. เช่น เด็กชาย

ณเดช เกิดวันที่ 1 / เดือนมกราคม / ปี พ.ศ. 2550 ๒. การนับแบบไทย (ดั้งเดิม) คือ นับแบบจันทรคติ เป็นการนับวัน เดือน ปีตามการโคจรของดวงจันทร์ การนับ แบบนี้จะประกอบด้วย วัน / ขึ้น-แรม / เดือนไทย / ปีนักษัตร เช่น เด็กชายณเดช เกิดวันจันทร์ / ขึ้น 13 ค่ำ / เดือน 2 /

ปีกุน เป็นต้น ซึ่งในใบแจ้งเกิดและทะเบียนบ้านจะระบุวัน เดือน ปีเกิด ของเราเอาไว้ทั้ง ๒ แบบ เช่น เด็กชายณเดช เกิดวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน เป็นต้น ยกเว้นในบัตรประชาชนจะไม่แจ้งวันเกิดแบบ ไทยเอาไว้ คงระบุแต่วันที่ เดือน และพ.ศ. ที่เกิดเท่านั้น ทีนี้ในวิชาว่าด้วยกราฟชีวิตจะถือเอาวัน เดือน ปีเกิด ตามแบบจันทรคติหรือตามแบบไทยเดิม ดังนั้น ผู้ที่จะดูตำรานี้ ต้องรู้ว่าตนเองเกิดตรงกับวันอะไร (อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์) และตรงกับเดือนไทยเดือนอะไร (เดือน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

15


อ้าย เดือนยี่ เดือน 3... เดือน 12) และต้องรู้ปีนักษัตรด้วยว่า ตัวเองเกิดในปีนักษัตรใด (ชวด ฉลู ขาล... กุน) ถ้าจะให้แน่นอนก็ให้ดูที่ใบแจ้งเกิดหรือทะเบียนบ้าน ว่าตนเองเกิดวันอะไร ตรงกับขึ้น-แรมอะไร เดือนไทยอะไร ปีนักษัตรใด หรือไม่ก็เปิดดูได้ในหนังสือปฏิทิน ๑๐๐ ปี การดูกรรมบนเส้นกราฟนี้จำเป็นต้องรู้วัน เดือน ปีเกิด แบบจันทรคติให้แน่นอน ถ้าหากวัน เดือน ปีเกิดคลาดเคลื่อน การอ่านกรรมทำนายโชคชะตาก็จะคลาดเคลื่อนไปด้วย

การดูวัน เดือน ปีเกิดในปฏิทิน ๑๐๐ ปี

การตรวจดูวัน เดือน ปีเกิดในปฏิทิน ๑๐๐ ปี วิธีดู อันดับแรกให้เปิดปฏิทินไปที่ปี พ.ศ. เกิดของตน เช่น เกิดปี พ.ศ. 2550 ก็เปิดไปที่ พ.ศ. 2550 ในตาราง (หน้า ๑๗) ช่องแรกจะเป็นช่องวันที่ 1-31 ช่องถัดไปเป็นช่องเดือนไล่ไปตั้งแต่มกราคม-ธันวาคม ในเดือน หนึ่งจะมี ๓ ช่อง ช่องแรก ว หมายถึง วัน ซึ่ง 1 = อาทิตย์,

2 = จันทร์, 3 = อังคาร, 4 = พุธ, 5 = พฤหัสฯ, 6 = ศุกร์,

7 = เสาร์ ช่องที่ ๒ ข-ร, ข = ข้างขึ้น, ร = ข้างแรม ช่องที่ ๓ ด หมายถึง เดือนไทย ตัวอย่าง เด็กชายณเดช เกิดวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 หาวัน เดือน ปีเกิดแบบจันทรคติได้ดังนี้ 16

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


พ.ศ. 2550 ร.ศ. 226 จ.ศ. 1369 ปีกุน ธงชัย อธิบดี อุบาทว์ วาร

1

2

7

ค.ศ. 2007 โลกาวินาศ 4

1 มกราคม พ.ศ. 2550 ตรงกับ วันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

17


บทที่ ๓ การผูกดวงลงในตารางกราฟ เมื่อทราบวัน เดือน ปีเกิดตามจันทรคติเป็นที่แน่นอน แล้ว ต่อไปก็จะเป็นการผูกดวงหรือบรรจุดวงลงในตารางกราฟ เพื่อทำนายดวงชะตาต่อไป ซึ่งขั้นตอนการผูกดวงหรือบรรจุ ดวงลงในตารางกราฟนั้นถือเป็นขั้นตอนสำคัญต้องทำให้ถูกต้อง ห้ามผิดพลาดเป็นอันขาด เพราะถ้าผิดพลาด นั่นหมายถึงการ ทำนายทุกอย่างก็จะคลาดเคลื่อนไปทั้งหมดไม่ตรงตามเป็นจริง การผูกดวงหรือบรรจุดวงนั้นแบ่งเป็น ๒ ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ คือ ๑. หาเลขเกณฑ์ชะตา ๒. บรรจุเลขเกณฑ์ชะตาลงในตารางกราฟ

18

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


๑. วิธีหาเลขเกณฑ์ชะตา

เลขเกณฑ์ชะตา คือ เลขผลลัพธ์ที่เกิดจากการเอาวัน เดือน ปีเกิดมาบวกและลบกันตามกฎที่วางไว้ ซึ่งเลขดังกล่าวนี้ จะเป็นตัวบอกหรือบ่งชี้ดวงชะตาชีวิตของแต่ละคนว่าจะขึ้นลง หรือจะเกิดเหตุดี-ร้ายอย่างไรในช่วงไหน ซึ่งการหาเลขเกณฑ์ ชะตานั้นมีขั้นตอนดังนี้ ๑ นำเลขวัน เดือน ปีเกิดเขียนลงในตาราง ตามฐานวัน ฐานเดือน ฐานปี

วัน......... เดือน..... ปี...........

