แรงบุญ

Page 1


แรงบุญ

หนังสือคือของขวัญทางปัญญา ที่มีค่ายิ่งกว่าเงินทอง ขอมอบหนังสือเล่มนี้แด่ ............................................................................................ ............................................................................................ ............................................................................................ ด้วยความปรารถนาดีจาก ............................................................................................ ............................................................................................

หากหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำวันมากมาย ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ คิด ค่อยๆ พิจารณาทำความเข้าใจ อ่านหลายๆ รอบ จักเกิดสติปัญญาแก้ปัญหาและดับทุกข์ได้ หากหนังสือเล่มนี้ หมดประโยชน์แก่ท่านแล้ว กรุณาส่งต่อให้กับผู้อื่นได้อ่านต่อๆ ไป เพื่อเป็นการช่วยรักษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ ยืนยาวสืบไป และเป็นการเสริมสร้างธรรมทานบารมีแก่ตนในอีกทางหนึ่งด้วย ขออนุโมทนา สาธุ


อานิสงสการสรางหนังสือแจกเปนธรรมทาน ท่านที่ถวายหนังสือธรรมะ หรือพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็น ธรรมทาน ขอให้ท่านจงเกิดความภาคภูมิใจเถิดว่า ท่านได้ทำสิ่งที่มี คุณค่า ๙ มงคล ดังต่อไปนี้

๑. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูม้ สี ว่ นร่วมในการรักษาพุทธศาสนาให้มคี วามยัง่ ยืน วัฒนาถาวร

๒. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูบ้ ำเพ็ญทานบารมีทยี่ อดเยีย่ ม คือ ธรรมทานบารมี ๓. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูม้ สี ว่ นร่วมในการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ๔. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูม้ สี ว่ นร่วมในการสร้างความเห็นทีถ่ กู ต้อง (สัมมาทิฎฐิ) ๕. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูม้ สี ว่ นร่วมในการส่งเสริมการปฏิบตั ธิ รรมกรรมฐาน ๖. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูม้ สี ว่ นร่วมในการเสริมสร้างสันติภาพและสันติสขุ แก่ชาวโลก ๗. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูม้ สี ว่ นร่วมในการส่งเสริมและพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมอันดีงาม

๘. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูส้ ง่ เสริมในการเลือกสรรสิง่ ทีด่ ใี ห้แก่ผรู้ บั (เป็นผูใ้ ห้ทดี่ )ี ๙. ได้ชอื่ ว่าเป็นผูแ้ สดงออกถึงน้ำใจอันดีงามของกัลยาณมิตร (มิตรทีด่ )ี

ท่านที่ได้บำเพ็ญธรรมทานบารมีดังกล่าวมาแล้ว ย่อมประสบ แต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า และเป็นผู้ ปราศจากทุกข์ โศก โรคภัย ทัง้ ปวง อกฺขรา เอก เอกฺจ พุทฺธรูป สม สิยา*

สร้างอักขรธรรมหนึ่งอักษร เท่ากับสร้างพระพุทธรูปหนึ่งองค์ *(ที่มา : ศาสนวงศ์ ฉบับพระปัญญาสามี, ๒๔๐๔)


บรรณาธิการสาระ : ศักดิส์ ทิ ธิ์ พันธุส์ ตั ย์ ภาพหน้าปก : อนุชติ คำซองเมือง ออกแบบรูปเล่ม : ธเนษฐ สัคคะวัฒนะ พิสจู น์อกั ษร : อรทัย คำแพง


คำนำสำนักพิมพ์

นรก สวรรค์ แม้เป็นสิ่งเร้นลับเกินวิสัยที่จะพิสูจน์ให้เห็นจริงด้วย ตาว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่จะพิสูจน์ เพราะในโลกนี้มีผู้ มี ญ าณทิ พ ย์ ส ามารถติ ด ต่ อ กั บ เทพหรื อ วิ ญ ญาณศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ต่ า งๆ ได้ มากมาย ดังเช่น พระพุทธเจ้า เหล่าพระอรหันต์​์สาวก ครูบาอาจารย์ผู้ฝึก จิตอบรมสมาธิจนจิตแก่กล้า รวมถึงบุคคลที่มีร่างบริสุทธิ์สามารถอัญเชิญ เทพ หรือวิญญาณสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทับร่าง ที่เราเรียกว่า “ร่างทรง” ก็ดี ท่านเหล่านี้ย่อมเป็นหลักฐานยืนยันความมีอยู่จริงของนรก-สวรรค์ได้ คนตาบอดมองไม่เห็นแสงพระอาทิตย์ แล้วกล่าวว่า พระอาทิตย์ ไม่มีนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำนองเดียวกันผู้ที่มองไม่เห็นนรกสวรรค์แล้ว กล่าวว่านรกสวรรค์ไม่มีก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน ในโลกนี้ยังมีสิ่ง

ลึกลับซ่อนอยู่แต่เรายังไม่รู้ไม่เห็นและยังพิสูจน์ไม่ได้อีกมากมายซึ่งบาง ครั้งความจริงกับความเชื่อก็ไม่ไปทิศทางเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะเลือกเชื่อ แบบไหน ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่เช่นนั้นเอง เราอาจเลือกเชื่อว่า นรกสวรรค์มีหรือไม่มีก็ได้ แต่ความเป็นจริงจะเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นอีก เรื่องหนึ่ง ความเชื่อไม่อาจบังคับกันได้ แต่เราเลือกที่จะปฏิบัติได้ คือเลือกที่ จะทำดีได้ เพราะไม่ว่านรกสวรรค์จะมีจริงหรือไม่ ผู้ที่ทำความดีเอาไว้ ย่อมปลอดภัยและมีชีวิตที่เป็นสุขเสมอ ต่างจากคนที่ทำความชั่วย่อม เดือดร้อนและเป็นทุกข์ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต หนั ง สื อ แรงบุ ญ เล่ ม นี้ เป็ น การบั น ทึกเรื่องราวตัวอย่างของ บุคคลผู้ทำบุญแล้วไปเกิดในสวรรค์ ซึ่งเป็นการบันทึกเรื่องราวจากคำบอก เล่าของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อัญเชิญมาประทับร่างบริสุทธิ์ โดยมี


จุดประสงค์ต้องการเผยแผ่เรื่องราวการทำบุญนั้นเป็นธรรมทาน เพื่อให้ ผู้คนได้ศึกษาและทำบุญได้อย่างถูกต้อง ไม่ทำบุญแบบงมงาย อันจะส่ง ผลให้ได้รับอานิสงส์ผลบุญอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ความดีอันเกิดจากหนังสือเล่มนี้ ขอยกถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และกุศลผลบุญอันใดที่เกิดจากหนังสือเล่มนี้ ขอยกให้กับ บุคคล เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นต้นเรื่อง ท่านผู้เป็นเจ้าของร่างบริสุทธิ์ ตลอดถึงผู้จดบันทึกเรื่องราวและเรียบเรียงถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดออก มาเป็นถ้อยคำสำนวนให้ได้อ่านตามที่ท่านได้ถืออยู่นี้ และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้เรียบเรียงได้มอบต้นฉบับนี้ให้กับสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียงจัดพิมพ์เผยแผ่ โดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ใดๆ จึงขอให้ทุกท่านร่วมอนุโมทนาสาธุในกุศลเจตนา ของผู้เรียบเรียงในครั้งนี้ด้วย ปัจจัยที่ท่านให้การสนับสนุนหนังสือเล่มนี้ ส่วนหนึ่งจักใช้เป็นทุน สนั บ สนุ น บุ ญ กิ จ ของสำนั ก พิ ม พ์ เ ลี่ ย งเชี ย ง ส่ ว นหนึ่ ง จั ก ใช้ เ ป็ น ทุ น หมุนเวียนกลับไปรับใช้สังคม ในรูปแบบของการเผยแผ่ธรรมะเป็นธรรมทานทางวิทยุกระจายเสียง ให้ทุนการศึกษาเด็กเยาวชน ร่วมสร้างศาสนวัตถุ ศาสนสถาน ตลอดถึงการให้การอบรมธรรมะแก่องค์กรต่างๆ อีก มากมาย ขอท่านทั้งหลายที่ได้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้ จงปลาบปลื้มใจว่า ท่านได้ร่วมสร้างมหากุศลอันดีที่จะมีผลให้ท่านมีสุขตลอดไป และขอให้ ยังจิตเป็นกุศลอนุโมทนาบุญร่วมกันในคราวครั้งนี้และคราวต่อไปด้วย เทอญ าตุ จิรํ สตํ ธมฺโม ขอพระสัทธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงดำรงอยู่สิ้นกาลนาน สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์


คำนำผู้เขียน ในโลกนี้สิ่งเดียวที่จะสนองตอบเราได้ ก็คือ บุญและบาป เรื่องที่นำมาเล่านี้ก็เช่นกัน เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราทำในชาตินี้ จะส่งผลถึงบาปบุญคุณโทษไปถึงสวรรค์วิมาน หรือต้องไปชดใช้ กรรมที่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ให้ทานต้องการจะบอก ก็คือ คำบอกเล่า ที่ต้องการให้เรารู้ซึ้งถึงบาปและบุญ เป็นคำบอกเล่าทำให้เรารู้จัก บุญคุณของพระรัตนตรัย ว่าไม่มีอะไรสูงไปกว่าพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เทียบได้กับธรรมอันสูงสุด ไม่มีอะไรที่เหนือไปกว่านี้ อีก ผู้เขียนก็มีหน้าที่เพียงผู้บันทึก เป็นสะพานธรรมที่ทำหน้าที่ นี้ให้ลุล่วงด้วยดี อะไรคือบาปและกรรมดี สวรรค์มีจริงหรือไม่ ตาย ไปแล้ ว ต้ อ งลงไปชดใช้ ก รรมในนรกหรื อ เปล่ า ผู้ เขี ย นก็ ห วั ง ว่ า ผู้ กระทำความดี ทุ ก คนที่ ห าทางหลุ ด พ้ น จากกองกิ เ ลส จะหาทาง หลุดพ้นนำไปสู่กระแสแห่งนิพพานได้ในที่สุด ผู้ เขี ย นจึ ง ขอมอบบั น ทึ ก ต้ น ฉบั บ นี้ ไว้ ให้ เ ป็ น ลิ ข สิ ท ธิ์ แ ก่

สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ เป็นธรรมทาน โดยมิได้ ประสงค์ค่าตอบแทนแต่ประการใด จึงขอขอบพระคุณ อาจารย์ ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์ หัวหน้ากองบรรณาธิการ คณะผู้บริหาร ทาง ทีมงานทุกท่าน ที่ได้ให้โอกาสตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม สวรรค์บอกบุญมา ณ โอกาสนี้ สะพานธรรม


7

สารบัญ เรื่อง หน้า เต่าขึ้นสวรรค์ ๙ คำอธิษฐานของเด็กสาว ๑๑ สวดมนต์น้อยแต่ได้อานิสงส์มาก ๑๓ “สวรรค์” มีสุข แต่ก็มีโทษ ๑๕ เทวดากับการบวช ๑๗ เศรษฐีผู้หวังในกุศล ๒๑ ศรัทธาที่แท้จริง ๒๓ การตักบาตรกับการอธิษฐาน ๒๔ เทวดากับการใส่บาตร ๒๖ ความไม่เที่ยงของสังขาร ๒๘ นางฟ้าอัปลักษณ์ ๓๑ ถวายข้าวพระพุทธให้ได้บุญ ๓๔ เทวดากับเครื่องถวาย ๓๖ พ่อค้ากับความโลภ ๓๘ ผลบุญที่ได้จากการถวายผ้าไตรจีวร ๔๐ ถวายสังฆทานอย่างไรให้ได้บุญสูงสุด ๔๓ บาปที่เกิดจากความหลง ๔๖ งูใหญ่สนใจในธรรม ๔๘ อวิชชาพาลงนรก ๕๐ ควายใช้กรรม ๕๒ เทวดาผู้รักษาศีล ๕๕ ศรัทธาของนกแก้ว ๕๗ สัตว์นรก ๕๙ กรรมของลูกอกตัญญู ๖๑ ธรรมในวัด ๖๓ เทวดาไม่ใช่ผู้รู้ทุกอย่าง ๖๕ กาลสมัยของพระพุทธศาสนา ๖๗ บาปของการลบหลู่พระ ๖๙

เรื่อง บุตรกตัญญู ชายเกียจคร้าน มนุษย์กับความเชื่อ นาคผู้ถวายศาลาทองคำ การบูชาพระรัตนตรัยที่แท้จริง เรื่องเล่าของพญานาค เมตตาต่อสัตว์ การทำทาน กรรมของนายพราน ชายผู้เฝ้าภาวนา เทวดามากรัก ภัยพิบัติกับการสวดมนต์ เรื่องเล่าของเทพารักษ์ หญิงจัญไร เทพบุญหนักศักดิ์ใหญ่ สัตว์เทพอยากเกิดเป็นมนุษย์ โทษของสุรา เทพผู้มั่นคงในความรัก เป็นเรื่องเกี่ยวกับนาค ความดี ตำนานความรัก พระสงฆ์ท่องคาถา ผู้ปฏิบัติผิด โรคภัย คำให้ธรรมทาน หญิงงามเมือง คนชั่วขึ้นสวรรค์ได้ คาถามหาเมตตาใหญ่

หน้า ๗๑ ๗๕ ๗๗ ๗๙ ๘๑ ๘๓ ๘๖ ๘๘ ๙๑ ๙๓ ๙๕ ๙๗ ๙๙ ๑๐๑ ๑๐๕ ๑๐๘ ๑๑๐ ๑๑๒ ๑๑๕ ๑๑๗ ๑๒๐ ๑๒๓ ๑๒๗ ๑๒๙ ๑๓๓ ๑๓๕ ๑๓๘ ๑๔๑



เรื่องที่ ๑ เต่าขึ้นสวรรค์ เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่

มีสัตว์ชนิดหนึ่งเฝ้ามองพระพุทธองค์ด้วยความศรัทธายิ่ง สัตว์มี กระดองชนิดนี้เรียกว่า “เต่า” อาศัยอยู่ในสระน้ำใกล้กับบริเวณที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม และปรารถนาอย่างยิ่งที่จะบวช แต่ ด้วยความที่ร่างกายเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน จึงไม่อาจบวชเป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าได้ เต่าตัวนี้จึงได้แต่เฝ้าอธิษฐานด้วยแรง ศรัทธาว่า ถึงแม้นว่าตัวข้าพเจ้าจะเกิดกายเป็นเต่าในชาตินี้ แต่ก็จะ ขอยึดมั่นในพระรัตนตรัยตราบชั่วลูกชั่วหลาน ภายหลังเมื่อเต่าตนนี้ ตายลง ด้วยแรงอธิษฐานและความศรัทธาที่มีต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ได้เกิดกายเป็นเทวดาอยู่บนสรวงสวรรค์ มีรัศมีกาย เจิดจรัสสวยงามผ่องอำไพยิ่งกว่าเทวดาองค์ใด เหล่าเทพเทวดาทั้งหลายเมื่อเห็นดังนั้น ก็ได้บังเกิดจิตริษยา

อยู่ภายใน เนื่องจากพวกตนต่างก็มีความศรัทธาทำบุญสร้างกุศลมา เป็นจำนวนมาก แต่อานิสงส์ที่ได้กลับเทียบไม่ได้เลยกับเทพผู้มา ใหม่ จึ ง พากั น ดู แ คลนและขนานนามเทพองค์ นี้ ว่ า “เทพเต่ า ” พร้อมทั้งออกปากถามว่า “ขอถามอะไรสักอย่างหนึ่งได้หรือไม่... แต่เดิมนั้นท่านเคย ทำบุญยิ่งใหญ่อันใดมาหรือถึงได้เกิดกายเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ มี รัศมีกายสว่างไสวเรืองรองถึงเพียงนี้”

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


10

เทพเต่าเมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว ก็ไม่ได้โกรธเคืองหรือตอบโต้แต่ อย่างใด และเพียงแต่ตอบไปสั้นๆ ให้ได้ยินกันทั่วว่า

“ข้าพเจ้าไม่เคยทำบุญยิ่งใหญ่อันใดเลย เพียงแต่เมื่อครั้ง ทีย่ งั มีชวี ติ อยู่ ข้าพเจ้ามีความศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ขอเพียงพระองค์ทรงตรัสเอ่ย ต่อให้ต้อง แลกด้วยชีวิตหรือสละทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าพเจ้ายินดีทำตามโดยไม่ คิดสงสัยลังเลเลยแม้แต่น้อย”

หลังจากที่เหล่าเทวดาทั้งหลายได้ฟังแล้ว ต่างก็นึกโกรธโทษ ตนเอง ที่เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่นั้นไม่เคยเข้าใจถึงการทำบุญที่แท้จริง เข้าใจผิดคิดว่ายิ่งทำบุญมากก็ยิ่งได้บุญมาก ไม่เคยรู้จักกับคำว่า ความศรัทธาที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ด้วยอันที่จริงแล้วไม่ว่าการ ทำบุญหรือทำสิ่งใดก็แล้วแต่ จะต้องทำด้วยใจที่บริสุทธิ์งดงาม ไม่ หวั ง สิ่ ง ตอบแทนใดๆ อี ก ทั้ ง ยั ง ประกอบไปด้ ว ยความศรั ท ธาต่ อ พระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงเท่านั้น จึงจะมีอานิสงส์มาก ตรงกันข้าม หากยิ่งทำบุญมากแต่ภายในใจหวังถึงผลบุญที่ตนควรได้รับเมื่อภาย ภาคหน้า อานิสงส์ผลบุญนั้นก็จะยิ่งลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ ต่อมาเทพองค์ดังกล่าว ก็ได้กลายเป็นเทพผู้ปกครองสวรรค์ ในภายหลัง และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์เปี่ยมไป ด้วยศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง… สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๖ เดือนเจ็ด ปีเถาะ แรงบุญ


เรื่องที่ ๒ คำอธิษฐานของเด็กสาว เมื่อครั้งอดีตนานมาแล้ว... มีเด็กสาวคนหนึ่งอายุอานามราว ๑๓-๑๔ ปี มีนิสัยชอบ สวดมนต์ไหวพระอยู่เป็นประจำทุกๆ วัน เธอจะสวดมนต์ไหว้พระ เป็นเวลานาน หลังจากสวดมนต์จบแล้ว ก็จะก้มลงกราบหน้าองค์ พระพุทธ พร้อมกับอธิษฐานทุกครั้งว่า “ด้วยอานิสงส์ผลบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้พบพระศรีอาริย์

