อาชัญญ์ บุญญานันต์ แปล อดัมความรู้สึกต่อสรรพสิ่งคารูโซ
การศึกษาสถาปัตยกรรมนั้นมีได้หลากหลายแนวทาง โดยอาจเริ่มจากสื่อที่ เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ผลงานในประเด็นต่าง ๆ จนผู้ศึกษาเข้าถึงแรงบันดาล ใจที่ส่งผลต่อการออกแบบในปัจจบันและอนาคต และเมื่อไดมีโอกาสชื่นชมที่ ว่าง “ปฐมภมิ” ด้วยตาของตัวเองก็จะยิ่งประจักษถึงสิ่งที่ได้เคยเรียนรู้ หรือใน และดมากสถาในขณะพื้Johnจหลากหลายของบทความในหงานสถางานออกแบบของตนเองและอปากของสถาปที่บทบาทของบทบาทหพบเทางกลับกันอาจเกิดจากความประทับใจในผลงานสถาปัตยกรรมที่ได้ประสบห็นทำให้เกิดการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมในประเด็นที่สนใจในปัจจบันน้าที่ของสถาปนิกผู้ออกแบบสร้างงาน“ปฐมภมิ”จะแยกออกจากนักเขียนนักวิชาการผู้ทำหน้าที่ศึกษาและวิเคราะห์ผลงานในสื่อเป็น“ทติยภมิ”โอกาสที่จะได้เรียนรู้เบื้องหลังของการสร้างสรรค์ผลงานจากนิกมน้อยลงจากที่เคยเป็นที่นิยมในยุโรปช่วงทศวรรษที่1990ดัมคารูโซ(AdamCaruso)เป็นหนึ่งในสถาปนิกเพียงไมกี่คนที่สร้างสรรคมีผลงานในฐานะนักวิชาการที่ศึกษาวิเคราะห์ผลปัตยกรรมร่วมสมัยไปด้วยในเวลาเดียวกันดังจะเห็นจากแงมุมอันนังสือเล่มนี้ไปจนถึงบทสัมภาษณ์ในโอกาสที่ไดัดนิทรรศการแสดงผลงานการออกแบบของสำนักงานสถาปนิกCarusoStที่คารูโซก่อตั้งร่วมกับปีเตอรเซนต์จอห์น(PeterStJohn)คารูโซเชื่อในกระบวนการสร้างสรรคสิ่งใหม่จากขนบประเพณดั้งเดิมอันมนฐานมาจากประวติศาสตรประเพณีและวัฒนธรรมในบริบทที่เฉพาะเจาะจงที่ความหมายของคำว่าสิ่งแวดล้อมและสภาวะทางกายภาพในงานปัตยกรรมนั้นควรไดรับการขยับขยายให้ครอบคลุมขอบเขตที่กว้างขวางขึ้นเทียบเท่ากับวงการศิลปะเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรม้วยองค์ความรู้มากกว่าอิทธิพลจากสภาวะตลาดการเรียนรู้เรื่องการออกแบบก่อสร้างสถาปัตยกรรมตั้งแต่อดีตมาจนถึงสถาปัตยกรรมร่วมสมัย จากผู้แปล
ก่อให้เกิดงานที่คำนึงถึงปรากฏการณ์ทางด้านความรู้สึก การใช้สอยและอารมณ ความรู้สึกอย่างมที่มาที่ไป คุณค่าที่เกิดขึ้นย่อมจะสูงกว่าการออกแบบที่เน้นความ ทสถาปผสานองสเการใแสดงงานหอและออกแบบอทำใสถาบแอสามารถเขนบจาโครงการสถาไจะทำใสเลบใแวดใหมอันเกิดจากแรงกระตุ้นของระบบเศษฐกิจที่ขาดความต่อเนื่องจากบริบทล้อมการพัฒนาตามแนวทางใหมที่นิยมแต่ประโยชน์ใช้สอยจะส่งผลทางห้เกิดการพัฒนาสถาปัตยกรรมที่ขาดความยั่งยืนและไมส่งเสริมความเป็นมืองที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางกายภาพและอารมณ์ตามธรรมชาตการร้างสรรค์งานออกแบบบนพื้นฐานของการพิเคราะห์ประสบการณ์อย่างจริงจังห้สถาปนิกสามารถฟ้�นคืนบทบาทของนักสร้างสรรคผู้ชี้นำสังคมกลับมาดคารูโซได้ยกตัวอย่างความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางกายภาพในงานปัตยกรรมในอาคารประเภทต่างๆอย่างเช่นบ้านแถวพพิธภัณฑ์์ไปจนถึงพัฒนาขนาดใหญและตามการใชวัสดที่นำมาประกอบกันในบริบทของรีตเดิมไมว่าจะเป็นดินเผาอิฐไมและกรอบโครงสร้างเมื่อมีความข้าใจในพื้นฐานของการสร้างสรรค์งานที่เป็นจริงอย่างครบถ้วนรอบด้านเราจะรักษาและต่อยอดแนวคิดในทางสถาปัตยกรรมที่สร้างความเชื่อมโยงย่างสมดุลระหว่างการใช้งานร่วมสมัยรูปทรงอาคารและเทคโนโลยที่มีอยู่ล้วอย่างที่เกิดขึ้นในสถาปัตยกรรมแฟลนเดอร์สหลากหลายประเภทตั้งแต้านจนถึงอาคารสาธารณะอย่างคอนเสร์ตฮอลลประสบการณอีกด้านหนึ่งของคารูโซในฐานะกรรมการตัดสินการประกวดปัตยกรรมรางวัลTheGovernorGeneral’sMedalsของประเทศแคนาดาห้เห็นอีกแงมุมหนึ่งของการออกแบบที่ผสมผสานเนื้อหาของทฤษฎีการย่างเหมาะสมเพื่อตอบโจทย์ใหม่ๆที่เกิดจากบริบททางด้านเศรษฐกิจสังคมที่เป็นจริงในฐานะของผู้ใช้อาคารคารูโซใชพื้นที่สาธารณะอย่างเช่นศิลปมัลโมคอนสตัลเป็นตัวอย่างเพื่อถกเถียงประเด็นของการออกแบบพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยที่ควรมีความยืดหยุ่นสามารถรองรับและสนับสนุนช้งานจริงของศิลปินโดยไม่แสดงตัวเป็นพระเอกเสียเองอย่างออกนอกหน้าหรือการวิเคราะห์โบสถ์เซนตปีเตอร์สในมืองคลิปปันสวีเดนโดยสถาปนิกซิเกอร์ดเลเวเรนซ(SigurdLewerentz)ที่ร้างสรรครูปทรงที่พิเศษขึ้นจากอิฐที่เป็นวัสดพื้นฐานธรรมดาและยังสามารถค์ประกอบอื่นๆที่แตกต่างกันเข้าไวด้วยกันอย่างกลมกลืนในฐานะของนิกผู้ออกแบบคารูโซได้อธิบายการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดุกส่วนของเปลือกอาคารการหุ้มห่อภายนอกและการกรุผนังภายในของหอ
