Dhamma Guide : D.G. ณัฐพันธ ปนทวีเกียรติ บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุสัตย ออกแบบปก : อนุชิต คำซองเมือง บรรณาธิการศิลปะ : อนุชิต คำซองเมือง ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา รูปเลม/จัดอารต : วันดี ตามเที่ยงตรง
ÃдÁ¸ÃÃÁ ¹ÓÊѹµÔÊØ¢ “¢ÍãËŒ¤Ô´´Ùà¶Ô´ âÅ¡»˜¨¨ØºÑ¹¹Õé¡ÓÅѧ໚¹Í‹ҧäà ¶ŒÒàËç¹Ç‹ÒâÅ¡¡ÓÅѧà»ÅÕè¹ä»ÊÙ‹¤ÇÒÁÇÔ¹ÒÈáÅŒÇ àÃÒ¡ç¨ÐµŒÍ§¹Ö¡¡Ñ¹¶Ö§¡ÒÃá¡Œä¢ ¶ŒÒÁѹà´Ô¹ä»¼Ô´ àÃҡ経ͧ¶ÍÂËÅѧÁÒËÒ¤ÇÒÁ¶Ù¡ ÂÔè§à´Ô¹ä»Áѹ¡çÂÔ觼ԴÁÒ¡ä» ËÃ×ͨÐÍÍ¡¢ŒÒ§æ ¤Ùæ Áѹ¡ç¤§¨ÐäÁ‹¶Ù¡ä´Œ ¶ŒÒàÁ×èÍ ÊÁÑÂâºÃҳᵋ¡ÒÅ¡‹Í¹Áѹ¶Ù¡ ¤×ÍÁѹäÁ‹ÁÕà˵ءÒó àÅÇ·ÃÒÁÍ‹ҧ¹Õé ¡ç¨Ó໚¹ ÍÂÙ‹àͧ ·Õè¨ÐµŒÍ§¶ÍÂËÅѧࢌҤÅͧä»ËÒ¤ÇÒÁ¶Ù¡¹Ñé¹ à´ÕëÂǹÕéÁѹÁÕ¤ÇÒÁà»ÅÕè¹á»Å§ 㹡ÒÃÁÕ¸ÃÃÁТͧᵋÅФ¹ ·Õ¹ÕéàÃÒ ¡ç¨ÐÃдÁ¸ÃÃÁ¹Õé ¡çà¾×èÍâÅ¡»˜¨¨ØºÑ¹¹Õé Í‹Òä´ŒàÅǵ‹Íä»ÍÕ¡ à¾ÃÒÐÁѹàÅÇÁÒ¡ ¾ÍáÅŒÇ ÂŒÍ¹¡ÅѺÁÒËÒ¤ÇÒÁ»ÅÍ´ÀÑ à¾×èͨÐ䴌໚¹âÅ¡·ÕèÍÂÙ‹ã¹ÃٻẺ·Õè ÊÁºÙó ·Õè¾Ö§»ÃÒö¹Ò àÃÕ¡NjÒ໚¹âÅ¡·ÕèÁѹÁÕ¤ÇÒÁÊÐÍÒ´ ÁÕ¤ÇÒÁÊÇ‹Ò§ ÁÕ¤ÇÒÁʧº ÍÂً㹨Ե㨢ͧÁ¹ØÉ µÒÁÊÁ¤Çà ¶ŒÒ¤¹áµ‹ÅФ¹ÁÕ¤ÇÒÁÊÐÍÒ´ ÊÇ‹Ò§ ʧº ÊÒÁÍ‹ҧ¹ÕéÍÂً㹨Եã¨áÅŒÇ âÅ¡¹Õé¡ç໚¹âÅ¡áË‹§¤ÇÒÁÊÐÍÒ´ ÊÇ‹Ò§ ʧº â´ÂäÁ‹µŒÍ§Ê§ÊÑ àÃÒÍÂÒ¡¨ÐÁÕâÅ¡ã¹ÃٻẺ·Õ蹋Ҫ×è¹ã¨ ¹‹Ò»ÃÒö¹Ò àÃÒ¨Ö§µŒÍ§ÁÕ¡ÒÃᡌ䢔
พุทธทาส จักอยูไป ไมมีตาย ชาตกาล ๒๗ พ.ค. ๒๔๔๙ มรณกาล ๘ ก.ค. ๒๕๓๖
¤Ó¹ÓÊӹѡ¾ÔÁ¾ ธรรมบรรยายชุ ด “คู่ มื อ มนุ ษ ย์ ” ของพระเดชพระคุ ณ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาส อินฺทปฺโ) หรือหลวงปูพุทธทาสภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหนึ่งใน ผลงานซึ่งถือว่าเป็นเพชรน้ำเอกที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมชมชอบ จากชาวพุทธอย่างกว้างขวางจนมีการนำไปแปลเป็นภาษาต่างๆ ในหลาย ประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะหลวงปูพุทธทาสภิกขุได้บรรยายเรื่องสำคัญที่สุด ที่มนุษย์ทุกคนควรจะต้องรู้ และควรจะต้องปฏิบัติตามให้จงได้ เพื่อ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ธรรมบรรยายชุดนี้ หลวงปูพุทธทาสได้บรรยายอบรมผู้ที่จะรับ การโปรดเกล้าฯ เป็นตุลาการ รุ่นป ๒๔๙๙ ณ ห้องบรรยายของเนติบัณฑิตยสภา ระหว่างวันที่ ๒-๒๒ พฤษภาคม ๒๔๙๙ รวมทั้งหมด ๑๐ ครั้ง ๑๐ หัวเรื่อง ดังนี้ ครั้งที่ ๑ : ใจความสำคัญของพุทธศาสนา (พุทธศาสนามุ่งชี้อะไรเป็นอะไร) (๒ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๒ : ไตรลักษณ (ลักษณะสามัญของสิ่งทั้งปวง) (๔ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๓ : อุปาทาน ๔ (อำนาจของความยึดติด) (๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๔ : ไตรสิกขา (ขั้นของการปฏิบัติศาสนา) (๘ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๕ : เบญจขันธ (คนเราติดอะไร) (๙ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๖ : สมาธิและวิปัสสนาตามธรรมชาติ (๑๑ พ.ค. ๒๔๙๙) (การทำให้รู้แจ้งตามวิธีธรรมชาติ)
ครั้งที่ ๗ : สมาธิและวิปัสสนาตามหลักวิชาในรูปเทคนิค (การทำให้รู้แจ้งตามหลักวิชา) (๑๔ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๘ : อริยบุคคลกับการละกิเลส (ลำดับแห่งความหลุดพ้นจากโลก) (๑๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๙ : พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเป็นคน) (๑๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๑๐ : ตุลาการตามอุดมคติแห่งพระพุทธศาสนา (ภาคสรุปความ) (๒๒ พ.ค. ๒๔๙๙) ด้วยทาง สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ได้เล็งเห็น คุณค่าและประโยชน์สุขที่ผู้อ่านจะพึงได้รับ จึงได้นำธรรมบรรยายชุด “คู่มือมนุษย์” ทั้ง ๑๐ หัวเรื่องมาจัดพิมพ์ใหม่ โดยจัดแยกเป็น ๑๐ เล่ม ตามหัวข้อ เน้นให้เป็นฉบับที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย เพื่อความสะดวกในการ ศึกษาแก่ผู้อ่าน โดยได้เพิ่มภาพประกอบพร้อมคำการ์ตูน ชูคำเด่น เน้น ข้อความ ตั้งหัวข้อใหญ่ หัวข้อย่อย แบ่งวรรคตอน ซอยย่อหน้าใหม่ ใส่สีสัน เสริมธรรมให้ผู้อ่านอ่านได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น เมื่ออ่านไปทีละเล่ม ทีละหัวเรื่องแล้ว จะทำให้เราเข้าใจหลักธรรมคำสั่งสอนและหลักปฏิบัติ ที่ถูกต้องทางพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้น หนังสือ “คู่มือมนุษย์ ฉบับอ่านง่าย เข้าใจง่าย เรื่อง ไตรสิกขา (ขั้นของการปฏิบัติศาสนา)” เล่มนี้ จัดเป็นธรรมบรรยายลำดับที่ ๔ มีเนื้อหาสาระสำคัญที่มุ่งเน้นให้ผู้อ่านได้เห็นชัดว่า หลัก “ไตรสิกขา” หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ เป็นหลักปฏิบัติสำคัญที่มีไว้เพื่อดับต้นตอ แห่งความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงอันเกิดจากอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) ทั้ง ๔ ประการ จนกระทั่งเข้าถึงพระนิพพานอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด ของพระพุทธศาสนา
ดังคำกล่าวของท่านพุทธทาสภิกขุที่ว่า...