เลขวันเกิด ดังนี้

วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสฯ วันศุกร์ วันเสาร์

1 2 3 4 5 6 7

2 3 4 5 6 7 1

3 4 5 6 7 1 2

4 5 6 7 1 2 3

5 6 7 1 2 3 4

6 7 1 2 3 4 5

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

7 1 2 3 4 5 6 19


เลขเดือนเกิด ให้ถือเอาตามจันทรคติ ดังนี้ เดือนอ้าย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 เดือนยี ่ 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 เดือน ๓ 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 เดือน ๔ 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 เดือน ๕ 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 เดือน ๖ 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 เดือน ๗ 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 เดือน ๘ 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 7 เดือน ๙ 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 7 8 เดือน ๑๐ 10 11 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 เดือน ๑๑ 11 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 เดือน ๑๒ 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 เลขปีเกิด ดังนี้ ปีชวด 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ปีฉลู 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 ปีขาล 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 ปีเถาะ 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 ปีมะโรง 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 20

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


ปีมะเส็ง 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 ปีมะเมีย 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 ปีมะแม 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 7 ปีวอก 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 7 8 ปีระกา 10 11 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 ปีจอ 11 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ปีกุน 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 ให้เลือกเลขวัน เดือน ปี ในแถวที่ตรงกับวัน เดือน ปีเกิด ของตนมาบรรจุในฐานวัน ฐานเดือน ฐานปี ตามลำดับ เช่น เด็กชายณเดช เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 ตรงกับ วันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน ลงเลขในฐานวัน เดือน ปี ได้ดังนี้ วันจันทร์ เดือน 2 ปีกุน

2 3 2 3 12 1

4 4 2

5 5 3

6 6 4

7 7 5

1 8 6

9 7

10 11 12 1 8 9 10 11

๒ เมื่อลงเลขวัน เดือน ปีเกิดในแต่ละฐานเสร็จแล้ว ให้นำเลขทั้ง ๓ ฐานบวกกัน ได้เท่าไรให้เขียนลงในฐานรวม ดังนี ้ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

21


วันจันทร์ เดือน 2 ปีกุน ฐานรวม

2 3 4 5 6 7 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 16 7 10 13 16 19 15 16 18 20 22 12

๓ ลำดับต่อมาให้ดูว่าเลขฐานรวมตัวใดที่มีจำนวนเกิน 12 ให้ลบด้วย 12 ถ้าลบแล้วยังเกิน 12 อยู่ก็ให้เอา 12 ลบอีก จนกว่าจะเหลือ 12 หรือน้อยกว่า 12 ได้เท่าไรให้เขียนลงใน ช่องเกณฑ์ชะตา เลขรวมในช่องใดมีจำนวน 12 หรือน้อยกว่า ไม่ต้องเอา 12 ลบ ให้เขียนลงในช่องเกณฑ์ชะตาได้เลย ดัง ตัวอย่าง

วั นจันทร์ 2 3 4 5 6 7 1 อน 2 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 เดื กุน 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 ปี 16 7 10 13 16 19 15 16 18 20 22 12 ฐานรวม -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 ๑ ๔ ๗ ๓ ๔ ๖ ๘ ๑๐ ๑๒ ชะตา ๔ ๗ ๑๐ เกณฑ์

เลขในแถวสุดท้ายนี้ เรียกว่า เลขเกณฑ์ชะตา ซึ่งเป็น เลขที่จะนำไปบรรจุในตารางกราฟเพื่ออ่านกรรมอ่านโชคชะตา ชีวิตต่อไป เป็นเลขที่มีความสำคัญและต้องทำให้ถูกต้อง ถ้าผิด ผลการทำนายก็จะผิดพลาดไปด้วย เพื่อความเข้าใจอันดีในการ 22

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


หาเลขเกณฑ์ชะตา จึงขอยกตัวอย่างการหาเลขเกณฑ์ชะตา อีกสัก 2 ตัวอย่าง ตัวอย่าง ๑ คุณญาญ่าหญิง เกิดวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู หาเลข เกณฑ์ชะตาได้ดังนี้

4 5 6 7 1 2 3 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 7 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1 14 17 20 23 19 10 13 12 14 16 18 8 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 ๗ ๑๐ ๑ ๑๒ ๒ ๔ ๖ ๘ ชะตา ๒ ๕ ๘ ๑๑ เกณฑ์ วั นพุธ อน 8 เดื ฉลู ปี ฐานรวม -12

ตัวอย่าง ๒ คุณพัชรวัชร เกิดวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2533 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเมีย หาเลข เกณฑ์ชะตาได้ดังนี้

วั นอาทิตย์ 1 2 3 4 5 6 7 อน 5 5 6 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 เดื ปี มะเมีย 7 8 9 10 11 12 1 2 3 4 5 6 13 16 19 22 25 28 19 14 4 6 8 10 ฐานรวม -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 -12 ๑ ๔ ๗ ๒ ๔ ๖ ๘ ๑๐ ชะตา ๑ ๔ ๗ ๑๐ เกณฑ์ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

23


๒. การบรรจุเลขเกณฑ์ชะตาลงในตารางกราฟ

เมื่อหาเลขเกณฑ์ชะตาได้แล้ว ลำดับต่อไปให้นำเลข เกณฑ์ชะตาบรรจุลงในตารางกราฟ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ ๑. เขียนเลขวัน เดือน ปีเกิดลงในฐานวัน เดือน ปี ๒. นำเลขวัน เดือน ปีเกิดบวกกัน ลงในช่องรวม ๓. เลขรวมตัวใดที่เกิน 12 ให้เอา 12 ลบ ได้เท่าไรให้ เขียนลงตรงช่องเกณฑ์ชะตา เลขใดไม่เกิน 12 หรือเท่ากับ 12 ให้เขียนลงได้เลย ๔. ทำวงกลมจุดในตารางกราฟตามจำนวนเลขเกณฑ์ ชะตาแต่ละช่อง ๕. ลากเส้นเชื่อมโยงจุด ๑ ไปหาจุด ๒, จุด ๒ ไปหา ๓, จุด ๓ ไปหาจุด ๔ เรื่อยไปจนครบ ๑๒ จุด ซึ่งเมื่อลากเส้น เชื่อมโยงครบแล้วก็จะเห็นเส้นกราฟขึ้นลงเชื่อมโยงทั้ง ๑๒ จุด ๖. ให้สังเกตดูในตารางว่ามีจุดที่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือไม่ และมีทั้งหมดกี่แห่ง แล้วให้ทำจุดไข่ปลาเชื่อมโยงกัน ตัวอย่าง ๑ : เด็กชายณเดชเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 ตรงกับ วันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน ผูกดวงในตารางกราฟได้ ดังนี้ 24

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

25


ตัวอย่าง ๒ : คุณญาญ่าหญิง เกิดวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ตรงกับ วันพุธ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ผูกดวง ได้ดังนี ้

26

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


ตัวอย่าง ๓ : คุณพัชรวัชร เกิดวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2533 ตรงกับ วันอาทิตย์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเมีย ผูกดวงได้ดังนี ้