กรกฎาคมกรุงเทพมหานคและยปสถาปในกำหนดนโยบายและแผนในการแวดยเศิลปะแห่งเมืองวอลซอลลอันเป็นผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นที่สร้างชื่อให้สำนักงานพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในการใช้งานและสุนทรียภาพในตอนท้ายคารูโซังได้กล่าวถึงความผิดพลาดในหลากหลายแงมุมของงานสถาปัตยกรรมและสิ่งล้อมสรรสร้างตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยในห้องจัดแสดงนิทรรศการไปจนถึงการพัฒนาเมืองตลอดจนปัญหาของการเก็งกำไรธุรกิจอสังหาริมทรัพยที่ส่งผลต่อคุณภาพของงานสถาปัตยกรรมการไดมีโอกาสสัมผัสความคิดความเชื่อและมุมมองในหลากหลายเรื่องของนิกชั้นนำที่ถ่ายทอดออกมาเป็นข้อเขียนน่าจะเป็นบทเรียนให้สถาปนิกในัจจบันและอนาคตได้เรียนรู้และเกิดประกายความคิดที่ว่างานสถาปัตยกรรมังคงต้องแสวงหาความสมดุลในการสร้างสรรคที่ว่างที่ถึงพร้อมทั้งในด้านศิลปะสุนทรียภาพอีกทั้งยังก่อประโยชน์ทางการค้าและเศรษฐกิจอย่างครบถ้วนร2565 อาชัญญ์ บุญญานันต์
Original English edition made by Polígrafa, Barcelona.
Photographic credits: p. 18: Gerhard Richter,VEGAP, Barcelona, 2008; pp. 36, 48: Caruso St John studio; p. 68: Florian Maurer (top), Atelier in Situ (bottom); p. 74: Jan Kempenaers (left), Tomas Nollet and Hilde Huyghe (right); p. 98: Hélène Binet.
© of the photographs: the authors © of the text: Adam Caruso Thai edition © 2022 Li-Zenn Publishing Ltd, Bangkok, Thailand
สารบัญ 15 ความนำา 19 การสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากขนบเดิม, 2005 24 พลังงานและสภาวะทางกายภาพ, 2005 31 ขนบประเพณี, 2005 37 ของการสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมความหมายและการดำารงอยู่, 2002 42 ความใหม่ที่ร้ายกาจ, 1998 49 เมืองเปี่ยมอารมณ์, 2001 55 ความรู้สึกต่อสรรพสิ่ง, 1999 61 ด้วยใจใฝ่ดี, 1998 69 ว่าด้วยสถาปัตยกรรมในแคนาดา, 2006 75 สถาปัตยกรรมที่สร้างความผูกพัน 2004 87 หอศิลป์มัลโม คอนสตัล, 2000 92 ซิเกอร์ด เลเวเรนซ์ ที่มีพื้นฐานมาจากวัสดุและรูปทรง , 1997 99 เปลือกอาคาร และการกรุผนังภายในการหุ้มห่อภายนอก , 1997 102 ความผิดพลาด, 2003 107 บทสัมภาษณ์อดัม คารูโซ โดย มาร์ค ฟรานซิส, 2000
15 แมว่าเหตุผลที่ผมเขียนบทความเหล่านี้ ซึ่งไดรับการตพิมพ์ในช่วงประมาณ สิบปที่ผ่านมาจะมีอยู่หลายประการ แต่แรงผลักดันหลัก คือ ความรู้สึกผิด หากผมไ ม่เ ขียนบทความอ ย่าง ต่อเ นื่ อง เพราะ บุคคล ที่ม ส่วนผ ลัก ดันใน การสร้างสรรค์ผลงานสถาปัตยกรรมในช่วงแรกๆ ของผมและปีเตอร คือ มิคา บันดน (Micha Bandini) ผู้เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาสถาปัตยกรรมของ Polytechnic of North London (ปัจจบันคือ London Metropolitan University) ที่ซึ่ งเราสอน นัก ศึกษาไปพ ร้อม กับการป ฏ บ ต วิชา ชีพ ด้วยใน ช่วง สิบ ปีแรก เธอไ ด้เ น้น ย้ำจน ฝังเ ข้าไปใน หัวของพวกเรา ถึงความจำเ ป็นในการนำ ชุด ‘ค่านิยมหลัก’ ในทศวรรษอสาระในงานออกแบบของพวกเราทางปัญญาที่ช่วยพัฒนาและแสดงจุดยืนของตัวบุคคลมาเป็นซึ่งไปด้วยกันไดดกับ‘แนวปฏบตวิชาชีพย่างจริงจัง’ที่เราสองคนชื่นชมโดยสถาปนิกในภาคพื้นทวีปยุโรปช่วงต้นที่1990ต่างนิยมเผยแพรทั้งผลงานออกแบบและตพิมพ์งานเขียนนิตยสารอย่างเช่น 9H และ Quaderns แนวคิดของมิคายังได้กล่าวถึง แนวทางปฏบติของสถาปนิกในอังกฤษซึ่งเราเองเห็นว่าน่ารำคาญ กล่าวคือ คปากกาสองเงานเแและสการตพิมพ์เผยแพร่ผลงานและแนวคิดไม่เป็นที่ชื่นชมของสถาปนิกร่วมสมัย่งผลให้ผลงานและแนวคิดในการออกแบบชิ้นเอกของสถาปนิกคู่อย่างอลสันปีเตอรสมิธสัน(AlisonandPeterSmithson)ไม่เป็นที่แพร่หลายต่การเผยแพร่ในลักษณะดังกล่าวกลับเป็นแรงบันดาลใจใหกับพวกเรางานเขียนชิ้นแรกสุดของพวกเราซึ่งมที่มาจากการปฏบตวิชาชีพการส่งข้าประกวดและการบรรยายใหผู้สนใจรับฟังหลายครั้งหลายหนนั้นค่อยๆกิดขึ้นทีละบรรทัดอย่างยากลำบากปีเตอร์และผมใช้กระดาษหนึ่งแผ่นกับด้ามนั่งถกเถียงตอบโตกันเกือบทุกคำที่เขียนลงไปผมจำไดว่าเมื่อุณแม่ของผมได้เห็นวธีการทำงานของพวกเราท่านยังสงสัยเลยว่ามันจะได ความนำา (Introduction)
เรื่องได้ราวขึ้นมาอย่างไร แมว่าการถกเถียงเกี่ยวกับคำที่เลือกใช้อาจเป็นเรื่อง ที่น่าเบื่อ แต่การอภิปรายเกี่ยวกับเนื้อหา การพิจารณางานเขียนและหนังสือ ที่รวบรวมผลงานออกแบบต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน การเยี่ยมชมอาคารและ นิทรรศการที่หลากหลาย ต่างก็เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนางานเขียนของ พวกเรา หลังจากนั้นไม่นาน ตัวผมเองก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้เขียนและผู้เกริ่นนำ เ นื้ อหาในเ ชิง ‘ทฤษ ฎี’ สำห รับการบรรยายของเรา บ่อยค รั้ ง ขึ้ น อาจเ ป็น ซเมั่จคการเกการเยิ่และเศรษฐระแการออกแบบในแและการมองโลกในแอในแบบเคที่มบที่มงานเการบรรยายและใเพราะผมเคยเรียนประวติศาสตรศิลปะก่อนที่จะเข้าโรงเรียนสถาปัตยกรรมช้ภาษาในทวีปอเมริกาเหนือได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษาทุกๆครั้งยังคงเป็นแรงผลักดันที่สำคัญสำหรับการสร้างสรรคขียนของผมต่อเนื่องกันมาเนื่องจากเป็นโอกาสที่จะตั้งคำถามในประเด็นอิทธิพลต่องานออกแบบในปัจจบันและยังเป็นโอกาสที่จะเผยให้เห็นถึงุญคุณอันมหาศาลของสถาปนิกท่านอื่นๆและประวติศาสตร์สถาปัตยกรรมต่องานของพวกเราในปัจจบันที่ยุคแห่งโลกาภวัตนมีการเชื่อมโยงกันรือข่ายอย่างรวดเร็วประเด็นต่างๆเหล่านี้ยิ่งจำเป็นจะต้องกล่าวถึงย่างรวดเร็วทันการณ์ตามไปด้วยผมคิดว่างานออกแบบของพวกเราหลายๆชิ้นแสดงให้เห็นถึงอุดมคตงดีอยู่เสมออีกทั้งยังพยายามที่จะเพิ่มศักยภาพของต่ละสถานการณ์แม้จะมีโอกาสเล็กน้อยเพียงใดก็ตามต่ในงานเขียนกลับไม่ได้มองโลกในแงดนักแม้จะแสดงให้เห็นถึงอุดมคติในดับที่พอๆกันเนื่องจากเราพยายามทำความเข้าใจบริบททางวัฒนธรรมกิจอันเป็นที่มาของสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในขอบเขตที่กว้างขึ้นงทำให้เราสูญเสียความมั่นใจและความหวังไปไดง่ายๆอย่างไรกดแมว่าขียนเป็นงานที่ค่อนข้างยากสำหรับผมแต่การเขียนความเรียงสั้นๆนั้นยังใช้เวลาน้อยกว่าการสร้างอาคารขึ้นมาสักหลังหนึ่งดังนั้นผมเลยคิดว่าขียนเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับการวิพากษวิจารณ์และการนำเสนอความิดอย่างตรงไปตรงมาและเพื่อที่จะไม่ใหมีเพียงคำกล่าวโจมตีในเชิงลบงานเขียนหลายชิ้นึงกล่าวถึงคุณภาพของอาคารหลายๆหลังที่ช่วยเน้นถึงการดำรงอยู่อย่างนคงของสถาปัตยกรรมโดยพยายามอธิบายอย่างละเอียดเพื่อใหผู้อ่านไดข้าถึงคุณสมบติของอาคารเหล่านั้นที่ผมคิดว่าน่าสนใจและมคุณค่ามากและึมซับความรู้สึกต่อสรรพสิ่งได้อย่างชัดเจนงานเขียนที่เน้นสิ่งที่ปรากฏอยู่จริง 16
ก่อใ ห้เ กิด ข้อส รุป ที่ว่า โดย พื้ นฐานแ ล้วสถา ปัตยกรรมเ ป็น สิ่ งประ ดิษ ฐ์ทาง กายภาพ ที่ ม นุษ ย์ส ร้าง ขึ้ น พัฒนาการทางความ คิดและทฤษ ฎีในแนวทาง หลังยุคโครงสร้างนิยม (post-structuralist) ตลอดจนการก้าวสู่ยุคโลกาภวัตน ที่ปราศจากอุปสรรคใดๆ นั้น ทำให้เกิดความไขว้เขวที่เป็นอันตราย สำหรับผมแล้ว การที่เราออกแบบรูปทรงของอาคารที่มีความหลากหลายมากๆ นั้นเป็นที่มาของ ความสุขและความภาคภมิใจอย่างแท้จริง และเมื่อผมได้กลับมาอ่านงานเขียน เหล่านี้อีกครั้ง ทำให้ผมรู้สึกว่าประเด็นต่างๆ ดูจะวนอยู่ในขอบเขตที่จำกัดเกินไป ผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดของงานเขียนโดยสถาปนิก คือ การที่ไดพัฒนา ควบคู่ไปกับการปฏบตวิชาชีพ ซึ่งจะไม่เป็นเพียงแค่การถกเถียงโดยใช้เหตุผล หรือการพสูจน์ทฤษฎ แต่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนใช้เพื่อวจัยประเด็นทางวัฒนธรรม ที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จในเชิงสถาปัตยกรรมได้โดยตรง ตัวอย่างที่สำคัญ อ ย่าง ยิ่ ง ไ ด้แ ก ความพยายาม ที่ ไ ม่สำเ ร็จ ล ล่วงของ ก็อตฟ รีด เซมเปอ ร (Gottfried Semper) เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในงานสร้างสรรคที่สัมผัส ไดด้วยตา กรณีของ อดอล์ฟ โลส (Adolf Loos) ในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบ เป็นตัวอย่างที่ผมขอยกขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยโลสพยายามกำหนดบทบาทของ สถาปัตยกรรมผ่านงานเขียนและงานออกแบบอาคาร ในเวลาเดียวกันกวิพากษ วิจารณ์ความบ้าคลั่งของบริบทที่อยู่รอบตัวอย่างแหลมคมไปด้วย ผมเองอยาก จะเ ป็นเห มือนโลส ทั้ งในแ ง่ของความเ ป็น ผู้มีความ รู้ดีใน ด้านสถา ปัตยกรรม รวมถึงด้านการเขียนที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและสัมผัสไดงานเขียนชุดนี้จะไมมีทางเกิดขึ้นได้เลยหากไมมปีเตอ ร เซน ต์จอ ห์น (Peter St John) เ นื่ องจากเ นื้ อหาแ ต่ละ ส่วนมาจากการป ฏ บ ต วิชา ชีพ สถาปัตยกรรมของพวกเราโดยตรง และหวังว่างานเขียนเหล่านี้จะกลับไป ม ส่วน ช่วยในการ พัฒนา วิชา ชีพอ ย่าง ต่อเ นื่ อง ต่อไป ต้องขอขอบ คุณ เฮเลน โธ มัส (Helen Thomas) ผู้ซึ่ งเ ปิดโลก ทัศ น์ใ ห้ผมไ ด้เ ห็นแนว คิด และวธีการมองโลกที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน จนได้ออกมาเป็นเนื้อหาของหนังสือ เล่มนี้ เฮเลนยังเป็นนักวิจารณที่จริงจัง ตรงไปตรงมา และไม่เคยปล่อยให้ผม ลืมตัวแม้แต่เพียงชั่วขณะเดียว 17
Gerhard Richter, Dead (Tote), 1988, 62 3 73 cm.
19 ขนบประเพ ณ นั้ นไ ม่ใ ช่แ ค่การป ฏ บ ต สืบทอด ต่อๆ กันมา และ ถ้า ต้องการ จะส ร้างสรร คมัน ขึ้ นมา ก ต้องอา ศัยความพยายามอ ย่าง ยิ่ งยวด โดยเ ริ่ มแรก นั้ น จะ ต้อง รับ รู้ และเ ข้าใจในประ ว ติศาสต ร ตลอดจน มุมมอง ต่ออ ดีต ที่ผ่านไป และการดำรงอ ยู่ ของอ ดีตใน ปัจ จ บัน ซึ่ งอาจก ล่าว ว่าเ ป็น สิ่ ง ที่ เ กือบจะขาดไ ม่ไ ด สำหรับใครก็ตามที่ยังคงสร้างสรรค์งานเขียนมาเกินกว่ายี่สิบห้าป การรับรู้และเข้าใจ แใปการ(Homer)แในประวติศาสตรนั้นไม่เพียงกระตุ้นใหนักเขียนสร้างงานที่ร่วมสมัยกับตัวเองเท่านั้นตด้วยความรู้สึกที่ต้องการผสมผสานวรรณกรรมยุโรปทั้งหมดตั้งแตยุคของโฮเมอรเข้าด้วยกันไปพร้อมกับวรรณกรรมประจำชาตทั้งหมดของนักเขียนผู้นั้นรับรู้ในทางประวติศาสตรที่ประกอบไปด้วยความรู้สึกที่ไรซึ่งกาลเวลาความเป็นัจจบันและทั้งสองอย่างประกอบกันนี้เป็นสิ่งที่สร้างขนบประเพณีของนักเขียนห้เกิดขึ้นและในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ทำใหนักเขียนตระหนักอย่างยิ่งถึงตำแหน่งห่งที่หรือความร่วมสมัยของพวกเขาในช่วงเวลาหนึ่งๆที.เอส.เอเลียต(T.S.Eliot),‘ขนบประเพณีและความสามารถส่วนบุคคล’(TraditionandtheIndividualTalent),พิมพ์ครั้งแรกในวารสาร The Egoist, ลอนดอน, 1919.) ที.เอส. เอเลียต เป็นนักเขียนที่นิยมความคิดสมัยใหม โดยเชื่อในคุณค่า ที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง แมว่าตัวลัทธิสมัยใหม หรือ modernism เองจะไดรับการ วิพากษวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เป็นแนวคิดในเชิงปฏิฐานนิยม (Positivism) ที่คับแคบ เนื่องจากยึดถือความรู้จากประสบการณ์ตรงเป็นหลัก และมอง ประวติศาสตรกับวัฒนธรรมในมติเดียว แต่ในบทความที่ชื่อ ‘Tradition and the Individual Talent’ ที่ว่าด้วยขนบประเพณีและความสามารถส่วนบุคคลนั้น เอเ ลียต ยังใ ห้ความสำ คัญ กับความ ต่อเ นื่ องทาง วัฒนธรรมในระ ดับ พื้ นฐาน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ทั้งยังได้เตือนว่าหากศิลปินไม่นำประวติศาสตร การสร้างสรรค์สิ่งใหม่จากขนบเดิม (Cover Versions) Not previously published, 2005.
