Dhamma Guide : D.G. ณัฐพันธ ปนทวีเกียรติ บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุสัตย ออกแบบปก : อนุชิต คำซองเมือง บรรณาธิการศิลปะ : อนุชิต คำซองเมือง ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา รูปเลม/จัดอารต : วันดี ตามเที่ยงตรง
ÃдÁ¸ÃÃÁ ¹ÓÊѹµÔÊØ¢ ชาตกาล ๒๗ พ.ค. ๒๔๔๙ มรณกาล ๘ ก.ค. ๒๕๓๖
“¢ÍãËŒ¤Ô´´Ùà¶Ô´ âÅ¡»˜¨¨ØºÑ¹¹Õé¡ÓÅѧ໚¹Í‹ҧäà ¶ŒÒàËç¹Ç‹ÒâÅ¡¡ÓÅѧ à»ÅÕè¹ä»ÊÙ‹¤ÇÒÁÇÔ¹ÒÈáÅŒÇ àÃÒ¡ç¨ÐµŒÍ§¹Ö¡¡Ñ¹¶Ö§¡ÒÃá¡Œä¢ ¶ŒÒÁѹà´Ô¹ä»¼Ô´ àÃҡ経ͧ¶ÍÂËÅѧÁÒËÒ¤ÇÒÁ¶Ù¡ ÂÔè§à´Ô¹ä»Áѹ¡çÂÔ觼ԴÁÒ¡ä» ËÃ×ͨÐÍÍ¡ ¢ŒÒ§æ ¤Ùæ Áѹ¡ç¤§¨ÐäÁ‹¶Ù¡ä´Œ ¶ŒÒàÁ×èÍÊÁÑÂâºÃҳᵋ¡ÒÅ¡‹Í¹Áѹ¶Ù¡ ¤×ÍÁѹ äÁ‹ÁÕà˵ءÒó àÅÇ·ÃÒÁÍ‹ҧ¹Õé ¡ç¨Ó໚¹ÍÂÙ‹àͧ ·Õè¨ÐµŒÍ§¶ÍÂËÅѧࢌҤÅͧ ä»ËÒ¤ÇÒÁ¶Ù¡¹Ñé¹ à´ÕëÂǹÕéÁѹÁÕ¤ÇÒÁà»ÅÕè¹á»Å§ 㹡ÒÃÁÕ¸ÃÃÁТͧᵋÅФ¹ ·Õ¹ÕéàÃÒ ¡ç¨ÐÃдÁ¸ÃÃÁ¹Õé ¡çà¾×èÍâÅ¡»˜¨¨ØºÑ¹¹Õé Í‹Òä´ŒàÅǵ‹Íä»ÍÕ¡ à¾ÃÒÐÁѹàÅÇÁÒ¡ ¾ÍáÅŒÇ ÂŒÍ¹¡ÅѺÁÒËÒ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑ à¾×èͨÐ䴌໚¹âÅ¡·ÕèÍÂÙ‹ã¹ÃٻẺ·Õè ÊÁºÙó ·Õè¾Ö§»ÃÒö¹Ò àÃÕ¡NjÒ໚¹âÅ¡·ÕèÁѹÁÕ¤ÇÒÁÊÐÍÒ´ ÁÕ¤ÇÒÁÊÇ‹Ò§ ÁÕ¤ÇÒÁʧº ÍÂً㹨Ե㨢ͧÁ¹ØÉ µÒÁÊÁ¤Çà ¶ŒÒ¤¹áµ‹ÅФ¹ÁÕ¤ÇÒÁÊÐÍÒ´ ÊÇ‹Ò§ ʧº ÊÒÁÍ‹ҧ¹Õé ÍÂً㹨Եã¨áÅŒÇ âÅ¡¹Õé¡ç໚¹âÅ¡áË‹§¤ÇÒÁÊÐÍÒ´ ÊÇ‹Ò§ ʧº â´ÂäÁ‹µŒÍ§Ê§ÊÑ àÃÒÍÂÒ¡¨ÐÁÕâÅ¡ ã¹ÃٻẺ·Õ蹋Ҫ×è¹ã¨ ¹‹Ò»ÃÒö¹Ò àÃÒ¨Ö§µŒÍ§ÁÕ¡ÒÃᡌ䢔
¤Ó¹ÓÊӹѡ¾ÔÁ¾ ธรรมบรรยายชุ ด “คู มื อ มนุ ษ ย ” ของพระเดชพระคุ ณ พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาส อินฺทปฺโ) หรือหลวงปูพุทธทาสภิกขุ แหงสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎรธานี เปนหนึ่งใน ผลงานซึ่งถือวาเปนเพชรน้ำเอกที่ไดรับการยอมรับและเปนที่นิยมชมชอบ จากชาวพุทธอยางกวางขวางจนมีการนำไปแปลเปนภาษาตางๆ ในหลาย ประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะหลวงปูพุทธทาสภิกขุไดบรรยายเรื่องสำคัญที่สุด ที่มนุษยทุกคนควรจะตองรู และควรจะตองปฏิบัติตามใหจงได เพื่อ ความเปนมนุษยที่สมบูรณแบบอยางแทจริง ธรรมบรรยายชุดนี้ หลวงปูพุทธทาสไดบรรยายอบรมผูที่จะรับ การโปรดเกลาฯ เปนตุลาการ รุนป ๒๔๙๙ ณ หองบรรยายของเนติบัณฑิตยสภา ระหวางวันที่ ๒-๒๒ พฤษภาคม ๒๔๙๙ รวมทั้งหมด ๑๐ ครั้ง ๑๐ หัวเรื่อง ดังนี้ ครั้งที่ ๑ : ใจความสำคัญของพุทธศาสนา (พุทธศาสนามุงชี้อะไรเปนอะไร) (๒ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๒ : ไตรลักษณ (ลักษณะสามัญของสิ่งทั้งปวง) (๔ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๓ : อุปาทาน ๔ (อำนาจของความยึดติด) (๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๔ : ไตรสิกขา (ขั้นของการปฏิบัติศาสนา) (๘ พ.ค. ๒๔๙๙)
ครั้งที่ ๕ : เบญจขันธ (คนเราติดอะไร) (๙ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๖ : สมาธิและวิปสสนาตามธรรมชาติ (๑๑ พ.ค. ๒๔๙๙) (การทำใหรูแจงตามวิธีธรรมชาติ) ครั้งที่ ๗ : สมาธิและวิปสสนาตามหลักวิชาในรูปเทคนิค (การทำใหรูแจงตามหลักวิชา) (๑๔ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๘ : อริยบุคคลกับการละกิเลส (ลำดับแหงความหลุดพนจากโลก) (๑๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๙ : พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน) (๑๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๑๐ : ตุลาการตามอุดมคติแหงพระพุทธศาสนา (ภาคสรุปความ) (๒๒ พ.ค. ๒๔๙๙) ดวยทางสำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน ไดเล็งเห็น คุณคาและประโยชนสุขที่ผูอานพึงจะไดรับ จึงไดนำธรรมบรรยายชุด “คูมือมนุษย” ทั้ง ๑๐ หัวเรื่องมาจัดพิมพใหม โดยจัดแยกเปน ๑๐ เลม ตามหัวขอ เนนใหเปนฉบับที่อานงาย เขาใจงาย เพื่อความสะดวกในการศึกษาแกผูอาน โดยไดเพิ่มภาพประกอบพรอมคำการตูน ชูคำเดน เนนขอความ ตั้งหัวขอใหญหัวขอยอย แบงวรรคตอน ซอยยอหนาใหม ใสสีสัน เสริมธรรมใหผูอานอานไดเขาใจงายยิ่งขึ้น เมื่ออานไปทีละเลมทีละหัวเรื่องแลว จะทำใหเราเขาใจหลักธรรมคำสั่งสอนและหลักปฏิบัติ ที่ถูกตองทางพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้น
หนังสือ “คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เรื่อง อุปาทาน ๔ (อำนาจของความยึดติด)” เลมนี้ จัดเปนธรรมบรรยายลำดับที่ ๓ มีเนื้อหาสาระสำคัญที่มุงเนนใหผูอานไดเห็นชัดวา ตนตอแหงความทุกข ทั้งหลายทั้งปวงนั้นเกิดจากอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) และจะจัดการ กับอุปาทานนั้นอยางไร ? ซึ่งถาหากจัดการกับอุปาทานได ความทุกข ก็จะหมดไป ดังคำกลาวของทานพุทธทาสภิกขุที่วา...