“ËÅÑ¡äµÃÊÔ¡¢Ò·Ñé§ ó ¢ŒÍ¹Õé¨ÐäÁ‹¤Ñ´¤ŒÒ¹¡ÑºÈÒʹÒä˹àÅ ã¹àÁ×èÍÈÒʹҹÑé¹µŒÍ§¡ÒèÐá¡Œ»˜ÞËÒµ‹Ò§æ ·Õè໚¹¤ÇÒÁ·Ø¡¢ ¢Í§Á¹ØÉ ” ดังนั้นจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นคู่มือช่วยชี้ทาง ให้เราทุกคนได้พบเจอแสงสว่างแห่งชีวิต เพื่อมุ่งสู่เส้นทางแห่งการดับทุกข์ อย่างสิ้นเชิง สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ขออนุโมทนา สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน à¨ÃÔÞ㹸ÃÃÁ ¤ÃѺ·Ø¡·‹Ò¹
àÁ×èÍÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºÑµÔ¸ÃÃÁáÅŒÇ Í‹ÒÅ×Áª‹Ç¡ѹÃдÁ¸ÃÃÁ ¹ÓÊѹµÔÊØ¢ãËŒ¼ÙŒÍ×è¹ä´ŒÊØ¢µÒÁ¹Ð¤ÃѺ ¸ÃÃÁÐÊÇÑÊ´Õ¤ÃѺ
โปรดใชเลมนี้ใหคุมสุดคุม & อานแลว -> แบงกันอานหลายทานนะจะ
อานสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝกฝนปญญา พัฒนาการประยุกตใชในชีวิตประจำวัน จิตมีสติสัมปชัญญะ รูเทาทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สุข สงบ เย็น เฉกเชนพระนิพพาน สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน ปรารถนาใหทุกครอบครัวมีความสุข
¡ÃÒº¹ÁÑÊ¡ÒÃáÅСÃÒºÊÇÑÊ´Õ ¼ÙŒÁÕºØÞ·Ø¡·‹Ò¹ “มนุษย์จำต้องมี ‘คู่มือมนุษย์’ ด้วยหรือ ??” หลายๆ ท่านอาจจะเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ เมื่อได้เห็นหนังสือ ชื่อแปลกๆ เล่มนี้นะครับ “เอะ !! แล้ว มนุษย์ คืออะไร ??” “แล้วเราเป็น มนุษย์ หรือเปล่า ??” “เราไม่ใช่ มนุษย์ หรือ ??” “คนคือมนุษย์ ?? มนุษย์ก็คือคนนี่ ??” หากคุณเข้าใจง่ายๆ แบบนี้แล้วล่ะก็... “หนังสือคู่มือมนุษย์” ของท่านพุทธทาสภิกขุ ฉบับอ่านง่าย เข้าใจง่าย โดย สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ที่คุณถืออยู่ในมือเล่มนี้จะทำให้คุณได้รับความกระจ่างชัดมากขึ้น เรื่อยๆ จนคุณต้องอุทานออกมาว่า... “เราต้องกลับไปเปน มนุษย์ ให้ได้ !!” ในที่สุด
ÊÒúÑÞ “ไตรสิกขา” มีความสำคัญเพื่อการดับทุกข์ อันเกิดจากอุปาทาน
ø
“สีลสิกขา” ข้อปฏิบัติเบื้องต้นเพื่อเตรียมความพร้อมสู่ความรู้แจ้ง “สมาธิ” ขั้นฝกฝนอบรมจิตให้พร้อมแก่การนำไปใช้ประโยชน์
óø ôù
òõ
óñ
ฝกสมาธิถูกต้อง “ปัญญา” คือความเห็นแจ้งก็เกิด
ความเห็นแจ้ง จนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย คลายจากสิ่งที่หลง คือ ปัญญาในพุทธศาสนา
“ไตรสิกขา” เปนหลักปฏิบัติที่สามารถตัดอุปาทาน ถอนตนจากความเปนทาสได้จริง
õõ
õù
“แวะเลาชาดก” : มักกฏชาดก วาดวยลิงเจาเลห
öö
“ธรรมะสวัสดี” : ความจริงของชีวิต
÷÷
“ความสุข” จากการเจริญสติดวย “พุทโธ” ในชีวิตประจำวัน
ñ. “äµÃÊÔ¡¢Ò” ÁÕ¤ÇÒÁÊÓ¤ÑÞà¾×èÍ¡ÒôѺ·Ø¡¢ Íѹà¡Ô´¨Ò¡Íػҷҹ ËÒ¡µŒÍ§¡ÒôѺ·Ø¡¢ àÃÒµŒÍ§»¯ÔºÑµÔµÒÁËÅÑ¡ “äµÃÊÔ¡¢Ò” ÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ ËÒ¡µŒÍ§¡ÒôѺ·Ø¡¢ ¾Ç¡àÃÒµŒÍ§·ÓÍ‹ҧäà ¤ÃѺËÅǧ»Ù† ?
ÊÒ¸Ø ¾Ç¡àÃҨеÑé§ã¨ ÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºÑµÔµÒÁ ·ÕèËÅǧ»Ù†ÊÑè§Ê͹¤ÃѺ
ท่านที่จะเป็นผู้พิพากษาทั้งหลาย อาตมาได้บรรยายให้ทราบ ในการบรรยายครั้งแรกที่สุด ถึงข้อที่ว่า...
ËÅÑ¡¾Ãоط¸ÈÒʹҷءæ àÃ×èͧ ŌǹᵋÊÃػŧ䴌ã¹ËÅÑ¡·ÕèÇ‹Ò à»š¹¡ÒÃáÊ´§ãËŒàËç¹á¨Œ§µÒÁ·Õè໚¹¨ÃÔ§ã¹ÊÔ觷Ñ駻ǧ Ç‹ÒÍÐäÃ໚¹ÍÐäà ¨¹»¯ÔºÑµÔ¶Ù¡µ‹ÍÊÔ觹Ñé¹æ à·‹Ò¹Ñé¹àͧò ข้อนี้เท่ากับเป็นการกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า พระไตรปฎกทุกๆ หน้า ล้วนแต่เปนคำบอกกล่าวว่า “อะไรเปนอะไร” เท่านั้น ๑
บรรยายอบรมผู้ที่จะเป็นผู้พิพากษา ณ ห้องบรรยายของเนติบัณฑิตยสภา ๘ พ.ค. ๒๔๙๙ ขณะดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระอริยนันทมุนี ๒ ติดตามอ่านหัวข้อนี้ได้ใน คู่มือมนุษย์ ฉบับอ่านง่าย เข้าใจง่าย เล่ม ๑ : ใจความสำคัญของพุทธศาสนา (พุทธศาสนามุ่งชี้อะไรเปนอะไร) โดย สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
8
¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ÊÒ¸Ø
ในครั้งถัดมาได้บรรยายให้ทราบชัดลงไปว่า ที่ว่าอะไรเป็นอะไร นั้น ใจความที่สำคัญที่สุดก็คือ...
·Ø¡ÊÔè§à»š¹ ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ äÁ‹ÁÕÍÐä÷Õ蹋ÒËŧãËÅ »ÃÒö¹ÒËÃ×͹‹ÒÂÖ´¶×ÍàÅ ÍѹàÃÕÂ¡Ç‹Ò “àÃ×èͧäµÃÅѡɳ ”ñ ถัดมาอีก ได้แสดงให้ทราบว่า...
¡Ò÷ÕèࢌÒä»ËŧãËÅã¹ÊÔ觵‹Ò§æ ·Ñ駷ÕèÁѹ໚¹ ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ ¹Ñé¹à»š¹à¾ÃÒСÒü١¾Ñ¹¢Í§ “Íػҷҹ”ò ËÃ×ͤÇÒÁÂÖ´¶×Ͷ֧ ô »ÃСÒà ´ŒÇÂÍÓ¹Ò¨¢Í§ÍÇÔªªÒ ¨Ö§ä´Œà»š¹·Ø¡¢ ¹Ò¹Òª¹Ô´áÅÐäÁ‹ÊËҧ ·Ø¡ÊÔè§ÅŒÇ¹µ¡ÍÂÙ‹ÀÒÂ㵌 ¡®áË‹§ “¾ÃÐäµÃÅѡɳ ” ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ
´Ñ§¹ÕéáÅŒÇ àÃÒÁÒ»¯ÔºÑµÔÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ à¾×èʹѺ·Ø¡¢ Íѹà¡Ô´¨Ò¡Íػҷҹ¡Ñ¹à¶Ô´
๑
ติดตามอ่านหัวข้อนี้ได้ใน คู่มือมนุษย์ ฉบับอ่านง่าย เข้าใจง่าย เล่ม ๒ : ไตรลักษณ์ (ลักษณะสามัญของสิ่งทั้งปวง) โดย สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ๒ ติดตามอ่านหัวข้อนี้ได้ใน คู่มือมนุษย์ ฉบับอ่านง่าย เข้าใจง่าย เล่ม ๓ : อุปาทาน ๔ (อำนาจของความยึดติด) โดย สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อ พุทธศาสน์ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
9
·Ø¡¢ ·Õèà¡Ô´¨Ò¡ÍػҷҹÁÕËÅÒÂÃдѺ ¨Ö§µŒÍ§ÁÕÇÔ¸Õá¡Œ ó ªÑé¹ ÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ ทั้งหมดนี้เป็นใจความสำคัญของพระพุทธศาสนาส่วนหนึ่ง อัน เป็นส่วนที่ลึกซึ้ง และเป็นใจความสำคัญที่เราจะต้องเข้าให้ถึงในเบื้องต้น เสียก่อน เราจึงจะเข้าใจในข้อปฏิบัติต่างๆ ที่มีอยู่เป็นหมวดเป็นหมู่ เพื่อ ดับความทุกข์ต่างๆ ที่มีมูลมาจากตัณหาหรืออุปาทานเหล่านั้นได้โดยง่าย ฉะนั้นในวันนี้ เราก็มาถึงวาระที่จะต้องบรรยายให้ทราบกันต่อไป ว่าทำอย่างไรหรือมีวิธีใดที่จะตัดอุปาทานเหล่านั้นเสียให้ได้ โดยเฉพาะ หลักพุทธศาสนาทั่วๆ ไป เราจะได้ยินได้ฟงคำต่างๆ ที่บัญญัติไว้เฉพาะ เป็นอันมาก แต่เกี่ยวกับกรณีนี้ก็คือคำ ๓ คำที่เรียกว่า ศีล สมาธิ ปญญา
ÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ ¹Õé ÁÕÁÙÅÊÓ¤ÑÞÍÂÙ‹µÃ§·ÕÁè ÕäÇŒà¾×èʹѺ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ Íѹà¡Ô´ÁÒ¨Ò¡Íػҷҹ ô »ÃСÒà ´Ñ§·Õè¡Å‹ÒÇáŌǹÑè¹àͧ ¢ŒÍ»¯ÔºÑµÔÊÓËÃѺãËŒ·Ø¡¤¹»¯ÔºÑµÔ¹Ñé¹ ·‹Ò¹ÁÕÅӴѺänj໚¹ªÑé¹æ ÊÓËÃѺ¤¹·ÕèÂѧäÁ‹ÊÒÁÒöà¾Õ§¾Í·Õè¨Ð»¯ÔºÑµÔã¹¢Ñé¹ÊÙ§ ¡çÁÕ¢ŒÍ»¯ÔºÑµÔµŒ¹æ ãËŒ»¯ÔºÑµÔ仡‹Í¹ áŌǡç¨Ð¤‹Í¡ŒÒÇࢌÒä»ËÒ¢ŒÍ»¯ÔºÑµÔªÑé¹ÊÙ§·Õè¨ÐµÑ´Íػҷҹ ËÃ×͵Ѵ¡ÔàÅÊʋǹÅÖ¡ä´ŒÍÂÙ‹´Õ à˵عÕé¨Ö§µŒÍ§ÁÕ¢ŒÍ»¯ÔºÑµÔËÃ×ÍÊÔ¡¢Ò໚¹ªÑé¹æ คอยๆ อาน คอยๆ คิด
คราคิดติดขัด หยุดพักสักนิด ทำจิตใหสงบ จักพบทางออก
10 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ªÑé¹·Õè ñ “ÈÕÅ” ¡ÒûÃоĵԡÒ ÇÒ¨Ò äÁ‹ãËŒà¡Ô´â·É ·Ñé§á¡‹µ¹áÅмٌÍ×è¹ ข้อปฏิบัติ ๓ ชั้น ที่เรียกว่า “ไตรสิกขา” หรือสิกขา ๓ อย่างนั้น ชั้นแรกที่สุดเรียกว่า...