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

27


บทที่ ๔ หลักการอ่านดวง เมื่อผูกดวงชะตาลงในตารางกราฟ พร้อมลงจุดและขีด เส้นเชื่อมโยงกันทั้ง ๑๒ จุด และทำจุดไข่ปลาเชื่อมโยงจุดที่อยู่ ในระดับเดียวกันเสร็จแล้ว ขั้นตอนทั้งหมดนี้เรียกว่า “การ ผูกดวง” เมื่อผูกดวงเสร็จแล้ว ลำดับต่อไปก็เป็นการอ่านดวง ทำนายกรรม ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ๒ ภาค คือ ภาคที่ ๑ การอ่านพื้นดวงเดิม เรียกอีกอย่างว่า การอ่าน ดวงชะตากำเนิด ซึ่งจะดูเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับชีวิตโดยรวม เช่น ดูว่าผู้นั้นเกิดมามีวาสนาเป็นอย่างไร จะร่ำรวยหรือยากจน การงาน ชีวิตครอบครัวจะเป็นอย่างไร อุปนิสัยดีหรือไม่ดีอย่างไร เป็นการสำรวจตรวจชีวิตโดยรวม ภาคที่ ๒ การอ่านดวงจร คือ การอ่านดวงชะตาชีวิต โดยละเอียดในแต่ละช่วงอายุ เพื่อให้ทราบความเป็นไปของ ชีวิตในแต่ละปี แต่ละเดือนว่าจะเป็นอย่างไร เช่น ปีนี้อายุ ๓๐ การงานจะเป็นอย่างไร ความรักในปีนั้นจะหวานชื่นหรือขื่นขม ประการใดเป็นต้น การดูดวงจรนี้จะทำให้ทราบจังหวะความ เปลี่ยนแปลงของชีวิตในแต่ละปี แต่ละเดือนว่าจะเป็นอย่างไร สามารถทำนายอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้โดยละเอียด 28

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


ภาคที่ ๑ การอ่านพื้นดวงเดิม

ภพและความหมาย

ในการทำนายพื้นดวงเดิม ท่านได้กำหนดเรื่องที่จะดู ออกเป็น ๑๒ เรื่อง เรียกว่า ภพ มีทั้งหมด ๑๒ ภพด้วยกัน แต่ละภพมีชื่อเรียกต่างกัน และมีความหมายต่างกันออกไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจ ภพในภาคพื้นดวงเดิมจะ เรียกว่า ภพเดิม ถ้าอยู่ในภาคดวงจรจะเรียกว่า ภพจร ในที่นี้จะกล่าวถึงภพเดิมและความหมายของภพเดิม ก่อน ซึ่งมีทั้งหมด ๑๒ ภพ ดังนี้ (ดูตามตารางหน้า ๓๒) ๑. ตนุ หมายถึง ตัวของตัวเอง มีไว้สำหรับดูเกี่ยวกับ วาสนา อุปนิสัยใจ สันดาน จำนวนของบุญบาปที่ติดตัวมา ๒. กฎุมพะ หมายถึง ทรัพย์สมบัติ สำหรับดูเกี่ยวกับ ทรัพย์สินเงินทอง ฐานะทางการเงิน ธุรกิจ การลงทุน มรดก ๓. สุหัชชะ หมายถึง มิตรสหาย สำหรับดูเกี่ยวกับ เพื่อนมิตรสหาย คนอุปถัมภ์ ๔. พันธุ หมายถึง ญาติ สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับวงศาคณาญาติ ชาติตระกูล พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ๕. ปุตตะ หมายถึง บุตร บริวาร สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับ บุตร ธิดา คนในปกครอง บริวาร ลูกน้อง บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

29


๖. อริ หมายถึง ศัตรู สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับอุปสรรค ศัตรู มาร หรือผู้ที่คอยขัดขวางไม่ให้พบความเจริญ ผู้ที่ไม่ ปรารถนาดี ๗. ปัตตนิ หมายถึง คู่ครอง สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับ

คู่ครอง การแต่งงาน ความรัก ๘. มรณะ หมายถึง ความตาย สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับ สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ สาเหตุการตาย อายุยาวหรือสั้น ๙. ศุภะ หมายถึง ความสุข สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับ ความสุขสบายทางใจ ความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ การ ดำเนินชีวิต ๑๐. กัมมะ หมายถึง การงาน สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับ อาชีพการงานที่ถูกโฉลก ตำแหน่ง หน้าที่ ๑๑. ลาภะ หมายถึง โชคลาภ สำหรับดูเรื่องโชคลาภ ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ๑๒. พยายะ หมายถึง หายนะ สำหรับดูเรื่องเกี่ยวกับสิ่ง ที่จะทำให้ชีวิตประสบกับความเสียหาย ภัยพิบัติ ความฉิบหาย ภพและความหมายทั้ง ๑๒ อย่างที่กล่าวมานี้ ขอให้ ท่านจำความหมายให้ได้ว่าแต่ละภพใช้ดูชะตาเกี่ยวกับเรื่อง อะไร เช่น ถ้าจะดูเรื่องความรัก เรื่องการงาน หรือเรื่องโชคลาภ ผู้อ่านจะต้องรู้ว่าต้องดูที่ภพไหน เช่น ความรักต้องดูที่ภพปัตตนิ การงานต้องดูที่ภพกัมมะ และถ้าจะดูโชคลาภต้องดูที่ภพลาภะ เป็นต้น 30

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


หลั กการอ่านพื้นดวงเดิม

หลักการอ่านพื้นดวงเดิมนั้น มี ๒ ขั้นตอนด้วยกัน คือ ๑. อ่านภพสัมพันธ์กับภูมิ ๒. อ่านภพสัมพันธ์กับภพ ๑. อ่านภพสัมพันธ์กับภูมิ

