คูม ่ อ ื การทาบุญอย่างฉลาด ตอนที่ ๑
"ความเห็นทีต ่ รงถูกต ้อง ิ บุญกิรย เป็ นลักษณะทีต ่ ัดสน ิ าวัตถุทก ุ อย่าง เมือ ่ จะทําบุญอย่างหนึง่ อย่างใดก็ตาม บุญนัน ้ จะมีผลมาก ก็เพราะความเห็นความเข ้าใจถูกตรง" พุทธพจน์
บุญทีแ ่ ท้ - บุญและความหมายแห่งบุญ - บุญ ๑๐ วิธ ี - ความมุง่ หมายแห่งบุญ - การตรวจสอบผลบุญ
ั สงฆทาน - สงั ฆทานคืออะไร - ถวายสงั ฆทานอย่างไรให ้ได ้บุญ
บุญทีแ ่ ท้
คนไทยหายใจเข ้าออกเป็ นบุญ นึกถึงการทําบุญอยูเ่ สมอ ขาดบุญไม่ได ้ แต่มักไม่ ่ เวลาพูดว่า "ทาบุญทาทาน" เรามักเข ้าใจว่า เข ้าใจความหมายของ "บุญ" อย่างเชน
ทําบุญ คือ ถวายข ้าวของแก่พระสงฆ์ สว่ นทําทาน คือ ให ้ข ้าวของแก่คนยากคนจน และยังเข ้าใจจํากัดแต่เพียงว่าต ้องทํากับพระสงฆ์เท่านัน ้ จึงจะเป็ นบุญ บุญ แปลว่า เครือ ่ งชําระจิตใจให ้บริสท ุ ธิส ์ ะอาด หรือ คุณสมบัตท ิ ท ี่ ําให ้บริสท ุ ธิ์ คําว่า "ทาน" แปลว่า การให ้ การสละ การเผือ ่ แผ่แบ่งปั น จะมอบของให ้ใคร หรือจะถวาย ของให ้ใครก็เป็ นบุญทัง้ นัน ้ จะต่างกันก็เพียงว่าได ้บุญมากบุญน ้อยเท่านัน ้ เอง ฉะนัน ้ เวลาพูดว่า ไปทําบุญทําทาน จึงหมายความว่าไปชาํ ระจิตใจให ้สะอาดบริสท ุ ธิ์ ด ้วยการแบ่งปั นสงิ่ ของ (ทานมัย) ซงึ่ เป็ นการแบ่งปั นให ้ใครก็ได ้ และการทําบุญก็ ไม่ได ้มีความหมายแคบๆ แต่เพียงแค่การให ้ทานบริจาคสงิ่ ของ แต่เพียงอย่างเดียว เท่านัน ้
ทาบุญอย่างมีความหมาย บุญ มาจากศัพท์ภาษาบาลีวา่ "ปุญญะ" แปลว่า เครือ ่ ง ํ ่ ิ ชาระจิตใจให ้สะอาดบริสท ุ ธิ์ บุญเป็ นเครือ ่ งจํากัดสงเศร ้า หมองทีเ่ รียกว่า กิเลส ดังนัน ้ การทําบุญจึงเป็ นการชว่ ย ลดละเลิกความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความมีใจคับแคบ ตระหนีถ ่ เี่ หนียว หวงแหน ยึดติดลุม ่ หลงในวัตถุสงิ่ ของ อันเป็ นสาเหตุหนึง่ ของความทุกข์ให ้ออกไปจากใจ ทําให ้ ใจเป็ นอิสระ พร ้อมจะก ้าวต่อไปในคุณความดีอย่างอืน ่ ่ งให ้นํ าเอาคุณสมบัตอ หรือเปิ ดชอ ิ ันดีงามอืน ่ ๆ มาใส่ เพิม ่ เติมแก่ชวี ต ิ เป็ นการยกระดับจิตใจให ้สูงขึน ้ ขณะเดียวกันบุญก็เป็ นสงิ่ ทีท ่ ําให ้เกิดภาวะน่าบูชา คนทีท ่ ําบุญมักเป็ นคนน่าบูชา เพราะเป็ นบุคคลผู ้มีคณ ุ ธรรม มีความดี บุญทําให ้เกิดภาวะน่าบูชา แก่ผู ้ทีท ่ ําบุญ สมํ่าเสมอและเมือ ่ ได ้ทําบุญแล ้ว จิตใจก็อม ิ่ เอิบเป็ นสุขทีป ่ ระณีตลึกซงึ้ ขึน ้ ไป เป็ น ความสุขทีย ่ ั่งยืนยาวนาน และเป็ นความสุขทีส ่ งบ ประณีต หลวงพ่อพุทธทาสพูดถึงวิธท ี ําบุญ ๓ แบบ ว่า เปรียบ เหมือนกับคน ๓ คน เอานํ้ า ๓ ประเภทมาอาบชําระล ้าง ตัว คือ ๑) บุคคลทาบุญเหมือนเอานา้ โคลนมาอาบ คือ คน ั ว์ตัดชวี ต ั ว์ ฆ่าวัว ทีท ่ ําบุญด ้วยการฆ่าสต ิ เบียดเบียนสต ั ว์เหล่านัน ฆ่าควาย ฆ่าเป็ ด ฆ่าไก่ และเอาเนือ ้ สต ้ มาจัด งานบุญเลีย ้ งกัน รวมทัง้ มีเลีย ้ งสุรายาเมาด ้วย จน บางครัง้ เกิดการทะเลาะวิวาททําร ้ายกัน เหล่านีเ้ ป็ นการ ทําบุญด ้วยการทําบาป เหมือนกับเอานํ้ าโคลนมาชําระตัว จะสะอาดได ้อย่างไร
๒) บุคคลทาบุญเหมือนเอานา้ เจือด้วยแป้งหอมมาอาบ คือ คนทีท ่ ําบุญด ้วย อุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นในบุญเป็ นอย่างมาก เมาสวรรค์ เมาวิมาน เป็ นการทําบุญด ้วย ่ นัน ่ นี้ เหมือนเอานํ้ าทีเ่ ป็ น กิเลสหรือความยึดติดอย่างรุนแรง ทําแล ้วหวังผลเชน ้ เชน เครือ ่ งหอมมาอาบชําระกาย จะสะอาดได ้อย่างไร ๓) บุคคลทาบุญเหมือนเอานา้ สะอาดมาอาบ คือ คนทีท ่ ําบุญด ้วยใจสงบร่มเย็น ไม่ได ้ยึดมั่นถือ มั่นสงิ่ นัน ้ ว่าเป็ นตัวเราของเรา (อาจจะมีบ ้าง เหมือนกัน แต่ไม่ได ้เป็ นเหตุจริงจังให ้จิตฟุ้ งซา่ น ั่ ไหว หรือยึดติดเป็ นอุปาทาน) เหมือนคนเอา สน นํ้ าสะอาดมาอาบ ย่อมสะอาดกว่าบุคคล ๒ ประเภทแรก เราทําบุญแล ้วเป็ นแบบไหน หรือ จะเป็ นแบบ ไหน ต ้องเลือกพิจารณาดูให ้ดี ๆ
บุญคือการสร้างสรรค์ชุมชน มีเรือ ่ งเล่าในพระไตรปิ ฎกว่า ทีห ่ มูบ ่ ้านเล็ก ๆ แห่ง หนึง่ ชาวบ ้านกําลังร่วมกันทํางานในชุมชน อย่าง ขมักเขม ้น มฆมาณพชว่ ยงานอยูแ ่ ถวนัน ้ ก็ทํา ความสะอาดทีพ ่ ัก เพือ ่ เตรียมตัวจะพักกลางวัน จนสะอาดเรียบร ้อยน่าพักผ่อน ต่อมามีคนเห็นว่า จุดทีม ่ ฆมาณพทําความสะอาด เป็ นสถานทีน ่ ่า พักผ่อนก็เข ้ามาใช ้ มฆมาณพก็ต ้องออกไปแต่ไม่ โกรธ จากนัน ้ มฆมาณพ ก็ไปชําระทําความสะอาด ่ นี้ พร ้อม ทีจ ่ ด ุ อืน ่ ต่อ แล ้วถูกคนอืน ่ แย่งเอาทีไ่ ปอีก ก็ไม่โกรธ คงย ้ายทีไ่ ปเรือ ่ ย ๆ เชน กับคิดว่าคนเหล่านีไ ้ ด ้รับความสุขก็ดแ ี ล ้ว เขามีความสุขจากทีข ่ องเราจากการกระทํา ของเรา การกระทําของเราเป็ นการกระทําทีเ่ ป็ นบุญ บุญนีจ ้ งึ ให ้ความสุขแก่เราด ้วย ่ นี้ เป็ นเหตุให ้กลับบ ้านคํา่ มืด เพือ มฆมาณพทําความสะอาดทีส ่ าธารณะเชน ่ นบ ้านถาม ว่าไปทําอะไรมา ก็ตอบว่า "ไปทําบุญชําระทางสวรรค์" ต่อมามีชายหนุ่มในหมูบ ่ ้าน เห็นด ้วยกับวิธก ี ารทําบุญแบบนี้ ก็มาชว่ ยมฆมาณพมากมายรวมเป็ นกลุม ่ ถึง ๓๓ คน ตัวมฆมาณพเอง ต่อมาก็กลายเป็ นหัวหน ้ากลุม ่ ทําบุญ ด ้วยการสร ้างสรรค์ชม ุ ชน ก็ ่ ื ั ได ้รับความเชอถือจากชาวบ ้านเป็ นอย่างดี เขาจึงชกชวนชาวบ ้านให ้มีความ เอือ ้ เฟื้ อเผือ ่ แผ่แบ่งปั นกันและกัน และร่วมกันละเว ้นจากอบายมุข สุรายาเมา สงิ่ เสพ ี กันทั่วหน ้า ติดและการพนัน จนชาวบ ้านหันมาถือศล
ยังไม่หมดแค่นัน ้ ชาวบ ้านในหมูบ ่ ้านนีย ้ ังรวมตัวกันพัฒนา ปรับถนนหนทาง สร ้าง ศาลาทีพ ่ ักตามทาง ขุดบ่อนํ้ า สร ้างสะพาน ปลูกไม ้พุม ่ ไม ้กอ ไม ้ดอกไม ้ประดับต่าง ๆ จนเกิดความสวยงาม มฆมาณพและเพือ ่ น ๆ ผู ้เป็ นนักทําบุญทัง้ หลายได ้ทําบุญด ้วยการสร ้างสรรค์ชม ุ ชน ่ ้ ิ ี เชนนี้ เมือ ่ สนชวต ิ ไปแล ้วได ้ไปเกิดในสวรรค์ ตัวมฆมาณพผู ้เป็ นหัวหน ้านักทําบุญ ไป ั กะ คือพระอินทร์ในกาลต่อมา เกิดเป็ นท ้าวสก แม ้แต่การชว่ ยกันบริการสถานทีส ่ าธารณะในชุมชนให ้เกิดความสะอาด สะดวกสบาย ก็ยังเป็ นบุญ การทําบุญจึงสามารถทําได ้ไม่จํากัดสถานที่ ไม่จํากัดกาล และยังมี รูปแบบวิธก ี ารทีส ่ ร ้างสรรค์มากมาย
บุญ ๑๐ วิธ ี ตามหลักพุทธศาสนา มีการทําบุญด ้วยกัน ๑๐ วิธ ี เรียกว่า บุญกิรย ิ าวัตถุ ๑๐ (สงิ่ ทีเ่ ป็ นทีต ่ งั ้ แห่งการ ทําบุญ ๑๐ ประการ) คือ ๑. ให้ทาน แบ่งปั นผู ้อืน ่ ด ้วยสงิ่ ของ ไม่วา่ จะให ้ ใครก็เป็ นบุญ (ทานมัย) การให ้ทาน เป็ นการชว่ ย ขัดเกลา ความเห็นแก่ตัว ความคับแคบ ความ ตระหนีถ ่ เี่ หนียว และความติดยึดในวัตถุ นอกจากนี้ สงิ่ ของทีเ่ ราแบ่งปั นออกไป ก็จะเป็ นประโยชน์กบ ั ่ บุคคล หรือชุมชนโดยสวนรวม
ี ก็เป็ นบุญ (ศล ี มัย) เป็ นการฝึ กฝนทีจ ๒. ร ักษาศล ่ ะ ลด ละ เลิก ความชวั่ ไม่ไปเบียดเบียนใคร มุง่ ทีจ ่ ะทําความดี เอือ ้ เฟื้ อเผือ ่ แผ่ผู ้อืน ่ เป็ นการหล่อเลีย ้ งบ่มเพาะให ้เกิด ความดีงาม และพัฒนาคุณภาพชวี ต ิ ไม่ให ้ตกตํา่
๓. เจริญภาวนา ก็เป็ นบุญ (ภาวนามัย) การภาวนา เป็ นการพัฒนาจิตใจ และปั ญญา ทําให ้จิตสงบ ไม่มี กิเลส ไม่มเี รือ ่ งเศร ้าหมอง เห็นคุณค่าสงิ่ ต่าง ๆ ตาม ความเป็ นจริง ผู ้ทีภ ่ าวนาอยูเ่ สมอย่อมเป็ น หลักประกันว่า จิตจะมีความสงบ ชวี ต ิ มีความสุข คุณภาพชวี ต ิ ดีขน ึ้ สูงขึน ้
๔. อ่อนน้อมถ่อมตน ผู ้น ้อยอ่อนน ้อมถ่อมตนต่อ ผู ้ใหญ่ ผู ้ใหญ่ก็แสดงออกในความมีเมตตาต่อ ผู ้น ้อย และต่างก็ออ ่ นน ้อมต่อผู ้มีคณ ุ ธรรม รวมถึง การให ้เกียรติ ให ้ความเคารพในความแตกต่างซงึ่ ื่ และวิถป กันและกัน ทัง้ ในความคิดความเชอ ี ฏิบัต ิ ของบุคคลและสงั คมอืน ่ เป็ นการลดความยึดมั่นถือ มั่น ในความเป็ นตัวตน ก็เป็ นบุญ (อปจายน มัย) ั ่ ยเหลือสงคมรอบข้ ๕. ชว าง ชว่ ยเหลือสละ แรงกายเพือ ่ งานสว่ นรวม หรือชว่ ยงานเพือ ่ น บ ้าน ทีต ่ ้องการความชว่ ยเหลือ ก็เป็ นบุญ (ไวยาวัจจมัย)
๖. เปิ ดโอกาสให้คนอืน ่ มาร่วมทาบุญก ับเรา หรือในการทํางาน ก็เปิ ดโอกาสให ้คนอืน ่ มีสว่ น ร่วมทํา - ร่วมแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงการ อุทศ ิ สว่ นบุญ ให ้แก่ผู ้ทีล ่ ว่ งลับไปแล ้วด ้วย ก็เป็ น บุญ (ปั ตติทานมัย)
๗. ยอมร ับและยินดีในการทาความดี (หรือ ทาบุญ) ของผูอ ้ น ื่ เป็ นการเปิ ดโอกาสร่วมใจ อนุโมทนา ในการกระทําความดีของผู ้อืน ่ ก็เป็ นบุญ (ปั ตตานุโมทนามัย)
๘. ฟังธรรม บ่มเพาะ สติปัญญาให ้สว่างไสว ฟั ง ธรรมะ ฟั งเรือ ่ งทีด ่ ี มีประโยชน์ตอ ่ สติปัญญา หรือมี ประโยชน์ตอ ่ การดําเนินชวี ต ิ ทีด ่ ี เป็ นความจริง ความดี ความ งาม ก็เป็ นบุญ (ธรรมสวนมัย)
๙. แสดงธรรม ให ้ธรรมะ และข ้อคิดทีด ่ ี กับผู ้อืน ่ แสดงธรรม นํ าธรรมะไปบอกกล่าว เผือ ่ แผ่ให ้คน อืน ่ ได ้รับฟั ง ให ้เขาได ้รู ้จักวิธก ี ารดําเนินชวี ต ิ ทีด ่ ี เป็ นเรือ ่ งของความจริง ความดี ความงาม ก็เป็ น บุญ (ธรรมเทศนามัย) ๑๐. ทาความเห็นให้ถก ู ต้อง และเหมาะสม มี การปรับทิฏฐิ แก ้ไขปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น ั มา - ความเข ้าใจให ้ถูกต ้องตามธรรม ให ้เป็ นสม ทัศนะอยูเ่ สมอ เป็ นการพัฒนาปั ญญาอย่างสําคัญ ก็เป็ นบุญ (ทิฏฐุชก ุ รรม)
