เรียนทานผูอาน
โอวาทสีข่ องทานเหลีย่ วฝาน
บทประพันธ เอวี๋ยน เหลี่ยวฝาน
แปลและเรียบเรียง เจือจันทน อัชพรรณ (มิสโจ)
ผูพิม พไดหยิบยืมหนัง สือเลม นี้จากเพื่อนผูห นึ่ง เมื่อไดอานแลว เห็นวามี ประโยชน ประกอบกั บเห็นวา ผูแปล (มิส โจ) มีจุด ประสงค ที่ จ ะให พิ ม พ เ ผยแพร เ ป น วิ ท ยาทานโดยไม จํ า กั ด จึ ง ได คั ด ลอก หนั ง สื อ เล ม นี้ จ ากต น ฉบั บ ของโรงเจลั้ ง เต็ ก ตึ้ ง ที่ จั ด พิ ม พ โ ดย ทพ. บั ญ ชา ศิ ริ ไ กร เพื่ อ เผยแพร แ ก ผู ส นใจ โดยผู พิ ม พ พ ยายาม รัก ษาขอความใหเหมือ นตนฉบับเดิม มากที่สุด จะมียกเวนขอความ บางส ว นที่เ ป น ภาษาจี น ได ถู ก ตั ด ออก รวมทั้ ง มี ก ารปรั บ เปลี่ ย น การเวนวรรคและจัดยอหนาบางสวน นอกจากนี้ผูพิมพไดแนบคาถา ชินบัญชรและบทแผเมตตา เพิ่มเติมไวตอนทายของหนังสือดวย หากมี ค วามผิ ด พลาดประการใด ผู พิ ม พ ข ออภั ย ไว ณ ที่ นี้ และหากจะมีค วามดี อยู บาง ก็ข ออุทิศ กุศ ลผลบุ ญที่ บัง เกิ ดจงมี แ ด ผูแตง ผูแปล ผูจัดพิมพตนฉบับ เจาของหนังสือ บุพการี ครอบครัว ญาติพี่นอ ง เพื่อ นฝูง เจากรรมนายเวร และอื่ นๆ ทั้ง ที่เ อ ยถึ งและ ไมไดเอยถึง ผูพิมพ มกราคม 2550
คํานํา
บทนํา
หนังสือ โอวาทสี่ของทานเหลี่ยวฝาน เปนหนังสือที่ทรงคุณ คา มี ค ติ ส อนใจที่ ใ หส าระมากมายสํา หรั บ การดํ า เนิ น ชี วิ ต ที่ ถู ก ต อ ง แม จ ะเป น หนั ง สื อ ค อ นขางโบราณก็ ต าม แต ก็เ ป น โอวาทที่ ยั ง ใช ไ ด ทุก ยุคทุก สมัย และดวยความเมตตาของทานเจื อจันทน อัช พรรณ (มิสโจ) ที่ไดบรรจงถอดความเรียบเรียงเปนบทภาษาไทยที่สละสลวย กอปรด ว ยภู มิ ป ญ ญาทางภาษาศาสตร ร ะดั บ มหาวิ ท ยาลั ย แห ง Hong Kong จึง ทํ าใหห นัง สือ เล มนี้ สมบูร ณทั้งเนื้อ หาและสํานวน ที่ ห าผู เ ปรี ย บได ย าก หนั ง สื อ เล ม นี้ ไ ด ถู ก ตี พิ ม พ ค รั้ ง แล ว ครั้ ง เล า จนไมอาจหาสถิติยอดพิมพได เพราะทาน มิส โจ มีจิตเมตตาอนุญาต ใหพิมพเปนวิทยาทานโดยไมจํากัด จึงทําใหหนังสือเลมนี้มีก ารพิม พ ออกมาแจกจายตลอดเวลาเสมอมา
ตนฉบับดั้งเดิมของหนังสือนี้ เปนภาษาจีนโบราณสมัยราชวงศ หมิง (ค.ศ. 1368-1644 หรือ พ.ศ. 1911-2187) ทานผูนิพนธ มีนามวา เหลี่ยวฝาน (สังเกตจากที่ทานเลาใหลูกฟง ทานคงเกิดในราว ค.ศ. 1549 หรือ พ.ศ. 2092 ทานเขียนหนังสือนี้เมื่ออายุ 69 หนังสือ นี้จึงมีอายุประมาณ 363 ป) แรกเริ่มเดิมที ทานมีนามวา เอวี๋ยนเสวียหาย ทานเปนขุนนางจีน ในแผนดินหมิง กอนที่จะไดเขารับราชการ ทานไดพบพระเถระที่ทรง คุณวิเศษทานหนึ่ง ไดสอนใหทานเขาถึงพระพุทธศาสนาอยางแทจริง ทานเหลี่ยวฝานจึงตั้งปณิธานที่จะหลุดพนจากความเปนบุถุช นใหได โดยพัฒนาตนเองดวยวิธีข องพระผูมีพระภาค คือการปฏิบัติอยาง จริ ง จั ง ในศี ล สมาธิแ ละป ญ ญา แล ว เปลี่ ย นชื่ อ ตนเองเสี ยใหม ว า “เหลี่ยวฝาน” ซึ่งมีความหมายตรงตามปณิธานที่ตั้งไว
ขาพเจา ก็เปนอีก ผูหนึ่งที่ตระหนักเห็นถึงคุณ คาของหนังสือนี้ เปนอยางดี และไดรวบรวมจํานวนเงินที่เหลาญาติธรรมบริจาคสมทบ พิมพขึ้นอีกครั้ง ขออานิส งสจากการพิมพค รั้งนี้ จงเปนพลวะปจจัย ใหทั้งผูแปลและรวมพิมพ จงประสบในสิ่งพึงปรารถนาดวยเทอญ
เมื่อการปฏิวัติราชวงศแมนจูของทานซุนยัดเซ็นผานไปได 30 ป พ.ศ. 2485 เปนขณะที่วัฒนธรรมตะวันตกไดไหลหลั่งเขามาทวมทน วัฒ นธรรมดั้ ง เดิ ม ของจี น อย างน า กลัว นั ก ปราชญ ช าวพุ ท ธจี น ท า นหนึ่ ง มี น ามว า ฮหวางจื้ อ ห า ย ท า นเห็ น ว า หนั ง สื อ ของท า น เหลี่ ยวฝานนี้ มีคุณ ค าต อชีวิ ตของทานอยางลน เหลื อ จึ งใครจ ะให อนุ ช นรุน ต อๆ ไป ไดศึ ก ษาและถือ เปน แบบฉบั บ ในการประพฤติ ดี ปฏิบัติช อบอยางทั่วถึง เพื่อหยุดยั้งกระแสแหงวัฒนธรรมตะวันตก เพื่ออนุรัก ษค วามเปนคนจีนดั้งเดิมที่เต็มเปยมดวยคุณธรรมความ ดีง ามตามหลั ก ธรรมคํ าสั่ง สอนของสมเด็ จ พระสั ม มาสัม พุ ทธเจ า ใหคงอยูตอไป
ดวยความนับถือ ทพ. บัญชา ศิริไกร 1 มิถุนายน 2542
2
โดยที่ตนฉบับเปนหนังสือจีนโบราณ มีค วามหมายลึกซึ้งยิ่งนัก ยากที่คนรุนปจจุบันจะเขาถึงอรรถรสไดทั้งหมด ความจริง ทานฮหวาง ตองการอนุรักษหนังสือจีนโบราณไวเพื่อใหชาติจีนคงอยู ถึงกับสอน หนังสือจีนโบราณตั้งแตชั้นเล็กๆ ในโรงเรียนของทาน ภาษาสมัยใหม เพียงแตใชประกอบการอธิบายใหนักเรียนเขาถึงอรรถรสของหนังสือ จีน โบราณยิ่ง ขึ้ น เท านั้ น แต มีผู ข อร องทานว า การอานหนั ง สือ ที่ ดี แตไมสามารถเขาใจไดโดยงาย ทําใหผูอานขาดความกระตือรือรน และ เมื่อหมดความสนใจเสียแลว ก็ยอมไมไดผลสมเจตนารมณที่ทานตั้งไว ทานเห็นดว ย จึงเริ่มเรียบเรียงเสียใหม เมื่อ พ.ศ. 2485 พิม พดวย หนังสือจีนปจ จุบันที่เปนภาษาพูดของชาวบาน เพื่อเปดโอกาสใหผูที่ ไมรูหนังสือเลย เมื่อมีคนอานใหฟ งก็จ ะเขาใจ สามารถนําไปปฏิบั ติ ใหไดผลดั่งผูที่รูหนังสือเชนกัน
ความชั่ วของทานเอง ที่เ ปนความนึก คิ ดและพฤติก รรมในแตล ะวั น โดยไมเ ขาขางตนเอง จากวันเปนเดือน จากเดือนเปนป บันทึก อยาง ละเอี ย ดลออ ไม ว า จะเป น การแสดงออกทางกาย วาจา หรื อ ใจ เมื่ อเวลาไดผ านไป 2 - 3 ป ปรากฏว าความชั่ว ไดล ดน อยถอยลง ความดีปรากฏมากขึ้น นิสัยใจรอนขี้โกรธก็หายไป จิตใจสงบเยือกเย็น เปนสุข หายจากโรคภัยไขเจ็บ ดว ยคุณ ความดีของหนังสือนี้โดยแท ทําใหทานเปลี่ยนแปลงไปเปนคนละคนกับแตกอน ทานอาศัยแนวทาง ของหนังสือนี้ดุจเข็มทิศ ดําเนินชีวิตไปไดอยางสงบสุขราบรื่น ไมมีอัน ตองตกต่ําเปนอันธพาล เพราะมิไดกออกุศลกรรมที่ทําใหเกิดความ เดือ นรอนทั้งกายและใจแตอยางใด ทานจึงรับตรวจแกใหดวยความ เต็มอกเต็มใจยิ่ง เพื่อบูชาพระคุณของทานเหลี่ยวฝาน เพื่อประโยชนสุข ของอนุชนรุนหลัง เพื่อความผาสุกของประชาชาติทั้งมวลในโลกนี้
สาธุ นัก ปราชญที่เขาถึงพุทธรรม ยอมไมถือความเห็นของตน เปนใหญเสมอไป ทานยอมโอนออนตามความจําเปนเพื่อประโยชนสุข ของชนหมู ม ากเป น ที่ ตั้ ง ข า พเจ า ก็ เ ป น ผู ห นึ่ ง ที่ ไ ด รั บ ประโยชน นี้ เปนอยางยิ่ง จึงขอกราบขอบพระคุณทานฮหวางมา ณ ที่นี้ดวย
ในขณะที่ ห นั ง สื อ นี้ อ อกสู ส ายตาของชาวโลกอี ก วาระหนึ่ ง ไม ท ราบว า ท า นฮหวางอายุ เ ท า ใด แต ท า นเจี่ ย งนั้ น อายุ 71 ป และยั ง เป น อาจารย ส อนที่ ม หาวิ ท ยาลั ย แห ง หนึ่ ง ถ าท านอายุ ยื น ถึงวันนี้ ก็จะมีอายุ 109 ป แลว สําหรับทานเหลี่ยวฝานนั้น ถาทาน มีอ ายุจ นถึง วั น นี้ ก็ จะมีอ ายุ 432 ป โดยประมาณ อย างไรก็ ต าม ไม ว า ทา นทั้ ง สามจะสถิ ต ณ ภพใด ข า พเจ า ผู อ อ นทั้ ง คุ ณ และวุ ฒิ ขอกราบคารวะทานดวยความเคารพอยางสูง และกราบขออนุญาต ท า น ทางจิ ต ที่ บั ง อาจคิ ด ถ อดความหนั ง สื อ นี้ เ ป นภาษาไทย อี ก ทั้ ง สมาคมพุ ท ธรรมแห ง ฮ อ งกงด ว ย ด ว ยกุ ศ ลเจตนาของ ท า นทั้ง หลายที่ก ล า วนามมานี้ และด ว ยแรงกระตุ น ของมิ ส เตอร และมิ ส ซิ ส โฮ ที่ มี เ จตนารมณ เ ช น เดี ย วกั บ ท า น เพี ย งปรารถนา ให พี่ น อ งชาวไทยได รู จั ก กั บ หนั ง สื อ นี้ มี โ อกาสนํ า ไปประพฤติ ปฏิ บัติ ไ ด เพื่อ ให ถึ งพร อมดว ยคุณ ธรรมความดีง าม อั นเป นนิ สั ย
เมื่อทานเรียบเรียงดีแลว ก็นําไปขอใหทานอาจารยเจีย่ งเอวยเฉียว ตรวจแกอี ก ครั้ง หนึ่ งด วยความไมป ระมาท เพราะทา นต องการให หนังสือนี้ขาดตกบกพรองนอยที่สุด ทานอาจารยเ จี่ย งก็เ ปน อีก ท า นหนึ่ ง ที่ได รั บ อิ ทธิ พ ลอัน ดี ง าม จากหนั ง สื อ เล ม นี้ ม ากมาย ท า นเขี ย นเล า ไว ว า เมื่ อ ท า นอายุ ไ ด 15-16 ป นั้น รางกายออนแอ มักเจ็บไขไดปวย ทําใหขาดเรียนเสมอ ทานบิดาจึงนําหนังสือนี้มาใหทานอาน ทานยิ่งอานก็ยิ่งชอบใจ ถึงกับ ลงมือปฏิบัติตามคําแนะนําในหนังสือทันที โดยทําบัญชีบันทึกความดี 3
ของบรรพชนไทยที่ได รับอิ ทธิพ ลของพระพุท ธศาสนา อันชาวไทย รุนตอๆ ไป ควรรับ ไวเป นแบบอยาง ไมใ ชถูก คลื่น แหงวัฒ นธรรม ตะวั น ตกพั ด พาไปตามยถากรรม จนคนไทยไม เ ป นตัว ของตั ว เอง ได โ ปรดหยุด ทํ า ตั ว เป นฝรั่ง ดึง ความเป น ไทยกลั บ คื น มา ช ว ยกั น ยังความผาสุกใหเกิดขึ้นแกประเทศชาติอันเปนที่รักของเราชาวไทยเถิด หากการถอดความทั้งหมดนี้ จะมีขอขาดตกบกพรองประการใด ขอท านไดโ ปรดใหอ ภัย แกข าพเจา ผูรูน อยด วยเถิด จัก เป นพระคุ ณ อยางยิ่ง เจือจันทน อัชพรรณ (มิสโจ) วันวิสาขบูชา จันทรที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2524
4
สัจธรรม
สารบาญ หนา บทนํา
2
กอนเริ่มเรื่อง
6
คุยกับทานผูอาน
7
โอวาทขอที่หนึ่ง การสรางอนาคต
12
โอวาทขอที่สอง วิธีแกไขความผิดพลาด
23
โอวาทขอที่สาม วิธีสรางความดี
28
โอวาทขอที่สี่ ความถอมตน
44
ลําดับการสอบไลของจีนโบราณ
48
คําอธิบายอายตนะโดยยอ
49
เมื่อเกิดมา กรรมของเจา ทั้งทุกขสุข ทุกตัวตน
ใชจะมา ตามมาดวย ชั่ว ดี มีกรรม
แตตัวเปลา ชวยสงผล มีระคน ชักนําไป
เมื่อเกิดมา เจาจะเอา เหมือนกับเงา นําผลให
มีกรรม กรรมนั้น ที่เฝา เกิดทุกขสุข
มาตามเจา ไปไวไหน ตามเจาไป ทุกเวลา
จงทําดี สิ้นจากทุกข ไดรับผล ทั้งชาตินี้
ไวเถิด สบโชคชัย กุศลกรรม ชาติหนา
จะเกิดสุข ที่ใฝหา ล้ํานําพา ผาสุกเอย
น.พ. อาจินต บุณยเกตุ 14 ก.พ. 2531
5
มิใ ชขอชี้ ข าดที่จ ะแก ไขมิ ได จะดีจ ะชั่ ว มิใ ชฟ าดิน จะบั นดาลใหโ ดยไม คํานึงถึงเหตุผ ล ตัวเราเองตางหากคือผูกําหนดอนาคตของตนเอง บุถุชนมักมองชีวิตวาถูกลิขิตมาแลวแนนอนกอนเกิดเสียอีก ความจน ความรวย ความสูง ศักดิ์ความต่ําตอย ความบุญมั่นขวัญยืนหรือไม ลว นแตเกิดจากผลแหงกรรม อันเปนการกระทําดวยเจตนาที่ดีบาง ชั่ว บา ง ที่ ต นเองได ส รา งสมไว แต ช าติ ป างก อ น วิ บ ากย อ มส ง ผล ของชาติ ที่ แ ล ว มาบา ง ที่ ย อ นขึ้ น ไปอี ก หลายๆ ชาติ บ าง ทั ศ นคติ ที่มีตอกรรมเชนนี้ แมจะถูกตอง แตก็มิใชทั้งหมด