“ÈÕÅ” ËÁÒ¶֧ ¡ÒûÃоĵԴջÃоĵԶ١ µÒÁËÅÑ¡·ÑèÇæ ä»·ÕèÁÕËÅÑ¡ÍÂÙ‹Ç‹Ò äÁ‹à»š¹¡Ò÷ÓãËŒ¼ÙŒÍ×è¹à´×ʹÌ͹ äÁ‹·Óµ¹ãËŒà´×ʹÌ͹ ในการที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่เป็นสังคมมนุษย์ หรือเกี่ยวข้องกัน ภายในครอบครัว หรือแม้ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งของเครื่องใช้สอยต่างๆ ที่เป็นของจำเป็นแก่ชีวิต ซึ่งทั้งหมดนั้น เราจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ในลักษณะที่จะไม่เกิดโทษหรือเกิดอันตรายขึ้นจากสิ่งเหล่านี้
àÁ×èÍã¨ÁÕÈÕŠ㨨Ð໚¹»Ã¡µÔ äÁ‹àÈÃŒÒËÁͧ àÁ×èÍã¨à»š¹»Ã¡µÔ äÁ‹àÈÃŒÒËÁͧ 㨡ç¨ÐµÑé§ÁÑè¹à»š¹ÊÁÒ¸Ô àÁ×èÍ㨵Ñé§ÁÑè¹à»š¹ÊÁÒ¸ÔáÅŒÇ àÃÒ¨ÐÊÒÁÒöÁͧàËç¹·Ø¡ÊÔè§ µÒÁ¤ÇÒÁ໚¹¨ÃÔ§ ¨¹à¡Ô´»˜ÞÞÒ ¹ÕèáËÅÐ “äµÃÊÔ¡¢Ò” ÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ
Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
11
ข้อปฏิบัติเหล่านี้ ในชั้นนี้ เรียกว่า ศีล ถ้าเรียกเต็มที่ก็เรียกว่า “สีลสิกขา” แปลว่า สิ่งที่ควรศึกษาหรือควรอบรมที่เป็นชั้นศีล
áÁŒ¨ÐÁÕ¡ÒèÓṡänj໚¹ ÈÕÅËŒÒ ÈÕÅá»´ ËÃ×ÍÈÕÅ òò÷ áÅÐÍ×è¹æ Íա໚¹ÍѹÁÒ¡¡çµÒÁ ᵋÃÇÁ㨤ÇÒÁáŌǡçÍÂÙ‹µÃ§·Õè ໚¹¡Òû¯ÔºÑµÔà¾×èͤÇÒÁ»Ã¡µÔʧºàÃÕºÌÍ »ÃÒȨҡâ·ÉªÑé¹µŒ¹æ ·Õè໚¹ä»·Ò§¡Ò ·Ò§ÇÒ¨Ò ·Ñ駷Õèà¡ÕèÂǡѺÊѧ¤ÁËÃ×ÍʋǹµÑÇ ËÃ×ÍÊÔ觢ͧµ‹Ò§æ ·Õè¨Ó໚¹á¡‹¡ÒÃÍÂÙ‹ ´Ñ§·Õè¡Å‹ÒÇÁÒ¹Õé·Ñ駹Ñé¹ รายละเอียดเรื่องศีลนั้นๆ จะหาศึกษาได้จากตำรับตำราอันว่า ด้วยเรื่องนั้นโดยเฉพาะ เป็นรายๆ ไป ÈÕÅ ÈÕÅ ÈÕÅ ÈÕÅ ¢ŒÍ ó ¢ŒÍ ô ¢ŒÍ õ ÈÕÅ ¢ŒÍ ò ¢ŒÍ ñ
ÈÕÅ õ ¢ŒÍ ÁÕÍÐäúŒÒ§¹ŒÍ ?
ÈÕÅ¢ŒÍ ñ äÁ‹¦‹ÒÊÑµÇ äÁ‹·ÓÌҪÕÇÔµ¼ÙŒÍ×è¹ ÈÕÅ¢ŒÍ ò ä‹Á‹ÅÑ¡·ÃѾ ÈÕÅ¢ŒÍ ó äÁ‹¼Ô´ÅÙ¡¼Ô´àÁÕ¼ٌÍ×è¹ ÈÕÅ¢ŒÍ ô äÁ‹â¡Ë¡áÅоٴ¨ÒྌÍ਌ÍËÂÒº¤Ò ÈÕÅ¢ŒÍ õ äÁ‹àʾ¢Í§ÁÖ¹àÁÒ·ÓãËŒàÃÒ¢Ò´ÊµÔ ¶ŒÒ¼Ô´ÈÕÅ¢ŒÍ õ áÅŒÇ ¨Ð·ÓãËŒàÃÒ ·Ó¼Ô´ÈÕÅä´Œ·Ø¡¢ŒÍàŹФÃѺ
ศีล แปลวา ความเปนปรกติ หากเรารักษาศีลที่ใจเพียงขอเดียว คือ คอยมีสติระลึกรูกายและใจ ไมหลง ไมโกรธ ไมโลภ ไมไหลไปตามกระแส แหงกิเลสตัณหา เทากับเรารักษาศีลทั้งหมด ดังนี้แลว หมั่นฝกเจริญสติ เจริญวิปสสนากรรมฐานตามแนวทางที่พระพุทธองคทรงสั่งสอนกันเถิด
12 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ªÑé¹·Õè ò “ÊÁÒ¸Ô” ¡Òýƒ¡ºÑ§¤Ñº¨Ôµ ãËŒÍÂÙ‹ã¹ÀÒÇзÕè¾ÃŒÍÁ·Ó˹ŒÒ·Õè ÁÒ¸Ô Ê ¹ š » à ¹ è Ñ Á § é Ñ ¨Ôµµ ´ŒÇÂÈÕÅ ¶ŒÒàÃÒ¶×ÍÈÕÅáÅŒÇ ¨Ð໚¹Í‹ҧäà ºŒÒ§¤ÃѺ ?
ÈÕÅ á»ÅÇ‹Ò ¤ÇÒÁ»Ã¡µÔ ¶ŒÒã¨à»š¹ÈÕÅ ã¨à»š¹»Ã¡µÔ 㨡ç¨ÐäÁ‹àÈÃŒÒËÁͧ äÁ‹¿Ø‡§«‹Ò¹ à¾ÃÒÐàÃÒäÁ‹ä»·ÓºÒ»¼Ô´ÈÕÅ áÅŒÇ㨡ç¨ÐµÑé§ÁÑè¹à»š¹ÊÁÒ¸Ôä´Œ§‹Ò njÒÇ ! ÈÕŪ‹ÇÂÃÑ¡ÉÒ㨠ãˌ໚¹»Ã¡µÔ¹Õèàͧ
สิกขาชั้นที่ ๒ ที่สูงขึ้นไปอีก เรียกว่า...