ั ทิฏฐุชุกรรม หรือ สมมาท ัศนะ เป็ นสงิ่ ทีข ่ าดไม่ได ้ในการทําบุญทุกชนิด และทุก โอกาส จะต ้องประกบและประกอบเข ้ากับบุญกิรย ิ าวัตถุข ้ออืน ่ ทุกข ้อ เพือ ่ ให ้งานบุญ ข ้อนัน ้ ๆ เป็ นไปอย่างถูกต ้องตามความหมายและความมุง่ หมาย พร ้อมทัง้ ได ้ผลถูก ทาง
บุญและความมุง ่ หมายแห่งบุญ ๓ ระด ับ ๑. เราทาบุญก็เพือ ่ ประโยชน์สข ุ ปัจจุบ ัน (ทิฏฐธัมมิกต ั ถะ) คือ เพือ ่ ให ้เกิดลาภ บริวาร สถานภาพความเป็ นอยู่ ความสุข คําชมเชย สนองตอบกลับมา นั่นคือคุณภาพ ชวี ต ิ ทีด ่ ี เศรษฐกิจทีด ่ ี และการยอมรับทีด ่ จ ี ากสงั คมรอบข ้างทีเ่ ราอยู่ ทีส ่ ด ุ ก็เพือ ่ ให ้ คนเรารู ้จักเห็นอกเห็นใจกัน ชว่ ยเหลือกันฉั นพีน ่ ้อง คนทีเ่ ดือดร ้อนก็ได ้รับการดูแลเอา ใจใส่ ไม่ถก ู ทอดทิง้ มีชวี ต ิ อยูร่ ว่ มกันเป็ นสงั คมทีม ่ ค ี วามสุข เพราะคนเราในโลกต ้อง เรียนรู ้ทีจ ่ ะอยูร่ ว่ มกันด ้วยความเอือ ้ อาทรต่อกัน จะอยูแ ่ บบตัวใครตัวมันไม่ได ้ ั ปรายิกต ้ (สม ๒. เราทาบุญเพือ ่ ประโยชน์สข ุ ทีส ่ ง ู ขึน ั ถะ) นั่นคือในระดับจิตทีส ่ งู ขึน ้ ี ธรรม ไป เพือ ่ เราจะได ้เรียนรู ้ทีจ ่ ะพัฒนาตัวเอง ให ้เจริญเติบโตขึน ้ มาเป็ นบุคคลทีม ่ ศ ี ล มีคณ ุ ธรรม มีจต ิ ใจเอือ ้ เฟื้ อเผือ ่ แผ่ มีความอบอุน ่ ซาบซงึ้ สุดใจด ้วยศรัทธา ภาคภูมใิ จ อิม ่ ใจ แกล ้วกล ้ามั่นใจในชวี ต ิ ทีไ่ ด ้ทําบุญ โดยกินความรวมถึงจุดหมายต่อมาเมือ ่ ละ โลกนีไ ้ ปแล ้วด ้วย
๓. เราทาบุญเพือ ่ ประโยชน์อย่างยิง่ (ปรมัตถะ) คือ ประโยชน์ทเี่ ป็ นสาระแท ้จริง ของชวี ต ิ ได ้แก่ การรู ้แจ ้งสภาวะของสงิ่ ทัง้ หลายตามความเป็ นจริง รู ้เท่าทันคติ ธรรมดาของโลกของสงั ขารธรรม ไม่ตกเป็ นทาสของโลกและชวี ต ิ มีจต ิ เป็ นอิสระ ปลอดโปร่งผ่องใส ไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนปรวนแปรของชวี ต ิ หรือการ พรัดพรากจากสงิ่ อันเป็ นทีร่ ักในชวี ต ิ ไม่ถก ู บีบคัน ้ โดยความยึดมั่นของตนเอง เย็น สว่างไสวโดยสมบูรณ์ ความมุง่ หมายของบุญทัง้ ๓ ระดับนี้ เราจะเห็นได ้จาก พิธก ี รรมทางพุทธศาสนาทีม ่ งุ่ ประโยชน์ทงั ้ ๔ ด ้าน ได ้แก่ ด ้านวัตถุ หรือความเป็ นอยู่ ด ้านสงั คม ซงึ่ รวมถึง ั พันธ์ด ้านจิตใจ และด ้านปั ญญา พฤติกรรมความเอือ ้ เฟื้ อ เผือ ่ แผ่เกือ ้ กูลกัน ความสม ทัง้ หมดนีล ้ ้วนมีคณ ุ ค่าต่อคุณภาพชวี ต ิ และสงั คม อันไม่อาจขาดด ้านใดด ้านหนึง่ ไปได ้ พูดง่าย ๆ คือพิธก ี รรมทางพุทธศาสนามุง่ ให ้เกิดประโยชน์ครบถ ้วน อย่างเป็ นองค์รวม ตามความมุง่ หมาย ่ ลอยกระทง ประโยชน์ทงั ้ ๔ ด ้านนีเ้ รายังเห็นได ้จากประเพณีพธิ ก ี รรมของชุมชน เชน บุญบัง้ ไฟ กล่าวคือ ไม่เพียงแต่มจ ี ด ุ มุง่ หมายอนุรักษ์ลํานํ้ าหรือเพือ ่ ให ้ฝนฟ้ าตกต ้อง ตามฤดูกาล อันเป็ นเรือ ่ งเกีย ่ วกับชวี ต ิ ความเป็ นอยูโ่ ดยตรงเท่านัน ้ ยังเอือ ้ ให ้เกิดความ สนิทสนมกลมเกลียวในชุมชน และมีกจิ กรรมทางศาสนาเพือ ่ ให ้เกิดความมั่นใจในชวี ต ิ รวมทัง้ มีการปลูกฝั งตอกยํ้าทัศนคติทเี่ คารพธรรมชาติ และจิตสํานึกต่อชุมชน ซงึ่ ล ้วน เป็ นคติทส ี่ ําคัญในการดําเนินชวี ต ิ โดยสรุปแล ้ว ปุถช ุ นคนเราทําบุญก็เพือ ่ "ต ัวเอง" แต่คงดีกว่าถ ้าเราทําบุญเพือ ่ "พ ัฒนาจิต" และคงดียงิ่ ขึน ้ ไปอีก ถ ้าเราทําบุญเพือ ่ พัฒนา "สติปญ ั ญา" ไปด ้วย และคงดีทส ี่ ด ุ ถ ้าเราชว่ ยกันทําบุญทุกรูปแบบ (บุญกิรย ิ าวัตถุ ๑๐) เพือ ่ ชว่ ยเหลือสงั คมให ้สงบสุข และดีไปด ้วยพร ้อม ๆ กัน
การตรวจสอบผลแห่งบุญ การวัดว่าได ้บุญมาก - บุญน ้อย มีหลักเกณฑ์สําหรับ วัดอยู่ ๓ ประการ คือ ี มีคณ ๑. ปฏิคาหก คือ ผูร้ ับ เป็นผูม ้ ศ ี ล ุ ธรรม มี ความดีี เราก็ได ้บุญมาก ทัง้ นีไ ้ ม่จํากัดว่า ปฏิคาหก จะต ้องเป็ นพระสงฆ์เสมอไป อาจเป็ นสามเณร แม่ช ี หรือคฤหัสถ์ชาวบ ้านก็ได ้ แต่หากปฏิคาหกเป็ นคนไม่ ี เราก็ได ้บุญน ้อย เพราะเขาอาจอาศัยผลจาก มีศล ่ ได ้อาหารไปกิน มีแรง ก็หันไปทําการร ้ายได ้อีก อย่างนี้ ของทีเ่ ราให ้ไปทําไม่ด ี เชน เราก็ได ้บุญน ้อย
๒. ว ัตถุสงิ่ ของทีม ่ อบให้ มีความบริสท ุ ธิ์ ได ้มาโดยสุจริต เป็ นของดีมป ี ระโยชน์ มี ่ ถวายจีวรแก่พระสงฆ์ ให ้เสอ ื้ ผ ้าแก่เด็ก ๆ คุณค่า และมีความเหมาะสมกับผู ้รับ เชน ่ นีย เชน ้ อ ่ มได ้บุญมาก ี มีธรรม มีเจตนาทีเ่ ป็นบุญเป็นกุศล ตัง้ ใจดี ยิง่ ถ ้า ๓. ทายกคือผูใ้ ห้ เป็นผูม ้ ศ ี ล เจตนานัน ้ ประกอบด ้วยปั ญญาก็มค ี ณ ุ สมบัตด ิ ป ี ระกอบมากขึน ้ ก็ยงิ่ เป็ นบุญมากขึน ้
ยังมีวธิ ต ี รวจสอบบุญทีส ่ มบูรณ์อก ี วิธห ี นึง่ โดยการตรวจสอบด ้านจิตใจของผู ้ให ้ว่ามี เจตนาเป็ นอย่างไรบ ้าง คือ ๑. เจตนาก่อนให้ (บุพเจตนา) ตัง้ แต่ตอนแรก เริม ่ ต ้น ตัง้ ใจดี มีศรัทธา มีความ เลือ ่ มใส จิตใจเบิกบาน ตัง้ ใจทําจริง มีศรัทธามาก ๒. เจตนาขณะให้ หรือขณะถวายของให ้ ก็จริงใจจริงจัง ตัง้ ใจทําด ้วยความเบิกบาน ผ่องใส มีปัญญา รู ้ เข ้าใจ (มุญจนเจตนา) ้ เมือ ๓. เมือ ่ มอบของไปแล ้ว หรือถวายของให ้แล ้ว หลังจากนัน ้ ระลึกขึน ่ ใด จิตใจก็ ้ เกิดความภูมใิ จในทานทีใ่ ห ้ไปว่าเป็ นประโยชน์ตอ อิม ่ เอิบผ่องใสขึน ่ ผู ้รับจริง ๆ ระลึก ได ้เมือ ่ ใดก็ได ้บุญเพิม ่ ขณะนัน ้ แล (อปราปรเจตนา) ทัง้ หมดนีค ้ อ ื องค์ประกอบทีจ ่ ะทําให ้เราได ้บุญมากหรือน ้อย
ละบาปก่อนทาบุญ เมือ ่ เราไปทําบุญทีว่ ัดไม่วา่ จะเป็ น ทอดกฐิน ทอดผ ้าป่ า ถวายสงั ฆทาน ถวาย พระพุทธรูป หรือแม ้แต่นม ิ นต์พระมาทําบุญทีบ ่ ้าน รวมทัง้ งานพิธก ี รรมต่าง ๆ ก็ต ้อง ี ๕ เสย ี ก่อนทุกครัง้ นั่นเป็ นเครือ เริม ่ ต ้นด ้วยการสมาทานศล ่ งหมายอย่างหนึง่ ว่า จะ ี ในธรรม เพือ ทําบุญทัง้ ทีก็ต ้องเริม ่ ต ้นละบาปกันก่อน คือการเข ้ามาอยูใ่ นศล ่ ว่าการ ์ งู ทําบุญนัน ้ จะได ้เกิดอานิสงสส ี ก่อนทําบุญทุกครัง้ ก็เปรียบได ้กับการเตือนสติคนทําบุญ ให ้ การสมาทานศล ระมัดระวังการทําชวั่ ทําบาป เมือ ่ ตัง้ ใจทําบุญแล ้ว ก็มค ิ วรพลัดหลงกลับไปทําบาป เบียดเบียนใครอีก หรืออีกนัยหนึง่ คือละบาปก่อนทําบุญนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ั ว์ตัดชวี ต การฆ่าสต ิ มาทําบุญ หรือหนทางใด ๆ ทีจ ่ ะเป็ นการเบียดเบียนผู ้อืน ่ ทําความ เดือดร ้อนให ้ผู ้อืน ่ เพียงเพือ ่ จะนํ าเหตุปัจจัยเหล่านัน ้ ไปทําบุญก็เป็ นสงิ่ ทีไ่ ม่เหมาะสม อย่างยิง่ เพราะจะกลายเป็ นการทําบุญทีข ่ าดทุนคือได ้บาปมากกว่าได ้บุญ แม ้แต่ โอวาทปาฏิโมกข์ ซงึ่ เป็ นคําสอนอันเป็ นหัวใจของพระพุทธศาสนา ในการ ่ ระนิพพาน ทีม ปฏิบัตต ิ นไปสูพ ่ ใี จความ ๓ ประการ ว่า
๑. การไม่ทําความชวั่ ทัง้ ปวง ๒. การบําเพ็ญแต่ความดี ๓. การทําจิตของตนให ้ผ่องใส
่ กัน หาไม่แล ้วการทําบุญ คําสอนดังกล่าวนีย ้ ังต ้องเริม ่ ต ้นด ้วยการละเลิกทําชวั่ ก่อนเชน ไปด ้วย ทําบาปไปด ้วยก็คงไม่มค ี วามหมายอะไรแก่ชวี ต ิ
ั สงฆทาน
ั สงฆทานคื ออะไร คือ การถวายสงิ่ ของแก่หมูพ ่ ระภิกษุ สงฆ์ เป็ นการถวายกลาง ๆ ไม่จําเพาะเจาะจง ิ ธิใ์ ชสอยส ้ ภิกษุ รป ู หนึง่ รูปใด เมือ ่ ถวายให ้แล ้วก็ถอ ื ว่า พระภิกษุ สงฆ์ทก ุ รูปมีสท งิ่ ของ เหล่านัน ้ ตามสะดวก อาจจะมีเพียงตัวแทนสงฆ์เพียงรูปเดียวมารับประเคน ก็ถอ ื ว่าเป็ น สงั ฆทานเหมือนกัน มีทานอีกรูปแบบหนึง่ ทีค ่ ล ้าย ๆ สงั ฆทาน เป็ นทานทีม ่ อ ี าณาเขตกว ้างขวางกว่า คือ ทานทีใ่ ห ้แก่หมูพ ่ วกทีไ่ ม่เฉพาะกลุม ่ บุคคลใดบุคคลหนึง่ เรียก สาธารณทาน เป็ นทาน ทีไ่ ม่จํากัดเฉพาะในรัว้ วัด เป็ นการให ้ทีไ่ ม่มข ี อบเขต สงั ฆทานเป็ นสว่ นหนึง่ ของสา ่ กัน ธารณทานเชน สว่ นการถวายทานทีใ่ ห ้เฉพาะพระภิกษุ สงฆ์รป ู นัน ้ รูปนี้ เรียก ปาฏิปค ุ คลิกทาน มี ์ อานิสงสน ้อยกว่าทานสองประเภทข ้างต ้น เพราะเป็ นการจํากัดเฉพาะบุคคลว่าต ้อง ์ ากกว่า เป็ นคนนัน ้ คนนี้ การให ้ทานแก่สว่ นรวมย่อมได ้อานิสงสม คราวทีพ ่ ระนางปชาบดีโคตมี พระแม่น ้าของพระพุทธเจ ้าปั่ นฝ้ ายทอเป็ นจีวร แล ้ว นํ าไปย ้อมตัง้ ใจถวายแด่พระพุทธเจ ้า แต่พระพุทธเจ ้าไม่ทรงรับ ตรัสว่าให ้ถวายแก่ ี ใจ แต่เมือ สงฆ์คอ ื หมูพ ่ ระแทน พระนางเสย ่ ทราบว่าถวายแก่สงฆ์มผ ี ลมาก นางจึง คลายความเศร ้าโศก ี างท่าน ฆราวาสบางคน ทํางานให ้กับชุมชนไม่รู ้จักเหน็ ดจัก พระสงฆ์บางรูป แม่ชบ เหนือ ่ ยความคิดในทางสะสมเพือ ่ ตัวเองไม่มี บางท่านก็เลีย ้ งเด็กกําพร ้า บางท่านทัง้ ้ พย์นัน เลีย ้ งทัง้ สอน เมือ ่ เราบริจาคทรัพย์ให ้ท่าน ท่านก็ใชทรั ้ ให ้เป็ นประโยชน์ ไปกับ กิจการชว่ ยเหลือสงั คมทีอ ่ ยู่ ท่านเป็ นเพียงคนกลางทีค ่ อยแบ่งปั นจากคนมั่งมีเพือ ่ แจกจ่ายแก่ผู ้ขาดแคลน การทําบุญกับผู ้ทําประโยชน์แก่ชม ุ ชน นับเป็ นสงั ฆทานทีไ่ ด ้ ่ ้อย เพราะบุญได ้แผ่ขยายกว ้างออกไป ชว่ ยให ้คุณภาพชวี ต บุญไม่ใชน ิ ของผู ้ทุกข์ยาก เหล่านัน ้ ดีขน ึ้ และเป็ นการชว่ ยสงั คมไปด ้วยในตัว เดีย ๋ วนีเ้ วลาพูดถึง "สงั ฆทาน" พวกเราจะนึกถึงถังสเี หลือง ๆ ภายในบรรจุข ้าวของ ้ เครือ ่ งใชเยอะแยะมากมาย จนล ้นออกมาปากถัง แล ้วมีพลาสติคใสหุ ้มทับอีกที