“¶ŒÒàÃÒÃÙŒ«Ö駶֧ÊÔ觷Õè໚¹µŒ¹à赯 ãËŒàÃÒࢌÒä»ËŧÂÖ´¶×Í ¨¹à»š¹·Ø¡¢ ·Ò§ã¨ËÃ×Íâä·Ò§ÇÔÞÞÒ³áÅŒÇ àÃҨеѴ¡ÒÃÂÖ´¶×ÍàÊÕÂä´Œ” ดังนั้นจึงหวังเปนอยางยิ่งวา หนังสือเลมนี้จะเปนคูมือชวยชี้ทาง ใหเราทุกคนไดพบเจอแสงสวางแหงชีวิต เพื่อมุงสูเสนทางแหงการดับทุกข อยางสิ้นเชิง สมกับที่ไดเกิดมาเปนมนุษย ขออนุโมทนา สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน
โปรดใชเลมนี้ใหคุมสุดคุม & อานแลว -> แบงกันอานหลายทานนะจะ
อานสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝกฝนปญญา พัฒนาการประยุกตใชในชีวิตประจำวัน จิตมีสติสัมปชัญญะ รูเทาทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สุข สงบ เย็น เฉกเชนพระนิพพาน สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน ปรารถนาใหทุกครอบครัวมีความสุข
¡ÃÒº¹ÁÑÊ¡ÒÃáÅСÃÒºÊÇÑÊ´Õ ¼ÙŒÁÕºØÞ·Ø¡·‹Ò¹ “มนุษยจำตองมี ‘คูมือมนุษย’ ดวยหรือ ??” หลายๆ ทานอาจจะเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ เมื่อไดเห็นหนังสือ ชื่อแปลกๆ เลมนี้นะครับ “เอะ !! แลว มนุษย คืออะไร ??” “แลวเราเปน มนุษย หรือเปลา ??” “เราไมใช มนุษย หรือ ??” “คนคือมนุษย ?? มนุษยก็คือคนนี่ ??” หากคุณเขาใจงายๆ แบบนี้แลวละก็... “หนังสือคูมือมนุษย” ของทานพุทธทาสภิกขุ ฉบับอานงาย เขาใจงาย โดย สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน ที่คุณถืออยูในมือเลมนี้จะทำใหคุณไดรับความกระจางชัดมากขึ้น เรื่อยๆ จนคุณตองอุทานออกมาวา... “เราตองกลับไปเปน มนุษย ใหได !!” ในที่สุด
àÂ‹æ ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ àÅ‹Á ó ÁÒáÅŒÇ à¨ÃÔÞ㹸ÃÃÁ ¤ÃѺ·Ø¡æ ·‹Ò¹
๑. พุทธศาสนามุงแกปญหาทุกขทางใจซึ่งลึกกวาความมุงหมาย ของศีลธรรม ๒. ความทุกขเปรียบไดกับ โรคกาย โรคจิต โรคทางวิญญาณ ๓. รูจักกิเลสที่เปนเหตุใหยึดถือ จะทำใหไมยึดติดและรูพุทธศาสนาถึงที่สุด ๔. “อุ ป าทาน ๔” ตั ว การสำคั ญ ที่ ท ำให ห ลงยึ ด ถื อ ในสิ่ ง ทั้งปวง ๕. กามุปาทาน คือ การยึดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่นาชอบใจ ๖. ทิฏุปาทาน คือ การยึดมั่นในความคิดความเห็นของตน ๗. สีลัพพตุปาทาน คือ การยึดถือในขอวัตรปฏิบัติอันเกาแก อยางไรเหตุผล ๘. อัตตวาทุปาทาน คือ การยึดถือวามีตัวตน ๙. จิตหลุดพนจากอุปาทานเมื่อใด ก็ถึงเปาหมายสูงสุดของ พุทธศาสนาเมื่อนั้น แวะเลาชาดก : “รุหกชาดก” วาดวยปุโรหิตเหอมา กับภรรยาขี้เลน
ø ñð ñö ñø òñ óð óõ ôò õó õ÷
ñ. ¾Ø·¸ÈÒʹÒÁØ‹§á¡Œ»˜ÞËÒ·Ø¡¢ ·Ò§ã¨ «Öè§ÅÖ¡¡Ç‹Ò¤ÇÒÁÁØ‹§ËÁÒ¢ͧÈÕŸÃÃÁ Íػҷҹ ô ¡ÔàÅʵÑÇÊÓ¤ÑÞ·Õ赌ͧÃÙŒáÅÐÅÐãˌ䴌 ¢ÍãËŒ·Ø¡·‹Ò¹¤‹ÍÂæ Í‹‹Ò¹Í‹ҧµÑé§ã¨ ´ŒÇÂʵԻ˜ÞÞÒ à¾ÃÒÐ໚¹àÃ×èͧ·ÕèÊÓ¤ÑÞ ·Õè¨Ð·ÓãËŒ¶Ö§¤ÇÒÁ¾Œ¹·Ø¡¢
ทานที่จะเปนผูพิพากษาทั้งหลาย อาตมาไดบรรยายแลวแตวันกอนๆ ถึงขอที่วา...
“¾Ø·¸ÈÒʹҔ ¹Ñ鹤×Í ÇÔªÒáÅÐÃÐàºÕº»¯ÔºÑµÔ à¾×èͨÐãËŒÃÙŒ¶Ö§¤ÇÒÁ໚¹¨ÃÔ§¢Í§ÊÔ觷Ñé§»Ç§Ç‹Ò ÍÐäÃ໚¹ÍÐäÃò และตอจากนั้นไดบรรยายใหทราบถึงขอที่วา... ๑
บรรยายอบรมผูที่จะเปนผูพิพากษา ณ หองบรรยายของเนติบัณฑิตยสภา ๗ พ.ค. ๒๔๙๙ ขณะนั้นทานพุทธทาสภิกขุดำรงสมณศักดิ์ที่ พระอริยนันทุมุนี ๒ ติดตามอานหัวขอนี้ไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๑ : ใจความสำคัญของพุทธศาสนา (พุทธศาสนามุงชี้อะไรเปนอะไร) โดย สำนักพิมพเลี่ยงเชียง
8
¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
µ¶Ò¤µÁ‹Ø§Ê͹à¾×èÍ ¤ÇÒÁ´Ñº·Ø¡¢ â´ÂÊÔé¹àªÔ§ â´ÂäÁ‹» ´ºÑ§
ÊÔ觷Ñ駻ǧ¹Ñé¹·Ø¡ÊÔè§ÁջáµÔ໚¹ ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒñ ÁÕÅѡɳзÕèäÃŒ¤ÇÒÁËÁÒÂáË‹§¡ÒÃÁÕµÑǵ¹ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº 㨤ÇÒÁÊÓ¤ÑÞÇ‹Ò ÊÔ觷Ñ駻ǧ¹Ñé¹à»š¹ÊÔ觷Õäè Á‹¤ÇèÐÂÖ´¶×ÍàÍÒ ´ŒÇ¡ÔàÅÊ ´ŒÇµѳËÒ à¾ÃÒÐÇ‹Ò¡Ò÷ÓÍ‹ҧ¹Ñé¹¹Ñè¹áËÅР໚¹¤ÇÒÁ·Ø¡¢ ËÃ×Í໚¹·Ò§ãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁ·Ø¡¢ และไดกลาวเรื่อยๆ มา เปนเครื่องตักเตือนไวทุกครั้งวา... พุ ท ธศาสนาเรามี ค วามมุ ง หมายจะแก ป ญ หาเรื่ อ งความทุ ก ข ในทางใจที่สูงและลึกยิ่งไปกวาความมุงหมายของศีลธรรม หรือจริยธรรม ตามธรรมดา ๑
ติดตามอานหัวขอนี้ไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๒ : ไตรลักษณ (ลักษณะสามัญของสิ่งทั้งปวง) โดย สำนักพิมพเลี่ยงเชียง Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
9
ò. ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ à»ÃÕº䴌¡Ñº âä¡Ò âä¨Ôµ âä·Ò§ÇÔÞÞÒ³ âä¡Ò âä¨Ôµ ÁÕÄ·¸Ô칌Í¡NjÒâä·Ò§ÇÔÞÞÒ³ ÊÑµÇ Í‹ҧàÃÒ໚¹âä ·Ò§ÇÔÞÞҳ䴌äËÁáÁ‹ âä·Ò§ÇÔÞÞÒ³ ¤×ÍÍ‹ҧäâÍÃѺ ?