ในภายภาคหน้าด้วยเถิด” คำอธิษฐานนี้ ส่งผลให้เด็กสาวคนดังกล่าว ได้ประสบกับ ความสุข เมื่อตายลงก็ได้มีโอกาสเข้าถึงกระแสธรรม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากกว่าคนอื่นๆ เนื่องจากมีจิตใจบริสุทธิ์ ไม่เคย กล่ า วคำอธิ ษ ฐานถึ ง สิ่ ง ที่ ส นองตอบต่ อ กิ เ ลสดั ง เช่ น คนอื่ น ๆ ตรงกันข้ามกับเศรษฐีผู้มีอันจะกินอีกคนหนึ่ง ซึ่งสวดมนต์ไหว้พระ ขอพรทุกๆ วัน ดังนี้ว่า... “ขอผลบุญทั้งหมดที่ข้าพเจ้ากระทำในชาตินี้ ส่งผลให้ ข้าพเจ้าเป็นผู้มีทรัพย์สมบัติมาก มีเงินทองใช้ไม่หมดไปจนชั่วลูก ชั่วหลาน” เนื่ อ งจากอานิ ส งส์ ผ ลบุ ญ ที่ เ ศรษฐี ไ ด้ เ คยทำเอาไว้ คำ อธิ ษ ฐานนั้ น ก็ ไ ด้ เ ป็ น จริ ง สมความปรารถนาทุ ก ประการ แต่ ทว่า...ความร่ำรวยที่ได้มา เมื่อตายลงไปก็ไม่สามารถเอาอะไรติดตัว

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


12

ไปได้ มีเพียงผลบุญอันน้อยนิด เนื่องจากเป็นคำอธิษฐานที่เต็มไป ด้วยการหวังในผลบุญเท่านั้นเอง เรื่องเล่าดังกล่าว สอนให้มนุษย์ได้รู้ซึ้งถึงความหมายของ การไหว้พระว่า

การไหว้พระสวดมนต์ที่แท้จริงนั้นควรทำด้วยใจบริสุทธิ์ มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ไม่ควรหวังในผล บุญ เพราะนั่นเป็นการทำบุญด้วยใจที่ไม่บริสุทธิ์ เมื่อตายลงและ เกิดกายอยู่บนสวรรค์ รัศมีรอบกายจักสว่างไสวจนประมาณไม่ ได้ หรือว่าอับแสงหมองหม่น ก็ล้วนแต่เกิดจากอานิสงส์ที่เกิด จากใจทั้งนั้น

ปัจจุบัน มีมนุษย์สักกี่คนกันที่ก้มลงกราบพระพุทธด้วยใจ เปี่ยมศรัทธาอย่างแท้จริง ไม่กล่าวคำอธิษฐานใดๆ ทุกท่านมองเห็น ถึงความจริงได้หรือไม่ว่า คำอธิษฐานแบบใดกันแน่...ที่จะทำให้เรามี โอกาสหลุดพ้น และเข้าถึงธรรมอย่างแท้จริง... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๖ เดือนเจ็ด ปีเถาะ แรงบุญ


เรื่องที่ ๓ สวดมนต์น้อยแต่ได้อานิสงส์มาก ครั้งหนึ่งบนสวรรค์ พระอรหันต์​์เจ้าทรงเสด็จลงมาโปรด และแสดงธรรมให้แก่เทวดาทัง้ หลาย เกีย่ วกับอานิสงส์ของการสวดมนต์ ภายหลังจากที่ได้ยินเสียงสวดมนต์ของเทวดานางฟ้า รวมถึง มนุษย์ทั้งหลาย ที่เพียรท่องบทสวดมนต์ด้วยทำนองอันไพเราะชวน ฟังว่า

“ท่านทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงเคยตรัสเอาไว้ว่า ผู้ใดก็ ตามที่สวดมนต์ด้วยจิตศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแท้จริงแล้ว ถึงแม้นจะเป็นเพียงบทสั้นๆ ในช่วงระยะ เวลาสั้นๆ ก็ตาม อานิสงส์ผลบุญที่ได้จักมากมายมหาศาลเสียยิ่ง กว่า ผู้ที่สวดมนต์แม้นตลอดชั่วอายุขัยของตน เพียงเพราะความ เชื่อต่อๆ กันมา”

หลังจากที่เทพเทวดาทั้งหลายได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ก้มกราบ พร้อมกันด้วยความซาบซึ้ง ทั้งนี้เนื่องจากบางส่วนล้วนเข้าใจผิด คิด ว่ า การสวดมนต์ยิ่งมากเท่าไหร่ ยาวนานเท่าไหร่...ก็จะยิ่งได้รับ อานิสงส์มากยิ่งขึ้นเท่านั้น มนุษย์เองก็เช่นเดียวกัน หลายคนมุ่งสวดมนต์ภาวนา แต่ เฉพาะในบทที่ตัวเองคิดว่าจะได้อานิสงส์มาก หรือได้ยินได้ฟังต่อๆ กันมาว่า เป็นพระคาถาที่จะบันดาลให้ตนประสบกับความสุข หรือ ความร่ ำ รวย...ระหว่ า งที่ ท่ อ งสวดไป เคยถามตั ว เองหรื อ ไม่ ว่ า

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


14

ระหว่างที่กำลังสวดมนต์อยู่นั้น จิตสงบดีหรือไม่ แท้ที่จริงแล้วการที่ เราสวดมนต์ในแต่ละวัน เป็นการสวดเพื่อให้จบไปวันๆ ตามพิธี

หรือเป็นการสวดมนต์ ด้วยความเคารพศรัทธา ต่อพระรัตนตรัย ด้วยใจบริสุทธิ์ที่แท้จริงกันแน่ จะมีประโยชน์อะไร หากเราเลือกสวดแต่เฉพาะในบทที่ตัว เองคิดว่าจะเป็นประโยชน์ หรือเลือกที่จะสวดบทยาวนานหลาย ชั่วโมง โดยที่ใจไม่เป็นสมาธิตั้งมั่น เคยถามตัวเองแล้วหรือยังว่า... “แท้จริง...เราสวดมนต์ไปเพื่ออะไรกัน” สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๗ เดือนเจ็ด ปีเถาะ

ทาน ศีล ภาวนา ธรรมทั้ง ๓ นี้ เป็นรากแก้วของความเป็นมนุษย์ และ เป็นรากเหง้าของพระศาสนา ผู้เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องเป็นผู้เคยสั่งสมธรรมเหล่านี้ มาก่อน อยู่ในนิสัยของผู้จะมาสวมร่างเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติอย่าง แท้จริง คำสอน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แรงบุญ


เรื่องที่ ๔ “สวรรค์” มีสุข แต่ก็มีโทษ ครั้งหนึ่ง...เคยมีพระอรหันต์​์ขึ้นมาแสดงธรรมโปรดเทวดาทั้ง หลายที่มีวิมานอยู่บนสวรรค์ ชี้ให้เห็นถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ของการเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ว่า “ท่านทั้งหลายล้วนแต่มีวิมานที่สวยงาม อาภรณ์ประดับ ประดาไปด้วยแก้วแหวนเงินทอง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นของ ทิพย์ หากแต่ว่าสิ่งเหล่านี้หาใช่ของเที่ยงแท้แน่นอนไม่ สักวันหนึ่ง เมื่อผลบุญหมดลง ก็จำต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารไม่มีวัน จบสิ้น จึงควรปล่อยวางและมุ่งแสวงหาทางหลุดพ้นเถิด” เทวดาทั้ ง หลาย ได้ ยิ น ดั ง นี้ ก็ รู้ สึ ก เสี ย ดายความสุ ข สบาย ความเป็นทิพย์และวิมานที่พวกตนอุตส่าห์เพียรเฝ้าสั่งสมบุญบารมี ตั้งแต่เมื่อครั้งยังมีชีวิต พระอรหันตเจ้าเมื่อทรงแลเห็นดังนั้น จึง แสดงธรรมต่อไปอีกว่า “ท่านทั้งหลายทราบหรือไม่ว่า สวรรค์วิมานที่พวกท่านเสวย สุขอยู่นั้น เป็นทุกข์อย่างยิ่ง” เมื่อเทวดาทั้งหลายได้ยินได้ฟังเช่นนี้ ก็ล้วนแต่แปลกใจ เนื่องจากสวรรค์ที่พวกตนครอบครองอยู่นั้น ล้วน แต่บริบูรณ์ด้วยทิพยสมบัติ เต็มไปด้วยความสุขสบายทุกอย่าง แล้ว จะเรียกว่าเป็นความทุกข์ได้อย่างไร แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเทวดาองค์หนึ่งตอบขึ้นมาว่า

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


16

“ทราบพระเจ้าข้า” “ท่านทราบได้อย่างไรว่าสวรรค์เป็นทุกข์” พระอรหันต์​์เจ้า ทรงถามต่อ “เหตุเพราะว่าสวรรค์ เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการบรรลุ ธรรมเข้าถึงพระนิพพาน” เมื่อท่านได้ฟังดังนั้น จึงถามต่อไปอีกว่า “เหตุใดท่านถึงกล่าวว่าสวรรค์ คือ อุปสรรคในการเข้าถึง พระนิพพาน” “เพราะสวรรค์ปราศจากความทุกข์ มีแต่ความสุขสบาย เมือ่ เป็นสุขอย่างยิง่ เช่นนีแ้ ล้ว เทพเทวดาทัง้ หลายจึงไม่เอาใจใส่ตอ่ การเจริญธรรม เป็นเหตุทำให้ยงิ่ ห่างไกลพระนิพพานพระเจ้าข้า”