แท ้จริงแล ้วของทีจ ่ ะถวายหมูพ ่ ระสงฆ์โดยไม่เจาะจงทีเ่ รียกว่า สงั ฆทาน นัน ้ คืออะไร ก็ได ้ทีเ่ หมาะกับชวี ต ิ สมณะ ไม่จําเป็ นต ้องเป็ นถังเหลือง ๆ ทีว่ างขายตามหน ้าร ้าน สงั ฆภัณฑ์เสมอไป ื้ ไปถวายพระสงฆ์นัน แต่สําหรับ "สงั ฆทานถังเหลือง" ทีช ่ าวพุทธนิยมซอ ้ ท่านทราบ ่ ิ ิ หรือไม่วา่ มีบางสงบางอย่างไม่ชอบมาพากลอยูใ่ นนัน ้ เรามาดูซวา่ ในถังสงั ฆทานส ี เหลือง ๆ หนึง่ ใบ มีอะไรอยูข ่ ้างในนัน ้ บ ้าง "ถังเหลือง ๆ" ทีม ่ วี างขายตามร ้านสงั ฆภัณฑ์นัน ้ บาง ื พิมพ์ หรือกระดาษแข็งเข ้าไว ้เต็ม ร ้านจะยัดหนังสอ ้ ง กระป๋ อง สว่ นทีเ่ ป็ นสงั ฆทาน หรือข ้าวของเครือ ่ งใชจริ ๆ จะถูกบรรจุไว ้แถวขอบปากถัง เพือ ่ ให ้ดูวา่ มีของใช ้ มากมายจนล ้นปากถัง แล ้วเอาพลาสติคใสหุ ้มอีกที ้ กอ เพือ ่ ไม่ให ้ของล ้นจนหก แท ้จริงแล ้วมีของใชไม่ ี่ ย่าง เท่านัน ้ เอง ้ บ ่ ข ้าวของเครือ ่ งใชที ่ รรจุมักเป็ นของคุณภาพตํา่ เชน ั ฟอก ธูปเทียนคุณภาพตํา่ แปรงสฟ ี ั นทีข หางผงซก ่ นแปรงแข็งโป๊ ก ผ ้าอาบนํ้ าฝนที่ บางเบา จนน่าวิตกว่า พระนุ่งสรงนํ้ าเมือ ่ ใดคงได ้โป๊ แต่ไม่เปลือยเมือ ่ นัน ้ หรือบางที ่ าพอเป็ นพิธ ี คือขนาดกว ้างยาวไม่เกิน ๑ เมตร ที่ อาจเป็ นผ ้าอาบนํ้ าฝนสเี หลือง ทีใ่ สม ้ ี ําละลายเกลือ ข ้าวสารที่ นํ ามาใชประโยชน์ ไม่ได ้ นํ้ าปลาราคาถูกทีด ่ อ ู อกว่าเป็ นนํ้ าสด ่ าแค่ถงุ เล็ก ๆ หยิบมือเดียวพอเป็ นพิธเี หมือนกับผ ้าอาบนํ้ าฝนทีถ ่ า และ ใสม ่ ก ู ใสม ่ าให ้เป็ น บางครัง้ ก็เป็ นเศษข ้าวสารหัก ถ ้าสงั เหตุดด ู ี ๆ บางกระป๋ องจะมีเกลือป่ นใสม ิ ถุง ใสเ่ พือ ่ องใชอื้ น สบ ่ เกลือป่ นจะได ้กินพืน ้ ทีเ่ ยอะ ๆ จะได ้ไม่ต ้องใสข ่ เพิม ่ เติม นอกจากนีข ้ ้าวของทีไ่ ม่จําเป็ นอืน ่ ๆ ก็มใี บชารสเข ้มข ้นทีค ่ วามเป็ นจริงแล ้ว พระและ สามเณรไม่คอ ่ ยชงฉั นกันเลย และมักจะถูกทิง้ ไปอย่างไม่ได ้ประโยชน์ นํ้ าขวดทีม ่ ี ั ฟอก อันเนือ ั ฟอก ๑ กลิน ่ ผงซก ่ งมาจากการบรรจุอยูใ่ นกระป๋ องทีอ ่ ับ พร ้อมด ้วยผงซก ั ฟอกเข ้าไปในขวดนํ้ า กลายเป็ นนํ้ าทีม กล่อง เมือ ่ อากาศร ้อนทําให ้กลิน ่ ของผงซก ่ ี ั ฟอก ไม่เหมาะแก่การบริโภคในเวลาต่อมา กล่องสบูก กลิน ่ ผงซก ่ ็เป็ น "บริขารล ้นวัด" ิ้ หนึง่ มีกล่องหนึง่ ก็ใชได ้ ้เกือบตลอดชวี ต อีกชน ิ ของการเป็ นพระ ไม่จําเป็ นต ้องถวาย บ่อยก็ได ้ ได ้มาก็ล ้นวัดไม่รู ้จะเอาไปไว ้ไหนดี ั ื้ ความไม่ชอบมาพากลของ "สงฆทานถ ังเหลือง" เกิดจากความทีเ่ ราไม่รู ้ว่าจะซอ อะไรไปถวายพระดี เลยต ้องอาศัยเครือ ่ งสงั ฆทานทีม ่ จ ี ําหน่ายตามร ้านบรรจุให ้ ํ ์ สาเร็จรูป เพือ ่ จะได ้ไม่ต ้องเล่นเกมสเดาใจพระ อีกทัง้ การบรรจุกระป๋ องก็ทํามาให ้ ื้ ปุ๊ปก็ถอ เรียบร ้อยสวยงาม ซอ ื ไปถวายปั๊ บ เข ้ากับยุคสมัยบริโภคนิยมพอดี ไม่ต ้อง ี เวลาไปซอ ื้ หามาประกอบให ้ลําบาก เสย ื้ ไม่ได ้ใช ้ คนใชไม่ ้ ได ้ซอ ื้ ก็เลยเป็ นชอ ่ งว่าง ทีเ่ ปิ ดโอกาสทองให ้กับ แต่ความทีค ่ นซอ ั ื้ ไม่มท ร ้านค ้า เอารัดเอาเปรียบผู ้บริโภคโดยอัตโนมัต ิ คนซอ ี างรู ้หรอกว่า "สงฆทาน ื้ ไปถวายพระ ข ้างในมีของทีจ ั กีอ ถ ังเหลือง" ทีซ ่ อ ่ ําเป็ นสําหรับพระจริง ๆ สก ่ ย่าง มี ของทีม ่ ค ี ณ ุ ภาพมากแค่ไหน หรือมีจํานวนสงิ่ ของทีค ่ ุ ้มกับราคาทีร่ ้านค ้าตัง้ ไว ้หรือไม่
สว่ นพระสงฆ์นัน ้ เล่า เมือ ่ รับประเคนสงั ฆทานเสร็จ โยมลากลับเปิ ดกระป๋ องออกดู เจอ ้ ้เพียงไม่กช ิ้ ซํ้าของบางอย่างก็ไม่มค แต่สงิ่ ของทีใ่ ชได ี่ น ี ณ ุ ภาพ บ่อยครัง้ ทีต ่ ้องจ่าย ื้ หามาใชเอง ้ ่ าเต็มใต ้กระป๋ อง จะ ปั จจัยไปซอ หรือบางครัง้ ก็มแ ี ต่ม ้วนกระดาษชําระใสม ี แล ้ว บอกให ้โยมรับรู ้แต่โยมก็กลับบ ้านไปเสย
ั ถวายสงฆทานอย่ างไรให้ได้ บุญ ถึงเวลาต ้องมา ทบทวน การทําสงั ฆทาน ี ที สงั ฆทานทีด กันเสย ่ ี ไม่จําเป็ นต ้องมีของ ถวายมากมาย ขอเพียงเป็ นของจําเป็ น และ ื้ ของ มีคณ ุ ภาพเท่านีก ้ ็พอ และการเลือกซอ มาประกอบเป็ นสงั ฆทานเอง จะได ้ของดีมี ื้ "ถังเหลือง ๆ" ตาม คุณภาพกว่าการไปซอ ร ้านสงั ฆภัณฑ์
ั จ ัดสงฆทานให้ ได้ประโยชน์ ้ ซ ื้ หามาจัดเป็ นสงั ฆทานได ้ ข ้าวของเครือ ่ งใชที ่ อ ้ ้เพือ สบู่ จัดเป็ นเครือ ่ งประทินผิว แต่พระก็ใชได ่ ทําความสะอาด และระงับกลิน ่ กาย ี น ี ั นสมุนไพรก็น่าสนใจ ยาสฟ ั ชนิดผง หรือแบบหลอดก็ได ้ ยาสฟ ี น แปรงสฟ ั เลือกทีเ่ ป็ นชนิดขนแปรงอ่อน ๆ จะได ้สบายเหงือก ้ ยาสระผม เอาไว ้ใชเวลาโกนศ รี ษะจะได ้โกนได ้ง่ายขึน ้ ้ ใบมีดโกน เป็ นของจําเป็ นมาก เพือ ่ ใชโกนศ รี ษะ เครือ ่ งดืม ่ สมุนไพรพร้อมชง ขิงผง ชารางจืด มะตูม เดีย ๋ วนีผ ้ ลิตออกมาหลาย ื้ ด ้วย ประเภท หรือจะใสเ่ ครือ ่ งดืม ่ รสช็อคโกแล็ตก็ได ้ อย่าลืมดูวันหมดอายุกอ ่ นซอ ื้ เป็ นสบง (ผ ้านุ่ง) หรือจะเป็ นอังสะ ผ้าอาบนา้ ฝน เลือกทีเ่ นือ ้ หนา ๆ หรืออาจเลือกซอ ก็ได ้ เพราะพระท่านมักจะมีผ ้าอาบนํ้ าฝนอยูม ่ ากแล ้ว จะขาดแคลนก็คอ ื สบง อังสะ ถ ้า ่ กัน ถวายให ้สามเณรก็จัดเหมือนพระเชน ั ื้ ได ้จากวัดบวร ถวายสงฆทานแม่ ช ี ก็เปลีย ่ นจากผ ้าเหลืองเป็ นชุดแม่ช ี ซงึ่ หาซอ ื้ ไม่ได ้ก็เปลีย นิเวศหรือที่ สถาบันแม่ชไี ทย หากหาซอ ่ นเป็ นผ ้าขาวเนือ ้ ดีตามร ้านขนาด ี ้ ื ๒ - ๔ เมตรแทน จากนัน ้ แม่ชทา่ นจะนํ าไปตัดเย็บเป็ นเสอ ผ ้าถุง ผ ้าครอง ตามสมควร ื ธรรมะ หนังสอ ื เกีย ื เกีย ื หน ังสอ ่ วกับสงิ่ แวดล ้อม หนังสอ ่ วกับสุขภาพ หรือหนังสอ ความรู ้ต่าง ๆ ทีค ่ ด ิ ว่าพระสงฆ์ควรรับรู ้เพือ ่ นํ าไปบอกกล่าวแก่ญาติโยมได ้ ยาสมุนไพรต่าง ๆ รวมทัง้ ยาแผนปั จจุบัน เครือ ่ งเขียน สมุด ปากกา ดินสอ รวมทัง้ ซองจดหมาย แสตมป์ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย วัดชนบทและวัดป่ าเป็ นสงิ่ จําเป็ นมาก ้ น สอ ้ ม อาจสอบถามดูวา่ วัดนัน จาน ชาม ชอ ้ ๆ ต ้องการจํานวนมากหรือไม่ จะได ้ จัดเป็ นชุดใหญ่ถวายเป็ นของสงฆ์ เพือ ่ ให ้ชาวบ ้านหยิบยืมได ้ด ้วยในงานบุญประเพณี ่ ค ้อน ตะปู ไขควง หรืองานเกษตร เชน ่ ต่าง ๆ รวมทัง้ เครือ ่ งมืองานชา่ งต่าง ๆ เชน
ี ม พลั่ว และงานทําความสะอาด เชน ่ ไม ้กวาดอ่อน ไม ้กวาดแข็ง ถังขยะ ที่ จอบ เสย ตักผง ฯลฯ ่ ็มี ข ้าวสาร หัวหอม กระเทียม นํ้ ามันพืช ทีจ ของอืน ่ ๆ ทีม ่ ักนิยมใสก ่ ัดว่าเป็ นของแห ้ง ้ ทันท่านก็มักจะเก็บรวบรวมนํ าไปบริจาค เก็บไว ้ได ้นาน ของเหล่านีถ ้ ้าพระท่านใชไม่ ิ้ สุด ต่างจังหวัดอีกที นับเป็ นวงจรบุญไม่มท ี ส ี่ น ื้ มาลงในภาชนะซก ั ผ ้าทีซ ื้ มาต่างหาก อาจจะเป็ นถังหรือ จัดเรียงข ้าวของทีซ ่ อ ่ อ กะละมังก็ได ้ แล ้วนํ าไปถวายได ้ทันที
ั ของทีค ่ วรลดละเลิกในสงฆภ ัณฑ์ ข ้าวของบางอย่างทีค ่ วรหลีกเลีย ่ งไม่นํามาประกอบเป็ นสงั ฆทาน บุหรี่ ยาเสพติด เครือ ่ งดืม ่ ชูกําลังทุกประเภท ผลิตภ ัณฑ์อาหารทีบ ่ รรจุดว้ ยโฟม เพือ ่ หลีกเลีย ่ งมลภาวะทางสงิ่ แวดล ้อม อาหารกระป๋อง ผลไม ้กระป๋ อง เพราะเป็ นอาหารทีม ่ ส ี ารกันบูด สารเคมี ไม่สง่ ผลดี ื้ ผักสดเข ้าครัวก็ได ้ ต่อสุขภาพ ใสเ่ ป็ นผลไม ้สดจะดีกว่า ถ ้าในวัดมีครัวอาจซอ ใบชาคุณภาพตา่ พระไม่คอ ่ ยได ้ชงฉั น ควรเปลีย ่ นเป็ นเครือ ่ งดืม ่ สมุนไพร ให ้ ประโยชน์กบ ั สุขภาพมากกว่า ื้ ถวายอีก กล่องสบู่ ปรกติพระท่านมีอยูแ ่ ล ้ว จึงไม่จําเป็ นต ้องซอ ้ นอาหารสด และมีคณ บะหมีก ่ งึ่ สาเร็จรูป อาหารบิณฑบาตในตอนเชาเป็ ุ ค่ากว่า ไม่ ควรสง่ เสริมให ้ท่านฉั นอาหารทีม ่ ค ี ณ ุ ค่าน ้อย ่ ี นา้ อ ัดลม นํ้ าทีผ ่ า่ นการปรุงแต่งใสส
แหล่งข ้อมูล http://www.khonnaruk.com/ ผู ้เรียบเรียงใหม่ hs6kjg
คูม ่ อ ื การทาบุญอย่างฉลาด ตอนที่ ๒
"ชนเหล่าใด ปลูกสวน ปลูกป่ า สร ้างสะพาน จัดทีบ ่ ริการน้ าดืม ่ และบึงบ่อสระน้ าให ้ที่ พักอาศัย บุญของชุมชนเหล่านัน ้ ย่อมเจริญงอกงามทัง้ คืนทัง้ วันตลอดทุกเวลา ชน ี เป็ นผู ้เดินทางสวรรค์" เหล่านัน ้ ผู ้ตัง้ อยูใ่ นธรรม ถึงพร ้อมด ้วยศล พุทธพจน์
การทาบุญในวาระต่าง ๆ - วันเกิด - งานแต่งงาน - ทาบุญบ ้าน ขึน ้ บ ้านใหม่ เปิ ดสานักงานใหม่ ่ าตรในวันธรรมดาและชว่ งเทศกาล - ทาบุญใสบ - งานศพ
ไม่ตอ ้ งสละเงินก็เป็นบุญได้เหมือนก ัน
การทาบุญในวาระต่าง ๆ
