ขอมอบธรรมะเล่มนี้ แด่ ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ......................................................................................
ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล ถึงบิดามารดาครูอาจารย์ คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ
บุญกุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน มีส่วนได้ในกุศลผลของฉัน ขอให้ท่านได้กุศลผลนี้เทอญ.
บทอธิษฐานขออโหสิกรรม
กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม.
กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้า
ได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม ให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้น กลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกัน ตลอดไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณของข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบากเข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอให้มีความสุข สวัสดีมีชัย เสนียดจัญไรและอุปัทวันตรายทั้งหลายจงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอให้สิ่งนั้น จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จเทอญ
นิพพานะปัจจะโย โหตุ
ขัน ปัญญาธรรม อารมณ์
พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
เรียบเรียง : กฤษดา รามัญศรี ออกแบบปก : อนุชิต คำซองเมือง ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา, ธนรัตน์ ไทยพานิช, ชิชกาน ทองสิงห์ รูปเล่ม/จัดอาร์ต : วันดี ตามเที่ยงตรง พิสูจน์อักษร : อรัญ มีพันธ์
คำนำ
เมื่อกล่าวถึงพระเดชพระคุณ พระธรรมสิงห-
บุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) แห่งวัดอัมพวัน หลายคนคงคิดถึงเรื่องที่ท่านสอนปฏิบัติกรรมฐาน ให้ ความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม แต่น้อยคนนักที่จะกล่าวถึง อารมณ์ขันของท่าน นอกจากท่านจะมีวิธีสอนญาติโยมแบบเข้าใจ ง่ายแล้ว อารมณ์ขันของท่านก็ยังมีมากมาย ทำให้ผู้ที่ ฟังท่านเทศน์สามารถเข้าถึงธรรมอย่างอารมณ์ดี ยก ตัวอย่างเช่น เรื่องปลูกเรือนคร่อมตอ ซึ่งได้กล่าวใน หนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องของสามีภรรยาที่ถูกหมอดูหลอก ให้ตั้งศาลเสียเงินมากมาย และได้มาปรึกษาหลวงพ่อ หลวงพ่อกล่าวว่า “ผีมีอยู่ตรงไหน ขุดดูซิ คร่อมตอตะเคียน ไม่เป็นไรนะ คร่อมผีก็ไม่เป็นไร แต่คร่อมตอแหลนี่
รื้อหนีเลย บ้านแตกสาแหรกขาดหมด มันยุให้แตก” สามารถเรียกรอยยิ้มพร้อมกับเตือนสติผู้ฟังได้ หนังสือ “อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม” เล่มนี้ ประกอบด้วยเนื้อหาหลัก ๔ ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ ๑. ๓๔ อารมณ์ขันแฝงข้อคิดธรรมะ ของพระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อ จรัญ ฐิตธมฺโม) รวมรวบโดยโพธินันท์ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่าน อารมณ์ดีแถมได้ปัญญาอีกด้วย ส่วนที่ ๒. บทสวดมนต์สร้างบารมี ประกอบ ด้วยบทอิสว๎าสุ, บทพาหุงมหากาฯ, บทอิติปิโสเท่าอายุ บวกหนึ่ง, คาถาศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ รวมถึงแนะนำวิธีการ สวดมนต์ให้ได้บารมี ๑๐ ส่วนที่ ๓. วิธีเจริญกรรมฐานแก้กรรม ตาม แบบฉบับของพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) ส่วนที่ ๔. วิบากกรรมเมื่อผิดศีล กล่าวถึงผล ของการผิดศีล ๕ ข้อ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อท่านอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วจะเกิดปัญญา และนำคำสอนของท่านไปปฏิบัติ ในชีวิตประจำวันสืบไป กฤษดา รามัญศรี โปรดใช้เล่มนี้ให้คุ้มสุดคุ้ม & อ่านแล้ว -> แบ่งกันอ่านหลายท่านนะจ๊ะ
อ่านสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝึกฝนปัญญา พัฒนาการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จิตมีสติสัมปชัญญะ รู้เท่าทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช้ เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สุข สงบ เย็น เฉกเช่นพระนิพพาน สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ปรารถนาให้ทุกครอบครัวมีความสุข
สารบัญ อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม
- เรียนเลยไปหมด - ความขลังของอาจารย์ เป็นความคลั่งของศิษย์ - รู้อะไรไม่เท่ารู้จักเอาตัวรอด - คาถาสำคัญ - เหยียบดินวัด - ปวดหนอ ไม่หายหนอ เปลี่ยนหนอ ! - จะให้คอหักอีกหรือไง ? - จนน้ำใจ จนปัญญา จนความดี ทรัพย์เคลื่อนที่หนีไปหมด - ลดห้าว่าง - ความดีเหมือนเชื้อสาโท เป็นเหล้าได้ - ทำดีมีคุณ บุญบันดาล - น้ำซึมบ่อทราย - มีเวลาทำชั่ว แต่ไม่มีเวลาทำดี - เจริญกรรมฐานให้เห็นตัวเอง ไม่ใช่ให้เห็นสวรรค์วิมาน - ปลูกเรือนคร่อมตอ - ยุบหนอ ! พองหนอ ! คาถาเรียกสามี - มัวแต่ชมบุญเขา - พระอยู่ที่ใจ ใช่ที่วัด
