ความหมายตราสัญลักษณ์องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี รูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยืนถือพระแสงดาบและพระดัชนีชี้ลงผืนดิน หมายถึง ความมุ่งมั่น ทรงงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในการบัญชาการขุนศึก ทหารเอก เพื่อกอบกู้เอกราชและรักษาผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ให้สืบต่อแก่ลูกหลาน เฉกเช่นเดียวกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรีที่สนองต่อพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อความผาสุกของประชาชน และความเจริญรุ่งเรืองของจังหวัดจันทบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงกลม ภูเขา สีน้ำ�เงิน สีฟ้า สีขาว สีเขียว ลายไทยและลายกนก ตัวอักษรภาษาอังกฤษ
สัญลักษณ์
สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนจังหวัดจันทบุรี การทำ�งานอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคง ความเข้มแข็ง ความน่าเชื่อถือ ความร่มเย็น ความบริสุทธิ์ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเป็นไทย ความเป็นสากล
วิสยั ทัศน์
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
พัฒนาสังคมให้เข้มแข็ง พัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
THE GLOBAL GOALS เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals – MDGs) จะสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2558 UN จึงได้ริเริ่ม กระบวนการหารือเพื่อกำ�หนดวาระการพัฒนาภายหลังปี พ.ศ. 2558 (post – 2015 development agenda) ตามกระบวนทัศน์ “การพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน” โดยประเด็นสำ�คัญของวาระการพัฒนาภายหลังปี พ.ศ. 2558 คือ การจัดทำ�เป้าหมายการพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) The SDGs,otherwise known as the Global Goals, build on the Millennium Development Goals (MDGs),eight anti-poverty targets that the world committed to achieving by 2015. The MDGs, adopted in 2000, aimed at an array of issues that included slashing poverty,hunger,disease,gender inequality, and access to water and sanitation. Enormous progress has been made on the MDGs,showing the value of a unifying agenda underpinned by goals and targets. Despite this success, the indignity of poverty has not been ended for all. The new Global Goals, and the broader sustainability agenda,go much futher than the MDGs,addressing the root causes of poverty and the universal need for development that works for all people.
ขจัดความยากจน (NO POVERTY)
ในทั่วโลก ผู้คนมากกว่า 800 ล้านคน ยังคงอยู่ได้ด้วยเงิน น้อยกว่า 1.25 ดอลลาห์ต่อวัน หลายคนยังขาดการเข้าถึงอาหาร น้ำ�ดื่มที่สะอาดและสุขอนามัยที่เพียงพอ การเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในประเทศ เช่น จีนและอินเดีย ได้ช่วย ยกระดับประชากรออกจากความยากจน แต่ความเติบโตในเรื่อง ดังกล่าวก็ยังไม่มีความสม่ำ�เสมอเท่าใดนัก ประชากรผู้หญิงมี สัดส่วนที่อยู่ในความยากจนมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากการเข้าถึง ที่ไม่เท่ากันในเรื่องค่าแรงงาน การศึกษา และทรัพย์สิน SDGs มีเป้าหมายที่จะขจัดความยากจนในทุกรูปแบบให้ แล้วเสร็จภายในปี 2573 ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการ กำ�หนดกลุ่มเป้าหมายที่อาศัยอยู่ในสถานการณ์ท่ีมีความเสี่ยง ในการเข้าถึงทรัพยากรและการบริการขัน้ พืน้ ฐาน รวมถึงช่วยเหลือ ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและภัยพิบัติที่เกี่ยวข้อง กับสภาพภูมิอากาศ
Eradicating poverty in all its forms remains one ofthe greatest challenges facing humanity. While the number of people living in extreme poverty has dropped by more than half – from 1.9 billion in 1990, to 836 million in 2015 – too many people are still struggling to meet the most basic human needs. Globally, more than 800 million people are still living on less than $1.25 a day; many lack access to adequate food, clean drinking water and sanitation. Rapid economic growth in countries like China and India has lifted millions out of poverty, but progress has been uneven. Women are disproportionately affected; they are more likely to live in poverty due to unequal access to paid work, education and property. Progress has also been limited in other regions, such as South Asia and sub-Saharan Africa, which account for 80 percent of the people living in extreme poverty. This rate is expected to rise due to new threats brought on by climate change, conflict and food insecurity.
ขจัดความหิวโหย (ZERO HUNGER)
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและผลผลิต ทางการเกษตรที่เพิ่มขึ้นในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ทำ�ให้ได้ เห็นสัดส่วนของประชากรที่ขาดแคลนอาหารลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง ประเทศกำ � ลั ง พั ฒ นาจำ � นวนมากที่ เ คยได้ รั บ ความทุ ก ข์ จ าก ความอดอยากและความหิวโหย ซึ่งในขณะนี้ ประเทศเหล่านั้น สามารถให้ความช่วยเหลือทางโภชนาการแก่ผู้ด้อยโอกาสได้เป็น จำ�นวนมาก มีความคืบหน้าอย่างมากในเรื่องการกำ�จัดความหิว โดยในภาคกลางและเอเชียตะวันออก ละตินอเมริกา และประเทศ กลุ่มแคริบเบียน เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) มุ่งมั่น ที่จะขจัดความหิวโหยและความอดอยากทุกรูปแบบ ให้แล้วเสร็จ ภายในปี 2573 เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและ ผู้ด้อยโอกาสจำ�นวนมาก ได้รับการเข้าถึงอาหารที่เพียงพอและ มีคุณค่าทางโภชนาการตลอดทั้งปี เป้าหมายนี้ ยังเกี่ยวข้องกับ การส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืน การปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ และกำ�ลังการผลิตของเกษตรกรรมขนาดเล็ก ที่ช่วยให้เข้าถึง แหล่งที่ดินทำ�กิน เทคโนโลยี และการตลาดอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างประเทศก็เป็นสิ่งสำ�คัญที่สร้าง ความเชื่อมั่นในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เราจะสามารถยุติความอดอยาก และความหิวโหยได้ภายในปี 2573 โดยดำ�เนินการร่วมกับ เป้าหมายอื่นๆ ที่กำ�หนดไว้
Rapid economic growth and increased agricultural productivity over the past two decades has seen the proportion of undernourished people drop by almost half.Many developing countries that used to suffer from famine and hunger can now meet the nutritional needs of the most vulnerable. Central and East Asia, Latin America and the Caribbean have all made huge progress in eradicating extreme hunger. These are all significant achievements in reaching the targets set out by the first Millennium Development Goals. Unfortunately, extreme hunger and malnutrition remain a huge barrier to development in many countries. 795 million people are estimated to be chronically undernourished as of 2014, often as a direct consequence of environmental degradation, drought and loss of biodiversity. Over 90 million children under the age of five are dangerously underweight. And one person in every four still goes hungry in Africa.The Sustainable Development Goals (SDGs) aim to end all forms of hunger and malnutrition by 2030, making sure all people – especially children and the more vulnerable – have access to sufficient and nutritious food all year round.
มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (GOOD HEALTH AND WELL-BEING) นั บ ตั้ ง แต่ ก ารสร้ า งเป้ า หมายการพั ฒ นาแห่ ง สหั ส วรรษ ซึ่งประสบผลสำ�เร็จอย่างมีคุณค่าในหน้าประวัติศาสตร์ จากการ ลดการเสียชีวิตของเด็ก การปรับปรุงสุขภาพของมารดาและการ ต่อสู้กับเชื้อเอชไอวี/ เอดส์ มาลาเรีย และโรคอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2533 สามารถป้องกันการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลก โดยลดลงกว่า 50% และการเสียชีวิตของมารดาก็สามารถลดลงได้ 45% ในทั่วโลก ภาวะการติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ที่เกิดขึ้นใหม่ สามารถลดลงได้ 30% ในระหว่างปี 2543 ถึงปี 2556 และมากกว่า 6,200,000 ชีวิตได้รับป้องกันจากโรคมาลาเรีย การเสียชีวิตเหล่านี้สามารถ หลีกเลี่ยงได้โดยการป้องกันและการรักษา การศึกษา แคมเปญ การสร้างภูมิคุ้มกันของโรคและการดูแลสุขภาพเพศและระบบ สืบพันธุ์ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีความมุ่งมั่นที่จะยุติ การระบาดของโรคเอดส์ วัณโรค มาลาเรีย และโรคติดต่ออื่นๆ ภายในปี 2573 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บรรลุหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้าและจัดให้มีการเข้าถึงยาและวัคซีนอย่างปลอดภัยและ มีประสิทธิภาพสำ�หรับทุกคน การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา วัคซีนก็เป็นส่วนสำ�คัญของกระบวนการนี้เช่นเดียวกับการเข้าถึง ยาในราคาที่เหมาะสม
Since the creation of the Millennium Development Goals there have been historic achievements in reducing child mortality, improving maternal health and fighting HIV/AIDS, malaria and other diseases. Since 1990, there has been a over 50 percent decline in preventable child deaths globally.Maternal mortality also fell by 45 percent worldwide. New HIV/AIDS infections fell by 30 percent between 2000 and 2013,and over 6.2 million lives were saved from Malaria. Despite this incredible progress,more than 6 million children still die before their fifth birthday every year. 16,000 children die each day from preventable diseases such as measles and tuberculosis.Every day hundreds of women die during pregnancy or from child-birth related complications, and, in developing regions, only 56% of births in rural areas are attended by skilled professions.AIDS in now the leading cause of death among adolescents in sub-Saharan Africa,a region still severely devastated by the HIV epidemic.
การศึกษาที่เท่าเทียม (QUALITY EDUCATION) ตั้งแต่ปี 2543 มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการบรรลุ เป้ า หมายเรื่ อ งของผู้ ที่ ไ ด้ รั บ การศึ ก ษาในระดั บ ประถมศึ ก ษา อัตราการลงทะเบียนเรียนรวมในประเทศกำ�ลังพัฒนาเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 91 ในปี 2558 และจำ�นวนของเด็กทั่วโลกที่ไม่ได้รับการ ศึกษาลดลงได้เกือบครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้ อัตราผู้ที่มีความสามารถ ในการอ่านออกเขียนได้ยังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และเด็กผู้หญิง ได้ไปโรงเรียนมากขึ้นกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความสำ�เร็จ อันยอดเยี่ยม การประสบความสำ�เร็จครอบคลุมถึงการศึกษาที่ มีคุณภาพ ซึ่งตอกย้ำ�ความเชื่อที่พิสูจน์แล้วว่าการศึกษาเป็นหนึ่ง ในแรงขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสำ�หรับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป้าหมายนี้ทำ�ให้แน่ใจว่าเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายทุกคนจะได้รับ สำ�เร็จศึกษาฟรีในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา นอกจากนี้ ยังมีวตั ถุประสงค์เพือ่ จัดให้มกี ารฝึกอบรมอาชีพ ในราคาทีเ่ หมาะสม อย่างเท่าเทียมกัน และขจัดความไม่เสมอภาคทางเพศและความ เหลื่อมล้ำ� ด้วยความมุ่งหมายที่จะประสบผลสำ�เร็จในการเข้าถึง หลักสากลเพื่อการศึกษาที่สูงขึ้นอย่างมีคุณภาพ
Since 2000, there has been enormous progress in achieving the target of universal primary education. The total enrolment rate in developing regions reached 91 percent in 2015, and the worldwide number of children out of school has dropped by almost half. There has also been a dramatic increase in literacy rates, and many more girls are in school than ever before. These are all remarkable successes. Progress has also faced tough challenges in developing regions due to high levels of poverty, armed conflicts and other emergencies. In Western Asia and North Africa, ongoing armed conflict has seen an increase in the proportion of children out of school. This is a worrying trend.While sub-Saharan Africa made the greatest progress in primary school enrolment among all developing regions – from 52 percent in 1990, up to 78 percent in 2012 – large disparities still remain. Children from the poorest households are four times more likely to be out of school than those of the richest households. Disparities between rural and urban areas also remain high.
ความเท่าเทียมทางเพศ (GENDER EQUALITY) ตั้งแต่ปี 2543 UNDP ร่วมกับ พันธมิตรของ UN และ ประชาคมโลกให้ความเสมอภาคทางเพศ เป็นศูนย์กลางในการ ทำ�งาน และพวกเราได้เห็นความสำ�เร็จอันน่าประทับใจ มีผู้หญิง จำ�นวนมากขึ้นที่ได้เรียนในโรงเรียน เมื่อเทียบกับ 15 ปีที่ผ่านมา และในภูมภิ าคส่วนใหญ่ ก็มคี วามเท่าเทียมกันทางเพศในการศึกษา ระดับประถมศึกษา ในขณะนี้ ผู้หญิงสามารถทำ�งานนอกบ้าน และได้รบั ค่าแรงจากงานทีไ่ ม่ใช่ท�ำ การเกษตรได้ถงึ 41% เมือ่ เทียบ ปี 2533 ซึ่งมีเพียง 35% SDGs มีจุดหมายที่จะสร้างความสำ�เร็จเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจ ว่ า มี ก ารยุ ติ ก ารเลื อ กปฏิ บั ติ ต่ อ ผู้ ห ญิ ง และเด็ ก ผู้ ห ญิ ง ในทุ ก ที่ แต่ในบางภูมิภาคยังคงมีความไม่เท่าเทียมกันในเบื้องต้นสำ�หรับ การเข้าถึงค่าจ้าง และยังคงมีช่องว่างที่มีนัยสำ�คัญระหว่างชาย และหญิงในตลาดแรงงาน ความรุนแรงทางเพศและการละเมิด ทางเพศ การใช้แรงงานที่ผิดกฎหมายและการแบ่งแยกชนชั้น ของประชาชนยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ในเรื่องนี้
Empowering women and promoting gender equality is crucial to accelerating sustainable development. Ending all forms of discrimination against women and girls is not only a basic human right, but it also has a multiplier effect across all other development areas. Since 2000, UNDP together with our UN partners and the rest of the global community has made gender equality central to our work, and we have seen some remarkable successes. More girls are now in school compared to 15 years ago, and most regions have reached gender parity in primary education. Women now make up to 41 percent of paid workers outside of agriculture, compared to 35 percent in 1990. The Sustainable Development Goals (SDGs) aim to build on these achievements to ensure that there is an end to discrimination against women and girls everywhere.
การจัดการน้ำ�และสุขาภิบาล (CLEAN WATER AND SANITATION) ปัญหาการขาดแคลนน้ำ�ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วโลก มากกว่า 40 % สิ่งที่น่าตกใจคือคาดว่าจะมีการเพิ่มขึ้นของ อุณหภูมิโลกที่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ว่าประชาชน 2,100 ล้านคน ได้รับการเข้าถึงการสุขาภิบาลน้ำ� ที่ดีขึ้นตั้งแต่ปี 2533 แต่การขาดแคลนอุปกรณ์สำ�หรับน้ำ�ดื่มที่ ปลอดภัยยังคงเป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อทุกทวีป ภายในปี 2573 การทำ�ให้มีน้ำ�ดื่มที่ปลอดภัยและราคา เหมาะสม จำ�เป็นต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม โดยจัดให้มีสิ่งอำ�นวยความสะดวกด้านสุขอนามัยและส่งเสริม สุขอนามัยในทุกระดับ ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศน์ที่เกี่ยวข้อง กับน้ำ� เช่น ป่าไม้ ภูเขาและแม่น้ำ� พื้นที่ชุ่มน้ำ�เป็นสิ่งจำ�เป็นที่ต้อง ดูแล ถ้าหากเราจะลดการขาดแคลนน้ำ� นอกจากนี้ ความร่วมมือ ระหว่างประเทศ ยังเป็นสิ่งจำ�เป็นที่จะส่งเสริมให้มีการใช้น้ำ� อย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและสนั บ สนุ น เทคโนโลยี ก ารบำ � บั ด น้ำ � ในประเทศที่กำ�ลังพัฒนา
Water scarcity affects more than 40 percent of people around the world, an alarming figure that is projected to increase with the rise of global temperatures as a consequence of climate change. Although 2.1 billion people have gained access to improved water sanitation since 1990, dwindling supplies of safe drinking water is a major problem impacting every continent. In 2011, 41 countries experienced water stress; ten of them are close to depleting their supply of renewable freshwater and must now rely on non-conventional sources. Increasing drought and desertification is already exacerbating these trends. By 2050, it is projected that at least one in four people are likely to be affected by recurring water shortages. Ensuring universal access to safe and affordable drinking water by 2030 requires we invest in adequate infrastructure, provide sanitation facilities and encourage hygiene at every level. Protecting and restoring water -related ecosystems such as forests, mountains, wetlands and rivers is essential if we are to mitigate water scarcity. More international cooperation is also needed to encourage water efficiency and support treatment technologies in developing countries.
พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ (AFFORDABLE AND CLEAN ENERGY) ระหว่างปี 2533 ถึงปี 2553 จำ�นวนประชากรมีการเข้าถึง ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1,700 ล้านคนทั่วโลกและยังคงเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่องดังนั้นจึงมีการเรียกร้องถึงพลังงานราคาถูก เศรษฐกิจ ทั่ ว โลกพึ่ ง พาเชื้ อ เพลิ ง ฟอสซิ ล และการเพิ่ ม ขึ้ น ของการปล่ อ ย ก๊าซเรือนกระจกซึ่งนั่นคือการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงต่อ ระบบภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลถึงทุกทวีปทั่วโลก ภายในปี 2573 มีเป้าหมายที่จะทำ�ให้เกิดการผลิตไฟฟ้าที่ เหมาะสมในทุกที่ ซึ่งหมายถึงการลงทุนในแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อน การนำ�มาตรฐานการประหยัดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมาใช้ใน อาคารและอุตสาหกรรมสำ�หรับความหลากหลายของเทคโนโลยี ยังสามารถลดการใช้ไฟฟ้าทั่วโลกได้ 14% ซึ่งหมายถึงการลด การใช้งานโรงไฟฟ้าขนาดกลาง ประมาณ 1,300 แห่ง การขยาย โครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้มีแหล่งที่มาของ พลังงานสะอาดในประเทศที่กำ�ลังพัฒนา เป็นเป้าหมายสำ�คัญที่ ทั้งการขยายโครงสร้างและการพัฒนาเทคโนโลยีสามารถส่งเสริม การเจริญเติบโตและช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้
Between 1990 and 2010, the number of people with access to electricity has increased by 1.7 billion, and as the global population continues to rise so will the demand for cheap energy. A global economy reliant on fossil fuels and the increase of greenhouse gas emissions is creating drastic changes to our climate system. This is having a visible impact on every continent. However, there has been a new drive to encourage alternative energy sources, and in 2011 renewable energy accounted for more than 20 percent of global power generated. Still one in five people lack access to electricity, and as the demand continues to rise there needs to be a substantial increase in the production of renewable energy across the world.
การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (DECENT WORK AND ECONOMIC GROWTH) มากกว่า 25 ปีที่ผ่านมา จำ�นวนคนงานที่ประสบปัญหา ความยากจนได้ลดลงอย่างมาก แม้จะมีผลกระทบที่ยาวนานของ วิกฤตเศรษฐกิจจากปี 2551/2552 ในประเทศที่กำ�ลังพัฒนา ชนชั้นกลางถือเป็น 34% ของการจ้างงานทั้งหมด โดยตัวเลขนี้ เพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าจากปี 2534 ถึง 2558 เป้าหมายการพัฒนาอย่างยัง่ ยืน (SDGs) มุง่ มัน่ ทีจ่ ะส่งเสริม การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนโดยบรรลุเป้าหมายการ ผลิ ต ในระดั บ ที่ สู ง ขึ้ น และผลิ ต ผ่ า นนวั ต กรรมทางเทคโนโลยี สนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและการสร้างงาน ซึง่ เป็นกุญแจสำ�คัญในเรือ่ งนี้ เช่นเดียวกับมาตรการทีม่ ปี ระสิทธิภาพ ที่จะกำ�จัดการบังคับใช้แรงงานทาสและการค้ า มนุ ษ ย์ ด้ ว ย เป้าหมายเหล่านี้ ภายในปี 2573 เราต้องการให้เกิดการจ้างงาน เต็มรูปแบบและมีประสิทธิภาพ และการทำ�งานที่เหมาะสม สำ�หรับผู้หญิงและผู้ชายทุกคน
Over the past 25 years the number of workers living in extreme poverty has declined dramatically, despite the long-lasting impact of the economic crisis of 2008/2009. In developing countries, the middle class now makes up more than 34 percent of total employment – a number that has almost tripled between 1991 and 2015. However, as the global economy continues to recover we are seeing slower growth, widening inequalities and employment that is not expanding fast enough to keep up with the growing labour force. According to the International Labour Organization, more than 204 million people are unemployed in 2015. The Sustainable Development Goals (SDGs) aim to encourage sustained economic growth by achieving higher levels of productivity and through technological innovation. Promoting policies that encourage entrepreneurship and job creation are key to this, as are effective measures to eradicate forced labour, slavery and human trafficking. With these targets in mind, the goal is to achieve full and productive employment, and decent work, for all women and men by 2030.
อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน (INDUSTRY, INNOVATION AND INFRASTRUCTURE) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็เป็นกุญแจสำ�คัญในการหา ทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนให้กับความท้าทายทางเศรษฐกิจและ สิง่ แวดล้อม เช่น การจัดให้มชี น้ิ งานใหม่และส่งเสริมประสิทธิภาพ ในการใช้พลังงาน การส่งเสริมอุตสาหกรรมทีย่ ง่ั ยืนและการลงทุน ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม เหล่านี้เป็นวิธีที่สำ�คัญ ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน การลงทุนในโครงสร้าง พื้นฐานและนวัตกรรม เป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนา 17 ข้อ ทีอ่ ยูใ่ นวาระการจัดทำ�เป้าหมายการพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน (SDGs) วิธกี าร แบบบูรณาการเป็นสิ่งสำ�คัญที่จะทำ�ให้เกิดความคืบหน้าไปยัง เป้าหมายอื่นๆ
Sustained investment in infrastructure and innovation are crucial drivers of economic growth and development. With over half the world population now living in cities, mass transport and renewableenergy are becoming ever more important, as are the growth of new industries and information and communication technologies. Technological progress is also key to finding lasting solutions to both economic and environmental challenges, such as providing new jobs and promoting energy efficiency. Promoting sustainable industries, and investing in scientific research and innovation, are all important ways to facilitate sustainable development. More than 4 billion people still do not have access to the Internet, and 90 percent are from the developing world. Bridging this digital divide is crucial to ensure equal access to information and knowledge, and as a consequence foster innovation and entrepreneurship.