กอนเริ่มเรื่อง ลัทธิที่มีอิทธิพลอยางยิ่งในประเทศจีน ก็คือลัทธิของทานขงจื่อ กับทานเหลาจื่อ ท า นขงจื่ อ ท า นดึ ง คนให เ ข า มาอยู ใ นกรอบแห ง จริ ย ธรรม ประเพณีและพิธีกรรม เพื่อใหสังคมอยูเย็นเปนสุขชั่วนิรันดร ทานเหลาจื่ อ ท านแกค นใหหลุ ดจากขอบข ายทั้งมวลในสั งคม ใหดํารงชีวิตผสมกลมกลืนเปนอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติอันเสรี ใหชีวิตเปนอมตะชั่วนิรันดร
ท า นเขี ย นหนั ง สื อ นี้ เ พื่ อ สั่ ง สอนอบรมบุ ต รของท า น ต อ มา ท า นเห็ น ควรพิ ม พ แ จกเป น ธรรมทาน หนั ง สื อ นี้ จึ ง แพร ห ลาย มาจนทุกวันนี้ คําวา “พอ” ในหนังสือนี้ จึงหมายถึงทานเหลี่ยวฝาน นั่นเอง
สมเด็จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ าของชาวพุ ท ธ ทรงเห็ น ว าแมจ ะ รอยรัดชีวิตใหอยูในขอบเขตไดดีเพียงไร หากเกิดความขัดแยงทาง จิตใจ ซึ่งเปนปกติวิสัยของชาวโลก ความทุกขยอมเขาครอบงําทันที ครั้นเมื่อแกคนใหหลุดพนจากพันธนาการของสังคมไดแลว ก็ยังหนี ความทุกขอันเปนไปตามกฎแหงไตรลักษณหาพนไม ตราบใดที่ยังตอง เวียนวายตายเกิดในวัฏสงสาร ตราบนั้นก็ยอมหนีความทุกขในวัฏจักร แหงกรรมไปมิไดเลย นอกจากจะพัฒนาตนเองตามขบวนการของศีล สมาธิ และปญญา ดว ยวิปส สนากรรมฐาน จึงจะหลุดพนจากความ ทุกขทั้งมวลไดโดยสิ้นเชิง
เจือจันทน อัชพรรณ (มิสโจ) อังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2524
ท านเหลี่ ย วฝานเป น ผู ห นึ่ ง ที่ เ ขา ใจและเข าถึ ง คํ า สั่ ง สอนของ พระบรมศาสดา ท านจึ งนิพ นธหนัง สื อนี้อั นเป นประสบการณของ ทานเอง เพื่อชี้ใหลูก ทานเห็นวา ชีวิตที่อยูในกรอบแหงจริยธรรมก็ดี หรื อ จะหลุ ด จากขอบข า ยทั้ ง มวลในสั ง คมก็ ดี ล ว นแต เ กิ ด จาก เจตนารมณของตนเองทั้งสิ้น มิไดขึ้นอยูกับลิขิตของฟาดิน ชาตาชีวิต 6
หากปฏิบัติไดตามที่รูแจงเห็นจริงแลว ยอมจักเปนผูที่ไมตองวกกลับ ทานจึง ถือ ศีล กิ นเจ กลางคื นนอนวั ด กลางวั นเขีย นหนั งสือธรรม วันที่ทานจะจากโลกไป ทานสวดมนต หันหนาสูทิศตะวันตก สวดจน หมดลมไปดวยอาการนั่งอยางสงบ ทานมีชีวิตอยูในโลกเพียง 57 ป แต ก็ เ ป น 57 ป ที่ ท รงคุ ณ ค า ผลงานของท า นเป น คุ ณ ประโยชน ตอ ชนรุนหลัง อย างมหาศาล ผู ดอยปญ ญาขอน อ มคารวะต อท า น และกราบขออนุญาตยอประวัติทานเหลี่ยวฝาน ณ บัดนี้
คุยกับทานผูอาน 7 กรกฎาคม ร.ศ. 199 เที ย นเล ม แรกได ถู ก จุ ด ขึ้ น โดยคุ ณ จรูญ โหราทัย และครอบครัว เปนปจ จัยใหเทียนดวงตอๆ มาถูกจุด สวางไสวและยัง ไมขาดสาย ซึ่งเปนหนังสือธรรมที่ไมส งวนลิขสิทธิ์ ใครใครพิมพ... พิมพ ใครใครแจก... แจก ใครใครขาย... ขาย สบายใจ กันดีทุกฝาย คุ ณ จรู ญ ส ง หนั ง สื อ ชีว ประวั ติ ข องท า นเหลี่ ย วฝานและท า น อวิ๋ น กุ เ ถระมาให จึ ง ได ย อ มาเป น อภิ นั น ทนาการแด ท า นผู อ า น ในโอกาสปทองฉลองความเปนเอกราชของชาติไทย ที่ยืนยงคงอยู และจะคงอยูคู โลก เพราะชาติ ไทยใฝธรรม ชาวไทยสว นมากยังคง ประพฤติดีปฏิบัติช อบ คุณ งามความดีข องทุก ทานเมื่อรวมกันแลว ยอมเปนเกราะปองกันผองภัย เปนพลังกําจัดอธรรม เปนกุศลวิบาก ที่ จั ก ส ง ผลให ป ระเทศไทยบั ง เกิ ด ความผาสุ ก และไพร ฟ า หน า ใส อีกวาระหนึ่งอยางแนนอน
ทานเหลี่ยวฝานเปนชาวเจียงหนาน (กังหนํา) อายุ 433 ปในปนี้ หากทานยังมีชีวิตอยู ทานสอบจิ้นซื่อไดและเขารับราชการเมื่ออายุ 37 ป คนสมัยกอ นมีเ วลาร่ํ าเรี ยนมากกว าพวกเราสมั ยนี้ ทานจึ ง มีความรูกวางขวางลึกซึ้งยิ่งนัก เชี่ยวชาญในวิชาการเกือบทุกแขนง นอกจากพุทธรรมที่ทานสนใจมากจนสามารถเขาถึงพระพุทธศาสนา อย า งถ อ งแท แ ล ว ท า นยั ง เป น นั ก ปราชญ ใ นทางอั ก ษรศาสตร โบราณคดี คณิ ต ศาสตร ดาราศาสตร โหราศาสตร ไสยศาสตร เกษตรศาสตร อุ ท กศาสตร ธรณี วิ ท ยา นิ ติ ศ าสตร รั ฐ ศาสตร ปรัชญา ฯลฯ แมยุทธศาสตรทานก็ช่ําชอง สามารถใชปญญาเอาชนะ โจรสลัด ญี่ ปุ น ที่ โ จมตี ท า นในขณะปฏิ บั ติ ก ารทางทหารที่ ช ายแดน ไดอยางงดงาม ตําแหนงหนาที่ราชการของทานนั้น ดํารงทั้งฝายบุน และฝ า ยบู ซึ่ง นอ ยคนนั ก จั ก มี ค วามสามารถเช น นี้ เมื่ อ ท านถึ ง แก อนิ จ กรรม แม จ ะเป น เวลาที่ มิ ไ ด รั บ ราชการแล ว ฮ อ งเต ก็ ยั ง ทรง ระลึ ก ถึ งคุณ งามความดีของท านอยู จึง ทรงสถาปนายศ และทรง ประกาศเกียรติคุณของทานใหปรากฏไปทั่วแผนดิน
ทานผูจารึกชีวประวัติของทานเหลี่ยวฝาน มีนามวาเผิงซาวเซิง ทานเปนพุทธศาสนิก ที่เครงครัดในศีล จริง จังในการฝก กรรมฐาน ชอบอยู ต ามป า เขาลํ า เนาไพรและวั ด วาอาราม ท า นแต ง ตํ า รา ทางพระพุ ท ธศาสนาไว ม ากมาย ท า นเกิ ด และสอบจิ้ น ซื่ อ ได ใ น รั ช สมั ย พระเจ า เฉี ย นหลงฮ อ งเต ระหวา ง พ.ศ. 2275 – 2338 (ค.ศ. 1732 – 1795) ท า นมี ค วามเฉี ย บแหลมในสรรพวิ ท ยา ทั้ ง หลาย เมื่ อ ท านอายุ 20 เศษๆ ท านมี ค วามมุ ง มั่ น จะประกอบ วี ร กรรมให ชื่ อ เสี ย งเกี ย รติ คุ ณ ปรากฏในประวั ติ ศ าสตร เ หมื อ น บรรพชนทั้งหลาย ตอมา ทานกลั บเห็นวาทางธรรมดีก วาทางโลก
ทานไมห วงแหนหรือกลัวจะหลุดจากตําแหนงหนาที่ในราชการ ใครทําใหประเทศชาติเสื่อมเสียเกียรติภมู ิ ใครใชอาํ นาจโดยไมเปนธรรม 7
ใครทําใหประชาราษฎรเดือดรอน ทานจะตอสูอยางสุดกําลัง แมผูนั้น จะมีความยิ่งใหญเพียงใดทานก็ไมยอมสยบ แตสําหรับตัวทานเองแลว ใครจะใสรายปายสีทานก็ไมนําพา อิจฉากันนักทานก็กราบถวายบังคม ลาไปอยูถิ่นเดิม ของทาน ทานแตงตํารับตําราไวม ากมาย เปนเพชร น้ําหนึ่งในสมัยหมิง
ทานฝก สมาธิเป นเวลาและสม่ําเสมอจนบรรลุฌาน และเจริญ วิปสนากรรมฐานจนบรรลุฌาณ ทานถึงแกอนิจกรรมเมื่ออายุ 74 ป ในขณะที่บุตรของทานอายุ 42 ป แลว คือป พ.ศ. 2166 (ค.ศ. 1623) ผิดจากที่ทานผูเฒาขงพยากรณไวถึง 21 ป โดยมิตองบนบวงตอฟาดิน และท า นผู ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ มิ ต อ งสะเดาะเคราะห ป ล อ ยนกปล อ ยปลา อันคุณงามความดีนี้ ชางมีอานุภาพตอชีวิตมนุษยใหเห็นถึงปานนี้หนอ
เมื่อครั้งทานเริ่มรับราชการ เปนนายอําเภออยูทางเหนือ ซึ่งเปน ทอ งที่ที่ ป ระสบอุทกภั ย เสมอ ท านสามารถป อ งกั น น้ํ าท ว มได ด ว ย วิธีการแยกพลัง น้ําออกเปน 3 ทิศ ทาง แมน้ําสายเดียวแตโบราณมา ก็ ก ลายเป น สามสาย ด ว ยป ญ ญาของท า นและความสามั ค คี ของชาวบ า นที่ คิ ด พึ่ ง ตนเองอยา งไม ย อ ท อ ผนึ ก พลั ง อั น นอ ยนิ ด ของแตล ะคน รวมเปนพลังมหาศาล ยิ่งใหญเหนือพลังน้ําที่นากลัว แล ว ท า นให ป ลู ก ต น หลิ่ ว (หลิ ว ) ตามริ ม ฝ ง แม น้ํา และริ ม ฝ ง ทะเล ยาวสุดสายตา คราใดที่คลื่นซัดเขาฝง ทรายจะติดอยูบริเวณตนหลิ่ว ทั บ ถมกั น นานเข า ก็ ก ลายเป น เขื่ อ นธรรมชาติ ป อ งกัน น้ํ า ทว มได เปนอยางดี ทางภาคเหนือของประเทศจีน มักจะมีพายุพัดทรายมาทีละ มากๆ ก็ไดอาศัยตนหลิ่วทั้งหลายนี้ปะทะแรงลมและทรายไวได
ภรรยาของท านก็ ใ จบุ ญ สุ น ทร ธ รรมไมยิ่ ง หย อ นกว า กั นเลย เปนคูชีวิตที่คอยสงเสริมแตในทางที่ดีงาม เปนปจจัยในการทําดีเพื่อกัน และกั น ตลอดเวลา มี อ ยู ค รั้ ง หนึ่ ง ภรรยาของท า นซื้ อ ฝ า ยมาป น เพื่อทําเสื้อหนาว ทานเหลี่ยวฝานทวงวา บานเรามีเสื้อหนาวอยางดี ทําดวยแพรเนื้อดี สอดไสดวยนุน อุนดีอยูแลว ไฉนจะใหลูกใสเสื้อหนาว ที่ทําดวยผาฝายถูกๆ เลา ภรรยาของทานตอบวา ก็เพราะฝายนั้นถูก จึ ง ตั ด ใจขายเสื้ อ หนาวดี ๆ ของลู ก เสี ย ได เ งิ น มามากๆ เพื่ อ ทํ า เสื้อหนาวแจกชาวบานที่กําลังหนาวสั่นอยูนี้ไดทั่วถึง ทานเหลี่ยวฝาน ดีใจมาก พูดดวยความตื้นตันใจวา ถาแมใจบุญถึงปานนี้ ลูกของเรา จะไมมีวันลําบากเปนแนแท บุ ต รของท านก็ ส อบจิ้ น ซื่ อ ได เ ช น ทา น และได เ ป น นายอํ า เภอ ที่ เ มื อ งกว า งตง (กวางตุ ง ) อี ก 21 ป ต อ มาก็ สิ้ น แผ น ดิ น หมิ ง ใน พ.ศ. 2187 (ค.ศ. 1644) ประเทศจี น ตกอยูใ นเงื้อ มมื อ ของ ชาวแมนจูที่สถาปนาราชวงศชิง (เช็ง) ปกครองชาวจีนตามวิสัยเชิงเชน ผูเปนนายอยูนานถึง 267 ป ทานซุงจงซาน (ดร. ซุนยัดเซ็น) กับคณะ จึงไดลบความเปนเจาเขาครองออกจากประวัติศ าสตรไดสําเร็จในป พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911)
แมทานจะกลับมาอยูถิ่นเดิมในบั้นปลายของชีวิต ทานก็ไมนั่งดูดาย คอยช ว ยเหลื อ ดู แ ลทุ ก ข สุ ข ของชาวบ า นอย า งใกล ชิ ด คิ ด ค น วิ ธี ทํ า ไร ไ ถนาให ก า วหน า ยิ่ ง ๆ ขึ้ น ให แ ผ ว ถางพื้ น ดิ น ที่ ร กชั ฏ จนเกิ ด ประโยชนแ ก ผู ที่ไ ม มี ที่ ดิ น ของตนเอง นอกจากท า นจะสอน ให ช าวบ านมี ความรู ก วา งขวาง มี รายได เ พิ่ม พูนแล ว ท านยั งสอน ใหชาวบานรักกัน ชวยเหลือกัน เสียสละและหมั่นบริจาคจนเปนนิสัย แตละวันทานจะทําตารางการทํางานสวนตัว และสวนที่จะทําเพื่อผูอื่น ไวลวงหนา ทานไมเคยอยูนิ่ง ทํางานตลอดวันอยางมีระเบียบ 8
เปนบุญของเราชาวไทย ที่ไมตองทนถูกเคี่ยวเข็ญเย็นค่ํากรําไป ถึง 267 ป พระคุณของวีรกษัตริยและวีรชนของเรานั้นใหญหลวงนัก แม ป ระวั ติ ศ าสตร จ ะได จ ารึ ก ความยิ่ง ใหญ ไ ว แ ล ว แต เ ราก็ จ ะต อ ง สํานึ ก ในพระคุ ณ จดจํ า ไว ใ นส ว นลึ ก ของดวงใจ เพื่ อ เป นตัว อยา ง อันที่จะปกปองแผนดินไทยตอไปดวยชีวิตของเราทุกคน ท า นหานซานต าซื อ ศิ ษ ย ข องท า นอวิ๋ น กุ เ ถระ เขี ย นประวั ติ เมื่ อ ท านอาจารย ได จ ากไปแลว ผู ดอ ยป ญญาขอกราบคารวะท าน หานซานตาซือ กราบขออนุญาตทานจารึกประวัติของทานอวิ๋นกุเถระ ผูพลิกชีวิตของทานเหลี่ยวฝาน ดังตอไปนี้
บทบาททุก ขณะของป จจุบัน ใหรูเทาทันใหรูทัน ทวงที ให รูอย างไม ยินดียินราย ใหรูอยางหมอที่กําลังตรวจคนไข ใหรูอยางผูพิพากษา กําลังวินิจฉัยคดี วาขณะนี้เรากําลังทําอะไรอยู กําลังรูสึกอยางไรอยู กําลังมีสภาพจิตเปนเชนไร กําลังเผชิญกับสภาวธรรมอะไร เมื่อกระแส แหงกิเลสตัณหาอุปาทานกําลังเกิด-ดับอยูตลอดเวลา วันแลววันเลา คืนแลว คืนเล า ชีวิ ตก็ลว งไปๆ จงเพียรพยายามอยา ทอถอยแมแ ต กาวเดียว แมแตขณะจิตเดียว ที่จะสํารวจตรวจดูสติสัมปชัญญะวาได เจริญงอกงามมีประสิทธิภาพเพียงพอแกก ารปฏิบัติธรรมหรือยั ง จนกวาความรูความเขาใจจะถึงจุดอิ่มตัว ก็จักหลุดพนจากอิทธิพลของ กิเลสตัณหาอุปาทานไดเอง
