เรียบเรียง : ณัฐพันธ์ ปิ่นทวีเกียรติ บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์ ออกแบบปก : อนุชิต คำซองเมือง ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา ศิลปกรรมรูปเล่ม : วันดี ตามเที่ยงตรง พิสูจน์อักษร : อรัญ มีพันธ์
ชาตกาล ๒๗ พ.ค. ๒๔๔๙ มรณกาล ๘ ก.ค. ๒๕๓๖
“ธรรมทานมีผลมากกว่าทานอื่นๆ
จริงๆ วัตถุทานก็ช่วยกัน แต่เป็นเรื่องมีชีวิต อยู่รอด อภัยทานก็เป็นเรื่องมีชีวิตอยู่รอด แต่มันยังไม่ดับทุกข์ มีชีวิต อยู่รอดอย่างเป็นทุกข์น่ะมันดีอะไร ? เขาให้มีชีวิตอยู่ แต่เขาได้รับ ทุกข์ทรมานอยู่ นี้มันดีอะไร มันดีอะไร เมื่อรอดชีวิตแล้วมันจะต้อง ไม่มีความทุกข์ด้วย จึงจะนับว่าดีมีประโยชน์ ข้อนี้สำคัญด้วยธรรมทาน มีความรู้ธรรมะแล้วรู้จักทำให้ไม่มีความทุกข์ รู้จักป้องกันไม่ให้เกิด ความทุกข์ รู้จักหยุดความทุกข์ที่กำลังเกิดอยู่ ธรรมทานจึงมีผลกว่า ในลักษณะอย่างนี้ มันช่วยให้ชีวิตไม่เป็นหมัน วัตถุทานและอภัยทาน ช่วยให้รอดชีวิตอยู่ บางทีก็เฉยๆ มันสักว่ารอดชีวิตอยู่เฉยๆ แต่ถ้ามี ธรรมทานเข้ามาก็จะสามารถช่วยให้มีผลดีถึงที่สุดที่มนุษ ย์ควรจะ ได้รับ เพราะฉะนั้น ขอให้สนใจในเรื่องธรรมทาน”
คำนำ เรื่อง “กรรม” “การเกิดใหม่” และ “สังสารวัฏ” เป็นเรื่องที่พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเข้ามาศึกษาและปฏิบัติ พระพุ ทธศาสนา
...ไม่เว้นแม้กระทั่งชาวตะวันตก ! ชาวตะวันตก หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า “ฝรั่ง” จำนวนมาก มีความสนใจในเรื่อง “กรรม” “การเกิดใหม่” และ “สังสารวัฏ” จนถึงกับ ตั้งใจศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง บ้างก็ตัดสินใจบวชเป็นพระสงฆ์
ในบวรพระพุ ทธศาสนา บ้างก็ศึกษาจากตำรา ฯลฯ แต่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวตะวันตกส่วนมาก ยังมีความ เข้าใจเรื่อง “กรรม” “การเกิดใหม่” และ “สังสารวัฏ” ไม่ถูกต้องตามความ เป็ นจริง ! “กฎแห่งกรรมมีจริงๆ หรือ ? ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มีที่ไหน ? ทำไม คนทำชั ่วถึงได้ดี แต่คนทำดีไม่เห็นได้ดีอะไรเลย เลิกเชื่อเรื่องกรรมดีไหม ?” “เรื่องตายแล้วต้องเกิดใหม่ มีจริงหรือเปล่า ?” “เรื่องสังสารวัฏ ๓๑ ภูมิ เป็นเรื่องจริงหรือ ? หรือผู้ใหญ่สมัยก่อน แต่ งเรื่องเพื่อห้ามคนทำบาป ทำชั่ว ให้คนทำแต่ความดี ?”
หากยังไม่สิ้นสงสัยและไม่สามารถตอบคำถามต่างๆ ข้างต้นนี้ได้
ขอให้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา แล้วค่อยๆ เปิดอ่านทีละหน้า ทีละหัวเรื่อง แล้วท่านจะค้นพบว่า สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนนั้น
เป็นความจริงหรือไม่
เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านคำบรรยายหลักพระพุทธศาสนา เรื่อง “กรรม การเกิดใหม่ สังสารวัฏ” ของหลวงพ่อพุทธทาสในครั้งแรก ข้าพเจ้ารู้สึก
ว่าได้ค้นพบกุญแจดอกสำคัญ ที่จะไขปัญหาค้างคาใจของพุทธศาสนิกชน
ทั้งหลายแล้ว เพราะได้อธิบายเรื่อง กรรม การเกิดใหม่ และ สังสารวัฏ ไว้ อย่างละเอียด ตลอดถึงมีการอธิบายเรื่อง “อริยมรรค” หรือ กรรมที่ ๓
ที่จะทำให้สัตว์โลกทั้งหลายหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้อย่างถาวร ซึ่งนับว่า เป็นประโยชน์อันสูงสุด น่าเสียดายหากต้องพลาดการอ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อท่านเปิดหนังสือเล่มนี้อ่าน ขอให้ค่อยๆ ปล่อยวางความสงสัย ทั้งหมด ปล่อยใจให้สัมผัสและพินิจพิจารณาถึงธรรมะที่หลวงพ่อพุทธทาส
ได้ถ่ายทอดเอาไว้ ธรรมะที่จะค่อยๆ เปลี่ยนความสงสัยให้เป็นปัญญา ธรรมะ ที่จักนำพาทุกท่านให้เข้าถึงเรื่อง กรรม การเกิดใหม่ และ สังสารวัฏ ตาม ความเป็ นจริง
หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุได้บรรยายพระธรรมเทศนาเรื่องสำคัญๆ ไว้ เป็นจำนวนมาก และธรรมบรรยายเรื่อง “กรรม การเกิดใหม่ สังสารวัฏ” เล่มนี้ เป็นหนึ่งในธรรมบรรยายซึ่งถูกรวบรวมไว้ในหนังสือชุด ธรรมโฆษณ์ ของพุทธทาส ผู้รวบรวมเห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่ดีมาก เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ที่พุทธศาสนิกชนทุกคนควรจะรู้ให้ชัด ให้สิ้นสงสัย และนำไปปฏิบัติใช้ใน ชีวิตประจำวันเพื่อให้เกิดประโยชน์และความสุข ทั้งแก่ตนเองและส่วนรวม โดยเบื้องต้น กระทั่งเข้าถึงความพ้นทุกข์คือ “พระนิพพาน” อันเป็นบรมสุข ดังคำกล่าวของหลวงพ่อพุทธทาสที่ว่า
ถ้าดับกิเลส ดับอำนาจของกรรม ทำลายสังสารวัฏขาดลงไปได้แล้ว