เพื่อใหเขาใจในเรื่องความทุกขนี้ยิ่งขึ้น เรามีทางที่จะเปรียบเทียบ ลักษณะของความทุกขใหเห็นวามีอยูเปนชั้นๆ ซึ่งชั้นสุดทายจะตองอาศัย สติปญญาหรือความรูที่สูงสุดจริงๆ จึงจะดับมันได ลักษณะที่จะกำหนดไดงายๆ ในทางเปรียบเทียบ หรือจะไมถือ วาเปนการเปรียบเทียบก็ตาม ในที่นี้ก็คือ ลักษณะของการเปนโรค
¡ÒÃ໚¹âä¹Ñé¹ ÍÒ¨¨ÓṡãËŒÊÔé¹àªÔ§ä´Œâ´Â ¨Ñ´à»š¹ ó »ÃÐàÀ·´ŒÇ¡ѹ ¤×Í... 10 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
¶ŒÒÃÙŒÊÖ¡àº×èÍ·Õ赌ͧ¹Í¹âç¾ÂÒºÒÅ ËÁÍá¹Ð¹ÓãËŒ·ÓÊÁҸԹРà¾ÃÒй͡¨Ò¡¨Ð·ÓãËŒäÁ‹¿Ø‡§«‹‹Ò¹áÅŒÇ Âѧª‹ÇÂãËŒËÒ»†ÇÂàÃçÇ´ŒÇ¹ФÃѺ
໚¹¤Óá¹Ð¹Ó ·Õè´ÕÁÒ¡àŤÃѺ
ñ. âä·Ò§¡Ò การเปนโรคทางกาย ทางรางกายซึ่งเราเห็นกัน อยูทั่วๆ ไป นี้อยางหนึ่ง ©Ñ¹¼ÍÁáÅŒÇ ©Ñ¹ÊÇ·ÕèÊØ´àÅÂ
ª‹Ç¡ѹ¨ÑºË¹‹ÍÂàÃçÇ
¡Ô¹ÂÒÅ´¤ÇÒÁ͌ǹ ¨¹»ÃÐÊÒ·ËÅ͹
ò. âä·Ò§¨Ôµ ที่สูงขึ้นไปกวานั้นอีกชั้นหนึ่งก็คือ การเปนโรค ทางจิต ทีนี้เราลองคิดกันดูวาจะมีโรคอะไรอีกไหม ที่สูงไปกวาโรคทางจิต ถาเขาใจความขอนี้จะดีมาก Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
11
ó. âä·Ò§ÇÔÞÞÒ³ ในบัดนี้ ตามทางธรรมหรือทางปรัชญา ที่เกี่ยวกับศาสนา ไดมีการบัญญัติคำขึ้นใชอีกคำหนึ่ง ซึ่งเปนคำสำหรับ เรียกโรคในทาง ซึ่งเราขอเรียกกันไปทีกอนวา “ทางวิญญาณ” อาตมาเองก็ยังไมทราบวาจะใชคำวาอะไรดี โรคทางกายนั้น คงใชคำวา Physical Disease* โรคทางจิตก็คือ Mental Disease* ตอมาถึงโรคประเภทสุดทายนี้ เรียกวา Spiritual Disease*
¤Ó¹Õé µÒÁ¸ÃÃÁ´ÒËÃ×ͶŒÒ໚¹¤¹¸ÃÃÁ´Ò ¡çÁÑ¡¨ÐࢌÒã¨ä»Ç‹Ò ໚¹àÃ×èͧ¼ÕàÃ×èͧÊÒ§ ËÃ×ÍàÃ×èͧÍÐä÷ӹͧ¹Ñé¹ áµ‹¤ÇÒÁ¨ÃÔ§¹Ñé¹ Spiritual Disease ¹Õé ÁÔä´ŒËÁÒ¶֧âäà¡ÕèÂǡѺ¼ÕÊÒ§ÍÐä÷ӹͧ¹Ñé¹àÅ ÁѹËÁÒ¶֧ âä·Õèà¡ÕèÂǡѺ¡ÔàÅÊá¼´à¼Ò !! * Physical อานวา ฟซ-ซิ-เคิล แปลวา ทางกายภาพ, Mental อานวา เมน-เทิล แปลวา ทางจิตใจ, Spiritual อานวา สเปย-ริ-ชวล แปลวา ทางจิตวิญญาณ, Disease อานวา ดิ-ซีซ แปลวา โรค หรือความเจ็บปวย
12 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ÍÇÔªªÒ µÑ³ËÒ Íػҷҹ ÊÒà˵طÓãËŒ¤¹»†Ç·ҧÇÔÞÞÒ³ ถาจะชี้ที่ตัวจริงของโรคนี้ก็คือ ความทนทรมานทางจิตที่เกิด มาจากกิเลส แตโรคนั้นปรากฏทางจิตหรือวิญญาณลวนๆ ซึ่งตรงกับ คำวา Spiritual ซึ่งสูงไปกวาคำวา Mental เพราะคำวา Mental นั้น กระเดียดไปทางเกี่ยวพันกับ Physical อยูมาก โรคทางกาย คือความเจ็บไขทางกาย โรคทางจิต ก็คือความปวย ในทางจิต แตโรคทางวิญญาณนี้ยิ่งไปกวานั้น แมไมปวยทางกาย ไมปวย ทางจิต แตถายังมีกิเลสตัณหาอวิชชาอยูแลว ก็ถือวาเปนคนปวยในทาง Spirit หรือวิญญาณ๑ อยูดวยกันทุกคน
ÍÇÔªªÒ¤×ͤÇÒÁäÁ‹ÃÙŒ µÑ³ËÒ¤×ͤÇÒÁÍÂÒ¡ Íػҷҹ¤×ͤÇÒÁÂÖ´ÁÑè¹ àËÅ‹Ò¹Õé໚¹à¤Ã×èͧ·ÓãËŒ¤¹àÃÒµ¡ÍÂÙ‹ã¹ÊÀÒ¾¢Í§ ¤ÇÒÁ»†ÇÂã¹·Ò§ÇÔÞÞÒ³ ÊÔ觹ÕéÂÔè§ä»¡Ç‹Ò¤ÇÒÁ»†Ç·ҧ¨Ôµ 䴌໚¹à¨ŒÒ¢Í§ºÃÔÉÑ·ÊÁ㨠ᵋ¶Ù¡¿‡Í§ÅŒÁÅÐÅÒ ÂÍÁµÒÂ´Õ¡Ç‹Ò ¶ŒÒ¾‹ÍµÒ ˹٨ÐÍÂÙ‹¡Ñºã¤Ã
»†Ç·ҧÇÔÞÞÒ³ ¢Ñé¹Ãعáç
à¾ÃÒÐÂÖ´ÁÑè¹ ¶×ÍÁÑè¹ ๑
คำวาวิญญาณโดยทั่วไป ตรงกับคำวา Consciousness อานวา คอน-เชิซ-เน็ซ ที่ตรงกับคำวา Spirit นี้เปนคำพิเศษของฝายพวกที่ถือวามี เจตภูต หรือตัวตน มิใชศัพททางพุทธศาสนาโดยตรง พุทธศาสนาปฏิเสธตัวตนทำนองนั้น Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
13
àÁ×èÍࢌÒã¨àÃ×èͧâä·Ò§ÇÔÞÞÒ³ ¨ÐàË繤ÇÒÁÊÓ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹÒÂÔ觢Öé¹ ÃÙŒäËÁ ? ¡ÙÅÙ¡ã¤Ã
