LOLH Leisurely Wander Through of Esan
Cover Way ธรรมชาติสวยงามเสมอ ภูสิงห์ | เว่าสู่ฟัง ตำ�นานพญานาคในพื้นที่ชุ่มน�้ำโลก บึงโขงหลง Trail Me มนต์เสน่ห์ความเรียบง่ายที่จริงใจ ลาบานูน ISSN 2408-2759
ตอบสนองไลฟ์สไตล์ ของคนรุ่นใหม่
วันนี้สามารถอ่าน “เลาะ แมกกาซีน” ผ่าน Application ออนไลน์ได้ 7 ช่องทาง
Issuu.com
4D BOOK
Ais BookStore
True Book
ร้านนายอินทร์
OokBee
Mebmarket (B2S)
------- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ -------
095-550-0056, 080-186-1695 Email : lolh.mag@gmail.com
เลาะ แมกกาซีน
LOLH.MAGAZINE
ห้างเพชรทองชัยเฉลิม ตราดาว
หากคุณกำาลังมองหา แหวนแต่งงาน สำาหรับวันที่สำาคัญที่สุด วันหนึ่งในชีวิตคุณ ทางร้านให้คุณได้มากกว่าที่คุณคิด
เพียงแค่ซื้อเครื่องประดับเพชร หรือถ่ายรูป/วีดีโอ Pre-Wedding วันนี้ Gift Vouchers มูลค่า 2,000.-
รับทันที ร้านที่เข้าร่วม กิจกรรม 088-560-5601, 042-245-750
ห้างเพชรทองชัยเฉลิม ตราดาว
chaichalermgold
@chaichalermgold
Content
Editor’s Talk
ก้าวสู่ปีที่ 3 กับฉบับที่ 25 ประจำ�เดือนพฤษภาคม เราขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ร่วมเดินทางกันมาตลอด 24 เดือน เพื่อนๆ ร่วมติดตามกิจกรรมของ “เลาะ” ได้ทางแฟนเพจ เลาะแมกกาซีน เร็วๆ นี้ กิจกรรมที่เรากำ�ลังวางแผนจัดนั้น บันเทิงแน่นอน สำ�หรับ 24 ฉบับที่ผ่านมา สามารถหาอ่าน ได้ในรูปแบบ E-book เพียงค้นหาคำ�ว่า เลาะแมกกาซีน และเช่นเคยกับเพื่อนๆ ที่อยากแชร์ประสบการณ์การเลาะ เพียงแค่พิมพ์ #เลาะ #เลาะแมกกาซีน ในโซเชียลมีเดีย มาแชร์ความประทับใจกับเยอะๆ นะ
8
Cover Way
ความงดงามแห่งวิถีชีวิต ความวิจิตรที่ธรรมชาติ รังสรรค์ ก่อเกิดเรื่องราว ให้ได้ออกไปเลาะ Trail Me
18
บทสนทนาที่พาเราได้รู้จัก คนที่ตกหลุมรักการเดินทาง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ ได้ออกไปเลาะกัน
เว่าสู่ฟัง
24
เป็นการรวบรวมเรื่อง เล่าขานหรือประวัติ นิทานในถิ่นอีสานบ้านเรา ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
บ้านเฮา
30
เสน่ห์ชุมชนที่ซุกซ่อนให้ ออกไปเลาะเพื่อเสาะ หาความสุขที่อบอวลใน บ้านเฮา
บรรณาธิการ Editorial Team
ที่ปรึกษา ร.ต.อ.พชร มูลสาร, อภิวัฒน์ อินทร์หา ผู้พิมพ์ผู้โฆษณา เอกกวี ชัยปภาฐกิตต์, กมล บรรณาธิการบริหาร ธชา ปรางค์นวรัตน์ บรรณาธิการภาพ ธชา ปรางค์นวรัตน์ บรรณาธิการศิลปกรรม กฤษดินทร์ ช้างรักษา แปลอังกฤษ วรางคณา ชินภาส ฝ่ายการตลาด ภาณุพงศ์ ชีวะพันธ์, กนิษฐิกา ศรีภูมี ฝ่ายการเงิน ธนกฤต การัณย์สกุล ฝ่ายบัญชี พิมพอร อัถประเสริฐกุล เจ้าของ บริษัท บี ที เจ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำ�กัด ที่อยู่ 323/9 หมู่ที่ 8 ซ.บ้านบงคำ� ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี พิมพ์ที่ บริษัท กู๊ดเฮด พริ้นท์ติ้ง แอนด์ แพคเกจจิ้ง กรุ๊ป จำ�กัด
ปิติวัชรากุล
ติดต่อโฆษณา โทรศัพท์ : 095-550-0056, 080-186-1695 Email : lolh.mag@gmail.com อนุญาตให้ได้ตามสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย
เลาะ แมกกาซีน
LOLH.MAGAZINE
เลาะ
ReadCwrite ดาวแมว..ไม่มีการแข่งขัน ดาวแมว..ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีสงคราม ไม่มีความยากจน ไม่มีความอดอยาก ถ้าเราหิว ที่นี่มีข้าว มีขนมหวาน มีเครื่องดื่ม มีทุกอย่างให้เลือกสรร ถ้าเราเบื่อ ดาวแมวมีหนูปลอม มีที่ฝนเล็บ มีตัวตีขนนก ถ้าเราร้องไห้ ดาวแมวมีลูกแมวอีกหลายตัวนั่งอยู่ข้างๆ ยอมให้เราเอาหน้าซุกพุง และให้เรากอด ดาวแมว..มีแต่สายตาแห่งความเท่าเทียม ให้อิสระซึ่ง กันและกัน ไม่เรียกร้อง มีความรักให้กัน ไม่เลือกชั้นวรรณะ ยากดีมีจน จนถึงวาระสุดท้ายที่จากกัน ฉันอยากไปดาวแมว..
