“ลิขิตฟา หรือจะสู มานะตน”
หลักการแหงความมั่งมีศรีสุข เพื่อความอยูดีกินดี ของคนทุกระดับชั้น พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
ขออำนวยพรให คุณ............................................................................ ไดมีคุณสมบัติความเปนเศรษฐี พรั่งพรอมดวยโลกิยทรัพย์และอริยทรัพย์ ดวยความรักและปรารถนาดี จาก.............................................................................. วัน.................... ที่........ เดือน......................... พ.ศ. ................
... ขอบอกว่า ... อ่านหนังสือเล่มนี้แลว ไม่ใช่ว่าจะทำใหรวยเท่าเขา ... แต่ ... รวยกว่าที่เราเคยจน ... และ ... ดีกว่าที่เคยผ่านมา ... และ ... จะไม่นอยใจในโชคชะตา ไม่ขี้อิจฉา ไม่ไขว่ควาแบบบาบอ
(พระราชวิจิตรปฏิภาณ) “เจ้าคุณพิพิธ” วัดสุทัศนเทพวราราม
คำนำสำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ มีความรู้จักคุ้นเคยกับท่านเจ้าคุณ พระราชวิจิตรปฏิภาณ วัดสุทัศนเทพวราราม ตั้งแต่ครั้งยังเป็นพระมหาสุนทร าณสุนฺทโร ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระพิพิธธรรมสุนทร หรือที่เรียกขาน กันติดปากว่า “เจ้าคุณพิพิธ”
หนังสือ “ฝ่าความจน คนเหนือดวง” เล่มนี้ สำนักพิมพ์ได้ประมวลคำสอนของ ท่านเจ้าคุณจากรายการโทรทัศน์ช่อง ๑๑ (NBT) และคัดลอกจากหนังสือชุดคติธรรมนำชีวิต
ทั้ง ๑๒ เล่ม ซึ่งสำนักพิมพ์ได้รับอนุญาตให้พิมพ์เผยแพร่โดยไม่มีค่าลิขสิทธิ์และไม่คิดค่า ทำต้นฉบับ ภายหลังจากที่ผู้รวบรวมได้นำหนังสือต้นฉบับ “คุณเศรษฐี” ไปนมัสการกราบเรียน ให้ท่านทราบ เมื่อท่านเจ้าคุณเห็นคำว่า “เศรษฐี” ท่านก็ตกใจพร้อมกับรำพึงให้ฟังว่า
“คนอ่านเขารวยกว่าเรา ส่วนใหญ่คนที่ซื้อหนังสืออ่าน เขามีการพัฒนาตน อยู่ แล้ว เขาจะหัวเราะเยาะเอา แต่เมื่อเศรษฐีเขาไม่เขียน How to be (วิธีสร้างความเป็น เศรษฐี) แต่เขาแสดง How much และ How many (จำนวนเงินและวัตถุเครื่อง ประดับ) การนำเสนอข้อคิดฝ่าความจนสู่ความเป็นเศรษฐีก็เหมาะควร การที่ตัวเราเองไม่ ได้ร่ำรวย แต่สอนความร่ำรวย หรือสอนความเป็นเศรษฐี จะกลายเป็น ...ขี้ก้างเบ่งกล้าม คนรูปทรามอวดสวย...”
ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่เป็น “ฝ่าความจน คนเหนือดวง” ซึ่งท่าน ผู้อ่านจะเห็นข้อเขียนข้อบ่งใช้ หรือสรรพคุณของหนังสือที่ท่านเจ้าคุณเขียนไว้ หนังสือเล่มนี้ เดิมทีเดียวสำนักพิมพ์จะจัดพิมพ์ถวายท่านเพื่อแจก แต่ท่านห้ามแจกฟรี ท่านบอกว่า “ทำ หนังสือมีไว้ขาย ถ้าอยากได้แต่เงินไม่พอ ให้ขอ” สำนักพิมพ์จึงต้องทำตามท่านด้วยความ เคารพอย่างสูง
ขอทุกท่านจงประสบความสำเร็จในชีวิต (น.ธ.เอก, ป.ธ.๖, พธ.บ., นบ.) รวบรวมในนามคณาจารย์สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์ ออกแบบปก/รูปเล่ม จัดอาร์ต : อนุชิต คำซองเมือง
บรรณาธิการศิลปะ : อรทัย จิตงาม ภาพประกอบ : สมชาย ศรีคำขลิบ
อยากเปนเศรษฐี : ตองมีจุดหมาย
คนทุกคนมีจุดหมาย คือ จุดหมายของชีวิตของทุกคนนั้นอยากเป็นอะไร ? แต่ บางคนมาบนบานศาลกล่าว ขอเป็นอย่างนั้น ขอเป็นอย่างนี้ ขอให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ อย่างนี้เขาเรียกว่า “ขอ” คนขี้ขอ เราเรียกว่า “ขอทาน” แล้วส่วนมากขอทานก็ขอ กับพระ ขอต่อเทพเจ้า ขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ อยากถึงจุดหมายต้องก้าวเดิน ภาษิตจีนเขามีคำพูดที่ ประทับใจว่า “ร้อยลี้ อยู่ที่ก้าวแรก” จุดหมายของทุกคนนั้น “ร้อยลี้” แต่จีนเขาสอน ว่า ร้อยลี้ อยู่ที่ก้าวแรก หลวงตาแพร เยื่อไม้ ท่านก็สอนว่า “ล้มเพราะก้าวไปข้างหน้า ดีกว่ายืนเตะท่า อยู่กับที่” ฉะนั้น คนทุกคนถ้าอยากถึงจุดหมายต้องก้าวเดิน คืออะไร ? ชีวิตต้องมี จุดหมาย ต้องกำหนดจุดหมายปลายทาง การกำหนดจุดหมายนั้น มี ๒ ลักษณะ คือ ดี หรือ ดวง เก่ง หรือ โกง สามารถ หรือ สามานย์ มารยาท หรือ มารยา ฉะนั้น จุดหมายของชีวิต ต้องกำหนดให้ชัดเจน และถ้าจะถึงจุดหมาย
ต้องก้าวเดิน
อยากเป็นอะไรนั้น อย่าท้อถอย อย่าท้อแท้ ต้องก้าวเดินไปสู่จุดนั้นให้ได้ อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
4
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตอง :
ฝ น ไกล ใฝ เปน