ทานอวิ๋นกุเถระเกิดเมื่อ ค.ศ. 1500 (พ.ศ. 2043) ในราชวงศหมิง ทานเกิ ดก อนทานเหลี่ย วฝาน 49 ป ท านคิดบวชตั้ง แตยั งเปน เด็ ก สมั ค รเป น ศิ ษ ย กั บ อาจารย ท า นหนึ่ ง ที่ วั ด ต า อวิ๋ น จื้ อ อายุ 19 ป เริ่มฝกฌาน อายุ 25 ป บวชเปนภิกษุ ไดพบอาจารยที่ทรงคุณวิเศษ ณ วัดเทียนหนิง จึงฝากตัวเปนศิษย ไดตัดขาดจากกิจนิมนตทั้งหมด นั่งเขาสมาธิอยูเปนระยะๆ จาก 7 วัน เปน 14 วันครั้ง จนถึง 49 วัน แลวกําหนดใหมจาก 1 เดือนครั้ง เปน 2 เดือนครั้ง จนถึงหนึ่งปเต็ม ไมเ คยกาวลว งธรณีกุ ฏิข องท านไปเลย จิต ทา นใสใจสว าง แต ทาน อาจารยอธิบายวา การฝกจิตเชนนี้ไมสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได แลวสอนใหทานฝกมหาสติปฏฐาน 4 ติดตามการเกิด-ดับ ของจิตใหได ทุกขณะไมวาจะอยูใ นอิริยาบถใด จงตั้ง กายานุปสสนาสติปฏฐาน ณ ที่นั้น เมื่ออยูในความรูสึกอยางไร จงตั้งเวทนานุปสสนาสติปฏฐาน ณ ความรู สึ ก นั้ น เมื่ อ อยู ใ นสภาพจิ ต อย า งไร จงตั้ ง จิ ต ตานุ ป ส สนา สติปฏ ฐาน ณ สภาพนั้น เมื่อเผชิญกับสภาวธรรมใด จงตั้งธัมมานุ ปสสนาสติปฏฐาน ณ สภาวะนั้น ฝกใหสติและสัมปชัญญะคอยกํากับ
ทานอวิ๋นกุเถระ จึงเริ่มฝกมหาสติปฏ ฐาน 4 อยางจริงจัง ทันที บางครั้งไมฉันไมจําวัด ก็มีชีวิตอยูไดอยางเปนสุข อยูมาวันหนึ่งขณะที่ ทานอิ่มจากการฉันอาหาร ทานเผลอตัวเพียงขณะจิตเดียว ชามขาวก็ ตกลงบนพื้น ทันใดนั้น ทานก็เขาถึงความหมายของสติและสัมปชัญญะ อยางสมบูรณ ทานรีบไปกราบเลาใหทานอาจารยฟง ทานอาจารย ผงกศีรษะ รับรองวาระจิตของลูกศิษยวาไดเขาถึงสภาวธรรมแลวจริง ตั้งแตนั้นมา จิตของทานอวิ๋นกุเถระไดรับการพัฒนายิ่งขึ้นเปนลําดับ จนหลุดพนจากกามฉันทะ คือ ความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ทางกายและกระทบทางใจ หลุดพนจากความพยาบาทอันเปนความคิด ใหรายคนหรือสัตวเสียได หลุดพนจากถีนมิทธะ อันทําใหจิตมืดมัว กายงวงโงกเสียได หลุดพนจากอุทธัจจกุกกุจจะ อันยังความตื่นเตน ฟุงซาน หวาดหวั่น รําคาญใจเสียได หลุดพนจากวิจิกิจฉา อันยังความ เคลือ บแคลงสงสัยไมแนใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมตามคําสอน ของสมเด็จพระสัม มาสัมพุทธเจาเสียได การลวงพนนิวรณทั้ง 5 นี้ เปนปจจัยใหทานเขาถึงความหมายของอุปาทานขันธ 5 เห็นความ 9
เกิ ด ขึ้ น -ตั้ ง อยู -ดั บ ไปของรู ป เห็ น ความไม ค งทน ตอ งทรุด โทรม แปรปรวนไปตามเหตุปจจัยของรูป ของเวทนา ของสัญญา ของสังขาร และของวิ ญ ญาณ (กระแสจิ ต ที่ รู บ ทบาทของรู ป เวทนา สั ญ ญา สังขาร เมื่ อเกิด ขึ้น ตั้ งอยู ดับไป) ทา นละสั ญโญชน อัน เปนเครื่อ ง จองจําชีวิตใหตอ งเวียนวายตายเกิดอยูใ นวัฏสงสาร คอยเชื่อมโยง อายตนะภายนอกและภายในทั้ง 6 ทวาร ใหเกิดความประมาท ติดใจ ใหลหลงในรูปธรรมเสียได
ไปกราบนมัสการทานในเวลาตอมา และทานก็ไดสอนใหทานเหลีย่ วฝาน ฝกมหาสติปฏฐาน 4 เชนเดียวกับทาน เมื่อทานหานซานตา ซือไปกราบลาทานเพื่อออกธุด งค ทานให โอวาทวา โบราณทานเดินธุดงคเพื่อ มองเห็นตนเอง ขูดเกลาตนเอง พัฒนาตนเอง เพื่อความหลุดพน เจาจงสําเหนียกอยูเสมอวา จะมีหนา กลับมาพบพอแมพี่นองครูบาอาจารยญาติสนิทมิตรสหายไดอยางไร ถาเดินธุดงคโดยรองเทาสึก เสียเปลา ไมไดรับปรับปรุงแกไขตนเอง ให ดี ขึ้ น เป น การสิ้ น เปลื อ งเงิ น ทองของผู ที่ ถ วายรองเท า เจ า มา ทานหานซานตาซือประทับใจในโอวาทจนสะอื้นไห
เมื่อทานอวิ๋นกุเถระมีสติและสัมปชัญญะตั้งอยูเ ฉพาะหนาเชนนีแ้ ลว กิ เ สสตั ณ หาอุ ป าทานและความเห็ น ผิด ย อ มอาศัย นอนเนื่ อ งอยูใ น จิต ใจของทา นไม ไดอีก แลว สิ่ ง ที่เ กิด ขึ้น ก็ คือ องค ธ รรมอั นยิ่ งใหญ คือ โพชฌงค 7 อันเปนกลุมธรรมสามัคคีที่เกิดขึ้นดวยกัน อิงอาศัย ใหคุณ ตอกันและกัน นํ าไปสูองคปญญาแหง การตรัส รู กลุม ธรรม อันประเสริฐยิ่งนี้เอง ที่ทําใหทานอวิ๋นกุเถระเห็นแจงในอริยสัจ 4 ทุกแง ทุกมุมอยางหมดจด ขามพนความโศกและความร่ําไร ดับไดซึ่งความ ทุกขและโทมนัส มีแตความกระปรี้กระเปราชื่นบาน สงบสบายทั้งกาย และใจ อยูอยางเปนกลางในทุกสิ่ง แมจะมีใครขอใหทานขนสัตวใหหมด โลกเสียกอน ก็เปนสิ่งที่ทําไมได เพราะเมื่อจิตไดหลุดพนจากกระแสแหง การเวียนวายตายเกิดเสียแลว ยอมไมมีทางที่จะหวงหนากัง วลหลัง ไดอีก พระพุทธศาสนาจึงมิใ ชสอนใหชาวพุทธตัดชองนอยแตพอตัว ดังที่หลายทานเขาใจกันอยู
ลู ก ศิ ษ ย ข องท านมี จํ า นวนเพิ่ ม มากขึ้น ทุ ก ที อุ บ าสกอุ บ าสิ ก า มาฟง ธรรมจากทา นเนืองแน น ทานพู ดนอย พูด แตที่เปน ประโยชน แก ผูฟ ง เสี ย งท า นชั ด เจนก อ งกั ง วาน ก อ นที่ ท า นจะจากโลกนี้ ไ ป ทานกลับไปยังบานเกิด โปรดผูคนเปนจํานวนหมื่นจํานวนแสน อยูมาคืนหนึ่ง เปนคืนขึ้น 5 ค่ํา เดือนอาย ป ค.ศ. 1575 (พ.ศ. 2118) ชาวบานเห็นบนหลังคากุฏิที่ทานอยูสวางไสว เหมือนไฟกําลัง ลุกโชติชวงฉะนั้น ครั้นรุงเชาชาวบานพากันไปที่วัด ปรากฏวาทานได ดับขันธไมไหวติงเสียแลว ทุกคนจึง ลงความเห็นวาทานดับขันธดว ย เตโชกสิณนั่นเอง ขณะนั้นทานอายุ 75 ป พรรษา 50 ทานหานซานตาซือรําพึงรําพันวา ตั้งแตทานออกธุดงค ไดพบ พระเถระมากมาย แตจะหาใครสัก รูปหนึ่ง ที่ทรงคุ ณ วิเ ศษเชน ทา น อวิ๋ น กุ เ ถระไม มี เ ลย แม ต อ มาท า นหานซานต า ซื อ พรรษามากขึ้ น ก็ไมสามารถลืมคําสอนของทานได แมปฏิปทาในศีลาจารวัตรของทาน ก็ไดนํามาประพฤติปฏิบัติตามอยางเครงครัด
มีอยูวันหนึ่ง ขณะที่ทานอวิ๋นกุเถระกําลังนั่งเขาสมาธิจนกายไม ไหวติงอยูนั้น ไดมีผูทรงอิทธิพลมาเที่ยววัด เห็นทานนั่งเฉยไมลุกขึ้น ตอนรับก็โกรธ หาวาทานไมมีสัมมาคารวะ ผรุสวาทอยางไมกลัวบาป กรรม ทานจึงยายไปอยูที่วัดชีเสียซาน อันเปนสถานที่ที่ทานเหลีย่ วฝาน 10
ที่หลุมฝงศพของทานอวิ๋นกุเถระ มีศิลาจารึกคุณธรรมอันสูงสง ของทาน โดยทานเหลี่ยวฝาน ทานหานซานตาซือเห็นวาควรมีประวัติ จารึ ก ไวใ ห ช นรุ น หลั ง ได ป ระพฤติ ป ฏิ บัติ ต าม จึง เขี ย นประวั ติ แ ละ คําสั่ ง สอนของท านไวเ ป น หนัง สื อ เล ม หนึ่ ง เสี ย ดายผู ด อยป ญ ญา บันทึกไวไดเพียงนี้ ขอความหลุดพนจงเกิดแกทานผูอานเทอญ เจือจันทน อัชพรรณ (มิสโจ) วันทายสงกรานตในปทองฉลองสองรอยปแหงกรุงรัตนโกสินทร (16 – 4 – ร.ศ. 200)
11
พอจึงเริ่มเรียนหนังสือใหม ก็ทานลุงของลูก ที่เปนลูกพี่ลูกนอง ของพอนี่แหละ ทานไดแนะนําใหพอไปเปนนักเรียนกินนอนที่สํานักเรียน แหงหนึ่ง
โอวาทขอที่หนึ่ง การสรางอนาคต พอ นั้น กําพราทานบิดามาแตอายุยังไมถึง 20 ทานยาของลูก ในเวลานั้นก็มีอายุมากแลว ทานไดบอกใหพอเลิกคิดที่จะเปนขุนนางเสีย หันมาเรียนแพทยดีก วา ทานบอกพอวา การเปนแพทยนั้น นอกจาก จะยึดเปนอาชีพไดดีแลว ยังจะชวยคนยากจนไดอีก ดวย ถามีความ สามารถดีก็จะเปนแพทยที่มีชื่อเสียง ซึ่งเปนความปรารถนาของทาน บิดาที่เสียชีวิตไปแลว
ทานผูเฒาขงไดพยากรณพอไววาจะสอบผานทั้งสามขั้น ขั้นแรก จะไดค ะแนนมาเปนที่ 14 ขั้นกลางจะไดที่ 71 และขั้นที่ส ามจะไดที่ 9 ปรากฏวาผลออกมาเชนนั้นจริงๆ ตอมา ทานก็พยากรณอนาคตของพอไววา ปใ ดจะสอบไดเปน นักเรียนหลวง ไดขาวพระราชทานเปนจํานวนเทานั้นถัง ปใดจะไดส อบ ขั้นสุดทาย ปใดจะไดเปนนายอําเภอ เมื่อเปนนายอําเภอแลวสามปครึ่ง ก็ควรลาออกจากราชการ เพราะอายุ 53 ป ก็จะสิ้นอายุขยั จะนอนตาย อยางสงบในวันขึ้น 14 ค่ํา เดือน 8 เวลาระหวางตี 1 – 3 นาเสียดาย จะไมมีบุตรไวสืบสกุล พอไดบันทึกไวทุกคําเพื่อกันลืม
ตอ มา พอ พบผู เฒ า ทา นหนึ่ ง ที่ วัด ฉื อ อวิ๋น จื้ อ ทานมี เ ครายาว มีราศีผอ งใสยิ่งนัก รูปรางสูงใหญ สงางามราวกับเทพยดา พอจึง คารวะทานดวยความเคารพ ทานพูดกับพอวา เธอจะไดเปนขุนนางนะ ปหนาจะสอบผานไดทั้งสามขั้น ไฉนจึงไมเรียนหนังสือเลา พอจึงเลา สาเหตุใหทานฟง แลวถามชื่อแซและที่อยูของทาน
ในกาลตอๆ มา คําพยากรณของทานผูเฒาขงก็ยังคงแมนยํา เสมอมา มี อ ยู ค รั้ ง หนึ่ ง ท านพยากรณ ไ ว ว า จะได รับ พระราชทาน ขาวหลวงครบจํานวนหนึ่งแลวจึง จะไดส อบขั้นสุดทายเพื่อเตรียมตัว เข า เมื อ งหลวงนั้ น ยั ง ไม ทั น ที่ พ อ จะได รั บ พระราชทานข าวหลวง ครบตามจํานวนที่ทานพยากรณไว พอก็ไดรับคําสั่งใหไปสอบ คราวนี้ สอบตก พ อ เริ่ ม สงสั ย ในคํ า พยากรณ อ ยู ใ นใจ แต แ ล ว ในป ต อ มา มีอาจารยทานหนึ่งที่เคยเปนกรรมการตรวจขอสอบใหพอ ทานเคยชม พอ ว า คํา ตอบทั้ ง 5 ข อของพอ นั้ น เขี ย นได ดี เ หมื อ นขุน นางผู ใ หญ เขียนทูลเกลาฯ ถวายความเห็นตอฮองเตนั่นเทียว ทานวา ถาคนไมมี ความรูจริง ยอมเขียนไมไดเชนนี้ ความสามารถของพอยอมจัก เปน ประโยชนตอแผนดิน ไฉนจึงจะถูกทําลายอนาคตเสียเลา ทานจึงสั่งให
ท า นตอบว า ท านแซ ข ง เปน ชาวอวิ๋ น หนาน ได เ ล า เรี ย นวิ ช า โหราศาสตรอันเปนตําราดั้งเดิม ถายทอดกันมาโดยมิไดแกไขเพิ่มเติม อันใดใหไขวเขวเลย ซึ่งเปนตําราของทานบรมโหราจารยผูยิ่งใหญ แห ง ราชวงศ ซ อ ง พ.ศ. 1503 – 1670 ท า นผู เ ฒ า ข ง ต อ งการ จะถ ายทอดวิ ช านี้ ใ หแ กพ อ พ อ จึง พาทานมาบ านเพื่อ มาพบทา นย า ของลูก ทานกําชับใหพอตอนรับทานผูเฒาใหดี แลว ทดลองใหทาน พยากรณดู ปรากฏวาแมนยําไปเสียทุก สิ่ง แมแตเรื่องเล็ก ๆ นอ ยๆ ก็ไมผิดพลาดเลย
12
พอไปทํางานกับทาน และใหรับพระราชทานขาวหลวงยอนหลังจนครบ จํานวนที่ขาดไป ปรากฏวาเทาจํานวนที่ทานผูเฒาขงคํานวณไวพอดี