äÁ‹·ÃÒº¤ÃѺ ᵋ¼Á໚¹ÅÙ¡¾Ãоط¸à¨ŒÒ¤ÃѺ ÃѺ¸ÃÃÁâÍʶäËÁ¤ÃѺ ? ÇÒ§»„¹áŌǻÅÙ¡¸ÃÃÁÐ ã¹ã¨à¶ÍоÕè
¸ÃÃÁШÐàÂÕÂÇÂÒÃÑ¡ÉÒã¨ãËŒºÃÔÊØ·¸Ôì
คำวาจิต หรือวิญญาณนี้ ออกจะปนกันยุง ฉะนั้นอยาไปยึดถือ ถอยคำนัก ขอใหยึดถือกิริยาอาการที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็แลวกัน ถาปวยทางกาย ก็ไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั่วๆ ไป ถาปวยทางจิต ก็ไปโรงพยาบาลพิเศษ เชนที่ปากคลองสาน เปนตนโดยเฉพาะ แตถาปวยทางวิญญาณ หรือ Spiritual แลว ก็ตองไปหา โรงพยาบาลของพระพุทธเจาโดยตรง อยางนี้เปนตน
¶ŒÒàÃÒࢌÒã¨Ç‹Òâä¢Í§¤¹·Ø¡¤¹ÁÕÍÂً໚¹ ó ªÑ鹴ѧ¹ÕéáÅŒÇ àÃÒ¡ç¨ÐÃÙŒ¨Ñ¡ÍÒ¹ÔÊ§Ê ÃÙŒ¨Ñ¡»ÃÐ⪹ ÃÙŒ¨Ñ¡¤ÇÒÁÊÓ¤ÑÞ ¢Í§¾Ãоط¸ÈÒʹÒÂÔ觢Ö鹷ѹ·Õ เคยสังเกตกันไหมครับวา ทำไมคนที่เรียนจบการศึกษาสูงๆ เชน เรียนจบดอกเตอร จบหมอจากตางประเทศ ถึงยังเปนบา ฆาคน รวมไปถึงฆาตัวตายได ลองพิจารณากันดูนะครับ
14 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
àÁ×èÍ໚¹´Ñ§¹Õé àÃÒ¨ÐàËç¹ä´ŒÇ‹Ò ¡Ò÷Õè¨Ðá¡Œ»˜ÞËÒ㹡ÒÃ໚¹âä·Ò§ÇÔÞÞÒ³¹Õé ÁѹàËÅ×ÍÇÔÊÑ·ÕèÈÕŸÃÃÁÊÒ¡Å·ÑèÇæ ä» ¨Ðª‹ÇÂá¡Œä¢ä´Œ µŒÍ§ÍÒÈÑÂËÅÑ¡¸ÃÃÁã¹¾Ãоط¸ÈÒʹÒã¹Ê‹Ç¹·Õè໚¹ªÑé¹ÊÙ§ ¤×Íʋǹ·ÕèÊÒÁÒö¨Ð¡Ó¨Ñ´¡ÔàÅʵѳËÒä´Œ¨ÃÔ§æ à·‹Ò¹Ñé¹ à»š¹à¤Ã×èͧàÂÕÂÇÂÒÃÑ¡ÉÒ ¹ÕèáËÅÐ ¨Ð·ÓãËŒàÃÒʹã¨ã¹µÑǾط¸ÈÒʹÒÂÔ觢Öé¹ àÃÒ¨ÐÁͧàË繤ÇÒÁ·ÕèÈÒÊ¹Ò ËÃ×;ط¸ÈÒʹÒÁÕÊÀÒ¾ÍÂÙ‹à˹×Í¡Ç‹ÒÈÕŸÃÃÁ·ÑèÇæ ä» ดังที่กลาวมาแลวขางตนวา ใจความสำคัญของพระพุทธศาสนา นั้น คือวิชาและระเบียบปฏิบัติจนเกิดความรูอันถูกตองวาอะไรเปนอะไร ถารูถูกตองแลว อยางนอยก็รูวา... สิ่งทั้งปวงเปน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใครไปยึดถือวาเปนตัวตน หรือของตนเขา มันก็เปนความทุกข ¶ŒÒ¨Ð¡Ó¨Ñ´¤ÇÒÁ·Ø¡¢ แมที่สุดแตใครไปหลงใหล µŒÍ§ÍÒÈѸÃÃÁÐ หลงรัก หลงชัง มันเขา ก็เปนความทุกข ¢Í§¾Ãоط¸à¨ŒÒÃÑ¡ÉÒà·‹Ò¹Ñé¹ เราเรียกความทุกข หรือความทรมานอันนี้เองวา เปนโรคทางวิญญาณ àÃÒÁÒµÑé§ã¨ÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºÑµÔµÒÁ ซึ่งสัตวกำลังเปนกันอยู ·Õè¾Ãоط¸à¨ŒÒ·Ã§ÊÑè§Ê͹¡Ñ¹¹Ð¤ÃѺ ทุกรูปทุกนาม
Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
15
ó. ÃÙŒ¨Ñ¡¡ÔàÅÊ·Õè໚¹à˵ØãËŒÂÖ´¶×Í ¨Ð·ÓãËŒäÁ‹ÂÖ´µÔ´áÅÐÃÙŒ¾Ø·¸ÈÒʹҶ֧·ÕèÊØ´
ทีนี้ก็มาถึงปญหาที่วาเราตองการจะปลีกตัว ลากตัว ถอนตัว ออกมาเสียจากสังขารหรือจากสิ่งทั้งหลายที่เปน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เหลานั้น เราจะมีวิธีอยางไร ? คำตอบคือ เราจะตองศึกษาตอไปถึงขอที่วา “อะไรเปนเหตุ ใหเราเขาไปอยาก และเขาไปติดยึดถือสิ่งเหลานั้น ?” เราจะตองศึกษา เรื่องของสิ่งลึกลับ ที่ทำใหเราหลงเขาไปยึดถือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก ทั้งๆ ที่มันเปนสิ่งที่ไมเที่ยง ที่เปนทุกข ที่เปนอนัตตา
¶ŒÒàÃÒÃÙŒÅÖ¡«Ö駶֧ÊÔ觷Õè໚¹µŒ¹à˵ØãËŒàÃÒࢌÒä»ËŧÂÖ´¶×ÍáÅŒÇ àÃÒÍÒ¨¨ÐµÑ´¡ÒÃÂÖ´¶×ÍàÊÕÂä´Œ à¾ÃÒЩйÑé¹ àÃÒ¨Ö§µŒÍ§ÁÕ¤ÇÒÁÃٌ㹢ŒÍ¹Õéâ´ÂµÃ§ àÃÒ¨Ö§¨ÐÊÒÁÒö·Óµ¹ãËŒ¶ÍÂÍÍ¡ä»àÊÕÂãˌˋҧä¡Å ËÃ×Íãˌ໚¹ÍÔÊÃÐÍÍ¡ä»àÊÕ¨ҡÊÔ觷Ñé§ËÅÒ·Ñ駻ǧ «Öè§à»š¹·ÕèµÑ駢ͧ¤ÇÒÁËŧãËÅ ÂÖ´¶×Í ·Ñ駷ÕèÁѹ໚¹Í¹Ô¨¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ ·Ø¡æ ÇÔ¶Õ·Ò§ 16 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
อีกประการหนึ่ง อาตมาเห็นวา...