เรื่องความเจริญของชีวิต ทุกคนมีใจใฝ่ทั้งนั้น และการกระทำก็อยู่ที่ความ ไขว่คว้าหาเอามา เรื่องความใฝ่นี้ จะใฝ่ฝัน ไขว่คว้า ก็เป็นเรื่องที่จะต้องคิดกัน และเป็น เรื่องที่จะต้องมีกัน บางคนได้แต่ใฝ่ฝัน ไม่เคยไขว่คว้า ความฝันนั้นก็ล้มเหลว บางคน ไขว่คว้าโดยทางที่ผิด สิ่งที่คว้ามาได้บางทีก็ไปคว้าเอาสิ่งที่ผิดมา เช่น อยากมีฐานะ ร่ำรวย แต่ทำสิ่งทุจริตผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลก เพราะฉะนั้น คนเราเกิดมานั้น เรื่องความใฝ่ฝัน การใฝ่สูง จะต้องระมัดระวัง ใฝ่สูง - ทำให้เราชอกช้ำ ใฝ่ต่ำ - ทำให้เรามืดมน บางคนใฝ่สูง ทั้ง ๆ ที่ไม่ลงมือกระทำ นี่ทำให้ชอกช้ำมาเยอะแล้ว บางคนใฝ่ต่ำทำให้มืดมน เมื่อใฝ่สูงไม่ได้ก็ใฝ่ต่ำ เรียกว่า ประชดชีวิต การที่เราจะใฝ่สูงและไม่ชอกช้ำ ใฝ่สูงแล้วชื่นอกชื่นใจได้รับประโยชน์นั้น ต้องมี ความขยันอย่างต่อเนื่องและอดทนอย่างยืดยาว ประหยัด ซื่อสัตย์ และต้องพัฒนาฝมือ อยู่นิ่งไม่ได้ นิ่งแล้วมันเน่า เหมือนน้ำนิ่งต่อไปจะกลายเป็นน้ำเน่า คนก็เช่นกันไม่ขยัน ไม่อดทน ไม่ประหยัด ไม่ซื่อสัตย์ ไม่พัฒนาฝมือ ยิ่งอยู่ยิ่งกลายเป็นคนเน่า เพราะฉะนั้น การเกิดมาเป็นคนนั้น ทุกคนต้องใฝ่ แต่ใฝ่ให้เป็นอธิษฐานธรรม คือ ต้องมีคุณธรรมเป็นเครื่องประกอบด้วย ท่านทั้งหลายว่า พระมหาชนกดำริว่า “สิ่งที่ไม่คาดคิดไว้อาจจะมีก็ได้ สิ่งที่คิดไว้อาจจะเป็นไปไม่ได้ก็ได้
โภคะทั้งหลายจะสำเร็จได้ เพราะลงมือกระทำ และจงกระทำด้วยคุณธรรมเท่านั้น” นี่คือสิ่งที่ฝันใฝ่ไว้ จะกลายเป็นความสำเร็จ เผล็ดผลต่อเราอย่างชื่นบานที่สุด
อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
5
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตองมี : การ
ศึ ก ษา เปนฐานพัฒนา ชี วิ ต
การให้การศึกษาแก่เยาวชนนั้น ต้องกำหนดบทบาทให้ชัดเจนระหว่างบ้านกับ โรงเรียนแต่ละฝ่ายต้องทำหน้าที่ให้ถูกต้อง เรียงลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง บ้าน ควรทำหน้าที่สองประการ คือ ๑. อบอุ่น ๒. อบรม ผลรวมคืออบอวล อบอุ่น คือ บ้านต้องอบอุ่นด้วยความรัก ที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายพึงมีต่อเยาวชน อย่าทิ้งลูกหลาน อบรม คือ การให้การอบรมสั่งสอน ไม่ใช่วิชาการ แต่เป็นจริยะ เป็นคุณสมบัติ เรื่องคุณภาพยังไม่ต้อง เรื่องจริยะเป็นคุณสมบัตินั้นต้องอบรม บ้านนั้นจึงจะ “อบอวล” ไปด้วยความรัก และความรู้ โรงเรียน ควรทำหน้าที่สองประการ คือ ๑. อบรม ๒. อบอุ่น มาสู่ ความอบอวล อบรม คือ โรงเรียนต้องสั่งสอนทั้งวิชาการและจริยะแก่เด็ก อบอุ่น คือ โรงเรียนต้องให้ความอบอุ่นต่อเด็กเสริมจากพ่อแม่ ไม่ใช่ว่ามาแล้ว มีแต่วิชาการ แต่ขาดความอบอุ่น ขาดความเป็นกันเอง เขาเรียกขาดความผูกพัน เมื่ออบรมแล้ว ความอบอุ่นก็เกิดขึ้น แล้วโรงเรียนก็จะ “อบอวล” ไปด้วยความรู้ และ ความรัก ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า ต่างขั้วกัน แต่เหมือนกัน เพียงแต่ลำดับความสำคัญแตกต่างกัน เพราะฉะนั้น จึงขอฝากบทบาทหน้าที่
ระหว่างบ้านกับโรงเรียน เพื่อบ่มเพาะเยาวชนให้งอกงาม เป็นผู้รับมรดกชาติสืบต่อไป
อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
6
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตองมี :
หั ว ใจ บัณฑิตเป น ฤทธิ์ ผลักดัน
คนที่จะประสบความสำเร็จ จะเป็นคนก้าวหน้านั้น ต้องเรียนให้จำ โดยใช้หลัก คาถาหัวใจบัณฑิต “สุ จิ ปุ ลิ” คือ สุตะ (สุ) ดู ฟัง ให้จำ ดู ก็ให้จำภาพได้ ฟัง ก็ให้จำเสียงได้ ให้ภาพ และเสียงมาประสมกัน บางทีดูแต่ตัวหนังสือให้เกิดเป็นภาพที่สัมพันธ์กัน เขาเรียก “ภาพพจน์” นี่เรียกว่า ดู ฟัง ดู ฟัง แล้ว จินตะ (จิ) คิด ให้เป็นจินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากความคิด เรียกว่า เป็นผลิตผลทางปัญญา ประการต่อมา ก็คือว่า ปุจฉา (ปุ) สงสัยแล้วถาม แล้วสุดท้าย ลิขิต (ลิ) จด จารึกบันทึกไว้ สมุดเป็นที่สอง แต่สมองเป็นที่หนึ่ง แต่คนเรา ถึงพกสมองมา ยังไม่สิ้นสุด ต้องมีสมุด ช่วยสมองด้วย
ดังนั้น การจับปากกานั้น คือ การทำงานแบบ ๓ นิ้ว ต่อไปจะได้เป็นนิ้วเพชร นิ้วพลอย นิ้วชี้ ชี้เป็น ชี้ตายได้ สรุปง่าย ๆ คือ ฟังให้หมด จดให้มาก ปากต้องไว ใจต้องคิด นี่เรียกว่า เรียนให้จำ หลักทั้งหมดทั้งมวลนี้แหละ เป็นหลักของการเรียนรู้ การศึกษา เป็นหลักพัฒนา ชีวิตให้ก้าวหน้า ใครฟัง จำ ทำได้จริงแล้ว รับรองว่า คนนั้น มีชีวิตก้าวหน้า
เป็นเศรษฐีทุกคน
อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
7
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง :
ห า ง เสี่ยง เลี่ยงเสื่ อ ม
คนส่วนมากอยากมีเงินด้วยกันทั้งนั้น แต่... ! เวลาอยากมีเงินนี่ กลับไม่คิดจะ ทำงาน ก็เลยหาวิธีหาเงินด้วยการเสี่ยง เสี่ยงลาภ เสี่ยงเล่น เสี่ยงลาภ เช่น แทงหวย เล่นการพนัน เล่นกับของที่เป็นอบายมุข หรือ ผิดกฎหมาย เช่น ขายยาบ้า ค้ายาเสพติด เป็นต้น เพียงเพื่อให้ได้เงิน เงิน ประเภทนี้ มันไม่มีพื้นฐานของการได้มา เสี่ยงเล่น เช่น การเล่นหุ้น โดยเฉพาะการหยิบยืมเอาเงินของคนอื่นมา เป็นทุนเก็งราคาหุ้นด้วยหวังจะเอากำไรจากหุ้นตัวนั้นมาใส่ตัวนี้ เป็นต้น การได้เงิน ประเภทนี้ มันไม่มีพื้นฐานของเงินทุนของตัวเองมารองรับเลย อย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้