งานว ันเกิด ี ้างก็ได มี มักนิยมทาบุญเลีย ้ งพระกัน บางคนอาจจะเลือกทาบุญกับสามเณรหรือแม่ชบ ้ ไม่น ้อยทีร่ วมเพือ ่ นฝูงญาติมต ิ รไปเลีย ้ งอาหารเด็กกาพร ้า หรือผู ้สูงอายุทบ ี่ ้านพัก ั คนชรา หากต ้องการทาบุญทีเ่ ป็ นประโยชน์ทางสงคมอืน ่ ๆ ก็สามารถบริจาคทรัพย์ ่ ิ หรือสงของแก่องค์กรสาธารณประโยชน์ตา่ ง ๆ อาทิ หน่วยงานทีท ่ างานชว่ ยเหลือผู ้ ื้ เอดส ์ หน่วยงานป้ องกันด ้านยาเสพติด หรือหน่วยงานทีช ติดเชอ ่ ว่ ยเหลือด ้านเด็ก ผู ้หญิง คนพิการ ฯลฯ บางคนก็นย ิ ม เอาเงินไปไถ่ชวี ต ิ โคกระบือทีก ่ าลังจะถูกฆ่า สง่ เงินไปชว่ ยโรงพยาบาล ้ บ ้างก็นย ื้ หนังสอ ื บริจาคห ้องสมุดก็ ชาง ิ มไปบริจาคโลงให ้กับผู ้อนาถายากไร ้ หรือซอ เป็ นบุญทางปั ญญาอีกทางหนึง่ ทีน ่ ่าสนใจมากคือการสนับสนุนกาลังกายและกาลัง ่ ทรัพย์ เพือ ่ ชวยงานพระสงฆ์ทท ี่ าเรือ ่ งการรักษาป่ า อนุรักษ์สงิ่ แวดล ้อมพระสงฆ์ท ี่ ึ ษาของพระ เณร และแม่ช ี วิธท ชว่ ยเหลือดูแลผู ้ป่ วย ชว่ ยเรือ ่ งการศก ี าบุญในงานวัน เกิดแบบสร ้างสรรค์ยังมีให ้คิดได ้อีกมาก
งานแต่งงาน แน่นอนว่าในฐานะชาวพุทธ งานแต่งก็ต ้องนิมนต์ พระ มาเพือ ่ ทาบุญในงานอยูแ ่ ล ้ว นอกจากนี้ คู่ สมรสยังสามารถจัดของชาร่วย ให ้เกิดบุญกุศลได ้ ด ้วย ของชาร่วยในงานทีม ่ ักจะเป็ นพวงกุญแจ ก็ ่ เทป สามารถเปลีย ่ นแปลงเป็ นอย่างอืน ่ ได ้ เชน ื ธรรมะ หนังสอ ื ต่าง ๆ ทีค ธรรมะ หนังสอ ่ ด ิ ว่าเหมาะ กับผู ้รับ และเข ้ากับบรรยากาศของงานแต่ง จะเป็ น วรรณกรรมเด็กก็น่าสนใจ เคยมีคบ ู่ า่ วสาวคูห ่ นึง่ ื "เจ ้าชายน ้อย" เป็ นของชาร่วยแจกให ้แขกเหรือ จัดพิมพ์หนังสอ ่ ในงาน นอกจากจะ ั รักการอ่านให ้กับผู ้รับแล ้ว วรรณกรรมเด็กบางเรือ เป็ นการปลูกนิสย ่ งยังมีเนือ ้ หากินใจ เหมาะกับบรรยากาศของงานอีกด ้วย
้ บ้านใหม่ เปิ ด งานทาบุญบ้าน ขึน สาน ักงานใหม่ หากเราย ้อนไปมองงานบุญของคนไทยรุน ่ ก่อน จะ เห็นว่าพิธก ี รรมต่าง ๆ มุง่ ประโยชน์ให ้เกิด ทัง้ ทางด ้านวัตถุ ให ้มีความเป็ นอยูด ่ ข ี น ึ้ เกิด ั พันธ์กลมเกลียวกัน ในหมูญ ความสม ่ าติมต ิ ร และ
ชุมชน ทัง้ มีความอิม ่ เอิบทางจิตใจและได ้ข ้อคิด คุณธรรมให ้เกิดปั ญญา แต่งานทาบุญบ ้าน ขึน ้ บ ้านใหม่ หรือเปิ ดสานักงานใหม่ ทีน ่ ่าจะเป็ นโอกาสให ้เกิดมิต ิ ิ แต่แวดวงธุรกิจทีต ทางสงั คมดังกล่าว กลับมีน ้อยลง เจ ้าภาพมักเน ้นเชญ ่ ัวเองรู ้จัก ไม่ ่ ค่อยได ้สนใจชุมชนบ ้านใกล ้เรือนเคียง งานบุญได ้เปลีย ่ นเป็ นการใสซอง ที่ ั สะดวกสบาย แต่ขาดมิตท ิ างความสมพันธ์แบบเก่า งานทาบุญบ ้านหรือทาบุญขึน ้ สานักงานใหม่ นอกจากนิมนต์พระมาเจริญพุทธมนต์ เพือ ่ เป็ นสริ ม ิ งคลแก่งานแล ้ว หากจัดให ้มีรายการเสวนา ทีม ่ เี นือ ้ หาสาระทีเ่ หมาะสม กับงาน ก็จะเป็ นข ้อคิดและประโยชน์ แก่ผู ้มาร่วมงานและชุมชนไม่น ้อย หรือหากเวลา จากัดและดูจะยุง่ ยาก อย่างน ้อยเจ ้าภาพก็สามารถให ้ผู ้มาร่วมงานบุญ มีสว่ นร่วมทาง สงั คมได ้คือ รวมเงินชว่ ยงานบุญนัน ้ เป็ นเงินกองกลางในการพัฒนาชุมชนในเรือ ่ งต่าง ่ ่ ั ๆ เชน ซอมตู ้โทรศพท์สาธารณะ บริการถังเก็บขยะ รวมทัง้ การจัดเก็บขยะ หรือดูวา่ ใน ชุมชนมีสาธารณูปโภคอะไรทีย ่ ังขาดแคลน ก็อาจนาเงินสว่ นนีม ้ าบริหาร นีก ่ ็เป็ นอีกวิธ ี ื่ มโยงกับชุมชนได ้ ทีจ ่ ะทาให ้งานบุญของเราเชอ
่ าตรในว ันธรรมดา ทาบุญใสบ ่ งเทศกาล และชว การทาบุญตักบาตร ถือเป็ นประเพณีนย ิ ม และ วิถป ี ฏิบัตข ิ องคนไทย มาเนิน ่ นาน คนรุน ่ ก่อน มักจะพิถพ ี ถ ิ ัน และประณีต ในการทาอาหาร ถวายพระ ถือเป็ นความสุขใจ และต ้องการให ้ พระท่าน ได ้ฉั นอาหารทีด ่ ม ี ป ี ระโยชน์ และมี ความหลากหลาย เพือ ่ ให ้ผู ้ตักบาตรได ้รับบุญ โดยสมบูรณ์ ่ าตรไว ้ให ้ แต่เดีย ๋ วนีม ้ ค ี วามสะดวกมากขึน ้ มีร ้านค ้าทีข ่ ายข ้าวถุง แกงถุง สาหรับใสบ เรียบร ้อย โดยมากจะวางแผงในตลาด บริเวณทีพ ่ ระออกเดินบิณฑบาต เพือ ่ สะดวก ื้ จะได ้ใสบ ่ าตรได ้ทันที มีข ้อน่าสงั เกตว่าอาหารเหล่านี้ มีความพิถพ ต่อผู ้ซอ ี ถ ิ ันประณีต บรรจง ในการประกอบอาหาร และมีความหลากหลาย ของรายการอาหาร มากน ้อย เพียงใด ผู ้ตักบาตรอาจไม่คอ ่ ยได ้สนใจเพราะไม่ได ้ตักบาตรทุกวัน แต่พระที่ บิณฑบาตนัน ้ ท่านต ้องฉั นอาหารซ้า ๆ อยูเ่ สมอ ทาให ้การทาบุญกลายเป็ นบุญทีไ่ ม่ ประณีตโดยไม่รู ้ตัว หากเราสละเวลามาปรุงอาหาร หรือพิถพ ี ถ ิ ันในการเลือกอาหารใน การตักบาตร ก็จะได ้รับบุญโดยสมบูรณ์เหมือนคนรุน ่ พ่อแม่เราได ้ปฏิบัตก ิ น ั มา ่ าตรพระตอนเชา้ ควรเป็ นชว่ งเวลาของการใสบ ่ าตรอาหารสด และมีญาติโยม การใสบ จานวนไม่น ้อยทีน ่ ย ิ มถวายดอกไม ้ ธูปเทียน อาหารกระป๋ องและน้ าบรรจุขวด น้ าแต่ง ่ ี ใสว่ ัตถุกน ี ทีเ่ ห็นบรรจุในขวดเหมือนน้ าสม้ หากหลีกเลีย กลิน ่ ใสส ั เสย ่ งได ้ก็ถอ ื เป็ น ่ ความพิถพ ี ถ ิ ันในการใสบาตร เพราะของบางอย่างเป็ นภาระในการถือ โดยเฉพาะน้ า
บรรจุขวด บางครัง้ พระท่านต ้องหิว้ น้ าหลายขวด ซงึ่ เป็ นภาระทีห ่ นักมาก อาหารและ ี ต่อสุขภาพของพระท่านด ้วยซ้า น้ าบางชนิด ก็มค ี ณ ุ ค่าทางอาหารตา่ หรือเป็ นผลเสย ่ าตรพร ้อมกันมากจนอาหารล ้นเหลือ ทาง สาหรับชว่ งเทศกาล ชาวพุทธจะพากันใสบ ่ าหารแห ้ง จะดีกว่าเพราะเก็บไว ้ได ้ในวันถัดไปเพือ ทีด ่ ค ี วรเลือกใสอ ่ หลีกเลีย ่ งอาหาร เหลือทิง้ สาหรับอาหารแห ้ง ในบางวัดจะมีการจัดเก็บไว ้บริจาคให ้กับถิน ่ ทีข ่ าดแคลน ่ าตรวันอืน หรือเราอาจเลีย ่ งไปใสบ ่ ทีไ่ ม่ใชว่ ันเทศกาลแทน หรือเปลีย ่ นไปถวาย ึ ษาของพระเณรในทีม ึ ษาของ สงั ฆทานทีว่ ัด ถวายเงินเพือ ่ การศก ่ ก ี องทุนเพือ ่ การศก สงฆ์ หรือไปปฏิบัตธิ รรม ทาความดีอน ื่ ๆ ได ้อีกมากมาย
งานศพ หากเราต ้องการจะประยุกต์พธิ ก ี รรม ในการทาบุญ ให ้เหมาะกับยุคสมัย และเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ คงไม่มพ ี ธิ ก ี รรมใดในเวลานี้ ทีส ่ มควรปรับปรุงยิง่ กว่าพิธศ ี พ โดยเฉพาะในเมือง สงิ่ ทีค ่ วรทาคือ ทา ื่ กับผู ้คนมากขึน ่ นอกจาก ให ้พิธต ี า่ ง ๆ สอ ้ เชน นิมนต์พระมาเทศน์แล ้ว ควรนึกถึงการจัดบรรยาย หรือเสวนาในงานศพด ้วย จะเป็ นเรือ ่ งธรรมะล ้วน ๆ เรือ ่ งสุขภาพ หรือคติชวี ต ิ จากประวัตผ ิ ู ้ตาย ก็ล ้วน เป็ นประโยชน์ และน่าจะได ้รับความสนใจ จากผู ้มา ร่วมงานศพ แทนทีจ ่ ะคิดมาสงั สรรค์พด ู คุยกันเท่านัน ้ สงิ่ ทีไ่ ม่ควรมองข ้ามก็คอ ื การทาให ้งานศพ เป็ นโอกาสในการทาประโยชน์แก่สว่ นรวม ่ การบริจาคเงินในนามของผู ้ตาย เพือ เชน ่ อนุรักษ์สงิ่ แวดล ้อม ชว่ ยเหลือผู ้ยากไร ้ ึ ษาของสงฆ์ หรือสนับสนุนพระสงฆ์ทท สนับสนุนการศก ี่ างานสงเคราะห์ชม ุ ชนเป็ นต ้น ่ ลูกหลานมาบวชหน ้าไฟ ทีม แม ้แต่พธิ ก ี รรมทีเ่ จ ้าภาพมุง่ ทาบุญอุทศ ิ แก่ผู ้ตาย เชน ่ ัก ั ้ เกินไป ตามโอกาสและเงือ ให ้ระยะเวลาสน ่ นไขทีจ ่ ากัด เรา อาจเลือกวิธป ี ฏิบัตท ิ ส ี่ อดคล ้องกับวิถช ี วี ต ิ ของครอบครัวเรา ได ้ และได ้ผลบุญทัง้ แก่ตัวเราและผู ้ตาย ลองพิจารณาดู ตัง้ แต่ การปฏิบัตธิ รรมดูลมหายใจ - อานาปานสติภาวนา อุทศ ิ ให ้ผู ้ตาย ซงึ่ สามารถทาได ้โดยไม่ต ้องปลีกวิเวกปลีก งานไปปฏิบัต ิ อาจปฏิบัตห ิ ลังกลับจากทางานก็ได ้ หรือ เลือกทีจ ่ ะอดอาหารก็เกิดบุญ และสามารถอุทศ ิ ให ้ผู ้ตายได ้เหมือนกันในแง่ความเพียร ่ สวน หรือหากมีเวลาก็อาจเลือกไปปฏิบัตธิ รรมเป็ นชว่ ง ตามรายการอบรมทีม ่ จ ี ัด เชน โมกขพลาราม วัดทุง่ ไผ่ เสถียรธรรมสถาน ศูนย์ปฏิบัตธิ รรม ธรรมกมลา (โคเอ็นก ้า) ี ๘ ฯลฯ หรือ อาจปฏิบัตอ ิ ยูใ่ นวัดใกล ้ ๆ บ ้านก็น่าสนใจ หากไม่มเี วลาจริง ๆ การถือศล อยูท ่ บ ี่ ้านก็มอ ี านิสงสไ์ ม่น ้อย
สาหรับธรรมเนียมของงานศพ ทีต ่ ้องเปิ ดฝาโลงให ้ญาติได ้เห็นผู ้ตายเป็ นครัง้ สุดท ้าย ให ้ถือว่านีเ่ ป็ นโอกาสดีทจ ี่ ะได ้ทามรณสติ ระลึกรู ้ถึงความตาย เป็ นเรือ ่ งการภาวนา ิ กับอารมณ์โศกเศร ้าแห่งการพรัดพราก แต่ถ ้ายังทาใจไม่ได ้ ภายในทีจ ่ ะต ้องเผชญ ั ของมนุษย์ มั่นคง การร ้องไห ้ก็เป็ นการปลดปล่อยทางอารมณ์ ซงึ่ ถือเป็ นปรกติวส ิ ย ้ ปุถช ุ น หากซอนสติ แห่งการรับรู ้การร ้องไห ้นัน ้ เข ้าไปก็ยังถือว่า เป็ นจังหวะเหมาะทีจ ่ ะ เรียนรู ้ตัวเองอย่างมีสติภายใต ้ความเศร ้าโศกฟูมฟาย ั ดาห์ สว่ นใหญ่งานศพจะจัดงานหลายวัน นานเป็ นสป ยิง่ จัดหลายวันแบบนี้ พิธก ี รรมทีไ่ ม่จาเป็ น และเป็ น ิ้ เปลือง ก็ควรจะนามาทบทวนกันบ ้าง การสน การเลีย ้ งข ้าวต ้ม หรืออาหารรอบดึก (หลังพระสวด เสร็จจบทีส ่ อง) เจตนาของเจ ้าภาพ คงต ้องการ รับรองผู ้มาร่วมงาน ทีอ ่ าจจะกินข ้าวเย็นไม่ทันก่อนมา งาน หรือถือเป็ นสว่ นหนึง่ ของการต ้อนรับ ถ ้าพิจารณาในแง่นแ ี้ ล ้ว จะเห็นว่าการเลีย ้ ง อาหารรอบดึกนีม ้ ค ี วามจาเป็ นน ้อยมาก เพราะผู ้มาร่วมงานสว่ นใหญ่มักเตรียมพร ้อม มาร่วมงานอย่างดีแล ้ว สว่ นใหญ่อาหารทีเ่ ตรียมไว ้ จะเหลือเป็ นภาระแก่เจ ้าภาพอีก และการเลีย ้ งอาหารรอบดึกยังมีสว่ นทาให ้พิธเี สร็จชา้ ทัง้ ดูไม่เหมาะสม ทีฆ ่ ราวาสจะ มากินอาหารต่อหน ้าพระสงฆ์ทม ี่ าสวดในพิธ ี การจัดดอกไม ้ประดับในพิธแ ี ละโลงศพ บางครัง้ ก็มากเกินความจาเป็ น หรือพิธก ี รรม ่ กงเต็ก ก็น่าจะมีการประยุกต์ให ้สมกับภาวะเศรษฐกิจทีซ แบบประเพณีจน ี เชน ่ บเซา ในขณะนี้ สาหรับพวงหรีด ทีผ ่ ู ้มาร่วมงานนามาเคารพศพ ที่ มักนิยมใชผ้ ้าขนหนูมาประดิษฐ์ หรือดอกไม ้สด ก็ นับว่าได ้ประโยชน์อยู่ แต่ถ ้ามากเกินไป ก็จะ ้ อเน่าเสย ี ได ้ หาก กลายเป็ นของเหลือใชหรื ต ้องการให ้เกิดประโยชน์เต็มที่ ในการทาบุญงาน ศพ เจ ้าภาพอาจสอบถามทางวัด ว่าต ้องการอะไร หรือตัง้ ใจจะนาของไปบริจาคใคร ก็อาจจะเขียน ิ ว่า "ขอเชญ ิ บริจาคพันธุไ์ ม ้ แจ ้งลงในบัตรเชญ ิ บริจาค ถวายวัด แทนพวงหรีด" หรือ "ขอเชญ อุปกรณ์กฬ ี ามอบให ้กับโรงเรียน แทนพวงหรีด" เพือ ่ เก็บรวบรวมไปบริจาคให ้โรงเรียน ทีข ่ าดแคลน เป็ นการทาบุญอุทศ ิ ให ้ผู ้ตาย วิธก ี ารนีอ ้ าจชว่ ยลดปั ญหา "ขยะพวงหรีด" ได ้อย่างสร ้างสรรค์ ทีส ่ าคัญเป็ นการเปลีย ่ นพวงหรีด ให ้กลายเป็ นสงิ่ ทีใ่ ห ้ประโยชน์ มากกว่าพวงดอกไม ้ไว ้อาลัย แล ้วเหีย ่ วเฉาไปตามกาลเวลา ื ธรรมะ ทีม ของแจกในงานศพนอกจากหนังสอ ่ ักจะพิมพ์แจกกันพอสมควรแล ้ว ก็ ื ดูแลสุขภาพทางเลือกอืน อาจจะหันไปพิมพ์หนังสอ ่ ๆ บ ้าง เดีย ๋ วนีม ้ พ ี ม ิ พ์ออกมา ื มากมาย ไม่วา่ จะเป็ นอาหารมังสวิรัต ิ ชวี จิต แมคโครไบโอติค หรืออาจจะเป็ นหนังสอ แนวอืน ่ ทีค ่ ด ิ ว่ามีประโยชน์ตอ ่ แนวทางการดาเนินชวี ต ิ ของมนุษย์ มีเจ ้าภาพบางท่าน ั นารีแ ความคิดสร ้างสรรค์มาก พิมพ์ดค ิ ชน ่ จกโดยเอารูปผู ้ตายเป็ นปก อย่างนีน ้ อกจาก