จะเรียกว่าหลุดพ้นก็ได้ เรียกว่านิพพานก็ได้ เรียกว่าดับทุกข์สิ้นเชิงก็ได้ เรียกว่าถึงที่สุดของพรหมจรรย์ก็ได้ เรียกว่าสิ้นชาติสิ้นภพก็ได้ แล้วแต่จะเรียก มันมีความหมายเหมือนกันหมด เมื่อนั้นแหละ คือความไม่มีทุกข์เลย
ดังนี้แล้ว สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จึงได้นำ
พระธรรมเทศนาเรื่องสำคัญนี้มาจัดพิมพ์ใหม่ โดยได้จัดหน้า จัดวรรคตอน ตั้งหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย ทำบทคัดย่อ เน้นคำ ทำเชิงอรรถ เสริมสาระ อธิบายข้อธรรม และใส่ภาพประกอบ เพื่อให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย ช่วยย่น ระยะเวลาในการอ่าน เข้าถึงแก่นแท้ของธรรมะ และหยิบใช้ได้ทันที มีสุข ทั นใจ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จักเอื้อประโยชน์ให้ผู้อ่านได้เข้าถึง เรื่อง กรรม การเกิดใหม่ และ สังสารวัฏ อันเป็นแก่นสำคัญของพระพุทธศาสนา กระทั่งปฏิบัติตนและดำเนินไปสู่ความพ้นทุกข์ เข้าถึง “พระนิพพาน” อันเป็นบรมสุขได้ในชาติปัจจุบันนี้ทุกท่านเทอญ
โปรดใช้เล่มนี้ให้คุ้มสุดคุ้ม & อ่านแล้ว -> แบ่งกันอ่านหลายท่านนะจ๊ะ
อ่านสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝึกฝนปัญญา พัฒนาการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จิตมีสติสัมปชัญญะ รู้เท่าทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช้ เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สุข สงบ เย็น เฉกเช่นพระนิพพาน สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ปรารถนาให้ทุกครอบครัวมีความสุข
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก* เรื่องกรรม การเกิดใหม่ และสังสารวัฏ มีความเกี่ยวเนื่องกัน ต้องอธิบายพร้อมกันนะ หลวงปู่ครับ พวกเราอยากรู้ เรื่องกรรม การเกิดใหม่ และสังสารวัฏครับ
พวกเรา จะตั้งใจศึกษาค่ะ
ท่านที่จะเป็นผู้พิพากษาทั้งหลาย ในโอกาสแห่งการบรรยายครั้งที่ ๔ นี้ อาตมาจะได้กล่าวถึงเรื่อง
“กรรม การเกิดใหม่ และ สังสารวัฏ”
เรื่องกรรม เรื่องการเกิดใหม่ เรื่องสังสารวัฏ ๓ เรื่องนี้เนื่องกัน เพราะฉะนั้น จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องกล่าวร่วมกัน อธิบายคราวเดียวกัน
* เดิมชื่อ "กรรม การเกิดใหม่ และสังสารวัฏ" เป็นหนึ่งในหัวข้อธรรมบรรยาย
หลักพระพุทธศาสนาประจำปี ๒๕๐๔ เรื่อง "หลักธรรมที่แสดงความจริง" ครั้งที่ ๔/๒๕๐๔
6
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
เรื่องการเกิดใหม่ ฝรั่งสนใจมากที่สุด ก่อนอื่น ขอให้ท่านนักศึกษาทั้งหลายทราบว่า เรื่องกรรม เรื่องการ เกิดใหม่ หรือเรื่องสังสารวัฏนี้ เป็นเรื่องที่คนภายนอกพุทธศาสนา โดยเฉพาะ พวกฝรั่งสนใจมากกว่าเรื่องอื่น ในฐานะที่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาด คือว่า พวกฝรั่งแทบจะกล่าวได้ว่า คนไหนก็คนนั้น เมื่อมาหาความรู้ทางพุทธศาสนาแล้ว ก็จะต้องถามเรื่องนี้โดยเฉพาะ คือเรื่องการเกิดใหม่นี้ ขึ้นหน้าขึ้นตามากที่สุด แล้วก็เรื่องกรรม และเรื่องสังสารวัฏ พร้อมกันไปเลยทีเดียว นี้ก็เป็นสิ่งที่ควรเข้าใจไว้ เพราะถ้าเข้าใจว่าทำไมเขาจึงสนใจกัน
นักแล้ว ก็จะทำให้เข้าใจเรื่องนี้ได้ดีขึ้น เราควรจะได้ทราบเสียเลยว่า เพราะเหตุที่พวกฝรั่งนักศึกษาที่เป็น ชาวตะวันตกเหล่านั้น ชินหูกันในข้อที่ว่า ทางตะวันออกนี้เชื่อการเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ในอินเดีย เฮลโล ! ไอกำลังศึกษา เรื่องการเกิดใหม่อยู่ แต่ไอยังไม่เข้าใจ ยูพาไอไปหาหลวงปู่ได้ไหม ? ได้เลยครับ พวกเรากำลังให้ หลวงปู่สอนอยู่ เหมือนกันครับ
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
7
การเกิดใหม่ ไม่ใช่อวตาร* ทีนี้เขาก็ไปเอาศาสนาพุทธนี่ไปปนกันกับศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู โดยเหตุที่เขาได้อ่านทางฝ่ายพราหมณ์หรือฮินดูมากกว่า มันแพร่หลายกว่า ทางหนังสือ จึงพบเรื่องการเกิดใหม่ และการเกิดใหม่อย่างพิเศษที่เรียกว่า “อวตาร” เช่น พระเป็นเจ้าอวตารมาเป็นคนนั้นคนนี้ เป็นพระนารายณ์ อย่างเรื่องรามเกียรติ์ อย่างนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งของการอวตาร นี่เรียกว่าการ เกิดใหม่ชนิดพิเศษของพวกเทวดา หรือพระเป็นเจ้า แล้วของคนธรรมดาสามัญ ศาสนาฮินดูส่วนใหญ่เขาก็สอนว่า คนนั้น มาเกิดแล้วเกิดเล่า เกิดแล้วเกิดเล่า จนเปรียบเหมือนกับว่าคนคนเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เสื้อกางเกง ชุดนี้เก่าแล้วก็ซื้อชุดใหม่มาสวม อย่างนี้ หมายความว่าจิตหรือวิญญาณอันนั้นมันมาเกิดใหม่อีก หลังจาก