ฉะนั้น ถ้าอยากมีเงินจริง ๆ ต้องทำงาน
เพราะฉะนั้น อยากมีเงินแล้วไม่ทำงานนั้น ไม่มีเงินหรอก หรือถ้าได้มาก็ เป็นการชั่วครั้งชั่วคราว บางคนถึงกับไปปล้นไปจี้คนอื่นเขา ผลสุดท้ายก็ประสบเภทภัย ประสบหายนะ นี่แหละท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องอยากมีเงินต้องทำงาน เกิดมาเป็นคนแล้ว สำคัญที่สุดต้อง
สร้างหลักฐาน สานหลักแหล่ง แต่งหลักธรรมค้ำชีวิต
หลักฐานต้องสร้าง หลักแหล่งที่อยู่อาศัยต้องสร้าง และต้องมีหลักธรรม ค้ำหลักชีวิต
อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
8
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐี :
ใจ ตองเปน เศรษฐี กอน
เมื่อคราวที่แล้ว พูดเรื่องการศึกษา คราวนี้ ศึกษาไปทำไม ศึกษาก็เพื่อทำงาน คนที่จะทำงานประสบความสำเร็จ ก็ต้องมีข้อคิด สูตรของใครนี่ อาตมาว่า ไม่ให้ผลดี เท่ากับของพระพุทธเจ้า เรียกว่า “หัวใจเศรษฐี” กุญแจ ไขสูความสำเร็จ มีอยูแลว ในตัวคุณ เริ่มตนวันนี้ เปนเศรษฐีแนนอน
หัวใจเศรษฐี นี้ ต้องทำให้ครบสูตร ที่เราภาวนากันว่า “อุ อา กะ สะ” เราก็ได้แต่หัวใจ แต่เราไม่ได้ตัว
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ๔ หลักนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษาแล้ว จะทำงาน จะยึดเฉพาะข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ ต้องทำให้ครบ ๔ หลัก ปักให้มั่นคง คือ
อุ อา กะ สะ
= = = =
อุฏฐานสัมปทา ๑ อารักขสัมปทา ๒ กัลยาณมิตตตา ๓ สมชีวิตา ๔
ขยันหา รักษาดี มีกัลยาณมิตร ดำเนินชีวิตในคลองธรรม
นี่คือ หลักที่จะต้องทำงาน อยากมีเงินต้องทำงาน แต่ทำงานมันต้องมีองค์ประกอบหลักทั้ง ๔ ๑ อ่านว่า อุด-ถา-นะ-สัม-ปะ-ทา, ๒ อ่านว่า อา-รัก-ขะ-สัม-ปะ-ทา, ๓ อ่านว่า กัน-ละ-ยา-นะ-มิด-ตะ-ตา, ๔ อ่านว่า สะ-มะ-ชี-วิ-ตา อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
9
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง : มี
“อุ ” ตั้งมั่นขยันหา
อุฏฐานสัมปทา ต้องขยัน และโปรดจำใส่ใจว่า ขี้เกียจ เป็นแมลงวัน
ขยัน เป็นแมลงผึ้ง
แมลงวัน เป็นสัตว์ที่อยากมีเงิน อยากมีกิน แต่ไม่ทำงาน ชอบแต่งตัว
ฉาบฉวย ปลอมตัวเหมือนพระอินทร์ ตัวเขียวเหมือนพระอินทร์ ติดปกสวย ๆ หัว เขียว แต่เป็นสัตว์ไม่ขยัน ผลที่สุดพฤติกรรมที่ชอบทำอะไรแบบฉาบฉวย สุดท้ายต้อง กินของที่ไม่ดี และไปที่ไหนแล้วมักจะนำความสกปรก นำเชื้อโรค นำภัยไปสู่ที่นั่น อะไรที่ แมลงวันไปเกาะไปจับก็เสียหายต้องทิ้ง แมลงผึ้ง ผึ้ง มีหน้าที่อะไรที่ได้รับมอบหมาย มันไม่ทิ้งหน้าที่ ตัวเล็ก ๆ นี่ บินไปหาเกสร บินไปแล้วก็บินกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เคยทิ้งหน้าที่ ผึ้งจึงสามารถ สร้างรวงรังอยู่ได้ ให้ความกตัญูต่อทุกคนไม่ทำร้ายทำลายใคร ผึ้ง เอาเกสรดอกไม้ จากคนอื่น จากเจ้าของไร่ เจ้าของที่ ด้วยปากเล็ก ๆ เพียงนิดเดียว แต่ทิ้งลาภผล อันใหญ่โต คือ ผสมเกสร ออกเป็นพืชพันธุ์ธัญญาหารให้กับเจ้าของ และผึ้งเกาะ ที่ไหนแล้ว มีแต่ความเป็นมงคล แม้จะจากไปแล้วก็ยังทิ้งสัญลักษณ์คือรวงรังไว้เป็น อนุสรณ์ ดังนั้น คนขยัน ต้องขยันอย่างผึ้ง มีความต่อเนื่อง สูตรสำเร็จแห่งชีวิต ภาวนาให้ขึ้นใจสำหรับทุกคนว่า คนขยัน คือ คนที่
ไม่เหงาหงอย ไม่เศร้าสร้อย ไม่คอยโชคชะตา ไม่รอเทวดามาช่วย
ความขยันที่เกิดขึ้นในตัวเรานั้น คือ เทวดา ที่จะมาช่วยเรา อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
10
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตอง : มี
“อา” รักษาไว ใหดี
แต่ผึ้งขยันเท่านั้นยังไม่พอ ยังมี อารักขสัมปทา คือ รักษาด้วย ไม่กินเติบ ใช้เปลือง ไม่ประชัน แต่ประหยัด เพราะผึ้งคงภาวนาคาถาว่า “ประชัน = วิบัติ ประหยัด = วิบูลย์” แต่เจ้าแมลงวันมันไม่รู้จักเก็บ ขาก็เท่ากัน ตัวก็เกือบเท่ากัน รู้สึกว่า ผึ้ง ตัวจะกระมอมกระแมมกว่า แมลงผึ้งมีปล้องดำปล้องทองตามเนื้อตัว หน้าตาก็ดู เลอะเทอะไม่น่ารัก เจ้าแมลงวันดูน่ารักกว่า แต่พฤติกรรมความขยันต่างกัน ผึ้งจึง สามารถเก็บรักษารังน้ำหวาน ให้ตัวเองกิน ลูกกิน เพื่อนร่วมรังได้กิน คนเราก็เช่นกัน เมื่อขยันหามาได้แล้ว ก็ต้องรักษาเป็น หาได้เท่าไรไม่สำคัญ สำคัญคือ เหลือเท่าไร ต้องรู้จักประมาณ ไม่ประมาท
ประมาณชีวิตของตนเอง
ประมาณรายรับ ประมาณรายจ่าย
งบประมาณแห่งชีวิต งบประมาณแห่งการใช้จ่ายนั้น จัดการกันไว้อย่างไร ต้องประมาณทุกคน ถ้าทุกคนประมาณได้แล้ว “ไปรอด”
แต่ทุกวันนี้เราประมาทกระมัง พ่อแม่ปดบังความจริงต่อลูก ไม่ให้ลูกประมาณ เลย แต่ให้ลูกประมาท “เรียนไปเถอะลูก อย่ากลัวเลย” ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ไปกู้หนี้ยืมสิน อย่างนี้ก็ไม่ถูก ดังนั้น ทุกคนต้องประมาณ ไม่ประมาท มีพระท่านพูดไว้ว่า...