๘ ๑๒ ๑๓ ๑๘ ๒๒ ๒๔ ๒๗ ๒๘ ๓๓ ๓๗ ๓๙ ๔๔ ๔๗ ๔๘ ๕๐ ๕๒ ๕๖ ๕๙
- แก้วสารพัดนึก - ให้กุศลผุดขึ้นเองในใจตน - พรพระที่ท่านให้ เพื่อนำไปพัฒนาตน - แย่งกันบิณฑบาตที่บ้านสาวๆ - ครองรักครองเรือน - วิทยาศาสตร์ทางจิต - เก็บอารมณ์ - หกเขยหน้าโง่ สู้สังข์ทองไม่ได้ - เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง - เขามาวัดอัมพวันกันทำไม ? - สร้างกรรมดีต้องมีอุปสรรค - ทำดีให้ได้ดี - อริยทรัพย์ - โลกียทรัพย์ - บัญญัติชีวิต - นึกว่าด่ากู - อรเห ไม่ใช่อรหันต์ สวดมนต์สร้างบารมี - อานิสงส์ของการสวดมนต์ - สวดพุทธคุณแก้เคราะห์ได้ - คาถาศักดิ์สิทธิ์ นำชีวิตให้เป็นสุข - บารมี ๑๐ ที่เกิดจากการสวดมนต์ วิธีเจริญกรรมฐานหลังสวดมนต์ วิบากกรรมเมื่อผิดศีล
๖๔ ๖๗ ๗๑ ๗๕ ๗๗ ๘๗ ๙๒ ๙๕ ๙๗ ๑๐๐ ๑๐๓ ๑๐๘ ๑๑๐ ๑๑๓ ๑๑๖ ๑๑๗ ๑๑๙ ๑๒๐ ๑๒๑ ๑๔๔ ๑๔๙ ๑๕๔ ๑๕๘
อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม เรียนเลยไปหมด
มัวเรียนสิ่งไม่ควรเรียน ไม่มุ่งเรียนสิ่งที่ควรเรียน จึง ไม่รู้สิ่งที่ควรรู้ สมัยเป็นพระหนุ่ม บวชได้ ๓ พรรษา หลวงพ่อจรัญ ฐฺิตธมฺโม คิดอยากเรียนวิชายืดเหรียญเป็นหวย ๓ ตัว กับ
พระป่ารูปหนึ่ง เมื่อเข้าไปกราบท่านว่า “กระผมใคร่จะมาเรียนวิชายืดเหรียญ กระผมทราบ จากชาวกรุงเทพฯ อยากจะยืดเหรียญเป็นหวย ๓ ตัว” “คิดว่าผมยังอยู่ในทางโลก เป็นพระภิกษุใหม่ อยาก จะมาเรียนยืดเหรียญ เพื่อไปให้โยมรวยสักหน่อย จะได้ไป แทงหวย” (ฮา) หลวงพ่อพระป่าไม่พูดอะไรเลย นั่งนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยิน อะไร
อ่านให้รู้ รู้แล้วลงมือทำ ทำ ทำ ทำเท่านั้น จึงจะเป็นสุข
สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ ใจใคร ใจเขา อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน ที่พึ่งของตนที่ดีที่สุด คือ ความดี คิดดี ทำดี พูดดี สิ่งดีๆ จะตามมา พาพ้นทุกข์ สุขทุกขณะ สาธุ สาธุ สาธุ
8
อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ผมมาขอ ศึกษาธรรมครับ หลวงพ่อ
หลวงพ่อจรัญ กราบเรียนท่านใหม่ว่า “พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพ ผมเป็นพระภิกษุ นวกะ เพิ่งบวชได้ที่พรรษา ๓ แล้วก็ยังอยากจะมาเรียนมาศึกษา ทางธรรม” หลวงพ่อพระป่าก็ยังเฉยอีก ท่านเปลี่ยนคำพูดใหม่
อีกทีว่า
“กระผมยังเป็นภิกษุนวกะ ยังไม่รู้ทางธรรม ข้อปฏิบัติ ข้อสัตย์ เจริญสมาธิภาวนา ก็อยากจะมากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แนะแนวทางบ้างครับ”
คราวนี้หลวงพ่อพระป่าลืมตาขึ้นมา ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ดีแล้ว อุตส่าห์สนใจธรรม” หลวงพ่อจรัญ ถามว่า “จะมีแนวอย่างไรครับ ?” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
9
พระป่ากลับถามว่า “คุณรู้ไหมพระพุทธเจ้าสอนอะไร ?” “ไม่ทราบครับ” หลวงพ่อจรัญตอบ “ไม่ทราบ แล้วบวชมุ่งมาทำอะไรอยู่ล่ะ บวชมุ่งอยู่ที่ ไหนล่ะ” พระป่ารุกใหญ่ “ก็เรียนนวโกวาท เรียนธรรมะ เรียนวินัยครับ” “อย่าลืมนะ เรียนหมดเลย เรียนเลยไปหมด รู้มากไป คุณรู้มากก็ใช้ไม่ได้เลย เธออย่าลืมนะว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร สอนทุกข์และวิธีดับทุกข์ ท่านสอนอะไรอีกรู้ไหมคุณ” “ไม่ทราบครับ” (ฮา) “เอาละจะบอกให้ ท่านสอนไม่ให้เบียดเบียนตน สอน ไม่ให้เบียดเบียนคนอื่น พร้อมไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย” หลวงพ่อจรัญนั่งเงียบ พระป่าสอนต่อไปว่า ที่คนเราทุกข์ เป็นเพราะอะไรนะ ?
“หาที่มาของทุกข์ ให้ได้ ศึกษาข้อนี้ ในตัวเรา มีอะไร มีทุกข์ หาที่มาของทุกข์แล้วปฏิบัติ วิธีปฏิบัติอย่างไรหรือ ศีล สมาธิ ปัญญา”
10 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
พอมาถึงตรงนี้ หลวงพ่อจรัญนึกได้ว่า “อือ ! ไอ้นี่เราก็เรียนมานี่...โถ่ ! แค่นี้เองหรือ เรานึกว่า จะมีอภินิหารมากกว่านี้ ดีกว่านี้ เราก็เรียนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา” นึกคิดอยู่อย่างนั้น พระป่าท่านจะรู้วาระจิตหรือไร
ไม่ทราบ ท่านชี้หน้าเลย แล้วดุเอาว่า
“คุณมันอย่างนี้ เรียนเลยไปหมด ไอ้ที่จะทำ ไม่ทำ เสือกผ่านเอาที่ ไม่ ได้ความ ไอ้ที่ ได้ไม่เอาไป เอาไอ้ที่ ไม่ ได้ ไอ้ที่จริงไม่ชอบ ไปชอบเอาที่ ไม่จริง” (ฮา)
พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง ไม่มีทานใดจะยิ่งใหญ่และมีอานิสงส์มากเท่า เพราะการให้ทานด้วยธรรมะ เป็นการช่วยคนให้มีปัญญา ให้เป็นคนดี พ้นทุกข์ มีสุข จึงควรให้ธรรมทาน
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
11
ความขลังของอาจารย์ เป็นความคลั่งของศิษย์ เคารพรักครูบาอาจารย์ ต้องปฏิบัติตามคำสอน น้อม คุณธรรมมาปฏิบัติ มิใช่นิยมในความขลังจนเกิดความคลั่งไคล้ ในการพูดคุยกับพระป่าตามที่กล่าวมาแล้วในเรื่องก่อน หลวงพ่อจรัญ ซึ่งเป็นพระหนุ่มในสมัยนั้นก็มองเห็นว่าพระป่า รูปนี้ท่านแหลมคมนัก จึงเกิดความเลื่อมใสใคร่จะฝากตัวเป็น ศิษย์ “พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ กระผมขอถวายตัว เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อนะ”