ร่างกายนี้แตกตายแล้ว โอ ! อัศจรรย์แท้หนอ การเกิดใหม่ ในศาสนาพุทธ ไม่ใช่อวตาร นะครับ
* อวตาร (อะ-วะ-ตาน) คือ การแบ่งภาคลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ของเทพเจ้า
องค์ต่างๆ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู โดยเทพเจ้าองค์ต่างๆ จะแบ่งพลังงาน
ส่วนหนึ่งลงมาเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เพื่อทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งบนโลก มนุษย์
8
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
ความรู้ผิดๆ มักสะกิดให้เกิดปัญหา ตถาคตมุ่งสอน เพื่อความดับทุกข์สิ้นเชิง โดยไม่ปิดบัง
การพูดอย่างนี้มันแปลกมาก หรือมันน่าอัศจรรย์มากสำหรับพวก ฝรั่ง เขาจึงข้องอยู่ในใจ พอเขาได้วี่แววเกี่ยวกับพุทธศาสนาว่ามีพูดถึงการ เกิดใหม่เหมือนกัน เขาก็เลยทึกทักเอาว่าเหมือนกันเลย เช่น การเกิดใหม่ อย่างนั้นเขามักจะซักถามเรื่องนี้ก่อนเรื่องอื่น ฝรั่งบางคนที่ว่าศึกษาพุทธศาสนานั่นแหละ เข้าใจการเกิดใหม่อย่างนี้ ว่าเป็นหลักพุทธศาสนาเอาเสียเลยทีเดียวก็มี ก็เลยทำให้เกิดสับสนกันขึ้น รู้พุทธศาสนาไม่ถูกต้อง แล้วมันก็ยุ่งทีหลัง บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
9
กรรม การเกิดใหม่ และสังสารวัฏ ต้องศึกษาและปฏิบัติให้ถูกต้อง ทีนี้เรื่องกรรม รับผลกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หลังจากการตาย แล้วก็ยังได้รับ อย่างนี้ก็เป็นเรื่องแปลก เพราะมันเนื่องกันกับการเกิดใหม่ เหมือนกัน ทีนี้เรื่อง สังสารวัฏ ก็แปลว่า เวียน เวียนเกิดไม่รู้สิ้นสุด นี่เรียก ว่า สังสารวัฏ การเกิดใหม่เพียงครั้งเดียวไม่เรียกว่าสังสารวัฏ แต่ถ้าการเกิด ใหม่นั้น วนซ้ำในลักษณะที่เป็นวงกลมเรื่อยไปละก็เรียกว่าสังสารวัฏ ยังจะมี การบัญญัติรวมๆ ว่า การเกิดเป็นทุกข์ แล้วสังสารวัฏก็คือ เป็นสายของความทุกข์ เป็นวงกลมของความทุกข์ แล้วทีนี้ยังมีว่า การเกิดใหม่นี้ ก็เป็นเพราะอำนาจกรรม ผลของกรรมทำให้เกิดใหม่ มันสัมพันธ์กันอย่างที่ไม่อาจจะแยกกันออก เรื่องกรรม กับเรื่องเกิดใหม่ แล้วก็เรื่องสังสารวัฏ ฉะนั้น เราจึงควรจะศึกษาพร้อมกัน อยู่ในฐานะเป็นหลักพระพุทธศาสนาเรื่องหนึ่งด้วย เรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งด้วย กรรม การเกิดใหม่ และสังสารวัฏ มีความสัมพันธ์กัน ต้องศึกษาร่วมกัน
10
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
สาธุ
ฝรั่งคนนี้ต้องการ กราบนมัสการ หลวงปู่ครับ ศึกษาเรื่องการเกิดใหม่ ในพุทธศาสนาครับ
สาธุ ขอให้ทุกคนตั้งใจศึกษา จนมีความรู้แจ่มแจ้งและนำไป ปฏิบัติเพื่อไม่ต้องเวียนว่าย ในสังสารวัฏอีกต่อไปนะ
ถ้าเราประสงค์จะมีความรู้เรื่องหลักพระพุทธศาสนาแล้ว ก็หลีก เรื่องนี้ไปไม่ได้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กันอยู่ ฉะนั้น ขอให้ตั้งอกตั้งใจศึกษาเรื่องที่รวมๆ กันสามอย่างนี้ พร้อมกัน ไปในคราวเดียวกัน แล้วก็จะมีความรู้ถูกต้องสำหรับตอบกับชาวต่างประเทศ ถูก และสำหรับเราเองก็มีความเข้าใจแจ่มแจ้ง หรือถึงกับสามารถปฏิบัติให้ ไม่ต้องเวียนว่ายในสังสารวัฏอย่างนี้ นี่คือความมุ่งหมายการศึกษาเรื่องนี ้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง ไม่มีทานใดจะยิ่งใหญ่และมีอานิสงส์มากเท่า เพราะการให้ทานด้วยธรรมะ เป็นการช่วยคนให้มีปัญญา ให้เป็นคนดี พ้นทุกข์ มีสุข จึงควรให้ธรรมทาน
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
11
ความหมายของ "กรรม" ตามรูปศัพท์ ทีนี้เราก็จะได้วินิจฉัยกันถึง เรื่องกรรม ก่อน คำว่า กรรม ก-ร-ร-ม นี้ เป็นศัพท์สันสกฤต ถ้า ก-มฺ-ม อย่างนี้ เป็นบาลี มันแปลเหมือนกับคำเดียวกัน แต่ว่ารูปต่างกัน เพราะเป็นบาลีและสันสกฤต ดังนั้น ขอบอกกล่าวเสียด้วยเลยว่า คำคำนี้ก็เหมือนกัน เคยทำ ความยุ่งยากให้กับพวกฝรั่ง ในการที่จะแปลออกไปเป็นคำภาษาตะวันตก เช่น ภาษาอังกฤษ เป็นต้น เขาพยายามแปลกันอยู่พักหนึ่งก็ไม่สำเร็จ ประโยชน์ ผลสุดท้ายก็ต้องใช้ทับศัพท์ว่ากรรมไปตามเดิม เหมือนกับคำว่า ธรรม ธรรมะที่กล่าวมาแล้ววันก่อนนี้ คำว่า กรรม นี้ก็อีกคำหนึ่ง ซึ่งเรา
ไม่สามารถจะแปล เพราะว่าถ้าจะแปลแต่เพียงว่า การกระทำ อย่างนี้ มันไม่ถูก ไม่ถูกเสมอไป บางทีมันก็มีผิด
คำว่า กรรม ต้องใช้ทับศัพท์ว่า “กรรม” เหมือนกับคำว่า “ธรรม” นะคะ จะได้เข้าใจความหมายที่ถูกต้อง
12
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
โอเคๆ
"กรรม" คือ การกระทำด้วยเจตนา หมั่นไส้โว้ย ! ของกิเลสตัณหา เก่งนักต้องเจอ กิริยา คือ การกระทำ ที่ไม่ประกอบด้วยเจตนา ของกิเลสตัณหา
เตะแบบนี้ !