มีเงินเพลินจ่ายสบายจิต ทำหน้าใหญ่ใจกว้างทางช้างมา
บทมีไม่คิดดูหลังหน้า พอหมดเงินง้ำหน้าอุราโรย อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
11
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง : มี
“กะ” เปนเพื่อนสนิท
นอกจากนั้น ผึ้งยังมีกัลยาณมิตตตา คือ มีเพื่อนดี เพื่อนนั้น เมื่อ มอบหมายหน้าที่กันแล้วก็ไว้วางใจกัน ทุกตนทุกคนจะมีหน้าที่ไว้วางใจกัน คือ มี เพื่อนดี ไว้วางใจกันได้ ผึ้งตัวไหนไปหาเกสรเจอแล้ว ไม่ใช่กินเลยนะ เอามาฝากเอา มาเก็บรวมกันก่อน ไอ้ตัวที่เฝารังก็ไม่ใช่กินเลย รอกินพร้อม ๆ กัน ทุกคนจะมีความ ซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์นั้น เป็นการปฏิบัติต่อเพื่อนที่ดี พระพุทธเจ้าตรัสว่า การคบมิตร ดี มีแต่จะนำประโยชน์มาให้ ส่วนเจ้าแมลงวันมีเพื่อนไม่ดี เหมือนคนบางคนมีเพื่อนไม่ดี พาไปวิบัติขัดสน ชวนไปหาอบายมุข ให้สังเกตดูว่า พวกที่เกิดในอบายภูมิ เช่น พวกเปรต อสุรกาย นี่ก็ชอบออกหากินตอนค่ำ ๆ เพื่อนบางคนก็ชอบชักชวนให้ออกหากินตอนค่ำ ๆ เช่นกัน ชวนเข้าคลับเข้าบาร์ มีวิญญาณเดียวกันกับเปรตอสุรกาย แล้วก็ชวนกันไปทำไม่ดี อย่างนี้เขาเรียกว่า ไม่มีกัลยาณมิตร มีแต่ปาปมิตร เพื่อนชั่ว ฉะนั้น จะสร้างหลัก ปักฐานก็ต้องมีเพื่อนที่ดี ในการดำเนินชีวิต สิ่งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งอีกประการหนึ่ง คือ การคบคน “คนจะรวยจะจน อยู่ที่การคบคน คบคนให้ดูหน้าตา เข้าวัดวาให้ดูหน้าบัน” àÍҫѡ˹‹Í¹‹Ò à¾×è͹½Ù§
คบคนต้องดูหน้า หน้าซื่อหรือหน้าใส หรือหน้าซื่อแต่ใจคด
ถ้าคบคนไม่ดูหน้าตา
ดูหน้าตาเหมือนกัน เข้าใจว่าเป็นคนเหมือนกัน เราจะผิดพลาดมาก ดังนั้น ในการคบคนนี้จะต้องดูให้ลึกซึ้ง
äÁ‹Å‹Ð ¢Íºã¨à¾×è͹ อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
12
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตอง : มี
“สะ” ดำเนินชีวิตในธรรม
ข้อ ๔ สมชีวิตา ดำเนินชีวิตในคลองธรรม ผึ้งดำเนินชีวิตในคลองศีลธรรม ทุกคนเห็นผึ้งมาจึงมีใจยินดียกสวนไร่นาให้หมด นั่นแสดงว่า ผึ้งไม่ได้ขโมยใครนะ เพราะอะไร เพราะผึ้งมาให้ประโยชน์ ส่วนแมลงวัน ไม่ดำเนินชีวิตในคลองธรรม ผึ้งดำเนินชีวิตในคลองน้ำใส แมลงวันดำเนินชีวิตในคลองน้ำเสีย จึงมีพฤติกรรมที่ต่างกัน คนเราก็เช่นกัน ถึงจะขยันหา รักษาดี มีกัลยาณมิตร แต่ถ้าไม่ดำเนินชีวิต ในคลองศีลธรรม คือไม่มีศีลธรรมเสียแล้ว เป็นอันว่า ชีวิตจะวิบัติขัดสน เพราะว่า อบายมุขเข้ามาเกลือกกลั้วในชีวิต ดังนั้น ถ้าท่านทั้งหลายปรารถนาชีวิตที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ต้องดำเนินชีวิตใน ธรรม จะเป็นธรรมะข้อใดก็ตามจงปฏิบัติให้เป็นอุปนิสัย เป็นบุคลิก เป็นลักษณะ เพราะธรรมะจะให้ประโยชน์ต่อเรา ถ้าเราตั้งนะโม น้อมใจเข้าไปหาธรรมะ โอปะนะยิโก น้อมธรรมะเข้าหาตัว ต้องจำให้แม่น ปฏิบัติให้มั่น
ËÂÔºãÊ‹Í‹ҧ¹Ñé¹áËÅÐÅÙ¡
จนกระทั่งธรรมะนั้น บังเกิดผลต่อเรา เป็นคุณากร คือ บ่อเกิดแห่งคุณ
ได้แก่ คุณสมบัติ คุณวุฒิ คุณภาพ คุณประโยชน์ และคุณธรรม
ซึ่งเป็นคุณที่จะสนองส่งเราให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญก้าวหน้า เพราะเป็นดุจดวง ประทีปชัชวาล คือ เป็นแสวงสว่าง ส่องทิศทางดำเนินชีวิตของเรา อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
13
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง : หมั่นทำ
ดวง คือ ดี วิ ช า งาน
เวลาเราถามว่า ชีวิตจะก้าวหน้าเพราะอะไร ก็มักจะมีคนพูดว่า “แล้วแต่ดวง” ก็เลยถามว่า “ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรืออะไรกันแน่” เขาก็มักจะบอกแบบประชด ๆ ชีวิตว่า ท่านต้องเข้าใจ “ดวง” มาจากอักษร ๓ ตัว ด = เด็กของใคร ว = วิ่งที่ไหน ง = เงินเท่าไร อาตมาฟังแล้วก็นึก “โอ ถ้าคิดอย่างนี้ แสดงว่าเขาประชดชีวิตแน่นอนแล้ว หรือแสดงว่าเขามีความท้อใจในระบบที่เขาทำงานอยู่” แต่ความคิดเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์เลย ใครก็ตามที่ผลักดันให้เกิดความคิดเช่นนี้ หรือใครก็ตามที่คิดประชดประชันเช่นนี้ อาตมาว่าไม่เกิดประโยชน์เลย เพราะความคิด เช่นนี้ หรือคำพูดเช่นนี้ มันเป็นการแสดงความไม่ยุติธรรมในการปกครอง มันเป็นการ แสดงความน้อยเนื้อต่ำใจและเกิดพฤติกรรมก้าวร้าว หรืออาจจะเป็นเหตุให้ผู้พูดนั้นเกิด ความท้อถอย เพราะฉะนั้น เพื่อให้มีประโยชน์ เมื่อท่านทั้งหลายบอกว่าชีวิตอยู่กับดวงก็จริง ดวงอาทิตย์มีความสำคัญ อย่ากลัวดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ช่วยเสริมชีวิต ให้ดวงใจของ เรามีความสุข แต่คำว่า “ดวง” นี้เรามาแปลกันใหม่ได้ไหม ขอปรึกษา เพื่อแก้ทัศนคติต่อ สังคม
“ดวง” ที่แท้จริงนั้น ด มาจากคำว่า ดี ว มาจากคำว่า วิชา ง มาจากคำว่า งาน
¨¹¨Ö§à¤ÃÕ´ ÁÑÇᵋà¤ÃÕ´¨Ö§¨¹ µŒÍ§ÊÙŒáÅÐÍ´·¹ ¨Ö§¨ÐäÁ‹¨¹áÅÐäÁ‹à¤ÃÕ´ อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
14
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตอง : เรงสราง
ดวง อันแทจริง
ด คือคำว่า ดี ดีคืออะไร ดีที่คิด ดีที่พูด ดีที่ทำ ได้ตั้ง ๓ ดี คือ มี