้ ึ ว่าคนตายไม่ได ้จากไป เด็กนักเรียนจะได ้ใชประโยชน์ อย่างสุดคุ ้มแล ้ว ยังทาให ้รู ้สก ไหนอีกด ้วย ึ ของการสูญเสย ี ผู ้ตายด ้วยตนเอง เจ ้าภาพทีท ่ น ุ น ้อย ก็อาจเขียนบรรยายความรู ้สก ี ชวี ต รวมทัง้ บรรยาย วินาทีสด ุ ท ้ายของเหตุการณ์เสย ิ ลงในกระดาษต ้นฉบับ แล ้วนาไป ถ่ายเอกสารเย็บเป็ นเล่มแจกในงานศพ ก็อาจสร ้างความแปลกใหม่ได ้ไม่น ้อย เป็ น ผลิตภัณฑ์แฮนด์เมดทีเ่ จ ้าภาพทาเองแจกเองดูน่าประทับใจกว่า เหมาะสาหรับงาน ศพทีม ่ แ ี ขกผู ้มาร่วมงานไม่มากนัก ื สงิ่ ของอืน ถ ้าไม่แจกเป็ นหนังสอ ่ ๆ ทีม ่ ักแจกในงานศพก็คงไม่พ ้นพวงกุญแจ ตลับยา หม่อง พระเครือ ่ งทัง้ แบบเป็ นเหรียญและเนือ ้ ผง หากทุนมากหน่อยแจกเป็ นเทป ธรรมะก็น่าสนใจ เคยเห็นเจ ้าภาพบางงานแจกสบูเ่ ป็ นของทีร่ ะลึกแก่แขกก็ได ้ ื่ ผู ้ตายกับวันทีฌ ประโยชน์ไม่น ้อยทีเดียว เพียงติดสติกเกอร์ไว ้อาลัยมีชอ ่ าปนกิจไว ้ที่ สบู่ แล ้วแจกผู ้มาร่วมงานท่านละก ้อนนับว่าเป็ นของแจกงานศพทีเ่ ก๋ไปอีกแบบ
ไม่ตอ ้ งสละเงินก็เป็นบุญได้เหมือนก ัน ี เงิน จนคิดว่าการทาบุญมีแต่เฉพาะเรือ เรามักคุ ้นเคยกับการทาบุญแบบเสย ่ งการให ้ ี ทาน ลองย ้อนกลับไปดู บุญกิรย ิ าวัตถุ ๑๐ มีอก ี ตัง้ ๙ วิธ ี ทีไ่ ม่ต ้องเสยทรัพย์ก็เป็ นบุญ ้ และสาหรับคนวิตกกังวลว่า เงินทีบ ่ ริจาคจะถูกใชไปในจุ ดประสงค์อน ื่ ทีไ่ ม่เป็ น ประโยชน์ ก็ไม่ต ้องวิตกกังวลอีกต่อไป เพราะต่อไปนีค ้ อ ื วิธท ี าบุญแบบไม่ต ้องบริจาค เป็ นเงิน
้ งเด็กกาพร้า ทาอาหารเลีย หาโอกาสเหมาะ ๆ ลงขันกับเพือ ่ น ทาอาหารไปเลีย ้ ง เด็ก ตามสถานสงเคราะห์ตา่ ง ๆ อาทิ เด็กพิการ เด็ก ื้ HIV ฯลฯ นอกจากจะได ้บุญแล ้ว ยัง กาพร ้า เด็กติดเชอ เป็ นการโชว์เสน่หป ์ ลายจวักให ้เด็ก ๆ ได ้ลิม ้ รสอาหาร จากฝี มือของคุณอีกต่างหาก
ั กิจกรรมสนทนาการ หากคุณเป็ นนักกิจกรรมเก่ามาก่อน ลองหาเวลาว่าง ั ทนาการกับเด็ก ๆ ตามสถาน ไปทากิจกรรมสน สงเคราะห์ตา่ ง ๆ ดูส ิ เพราะตามสถานสงเคราะห์ตา่ ง ๆ เขาต ้องการอาสาสมัครไปชว่ ยงานอยูแ ่ ล ้ว อาจจะ ไม่จาเป็ นต ้องเล่นเกมส ์ จะเป็ นการวาดภาพ เล่า
นิทาน นิทานหุน ่ กระบอก นิทานหุน ่ มือหรืออะไรก็ได ้ทีค ่ ณ ุ ถนัด แล ้วแต่วา่ คุณมี ความสามารถอะไร จะให ้ความบันเทิงและมีสาระแก่เด็ก ๆ
ั สนทนาการก ับผูใ้ หญ่ ั ทนาการ ใชว่ า่ จะมีแต่เด็กเท่านัน ้ ทีช ่ อบสน ผู ้ใหญ่ก็ชอบเหมือนกัน แต่ผู ้ใหญ่ในทีน ่ ี้ หมายถึงบุคคลทีถ ่ ก ู คุมขังอยูใ่ นเรือนจา คง ื่ ดัง อาสาเข ้าไปเล่น เคยเห็นนักดนตรีชอ ดนตรีให ้คนในเรือนจาฟั ง นั่นแหละ ... เดีย ๋ วนีม ้ ก ี ลุม ่ คณะละครบางกลุม ่ ติดต่อเข ้า ไปเล่นละคร ให ้ชาวคุกได ้ชมเหมือนกัน หากคุณมีความสามารถในการแสดง บันเทิง หรือสาระทีเ่ ป็ นประโยชน์ ก็สามารถติดต่อเจ ้าหน ้าทีเ่ รือนจา เข ้าไปแสดงได ้จะได ้ ึ เซา อันเกิดจากการถูกจองจา หรือ เป็ นการชว่ ยผ่อนคลายความเครียด และความซม อยากจะทาบุญ ด ้วยการทาอาหารไปเลีย ้ งผู ้ถูกคุมขังในเรือนจาก็ได ้ เพราะปรกติแล ้ว อาหารในเรือนจานัน ้ คงทราบกันดีวา่ ไม่ชวนให ้เจริญอาหาร การนาอาหารไปเลีย ้ งผู ้ ถูกคุมขัง ก็เป็ นเรือ ่ งทีเ่ รือนจาสนับสนุนอยูแ ่ ล ้ว
เยีย ่ มคนชรา ไม่มใี ครทีไ่ ม่แก่ การไปเยีย ่ มคนแก่ หรือ แม ้แต่นาอาหารไปเลีย ้ งท่านเหล่านัน ้ ที่ บ ้านพักคนชรา จึงเป็ นทัง้ บุญ และเป็ นการให ้ สติตัวเองไปด ้วยในตัว โดยเฉพาะอย่างยิง่ ให ้ สติปัญญาว่า คนเราต ้องแก่เฒ่าหนังเหีย ่ วย่น สาหรับคนแก่ ยังไม่เคยเห็นมีใคร เอาดนตรี เข ้าไปเล่นให ้ฟั งบ ้าง เรามักเข ้าใจว่า โลกของ คนแก่ จากัดอยูแ ่ ค่ความเงียบสงบเท่านัน ้ ที่ ่ ขลุย จริงยังมีดนตรีอก ี หลายประเภท ทีค ่ นชราก็น่าจะฟั งได ้ไม่ขด ั หู อย่างเชน ่ ไวโอลิน หรือกีตาร์โฟล์คเบา ๆ ใครมีความสามารถตรงนี้ ก็ลองท ้าทายตัวเองหน่อย คนทุกเพศทุกวัยล ้วนมีดนตรีในหัวใจ เขาจะได ้ไม่ถก ู เลือกปฏิบัต ิ ให ้อยูใ่ นโลกของ ความเงียบเหงา เหมือนกับทีถ ่ ก ู พามาสง่ ให ้อยูท ่ บ ี่ ้านพักคนชราอย่างนี้
ครูขา้ งถนน ครูข ้างถนนก็เป็ นอีก "บุญ" หนึง่ ทีค ่ ณ ุ ก็ สามารถทาได ้ อย่างน ้อย ก็ชว่ ยให ้เด็ก
ข ้างถนนคนหนึง่ มีเพือ ่ น มีคนทีร่ ับฟั งและพร ้อมจะเข ้าใจเขา
ี ง บริจาคเสย ื ออกเสย ี ง เป็ นบุญอีกวิธห ี นึง่ คือการอ่านหนังสอ ี ง อันนีเ้ ป็ น บันทึกใสเ่ ทป เป็ นห ้องสมุดเสย โครงการทีม ่ อ ี ยูแ ่ ล ้ว ของมูลนิธค ิ อลฟิ ลด์ เพือ ่ คน ื ตาบอด เปิ ดโอกาสให ้คนตาดี ชว่ ยอ่านหนังสอ ี งใสเ่ ทปคาสเซ็ท เทปคาสเซ็ทนี้ ก็จะ บันทึกเสย เก็บไว ้สาหรับคนตาบอดได ้เลือกฟั ง ในห ้องสมุดเพือ ่ คนตาบอด ชว่ ยให ้คนตาบอด ื ได ้มากขึน ได ้มีโอกาสอ่านหนังสอ ้ โดยคนตาดีชว่ ยอ่านให ้ฟั ง
เป็นอาสาสม ัครในว ัด หากมีเวลาว่าง และอยากลองบริหาร ้ เวลา มาใชในงานบุ ญบ ้าง ลองหันไป เป็ นอาสาสมัครให ้กับวัด ทีท ่ างาน ่ วัดที่ พัฒนาให ้กับชุมชนดูบ ้าง เชน ดูแลเลีย ้ งเด็กกาพร ้า วัดทีด ่ แ ู ลผู ้ป่ วย เอดส ์ วัดทีจ ่ ัดงานปฏิบัตธิ รรม หรือไม่ก็ เป็ นอาสาสมัครในชุมชน
ทาความดีก ับคนรอบข้าง พ่อแม่ พีน ่ ้อง ลูกหลาน มักเป็ นบุคคลทีเ่ ราละเลยไป โดยไม่ตงั ้ ใจ การหันกลับมาดูแลเอาใจใส่ ก็เป็ นอีก บุญหนึง่ ทีส ่ ามารถทาได ้ง่าย ความต่างวัยระหว่าง วัยรุน ่ กับคนแก่ ระหว่างพีก ่ บ ั น ้อง ระหว่างเพศชาย เพศหญิง และความเบีย ่ งเบนทางเพศ ระหว่าง ื่ ที่ สถานภาพในครอบครัว ระหว่างลัทธิความเชอ ยึดถือ ถึงแม ้จะอยูใ่ นรัว้ บ ้านเดียวกัน ความต่าง ั พันธ์ให ้แน่นแฟ้ นได ้ ด ้วยการถามอย่างใสใ่ จบ ้างว่า เหล่านี้ เราสามารถสานความสม ื เป็ นอย่างไรบ ้าง" "ทางานเหนือ "เรียนหนังสอ ่ ยบ ้างไหม" "สุขภาพเป็ นอย่างไรบ ้าง" "กินข ้าวแล ้วหรือยัง" พร ้อมกับสง่ ยิม ้ ให ้หนึง่ ยิม ้ คนเราเมือ ่ เจอกันทุกวันมักไม่เห็น คุณค่าของกันและกัน จนวันหนึง่ ต ้องจากไปนั่นแหละจึงทาดีให ้กันในวาระสุดท ้าย ทาไมเราไม่ทาดีให ้กันตัง้ แต่ยังมีลมหายใจอยู่
แนะนาพรา่ สอนความดีให้ก ัน การเป็ นพ่อแม่ทม ี่ ค ี วามรับผิดชอบ ก็เป็ นบุญ วิธอ ี ันหนึง่ พ่อแม่ทด ี่ ี คือพ่อแม่ทม ี่ เี วลาให ้ ่ วามเป็ นไปของ ลูกสม่าเสมอ ดูแลเอาใจใสค ลูก ๆ อย่างพอเหมาะพอดี ไม่ปล่อยทิง้ ตาม ยถากรรม หรือบังคับขูเ่ ข็ญจนเกินเหตุ ไม่ ้ ใชความรุ นแรงกับลูก สอนลูกให ้รู ้จัก รับผิดชอบ ชว่ ยเหลือตัวเองได ้ มั่นใจใน ตัวเองดี เปิ ดโอกาสให ้ลูกได ้คิดเองบ ้าง พร ้อมกับสอนให ้ลูกได ้เรียนรู ้เรือ ่ งกตัญํู กตเวที คือ รู ้คุณและตอบแทนคุณ โดยเฉพาะเรือ ่ ง การเลีย ้ งดูพอ ่ แม่ยามแก่ เฒ่า ซงึ่ นับเป็ นเรือ ่ งสาคัญในระดับครอบครัวจริง ๆ และทีไ่ ม่ควรลืมคือ สอนให ้ลูกนึก ถึงสว่ นรวม รับผิดชอบต่อสงั คม และเอือ ้ เฟื้ อแบ่งปั นแก่คนรอบข ้าง
ตอบแทนความดี ปร ับความเข้าใจ ความดีทเี่ ราได ้รับมาจากผู ้อืน ่ เป็ นหนีค ้ วามดี ทีค ่ ้าง ชาระการตอบแทนความดีตอ ่ ผู ้มีอป ุ การะ นอกจากจะ เป็ นการแสดงความกตัญํูรู ้คุณแล ้ว ก็ยังเป็ นบุญอยูใ่ น ั พันธ์ในบุญ ให ้เหนียว ตัวเอง และเป็ นการสร ้างความสม ่ กัน ใน แน่นยิง่ ขึน ้ ระหว่างเรากับเขาผู ้อุปการะ และเชน ความขุน ่ ข ้องหมองใจบางอย่าง ก็เป็ นหนีก ้ รรมค ้าง ชาระได ้ การปรับความเข ้าใจ เผยความในใจกับเขา ที่ เคยมีเรือ ่ ง ก็ยังไม่พ ้นเรือ ่ งของบุญ บุญนีก ่ น ิ อาณาเขต กว ้างขวางจริง ๆ
เรียนรูแ ้ ละเข้าใจ "เขา" ให ้ความรัก ความเมตตา ความเข ้าใจ และการ ื้ HIV รวมทัง้ บุคคล ที่ ยอมรับต่อบุคคลผู ้ติดเชอ ได ้รับความกดดันจากสงั คม ในรูปแบบอืน ่ คนทีเ่ พิง่ ออกจากเรือนจา คนชรา ผู ้หญิง เด็ก คนกลุม ่ น ้อย ื้ ชาติ ตลอดจนผู ้ทีเ่ ห็นต่างทางการเมือง ทางเชอ ศาสนา และเรือ ่ งเพศ