ทานอวิน๋ กุเถระหัวเราะแลวก็รองวา โธเอยนึกวาเปนผูวิเศษแลว เสียอีก ที่แทก็ยังเปนบุถุชนอยูนั่นเอง พอจึงกราบถามทานวา ทําไมจึง วาพอ เปนบุ ถุช น ทานตอบวา อันที่จ ริง คนเรานั้นถ าจิต ใจไม วาวุ น ทําใจใหสงบไดแลว ก็เกือบจะสําเร็จเปนพระอรหันต พนจากความเปน บุถุชนไดแลว แตคนธรรมดานั้นจิตใจยากที่จะสงบระงับได การฟุงซาน นี่เองที่ทําให ค นเราถูก ผู ก มัด ดว ยอํานาจพลัง บวกและพลั งลบของ ธรรมชาติ ทําใหไมมีอิสระเสรี ตองขึ้นกับดวงชาตาราศี และการโคจร ของดวงดาวบนทองฟาที่โหราจารยทั้ง หลายไดคิดคนทําสถิติกันไว โหราศาสตรจึงมีขึ้นดวยเหตุนี้ ก็มีแตสามัญชนคนธรรมดาเทานั้นที่จะ ถูก กํ าหนดได ตามวิช าโหราศาสตร แต ค นที่ทํ าความดีม ากๆ แลว ชาตาชีวิตจัก ทําอะไรได โหราศาสตรนั้นหยั่ง ไมถึงกรรมดีก รรมชั่ว ของคนเราหรอก วิชาโหราศาสตรจึงยึดถือเปนบรรทัดฐานไปหมด มิได เพราะคนดีนั้น ถึงแมช าตาชีวิตจะบงไววาไมดีอยางไร แตพลัง แหงกุศลกรรมนั้นใหญหลวงนัก สามารถพลิกความคาดหมายของ โหราศาสตรได คนจนก็กลายเปนคนรวยได คนอายุสั้นก็กลายเปนคน อายุยื นได ในทํานองเดีย วกัน คนที่ ส รา งอกุศ ลกรรมอย างหนัก ไว ชาตาชีวิตก็ไม ส ามารถผูกมั ดเขาไวไดเชนกัน แมจะถูก ลิขิตมาวาจะ ไดดีมีสุขอยางไร แตพลังแหงอกุศลกรรมนั้นหนัก นัก ยอมสามารถ เปลี่ยนความสุขเปนความทุกข ความมีลาภยศกลายเปนหมดลาภยศ ความอายุยืนก็กลายเปนอายุสั้นไดเชนกัน ทานวาพอนั้น ปลอยชีวิต ใหขึ้นอยูกับชาตากรรมมายี่สิบป ไฉนจะไมใชบุถุชนเลา
เมื่อเปนเชนนี้ ยิ่งทําใหพอเพิ่มความเชื่อถือในคําพยากรณของ ทานผูเฒาขง ยิ่งขึ้น เพราะอุปสรรคที่เพิ่งผานพนไปนั้น ทําใหเห็นได ชัดเจนยิ่งขึ้นวา ชาตาชีวิตนั้นไดถูกลิขิตมาแลวอยางแนนอน จะชาจะเร็ว จะมีใครเปนอุปสรรคอยางไรก็หนีไมพน พอจึงปลอยใจใหเปนไปตาม ยถากรรม ไมมีความกระตือรือรน ไมทะเยอทะยานขวนขวาย ไมดิ้นรน ที่จะเอาดีไปกวานี้อีกตอไป ทําใหจิตใจสงบดียิ่งนัก เมื่อพอสอบไดแลวเชนนี้ ก็ตองเดินทางเขาเมืองหลวง (ปก กิ่ง ในปจจุบัน) อยูในมหาวิทยาลัยของหลวงหนึ่งป พอไมไดดูหนังสือหรือ ตําราเรียนใดๆ อีกเลย เอาแตนั่งสมาธิ ไมพูดไมจา ไมคิดอะไรทั้งสิ้น พอครบหนึ่งป พอก็ไดรับคําสั่งใหยายไปเขามหาวิทยาลัยของหลวง ทางใต (นานกิงในปจจุบัน) อันเปนสถาบันสุดทายซึ่งนักศึกษาที่สอบไล ไดตามขั้นตอนตางๆ ในภูมิลําเนาเดิม ของตนมาแลว จะตองเขามา ฝกฝนเตรียมตัวสอบเพื่อออกรับราชการตอไป แตกอนที่พอจะเขาไป ยังสถาบันนี้ ไดแวะไปที่วัดชีเสียซานเพื่อคารวะทานอวิ๋นกุเถระเสียกอน พอไดนั่ งสมาธิกับทา นสองตอสองเปนเวลานานถึงสามวัน สามคื น โดยมิไดหลับนอนเลย พระเถระกลาวกับพอดวยความแปลกใจวา อันธรรมดาบุถุชนนั้น จิตใจวาวุ นสับ สน จึงไม ส ามารถบรรลุฌานได สวนพอนั้ น ไฉนนั่ ง สามวันแลวยังไมเห็นจิตใจวอกแวกเลย พอจึงเลาสาเหตุใหทานฟงวา ทานผูเฒาขงไดพยากรณอนาคตของพอไวแนนอนแลว คิดวุนวายไปก็ ไรประโยชน จึงทําใจใหสบายไรกังวลดีกวา
พอกราบถามทานอีกวา ถาเชนนั้น ชาตาชีวิตเปนสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไดหรือ ทานตอบวา ชาตาชีวิตนั้นเปนสิ่งไมแนนอน อนาคตเราตอง สรางของเราเอง คนทําดีช าตาก็ดี คนทําชั่วชาตาก็ชั่ว เมื่อตองการ อนาคตดีก็ตองทําดี ถาทําแตความไมดี แมชาตาจะดีก็กลายเปนรายไปได 13
ในพุ ท ธรรมก็ ไ ด ก ล า วไว ว า ผู ใ ดตอ งการลาภยศย อ มได ล าภยศ ผูใ ดตองการบุตรธิดายอมไดบุตรธิดา ผูใ ดตองการอายุยืนยอมได อายุยืน หากประกอบแตกรรมดียอมสมปรารถนาแล พระผูมีพระภาค ทรงกลาวไวเชนนี้
สูญเปลาทั้งสองทาง ทางธรรมก็เสียหายแลว ทางโลกก็เสียหายอีก การแสวงหาจากภายนอกนั้น จึงไมไดผลดีเทาที่ควร ทานถามพอวา ทานผูเฒาขงพยากรณไววาอยางไรบาง พอก็เลา ให ทานฟ ง อยางละเอีย ด ท านจึง ถามพอ ว า เธอลองทายดู เองสิ ว า จะสอบไดเปนขุนนางหรือเปลา จะมีบุตรไดไหม
พอ ซั ก ทานตอ ไปว า ท านนั ก ปราชญ เมิ่ง จื่อไดก ล าวไววา หาก ปรารถนาสิ่ ง ไรต อ งได สิ่ ง นั้ น ท า นคงหมายถึ ง สิ่ ง ที่ ก ระทํา ได ท าง นามธรรมละกระมัง คุณธรรมความดีงามนั้น เปนสิ่งที่มนุษยสรางได เองโดยไมตองลงทุน ไมตองไปแสวงหาจากที่ไหน แตทางรูปธรรมนั้น ยศถาบรรดาศักดิ์ ชื่อเสียงและความมั่งคั่งจะแสวงหาไดอยางไรถาไมมี ผูหยิบยื่นให
พ อ คิ ด หาเหตุ ผ ลอยูน าน โดยสํ า รวจตนเองตั้ ง แต อ ดีต จนถึ ง ปจจุบัน แลวจึง ตอบทานวา เห็นทีจะสอบไมได และก็คงจะไมมีบุตร อีกดวย พอใหเหตุผลทานวา คนที่จะไดเปนขุนนางจะตองมีบุญวาสนา สว นพ อนั้ นบุ ญวาสนาน อย ตนเองก็มิ ได สั่ง สมกุ ศ ลกรรมอัน ใดไว ใหเปนพื้ นฐานเพื่อเสริม สรางบุ ญญาบารมีใ ดๆ นิสัยของพอก็ไม ดี ไมมีความอดทน งานหนักไมเอา งานเบาไมสู ใครทําใหไมถูกใจก็โกรธ ไมยอมใหอภัย ใจคอคับแคบ บางครั้งยังอวดดีวามีความรูมากมาย ยกตนขมทาน ใจคิดอยางไรก็จะทําอยางนั้น คนเชนพอนี้ไมสมควร มาสอบเพื่อเปนขุนนางกับเขาเลย
ท า นอวิ๋ น กุ เ ถระตอบพ อ ว า ท านเมิ่ ง จื่ อ กล า วไว ไ ม ผิ ดหรอก พ อ เองที่ เ ข า ใจคํ า สอนของท า นผิ ด ไป ทา นลั่ ก โจ ว เคยกล า วไว ว า ความสุขความเจริญทั้งมวล เกิดขึ้นที่ใจกอนทั้งสิ้น การแสวงหาใดๆ ก็ตาม ต องเริ่ม ตนที่ ใ จกอน ไม เพี ยงแตจ ะได คุณ ธรรมความดี งาม ทางธรรมเท า นั้ น ความสุ ข ความเจริ ญ ลาภยศชื่ อ เสี ย งเงิ น ทอง อันเปนความดีงามทางโลก ก็จะติดตามมาเอง เพราะฉะนั้น การแสวงหา แตสิ่งที่ดีงามนั้นยอมไดสิ่งที่ดีงามตามปรารถนา ในทํานองเดียวกัน หากไมสํารวจตนเอง ไมเริ่ม ตนทําความดีจากตัวเราเอง กลับดิ้นรน คิดแสวงหาจากภายนอก แมจะแสวงหามาได ก็เปนเพียงไดตามชาตา กําหนดไวเท านั้น ไมใ ช ไดเ พราะความดี ของเรา เพราะการแสวงหา จากภายนอกนั้น อาจจะตองใชความพยายามในทางที่ถูกบางผิดบาง ไมไดดวยเลห ก็เอาดว ยกล ไมไดดว ยมนตก็เอาดวยคาถา แสวงหา ดวยแรงขับของกิเลสตัณ หา จึงไมทันไดคํานึงถึงศีล ธรรม เปนการ
แลวพอก็สาธยายใหทานฟงถึงเหตุผลที่คิดวา ตนเองไมสมควร มีบุ ต รจริ ง ดั่ง คําพยากรณ ข องท านผู เฒ าขง ใหทา นอวิ๋ นกุ เ ถระฟ ง ตอไปวา อันธรรมดานิสัยของพอนั้น ชอบความสะอาดมากเกินไป ไมเปนไปตามทางแหงมัช ฌิมาปฏิปทา โบราณทานวาไว อันพื้นดินนั้น ยิ่งไมสะอาดเพียงใด ก็ยอมเจริญดวยพืชพันธุนานาชนิด น้ําที่ใสสะอาด มักจะไมมีปลามาแหวกวายฉันใด พอนั้นชอบความสะอาดมากเกินไป จึงยอมไมมีบุตรฉันนั้น นี่เปนเหตุผลประการที่หนึ่ง
14
ธรรมชาติ ส รรค ส ร า งสรรพสิ่ ง ให มี ความสมดุ ล เพื่ อ ให ชี วิ ต เจริ ญเติ บโตดว ยดี แตพ อ มัก โกรธ ทํ าให ร างกายและจิ ตใจเสี ย ดุ ล อยูเปนนิตย ยอมไมสามารถมีบุตรได นี่เปนเหตุผลประการที่สอง
ทานอวิ๋นกุเถระฟงพอพูดเสียยืดยาวแลว จึงกลาววา ไมเพียงแต พอไมส มควรจะเขาสอบเปนขุนนางเทานั้น ยังมีอีกหลายๆ สิ่งที่พอ ก็ไมสมควรจะไดรับดวย คนในโลกนี้ แมจะอยูในภาวะแวดลอมเดียวกัน ในเวลาที่ไมตางกัน แตบางคนไดรับแตสิ่งดีมีสุข บางคนกลับไดรับแต ความยากจนเปนทุกข มีความแตกตางกันมากมาย ผูรูยอมเขาใจดีวา นั่นลวนแตเปนผลที่เกิดจากใจตนเอง ทุกคนสรางเหตุที่จะทําใหเกิด ผลดีผลชั่วจากใจตนเองทั้งสิ้น ผูไมรูยอมถือวาเปนชาตาชีวิตที่ลิขิต มาแลวอยางแกไขไมได หารูไมวาก็ทุกสิ่งเกิดจากใจตนเอง แลวทําไม ตนเองจะแกไขไมไดเลา คนที่ทําบุญใหทานมากมายนั่นเขากําลังสราง เหตุปจจัยเพื่อความเปนเศรษฐีมีเงินพันชั่งรอยชั่ง ตามความมากนอย ที่เขาทําแลว บางคนจนถึงขนาดอดตาย นั่นก็เพราะเขาสรางเหตุปจจัย มาเชนนั้น มีความตระหนี่เหนียวแนน ไมยอมเกินเลยใคร ทรมานกักขัง สัตวใหอดอยากและอดตายมาแลว ผลจึงเกิดแกเขาเชนนั้น หาใชฟาดิน เกิดความลําเอียงไม ฟาดินก็คือธรรมชาติ ยอมปรานีคนดี ลงโทษคนชั่ว เหมือนดั่งที่ปรานีตอพืชพันธุธัญญาหาร คอยหลัง่ ฝนมาใหความชุม ชื้น คอยสองความสวางมาใหค วามเจริญเติบโต และธรรมชาติก็จะดุดัน กับความไรคุณธรรม กระหน่ําทั้งฝน พายุและสายฟา มนุษยตองตายไป ทามกลางความดุดันของธรรมชาติก็มีไมนอย ทั้งนีย้ อมขึ้นกับความดี ความชั่วในตัวบุคคล ใครดีก็จะไดรับการสงเสริม ใครเลวก็ลงโทษเสียบาง เพื่อใหเกิดความสมดุล กัน
ความเมตตาเทา นั้น ที่ ค้ํ า จุ น โลกไว แต พ อ นั้น จิต ใจขาดความ กรุณาปรานี ไมยอมลดตนลงชวยผูอื่น เต็มไปดวยอัสมิมานะ (การถือ เขาถื อ เรา ถื อ ดี ไม ย อมลงใคร) ไฉนจัก มี บุ ต รได เ ล า นี่ คื อ เหตุผ ล ประการที่สาม การพูดมากทําใหสูญเสียพลัง พออดพูดมากไมได ทําใหรางกาย ไมแข็งแรง นี่คือเหตุผลประการที่สี่ ชีวิตตองอาศัยพลัง ลมปราณและความมีชีวิตชีวา อันเกิดจาก ชีวิตินทรียที่ธ าตุดิน น้ํา ไฟ ลม ผสมอิงอาศัยกั นอยู สามสิ่ งนี้เป น ปจจัยซึ่งกันและกัน คอยผดุงชีวิตไวใหดํารงคงอยู พอดื่มเหลามาก เผาผลาญรางกายตนเองอยูเสมอ ทําใหปจจัยทั้งสามนี้ลดนอยถอยลง จักมีบุตรไดอยางไร แมจะมีได บุตรก็จะไมแข็งแรงและอายุก็คงไมยืน นี่คือเหตุผลประการที่หา ในยามกลางวัน คนเราไมควรนอน ในยามกลางคืน ก็ควรนอน พักผอนใหสบาย แตพอไมชอบนอนกลางคืน ชอบนั่งเขาที่เปนสมาธิ อยูตลอดคืนไดเสมอ ไฉนจัก มีบุตรไดเลา นี่เปนเหตุผ ลประการที่ห ก ที่ทําใหพอคิดวาชาตินี้พอจะมีบุตรไมไดสมจริงดั่งคําทํานายเปนแนแท และนอกจากนี้แลวก็ยังมีสิ่งที่พอทําผิดๆ ไวอีกมากมาย แมจะพูดตอไป ก็คงไมรูจักหมดเปนแน
มีความเชื่อกันมาแตโบราณกาลวา การจะมีบุตรหรือไมนั้น ก็ขนึ้ กับ เหตุ ผ ลเดี ยวกั น ผู ที่ทํา ความดี ติด ต อ กั น มาแล ว ร อ ยชาติ ก็ ย อ มมี บุต รหลานที่ดี ส ามารถสืบ สกุล ให ยืด ยาวได ถึง รอ ยชั่ว คน ผู ที่ทํ า ดี มาสิบชาติติดตอกัน ก็ยอมมีบุตรหลานที่ดีสามารถสืบสกุลใหยืดยาว ได ถึ ง สิ บ ชั่ ว คน ผู ที่ ทํ า ดี ติ ด ต อ กั นเพี ย งสองสามชาติ ก็ ย อ มจะมี 15
บุตรหลานสืบตอไปสองสามชั่วคนเทานั้น ผูที่ไมมีบุตรเลยก็จะเห็นไดวา ไมเคยสั่งสมคุณธรรมความดีที่เปนชิ้นเปนอันมาบางเลย
มีชีวิตใหมเพื่อสรางสมคุณธรรมที่ดีใหม ไมใชชีวิตเกาที่มีแตเลือดเนื้อ และเต็ ม ไปด ว ยความเปน บุ ถุ ช น สร า งชี วิ ต ให ห ลุ ด พ น จากความ ครอบงําของกิเลสตัณหาอุปาทาน สามารถพัฒนาตนเองใหบริสุทธิ์ ผุด ผ อ ง แลว ชี วิต ก็ จ ะมี คุ ณ ค าผิ ดแผกแตกตา งจากชาตาชี วิ ต ที่ ไ ด กําหนดไวแลวในคําพยากรณ