คือดูจุดภพแต่ละภพว่าได้เลขอะไร และตกอยู่ในภูมิ อะไรใน ๓ ภูมิ คือ ตกอยู่ในอบายภูมิ มนุสสภูมิ หรือเทวตาภูมิ โดยไล่ไปตั้งแต่ภพ ตนุ กฎุมพะ สุหัชชะ เรื่อยไปจนถึงพยายะ ภพใดได้ เลขอะไร ตกอยู่ในภูมิไหน ก็ดูคำทำนายตามนั้น ตัวอย่าง จากตารางกราฟหน้า ๓๒ หากไล่ดูจุดของภพ แต่ละภพก็จะเห็นไปตามลำดับ ดังนี้ จุดที่ ๑ ภพตนุ ได้เลข ๔ ตกอยู่ชั้นอบายภูมิ จุดที่ ๒ ภพกฎุมพะ ได้เลข ๗ ตกอยู่ชั้นมนุสสภูมิ จุดที่ ๓ ภพสุหัชชะ ได้เลข ๑๐ ตกอยู่ชั้นเทวตาภูมิ จุดที่ ๔ ภพพันธุ ได้เลข ๑ ตกอยู่ชั้นอบายภูมิ จุดที่ ๕ ภพปุตตะ ได้เลข ๔ ตกอยู่ชั้นอบายภูมิ จุดที่ ๖ ภพอริ ได้เลข ๗ ตกอยู่ชั้นมนุสสภูมิ จุดที่ ๗ ภพปัตตนิ ได้เลข ๓ ตกอยู่ชั้นอบายภูมิ จุดที่ ๘ ภพมรณะ ได้เลข ๔ ตกอยู่ชั้นอบายภูมิ จุดที่ ๙ ภพศุภะ ได้เลข ๖ ตกอยู่ชั้นมนุสสภูมิ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

31


32

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


จุดที่ ๑๐ ภพกัมมะ ได้เลข ๘ ตกอยู่ชั้นมนุสสภูมิ จุดที่ ๑๑ ภพลาภะ ได้เลข ๑๐ ตกอยู่ชั้นเทวตาภูมิ จุดที่ ๑๒ ภพพยายะ ได้เลข ๑๒ ตกอยู่ชั้นเทวตาภูมิ จากนั้นให้ดูความหมายสัมพันธ์ระหว่างภพกับภูมิ ใน หน้า ๓๔ ภพใดตกอยู่ในภูมิใด มีความหมายอย่างไรให้ทำนาย ไปตามนั้น อาทิตามตัวอย่าง จุดที่ ๑ ภพตนุ (เรื่องวาสนา อุปนิสัย) ได้เลข ๔

ตกชั้นอบายภูมิ ให้ดูคำทำนายที่ภพตนุสัมพันธ์กับอบายภูมิ ก็จะพบคำทำนายว่า ผู้นั้นมีวาสนาน้อย ชีวิตมักจะพบกับความ ลำบาก หากินไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และมักถูกชักจูงไปใน ทางที่ผิด หลงมัวเมาในอบายมุขได้ง่าย เกิดมาชาตินี้ต้องหมั่น ทำความดีเอาไว้มากๆ จึงจะพยุงตัวเองให้รอดได้ จุดที่ ๒ เป็นจุดกฎุมพะ (เรื่องทรัพย์สินเงินทอง) ได้ เลข ๗ ชั้นมนุสสภูมิ เมื่อดูความหมายสัมพันธ์ระหว่างภพ กฎุมพะกับมนุสสภูมิก็จะพบคำทำนายว่าจะมีทรัพย์สินเงินทอง ปานกลางพอเลี้ยงตัว ต้องรู้จักประหยัด ขยัน อดทนให้มาก จึงจะพอมีเทียบเท่าคนอื่นได้ แม้จุดอื่นๆ ที่เหลือ ก็ให้ยึดหลักการทำนายอย่างนี้ เช่นเดียวกัน

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

33


ความหมายสัมพันธ์ระหว่างภพกับภูมิ

๑. ภพตนุ (วาสนา อุปนิสัย) ตนุตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นมีวาสนาดีสูงส่ง ไม่ตกต่ำ รุ่งเรือง ด้วยสติปัญญา นำพาตัวเองให้ก้าวหน้า ชนะปัญหาทุกประการ มีกำเนิดมาแต่สวรรค์ มีคุณธรรมดั่งเทวดา คือ ไม่ทำบาป

ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป็นผู้ยินดีในการประกอบกุศล ทำการ สิ่งใดจะประสบผลสำเร็จโดยง่าย ชีวิตแม้จะยากจนก็มีช่องทาง ให้ร่ำรวยได้ ในด้านอุปนิสัยที่ติดตัวมา ถือว่าเป็นเทวดามาเกิด คือ มีอุปนิสัยที่มีความละอายต่อการทำความชั่ว ยินดีพอใจในการ ทำความดีทุกอย่าง มีความสนใจในการศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยมากมักออกบวช และเป็นพระนักปฏิบัติที่มีชื่อเสียง ยิ่งถ้าภพตนุตกเลข 11-12 ทายว่าจะมีคติชีวิตเหมือน พระโพธิสัตว์ คือ ถ้าออกบวชก็จะได้บรรลุธรรม ถ้าอยู่ครอง ชีวิตทางโลกก็จะร่ำรวย มีเกียรติยศ ชื่อเสียงก้องไปทั่วโลก ตนุตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นมีวาสนาดีปานกลาง ชีวิตสุขทุกข์ เท่ากัน เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง มีกำเนิดมาจากมนุษย์ เป็นผู้ที่เคยถือศีล ๕ ยินดีในการให้ทาน รักษาศีลมาพอสมควร ชีวิตจะประสบผลสำเร็จได้ต้องใช้ความอดทน ขยันขันแข็งและ ต้องมีความซื่อสัตย์ มักจะมีฐานะปานกลาง ไม่ยากจน 34

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


ในด้านอุปนิสัยหรือพื้นเพทางจิตใจเป็นผู้ที่ฝักใฝ่ในการ ทำบุญทำทาน เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม บาปบุญ นรก-สวรรค์ มีจริง นิยมทำบุญด้วยการให้ทาน ไม่เน้นเรื่องการรักษาศีลและ เจริญภาวนา ชีวิตจึงพานพบแต่ความสุขภายนอกเป็นส่วนใหญ่ ความสุขทางใจไม่ค่อยมี ตนุตกอบายภูมิ : ผู้นั้นมีวาสนาน้อย มักอาภัพอับโชค ชะตาตกต่ำ ครอบครัวยากจน หากินไม่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มักมีเหตุชักจูงให้ต้องประกอบกรรมชั่วทุจริต หากไม่ยับยั้งชั่งใจ หรือไม่เร่งประกอบกรรมดีเพิ่มเติม ชีวิตจะยิ่งอาภัพเลวร้ายลง ต้องหมั่นทำความดี ไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน และให้หลีกเลี่ยง อบายมุขทุกอย่าง ชีวิตจึงจะดี ในด้านอุปนิสัย ถ้าตนุตกเลข ๑ หมายถึง ภูมินรก มักมี อุปนิสัยโมโหร้าย จิตใจเร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย มักก่อเรื่องทำให้ตัวเองเดือดร้อน ให้แก้ด้วยการเจริญเมตตา ถ้าตกเลข ๒ หมายถึง ภูมิของเปรต มักมีอุปนิสัยตระหนี่ โลภมาก ขี้อิจฉาริษยา อยากได้สิ่งใดมักทำทุกอย่างให้ได้มาโดย ไม่คำนึงว่าผิดหรือถูก ชีวิตมักเดือดร้อนเพราะความโลภของตน หรือจะพบกับความอดอยากจนต้องทำชั่ว ให้ปลูกฝังอุปนิสัย ทางด้านการให้ การรู้จักแบ่งปัน และยินดีเมื่อคนอื่นได้ดี ถ้าตกเลข ๓ หมายถึง ภูมิอสุรกาย ผู้นั้นมักมีอุปนิสัย ไปทางลามก หมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์ ชอบทำอะไรต่ำๆ เช่น บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