คำตอบของเทวดาองค์ นั้ น ทำให้ เ ทวดาทั้ ง หลายที่ นั่ ง ฟั ง ธรรมบังเกิดดวงตาเห็นธรรม มองเห็นความจริงว่า แท้ที่จริงแล้ว ความสุขบนสวรรค์ที่พวกตนหลงใหลนั้น คืออุปสรรคอันใหญ่หลวง ต่อการบรรลุธรรมนั่นเอง... เรื่องดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติธรรมบนสวรรค์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก เนื่องจากมีความสุขสบายเป็นที่ตั้ง ลืมความ ทุกข์จึงไม่แสวงหาทางพ้นทุกข์ ความจริงแล้วเทพเทวดาทั้งหลาย หากตั้งใจจริงก็สามารถปฏิบัติธรรมจนหลุดพ้นได้ หากแต่เมื่อเวลา ที่คนเรามีความสุข ก็มักจะลืมความทุกข์ จนลืมนึกถึงความจริงไป ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๗ เดือนเจ็ด ปีเถาะ แรงบุญ


เรื่องที่ ๕ เทวดากับการบวช นานมาแล้ว มีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง จำวัด บวชเรี ย นมาหลายพรรษาคอยเทศนาธรรมให้ แ ก่ ช าวบ้ า นที่ ม า ทำบุญทั้งหลาย จนกระทั่งวันหนึ่งมีญาติโยมเดินทางมากราบท่าน

ที่วัด พร้อมกับตั้งคำถามว่า “พระคุณเจ้าขอรับ เหตุใดจึงยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในโลก สละตนเพื่อออกบวช” พระคุณเจ้าได้ยินดังนั้น จึงตอบกลับไปว่า “เพราะอาตมาอยากพ้นทุกข์ ไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตาย เกิด” “การที่ ค นเราจะพ้ น ทุ ก ข์ ไ ด้ นั้ น จะต้ อ งทำอย่ า งไรบ้ า ง ขอรับ” “การที่คนเราจะพ้นทุกข์ได้ จักต้องรู้จักน้อมนำหลักธรรมคำ สอนของพระพุ ท ธเจ้ า เข้ า มาใส่ ใจ และนำมาปฏิ บั ติ ฝึ ก จิ ต ให้ หลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย” หลังจากที่สนทนากันได้ระยะหนึ่ง ชายคนดังกล่าวก็กลับไป ที่บ้านของตนพร้อมทั้งครุ่นคิดถึงคำสอนของพระคุณเจ้า จนกระทั่ง ตระหนักได้วา่ การจะปฏิบตั หิ าทางดับทุกข์ทงั้ ๆ ทีย่ งั เป็นฆราวาสอยู่ นั้นคงเป็นไปได้ยาก มีเพียงการบวชเป็นพระสงฆ์ ผู้ละจากทางโลก เท่านัน้ ถึงจะมีทางเป็นไปได้ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


18

เมื่ อ คิ ด ได้ เช่ น นี้ แ ล้ ว ชายคนดั ง กล่ า วก็ ก ลั บ มายั ง วั ด กราบ

พระคุณเจ้าอีกครั้ง พร้อมกับขอบวชเป็นพระสงฆ์สืบทอดพระพุทธศาสนา ตลอดเวลาที่ท่านบวชก็ได้หมั่นสวดมนต์ภาวนา เจริญใน ธรรม รักษาศีลบริสุทธิ์เป็นเวลานานกว่าสิบสองพรรษาจึงบรรลุ มรรคผล สำเร็จเป็นพระอรหันต์​์ ภายหลังท่านได้ขึ้นไปแสดงธรรม โปรดเทพเทวดาบนสวรรค์ เล่าถึงความเป็นมาและอานิสงส์ของการ บวช ที่สามารถทำให้พ้นจากทุกข์ได้ เมื่อเทพเทวดาได้ยินได้ฟังดังนี้แล้ว บางท่านก็บังเกิดจิต ศรัทธาคิดอยากจะออกบวชเช่นนั้นบ้างจึงได้ทูลถามพระอรหันตเจ้า ว่า “หากพวกข้ า พเจ้ า ต้ อ งการบวชเป็ น พระสงฆ์ ส าวกของ พระพุทธเจ้าบ้าง จะได้หรือไม่พระเจ้าข้า” พระอรหันต์​์ทรงตอบกลับไปว่า “ไม่ได้” “ทำไมถึงไม่ได้ละพระเจ้าข้า” เทพเทวดาเอ่ยปากทูลถาม “เพราะผู้ที่จะบวชเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา จำเป็นต้อง มี ก ายเนื้ อ และเป็ น มนุ ษ ย์ เ ท่ า นั้ น ทั้ ง นี้ ก็ เ นื่ อ งมาจากมนุ ษ ย์ม ี พร้อมด้วยขันธ์ทั้งห้า เป็นผู้ที่ประสบทั้งความสุขและความทุกข์ สามารถเข้าถึงหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสสอนถึงความทุกข์ทั้งปวงได้เป็นอย่างดี”

เมื่อได้ยินได้ฟังดังนั้นแล้ว เทวดาทั้งหลายต่างก็ตระหนักถึง ความจริงว่า ถึงแม้นพวกตนจะมีอานิสงส์ผลบุญมากมายสักเพียง

แรงบุญ


19

ไหน ก็ไม่อาจจะบวชเป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าได้เหมือน กับตอนที่ยังเป็นมนุษย์ ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีเทวดาองค์ใดกำลังจะลงมาเกิดกาย เป็นมนุษย์ ต่างก็ตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ว่า “หากแม้นได้เกิดกายเป็นมนุษย์ ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดเป็น ชายและมีโอกาสบวชเป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าด้วยเถิด” เรื่องดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบวชเป็น พระสงฆ์ ที่มีผู้คนจำนวนมากมองเห็นการบวชเป็นเพียงพิธีทาง ศาสนาที่ต้องปฏิบัติสืบทอดต่อๆ กันมา เมื่อมีโอกาสบวชเข้าไปแล้ว ก็ไม่ตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรม ทั้งนี้ คงลืมนึกไปว่า.... ตนโชคดีเพียงใดที่ได้เกิดกายเป็น “คน” สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๗ เดือนเจ็ด ปีเถาะ อ่านสิบรอบ คิดสิบหน ฝึกฝนปัญญา ฉลาดใช้เฉลียวคิด ชีวิตมีธรรม พบสุขเบิกบาน สัมผัสนิพพานน้อยๆ ระหว่างวัน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด



เรื่องที่ ๖ เศรษฐีผู้หวังในบุญกุศล นานมาแล้ว... มีชายเศรษฐีคนหนึ่ง เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติ และ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ใจบุญสุนทาน ชอบสร้างพระพุทธรูปถวายวัดอยู่ เสมอ เศรษฐีคนดังกล่าวเคยได้ยินได้ฟังมาว่า อานิสงส์ที่ได้จากการ สร้างพระพุทธรูปถวายวัดนั้นมากมายเหลือคณานับ ดังนั้นทุกๆ ครั้ง ที่เศรษฐีสร้างพระพุทธรูปถวายวัด ภายในใจก็มักจะนึกถึงผล บุญที่ตนจักได้รับในภายภาคหน้าว่า อานิสงส์ผลบุญที่ตนได้สร้าง เอาไว้ คงส่งผลให้ตนได้เกิดกายเป็นเทพเทวดาชั้นสูงอยู่บนสวรรค์ มีรัศมีเรืองรองยิ่งใหญ่เหนือเทพทุกองค์บนสวรรค์ชั้นฟ้า ภายหลังเมื่อเศรษฐีคนดังกล่าวตายลง อานิสงส์ผลบุญที่เคย ทำเอาไว้ก็ได้ส่งให้ท่านเกิดกายบนสวรรค์สมดังความปรารถนา แต่ ทว่า... วิมานบนสวรรค์ของท่านนั้น เป็นเพียงวิมานที่อยู่ชั้นล่าง สุ ด ของสวรรค์ ทั้ ง หมด และรั ศ มี ก ายของท่ า นก็ ไ ม่ ไ ด้ เรื อ งรอง สว่างไสวดังเช่นที่เคยคาดคิดเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไป ตามที่ท่านเศรษฐีวาดหวังเอาไว้แต่อย่างใด ด้วยความที่วิมานของท่านจัดอยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเทียบ กับบุญกุศลที่ท่านเคยทำเอาไว้เมื่อครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ ทำให้เทวดา ที่เคยรู้จักท่านมาก่อน ต่างรู้สึกสังเวชพากันหัวเราะเยาะ และตั้ง คำถามกับท่านว่า บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


22

“ท่านเศรษฐี เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยสร้างบุญ กุศลเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วน ไฉนเลยจึงมาอยู่ในวิมานชั้นต่ำสุดเช่นนี้ ได้” เทวดาองค์ดังกล่าว ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นอย่างมาก เฝ้าโทษสวรรค์หาว่าไม่ยุติธรรม ทั้งที่ตนเคยสร้างบุญ กุศลเอาไว้นับไม่ถ้วนเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ แต่ผลบุญกลับตอบแทน มาเพียงเล็กน้อย ช่างไม่ยุติธรรมเลย ต่อมาภายหลัง...ท่านได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระคุณเจ้า เรื่องอานิสงส์ของการทำบุญที่เกิดจากใจอันบริสุทธิ์ จึงทำให้รู้ว่า แท้จริงแล้วการสั่งสมบุญกุศลเมื่อครั้งที่ตนยังมีชีวิตอยู่นั้น เป็นเพียง การทำบุญที่ให้ผลเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับผู้ที่ทำบุญด้วยความ ศรัทธาอย่างแท้จริง เรื่องเล่าดังกล่าว จึงเป็นอุทาหรณ์สอนใจมนุษย์ทั้งหลายได้ เป็นอย่างดีว่า การทำบุญแม้จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด แต่หากทำ ด้วยใจที่ไม่บริสุทธิ์ หวังในผลบุญที่ตนควรจะได้รับ อานิสงส์ที่ ได้นั้น เทียบไม่ได้เลยกับคนที่ทำบุญด้วยความศรัทธา แม้ เพียงสตางค์แดงเดียว...

สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๗ เดือนเจ็ด ปีเถาะ

แรงบุญ


เรื่องที่ ๗ ศรัทธาที่แท้จริง สมั ย เมื่ อ ครั้ ง พุ ท ธกาล ระหว่ า งที่ พ ระพุ ท ธเจ้ า ทรงแสดง ธรรมท่ามกลางพระสงฆ์สาวก มีพระสงฆ์สาวกรูปหนึ่งทูลถามเกี่ยว กับการปฏิบัติตนของเหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาว่า “ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลใดกันหรือที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มี ความศรัทธาเลื่อมใส มีความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง” พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความศรัทธาเลื่อมใสในตัวพระตถาคต ก็ คือบุคคลที่เมื่อฟังธรรมของพระตถาคตแล้วตั้งใจน้อมนำไปปฏิบัติ เพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น...

หากแม้นว่ามีผู้ใดทำความเคารพบูชาพระตถาคต ฟัง ธรรมของพระตถาคตทุกเช้าค่ำ หากแต่ไม่นำไปปฏิบัติ บุคคล นั้ น ไม่ อ าจถื อ ได้ ว่ า เป็ น ผู้ ท ี่ ม ี ค วามศรั ท ธา เคารพต่ อ พระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง...”

สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๗ เดือนเจ็ด ปีเถาะ

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


เรื่องที่ ๘ การตักบาตรกับการอธิษฐาน นานมาแล้ว... พระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จ ธุดงค์โปรดไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แห่งนี้เป็นผู้มีอันจะกิน เป็นผู้ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง ทั้งนี้เนื่องจาก คนในหมู่ บ้ า นล้ ว นมี จิ ต ศรั ท ธาเลื่ อ มใสต่ อ พระพุ ท ธศาสนา เมื่ อ ทราบว่ามีพระสงฆ์มาโปรดก็พากันออกมาทำบุญใส่บาตรด้วยความ เคารพ กระทั่งวันหนึ่ง ท่านได้ไปโปรดที่หน้าบ้านเศรษฐีคนหนึ่ง ทันทีที่ชายเศรษฐีคนดังกล่าวแลเห็นพระสงฆ์มาโปรด ก็บังเกิด ความเลื่อมใสยินดีเป็นอันมาก รีบยกสำรับอาหารทั้งคาวและหวาน เพื่อมาใส่บาตรถวาย ภัตตาหารทั้งหมดล้วนแต่เป็นอาหารที่ปรุงขึ้น สดใหม่ และเป็นของที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างประณีต แสดงให้เห็นถึง น้ำใจและความศรัทธาอันบริสุทธิ์ของท่านเศรษฐีที่มีต่อพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ ส าวกขององค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า จึ ง ประทานพรให้แก่เศรษฐีผู้มีจิตศรัทธาว่าให้เป็นผู้มากไปด้วยทรัพย์ สมบัติ ยิ่งกว่าบุคคลใดทั้งหลาย เมื่อชายเศรษฐีได้ยินดังนั้นจึงก้มลง กราบพร้อมกับทูลว่า

แรงบุญ


25

“ข้าพเจ้ามิได้ต้องการทรัพย์สินเงินทองหรอกพระเจ้าข้า” พระคุณได้ยินดังนั้นจึงถามต่อไปอีกว่า “เหตุใดท่านจึงไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทอง”

“อันว่าทรัพย์สินเงินทองนั้น ตัวข้าพเจ้ามีมากมายเพียง พออยู่ แ ล้ ว หากแต่ ส ิ่ ง ทั้ ง หลายตายไปก็ ล้ ว นแต่ เ อาไปด้ ว ยไม่ ได้ . ..สิ่ ง ที่ ข้ า พเจ้ า ต้ อ งการ คื อ การได้ เ ข้ า ถึ ง ซึ่ ง พระนิ พ พาน พระเจ้าข้า”

เมื่อพระสงฆ์ได้ยินดังนั้น จึงอวยพรให้ชายเศรษฐีมีดวงตา เห็นธรรม มีโอกาสเข้าถึงพระนิพพานในภายภาคหน้า หลายปีต่อ มา เศรษฐีคนดังกล่าวก็ได้ตายจากโลกมนุษย์ไปบังเกิดในสวรรค์ และได้มีโอกาสฟังธรรมเข้าถึงพระนิพพานสมดังคำอธิษฐาน... เรื่องเล่าดังกล่าว สอนให้มนุษย์ทั้งหลายได้เข้าใจว่า การใส่ บาตรที่แท้จริงนั้น ถือเป็นการฝึกตนให้มีใจเมตตาเป็นผู้ให้ด้วยใจ บริสุทธิ์ การทำบุญใส่บาตรแล้วอธิษฐานให้ตนเองมีความสุข อยู่ดี กินดีในชาติหน้า จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก ...เมื่ อ ทำบุ ญ ใส่ บ าตรแล้ ว ก็ ไ ม่ ค วรหวั ง ผล ควรหั น มา อธิษฐานขอให้เกิดปัญญา ละวางจากกิเลสทางโลกจะดีกว่า... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๘ เดือนเจ็ด ปีเถาะ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


เรื่องที่ ๙ เทวดากับการใส่บาตร ...จากเรื่องเล่าครั้งก่อน เหล่าเทพเทวดาที่ได้ยินได้ฟังเรื่องอานิสงส์ของการใส่บาตร ก็บังเกิดความเลื่อมใสปรารถนาที่จะได้ทำบุญตักบาตร กับพระสงฆ์ สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน เมื่อพระอรหันต์​์เจ้าเสด็จมาโปรดแสดงธรรมบนสวรรค์ จึงได้พากันทูลถาม ต่อพระองค์ว่า “ข้ า แด่ พ ระองค์ ผู้ เจริ ญ หากเทพเทวดาบางองค์ ขอ อนุญาตทำบุญใส่บาตรผ่านกายเนื้อของมนุษย์บ้าง เช่นนี้ผู้ที่ได้ รับอานิสงส์ผลบุญจักเป็นมนุษย์หรือว่าเทวดาพระเจ้าข้า” พระอรหันต์​์เจ้าได้ยินดังนั้น จึงตรัสตอบว่า “มนุษย์เป็นผู้ได้รับอานิสงส์ผลบุญ” “เหตุใด จึงเป็นมนุษย์พระเจ้าข้า” “เพราะกายเนื้อของมนุษย์ มีผู้เป็นเจ้าของครอบครองอยู่ แล้ว เมื่อทำบุญใส่บาตรเจ้าของจึงควรได้รับอานิสงส์ผลบุญมาก ที่สุด...พวกท่านเพียงแต่เป็นผู้อาศัย ยืมร่างของผู้อื่นโดยที่เจ้าของ ไม่ได้อนุญาต แล้วจะได้บุญกุศลได้อย่างไร” เทพเทวดาจึงทูลถามต่อไปอีกว่า “แล้ ว ถ้ า หากว่ า เจ้ า ของกายเนื้ อ อนุ ญ าตแล้ ว ผู้ ที่ ไ ด้ รั บ อานิสงส์ผลบุญมากที่สุด จักเป็นของมนุษย์หรือเทวดาพระเจ้าข้า” แรงบุญ


27

“ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ดี” “เหตุใดถึงเป็นมนุษย์ล่ะพระเจ้าข้า” พระอรหันต์​์เจ้าทรงตอบด้วยความเมตตาว่า “ถึงแม้ว่ามนุษย์ผู้เป็นเจ้าของร่างจะอนุญาตแล้ว...แต่มนุษย์ ก็ยังเป็นผู้ที่ควรได้อานิสงส์ผลบุญมากกว่าเทพเทวดาผู้อาศัยร่าง อยู่ดี...เนื่องจากการทำบุญทุกอย่างได้จำต้องอาศัยกายเนื้อ ดังนั้นผู้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของกายเนื้อ จึงสมควรเป็นผู้ที่ได้รับอานิสงส์ผล บุญมากที่สุด” เรื่องนี้...ถูกยกขึ้นมาแสดงธรรมบนสวรรค์ และเป็นอีกหนึ่ง เหตุผลที่ทำให้เทพเทวดาต่างลงมาทำบุญสร้างกุศลยังโลกมนุษย์ เนื่องจากเป็นที่ที่มีร่างกายให้อาศัยทำบุญมากกว่าอยู่บนสวรรค์ ซึ่ง บุญที่เทพเทวดาทั้งหลายปรารถนาสร้างบารมีมากที่สุด ก็คือการ บำรุงรักษาและสืบทอดพระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมสลายลงนั่นเอง ทั้งนี้เคยมีผู้ทำนายถึงยุคเสื่อมของศาสนาพุทธ...ในช่วงสอง พันห้าร้อยปี หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ที่ทรงเคยทำนาย เอาไว้ว่าพุทธศาสนาจะสืบทอดยาวนานกว่าห้าพันปี บนสวรรค์เอง ก็มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง โดยมีการกล่าวถึง ยุคที่ผู้ไร้ศีลธรรม ไร้ศาสนาที่จะถูกคัดแยกออกไปจากผู้ที่ มีศาสนาเป็นที่ตั้ง ปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมจรรยา หรืออีกความ หมายหนึ่งก็คือการชำระ การกำจัดออกไป เพื่อให้พุทธศาสนา ดำรงอยู่ได้ถึงห้าพันปี...

สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๘ เดือนเจ็ด ปีเถาะ

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


เรื่องที่ ๑๐ ความไม่เที่ยงของสังขาร สมัยก่อน มีธิดาของเจ้าเมืองผู้ครองนครแห่งหนึ่ง มีสิริโฉม งดงาม พูดจาไพเราะอ่อนหวานอย่างยิ่ง จนเป็นที่หมายปองของ บุรุษมากมาย อยู่มาวันหนึ่ง...พระธิดาได้เสด็จออกจากพระราชวัง เพื่อ ออกเยี่ยมเยียนชาวเมืองที่อยู่ในเขตการปกครองของบิดา ได้แลเห็น หญิงชราคนหนึ่ง ผิวหนังเหี่ยวย่น ผมหงอกขาวโพลน หลังงองุ้ม เดิ น สั่ น งั น งก ภาพของหญิ ง ชราคนนั้ น ทำให้ พ ระธิ ด าเกิ ด ความ สังเวชใจในสังขารที่หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้... หลังจากที่กลับเข้าวัง พระธิดาได้ยืนมองดูเงาตัวเองที่หน้า กระจก พินิจพิจารณารูปโฉมอันงดงามของตนพร้อมกับครุ่นคิดถึง ภาพหญิงชราคนดังกล่าว กระทั่ง...ภาพหญิงสาวผู้งดงามในกระจก แปรเปลี่ยนเป็นหญิงแก่ชราหน้าตาน่าเกลียด ผิวหนังเหี่ยวย่นยืนอยู่ แทนที่ ก็บังเกิดความสลดสังเวชเข้าจับใจ น้ำตาเอ่อไหลออกมาโดย มิทันรู้ตัว พลางครุ่นคิดในใจว่า “แท้จริงสังขารร่างกายที่มองเห็นว่าสวยงามนี้...ก็หาความ เที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลย” เมื่ อ คิ ด ได้ เช่ น นี้ นางก็ รู้ สึ ก ปลงในสั ง ขาร เลิ ก นุ่ ง ห่ ม ด้ ว ย

อาภรณ์ ที่ มี สี สั น สวยงาม หั น มานุ่ ง ขาวห่ ม ขาวแทน ถื อ ศี ล แปด น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติด้วยความตั้งใจ... แรงบุญ


29

ภายหลังบิดาผู้เป็นเจ้าเมืองกลัดกลุ้มใจอย่างมาก เกรงว่า ธิดาของตนจะมุ่งหน้าสู่ทางธรรมจนละวางทางโลก จึงคิดหาทางให้ นางอภิเษกสมรสกับบุรุษรูปงามซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองอื่น ที่สุด นางได้ตัดสินใจปลงผมและหนีเข้าป่าเพื่อออกบวช มุ่ง หน้าปฏิบัติธรรมนานหลายปีจนกระทั่งบรรลุอรหันต์​์.. คำว่า “อรหันต์​์” นั้น มีความหมายว่า “ผู้ไกลจากกิเลส” จึงไม่จำเป็นว่าผู้ที่จะปฏิบัติธรรมจนกระทั่งบรรลุอรหันต์​์ได้นั้น จักต้องเป็นบุรุษเสมอไป

...ในสมัยพุทธกาลหลังจากที่พระพุทธศาสนามีความเจริญ รุ่งเรืองมีบุรุษออกบวชเป็นพระภิกษุมากมาย ภายหลังสตรีผู้มีความ เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อขอบวชเช่นเดียวกับบุรุษ เมื่อพระพุทธองค์ทรงอนุญาตแล้ว ก็มี โอกาสได้บวชและศึกษาพระธรรมเช่นเดียวกับพระภิกษุสงฆ์ทุก ประการ.... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๘ เดือนเจ็ด ปีเถาะ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด



เรื่องที่ ๑๑ นางฟ้าอัปลักษณ์ “บาดแผลทางกายรักษาไม่นานก็หาย...แต่บาดแผลทางใจ รักษานานแค่ไหนก็ยากยิ่ง” นางฟ้าองค์หนึ่ง ผู้มีรูปโฉมอัปลักษณ์แตกต่างไปจากองค์ อื่นๆ เมื่อครั้งแรกที่นางฟ้าองค์นี้อุบัติขึ้นบนสวรรค์ เทพเทวดา นางฟ้าทุกท่านต่างพากันรังเกียจ และพากันหวาดกลัวนางฟ้าองค์นี้ ยิ่งนัก นางฟ้าอัปลักษณ์องค์นี้มีเรือนกายสีดำ ผิวพรรณทราม หน้า ตาคล้ายกับยักษ์ หากแต่รัศมีเรือนกายของนางฟ้าองค์ดังกล่าว สว่างไสวเสียจนทุกองค์ต่างพากันประหลาดใจยิ่ง... จนกระทั่งวันหนึ่ง นางฟ้าอีกองค์รวบรวมความกล้า เข้าไป ถามนางว่า “ท่านนางฟ้า เหตุใดกันเล่าท่านถึงได้มีรูปโฉมที่แตกต่างจาก นางฟ้ า องค์ อื่ น ๆ และเพราะเหตุ ใ ดกั น ...ท่ า นถึ ง ได้ มี รั ศ มี ก าย สว่างไสวเยี่ยงนี้” นางฟ้าอัปลักษณ์จึงตอบกลับไปว่า “เนื่องจากตอนที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่....มีรูปโฉมงดงาม เป็น หญิงสาวที่สวยงามยิ่งนัก แต่ทว่า...ความงามของข้าพเจ้า ได้นำมา ซึ่งความทุกข์ระทม” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


32

นางฟ้าอัปลักษณ์ ได้เล่าถึงความเป็นมาของตนว่า ครั้งหนึ่ง...นางมีชายคนรัก หากแต่ชายคนรักของนางเป็น

ชายที่มีฐานะยากจน ทำให้บิดาของนางไม่ยอมรับเป็นเขย นางเสียอกเสียใจอยู่นาน จนกระทั่งวันหนึ่ง...ชายใจทรามที่ หลงใหลในรูปโฉมของนาง ได้กระทำการอนาจารผิดจารีตประเพณี ทำให้ น างถู ก ดู ถู ก เหยี ย ดหยามจากผู้ ค นทั้ ง หลายที่ ล่ ว งรู้ เรื่ อ ง ดังกล่าว ผู้เป็นบิดาทนรับความอับอายไม่ไหว จึงตัดสินใจยกนางให้ เป็นภรรยาแก่ชายใจทรามผู้นั้นไป... แต่ด้วยความที่เป็นหญิงที่มีรูปโฉมงาม ต้องตาต้องใจบุรุษ อีกมากมายหลายคน ทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิงประหัตประหารฆ่า กั น ตาย จนท้ า ยที่ สุ ด ...นางต้ อ งกลายเป็ น หญิ ง หม้ า ย ถู ก ผู้ ค น ประณามเหยียดหยาม ด้วยความทุกข์ระทมนางจึงตัดสินใจออกบวช ละทางโลก หันหน้าเข้าหาทางธรรม แต่เนื่องจากความที่เป็นคนรูปโฉมงดงาม ถึงแม้นออกบวชแล้ว ก็ยังเกิดอุปสรรคต่อการบวช เพราะอะไรนะหรือ... ก็เพราะรูปโฉมที่งดงาม ก่อให้เกิดกิเลสทางใจแก่ผู้ที่มอง เห็นนั่นเอง หญิงสาวโฉมงามผู้อาภัพทนทุกข์ระทมอยู่นาน กระทั่งถึง ยามที่นางจวนจะสิ้นลม จึงตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ว่า “เกิ ด ชาติ ห น้ า ฉั น ใด ขอให้ ข้ า พเจ้ า เป็ น ผู้ มี ใ บหน้ า อัปลักษณ์ จะได้ไม่มีผู้มารักมาหลงเหมือนเช่นในชาตินี้” แรงบุญ


33

...ด้ ว ยอานิ ส งส์ ผ ลบุ ญ ที่ น างทำเมื่ อ ตอนที่ ยั ง มี ชี วิ ต อยู่ ประกอบกั บ แรงอธิ ษ ฐานก่ อ นสิ้ น ลมหายใจ...ทำให้ น างเกิ ด เป็ น นางฟ้าอยู่บนสวรรค์วิมาน รัศมีกายเรืองรองสว่างไสวด้วยอานิสงส์ คุณความดี แต่ด้วย “แรงอธิษฐาน” จึงทำให้นางมีใบหน้าอัปลักษณ์ นางฟ้าองค์นี้ได้เลือกแล้ว ว่าความอัปลักษณ์ช่วยให้นางไม่ ต้ อ งทุ ก ข์ ร ะทมเหมื อ นดั ง เช่ น ที่ ผ่ า นมา เพราะอย่ า งน้ อ ยความ อัปลักษณ์...ก็ช่วยให้ทุกข์น้อยกว่าความงาม เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง...เพราะความระทมทุกข์ภายในใจ ทำให้ บัดนี้ นางยึดติดอยู่ในความทุกข์จนไม่อาจหลุดพ้นได้ ผู้ที่เล่าเรื่องนี้ คือนางฟ้าที่เคยกล่าวถึงในตอนต้น ที่บังเกิด ความรู้สึกเวทนาสงสารแทนนางฟ้าอัปลักษณ์ ผู้เก็บตัวอยู่ในวิมาน ไม่ยอมออกมานอกวิมานของตน จึงขออนุญาตนำเรื่องราวของ นางฟ้าผู้นี้มาบอกต่อแก่มนุษย์ทั้งหลาย ที่ยังหลงยึดติดอยู่กับรูป โฉมทั้งของตนเองและผู้อื่น โดยลืมนึกถึงความไม่เที่ยงของสังขาร ปล่อยให้ความหลงครอบงำสร้างความทุกข์เวทนาให้แก่ผู้อื่น หวังว่า...อานิสงส์ที่ได้จากการเผยแพร่เรื่องดังกล่าว จะช่วย ให้นางฟ้าอัปลักษณ์ คลายความทุกข์ได้บ้าง... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๘ เดือนเจ็ด ปีเถาะ