นอกจากบางคนเทานั้นที่ไมไดขึ้นอยูกับเหตุผลดังที่กลาวมาแลว คือ เปน ผู ที่ไม มีห นี้ ก รรมกับ ผู ใดมา ธรรมชาติ แหง การมี บุ ตรธิ ด า ถามองตามทัศนะของกฎแหงกรรมแลว ก็คือการเปดหนาบัญชีลูกหนี้ เจาหนี้ขึ้นมาสะสางกันอีก วาระหนึ่ง บุตรธิดาบางคนเกิดมาทวงหนี้ ก็ทําตัวดื้อรั้นอวดดี กอความเดือนรอนวุนวายเสียหาย จนบิดามารดา ไมมีความสุขตลอดเวลา สวนบุตรธิดาที่เกิดมาใชหนี้บุญคุณที่ติดคาง กันอยูในภพกอนๆ ก็มีความกตัญูกตเวที วานอนสอนงาย เปนที่พึ่ง ทั้งทางกายและทางใจของบิดามารดา นําความปลื้มปติความภาคภูมิใจ มาใหบิดามารดามีความสุขความอิ่มใจอยูเสมอ
ก็รางกายที่กอปรดวยเลือดเนื้อนี้ ยังเปนไปตามลิขิตของดินฟา ทําไมกับชี วิตที่ ก อปรดว ยคุณ ธรรมความดี งาม ฟา ดินจะไมห ยั่ง รู ได ห รื อ โชคชาตาที่ ฟ า ดิ น ลิ ขิ ต มา มนุ ษ ย ยั ง พอหลี ก เลี่ ย งได บ า ง แตเคราะหกรรมที่เกิดจากการกระทําของมนุษยเองก็จะหนีไมพนเลย มีผูเขียนโคลงบทหนึ่งไววา มนุษยตองคอยสํารวจตนเองเสมอ เพื่อจักไดดําเนินชีวิตไปตาม ครรลองคลองธรรม เมื่อกระทําแตความดีงามแลวไซร ไฉนจักไมได ความดีอันเปนผลเลา
กุศลกรรมและอกุศลกรรมในอดีต ลวนเปนเหตุปจจัยใหชีวิตตอง เวียนวายมาพบกันอีกตามกระแสของวิบากกรรม มาเปนพอแมลูกกัน ตามกรรมดีกรรมชั่วที่แตละคนไดกอใหเกิดความสัมพันธกนั มาแตอดีต ผูใดมิไดกอหนี้กรรมไวกับใครเลย ก็ยอมไมมีผูใดตามมาทวงหนี้หรือ มาใชหนี้ ก็ทําใหไมมีบุตรธิดาในชาติปจจุบัน ซึ่งในกรณีเชนนีม้ นี อ ยมาก ทานเหลี่ยวฝานจึงมิไดกลาวไว (ผูถอดความ)
ความดีความชั่ว จึงลวนแตขึ้นอยูกับพฤติก รรมของมนุษ ยเอง ทั้งสิ้น การที่ทานผูเฒาขงพยากรณไวใหนั้น เปนเพียงชาตาชีวิตที่ลิขิต จากฟ า ดิ น ยอ มมี ท างแก ไ ขได จงรี บ สร างคุ ณ ธรรมความดี ง าม เริ่ ม ด ว ยการช ว ยเหลื อ ผู อื่ น โดยไม เ ห็ น แก ตั ว เสี ย สละเพื่ อ ผู อื่ น โดยไม ห วั ง การตอบแทน อย ามุ งหวั ง แต ชื่อ เสี ย ง ทํ าอย างเงี ย บๆ การปดทองหลังองคพระปฏิมานั้น กลับไดบุญมากกวา ถามีคนรูเห็น กันมาก พากันสรรเสริญอนุโมทนาสาธุการ ความมีชื่อเสียงก็จะแบง ความดี ง ามไปเสี ย มาก บุ ญ ก็ จ ะน อ ยลงเพราะได ผ ลในป จ จุ บั น ไปเสียแลวบาง แตถาทําแลวไมโออวดในความดีนั้น ผลบุญก็จะเต็ม ดุจ วารีที่เปย มฝง ใครเลาจะแยงหรือแบงบุญของเราไปได การทําดี เชนนี้ มีหรือจะไมไดเสวยผลแหงความดีนี้
แลวทานก็บอกพอวา เมื่อพอรูตัวเองวาไมดีอยางไรบางแลวเชนนี้ และเขาใจความเปนไปของฟาดินแลวไซร ก็จงรีบเรงสั่งสมคุณธรรม ความดีงามทันที ไมคอยแตจับผิดผูอ่นื สามารถใหอภัยไดแมความผิดนัน้ จะเทียบเทาภูเขาก็ตาม มีขันติอดทนตอความไมพอใจ ไมโ กรธงาย มีแต ค วามเมตตากรุ ณ า ไม พูด มาก ไม ดื่ ม สุ ร า รั ก ษาสุ ข ภาพให ดี ทั้ ง กายและใจ สิ่ ง ที่ แ ล ว มาแล ว ก็ ใ ห คิ ด ว า ตายไปแล ว เมื่ อ วานนี้ แล ว เริ่ ม ต น สร า งสิ่ ง ที่ ดี ง ามขึ้ น มาแทนที่ เหมื อ นเกิ ด ใหม ใ นวั น นี้ 16
คั ม ภี ร โ บราณชื่ อ ว า เอ ก เก็ ง ก็ ไ ด เ น น ถึ ง ความดี ค วามชั่ ว ไวอยางละเอียดลออ สอนคนดีใหรูจักหลบหลีกจากกรรมชั่ว สั่งสมแต กรรมดี เพื่อจัก ไดผ ลดีต อบแทน หากวาลิ ขิตของชาตาชีวิ ตเปนสิ่ ง แนนอนแลวไซร จัก หลีก เลี่ยงกรรมชั่ว สั่งสมแตก รรมดีไดอ ยางไร ในหนาแรกของคัมภีรก็กลาวไววา ครอบครัวใดสั่งสมแตความดีงาม ไมเพีย งแตหั วหนา ครอบครัวเทานั้น ที่จะไดเสวยผลแหงความดีนั้ น แมแตลูกหลานเหลนโหลนก็จะพลอยไดเสวยผลแหงกรรมดีนั้นดวย วิเคราะหดูใ หดีแลว จะเห็นไดวาชาตาชีวิตไมส ามารถควบคุมมนุษ ย ไวไดเสมอไป จิตใจมนุษยสําคัญกวา จิตใจที่ดีงาม ยอมกระทําแตสิ่งที่ ดีงาม และไดรับผลที่ดีงาม ผูมีจิตใจทราม ยอมกระทําแตสงิ่ ทีเ่ ลวทราม และไดผลที่ทราม ทานถามพอวาเชื่อทานหรือไมเลา
เพื่อ เตื อนใจใหรู วาในวั นหนึ่ งๆ เราไดทํ าอะไรไปบาง ดี ม ากกว าชั่ว หรื อ ชั่ ว มากกว า ดี อะไรผิ ด อะไรถู ก จั ก ได แ ก ไ ขปรั บ ปรุ ง ตนเอง ไมทําความผิดซ้ําแลวซ้ําอีก กรรมชั่วเบาๆ ก็ตองนํามาลบกรรมดีออก เสียหนึ่ง ครั้ง กรรมชั่ว หนั ก ๆ ก็ ตอ งลบความดีอ อกหลายๆ ครั้ ง จนกวาความดีจ ะครบสามพัน ครั้ง ดัง ที่ได อธิษ ฐานไว แล วสอนพอ สวดมนต บ ริ ก รรมคาถาเพื่ อ ช ว ยให มี จิ ต มั่ น คง โดยอาศั ย อํ านาจ คุณพระศรีรัตนตรัยเปนสรณะ เพื่อใหคําอธิษฐานหนักแนนสัมฤทธิผล เร็ววัน ท า นยั ง เล า ให พ อ ฟ ง ต อ ไปว า ผูที่ ชํา นาญการวาดฮู (ลงเลข ลงยั นต) ได ก ล าวไว วา หากมนุ ษ ยไ มรู วิธี วาดฮู ได ถูก ตอ งแลว ไซร จะถูก ผีสางเทวดาหัวเราะเยาะเอาได เพราะฉะนั้นการวาดฮูก็ตองหัด ใหเปนไว เคล็ดลับของวิชานี้ อยูที่ตองทําใจใหเปนเอกัคตาใหไดเทานั้น เมื่อเริ่มจับพูกัน ก็ตองหยุดความรูสึกนึกคิดใดๆ ใหหมด ไมวอกแวก ทําจิตใหนิ่ง รวมพลัง จิตทั้งหมดพุงตรงไปยัง ปลายพูกั น แลวจรด ปลายพูกันลงไปที่ก ระดาษ ผา หรือแพรก็ได ทิ้งน้ําหนัก ปลายพูกัน ให แ น นิ่ ง เป น การเบิ ก ทวารฟ าดิ น ด ว ยพลั ง จิ ต ที่ พุง กระทบอย า ง แหลมคม ฮูจะศักดิ์สิทธิ์หรือไมก็อยูที่จุดเริ่มตนนี้เอง เมื่อเริ่มตนแลว ก็ตองเขียนใหจบขบวนการโดยไมหยุดชะงัก ไมตอเติม ไมยกพูกันขึ้น ตองวาดใหตอเนื่องเปนเสนเดียวกัน จิตเปนเอกัคตาตลอดแนวทาง ที่พูกันตวัดไปมา ฮูนี้ก็จะศัก ดิ์สิทธิ์ ไมวาจะอธิษฐานใดๆ ตอฟาดิ น ก็จะสัมฤทธิผลอยางแนนอนและรวดเร็ว
พอเชื่ออยางมาก เพราะทานพูดมีเหตุผล พอจึงคุกเขาลงกราบทาน เพื่อแสดงวารับคําสั่งสอนดวยความเคารพอยางสูง แลวพอไปนั่งลง ณ หนาที่บูชาพระรัตนตรัย สารภาพบาปในอดีตตอพระพักตรสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจาอยางหมดเปลือก แลวอธิษฐานขอใหไดเปนขุนนาง ตอนี้ไปจะเริ่มกระทําความดีใหครบสามพันครั้งเพื่อตอบแทนพระคุณ ฟาดินและบรรพชนของพอ ท า นอวิ๋ น กุ เ ถระเห็ น พ อ มี ค วามตั้ ง ใจทํ า ความดี ถึ ง ปานนี้ จึงเอาตัวอยางบัญชีกรรมดีกรรมชั่วมาใหพอดู แลวสอนพอใหจดบัญชี พฤติ ก รรมของตนเองแต ล ะวัน อยางละเอีย ดถี่ ถว น โดยไมเ ขาขาง ตนเอง ถาเปนกรรมดีก็จดไวขางหนึ่ง ถาเปนกรรมชั่วก็จดไวอีกขางหนึง่ เหมือนบัญชีรับจาย ตองนํากรรมชั่วไปลบกรรมดี ใหเหลือกรรมดี สามพันครั้ง โดยไมมีก รรมชั่วที่ไมไดหัก กลบลบหนี้แลว จึงจะนับวา ทํ า ความดี ไ ด ค รบสามพั น ครั้ ง ต อ งนํ า บั ญ ชี ม าทบทวนดู ทุ ก วั น
ผูที่มีกิเลสธุลีหนาแนนในใจ เหมือนตกอยูใ นความมืดดั่ง อยูใ น ครรภม ารดา ไมส ามารถมองเห็นอะไรอื่น เมื่อจรดปลายพูกันลงไป ครั้งแรก ก็เทากับไดเจาะความมืดใหแสงสวางสองเขาไปได และเมื่อ 17
ตวัดพูกันไปดวยจิตอันแหลมคมเปนสมาธิอยูนั้น ก็เปนการพุงพลังจิต ไปตามพูกันนั้น โดยมีแสงสวางและชาดในพูกันเปนสื่อนําพลังจิตไป พลังจิตประทับอยูตรงไหนความศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดที่นั่น
กรรมชั่ว ของเด็ ก นั้น ก็ จ ะเริ่ ม มาใหผ ล จึง ไดเ ห็น ความอายุสั้ น บ าง อายุยืนบาง ความแตกตางจึงบังเกิดขึ้นดวยประการฉะนี้ ฉะนั้น ถาเราไมใหค วามแตกตางระหวางความรวยกับความจน ความสุขกับความทุกข ความตกต่ํากับความรุงเรือง หรือความมีอายุยนื กับอายุสั้น ก็จะสามารถสรางสรรคชีวิตใหเปนไปตามความตองการ ของเราได ถาเราไปใหความแตกตางกับสิ่งเหลานี้เสียกอนแลว เราจะ ไมสามารถสรางชีวิตใหดีตามความตองการของเราไดเลย
การบริกรรมก็ตองทําสม่ําเสมอ ขาดไมไดเชนกัน ตองบริกรรมจน แมปากไมบริกรรมแลว แตใจยังคงบริกรรมอยู บริกรรมจนไมรูสึกวา ตัวเราเปนผูบริกรรม เพราะมนตก็ดี การบริกรรมก็ดี ตัวเราผูบริกรรม ก็ดี ไดผสมผสานเปนอันหนึ่งอันเดียวกันเสียแลว จนแยกไมออกเมื่อใด เมื่อนั้นการบริกรรมก็ศักดิ์สิทธิ์ ทานนัก ปราชญเมิ่งจื่อ ไดก ลาวไววา อันวาอายุยืนหรืออายุสั้น หามีค วามแตกตางกันไม ใหหมั่นฝก ฝนตนเองไปจนกวาจะถึงวันนั้น วันนั้นคือวันที่เราจะไดพบความจริงวา ใดๆ ในโลกนี้หามีความแตกตาง กัน ไม ลว นแต เ ป นสภาวธรรมที่ม นุ ษ ยส มมุ ติ กั น ขึ้ น มา ผู ที่ ฝก ฝน ตนเอง จนไมเห็นความแตกตางของสภาวธรรมเมื่อใด ผูนั้นก็เขาถึง สภาวธรรมเมื่อนั้น และไมถูกความไมรูไมเขาใจหลอกหลอนเบียดเบียน หลุดพนจากความรอยรัดของกิเลสตัณหาอุปาทานไดหมดสิ้น
จะยกตัวอยางใหดู เด็ก สองคน คนหนึ่งเกิดมาเปนลูก คนรวย อีก คนเกิดมาเปนลูก คนจน ถา เด็ก รวยคิด วาตนเองวิ เศษกวาผูอื่ น เพราะความรวยกวาผูอื่นแลวไซร ก็จะเกิดความลําพอง ถือเงินเปน อํานาจบาตรใหญ เที่ยวระรานขมเหงเอาแตใจตนเอง สวนลูกคนจนนั้น ถ า คิ ด ว า ตนเองยากจนไม มี เ งิ น เหมือ นลู ก คนรวย ก็ จ ะเกิด ความ นอยเนื้อต่ําใจ เมื่ออยากไดอะไรไมไดดั่งใจ ความกดดันก็จะเปนแรงขับ ให เ ริ่ ม ฉกชิ ง วิ่ ง ราว ลั ก เล็ ก ขโมยน อ ย จนถึง ปล น จี้ ฆ า เจ า ทรั พ ย รุนแรงขึ้นทุกที แมจะตองโทษก็ไมกลัว ไดกินขาวหลวงสบายไปเสียอีก
ถาคิ ดโดยผิว เผิ นก็ จ ะรูสึ ก แปลกใจ เพราะความมีอ ายุ สั้น และ อายุยืนนั้น แตกตางกันอยางตรงกันขามทีเดียว แตถาคิดใหลึกซึ้งแลว ก็จะเห็นไดวาทานพูดไวไมผิดเลย ทุกสิ่งในโลกนี้ลวนเปนสภาวธรรม หนึ่ ง ๆ เท า นั้ น มนุ ษ ย มัก จั ด เข า พวกกัน บ า ง แยกประเภทให บ า ง จนดู สับ สนสลั บซั บซ อนไปหมด ธรรมดาทารกที่เ กิด มาใหมๆ นั้ น หารูไมวาอายุสั้นอายุยืนมีความหมายอยางไรกัน ตอเมื่อเติบโตแลว จึงสามารถแยกแยะความหมาย เลือกคุณคาของสรรพสิ่งโดยคําสอน ของผูใหญบาง จิตดั้ง เดิมเปนเชนนั้นบาง ตอนนี้เองผลแหงกรรมดี
ถาเราแยกแยะความรวยความจนเชนนี้ ก็จะเปนคนดีไปไมไดเลย แตถาไมคิดวาเรารวย จะทําอะไรก็ระมัดระวังไมใหกระทบกระเทือ น ถึง ผูอื่น คิดแตจะชวยเหลือเจือ จานไปทั่วหนา ใชเงินที่ตนเองมีม าก ใหเปนประโยชนแกผูมีนอย อาศัยความรวยที่ตนเองไดเปรียบผูอื่นโดย สภาวธรรม มาเกื้อกูล ผูอื่นที่มีนอยถึงกับขาดแคลนตามสภาวธรรม ความเมตตากรุ ณ าที่ เ กิ ด จากความรู จ ริ ง ในสภาวธรรมนี้ ก็ จ ะ หล อ หลอมให ช อ งว า งระหว า งความรวยความจนนั้ น ป ด สนิ ท ไม ส ามารถเกิ ด ความแตกต า งได เ ลย ส ว นเด็ ก ที่ เ กิ ด มายากจน 18
อั น เป น สภาวธรรมหนึ่ ง นั้ น ถ า ไม ใ ห ค วามแตกต า งในความรวย ความจนแลว ก็จ ะไมมีความรูสึก นอยเนื้อต่ําใจ รูจักขยันหมั่นเพียร สัน โดษในความเปน อยู ซื่ อ ตรงในความประพฤติ รู จั ก ใช แ รงกาย ชว ยเหลื อ ผู อื่ นแทนแรงเงิ น ที่ต นขาดแคลน ไม ค อยคิ ด ที่ จ ะใหผู อื่ น มาชวยตน แตไมรังเกียจที่จะชวยผูอื่น ตั้งหนาทํามาหากิน หนักเอาเบาสู อดออมถนอมตน ไมนานนัก คนจนก็จะกลายเปนคนรวย คนรวยก็จะ ไมจน ถามีนิสัยเหมือนเด็กทั้งสองคนนี้ เมื่อถึงวันนั้น ความแตกตาง จักมีไดอยางไร
การฝกฝนตนเองใหรูจัก ประกอบกรรมทําดีนั้น ยอมเปนการ สั่งสมบุญบารมีโดยแท เราจะตองหมั่นสังเกตพฤติกรรมของเราเอง มีสิ่งใดผิดพลาดก็พยายามแกไข เหมือนดั่งหมอที่พยายามรักษาคนไข ใหหายจากโรคฉะนั้น การสั่งสมบุญบารมีตองพยายามอยูทุกขณะจิต คอยทําคอยไป ไมหวังผลจนเกินกําลัง ไมหยอนยานจนไมกาวหนา เมื่อจิตไดรับการอบรมที่ดี บมใจจนไดที่แลว นั่นคือความสําเร็จที่จะไดรบั ในการประพฤติปฏิบัติธรรม ทานบอกกับพอวา จิตนั้นเกิดดับอยูทุกขณะ ขอใหหมั่นบริกรรม อยาไดหยุดยั้ง จะขาดการสืบตอ เมื่อบริกรรมจนเกิดความชํานาญแลว ก็จ ะกลายเปนนิ สั ย ไมว าปากจะบริก รรมหรือ ไม จิ ตก็ จ ะทํ าไปเอง โดยอัตโนมัติ เมื่ อจิตดิ่ง เปนเอกั ค ตาแลว ไซร ยอ มรวมมนตคาถาที่ บริกรรม ตัวคนบริก รรมและจิตที่บริกรรมเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ไมแยกออกจากกัน เมื่อนั้นการบริกรรมก็จะประสบความสําเร็จทันที อธิษฐานไวเชนไรก็จะสมปรารถนาเชนนั้น
แม อายุสั้น อายุ ยาวก็เ ชน กัน ถา เราไม เชื่ อ วาชาตาชี วิต ไดลิ ขิ ต ใหเรามีอายุสั้น เราก็จะไมพะวงถึงความตาย ตั้งหนาประกอบกรรมดี ไมใ ชอ ยูรอความตายไปวันหนึ่ งๆ ผูที่ไมเชื่ อวาชาตาชี วิตได ลิขิตมา ให อ ายุ ยื น ก็จ ะไม ท ะนงตนว า ยั ง มี ชี วิ ต อยู อี ก ยาวนาน เกิ ด ความ ประมาทเกียจครานที่จะประกอบกรรมดี ผัดวันประกันพรุง ดื่มสุรา หานารี เลนพาชีกีฬาบัตร เผาผลาญชีวิตไปทุกวันๆ อายุจัก ยืนนาน ไปไดอยางไร
พอนั้น แตกอนมีชื่อวา “เสวียหาย” ในวันนั้นพอเปลี่ยนชื่อใหมวา เหลี่ย วฝาน เพราะพอรู ซึ้ง แล วว า การสร างอนาคตนั้น จะตอ งเริ่ ม ที่ต นเอง มิใ ชร อคอยโชคชาตามาผลั ก ดั นใหเ ป นไปตามยถากรรม พอจะตองหลุดพนจากความเปนบุถุชนใหได ไมยอมตกอยูในอิทธิพล ของคําพยากรณอีกตอไป นี่คือความหมายในชื่อใหมของพอ ตัง้ แตนนั้ มา พ อ สํ า รวมระวั ง บทบาทของกายวาจาใจอยู ต ลอดเวลาที่ ตื่ น อยู ทําใหผิดแผกไปกวาแตกอนมาก ความมักงาย ตามใจตนเอง ความไม สํารวมอินทรียไดลดนอยลง มีแตความระแวดระวังตั้งสติไมประมาท ดุจดั่งเตรียมพรอมตั้งรับภยันตรายที่กําลังคืบคลานมาหาพอฉะนั้น แมจะอยูใ นที่มืดหรือ ในที่ร โหฐานก็ยังเกรงวาผีส างเทวดาคอยจอง
ความเกิดความตายเปนสิ่ง สําคัญที่สุดของมนุษ ย ถาเราไมใ ห ความแตกตางกับสิ่งที่ก ลาวมาแลวไซร เราจะเกิดในสภาวธรรมใด ก็ต าม ย อ มจั ก ดํ ารงชีวิ ต อยู ไ ดดว ยจิ ตใจที่ป ราศจากความกดดั น รูจักดํารงชีวิตดวยดี ตายดี และไปเกิดในสภาวธรรมที่ดีตอไป ทําไมหรือ เพราะความชั่วรายมิไดอยูที่ความรวยความจน มิไดอยูที่ความมี อายุสั้นหรือยาว ความสุขความทุก ขนั้นยอมขึ้นอยูที่เราจะสามารถ ประกอบคุณงามความดีไดมากนอยเทาใดตางหากเลา 19
จับ ตามองพ อ อยู ต อหนาและลับหลั ง คนจึง ประพฤติ ต นไมต างกั น หากมี ผูใ ดแสดงความไมพ อใจพ อ อยางไร วิ พากษ วิ จารณรุนแรง เพียงใด พอกลับรับฟงไดโดยดุษณี ไมเคยตอลอตอเถียงกับผูใดอีกเลย
สามพันครั้ง พอรุงขึ้นอีกป พ.ศ. 2124 พอก็ไดเจามา จึงตั้งชื่อใหวา “ เทียนชี่” แปลวา ฟาประทาน เวลาใดที่พอ ไดก ระทําความดีทางกายกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี พอก็จะใชพูกันบันทึกไวทันที แตแมเจาเขียนหนังสือไมเปน เมื่อไดชวยพอกระทําความดีครั้งใด ก็ใชกานขนหานจิ้มชาด กดวงไว บนปฏิทิน บางวันใหทานคนยากจนหลายครั้ง ปลอยสัตวมีชีวิตมาก วันหนึ่งๆ แมเจาวงไวถึงสิบกวาวงดวยกัน เพียงสองปกวาก็ทําไดครบ สามพันครั้งอีก คราวนี้ พอนิมนตพระเถระรูปกอนๆ มาทําพิธีอุทิศ บุญกุศลทีบ่ านเราเอง และเริ่มตั้งจิตอธิษฐานขอใหสอบตําแหนงจิ้นสือ ได จะทํ าความดี ใ หครบหนึ่ งหมื่ นครั้ง ตอมาอีก สามป พอก็ สอบได และไดเ ปนนายอําเภอในปนั้นเอง ประมาณ พ.ศ. 2129 (ประมาณ ค.ศ. 1586)
เมื่อกาลเวลาผานไปอีกหนึ่งป พอไดโอกาสเขาทําการสอบไลอกี ครัง้ คราวนี้ไดที่หนึ่ง พลิกความคาดหมายของทานผูเฒาขง ที่พยากรณไววา จะสอบไดที่สาม ทานวาหลังจากสอบครั้งนี้แลว ตอไปจะสอบไมไดอีก แต เ มื่ อ พ อไปสอบก็ส อบได อีก เป น อั นว าคํ า พยากรณ ไมส ามารถ กุมวิถีชีวิตของพอไดอีกตอไป แตก ารทําความดีนั้น มิไดงายอยางที่นึก ไว สํารวจดูแลว ก็พบ ข อ บกพรอ งมากมาย เช น ไม มี ค วามอาจหาญพอที่ จ ะเสี่ ย งชี วิ ต เข า ช ว ยเหลื อ ผู ที่ ป ระสบภั ย บางที จิ ต ใจลั ง เล ไม ส ามารถช ว ยได สุดกําลัง บางทีก็ชวยไปบนวาไป อดติเตียนเสียมิได เวลาปกติกย็ งั มีสติ ควบคุมตนเองไดดีอยู บางทีดื่มเหลาเมามาย ความประพฤติดั้งเดิมก็ กลับมามีบทบาทอีก คะแนนของกรรมดีถูก กรรมชั่วลบไปเสียมาก ทําใหตองใชเวลาเกือบ 11 ป คือตั้งแต พ.ศ. 2112 – พ.ศ. 2122 จึงสามารถรวบรวมการทําความดีไดครบสามพันครั้ง
พอ ได ทําสมุ ดขึ้ นมาเลม หนึ่ ง ใหชื่ อว าสมุด บริหารใจ ตอนเช า อั น เป น เวลาที่พ อ นั่ ง ชํา ระความ พอ ก็ใ ห ค นนํ าสมุ ด นี้ ม าวางไว บ น บัล ลัง กดวย ในแตล ะวัน พอชําระคดีไวอยางไรบาง ก็จะบันทึก ไวใ น สมุดเลมนี้อยางละเอียด เพื่อไวตรวจสอบดูวาจะมีอคติในการชําระความ อยางไรบางหรือ ไม มีความยุติธ รรมเพีย งพอไหม ใหความเมตตา ปรานีเ พี ย งพอไหม เพื่ อ จะได ไว แก ไ ขในวั น ต อ ไป พอตกกลางคื น พอก็ตั้งโตะที่กลางลานบาน พอแตงตัวเต็มยศเพื่อแสดงความเคารพ ตอฟาดิน แลวจุดธูปเทียนบูชาฟาดิน คุกเขาลงอานบันทึกนั้น แลวเผา ถวายฟ า ดิ น หนึ่ ง ชุ ด เก็ บ ไว ห นึ่ ง ชุ ด ที่ พ อ ทํ า เช นนี้ก็ เ พราะพ อ เห็ น ตัวอยางอันดีงามนีม้ าจากขุนนางผูใหญทานหนึ่งในสมัยราชวงศซอง ที่ไดรับการจารึก ไวในประวัติศาสตรจีนดวยความเคารพอยางสูงวา เปนผูที่มีความซื่อสัตย สุจริต มีค วามรับผิด ชอบตอหน าที่ของทา น
บังเอิญขณะนั้น พอไปเที่ยวนอกดานกับเพื่อน จึงมิไดประกอบพิธี อุทิศบุญกุศ ลดังที่ตั้ง จิตอธิษ ฐานไว จนกระทั่งรุง ขึ้นอีก ปห นึ่ง พ.ศ. 2123 เมื่อกลับมาทางใตแลวจึงไปนิมนตทานซิ่งคงและทานเฮวยคง ซึ่งลวนเปนพระเถระที่ทรงคุณวิเศษ มาประกอบพิธีอุทิศกุศลผลบุญ ที่ไดเพียรทําตอเนื่องมาไดรวมสามพันครั้งตามที่ไดตั้งจิตอธิษฐานไว แลว เริ่ ม ตั้ง จิ ตอธิษ ฐานใหม ครั้ง นี้ข อใหไ ดลู ก ที่ ดี จะทํา ความดีอี ก
20
เท ากั บ ชี วิ ต ของทา นเอง ไม ย อมสยบต อ ขุ น นางกั ง ฉิ น ดูแ ลความ ทุก ขสุขของราษฎรและขุนนางใหญนอยอยางไมก ลัวตาย ถามีก าร ฉอราษฎรบังหลวง มีก ารอาศัยหนาที่หรืออิทธิพลกอกรรมทําเข็ญ กับชาวบานหรือขุนนางผูนอยแลวไซร แมผูนั้นจะเปนขุนนางผูใ หญ เป น ที่ โ ปรดปรานของฮ อ งเต สั ก เพี ย งไรก็ ต าม ท านก็ ไ ม เ กรงกลั ว เปนตองนําหลัก ฐานทูล เกลาฯ ถวายฮอ งเตใหไดรับโทษานุโทษจงได เมื่ อ ท านสิ้ น อายุขัย แล ว จึ ง ได รั บ พระราชทานเกี ย รติ ย ศอั น สู ง ส ง ไดรับสถาปนาเปนที่ชิงเซี่ยงกง หมายถึงผูที่กราบทูลดวยความสะอาด บริสุทธิ์ใ จ พออานชีวประวัติอันเกริกเกียรติของทานแลวประทับใจ มาก จึงถือเปนตัวอยางอันดีงามที่จะตองปฏิบัติตามใหได เพื่อปองกัน การชํ า ระความของพ อ มิ ใ ห ด า งพร อ ยเสี ย ความยุ ติ ธ รรมไปได พอจึงกระทําเชนนี้ทุกคืน
เสียภาษีหนักเกินไป ทําไมเรื่องราวเหลานี้ซึ่งพอเห็นเปนเรื่องเล็กนอย แตก็ลวงรูถึงเทวดาฟาดินได และก็ยังสงสัยอยูวา ทําเพียงแคนี้นะหรือ ก็เปนความดีไดถึงหนึ่งหมื่นครั้ง บังเอิญทานฝานอวี๋ยเถระมาจาก ภูเขาอูถายซาน พอจึงกราบถามทานเพื่อใหหายสงสัย ทานตอบวา กุศลกรรมใดก็ตาม ถาทําดวยความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ ไมห วังตอบแทนเปนสวนตัว แลว ไซร แม ก ระทํา ครั้ง เดี ยว ก็เท ากั บ กระทําหมื่นครั้ง ไดทีเดียว การที่พอเห็นความทุก ขยากของราษฎร หาทางแก ไ ขผ อ นหนั ก เป น เบา ความสุข ที่ร าษฎรทั้ง อํ า เภอได รั บ ยอมเปนกุศ ลกรรมอันยิ่งใหญ พอจึงเอาเงินเดือนของพอ เดือนนั้น ถวายแกทานฝานอวี๋ยเถระ เพื่อใหทําอาหารมังสวิรัติถวายพระภิก ษุ ในวัดของทาน ซึ่งมีประมาณหนึ่งหมื่นรูป และอุทิศ กุศลกรรมทั้งมวล ไปตามที่อธิษฐานเอาไว
แมของเจาแสดงความวิตกกังวลใหพอฟงวา แตกอนนี้อยูบาน เราเองก็ชว ยกันทําบุญทําทาน มีโอกาสประกอบกรรมดีม าก ไมกี่ป ก็ไดครบสามพันครั้ง แตตอนนี้เราอยูในสถานที่ราชการ ไมมีโอกาส สัมผัสกับคนยากจนเหมือนแตกอน ความดีหนึ่งหมื่นครั้ง เมื่อใดจะทํา สําเร็จไดเลา
ทานผู เฒ า ข ง เคยพยากรณ พอ ไว วา พ อ จะมี อ ายุอ ยูไ ด 53 ป เทานั้น พอก็มิไดอธิษฐานใหตนเองมีอายุยืนยาวแตอยางใด แตปนั้น พอก็ไมเปนไร อยูมาจนบัดนี้ พอมีอายุได 69 ป แลว โบราณทานกลาว ไววา ฟาดินนั้นสุดที่จะหยั่งรูได ชาตาชีวิตจึงเอาแนไมได ชีวิตของใคร คนนั้นก็ตองสรางอนาคตเอาเอง จะใหคนอื่นสรางใหหาไดไม คําพูดนี้ เป น ความจริง ที่ พอ พิ สู จ น ไ ด ด ว ยตนเอง พ อ จึ ง เชื่ อ มั่น ด ว ยความ ประจักษแจงแกใจของพอเองวา ความสุขความทุกข ลวนแตเกิดจาก การกระทํ า ของตนเองทั้ ง สิ้ น ทํ า ดี ก็ ดี ทํ า ชั่ ว ก็ ชั่ ว เป น คํ า ที่ ท า น นั ก ปราชญ โ บราณกล าวกั น ต อ ๆ มาจนถึ ง บั ด นี้ ถา ใครยั ง เชื่ อ ว า สุ ข ทุ ก ข เ ป น สิ่ ง ที่ ถู ก ลิ ขิ ต มาแล ว อย า งแน น อน แก ไ ขไม ไ ด แ ลว ไซร แม ผู นั้ น จะแสนฉลาดปราดเปรื่ อ งอย า งไร เขาก็ ยั ง เป น บุ ถุ ช นอยู หาความกาวหนามิไดเลย