ี ม่น ของคนบางกลุม ทุกวันนีโ้ ลกเปิ ดเผยมากขึน ้ ทาให ้เราได ้รับรู ้ว่า โลกสห ่ ทีส ่ งั คม ี น ั อย่างไร การไม่ยอมรับก็คอ หันหลังให ้นัน ้ ขาดชวี ต ิ และสส ื บาปและความรุนแรง ่ วามรุนแรงอืน อย่างหนึง่ บ่อยครัง้ ทีค ่ นเราสง่ บาปให ้กันโดยไม่รู ้ตัว อันนาไปสูค ่ ๆ เป็ น การดีกว่า หากเราหันมาเปิ ดใจเข ้าใจเขา เรียนรู ้ความแตกต่างด ้วยเมตตา เพราะเขาก็ คือคนใกล ้ตัว ในสงั คมทีเ่ ราต ้องคอยดูแลเอาใจใส่ สง่ บุญให ้กัน
แหล่งข ้อมูล http://www.khonnaruk.com/ ผู ้เรียบเรียงใหม่ hs6kjg
คูม ่ อ ื การทาบุญอย่างฉลาด ตอนที่ ๓
"คนไทยสว่ นมากยังอยูใ่ นชนบท และคนทุกท ้องถิน ่ มีชม ุ ชนของตนทุกคน ควรถือเป็ น สาคัญว่า ไม่วา่ จะทาบุญ อะไรก็ตามทีค ่ ด ิ ว่าสาคัญ และก่อนจะไปทาบุญใหญ่โตที่ ไหน ขอให ้ถามกันว่า พวกเราสามารถทาบุญขัน ้ พีน ้ ฐานได ้สาเร็จหรือไม่ บุญพืน ้ ฐาน ทีว่ า่ นี้ คือ กิจกรรมทีจ ่ ะทาชุมชนให ้อยูด ่ ี และทาชวี ต ิ ให ้งอกงาม เครือ ่ งพิสจ ู น์ ความสามารถในการรือ ้ ฟื้ นระบบการทาบุญของพุทธบริษัทคือ ๑) หันมาทาบุญทีเ่ กือ ้ กูลต่อชวี ต ิ ชุมชนขึน ้ เป็ นพืน ้ ฐาน ๒) ทาบุญเหล่านัน ้ ให ้สาเร็จด ้วยความร่วมแรงร่วมใจสามัคคี ๓) ทาวัดทีม ่ อ ี ยูข ่ องชุมชนให ้เป็ นนาบุญทีแ ่ ผ่ขยายคุณภาพชวี ต ิ ไปทั่วถึงทุกคน ถ ้าทา ๓ ข ้อนีไ ้ ด ้ บุญทีแ ่ ท ้อันถูกต ้องตามความหมายกลับคืนมาอย่างมีชวี ต ิ ชวี า พระพุทธศาสนาจะกลับเฟื่ องฟูในสงั คมไทย และสงั คมไทยเองก็จะเข ้มแข็งมั่นคง บรรลุประโยชน์สข ุ แท ้จริง" พระธรรมปิ ฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)
พิธก ี รรมในงานบุญ ื่ เรือ ความเชอ ่ งการทาบุญ ทาบุญให ้ได ้บุญ
พิธก ี รรมในงานบุญ
มีหลายคนเข ้าใจว่า การทาบุญนัน ้ ต ้องมีพธิ ก ี รรมมากมาย การทาบุญ จาเป็ นหรือไม่ ทีต ่ ้องมีพธิ ก ี รรมเข ้า มาเกีย ่ วข ้อง
ไม่จาเป็ น เพราะการทาบุญทาได ้หลาย อย่าง หลายโอกาส การมีพธิ ก ี รรมเป็ นสว่ น ชว่ ยเสริม ให ้การทาบุญเกิดประโยชน์ได ้ เต็มที่ พิธก ี รรมมีสว่ นชว่ ยในการเตรียมใจ ทุกคนทีเ่ กีย ่ วข ้อง โดยเฉพาะผู ้ทีจ ่ ะทาบุญ ่ ทาใจให ้สงบ และถ ้าผู ้ทาบุญมีหลาย เชน ั ญาณ คน พิธก ี รรมจะเป็ นเสมือน อาณั ตส ิ ญ เพือ ่ ชว่ ยให ้ทุกคนพร ้อมเพรียงกัน ในการ ทาบุญ การทาบุญในทางพุทธศาสนานัน ้ มุง่ ให ้เกิดผลทางจิตใจเป็ นเบือ ้ งต ้น ไม่ใชเ่ พียงแค่ ทาบุญเพือ ่ ให ้เกิดประโยชน์ในทางวัตถุเท่านัน ้ การถวายทาน อาหารหรือว่าปั จจัย (เงิน) นัน ้ ก่อให ้เกิดประโยชน์ทางวัตถุ แต่วา่ ทางจิตใจพุทธศาสนาก็ให ้ความสาคัญ ่ กัน เพราะฉะนัน เชน ้ ในการทาบุญจึงมีพธิ ก ี รรมเพือ ่ เตรียมใจ ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็ น โอกาสให ้ผู ้ทาบุญมีความพร ้อมเต็มที่ ในทางกายและวาจา นีเ่ ป็ นเหตุผลว่า ทาไม ี ก่อน การรับศล ี ก็คอ ต ้องมีการรับศล ื เพือ ่ ให ้ละชวั่ ละบาป นั่นเอง เป็ นการเตรียมกาย วาจา ให ้มีความสะอาดเพือ ่ ทีจ ่ ะสามารถรับบุญได ้เต็มที่ เหมือนกับภาชนะก่อนทีจ ่ ะใส่ น้ า ก็ต ้องทาความสะอาดก่อน เมือ ่ สะอาดแล ้วจึงค่อยเติมน้ าลงไป ก็จะได ้น้ าทีส ่ ะอาด ตามไปด ้วย อันนีค ้ อ ื จุดมุง่ หมายประการหนึง่ ของพิธก ี รรม
แสดงว่าพิธก ี รรมก็มค ี วามหมายอยูใ่ นตัวเองด ้วยเหมือนกัน
่ งิ่ ถูกต ้องแต่เนือ ่ งจากพิธก ี รรมเป็ นแค่อบ ุ าย หรือเครือ ่ งมือ เพราะฉะนัน ้ จึงไม่ใชส ตายตัวเสมอไป หมายความว่าเราสามารถปรับปรุงเปลีย ่ นแปลงเพือ ่ ให ้เกิดผลตาม ต ้องการ อันได ้แก่การเตรียมจิต หรือเตรียมหมูค ่ ณะให ้สงบใจและพร ้อมเพรียงกัน ี และยังเป็ นการชว่ ยทาให ้ กาย วาจา สะอาดคือมีศล ั พันธ์ของผู ้ที่ พิธก ี รรมหลายอย่างมีวัตถุประสงค์อก ี ข ้อหนึง่ คือเป็ นการเสริมความสม ทาบุญ ให ้มีความกลมเกลียวกัน อาทิ พิธก ี รรมในงานศพ หรือพิธท ี อดกฐิน ทอดผ ้าป่ า ตลอดจนประเพณีพธิ ต ี า่ ง ๆ ของคนรุน ่ ก่อนหรือในชนบท เราจะเห็นตรงนี้ ั เจน ชด
บางคนตอนทาบุญแล ้วจะเคร่งครัดว่า ต ้องทาพิธก ี รรมให ้ครบถ ้วน หากขาดตก ึ ไม่สบายใจ ในฐานะชาวพุทธเราควรวาง บกพร่องในบางขัน ้ ตอนแล ้วจะรู ้สก ท่าทีตอ ่ พิธก ี รรมอย่างไร
ิ ธ์ เป็ นเพราะเราไปเข ้าใจว่า พิธก ี รรมเป็ นเรือ ่ งศักดิส ์ ท ิ ธิแ อะไรก็ตามทีน ่ ก ึ ว่าเป็ นเรือ ่ งศักดิส ์ ท ์ ล ้ว เราก็คด ิ ว่า ต ้องทาให ้ถูกแบบแผนครบถ ้วนทุกประการ ถึงจะ เกิดผล อันได ้แก่อานาจดลบันดาล ก็เหมือนกับการ ขับรถ การจะทาให ้รถแล่นได ้ เราต ้องขับรถอย่างทุก ต ้องทุกขัน ้ ตอน แต่วา่ พิธก ี รรมพุทธศาสนาไม่ใช่ ่ นัน เชน ้ พิธก ี รรมทางพุทธศาสนาไม่ได ้มีจด ุ มุง่ หมาย ิ ธิ์ แต่วา่ เป็ นเพียงแค่อบ เพือ ่ ผลดลบันดาล หรือเพือ ่ อานาจศักดิส ์ ท ุ าย หรือวิธก ี ารทีจ ่ ะ ี ชว่ ยน ้อมจิตเตรียมใจ กับเพือ ่ รักษากายวาจาให ้มีศล ถ ้าเข ้าใจตรงนี้ เราก็จะเห็นว่า ถึงแม ้พยายามทาให ้ถูกต ้องครบถ ้วนตามพิธก ี รรม เสร็จ แล ้วจิตใจกลับหม่นหมอง หงุดหงิด ไม่สบายใจ การทาบุญนัน ้ ก็ได ้ประโยชน์น ้อย
ี แต่ทอ สมมุตวิ า่ เราอยากทาบุญ ถวายสงั ฆทาน หรือรับศล ่ งคาถวายไม่ได ้ เรา ก็อาจแค่ตงั ้ จิต หรือใชวิ้ ธก ี ล่าวตามเจตนาของเราก็ทาได ้
่ มีความ ได ้ คาพูดเป็ นเพียงการชว่ ยน ้อมจิตให ้เป็ นสมาธิ หรือชว่ ยให ้จิตเกิดกุศล เชน เมตตาปรารถนาดียงิ่ ขึน ้ ต่อผู ้รับ
พิธก ี รรมบางสว่ นเปลีย ่ นแปลงไปตามยุคสมัย บางอย่างก็ทากันมาเป็ นประเพณี นิยม เราจะมีหลักในการเลือกอย่างไร ว่าพิธก ี รรมใดเหมาะสม
พิธก ี รรมทางพุทธศาสนาต ้องเป็ นพิธก ี รรมทีช ่ ว่ ยให ้เกิด การลด การละ การเลิก เป็ น ี เพือ เบือ ้ งต ้น จากนัน ้ ก็ทาให ้ใจสงบ และเกิดปั ญญา ทีเ่ ราให ้รับศล ่ อะไร ก็เพือ ่ ให ้ ลด ละ เลิกความประพฤติทไี่ ม่ด ี ขณะเดียวกันก็สง่ เสริมให ้เกิดความสงบใจ ฉะนัน ้ พิธก ี รรมใยทีไ่ ม่เป็ นไปเพือ ่ การลด ละ เลิก หรือว่าไม่ชว่ ยให ้จิตใจสงบ ขณะเดียวกัน ไม่กอ ่ ให ้เกิดประโยชน์แก่ผู ้รับแล ้ว ก็ทาให ้ได ้รับผลหรืออานิสงสไ์ ม่ครบถ ้วน พุทธ ั ปุรส ั ปบุรษ ศาสนาจะเน ้นมากในเรือ ่ งสป ิ ทาน คือการให ้แบบสป ุ ท่านจะเน ้นเรือ ่ ง เจตนาหรือสภาวะจิตของผู ้ให ้ ทัง้ ก่อน ระหว่างและหลังการให ้ ขณะเดียวกันวัตถุทใี่ ห ้ ก็ต ้องมีประโยชน์ หรือเหมาะแก่ผู ้รับ และถูกกับกาลเวลาด ้วย
่ ปี ใหม่ เข ้าพรรษา คือทา การทาบุญตักบาตรตามวาระและเทศกาลต่างๆ เชน แบบเดียวกันมากๆ จะเป็ นภาระ หรือเป็ นสงิ่ เกินจาเป็ นหรือเปล่า
เราต ้องเข ้าใจก่อนว่าทาบุญนีท ่ าได ้หลายอย่าง แม ้กระทั่งการให ้ทาน เอง ก็สามารถจะให ้ทานแก่คนหลายประเภท ไม่ใชเ่ ฉพาะให ้แก่พระ แต่ คนไทยนิยมให ้แก่พระ เพราะเหตุผลใหญ่ ๆ สองประการ ประการแรก พระท่านเป็ นคนของสงั คม ของสว่ นรวม เมือ ่ ทาประโยชน์ให ้กับบุคคล ่ ั ่ เมือ ประเภทนีแ ้ ล ้ว ผลประโยชน์ก็จะกลับไปสูสงคมสว่ นรวม เชน ่ ท่าน ได ้รับอาหาร ก็มก ี าลังวังชาแนะนาสงั่ สอนผู ้คนได ้ หรือถวายจานชามให ้ ้ วัด ชาวบ ้านก็สามารถยืมไปใชเวลามี งานในหมูบ ่ ้าน เป็ นต ้น ื่ ว่า พระเป็ นสอ ื่ กลางทีด เหตุผลประการทีส ่ องก็คอ ื ว่าความเชอ ่ ี ระหว่างผู ้ อยูใ่ นโลกนีก ้ บ ั ผู ้ตาย พูดง่าย ๆ คือเป็ นเหมือนบุรษ ุ ไปรษณีย ์ ทีน ่ าเอาบุญกุศลจากคน
ื่ นีท ในโลกนี้ ไปให ้แก่คนในโลกหน ้า ความเชอ ้ าให ้พระมีสถานะคล ้าย ๆ บุคคลสงิ่ ิ ธิ์ ซงึ่ อาจจะไม่ถก ศักดิส ์ ท ู ต ้องเท่าไรนัก ่ วัน ปั ญหาก็คอ ื ว่าพอเราอยากทาบุญ เรามีความเข ้าใจว่า จะต ้องทาบุญในสาคัญ เชน ่ าตรพระเท่านัน ปี ใหม่ และก็ต ้องถวายอาหารเลีย ้ งพระ หรือใสบ ้ ให ้เกิดปั ญหาว่า ของ ทีเ่ ราถวายบ่อยครัง้ ก็มากมายจนกระทั่งพระท่านฉั นไม่หมด บางทีก็ต ้องทิง้ ไปหาก แจกไม่หมด เราน่าจะมาคิดกันว่า ถ ้าจะทาบุญถวายพระ ทาอย่างไรถึงจะแน่ใจว่าของ ่ วายแต่อาหารสด ทีเ่ ราถวายนีก ้ อ ่ ประโยชน์เต็มที่ ต ้องคิดกันถึงสงิ่ ทีเ่ ราจะถวาย ไม่ใชถ หรือแม ้กระทั่งเครือ ่ งกระป๋ องก็อาจจะไม่จาเป็ นก็ได ้ ควรลองคิดหาของถวายอย่างอืน ่ ่ ารตักบาตร เชน ่ เอาอาหารไปเลีย แทน หรือว่าอาจจะใชวิ้ ธก ี ารทาบุญทีไ่ ม่ใชก ้ งเด็ก กาพร ้าหรือว่าเอาอาหารไปเลีย ้ งคนแก่ในบ ้านพักคนชรา ก็ได ้
ื่ เรือ ความเชอ ่ งการทาบุญ
ื่ ทีว่ า่ ตักบาตรพระอย่าลืมถวายน้ าด ้วย กลัวตายไปแล ้วจะไม่มี อย่างความเชอ น้ าดืม ่ หรืออยากให ้บุญนีไ ้ ปถึงผู ้ล่วงลับไปแล ้ว จะได ้ไม่หวิ โหย ท่านมี ความเห็นกับเรือ ่ งนีอ ้ ย่างไรบ ้าง