พระป่าท่านไม่อยากรับใครเป็นศิษย์ อีกอย่างหนึ่งท่านคงเห็นว่า ผู้คนมักนิยมคลั่งไคล้อาจารย์ จนเลยเถิดไป ท่านจึงดุเอาว่า “ความขลังของพระอาจารย์ แต่ย้อนกลับไปเป็นความคลั่งของศิษย์คือเธอ” (ฮา)
12 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
รู้อะไรไม่เท่ารู้จักเอาตัวรอด เฮ้อ ! จบสูง มีประสบการณ์ ทำไมยังตกงานนะ
ความรู้เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต ท่านครูกลอนสุนทรภู่ ได้กล่าวไว้ว่า รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี แต่แปลกใจที่เดี๋ยวนี้ คนเรายิ่งรู้ก็ยิ่งเละเทะ มีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด
สมัยเป็นพระหนุ่ม บวชได้ ๒-๓ พรรษา หลวงพ่อจรัญ คิดจะสึกท่าเดียว แต่ลูกผู้ชาย ก่อนจะสึกหาลาเพศไปเป็นฆราวาส ควร มีวิชาติดตัว โดยเฉพาะของดีสำหรับบุรุษ ของดีสำหรับบุรุษก็คือ คาถาจีบผู้หญิง เพื่อจะขอคาถาจีบผู้หญิงก่อนสึก หลวงพ่อจรัญสมัยนั้น จึงได้ขึ้นรถไฟไปหาหลวงพ่อเดิม ที่วัดหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อไปอยู่กับหลวงพ่อแล้ว ท่านก็ปฏิบัติ รับใช้ด้วยหวังจะได้ของดี บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
13
วันหนึ่ง จึงได้บอกกับหลวงพ่อเดิมว่า “หลวงพ่อครับ ! ผมจะมาสึกครับ ขอคาถาจีบผู้หญิง สักบทหนึ่ง ผมไม่สนใจจะบวชเป็นพระ” หลวงพ่อเดิมท่านทำเฉย พระจรัญ (หลวงพ่อจรัญ
สมัยหนุ่มๆ) เฝ้าปรนนิบัติบีบนวดหลวงพ่อเดิมอยู่หลายเดือน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้คาถาอะไรเลย อีกวันหนึ่งจึงกราบเรียน หลวงพ่อว่า “หลวงพ่อขอคาถา ก่อนจะทดลอง” คราวนี้หลวงพ่อตอบว่า
“จำนะอย่าจด เพราะคาถาเทวดา ห้ามจด คาถาพระพุทธเจ้า ห้ามจด หนึ่งอย่าเป็นสอง หนึ่งอย่าเป็นสอง ถ้าเป็นสองเป็นสามไม่มีใครนิยม”
รุ่งขึ้นเป็นวันพระ มีอุบาสกอุบาสิกามาทำบุญมากมาย หลายคน พระจรัญจึงท่องคาถาทดลอง “หนึ่งอย่าเป็นสอง หนึ่งอย่าเป็นสอง” พวกสาวๆ ฟังแล้ว คิดว่าพระจรัญเพี้ยนไปเสียแล้ว
จึงบอกว่า “หลวงพี่เมื่อวานยังดีอยู่นี่นา วันนี้เป็นอะไรไปหรือ” (ฮา) 14 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ไปทดลองกับผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่ง ผู้หญิงกลุ่มนี้ก็เข้ามา บอกว่า “นี่ท่าน ต้มยาฉันเสียบ้าง ท่านนี้เป็นเอามากแล้ว ฉัน สังเกตเห็นตั้งแต่เช้าแล้ว” (ฮา) อยู่กับหลวงพ่อเดิมมา ๓ เดือน ยังไม่ได้สึก เพราะ หลวงพ่อไม่ยอมสึกให้ วันหนึ่งเมื่อนวดไปนวดมาจึงได้โอกาส บอกกับหลวงพ่ออีกครั้งว่า “หลวงพ่อครับ ! ผมจะสึกแล้วครับ ผมไม่มีศรัทธา จริงๆ” หลวงพ่อเดิมลุกขึ้นนั่ง แล้วกล่าวว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันดูเธอมา ๓ เดือนกว่าแล้ว เธออย่าสึกเลย สึกไม่ได้แน่เชื่อผู้ใหญ่ไว้ซิ ฉันจะให้เธอเรียน วิชาคชศาสตร์” พระจรัญอยากสึกท่าเดียว จึงเรียนหลวงพ่อว่า “ผมไม่เรียนนะครับ เนตรช้างไม่มีแล้ว” หลวงพ่อเดิมจึงดุว่า “ผู้ใหญ่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าจองหอง ผู้ใหญ่เขารู้ดี กว่าเธอ ผู้ใหญ่รู้การณ์ไกล เอาวิชาคชศาสตร์ไป” ตระกูลของหลวงพ่อเดิมตั้งแต่บรรพบุรุษ เป็นตระกูล ต่อช้างป่ามาถวายสมเด็จพระนเรศวรในสมัยกรุงศรีอยุธยา
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
15
หลวงพ่อเดิมอยากให้พระจรัญเรียนวิชาคชศาสตร์ อัน เป็นวิชาเดียวกับการต่อช้างจับช้าง ซึ่งตระกูลของท่านได้เรียน และประกอบเป็นอาชีพมานานตั้งแต่บรรพบุรุษในสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยท่านเอง ในที่สุด พระจรัญจึงต้องอยู่เรียนวิชาคชศาสตร์กับ หลวงพ่อเดิม
แต่ก่อนจะเรียนวิชาคชศาสตร์ ต้องเรียนวิชากสิณก่อน วิชากสิณเป็นการเรียนเพ่งวัตถุ เพื่อจูงจิตใจให้เป็นสมาธิ ซึ่งมีหลายอย่างด้วยกัน มีการเพ่งดิน, น้ำ, ไฟ, ลม, สีเขียวคราม, สีเหลือง, สีแดง, สีขาว, แสงสว่าง และอากาศ (ที่ว่างเปล่า) เรียนอยู่ ๓ เดือน ก็จบหลักสูตร
หลวงพ่อเดิมแนะว่า “ท่านจะต้องเดินธุดงค์ จะไปพบช้างแน่แล้วจะต้องได้ ใช้วิชานี้แน่นอน” 16 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
“มีเสือ ๑๐ ตัว กับตัวเดียว อย่างไหนดีกว่ากัน ถ้าไม่ใช้ เก็บไว้ก่อน ถ้าเวลาจำเป็นต้องใช้ จะไปเอาที่ไหน” “รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม รู้อะไรไม่เท่ากับเอาตัวรอด เป็นยอดดี” ความรู้ ถ้ามีโอกาสก็ควรจะเรียนรู้ไว้ อย่าปล่อยเวลา ให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ คนเรียนรู้มากเหมือนคนมีข้าวของใช้เหลือเฟือ จะหยิบ จะใช้เมื่อไรก็สะดวก ง่าย คนไม่เรียนรู้อะไรเหมือนคนขาดแคลน ไม่มีข้าวของใช้ เมื่อเกิดความจำเป็นจะหยิบฉวยอะไรไม่ได้เลย ต้องใช้สมาธิ