“ÊÁÒ¸Ô” ¢ŒÍ¹Õé䴌ᡋ ¡Ò÷Õè¼ÙŒ¹Ñé¹ÊÒÁÒöºÑ§¤Ñº¨Ôµã¨¢Í§µÑÇänj䴌 ã¹ÊÀÒ¾·Õè¨Ð㪌ãˌ໚¹»ÃÐ⪹ ÁÒ¡·ÕèÊØ´µÒÁ·Õèµ¹µŒÍ§¡Òà ขอให้นักศึกษาทั้งหลายตั้งข้อสังเกตความหมายของคำว่าสมาธิ ไว้ให้ถูกต้อง โดยมากท่านทั้งหลายย่อมจะได้ยินได้ฟงมาแต่ก่อนว่า สมาธินั้น คือ ความตั้งใจมั่น แน่วแน่ ถึงกับว่าผู้นั้นแน่นิ่งเหมือนกับท่อนไม้หรือ คนตายไปเลยอย่างนั้นเสียโดยมาก หรือที่ดีกว่านั้นก็มักจะกล่าวกันแต่ เพียงว่าเป็นจิตที่สงบ เป็นจิตที่บริสุทธิ์ แต่ลักษณะเพียง ๒ อย่างนั้น ยังไม่ใช่ความหมายอันแท้จริงของสิ่งที่เราเรียกว่า สมาธิโดยสมบูรณ์ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
13
เพราะยังมีอีกคำหนึ่ง ซึ่งถ้ากล่าวโดยภาษาไทย ก็ได้แก่... การทำจิตนั้นให้เหมาะสมที่จะให้ทำการงานทางจิต เป็นการ บังคับจิต ฝกฝนจิต หรืออบรมจิต หรืออะไรก็สุดแท้ ให้จิตอยู่ในลักษณะ ที่พร้อม ที่มีสมรรถภาพถึงที่สุดในการที่จะปฏิบัติหน้าที่ทางจิต ข้อนี้เอง เป็นความมุ่งหมายอันแท้จริงของสิ่งที่เรียกว่า “สมาธิ” การกล่าวเช่นนี้มีหลักในพุทธวจนะนั่นเอง พระองค์ทรงแสดง ลักษณะของจิตด้วยคำอีกคำหนึ่งซึ่งเป็นคำสำคัญที่สุด คือคำว่า กมฺมนิโย แปลว่า สมควรแก่การทำงาน และคำนี้เป็นคำสุดท้ายที่ทรงแสดงลักษณะ ของจิตที่เป็นสมาธิ
à¾ÃÒЩйÑé¹ ¢ÍãˌࢌÒ㨤ÓÇ‹Ò ÊÁÒ¸Ôæ ¹Õé Ç‹ÒÁÕ¤ÇÒÁÁØ‹§ËÁÒ¶֧ ¡Òúѧ¤Ñº¨Ôµ ÊÒÁÒöºÑ§¤Ñº¨ÔµãËŒµÑé§ÍÂÙ‹ã¹ÀÒÇзÕè¾ÃŒÍÁ·ÕèÊØ´ ·Õè¨Ð·Ó¡Òçҹ㹷ҧ¨Ôµ äÁ‹ãª‹ãËŒºÃÔÊØ·¸Ôìà©Âæ äÁ‹ãª‹ãËŒµÑé§ÁÑè¹Ê§ºà§Õº ËÃ×Íṋ¹Ôè§ä»Í‹ҧà´ÕÂÇ¡çËÒÁÔä´Œ ¢ŒÍ¹ÕéÁÕ¤ÇÒÁËÁÒ·Õè¡Ó¡ÇÁÍѹÍÒ¨·ÓãˌࢌÒ㨼Դ䴌´Ñ§¹Õé ËÒÂã¨à¢ŒÒ...¾Ø· ËÒÂã¨ÍÍ¡...⸠¹Ñ觴١ÒÂÁѹËÒÂã¨à¢ŒÒáÅÐÍÍ¡ ã¨Ë¹Õ令Դ¨¹Å×Á¾Ø·â¸ ¡çãËŒ¤ÍÂÃÙŒ àÃҺѧ¤ÑºÁѹäÁ‹ä´Œ ¹ÕèáËÅФÇÒÁ¨ÃÔ§
¡Òýƒ¡ÊÁÒ¸Ô ¹Í¡¨Ò¡¨Ðä´Œ¤ÇÒÁʧº Âѧ¡‹ÍãËŒà¡Ô´»˜ÞÞÒàËç¹Í¹Ô¨¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ ¢Í§¡ÒÂ㨴ŒÇ¹Õèàͧ
ÊÒ¸Ø
14 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ÊÁÒ¸Ô á»ÅÇ‹Ò ¤ÇÒÁ·Õè¨ÔµµÑé§ÁÑ蹡ç¨ÃÔ§ ᵋäÁ‹ãª‹Ê§º¹Ôè§ áººµÔ´ÊØ¢ µŒÍ§¾ÃŒÍÁá¡‹¡ÒÃà¨ÃÔÞÇÔ»˜ÊÊ¹Ò µŒÍ§Ê§º µŒÍ§·¹ µŒÍ§¹Ñè§ãËŒ¹Ò¹·ÕèÊØ´
¤¹·Õ軯ԺѵԼԴ ¶ŒÒäÁ‹à¾‹§¨Ôµ¡çËŧà¤ÅÔéÁ仡Ѻ¤ÇÒÁÊØ¢ ã¹ÊÁÒ¸Ô¹Ñé¹ áŌǡçäÁ‹ä´Œ¾Ô¨ÒÃ³Ò “äµÃÅѡɳ ” 㹡ÒÂã¨ ãª‹æ ¹Ñè§áºº¹ÕéÂÔè§à¡Ô´ÍѵµÒ ¾ÂÒÂÒÁàÍÒª¹ÐµÑÇàͧ
¤ÓÇ‹Ò ÊÁÒ¸Ô á»ÅÇ‹Ò¨ÔµµÑé§ÁÑ蹡ç¨ÃÔ§ ᵋµŒÍ§ËÁÒ¶֧µÑé§ÁÑè¹ã¹ÅѡɳзÕè¾ÃŒÍÁ·Õè¨Ð»¯ÔºÑµÔ§Ò¹ äÁ‹ãª‹µÑé§ÁÑè¹ã¹ÅѡɳзÕèäÁ‹»¯ÔºÑµÔ§Ò¹ã´æ ¤×Íʧº¹Ôè§à§ÕºÍÂÙ‹à©Âæ à¾ÃÒÐÁÕ¤ÇÒÁࢌÒ㨼ԴºÒ§ÊÔ觺ҧÍ‹ҧ ã¹àÃ×èͧ¹ÕéÁÒµÑé§áµ‹ááæ áŌǡçàÅÂÂÖ´¶×͡ѹàÊÕÂÍ‹ҧ¹Ñé¹ อีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดความสับสนกันขึ้น หรือพอใจในทาง ที่จะยึดถือความหมายเป็นความสงบเงียบมากกว่าอย่างอื่นนั้น มันมี ลู่ทางอยู่บ้างเหมือนกัน คือเมื่อจิตเป็นสมาธิสงบเงียบ ไม่มีอะไรรบกวน แล้ว ในขณะนั้นย่อมรู้สึกเป็นความสุขอย่างยิ่ง ทีนี้คนก็เกิดชอบความสุข พอใจความสุขชนิดนั้น เลยรักการสมาธิในทางที่จะเป็นเช่นนั้น ไม่ได้ พอใจสมาธิในลักษณะที่จะปรับปรุงจิตให้เหมาะสมที่จะทำการพิจารณา หรือค้นคว้าสืบไป Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
15
เพราะเหตุฉะนี้เอง นักสมาธิส่วนใหญ่จึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของ ความสุขอันเกิดจากความสงบของจิตแล้วก็หยุดเพียงแค่นั้น ไม่สามารถ ทำสมาธิของตนให้สูงขึ้นไปจนถึงกับเป็นพื้นฐาน หรือเป็นบาทฐานของ การเจริญปญญาอันจะทำให้เข้าถึงพระนิพพานได้ มิหนำซ้ำยังจะตกอยู่ในลักษณะของความหลง คือ หลงเอารส แห่งความสุขที่เกิดจากสมาธินั้นเป็นพระนิพพานไปเสียตั้งแต่ขั้นนี้ก็มี แล้ ว ก็ เ ลยติ ด ตั ง ถอนตั ว ออกจากความพอใจนั้ น ไม่ ไ ด้ ทำให้ เ กิ ด การ ไม่ก้าวหน้าไปจนถึงปญญาชนิดที่จะตัดตัณหาหรืออุปาทานได้ ฉะนั้น เราควรเข้าใจคำว่า สมาธิ กันให้ถูกต้อง สิ่งที่เรียกว่า สมาธินี้ ท่านเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “จิตตสิกขา” แปลว่า สิ่งที่ควรศึกษา หรืออบรมในทางบังคับจิตหรือเกี่ยวกับจิต จัดเป็นสิกขาข้อที่ ๒ ต่อจาก สีลสิกขา ËÅǧ»Ù†¾Ø·¸·ÒÊºÍ¡Ç‹Ò ÊÁÒ¸ÔäÁ‹ãª‹¤ÇÒÁʧº¹Ôè§ÍÂÙ‹à©Âæ ᵋºÒ§¤¹¡ç¹Ñè§à¾‹§¨¹à¤ÃÕ´àÅÂ