ความจริงในการกระทำในคำพูดและความคิด เรียกว่า มีสัจจะ ทำอะไรดี คือ ทำจริง สัจจกิริยา พูดจริง พูดในคำที่เห็นว่าปฏิบัติแล้วต้องได้ผลจริง สัจจวาจา สัจจอธิษฐาน ตั้งใจจริง ดี ต้อง ดีคิด ดีพูด ดีทำ นี่ตัว “ด” ว คือคำว่า วิชา พระพิมลธรรม (ชอบ อนุจารี) ท่านกล่าวไว้ว่า “ขึ้นชื่อ ว่าวิชาต้องศึกษาทุกอย่างไป ศึกษาให้เข้าใจเป็นคุณเครื่องเรื่องปัญญา แต่อย่าพึงใช้ทุก อย่างไปที่ศึกษา ชีวิตและเวลาเป็นปัญหาให้จำนน” เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาเรื่อยไป ง นั้นก็คือ งาน งานนี้ต้องทำ และทำงานด้วยความงาม คือทำอย่างสะอาด สะอ้าน ไม่ทำงานที่ทุจริต ถ้าเข้าใจเช่นนี้ ดวงนั้น จึงจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต ดังนั้น ท่าน ทั้งหลายจงโปรดกรุณาลบทัศนคติแต่เดิมเสีย ที่บอกว่า ด เด็กของใคร ว วิ่งที่ไหน ง เงินเท่าไรนั้น ด แปลว่า ดี
ดวงดี ดวงราย สุดทาย คือเรา สรางเอง
คิดดี พูดดี ทำดี ว คือ วิชา ความรู้ ต้องหาตลอดเวลา ง คือ งาน ต้องทำงาน ชีวิตถึงจะก้าวหน้า
นี่คือ “ดวง” อย่างแท้จริง อันถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา และ จะเป็นประโยชน์ในสังคมด้วย อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
15
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง : ดูให
แม น ปฏิบัติ ให มั่ น
การจะลงทุนในการประกอบอาชีพการงานธุรกิจ ก็มีคนไปหาพระ ไปหาหมอดู บอกว่าขอให้ดูฤกษ์ดี ๆ จะได้ประกอบอาชีพการงานได้ดี ข้อนั้นไม่ห้ามและไม่เถียง แต่เป็นอัตราเสี่ยงที่สูง แต่เรื่องที่อยากจะให้ “ดูให้แม่น” และก็ “ปฏิบัติให้มั่น” ก็คือว่า ดูฤกษ์ล่าง ดูฤกษ์บน ดูหน้าคน ดูเหตุการณ์ ดูฤกษ์ล่าง คือ “ดี” ที่อยู่ข้างล่างของเรา นับตั้งแต่พื้นดินในด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มันเหมาะไหม ถ้ามันไม่เหมาะ ทำถึงจะดียังไงก็ตามมันก็ไปไม่ไหว รวมถึงพื้นฐานของความรู้ และทรัพย์สินเงินทอง เป็น “ฤกษ์ล่าง” เขาเรียก “ดีข้างล่าง” ดูว่ามีไหม ดูฤกษ์บน คือ ดูฟาบ้าง ดูอากาศบ้าง ไม่ใช่นึกจะปลูกข้าวก็ไม่ดูฟาดูฝนเลย ต้องดู ฤกษ์อย่างหนึ่งหมายถึง “ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนข้างบน” ที่จะเป็นแหล่งความรู้ แหล่งเงิน ทุน ต้องดูไว้ด้วย ถ้าเราไม่ดู “ฤกษ์บน” เลย มันขาดเหลือใครจะเจือจาน ดูหน้าคน คือ “คนหน้าเสีย” หรือ “หน้าใส” ถ้าคนหน้าเสียก็อย่าไปลงทุน ถ้าคนหน้าใสก็ลงทุน “คนหน้าซื่อ” หรือ “คนหน้าคด” ถ้าคนหน้าคดก็อย่าไปลงทุน ต้องลงทุนกับคนหน้าซื่อ ดูเหตุการณ์ ปัจจุบันจะทำมาค้าขาย จะทำมาหากินอะไรนั้น โลกเขาก้าวไป ถึงไหน ต้องดูเหตุการณ์ในระดับโลก ให้ดูเหตุการณ์ ก็คือดูจากหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ สื่อสารมวลชนทั้งหลายนั่นเอง เพราะฉะนั้น ดูฤกษ์ล่าง ดูฤกษ์บน ดูหน้าคน ดูเหตุการณ์ โหราจารย์
มาทีหลัง ท่านทั้งหลายประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
คาถาพารวย
จดทุกรับ บันทึกทุกจาย เงินทองอยูไหน หายไปก็รู จดทุกรับ บันทึกทุกจาย เงินทองเหลือหลาย สบายทั้งบาน อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
16
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตองมี :
บุ ญ หนุน นำ สูความ สำเร็ จ
ชีวิตคนจะประสบความเจริญรุ่งเรืองหรือไม่นั้น มันมีเหตุปัจจัย ๕ ประการ คือ ความรู้ ความสามารถ โอกาส ผู้สนับสนุน บุญกุศล ความรู้ มีพอเพียงไหม ? ที่จะประกอบอาชีพนั้น ๆ ถ้าความรู้ไม่พอเพียง เขาก็เรียกว่า “อัตราเสี่ยงสูง” ความสามารถ พอเพียงไหม ? เรียนนะเรียนจำ แต่ทำเป็นไหม ถ้าความ สามารถไม่พอ การจะประสบความล้มเหลวก็มีสูง โอกาส มีไหม ? ไม่มีโอกาสก็เหมือนประตูปด โอกาสมาจากไหน มาจาก เขาเปดโอกาสให้ เช่น การรับสมัครต่าง ๆ นี่ เราต้องเสาะหา ต้องแสวงหา โอกาสคือ คิดสร้างตนเอง เมื่อมีความรู้ มีความสามารถ มีโอกาส ก้าวที่ ๓ ก็ผ่านไปอย่าง สวยงาม ผู้สนับสนุน มีไหม ? ถ้ามีผู้ใหญ่ดึง ดันเป็นฐานล่าง คนเสมอกันประคับ ประคองข้าง การขึ้นไปจะได้ไม่แกว่ง ขึ้นไปอย่างสง่างาม อย่างมั่นคง บุญกุศล มีไหม ? บุญกุศล ชาติเก่าทำมาเท่าไร ชาตินี้ต้องทำเพิ่ม โบราณ บอกว่า “เอาบุญนำหน้า เอาความสนุกตามหลัง” อะไรก็ตามที่จะเป็นกิจการ หรือกิจกรรมเกิดขึ้น
ต้องคิดถึงบุญกุศลก่อน เพราะเป็นตัวค้ำจุนอย่างสำคัญ และเปดทางตันของชีวิต
ฉะนั้น เมื่อมีความรู้ มีความสามารถ มีโอกาส มีผู้สนับสนุน แต่ไม่มี
บุญกุศล ก็ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง
เหตุปัจจัย ๕ ประการนี้ ท่านลองสำรวจดู เราก็จะรู้ว่า บางทีก็ดีกว่าดูดวงอีก ขอให้ท่านนำไปพินิจพิจารณาดูตนเองให้เป็นสำคัญ อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
17
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีอยาง : มั่ง
มี ศรี สุ ข