แต่ข้อสำคัญ เมื่อเรียนรู้อะไรไว้มากๆ ต้องนำมาประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์สุขอย่างเต็มที่ อย่าเป็นคนประเภท ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
มาประยุกต์กับ การทำงาน พุท โธ
บางคนเรียนสูง จบปริญญาโท แต่พอเกิดปัญหาชีวิต กลับคิดฆ่าตัวตาย เอาปืนจ่อหัวตัวเอง ลั่นไกเปรี้ยง ! ก็ตาย
ซิครับ อย่างนี้เขาเรียกว่า ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
17
คาถาสำคัญ คนจริง คนพูดจริง ทำจริง พูดจริง ทำจริง ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนรักใคร่นิยมยกย่อง ไม่ว่าจะทำการใดก็สำเร็จประโยชน์
ต่อมาพระจรัญ (หลวงพ่อจรัญสมัยเป็นพระหนุ่ม) ได้มา พำนักอยู่ที่วัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) เพื่อเรียนวิชากับหลวงพ่อสด โดยตั้งใจไว้ว่าได้วิชาแล้วก็จะสึกออกไปเป็นฆราวาส ได้เรียน กรรมฐาน ศีล ๕ การบริกรรมว่า “สัมมา อะระหัง” นาน
๖ เดือน ก็ไม่ค่อยได้อะไรสักเท่าไร จึงกราบลาหลวงพ่อสด
จะกลับสิงห์บุรี ระหว่างเดินทาง พระจรัญได้ขึ้นรถเมล์ ยืนสะพายย่าม ถือร่มคันหนึ่ง ไม่มีใครลุกให้นั่ง จึงยืนเจริญกรรมฐาน บริกรรม ว่า “สัมมา อะระหัง สัมมา อะระหัง” อยู่นานเป็นชั่วโมง จิต เกิดสมาธิ เข้าถึงสมถะ มีใจมั่นคงไม่หวั่นไหว จึงกลับมาหา หลวงพ่อสดแล้วเล่าให้ท่านฟัง หลวงพ่อสดอนุโมทนา ยะถา สัพพี ให้แล้วให้พระจรัญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร 18 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
พระจรัญจึงอยู่กับหลวงพ่อสดต่อมาอีก วันหนึ่งได้ถาม หลวงพ่อสดถึงคาถา “หนึ่งอย่าเป็นสอง” ที่ท่านได้มาจาก หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อสดรู้จึงกล่าวเนื้อความคาถาเต็มๆ ว่า “ครองรักครองรส พจนานิพนธ์ ฝากไว้เป็นยุบลคาถา เสกพระคาถาหนึ่งอย่าเป็นสอง” แล้วท่านได้อธิบายคาถา
“หนึ่งอย่าเป็นสอง” หมายถึง ให้มีวาจาสัตย์ ซึ่งเป็นวาจาที่ไม่ตาย ถ้าเธอพูดจริงทำจริงแล้ว ผู้ชายก็รัก ผู้หญิงก็รัก ผัวก็รัก เมียก็รัก ลูกก็รัก ใครๆ ก็รัก พูดแล้วอย่าทิ้งคำพูด”
คนที่มีวาจาสัตย์ พูดอะไรไม่บิดพลิ้ว พูดแล้วรักษา
คำพูด เป็นคนจริงจัง ไม่เหลาะแหละโลเล ย่อมเป็นที่รักของ คนโดยทั่วไป ที่วัดปากน้ำ พระเณรเรียนหนังสือปฏิบัติธรรมกันอย่าง จริงจัง โดยไม่ต้องพะวงเรื่องอาหารการขบฉัน เพราะวัดมี
โรงครัวทำอาหารเลี้ยงทั้งเช้าทั้งเพล บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
19
เวลาข้าวของในโรงครัวหมด หัวหน้าคนครัวก็จะมาบอก หลวงพ่อสด วันหนึ่งของหมด หัวหน้าคนครัวมารายงานหลวงพ่อสด หลวงพ่อสดไม่พูดอะไร รุ่งขึ้น ของที่ว่าหมดก็มีญาติโยมจาก ถิ่นหนึ่งขนเอามาถวาย พระจรัญถามหลวงพ่อสดว่ามีคาถาอะไร จึงข้าวของ เข้าสู่วัดอยู่ตลอดเวลา หลวงพ่อสดบอกว่า คาถาเป็นเพียงสะพาน ให้จิตก้าวข้ามไปสู่ ความสงบนะครับ
“คาถามันไม่ขลัง คาถานี่มันเป็นบทภาวนา ทำให้จิตข้ามฟาก เป็นสะพานเท่านั้น พอข้ามแล้ว ไม่มีคาถา คาถานี้มันไม่ขลังหรอก มันขลังที่จิตใจมันถึง ถ้าจิตใจไม่ถึง ใช้ไม่ ได้”
พระจรัญถามว่า “ผมมาอยู่ที่นี่ ๖ เดือน เดี๋ยวแบกข้าวสาร เดี๋ยวแบก มะพร้าว เดี๋ยวเงินก็ไหลมา กับข้าวก็มีไม่รู้จักหมดจักสิ้น เป็น เพราะอะไร ?” 20 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
หลวงพ่อสดตอบว่า
“ทำใจให้มันงอก ถ้าใจงอก จิตงอก จิตไม่หดแล้ว เงินไหลนองทองไหลมา ถ้าใจหด เงินไหลออกทองไหลออก”
คำสอนสำคัญอันหนึ่งที่หลวงพ่อสดกล่าวกับพระจรัญ
ก็คือ “ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด เราไม่หวง เราไม่อด หมด มาเรื่อยๆ” คำสอนนี้ หลวงพ่อจรัญได้นำมาใช้ที่วัดอัมพวันจนถึง เดี๋ยวนี้ เพราะเหตุนี้วัดอัมพวันจึงเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน เอ้า ! จำกันให้ดี คาถาสำคัญ
“ยิ่งให้ ยิ่งหวง เราไม่หวง หมด
ยิ่งได้ ยิ่งอด เราไม่อด มาเรื่อยๆ”
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
21
เหยียบดินวัด เป็นหนี้สงฆ์ ไม่ชำระ จะเป็นบาปติดตัว นะครับ
อันของวัดของสงฆ์จะนำไปบ้านย่อมไม่ควร ใครขืน กระทำ นำของวัดของสงฆ์ไปเป็นของตน ย่อมได้รับบาปเวร คุณยายของหลวงพ่อจรัญเป็นคนใจบุญสุนทาน ทำบุญ ที่วัด ใส่บาตรที่บ้านเป็นประจำ
เวลาที่คุณยายไปวัด หาบของทำบุญไป ก็จะหยิบเอาก้อนดินใส่กระบุงไปด้วยข้างละ ๓ ก้อน ไปถึงวัดแล้วก็จะให้เด็กชายจรัญ (หลวงพ่อจรัญในสมัยเป็นเด็ก) เอาก้อนดินไปโยนไว้ตรงที่มันเป็นหลุมเป็นบ่อ ในบริเวณวัด ยายบอกได้บุญดี
แต่เจ้าหลานชาย (จรัญ) ซึ่งค่อนข้างดื้อกลับบอกว่า “คนอื่นเขาไม่หาบดินไปวัดกันหรอก มีบ้านเราบ้านเดียว อายเขาตาย” 22 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ยายสอนว่า “เราไปวัดเหยียบดินติดเท้ามานี่...เป็นบาป เป็นหนี้สงฆ์มาก เป็นบาป...”