ãª‹æ ¡ÒùÑè§ÊÁÒ¸Ô໚¹ä» à¾×èͤÇÒÁʧº áÅÐ໚¹ä»à¾×èÍ ãËŒà¡Ô´»˜ÞÞÒ¾Ô¨ÒÃ³Ò “äµÃÅѡɳ ” 㹡ÒÂáÅÐã¨
˹ѧÊ×ًͤÁ×ÍÁ¹ØÉ ô (äµÃÊÔ¡¢Ò) ñ àÅ‹Á ẋ§¡Ñ¹Í‹Ò¹ ñ𠤹 à¼×èÍἋẋ§»˜¹¤ÇÒÁÊآ䴌 ñð𠤹 ˹ѧÊ×Í ñð,ððð àÅ‹Á ẋ§»˜¹¤ÇÒÁÊآ䴌 ñ,ððð,ðð𠤹 ËÇÁÊÌҧ¤ÇÒÁÊØ¢ ʹѺʹع¡ÒþÔÁ¾ (ÂÔ觾ÔÁ¾ ÁÒ¡ ÂÔ觶١ÁÒ¡) µÔ´µ‹Í â·Ã. ðò-ø÷ò-ùñùñ, ðò-ø÷ò-øñøñ, ðò-ø÷ò-õù÷ø, ðò-òòñ-ñðõð
16 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ªÑé¹·Õè ó “»˜ÞÞÒ” ¤ÇÒÁÃٌᨌ§ÊÔ觷Ñ駻ǧµÒÁ·Õè໚¹¨ÃÔ§ àÁ×èÍÃÑ¡ÉÒÈÕÅ ÃÑ¡ÉÒã¨à»š¹»Ã¡µÔ 㨡çµÑé§ÁÑè¹à»š¹ÊÁÒ¸Ôä´Œ§‹Ò àÁ×èÍ㨵Ñé§ÁÑè¹à»š¹ÊÁÒ¸Ôä´Œ§‹ÒÂáÅŒÇ ¨ÐàËç¹ÊÀÒÇе‹Ò§æ 㹡ÒÂ㨠¼‹Ò¹ÁÒ¼‹Ò¹ä»à¾Õ§ªÑèǤÃÒÇ
äÁ‹Ç‹ÒÊØ¢ äÁ‹Ç‹Ò·Ø¡¢ äÁ‹Ç‹ÒâÅÀ â¡Ã¸ Ëŧ ÏÅÏ ÅŒÇ¹ºÑ§¤ÑºäÁ‹ä´Œ 㨨ÐࢌҶ֧»˜ÞÞÒ àÁ×è;ԨÒÃ³Ò ¨¹àËç¹ “äµÃÅѡɳ ” ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ ¨ÐËÅ‹¹ËÒÂä» à¾ÃÒФÅÒ¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹ à¢ŒÒ㨵ÒÁ¤ÇÒÁ ໚¹¨ÃÔ§
ʋǹÊÔ¡¢ÒªÑé¹·Õè ó ¹Ñé¹ àÃÕÂ¡Ç‹Ò “»˜ÞÞÒÊÔ¡¢Ò” ÊÔ¡¢Ò¤Ó¹ÕËé ÁÒ¶֧¡Òýƒ¡½¹ÍºÃÁ ·ÓãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁÃÙŒ ¤ÇÒÁࢌÒ㨠Íѹ¶Ù¡µŒÍ§áÅÐÊÁºÙó ¶Ö§·ÕèÊØ´ã¹ÊÔ觷Ñé§ËÅÒ·Ñ駻ǧµÒÁ·Õè໚¹¨ÃÔ§ ¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧàÃ×èͧ¹ÕéÊÓ¤ÑÞÍÂÙ‹µÃ§·Õè¤ÓÇ‹Ò “µÒÁ໚¹¨ÃÔ§” ËÃ×͵ÒÁ·Õè¾ÃкÒÅÕÇ‹Ò Â¶ÒÀٵѧ á»ÅÇ‹Ò µÒÁ·ÕèÁѹ໚¹¨ÃÔ§ คนเราตามปรกติไม่สามารถรู้อะไรๆ ให้ถูกต้องตามที่เป็นจริง คือ มักถูกต้องแต่ตามที่เราเข้าใจเอาเองหรือสมมติกันโดยมาก มันจึงไม่ใช่ ตามที่เป็นจริงหรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือไม่สมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ ทางพระพุทธศาสนาจึงมีระเบียบปฏิบัติ ที่เรียกว่า ปัญญาสิกขา ขึ้นอีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนสุดท้ายสำหรับจะได้ฝกฝนอบรม ให้เกิดความเข้าใจและความเห็นแจ้งในสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริง และโดยสมบูรณ์ การเห็นตามความเปนจริง คือ การเห็น “พระไตรลักษณ” อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในขันธ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (หรือกายและใจ) Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
17
¤ÇÒÁࢌÒ㨠¡Ñº ¤ÇÒÁÃٌᨌ§ ᵡµ‹Ò§¡Ñ¹Í‹ҧÊÔé¹àªÔ§ »˜ÞÞÒã¹·Ò§¸ÃÃÁ µŒÍ§àÃÕ¹Ãٌ㹡ÒÂ㨠¾Ô¨ÒóҨ¹àËç¹á¨Œ§ã¹ ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ
¢ÍãËŒµÑ駢ŒÍÊѧࡵÍÕ¡Í‹ҧ˹Öè§Ç‹Ò ¤ÓÇ‹Ò “¤ÇÒÁࢌÒ㨔 ¡Ñº¤ÓÇ‹Ò “¤ÇÒÁàËç¹á¨Œ§” ¹Ñé¹ ã¹·Ò§¸ÃÃÁáÅŒÇäÁ‹ÍÒ¨¨Ð໚¹Íѹà´ÕÂǡѹ䴌 “ความเข้าใจ” นั้นต้องอาศัยอยู่บนการคิดคำนวณไปตามหลัก ของคณิตศาสตร์บ้าง ของตรรกะคือการใช้เหตุผลบ้าง หรือตามวิธีของ ปรัชญาคือการอนุมานเอาตามเหตุผลต่างๆ บ้าง นี่เรียกว่าเป็น “ความ เข้าใจ” เท่านั้น
ʋǹ “¤ÇÒÁàËç¹á¨Œ§” ¹Ñé¹ ä»ä¡Å¡Ç‹Ò¹Ñé¹ ¤×Í µŒÍ§à»š¹ÊÔ觷ÕèàÃÒä´Œ«ÖÁ«ÒºÁÒáÅŒÇ ´ŒÇ¡Òü‹Ò¹ÊÔ觹Ñé¹æ ÁÒáÅŒÇ ´ŒÇµ¹àͧ ËÃ×ÍÇ‹Ò´ŒÇ¡Òú‹Á¨Ôµã¨ãËŒà¡ÕèÂÇà¹×èͧÍÂÙ‹¡ÑºÊÔ觹Ñé¹ ´ŒÇ¡ÒþԨÒóҨ¹à¡Ô´à»š¹¤ÇÒÁÃÙŒÊÖ¡ã¹ã¨¢Öé¹ÁÒ¨ÃÔ§æ ã¹ÅѡɳзÕè¨Ðàº×èÍ˹‹ÒÂËÃ×ÍäÁ‹ËŧãËÅã¹ÊÔ觹Ñé¹æ ´ŒÇÂ㨨ÃÔ§æ äÁ‹ãª‹´ŒÇÂà˵ؼŠ18 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
¤ÇÒÁàËç¹á¨Œ§µŒÍ§à¡Ô´¨Ò¡»ÃÐʺ¡Òó ÁռŷÓãËŒ¨Ôµàº×èÍ˹‹Ò ¤ÅÒ¨ҡÊÔè§ÂÖ´¶×Í เพราะฉะนั้นคำว่า ปัญญาสิกขา ตามหลักของพุทธศาสนาจริงๆ นั้นจึงไม่ได้หมายถึงปญญาที่เป็นไปตามอำนาจเหตุผลเหมือนที่ใช้กันอยู่ ในวงการศึกษาของวิชาการสมัยปจจุบัน แต่เป็นคนละอย่างทีเดียว ปญญา ในทางพุทธศาสนาต้องเป็นการรู้แจ้งเห็นจริงด้วยใจจริงๆ ด้วยการผ่าน สิ่งนั้นๆ ไปแล้ว โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง ที่เรียกว่าผ่านสิ่งนั้นๆ ไปแล้วนั้น หมายถึง อาการที่เราชอบใช้ เรียกด้วยคำต่างประเทศคำหนึ่งคือคำว่า Experience๑ คำนี้หมายถึง ความรู้สึกด้วยใจจริง ในสิ่งที่ได้ผ่านไปแล้วจนฝงใจแน่วแน่ ไม่อาจจะ ลืมเลือนได้ เพราะฉะนั้น...
