วารสารมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ประจำเดือน มีนาคม 2563

Page 1

วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์)


รวม

วันที่

มีนาคม 2563

http://www.pavenafoundation.or.th

แรงงานไม่ ปัญหาสุขภาพ ข่มขืน/ ค้าประเวณี/ค้า ทารุณกรรม/ ปัญหา ขอความเป็น แช็ต/ ขอความ เคสรวม ปัญหายาเสพติด คนหาย เป็นธรรม/ถูก และ ปัญหาอื่น ๆ ง ขั ก กั อนาจาร มนุษย์ ครอบครัว ธรรม อินเทอร์เน็ต อนุเคราะห์ สาธารณสุข (ราย) หลอก

สถิ ติการรับเรื่องราวร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือปัญหาต่าง ๆ ประจาเดือน ตัง้ แต่วนั ที่ 1 ถึง 31 มีนาคม 2563

วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์)

2


วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอขอบคุณผู้มีจิตอันเป็นกุศลทุกท่านที่ร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือในการ ดาเนินงานช่วยเหลือสังคมของมูลนิธิปวีณาฯ ด้วยดีเสมอมา ทั้งที่บริจาคผ่านบัญชีและบริจาคผ่าน “กองทุนเครือข่ายช่วยเหลือสังคม” มูลนิธปิ วีณาฯ ได้จดั ทารายงานการดาเนินงานของมูลนิธปิ วีณาฯ สถิตกิ ารรับเรือ่ งราวร้องทุกข์ ประจาเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 ทั้งสิน้ 615 เรื่อง ใน การนี้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ขอรายงานตัวอย่างการช่วยเหลือเคส ผลการดาเนินงานและสถิติรบั เรื่องราวร้องทุกข์ประจาเดือนมีนาคม 2563 รวม 10 กรณี ดังนี้

1.

“ปวีณา” ยา! โควิด-19 ระบาดแต่มูลนิธิปวีณาฯ ไม่หยุดช่วยเหลือเด็ก สตรี และผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอพี่น้อง ประชาชนอยูบ่ ้าน หยุดเชือโควิด-19 ห่วงใยตัวเอง ห่วงใยครอบครัว ห่วงใยสังคม หากต้องการความช่วยเหลือไม่ ต้องเดินทางมาที่มลู นิธปิ วีณาฯ ในช่วงนี สามารถแจ้งเรื่องร้องทุกข์มาได้ทางกล่องข้อความ เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ 24 ชั่วโมง หรือ โทรศัพท์สายด่วน 1134 และโทรศัพท์ 5 คู่สาย 02 577 0496-8, 02 577 0500-1 (จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.) และโทรศัพท์มือถือ 3 หมายเลข 081 814 0244, 098 478 8991, 062 560 1636 (ทุกวัน เวลา 08.30-22.00 น.) โดยมูลนิธิปวีณาฯ ยินดีให้ความช่วยเหลือ ทุกเคสอย่างเต็มที่คะ่

2. กรุงเทพฯ ยายร้อง "ปวีณา" ช่วยลูกสาวคนโตและหลานวัย 10 ขวบ กับ 6 ขวบ หลังถูกลูกสาวคนรองสาดนากรดใส่ อาการสาหัสอาจต้องพิการตาบอด พร้อมขอให้ตารวจเร่งจับกุมตัวมาดาเนินคดี วันเสาร์ที่ 7 มี.ค 63 นางศรี (นามสมมุต)ิ อายุ 55 ปี เข้าร้องทุกข์ตอ่ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธปิ วีณาฯ แจ้งว่า ตนกับครอบครัวอาศัยอยู่ ย่านร่มเกล้า กรุงเทพฯ กลางดึกของวันที่ 3 มี.ค.63 ขณะที่น.ส.บาย อายุ 33 ปี ลูกสาวคนโต และด.ช.ที อายุ 10 ขวบ กับ ด.ญ.บี อายุ 6 ขวบ ลูกชายกับ ลูกสาวนอนอยู่บนบ้าน จู่ ๆ น.ส.เอ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของน.ส.บาย (ทั้งหมดนามสมมุติ) ได้ใช้น้ากรดสาดใส่ร่าง 3 แม่ลูกจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงช่วยกันน้าส่งโรงพยาบาลสิรินธร โดยรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ซึ่งตนเห็นว่า น้​้ากรดถูกเข้าเต็มๆ ที่บริเวณใบหน้า เกรงว่าทั้ง 3 คนจะตาบอด ขณะที่น.ส. เอ ที่ก่อเหตุอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าสาเหตุจะมาจากที่ น.ส.เอ อาจจะผูกใจเจ็บตั้งแต่เด็กที่พี่สาวเคยดูแลดุด่าเวลาดื้อและใช้หม้อตีที่ ศีรษะหรือไม่ ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีน้าตัวน.ส.เอ มารับโทษตาม กฎหมายด้วย 3


วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์) หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า รู้สกึ เป็นห่วง อาการของผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน และห่วงสภาพจิตใจของนางศรีที่ต้องเผชิญปัญหารุนแรง ในครอบครัว จึงได้ประสาน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รองผบก.น.3 และพ.ต.อ.นันทภูมิ เรืองรุ่ง ผกก.สน.ร่มเกล้า เพื่อเร่งสอบปากค้าน.ส.บาย ผู้บาดเจ็บ และติดตามตัวผู้กระท้า ความผิดมาด้าเนินคดี พร้อมกันนีจ้ ะได้ประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ส่ง นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของนางศรีกับ 3 แม่ลูก และ จะได้ประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพือ่ ให้ผู้เสียหายได้รับ เงินเยียวยาต่อไป ต่อมาวันเสาร์ที่ 8 มี.ค.63 เวลา 11.00 น. ที่รพ.สิรินธร นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รองผบก.น.3, พนักงาน สอบสวนสน.ร่วมเกล้า และนางศรี แม่ผู้เสียหาย ได้เดินทางไปเยี่ยมน.ส.บาย ลูกสาวคนโต ที่ได้รับ บาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้อาการยังน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะดวงตาข้างขวาเสีย่ งที่จะมองไม่เห็น และบาดแผลตาม ใบหน้ายังคงอักเสบ โดยมี พญ.คัชรินทร์ เจียมศรีพงษ์ ผู้อ้านวยการโรงพยาบาลสิรินธร และแพทย์ที่ให้ การรักษาชี้แจงอาการบาดเจ็บ ส่วนลูกชายวัย 10 ขวบ รักษาตัวอยู่ที่รพ.จุฬาฯ และลูกสาว 6 ขวบ อยู่ ไอซียู รพ.เด็ก ซึ่งทั้งสองต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จากนั้น นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พ.ต.อ.รัฐศักด์ รักสลาม รองผบก.น.3 และ พนักงานสอบสวน สน.ร่มเกล้า ได้เดินทางไปยังห้องพักของนางศรี ย่านร่มเกล้า เพื่อดูที่เกิดเหตุ จากการ ตรวจสอบพบภายในห้องพักมีหมอน ที่นอนและผ้าห่มทีย่ ังมีรอยไหม้ของน้​้ากรดอยู่ โดยทาง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะได้เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานอย่างละเอียด ด้าน พ.ต.อ.รัชศักดิ์ รักสลาม รองผบก.น.3 เปิดเผยว่า วันนี้ได้สั่งการให้พนักงาน สอบสวนสน.ร่มเกล้าสอบปากค้าจากแพทย์ที่ท้าการรักษาผูเ้ สียหาย และให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์ หลักฐาน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากนั้นพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไปขอ อนุมัติหมายจับผู้ที่ก่อเหตุในข้อหา พยายามฆ่า ตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 มีโทษ จ้าคุก 15-20 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวมาสอบสวนด้าเนินคดี.

3. จ.พิษณุโลก ชาวเน็ตพลเมืองดีสุดทน ร้อง “ปวีณา” คุณยายคนหนึ่งถูกลูกสาวทุบดีเป็นประจาทุกวัน “ปวีณา” ประสาน พัฒนาสังคมฯ พิษณุโลก ให้การช่วยเหลือรับคุณยายไปดูแลที่บ้านพักคนชราเพื่อความปลอดภัย วันพฤหัสบดีที่ 12 มี.ค. 63 ชาวเน็ตพลเมืองดีจา้ นวนหนึ่งแจ้งมายังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและ สตรี ขอให้ช่วยเหลือคุณยายที่ถูกลูกสาวท้าร้าย ตามที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nicha May ได้โพสต์คลิปคุณยายท่านหนึ่ง ถูกลูกสาวท้าร้ายร่างกาย พร้อมระบุข้อความว่า "ข้างบ้าน เอาไม้ฟาดแม่ตัวเอง เมาอาละวาด ท้าร้ายหมา ส่ง เสียงดังตอนกลางคืน ที่ผ่านมาพยายามท้าทุกอย่าง แจ้งความตามต้ารวจ แจ้งศูนย์ด้ารงธรรม แจ้งเทศบาล แจ้งสาธารณสุข สุดท้าย เรื่องเหมือนเดิมให้ไปบ้าบัด กลับมาบ้านเมาท้าร้ายคนอื่นเหมือนเดิม” หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานไปยัง นางปัทมา อินทร์ชู พัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก แจ้งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเคสเดิม ขณะนี้ทางพัฒนาสังคมฯ และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพิษณุโลก ก้าลังเข้าไปให้การช่วยเหลือ ซึ่งนางปวีณา ได้เสนอให้พัฒนา สังคมฯ ช่วยเหลือคุณยายโดยส่งไปพักอยูบ่ า้ นผูส้ งู อายุของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะได้ไม่ตอ้ งถูกท้าร้ายอีก และมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามการช่วยเหลือคุณยายกับพัฒนาสังคมจังหวัดพิษณุโลกต่อไป

4


วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์) 4.