Cover Way
ธรรมชาติสวยงามเสมอ ธชา ปรางค์นวรัตน์
ชีวิตคือการเรียนรู้ เรียนรู้ให้รู้จักชีวิต รู้จักธรรมชาติและรู้จักที่จะอยู่ร่วมกันอย่างไม่ทำ�ลายธรรมชาติ การเดินทางมาบึงกาฬในครั้งนี้ทำ�ให้เราได้พบกับ คุณทรัพย์สิน จงดี ป่าไม้จังหวัดบึงกาฬและผู้อำ�นวยการ ศูนย์การจัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติที่ 154 เราขอเรียกว่าหัวหน้า (ตามที่พี่ๆ อาสาเค้าเรียกกัน) หัวหน้าต้อนรับเราเป็นอย่างดี ทั้งยังให้คำ�แนะนำ�ดีๆ เกี่ยวกับที่แห่งนี้ “ห้องเรียนธรรมชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์และป่าดงดิบสีชมพู”
เราเดินทางมาถึงทางขึ้นภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ เวลานั้นดวงอาทิตย์ก็ใกล้จะลับฟ้าแล้ว จึงท�ำการติดต่อ เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นอาสาชาวบ้าน พี่ๆ ก็พาเราไปพบ กับหัวหน้า คือผู้อ�ำนวยการศูนย์การจัดการกลุ่มป่า สงวนแห่งชาติที่ 154 นี้เอง หัวหน้าก็ให้ค�ำแนะน�ำว่า ควรมาจุดไหนตอนเวลาเท่าไหร่ ไปที่ไหนบ้าง จุดไหน ที่ยังไม่เปิดให้เข้าเนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ และ นัดแนะพี่อาสาที่จะพาเราขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติของ ป่าภูสิงห์ บริเวณทางขึ้นมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและ จุดกางเต็นท์ น่าเสียดายที่คืนนี้คงกางเต็นท์นอนรอบ กองไฟ อย่างที่มโนกันไว้ไม่ได้ เพราะฝนก�ำลังจะตก
จากที่ตกลงกันว่า เราจะตื่นเช้ากันสักวัน เพื่อไปดู พระอาทิตย์ขึ้น ท�ำให้เราต้องหาที่พักที่ใกล้และเดิน ทางสะดวกที่สุด ก็พบกับ The Littile Garden Resort ซึ่งอยู่ระหว่างทางบึงกาฬ ไป อ.ศิวิไล รีสอร์ทนี้ห่าง จากทางขึ้นภูสิงห์ประมาณ 30 นาที เรานัดพี่อาสาไว้ ตอนตี 5 ครึ่ง หลังจากที่ตั้งเวลาปลุก 4.00 น. เราก็ รีบเข้านอน เตียงนุ่มๆ ในความสงบ เพิ่มความฟินด้วย เสียงฝนตก มันช่างเป็นบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย ตื่นนอนด้วยเสียงนาฬิกาปลุกตอนตี 4 ไม่รู้ว่าฝน หยุดตกไปตอนไหน เตรียมความพร้อมและออกเดิน ทางไปยังจุดนัดพบ ที่นัดกับพี่อาสาไว้ ออกรถไปได้
ไม่นานก็เริ่มแปลกใจ ...ว่าท�ำไมถนนไม่เหมือนเดิม จากถนนสี่เลน เหลือสองเลน เส้นถนนหายไป เหลือ เลนเดียว พื้นผิวถนนเปลี่ยนไปเป็นดินและหินขรุขะ ล้อยังคงหมุน เสียงผู้หญิงที่พาเรามายังตอกย�้ำให้เรา ตรงไป เราขับรถมา 40 นาทีแล้ว เมื่อวานนี้ขับรถ แค่ 30 นาที สรุปว่าหลงทางจ้า ออกไปตั้งหลักกันใหม่ ยังดีที่เราเผื่อเวลาส�ำหรับการหลงทางไว้ เลยท�ำให้ ไปทันเวลานัดหมาย พี่หนูนา แสงหา กับรถกระบะคู่ใจรอเราอยู่ที่จุด บริการนักท่องเที่ยวแล้ว มาถึงก็ลุยเลยดีกว่า จุดแรก ที่ตั้งใจไว้คือ ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หินสามวาฬ กระโดด ลงจากท้ายกระบะและเดินตามพี่หนูนาอย่างว่าง่าย “ตอนนี้เราเดินอยู่บนหลังวาฬตัวพ่อนะ” เสียง บรรยายจากพี่หนูนา ก้อนหินสีน�้ำตาลแดงที่อยู่ใต้เท้า เราท�ำไมมันถึงใหญ่ได้ขนาดนี้ สมชื่อ “วาฬ” จริงๆ ถัดไปด้านขวาเป็นแม่วาฬ กับลูกวาฬ ขนาดก็เล็กลง ตามล�ำดับ (แต่ก็ใหญ่อยู่ดี) เราอยากเห็นหินวาฬตัว
พ่อแบบเต็มๆ ตา เลยขอให้พี่หนูนาช่วยพาไปที่หิน วาฬตัวแม่ที่อยู่ถัดไปทางขวา หินสามวาฬ เป็นหิน ก้อนใหญ่มาก มหึมาเลยก็ว่าได้ จากจุดนี้มองออกไป ไกลถึงแม่น�้ำโขงที่พาดตัวคดเคี้ยว และหายเข้าไปใน เหล่าหุบเขา พี่หนูนาชี้ให้ดูภูเขาลูกต่างๆ ระหว่างรอ พระอาทิตย์ขึ้น ...แต่จ�ำไม่ได้จริงๆ ว่าเขาลูกไหนชื่อ ว่าอะไรบ้าง หลังจากที่ใช้เวลาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หลังวาฬ จนพอใจแล้ว พี่หนูนาก็พาเดินกลับมายังที่จอดรถ ห่างจากรถไปไม่กี่เมตรเป็นจุดชมวิวถ�้ำฤาษี หน้าผา หินยาวหันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก วันนี้ไม่มี ทะเลหมอก แต่อากาศสดใสท�ำให้เรามองเห็นทิวทัศน์ ได้ไกลจนถึงเส้นขอบฟ้า ปีนขึ้นท้ายกระบะเพื่อไปยัง จุดต่อไป ระหว่างนี้เห็นป้ายเขียนว่า หินรถไฟตรงไป ใจก็อยากไปแต่หัวหน้าบอกกับเราว่า อย่าเพิ่งไปเลย มันอันตราย รถจอดแล้ว จุดนี้คือถ�้ำใหญ่ซึ่งต้องเดิน ลงไปพอสมควร (พอได้เหงื่อว่างั้นเถอะ) ถึงแล้วถ�้ำใหญ่
The Littile Garden Resort
10
หัวหน้าทรัพย์สิน จงดี
จุดนี้เราต้องใช้พละก�ำลังในการปีนป่ายเล็กน้อย มองออกไปด้านนอกแสงแดดเริ่มท�ำหน้าที่แผ่กระจาย ความอบอุ่นแล้ว เสื้อผ้าก็เริ่มชื้นจากเหงื่อแล้ว เดินตาม พี่หนูนาไปได้ไม่นานก็ถึงจุดหมาย เป็นลานหินกว้าง แต่ต้องก้มๆ เงยๆ เพราะค่อนข้างต�่ำ ลมที่พัดเข้ามา จากจุดชมวิวเย็นมาก พี่หนูนาได้เล่าให้ฟังว่า มีกอง ละครมาใช้จุดนี้เป็นฉากถ่ายท�ำด้วยแหละ เหงื่อเริ่มแห้ง เราก็เดินทางกลับไปยังรถ ระหว่าง ทางเป็นป่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์ พี่หนูนาบอกให้ดูดีๆ เจ้าที่อาจออกมาทักทาย (งูนั่นเอง) ท�ำเอาเราต้อง เดินเกาะกลุ่มกันเลย ก่อนถึงรถพี่หนูนาก็พาแวะไป ด้านบนของถ�้ำใหญ่เป็นหน้าผาหินก้อนใหญ่คล้ายๆ หินวาฬเลย แต่ตรงนี้เป็นด้านบนของถ�้ำใหญ่นั่นเอง จุดต่อไปเป็นก�ำแพงภูสิงห์ อยู่ด้านขวา เป็นก้อน สี่เหลี่ยมสูงยาวสีน�้ำตาลเข้ม ขับรถต่อไปเพียงนิดเดียว
หินสามวาฬ
พี่หนูนา แสงหา
จุดชมวิวถ�้ำฤาษี
ถ�้ำใหญ่
ประตูภูสิงห์
11