ถ้าการกระทำนั้น ประกอบด้วยเจตนาของกิเลสตัณหา เรียกว่า “กรรม” นะครับ
ท่านทั้งหลายที่รู้ภาษาไทย ก็ลองคิดดูว่า คำว่า กระทำ กับ การ กระทำ นี้ มันมีหลายคำ แล้วความหมายมันไม่เหมือนกัน เช่น คำว่า กิริยา ใครๆ ก็ทราบว่ากิริยานี้ก็แปลว่า การกระทำ แล้วคำว่า กรรม ก็แปลว่า การกระทำ แต่สองคำนี้ไม่เหมือนกันเลย ต่างกันลิบ กิริยา หมายถึง การ เคลื่อนไหว หรือการกระทำที่ไม่ประกอบด้วยเจตนา ไม่ประกอบไปด้วย เจตนาที่เป็นกิเลสตัณหาที่ว่าจะเอาอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยกิเลสตัณหา ด้วยเจตนา ถ้าเคลื่อนไหวหรือกระทำนั้นเรียกว่า กิริยา แต่... ถ้ากระทำไปด้วยเจตนาของ โลภะ โทสะ โมหะ ของกิเลสตัณหา อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว การกระทำนั้นก็เรียกว่า “กรรม” ฉะนั้น กิริยาจึงหมายความว่า การกระทำ หรือการเคลื่อนไหวที่ไร้ เจตนา, กรรม คือการเคลื่อนไหว หรือการกระทำที่ประกอบอยู่ด้วยเจตนา เข้าใจคำว่ากรรมโดยศัพท์อย่างนี้เสียก่อน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
13
ทำด้วยเจตนาดี = กรรมดี ผลดี ทำด้วยเจตนาชั่ว = กรรมชั่ว ผลชั่ว ที นี้ โ ดยผลของมั น กิ ริ ย าก็ มี ผ ลเพี ย งแต่ ป ฏิ กิ ริ ย าเท่ า นั้ น เป็ น Reaction* เกิดขึ้นตามสมควรแก่กิริยาเท่านั้น ส่วนผลของกรรมนั้นไม่ใช่ ปฏิกิริยา แต่เขาเรียกว่า วิบาก วิบาก แปลว่า ผลกรรม ที่เป็นเหตุให้ได้ดี ได้ชั่ว นี้เราก็ได้เป็น ๒ คู่ กริยาคู่กับปฏิกิริยา แล้วก็กรรมนี้คู่กับวิบาก หรือ ผลของกรรม ที นี้ พ วกกิ ริ ย านี้ เนื่ อ งจากไม่ มี เจตนา ไม่ เจื อ ด้ ว ยกิ เ ลสตั ณ หา
เพราะฉะนั้นจึงไม่บัญญัติว่าดีหรือชั่วได้ ไม่สามารถจะบัญญัติว่าดีหรือชั่ว
ลงไปได้ มันก็เป็นแต่กิริยา เลยเป็นกลาง ส่วน... กรรมนั้น ต้องประกอบด้วยเจตนา หรือกิเลสตัณหา ถ้าประกอบด้วยเจตนาดี ก็เรียกว่า กรรมดี ถ้าประกอบด้วยเจตนาชั่ว ก็เรียกว่า กรรมชั่ว ดังนั้น วิบาก คือ ผลของมัน ใบแดง ! ทำผิดกติกา ต้องถูกลงโทษ ! จึงเกิดขึ้นแบ่งได้เป็น เราไม่น่า วิบากดี วิบากชั่ว ขาดสติเลย สัตว์โลกย่อม หรือผลดี ผลชั่ว เป็นไปตามกรรม เจตนาดี กรรมดี ผลดี เจตนาชั่ว กรรมชั่ว ผลชั่ว
* Reaction (รี – แอค – ชั่น) แปลว่า ปฏิกิริยาตอบสนอง 14
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
ทำกรรมด้วยกิเลสแบบไหน ก็ทุกข์ใจแบบนั้น ถ้าท่านบางคนจะสงสัยว่า ทำไมอาตมาจึงกล่าวว่า กรรมนี้ทำด้วย กิเลส ต้องทำด้วยกิเลส แล้วทำไมแบ่งเป็นดีเป็นชั่วได้ กิเลสมีทั้งดีทั้งชั่ว อย่างนั้นหรือ ? ก็ขอให้เข้าใจเสียแต่เดี๋ยวนี้ว่า กิเลสนั้นมีทั้งดีทั้งชั่ว แต่ว่า กิเลสชั้นดีหรือกิเลสอย่างดีนั้นเป็นอย่างละเอียด แต่ก็จัดเป็นกิเลสเหมือนกัน ตามหลักของธรรมะชั้นสูง พวกชาวบ้านอาจจะไม่จัดกิเลสชั้นดี ชั้นสูง ว่าเป็นกิเลสก็ได้ หรือ ไม่อาจจะจัดความดีว่าเป็นกิเลสประเภทหนึ่งก็ได้ แต่ทางธรรมะสิ่งที่เรียกว่า กิเลสนั้น ชั้นหยาบๆ ก็เป็นเรื่องชั่ว ชั้นละเอียดชั้นดีก็ยังมีกิเลสที่เป็นเหตุ
ให้อยากเกิด อยากเกิดดีอย่างนี้ก็เรียกว่ากิเลส แล้วก็ได้เกิดมา แล้วก็ได้
เป็นทุกข์ไปตามประสาเกิดดี กิเลสชั้นดีอย่างนี้ก็ยังมี ดังนั้น จึงว่าการกระทำกรรมนี้ แต่กรรมดีก็ทำด้วยกิเลสชั้นดี กรรม ชั่วก็ทำด้วยกิเลสชั้นชั่ว ผลจึงมีดีมีชั่ว แล้วต้องเป็นไปตามกรรม แล้วจะต้อง ได้รับทุกข์อย่างดีอย่างชั่ว นี่ขอให้จำคำอย่างนี้ไว้ด้วยว่า ความทุกข์ก็มีทั้งอย่างดีอย่างชั่ว ความทุกข์อย่างดีนั้น มันซ่อนเร้นจนคนปรารถนาความทุกข์ ความทุกข์ประเภทดี ประเภทที่ซ่อนเร้น ซ่อนเร้นพิษสง ซ่อนเร้นอันตรายของมันไว้ มาในรูปของความน่าปรารถนา อย่างนี้ก็มี บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
15
เกิดเป็นเทวดา ก็มีทุกข์แบบเทวดา อยากเกิดเป็นเทวดา เป็นกิเลสไหมนะ ?