ทุกคนอยากมั่งมีกันทั้งนั้น เพราะเข้าใจว่าเมื่อมั่งมีแล้วจะมากไปด้วยความสุข แต่เราต้องเข้าใจความมั่งมีเสียก่อน ว่ามีแล้วมีความสุขนั้นมันต้องมีอะไรบ้าง คนมั่งมี ด้วยความสุขนั้น ต้องมี ๗ ประการ คือ มีอยู่ คนเราเกิดมาจะมั่งมี ต้องมีที่อยู่เป็นของตัวเอง มีกิน มีอยู่แล้วต้องมีกินด้วย กินอิ่มนอนหลับ นอนหลับกินอิ่ม มนุษย์ก็เท่านี้ ความสุข ๒ อย่างนี้ มันผสมผสานรวม ๆ กันไป มีศีล มีอยู่มีกินแล้วต้องมีศีล ศีลจะเป็นเครื่องค้ำประกันว่า เราเอาอะไรมาอยู่ มากิน เรียกว่าทำให้เราเป็นคนสุจริต ศีลจะเป็นหลักประกัน เป็นยันต์ปองกันตัวเรา มีศักดิ์ มีศีลแล้วพอไหม ? ไม่พอ ต้องมีศักดิ์ ศีลมีความศักดิ์สิทธิ์ แต่คำว่า มีศักดิ์ ตัวนี้คือ มีศักดิ์ศรี เกิดเป็นมนุษย์ต้องสร้างศักดิ์ศรีให้ตัวเองชื่นใจ ให้คนที่อยู่ด้วย กันชื่นใจ เพราะศักดิ์จะเป็นเครื่องรักษา เป็นเดชคุ้มครองตัวเอง และบุคคลในครอบครอง มีคนรัก มีอยู่ มีกิน มีศีล มีศักดิ์แล้ว ยังต้องมีคนรัก คือ ต้องรู้จักเอื้อเฟอ เจือจาน ให้ ให้เป็น พูด พูดให้เป็น ร่วมงานกับคนอื่นให้เป็น วางตัวให้เป็น อย่างนี้ จะมีคนรักตลอด ไปไหนก็มีความสุข มีหลักประกันชีวิต เรามีหลักประกันชีวิตเรากับคนอื่นไหม ที่เรียกว่า insure แปลว่า มั่นใจ ถ้ามีความมั่นใจ มีหลักประกันชีวิตก็มีความสุข ไม่ใช่ทำวันกินวัน ทำเดือน กินวัน มีจิตผ่องใส ที่ว่ารวย ๆ น่ะผ่องใสไหม เรื่องของจิตเป็นเรื่องสำคัญ เป็น เรื่องภายใน อยากมีจิตผ่องใส ทำความดีเอาไว้ ยิ้มได้ตลอดเวลา พระพุทธเจ้า จึงตรัสว่า “ไม่ให้ทำความชั่ว ให้มั่นในความสุจริต และทำจิตให้ผ่องใส”
ถ้ามีทั้ง ๗ ประการนี้ เรียกว่า เป็นความมั่งมีศรีสุข กำจัดทุกข์ได้ ตลอดเวลา
อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
18
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
สู ทน เหมื อ น ตน หญ า
อยากเปนเศรษฐีตอง :
ทางราชการมักจะพูดถึงคนระดับล่างว่าเป็นประเภท “รากหญ้า” เวลาเฉลี่ย งบประมาณก็มักจะพูดถึงว่า “การพัฒนารากหญ้า” ฟังแล้วก็ดูดี แต่ว่าดีนั้นนาน ๆ ไป คนในระดับล่างก็จะเศร้าใจว่า เราแย่ขนาดนั้น ขนาดเป็นรากหญ้าเลยหรือ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า “ทำตนให้เป็นเหมือนต้นหญ้า” ท่านทั้งหลาย ต้นหญ้า ไม่เคยกลัวแดดที่เผาลน ไม่เคยกลัวฝนที่ตกลงมา ไม่ เคยกลัวน้ำที่พัดพา ไม่เคยกลัวสายธารา ทนต่อการเหยียบย่ำ ไม่ชอกช้ำเพราะถูกตัด จึง เห็นได้ว่า หญ้าเป็นพืชที่อดทน พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นหญ้าเป็นอย่างนี้ จึงตรัสเป็นคาถาเตือนใจไว้ว่า
โย จะ สีตัญจะ อุณหัญจะ ติณณา ภิยโย นะมัญญะติ กะรัง ปุริสะกิจจานิ โส สุขา นะ วิหายะติ “ผู้ใด ไม่หวั่นเกรงต่อความหนาว ความร้อน ทำตนเหมือน ต้นหญ้า ในเวลาทำหน้าที่ของตน ผู้นั้นไม่เสื่อมจากความสุข”
เราทุกคนเหมือนกัน เมื่อปรารถนาความเจริญนั้น จะต้องเชื่อพระพุทธเจ้า คนที่ปรารถนาความเจริญเมื่อเชื่อพระพุทธเจ้าดังนี้แล้ว ต้องทำคติเตือนใจให้สอดคล้อง
หนาวไม่สะท้อน ร้อนไม่สะเทือน หนักไม่แชเชือน ไกลไม่ชิงชัง สูงมุ่งฝันใฝ่ ใหญ่ไม่รอรั้ง ยากไม่อินัง ย่อมสมหวังความสุขเอย
ÅÓºÒ¡¨Ñ§ä´Ž ¡Ðº‹ÂŒÒ¹à´ŒÍ ¾Õ蹌ͧ
อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
19
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ยอม รับได ใจ ก็เปน สุ ข
อยากเปนเศรษฐีตอง :
การทำงานให้ดีและมีความสุข สุขทั้งตนเองและองค์กรนั้น จะต้องมีหลัก หลักที่ สำคัญ คือ ๑. ยอมรับรู้ คือ ยอมรับรู้ในวิชาการ และในรายละเอียดของงาน รับรู้ในวิชา การ คือ จะต้องศึกษาว่าเราทำงานในที่นั้นจะต้องใช้ความรู้ ความรู้จะได้ อะไรมาเป็นเครื่องประกอบบ้าง ไม่นิ่ง บางคนทำงานไปแล้ว ความรู้ตาย ทำงานแล้ว ไม่หาความรู้เพิ่มเติม และรู้ในรายละเอียดของงาน แต่บางรายไม่รู้จักขอบข่ายของงานในบริษัทของ ตัวเอง คือ ไม่ศึกษาองค์กรของตัวเองว่ามี รายละเอียดอะไรบ้าง อย่างนี้แล้วก็ไม่ก้าวหน้า อยู่ไม่ดี ไม่มีความสุข ๒. ยอมรับการปฏิบัติ เมื่อจะทำงาน ในที่ไหนแล้วต้องยอมรับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ต่าง ๆ ที่เขาวางไว้ ๓. ยอมรับการปรับปรุง เมื่อเขาจะปรับปรุง ต้องยอมรับ ไม่ใช่เป็นจระเข้ขวางคลอง ส่วนใหญ่ มักจะพูดอย่างนี้ “แน่มาจากไหน ลองแหยมดูสิ ลองแตะดูสิ” จะใหญ่อะไรขนาดนั้น ถ้าใหญ่ขนาดนั้นลองออกจากองค์กรแล้วไปทำเอง ก็ไม่กล้าอีกนั่นแหละ ๔. ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงไป และเมื่อเปลี่ยน แปลงไปแล้ว บางทีผลของความเปลี่ยนแปลงนั้น อาจจะดีกว่าที่เราคิดไว้ก็ได้ หรือ สุดท้ายมันเปลี่ยนแปลงไปจนถึงขนาดว่าเราต้องออกจากที่นั่น ก็จงเตรียมอาชีพ ที่สอง ไว้สำรองชีวิตทุกขณะ นี่คือสภาพของการทำงาน ถ้าทำงานได้โดยลักษณะอย่างนี้แล้ว ตัวเอง
ก็ดีมีความสุข หน่วยงาน, องค์กรก็มีความสุขโดยถ้วนหน้ากัน อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
20
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตอง : หนี โรค
“น้ ำ ลายไหล”
เมื่อประเทศชาติเข้าสู่ “ยุคข้าวยากหมากแพง” แก้ปัญหาที่ไหน ก็แก้ ที่ “ให้รู้จักนอนกับดิน กินกับเกลือ” หมายความว่า สมัยโบราณท่านใช้น้ำปลาแก้ปัญหา ของชาติ “น้ำปลา” นี้คืออะไร แท้จริงก็คือกินอะไรให้เค็ม ๆ เข้าไว้ และจะได้แบ่งกันไป ดังนั้น นอนกับดิน กินกับเกลือ นั้นก็คือ การรู้จักสันโดษ การรู้จักประมาณตน พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานไว้ เรื่องคุณธรรม ๔ ประการ ข้อสำคัญที่สุด คือ “การรู้จักอดออม” โรคน้ำลายไหล คือ โรคอยากได้ มีทุกคน แต่น้ำลายไหลแล้วต้องกลืน น้ำลาย ทุกคนเกิดมาเห็นทรัพย์สินเงินทอง เสื้อผ้า ข้าวปลา อาหาร น้ำลายไหลทั้งนั้น ท่านก็น้ำลายไหล อาตมาก็น้ำลายไหล แต่ใครกลืนน้ำลายเสียแต่วันนี้ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟอย ด้วยการอดออม คนผู้นั้นรับรองได้ว่า “มั่งมีศรีสุข” ดังนั้น คำพูดที่สำคัญที่จะบอกต่อท่านก็คือว่า “มันหลุดยุคสมัย เท่าไรเท่ากัน แล้ว” พระบรมราโชวาทที่บอกว่า “อดออม” นั้นแปลว่า “เท่าไรก็เท่านั้น” มีกินเท่าไร ก็กินเท่านั้น มีใช้เท่าไรก็เท่านั้น ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ก็ตรงกับคำว่า “สันโดษ” ในทาง พระพุทธศาสนา