ลดความเหลื่อมล้ำ� (REDUCED INEQUALITES) จากรายงานที่ ว่ า ความไม่ เ ท่ า เที ย มของรายได้ มี อั ต รา เพิ่มขึ้น 10% ของคนร่ำ�รวยที่สุด มีรายได้เป็น 40% ของรายได้ รวมทั่วโลกผู้ที่ยากจนที่สุด 10% ทำ�ได้รายได้เพียง 2 – 7% ของ รายได้รวมทัว่ โลก ในประเทศกำ�ลังพัฒนาความไม่เท่าเทียมเพิม่ ขึน้ 11 % ตามการเจริญเติบโตของประชากร ความไม่ เ ท่ า เที ย มด้ า นรายได้ เ ป็ น ปั ญ หาระดั บ โลกที่ ต้องการการแก้ไข ซึง่ ปัญหานีเ้ กีย่ วข้องกับการปรับปรุงกฎระเบียบ ข้อบังคับ การตรวจสอบของตลาดการเงินและสถาบันด้านการเงิน การส่งเสริมการช่วยเหลือด้านการพัฒนา และการลงทุนโดยตรง จากต่างชาติไปยังภูมิภาคที่มีความจำ�เป็นมากที่สุด การอำ�นวย ความสะดวกในการอพยพย้ายถิ่นที่ปลอดภัยและการเคลื่อนย้าย ของผู้คนก็เป็นสิ่งสำ�คัญในการแก้ไขปัญหาการแบ่งเขตแดน
It is well documented that income inequality is on the rise, with the richest 10 percent earning up to 40 percent of total global income. The poorest 10 percent earn only between 2 and 7 percent of total global income. In developing countries, inequality has increased by 11 percent if we take into account the growth of population. These widening disparities are a call for action that require the adoption of sound policies to empower the bottom percentile of income earners and promote economic inclusion of all regardless of sex, race or ethnicity. Income inequality is a global problem that requires global solutions. This involves improving the regulation and monitoring of financial markets and institutions, encouraging development assistance and foreign direct investment to regions where the need is greatest. Facilitating the safe migration and mobility of people is also key to bridging the widening divide.
เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน (SUSTAINABLE CITIES AND COMMUNITIES) การเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองในประเทศที่กำ�ลังพัฒนา ควบคู่ ไ ปกั บ การเพิ่ ม ขึ้ น ในการย้ า ยถิ่ น ฐานจากชนบทสู่ เ มื อ ง ซึง่ นำ�ไปสูค่ วามเจริญในเมืองขนาดใหญ่ ในปี 2553 มี 10 เมืองใหญ่ ที่มีพลเมืองจำ�นวน 10 ล้านคน หรือมากกว่านั้น ในปี 2557 มี เมืองขนาดใหญ่ถึง 28 เมือง ผู้อยู่อาศัยรวม 453,000,000 คน ความยากจนมักจะกระจุกตัวอยู่ในเมือง รัฐบาลระดับชาติ และระดับท้องถิ่นต้องพยายามจัดการเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้น ของประชากรในพืน้ ทีเ่ หล่านัน้ การทำ�ให้เมืองปลอดภัยและยัง่ ยืน หมายถึง การทำ�ให้เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและเหมาะสม และพัฒนาการตัง้ ถิน่ ฐานของชุมชนแออัด นอกจากนีย้ งั เกีย่ วข้อง กับการลงทุนเรื่องการขนส่งสาธารณะ การสร้างพื้นที่สาธารณะ สีเขียวและการปรับปรุงการวางผังเมืองและการจัดการในลักษณะ แบบมีส่วนร่วม
More than half of the world’s population now live in urban areas. By 2050, that figure will have risen to 6.5 billion people-two-thirds of humanity. Sustainable development cannot be achieved without significantly transforming the way we build and manage our urban spaces. The rapid growth of cities in the developing world, coupled with increasing rural to urban migration, has led to a boom in mega-cities. In 1990, there were ten mega-cities with 10 million inhabitants or more. In 2014, there are 28 mega-cities, home to a total 453 million people. Extreme poverty is often concentrated in urban spaces, and national and city governments struggle to accommodate the rising population in these areas. Making cities safe and sustainable means ensuring access to safe and affordable housing, and upgrading slum settlements. It also involves investment in public transport, creating green public spaces, and improving urban planning and management in a way that is both participatory and inclusive.
แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน (RESPONSIBLE CONSUMPTION AND PRODUCTION) การที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจและการ พัฒนาที่ยั่งยืนนั้นต้องลดรอยเท้าทางนิเวศลงอย่างเร่งด่วน โดย การเปลี่ยนแปลงการผลิตและการบริโภคสินค้าและทรัพยากร การเกษตรกรรมเป็นผูใ้ ช้น�ำ้ รายใหญ่ทส่ี ดุ ในโลกและในขณะนีม้ กี าร จัดการน้ำ�ให้ถึง 70% ของผู้ใช้น้ำ�ทั้งหมด การจั ด การการใช้ ท รั พ ยากรธรรมชาติ ร่ ว มกั น อย่ า ง มีประสิทธิภาพและวิธีการกำ�จัดขยะที่เป็นพิษและมลพิษ เป็น สิง่ สำ�คัญทีจ่ ะทำ�ให้บรรลุเป้าหมายนี้ การส่งเสริมให้มกี ารรีไซเคิลและ ลดขยะมูลฝอยในอุตสาหกรรม ธุรกิจและผู้บริโภคเป็นสิ่งสำ�คัญ เท่ า เที ย มกั บ การสนั บ สนุ น ประเทศกำ � ลั ง พั ฒ นาเพื่ อ ก้ า วเข้ า สู่ แผนการบริโภคที่ยั่งยืนภายในปี 2573
Achieving economic growth and sustainable development requires that we urgently reduce our ecological footprint by changing the way we produce and consume goods and resources. Agriculture is the biggest user of water worldwide, and irrigation now claims close to 70 percent of all freshwater appropriated for human use. The efficient management of our shared natural resources, and the way we dispose of toxic waste and pollutants, are important targets to achieve this goal. Encouraging industries, businesses and consumers to recycle and reduce waste is equally important, as is supporting developing countries to move towards more sustainable patterns of consumption by 2030. A large share of the world population is still consumingfar too little to meet even their basic needs. Halving per capita global food waste at the retailer and consumer levels is also important for creating more efficient production and supply chains. This can help with food security and shift us towards a more resource efficient economy.
การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (CLIMATE ACTION) ไม่มีประเทศใดในโลกที่ไม่เห็นผลกระทบอันรุนแรงของการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคง เพิ่มขึ้น และตอนนี้เพิ่มขึ้นจากปี 2533 มากกว่า 50% นอกจากนี้ ภาวะโลกร้อน เป็นสาเหตุทท่ี �ำ ให้เกิดการเปลีย่ นแปลงอันยาวนาน กับระบบสภาพภูมิอากาศ ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาอาจไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงได้ ถ้าหากไม่เริ่มดำ�เนินการในตอนนี้ การสร้างความเข้มแข็ง ความยืดหยุ่นและความสามารถ ในการปรับตัวของภูมิภาคที่มีความเสี่ยง เช่น ประเทศที่ไม่มีทาง ออกทะเล และประเทศที่เป็นเกาะ จำ�เป็นต้องร่วมมือกันเพื่อ พยายามสร้างความตระหนักรู้และบูรณาการมาตรการเข้าไป ในนโยบายและกลยุทธ์ระดับชาติ ซึ่งยังคงมีความเป็นไปได้ด้วย เจตจำ�นงทางการเมืองและความหลากหลายของมาตรการทาง เทคโนโลยีที่สามารถจำ�กัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ได้ถึงสององศาเซลเซียส ซึ่งจำ�กัดได้มากกว่าก่อนยุคอุตสาหกรรม สิ่งนี้จำ�เป็นต้องดำ�เนินการร่วมกันอย่างเร่งด่วน
There is no country in the world that is not seeing first-hand the drastic effects of climate change. Greenhouse gas emissions continue to rise, and are now more than 50 percent higher than their 1990 level. Further, global warming is causing long-lasting changes to our climate system, which threatens irreversible consequences if we do not take action now. The annual average losses from just earthquakes, tsunamis, tropical cyclones and flooding count in the hundreds of billions of dollars, requiring an investment of US$ 6 billion annually in disaster risk management alone. The goal aims to mobilize $100 billion annually by 2020 to address the needs of developing countries and help mitigate climate-related disasters. Strengthening the resilience and adaptive capacity of more vulnerable regions, such as land locked countries and island states, must go hand in hand with efforts to raise awareness and integrate measures into national policies and strategies. It is still possible, with the political will and a wide array of technological measures, to limit the increase in global mean temperature to two degrees Celsius above pre-industrial levels. This requires urgent collective action.
การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล (LIFE BELOW WATER) ผู้คนกว่าสามพันล้านคนใช้ชีวิตขึ้นอยู่กับความหลากหลาย ทางชีวภาพทางทะเลและชายฝั่ง แต่ในปัจจุบันนี้เราจะเห็นได้ว่า 30% ของปลาทะเลของโลกได้ถูกใช้ไปเกินขนาด ซึ่งต่ำ�กว่าระดับ ที่พวกเขาสามารถผลิตผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้ได้ เป้าหมายการพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน (SDGs) สร้างกรอบการทำ�งาน เพื่อการจัดการอย่างยั่งยืนและปกป้องระบบนิเวศทางชายฝั่ง และทางทะเลจากภาวะมลพิษจากแหล่งบนบก ตลอดจนจัดการ ปัญหาผลกระทบของการเป็นกรดของมหาสมุทร เสริมสร้างการ อนุ รั ก ษ์ แ ละใช้ ป ระโยชน์ อ ย่ า งยั่ ง ยื น ของทรั พ ยากรทะเล ผ่านกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหา ที ่ เ กิ ด ขึ้นกับมหาสมุทร
The world’s oceans – their temperature, chemistry, currents and life – drive global systems that make the Earth habitable for humankind. How we manage this vital resource is essential for humanity as a whole, and to counter balance the effects of climate change. Over three billion people depend on marine and coastal biodiversity for their livelihoods. However, today we are seeing 30 percent of the world’s fish stocks overexploited, well below a level at which they can produce sustainable yields. Oceans also absorb about 30 percent of the carbon dioxide produced by humans, and we are seeing a 26 percent rise in ocean acidification since the beginning of the industrial revolution. Marine pollution, an overwhelming majority of which comes from landbased sources, is reaching alarming levels, with an average of 13,000 pieces of plastic litter to be found on every square kilometer of ocean. The Sustainable Development Goals (SDGs) create a framework to sustainably manage and protect marine and coastal ecosystems from land-based pollution, as well as address the impacts of ocean acidification. Enhancing conservation and the sustainable use of ocean-based resources through international law will also help mitigate some of the challenges facing our oceans.
การใช้ประโยชน์จากนิเวศทางบก (LIFE ON LAND) ในปัจจุบันนี้เราจะเห็นความเสื่อมโทรมของที่ดินแบบที่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการสูญเสียที่ดินทำ�กิน 30 – 35 ครั้ง ภัยแล้งและการแปรสภาพเป็นทะเลทรายก็ยังคงเพิ่มขึ้นในแต่ละปี รวมจำ�นวนการสูญเสียถึง 12 ล้านเฮกเตอร์ และส่งผลกระทบต่อ ชุมชนที่ยากจนทั่วโลก จาก 8,300 สายพันธุ์สัตว์ที่เป็นที่รู้จัก มีจำ�นวน 8% ที่กำ�ลังจะสูญพันธุ์และอีก 22% มีความเสี่ยงต่อ การสูญพันธุ์ เป้าหมายการพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน (SDGs) มุง่ มัน่ ทีจ่ ะอนุรกั ษ์และ ฟื้นฟูประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก อาทิ ป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ� พื้นที่กึ่งแห้งแล้ง และภูเขา ภายในปี 2563 การส่งเสริมการ จั ด การป่ า อย่ า งยั่ ง ยื น และแก้ ไขการตั ด ไม้ ทำ � ลายป่ า ก็ เ ป็ น สิ่งสำ�คัญที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพ อากาศ ควรต้องดำ�เนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะลดการสูญเสีย ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกันของเรา
Human life depends on the earth as much as the ocean for our sustenance and livelihood. Plant life provides 80 percent of our human diet, and we rely on agriculture as an important economic resource and means of development. Forests account for 30 percent of the Earth’s surface, providing vital habitats for millions of species and important sources for clean air and water; as well as being crucial for combating climate change. Today we are seeing unprecedented land degradation, and the loss of arable land at 30 to 35 times the historical rate. Drought and desertification is also on the rise each year, amounting to the loss of 12 million hectares and affects poor communities globally. Of the 8,300 animal breeds known, 8 percent are extinct and 22 percent are at risk of extinction. The Sustainable Development Goals (SDGs) aim to conserve and restore the use of terrestrial ecosystems such as forests, wetlands, drylands and mountains by 2020. Promoting the sustainable management of forests and halting deforestations is also vital to mitigating the impact of climate change. Urgent action must be taken to reduce the loss of natural habitats and biodiversity which are part of our common heritage.
สังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก (PEACE, JUSTICE AND STRONG INSTITUTIONS) สันติภาพ ความมั่นคง สิทธิมนุษยชนและการปกครองที่มี ประสิทธิภาพบนพืน้ ฐานของหลักนิตธิ รรม เป็นการรวมกันทีส่ �ำ คัญ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เราอาศัยอยู่ในโลกที่ถูกแบ่งแยกมากขึ้น บางภูมภิ าคได้รบั สิทธิใ์ นความสงบ การรักษาความปลอดภัย ความ เจริญ อย่างเต็มทีแ่ ละต่อเนือ่ ง ในขณะทีภ่ มู ภิ าคอืน่ ตกอยูใ่ นวงจร ของความขัดแย้งและความรุนแรงที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้และควรจะต้องได้รับการแก้ไข เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มุ่งมั่นที่จะลดความ รุนแรงทุกรูปแบบ พร้อมทำ�งานร่วมกับรัฐบาลและชุมชนเพื่อหา แนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความไม่มั่นคงอย่างยั่งยืน การส่ ง เสริ ม การปกครองด้ ว ยกฎหมายและการส่ ง เสริ ม สิ ท ธิ มนุษยชน เป็นกุญแจสำ�คัญในกระบวนการนี้เช่นเดียวกับการลด อาวุธผิดกฎหมาย ส่งเสริมการมีสว่ นร่วมของประเทศกำ�ลังพัฒนา ในสถาบันการปกครองทั่วโลก
Peace, stability, human rights and effective governance based on the rule of law are important conduits for sustainable development. We are living in a world that is increasingly divided. Some regions enjoy sustained levels of peace, security and prosperity while others fall into seemingly endless cycles of conflict and violence. This is by no means inevitable and must be addressed. High levels of armed violence and insecurity have a destructive impact on a country’s development, affecting economic growth and often resulting in long standing grievances among communities that can last for generations. Sexual violence, crime, exploitation and torture are also prevalent where there is conflict or no rule of law, and countries must take measures to protect those who are most at risk. The Sustainable Development Goals (SDGs) aim to significantly reduce all forms of violence, and work with governments and communities to find lasting solutions to conflict and insecurity. Strengthening the rule of law and promoting human rights is key to this process, as is reducing the flow of illicit arms and strengthening the participation of developing countries in the institutions of global governance.
ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (PARTNERSHIPS FOR THE GOALS) ในโลกยุ ค ปั จ จุ บั น มี ก ารเชื่ อ มต่ อ กั น มากขึ้ น กว่ า เดิ ม การพั ฒ นาในการเข้ า ถึ ง เทคโนโลยี แ ละความรู้ เ ป็ น สิ่ ง สำ � คั ญ ในการแบ่งปันความคิดและสนับสนุนนวัตกรรม การประสานงาน ด้านนโยบายจะช่วยให้ประเทศกำ�ลังพัฒนาสามารถจัดการหนี้ได้ เช่นเดียวกับการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการพัฒนาเป็นสิ่งสำ�คัญ เพื่อให้ประสบผลในการเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป้าหมายนี้มุ่งมั่นที่จะเพิ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ พัฒนาแล้วกับประเทศกำ�ลังพัฒนา (North-South) และความ ร่วมมือระหว่างประเทศกำ�ลังพัฒนา (South-South) โดยการ สนับสนุนแผนระดับชาติเพื่อการบรรลุเป้าหมาย ส่งเสริมการค้า ระหว่างประเทศและช่วยเหลือประเทศกำ�ลังพัฒนาเพิ่มอัตรา การส่งออก ซึ่งนี่คือส่วนประกอบทั้งหมดที่จะช่วยให้ประสบ ผลสำ�เร็จในหลักเกณฑ์สากลและระบบการค้าทีเ่ สมอภาค ซึง่ เป็น สิ่งที่ยุติธรรม เปิดกว้างและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย
The Sustainable Development Goals (SDGs) can only be realized with a strong commitment to global partnership and cooperation. While official development assistance from developed countries increased by 66 percent between 2000 and 2014, humanitarian crises brought on by conflict or natural disasters continue to demand financial resources and aid. Many countries also require Official Development Assistance to encourage growth and trade. The world today is more interconnected than ever before. Improving access to technology and knowledge is an important way to share ideas and foster innovation. Coordinating policies to help developing countries manage their debt, as well as promoting investment for the least developed, is vital to achieve sustainable growth and development. The goals aim to enhance North-South and South-South cooperation by supporting national plans to achieve all the targets. Promoting international trade, and helping developing countries increase their exports, is all part of achieving a universal rules-based and equitable trading system that is fair and open, and benefits all.