㹡ÒþԨÒóҷҧ»˜ÞÞÒµÒÁÊÔ¡¢Ò¢ŒÍ¹Õé ¨Ö§¨Ó໚¹·Õè¨Ð µŒÍ§ãªŒÊÔ觵‹Ò§æ ·Õèä´Œ¼‹Ò¹ÁÒáÅŒÇᵋ˹ËÅѧ㹪ÕÇÔµ¢Í§àÃÒàͧ ໚¹à¤Ã×èͧ¾Ô¹Ô¨¾Ô¨ÒÃ³Ò ËÃ×ÍÍ‹ҧ¹ŒÍ·ÕèÊØ´¡çµŒÍ§ãªŒ àÃ×èͧ·ÕèÁÕ¹éÓ˹ѡÁÒ¡ ¾Í·Õ¨è зÓãËŒ¨Ôµã¨¢Í§àÃÒà¡Ô´¤ÇÒÁÊÅ´ÊѧàǪ àº×èÍ˹‹ÒÂã¹ÊÔ觷ÕèäÁ‹à·Õè§ ໚¹·Ø¡¢ ໚¹Í¹ÑµµÒ àËÅ‹Ò¹Ñé¹ä´Œ¨ÃÔ§æ ¤¹ã¨ÃŒÒ ËÅÍ¡ãËŒÃÑ¡ áÅŒÇ¨Ò¡ä» Î×Íææ ๑
Í‹ҷÓÌҵÑÇàͧàÅ ã¨àÂç¹æ µÑé§ÊµÔ áŌǹӤÇÒÁ·Ø¡¢ 㹤ÃÑ駹Õé ÁÒ¾Ô¨ÒóÒãËŒàËç¹á¨Œ§ 㹤ÇÒÁ¨ÃÔ§à¶ÍФÃѺ¾ÕèÊÒÇ
Experience อ่านว่า อิคสเปย’ เรียนซ แปลว่า ประสบการณ์ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
19
¶ŒÒàÃҨФӹdzµÒÁËÅÑ¡¢Í§à˵ؼÅËÃ×ÍÍÐä÷ӹͧ¹Ñé¹ ÁÒ·Ó¡ÒÃÇÔ¹Ô¨©ÑÂÅѡɳзÕèäÁ‹à·Õè§ ໚¹·Ø¡¢ ໚¹Í¹ÑµµÒ ¡Ñ¹ÊÑ¡à·‹ÒäáçµÒÁ Áѹ¡ç䴌ᵋ¤ÇÒÁࢌÒã¨ÍÂÙ‹¹Ñè¹àͧ äÁ‹ÁÕ·Ò§ãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁÊÅ´ÊѧàǪ䴌 äÁ‹ÁÕ·Ò§ãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁàº×èÍ˹‹Ò¤ÅÒ¡Ó˹Ѵ ã¹ÊÔ觷Ñé§ËÅÒ·Ñ駻ǧËÃ×Íã¹âÅ¡ä´Œ
¢ÍãˌࢌÒã¨Ç‹Ò ¡ÔÃÔÂÒÍÒ¡Ò÷Õè¨Ôµã¨àº×èÍ˹‹Ò¤ÅÒ¡Ó˹Ѵ ¨Ò¡ÊÔ觷Õèµ¹à¤ÂËŧÃÑ¡¹Ñè¹áËÅÐ ¤×͵ÑǤÇÒÁàËç¹á¨Œ§ã¹·Õè¹Õé หนังสือเลมนี้สำเร็จไดดวยคณะทีมงานชวยกันคิดสรางสรรค ลงมือทำดวยความละเอียด พิถีพิถันทุกขั้นตอน โปรดใชหนังสือเลมนี้ใหคุมที่สุด เกิดประโยชนที่สุด และกรุณาสงตอ แนะนำผูอื่นใหไดอาน เพื่อบำเพ็ญทานบารมีแกตน
20 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
¤ÇÒÁàº×èÍ˹‹Ò¡Ѻ¤ÇÒÁàËç¹á¨Œ§ ᡨҡ¡Ñ¹äÁ‹ä´Œ àÃÕ¹ÃÙŒ·Ø¡¢ áŌǷÓãËŒà¡Ô´ »˜ÞÞÒ ¤ÅÒ¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹ àËç¹ “äµÃÅѡɳ ” 㹡ÒÂ㨨ÃÔ§æ ã¨àÃÒÂѧºÑ§¤Ñº ãËŒÁÕᵋ¤ÇÒÁÊØ¢äÁ‹ä´ŒàÅ áÅŒÇàÃҨкѧ¤Ñºã¨¤¹Í×è¹ ä´ŒÍ‹ҧäà ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ ·Ñ駹Ñé¹àÅÂ
µÒÁËÅÑ¡¢Í§¸ÃÃÁÐä´ŒºÑÞÞѵÔäÇŒªÑ´à¨¹·Õà´ÕÂÇÇ‹Ò ¶ŒÒàËç¹á¨Œ§¨ÃÔ§æ ¡çµŒÍ§àº×èÍ˹‹Ò¤ÅÒ¡Ó˹Ѵ ¨ÐËÂØ´ÍÂÙ‹à¾Õ§ᤋàËç¹á¨Œ§¹Ñé¹äÁ‹ä´Œ ¶ŒÒàÃÒࢌÒã¨Êѧ¢ÒâŒÍã´¢ŒÍ˹Öè§ ÊÔè§ã´ÊÔè§Ë¹Öè§ã¹âÅ¡¹Õé Í‹ҧ·ÕèàÃÕ¡NjÒàËç¹á¨Œ§áÅŒÇ ¤ÇÒÁàº×èÍ˹‹Ò¤ÅÒ¡Ó˹Ѵã¹ÊÔ觹Ñé¹ ¨ÐµŒÍ§à¡Ô´µÔ´µÒÁ¢Öé¹Áҷѹ¤Çѹ â´ÂäÁ‹µŒÍ§á¡¡Ñ¹ à¾ÃÒÐÁѹᡡѹäÁ‹ä´Œ เมื่อมีผลถึงขนาดที่มีความรู้สึกเบื่อหน่ายคลายกำหนัดนั้นแล้ว เราจึงจะเรียกว่าเป็นการเห็นแจ้ง หรือเป็น ปัญญา ในที่นี้ เรียกว่ารู้จัก และเข้าใจสิ่งนั้นๆ อย่างถูกต้องตามที่เปนจริงและสมบูรณ์ โดยเหตุดังกล่าวมานี้ ผู้ที่ปฏิบัติในทางปญญาตามหลักของ ธรรมในทางพุทธศาสนา จึงไม่คอยจะใส่ใจถึงเรื่องการใช้เหตุผลกันนัก ไม่เหมือนกับการศึกษาในทางศาสตร์ต่างๆ ของสมัยปจจุบัน Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
21
¤ÇÒÁ¾Œ¹·Ø¡¢ ÁÕä´Œà¾ÃÒФÇÒÁàËç¹á¨Œ§ äÁ‹ãª‹à¾ÃÒФÇÒÁࢌÒ㨵ÒÁËÅÑ¡à˵ؼŠเราจะอาศัยความรู้สึกในใจจริงๆ ที่เคยมี เคยเป็น เคยผ่านมา แต่หนหลังเป็นสำคัญ หรือแม้จะมีการเทียบเคียงด้วยเหตุผลกันบ้าง ก็ต้องใช้เหตุผลโดยเอาสิ่งที่ได้ผ่านมาแล้วแต่หนหลังนั้น มาเป็นเหตุผล ไม่ใช่เหตุผลทางคณิตศาสตร์ ทางคำนวณอะไรทำนองนั้นเป็นต้น ก็หามิได้ การเห็นแจ้งนั้นจึงจะเปนปัญญาชนิดที่ออกผลแก่จิตใจ ใน ขณะนั้นเลยทีเดียว ไม่ใช่เป็นความรู้ความเข้าใจชนิดที่จะต้องเก็บสะสม ไว้มากๆ เรื่อยๆ ไปจนกระทั่งลืมเลือนฟนเฟอนไปด้วยเหตุผลนั้นเอง เพราะเหตุผลก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ถ้ายังคงเรียกว่าเหตุผล อยู่เพียงใดแล้วก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอยู่เพียงนั้น เพราะฉะนั้น ตัวเหตุผลเองก็เปลี่ยนแปลงได้ เมื่อเหตุผลเปลี่ยนแปลงได้ ความรู้ความเข้าใจของบุคคลนั้นก็เปลี่ยนแปลงได้และไม่มีที่สิ้นสุด
´ŒÇÂà˵عÕé àÃÒ¨Ö§äÁ‹ÍÒ¨¨Ð¾Œ¹·Ø¡¢ ´ŒÇÂÅӾѧ¤ÇÒÁࢌÒ㨠¨Ð¾Œ¹·Ø¡¢ ä´Œ¡çµŒÍ§´ŒÇ¤ÇÒÁàËç¹á¨Œ§ à¾ÃÒÐà˵عÕéáËÅÐ ·‹Ò¹¨Ö§ÁÕÃÐàºÕºãËŒ¾Ô¨ÒóҸÃÃÁ¨Ò¡¢Í§¨ÃÔ§ áÅдŒÇ¤ÇÒÁÃÙŒÊÖ¡Íѹ᷌¨ÃÔ§ ¨Ö§¨ÐàÃÕ¡NjÒ໚¹ »˜ÞÞÒ ã¹·Õè¹Õé เมื่อมีปญญาในลักษณะเช่นนี้แล้ว ก็สามารถเข้าใจสิ่งทั้งปวง ตามที่เป็นจริงได้จริงๆ รวมเรียกว่า ปัญญาสิกขา 22 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
¤ÇÒÁÃٌᨌ§ ÁÕä´Œà¾ÃÒдÓà¹Ô¹µÒÁ ÊÕÅÊÔ¡¢Ò ÊÁÒ¸ÔÊÔ¡¢Ò »˜ÞÞÒÊÔ¡¢Ò สรุปความในตอนนี้ว่า สิกขามีอยู่ ๓ สิกขาด้วยกัน คือ...
ñ. ÊÕÅÊÔ¡¢Ò ได้แก่ การฝกฝนอบรมให้มีการประพฤติปฏิบัติ
ถูกต้อง ทั้งที่เกี่ยวแก่สังคมทั้งหมด ทั้งที่เกี่ยวแก่ครอบครัว ทั้งที่เกี่ยวกับ สิ่งของไม่มีชีวิตวิญญาณ และ...
ò. ¨ÔµµÊÔ¡¢Ò คือ การฝกฝนให้มีความสามารถบังคับจิตให้อยู่
ในอำนาจ ให้สงบเงียบเป็นสุขก็ได้ ให้บริสุทธิ์สะอาดดีก็ได้ ให้สามารถ คือว่ามีสมรรถภาพพร้อมที่จะปฏิบัติงานใดๆ ต่อไปก็ได้
ó. »˜ÞÞÒÊÔ¡¢Ò นั้นหมายถึง การอบรมจนเกิดความรู้แจ้ง
เห็นจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามที่เป็นจริงถึงที่สุด จนถึงกับถอนความ ยึดถือด้วยอุปาทาน คือถอนความโง่หลงต่างๆ ออกไปได้จากใจ ซึ่งเป็นการ ถอนจิตใจให้หลุดออกมาเสียจากสิ่งที่มันเคยเข้าไปผูกพันไว้ตั้งแต่ต้นมา ¡Òû¯ÔºÑµÔ “äµÃÊÔ¡¢Ò” ¤×Í ÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ ¾Ò¾Œ¹·Ø¡¢ ¹Ð¤ÃѺ
àÃÒÁÒÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºÑµÔà¾×è͵¹àͧ áÅФ¹Ãͺ¢ŒÒ§¨Ðä´ŒÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢¡Ñ¹¹Ð¤Ð ÃдÁ¸ÃÃÁ¹ÓÊѹµÔÊØ¢ÊÙ‹âÅ¡ ·Õè¡ÓÅѧÇØ‹¹ÇÒÂà¾ÃÒТҴ¸ÃÃÁ¤‹Ð
Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
23
¤ÓÇ‹Ò “ÊÔ¡¢Ò” ËÁÒ¶֧ ¡ÒÃŧÁ×Í»¯ÔºÑµÔ ´ŒÇ¡Ò ÇÒ¨Ò ã¨ ¨ÃÔ§ ÁÔ㪋¡Òâմà¢Õ¹·‹Í§¨Ó คำว่า สิกขา นี้ เป็นภาษาบาลี ภาษาสันสกฤตก็คือ ศึกษา ที่เรา เขียนกันในภาษาไทยว่า ศึกษา นั้นเป็นรูปสันสกฤต ที่แท้ก็เป็นคำเดียว กันกับคำว่า สิกขา ฉะนั้น ท่านทั้งหลายคงจะได้รับความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นอีก สักอย่างหนึ่งว่า เกี่ยวกับภาษานี้มันมีการเลื่อนหรือการดำเนินไปตาม ลำดับ ดังที่จะเห็นได้ว่า คำว่า สิกขา ในภาษาบาลีนั้น เขาหมายถึง การอบรมหรือกระทำลงไปจริงๆ ทีเดียว เช่น สีลสิกขา จิตตสิกขา ปญญาสิกขา ที่กล่าวมาแล้วนั้น หมายถึงการอบรมกาย วาจา ใจ ลงไป ตรงๆ ทีเดียว ไม่ใช่หมายถึงการเล่าเรียนอย่างที่เราหมายถึงกันเดี๋ยวนี้ ด้วยคำ ว่าศึกษานี้ นี้เป็นเรื่องของภาษาเดินได้ ภาษาเดินไปในทิศทางต่างๆ จนเป็นการทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้ ในที่นี้อาตมาต้องการให้ท่าน ทั้งหลายได้เข้าใจถูกต้องว่า...