¡ÒÃÈÖ¡ÉÒãˌࢌÒã¨àÃ×èͧ¡ÔàÅÊʋǹ·Õè໚¹à˵ØãËŒÂÖ´¶×Í ËÃ×Í·ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò “Íػҷҹ” ¹ÕèáËÅÐàÊÕ¡‹Í¹ ¨Ð໚¹¡Òê‹ÇÂãËŒàÃÒࢌÒ㨾ط¸ÈÒʹÒä´ŒªÑ´à¨¹ ÅÖ¡«Ö駶֧·ÕèÊØ´ áÅÐâ´Â§‹Ò จึงขอรองใหบรรดาทานนักศึกษาทั้งหลายไดสนใจในเรื่องอุปาทาน หรือความยึดถือนี้ใหมากเปนพิเศษ และโดยเฉพาะอยางยิ่ง ขอใหศึกษา จนรูจักตัวความยึดถือที่แทจริงที่ทานกำลังมีอยูในทานทุกๆ คน ไมวา จะเปนตัวทานเอง หรือวาจะเปนตัวบุคคลที่เรากำลังจะไปชวยเหลือเขา ใหพนจากทุกขภัยที่เกิดมาแตกิเลส
ÍÂÒ¡ä´Œ ÍÂÒ¡ÁÕ ÍÂҡ໚¹ à¾ÃÒÐâ´¹¡ÔàÅʤÃͺ§ÓäÁ‹ÊÔé¹ÊØ´ µŒÍ§ÃÑ¡ÉÒ´ŒÇ¸ÃÃÁТͧ¾Ãоط¸à¨ŒÒà·‹Ò¹Ñé¹ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
17
ô. “Íػҷҹ ô” µÑÇ¡ÒÃÊÓ¤ÑÞ·Õè·ÓãËŒËŧÂÖ´¶×Íã¹ÊÔ觷Ñ駻ǧ
อยา ยึด มั่น
กิเลส ซึ่งเปนความยึดถือ หรือเปนเครื่องยึดถือในสิ่งทั้งปวงนั้น พุทธศาสนาเรียกวา... “อุปาทาน”
¤ÓÇ‹Ò Íػҷҹ ¡çá»ÅÇ‹Ò ¤ÇÒÁÂÖ´¶×Í ¶ŒÒµÒÁµÑÇ˹ѧÊ×ͨÃÔ§æ ¡çá»ÅÇ‹Ò ¡ÒÃࢌÒä»ÂÖ´¶×ÍàÍÒ ËÃ×Í¡ÒÃࢌÒ价çäÇŒ ໚¹µŒ¹ ᵋâ´Â㨤ÇÒÁáÅŒÇ ¤×Í¡ÒÃࢌÒä»ÂÖ´¶×ÍàÍÒ´ŒÇ¡ÓÅѧ¨Ôµã¨·Ñé§ËÁ´·Ñé§ÊÔé¹¹Ñè¹àͧ อุปาทาน หรือกิเลสเปนเครื่องใหยึดถือนี้ ทานจำแนกเปน ๔ ประการดวยกัน 18 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
àÍŒÒ ! ·Ó§Ò¹æ ¨Ðä´Œà§Ô¹àÍÒä»àʾÊØ¢ ã¹ÊÔ觷ÕèàÃÒÃÑ¡àÃҪͺ㨠΋Òææ
¾Ñ¡ÊÇ´Á¹µ ºŒÒ§¹Ð¨ Ð
âËÅ´ÊÇ´Á¹µ ¤ÒÃÒâÍà¡Ð ä´Œ·Ò§ WWW.LC2U.COM ¹Ð¨ Ð
ประการแรกเรียกวา...
“¡ÒÁػҷҹ”
คือการยึดถือในของรักของใครทั่วไป ¤ÇÒÁàË繢ͧ¾Ç¡àÃÒ ¶Ù¡µŒÍ§·ÕèÊØ´ ¾Ç¡àÃÒäÁ‹ÂÍÁÃѺ¤ÇÒÁàËç¹ ·Õèᵡµ‹Ò§ ÍÍ¡ä» ! ÍÍ¡ä» ! ÍÍ¡ä» !
ประการที่สองเรียกวา...
“·Ô¯€Ø»Ò·Ò¹”
การยึดถือทิฏฐิความคิดเห็นตามที่ตนมีอยู Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
19
µŒÍ§¹Ñè§ÊÁÒ¸ÔàÂÍÐæ ¨Ð䴌໚¹¼ÙŒÇÔàÈÉ
ÈÖ¡ÉÒãËŒ¶Ù¡µŒÍ§ ¡‹Í¹Å§Á×Í»¯ÔºÑµÔ ¨Ðä´ŒäÁ‹»¯ÔºÑµÔ´ŒÇ ¤ÇÒÁàËç¹¼Ô´¹Ð¤Ð
ประการที่สามเรียกวา...
“ÊÕÅѾ¾µØ»Ò·Ò¹๑”
ยึดถือในศีลและ ขอวัตรปฏิบัติตางๆ ที่ตนเคยประพฤติปฏิบัติ กระทำอยางงมงายมาแตเดิม ¼Áª×èͨÔëÇ áµ‹¼ÁÂÔè§ãËÞ‹ ÁÕÍÓ¹Ò¨·ÕèÊØ´ à¾ÃÒмÁÂÖ´ÁÑè¹ ã¹ µÑÇ¡Ù-¢Í§¡Ù ΋Òææ
และประการสุดทาย คือประการที่สี่นั้น เรียกวา...