35


การเปิบพิสดาร ชีวิตมักตกต่ำเพราะเรื่องกาม ท่านให้เจริญ อสุภกัมมัฏฐาน คือการเพ่งดูซากศพบ่อยๆ ถ้าตกเลข ๔ หมายถึง ภูมิเดรัจฉาน ผู้นั้นมักมีอุปนิสัย หลงมัวเมาในสิ่งเสพติด มัวเมาในอบายมุข มักลบหลู่คุณคน ไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี ทำอะไรไม่รู้จักอาย หากได้รับการศึกษา ที่ดีจะมีโอกาสก้าวหน้าและมีสุข ๒. ภพกฎุมพะ (ทรัพย์สินเงินทอง) กฎุมพะตกเทวตาภูมิ : จะมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง ไม่เดือดร้อน ประกอบอาชีพอันใดก็ประสบผลสำเร็จ ร่ำรวย ซื้อหวยก็ถูก เป็นผลมาจากตนได้เคยบริจาคทาน ไม่คดโกงใคร ตั้งอยู่ในอาชีพที่สุจริตมาก่อน กฎุมพะตกมนุสสภูมิ : ทรัพย์สินเงินทองมีพอเลี้ยงตัว ได้ไม่ขัดสน หากรู้จักประหยัดอดออม ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และ ยึดถือในหลัก อุ อา กะ สะ, อุ คือ ขยันหา อา คือ รักษาดี กะ คือ มีกัลยาณมิตร สะ คือ ใช้ชีวิตพอเพียง โอกาสจะ ร่ำรวยก็มีมาก กฎุมพะตกอบายภูมิ : เป็นผู้ที่สะสมทานบารมีมาน้อย และประกอบกรรมทำมาหากินในทางมิชอบมาก่อน ทำให้ ชาตินี้ขัดสนทรัพย์สินเงินทอง ต้องกู้หนี้ยืมสิน แม้จะมีทรัพย์ ก็คงอยู่ไม่นาน มีเหตุให้ต้องสูญเสีย ผู้ที่ดวงทรัพย์สินตกภูมินี้ 36

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


ต้องถือคติที่ว่า “ขยันให้เหงื่อออกทางขุมขน ดีกว่าขี้เกียจ แล้วยากจน จนน้ำล้นออกทางตา” และพยายามหลีกเลี่ยง การเลี้ยงชีพในทางที่ทุจริตผิดศีลธรรม ๓. ภพสุหัชชะ (เพื่อน มิตรสหาย) สุหัชชะตกเทวตาภูมิ : จะมีเพื่อนรักเป็นนักปราชญ์ มากมายด้วยเพื่อนแท้ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันดี ทางพระพุทธศาสนากล่าวว่า ผู้ที่มีมิตรสหายมากนั้นเป็นผลมาจากการได้ ชักชวนผู้อื่นมาร่วมทำความดี หรือเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ทำดี ร่วมกับตน สุหัชชะตกมนุสสภูมิ : จะมีเพื่อนพอประมาณ ซึ่งเพื่อน ที่มีนั้นจะมีทั้งเพื่อนแท้และเพื่อนเทียมปะปนกันไป ถ้าจะให้ดี ต้องรู้จักแยกแยะคบแต่คนที่ดี และหลีกเลี่ยงเพื่อนที่ไม่ดี สุหัชชะตกอบายภูมิ : จะหาเพื่อนหรือมิตรสหายได้น้อย และเพื่อนที่ได้มักเป็นเพื่อนกินเสียส่วนมาก หามิตรที่จริงใจได้ ยาก เป็นผลมาจากกรรมที่ตนเคยหลอกลวงผู้อื่นมาก่อน ท่าน ที่ตกชะตานี้ให้ตั้งอยู่ในธรรม ๔ อย่างคือ ทาน ให้ปันสิ่งของ ช่วยเหลือผู้อื่น, ปิยวาจา พูดจาไพเราะให้เกียรติผู้อื่น, อัตถจริยา ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนและส่วนรวม, สมานัตตตา วางตนดี รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ให้เกียรติผู้น้อย ทำได้ ๔ อย่างนี้ รับรองจะได้เพื่อนแท้มากมายแน่นอน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

37


๔. ภพพันธุ (พ่อแม่ ญาติพี่น้อง วงศ์ตระกูล) พันธุตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะเกิดในวงศ์ตระกูลที่ดี เป็น ที่นับถือของคนทั่วไป มีญาติพี่น้องมากมายต่างรักใคร่สามัคคี ต่อกัน พึ่งพาอาศัยกันได้ในยามเดือดร้อน ครอบครัวอบอุ่น พันธุตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะเกิดในวงศ์ตระกูลที่ดี ปานกลาง ความรักความสามัคคีกันระหว่างพี่น้องไม่ค่อยแนบ แน่นนัก พึ่งพาอาศัยกันได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว อาจมีทะเลาะ เบาะแว้งกันบ้างบางคราว แต่ก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ พันธุตกอบายภูมิ : ผู้นั้นจะเกิดในวงศ์ตระกูลต่ำ ถูก

ดูหมิ่นเหยียดหยาม บ้างก็เป็นกำพร้าไร้ญาติขาดพี่น้อง บางคน มีญาติพี่น้องมากแต่พึ่งพาอาศัยไม่ได้ มักแยกย้ายไปคนละทิศ ละทาง สาเหตุของกรรมที่ทำให้คนเกิดในตระกูลสูงและ ตระกูลต่ำ มีญาติที่ดีและเลวนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีสาเหตุ มาจากกรรม คือ ผู้ใดให้เกียรติ อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่และคน ในตระกูล เมื่อตายไปย่อมเกิดในตระกูลสูง มีญาติพี่น้องที่ดี ส่วนผู้ใดประพฤติกระด้างต่อผู้ใหญ่ ไม่ให้เกียรติคนในตระกูล ผู้นั้นเมื่อตายไปย่อมเกิดในตระกูลต่ำ ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ไร้ญาติขาดพี่น้อง 38

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


๕. ภพปุตตะ (บุตร ธิดา บริวาร) ปุตตะตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะได้บุตรที่ดีมีวาสนา นำพา วงศ์ตระกูลให้รุ่งเรือง เป็นอภิชาตบุตร คือบุตรที่ประเสริฐกว่า พ่อแม่ พ่อแม่ญาติพี่น้องได้พึ่งพาอาศัย อบรมสั่งสอนง่ายและ รู้จักกตัญญูกตเวที เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูล ปุตตะตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะได้บุตรที่พึ่งพาอาศัยได้ เหมือนกัน แต่พึ่งพาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว และจัดเป็นบุตร ประเภทอนุชาตบุตร คือบุตรที่ดีและเลวเสมอกับพ่อแม่ พ่อแม่ เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เรียกว่าบุตรที่เจริญรอยตามพ่อแม่ หรือประเภทลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ปุตตะตกอบายภูมิ : ผู้นั้นจะได้บุตรที่เลี้ยงยาก ขี้โรค นำความยุ่งยากเดือดร้อนมาสู่พ่อแม่ โดยมากมักเป็นคนที่เคย เป็นเจ้ากรรมนายเวรผูกพันมาแต่ชาติปางก่อน บุตรประเภทนี้ เรียกว่า อวชาตบุตร คือบุตรเลวกว่าหรือต่ำกว่าพ่อแม่ ผู้ที่ได้บุตรประเภทอวชาตบุตร พระเดชพระคุณ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) แห่งวัด อัมพวัน จ.สิงห์บุรี แนะนำให้สวดมนต์คาถามหาเมตตาใหญ่ และแผ่เมตตา จะทำให้บุตร ธิดา บริวาร เปลี่ยนแปลงไป ในทางที่ดีขึ้น บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

39


๖. ภพอริ (ศัตรู อุปสรรค) อริตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะไม่มีศัตรู หรือมีแต่ศัตรู

ทำอะไรตนไม่ได้ และศัตรูที่มีมักจะเป็นผู้ใหญ่ มีอายุ หรือฐานะ หน้าที่การงานใหญ่กว่าตน อริตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะมีศัตรูปานกลาง โดยมาก

มักจะเป็นเพื่อนกัน มีวัยเสมอกัน หรือมีฐานะหน้าที่การงาน เท่าเทียมกัน อริตกอบายภูมิ : ผู้นั้นจะมีศัตรูมาก ไปไหนมักมีคน จ้องทำร้าย มีภัยได้ง่าย ศัตรูมักเป็นคนต่ำศักดิ์ มีวัยหรือฐานะ ต่ำกว่าตน ประเภทข้าทาสบริวาร กลุ่มโจรผู้ร้าย ผู้ที่มีศัตรูมักเกิดจากการที่เราเคยเบียดเบียนเขา มาก่อน ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทำให้เขาเกิดความเจ็บแค้นใจ และพยายามเอาคืน ซึ่งกรรมที่ทำกับเขาอาจเป็นกรรมใน ชาติก่อนหรือกรรมในชาตินี้ ผู้ที่อาฆาตแค้นเรานั้นจัดเป็น เจ้ากรรมนายเวรของเรา ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ สวดมนต์แผ่เมตตาทุกคืน และไม่ทำการสิ่งใดที่จะทำให้มีศัตรู เพิ่มขึ้นมาใหม่อีก

40

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


๗. ภพปัตตนิ (คู่ครอง ความรัก) ปัตตนิตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะมีคู่ครองที่มีฐานะร่ำรวย กว่าตน มีคุณธรรมเหมือนพ่อพระแม่พระ นำพาครอบครัวให้ เป็นสุข เมื่อแต่งงานอยู่กินกันแล้วครอบครัวจะมีแต่ความสุข ความเจริญ ปัตตนิตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะได้คู่ครองที่มีฐานะ อายุ วัยเสมอกัน แต่งงานแล้วจะมีสุขปนทุกข์ ทะเลาะเบาะแว้ง

กันบ้าง แต่ก็ประคับประคองครอบครัวให้เป็นสุขได้ ปัตตนิตกอบายภูมิ : ผู้นั้นจะได้คู่ครองที่มีฐานะต่ำกว่า หรือได้คู่ครองที่ไม่ดีฉุดดึงครอบครัวให้ตกต่ำ แต่งงานแล้วมัก หย่าร้าง หรือไม่ก็ตายจากกันทิ้งให้อีกฝ่ายกลายเป็นม่าย

การครองคู่ให้ยั่งยืน ให้ถือหลักที่ว่า “ขยันเอาเข้าไว้” ขยัน หมายถึง ขยันทำมาหากิน ละเลิกสิ่งไม่ดี เอา หมายถึง เอาอกเอาใจกัน ไม่ยึดตนเองเป็นใหญ่ เข้า หมายถึง เข้าอกเข้าใจกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไว้ หมายถึง ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ไม่หึงหวงจนเกินเหตุ ยึดหลัก ๔ ประการนี้ ชีวิตคู่จะยืนยาว

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

41


๘. ภพมรณะ (สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ) มรณะตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง

โรคภัยไข้เจ็บน้อย หากป่วยโดยมากมักเป็นโรคเกี่ยวกับศีรษะ สมอง ระบบประสาท ตา หู จมูก ลิ้น ฟัน ลำคอ มรณะตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะมีสุขภาพที่ดีบ้าง ไม่ดี บ้าง มีโรคภัยไข้เจ็บแต่ไม่ร้ายแรง รักษาหายได้ โดยมากมักเป็น โรคเกี่ยวกับอวัยวะบริเวณลำตัวจนถึงท้อง เช่น โรคเกี่ยวกับ หัวใจ ปอด ไต ลำไส้ กระเพาะ นิ่ว เป็นต้น มรณะตกอบายภูมิ : ผู้นั้นสุขภาพอ่อนแอ จะมีโรคภัย ไข้เจ็บรุมเร้ามาก มักมีโรคประจำตัว หรือเป็นโรคที่ต้องใช้ เวลาในการรักษาจึงจะหาย และมักเป็นโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะ ตั้งแต่ใต้สะดือลงไป เช่น กามโรค อัมพาต โปลิโอ กระดูกพรุน เข่าเสื่อม ทำให้เดินเหินไปมาไม่สะดวก ผู้ที่มีโรคมากพระพุทธเจ้าตรัสว่า เกิดจากกรรม คือการฆ่าและทำร้ายสัตว์มาก่อน วิธีแก้ให้หลีกเลี่ยงการฆ่า หรือทำร้ายสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม หมั่นทำบุญแล้ว อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) แห่งวัดอัมพวัน แนะนำให้สวดมนต์ พาหุงมหากาฯ และทำวิปัสสนากรรมฐาน จะช่วยแก้กรรม ทำให้หายโรคได้ 42