เป็นกิเลสฝ่ายดี แต่ก็ไม่พ้นทุกข์ นะครับ
นี่ ต้ อ งศึ ก ษากั น อย่ า งละเอี ย ดอย่ า งนี้ เช่ น ว่ า ปรารถนาเกิ ด เป็ น เทวดา แล้วก็ได้เกิดเป็นเทวดาจริงๆ อย่างนี้ ตามภาษาชาวบ้านก็ต้องว่าดีซิ แล้วก็ไม่ใช่กิเลสตัณหาซิ เพราะว่าได้เกิดเป็นเทวดาแล้ว มีความสุขอย่าง เทวดา แต่... ภาษาธรรมะนั้น การอยากเกิดเป็นเทวดาก็เป็นกิเลส แล้วได้เกิดเป็นเทวดาก็ไม่ใช่พ้นทุกข์ ยังมีความทุกข์ ไปตามภาษาสัตว์ที่เป็นเทวดา มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างเทวดา มีกิเลสตัณหาอย่างเทวดา รบราฆ่าฟันกันอย่างเทวดา กลัวตายอย่างเทวดา มีวิตกกังวลอย่างเทวดา อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น การเกิดเป็นเทวดาก็ต้องเกิดด้วยกิเลส เกิดแล้วก็ยังไม่พ้น ทุกข์เพราะการได้เกิดเป็นเทวดา จึงได้กล่าวว่ากรรมก็ต้องมาจากกิเลส ต้อง ทำด้วยกิเลส เป็นอย่างดีก็ได้ เป็นอย่างชั่วก็ได้ ผลของมันจึงมีทั้งดีทั้งชั่ว
16
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
"กิริยา" หรือ "กรรม" สำคัญที่เราคิด การกระทำ ที่ไม่มีความรู้สึกชอบ ชัง หรืออื่นๆ เรียกว่ากิริยา แต่ถ้ามีอารมณ์ความรู้สึก ชอบ ชัง หรืออื่นๆ ถือว่า เป็นกรรมใช่ไหมจ๊ะ
นี่ ขอให้ท่านจำคำ ๒ คู่นี้ไว้ก่อนว่า กิริยากับปฏิกิริยา แล้วก็กรรม กับวิบาก เรื่อง กิริยา กับ ปฏิกิริยา นั้น ไม่มีความหมาย เราเลิกพูดเสียได้
ไม่เกี่ยวกับสัตว์ทั่วไปโดยตรง เราจะต้องเห็นในการกระทำของเราเองนี้
ที่มันเกี่ยวกับเจตนานี้ เป็นกิริยาเฉยๆ อย่างนี้ อย่างว่า... ตื่นขึ้นมาก็ล้างหน้า ถูฟัน อาบน้ำ อย่างนี้ การกระทำเหล่านี้เป็นกิริยาทั้งนั้น ไม่ได้เป็นกรรมอะไร ต่อเมื่อเราคิดด้วยความต้องการ ด้วยความเกลียดชัง ด้วยความอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วทำลงไปนั้น เป็นกรรม ฉะนั้น ถ้าว่าเป็นการทำตัวเองให้เดือดร้อนปรากฏชัด ให้ผู้อื่น
เดือดร้อนปรากฏชัด ไม่มีใครปรารถนา บัณฑิตติเตียนกันโดยทั่วไปแล้ว
ก็เรียกว่า กรรมชั่ว, ถ้าเป็นกรรมดีก็หมายความว่าคนธรรมดาสามัญ หรือ
โดยสังคมทั่วไปต้องการกัน เรียกว่า กรรมดี มีวิบากดี มีผลดี, กรรมชั่ว
มีวิบากชั่ว มีผลชั่ว บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
17
เพราะไม่เชื่อว่าทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จึงทำอะไรมั่วๆ ตามใจชอบ ทำชั่วยังได้ดี ผมไม่เชื่อเรื่องกรรม หรอก ฮ่าๆๆ
กรรมที่เรารู้กันทั่วไปโดยมากก็ ๒ กรรม คือ กรรมดี กรรมชั่ว เรา ต้องพูดกัน ๒ กรรมนี้ก่อน ให้หมดปัญหาเรื่องนี้ไปเสียก่อน ที่ว่า กรรมดีให้ผลดี กรรมชั่วให้ผลชั่วนั้น เถียงกันมามากในข้อ
ที่ว่าทำไมบางคนทำดีอยู่แท้ๆ ตั้งใจทำดีจริงๆ แล้วก็ทำอยู่ด้วย กลับมี อันตรายมาถึง กลับมีทุกข์มาถึง มีความวิบัติมาถึง อย่างนี้ก็มี ทำไมจึงไม่ได้ดี แล้ ว... บางคนเป็นคนทุจริต ทำชั่ว ทำไมยังมีชื่อเสียงอยู่ ยังร่ำรวยอยู่ ยังสนุกสนานสรวลเสเฮฮาอยู่ ก็เลยเกิดไม่เชื่อขึ้นมาว่า กรรมดีนี้ให้ผลดี กรรมชั่วให้ผลชั่ว แล้วก็เลยไม่ถือกฎเรื่องนี้ ไม่เชื่อกฎเรื่องกรรม แล้วก็ทำไปตามใจชอบ คือตามกิเลส อยากได้อย่างไรก็ทำอย่างนั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าดีหรือชั่ว เขาว่าเขาถูกของเขาเหมือนกัน แล้วเขาก็ถือหลักอย่างนั้นอย่างนี้ก็มี แต่ขอให้เข้าใจว่า อย่างนั้นมันผิดหลักเรื่องกรรม
18
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
"ดี" หรือ "ชั่ว" อยู่ที่การกระทำ กรรมดีมันต้องดีแน่ กรรมชั่วมันต้องชั่วแน่ เพราะว่าเราดีหรือชั่ว อยู่ในตัวการกระทำแล้ว การกระทำลงไปอย่างนี้ ได้ถูกบัญญัติรับรองกันทั่วไปว่ามันเป็น กรรมชั่ว แล้วพอไปทำเข้ามันก็ชั่วอยู่ที่ตัวการกระทำแล้ว ไม่ต้องพูดถึงผล ของมันก่อน กรรมชั่วก็เหมือนกัน ถ้ามันชั่วอยู่แล้ว พอทำลงไปมันก็ชั่วทันที ที่ทำ เพราะมันเป็นกรรมชั่วอยู่แล้ว ไปทำเข้ามันก็ชั่วแล้ว กรรมดีมันก็ดี เมื่อกระทำนั้นเอง เพราะว่ามันเป็นกรรมที่ดี ไปทำเข้าแล้ว ความดีในตัว กรรมนั้นมันก็ทำให้คนนั้นดีได้ ฉะนั้น... ถ้ากันฟั่นเฝือละก็ จำไว้อย่างนี้ดีกว่าว่า “ทำกรรมดีก็ดี” “ทำกรรมชั่วก็ชั่ว” อย่าไปเติมว่า “ทำกรรมดีได้ผลดี” “ทำกรรมชั่วได้ผลชั่ว” แล้วเขวไปว่าเป็นเงินเป็นทองอย่างนี้ อย่า อย่าเข้าใจอย่างนั้น คือว่าทำกรรมดีก็ดี เพราะมันดีอยู่ในตัวกระทำ ทำกรรมชั่วก็ชั่ว เพราะชั่วในตัวการกระทำ ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว ไม่ใช่อยู่ที่เงินทอง รวยหรือจน นะครับ