ื่ ในระยะ ๑๐ กว่าปี ทผ ี งเล่าลือว่า คนทีต มันก็เป็ นความเชอ ี่ า่ นมา อันนีก ้ ็เกิดจากเสย ่ าย ื่ แต่ทจ ไปแล ้วพบว่าตัวเองไม่มน ี ้ ากิน เกิดความหิวโหย อันนีเ้ ป็ นความเชอ ี่ ริงแล ้วการ ทาบุญทางพุทธศาสนานีม ้ เ่ หมือนการทากงเต็ก การทากงเต็กมีการเผาเงินกระดาษ ื่ ว่าผู ้ตายจะได ้รับสงิ่ เหล่านัน รถหรือบ ้านกระดาษ เพราะเชอ ้ ในภพหน ้าด ้วย แต่พท ุ ธ ศาสนาไม่ได ้มีความเข ้าใจอย่างนัน ้ การทาบุญของพุทธศาสนานัน ้ สงิ่ สาคัญอยูท ่ ก ี่ ารทาบุญด ้วยใจที่ บริสท ุ ธิ์ และเป็ นกุศล ขณะเดียวกัน วัตถุทเี่ ราให ้ก็เป็ นประโยชน์แก่ ผู ้รับ ซงึ่ ไม่จาเป็ นต ้องเป็ นน้ า บ่อยครัง้ ปรากฏว่า ญาติโยมทีถ ่ วาย ่ าตรพระ กลับทาให ้ท่านลาบาก เพราะต ้องหอบ น้ าบรรจุขวดใสบ หิว้ น้ าหลายขวดกลับวัด บ่อยครัง้ สงิ่ ทีเ่ ราถวายพระ กลับมากเกิน ความต ้องการ หรือเกินความจาเป็ นของท่าน ในแง่นก ี้ ารทาบุญก็มี
์ าก ต ้องเป็ นการถวายของทีเ่ ป็ น อานิสงสไ์ ม่เต็มที่ การทาบุญทีไ่ ด ้ผลอานิสงสม ประโยชน์แก่ผู ้รับ
ื่ ทีก อันนีอ ้ าจจะเป็ นรูปธรรมอันหนึง่ ของความเชอ ่ ลายเป็ นพิธก ี รรม ทีท ่ ากัน ื สบเนือ ่ งกันมา
่ งิ่ ทีพ ื่ ของคนจานวน นีไ ่ ม่ใชส ่ ระพุทธเจ ้าได ้ตรัส แต่เป็ นเพียงคาแนะนา หรือความเชอ หนึง่ ซงึ่ อ ้างว่าเคยไปนรกมาก่อน แล ้วฟื้ นขึน ้ มา
ื่ เรือ ความเชอ ่ งการถวายสงั ฆทานเพือ ่ เป็ นการสะเดาะเคราะห์ เพือ ่ เป็ นการตัด กรรม การไปสร ้างพระพุทธรูปถวายวัดเพือ ่ ชว่ ยให ้คนป่ วยอาการดีขน ึ้ ถือเป็ น การทาบุญหรือเปล่า
อันนัน ้ ก็เป็ นการทาบุญได ้เหมือนกัน เป็ นการมุง่ ให ้เกิดประโยชน์แก่ผู ้ทีเ่ รานับถือซงึ่ ได ้ ล่วงลับไป แต่วา่ การทาบุญอย่างนีเ้ ราก็ต ้องพิจารณาดูวา่ เหมาะกับโอกาสหรือเหมาะ ่ การ กับผู ้รับหรือเปล่า แล ้วก็จะต ้องเข ้าใจจุดมุง่ หมายของการทาบุญแต่ละอย่าง เชน ถวายสงั ฆทาน สงั ฆทานก็คอ ื ต ้องถวายแก่หมูส ่ งฆ์ วัตถุประสงค์ของการมีสงั ฆทานก็ คือเพือ ่ ประโยชน์แก่หมูส ่ งฆ์ ไม่ได ้มุง่ เพือ ่ ประโยชน์ของผู ้ให ้ ทัง้ ไม่ได ้มุง่ เพือ ่ ให ้เกิด ์ ก่ใคร ทีน ประโยชแ ่ อกเหนือจากสงฆ์หรือสว่ นรวม ื่ ว่า ได ้เคย สาหรับการทาบุญเพือ ่ ตัดกรรม หรือการสะเดาะเคราะห์ ก็เกิดจากความเชอ ื่ นีม ทาไม่ดก ี บ ั ผู ้อืน ่ ทีเ่ ป็ นเจ ้ากรรมนายเวร ความเชอ ้ อ ี ท ิ ธิพลมาก ถ ้าเราต ้องการทีจ ่ ะ ลดทอนผลแห่งกรรมทีเ่ ราได ้ทาไว ้ เราก็สร ้างความดี ความดีทเี่ ราทามันก็ทาได ้หลาย อย่าง ไม่จาเป็ นต ้องทาสงั ฆทานเสมอไป อย่างสมัยก่อนก็นย ิ มปล่อยนกปล่อยปลา ์ ้วยเชน ่ กัน การบวช หรือการเข ้าวัดปฏิบัตธิ รรมก็เป็ นตัวอย่างทีม ่ อ ี านิสงสด
การทาบุญโดยเริม ่ จากความคิดอยากได ้ประโยชน์จากบุญทีก ่ ระทาลงไป หรือ เลือกทาบุญทีจ ่ ะได ้ผลดีกบ ั ตัวเองมากๆ ท่านคิดเห็นกับเรือ ่ งนีอ ้ ย่างไรบ ้าง
การทาบุญแบบนีก ้ ็มป ี ระโยชน์อยู่ แต่พท ุ ธศาสนาถือว่าการทาบุญอย่างนีเ้ ป็ นการยึด ์ ากกว่านี้ ติด ยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่ แท ้ทีจ ่ ริงมีการทาบุญทีป ่ ระเสริฐหรือมีอานิสงสม นั่นคือการทาบุญทีไ่ ม่หวังผลตอบแทนแก่ตัว ไม่ได ้ทาบุญเพือ ่ หวังรวย ไม่ได ้ทาบุญ เพือ ่ ให ้เกิดความสุขสบายในชาติหน ้า เป็ นการทาบุญเพือ ่ ละตัวตน เพือ ่ ลดละกิเลส ทาไมเราถึงต ้องให ้ทาน ก็เพราะคนเรามักจะยึดติดในวัตถุ การทีพ ่ ท ุ ธศาสนาเน ้นเรือ ่ ง ั ดร การให ้ทาน ก็เพือ ่ ทีไ่ ด ้ละการยึดติดในวัตถุ เพือ ่ จะได ้มีอส ิ รภาพ อย่างพระเวสสน ทีท ่ า่ นเน ้นเรือ ่ งทานก็เพราะว่า ชว่ ยให ้พระองค์ได ้ละวางในสงิ่ ทีค ่ นเรายึดถือว่าเป็ นสงิ่ ทีส ่ าคัญ โดยท่านมุง่ ประโยชน์สงู สุดก็คอ ื การเข ้าถึงวิมต ุ ติ คืออิสรภาพ
แสดงว่าถ ้าเรานึกถึงแต่ประโยชน์ของเรา ก็ได ้บุญในด ้านการทาประโยชน์ทาง วัตถุ แต่ในแง่การยกระดับจิตใจยังไม่ได ้รับ ์ องบุญมี ๓ ขัน พุทธศาสนาถือว่าอานิสงสข ้ ขัน ้ แรกเรียกว่าทิฏฐธัมมิกต ั ่ การมีปัจจัยสเี่ ลีย ี ไม่ยากไร ้ เวลา ถะ หรือประโยชน์เบือ ้ งต ้น เชน ้ งชพ ่ าตร ประโยชน์สว่ นนีเ้ กิดขึน เราใสบ ้ กับพระ คือท่านมีอาหารฉั น เวลา
้ พระ ก็เกิดประโยชน์สว่ นนี้ เราถวายข ้าวสารอาหารแห ้ง หรือถวายอุปกรณ์เครือ ่ งใชแก่ ขึน ้ มา ั ปรายิกต ขัน ้ ทีส ่ องคือเกิดประโยชน์ทเี่ รียกว่าสม ั ถะ หมายถึงการมีจต ิ ใจผ่องใสสบาย ์ ื่ ว่าบุญที่ ปราศจากความเศร ้าหมองขุน ่ มัว คนเป็ นอันมากมุง่ อานิสงสข ้อนี้ โดยเชอ สะสมในชาตินจ ี้ ะอานวยอมยผืลให ้มีความสุขในภพหน ้า ประโยชน์ขน ั ้ ที่ ๓ ก็คอ ื ปรมัตถะ หมายถึงนิพพานหรือความอิสระอย่างสมบูรณ์ อันเกิด จากการละวางความยึดถือในตัวตน ถ ้าเราทาบุญโดยหวังแค่ตัดกรรมหรือหวังรวย ั ปรายิกต ประโยชน์ทเี่ กิดขึน ้ มีเพียง ๒ ประการ คือ ทิฏฐธรรมมิกต ั ถะ กับสม ั ถะ แต่วา่ ยังไปไม่ถงึ ทีส ่ ด ุ ทีค ่ วรจะได ้ก็คอ ื ปรมัตถะ
ทาบุญให้ได้บญ ุ
เวลามีงานบุญ เจ ้าภาพหวังจะให ้งานออกมาดี เรียบร ้อยถูกต ้องทีส ่ ด ุ แต่ก็ มักจะมีภาระให ้ต ้องจัดการหลายเรือ ่ ง เป็ นเหตุให ้เกิดความขุน ่ ข ้อง ขัดเคืองใจ ได ้ง่าย คนจัดงานบุญควรวางใจอย่างไร เพือ ่ ให ้ได ้บุญตามเจตนา
อันนีเ้ ป็ นตัวอย่างให ้เห็นว่าพิธก ี รรมมีความจาเป็ น เพราะว่าขณะทีเ่ ตรียมของถวายพระ หรือจัดการงานต่างๆ จิตใจเราจะขุน ่ มัวแต่วา่ อย่างน ้อยเราควรจะมีความสงบใจ ในชว่ งทีเ่ ราถวายทาน การมีพธิ ก ี รรมสว่ นหนึง่ ก็เพือ ่ ทาให ้คนทีก ่ าลังวุน ่ วายพอมารับ ี มาบูชาพระรัตนตรัย กล่าวนะโม อรหัง สม ั มา ความวุน ศล ่ วายทีเ่ กิดจากการทางาน เตรียมงานก็จะค่อยๆ สงบ จิตก็จะเป็ นสมาธิ ดีกว่าออกจากครัวแล ้วก็มาถวายของให ้ พระเลย จิตก็ยังวุย ่ วายอยู่ เพราะฉะนัน ้ นีค ่ อ ื ความจาเป็ นทีค ่ นโบราณ ต ้องมีพธิ ก ี รรม เพือ ่ ให ้คนทีก ่ าลังวุน ่ วายจากการเตรียมงาน ได ้มีโอกาสน ้อมจิตให ้สงบ ซงึ่ ก็ทาให ้ ได ้รับอานิสงส ์ ของบุญเพิม ่ ขึน ้
แต่ถ ้าจะให ้ดีกว่านัน ้ เราควรเตรียมจิตเตรียมใจสาหรับงานบุญโดยตระหนักอยูเ่ สมอว่า การทีเ่ รามีสติในระหว่างทีเ่ ราทางาน การทีเ่ รามีสมาธิในระหว่างทีเ่ ราทางานก็เป็ นบุญ เป็ นบุญมากด ้วย ขณะเดียวกัน การระงับความหงุดหงิดขุน ่ ข ้องหมองใจก็เป็ นการ ปฏิบัตธิ รรมอย่างหนึง่ เหมือนกัน และมีความสาคัญมากด ้วย ดังนัน ้ จึงควรเอางานบุญ เป็ นโอกาสทีจ ่ ะได ้ฝึ กฝนตนเองทางจิตใจ คนสว่ นใหญ่มักจะมีความเครียดจากการเตรียมงาน ก็เพราะว่ากลัวว่าจะทาได ้ไม่ดห ี รือ ว่าเงินได ้น ้อยไป นั่นเป็ นเพราะเราไปให ้ความสาคัญกับเงินมากกว่าเรือ ่ งของจิตใจ ถ ้า เราทาโดยตระหนักว่าเจตนาและคุณภาพจิตเป็ นสงิ่ สาคัญกว่าเงิน แม ้เงินจะได ้น ้อย แต่เราทาด ้วยเจตนาดี มีความภาคภูมใิ จทีไ่ ด ้ทา ก็เท่ากับได ้บุญแล ้ว นอกจากนัน ้ การ ่ นีย วางจิตวางใจเชน ้ ังชว่ ยให ้เราได ้ฝึ กการปล่อยวางด ้วย ถ ้าเราปล่อยวางเป็ นก็จะ ์ ห่งบุญมากขึน ได ้รับได ้อานิสงสแ ้ ดังนัน ้ จึงพึงระลึกว่า ระหว่างเตรียมงานก็เป็ นการ ทาบุญด ้วยอย่างหนึง่
กรณีทเี่ ราเป็ นเจ ้าภาพ จะต ้องบอกบุญอย่างไรถึงจะไม่เป็ นภาระกับผู ้อืน ่
การบอกบุญคล ้าย ๆ กับเป็ นการเปิ ดโอกาสให ้คนได ้ทาดี อันนีก ้ ็ เรียกว่าเป็ นบุญอย่างหนึง่ เรียกว่าปั ตติทานมัย คราวนีเ้ ราต ้อง ่ งให ้คนได ้ทาดีนะ เราอย่าไปยึดที่ ตัง้ จิตว่านีเ้ ป็ นการเปิ ดชอ จานวนเงินทีเ่ ราจะได ้รับหรืออย่าไปตัง้ เป้ าทีต ่ ัวเงิน ถ ้าเราไปให ้ ความสาคัญทีเ่ ป็ นตัวเงินนีเ่ ราจะทุกข์ ถ ้าเกิดว่าเขาให ้น ้อยหรือ ึ โมโห อันนีก บอกบุญแล ้วเขาเฉย ไม่ได ้ร่วมทาบุญ ก็อาจจะรู ้สก ้ ็ ไม่ได ้บุญแล ้ว เพราะบุญนีม ่ ันต ้องทาด ้วยจิตทีเ่ มตตา จิตทีเ่ บิก บาน ทาแล ้วจิตกลับหดหูเ่ ศร ้าหมอง มันก็ไม ้ได ้บุญ เรียกว่าทาบุญกลับได ้บาป ต ้อง ถือว่าเราเพียงแค่การเปิ ดโอกาสให ้คนทาดีก็เป็ นบุญแล ้ว
่ ซองผ ้าป่ า ซองกฐิน โดยเฉพาะชว่ ง บางครัง้ เราได ้รับการบอกบุญ เชน ึ ตัดราคาญหรือเกรงใจเจ ้าภาพ ถือ เทศกาล เราร่วมทาบุญบริจาคด ้วยความรู ้สก ว่าเราได ้บุญหรือเปล่า
มันก็เป็ นการทาบุญ แต่เป็ นการทาบุญในแง่ทวี่ า่ ก่อให ้เกิดประโยชน์แก่ผู ้รับ การให ้ ี หรือสต ั ว์เดรัจฉาน ก็มอ ์ ้วยเชน ่ กัน แต่ ทานแก่ใครก็ตาม แม ้กระทั่งมิจฉาชพ ี านิสงสด ์ ห่งบุญแบบนี้ จะบังเกิดน ้อยลงหากเราทาบุญโดยไม่ได ้มีความแชม ่ ชน ื่ ว่าอานิสงสแ ื่ แห่งความสุข ถ ้าทาแล ้วไม่มค เบิกบานใจเลย เพราะบุญนัน ้ คือชอ ี วามสุข ก็แสดงว่า ไม่เกิดบุญในใจเรา ดังนัน ้ เราจึงควรทาด ้วยความเต็มใจ ด ้วยความปรารถนาดี ไม่ได ้ ไปทาเพราะเกรงใจ และไม่ฬด่งให ้ความสาคัญกับจานวนเงิน แต่ขอให ้ทาด ้วยเจตนา ดี
บางคนตัวเองทาบุญด ้วยความเต็มใจ แต่วธิ ก ี ารอาจจะเบียดเบียนตัวเองหรือ ่ ไปกู ้เงินมาทาบุญหรือว่าเอาทรัพย์ซงึ่ เป็ นของครอบครัวไป ครอบครัว เชน ทาบุญ โดยทีญ ่ าติอาจจะไม่ได ้เห็นดีด ้วย อย่างนีถ ้ อ ื เป็ นการหลงบุญได ้ไหม
นีเ่ ป็ นเพราะเราไปเข ้าใจว่าบุญ หมายถึงการให ้ทานเท่านัน ้ ฉะนัน ้ ถ ้าอยากจะทาบุญก็ ่ กัน คิดว่า จะต ้องให ้ทานอย่างเดียว โดยไม่ได ้คิดว่าทาความดีอย่างอืน ่ ก็เป็ นบุญเชน