กรุงเทพฯ ญาติร้อง “ปวีณา” พ่อเลียงวัย 17 ปี ทาร้ายลูกเลียง 3 ขวบ เลือดออกในสมองอาการโคม่า แพทย์ ช่วยเหลือเต็มที่แต่สดุ ยือชีวติ เด็กหญิงไว้ได้ เด็กสินใจที่โรงพยาบาล

วันเสาร์ที่ 7 มี.ค.63 ญาติของเด็กหญิงคนหนึ่งแจ้งมูลนิธิปวีณาฯ ว่า หลานสาววัย 3 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงวัย 17 ปี ท้าร้ายร่างกายได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองอาการโคม่า ตอนนี้นอน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 ย่านมีนบุรี กรุงเทพฯ โดยแพทย์ตรวจร่างกายพบว่ามี เลือดออกในสมองเนื่องจากศีรษะถูกของแข็งฟาดอย่างแรง หรืออาจถูกทุ่มลงกับพื้นจนได้รับ บาดเจ็บ โดยแพทย์แนะน้าให้แม่เด็กเข้าแจ้งความด้าเนินคดีที่ สน.สุวินทวงศ์ ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วย ให้ความเป็นธรรมด้วย หลังรับเรือ่ ง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธปิ วีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 และพ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิรสิ งคราม ผกก.สน.สุวินทวงศ์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงและ ด้าเนินคดีกับผู้กระท้าความผิด โดยพนักงานสอบสวนสน.สุวินทวงศ์ ได้สอบปากค้าแม่เด็กซึ่งอายุ 20 ปี และอยู่ ระหว่างตั้งครรภ์ 5 เดือน ก่อนจะประสานแพทย์ที่ท้าการรักษาด.ญ. 3 ขวบ และขอรับรายงานผลการตรวจชันสูตร บาดแผล ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ พ.ต.อ.อลงกรณ์ และพนักงานสอบสวนได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านพักย่าน หนองจอก จากนั้นได้ให้ป้าของพ่อเลี้ยงวัย 17 ปี พาหลานมาพบเจ้าหน้าที่ต้ารวจและสอบปากค้าร่วมกับสหวิชาชีพ โดยพ่อเลี้ยงวัย 17 ปี ให้การรับสารภาพว่า ช่วงค่้าวันที่ 4 มี.ค.63 ได้ขี่รถจักรยานยนต์พาลูกเลี้ยงนั่งซ้อน เพื่อจะไปรับภรรยา ระหว่างทางลูกเลี้ยงได้อาเจียนออกมาจนเลอะเทอะจึงได้พากลับมาบ้านเพื่อล้างตัว แต่ลูกเลีย้ งก็ ยังงอแงร้องไห้ไม่หยุดจึงได้ใช้มือตีไปที่ศีรษะก่อนที่ลูกเลี้ยงจะมีอาการชักเกร็งและรีบพาส่งโรงพยาบาล จากนั้น ต้ารวจจึงด้าเนินคดีกับพ่อเลี้ยงวัย 17 ปี ในข้อหา ท้าร้ายร่างกายผู้อนื่ สาหัส และกระท้าความรุนแรงในครอบครัว ก่อนจะน้าตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มีนบุรี และส่งสถานพินจิ ควบคุมตัวเพื่อด้าเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 12 มี.ค.63 พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม รอง ผบก.น.3 ได้โทรศัพท์มายัง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ว่า เด็กหญิง 3 ขวบ ที่ถูกพ่อเลี้ยงวัย 17 ปี ท้าร้ายตอนนี้ได้เสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนสน.สุวินทวงศ์ จะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ท้าร้าย ร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายกับพ่อเลี้ยงวัย 17 ปี ต่อไป.

5.

กรุงเทพฯ ชีวิตจริงดั่งนิยาย!! 6 พี่น้องร้อง “ปวีณา” น้องสาวคนที่ 5 ป่วยจิตประสาทหายตัวไป แจ้งความตารวจ 27 ปี จู่ ๆ เห็นออกรายการวาไรตีทีวี เป็นคนพิการทางสมองและป่วยอัมพฤต ถูกชายที่อ้างเป็นสามีอาชีพหมอดูเอาไป ออกรายการทีวี ได้เงินช่วยเหลือเกือบแสนบาท แต่อยู่อย่างลาเค็ญ พาเร่ร่อนหาเงินขอรับบริจาค วันศุกร์ที่ 13 มี.ค 63 กลุ่มชาย-หญิง 6 พี่น้อง อาศัยอยู่ย่านบางเขน กรุงเทพฯ เข้า ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า พวกตนมีพี่ น้องที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันทั้งหมด 7 คน แต่เมื่อประมาณปี 2535 น.ส.ดอกไม้ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นคนที่ 5 ขณะนั้นอายุประมาณ 29 ปี เป็นผู้ป่วยมีอาการทางจิตและประสาทได้หาย ออกจากบ้านไป โดยมีคนเห็นว่าขึน้ รถเมล์ไปกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร จากนั้น พวกพี่น้องก็พยายามตามหาและแจ้งความคนหายไว้ที่สน.บางเขน แต่ตลอดระยะเวลา 27 ปี ที่ผ่านมาก็ไม่พบวี่แวว กระทั่งเมื่อวันที่ 8 มี.ค.63 ได้เห็นลุงป้าคู่หนึ่งในทีวี ซึ่งฝ่ายชายเป็นหมอดูพาหญิง คนรักที่พิการทางสมองและป่วยอัมพฤตนั่งรถเข็นตระเวนไปตามที่ตา่ ง ๆ อาศัยการดูดวง เลี้ยงชีพ จึงจ้าได้และมัน่ ใจว่าผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นคือน.ส.ดอกไม้ที่หายตัวไป ก่อนจะติดต่อ เข้าไปทางรายการถามเบอร์โทรของลุงป้าคู่นั้นและเดินทางไปหาย่านดินแดงแกล้งท้าทีเป็นดู หมอ ก็พบสภาพที่อยู่ของนางดอกไม้กับชายหมอดูเป็นห้องเช่าผนังและหลังคาเป็นสังกะสีไม่ มีหน้าต่างต้องอยู่อย่างล้าบาก เมือ่ ชวนคุยสอบถามฝ่ายชายอ้างว่าดูแลน.ส.ดอกไม้มา 30 ปี แต่ไม่ได้พาไปหาหมอเพราะไม่มีเงิน จากนั้นพี่น้องทั้งหมดอาศัยจังหวะที่หมอดูเผลอหยิบสมุด บัญชีธนาคารทีว่ างอยูเ่ ป็นชือ่ ของน.ส.ดอกไม้มาดูกพ็ บว่ามีคนบริจาคหลังออกทีวมี ากว่า 9 หมืน่ บาท และเพิ่งถูกถอนออกไป 2 หมื่นบาท ทางพี่น้องจึงเห็นตรงกันว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ น.ส. ดอกไม้ต้องตกระก้าล้าบาก จึงต้องการที่จะรับกลับมาดูแลกันเองจะดีกว่า ก่อนจะเข้าขอ ความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ 5


วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์) หลังรับเรือ่ ง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธปิ วีณาฯ ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน และ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มลู นิธิปวีณาฯ พา 6 พี่น้องเข้าพบในวัน จันทร์ที่ 16 มี.ค 63 เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมและแจ้งความประสงค์ ในการขอรับตัวน.ส.ดอกไม้ให้ญาติพี่น้องกลับไปดูแล จากนั้น พ.ต.อ.อรรถพล ได้สั่งการให้ต้ารวจสน.บางเขน เดินทางไป พร้อมกับเจ้าหน้าทีม่ ูลนิธิปวีณาฯ พาพี่น้องของน.ส.ดอกไม้ เดินทางไปที่บ้านของหมอดูคนดังกล่าวย่านดินแดง ก่อนจะมี การเจรจากันและฝ่ายชายยินยอมให้ญาติรับน.ส.ดอกไม้กลับไป ดูแลแต่โดยดี ท่ามกลางความดีใจของทุกคน

6.

กรุงเทพฯ พลเมืองดีแจ้ง “ปวีณา” พบแม่ติดยามีอาการทางประสาทพาลูกสาว 4 ขวบ เร่ร่อนอยู่ใต้ทางด่วนลาดพร้าว บางครังอาละวาด ทุบตีทาร้าย เอาบุหรี่จีตามตัวลูกจนมีบาดแผลทั่วร่าง เกรงว่าปล่อยไว้ทังคู่จะเป็นอันตราย วันพุธที่ 25 มี.ค.63 มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับแจ้งจาก นายอภิรักษ์ และนายเบิ้ม 2 พลเมืองดีวา่ พบเห็นหญิงลักษณะคล้ายติดยาเสพติดจนมีอาการทางประสาท พาลูกสาว 4 ขวบ มาเร่รอ่ นนอนอยูต่ ามทีต่ า่ งๆ และทุบตีท้าร้ายร่างกายลูก บางครัง้ ก็อาละวาด พูดจาคนเดียว อยู่บริเวณใต้ทางด่วนลาดพร้าว แขวง-เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ขอทางมูลนิธิปวีณาฯ ให้ ความช่วยเหลือด้วยเนื่องจากเกรงว่า 2 แม่ลูกจะเป็นอันตราย หลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.โชคชัย ส่งเจ้าหน้าที่ต้ารวจไปตรวจสอบบริเวณใต้ทางด่วนลาดพร้าวทันที แต่ไม่พบตัว 2 แม่ลูก จึงได้แจ้งให้พลเมืองดีรับทราบและขอความร่วมมือหากพบเห็น 2 แม่ลูกอีกให้ช่วยแจ้งกลับมาที่มลู นิธิปวีณาฯ ด้วย

ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 26 มี.ค.63 นายอภิรักษ์ และนายเบิม้ 2 พลเมืองดี ได้แจ้งมายังมูลนิธิปวีณาฯ ว่า พบเห็น 2 แม่ลูกมาเดินและนั่งอยู่บริเวณจุดเดิมใต้ทางด่วนลาดพร้าวอีกครั้ง นางปวีณา จึงได้ประสาน พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.โชคชัย ส่งเจ้าหน้าที่ต้ารวจไปช่วยเหลือ 2 แม่ลูกทันที ซึ่งระหว่างนั้นนาย อภิรักษ์ และนายเบิ้ม ได้คอยยืนเฝ้าสังเกตการณ์ดูทั้ง 2 แม่ลูกเอาไว้เพื่อไม่ให้หายไปไหนอีก หลังเจ้าหน้าที่ ต้ารวจมาถึงได้พบ 2 แม่ลูกสภาพเนื้อตัวมอมแมม เมื่อพยายามพูดคุยกับผู้เป็นแม่ก็พดู จาไม่รเู้ รื่อง ก่อนจะ ช่วยเหลือพาแม่ลูกเดินทางไปทีส่ น.โชคชัย ขณะเดียวกัน นางปวีณา ได้ประสาน OSCC ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้ เดินทางไปที่สน.โชคชัย เพื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่ต้ารวจตรวจสอบให้การช่วยเหลือ โดยนางปวีณา ได้มอบหมาย ให้เจ้าหน้าที่มลู นิธิปวีณาฯ เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ผลการตรวจสอบพบว่าแม่เด็กอายุ 32 ปี มีประวัติขึ้น ทะเบียนคนพิการทางจิตไว้แล้ว ส่วนลูกสาวอายุ 4 ขวบ ตรวจสอบตามร่างกายพบรอยแผล ถูกบุหรี่จี้ทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ และรอยเขียวช้​้าตามแขนและขา โดยเด็กบอกว่าแม่เป็นคนท้า ทุกวันต้องเร่รอ่ นไปกับแม่ทกุ ที่ ไม่ได้เรียนหนังสือ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตา้ รวจได้ท้าหนังสือส่งตัวผูเ้ ป็นแม่ไปท้าการเข้ารับการรักษาทาง จิตเวช ส่วนเด็กหญิง 4 ขวบ เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคมได้ประสานเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก และครอบครัวจังหวัดปทุมธานี รับตัวเด็กเข้าอยู่ในความคุ้มครอง ก่อนจะส่งตัวไปตรวจ ร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาและฟื้นฟูสภาพจิตใจ ซึ่งทางมูลนิธปิ วีณาฯ จะติดตามการ ช่วยเหลือต่อไป