ประตูภูสิงห์ ก็เป็น หินหัวช้าง จุดนี้อยู่ซ้ายมือข้างทางที่รถผ่าน เป็นภูเขาที่มีรูปทรงคล้ายๆ ช้างมีตาด้วยแต่ดูไปนานๆ ก็เหมือนหน้าลิง จากจุดนี้ไปต่อเป็นประตูภูสิงห์ เป็น หินขนาดยักษ์ 2 ก้อน ตั้งใกล้กันเกิดช่องว่างประมาณ 8 เมตร ลมเย็นพัดผ่านเข้ามารู้สึกสดชื่นมาก เพราะ แดดเริ่มร้อนแล้ว เดินชมวิวรอบๆ เป็นหน้าผาสูง มองเห็นสวนยางสุดสายตา ไม่ไกลกันเป็นจุดชมวิวสร้างร้อยบ่อ ด้านบนของ หินก้อนนี้มีลักษณะเป็นหลุม เป็นบ่อมากมาย ด้าน ข้างมีหินเศียรพระ เป็นหินก้อนใหญ่มากมีรูปทรงคล้าย ใบหน้าของพระพุทธรูป มองออกไปเบื้องหน้าซึ่งเป็น ทิศตะวันตก สร้างร้อยบ่อจึงเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยว มักมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินกันที่นี่ จุดสุดท้ายเป็น
ลานธรรมภูสิงห์ เป็นลานกว้างตรงหน้ามีกลุ่มหินก้อน ใหญ่คล้ายสิงห์อยู่ในท่าหมอบ และเป็นที่ประดิษฐาน ของหลวงพ่อพระสิงห์อีกด้วย ได้เวลากลับลงไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้ว ระหว่างที่เตรียมตัวออกจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หัวหน้าได้มาแนะน�ำอีกสถานที่ ซึ่งไม่ควรพลาดคือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง และยังเป็นธุระ ประสานงานให้เราอีกด้วย คนที่นี่ใจดีจริงๆ ได้เวลา ออกเดินทางต่อแล้ว การมาเที่ยวในครั้งนี้ไม่ได้เป็นไป ตามแผนการทุกอย่าง อยากนอนเต็นท์รอบกองไฟ ก็ไม่ได้ท�ำเพราะฝนตก ไม่มีทะเลหมอก แต่เราก็ได้ เห็นความสวยงามที่หมอกแอบซ่อนเอาไว้ แต่นี่แหละ “วิถีเลาะ” พบกันใหม่นะ “ภูสิงห์”
หินหัวช้าง
จุดชมวิวสร้างร้อยบ่อ
12
Life is to learn to get to know about life. Here in Bueng Kan Province, we traveled to Phu Sing, where we attended “an outdoor classroom among the nature of a tropical forest named Kha-la, Phu Sing forest, and Si Chom Phu tropical forest”. One of our teachers was Khun Sapsin Chongdi, an officer of Bueng Kan Forest Department and the director of the National Forest Preservation Management Center at 154, who gave us a warm welcome and much useful information for us to explore this place. Led by a volunteer guide, Khun Pi Noona Saeng-ha, we reached the entrance to Phu Sing, where we also see a campsite and the tourist center. It was a pity that the rain prevented us from enjoying a camping that night. Besides the rain, it was also at dusk, so we need a place to stay a night not far from the entrance where we started our outdoor lessons the next day. On the road from Bueng Kan to Siwilai district, we found The Little Garden Resort, which was about 30 minutes far from the entrance. Because we planned to chase the sunrise at Phu Sing, this place was perfect. Pi Noona kindly agreed
to meet us at 5 a.m. the next morning at the entrance to Phu Sing. In a peaceful atmosphere of The Little Garden Resort, we slept well feeling so relaxed on a really soft bed; the sound of the rain even sang us to sleep like a child. The next morning, we set off and met our guide though with quite a little difficulty as we got lost. Have anyone told you the GPS lady sometimes gives us wrong directions? Lucky that we spared time in case of getting lost. Yes, one thing we know about life is that we have to be well-prepared. Pi Noona and his fellow pick-up truck waited for us at the tourist center. From there we were ready for our outdoor classroom. As having been good students who really obeyed every step, we got a spectacular view of a sunrise as a reward. “We are on the back of the father whale,” side Pi Noona. A giant red, brown stone under out feet, …so big that the name ‘whale’ really suits it. To the right are the mother whale and the kid. They are smaller than the head of the family; however, they are still so big for us. As students, we were curious about what if we could see the father the whole body. Pi Noona moved
13
หินเศียรพระ
us to the back of the mother, so we witnessed how big the father is. Looking from where this whale family is, we could see Khong River, which wound its way through and disappeared behind the valleys all that have got a name. We, students with muddle brain, have to take this class again to remember all the names. After saying goodbye to the sunrise, our class moved to Tham Rue Si, a scenic point where a blanket of fog can be seen. Though we did not have the fog on that day, the clear weather provided us a beautiful view against the skyline. The next destination was Tham Yai. The students sweated slightly by climbing and being exposed to the warm sunlight. Tham Yai is a stone ground that slopes downwards, so we stooped down to take the view. There we took a breath of a very cool wind.