ยายว่าอย่างนั้น แล้วไม่ได้อธิบายขยายความให้กว้างขวางออกไปอีก หลวงพ่อจรัญกล่าวว่า “แต่แกก็ไม่ได้อธิบาย เขาเล่ากันมาอย่างนี้ แกก็จำมา อย่างนี้ ก็ทำมาอย่างนี้ ไม่เหมือนคนเดี๋ยวนี้ ว่าไม่บาป บาปได้ ยังไง เหยียบแค่นิดเดียว พระก็ถมเอาเองซิ นี่คนรุ่นใหม่” (ฮา) วันนี้ วันพระเหรอ ช่างเถอะ เมาดีกว่า
ไม่รู้จักละบาป เพิ่มบุญ ช่างน่าสงสาร จริงๆ
หนังสือเล่มนี้ เมื่ออ่านแล้วโปรดแนะนำแบ่งปันให้ผู้อื่นได้อ่าน เพื่อเป็นการบำเพ็ญทานบารมีแก่ตนเองให้มีสุข ตัดเวรกรรมให้หมดสิ้นโดยเร็ว...สาธุ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
23
ปวดหนอ ไม่หายหนอ เปลี่ยนหนอ ! ผู้มีประสบการณ์ในการเจริญกรรมฐานย่อมมีเทคนิค วิธีสู้กับความเจ็บป่วยได้ไม่ยาก แต่ผู้ไม่มีประสบการณ์ หรือ มีประสบการณ์น้อย ก็ยากที่จะสู้กับทุกขเวทนาทั้งหลาย คราวหนึ่ง หลวงพ่อจรัญไปเทศน์ที่ค่ายจิระประวัติ ค่าย ทหารในจังหวัดนครสวรรค์ ตอนนั้นหลวงพ่อจรัญกำลังอาพาธ หมอก็ห้ามไม่ให้ไปไหน แต่เขานิมนต์ไว้แล้ว จะไม่ไปก็จะเสีย ศรัทธา ก่อนจะไป หลวงพ่อจรัญก็เจริญกรรมฐานแล้วกำหนด พิจารณาว่า “ปวดหนอ ปวดหนอ” ท่านบอกว่า
“เอาเวทนาฝากไว้ก่อน ฝากไว้กับเสาก็ได้นะ แล้วก็ไปได้ ไม่เป็นไรหรอก... ปวดหนอ ปวดหนอเนี่ย ฝากไว้แล้วก็ไป ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นไม่ป่วย แยกเวทนาออกเป็นสัดส่วน แล้วก็ฝากไว้ซะทำนองนี้...”
24 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ฝากไว้อย่างนี้แล้วหลวงพ่อก็ไปเทศน์ได้สบาย ไม่มี ปั ญ หาอะไร นี่ แ หละผู้ ป ฏิ บั ติ ธ รรมจนเข้ า ถึ ง ธรรมจะไม่ มี ปัญหาทางกาย หรือมีก็น้อยมาก หลวงพ่อนำเรื่องนี้มาเล่า แล้วท่านก็ถามญาติโยมที่มา ปฏิบัติธรรมกันที่วัดว่า “ปวดหนอ ปวดหนอ หายปวดไหม ตั้งแต่มาที่นี่ ?” โยมผู้หญิงคนหนึ่งตอบว่า “ปวดหนอ แต่ไม่หายปวดเจ้าค่ะ” (ฮา) หลวงพ่อถามต่อไปว่า
“ยิ่งปวดหนักใช่ ไหม ยิ่งหนักยิ่งกำหนดหนักเข้าไป ตายก็ให้ตาย ต้องอย่างนั้น เดี๋ยวปวดหนอ ปวดหนอ โอไม่หาย เลิกหนอ เลิกหนอ อย่างนั้นไหม ?”
ปวดหนอ ปวดหนอ ปวดหนอ
(ฮา) โยมคนเดิมตอบว่า “ยังไม่ถึงขั้นเจ้าค่ะ”
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
25
หลวงพ่อกล่าวว่า “ยังไม่ถึงขั้นเลิกหนอหรือ งั้นก็ไปได้ซิ ไปได้” คุณโยมคนดังกล่าวว่า “เปลี่ยนหนอเจ้าค่ะ” (คงหมายถึงเปลี่ยนอิริยาบถ) หลวงพ่อกล่าวเสริมว่า
“อ๋อ ! เปลี่ยนหนอ เออ ! มีเปลี่ยนหนอเหมือนกัน เดี๋ยวปวดหนอ ปวดหนอ โอ๊ย ! ทนไม่ ไหวแล้วหนอ (ฮา) เปลี่ยนหนอ เปลี่ยนหนอ เปลี่ยนหนอ (ฮา)
เปลี่ยนหนอ เปลี่ยนหนอ เปลี่ยนหนอ
เอ้า ! ก็พอไป พอไปได้ แต่อย่าเปลี่ยนบ่อยนักนะ เดี๋ยวจะเคย (ฮา) ใหม่ๆ นี่ ได้ แต่หนักเข้าอย่าเปลี่ยนบ่อยนักนะ เดี๋ยวเคยชิน...”