“ÍѵµÇҷػҷҹ”
คือการยึดถือดวยการกลาววา เปนตัวเปนตน ๑
อานวา สี-ลับ-พะ-ตุ-ปา-ทาน
20 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
õ. ¡ÒÁػҷҹ ¤×Í ¡ÒÃÂÖ´ã¹ÃÙ» àÊÕ§ ¡ÅÔè¹ ÃÊ â¼¯°Ñ¾¾Ðñ ·Õ蹋Ҫͺ㨠“¡ÒÁػҷҹ” ÂÖ´ÁÑè¹ã¹¡ÒÁ «Öè§à»š¹»ÃСÒÃáá¹Ñé¹ àËç¹ä´Œ¨Ò¡¡Ò÷Õ褹àÃÒµÒÁ¸ÃÃÁ´Ò ÁÕ¤ÇÒÁµÔ´¾Ñ¹ã¹ÊÔ觷Õè໚¹·ÕèÃÑ¡·Õè¾Í㨠äÁ‹Ç‹Ò¨Ð໚¹ÊÔè§ã´ ¤×ͨÐ໚¹ÃÙ» àÊÕ§ ¡ÅÔè¹ ÃÊ â¼¯°Ñ¾¾Ð Í‹ҧã´Í‹ҧ˹Ö觡çµÒÁ รูป ก็คือ สิ่งที่นารักใครในทางรูป หรือทางที่เห็นดวยตา เสียง ก็หมายถึง เสียงไพเราะที่จะผูกพันจิตใจ กลิ่น ก็คือ กลิ่นหอม รส ก็คือ รสที่อรอย โผฏฐัพพะ คือ การสัมผัสทางกายตามที่สัญชาตญาณตามปรกติ ของคนเรารูสึกวาเปนความสนุกสนาน เพลิดเพลิน หรือเอร็ดอรอย
๑
อานวา โผด-ถับ-พะ หมายถึง การถูกตอง, สัมผัส Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
21
âÍ ! ÊÒÇÃÙ»§ÒÁ ¹‹ÒÃÑ¡¨Ñ§
âÍ ! àÊÕ§¢Í§à¸Í ª‹Ò§ä¾àÃÒÐàËÅ×Íà¡Ô¹
ÇŒÒÇ ! äÁ‹àÇŒ¹áÁŒáµ‹ ¡ÅÔ蹡Ò¢ͧà¸Í
¡Ô¹ÍÁÂÔéÁËÇÒ¹æ ´ŒÇ¡ѹ¹Ð¤ÃѺ
âÍ Â ! à¨çº¹Ð á·§¼Á·ÓäÁ
รูป
เสียง กลิ่น รส สัมผัส ºÑ§ÍÒ¨ÁÒÊÑÁ¼ÑʼÔÇ ¹Ø‹Áà¹Õ¹¢Í§©Ñ¹
วัตถุที่ตั้งของกามารมณ ๕ อยางนี้ กลาวเพียงเทาที่รูจักกัน ทั่วไป แตตามหลักธรรมในพุทธศาสนานั้น ขยายออกไปเปน ๖ คือมี... “ธรรมารมณ” เพิ่มอีกอยางหนึ่ง หมายถึง สิ่งที่ผุดขึ้นใน ความรูสึกในใจ เปนเรื่องอดีต ปจจุบัน หรืออนาคตก็ได เกี่ยวกับวัตถุ ภายนอกหรือภายในก็ได ซึ่งอาจใหเกิดเอร็ดอรอยทางจิตในขณะที่รูสึก 22 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑè¹ã¹¡ÒÁ ¤×Íà˵عÓÊÙ‹¤ÇÒÁ©ÔºËÒ เมื่อทารกเกิดมา ไดรูรสของอารมณทั้ง ๖ นี้เปนครั้งแรก ก็เกิด ความยึดถือในอารมณนั้นขึ้น และยึดถือยิ่งขึ้นเปนลำดับๆ มาจนกระทั่ง บัดนี้ มีความยึดถือในสิ่งซึ่งเปนที่ตั้งแหงความรักใครเชนนั้นอยางแนนแฟน อยางที่เหลือวิสัยที่คนธรรมดาจะถอนได
à¾ÃÒЩйÑé¹ ¨Ö§à»š¹»˜ÞËÒÊÓ¤ÑÞ·ÕèàÃҨеŒÍ§ÁÕ¤ÇÒÁÃÙŒ ¤ÇÒÁࢌÒã¨ãËŒ¶Ù¡µŒÍ§ áÅлÃоĵԻ¯ÔºÑµÔãËŒ¶Ù¡µŒÍ§µ‹ÍÊÔè§àËÅ‹Ò¹Ñé¹ ÁԩйÑé¹ ¤ÇÒÁÂÖ´¶×Í㹡ÒÁ¹ÕèáËÅШйÓä»ÊÙ‹¤ÇÒÁ¾Ô¹ÒÈ©ÔºËÒ ขอใหเราพิจารณาดูความพินาศฉิบหาย ของคนทั่วๆ ไป ตามปรกติ ก็จะมองเห็นวา มีมูลมาจาก ความยึดมั่นถือมั่นในกาม อยางใดอยางหนึ่ง ดังที่กลาวมาแลว à´ÕëÂǾÕè´ÙáÅ àµçÁ·Õè¹Ð¹ŒÍ§ àÃ×èͧ¤‹Òà·ÍÁ äÁ‹µŒÍ§à»š¹Ë‹Ç§
ÍÂÒ¡´Ñ§àËÃÍ à´ÕëÂÇ»‰Ò¨Ñ´ãËŒ
˹ÙÂÍÁ·Ø¡Í‹ҧ à¾×èͨÐ䴌໚¹¹Ñ¡ÃŒÍ§¤‹Ð»‰Ò
¤ÃÒǹÕéáËÅШÐä´Œà§Ô¹ 仫×éͧ͢áºÃ¹´ à¹Á ãËŒÊÁ㨫зÕ
Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
23
ÃÑ¡ â¡Ã¸ à¡ÅÕ´ ŌǹÁÕÁÙÅÁÒ¨Ò¡¡ÒÁÒÃÁ³ ¤¹ÊÇ ÁÒÃÑ¡¡Ñº¼Áà¶ÍÐ ¼ÁÁÕà§Ô¹àÂÍÐáÂÐàÅÂ
㪋ÊÔ àÃÒäÁ‹ËÅ‹ÍäÁ‹ÃÇ Î×Íææ
àÃÒÊͧ¤¹¨ÐÃÑ¡¡Ñ¹¨¹ÇѹµÒÂ
´Õ¨Ñ§àÅ ÃÑ¡¡Ñ¹æ
คำวา “กาม” ในภาษาบาลี มีขอบเขตกวางขวางกวาในภาษา ไทย ซึ่งหมายถึงแตความรูสึกในทางเพศตรงขามอยางเดียว ถึงเพียงนี้ นักคิดแหงยุคปจจุบัน เชนนักจิตวิทยาที่ชื่อ Sigmund Freud (ซิกมันด ฟรอยด) ยอมเชื่อหรือยอมมีหลักวา อะไรทุกอยางที่มนุษย ทำกันอยูในโลก ไมวาอะไรลวนแตมีมูลมาจากสิ่งที่เรียกวากามารมณนี้ ทั้งนั้น ถามองดูกันในแงที่เกี่ยวกับสัตวโลกทั่วๆ ไปแลว จะเห็นวาขอนี้ เปนความจริงถึงที่สุดจริงๆ ดวย
à¾ÃÒÐÇ‹Ò¤¹àÃÒ¨ÐÃÑ¡¡Ñ¹¡çÁÕÁÙÅÁÒ¨Ò¡¡ÒÁÒÃÁ³ àÃÒ¨Ðâ¡Ã¸¡Ñ¹ à¡ÅÕ´¡Ñ¹ ÍÔ¨©ÒÃÔÉÂÒ ¦‹Ò¿˜¹¡Ñ¹ ËÃ×ͦ‹ÒµÑÇàͧ¡çµÒÁ ¡ç¨ÐµŒÍ§ÁÕÁÙÅÁÒ¨Ò¡¡ÒÁÒÃÁ³ à¾ÃÒÐÇ‹Ò¤ÇÒÁâ¡Ã¸¤ÇÒÁà¡ÅÕ´¹Ñé¹ ¨ÐµŒÍ§ÁÒ¨Ò¡¡Ò÷Õ赋ҧ½†Òµ‹Ò§ËÇѧ㹡ÒÁÒÃÁ³ Íѹã´Íѹ˹Öè§ áÅŒÇÁÕ»ÃÐ⪹ Íѹ¢Ñ´¡Ñ¹ äÁ‹·Ò§µÃ§¡ç·Ò§ÍŒÍÁ 24 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
Á¹ØÉ ·ÓÍÐä÷ءÍ‹ҧ ÊØ´·ŒÒÂà¾×èÍ¡ÒÁÒÃÁ³ ยิ่งคิดไป ยิ่งจะเห็นไดวา การที่มนุษยตองทำงาน ตองขวนขวาย ตางๆ นานาประการ หรือทำอะไรก็ตาม Âѧ˹؋ÁÂѧṋ¹µŒÍ§¢Âѹ·Ó§Ò¹ เราอาจจะสืบสาวเรื่องราวไปจนพบวา ¨Ðä´ŒÁÕà§Ô¹à¡çºàÂÍÐæ มีความอยากในสิ่งที่ตนใครจะได อยางใดอยางหนึ่งเปนมูลฐาน อยูในสวนลึกทั้งนั้น