We can say that Phu Sing is where tourists will come to see stone pieces in impressive different shapes. We arrived at Kam Phaeng Phu Sing (Kam Phaneng: wall), which looks like a square piece of rock. It is a tall and dark red rock. Taking photos of you and friends leaning on the wall could give a nice picture. Then we saw Hin Hua Chang, which looks like an elephant head and then Phra Tu Phu Sing, which means the door of Phu Sing, where two giant rocks stand close but still leave space about eight meters wide between them. We thought as we were on the back of Pi Noona’s truck, it was exciting to go through these two huge stones as we inspected them looking up high. Not far from there, all students stood on Sang Roi Bo. The upper surface of this rock
is full of holes or pools. Beside is a rock called Sian Phra (the Buddha image’s head). This looks like the Buddha image’s face. Looking out from here, we faced the west; so it is where tourists like to take the pictures of the sunset. Yes, the sunset reminded us we were coming to the end of the day and had to say goodbye to our teacher Pi Noona and our spectacular outdoor class today. When we got back to the tourist center, Khun Subsin recommended another interesting place: Bueng Khong Long Wildlife Sanctuary. He is willing to welcome us if we want to come. What lucky students we are! Although we could not put up tents and saw the sea of fog, we saw many beautiful things in this outdoor classroom. We cannot plan our life sometimes. It’s important that we just keep going on.
สนับสนุนโดย -TOYOTA COROLLA ALTIS โดย โตโยต้า ชิณณ์นนท์ อุดรธานี -MITSUBISHI PAJERO SPORT โดย มิตซูเจียง หนองคาย -สถานีบริการน�้ำมัน ปตท. เอส เอส ปิโตรเลี่ยม 2015 อุดรธานี THE LITTLE GARDEN RESORT บึงกาฬ
14
ÁÔµ«Ùà¨Õ§
*àÃÔèÁµŒ¹
743,000.-
*àÃÔèÁµŒ¹
864,000.-
*à§×è͹ä¢à»š¹ä»µÒÁ·ÕèÁÔµ«Ùà¨Õ§¡Ó˹´
สวนแม่น�้ำโขงจำ�ลอง สังคมดีๆ เกิดขึ้นได้ที่ บุญถาวร อุดรธานี
สังคมดีๆ เกิดขึ้นได้ที่ บุญถาวร อุดรธานี น�้ำ ต้นไม้ ก้อนหิน เป็นส่วนประกอบหลักของบุญถาวรทุกสาขา ที่บุญถาวรอุดรธานีได้นำ�เอาส่วนประกอบเหล่านี้ มาสรรสร้างแม่น�้ำโขงจำ�ลอง มีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จำ�ลองเพื่อแสดงออกถึงสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างประเทศไทย กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีหอพระเพื่อแสดงถึงศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี และพื้นที่ออกกำ�ลังกายที่เปิดให้ทุกๆ คน เข้ามาทำ�กิจกรรมได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสังคมดีๆ ที่นี่ “บุญถาวร อุดรธานี”
แม่น�้ำโขงจ�ำลองนี้ ถูกตกแต่งไปด้วยก้อนหินรูป ทรงต่างๆ ทีไ่ ด้มาจากแม่นำ�้ โขงตัง้ แต่จงั หวัดเลย ไปจนถึง จังหวัดนครพนมเพื่อสื่อถึงความเป็นแม่น�้ำโขง พูดถึง แม่น�้ำโขงหลายคนคงนึกถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ทีแ่ สดงออกถึงสัมพันธไมตรีทดี่ ขี องพีน่ อ้ งไทย-ลาว เรา ก็ได้จ�ำลองไว้ดว้ ย ศาสนาเป็นอีกสิง่ หนึง่ ทีพ่ นี่ อ้ งสองฝัง่ โขงมีความเลื่อมใสศรัทธาร่วมกัน เราจึงสร้างหอพระ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธองค์แสนจากจังหวัด สกลนคร หลวงพ่ อ นาคจากจั ง หวั ด อุ ด รธานี แ ละ หลวงปูช่ อบจากจังหวัดเลย เรายังมีพนื้ ทีอ่ อกก�ำลังกาย ที่เรียกได้ว่าเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม ที่ให้ทุกคน เข้ามาออกก�ำลังกาย ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น เดิน วิ่งเพื่อสุขภาพ ปั่นจักรยาน พายเรือ นั่งเล่น ให้อาหารปลา ชมพระอาทิตย์ตกดินภายในบรรยากาศ ที่เป็นธรรมชาติ บ้าน 7 หลังเป็นอีกส่วนประกอบของแม่น�้ำโขง จ�ำลองนี้ บ้านแต่ละหลังจะแสดงออกถึงส่วนต่างๆ
ของบุญถาวร อุดรธานี บ้านหลังแรก บุญถาวร