20 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานแล้ว จะสร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างผิวเผิน และปราศจากความหมายในสถานการณปัจจบัน ความสำคัญของขนบประเพณ และประวติศาสตรจึงได้ทวีความซับซ้อนมากขึ้น ในโลกที่มวัฒนธรรมที่แตกต่าง และหลากหลายอย่างทุกวันนี้สถาปนิกหลายท่านยังคงลังเลที่จะบอกว่า งานออกแบบของพวกเขาเป็น ส่วนหนึ่งของผลผลิตทางวัฒนธรรมทั่วๆ ไปและเป็นส่วนหนึ่งของประวติศาสตร การออกแบบสถา ปัตยกรรมสำห รับสถาป นิกหลายๆ ท่านกลายเ ป็น ธุร กิจ ที่ เ น้นการเ ติบโตอ ย่างไ ม่ห ยุด ยั้ งแบบเ ดียว กับอง ค์กรของ ลูก ค้า มืออา ชีพ ในวงการ ก่อส ร้าง นั้ นจำเ ป็นจะ ต้องกำ จัด คู่ แ ข่งอ ยู่ ตลอดเวลาเ พื่ อเ พิ่ ม ส่วน แ บ่งในตลาดใ ห้มาก ขึ้ น สถาป นิกระ ดับ ซูเปอ ร์สตา ร ล้วนทำงานออกแบบ ระ ดับโลก ก็ขยายงานออกไปแบบสุดโ ต่งจน ถึงระ ดับ ที่ เห มือนจะเ ป็นจ ริงไ ด ก็แ ต่เ พียงใน นิยายเ ท่า นั้ น โดย ต่าง ก็แ ข่ง ขัน กันส ร้างงาน ที่มีขนาดให ญ่โต Schoenberg)คงแบบและดอบแอฟความมเความที่แดนเโลกกและมรูปทรงที่ประหลาดมหัศจรรย์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนและไมมีอะไรที่เกี่ยวข้องับสถาปัตยกรรมในอดีตไมผูกโยงกับสถานที่ตั้งและเกิดขึ้นจากสถานการณที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพื่อสนองอัตตาของสถาปนิกเหล่านี้มากขึ้นรื่อยๆเท่านั้นเปรียบไดกับการแข่งขันกันระหว่างตัวละครในหนังสือการตูนอย่างแดร์สและวันเดอรวูแมน(DanDaresandWonderWomen)ในขณะสถาปัตยกรรมร่วมสมัยเสี่ยงที่จะบินสูงขึ้นไปในอากาศจนอาจเกิดอันตรายจากร้อนแรงของดวงอาทิตยศิลปะในสาขาอื่นๆต่างก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยการชื่อมโยงและสานต่อจากขนบประเพณที่เป็นรากฐานของตนเองดนตรีแจซเป็นนวัตกรรมทางศิลปะที่ยิ่งใหญ่แห่งคริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบีความเกี่ยวข้องอย่างใกลชิดและสร้างความรื่นรมย์ให้แกผู้ทรงอิทธิพลทางคิดแห่งยุคสมัยใหมจากต้นกำเนิดของการผสมผสานกันระหว่างดนตรรกันยุโรปและดนตรีอเมรกันที่เพิ่งเกิดขึ้นใหมณเมืองนิวออรลีนสริเวณสามเหลี่ยมปากแมน้ำมิสซิสซิปปซึ่งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมย่างเข้มข้นในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบด้วยรูปแบบดนตรที่จริงจังเปี่ยมไป้วยความคิดสร้างสรรคทำให้ดนตรีแจซไดรับการพัฒนาอย่างรวดเร็วต่อเนื่องในช่วงห้าสิบปีแรกแมช่วงที่มีความเคลื่อนไหวอย่างไมชัดเจนในบ็อปตอนท้ายๆและฟรีแจซในช่วงปลายทศวรรษที่1950ดนตรีแจซกยังมพัฒนาการที่เป็นลักษณะเฉพาะอย่างเช่นอาร์โนลดโชนเบอร์ก(Arnoldนักดนตรีชาวอเมรกันเชื้อสายออสเตรียนที่แต่งเพลงโดยใช
21 เทคนิคโน้ตสิบสองตัว (twelve tone composition) หรือศิลปินอย่างจอห์น โคลเทรน (John Coltrane) และออร์เนตต โคลแมน (Ornette Coleman) เริ่มใช้การนับจังหวะ (time signatures) ที่ซับซ้อนแทนการใช้โครงสร้างคอร์ด ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างจังหวะและทำนองที่ลื่นไหล และความตึงเครียด ที่เกิดขึ้นระหว่างโครงสร้างของเพลงและการด้นสด (improvisation) กยังคงเป็น เอกลักษณที่ชัดเจนของดนตรีแจซจอห์นและตัวผมเองทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกัน ตั้งแต่การฝึกซ้อม แกะเพลง พูด คุย กันอ ย่างจ ริง จังเ กี่ ยว กับ ศิล ปิน รุ่ น ก่อนๆ เพราะผมและโคลเทรน นั้ น ต่าง ก สนใจในผลงานของศิลปินรุ่นก่อนเป็นอย่างมาก และเราเห็นว่าจริงๆ แล้วดนตรีแจซ คือ ความต่อเนื่อง เท้าข้างหนึ่งของเรานั้นอยู่ในอดีตและอีกข้างหนึ่งวางอยู่ในอนาคต