26 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
จะให้คอหักอีกหรือไง ? ไม่จำเป็น ไม่เข้า เข้าเมื่อจำเป็น เมื่ออายุได้ ๔๙ ปี หลวงพ่อจรัญถูกรถชนคอหักจนหมุนได้ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลิดสิน คุณหมออาจารย์ประดิษฐ์ บอกว่า “มีหลวงพ่อ (จรัญ) องค์เดียวในโลก ที่คอหักหมุนได้ แล้วไม่ตาย ยังพูดได้อีกด้วย” หลวงพ่อจรัญต้องหายใจทางสะดือถึงขนาดนั้น แต่ก็ กลับฟื้นขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ พวกนางพยาบาลที่ดูแลหลวงพ่อมีความสุขสนุกกันมาก ที่หลวงพ่อป่วยมารักษาที่นั้น เพราะได้เป็นลูกศิษย์กินอาหาร ที่ญาติโยมนำมาถวายหลวงพ่อจนอิ่มหนำสำราญไปตามๆ กัน เมื่อหลวงพ่อจะกลับ นางพยาบาลกล่าวกับหลวงพ่อว่า
“หลวงพ่อมาอีกซิ หลวงพ่อมาอยู่ที่นี่ ไม่อดเลย” หลวงพ่อจรัญตอบว่า “โอ้โฮ ! มันเข็ดแล้ว จะให้คอหักอีกหรือไง” (ฮา)
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
27
จนน้ำใจ จนปัญญา จนความดี ทรัพย์เคลื่อนที่หนี ไปหมด ของดีย่อมจะอยู่กับคนดี คนไม่ดีมีของดีไว้ก็ครอบครอง ได้ไม่นาน จะต้องพลันมลายหายสิ้น สมัยที่หลวงพ่อจรัญเป็นเด็กอาศัยอยู่กับยาย ยายของ หลวงพ่อเป็นคนใจบุญมาก และมีเงินมีทองพอสมควร สมัยนั้นยังใช้เงินกลม เหรียญเงินกลมของยายมีเป็น ไหๆ มีทองสายสะพาย ๒ เส้น สร้อยข้อมือ สร้อยคออีก จำนวนมาก และร่างแหเงิน-ทองอีกด้วย ต่อมามีโจรปล้นบ้านที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง คุณยายจึงคิด เก็บเงินอย่างคนโบราณ คือขุดหลุมฝังดินไว้โดยมีหลานชาย ช่วยขุดช่วยฝัง ขุดฝังกลบเสร็จก็เอาขี้ควายมาทาไว้ แล้วเอา กระพ้อมครอบไว้อีกทีหนึ่ง อยู่ใต้ถุนบ้านนั่นแหละ คราวหนึ่งมีการเทศน์มหาชาติที่วัด คุณยายชอบทำบุญ อยู่แล้ว จึงบอกหลานชายกะไปนอนที่วัดสัก ๒ คืน พอยาย ออกไปแล้ว อยู่ทางบ้านหลานชายก็คิดจะขโมยเงินของยาย
มาแลกสตางค์แดงเล่นหยอดหลุมกับเพื่อนๆ
28 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ปรากฏว่าทรัพย์ ไม่มี ไม่รู้หายไปไหนหมด ซึ่งหลวงพ่อจรัญได้เล่าไว้ว่า “อาตมาก็ ไปเปิดกระพ้อมออก ขุดลงไปนะไม่มีเลย หายไปหมดเลย ไหสองลูกไม่มีเลยนะ มีรูทะลุไปทางหลังเรือน แปลกมาก”
“เอ ! ใครมาลักเอาไป อาตมาก็กลบไว้ตามเดิม ยาย
ลืมเรื่องที่ฝังไว้ เพราะเงินที่ใช้อยู่มีมาก ที่ฝังไว้นี่ต่างหาก
นี่ทรัพย์หนีได้อย่างนี้ อาตมานึกถึงคำโบราณได้ว่า เดินเรือนดังปึงๆ ยายตี บอกว่า หลานอย่าเดินเรือนดัง ทรัพย์จะหนี ต้องเดินเบาๆ รับประทานข้าวดังก๋องแก๋ง ยายว่าเลยนะ ไม่มีคุณสมบัติเลย นะหลานเอ๋ย ทรัพย์ไม่มีเลย เงินไม่มีนะ ทองก็หนีหมด คนไม่มีคุณสมบัติ แปลว่า คนไม่มีศีล ไม่มีธรรม ทรัพย์ จะมาได้อย่างไร นี่ยายเล่า อาตมาก็ขุดไม่ได้เลย หนีไปไหนหมดไม่ทราบ มีรูโบ๋
ไปเลย หายไปทั้งไห ก็ไม่สงสัยว่าทรัพย์จะหนีได้ เข้าใจว่า ขโมยลักไป แต่การฝังนั้น รู้กันยายกับอาตมาเท่านั้น คนอื่นไม่รู้ ป้าก็ไม่รู้...” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
29
“ต่อมา ยายป่วยหนัก โดยไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร ขณะ มีอายุได้ ๙๙ ปี อาตมาอยู่ปฏิบัติยายอย่างใกล้ชิด เหลืออีก
๗ วัน จะตาย... ยายก็เพียบลงไปๆ เขาเตรียมต่อโลง... ระหว่างนั้น ป้าก็ฝันว่า ยายมาบอกว่า หลานคนนี้สกปรก คิดจะเอาทรัพย์ไปทำลาย ทรัพย์ เลยหนีไปอยู่ที่ป่ากระชาย ในที่สุดยายก็ตายลง จัดพิธีศพเผาศพที่วัดศรัทธาภิรมย์ หรือวัดใหม่ศรัทธาราษฎร์
ที่วัดนี้มีปริศนาเขียนไว้ว่า วัดใหม่ ไก่เตี้ยเหี้ยขึ้นไข่ อิฐไม่ให้ขัด วัดไม่ ให้ขุด บริสุทธิ์จึงเอาได้”