19
ดี-ชั่ว คือผลกรรมที่แท้จริง ทรัพย์สนิ เงินทองเป็นเพียงผลพลอยได้ กรรมดีทำให้คน เป็นคนดี
สาธุ
ทีนี้ผลที่เกิดขึ้นมาอันแท้จริงนั้น มันคือดีหรือชั่วในตัวกรรมนั่นเอง แต่มันมีผลหลอกลวงอีกชนิดหนึ่ง คือ ของที่ตามมาทีหลัง เช่น เงินทอง
ชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ อะไรเหล่านี้ มันไม่แน่อย่างนี้ อันนี้ไม่แน่ บางทีไม่ได้
ก็มี ทำกรรมดีเป็นคนดีเสร็จแล้วแต่ไม่ได้เงิน ไม่ได้ชื่อเสียง ไม่ได้อะไรก็มี ทำกรรมชั่วก็เหมือนกัน ชั่วเสร็จไปแล้วแต่ไม่ถูกลงโทษ ไม่ถูกเฆี่ยนถูกตี
ไม่ถูกประณาม ไม่เสียหายเสียเงินอะไรก็มี นั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง ขอให้ยุติ ตรงที่ว่า ถ้าทำกรรมดีก็เป็นคนดี เพราะมีการกระทำดี ทำกรรมชั่วก็เป็นคนชั่ว เพราะมีการกระทำชั่ว ทีนี้ ผลเป็นวัตถุสิ่งของเช่นนั้น เรียกว่า พลอยได้มา ถ้าสมมติว่า ได้เงินมาจากการทำดี เงินนั้นก็ต้องเป็นเงินดีเหมือนกัน
20
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
ผลพลอยได้ก็มีดี-ชั่ว ตามการกระทำ ขอให้ลองคิดดู เพราะมันเป็นเงินสะอาด เอามาใช้มากิน เอามาให้ลูก ให้เมียกิน มันก็ไม่สกปรกอะไร ก็เป็นคนดีอยู่ ทีนี้ถ้าไปทำชั่วแล้วได้เงินมา เงินนั้นมันไม่สะอาด มันเป็นเงินสกปรก เอามากินเองใช้เองหรือให้ลูกเมียกิน มันก็พลอยสกปรกไปด้วย มันเป็นเลือดเนื้อที่ชั่วไปตามเงินที่ซื้อของมากิน ด้วย ทีนี้ ส่วนที่คนอื่นเขาจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เขาเข้าใจเป็นอย่างอื่นนั้น มันเป็นเรื่องสับปลับของสังคม ไม่ใช่เรื่องกรรม ไม่ใช่เรื่องของกรรม เรื่องของกรรมต้องแน่นอนที่ว่า ทำดีแล้วก็ต้องดี ทำชั่วแล้วก็ต้องชั่ว ถ้ามีผลพลอยได้อะไรตามมา มันก็ต้องพลอยดีและพลอยชั่ว ตามกรรมที่กระทำนั้น แล้วเงินของรัฐบาลไทยอย่างเดียวกันนี่แหละ มันกลายเป็นเงินดี หรือเงินชั่วไปก็ได้ แล้วแต่มูลเหตุที่เป็นเหตุที่ได้มา นี้เป็นการทำความเข้าใจ ในเรื่องคำสอนที่ว่า ทำดี-ดี ทำชั่ว-ชั่ว ทั้งสองกรรมนี้ ล้วนแต่ทำให้มีผลดี ผลชั่ว แล้วก็ปรุงแต่งการเกิดใหม่ทั้งนั้น
ความสุข ความทุกข์ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ
นินทา ที่เรากำลังประสบอยู่ ล้วนเป็นมรดกแห่งกรรมของเราทั้งสิ้น
ถ้าไม่เคยทำกรรมใดไว้ วิบากนั้นจะไม่เกิดกับเราแน่นอน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
21
“อริยมรรค” กรรมที่อยู่เหนือดี เหนือชั่ว ทีนี้อยากจะกล่าวเลยไปถึงกรรมที่ตรงกันข้ามอีกพวกหนึ่ง เรียก ง่ายๆ ว่า กรรมที่ ๓ กรรมที่ ๑ คือ กรรมดี กรรมที่ ๒ คือ กรรมชั่ว คู่นี้ธรรมดาสามัญ เป็นเรื่องโลกๆ ทีนี้กรรมที่ ๓ นี้ หรือว่ากรรมที่ตรงกันข้ามนั้น เขาเรียกว่า กรรมไม่ดีไม่ชั่ว กรรมไม่ดำไม่ขาว เพราะว่าไม่อาจจะบัญญัติลงไปได้ว่า กรรมดำหรือกรรมขาว กรรมดีหรือกรรมชั่ว นี้ได้แก่ การปฏิบัติธรรม (คอย ฟังดูให้ดี) “ชนิดที่ทำให้อยู่เหนือกรรม ชนิดที่ทำให้อยู่เหนือโลก” ถ้าเรียก อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า “ชนิดที่ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพาน” การปฏิบัติที่มุ่งไปเพื่อมรรคผลนิพพานโดยตรง ไม่มุ่งเพื่อเกิดใหม่ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็เรียกว่าเป็นกรรมที่ไม่บัญญัติได้ว่าดีหรือชั่ว เพราะว่ามุ่งหมายที่จะขึ้นเหนือความดีความชั่ว อย่างนี้เรียกว่า “อริยมรรค” ท่านควรจะจดหรือจำไว้เลยว่า “อริยมรรค*” นั้นคือ กรรมที่ ๓ ที่ไม่ดี ไม่ชั่ว ใครไปทำกรรมที่ ๓ นี้เข้าแล้ว จะอยู่เหนือโลก จะอยู่เหนือกรรม แล้วจะนิพพาน
* อริยมรรคมีองค์ ๘ = ศีล สมาธิ ปัญญา มีอะไรบ้าง ? อ่านรายละเอียดที่หน้า ๕๘ และอ่านเพิ่มเติมได้ในธรรมบรรยายของหลวงพ่อพุทธทาส คู่มือมนุษย์ ฉบับ อ่านง่าย เข้าใจง่าย เล่ม ๔ : ไตรสิกขา (ขั้นของการปฏิบัติศาสนา) โดยสำนักพิมพ์ เลี่ยงเชียง
22
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
อริยมรรค คืออาวุธทำลายกิเลสตัณหา ดังนั้น จะเห็นได้ทันทีว่ากรรมชนิดนี้ไม่ค่อยมีใครสนใจ และไม่เคย ได้ยินได้ฟังด้วยซ้ำไปสำหรับบางคน จึงควรทราบไว้ เป็นกรรมที่ทำให้เป็น พระอริยบุคคล อยู่เหนือดีหรือชั่ว เขาไม่นิยมบัญญัติพระอริยบุคคล*