พอก็ไดแตรับฟง ในคืนวันนั้น จะวาบังเอิญหรือไมหนอ พอฝนเห็น เทวดาองคหนึ่ง พอจึงปรับทุก ขกับทานถึงเรื่องที่แมเจาวิตกกังวล ทานบอกกับพอวา พอนั้นไมรูตัวเลย พอไดทําความดีครบหนึ่งหมื่นครั้ง แลว เพียงแตล ดภาษีขาวใหแกราษฎรทั้งหมดที่อยูใ นความปกครอง ของพ อ โดยทั่ ว หน า กั น การบรรเทาภาระอั น หนั ก ของราษฎร เปนกุศลกรรมอันยิ่งใหญ เพราะทําใหราษฎรเปนสุขขึ้น พอตื่นขึ้นมา ก็นึก ขึ้ นได วา พอไดทําไปเชนนั้นจริ งๆ เพราะสงสารราษฎรที่ตอ ง 21
สําหรับตัวของลูกนั้น พอก็ยัง ไมทราบวาอนาคตจะเปนอยางไร แตข อใหลูกจําไววา แมลูกจะมีบุญวาสนาชาตาสูง ก็อยายึดมั่นวาจะ เปนเชนนั้นเสมอไป อาจจะมีวันที่ตกต่ําลงไดถาลูกไมรูจักการระวังตัว ยามใดที่ลูกรูสึกชีวิตมีแตความราบรื่นปลอดโปรงสะดวกสบายไปทุกสิ่ง ลูก ก็อยายึดมั่นวา จะเปน เชนนั้นตลอดไป อาจจะมีวันที่ตอ งประสบ ความยุง ยากเดื อ ดร อ น ถ าลู ก ไม ตั้ งตนอยูใ นศีล ในธรรมอยูเ สมอ ยามใดที่ลูก มีความเหลือเฟอ เงินทองไหลมาเทมา มีความสมบูรณ พูน สุ ข ทุ ก ประการ ก็ อ ย า ยึ ด มั่น วา จะเป นเช น นั้น เสมอไป อาจจะมี สักวันหนึ่ง ที่ลูกจะตองตกระกําลําบาก ระหกระเหินแมจะหาที่คางกาย สักคืนก็ทั้งยาก หากลูกไมรูจักใชเงินใหเปนประโยชนในทางที่ถูกที่ควร ทั้งแกตนเองและแกผูอื่น ยามใดที่มีคนนิยมชมชอบ เคารพนบนอบตอลูก ลูก ก็ จ ะตอ งยิ่ง ทํ าตนให เ ปน ที่นา เคารพยิ่ ง ๆ ขึ้ น ถอมเนื้ อ ถ อ มตั ว ดว ยความจริ ง ใจ มิใ ชเ สแสร ง แกลง ทํา ปากอย างใจอย าง อวดดี วางอํานาจ ยามใดที่ลูก ไดรับยศฐาบรรดาศัก ดิ์อันสู งสง ลูก ก็อย า ยึ ด มั่ น ในโลกธรรมนั้ น ว าจะแน น อนเสมอไป ตอ งเตือ นสติ ต นเอง อยูเสมอวา สักวันหนึ่งยศศักดิ์ชื่อเสียง เงินทองและความสุขทั้งมวล อาจจะพังพินาศไปในพริบตาเดียวก็ได ถาลูกไมหมั่นประกอบความดี ใหยิ่งๆ ขึ้นไป แมลูกจะมีความรูความสามารถเพียงใด ก็จงอยาทะนงตน วาใครก็สูไมได ลูกจะตองหมั่นฝกฝนเพื่อใหความรูนั้นแตกฉานยิ่งขึ้น ถาลูกทําไดเชนนี้ลูกก็จะเปนผูที่มีคุณธรรมอันสูงสง และคงความสูงสง นั้นไวได ไมมีวันที่จะตกต่ํา นอกจากวิบากแหงกรรมเกา ซึ่งไมมใี ครรูว า ในชาติปางกอ นๆ นั้ น ลู ก ไดเ คยทําอกุศ ลกรรมอะไรไวบ าง วิ บาก แหง อกุศ ลกรรมนั้นยอมใหผลเมื่อถึงเวลาเสมอ แตถาลูก มีความดี มากจริงๆ แลว อกุศ ลกรรมบางอยางก็จะกลายเปนอโหสิก รรมไป คือกรรมตามไมทัน
ลูก ต อ งเคารพบู ช าบรรพชน สรรเสริญ คุณ งามความดี ข อง บรรพชนใหแผไพศาล ลูกจะตองปกปดความผิดพลาดของพอแมไว อยาใหเปนที่เสื่อมเสียแกวงศตระกูล ได ชาติบานเมืองเปนสิ่งที่จะตอง เทิดทูนรักษาไวดวยชีวิต ตองมีความซื่อสัตยสุจริตจงรักภักดีตอองต ฮ อ งเต ไ ม เ สื่ อ มคลาย ลู ก จะต อ งสร า งครอบครั ว ให มี ค วามสุ ข ความอบอุนใจตลอดจนคนรับใช ลูกจะตองชวยเหลือเกื้อกูลผูที่ยากไร ให ไ ด ทั น ทว งที ลู ก จะตอ งมีจิ ต สํ ารวมระวั ง อิ นทรี ย อ ยู ตลอดเวลา เพื่อปองกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นทั้งทางกายวาจาและใจ ลูก จะตองสํารวจตรวจขอบกพรองในตัวของลูก เองทุก ๆ วั น อยาไดขาด และจะตองแกไขความผิดพลาดใหทันทวงทีทุกๆ วันเชนกัน วันใดที่ ลูก มองไมเห็น ความผิ ดพลาดของลูก ก็แสดงวาการปฏิบั ติ ธรรมของลูกไมไดกาวหนาไปเลย และกําลังถอยหลังแลว เพราะฉะนั้น ลูกจะตองหาความผิดพลาดของตนเองใหพบ และแกไขใหไดทันทวงที มิฉะนั้นแลว ลูกจะกาวหนาตอไปไมได เปนการเสียชาติเกิด คําสั่งสอนของทานอวิ๋นกุเถระนั้น ชางลึกล้ําตรงตามสภาวธรรม และเปนความจริงทุกประการ ซึ่งลูกจะตองนํามาครุนคิดวิเคราะหวิจัย หาเหตุผล เพื่อใหประจักษแจงแกใจของลูกเอง และยึดถือนํามาปฏิบัติ ตามคําสั่ง สอนของทานอยางเครงครัด ใหเ กิดเปนจริงเปนจังขึ้นมา ใหได จึงจะไมเสียแรงที่เกิดมาแลว ชาติหนึ่ง มิไดปลอยเวลาอันมีคา ใหผานไปโดยไรประโยชนเลย
22
โอวาทขอที่สอง วิธีแกไขความผิดพลาด
ในอนาคต บุถุชนมักมองไมเห็นบุคคลิกลักษณะอันนาศึกษานี้ กลับเห็นวา เปนการคาดคะเนที่ไมแนนอน
ในยุคชุนชิว กอน พ.ศ. 227 – พ.ศ. 67 เปนระยะเวลาที่อํานาจ ของราชวงศจิว (กอนศตวรรษที่ 11 กอน พ.ศ. 228) เสื่อมถอย หั ว เมื อ งใหญ น อ ยตา งแข็ง ข อ ตั้ ง ตนเปน ใหญ จิ ต ใจคนจี น ในยุค นี้ เสื่อมทรามโหดเหี้ยมมาก ลูกฆาพอ ขุนนางฆาฮองเต ทานนักปราชญ ขงจื่อก็เกิดในยุคนี้ ทานเห็นวาเหตุการณจะรุนแรงยิ่งขึ้น ไมเปนผลดี ตอ ประเทศชาติ จึ ง นํ าหนั ง สื อ เล ม หนึ่ ง มี ชื่ อ ว า ชุ น ชิ ว ซึ่ ง เป น ของ แควนหลู มาแกไขปรับปรุงเสียใหม สวนที่ดีคงไว สวนที่ขาดเพิ่มเติม บันทึกความชั่วรายในยุคนั้นไวในหนังสือ ชุนชิว นี้อยางละเอียดลออ เพื่อไวเตือนใจคนไมใหนํามาเปนเยี่ยงอยาง ขุนนางในสมัยนั้นชางดูคน โดยสังเกตจากกิริยาวาจา ก็สามารถคาดคะเนอนาคตของคนๆ นั้นได สังคมขุนนางในสมัยนั้น จึงมักนําบุคคลิกของใครตอใครมาเปนหัวขอ ในการสนทนา พอจึ งอยากให ลูก ค นหาส วนดี สว นเสียของหนังสื อ เลมนี้ แมจะเปนของโบร่ําโบราณ หางจากยุคเราเกือบสองพันปก็ตาม แตลูกก็จะไดประโยชนจากหนังสือนี้อยางเหลือลน นอกจากเลมนี้แลว ก็ยังมีอกี หลายเลมที่บันทึกประวัติศาสตรในระยะสองพันปนี้ ลูกอานแลว จะไดเขาใจชีวิตดีขึ้น รูจักนําสวนดีของอดีตมาเสริมสรางชีวิตอนาคต ของลูกเองใหเพียบพรอมดวยความเปนคนที่มีศีลมีธรรม หลุดพนจาก ความเปนบุถุชนไดในที่สุด
ธรรมชาตินั้นมีความซื่อตรงยิ่งนัก หากเราเอาอยางธรรมชาติได จิต ใจของเรานี้ ก็ จ ะผสมผสานเป น อั น หนึ่ง อั น เดี ย วกับ ธรรมชาติ ซึ่งก็คือฟาดินนั่นเอง ฉะนั้น ลูกจงสังเกตพฤติกรรมของบุคคลตางๆ วาเขาชอบทํากรรมดีหรือกรรมชั่ว ถาเขาชอบทําแตกรรมดี ทําไดครบ ตามมาตรการ และสูงถึงมาตรฐานแลวไซร ก็จงแนใจเถิด เขาจะตอง ได รั บ ผลดี แ น แต ถ า เขาชอบทํ า แต ก รรมชั่ ว ลู ก ก็ จ งแน ใ จเถิ ด ว า เขาจะต อ งได รั บ ผลเลวร า ยตอบแทน หากลู ก ต อ งการความสุ ข และหางไกลจากความทุ ก ข ลูก จะตอ งรูจัก วิธีแกไขความผิด พลาด ของตนเองเสียกอน ขอ 1. ลูกจะตองมีความละอายตอการทําชั่ว ไมวาจะอยูตอหนา หรื อ ลั บ หลั ง ผู ค น ลู ก ลองคิ ด ดู สิ นั ก ปราชญ แ ต ค รั้ ง โบราณมา ท า นก็เ ป น ชายอกสามศอกเช น ลู ก นี้ แตไ ฉนท า นเหล า นั้ น จึ ง ได รั บ ความเคารพบูช าเป น ปู ช นี ย บุ ค คล แม ก าลเวลาจั ก ได ผ า นไปแล ว เปน รอ ยชั่ วคนก็ตาม ส วนลูก นั้ นเลา ยั งคงเปนกระเบื้อ งที่ แตกอยู เปนเสี่ยงๆ ในชีวิตยังไมไดส รางอะไรเปนชิ้นเปนอันเปนแกนเปนสาร ใหปรากฏเลย ทั้งนี้ ก็เพราะลูกมัวหลงละเลิงอยูกับความสุขทางโลก เหมือนผาขาวที่ถูกสีตางๆ แปดเปอนเสียแลว ยอมหมดความบริสุทธิ์ ผุดผอง มักจะทําอะไรที่ไมสมควรทํา แตคิดวาผูอื่นไมลวงรู ตอไปก็ยิ่ง เหิมเกริมทําผิดมากขึ้นทุกทีโดยไมมีความละอายตอบาป ลงทายก็จะ เหมื อนกั บ สัต ว เ ดรั จ ฉานที่ไม ส ามารถรูว า ตนเองกํ าลั งทํ า อะไรอยู ในโลกนี้ จะมี สิ่ ง ไรอี ก เล า ที่ จ ะน า ละอายไปกว า ที่ ตนเองไม รู ดี รู ชั่ ว ทานนักปราชญเมิ่งจื่อจึงไดกลาวไววา ความละอายและความเกรงกลัว
ธรรมดานิมิตหรือลางสังหรณนั้น มักจะเกิดทางใจ แลวปรากฏ ให เ ห็ นทางอิ ริ ย าบถ บุ ค คลิ ก ลั ก ษณะจึ ง เปรี ย บประดุ จ กระจกเงา ฉายใหเ ห็นบุญวาสนาหรือเคราะหกรรมที่บุคคลนั้นๆ จะตองไดรับ 23
ตอบาปนั้น เปนความยิ่งใหญของมนุษยในโลกนี้ ผูใดมีไวยอมไดชื่อวา เปนปราชญ ผูใดมิไดมีไวยอมเหมือนสัตวเดรัจฉาน ลูกจึงตองเริ่มตน แกไขความผิดพลาดของตนเองดวยกุศลธรรมขอนี้กอน
กรรมดี หากเขาสามารถสั่ง สมความดี ไ ด ม ากกว ากรรมชั่ ว ที่ เ คย กระทํ า มาเป น หมื่ น เท า พั น ทวี แ ล ว ไซร วิ บ ากแห ง กรรมชั่ ว ที่ มิ ใ ช กรรมหนัก จักติดตามมาใหผลไมทันเสียแลว ดุจในถ้ําที่มืดมิดมานาน นั บ พั น ป เพี ย งแต จุ ด ไฟให ส ว า งเพี ยงดวงเดี ย ว ก็ ส ามารถขั บ ไล ความมืด ที่ มี ม านานนั บ พั น ป ใ ห ห มดสิ้ น ไปในพริ บ ตาเดี ย ว ฉะนั้ น ลู ก จงจํ า ไว ว า ความผิ ด ที่ ลู ก กระทํ า ไว น านแล ว หรื อ เพิ่ ง กระทํ า ขอใหรูสํานึกและแกไขเสียทันที จึงจะเอาตัวรอดได ไมตองไปสูทุคติภพ ที่เต็มไปดวยความทุกขทรมาน
ข อ 2. ลู ก จะตอ งมีค วามเกรงกลั ว ต อ การทํ าชั่ ว เทพยดา อยูเบื้องบน ผีส างวิญญาณลวนมีรางโปรงแสง มีอยูเกลื่อนกลาด ทุก หนทุก แหง ซึ่ง นัยนตาของมนุษ ยธรรมดายอ มมองไมเห็น ไมวา ลูก จะทํ าผิ ดอะไรที่ ค นไมรู ผี ส างเทวดาก็รู ห มด ถ าลู ก ทําความผิ ด รายแรง ลูกก็จะตองไดรับเคราะหกรรมไมเบาทีเดียวละ ถาลูกทําผิด เพียงนิดหนอย ก็จะทําใหลูกไดรับความสุขที่กําลังใหผลอยูในปจจุบัน ลดนอยลงทันที ลูกจะไมกลัวไดหรือ
แต ลู ก จะต อ งจํ า ไว ใ ห ดี ว า แม ค วามผิ ด นั้ น เป น สิ่ ง ที่ แ ก ไ ขได ก็อยานอนใจที่จะทําผิดบอยๆ อยานึกวาวันนี้เ ราทําผิดแคนี้ไมเปนไร พรุงนี้เราจะแกไขไมทําอีกก็แลวกัน ถาคิดเชนนี้ ก็ผิดจากวัตถุประสงค ที่พอ พร่ํ าสอนลูก มา อันความผิ ดที่เ กิด จากรูว าผิ ดแลวยัง จงใจทํ า เปนมโนกรรมทีม่ ีโทษหนัก แมลูกตั้งใจจะแกไขในวันพรุง ก็อาจจะสาย ไปเสี ยแล ว เพราะในโลกแห งความวุน วายนี้ ใครจะรับประกัน ไดว า เราจะมีชี วิ ต อยู จ นถึง วั น พรุง นี้ มนุ ษ ย มี ชี วิ ต อยู ไ ด ดว ยลมหายใจ ถ า ลู ก ขาดหายใจเพี ย งครั้ ง เดี ย ว ชี วิ ต นี้ ก็ ไ ม ใ ช ข องลู ก เสี ย แล ว ทุก สิ่ง ลูก ก็นําติดตัวไปดวยไมได เพราะทุก สิ่งเปนรูปธรรม ไมมีใ คร เปนเจาของรูปธรรมไดชั่วนิรันดร สิ่งที่ติดตามลูกไปไดมีเพียงกรรมดี และกรรมชั่วเทานั้น อันเปนนามธรรมที่มนุษยมองไมเห็น จะสัมผัสได ดวยใจเทานั้น หากบุญยังมีเหลือพอ ไดกลับมาเกิดเปนมนุษยอีก ก็จะ เปนคนที่ชื่อเสียงไมดีเปนรอยปพันป แมจะมีลูกหลานที่ดีก็ไมสามารถ ชวยลูก ได หากกรรมหนักไมส ามารถมาเกิดเปนมนุษยอีก ก็จะตอง ตกนรกหมกไหม ทนทุก ขทรมานไปชั่วกัปชั่วกัล ป แมพระพุทธองค ก็ ท รงโปรดไม ไ ด เพราะผู ใ ดทํ า กรรมไว ผู นั้ น เองเป น ผู ไ ด รั บ ผล แหงกรรมนั้น ลูกยังจะไมกลัวไดหรือ