ดังที่ ดิซซ จิลสปาย (Dizzy Gillespie) นักดนตรีแจซชาวอเมรกันได้กล่าวไว บทสัมภาษณจิมม ฮีธ (Jimmy Heath) นักดนตรีแจซชาวอเมรกัน โดย อลีน ชิปตัน (Alyn Shipton) ในหนังสือ A New History of Jazz, สำนักพิมพ Continuum, ลอนดอน, 2001. ใน ช่วง ต้นทศวรรษ ที่ 1960 จอ ห์น โคลเทรน ใ ช้เทค นิคทางดนต ร อันน่าทึ่ง ทดลองเรียบเรียงเสียงประสานแบบตรงๆ ซึ่งแตกต่างไปจากเดิม อ ย่าง สิ้ นเ ชิง ทำใ ห้เ กิดดนต ร ที่ เ ข้ม ข้น ขึ้ นมากจนยากเ กินจะ ฟังอ ย่าง รื่ น ห ในคอนเสร์ตช่วงท้ายๆ ของชวิต โคลเทรนมักจะเล่นเพลง ‘My Favourite Things’ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟัง แต่งขึ้นโดยรอดเจอร์และแฮมเมอร์สไตน (Rodgers and Hammerstein) การบรรเลงดนต รีฉ บับ ร้อนแรง ที่ม ความยาวประมาณสามสิบนาทนี้ เราจะรู้สึกไดถึงจิตวิญญาณอันแฝงอยู่ของ ขนบประเพณีทางดนตรีแบบดั้งเดิมอย่างเต็มเปี่ยม ตามแบบนักดนตรีแจซ อย่างซิดนย เบเช็ท (Sidney Bechet) และออร์เนตต โคลแมนได้ในคราว เดียว ในแวดวงดนตรีแจซร่วมสมัยนั้นยังคงตอบรับขนบทางดนตรีแบบดั้งเดิม ที่หลากหลายนี้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแตนักทรัมเป็ตชาวอเมรกัน วินตัน มาร์ซาลิส (Wynton Marsalis) ผู้เน้นดนตรีแบบวงบิ�กแบนด์ขนาดใหญ่อย่างของ ดุ�ก เอล ลิง ตัน (Duke Ellington) และวงดนต รีขนาดเ ล็ก ที่ เ ล่นเพลงในแนว บบ็อป ไปจนถึงดนตรีในเขตเมืองแบบดอน ไบรอน (Don Byron) ซึ่งเกิด จากการผสมผสานจากหลายแห ล่ง ที่ มา ตั้ งแ ต่ดนต รีบรรเลงเคลซเมอ ร ของชาว ยิว (Yiddish Klezmer) ผสม กับ บิ�กแบน ด์อ ย่างของเอล ลิง ตัน และเพลงแบบมาตรฐาน ที่ เ ป็น ที่นิยมในวงก ว้าง เ มื่ อไ ด ยินดนต รีของ ทั้ ง มา ร์ซา ลิสและไบรอน เราจะ รู้สึกไ ด ถึงเ สียงสะ ท้อน ก้อง กังวานของ ช วิต ในสามเหลี่ยมปากแมน้ำมิสซิสซิปป
22 การเ ลือกแนวทางในการส ร้างสรร ค์งาน ศิลปะ ที่มีความเ ป็นไปไ ด้อ ย่าง หลากหลาย ทั้งในด้านรูปทรงและที่มาจากประวติศาสตรนั้นมีความสำคัญ เสมออ ย่างเ ช่น การ ที่ สถาป นิกใน ยุค ฟ้�น ฟ ศิลป วิทยา อ้าง ถึงอ ย่างเฉพาะ ของโครงการในการออกแบบใแตกที่สอการและรที่ในทั้กทศวรรษภาพวาดเห‘Greatใตกแและแบบสในคมาจากความผลงานของแนวขึ้องหเจาะจงในที่มาของรูปแบบเสาคอรินเทียนว่ามาจากซากปรักหักพังของกรุงโรมรือการที่ศิลปินในยุคก่อนราฟาเอล(Pre-Raphaelites)ปฏิเสธการจัดวางค์ประกอบของภาพในแบบยุคหลังฟ้�นฟศิลปวิทยาโดยทั้งสองการอ้างถึงนี้นอยู่กับความรู้และวิจารณญาณของศิลปินแต่ละคนซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากคิดปฏิฐานนิยมในเรื่องจิตวิญญาณแห่งยุคสมัยหรือZeitgeistตัวอย่างเช่นศิลปินชาวเยอรมันเกียร์ฮาร์ดริชเตอร(GerhardRichter)เกิดขึ้นผูกพันส่วนตัวของศิลปินกับขนบประเพณต่างๆของภาพวาดริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบโดยไมยึดติดกับข้อจำกัดในเชิงศีลธรรมของแนวคิดมัยใหมงานของริชเตอร์เคลื่อนไหวอย่างอิสระระหว่างความเป็นนามธรรมรูปธรรมภาพวาดที่เล่นสสันของเขามีความเบาลอยที่เกือบจะเป็นงานประดับต่งในขณะที่ภาพวาดเหมือนจริงแบบภาพถ่ายของสมาชิกในครอบครัวห้ความรู้สึกเปราะบางและมีความใกลชิดเป็นส่วนตัวภาพวาดในชุดอื่นๆเช่นMen’และ‘Baader-Meinhof’แสดงให้เห็นถึงงานในแงมุมประวติศาสตรล่านี้ไม่ได้วางตัวห่างจากผู้ชมในเชิงเสียดสีแบบศิลปะพ็อปอาร์ตในช่วงที่1960และการใช้คตนิยมสรรผสาน(Eclecticism)อย่างจริงจังนั้น็ไม่ได้ทำให้เสียความตั้งใจที่จะสร้างงานศิลปะแบบสบายๆลดความเคร่งเครียดงยังทำใหริชเตอร์สามารถเข้าถึงรูปทรงและอารมณ์ความรู้สึกของภาพวาดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบทั้งหมดด้วยความรู้และเทคนิคที่เพิ่มพูนขึ้นแน่นอนว่าสถาปนิกอย่างเราๆคงมีความทะเยอทะยานอยู่ไมน้อยจะสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมให้ได้เหมือนกับภาพวาดของเกียร์ฮาร์ดิชเตอรเนื่องจากงานออกแบบของเรานั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆซึ่งเราเคยเห็นมีประสบการณ์มาโดยตลอดอีกทั้งในกระบวนการออกแบบมักจะมพูดคุยถกเถียงเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆอันจะเกี่ยวเนื่องอยู่เสมอย่างเช่นการไปเยี่ยมชมแกลเลอรีครั้งล่าสุดประสบการณ์แปลกๆที่ไดัมผัสกับอาคารหรือส่วนหนึ่งของเมืองรวมถึงการใช้งานวัสดคุ้นเคยในแบบไม่เคยทำมาก่อนเพราะสิ่งที่มอิทธิพลต่อการออกแบบของเรานี้ค่อนข้างต่างทำให้การพูดคุยถกเถียงกันเป็นวธีการที่เราพยายามนำสิ่งเหล่านั้นมาใชห้สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางสังคมและลักษณะทางกายภาพที่ทำอยู่การปฏบตวิชาชีพออกแบบสถาปัตยกรรมมาหลายป
23 ก็เห มือน นักเ ขียน ที่ ที.เอส. เอเ ลียต ก ล ่าว ถึง ว ่า ทำงานมาเ กิน ยี่สิบ ห ้า ป ศสนองแไสงวน(hedonisticแปรเปของโลสสในงานของเวบทางเกมอโดยสและอดอคาทางมากทำให้เราไดพัฒนาขีดความสามารถในการใชข้อมูลจากแหล่งที่มาที่หลากหลายขึ้นจนแทบจะจินตนาการไม่ออกว่าโลกที่อยู่รอบตัวเราและขนบประเพณด้านสถาปัตยกรรมจะไม่สามารถสนับสนุนการทำงานออกแบบต่อไปไดเราอยากที่จะออกแบบสถาปัตยกรรมด้วยความรู้และไหวพริบในแบบร์ลฟรดิชชิงเคิล(KarlFriedrichSchinkel)ฟลิปเวบบ(PhilipWebb)ล์ฟโลสเพราะสถาปนิกทั้งสามมจุดยืนทางจริยธรรมที่แข็งแกร่งนับสนุนการสร้างสรรค์งานออกแบบทก้าวข้ามวาทกรรมในทางสุนทรียะันว่างเปล่าไปไดแนวทางการทำงานแบบผสมผสานนี้ยังทำให้งานทุกชิ้นีความสัมพันธที่เหมาะเจาะลงตัวกับสถานการณซึ่งแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยับสถาปัตยกรรมในปัจจบันงานออกแบบของชิงเคิลนั้นเป็นการผสมผสานลือกระหว่างกอทิกและคลาสสิกส่วนรูปทรงและเทคนิคการก่อสร้างบ์เป็นทางเลือกที่สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นรวมถึงงานร้างสรรค์จากธรรมเนียมปฏบติของสังคมร่วมสมัยในรูปแบบที่ลี่ยนไปมาระหว่างความหรูหราส่วนตัวที่เน้นความสุขแบบสุดโต่งpersonalluxury)กับภาพลักษณที่แสดงออกสู่สาธารณะแบบท่าทการตีความเพื่อสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมของสถาปนิกทั้งสามท่านม่ได้เป็นทั้งแบบอนรักษนิยมหรือแบบที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปโดยสิ้นเชิงต่สามารถเป็นไดทั้งสองแนวทางวธีการทำงานแบบนี้อาจเป็นไดทั้งการตอบต่อของเดิมอย่างมสสันและเคารพต่ออดีตในเวลาเดียวกันเหมือนกับงานิลปะของริชเตอร์และดนตรีของโคลเทรน
เกี่ยวกับอดัม คารูโซ อดัม คารูโซ เกิดเมื่อป ค.ศ. 1962 และศึกษาสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัย แมกกิล เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบรษัทสถาปนิก Caruso St John ร่วมกับปีเตอร เซนต์จอห์น (Peter St John) ตั้งแตป ค.ศ. 1990 มีสำนักงานอยู่ทั้งที่ลอนดอนและซริก ผลงานที่โดดเด่นมทั้งที่เป็น งานในเชิงพาณิชย และอาคารทางด้านวัฒนธรรมในบริบททางประวติศาสตร ที่ซับซ้อน ได้แก ห้องแสดงงานศิลปะ Gagosian Gallery โครงการออกแบบ ปรับปรุง The Barbican Concert Hall และหอศิลป Tate Britain ในลอนดอน ตลอดจนงานพัฒนาผังเมืองขนาดใหญนอกจากงานออกแบบสถาปัตยกรรมแ ล้ว คา รูโซ ยังเ ป็น นักเ ขียนเ รื่ อง นอกขนบสถาปัตยกรรมสมัยใหม เป็นบรรณาธิการหนังสือและสิ่งพิมพ์ทาง ด้านสถาปัตยกรรมในระดับนานาชาต อาทิเช่น The Architect’s Journal, OASE, Blueprint and Tate รวมถึงหนังสือ The Feeling of Things เล่มนี้ เป็นอาจารย์และผู้บรรยายเรื่องสถาปัตยกรรมและงานออกแบบ ณ โรงเรียน สถาปัตยกรรมหลายแห่งทั่วโลก รวมถึง University of North London University of Bath Academy of Architecture ที่เมืองเมนดรซิโอ สวิตเซอร แลนด Cities Programme ที่ LSE ลอนดอน และ Harvard University’s Graduate School of Design คารูโซไดรับการแต่งตั้งจาก ETH Zürich ให้เป็น Professor of Architecture and Construction เมื่อป ค.