6


วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์) 7.

กรุงเทพฯ สาวศรีสะเกษอุ้มลูกน้อยเพิ่งคลอดได้ 20 วัน ร้อง “ปวีณา” สามีขีเมาทาร้ายทุบตี เคยจะบีบคอลูกแต่ช่วย ไว้ได้ทัน

วันพุธที่ 18 มี.ค.63 ที่มูลนิธิปวีณาฯ นายคม (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี พ่อเลี้ยง อาชีพเปิดอู่ซ่อมรถย่านสายไหม กรุงเทพฯ ได้พานายชัย (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ลูกเลี้ยง กับนางสาวแหวน (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ภรรยา ซึ่งอุ้มลูก น้อยเพศหญิงที่เพิ่งคลอดได้ 20 วัน เดินทางเข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า นายชัย ลูกเลี้ยง ได้พาภรรยาและลูกมาขออาศัยอยู่ด้วย แต่นายชัยชอบดื่มเหล้าเมาก่อความวุ่นวายหาเรื่องทะเลาะกับคนงานในอู่ของตน ประจ้า และทะเลาะท้าร้ายทุบตีภรรยาบ่อยครั้ง ตนสงสารนางสาวแหวนกับลูก มากเกรงว่าจะเป็นอันตราย จึงได้พามาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ และ เมื่อนายชัยรู้กต็ ิดตามมาด้วย ทัง้ นีข้ ณะทีท่ งั้ หมดอยูท่ มี่ ลู นิธปิ วีณาฯ นายชัยซึง่ ยังคงอยูใ่ นอาการเมาสุราได้แย่งลูกจากน.ส.แหวน ก่อนจะอุม้ เด็กเดินออกจากมูลนิธปิ วีณาฯ ไป แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่มลู นิธิปวีณาฯ เห็นเหตุการณ์และรีบติดตามไปได้ทันและเกลีย้ กล่อมและพาตัวนายชัยกับลูกกลับมานั่งเจรจากันได้สา้ เร็จ ขณะเดียวกัน นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ก็ได้ประสาน พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ช่วยส่งเจ้าหน้าที่ ต้ารวจสายตรวจมาดูแลความเรียบร้อย น.ส.แหวน เล่าทั้งน้​้าตาว่า อยู่กินกับนายชัยมาประมาณปีเศษ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ตอนรู้จกั กันใหม่ๆ นายชัยก็เป็นคนดี ดูแล เอาใจตนทุกอย่าง กระทัง่ ตนตัง้ ท้องนายชัยก็เปลีย่ นไปงานการไม่คอ่ ยไปท้าหันไปเสพยาเสพติด กินเหล้าเมากลับบ้านมาเป็นประจ้าและทุบตีท้าร้ายตน แต่ตนก็อดทนมาตลอดเพราะคิดว่าถ้าคลอดลูกออกมาแล้วนายชัยอาจจะท้าตัวดีขึ้น แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ตนเคยเห็นนายชัยก้าลังจะบีบคอลูก และจับลูกห้อยหัวลงแต่ห้ามไว้ได้ทัน วันนี้ตนคิดว่าไม่อยากจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว และไม่ตอ้ งการที่จะอยู่กับนายชัยอีกต่อไป เพราะไม่รู้ ว่าชีวิตตนกับลูกจะปลอดภัยหรือไม่ หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ธัญบุรี ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ มูลนิธิปวีณาฯ พานายคม พ่อเลี้ยง นายชัย และนางสาวแหวนกับลูกเดินทางไปที่สภ.ธัญบุรี เพื่อท้าบันทึกไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าทีต่ ้ารวจ เห็นว่านายชัยมีอาการเมาจึงได้ตรวจหาสารเสพติดในร่างกายแต่ปรากฎว่าไม่พบ ส่วนนางสาวแหวนได้แจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่ตา้ รวจว่า ต้องการจะพาลูกกลับไปอยู่บ้านเกิดที่จ.ศรีสะเกษ และห้ามนายชัยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนและลูกอีก ขณะเดียวกัน นางปวีณา ได้ประสาน นายพิทักษ์ บุญฤทธิ์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี เพื่อรับนางสาวแหวนกับ ลูกน้อยเข้าอยู่ในความคุม้ ครองก่อนจะเดินทางกลับภูมลิ ้าเนา ส่วนนายชัยนั้น นายคม พ่อเลีย้ งได้รับตัวกลับไป อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิปวีณาฯ จะได้ประสานและติดตามความช่วยเหลือต่อไป.