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


เรื่องที่ ๑๒ ถวายข้าวพระพุทธให้ได้บุญ การที่ผู้มีจิตศรัทธาจัดสำรับถวายภัตตาหารแด่พระพุทธ ถือ เป็นการสร้างบุญที่มีอานิสงส์มากอย่างหนึ่ง เนื่องจากพระพุทธก็ เปรียบเสมือนตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การ ถวายภัตตาหารแด่พระพุทธนั้น จักต้องถวายด้วยของสะอาดและดี เลิ ศ ...เพราะเมื่ อ เราถวายด้ ว ยสิ่ ง ที่ ดี เ ลิ ศ อานิ ส งส์ ที่ ไ ด้ ก็ จ ะยิ่ ง บริบูรณ์มากเท่านั้น การที่ ม นุ ษ ย์ ถ วายภั ต ตาหารแด่ พ ระพุ ท ธด้ ว ยใจบริ สุ ท ธิ์ อานิสงส์ผลบุญก็ย่อมบริสุทธิ์ตามไปด้วย หากผู้ใดถวายภัตตาหาร แด่พระพุทธด้วยจิตที่นึกเสียดาย แล้วจัดถวายด้วยสิ่งของที่เหลือ จากการรับประทานของคนในครอบครัว อานิสงส์ผลบุญที่ได้ ย่อม ไม่อาจเทียบได้กับผู้ที่ถวายข้าวสุกเพียงก้อนเดียว ด้วยความศรัทธา บริสุทธิ์ใจ

การถวายภัตตาหารแด่พระพุทธ เปรียบได้กับการถวายให้แด่พระพุทธเจ้า... ดังนั้น เมื่อถวายให้แด่พระองค์แล้ว การลาเครื่องถวายลงมารับประทานถือเป็นสิ่งที่ไม่บังควร เมื่อคิดถวายแล้วก็ควรทำด้วยใจบริสุทธิ์ อย่าได้นึกตะกละลามารับประทานภายหลัง

แรงบุญ


35

หลังจากที่ลาภัตตาหารแล้ว ให้นำไปทำทานแก่สัตว์น้อยใหญ่ทั้ง หลายเพื่อประทังชีวิตต่อ เหตุก็เพราะพวกสัตว์นั้นหากินยาก ส่วน มนุษย์นั้นมีอาหารบริบูรณ์พร้อม สามารถเลือกกินได้ทุกอย่าง การทำเช่นนี้...นอกจากจะได้อานิสงส์ผลบุญแล้ว ยังเป็นการ ชำระจิตใจให้สะอาด ละจากความตระหนี่ถี่เหนียว รู้จักให้ทานแก่ สรรพสัตว์น้อยใหญ่ด้วยเช่นกัน.... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๙ เดือนเจ็ด ปีเถาะ

ดีใดไม่มีโทษ ได้สมบัติทั้งปวง เพราะตัวตน

ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เป็นบ่อเกิดแห่งสมบัติทั้งปวง

คำสอน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


เรื่องที่ ๑๓ เทวดากับเครื่องถวาย นับตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณกาลมา มนุษย์บางจำพวกนิยม จัดหาเครื่องถวายแด่เทพเทวดา เพื่อขอพรให้ท่านประทานความ สำเร็จในสิ่งที่พวกตนปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ความรัก เงินทอง ความร่ำรวย ทั้งนี้เครื่องถวายที่มนุษย์จัดหามาก็มีทั้งเครื่อง คาวและไม่คาวปะปนกันอยู่เป็นจำนวนมาก

เครื่องถวายนั้น เทพหลายองค์ยังโปรดของคาว ในขณะที่หลายองค์ไม่โปรดของคาว เลือกรับแต่ของหวาน สำหรับเครื่องถวายที่เป็นของคาวนั้น เทพเจ้าตั้งแต่พระโพธิสัตว์ขึ้นไป ท่านไม่รับเป็นอันขาด ผู้ถวายจึงควรระวังเรื่องนี้เอาไว้ด้วย เรื่องของคาวหรือไม่คาวนี้ เป็นสิ่งที่ต้องดูให้เหมาะสม

อย่างไรก็ดี...เมื่อครั้งที่พระอรหันต์​์เจ้าทรงโปรดแสดงธรรม เคยตรัสถึงเรื่องเครื่องถวายที่มนุษย์จัดหามาถวายเทพ เอาไว้ว่า “การใดก็แล้วแต่ หากมนุษย์เป็นผู้จัดมาถวายก็ให้รับไว้ แต่ เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส หรือมีมนุษย์คนไหนเอ่ยถามกับเทพเทวดา เรื่องเครื่องถวาย แรงบุญ


37

ขอให้ท่านทั้งหลาย...อย่าได้เอ่ยปากขอเครื่องถวายที่เป็นสิ่ง มีชีวิตซึ่งมนุษย์จักต้องไปฆ่า แล้วนำมาถวายให้เป็นอันขาด หาไม่ แล้วบาปทั้งหลายก็จักต้องติดตัวมนุษย์และเทวดาผู้นั้น” การที่มนุษย์เลือกสรรสิ่งที่คิดว่าดีเลิศให้แก่เทพเทวดาถือ เป็นเรื่องที่ดี และบางท่านก็มีนิสัยการโปรดแตกต่างกัน ตัวท่านเอง ในฐานะที่เป็นเทพเทวดาที่ไม่โปรดของคาว ...การที่มนุษย์จัดเครื่องถวายด้วยของสะอาด จำพวกผลไม้ หรือของหวาน ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมดีแล้ว.... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๙ เดือนเจ็ด ปีเถาะ ความมั่งมีศรีสุข จะไม่บังเกิดแก่ผู้ทุจริตสร้างกรรมชั่ว มีมากเท่าไหร่ย่อม หมดไป พ่อแม่ ปู่ย่าตายายที่สร้างบาปกรรมไว้ ผลกรรมนั้นย่อมตกอยู่กับลูก หลานรุ่นหลังให้มีอันเป็นไป ผู้ทุจริตเบียดเบียนรังแกผู้อื่นจะหาความสุขความ เจริญไม่ได้เลย คำสอน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


เรื่องที่ ๑๔ พ่อค้ากับความโลภ เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล มีชายพ่อค้าขายผ้าคนหนึ่ง เดินทางมาจากแดนไกล มา ค้าขายยังเมืองที่พระพุทธเจ้าทรงประทับแสดงธรรมอยู่ พ่อค้ารายนี้ เป็นผู้ขึ้นชื่อเรื่องความตระหนี่ถี่เหนียว ขายผ้าให้แก่ชาวเมืองใน ราคาแพง ทั้งที่ซื้อมาในราคาเพียงไม่กี่อัฐ อยู่มาวันหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงเสด็จมาโปรดสัตว์ และทรง มองเห็นความตระหนี่ถี่เหนียวภายในใจของพ่อค้า จึงตรัสถามเกี่ยว กั บ ราคาผ้ า ย้ อ มฝาดที่ พ ระภิ ก ษุ ส งฆ์ ใช้ นุ่ ง ห่ ม ชายพ่ อ ค้ า แลเห็ น พระพุทธเจ้าทรงมีสง่าราศี น่าจะมีกำลังพอที่จะหาซื้อผ้าย้อมฝาด ได้ในราคาหลายอัฐ จึงล้วงหยิบเอาผ้าย้อมฝาดออกมาจากห่อผ้า พร้อมทั้งเรียกร้องในราคาที่สูงมาก พระพุทธองค์เห็นดังนั้น จึงตรัสถามว่า “ระหว่างทรัพย์สมบัติและความตาย สองสิ่งนี้ อย่างไหน สำคัญกว่ากัน” ชายพ่อค้าตรองในคำถาม แล้วจึงทูลตอบไปว่า “ความตายพระเจ้าข้า” “เมือ่ ตายไปแล้วทรัพย์สมบัตทิ มี่ อี ยู่ เอาไปด้วยได้หรือไม่ได้” “ไม่ได้พระเจ้าข้า” แรงบุญ


39

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า

“ถ้าเช่นนั้นแล้ว...ใยถึงต้องตระหนี่ถี่เหนียว ยึดมั่นถือมั่น ในทรัพย์สมบัติที่เอาไปด้วยไม่ได้ด้วยเล่า”

ครั้นได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้าที่ตรัสถึงความจริงเช่น นี้ ชายพ่อค้าก็บังเกิดความละอายใจ ก้มลงกราบพร้อมกับน้อม ถวายผ้าย้อมฝาดผืนนั้นแด่พระพุทธองค์ด้วยใจศรัทธาบริสุทธิ์ พระพุทธองค์ทรงรับและแสดงธรรมให้พ่อค้าลดละความ ตระหนี่ คลายความยึดมั่นถือมั่นในทรัพย์สินเงินทอง จนกระทั่งชาย พ่อค้าคนดังกล่าวเกิดดวงตาเห็นธรรม กราบทูลขอบวชเป็นพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๑๐ เดือนเจ็ด ปีเถาะ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