“การอดออม” ต้องเป็นหลักสำคัญในชีวิต ดังนั้น
หมดยุคสมัยเท่าไรเท่ากัน เหลือแต่คำว่า เท่าไรเท่านั้น
นี่คือ สิ่งที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ของตัวและของชาติไทยของเรา âä¡ÓàÃÔº ¤ÇÃ仾ºá¾·Â ©Õ´ÇѤ«Õ¹»‡Í§¡Ñ¹´‹Ç¹ ! อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
21
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง :
เชื่ อ คำพ อ สั่ง ฟ ง คำแม สอน
มีผู้คนมักถามว่า “ทำอย่างไรจึงจะไม่จน” อาตมภาพบอกว่า “ไม่ยากหรอก กิน อย่างที่พ่อแม่ให้ ใช้อย่างที่พ่อแม่สอน รับรองได้ว่ารอดทุกคน จนไม่มี หนี้ไม่เกิด รอดทุกคน” เราต้องยึดหลักการนี้ไว้ ท่านทั้งหลายลองคิดดูสิว่า พ่อแม่มีลูกหลายคน เลี้ยงมาจนโต ท่านให้เรากิน อะไร ท่านให้เราใช้แบบไหน ท่านสองคนเลี้ยงเรา จนถึงส่งเสียให้เรียนจนส่องแสง จนกลายเป็นดาวฤกษ์ได้ ท่านให้เรากินอะไร ท่านให้เราใช้อย่างไร ก็เอาสิ่งที่พ่อแม่ให้ กินให้ใช้ มาเป็นข้อปฏิบัติ เราโตด้วยวิธีปฏิบัติอย่างไร เราจงใช้วิธีปฏิบัติอย่างนั้น คนที่จน ที่ไม่รอดสักคน จนไม่มีแล้ว หนีท้ ่วมหัว จนถึงขนาด ต้องฆ่าตัวตายนั้น อาตมภาพ บอกได้คำเดียวว่า
»ÅÒÌҡçÍËÍ äÁ‹µŒÍ§¤Í¾ԫ«‹Ò ¾ÃÔ¡¼Ñ¡¡Ñº¹éÓ»ÅÒ Áդس¤‹Ò ÁÒ¡äÍâÍ´Õ¹
เพราะไม่ได้กินอย่างที่พ่อแม่ให้ ใช้อย่างที่พ่อแม่สอน อนึ่ง ถ้าบุคคลดูพระพุทธเจ้า ใครที่บวชเป็นพระแล้ว ต้องนึกถึงว่า ตอนที่เรา บวชเป็นพระ พระท่านอยู่ ท่านฉัน ท่านใช้อย่างไร เอาวิธีการที่เราเป็นพระมาปฏิบัติต่อ ชีวิตประจำวันรับรองว่า รอดทุกคน จนไม่มี หนี้ไม่เกิด ดังนั้น จึงขอให้ท่านทั้งหลายสะท้อนย้อนกลับมาเอาวิชาที่พ่อแม่เลี้ยงเรา
มานั่นแหละ เป็นวิชาที่จะเลี้ยงตัว เลี้ยงลูก เลี้ยงโลกต่อไป อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
22 คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตอง :
พอใจ สิ่งที่มี ยิ น ดี สิ่งที่ ได
เมื่อพูดถึงคำว่า “สันโดษ” มักมีคนโจมตีกันว่า เพราะคำว่า สันโดษ จึงทำให้ ครอบครัวประเทศชาติไม่พัฒนา คนเข้าใจว่าเป็นเรื่องของ “ความมอซอ” ส่วนคำว่า “เป็นทรัพย์อย่างยิ่ง” คนก็ไม่เข้าใจว่า ถ้าเกิดมอซอ เกียจคร้านแล้วจะเกิดทรัพย์ ได้อย่างไร อันที่จริงก็จะต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า “สันโดษ” นี้ หมายถึง “ความยินดี ในสิ่งที่ตนเองมีนั่นแหละ เป็นทรัพย์ คือ อำนวยความสุขและประโยชน์ให้แก่ตนเอง” คราวนี้สิ่งที่เรามี ก็คือ สิ่งที่จำเป็น ได้แก่ ข้าว ผ้า ยา บ้าน เรียกว่า “ปัจจัย ๔” ได้แก่ ข้าว ผ้า ยา บ้าน ถ้าหาไม่พอใช้ นั่นเป็นความเดือดร้อน เขาเรียก “คน ยากจน” หาพอใช้ไปวัน ๆ หนึ่ง ก็เรียก “ตำข้าวสารกรอกหม้อ” ดังนั้น ปัจจัย ๔ หาให้มีพอใช้นั้น จึงจะมีความสุข แต่บางทีก็ไม่มีความสุข เพราะไม่มีความสันโดษ คือ ไม่มีความยินดีในสิ่งที่ตัวเองมี ดังนั้น ในจุดต่อมา ก็คือว่า จะต้องมีความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ถ้าปราศจากความพอใจ ถึงปัจจัย ๔ มีพอใช้ แต่ไม่ พอใจในสิ่งที่เรามี ก็ไม่มีความสุข เพราะฉะนั้น
ปัจจัย ๔
เกิดมาเป็นคนแล้ว
ต้องหาให้มีพอใช้ และให้เหลือใช้ เตรียมไว้ข้างหน้า
และทำความพอใจในสิ่งที่มี
“อย่าประชัน จงประหยัด ประชัน = วิบัติ, ประหยัด = ไพบูลย์”
แต่ว่าถ้าจะประชัน ก็คือมา “ประชันประหยัดกัน” ทุกคนก็จะเป็นผู้
ร่ำรวย ปัจจัย ๔ ที่มีอยู่แล้วก็จะอำนวยประโยชน์สุขให้ได้ อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
23
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง :
ระวั ง มาร ผจญ
พระพุทธเจ้าของเราสอนว่า “คนจะล่วงจากความทุกข์ได้เพราะความเพียร” ข้อนี้สอนให้เป็น “คนขยันและเพียรพยายามทำสิ่งที่ดีให้สำเร็จ” ได้ ไม่ทำให้เกิดความ ท้อแท้ และท้อถอย เพราะพระพุทธเจ้าก็เคยประสบเรื่องอุปสรรคปัญหามาเหมือนกัน คราวหนึ่ง เป็นหัวหน้าคนเดินทางไปกลางทะเลทราย ไม่มีน้ำกิน ขุดน้ำกลาง ทะเลทราย ขุดไปขุดมา ระดมคนขุดลงไป ก็ปรากฏว่า เกิดไปเจอดานใต้น้ำเป็นหิน คนทุกคนก็ละความพยายาม ทุกคนทิ้งเครื่องมือทั้งหมด แต่พระพุทธเจ้าของเรา ในฐานะเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เอาหูแนบกับแผ่นศิลา ก็ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ใต้ล่าง ก็บอก ว่า ใต้นี้มีน้ำอยู่ เมื่อหาความศรัทธาจากคนไม่ได้ก็ใช้อำนาจสั่งให้ขุด คนทั้งหลายต้อง ทำตาม ปรากฏว่าเมื่อผ่านดานหินไปแล้ว น้ำก็พุ่งขึ้นมา พระองค์จึงสอนคนทั้งหลายว่า คนเรา ถ้ามีความเพียรแล้ว ก็สามารถพ้นทุกข์ ความวิบัติได้ เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลาย ในการทำอะไรก็ตาม บางทีมันมีอุปสรรคขวางหน้า อยู่ เรียกว่า “มาร” ¢ÍÍա˹‹Í¹‹Ò