IMPORTED TILES ภายในจะถู ก ตกแต่ ง ด้ ว ย
กระเบื้องแบบต่างๆ มีตัวอย่างผลิตภัณฑ์กระเบื้อง พร้อมทั้งสื่อที่ให้ความรู้ในเรื่องกระเบื้อง บ้านหลัง ต่อมา LIGHTING CENTER เป็นการจัดแสดงตัวอย่าง โคมไฟ การใช้โคมไฟเพื่อการตกแต่ง การใช้แสงจาก โคมไฟ บ้านหลังที่ 3 KITCHEN STUDIO ภายใน บ้านมีตัวอย่างชุดครัว สื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยว กับเรื่องห้องครัว บ้านหลังที่ 4 เป็นร้านอาหารริมน�้ำ ที่รองรับพนักงานบุญถาวร ผู้มาใช้บริการและบุคคล ทั่วไป บ้านหลังที่ 5 COTTO เป็นการจัดแสดง ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ของ COTTO บ้านหลังที่ 6 DIY Do It Yourself ภายในมีการจัดแสดงสินค้า เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน รวมถึงเครื่องมือช่าง และ ยังมีตัวอย่างผลงานการตกแต่ง เพื่อช่วยให้เกิดไอเดีย ในการตกแต่ ง บ้ า น บ้ า นหลั ง สุ ด ท้ า ย หลั ง ที่ 7 บุญถาวร HISTORY ภายในจัดแสดงภาพประวัติ
บุญถาวร อุดรธานี เราตั้งใจให้สวนแม่น�้ำโขงจำ�ลองแห่งนี้ เป็นทั้งสถานที่พักผ่อน ที่ทำ�งาน ที่ออกกำ�ลังกายและที่เรียนรู้
ความเป็นมาของบุญถาวร อุดรธานี มีห้องแยกส�ำหรับ ฉายวีดที ศั น์ประวัตคิ วามเป็นมา และมีโมเดลบุญถาวร จ�ำลอง เพื่อแสดงถึงพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ ทั้งหมดอีกด้วย บุญถาวร อุดรธานี เราตั้งใจให้ “สวนแม่น�้ำโขง จ�ำลอง” แห่งนี้ เป็นทั้งสถานที่พักผ่อน ที่ท�ำงาน ที่ออกก�ำลังกายและที่เรียนรู้ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้คน ในชุมชนได้เกิดการพบปะ แลกเปลี่ยน ท�ำกิจกรรม ร่วมกัน จนเกิดเป็นสังคมใหม่ๆ ด้วยแนวคิดที่ว่า การใช้ พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ใช่การสร้างเพื่อตัวเรา แต่ต้องสร้างเพื่อทุกคนในสังคม
Trail Me มนต์เสน่ห์ความเรียบง่ายที่จริงใจ ฐปนัท มะลิซ้อน
อรรถพล คุณธรรม
โลดแล่นอยู่บนเส้นทางสายดนตรีมากว่า 20 ปี
LABANOON วงดนตรีของสามหนุ่มเชื้อสายไทยมุสลิม ที่อยู่คู่กับแฟนเพลงไทยมายาวนาน
ด้วยคาแร็คเตอร์ที่ไม่ปรุงแต่ง เรียบง่าย จริงใจ ตามสไตล์บ้านเกิดของพวกเค้า จึงทำ�ให้ผลงานเพลงของ LABANOON ฮิตติดหูอยู่ในทุกยุคสมัย
นิยามการเดินทางของ LABANOON คืออะไร ?
นิยามการเดินทางของ Labanoon ผมว่าเป็น เหมือนการศึกษา เป็นเรื่องของการเรียนรู้ มันเป็นสิ่ง ที่เราต้องเรียนรู้เหตุการณ์ทุกๆ เหตุการณ์ และ ในสิ่งที่เราต้องเจอ การเดินทาง 20 ปี บนเส้นทางดนตรี ของ LABANOON เป็นยังไงบ้าง?
โหย! พวกเราเจออยู่กับการต่อสู้ อยู่กับการดิ้นรน ท�ำยังไงให้อยู่ท่ามกลางบริบทที่มันเปลี่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลา เราผ่านตั้งแต่ยุคเทป มาจนยุคซีดี คาราโอเกะ พอซีดีเจ๊ง เอ็มพีสามเจ๊ง ต่อมาเป็น ดาวน์โหลดริงโทน ทุกอย่างเจ๊ง จนมาตอนนี้เป็น ยุคโซเชียล ยูทูป เรารู้สึกว่า เอ้ย! เรายังอยู่ได้ ท่ามกลางบริบทแบบนี้อยู่ พวกเราเลยรู้สึกว่ามัน พิเศษส�ำหรับเรามากๆ
LABANOON ไปทัวร์คอนเสิร์ต ที่อีสานบ่อยมั้ย ?
โหย อีสานนี่คือไปเล่นคอนเสิร์ตบ่อยมาก ผมว่า เล่นที่อีสานเป็นภาคที่มันส์มาก อาจจะเป็นเพราะ พื้นเพคนภาคอีสานเป็นคนสนุก ยกตัวอย่างเช่น เพลงท้องถิ่นภาคใต้ก็จะเป็นเพลงค่อนข้างจะจริงจัง หน่อย ภาคเหนือก็จะเนิบๆ หน่อย พอมาเซิ้งภาค อีสานหน่อยนี่ แค่เซิ้งนิดเดียวไปแล้ว! เพราะคน ภาคอีสานเป็นคนสนุก และอารมณ์ดี
คิดว่าเสน่ห์ของวง LABANOON คืออะไร ?
เสน่ห์ของวงคือ เราตั้งโจทย์ว่าเป็นนมสด ก็คือเป็น อะไรที่ง่ายๆ และก็จริงใจ เราเป็นวงจากชนบทวงนึง ที่ดิ้นรนสู้ชีวิตมาท�ำงานในเมือง อาจจะไม่ได้ตีความว่า เป็นงานเพลงก็ได้แต่ตีความหมายว่า เด็กชนบทคนนึง ที่เค้าดิ้นรนชีวิตมาท�ำงานในเมืองหลวง แต่บังเอิญโชคดี มาท�ำงานในด้านวงการเพลง เราไม่ได้แตกต่างไป จากคนหลายๆ คนที่เค้านั่งรถไฟ นั่งรถทัวร์ มาเพื่อ อยู่ในกรุงเทพ
19
การเดินทางเหมือนการศึกษา มันเป็นสิ่งที่เรา ต้องเรียนรู้เหตุการณ์ ทุกๆ เหตุการณ์
เด็กชนบทคนนึงที่ดิ้นรนชีวิตมาทำ�งานในเมืองหลวง เราไม่ได้แตกต่างไปจากคนหลายๆ คนที่เค้านั่งรถไฟ นั่งรถทัวร์ มาเพื่ออยู่ในกรุงเทพ
20
ถ้าไม่ได้ไปทำ�งาน ปกติได้ไปเที่ยวภาคอีสานบ้างมั้ย ?