à‹ææ ÃÇÂáÅŒÇ ÁÕºŒÒ¹ ÁÕö ÁÕà§Ô¹ÊÁã¨ÍÂÒ¡áÅŒÇ ÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢¨Ñ§
¢ÍãËŒ¾Ô¹Ô¨¤Ô´´ÙáÁŒáµ‹Ç‹Ò ·ÕèàÃÒÍصʋÒË àÅ‹ÒàÃÕ¹ à¾×èÍ»ÃСͺÍÒªÕ¾¹Õé ¡çµŒÍ§ÁÕÁÙÅÁÒ¨Ò¡¡ÒÁÒÃÁ³ à¾ÃÒÐÇ‹Ò໚¹ä»à¾×èÍãˌ䴌 ¼Å¨Ò¡ÍÒªÕ¾ áŌǡç仨ѴËÒ ¤ÇÒÁʺÒÂã¹·Ò§ÃÙ» àÊÕ§ ¡ÅÔè¹ ÃÊ â¼¯°Ñ¾¾Ð·Ñ駹Ñé¹ ¨ÐÁÕÍÐäÃÁҡ仡NjҹÕéàÅ‹Ò ! Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
25
áÁŒáµ‹àÃ×èͧ·ÓºØÞ ÍÍ¡ºÇª ¡çäÁ‹¾Œ¹à¾ÃÒСÒÁÒÃÁ³ ໚¹à赯 แมแตเรื่องทำบุญใหทาน ¢Íãˌ䴌ºØÞàÂÍÐæ เพื่อไปสวรรค ก็เปนการ ¨Ðä´Œä»ÊÇÃä 䴌໚¹à·Ç´ÒËÅ‹Íæ ÁÕÇÔÁÒ¹áÅйҧ¿‡ÒÊÇÂæ à·ÍÞ กลาววามีมูลมาจาก ความหวังในทางกามารมณ เพราะฉะนั้น อาตมา จึงจำกัดความลงไปวา “เพียงเรื่องของโลก” อยาใหกาวกายไปถึง เรื่องของโลกุตตระ เชน การที่ออกบวช ทำความเพียรเพื่อตัดกิเลสเสียใหสิ้น เราไมถือวามีมูล เพื่อจะใหไดซึ่ง กามารมณ เวนแตการกระทำของคนบางพวก หรือนักบวชบางพวกที่ทำ เพื่อกามารมณ ในโลกในภพสวรรคชั้นใดชั้นหนึ่งนั้นก็มีเหมือนกัน แตนั่น ไมใชในพุทธศาสนา
ᵋ¶Ö§Í‹ҧ¹Ñ鹡çµÒÁ àÃÒÂѧÁÕ·Ò§·Õè¨Ð¡Å‹ÒÇä´Œâ´ÂÍŒÍÁÍÕ¡Ç‹Ò à¾ÃÒÐà¡ÅÕ´¡ÅÑÇ¡ÒÁÒÃÁ³ «Öè§à»š¹à¤Ã×èͧ¤Ãͺ§ÓÂèÓÂÕâÅ¡¹Ñè¹àͧ àÃÒ¨Ö§ÍÍ¡»ÃоĵԾÃËÁ¨Ãàà¾×èÍËÒÇÔ¸Õ·Õè¨ÐÍÂÙ‹à˹×ÍÍÓ¹Ò¨¢Í§¡ÒÁÒÃÁ³ àËÅ‹Ò¹Õé໚¹µŒ¹ นี้ก็เรียกวาการบวชนั้นมีมูลมาจากกามารมณโดยออม คือคนละ แนว แตรวมความแลวก็อาจที่จะกลาววา ความยุงยากปนปวนของสัตว ของมนุษย ของโลกทั้งสิ้นนั้น มีมูลมาจากกามารมณ ไดอยูนั่นเอง 26 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
¡ÒÁ·ÓãËŒâÅ¡µÑé§ÍÂÙ‹ËÃ×ÍᵡÊÅÒ¡çä´Œ ทำไมกามารมณจึงมีอำนาจรายกาจถึงเพียงนี้ ? ก็เพราะเหตุวา เพราะอำนาจของกามุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่น ยึดติดอยางเหนียวแนนในกามตัวนี้เอง พระพุทธเจาทานจึงตรัสไวในฐานะเปนอุปาทานขอตน เปนปญหาเกี่ยวกับโลกโดยตรง
âÅ¡¨ÐµÑé§ÍÂÙË‹ Ã×ͨÐËÁØ¹ä» ËÃ×ͨÐᵡ´ÑºÇÔ¹ÒÈ©ÔºËÒ ËÃ×ͨÐ໚¹ÍÐäáçµÒÁ ‹ÍÁÁÕÁÙÅÁÒ¨Ò¡¡ÒÁػҷҹ¹Õé â´ÂµÃ§áÅзÑèÇä»
โลก แล จะแต ว !! ก
เราควรจะพิจารณาใหมองเห็นชัดในตัวเราเองวา เรามีกามุปาทานกันอยางไร มาตั้งแตเมื่อไหร และเหนียวแนนเพียงไร และอยูใน ลักษณะที่ออกจะเหลือวิสัยที่เราจะละไดจริงๆ หรือไม ถาหากวาเรา ไมพึ่งสติปญญาของพระพุทธเจา แลวเราจะสามารถละ !! กามุปาทานกันไดอยางไร M O BO ดูยังมืดมนมาก สิ่งนี้แหละ คือสิ่งที่ BOOM !! สงคราม !! เรียกวา กามุปาทาน อันจะตัดหรือละได ดวยการประพฤติปฏิบัติ ของกู !! กูจะเอา !! ในทางพุทธศาสนาชั้นสูง เศราโวย !! ไมใชชั้นศีลธรรม หรือจริยธรรมตามธรรมดา Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
27
¡ÒÁػҷҹ ÁÕ»ÃÐ⪹ ºŒÒ§ã¹·Ò§âÅ¡ ᵋÊÌҧ·Ø¡¢ âÈ¡ÁÒ¡ÁÒÂã¹·Ò§¸ÃÃÁ ä´Œà§Ô¹ÁÒáŌǡç·ÓºØÞ·Ó·Ò¹ à¾×è͡ӨѴ¤ÇÒÁàËç¹á¡‹µÑǹÐÅÙ¡ ·Ó§Ò¹à¾×èͧҹ ·Ó§Ò¹´ŒÇ¨ԵNjҧ
¸ÃÃÁоҤÃͺ¤ÃÑÇ à»š¹ÊØ¢
´Õ¨Ñ§àŤÃѺ ÊҸؤ‹Ð
ขยัน ซื่อสัตย มานะ อดทน
สันโดษหรือพอเพียงคือความสุข
ถาวากันอยางตามธรรมดาหรือพื้นๆ ทั่วไปอยางโลกๆ แลว กามุปาทานเสียอีก กลับจะเปนสิ่งที่มีประโยชนอยางใหญหลวง ที่วา มีประโยชน หมายความวาจะทำใหรักครอบครัว จะทำใหขยันขันแข็ง ในการแสวงหาทรัพยและชื่อเสียง ฯลฯ อะไรเหลานี้เปนตน ลวนแตมีมูล มาจากกามุปาทานอยูทั้งนั้น ถาจะเพงไปในทางดีอยางโลกๆ ก็นับวา เปนกำลังอันหนึ่ง ซึ่งทำใหคนขยันขันแข็ง
หยุดความคิดอยากได อยากมี อยากเปน ไวสักครู แลวทบทวนดูเถิด จะพบวาชั่วชีวิตของเราไมมีอะไรเที่ยงแทแนนอน