เรื่องที่ ๑๕ ผลบุญที่ได้จากการถวายผ้าไตรจีวร นานมาแล้ว... มี ห ญิ ง ชราคนหนึ่ ง หญิ ง ชราผู้ นี้ เ ป็ น ผู้ ที่ เ คยทำกรรมชั่ ว มากกว่ากรรมดี แต่เนื่องจากเคยสร้างบุญด้วยการถวายผ้าไตรจีวร ให้แด่พระสงฆ์หนึ่งผืนด้วยความศรัทธา หลังจากสิ้นอายุขัยตายจาก โลกนี้ไปแล้ว หญิงชราคนดังกล่าวก็ได้ถูกยมทูตพาลงไปยังนรก ผลกรรม ชั่ ว ที่เคยทำเอาไว้ทำให้นางต้องไปรับโทษยังขุมกระทะทองแดง และทันทีที่ยมทูตพาไปยังขุมนรกดังกล่าว ยายชราก็ถูกผลักตกลง ไปยังนรกขุมกระทะทองแดงเพื่อชดใช้กรรมทันที ทว่า ทันใดนั้นเอง....ผ้าไตรจีวรผืนใหญ่แผ่กว้างรองรับร่าง ของยายชราเอาไว้ ทำให้ไม่ต้องตกลงสู่กระทะทองแดงที่กำลังเดือด พล่านอยู่ด้านล่าง ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ยายชราได้เคยทำเอาไว้เมื่อ ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ โชคดีที่หญิงชรามีกรรมชั่วไม่มากนัก หลังจากชดใช้กรรมใน ขุ ม นรกสถานเบาอยู่ ไ ม่ น าน ก็ สิ้ น กรรมและถู ก ส่ ง ไปเกิ ด ยั ง โลก มนุษย์ ทำให้มีโอกาสทำความดี สร้างบุญกุศลต่อไป ผู้ที่ตกนรก ผลบุญใช่ว่าจะช่วยให้รอดพ้นได้ตลอด...และคน บาปส่วนใหญ่ย่อมไม่คิดทำบุญ ตัวอย่างของหญิงชรานั้น เป็นผู้เคย

แรงบุญ


41

ทำกรรมชั่วมาก็จริงแต่ก็ไม่หนักหนาสาหัสมาก ประกอบกับเคย ถวายผ้าไตรด้วยความศรัทธาครั้งหนึ่ง ผลบุญดังกล่าว จึงยังพอช่วย

ให้หญิงชรารอดพ้นจากการตกนรกขุมกระทะทองแดงมาได้ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้ก็บังเกิดคำถามว่า หากผู้ที่ระหว่างมีชีวิตอยู่ เคยทำบุญและสร้างบาปโดยที่ไม่รู้ ว่าอย่างไหนมากกว่า หรือเท่าๆ กัน หลังจากที่ตายไปแล้ว....จักต้อง ไปชดใช้กรรมชั่วในนรกก่อน จึงจะได้ขึ้นสวรรค์หรือไม่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นผู้ที่มีบาปหรือบุญมากกว่ากัน...หาก เป็นผู้ที่มีบุญมากกว่า ใจระลึกถึงแต่ผลบุญที่เคยทำ เมื่อตายลง วิญญาณออกจากร่างก็จะได้ไปสวรรค์ไม่ต้องตกนรก...แต่หากผล บาปมีมากกว่าบุญ ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ผู้นั้นจะนึกถึงแต่บาปกรรม ที่เคยทำ เหตุเพราะทำบุญมาน้อยทำบาปมากจึงต้องตกนรก ...อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ขึ้นสวรรค์แล้วก็ใช่ว่าบาปทั้งหลายจะ หมดไปสิ้นไป จึงต้องคอยสั่งสมบุญบารมีเอาไว้อยู่เสมอ หมั่น ชำระล้างจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง คลาย ความยึ ด มั่ น ในขั น ธ์ ห้ า ภาวนาขอให้ เ ป็ น ผู้ ท ี่ เ ข้ า ถึ ง ซึ่ ง พระนิพพาน”

ทั้งนี้เนื่องจาก “นิพพาน” อยู่เหนือบาปและบุญ...เป็นอิสระ พ้นจากกฎแห่งบาปและบุญทั้งหลายทั้งปวง... สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๑๐ เดือนเจ็ด ปีเถาะ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด



เรื่องที่ ๑๖ ถวายสังฆทานอย่างไรให้ได้บุญสูงสุด เมื่อครั้งที่พระอรหันต์เจ้าโปรดแสดงธรรมอยู่บนสวรรค์ เคย มีเทวดาเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของอานิสงส์ผลบุญ ที่มนุษย์ผู้มีจิต ศรัทธาถวายเครื่องสังฆทานให้แด่พระสงฆ์ว่ามีมากมายเพียงใด พระอรหันต์เจ้าจึงทรงตอบว่า “อานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องสังฆทานนั้นเป็นของดีหรือของเลว...หาก เครื่องสังฆทานที่นำมาถวายเป็นของเลว เป็นสิ่งของที่พระภิกษุสงฆ์ ท่านนำไปใช้แล้วไม่เกิดผลดี ทำให้ท่านระคายเคือง หรือเป็นของที่ มนุษย์ทั้งหลายไม่นำมาใช้ เป็นของเลวกว่าที่มนุษย์ทั้งหลายใช้อยู่ เป็นประจำ อานิสงส์ผลบุญนั้นย่อมไม่มี” เหล่าเทวดาเมื่อได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงทูลถามต่อว่า “แม้แต่ผู้ถวายด้วยใจศรัทธา ก็ไม่ได้บุญหรือพระเจ้าข้า” “แม้ว่าจะตั้งใจถวายก็ไม่ได้บุญ หรือหากได้ก็ได้อานิสงส์ผล บุญเพียงน้อยนิด” พระอรหันต์เจ้าทรงแสดงธรรมต่อไปว่า “แต่หากเครื่องถวายสังฆทานนั้นเป็นของดี...เป็นของดี กว่า หรือดีเทียบเท่ากับของที่มนุษย์ใช้อยู่เป็นประจำ เมื่อพระสงฆ์ท่านนำไปใช้แล้วเกิดผลดี มีความยินดี อานิสงส์ผลบุญนั้น นับว่าประมาณไม่ได้” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


44

เทวดาทั้งหลายจึงพากันทูลถามว่า “สิ่งของที่ควรจัดถวายสังฆทาน สิ่งใดควรมีและไม่ควรมีบ้าง พระเจ้าข้า” “สิ่งที่ควรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์นั้น ประกอบไปด้วยสิ่งของ ๑๓ อย่าง” สิ่งแรกที่ควรมี คือ มีดโกน สิ่งที่สองที่ควรมี คือ รองเท้า สิ่งที่สามที่ควรมี คือ น้ำดื่มสะอาด สิ่งที่สี่ที่ควรมี คือ เครื่องซักล้างผ้าจีวร สิ่งที่ห้าที่ควรมี คือ เครื่องชำระล้างร่างกาย สิ่งที่หกที่ควรมี คือ เครื่องชำระล้างศีรษะ สิ่งที่เจ็ดเป็นต้นไป....แล้วแต่มนุษย์จะจัดหานำมาถวาย แต่ โดยรวมแล้วควรมีทั้งสิ้น ๑๓ อย่าง “ในส่วนของสิง่ ทีไ่ ม่ควรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ได้แก่....อาหาร เครือ่ งรับประทานยามดึก ไม่วา่ จะเป็นเครือ่ งชง เครือ่ งดืม่ บำรุงกำลัง เนื่ อ งจากว่ า สิ่ ง เหล่ า นี้ อ าจเป็ น เหตุ ท ำให้ พ ระภิ ก ษุ ส งฆ์ ต้ อ งอาบั ติ เนือ่ งจากมีกฎห้ามฉันเวลาหลังเทีย่ ง” เรื่องดังกล่าว.... แสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ผลบุญ ที่ได้จากการถวายเครื่อง สังฆทานที่ถูกต้องแด่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งบางครั้งญาติโยมก็เลือกซื้อ เครื่องสังฆทานที่ร้านขายของนำมาจัดไว้เป็นชุด แล้วนำมาถวายแด่ พระภิกษุสงฆ์ โดยไม่ทันได้พิจารณาดูว่าของที่อยู่ข้างใน เป็นของดี

แรงบุญ


45

มากน้อยเพียงใด หลายครั้ง...ที่เป็นของเก่า หมดอายุ หรือเป็นของ ที่ไม่นิยมนำมาใช้กันทั่วไป ทำให้พระภิกษุสงฆ์ท่านนำไปใช้แล้วไม่ เกิดผลดี เกิดการระคายเคือง

ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงควรคำนึงถึงความเหมาะสมให้มาก ไม่ควรเห็นแก่ความสะดวกสบาย ซื้อหาเครื่องสังฆทานจัดชุดไปถวายท่าน เพราะหากของที่อยู่ภายในจัดอยู่ในประเภท “ของเลว” อานิสงส์ผลบุญที่ควรได้...อาจจะกลายเป็น “บาป” โดยไม่รู้ตัว...

สะพานธรรม...ผู้บันทึก วันที่ ๑๐ เดือนเจ็ด ปีเถาะ

โปรดใช้เล่มนี้ให้คุ้มสุดคุ้ม & อ่านแล้ว -> แบ่งกันอ่านหลายท่านนะจ๊ะ

อ่านสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝึกฝนปัญญา พัฒนาการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช้ เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สงบ เย็น สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ปรารถนาให้ทุกครอบครัวมีความสุข

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.