พระอรหันต์ หรือมรรคผลนิพพานนี้ว่าดีหรือชั่วอย่างเดียวกับกรรมทั้งสอง อย่างข้างต้น เพราะว่า มันเป็นไปเพื่อไม่เกิด มันเป็นไปเพื่อหยุดเกิด และอยู่เหนือความเกิด อยู่เหนือโลก อยู่เหนือทุกข์ อยู่เหนืออะไรทุกอย่างเลย เหนือกิเลสตัณหา เหนืออะไรหมด มันฆ่ากิเลสตัณหาด้วย “อริยมรรค” นี่ เหมือนกับไฟที่เผากิเลสตัณหา อริยมรรคนี่เหมือนกับอาวุธที่ทำลายกิเลสตัณหา เหมือนกับอะไรก็ตามเถอะที่ทำลายกิเลสตัณหา นี้เป็นกรรมที่ ๓ กรรมนี้ไม่ปรุงแต่งสัตว์ เพราะฉะนั้นที่ว่าเวียนว่าย ตายเกิดไปตามกรรมนั้น มันหมายถึงกรรม ๒ อย่างข้างต้นเท่านั้น คือ กรรมดี กรรมชั่ว เท่านั้น ส่วนกรรมที่ ๓ คือ อริยมรรคโดยตรงนี้ ไม่ปรุงแต่ง สัตว์ให้เวียนว่ายตายเกิด มันออกจะแปลก หรือว่าออกจะทำให้เข้าใจ
ไม่ค่อยได้สำหรับผู้ที่ไม่เคยฟัง แต่ถ้าฟังให้ดีแล้วก็จะเข้าใจได้
* ลำดับขั้นของพระอริยบุคคล ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ อ่านรายละเอียดที่หน้า ๕๙-๖๐
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
23
หลักกรรมที่สมบูรณ์ มีสอนในพุทธศาสนาเท่านั้น อาตมามีความหวังว่า ท่านที่จะเป็นผู้พิพากษานี้ ควรจะมีความรู้ เรื่องกรรมถึงขนาดนี้ ไม่ใช่มีความรู้อย่างเด็กๆ ทั่วไป คนทั่วๆ ไปที่รู้แต่เพียง ทำดี-ดี ทำชั่ว-ชั่ว เพราะเหตุไร เพราะเหตุว่าพูดเพียงเท่านั้นในศาสนาอื่น
ก็มี ในศาสนาไหนก็ตาม จะต้องสอนเรื่องทำดี-ดี ทำชั่ว-ชั่ว ทั้งนั้น ฉะนั้น เรื่องกรรมชนิดนั้น ยังไม่ใช่ของพุทธศาสนาโดยสมบูรณ์ เพราะมันเป็นของทุกศาสนา ทุกๆ ศาสนา แต่ถ้าพอเอากรรมที่ ๓ เข้ามากล่าวกันด้วยแล้วละก็ เราก็พูดว่า มันไม่มีกรรม แต่กรรมชนิดนี้ไม่มีในศาสนาอื่น และมีในพุทธศาสนา เราจึงเรียกว่า หลักกรรมที่สมบูรณ์ ในพระพุทธศาสนานั้นต้องกล่าวครบอย่างนี้ คือต้องกล่าวถึงกรรมดี กรรมชั่ว แล้วก็ต้องกล่าวถึงกรรมอีกประเภทหนึ่งซึ่งมันล้างหมดทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว จนอยู่เหนือกรรม จึงจะเป็นกรรมโดยสมบูรณ์ในพระพุทธศาสนา เรื่ อ งกรรมที่ ส มบู ร ณ์ ใ นพระพุ ท ธศาสนา นำมากล่ า วเพื่ อ ความ สมบูรณ์ในความรู้เรื่องกรรมตามหลักแห่งพระพุทธศาสนา แล้วก็จับกัน
ให้ได้ว่ามันตรงกันข้ามอยู่ กรรมทั่วๆ ไป ดีชั่วทั่วๆ ไปนั้น มันปรุงแต่งสัตว์ ให้เกิด กรรมที่ ๓ นี้ มันไม่ปรุงแต่งสัตว์ให้เกิด
24
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
กรรมมีมากมาย ต่างชิงชัยให้ผล ทีนี้ย้อนไปพูดถึงเรื่องกรรมดีกรรมชั่ว ซึ่งมีปัญหามากต่อไปอีกหน่อย การให้ผลของกรรมก็สับปลับ ขอให้จดประโยคนี้ หรือจำประโยคนี้ ไว้ว่า แม้การให้ผลของกรรมก็สับปลับ ทำไมจึงว่าอย่างนี้ เพราะว่ามัน ทำกรรมมาก คนคนหนึ่งทำกรรมมาก ในวันหนึ่งๆ ก็ยังมีหลายกรรม เป็น เดือน เป็นปี เป็นสิบๆ ปี อย่างนี้มันก็มากมาย มันเลยสับปลับในการชิงกัน ให้ผล
กรรมที่ให้ผลตามกาลเวลา
ทีนี้ถ้าอยากจะศึกษาเพื่อกันความเข้าใจผิดเป็น “มิจฉาทิฏฐิ” โดย ไม่ไปหลงเชื่อว่ากรรมไม่มี กรรมไม่ให้ผลอะไรทำนองนี้ละก็ ท่านแนะให้ พิจารณาว่าการให้ผลของกรรมนี้อาจจะแบ่งได้เป็นพวกๆ เช่นว่า การให้ผล ตามเวลา การให้ผลตามเวลานี้... นี่แน่ะ ! ๑. กรรมบางกรรม ไอ้หัวขโมย ! ให้ผลทันตาเลย ทำดีแล้ว ใจเป็นสุขทันที อานิสงส์บ ุญ ๒. แล้วกรรมบางกรรม จะส่งถึงภพหน้ า ให้ผลในชาติถัดไป นะโยม
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
25
โกงแล้วรวย อิอิ
...ชาตินี้...
ไม่น่า คดโกงเลยเรา
...ชาติหน้า...
๓. แล้วก็กรรมบางกรรมนั้น ยังล้าหลังไปกว่านั้นอีก ยังจะให้ผล ในหลายๆ ชาติถัดๆ ไป เหมือนกับที่เรียกว่า สุนัขไล่เนื้อ เมื่อไล่ทันจึงจะกัด อย่างนี้เป็นต้น ครูยกโทษให้นะ ผมขอขมา ที่พูดล่วงเกิน ๔. แล้วก็กรรมบางชนิด คุณครูครับ ก็ให้ผลเสร็จไปแล้วง่ายๆ ด้วยการยกเลิกไป เหมือนกับโจทก์จำเลย ประนีประนอมยอมความกันเสีย พริบตาเดียวก็เสร็จ อย่างนี้ก็มี เช่น เราไปล่วงเกินเขาด้วยวาจา แล้วเราก็เอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาโทษเขา กรรมนั้นก็เป็นอโหสิกรรมไป คือให้ผลเสร็จเลิกร้างกันไป นี่ก็เป็นหลักของกรรมในหลักพระพุทธศาสนา เรียกว่า อโหสิกรรม คือกรรมที่เลิกร้างกันไปแล้ว ทั้ง ๔ อย่างเรียกว่าตามเวลา ตัวอย่างแรก ทันตาเห็นในชาตินี้ อย่างที่ ๒ ชาติหน้า อย่างที่ ๓ ชาติถัดๆ ไปไม่รู้เมื่อไร แล้วอย่างที่ ๔ ก็คือ ให้ผลเสร็จไปชั่วแวบเดียว ชั่วไม่กี่นาทีอย่างนี้ เช่น ไปขอโทษก็เลิกกันอย่างนี ้
26
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่
ทีนี้ถ้าเอาตามหน้าที่ การให้ผลของกรรมตามหน้าที่ของมันนั้น
มันมีอยู่ว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราเกิดเป็นมนุษย์ได้ เพราะรักษาศีล ๕ ใช่ไหม ?