ส่วนใหญ่เราจะถือโอกาสในการทัวร์คอนเสิร์ตแล้วไป แวะไปเที่ยวตามสถานที่ส�ำคัญของจังหวัดนั้นๆ เพราะว่าเดือนนึงเรามีทัวร์อีสานอยู่ 20 งานได้ ก็เลย ถือโอกาสนี้เป็นการไปเที่ยวไปในตัว เพราะเวลาว่าง พวกเราจะอยากอยู่บ้านและพักผ่อนอยู่บ้านซะมากกว่า เอาจริงๆเวลาว่างพวกเราแทบจะไม่ออกไปไหน อยู่บ้าน นอนชาร์ทแบตร่างกาย เก็บแรงไว้ทัวร์คอนเสิร์ต ประทับใจอะไรที่ภาคอีสาน ?
ประทับใจขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี อะไรหลายๆ อย่าง มีประเพณีเยอะมาก และที่ส�ำคัญ ก็คือว่า ผมรู้สึกว่าคนภาคอีสานเป็นคนที่แบบร่าเริง จริงใจ เป็นมิตร สนุกสนาน อยู่ด้วยแล้วสนุกอะ! คนอื่นเวลาเครียดๆ แล้วอยากไปทะเล แต่ผมว่า ถ้าคุณไปภาคอีสานคุณจะเจอคนที่มีอัธยาศัย ที่แบบ สนุก เฮฮา และท�ำให้หายเครียดได้
21
คนใต้กับคนอีสานคล้ายกัน ตรงความจริงใจ แต่ด้วยขนบธรรมเนียมอาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่หัวใจ ความจริงใจ ก็ยังเหมือนกัน เสน่ห์ของภาคใต้กับภาคอีสาน เราคิดว่ามีอะไรที่ คล้ายกัน ?
ภาคใต้นี่เค้าก็จะเป็นอะไรที่มันจริงจังๆ หน่อย เพลงท้องถิ่นนี่ก็จะแสงจันทร์กระจ่าง(ร้องเพลง) เหมือนมาจากจิตวิญญาณหน่อย แต่ถ้ามีอะไร คล้ายๆ กัน น่าจะเป็นความจริงใจ แต่ด้วย ขนบธรรมเนียมอาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่หัวใจ ความจริงใจก็ยังเหมือนกัน ฝากถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ให้มาเที่ยวภาคอีสาน หน่อย ?
ก็อยากจะแนะน�ำให้มาเที่ยว จริงๆ แล้วนอกจาก วัฒนธรรม ภาคอีสานยังมีแหล่งท่องเที่ยวระหว่าง ประเทศลาวกับประเทศไทยเราด้วย มีเทศกาล อะไรต่างๆ หลายเทศกาล อย่างที่เราเคยไปที่ชัยภูมิ จะมีน�้ำตกและแหล่งการท่องเที่ยวมากมายหลายที่ ก็อยากจะเชิญชวนให้มาเที่ยวที่ภาคอีสานกันครับ
BIOGRAPHIC LABANOON (ลาบานูน) เป็นวงดนตรีของสามหนุ่มเชื้อสายไทยมุสลิมจากอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เกิดจากการเข้าร่วมประกวดในโครงการ “Hot Wave Music Awards 2” และ ผ่านเข้าไปในรอบ 10 วงสุดท้าย โดยมี ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ค่ายมิวสิกบั๊กส์ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ได้ชักชวนพวกเขามาร่วมงาน “ลาบานูน” เป็นภาษา อาหรับ แปลว่า “นมสด” ซึ่งเป็นค�ำจ�ำกัดความของพวกเขา เพราะดนตรีในความคิด ของพวกเขาคือ นมสดรสจืดไม่เจือสีไม่ปรุงแต่ง ไม่มีอะไรให้วุ่นวายซับซ้อนเหมือน กับวงของพวกเขา ที่ใช้เครื่องดนตรีเพียง 3 ชิ้น คือกีตาร์ เบส และกลอง สมาชิกปัจจุบัน เมธี อรุณ (ร้องน�ำ / กีต้าร์) อนันต์ สะมัน (เบส) ณัฐนนท์ ทองอ่อน (กลอง) สังกัดค่าย Genie Records
22
YOUR INSPIRATION IS OUR RESPONSIBILITY ที่พักอาศัยคือปัจจัยหลักของการดำ�รงชีวิตของคนทุกคน แต่หากต้องตัดสินใจซื้อบ้านสักหนึ่งหลัง หลายคนคงต้องคิดวิเคราะห์ถึงหลายๆ ปัจจัย เพื่อให้ได้บ้านที่สมบูรณ์แบบตามความต้องการ ของตัวเองมากที่สุด และโครงการ ”บ้าน๘๓” ก็คือผู้ที่นำ�เอาความต้องการ ของทุกคนมาคิดและออกแบบเพื่อให้ได้บ้านที่เป็นมากกว่าบ้าน
บริษัท เดอะ ทีก แลนด์ จำ�กัด 92/9 ถนนอุดรดุษฎี ตำ�บลหมากแข้ง อำ�เภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 41000
Info.