ภายหลังงานศพคุณยาย หลวงพ่อจรัญเล่าว่า “ป้าเหลี่ยมก็เรียกอาตมาไปพบแล้วบอกว่า ‘เออ ! มานี่ซิ ข้าฝันไปว่าเอ็งจะลักขโมยเงินยายไปเล่น จริงไหม ?’ อาตมาก็นั่งแล้วพูดว่า ‘จริงจังอะไร’ 30 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ป้าบอกว่า ‘ฝันอย่างนี้ อยู่ที่ป่ากระชาย ไปช่วยขุดหน่อย ได้ไหม’ อาตมาก็ไปช่วยขุด ก่อนขุดอาตมาก็มอมป้าเสียก่อน ป้าชอบน้ำตาลเมา ชอบดื่มเหล้า เลยเอาน้ำตาลเมามาให้ป้า ดื่มเสียเมา แล้วก็ไปขุด พบไหจริงๆ อยู่ห่างจากเรือนไป ๕ วา ในป่ากระชายที่อาตมาเคยปลูกกับยายไว้ ขุดมาได้หมดเลยนะ ได้เงินได้ทอง อาตมาก็หิ้วไปบ้านป้า ป้าก็บอกว่า ‘หลาน ป้าจะแบ่งให้เจ้าบ้าง เจ้าไม่น่าคิด สกปรก จะทำลายทรัพย์ยาย’ ตอนนั้นป้ายังเมาอยู่ อาตมาก็ยักทองไว้ ยังไม่บอกป้า ทอง ๒ เส้น สร้อยข้อมือ แล้วก็ร่างแหอีกด้วย แต่เงินกลม
เอาไปเถอะ ป้าก็เอาไป... พอป้าหายเมาแล้ว อารมณ์ดี อาตมาก็บอก (ความจริง) ว่า ‘ป้า ไม่ใช่มีเฉพาะเท่านั้นนะ นี่สายสร้อยสะพาย ผมเป็น หลานนะ ผมดูแลยายมานะ ขอให้ผมเถอะ’ ป้านิ่งอั้น... ป้าก็อโหสิกรรมให้” ของเหล่านั้น หลวงพ่อจรัญเก็บรักษาไว้ เมื่อได้โอกาส บวช ก็ได้นำมาเป็นทุนสร้างโบสถ์วัดพรหมบุรี (จังหวัดสิงห์บุรี) อุทิศส่วนกุศลไปให้ยาย
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
31
หลวงพ่อจรัญได้ฝากข้อคิดไว้ว่า
“ขอฝากลูกหลานไว้ด้วย เป็นเด็กอย่าคิดไม่ดีต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย อย่าลักทรัพย์ ถ้าทรัพย์มีคุณสมบัติ มันหนีได้จริงๆ บางบ้านจน ทรัพย์ก็หนีไปอยู่บ้านคนรวย คนรวยน้ำใจ รวยบุญรวยกุศล ทรัพย์เข้าบ้านนั้นหมด... อาตมาถึงได้ว่า ทองมันลุก ลุกจริงๆ นะ ลุกหนีไปเลย มันไม่อยู่หรอก บ้านไหนอัปรีย์จัญไร ด่ากันไม่พัก ทะเลาะกันไม่พัก ทรัพย์หนีหมด...” อีกตอนหนึ่ง หลวงพ่อกล่าวว่า
“คนจนไม่ทำบุญสุนทาน บุญจะไปหรือ เงินจะไหลเข้าไป ไม่ได้ เขามักจะพูดว่า เรามันจน เงินหนีหมด ก็ใช่แล้ว บางที
มีทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ยกให้ มันจนจิตจนใจ จนสติปัญญา ทรัพย์สินก็อันตรธานสูญ มันก็ไปรวมอยู่ที่บ้านคนรวย...”
32 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ลดห้าว่าง ในการที่จะสร้างสรรค์ชีวิตให้ก้าวหน้ารุ่งเรือง ประสบ ความสำเร็จตามที่มุ่งหมาย มีบางอย่างต้องลด และบางส่วน ต้องสร้างขึ้นมา อะไรหรือต้องลด ? สิ่งที่ต้องลด หลวงพ่อจรัญเรียกว่า “ลดห้าว่าง” คือ ต้องลดความว่าง ๕ อย่าง ได้แก่ ๑. อย่าให้สมองว่าง อย่าปล่อยให้สมองว่างเปล่า ไม่มีอะไร แต่ต้องคิด ต้องอ่าน จะได้เป็นคนคิดเป็น มีหลักการ ๒. อย่าให้เกิดช่องว่าง ระหว่างบุคคล ต้องหมั่นไปมาหาสู่กันเสมอ ระหว่างญาติ มิตรสหาย คนรู้จักกัน เด็กและผู้ใหญ่ ลูกและพ่อแม่ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
33
๓. อย่าให้ชีวิตอยู่ว่าง ต้องทำการงาน ไม่เป็นคนขี้เกียจ หยิบหย่ง มีความขยันขันแข็ง เอาการเอางาน ๔. อย่าปล่อยให้เวลาว่าง อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป โดยเปล่าประโยชน์ ไม่ใช่ว่าวันๆ ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่กินกับนอน เที่ยวสรวลเสเฮฮา ๕. อย่าให้การนำว่าง จิตใจจะต้องมีสติเป็นตัวนำ ตัวเราต้องอาศัยสติ สติเป็นผู้นำจิต เป็นผู้กั้นเหมือนทำนบ ไม่ให้จิตมันเลเพลาดพาดไป คนเป็นพ่อแม่ต้องนำลูก จึงจะถูกต้อง ชีวิตและสังคมที่ลด ๕ ว่างอย่างนี้ได้ดี จะไม่มีความ ผิดพลาด ไม่ขาดธรรม 34 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
การจะลดว่าง ๕ อย่างนี้ได้ ต้องเจริญสติปัฏฐาน ๔ คนเจริญสติปัฏฐาน ๔ ชีวิตจะได้รับการพัฒนาให้เจริญขึ้นใน ทุกๆ ด้าน และอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข หลวงพ่อกล่าวว่า
“พุทธพจน์ เจตนาให้ ครอบครัวไม่มีการทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าทรงพัฒนาการสังคม ให้อยู่ด้วยความเมตตาธรรมกัน ไม่ ใช่อยู่ด้วยความแตกแยกแปลกกัน ไม่รู้จักกัน ไม่ต้องทักกัน ไม่มีการยิ้มเลย” “คนที่มีธรรม เขายิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งใจสนทนา เจรจา
ก็ไพเราะ สงเคราะห์เอื้อเฟื้อ ขาดเหลือจุนเจือกัน คนเดี๋ยวนี้ไม่มีธรรมะจึงไม่ยิ้ม หน้ายิ้มเหมือนมือนางกวัก ถ้าไม่มีคุณธรรม จะเอาไปปฏิบัติกรรมฐานตรงไหน เอาอะไรมา เป็นหลัก คนที่มีธรรม ยิ้มนอกยิ้มใน ยิ้มแย้มแจ่มใส เดี๋ยวนี้หน้า มันยิ้มเหมือนมือนางกวัก (หน้างอ)” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