ศ. 2011 ทั้งคารูโซและเซนต์จอห์น ไดรับเกียรต ให้เป็นสมาชิกของ Royal Academy of Arts ในสาขาสถาปัตยกรรมเมื่อป ค.ศ. 2019
อาประวัติผู้แปลชัญญบุญญานันต จบการ ศึกษาสถา ปัตยกรรมศาสตร บัณ ฑ์ิตจากมหา วิทยา ลัย ศิลปากร Construction Refurbishment Management ในระ ดับมหา บัณ ฑ์ิตจาก University College London ความสนใจในการบริหารจัดการทางสถาปัตยกรรม นำไปสู่การศึกษาต่อระดับดุษฎบัณฑ์ิตที่ London South Bank University struction)และลายเสถาพเคโครงการเรื่องความสัมพันธ์และการบริหารจัดการความรู้ของคณะทำงานในการพัฒนาก่อสร้างในประเทศไทยที่ไดรับรางวัลวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑ์ิตศึกษารือข่ายพัฒนบริหารศาสตรสาขาพัฒนาทรัพยากรมนุษยจากสถาบันบัณฑ์ิตัฒนบริหารศาสตรประจำปพ.ศ.2555ปัจจบันเป็นอาจารย์ประจำที่คณะปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมืองมหาวิทยาลัยธรรมศาสตรศูนยรังสิตผลงานแปลหนังสือทางด้านทฤษฎีสถาปัตยกรรมที่จัดพิมพ์โดยบรษัทส้นพับบลิชชิ่งจำกัดได้แกความปรุโปร่ง(Transparency)โดยโคลินโรวโรเบร์ตสลัทสกี้(2559)ความหมายของการก่อสร้าง(OntologyofConโดยเกฟอร์คฮารทูเนี่ยน(2559)
สั่งซื้อหนังสือ: FB: Li-Zenn Publishing (ทาง IB) www.li-zenn.com LINE: @li-zenn IG: lizennpublishing E: purchase@li-zenn.com T: 088 147 9669 / 02 259 2096 ร้าน Li-Zenn Bookshop สาขา 49HUB โกดัง 112 และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เลอ 700978-616-7800-61-5เมืองของผู้คน250978-616-7800-95-0บทสนทนากับนักเรียนคอร์บูซิเอร์บาทบาท หลุยส์ ไอ 300978-616-7800-47-9หัตถาราชัน250978-616-7800-50-9บทสนทนากับนักเรียนคาห์นบาทบาท 450978-616-459-019-9สู่แก่นแท้ของสถาปัตยกรรมบาท 1,000978-616-459-043-4นิวยอร์กคลุ้มคลั่งบาท 350978-616-459-044-1และบาวเฮาส์สถาปัตยกรรมใหม่บาท LI-ZENN PUBLISHING Modern Thought Series เรม 700978-616-459-013-7วิธีเรียนรู้ชีวิตสาธารณะ300978-616-7800-73-8บทสนทนากับนักเรียนโคลฮาสบาทบาท 450978-616-459-012-0สถาปัตยกรรมประสบการณ์บาท อดอลฟ์ โลส 300978-616-7800-28-8กับความว่างเปล่าบทสนทนาบาท มีสบทสนทนากับฟานเดอ 300978-616-7800-87-5โรห์บาท 350978-616-7800-84-4เมืองมีชีวิตบาท ปีเตอร์ 350978-616-7800-86-8บทสนทนากับนักเรียนสมิธสันบาท 380978-616-7800-76-9อยู่กับความซับซ้อนบาท
450978-616-7800-98-1ในอุดมคติและบทความอื่นๆคณิตศาสตร์เบื้องหลังวิลล่าบาท 300978-616-459-033-5ไฟรบทสนทนากับโอทโทบาทพอล 300978-616-459-011-3บทสนทนากับนักเรียนแรนด์บาท ทาดาโอะ 300978-616-459-010-6บทสนทนากับนักเรียนอันโดะบาท 350978-616-459-056-4ความรู้สึกต่อสรรพสิ่งบาท 300978-616-7800-46-2ผ่านกาลเวลางานสถาปัตยกรรมปรากฏ-กาล:ชีวิตของบาทซานติอาโก 300978-616-459-032-8บทสนทนากับนักเรียนคาลาทราวาบาท 350978-616-7800-71-4ในสถาปัตยกรรมและความขัดแย้งความซับซ้อนบาท 300978-616-7800-69-1ความปรุโปร่งบาท 350978-616-7800-74-5ของการก่อสร้างความหมายบาท 450978-616-7800-88-2สถาปัตยกรรมพื้นฐานการออกแบบบาท