เศรษฐกิจ
พอเพียง
คำ�ว่า พอเพียง หมายถึง ความมีพอสำ�หรับดำ�รงชีวิต เช่น เขาใช้ชีวิตแบบพอเพียง มีการส่งเสริมระบบการผลิตแบบพอเพียงที่เกษตรกรสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ดังเช่นที่คนไทย ได้น้อมนำ�หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงชี้แนะแนวทางการดำ�เนินชีวิต แก่พสกนิกรชาวไทย เพื่อนำ�ไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการดำ�เนินชีวิตในยามที่ประเทศ ประสบปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจใน พ.ศ. 2540 โดยรัฐบาลได้น้อมนำ�เอาปรัชญา แห่งเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นวาระแห่งชาติในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้เข้มแข็ง “ความพอเพียงนี้ หมายถึง ความพอประมาณ มีเหตุมีผล การเดินสายกลาง รวมถึงความจำ�เป็น ที่ต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีต่อการรับผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอก และภายใน...ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบคอบมาใช้ในการวางแผนและดำ�เนินการทุกขั้นตอน ขณะเดียวกันก็จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ...คือ คุณธรรม” คำ�ว่า “พอเพียง” จากพระราชดำ�ริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ณ ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา พระราชทานความหมายของคำ�ว่า พอเพียง ไว้ว่า “...คำ�ว่าพอเพียงมีความหมายอีกอย่างหนึ่ง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอสำ�หรับใช้เองเท่านั้น แต่มีความหมายว่า พอมีพอกิน พอมีพอกินนี้ก็แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเอง...”
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
คำ�พ่อสอน พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
๑
ความเพียร
การสร้างสรรค์ตนเอง ต้องใช้ เวลา ต้องใช้ความเพียร ความ อดทน เสียสละ และไม่ย่อท้อ ในสิ่งที่ดีงาม เวลาข้างหน้า จะเห็นผลแน่นอน ในความอดทนของตนเอง
๔ คนเราจะต้องรับ และจะต้องให้
คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ เมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้อง พยายามให้ ช่วยที่ไหนได้ ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้
๒
การสร้างตัวสร้างฐานะนั้น จะต้องถือหลักค่อยเป็น ค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และความ พอเหมาะพอดี ไม่ทำ�เกิน ฐานะและกำ�ลัง
๕
อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ
รักษามารยาทอันดีงามสำ�หรับ สุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม
๗ หนังสือเป็นออมสิน ๘ หนังสือเป็นการสะสมความรู้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ ได้สร้างมา เป็นคล้ายๆ ธนาคาร ความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำ�ให้มนุษย์ ก้าวหน้าได้โดยแท้
ความพอดี
ความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐาน ของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้น ในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้น เป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิต ที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
๓
ความรู้ตน
๖
พูดจริง ทำ�จริง
การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำ�ให้ เป็นคนมีระเบียบและคนที่ มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถ เล่าเรียนและทำ�การงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว
ผู้หนักแน่นในสัจจะพูด อย่างไร ทำ�อย่างนั้น จึงได้รับ ความสำ�เร็จ พร้อมทั้งความ ศรัทธาเชื่อถือและ ความยกย่องสรรเสริญจาก คนทุกฝ่าย
๙ การเอาชนะใจตน
เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะ กระทำ�สิ่งที่เราทราบว่า เป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกัน ทำ�เช่นนี้ ก็จะช่วยค้ำ�จุน ส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป
หลักการทรงงาน
ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริยท์ น่ี อกจากจะทรงด้วยทศพิธราชธรรมแล้ว ทรงยังเป็นพระราชาทีเ่ ป็นแบบอย่าง ในการดำ�เนินชีวิต และการทำ�งานแก่พสกนิกรของพระองค์และนานาประเทศอีกด้วย ผู้คนต่างประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพของ พระองค์ และมีความสำ�นึกในพระมหากรุณาธิคณ ุ เป็นล้นพ้นอันหาทีส่ ดุ มิได้ ซึง่ แนวคิดหรือหลักการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีความน่าสนใจที่สมควรนำ�มาประยุกต์ใช้กับชีวิตการทำ�งานเป็นอย่างยิ่ง หากท่านใดต้องการปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ท่านสามารถนำ�หลักการทรงงานของพระองค์ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ดังนี้ 1. จะทำ�อะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ ทรงศึกษาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบจากข้อมูลเบื้องต้น ทั้งเอกสาร แผนที่ สอบถามจากเจ้าหน้าที่นกั วิชาการและ ราษฎรในพืน้ ทีใ่ ห้ได้รายละเอียดทีถ่ กู ต้อง เพือ่ นำ�ข้อมูลเหล่านัน้ ไปใช้ประโยชน์ได้จริงอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และตรงตามเป้าหมาย 2. ระเบิดจากภายใน จะทำ�การใดๆ ต้องเริม่ จากคนทีเ่ กีย่ วข้องเสียก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความเข้าใจและอยากทำ�ไม่ใช่การสัง่ ให้ท�ำ คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ท�ำ ก็เป็นได้ ในการทำ�งานนัน้ อาจจะต้องคุยหรือประชุมกับลูกน้อง เพือ่ นร่วมงาน หรือคนในทีมเสียก่อน เพือ่ ให้ทราบถึงเป้าหมายและวิธกี ารต่อไป 3. แก้ปัญหาจากจุดเล็ก ควรมองปัญหาภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมือ่ จะลงมือแก้ปญ ั หานัน้ ควรมองในสิง่ ทีค่ นมักจะมองข้าม แล้วเริม่ แก้ปญ ั หาจากจุดเล็กๆ เสียก่อน เมื่อสำ�เร็จแล้วจึงค่อยๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช้กับการทำ�งานได้โดยมองไปที่ เป้าหมายใหญ่ของงานแต่ละชิ้น แล้วเริ่มลงมือทำ�จากจุดเล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทำ� ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด งานแต่ละชิ้นก็จะลุลวงไปได้ ตามเป้าหมายทีว่ างไว้ “ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ก็ตอ้ งแก้ไขการปวดหัวนีก้ อ่ น มันไม่ได้แก้อาการจริง แต่ตอ้ งแก้ปญ ั หาทีท่ �ำ ให้ เราปวดหัวให้ได้เสียก่อน เพื่อจะให้อยู่ในสภาพที่ดีได้…” 4. ทำ�ตามลำ�ดับขั้น เริม่ ต้นจากการลงมือทำ�ในสิง่ ทีจ่ �ำ เป็นก่อน เมือ่ สำ�เร็จแล้วก็เริม่ ลงมือสิง่ ทีจ่ �ำ เป็นลำ�ดับต่อไป ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ถ้าทำ� ตามหลักนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำ�เร็จได้โดยง่าย… ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเริ่มต้นจากสิ่งที่จำ�เป็นที่สุดของประชาชนเสียก่อน ได้แก่ สุขภาพสาธารณสุข จากนัน้ จึงเป็นเรือ่ งสาธารณูปโภคขัน้ พืน้ ฐาน และสิง่ จำ�เป็นในการประกอบอาชีพ อาทิ ถนน แหล่งน�ำ้ เพือ่ การเกษตร การอุปโภคบริโภค เน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ราษฎรสามารถนำ�ไปปฏิบัติได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด “การพัฒนาประเทศ จำ�เป็นต้องทำ�ตามลำ�ดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐาน คือความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน ใช้วธิ กี ารและอุปกรณ์ทป่ี ระหยัด แต่ถกู ต้องตามหลักวิชา เมือ่ ได้พน้ื ฐานทีม่ น่ั คงพร้อมพอสมควร สามารถปฏิบตั ไิ ด้แล้วจึงค่อย สร้างเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นที่สูงขึ้นโดยลำ�ดับต่อไป…” พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2517 5. ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การพัฒนาใดๆ ต้องคำ�นึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกัน “การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์และ ภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ในสังคมวิทยา คือนิสัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให้คนอื่นคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ� เข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง” 6. ทำ�งานแบบองค์รวม ใช้วิธีคิดเพื่อการทำ�งาน โดยวิธีคิดอย่างองค์รวม คือการมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดอย่างเป็นระบบครบวงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติ เชื่อมต่อกัน มองสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยง 7. ไม่ติดตำ�รา เมือ่ เราจะทำ�การใดนัน้ ควรทำ�งานอย่างยืดหยุน่ กับสภาพและสถานการณ์นน้ั ๆ ไม่ใช่การยึดติดอยูก่ บั แค่ในตำ�ราวิชาการเพราะบางที ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บางครั้งเรายึดติดทฤษฎีมากจนเกินไปจนทำ�อะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เราทำ�บางครั้งต้องโอบอ้อมต่อสภาพ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม และจิตวิทยาด้วย 8. รู้จักประหยัด เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด ในการพัฒนาและช่วยเหลือราษฎร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงใช้หลักในการแก้ปัญหาด้วยความเรียบง่ายและประหยัด ราษฎร สามารถทำ�ได้เอง หาได้ในท้องถิ่นและประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในภูมิภาคนั้นมาแก้ไข ปรับปรุง โดยไม่ต้องลงทุนสูงหรือใช้เทคโนโลยี ที่ยุ่งยากมากนัก ดังพระราชดำ�รัสตอนหนึ่งว่า “…ให้ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูกโดยปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติจะได้ประหยัด งบประมาณ…” 9. ทำ�ให้ง่าย ทรงคิดค้น ดัดแปลง ปรับปรุงและแก้ไขงาน การพัฒนาประเทศตามแนวพระราชดำ�ริไปได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนและที่ สำ�คัญอย่างยิ่งคือ สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนและระบบนิเวศโดยรวม “ทำ�ให้ง่าย”
10. การมีส่วนร่วม ทรงเป็นนักประชาธิปไตย ทรงเปิดโอกาสให้สาธารณชน ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ทุกระดับได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น “สำ�คัญที่สุดจะต้องหัดทำ�ใจให้กว้างขวาง หนักแน่น รู้จักรับฟังความคิดเห็น แม้กระทั่งความวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่นอย่าง ฉลาดนั้น แท้จริงคือ การระดมสติปัญญาละประสบการณ์อันหลากหลายมาอำ�นวยการปฏิบัติบริหารงานให้ประสบผลสำ�เร็จ ที่สมบูรณ์นั่นเอง” 11. ต้องยึดประโยชน์ส่วนรวม ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำ�คัญ ดังพระราชดำ�รัสตอนหนึ่งว่า “…ใครต่อใครบอกว่า ขอให้ เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวม อันนี้ฟังจนเบื่อ อาจรำ�คาญด้วยซ้ำ�ว่า ใครต่อใครมาก็บอกว่าขอให้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้อะไร ขอให้คิดว่าคนที่ให้เป็นเพื่อส่วนรวมนั้น มิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่างเดียว เป็นการให้เพื่อตัวเองสามารถที่จะมีส่วนรวมที่จะอาศัยได้…” 12. บริการที่จุดเดียว ทรงมีพระราชดำ�ริมากว่า 20 ปีแล้ว ให้บริหารศูนย์ศึกษาการพัฒนาหลายแห่งทั่วประเทศโดยใช้หลักการ “การบริการรวม ที่จุดเดียว : One-Stop Service” โดยทรงเน้นเรื่องรู้รักสามัคคีและการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันด้วยการปรับลดช่องว่างระหว่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 13. ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเข้าใจถึงธรรมชาติและต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกับทรัพยากรธรรมชาติ ทรงมองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอียด โดยหากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติจะต้องใช้ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือเราด้วย 14. ใช้อธรรมปราบอธรรม ทรงนำ�ความจริงในเรื่องธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาและปรับปรุง สภาวะที่ไม่ปกติเข้าสู่ระบบที่ปกติ เช่น การบำ�บัดน้ำ�เน่าเสียโดยให้ผักตบชวา ซึ่งมีตามธรรมชาติให้ดูดซึมสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ำ� 15. ปลูกป่าในใจคน การจะทำ�การใดสำ�เร็จต้องปลูกจิตสำ�นึกของคนเสียก่อน ต้องให้เห็นคุณค่า เห็นประโยชน์กับสิ่งที่จะทำ�…. “เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ควรจะปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดินและจะรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง” 16. ขาดทุนคือกำ�ไร หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การเสียสละ” เป็นการกระทำ�อัน มีผลเป็นกำ�ไร คือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร 17. การพึ่งพาตนเอง การพัฒนาตามแนวพระราชดำ�ริ เพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้มีความแข็งแรงพอ ที่จะดำ�รงชีวิตได้ต่อไป แล้วขั้นต่อไปก็คือ การพัฒนาให้ประชาชนสามารถอยู่ในสังคมได้ตามสภาพแวดล้อมและสามารถ พึ่งตนเอง ได้ในที่สุด 18. พออยู่พอกิน ให้ประชาชนสามารถอยู่อย่าง “พออยู่พอกิน” ให้ได้เสียก่อน แล้วจึงค่อยขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะที่ก้าวหน้าต่อไป 19. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาทีใ่ นหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดำ�รัสชีแ้ นะแนวทางการดำ�เนินชีวติ ให้ด�ำ เนินไปบน “ทางสายกลาง” เพือ่ ให้รอดพ้นและสามารถดำ�รงอยูไ่ ด้อย่างมัน่ คงและยัง่ ยืนภายใต้กระแสโลกาภิวตั น์และการเปลีย่ นแปลงต่างๆ ซึง่ ปรัชญานีส้ ามารถ นำ�ไปประยุกต์ใช้ได้ทง้ั ระดับบุคคล องค์กร และชุมชน 20. ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อมทำ�ประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ที่มีความรู้มาก แต่ไม่มี ความสุจริต ไม่มีความบริสุทธิ์ใจ 21. ทำ�งานอย่างมีความสุข ทำ�งานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราทำ�อย่างไม่มีความสุขเราจะแพ้ แต่ถ้าเรามีความสุขเราจะชนะ สนุกกับการทำ�งานเพียง เท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว หรือจะทำ�งานโดยคำ�นึงถึงความสุขที่เกิดจากการได้ทำ�ประโยชน์ให้กับผู้อื่นก็สามารถทำ�ได้ “…ทำ�งาน กับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกัน ในการทำ�ประโยชน์ให้กับผู้อื่น…” 22. ความเพียร การเริ่มต้นทำ�งานหรือทำ�สิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มีความพร้อม ต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่น ดังเช่นพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่เห็นฝั่งก็จะว่ายน้ำ�ต่อไป เพราะถ้าไม่เพียรว่ายก็จะตกเป็นอาหารปู ปลา และ ไม่ได้พบกับเทวดาที่ช่วยเหลือมิให้จมน้ำ� 23. รู้ รัก สามัคคี รู้ คือ รู้ปัญหาและรู้วิธีแก้ปัญหานั้น รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหาและวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรัก ที่จะลงมือทำ� ลงมือแก้ไขปัญหานั้น สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือทำ�คนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกัน ข้อมูลจาก : https://th.jobsdb.com, http://www.crma.ac.th, http://umongcity.go.th