ใช่แล้ว ให้ตั้งใจ รักษาศีล ๕ แล้วอย่าลืมเจริญสมาธิ เจริญปัญญานะคะ
๑. กรรมบางกรรมนั้น มันให้ผลเป็นการช่วยตบแต่งให้เกิดมา กรรมบางกรรมให้ผลได้แต่ในลักษณะเป็นการช่วยตบแต่งให้เกิดขึ้นมานั้น การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ช่วยให้ชีวิตมีแต่สิ่งดีๆ นะครับ
๒. ทีนี้กรรมบางกรรมมันให้ผลในทางที่ช่วยอุปถัมภ์ ช่วยอุปถัมภ์ ให้ยิ่งขึ้นไป ถ้าเกิดมาอย่างไรแล้วก็อุปถัมภ์ให้มันยิ่งขึ้นไป นี่กรรมบางกรรม คือว่ากรรมชนิดนี้มันช่วยทำให้เกิดไม่ได้ ไม่เหมือนกรรมทีแรก แต่มันช่วย อุปถัมภ์ให้แรงขึ้นได้ ทั้งในทางดีและทางชั่ว บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
27
เจ็บป่วยบ่อยๆ เพราะกรรมเคยทำร้ายสัตว์ ให้ปล่อยสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า แล้วจะช่วยได้นะคะ
๓. ทีนี้กรรมถัดไปอีกมันช่วยตัดทอน มันช่วยตัดทอนให้น้อยลง เช่นว่า เกิดมาดี มันตัดทอนให้ดีน้อยลง เกิดมาชั่ว มันตัดทอนให้ชั่วน้อยลง อย่างนี้เป็นต้น นี้เรียกว่า กรรมตัดทอน โกงเงินบริษัท เพราะเป็นหนี้เหรอ ?
ใช่แล้ว ไม่น่าทำเลย เป็นถึงพนักงานดีเด่น ของบริษัทแท้ๆ
๔. ทีนี้มีกรรมอีกกรรมหนึ่งก็คือว่า กรรมตัดขาดเลย ซึ่งส่วนมาก มักจะเป็นกรรมชั่ว ตัดทอนความดีให้ขาดไปเลย จนไม่มีโอกาสที่จะรับผล เช่นว่า เขาทำดีนิดเดียวๆๆๆๆ นี่ แล้วเขาทำชั่วอย่างยิ่งทีเดียว มันก็สามารถ ตัดทอนกรรมดีทั้งหมดได้ หรือทำชั่วนิดเดียวๆๆ ทำกรรมดีอย่างใหญ่หลวง ก็สามารถตัดทอนทีเดียวได้ อย่างนี้เป็นต้น กลุ่มนี้จึงมีว่า กรรมตบแต่งให้เกิดขึ้นมา แล้วกรรมช่วยส่งเสริม
มันขึ้นไป แล้วกรรมที่กดมันลงมา แล้วกรรมชนิดตัดขาดเลย นี่ตามหน้าที่
มีอยู่ ๔ อย่าง
28
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก
กรรมที่ให้ผลตามน้ำหนัก แม่ ! จะบ่นอะไร นักหนา ไปตายซะไป !
๑. ทีนี้ถ้าว่ากล่าวตามน้ำหนัก เขาจัดไว้ว่าเป็น กรรมหนัก อย่างหนึ่ง ฮ่าๆๆ เป็นหมา ก็แต่งหน้าทาปาก ได้นะโว้ย ฮ่าๆๆ
๒. และถัดไปก็คือ กรรมเบา นี้ตามน้ำหนักแล้ว น้ำหนักมาก น้ำหนักน้อยแล้ว อนันตริยกรรม หมายถึง กรรมหนักที่สุด (ฝ่ายบาปอกุศล) ซึ่งให้ ผลทันที มี ๕ อย่าง คือ ๑. มาตุฆาต-ฆ่ามารดา ๒. ปิตุฆาต-ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต-ฆ่าพระอรหันต์ ๔. โลหิตุปบาท-ทำร้ายพระพุทธเจ้า จนถึงพระโลหิตห้อ ๕. สังฆเภท-ยุยง ทำลายสงฆ์ให้แตกแยกกัน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
29
ภาวนา “พุทโธ” ก่อนตาย ไปสู่สุคติแน่นอน
พุท...โธ พุท...โธ
๓. ทีนี้กรรมที่ใกล้ตาย ที่ทำเมื่อใกล้ตาย นี้ไม่เกี่ยวกับหนักหรือ เบา บางทีมันเป็นกรรมเบาแท้ๆ ไม่ใช่กรรมหนักอะไรเลย แต่มันเผอิญไป
ทำเข้าเมื่อใกล้ตาย มันก็มีทางที่จะให้ผลได้เร็วกว่ากรรมหนักที่มีอยู่ก็ได้ ก่อนกรรมหนักที่มีอยู่ก็ได้ ซึ่งทำให้สับปลับได้ ซึ่งเขาเปรียบว่าเหมือนกับวัว แม้แต่เป็นลูกวัวตัวเล็กๆ ถ้ามันอยู่ที่ประตูอยู่แล้ว พอเปิดประตู มันก็ออก ได้ก่อนวัวตัวใหญ่ที่แข็งแรง เพราะมันอยู่ชิดประตู อย่างนี้เป็นต้น นี่เป็น
คำเปรียบ ๔. ทีนี้อีกกรรมหนึ่งก็เรียกว่า กรรมที่สักแต่ว่าทำ คือว่าไม่มีเจตนา ที่จะทำ แต่มันมีความไม่ดีอย่างอื่น เช่น ความสะเพร่า ซึ่งเราเอาโทษเขา
แต่ตรงที่ความสะเพร่า แต่ไม่เอาโทษเขาว่าเขาเป็นผู้ฆ่าคน อย่างนี้เป็นต้น แต่เขาทำให้คนตายได้เหมือนกัน อย่างนี้ก็เรียกว่า กรรมที่สักว่ากระทำ อาตมาบอกชื่อเป็นไทยๆ ทั้งนั้น เพราะถ้าบอกชื่อเป็นบาลีแล้ว
มันยาว มันยุ่ง กลุ่มนี้ก็มีว่า กรรมหนัก กรรมเบา กรรมเมื่อใกล้ตาย
แล้วกรรมที่สักว่าทำ ที่แท้ก็ไม่ใช่กรรม แต่สักว่ากรรม เช่น การสะเพร่า
เป็นต้น
30
ทำอย่างไร ไม่เกิดอีก