¤ÓÇ‹Ò ÊÔ¡¢Ò ËÃ×Í ÈÖ¡ÉÒ ¹Ñé¹ ã¹·Ò§¸ÃÃÁà¢ÒËÁÒ¶֧ ¡ÒûÃоĵԻ¯ÔºÑµÔª¹Ô´·Õè໚¹¡ÒÃͺÃÁ¡Ò ÇÒ¨Ò ã¨ â´ÂµÃ§ ¤×ÍͺÃÁµÑÇàͧãËŒà»ÅÕ蹨ҡÅѡɳÐ˹Öè§ ä»ÊÙ‹ÅѡɳÐÍÕ¡Í‹ҧ˹Öè§ µÒÁ·ÕèàÃÒàËç¹Ç‹Ò໚¹»ÃÐ⪹ ÂÔ觢Öé¹ä» 24 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ò. “ÊÕÅÊÔ¡¢Ò” ¢ŒÍ»¯ÔºÑµÔàº×éͧµŒ¹ à¾×èÍàµÃÕÂÁ¤ÇÒÁ¾ÃŒÍÁÊÙ‹¤ÇÒÁÃٌᨌ§ ÈÕÅ ·ÓãËŒÍÂÙ‹ã¹Êѧ¤Á 䴌͋ҧäÁ‹ÅÓºÒ¡ ᵋäÁ‹ÊÒÁÒöµÑ´¡ÔàÅÊ µÑ³ËÒ áÅÐÍػҷҹ䴌
เมื่อกล่าวถึงหลักของพุทธศาสนา ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า พุทธศาสนามีใจความสำคัญอยู่ตรงที่รู้ว่า อะไรเป็นอะไรตามที่เป็นจริง แล้วถอนกิเลสตัณหาออกเสียได้ เพราะการรู้นั้นๆ เมื่อถือตามหลักนี้ เราจะเห็นได้ว่า...
ÊÕÅÊÔ¡¢Ò¹Ñé¹à»š¹à¾Õ§ÊÔ¡¢Òàº×éͧµŒ¹ ໚¹¡ÒõÃÐàµÃÕÂÁã¹àº×éͧµŒ¹ à¾×èÍãËŒàÃÒÁÕ¡ÒÃ໚¹ÍÂÙ‹ã¹Êѧ¤Á ª¹Ô´·Õè¨ÐäÁ‹ÁÕ¡ÒÃú¡Ç¹ äÁ‹ÁÕ¡ÒÃÂØ‹§ÂÒ¡ÅÓºÒ¡ áÅÐ໚¹¡ÒÃàµÃÕÂÁãËŒàÃÒÁÕ¡ÒÃ໚¹ÍÂً㹤Ãͺ¤ÃÑÇ·Õè¼ÒÊØ¡ ÁÕÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ·Õè¼ÒÊØ¡ ໚¹¾×é¹°Ò¹àº×éͧµŒ¹ã¹·Ò§ÀÒ¹͡ ã¹¢Ñé¹µŒ¹¹ÕéàÊÕªÑé¹Ë¹Ö觡‹Í¹ äÁ‹ãª‹ÊÕÅÊÔ¡¢Ò¹Õé¨Ðä»·ÓãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁÃÙŒÍÐäÃÊÔé¹àªÔ§ ËÃ×Í·ÓãËŒµÑ´¡ÔàÅʵѳËÒÍػҷҹ䴌à´ç´¢Ò´¡çËÒÁÔä´Œ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
25
ÈÕÅ ª‹ÇÂãËŒªÕÇԵʧºÊØ¢ ໚¹°Ò¹ÊÓ¤Ñޢͧ¡Ò÷ÓÊÁÒ¸Ô àÅÔ¡àÁÒ àÅÔ¡·ÓºÒ» ÁÒ¶×ÍÈÕÅ ªÕÇԵʧºÊØ¢ ໚¹ÊÁÒ¸Ô¢Öé¹àÂÍÐàÅ ÊÒ¸Ø ´ÙÊ´ãÊ¢Öé¹ àÂÍÐàŹФÃѺ
แต่ว่าเป็นการจำเป็นที่เราจะต้องเตรียมตัวเราให้เป็นคนเหมาะสม ที่จะอยู่ในโลกโดยมีความผาสุก อย่างที่เรียกว่าพื้นฐานทั่วๆ ไปกันเสียก่อน เมื่อเรามีความเป็นอยู่อย่างผาสุก ไม่ถูกรบกวน ท่านทั้งหลายก็จะเห็นได้ ง่ายๆ ว่ามันช่วยได้มากเพียงไรในทางที่จะช่วยให้จิตใจเป็นปรกติ เพราะฉะนั้น...
ã¹·Ò§¸ÃÃÁ¨Ö§áÊ´§ÍÒ¹ÔÊ§Ê ¢Í§ÈÕÅäÇŒËÅÒÂÍ‹ҧ´ŒÇ¡ѹ ᵋÍ‹ҧ·ÕèÊÓ¤ÑÞ·ÕèÊØ´·Õè¶×ÍÇ‹Ò໚¹ÂÍ´ÍÒ¹ÔÊ§Ê ÈÕŹÑé¹ ·‹Ò¹àÃÕ¡໚¹ºÒÅÕÇ‹Ò ÊÁÒ¸ÔÊíǵڵ¹Ô¡Òñ á»ÅÇ‹Ò “໚¹ä»à¾×èÍãËŒà¡Ô´ÊÁÒ¸Ô” อานิสงส์อย่างอื่นๆ ของศีลเพียงว่าให้อยู่เป็นผาสุกหรือให้ไปเกิด ในสวรรค์เป็นต้น ก็ตามนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงมุ่งหมายโดยตรง ท่าน ทรงมุ่งหมายโดยตรงถึงข้อที่ว่า สมาธิสํวตฺตนิกา นี้เอง คือจะเป็นบาทฐาน ที่งอก ที่เกิด ที่เจริญ ของสมาธิ ๑
สมาธิสํวตฺตนิกา อ่านว่า สะ-มา-ทิ-สัง-วัด-ตะ-นิ-กา
26 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
¼ÙŒ·ÕèÁÕªÕÇÔµ»Ã¡µÔÊØ¢ ¨Ð·ÓÊÁÒ¸Ô¡ç·Óä´Œ§‹Ò ©Ð¹Ñé¹ àÃÒ¨Ö§µŒÍ§àµÃÕÂÁµÑÇËÃ×Í»ÃѺ»ÃاµÑǢͧàÃÒ ãˌ໚¹¼ÙŒÍÂÙ‹ã¹âÅ¡´ŒÇÂÅѡɳзÕèÊÐÍÒ´ ºÃÔÊØ·¸ÔìËÁ´¨´àÊÕ¡‹Í¹ ¤×ÍãËŒÁÕÈÕÅ´ÕàÊÕ¡‹Í¹ ¨Ö§¨ÐÊ‹§àÊÃÔÁãËŒà¡Ô´ ÊÔ觷ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò “ÊÁÒ¸Ô” ä´Œâ´Â§‹Ò ถ้าเรามีเรื่องรบกวนใจมาก เช่น ทางสังคมก็มีเรื่องรบกวนมาก มีเรื่องผิด มีเรื่องเสียหาย ในครอบครัวก็มีเรื่องรบกวน มีเรื่องผิด มีเรื่องเสียหาย แม้ที่สุดแต่เครื่องใช้เครื่องสอย เครื่องนุ่งห่มต่างๆ ที่แวดล้อมตัวเราอยู่ก็มีเรื่องผิด เรื่องเสียหาย แล้วจิตใจของเรา จะเป็นสมาธิได้อย่างไรกัน ถ้าเราจะปฏิบัติถูก ต่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องมีศีลดีเสียก่อน จึงจะเกิดผลอันสูงสุด คือส่งเสริมให้เกิดสมาธิ ในขั้นต่อไปได้โดยง่าย ÈÕŨÐ໚¹ÈÕÅ·ÕèºÃÔÊØ·¸Ôìä´Œ µŒÍ§¶×Í»¯ÔºÑµÔ ´ŒÇÂ㨠ÁÔ㪋¡ÒÂäÁ‹·Ó ᵋ¨Ôµ¤Ô´·Ó
Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
27
ÈÕÅ·Õè´Õ ¨ÐµŒÍ§à»š¹ÈÕÅ·Õè¢Ñ´à¡ÅÒ¤ÇÒÁ»ÃÐ¾ÄµÔ ¨¹à»š¹·Õè¾Í㨢ͧ¾ÃÐÍÃÔÂà¨ŒÒ µ¶Ò¤µà»š¹ä´Œà¾Õ§¼ÙŒºÍ¡ ·Ò§¾Œ¹·Ø¡¢ ËÒ¡µŒÍ§¡ÒþŒ¹·Ø¡¢ µŒÍ§àÃÔèÁ»¯ÔºÑµÔ´ŒÇµ¹àͧ
ÊÒ¸Ø ¾Ç¡àÃÒ ¨ÐµÑé§ã¨ÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºÑµÔ µÒÁ·Õè¾Ãоط¸Í§¤ µÃÑÊÊ͹¾ÃÐ਌ҢŒÒ
ÈÕÅ·Õ軯ԺѵԴն֧·ÕèÊØ´ ·‹Ò¹àÃÕÂ¡Ç‹Ò “ÈÕŪ¹Ô´·Õè໚¹·ÕèªÍºã¨¢Í§¾ÃÐÍÃÔÂ਌Ҕ