8.

จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.ปทุมธานี พ่อ-แม่ ร้อง "ปวีณา" ลูกสาว 4 ขวบ กับ 6 ขวบ ถูกคนร้ายบุกเข้าบ้านกลางวัน แสกๆ ล่วงละเมิดทางเพศ คนร้ายยังลอยนวล "ปวีณา" เตือนระวังโควิด19 แล้วอย่าเผลอปล่อยลูกหลานอยูล่ าพัง

วันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.63 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ขณะที่ทุกคนเฝ้าระวังกับการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วยังมีเรื่องที่น่าห่วงและถือเป็นภัยสังคมอย่างร้ายแรงที่ต้องเฝ้า ระวังอย่างยิ่งอีกเรื่องหนึ่ง หลังพบคนร้ายอุกอาจบุกเข้าไปในบ้านของเด็กหญิง 2 ราย 6 ขวบ กับ 4 ขวบ ในพืน้ ทีจ่ .ปทุมธานี และจ.พระนครศรีอยุธยา กระท้าการล่วงละเมิด ทางเพศขณะทีพ่ อ่ แม่ไม่อยู่ ซึง่ พ่อแม่ของเด็กหญิงทัง้ 2 ราย ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ มายังมูลนิธิปวีณาฯ เคสแรก ด.ญ.6 ขวบ เหตุเกิดเมือ่ วันที่ 6 ก.พ.63 พ่อแม่แจ้งว่าขณะทีล่ กู สาว 6 ขวบ กับพี่ชาย 10 ขวบ อยู่ในบ้านกัน 2 คน เพราะพ่อแม่ออกไปท้างานข้างนอก จู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าเข้าไปในบ้านถามว่าพ่ออยู่ไหม ลูกชายก็ตอบว่าพ่อไม่อยู่ จากนั้น ชายคนดังกล่าวก็ยื่นเงินให้ 30 บาท แล้วบอกให้ลูกชายไปซื้อขนมกิน ทีแรกลูกชาย จะพาน้องไปด้วยแต่เขาบอกไม่ต้องพาไป ด้วยความกลัวเด็กชายจึงเดินออกมานอก ห้องแล้วก็แอบดูพบว่าชายคนนั้นได้จับน้องสาวถอดกางเกงบนที่นอนก่อนจะข่มขืน 7


วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์) กระท้าช้าเรา จากนั้นชายดังกล่าวก็เดินออกจากบ้านแล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป หลังพ่อแม่ เลิกงานกลับมาบ้านลูกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังจึงพาเข้าแจ้งความที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว ต่อมาวันที่ 21 ก.พ.63 ชายคนดังกล่าวได้กลับมาอีกครั้งและได้เดินขึ้นไปบนบ้านแต่ไม่ เจอเด็ก ๆ พอดีมเี พื่อนบ้านเห็นจึงได้สอบถามว่ามาท้าอะไร ชายคนดังกล่าวอ้างว่าจะมาหา ผู้รับเหมา เพื่อนบ้านจึงบอกว่าที่นไี่ ม่มผี ู้รับเหมา หลังได้ยินค้าตอบชายคนนั้นก็รีบขี่ รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทันที แต่เพื่อนบ้านได้จดยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนรถไว้ได้จึงน้าข้อมูล เพิ่มเติมไปให้เจ้าหน้าที่ต้ารวจ หลังรับเรือ่ งนางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ปัจพล รอดโพธิท์ อง ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว ให้ช่วย ติดตามคดีโดยตรวจสอบกล้องวงจรปิด สอบปากค้าพยาน และสอบสหวิชาชีพเด็ก ส่วนผลการ ตรวจร่างกายเด็กหญิงก่อนหน้านีพ้ บว่ามีร่องรอยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งจากการตรวจสอบ ทะเบียนรถที่คนร้ายขับขี่มานั้น เป็นชื่อและทะเบียนปลอม ขณะนี้คนร้ายจึงยังลอยนวลอยู่ เคสที่สอง เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 27 มี.ค.63 ขณะที่นางแวว (นาม สมมุติ) อายุ 23 ปี กับด.ญ.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 4 ขวบ แม่กับลูกสาวนั่งเล่น อยู่หลังบ้านใน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มี รถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้านลักษณะเป็นชายคล้ายมาส่งจดหมาย ลูก สาววิ่งไปรับและหายไปสักพักแม่เอะใจเดินไปดูเห็นชายคนร้ายกระท้าลูกสาว ตัวเองในบ้านจึงรีบเข้าไปช่วยพร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นจังหวะ ที่พ่อเด็กกลับมาพอดีจึงจับตัวคนร้ายไว้ได้ ก่อนเรียกเจ้าหน้าที่ต้ารวจมารับ ตัวไปด้าเนินคดี ขณะที่คนร้ายให้ญาติขอเคลียร์จ่ายเงินกับผูเ้ สียหายเพื่อแลก กับการไม่ด้าเนินคดี แต่ผเู้ สียหายไม่ยินยอมและเกรงว่าผู้ต้องหาจะประกันตัว จึงขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณาฯ หลังรับเรือ่ ง นางปวีณา ประสาน พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ. พระนครศรีอยุธยา ทราบว่าต้ารวจได้ด้าเนินคดีคนร้ายในข้อหา บุกรุกเคหสถาน และกระท้าอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัด พระนครศรีอยุธยาและส่งตัวเข้าเรือนจ้าพระนครศรีอยุธยาไปแล้ว นอกจากนีน้ างปวีณา ยังได้ประสาน น.ส.อรพญา พลอยทับทิม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยลงพืน้ ที่เยี่ยม บ้านของด.ญ.4 ขวบ พร้อมให้เจ้าหน้าที่นักสังคมวงเคราะห์ และนักจิตวิทยาฟื้นฟูสภาพจิตใจ ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาจะติดตามการช่วยเหลือต่อไป หลังต้ารวจจับกุมผู้ต้องหาที่กระท้ากับเด็กหญิง 4 ขวบ จ.พระนครศรีอยุธยาได้ นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ปัจพล รอดโพธิ์ทอง ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว และพ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายที่ก่อเหตุจะเป็นคนเดียวกัน จึงขอให้ พนักงานสอบสวนสภ.ลาดหลุมแก้ว พาพ่อแม่และด.ญ.ผูเ้ สียหายไปชี้ตัวคนร้ายในเรือนจ้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขออนุญาตให้พนักงานสอบสวนพาผูเ้ สียหายไปดูตัวคนร้ายว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ เนื่องจาก เกรงว่าหากผูต้ ้องหาได้รับการประกันตัวและเป็นคนร้ายรายเดียวกันจะไม่ทันการณ์ ซึ่งพ.ต.อ.ณรัชต์ ได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษ วันอาทิตย์ที่ 29 มี.ค.63 เวลา 10.00 น. นางปวีณาได้มอบหมายเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ให้เดินทางไปพร้อมกับผู้เสียหายและพนักงาน สอบสวนสภ.ลาดหลุมแก้ว ที่เรือนจ้าพระนครศรีอยุธยาเพื่อท้าการดูตัวคนร้ายว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ปรากฏว่าเมื่อเด็กเห็นหน้าผู้ต้องหาก็ ยืนยันว่าไม่ใช่คนที่ก่อเหตุ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนและน่ากลัวว่าคนร้ายที่กระท้ากับด.ญ.6 ขวบรายนี้ยงั ลอยนวลอยู่ และเกรงว่าคนร้ายอาจจะไป ท้ากับเด็กคนอื่น ๆ อีกจึงต้องเตือนภัยกันให้ทราบ

9.

จ.ปทุมธานี แม่กับป้าร้อง “ปวีณา” ลูกสาววัย 13 ปี ถูกพ่อเลียงหื่นลวงจะซือมือถือให้ แต่กลับพาไปข่มขืนตามป่า หญ้าที่เปลี่ยวและห้องนาวัดหลายครัง พร้อมขู่ฆ่าห้ามบอกใคร

วันอังคารที่ 31 มี.ค.63 นางแมว (นามสมมุติ) ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า ด.ญ.เอ๋ (นามสมมุติ) หลานสาววัย 13 ปี ถูกนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี พ่อเลี้ยงซึง่ มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ข่มขืนกระท้าช้าเรามาหลายครั้งหลังแม่รบั มาจากบ้านยายที่จ.ศรีสะเกษ โดยมาอยู่ที่ บ้านพักซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดแห่งหนึ่งในอ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ขอช่วยให้ความเป็นธรรมประสานต้ารวจจับกุมตัวพ่อเลี้ยงมาด้าเนินคดี นางแมว ผู้เป็นป้าของด.ญ.เอ๋ เล่าว่า หลานอยู่ในอาการหวาดกลัวเล่าให้ฟังว่า ถูกพ่อเลี้ยงกระท้าหลายครั้งแล้ว ล่าสุดช่วงกลางวันของ วันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกได้ล่อลวงว่าจะพาด.ญ.เอ๋ไปซื้อโทรศัพท์มือถือแต่กลับพาไปกระท้าที่ป่าหญ้าเปลี่ยวข้างทาง ต่อมาก็กระท้าใน ห้องน้​้าวัดบ้าง หรือบางครั้งก็ที่ห้องพักเวลาที่แม่ไม่อยู่ บางครั้งพ่อเลีย้ งก็จะแกล้งใช้แม่ออกไปซื้อของข้างนอก หลังก่อเหตุก็ข่มขูไ่ ม่ให้บอกใครไม่ งั้นจะฆ่าให้ตาย 8