พระบรมราโชบาย
ในหลวงรัชกาลที่
1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง
1.1 มีความรู้ความเข้าใจต่อชาติบ้านเมือง 1.2 ยึดมั่นศาสนา 1.3 มีความมั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์ 1.4 มีความเอื้ออาทรต่อครอบครัว และชุมชนตนเอง
2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง-คุณธรรม
2.1 รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิดชอบ ชั่วดี 2.2 ปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ดีงาม 2.3 ปฏิเสธ สิ่งที่ผิด สิ่งที่ชั่ว 2.4 ช่วยกันสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง
3. มีงานทำ� มีอาชีพ
3.1 การเลี้ยงดูลูกหลานในครอบครัวหรือการฝึกฝนอบรมในสถานศึกษาต้องมุ่งให้ เด็กและเยาวชนรักงาน สู้งาน ทำ�จนงานสำ�เร็จ 3.2 การฝึกฝนอบรมทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตรต้องมีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียน ทำ�งานเป็นและมีงานทำ�ในที่สุด 3.3 ต้องสนับสนุนให้ผู้สำ�เร็จหลักสูตร มีอาชีพมีงานทำ�จนสามารถเลี้ยงตัวเองและ ครอบครัวได้
4. เป็นพลเมืองที่ดี
4.1 การเป็นพลเมืองดี เป็นหน้าที่ของทุกคน 4.2 ครอบครัว-สถานศึกษาและสถานประกอบการต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาส ทำ�หน้าที่เป็นพลเมืองที่ดี 4.3 การเป็นพลเมืองที่ดี คือ เห็นอะไรที่จะทำ�เพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ� เช่น งาน อาสาสมัคร งานบำ�เพ็ญประโยชน์ งานสาธารณกุศล ให้ทำ�ด้วยความมีน้ำ�ใจ และความเอื้ออาทร
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
ปฏิทิน 2563
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
Calendar 2020
มกราคม
January กุมภาพันธ์
อา
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
5 12 19 26
6 13 20 27
7 14 21 28
1 8 15 22 29
4 11 18 25
เมษายน อา
5 12 19 26
จ
6 13 20 27
5 12 19 26
จ
6 13 20 27
3 10 17 24 31
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
2 9 16 23
3 10 17 24
4 11 18 25
5 12 19 26
1 8 15 22 29
April พฤษภาคม
อ
พ พฤ ศ
ส
7 14 21 28
1 8 15 22 29
4 11 18 25
กรกฎาคม อา
2 9 16 23 30
2 9 16 23 30
3 10 17 24
อ
พ พฤ ศ
7 14 21 28
1 8 15 22 29
ตุลาคม
2 9 16 23 30
อา
3 10 17 24 31
จ
4 11 18 25
3 10 17 24 31
4 11 18 25
อา
2 9 16 23 30
จ
3 10 17 24 31
6 13 20 27
7 14 21 28
May
อ
พ พฤ ศ
5 12 19 26
1 8 15 22 29
July สิงหาคม ส
February
อา
อ
4 11 18 25
6 13 20 27
7 14 21 28
ส
2 9 16 23 30
August
พ พฤ ศ
ส
5 12 19 26
1 8 15 22 29
6 13 20 27
7 14 21 28
October พฤศจิกายน November
อา
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
อา
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
4 11 18 25
5 12 19 26
6 13 20 27
7 14 21 28
1 8 15 22 29
3 10 17 24 31
1 8 15 22 29
2 9 16 23 30
3 10 17 24
4 11 18 25
7 14 21 28
2 9 16 23 30
5 12 19 26
6 13 20 27
มีนาคม
March
อา
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
1 8 15 22 29
2 9 16 23 30
3 10 17 24 31
4 11 18 25
7 14 21 28
มิถุนายน
5 12 19 26
6 13 20 27
June
อา
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
7 14 21 28
1 8 15 22 29
2 9 16 23 30
3 10 17 24
6 13 20 27
กันยายน อา
6 13 20 27
4 11 18 25
5 12 19 26
September
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
7 14 21 28
1 8 15 22 29
2 9 16 23 30
5 12 19 26
ธันวาคม
3 10 17 24
4 11 18 25
December
อา
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
6 13 20 27
7 14 21 28
1 8 15 22 29
2 9 16 23 30
5 12 19 26
3 10 17 24 31
4 11 18 25
แผนงานประจำ �ปี 2563 Year Plan 2020 มกราคม
อา จ อ พ พฤ ศ ส อา จ อ พ พฤ ศ ส อา จ อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14
กุมภาพันธ์
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11
มีนาคม
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
เมษายน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14
พฤษภาคม
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
มิถุนายน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16
กรกฎาคม
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14
สิงหาคม
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11
กันยายน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
ตุลาคม
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13
พฤศจิกายน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
ธันวาคม
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
January
February March April
May
June
July
August
September October
November December
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
พ พฤ ศ ส อา จ อ พ พฤ ศ ส อา จ อ พ พฤ ศ ส อา จ 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 www.chan-pao.go.th
มกราคม 2563 January 2020 นพุธ 1 วัWednesday นพฤหัสบดี 2 วัThursday นศุกร์ 3 วัFriday นเสาร์ 4 วัSaturday นอาทิตย์ 5 วัSunday นจันทร์ 6 วัMonday นอังคาร 7 วัTuesday นพุธ 8 วัWednesday นพฤหัสบดี 9 วัThursday นศุกร์ 10 วัFriday นเสาร์ 11 วัSaturday นอาทิตย์ 12 วัSunday นจันทร์ 13 วัMonday นอังคาร 14 วัTuesday นพุธ 15 วัWednesday นพฤหัสบดี 16 วัThursday นศุกร์ 17 วัFriday
วันขึ้นปีใหม่
ขึ้น 8 ค่ำ� เดือน 2
ขึ้น 15 ค่ำ� เดือน 2
วันเด็กแห่งชาติ
นเสาร์ 18 วัSaturday นอาทิตย์ 19 วัSunday นจันทร์ 20 วัMonday นอังคาร 21 วัTuesday นพุธ 22 วัWednesday นพฤหัสบดี 23 วัThursday นศุกร์ 24 วัFriday นเสาร์ 25 วัSaturday นอาทิตย์ 26 วัSunday นจันทร์ 27 วัMonday นอังคาร 28 วัTuesday นพุธ 29 วัWednesday นพฤหัสบดี 30 วัThursday นศุกร์ 31 วัFriday
แรม 15 ค่ำ� เดือน 2
บันทึก Note
แรม 8 ค่ำ� เดือน 2
www.chan-pao.go.th
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
Appointments 08.00
1
Wednesday วันพุธ
2
Thursday วันพฤหัสบดี
3
Friday วันศุกร์
4
Saturday วันเสาร์
10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
มกราคม 2563 January 2020 Appointments 08.00
5
Sunday วันอาทิตย์
6
Monday วันจันทร์
7
Tuesday วันอังคาร
8
Wednesday วันพุธ
10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
Appointments 08.00
9
Thursday วันพฤหัสบดี
10
Friday วันศุกร์
11
Saturday วันเสาร์
12
Sunday วันอาทิตย์
10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
มกราคม 2563 January 2020 Appointments 08.00
13
Monday วันจันทร์
14
Tuesday วันอังคาร
15
Wednesday วันพุธ
16
Thursday วันพฤหัสบดี
10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
Chanthaburi Provincial Administrative Organization
Appointments 08.00
17
Friday วันศุกร์
18
Saturday วันเสาร์
19
Sunday วันอาทิตย์
20
Monday วันจันทร์
10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
Appointments 08.00 10.00 12.00 14.00 16.00 18.00 20.00
www.chan-pao.go.th