Baan83living
www.baan83.co
098-280-8383, 092-258-8383
เว่าสู่ฟัง Wao Soo Fung
ตำ�นานพญานาคในพื้นที่ชุ่มน�้ำโลก ธชา ปรางค์นวรัตน์
คำ�แนะนำ�จาก คุณทรัพย์สิน จงดี ป่าไม้จังหวัดบึงกาฬและผู้อำ�นวยการศูนย์การจัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติที่ 154 (ภูสิงห์) บอกกับเราว่า พื้นที่แห่งนี้มีความน่าสนใจหลายอย่าง ทั้งธรรมชาติที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลงได้รักษาระบบนิเวศไว้อย่างดี ยังคงความสมบูรณ์ค่อนข้างมากและที่แห่งนี้ยังมีความเชื่อเรื่องพญานาคถูกเล่าขาน เป็นตำ�นานที่เชื่อมโยง กับตำ�หนักองค์เจ้าปู่อือลือนาคราช ทั้งหมดนี้อยู่ในพื้นที่ 13,837.5 ไร่ พื้นที่ชุ่มน�้ำโลก (Watland ofInternational Importance) ลำ�ดับที่ 1,098 “บึงโขงหลง” จังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เป็นโครงการกักเก็บ น�้ำเพื่อการเกษตรในหน้าแล้งของกรมชลประทาน ตามพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งด�ำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2523 ประกาศ เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลงเมื่อปี พ.ศ. 2525 และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน�้ำโลก (Ramsar Site) เมื่อปี พ.ศ. 2544 เป็นพื้นที่ชุ่มน�้ำล�ำดับที่ 2 ของประเทศไทย บึงโขงหลงมีลักษณะยาวโค้งคล้าย พระจันทร์เสี้ยว มีป่าโปร่ง ป่าดงดิบแล้งโอบล้อม ตรงกลางมีเกาะ 3 แห่ง เรามาถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่า บึงโขงหลงแต่เช้า เพื่อที่จะได้เที่ยวชมธรรมชาติโดย เรือของหน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่พาออกไป มีค่าใช้จ่าย ล่องเรือรอบละ 500 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ช่วงแรกของการอยู่บนผิวน�้ำเราได้เห็นชาวบ้านออก หาผัก หาปลา มีแสงอาทิตย์อ่อนๆ กับหมอกบางๆ และภูลังกาเป็นฉากหลัง นับเป็นความประทับใจแรก ที่ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ซึ่งใช้ชีวิตร่วมกับ ผืนน�้ำแห่งนี้
หมอกเริ่มจางแสงเริ่มจ้า นกต่างๆ เริ่มออกมาใช้ ชีวิตประจ�ำวัน เช่น นกอีโก้ง นกกระแตหัวเทาและ เป็ดแดงซึ่งถูกจัดเป็นสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีนกอีก หลายสายพันธุ์ ทั้งนกประจ�ำถิ่นและนกอพยพ ค�ำบอกเล่าของพี่เปี๊ยก (เจ้าหน้าที่ ที่พาเดินเรือ) บอกว่าปลาเด่นๆ ของที่นี่มีหลายสายพันธุ์เช่นกัน ทั้งปลาบู่แคระ ปลาบู่กุดทิง ปลาซิวแคระสามจุดและ อีกหลายชนิด พืชที่มีก็เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง (แอบเห็นตรงท่าน�้ำก่อนขึ้นเรือ) หมอกบ่วาย บัวแดง บัวหลวงและบัวชนิดต่างๆ ที่ดงบัวหลวงนี้เองที่เราได้ พบกับนกกระยางตัวโต ก�ำลังซุ่มจับปลาเป็นอาหาร ดูเพลินๆ ก็กลับมาถึงท่าเรือแล้ว ชั่วโมงกว่าๆ ท�ำไม รู้สึกเร็วจัง ก่อนกลับพี่เปี๊ยกยังพาไปเลือกต้นไม้ ซึ่ง ทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง ได้เพาะพันธุ์ไว้ แจกจ่ายแก่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว มีทั้งต้นสักทอง ต้นพะยูง ต้นจันทร์ผาและต้นมะแป่มที่พี่เปี๊ยกบอก ว่าที่บึงโขงหลงนี่แหละ ให้ผลอร่อยที่สุด การที่เขต ห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลงเพาะพันธุ์ต้นไม้แจกจ่าย
25
ก็เพื่อต้องการให้ชาวบ้านไม่ต้องเข้าป่าไปลักลอบตัด หรือน�ำออกมาจากป่านั่นเอง จากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง เดินทางมายัง ต�ำหนักองค์เจ้าปู่สุริยะวงศ์ชัยนาคราชราชา (ปู่อือลือ) ใช้เวลาไม่นานนัก ต�ำหนักตั้งอยู่ใกล้กับวัดสว่างวารี ต�ำบลบึงโขงหลง อ�ำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ
เราได้นัดพบกับ คุณส�ำรวย ศรีทิน ผู้ใหญ่บ้านและ คุณสมศักดิ์ เพชรสมบัติ ซึ่งเป็นปราชญ์ชาวบ้าน หรือแพทย์ประจ�ำต�ำบลบึงโขงหลง (เจ้าหน้าที่งาน องค์เจ้าปู่อือลือนาคราช) เพื่อแนะน�ำและเล่า เรื่องราวความเชื่อที่ชาวบึงโขงหลงได้เล่าสืบต่อกันมา จวบจนปัจจุบัน บึงโขงหลงในอดีตมีความเชื่อว่าเคยเป็นเมือง รัตพานคร มีพระเจ้าอือลือเป็นราชา นางแก้วกัลยา เป็นมเหสีและมีพระธิดาคือนางเขียวค�ำ ต่อมาได้ อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสามพันตาให้ก�ำเนิดโอรส ชื่อ เจ้าชายฟ้าฮุ่ง (ขณะประสูติเกิดปาฏิหาริย์คือ ฟ้าสว่างไสว ลักษณะคล้ายตอนฟ้ารุ่ง ภาษาอีสาน เรียก ฟ้าฮุ่ง) เจ้าชายฟ้าฮุ่งเป็นผู้มีรูปเป็นสมบัติ เฉลียวฉลาด รอบรู้ คุณสมบัติของเจ้าชายลือเลื่องไป ถึงเมืองบาดาล นาครินทรานีเป็นพระธิดาของพระยา นาคราชแห่งเมืองบาดาล ได้จ�ำแลงแปลงกายเป็น มนุษย์และจัดงานอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟ้าฮุ่งเป็น เวลา 7 วัน 7 คืน พระยานาคราชได้มอบเครื่อง ราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งเป็นของมีค่าประจ�ำตระกูลให้กับ พระยาอือลือราชา เพื่อแสดงถึงพันธไมตรี เจ้าชายฟ้าฮุ่งและเจ้าหญิงนาครินทรานี อยู่กิน ร่วมกันมาถึง 3 ปี แต่กลับไม่สามารถมีผู้สืบสาย โลหิตได้ (เพราะธาตุมนุษย์กับนาค) ด้วยความโศก เศร้าเจ้าหญิงนาครินทรานีจึงล้มป่วยในเวลาต่อมา ฤทธิ์เริ่มคลาย ท�ำให้ร่างกายมนุษย์กลับกลายเป็น นาคตามเดิม นางสนมพบเข้า ข่าวจึงแพร่สะพัดไป ทั่วเมืองรัตพานคร พระเจ้าอือลือราชาไม่พอใจจึงได้ ขับไล่เจ้าหญิงนาครินทรานีกลับเมืองบาดาล โดยแจ้งให้พระยานาคราชมารับตัวกลับไป ก่อนกลับ พระยานาคราชได้ขอเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของตระกูลคืน แต่พระเจ้าอือลือราชาไม่สามารถคืนได้ เพราะได้น�ำ
26
ไปแปรสภาพเป็นอย่างอื่นและปะปนกับของรัตพานคร เสียแล้ว ท�ำให้พระยานาคราชกริ้วมากจึงประกาศว่า จะท�ำลายเมืองรัตพานครให้สิ้น หลังจากที่พระยานาคราชกลับไปแล้ว ช่วงกลาง ดึกพระยานาคราชได้ยกไพร่พลมาถล่มเมืองรัตพานคร ด้วยอิทธิฤทธิ์ของนาคราช จึงไม่มีใครรอดพ้นจาก การท�ำลายล้างในครั้งนี้ เมืองรัตพานครก็ถูกปกคลุม ไปด้วยน�้ำ เหลือไว้เพียงเกาะ 3 เกาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดทั้ง 3 วัดเท่านั้นคือ วัดดอนแก้ว(วัดแก้วฟ้า) วัดดอนโพธิ์ (วัดโพธิสัตว์) และวัดคอนสวรรค์ (วัดแดนสวรรค์) เมื่อนางนาครินทรานีทราบข่าว ด้วยความรัก นางนาครินทรานีจึงแอบออกจากเมือง บาดาลมาค้นหาศพของเจ้าชายฟ้าฮุ่ง ค้นหาไปถึง แม่น�้ำสงคราม เชื่อว่าการค้นหาในคราวนั้น ด้วยฤทธิ์ ของนางนาครินทรานีที่พยายามค้นหาศพของเจ้าชาย ฟ้าฮุ่ง ท�ำให้เกิดเป็นห้วยน�้ำเมา (ฮูเมา) เมื่อค้นหา ไม่พบจึงกลับเมืองบาดาลในที่สุด
27
เหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของ “บึงหลงของ” เพราะ เหตุเกิดจากการที่ไม่สามารถน�ำเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ไปคืนให้แก่พระยานาคราชได้ นานมาจึงเพี้ยนเป็น “บึงของหลง” ปัจจุบันถูกเรียกในชื่อ “บึงโขงหลง” เพื่อความไพเราะและความสอดคล้องกับแม่น�้ำสายหลัก คือ แม่น�้ำโขงนั่นเอง การกระท�ำของนางนาครินทรานี หลังเหตุการณ์ท�ำลายล้างของพระยานาคราช ชาวบ้าน เรียกว่า “เมารัก” ก็เป็นที่มาของ “ห้วยน�้ำเมา” เช่นกัน ค�ำโบราณอีสานกล่าวว่า จั่งแหม่นเวรกรรมน้อง ได้เที่ยวถ่องน�ำหา หรือว่าจนธารา น้องก่นหาบ่เห็นอ้าย คือจั่งสายแนนเว้น เห็นทางบ่เห็นหว่าง น้องปล่อยวางบ่ได้ ใจช�้ำฮ�่ำคนิงพี่เอย “บึงกาฬ” เป็นจังหวัดที่พิเศษทั้งในด้านธรรมชาติ ผู้คน ประเพณีวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีต�ำนานเล่าขาน จากรุ่นสู่รุ่น นับเป็นการมาเยือนที่เก็บเกี่ยวความประทับใจกลับไปไม่น้อย หากเพื่อนๆ ได้มีโอกาส มาเลาะที่บึงกาฬ อย่าพลาดที่ต้องมาเยือนที่แห่งนี้ “บึงโขงหลง”
สนับสนุนโดย -TOYOTA COROLLA ALTIS โดย โตโยต้า ชิณณ์นนท์ อุดรธานี -MITSUBISHI PAJERO SPORT โดย มิตซูเจียง หนองคาย -สถานีบริการน�้ำมัน ปตท. เอส เอส ปิโตรเลี่ยม 2015 อุดรธานี -เรือนไทย เกสต์เฮาส์ บึงโขงหลง บึงกาฬ เรือนไทย เกสต์เฮาส์
28
#เลาะ instagram
29
บ้านเฮา My Hometown
รถเข่ง ธชา ปรางค์นวรัตน์
ยานพาหนะประเภทรถจักรยานยนต์ ที่ทำ�ตัวเป็นตลาดสดเคลื่อนที่ สินค้าที่บรรทุกมามีทั้งอาหารสำ�เร็จรูป วัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ประกอบอาหาร มีขายแยกเป็นอย่าง หรือจะอุดหนุนเป็นชุดเช่น ชุดลาบ ชุดต้ม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลไม้ ขนมหวานและเครื่องดื่มนานาชนิดไว้บริการ นับเป็นบริการที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว “ยายเลื่อน รถเข่ง”
หากใครชอบขีดเขียน ถ่ายภาพ และมีเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน “บ้านเฮา” อย่าเก็บไว้อ่านคนเดียว ส่งเรื่องราวมาได้ที่ facebook.com/เลาะ-แมกกาซีน หรือ Email : lolh.mag@gmail.com
30