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


๙. ภพศุภะ (ความสุข) ศุภะตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจ จะมี แต่ความสุขเบิกบานอยู่เสมอ รู้จักการปล่อยวาง ไม่ยึดมั่น

ถือมั่นกับสิ่งใด ความสุขที่ได้มักเป็นความสุขอันเกิดจากการ ทำบุญ สวดมนต์ เจริญภาวนา การได้ศึกษาธรรมปฏิบัติธรรม รักสงบ ชีวิตจะประสบความสำเร็จสูง ศุภะตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะมีชีวิตที่มีความสุขและทุกข์ ปะปนกัน เดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์ตามประสา และความสุขที่ได้ มักเกิดจากการได้อยู่กับครอบครัว ได้แบ่งปันช่วยเหลือคนอื่น ศุภะตกอบายภูมิ : ผู้นั้นจะหาความสุขที่แท้จริงได้ยาก การแสวงหาความสุขของเขามักจะเป็นไปในทางที่ผิด เช่น มี ความสุขจากการได้กินเหล้าเมายา การเที่ยวเสเพล เสพยาบ้า หรือมั่วสุมอบายมุข ติดพนัน ซึ่งให้สุขเพียงชั่วคราว แต่มีทุกข์ ตามมามากมาย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ได้แบ่ง ความสุขของคนเราเป็น ๓ ระดับ คือ ความสุขเกิดจากการได้ (ทำเพื่อตัวเอง), ความสุขเกิดจากการให้ (ทำเพื่อคนอื่น) และ ความสุขเกิดจากการปล่อยวาง (ทำแล้วไม่ยึดติด ทำใจให้เป็น อิสระเหนือความชอบความชัง) ผู้ใดจะแสวงหาความสุขแบบ ไหนก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

43


๑๐. ภพกัมมะ (อาชีพการงาน) กัมมะตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะได้งานที่มีเกียรติ เป็น

ผู้นำ ได้รับการเคารพนับถือ กัมมะตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะมีงานดีพอหาเลี้ยงชีพได้ ไม่เดือดร้อนนัก กัมมะตกอบายภูมิ : ผู้นั้นมักได้งานที่ไม่มีเกียรติ เป็น งานที่ต้องใช้แรง กรรมกรแบกหาม (ดูเพิ่มเติม หน้า ๑๐๑) พระพุทธเจ้าตรัสว่า การงานทุกอย่างล้วนมีเกียรติ ถ้าหากงานนั้นเป็นงานสุจริตและผู้ทำทำงานนั้นด้วยความรัก เอาใจใส่ ทุ่มเท ทำด้วยความตั้งใจ และตรัสถึงหลักธรรม

ที่จะทำให้การงานก้าวหน้า ประสบผลสำเร็จ ๔ ประการ คือ ฉันทะ รักในงาน, วิริยะ ขยัน ไม่เกียจคร้าน, จิตตะ เอาใจใส่ ไม่ละเลย, วิมังสา ปรับแก้ไข พัฒนาให้ก้าวหน้า ๑๑. ภพลาภะ (โชคลาภ) ลาภะตกเทวตาภูมิ : ผู้นั้นจะมีโชคลาภ มีชื่อเสียง เกียรติยศพรั่งพร้อม เสี่ยงโชคจะได้กำไร ได้ลาภก้อนโตดั่งเทพ อวยชัย ลาภะตกมนุสสภูมิ : ผู้นั้นจะมีโชคลาภบ้างบางครั้ง บางคราว เสี่ยงโชคจะได้-เสียเท่ากัน 44

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


ลาภะตกอบายภูมิ : ผู้นั้นอาภัพอับโชค ไม่ควรเสี่ยงโชค ใดๆ ขืนเสี่ยงไปก็มีแต่ขาดทุน ต้นทุนหายกำไรหด ๑๒. ภพพยายะ (ความฉิบหาย) พยายะตกเทวตาภูมิ : ความฉิบหายมักเกิดจากการ วาดฝัน หรือคาดหวังอะไรที่สูงเกินสามารถ พยายะตกมนุสสภูมิ : ความล้มเหลวมักเกิดจากความ ไว้เนื้อเชื่อใจ โดนหักหลัง ความประมาทของตน พยายะตกอบายภูมิ : สิ่งที่จะก่อความฉิบหายแก่ผู้นั้น คือ สิ่งที่ผิดกฎหมาย อบายมุข การทำเรื่องร้ายๆ แบบลับๆ เช่น ใช้อำนาจหน้าที่บังหน้าเพื่อทำทุจริตคอรัปชั่นหรือคดโกง เป็นต้น ดวงชะตาที่ตกในเทวตาภูมิ ให้ทำนายไปในทางดีไว้ก่อน ยิ่งถ้ามีจุดตกในเทวตาภูมินี้เกิน ๖ จุดขึ้นไป ถือว่าดีเยี่ยม

จะพบกับความสุขสบายมากกว่าทุกข์ลำบากแน่นอน แต่ถ้าดวงชะตาตกในมนุสสภูมิ ให้ทำนายไปในทาง ได้ครึ่งเสียครึ่ง ดี-ร้ายเท่ากัน อยู่ในภาวะปานกลาง ถ้าดวงชะตาตกในอบายภูมิ ให้ทำนายไปในทางเสีย ไม่ดีไว้ก่อน ยิ่งถ้าจุดดวงชะตาตกอบายภูมิเกิน ๖ จุดขึ้นไป ถือว่าชีวิตมีกรรมหนัก อาภัพอับโชคอย่างมาก ต้องหมั่นทำบุญ สร้างกุศลอย่าได้ละ ชีวิตจึงจะรอดพ้นกรรมร้ายและมีสุขได้ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