แม ้จะไม่ได ้ให ้ทาน เมือ ่ เราคิดว่าต ้องทาบุญด ้วยวัตถุแล ้ว ดังนัน ้ เมือ ่ ไม่มก ี ็ต ้องไปหา มาให ้ได ้ จนกระทั่งไปกู ้มา นีเ้ ป็ นความเข ้าใจทีไ่ ม่ถก ู ต ้องในการทาบุญ อีกเหตุผลหนึง่ คือความเข ้าใจว่าบุญ จะได ้มากก็ตอ ่ เมือใ่ ห ้มาก บุญขึน ้ อยูก ่ บ ั ปริมาณ ่ ึ ่ ของเงินทีใ่ ห ้ ซงไม่ใช แม ้ให ้เพียงเล็กน ้อยแต่ให ้ด ้วยจิตทีป ่ รารถนาดี ให ้ถูกต ้องตาม ั หลักสปปุรส ิ ทานก็ได ้บุญแล ้ว ปั ญหาอยูท ่ ผ ี่ ู ้คนยังเข ้าใจเรือ ่ งบุญไม่ถก ู ต ้อง ทาแล ้วจึง เกิดความไม่สบายใจและทาให ้คนอืน ่ พลอยเดือดร ้อนไปด ้วย เราทุกคนควรระลึกอยูเ่ สมอว่าในฐานะทีเ่ ป็ นคนในครอบครัวเราก็มห ี น ้าทีต ่ ้อง รับผิดชอบ การทาหน ้าทีใ่ ห ้ถูกต ้องในฐานะทีเ่ ป็ นพ่อแม่ ก็เป็ นการทาบุญ เป็ นการ ิ ก่อ ปฏิบัตธิ รรมเหมือนกัน ทีนถ ี้ ้าเราไม่ได ้ทาหน ้าทีถ ่ ก ู ต ้องเพราะเราไปสร ้างหนีส ้ น ความเดือดเนือ ้ ร ้อนใจแก่ผู ้อืน ่ แม ้จะเป็ นการกระทาในนามของการทาบุญก็ตาม ก็ไม่ ถือว่าเป็ นการปฏิบัตธิ รรมทีถ ่ ก ู ต ้อง
่ เรา อย่างกรณีทเี่ ราทาบุญ ซงึ่ อาจจะไปสนับสนุนการเอารัดเอาเปรียบผู ้อืน ่ เชน ั ว์มาขาย หรือเวลาเราตัก ปล่อยนกปล่อยปลา ก็ไปสนับสนุนให ้มีคนไปจับสต บาตรซงึ่ เป็ นร ้านค ้าทีเ่ ขาเอาอาหารมาเวียนขาย กรณีแบบนีเ้ ราควรจะมีทา่ ทีตอ ่ การทาบุญด ้วยวิธเี หล่านีอ ้ ย่างไร
การทาบุญดังกล่าว ความจริงก็ได ้บุญอยูแ ่ ล ้ว เพราะเรา ไม่มเี จตนาร ้าย เราต ้องการให ้นกให ้ปลาได ้อิสรภาพที่ เป็ นจริง เราถวายอาหารให ้แก่พระ เราก็ทาด ้วยเจตนาดี แต่สว่ นใหญ่ทาไปโดยไม่รู ้ หรือแม ้กระทั่งไม่ใสใ่ จว่า จะเกิดผลอย่างไรกับนกกับปลาทีป ่ ล่อย อะไรจะเกิด ขึน ้ กับอาหารทีถ ่ วายพระ ตรงนีเ้ องทีท ่ าให ้เรือ ่ งการ ทาบุญ ต ้องมีสงิ่ หนึง่ เข ้ามาประกอบด ้วย ก็คอ ื การมี ปั ญญา และการมีสติ การมีปัญญาและการมีสติ คือการทาด ้วยความตระหนัก ั ปุรส ั บุรษ รู ้ ในทางพุทธศาสนา ในหลักคาสอนเรือ ่ งสป ิ ทาน คือการให ้ทานแบบสป ุ พระพุทธองค์ทา่ นให ้ความสาคัญแก่ปัญญาด ้วย คือพึงให ้โดยรู ้ว่า ของทีใ่ ห ้มี ประโยชน์แก่ผู ้รับหรือไม่เพียงใด ถ ้าทาโดยไม่รู ้เรือ ่ งเลยว่า ของทีใ่ ห ้นัน ้ มีประโยชน์ ่ ถวายเหล ้า บุหรี่ ยาชุดยาซองหรือสงิ่ ทีไ่ ม่เหมาะสม แก่ผู ้รับหรือไม่ ก็ได ้บุญน ้อย เชน แก่พระ เพราะฉะนัน ้ เราต ้องมี ความตระหนักรู ้ มีสติ มีปัญญา ควบคูไ่ ปกับการทาบุญ ต ้อง พิจารณาด ้วยว่าสงิ่ ทีเ่ ราให ้ มีประโยชน์แค่ไหน ดังมีพท ุ ธพจน์บอกว่า การให ้อย่าง เลือกเฟ้ นหรือวิไจยทานเป็ นกรรมทีพ ่ งึ สรรเสริญ ดังนัน ้ แทนทีจ ่ ะหลับหูหลับตาให ้ เรา ควรให ้ด ้วยการพิจารณาไตร่ตรอง ใคร่ครวญว่าของทีเ่ ราให ้นัน ้ มีประโยชน์แก่ผู ้รับไหม ก่อผลกระทบอย่างไรบ ้าง (สมัยนีค ้ วรต ้องพิจารณารวมไปถึงผลกระทบต่อสงิ่ แวดล ้อม ่ เราจะปล่อยนกปล่อยปลา เราก็ต ้องพิจารณาว่า นกปลาทีเ่ ราปล่อยนัน ด ้วย) เชน ้ ได ้รับอิสรภาพจริงอย่างทีเ่ ราต ้องการหรือเปล่า
คูม ่ อ ื การทําบุญอย่างฉลาด ตอนที่ ๔ เวลามสูตร : เปรียบเทียบผลบุญชนิดต่างๆ ั ตก-อัฏฐก-นวกนิบาต ทีม ่ า : พระไตรปิ ฎก พระสุตตันตปิ ฎก อังคุตตรนิกาย สต
เนือ ่ งจากเวลามสูตรนี้ เป็ นพระสูตรทีม ่ เี นือ ้ หาบางตอนทีเ่ ข ้าใจได ้ค่อนข ้างยาก ผู ้ดําเนินการจึงได ้ทําการสรุป โดยนํ าเอาเนือ ้ หาทีส ่ ําคัญมาจัดเรียงแยกเป็ นข ้อๆ เพือ ่ ให ้ ง่ายในการทําความเข ้าใจ ดังนี้ พระพุทธเจ ้าได ้ตรัสแก่ทา่ นอนาถบิณฑิกเศรษฐี ณ พระวิหารเชตวัน ใกล ้พระนครสาวัตถี ี แคว ้นโกศล ถึงผลบุญทีเ่ กิดขึน ้ จากการทําบุญประเภทต่างๆ ตัง้ แต่การให ้ทาน รักษาศล เจริญภาวนา (คําว่าบุญนัน ้ คือการชําระจิตให ้ผ่องใสจากกิเลส มีหลายวิธ ี ไม่ใชเ่ ฉพาะ การให ้ทานเท่านัน ้ ) ว่าอย่างไหนให ้บุญมาก/น ้อย แตกต่างกันอย่างไร มีรายละเอียดสรุป ได ้ดังนี้ พระพุทธเจ ้าตรัสว่า : บุคคลให ้ทานอันเศร ้าหมอง หรือประณีตก็ตาม (ในทีน ่ ห ี้ มายถึงการ ให ้ของทีม ่ รี าคาถูกมีสภาพไม่น่าดู หรือของทีม ่ รี าคาแพงประณีตสวยงาม เพราะในตอน นัน ้ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ประสบภัยพิบต ั ห ิ ลายอย่าง ทําให ้ฐานะยากจนลง ไม่ ั ้ ดีได ้อย่างเมือ สามารถทําบุญด ้วยอาหารชน ่ ก่อน ทําได ้แค่เพียงปลายข ้าวกับนํ้ าผักดอง เท่านัน ้ ) แต่ให ้ทานนัน ้ โดยความเคารพ ทําความนบนอบให ้ ให ้ด ้วยมือตนเอง ให ้ของที่ ื่ กรรมและผลของกรรม ย่อมได ้ผลบุญมาก และได ้ทรงแจกแจงรายละเอียด ไม่เหลือ เชอ ของผลบุญจากการทําบุญชนิดต่างๆ ไว ้ดังนี้ - การให ้ทานโสดาบันท่านเดียว ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานแก่ปถ ุ ช ุ นจํานวนมาก - การให ้ทานโสดาบัน 100 ท่าน ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานโสดาบันท่านเดียว - การให ้ทานสกทาคามีบค ุ คลท่านเดียว ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานโสดาบัน 100 ท่าน - การให ้ทานสกทาคามีบค ุ คล 100 ท่าน ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานสกทาคามีบค ุ คลท่าน เดียว - การให ้ทานอนาคามีบค ุ คลท่านเดียว ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานสกทาคามีบค ุ คล 100 ท่าน - การให ้ทานอนาคามีบค ุ คล 100 ท่าน ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานอนาคามีบค ุ คลท่าน เดียว - การให ้ทานพระอรหันต์ทา่ นเดียว ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานอนาคามีบค ุ คล 100 ท่าน
- การให ้ทานพระอรหันต์ 100 ท่าน ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานพระอรหันต์ทา่ นเดียว - การให ้ทานพระปั จเจกพุทธเจ ้าพระองค์เดียว ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานพระอรหันต์ 100 ท่าน - การให ้ทานพระปั จเจกพุทธเจ ้า 100 พระองค์ ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานพระปั จเจก พุทธเจ ้าพระองค์เดียว ั พัญ�ูพท - การให ้ทานพระสพ ุ ธเจ ้าพระองค์เดียว ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานพระปั จเจก พุทธเจ ้า 100 พระองค์ - การให ้ทานภิกษุ สงฆ์มพ ี ระพุทธเจ ้าเป็ นประมุข (สงั ฆทาน - การให ้ทานโดยไม่ได ้ ั พัญ�ูพท เจาะจงว่าต ้องเป็ นภิกษุ รป ู นัน ้ รูปนี)้ ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานพระสพ ุ ธเจ ้า - การสร ้างวิหารถวายสงฆ์ผู ้มาจากทิศทัง้ 4 (ให ้โดยไม่เจาะจงผู ้รับว่าต ้องเป็ นภิกษุ รป ู นัน ้ รูปนี)้ ได ้ผลบุญมากกว่าให ้ทานภิกษุ สงฆ์มพ ี ระพุทธเจ ้าเป็ นประมุข - การทีบ ่ ค ุ คลมีจต ิ เลือ ่ มใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็ นสรณะ ได ้ผลบุญมากกว่า การสร ้างวิหารถวายสงฆ์ผู ้มาจากทิศทัง้ 4 ี 5 ได ้ผลบุญมากกว่าการทีบ - การรักษาศล ่ ค ุ คลมีจต ิ เลือ ่ มใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็ นสรณะ - การเจริญเมตตาจิต (เป็ นการทําสมาธิรป ู แบบหนึง่ ) แม ้เพียงเวลาสูดดมของหอม ได ้ผล ี 5 บุญมากกว่าการรักษาศล ั ญาแม ้เพียงลัดนิว้ มือ (การเจริญอนิจจสญ ั ญาคือการพิจารณาถึง - การเจริญอนิจจสญ ความไม่เทีย ่ ง ซงึ่ เป็ นการเจริญวิปัสสนาอย่างหนึง่ เพียงลัดนิว้ มือคือเพียงเท่าเวลาทีด ่ ด ี นิว้ มือ 1 ครัง้ ) ได ้ผลบุญมากกว่าการเจริญเมตตาจิตแม ้เพียงเวลาสูดดมของหอม หมายเหตุ พระพุทธเจ ้ามี 2 ประเภทคือ ั ธรรมได ้เองโดยไม่ได ้ฟั งคําสอนจากใคร แต่สอนผู ้อืน 1.) พระปั จเจกพุทธเจ ้า - ตรัสรู ้สจ ่ ให ้รู ้ตามไม่ได ้ จะอุบต ั ข ิ น ึ้ ในชว่ งทีโ่ ลกว่างเปล่าจากศาสนา ั พัญ�ูพท ั ธรรมได ้เองโดยไม่ได ้ฟั งคําสอนจากใคร และ 2.) พระสพ ุ ธเจ ้า - ตรัสรู ้สจ ่ พระพุทธเจ ้าทีเ่ รารู ้จักกันทัว่ ไป สามารถสอนผู ้อืน ่ ให ้รู ้ตามได ้ด ้วย เชน ข ้อสงั เกต - การเจริญวิปัสสนาจะได ้บุญมากกว่าอย่างอืน ่ เพราะเป็ นการฟอกจิตให ้หมดจดจาก กิเลสได ้มากทีส ่ ด ุ ซงึ่ ถ ้าทําได ้ถึงขัน ้ สูงก็จะทําลายกิเลสได ้อย่างถาวร และเมือ ่ บรรลุเป็ น พระอรหันต์ก็จะเป็ นบุญขัน ้ สูงทีส ่ ด ุ
- การทําสมาธิจะได ้บุญรองลงมา เพราะเป็ นการกัน ้ จิตจากนิวรณ์ได ้ตราบเท่าทีส ่ มาธิยงั อยู่ (ดูเรือ ่ งนิวรณ์ 5 และวิธแ ี ก ้ไข ในหมวดสมถกรรมฐาน (สมาธิ) ประกอบ) ี จะได ้บุญรองจากการทําสมาธิ เพราะเป็ นการขัดเกลาจิตจากกิเลสขัน - การรักษาศล ้ หยาบ คือการล่วงละเมิดทางกายและทางวาจา - การมีจต ิ เลือ ่ มใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็ นสรณะ คือการหันมานับถือ พระพุทธศาสนา ให ้ผลบุญมากเพราะเป็ นการหันมารับเอาความเห็นทีถ ่ ก ู ต ้อง ั มาทิฏฐิ) ซงึ่ จะเป็ นจุดเริม (สม ่ ต ้นของการพัฒนาจิตด ้วยวิธก ี ารทัง้ ปวง - การให ้ทานแก่สงฆ์ (สงั ฆทาน) จะได ้บุญมากกว่าการให ้ทานแบบเจาะจงตัวผู ้รับ เพราะ ใจเปิ ดกว ้างกว่า (ต ้องไม่เจาะจงตัวผู ้รับด ้วยใจทีแ ่ ท ้จริงถึงจะได ้บุญมาก) - การให ้ทานแบบเจาะจงตัวผู ้รับนัน ้ จะให ้ผลบุญลดหลัน ่ กันไปตามขัน ้ ของความบริสท ุ ธิ์ ของจิตของผู ้รับ (ดูเรือ ่ งอริยบุคคล 8 ประเภท ในหมวดวิปัสสนา (ปั ญญา) ประกอบ
รวบรวมโดยธ ัมมโชติ