ข้อนี้ท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจได้ไม่ยาก เราจะเทียบเคียงกันได้ โดยลักษณะที่ว่า ถ้าความประพฤติเป็นอยู่ของพวกเราเป็นที่พอใจของ สุภาพบุรุษทั้งหลาย ก็แปลว่าความประพฤติของเราใช้ได้ คือมีความ ประพฤติดี ประพฤติชอบ มีศีล เพราะคำว่า สุภาพบุรุษ นั้น ท่าน หมายถึงคนดี คือเป็นสุภาพบุรุษกันจริงๆ แต่ทางธรรมนั้น ท่านใช้ว่า พระอริยเจ้า ซึ่งยิ่งไปกว่าสุภาพบุรุษ แทนคำว่า สุภาพบุรุษ คือเอาเป็นว่า เขาเป็นผู้มีกิริยามารยาท หรือ การประพฤติปฏิบัติเป็นที่พอใจของพระอริยเจ้า สำนวนอย่างนี้ก็ใช้ได้ เหมือนกัน เป็นการแสดงถึงลักษณะของผู้มีศีลได้ 28 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ÈÕŵÒÁẺ¢Í§¾ÃÐÍÃÔÂ਌Òà·‹Ò¹Ñé¹ ¨Ö§¨Ð໚¹·ÕèµÑ駷Õèà¨ÃÔޢͧÊÁÒ¸Ô ถ้ามีการประพฤติทางกาย ทางวาจา ยังไม่เป็นที่พอใจของ พระอริยเจ้า ก็เรียกว่ายังไม่มีศีลที่ถูกต้องและสมบูรณ์ ทำนองเดียวกับ ว่า ถ้าเราในปจจุบันนี้ประพฤติตนไม่เป็นที่พอใจของสังคมสุภาพบุรุษ ก็แปลว่าเรายังมีความปาเถื่อน มีความประพฤติที่ไม่น่าคบหาสมาคม ดังนั้น ถ้าท่านไม่ชอบใช้คำว่า “พระอริยเจ้า” จะใช้คำว่า “สุภาพบุรุษ” แทนก็ได้ แต่ขอให้เป็นสุภาพบุรุษจริงๆ เป็นผู้ที่เป็น สัตบุรุษจริงๆ คือเป็นคนดีจริงๆ
àÁ×èÍÁÕÈÕÅã¹ÅѡɳÐ໚¹·Õè¾Í㨢ͧ¤¹´Õઋ¹¹ÕéáÅŒÇ äÁ‹µŒÍ§Ê§ÊÑ ‹ÍÁ¨Ð໚¹·ÕèµÑé§ ·Õèà¡Ô´ ·Õèà¨ÃÔޢͧÊÁÒ¸Ôä´Œ นี้เป็นอันเห็นได้ว่า เราได้ปฏิบัติลุล่วงมาด้วยดี ไม่มีช่องทางที่ ใครจะติเตียนได้ สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ·ÓºØÞãÊ‹ºÒµÃ áÅŒÇÃÑ¡ÉÒÈÕÅ à¨ÃÔÞÊÁÒ¸Ô à¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ ´ŒÇ¹ÐâÂÁ
Í‹ÒÅ×Á¿˜§¸ÃÃÁзҧÍÒ¡ÒÈ ÇÔ·ÂؤÅ×è¹ä·¸ÃÃÁ FM 95.25 MHz. ´ŒÇ¹ФÃѺ ÁÕ¸ÃÃÁдÕæ µÅÍ´ 24 ªÑèÇâÁ§
ÊÒ¸Ø ¾Ç¡àÃҨеÑé§ã¨ »¯ÔºÑµÔµÒÁËÅÑ¡äµÃÊÔ¡¢Ò ´ŒÇ¤ÇÒÁµÑé§ã¨¤‹Ð
Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
29
Dhamma Jigsaw : ¸ÃÃÁШÔê¡«ÍÇ ระลึก นึกถึง ทบทวน ชวนใช ใชจริง ใชบอยๆ ...ทุกลมหายใจ ทำไมสามเณรถือศีล ๑๐ พระถือศีล ๒๒๗ แลวฆราวาส ถือศีล ๕ ศีล ๘ ?* นี้เพราะเขาไมรูหลักที่เปนหัวใจ หรือวาเปนใจความ จึงดูตางกัน อันที่จริงแลวมันเหมือนกันโดยหัวใจ แตวาขยายใหมาก ใหละเอียด ออกไปสำหรับบรรพชิต ที่จะทำใหดีกวา ทำใหเร็วกวา แลวมันก็ไมพน ไปจากเรื่องศีล ๕ ที่เปนหลักประธาน แลวก็ขยายออกไป เพราะฉะนั้น อยาไปดูถูกศีล ๕ วาเปนศีลต่ำๆ ของฆราวาส ศีลขอ ๑ ประทุษรายชีวิตรางกาย ศีลขอ ๒ ประทุษรายทรัพยสมบัติของเขา ศีลขอ ๓ ประทุษรายของรักดังดวงใจของเขา ศีลขอ ๔ ประทุษรายความเปนธรรมโดยทางวาจา ศีลขอ ๕ ประทุษรายสมปฤดี หรือสติปญญาของตัวเอง ขอสุดทาย มันประทุษรายตัวเองโดยตรง ถาไปประทุษรายสติ ปญญาของตัวเองดวยศีลขอที่ ๕ แลว มันก็ทำที่ไมดีในศีลขออื่นๆ ได ทั้งหมด หัวขอศีล ๕ ขอนี้ ใหรูวา ฆราวาสก็ตาม บรรพชิตก็ตาม มีศีล อยางเดียวกัน รักษาศีลรวมกัน ที่ไปแยกเปนศีลฆราวาส เปนศีลพระนั้น มันเปนผิวเปลือกนอก หัวใจมันเหมือนกัน * จากหนังสือ “ธรรมโฆษณ์ของพุทธทาส” : ฆราวาสธรรม หน้า ๑๓๕-๑๔๑
30 ¤Ù‹Á×ÍÁ¹ØÉ ô ©ºÑºÍ‹Ò¹§‹Ò ࢌÒ㨧‹Ò àÃ×èͧ “äµÃÊÔ¡¢Ò” : ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø
ó. “ÊÁÒ¸Ô” ¢Ñé¹½ƒ¡½¹ÍºÃÁ¨Ôµ ãËŒ¾ÃŒÍÁá¡‹¡ÒùÓä»ãªŒ»ÃÐ⪹ ¢Íº¤Ø³¤ÃѺËÅǧ»Ù† ÈÕÅÍÂÙ‹·Õè¡ÒûÃÐ¾ÄµÔ´Õ Ê‹Ç¹ÊÁÒ¸Ô¹Ñé¹àÅ×è͹¢Öé¹ÁÒÍÂÙ‹ µÃ§·Õè¨Ôµ´Õ äÁ‹¿Ø‡§«‹Ò¹ áÅÐäÁ‹àÈÃŒÒËÁͧ ¾ÃŒÍÁ·Õè¨Ð»¯ÔºÑµÔ˹ŒÒ·Õè ·Ò§¨Ôµ áÅÐà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ
ÊÒ¸Ø àÁÕêÂÇæ
¡ÃШ‹Ò§á·Œ àŤ‹Ð
ทีนี้ก็มาถึงบทเรียนขั้นที่ ๒ คือ การสามารถควบคุมจิตหรืออาจ ใช้จิตของเรานี้บำเพ็ญหน้าที่ของมันให้เป็นประโยชน์ถึงที่สุด ถ้าฟงดูให้ ดีๆ ท่านก็จะเข้าใจ ความแตกต่างกันระหว่างศีลกับสมาธิ ได้โดยง่าย
ÅӾѧ “ÈÕÅ” ÍÂÙ‹·Õè¡ÒûÃÐ¾ÄµÔ´Õ äÁ‹ÁÕµÓË¹Ô Ê‹Ç¹ “ÊÁÒ¸Ô” ¹Ñé¹ àÅ×è͹¢Öé¹ÁÒÍÂÙ‹µÃ§·Õè¡ÒÃÁÕ¨Ôµ´Õ ÁÕ¤ÇÒÁ»ÃоĵԷҧ¨Ôµ´Õ ในศีลนั้น มีการประพฤติทางกาย ทางวาจา ที่แสดงออกทาง ภายนอกดี ครั้ น มาถึ ง สมาธิ นี้ มี ก ารประพฤติ ใ นทางจิ ต ดี คื อ ไม่ มี ความผิด ไม่มีความเศร้าหมอง ไม่มีความฟุงซ่าน และอยู่ในสภาพ ที่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ของตน อย่างนี้เรียกว่า เป็นผู้อบรมจิตหรือ ฝกฝนจิตได้ถึงที่สุด มีผลเกิดขึ้นเรียกว่า สมาธิ แล้ว Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ
31