แต่ “มาร” นั้น ขออย่าให้เป็น ความเกียจคร้าน ที่เกิดขึ้นแก่ตัวเราเลย ขอให้มันเป็นอุปสรรคจริง ๆ แล้วอุปสรรคนั้นเราก็ต้องหาอุปกรณ์มาช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรึกษา หารือ การรวมหัวคิด ที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ แต่ต้องระวัง อย่าให้กลายเป็น “หัวคด” เพราะ “หัวคิด” เมื่อรวมกัน ได้รับประโยชน์ แต่ “หัวคด” เมื่อรวมกันแล้ว
ทำลายประโยชน์
อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
24
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตองมี :
ความ เพียงพอ กอ สุ ข
ในยามที่ประเทศชาติประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ก็มักกล่าวกันว่า ถึงเวลา เผาจริงแล้ว อาตมาขอบอกว่า “ยังไม่ถึงวันเผาหรอก แล้วก็อย่าให้ความตกใจ เสียใจ ในด้านข่าวสาร มาแผดเผาใจเรา” การที่เรามีน้ำใจหล่อเลี้ยงจิตใจที่เรียกว่า “มีกำลังใจ” เป็นข้อสำคัญ กำลังใจ ในยามกำลังจน ในยามกำลังเจ็บ ในยามกำลังจาก จะต้องมีไว้หล่อเลี้ยงจิตใจอยู่เสมอ อย่าให้แห้งผาก ดังนั้น ในการที่เศรษฐกิจยุคนี้ เป็นยุคที่กลับเข้าสู่พื้นฐานความเป็นจริง จึง อยากจะบอกท่านว่า “เริ่มต้นลงมือกันแล้วหรือยัง ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทในเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงมาทำกันหรือยัง” เมืองไทยเรานี้ เพียงแต่เราเอานิ้วมือจี้ลงไปบนดิน ให้เกิดหลุมเกิดรูนิด ๆ เอาเมล็ดผักหยอดลงไป เอาน้ำล้างหน้าล้างเท้าหยอดลงไป ๓๐ วัน ๖๐ วัน ๙๐ วัน ได้พืชได้ผล ได้ภักษ์ได้ผล ดังนั้น ถ้าจะถามว่า ณ ขณะนี้ เราเริ่มต้นกันหรือยัง ก็ตอบ ได้ว่า “ยังไม่เริ่มต้นเลย” อาตมายังไม่เห็นมีใครเริ่มต้นในด้านเศรษฐกิจพอเพียง คือ เริ่มจากเกษตรคหกรรมภายในบ้าน
โปยเซียนปลูกกันไว้ เต็มหน้าบ้านไปหมด
แต่ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก มะเขือ ไม่มีปลูก เมื่อไรเล่าท่านโชคจะดี
โชคดีไม่ได้อยู่ที่โปยเซียน โชคดีอยู่ที่มือและเท้าของเรานี่เอง ดังนั้น ในการที่ถึงยุคนี้แล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้พึ่งมือพึ่งเท้าของตนเอง นั่นแหละเราจะฝ่าวิกฤติทางเศรษฐกิจไปได้ อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
25
คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
อยากเปนเศรษฐีตอง : ตั้ง
สติ ใช สตางค์
เรื่องเงินทองหามาได้โดยยาก ดังนั้น คนโบราณท่านสอนให้เรามีสติในการใช้ สตางค์ ในเรื่องเงินทองนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด การที่เราจะใช้เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์นั้น ต้องนึกถึงหยาดเหงื่อแรงงาน น้ำ เงินที่เราจะใช้ทุกบาททุกสตางค์ต้องนึกถึง น้ำเหงื่อ ถ้าเราทำเองก็ต้องนึกถึงว่า “เอ... เราเสียเหงื่อไปเท่าไร” ไม่ใช่ทำเดือนกินวัน นี่เขาเรียกว่า ไม่มีสติในการใช้สตางค์ คนเรามันต้องทำวันกินเดือนถึงจะได้รับการยอมรับนับถือ การที่จะใช้สตางค์ ท่านอย่าไปนิยมคนใช้สุรุ่ยสุร่ายเลย เดิมทีเดียวเรานิยม แหม ! คนไหนทำโก้ทำเกมีรถขี่ แต่งตัวหล่อ ผู้หญิงก็แต่งตัวสวย เครื่องประดับถนิมพิมพาภรณ์ก็มากมายเหลือเกิน ไปไหนก็จับจ่ายเงินทอง เอาบัตรสมัยใหม่เขาเรียก “เงินพลาสติก” กดปรูดปราด ๆ เราก็นึกว่าโก้ แต่จงเห็นเถอะว่า ถ้าเราคบกับคน ประเภทนั้น เขาเรียกว่า “คบกับคนนิสัยหายนะ” คนที่ใช้เงินโดยไม่คิดมีแต่หายนะ ไม่ น่านิยมหรอก เรื่องสตางค์นี้ต้องตั้งสติ และขณะนี้ค่าเงินของเรา ก็เล็กกว่าเงินต่างชาติ จะซื้ออะไร ซึ่งเป็นของต่างชาติ
ต้องคิดให้มาก ถึงประโยชน์ ว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
ถ้าประโยชน์ไม่คุ้มค่า
และใช้เงินตราอย่างไม่มีสติ วันหนึ่งท่านต้องคุ้มคลั่งอย่างแน่นอน อานดี
ฝาความจน คนเหนือดวง
ทำดี
26
คิดดี
พระราชวิจิตรปฏิภาณ (สุนทร าณสุนฺทโร)
อยากเปนเศรษฐีตอง : คุม
จิ ต คุม จ า ย
ท่านทั้งหลาย การที่จะทำให้เป็นคนมั่นคงนั้น จะต้องคิดถึง ๒ อย่าง คือ ในการ ดำเนินชีวิต คุมจ่ายให้อยู่ คุมจิตให้อยู่ การคุมจ่ายให้อยู่ ด้วยการไม่ฟุงเฟอ การคุมจิต ให้อยู่ ด้วยการไม่ฟุงซ่าน เป็นเรื่องสำคัญ คนที่ “คุมจ่ายไม่อยู่” พระเดชพระคุณพระราชสุวรรณโสภณ (หลวงพ่อโกย อยุธยา) ท่านบอกว่า... มีเงินเพลินจ่ายสบายจิต บทมีไม่คิดดูหลังหน้า ทำหน้าใหญ่ใจกว้างทางช้างมา พอหมดเงินง้ำหน้าอุราโรย ที่อุราโรยนั่งเหงาโบราณเขาเรียก “นั่งแหงนหมา” ชะเง้อรอเจ้าของเศร้าสร้อย อย่างนี้ บางคนแก่ใช้เงินเกินตัวเรื่องเลยมาพัวพัน บางคนแก่การพนันวันหน้าท่าต้องแย่ นี่เรียกว่าคน “คุมจ่ายไม่อยู่” คนฟุงเฟอ นอกจากเสียคนแล้ว ยังสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รัก เก็บอะไรไม่อยู่ ส่วนคน “คุมจิตไม่อยู่” ฟุงซ่าน เสียสติจนสติวิปลาส เพราะเป็นคนไม่มีจิตใจ เป็นสมาธิ ไม่สวดมนต์ไหว้พระ คุมจิตไม่อยู่ จิตดวงสำคัญ ก็คือว่าไม่สามารถจะคุมจิต ต่อกิเลสราคะได้ ไม่สามารถจะคุมจิตให้ชนะโทสะได้ ดังนั้น ในการเกิดมาเป็นคนนั้น คุมจ่ายอยู่ได้ มั่งมีศรีสุข คุมจิตอยู่ได้ มากมีสันติสุข เราต้องมั่งมีศรีสุข เพราะมีเงินพอไว้ใช้สอย และมีสันติสุขในใจ เพราะจิตของเราอยู่ในความสงบ ด้วยสมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน อันเป็นพื้นฐานงานแห่งความดี
อานดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดี
27 คิดดี
ฝาความจน คนเหนือดวง