วารสารประจาเดือน มีนาคม ปี พ.ศ.2563 (องค์กรสาธารณประโยชน์) หลังรับเรื่องนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เพื่อให้ปา้ กับแม่พา ด.ญ.เอ๋ ไปแจ้งความด้าเนินคดีกับพ่อเลี้ยงทันที และขอช่วยให้ความเป็นธรรมกับ เด็กด้วย ภายหลังได้รับการประสานงานจาก นางปวีณา ทาง พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สภ.หนองเสือ ได้สงั่ การให้พนักงานสอบสวนด้าเนินการส่งด.ญ.เอ๋ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหนองเสือ ซึ่งผลตรวจเบื้องต้นมีร่องรอยถูกล่วง ละเมิดทางเพศ ก่อนจะจัดสอบสหวิชาชีพให้วันเดียวกัน ซึ่งด.ญ.เอ๋ ให้การชัดเจน จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขออนุมัติศาลออก หมายจับนายเอ็ม พ่อเลีย้ ง ทันที และวันถัดมา 1 เม.ย.63 ก้าลังเจ้าหน้าที่ ต้ารวจสภ.หนองเสือ ได้ท้าการจับกุมนายเอ็ม พ่อเลี้ยง มาด้าเนินคดีในข้อหา กระท้าช้าเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี, พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีเพื่อการ อนาจาร, พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเพื่อการอนาจาร ด้าเนินคดีตาม กฎหมาย จากการสอบสวนผูต้ ้องหาให้กรรับสารภาพ นางปวีณา กล่าวว่า ขอบคุณ พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สภ. หนองเสือ พร้อมก้าลังเจ้าหน้าที่ตา้ รวจสภ.หนองเสือ ที่ท้างานให้ความ ช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ภายในวันเดียวด้าเนินการได้ทุกขั้นตอน ตามกฎหมายพร้อมจับกุมคนร้ายมาด้าเนินคดีได้ จากนี้มลู นิธิปวีณาฯ จะได้ ประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่ไปเยี่ยมเด็กเยียวยาและฟื้นฟู สภาพจิตใจเพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป

10. จ.ชลบุรี แม่ผวาร้อง “ปวีณา” ลูกชายป่วยจิตหลังเสพยามานาน ไม่ยอมกินยา เสพกัญชาเป็นประจา แถมขู่ฆ่าจะทา ร้ายแม่เวลาถูกตักเตือน ล่าสุดเริ่มลวนลามลูกสาว 8 ขวบ หวั่นหลานเป็นอันตราย วันจันทร์ที่ 30 มี.ค.63 นางใจ (นามสมุต)ิ อายุ 61 ปี ชาวจ.ชลบุรี ร้องทุกข์มลู นิธปิ วีณาฯ แจ้งว่า ตนมีอาชีพเก็บผักขาย อาศัยอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กับนายฤทธิ์ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ลูกชาย และด.ญ.แหม่ม (นามสมมุติ) อายุ 8 ปี หลานสาวซึ่งเป็นลูกของนายฤทธิ์ ทุกวันนี้นายฤทธิ์มีอาการทางจิตประสาทเนื่องจากเคยติดยา เสพติด แต่นายฤทธิ์กลับไม่สนใจจะกินยา เอาแต่นั่งสูบกัญชาเป็นประจ้าก็ยิ่งท้าให้อาการแย่ลง แต่ละวันนายฤทธิ์จะมีอาการฉุนเฉียว กร้าวร้าวเวลาที่ไม่พอใจใครขึ้นมา แถมยังขู่ฆ่าแม่ ทุกครั้งที่ท้าการตักเตือน ระยะหลังตอนกลางคืนก็จะบังคับให้ตนกับด.ญ.แหม่มอยู่แต่ภายในบ้าน ไม่ให้ออกไปไหน หรือแม้แต่จะออกไปซื้อของก็ไม่ได้ จะนั่งจ้องหน้าอยู่ทั้งคืนซึ่งท้าให้ตนกับหลาน กลัวมาก นอกจากนี้นายฤทธิ์ก็เริม่ ที่จะมีการลวนลามลูกสาวตัวเองโดยการกอดและลูบคล้า ซึ่งตนคิดว่าอาจจะเกิดอันตรายกับด.ญ.เอ๋ ได้ ขอ มูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือด้วย หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ.ประเสริฐสุข เฮงสุวรรณ์ ผกก.สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี และ นางนัทธมน กิจด้ารงกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี ขอให้ความช่วยเหลือนางใจกับหลานด้วย ก่อนให้นางใจเข้าแจ้งความ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตา้ รวจสภ.นาจอมเทียน เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดชลบุรี ได้ร่วมกันลงพื้นที่บ้านนางใจซึ่งเป็นห้องเช่าอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งต.นาจอมเทียน พบนายฤทธิ์นั่งอยู่ภายในบ้านอาการเหมือนนั่งพูด อยู่คนเดียว จึงเข้าไปพูดคุยด้วยแต่นายฤทธิ์มีลักษณะเบลอๆ คล้ายคนเสพยาเสพติดจึงได้นา้ ตัวไปทีส่ ภ.นาจอมเทียน เพื่อตรวจหาสารเสพติด ปรากฎว่ามีสารเสพติดในร่างกายจึงได้ส่งตัวไปบ้าบัดตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งหลังสิ้นสุดการบ้าบัดทางบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด ชลบุรี และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจะด้าเนินการช่วยเหลือในเรื่องการฝึกอาชีพเพื่อน้าไปใช้ในการหารายได้เลี้ยงครอบครัว โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะ ติดตามการช่วยเหลือต่อไป

9


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.