35
เราต้องทำบุญ โดยมีสติตลอด นะลูก
ค่ะพ่อ
“ต้องมีสติ ต้องมีปัญญา ไม่ ใช่มาหลับหูหลับตา ฉันจะไปสวรรค์ ฉันจะไปนิพพาน ไปได้ที่ ไหน ยังด่าลูกด่าหลาน บ้านยังสกปรกรกอยู่
ไปสวรรค์หรือ บ้านขี้เกียจกวาด ที่กินก็ไม่สะอาด ที่ถ่าย ก็ไม่สะดวก ปฏิบัติยังสกปรก โอ๋ ! ฉันจะไปสวรรค์ ฉันจะเอา เงินไปซื้อก็ได้ ไม่ใช่บัตรผู้แทนนี่จะได้เอาเงินไปซื้อกิน เป็น รัฐมนตรี มันคงไม่ได้ มันต้องสร้างคุณสมบัติ” ตอนหนึ่งท่านกล่าวไว้น่าขันทีเดียว “ญาติโยมโปรดทราบไว้ด้วย คนมีธรรมยิ้มนอกยิ้มใน เงินไหลนองทองไหลมา ส่วนคนที่มีแต่ทำแมะ แหมะตรงนั้น แหมะตรงนี้ ไม่เอา เหนือเอาใต้เลย เงินก็ไม่ไหลนอง ทองก็ไม่ไหลมา มันจะไหล มาได้อย่างไร เพราะมันอุดประตูค้า คนที่ไม่มีธรรมะนี้อุดประตู ค้าทั้งหมด หน้าตาก็ไม่ยิ้ม ไม่เป็นห้องปฏิสันถารคารวตา
แต่ประการใด คนมีธรรมะยิ้มอยู่ตลอดเวลา” 36 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ความดีเหมือนเชื้อสาโท เป็นเหล้าได้ คนที่ทำแต่ความดี หมั่นบำเพ็ญบุญกุศลไว้ เรียกว่า
มีต้นทุนดี อันคนมีต้นทุนดี จะไปทำอะไรก็มีแต่ความงอกเงย หลวงพ่อจรัญสอนพระในวัดอัมพวันให้หมั่นประพฤติ ปฏิบัติตามหลักธรรมวินัย ให้รู้จักสำรวมกาย สำรวมวาจา สำรวมใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง องค์ไหนรูปไหน (ที่เป็นพระ ใหม่) สิกขาลาเพศไปก็จะได้ดีต่อไปในเพศฆราวาส คือถ้าเป็น พระดี สึกไปเป็นฆราวาสก็ดี ท่านกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “ความดีของคน เหมือนเชื้อสาโท เป็นเหล้าได้ ความ ไม่ดีของคน เหมือนเชื้อน้ำตาลเมาไม่มีทางเป็นเหล้าแน่ ทำ อย่างไรก็เป็นเหล้าไม่ได้...
ท่านจะทำดีแค่ ไหน ท่านก็แจ้งแก่ ใจด้วยกันทุกรูป ว่าปฏิบัติหรือเปล่า ท่านจะสำรวมหรือเปล่า เป็นบาปหรือเปล่า ก็แล้วแต่นะ มันก็เป็นเงาตามตัวของท่านไปเอง”
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
37
“ผมเคยสังเกตพระหลายรูปแล้วที่บวชเป็นพระนวกะ บางองค์เขาดีเหลือเกิน มีความรุ่งเรือง ไปทำการค้าก็รวย เดี๋ยวนี้มีคนหนึ่งที่บวชที่นี่ไปต่างประเทศ เขามีจดหมายมา ให้ส่งหนังสือไปให้เขา...ทำงานด้วย รับจ้างฝรั่งและค้าขายด้วย เลยพาญาติไปอยู่กันเยอะเลย อเมริกาก็ให้อยู่ตามสบาย เดี๋ยวนี้รวยมาก มีบ้าน ๓ หลัง เขาบวชเอาใจใส่ดี ต่อหน้าปฏิบัติอย่างไร ลับหลังอย่างนั้น ข้อสำคัญอยู่ที่การสร้างเหตุให้ถูกต้อง ถ้าเราสร้างเหตุ ไม่รวย สร้างให้เราจน จนจิตจนใจ จนสำรวมหน้าที่คอยระวัง มันก็จนไปหมด ถ้าสร้างเหตุดีเสียอย่าง ด้วยกรรมฐาน จิตดีเสียอย่าง คิดอะไรสำเร็จหมด ถ้าจิตไม่ดีนะครับ คิดอะไรไม่สำเร็จหรอก ทำอะไรก็ขัดข้อง มีแต่อุปสรรค เดือดร้อน สึกหาลาเพศไป ท่านจะรู้เองนะ จะทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา โอ้ ! เพื่อนเรา เขาทำเอาๆ ได้เอาๆ เราทำไม่ได้เลย คนดีมีปัญญา จิตมันงอก คนไม่ดีไม่มีปัญญา จิตมัน ขาดนะ ทำไม่ดีจิตขาด หมดอาลัยตายอยาก เลยก็กลายเป็น เศษมนุษย์บุรุษโคมลอย...” ตอนหนึ่ง ท่านกล่าววาทะคมคายน่าคิดว่า “จงทำดีแก่ดวง อย่าไปนั่งคอยดวงให้มันดี” 38 อารมณ์ขัน ปัญญาธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ทำดีมีคุณ บุญบันดาล คนที่ทำอะไรๆ ไม่ได้ดี แม้จะพยายามอย่างที่สุด แต่ก็เอาดีไม่ได้ เพราะทั้งชีวิต ไม่มีต้นทุนเลย
ต้นทุนชีวิต ก็คือความดีที่ทำมา สั่งสมมาตามลำดับๆ ต้นทุนชีวิตอันนี้ จะช่วยผลักดันชีวิตให้โด่งดังรุ่งเรือง คือหลังจากที่ได้พยายามสู้ชีวิตมาอย่างเต็มที่แล้ว คุณความดีจะช่วยผลักดันให้สำเร็จ เป็นขั้นตอนสุดท้าย
จึงควรรีบทำคุณงามความดีกันเสียแต่นี้เถิด ชีวิตจะได้ ราบรื่น ประสบความสำเร็จได้รวดเร็ว ปริยัติ รู้จัก, ปฏิบัติ รู้จริง, ปฏิเวธ รู้แจ้ง ดำรงชีวิตตามพระสัทธรรมเช่นนี้ มีผลทำให้เป็นคน รู้ดี ทำดี มีคุณภาพ (จริงหรือไม่ ? ใคร่พิจารณา) บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
39