28 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ᵋ¶ŒÒÁͧ¡Ñ¹ã¹á§‹¢Í§¸ÃÃÁ ¨ÐÃÙŒÊÖ¡Ç‹Ò à»š¹·Ò§ÁÒáË‹§¤ÇÒÁ·Ø¡¢ ·ÃÁÒ¹ÍѹàÃŒ¹ÅѺ à¾ÃÒЩйÑé¹ã¹·Ò§¸ÃÃÁ ¡ÒÁػҷҹ¨Ö§à»š¹ÊÔ觷Õ赌ͧ¤Çº¤ØÁ ËÃ×Ͷ֧¡Ñºà»š¹ÊÔ觷Õè¨ÐµŒÍ§ÅÐã¹·ÕèÊØ´ เราละไดหรือยัง ? เราจะละกันหรือยัง ? นั่นเปนอีกเรื่องหนึ่ง ขอแตใหเขาใจไวอยางชัดเจน วานี่แหละคือสิ่งที่พุทธศาสนามุงหมาย จะใหไดรับการควบคุม มุงหมายจะใหละในที่สุด นับเปนอุปาทานขอแรก à§Ô¹ à§Ô¹ à§Ô¹ µÒÂä»áÅŒÇàÍÒÍÐäÃä»äÁ‹ä´Œ¨ÃÔ§æ
àÍÒºŒÒ¹ àÍÒö àÍÒà§Ô¹¡ÃдÒÉ ä»ãªŒ¡‹Í¹¹Ð Î×Íæ
¾‹Í¨ŽÒ Í‹ҷÔ駾ǡàÃÒä» Î×Íæ
การพิจารณา “พระไตรลักษณ” คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั้น พระพุทธเจา ทรงสอนใหเราเขามาพิจารณาในกายในใจของเรานี้เอง เชน ทางกาย เราหายใจ เขาแลวก็ตองหายใจออก เพราะมันไมเที่ยง มันทนอยูไมได แลวเราก็บังคับไมได ลองหายใจเขาอยางเดียวดูสิครับ ! ทุกขไหม ? สวนทางใจนั้น ไมวาจะความสุข ความทุกข หรือความเฉยๆ ลวนผานมาผานไปเพียงชั่วคราว มันทนอยูไมได แลวเราก็บังคับไมได หรือ เราบังคับใหเรามีแตความสุขได ? นี่คือความจริงของกายและใจหรือที่เรียกวาพระไตรลักษณ คนเราศึกษาอะไรกันมาก็มากแลว แตเราไมเคยไดเขามาศึกษาตัวเราเองเลย Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
29
ö. ·Ô¯€Ø»Ò·Ò¹ ¤×Í ¡ÒÃÂÖ´ÁÑè¹ã¹¤ÇÒÁ¤Ô´¤ÇÒÁàË繢ͧµ¹ ¡ÒÃÂÖ´ÁÑè¹ã¹¤ÇÒÁ¤Ô´¤ÇÒÁàË繢ͧµ¹ ໚¹â·ÉÀÑ·ÕèÌҡҨäÁ‹¹ŒÍÂ仡NjҡÒÁػҷҹ
“ทิฏุปาทาน”
ยึดมั่นดวยทิฏฐิ คือความคิดความเห็น ซึ่งเปนอุปาทาน ขอที่สองนั้น ก็เปนสิ่งที่พอจะมองเห็นและเขาใจไดงายไมยากนักเหมือนกัน
¾ÍàÃÒà¡Ô´ÁÒã¹âÅ¡ àÃҡ経ͧ䴌ÃѺ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒͺÃÁ ãËŒà¡Ô´à»š¹¤ÇÒÁàË繪¹Ô´·ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò ·Ô¯°Ô ¤×ͤÇÒÁàË繪¹Ô´·ÕèÁÕäÇŒ ÊÓËÃѺ¶×ÍÃÑé¹ÂÖ´ÁÑè¹ äÁ‹¤‹ÍÂÂÍÁã¤Ã§‹ÒÂæ ¹ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò ·Ô¯°Ô ¤ÇÒÁàË繪¹Ô´¹Õé ¤¹·Ø¡¤¹¨ÐµŒÍ§ÂÖ´ÁÑ蹢ͧµ¹´ŒÇ¡ѹ·Ñ駹Ñé¹ ÍÂÙ‹ã¹ÅѡɳзÕèÍÒ¨¨Ð¨Ñ´à»š¹ÊÑÞªÒµÞÒ³ ¡Å‹ÒÇÍ‹ҧ¹Õé¡çäÁ‹¼Ô´ ลักษณะที่ยึดมั่นดวยทิฏฐิความคิดความเห็นของตนนี้ เปนไป ตามธรรมชาติ เราไมติเตียนกันนัก และเปนสิ่งที่หามไมได เพราะเปน เรื่องของธรรมชาติ แตถาเรามองใหดีก็จะเห็นเปนโทษเปนภัยที่รายกาจ อยูไมนอยเหมือนกัน คือไมนอยไปกวากามุปาทาน 30 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉÂ ó ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “Íػҷҹ ô” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
·Ô¯°ÔàÃ×èͧ¸ÃÃÁªÒµÔ·Õ赌ͧ¾Ñ²¹ÒãËŒ¶Ù¡µŒÍ§¨¹¶Ö§·ÕèÊØ´ ¤Ø³¹Ñè¹áËÅмԴ ! ¤Ø³¢ÑºÁÒª¹¼ÁàµçÁæ
¤Ø³¹Ñè¹áËÅмԴ ! ¼Á¢ÑºÁҢͧ¼Á´Õæ ᵋ¤Ø³¹Ñè¹áËÅÐ ÁÒª¹¼Á
¶ŒÒ¤¹àÃÒÂÖ´ÁÑè¹ã¹·Ô¯°Ô¤ÇÒÁ¤Ô´¤ÇÒÁàËç¹à´ÔÁæ ¢Í§µÑÇ Í‹ҧã´Í‹ҧ˹Öè§ à»š¹¤¹´×éÍ´Ö§â´Âà´ç´¢Ò´áÅŒÇ ¡çá»ÅÇ‹Ò ¨ÐµŒÍ§ä´ŒÃѺ¤ÇÒÁÇÔ¹ÒÈ àÃÒ¨Ó໚¹·Õè¨ÐµŒÍ§»ÃѺ»Ãا·Ô¯°Ô ¤ÇÒÁ¤Ô´àË繢ͧàÃÒ¹Õé ãËŒ¶Ù¡ÂÔè§æ ¢Öé¹ ãËŒ´ÕãËŒÊÙ§ÂÔ觢Öé¹ แมวาเราจะยังคงยึดถือทิฏฐิอยูก็ตาม เราจะตองปรับปรุงใหดี ยิ่งขึ้น คือจากมิจฉาทิฏฐิ ใหคอยๆ กลายมาเปนสัมมาทิฏฐิ และยิ่งๆ ขึ้น จนเปนสัมมาทิฏฐิถึงที่สุด ชนิดที่รูอริยสัจจ ดังที่อาตมาไดบรรยายแลว แตวันกอน สัมมาทิฏฐิ แปลวา ความเห็นถูกตอง หมายถึง การพิจารณาสิ่งตางๆ โดยเฉพาะการพิจารณากายและใจจนเห็นตามความเปนจริงคือ “ไตรลักษณ” อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใหมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพิจารณาสิ่งตางๆ จนเกิดปญญา แกรอบมากขึ้นเรื่อยๆ แลว จิตจะรูแจง “อริยสัจ” คือเห็นทุกข (ทุกข), เห็นเหตุแหงทุกข (สมุทัย), เห็นความดับทุกข (นิโรธ), และเห็นหนทางดำเนินสูความพนทุกข (มรรค) ในที่สุด Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
31