45


46

๒. อ่านภพสัมพันธ์กับภพ

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


หลังจากดูภพสัมพันธ์กับภูมิครบทั้ง ๑๒ จุดแล้ว ก็จะ ทราบพื้นดวงชะตาในเรื่องต่างๆ ของผู้นั้นได้โดยละเอียดใน ระดับหนึ่ง ลำดับต่อไปเพื่อให้ทราบรายละเอียดของดวงชะตา มากยิ่งขึ้น ต้องตรวจดูความสัมพันธ์ระหว่างภพกับภพอีกทีหนึ่ง คือดูว่าในตารางกราฟชีวิตนั้นมีจุดไหนสัมพันธ์กัน โดยสังเกต จุดที่มีเส้นจุดไข่ปลาเชื่อมโยงถึงกัน ส่วนภพไหนสัมพันธ์กับ ภพไหนและมีความหมายอย่างไรนั้น ให้ดูคำทำนายในหัวข้อ “ความหมายสัมพันธ์ระหว่างภพกับภพทั้งหมด” หน้า ๔๙ ตัวอย่าง ตารางกราฟหน้า ๔๖ มีจุดที่ภพสัมพันธ์กัน อยู่ ๓ ตำแหน่ง คือ จุดที่ ๑ : จุดภพตนุ+ปุตตะ+มรณะ ซึ่งจุดทั้ง ๓ ตก เลข 4 อยู่อบายภูมิเหมือนกัน วิธีการดูให้ดูความหมายของ

คู่สัมพันธ์แรกก่อน คือ ดูความหมายสัมพันธ์ระหว่างตนุกับ ปุตตะก่อน จากนั้นจึงดูความสัมพันธ์ระหว่างตนุกับมรณะ และปุตตะกับมรณะ ได้ความหมายอย่างไร จึงนำความหมาย นั้นมาผูกเป็นเรื่องราวอีกทีหนึ่ง ดังนี้ ตนุ+ปุตตะ ความหมายสัมพันธ์บอกว่า ผู้นั้นจะมีชะตา ที่เกี่ยวพันกับลูกหลาน บริวาร ไม่อยู่โดดเดี่ยว ตนุ+มรณะ ความหมายสัมพันธ์บอกว่า ผู้นั้นมีโรคภัย ติดตัว หรือมักประสบเรื่องร้ายๆ โดยไม่ตั้งตัว บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

47


ปุตตะ+มรณะ ความหมายสัมพันธ์บอกว่า ได้รับความ ทุกข์เพราะบุตร บริวาร หรือมีบุตรขี้โรค เมื่อนำความหมายทั้ง ๓ มารวมกันก็ทำนายได้ว่า ผู้นั้น จะมีลูกหลาน บริวารมาก แต่การที่มีลูกหลานบริวารมากนี้ จะทำให้ชะตาชีวิตประสบกับความลำบากในการดูแลเลี้ยงดู ลูกบางคนเจ็บป่วย บางคนเกเรสร้างปัญหา ทำให้เจ้าชะตา เป็นทุกข์และเกิดโรคประจำตัว ประกอบกับภพทั้ง ๓ ตกอยู่ ในชั้นอบายภูมิด้วยก็หมายถึงความทุกข์ขนาดหนัก เกิดแต่ กรรมเก่า จุดที่ ๒ : กฎุมพะ+อริ ให้ดูความหมายสัมพันธ์ระหว่าง กฎุมพะกับอริ ซึ่งให้ความหมายว่า ผู้นั้นมักจะใช้จ่ายทรัพย์ ฟุ่มเฟือย หรือมีเรื่องติดขัดเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ อยู่เสมอ ภพ ทั้ง ๒ ตกมนุสสภูมิ หมายถึงการเงินถึงจะติดขัดบ้าง แต่ก็พอมี เลี้ยงตัวให้สุขสบายได้ในระดับหนึ่ง จุดที่ ๓ : สุหัชชะ+ลาภะ ให้ดูความหมายสัมพันธ์ ระหว่างสุหัชชะกับลาภะ ซึ่งให้ความหมายว่า ผู้นั้นมีโชคด้าน มีมิตรสหาย คือมิตรสหายจะช่วยเหลืออุปถัมภ์ค้ำชู สนับสนุน ให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ประกอบกับตำแหน่งทั้ง ๒ นั้นตกอยู่เลข ๑๐ ชั้นเทวตาภูมิ ระดับเกือบสูงสุด ยิ่งเสริมให้ มีความเด่นชัดว่าจะได้ดีเพราะมิตรสหายแน่นอน 48

อำนาจกรรม บน เส้นกราฟ


ความหมายสัมพันธ์ระหว่างภพกับภพทั้งหมด

๑. ภพตนุ (วาสนา อุปนิสัย) ตนุ+กฎุมพะ : ผู้นั้นเป็นผู้ฉลาด รู้จักช่องทางในการ หาทรัพย์ จะประกอบอาชีพอะไรก็ประสบผลสำเร็จ มีรายได้ดี ในบั้นปลายชีวิตจะมั่งคั่งด้วยทรัพย์สินเงินทอง มากน้อยดูที่ภูม ิ ตนุ+สุหัชชะ : ผู้นั้นมีมนุษยสัมพันธ์ดี ในชีวิตจะพบปะ บุคคลมากมาย ทั้งเข้ามาช่วยสนับสนุนให้เจริญก้าวหน้า และ เข้ามาเบียดเบียน ก่อความเดือดร้อน ชะตาชีวิตจะรุ่งเรืองหรือ ตกต่ำอยู่ที่การคบคน ตนุ+พันธุ : ผู้นั้นจะมีความเกี่ยวพันกับเครือญาติอยู่ ตลอดเวลา บางครั้งญาติก็ช่วยเหลือตน บางครั้งตนก็ช่วยเหลือ ญาติพี่น้อง แต่โดยส่วนมากแล้วตนได้รับสิ่งดีๆ จากญาติพี่น้อง ตนุ+ปุตตะ : ผู้นั้นจะไม่อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย จะมี บริวารทั้งที่เป็นลูกหลาน ลูกน้อง ติดสอยห้อยตามตลอดเวลา ดีหรือร้ายให้ดูที่ภูมิประกอบ ตนุ+อริ : ชะตาชีวิตมีอุปสรรค ทำการสิ่งใดมักจะมี

คู่แข่ง หรือคนคอยให้ร้ายขัดขวางอยู่เสมอ อนึ่ง ตนุ+อริ นี้

ยังหมายถึงตนเองเป็นศัตรูของตนอีกด้วย คือศัตรูอื่นไม่มี แต่ ตัวเองนั่นแหละที่ทำร้ายตัวเอง เช่น หลงติดยา ติดอบายมุข เป็นต้น บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด

49


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.