ไมเพียงเทานั้น แมเราจะอยูในบานของเราเอง ในที่รโหฐานก็ตาม ก็ห นี ไ มพ น สายตาของผี ส างเทวดาไปได แม ลู ก จะปกป ด ความผิ ด ไวดีเ พียงไร แตจ ะปกปดผีส างเทวดาหาไดไ ม เพราะแมแตใ นตัวลู ก มีไสกี่ขด ทานเหลานั้นก็มองเห็นทะลุปุโปรงอยูแลว หากวันใดบังเอิญ มีคนแอบรูเห็นเขา ลูก ก็จะกลายเปนคนไรคา ไปทีเดียว อยางนี้แล ว ลูกยังจะไมก ลัวอีกหรือ ไมเพียงเทานั้น หากลูกยังมีลมหายใจอยู แมจะทําความผิดลนฟา ก็ ยั ง มี โ อกาสแก ตั ว ได ถ า ลู ก สํ า นึ ก ในความผิ ด นั้ น ได ทั น ท ว งที ในกาลก อ น มี ช ายคนหนึ่ ง ตลอดชี วิ ตของเขาชอบทํ าแต ก รรมชั่ ว ครั้ นพอใกลจ ะตาย ไดสํานึ ก ผิ ดเพีย งขณะจิ ตเดีย ว และจิ ตสุ ดท าย ที่รู จั ก ผิ ด ชอบชั่ วดี ก็ ยั ง สามารถทํ าให จิ ต ที่ เ กิ ดตอ จากจิ ต สุ ด ท าย (จุ ติ จิ ต ) ได ปฏิ ส นธิ ใ นสุ ค ติ ภพทั นท วงที รอดจากการไปสู ทุ ค ติภ พ อย างหวุ ดหวิด และเมื่ อเขาได ไปสูสุคติ ภพเสี ยก อนเช นนี้ จิ ตที่ รูจั ก ผิดชอบชั่วดีแลวในวินาทีสุดทายนี้ ก็ยอมเปนปจจัยใหเขาประกอบแต 24
ขอ 3. ลูกจะตองมีความกลาที่จะแกไขตนเอง มีกําลังใจทีจ่ ะแกไข อย างจริ งจัง ไมท อ ถอย มีค วามเพี ยรอยางสม่ํ าเสมอ ไมใ ชทํ าบา ง หยุดบาง ความผิดเล็กๆ นอยๆ นั้น เปรียบประดุจหนามตําอยูในเนื้อ ถารีบบงหนามออกเสีย ก็จะหายเจ็บทันที หากเปนความผิดใหญหลวง ก็เปรียบประดุจถูกงูพิษที่รายแรงขบกัดเอาที่นิ้ว ถาลูกไมกลาตัดนิว้ ทิง้ พิษก็จะลุกลามไปถึงหัวใจและตายไดงายๆ ลูกจึงตองมีจติ ใจทีเ่ ด็ดเดีย่ ว กลาเผชิญความจริง รูตัววาผิดตรงไหน ตองแกตรงนั้นทันที อยารีรอ ลั ง เล จะเสี ย การในภายหลั ง ลูก จงศึ ก ษาวิ ช าโป ย ก ว ย ที่ ว า ด ว ย ความแข็งแกรงของฟ า ความออ นโยนของดิน ความมี พลังของไฟ ความเย็นของน้ํา ความกึกกองของเสียงฟารอง ความแรงกลาของลม ความมั่ นคงของขุน เขา และความเปน กระแสของสายธาร แล วลู ก จะเขาใจถึงธรรมชาติแปดประการนี้ ซึ่งตางก็เปนปจจัยใหกันและกัน ในยามที่พายุมา เสียงฟารอง ลมก็จะเปนปจจัยชวยใหฟารองดังยิ่งขึ้น ฟาก็จะชวยลมใหมีกําลังพัดรุนแรงขึ้น ตัว อยางเหลานี้ ถาลูก ศึก ษา ใหเขาใจแลวก็จะสามารถนําวิชาโปยกวยนี้มาประยุกตในชีวิตประจําวัน ใหเกิดประโยชนสุข แกลูกเอง ความผิดถูกความดีชั่ว ลว นเปนปจจัย แก กั น และกั น เมื่ อ รู ว า ผิ ด รี บ แก ไ ขเสี ย ความถู ก ก็ จ ะกลั บ คื น มา เมื่อทําความดีอยูความชั่วไหนเลยจะกล้ํากราย ทั้งหมดนี้ขึ้นอยูกับ ความเด็ดเดี่ยวกลาหาญของลูกเองเทานั้น จงจําไว
ที่เ หตุ ผ ล บางสิ่ง ต อ งแกที่ ใ จ วิธี ก ารแก ไขยอ มแตกต างกั นออกไป ผลที่ไดก็ไมเหมือนกัน ลูกจงฟงใหดี เช น เมื่ อ วานนี้ เ ราฆ า สั ตว วัน นี้ เ ราตั้ง ใจไม ฆ าอี ก ต อ ไป หรื อ เมื่อวานเราโกรธ ผรุสวาทไปมากมาย วันนี้เราตั้งใจไมโกรธอีกตอไป นี่คื อการแก ไขที่ เหตุ ก ารณ ทํา ผิดแล วจึ ง ได คิด ซึ่ง ไมค อ ยจะได ผ ล เพียงระงับไดชั่วคราว เผลอเมื่อใดเราก็จะทําผิดไดอีก การแกไขจึงตองแกกอนที่จะมีก ารกระทําผิดเกิดขึ้น คือ ตองรู เหตุที่จ ะกอใหเกิดความผิดไดเสียกอน เชน การฆาสัตว ถาเราเขาใจ เสี ย ก อ นว า ชีวิ ตใครๆ ก็รั ก ไฉนจึ ง ฆ าสั ต ว อื่ น เพื่ อ เลี้ ย งชี วิ ต เรา ให ยื นยาวเล า ถ ามีใ ครทํ ากับ เราบ างอยางนี้ ลู ก จะยอมหรือ อนึ่ ง การฆาสัตวนั้น ทําใหเกิดความทรมานเจ็บปวดแสนสาหัส นําสัตวตม ในกะทะรอ นๆ กวา จะตายก็ แสบร อนไปทุก ขุม ขน แมเ ราจะบริ โภค อาหารสั ต ว เ อร็ ด อร อ ยเพี ย งไร เมื่ อ เข า ไปอยู ใ นท อ งเราแล ว ก็ จ ะ เปลี่ยนเปนปฏิกูลตอไป ถาเราบริโภคแตพืชผักผลไม เราก็อยูไดอยาง เป น สุ ข เช น กั น ไม เ ดื อ ดร อ นอะไร ไฉนจึ ง ต อ งไปทํ า ลายชี วิ ต ผู อื่ น เพื่อความอิ่ม เพียงชั่ วยาม แตต องทําลายบุญ ที่มีอยูแลว ให นอยลง และเพิ่มบาปใหมากขึ้นดวยเลา ชีวิตที่ประกอบขึ้นดวยเลือดเนื้อนั้น ยอมมีวิญญาณ คือความรูสึก นึก คิ ด เช น เดี ยวกั บ เรา ถ าเราไมส ามารถทํ าให สั ต วเ หล านั้น มารั ก นับถือเรา ไววางใจเรา และอยากอยูใกลเราแลว เราก็อยาสรางความ เคี ย ดแค น ชิ ง ชั ง จนถึ ง จองเวรจองกรรมกั น ขึ้ น เลย ถ าลู ก คิ ด ได เชนนี้แลว ลูกก็จะกลืนเนื้อสัตวเหลานั้นไมลงคอ เมื่อสมัยโบราณกาล ในยุค หินใหม เรามี ผูนําที่ ทรงเปยมดว ยพระเมตตากรุณ าและทรง ปรีชาสามารถยิ่งพระองคหนึ่ง ซึ่งมีพระนามวา ตี้ซุน กอนเสวยราชย
เมื่อลูก มีความละอาย มีค วามเกรงกลัว และมีความกลาหาญ เด็ดเดี่ยวที่จะแกไขความผิ ดพลาดของตนเองแลวไซร ความผิดนั้ น ก็ ย อ มจะลดน อ ยถอยลงจนหมดไปในที่ สุ ด เปรี ย บประดุ จ สายน้ํ า ที่รวมตัว กลายเป นน้ําแข็ ง ในฤดู ใ บไมผ ลิ เมื่อถูก แสงอาทิ ตยก็ยอ ม ละลายกลายเปนน้ําดังเดิม แตความผิดพลาดของมนุษ ยนั้นไมงาย ดั ง ว าไปเสี ย ทั้ ง หมด บางสิ่ ง ต อ งแก ที่ เ หตุ ก ารณ บางสิ่ ง ต อ งแก 25
โดยราษฎรพร อมใจกันเลือ กท าน ทา นเปน ชาวนา ระหว างที่ทํ านา อยูนั้น จะมีชางมาชวยทานไถนา มีนกมาชวยทานถอนหญา ซึ่งปจจุบันนี้ ภาพเชนนี้หาดูไมไดอีกแลว ก็เ พราะมนุษ ยขาดความเมตตาการุณ ย อยางจริงใจนั่นเอง
ถ า มี ค นนิ น ทาว า รา ยลู ก ลู ก ก็ จ ะต อ งคิ ด ให ไ ด ว า เหมื อ นคน จุดกองไฟเผาฟา แมกองไฟจะใหญม หึมาเพียงใด แตฟานั้นวางเปลา ไมมี เชื้อ ที่จ ะติด ไฟได กองไฟจะลุก โชติชว งสั ก เพี ยงใด ก็จะไหมและ มอดไปข างเดีย วในที่ สุ ด คนที่ว า ร ายลู ก เห็ น ลู ก อยู ใ นความสงบ ไมโกรธ ไมตอบโต เขาก็จะหยุดไปเองเชนกัน เพราะการนินทาวาราย นั้ น เหมื อ นนํ า สี ม าป า ยที่ ผ า ขาวนั้ น ย อ มยากที่ จ ะขาวได ดั ง เดิ ม แมลูก จะมีเหตุผลดีอ ยางไร ก็ไมส ามารถจะโตแยงใหขาวกระจางได เปรียบประดุจตัวไหมในฤดูใบไมผลิหลงกินใบหมอนไปดิ้นไป ยิ่งกระดุก กระดิก มากเทาไร ใยใหมก็ยิ่งผูก มัดตัว เองมากเทานั้น ความโกรธ ก็เชนกัน มีแตโทษหามีคุณไม ถาลูกสามารถใชเหตุผลใครครวญดูแลว ทุกสิ่งก็จะไมนาโกรธ ความโกรธก็จะไมเกิดขึ้นกับลูกอีกเลย
เรื่ อ งความโกรธก็ เ ช น กั น ถ า เรารู จั ก คิ ด สั ก นิ ด ว า คนนั้ น แตกต างกั นทั้ง นิสัย สติ ปญญา กรรมในอดีตและป จจุบั น ภู มิหน า ภูมิหลังของแตละคนจึงไมเหมือนกัน บางอยางเขาสูเราไมได บางอยาง เราสูเ ขาไมไ ด เมื่ อ เขาพลาดพลั้ ง ไป ก็ ดว ยความรูเ ทา ไม ถึง การณ เปนความโงเขลาเบาปญญา นาสงสารมากกวา นาใหอภัยมากกวา ถึงแมเขาจะใหรายเรา ก็เปนเรื่องที่เขาทําผิดเอง เราไมเดือดรอนนัก ก็จะไมเกิดความโกรธขึ้นมาไดเลย
วิธีแกไขความผิดพลาดที่พูดไปแลวมี แกไขเมื่อเกิดความผิดขึ้นแลว และแกไขเมื่อยังมิไดทําความผิด วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การแกที่ใจนั่นเอง โบราณทานวาไว กิเลสพันหาตัณ หารอยแปด ก็ลวนเกิดที่ใ จทั้ง สิ้ น ถา เราหา มใจมิใ ห เ กิ ดกิ เ ลสตัณ หาได ความผิ ด ใดๆ ก็ เ กิ ดขึ้ น ไม ไ ด ดุจดั่งดวงตะวันสาดแสงสองมาคราใด ความมืดก็หมดไป ปศาจก็ยัง ตองหลบๆ ซอ นๆ ไมกลาออกมาเพนพาน เปรียบไดกับการโคนลม ตนไมที่มีพิษ ลูกจะตองขุดรากถอนโคนใหหมดสิ้น ไมใชคอยๆ ลิดกิ่ง ปลิดใบ ซึ่งไมทันการ
ลูกจะตองคิดใหไดวา ในโลกนี้ ไมมีใครเลยที่ไมเคยทําความผิด คนที่อวดดีอวดวิเศษนั้น หาใชปราชญที่แทจริงไม คนทีม่ คี วามรูสมเปน นักปราชญนั้น ทานมักถอมตน คอยจับผิดตนเอง ไมกลาโกรธเคือง ผูอื่น ไมจับผิดผูอื่น คอยสํารวจตนเองวาไดลวงเกินใครอยางไรบาง หรือเปลา ยามที่มีค นลวงเกินตน ก็จะถามตนเองเสียกอนวาไดเคย ลวงเกินเขาไวกอนหรือไม ยามที่มีคนไมจริงใจตอตน ก็จะถามตนเอง เสียกอนวาไดเคยแสดงความไมจริงใจตอเขากอนหรือไม เรามัวคิดเสีย เชนนี้ เราก็จะไมทันไดโกรธผูอื่น ยิ่งถามตนเองแลว ปรากฏวาไมเคย ลวงเกิน ไมเคยไมจริงใจตอเขามากอน เราก็ยิ่งสบายใจ รับเอาความ ผิดพลาดของผูอ่นื มาเปนบทเรียนฝกฝนตนเองตอไป เราก็จะกลายเปน คนดียิ่งๆ ขึ้น เมื่อคิดไดเชนนี้ ใครทําไมดีกับเรา เราก็รับบทเรียนไว ดวยความยินดี จิตใจไมขุนมัว จักมีความโกรธมาแตไหน
สรุปแลว การแกที่ใจ จึงจะเขาถึงความบริสุทธิ์ผุดผองไดอยาง แทจริง เพียงเกิดความรูสึกวาจะทําผิด ก็รูสึกตัวเสียกอนแลวดวยสติ สัมปชัญญะ ความผิดจึงเกิดขึ้นไมได นี่คือการยับยั้งชั่งใจที่ตองอบรม บม เพาะ ใหส ติป ระคองใจเราไว ตลอดเวลา ทั้ง หมดนี้ ลูก จะตองใช วิจารณญาณใหถูกตองวาคราใดที่ค วรจะใชวิธีใ ดจึงจะเหมาะจะควร 26
ถาลูกนําวิธีมาใชไมเหมาะไมควรก็จะไมทันการ แลวลูกก็จะตองตกอยู ในความโงตอไปไมมีทางไดดี
อะไรบาง ลูกจงดูไวเปนตัวอยางวาคนโบราณนั้น ทานมีความจริงใจ ตอการแกไขเพื่อพัฒนาตนเองเพียงไร
การตั้งปณิธานอันแนวแนที่จะแกไขความผิดพลาดของตนเองก็ดี การอธิ ษ ฐานจิ ต อยู บอ ยๆ ตลอดวั น ตลอดคื น ก็ ดี ล ว นแต จ ะช ว ย กระชับ ความหนัก แนน ให แกลูก นอกจากนี้ ยัง ตอ งมี กัล ยาณมิต ร คอยชวยเหลือ ตักเตือน มีผีส างเทวดาคอยชวยดลใจ จิตใจของลูก ตองเด็ดเดี่ยวแนวแน ทั้งกลางวันกลางคืน ทุกขณะจิต ทุกลมหายใจ เขาออก เพียงสั ก หนึ่งหรื อสองสั ปดาห อยางชาก็ ไมเกินสามเดือ น ยอมปรากฏผลอยางแนนอน
พวกเราสมัยนี้ลวนแตเปนคนหยาบ มีความผิดติดตัวกันมากมาย ราวกับตัวเหลือบที่เกาะเต็มไปหมด แตเราก็ไมเ ห็นไมรูสึก วาอดีตนั้น เราไดทําอะไรผิดพลาดมาบาง นี่ก็เพราะความหยาบของจิต มีดวงตา ก็หามีแววไมนั่นเอง ลูกจงสังเกตคนที่บาปหนา มักจะปรากฏบุคลิกภาพทีอ่ าภัพใหเห็น ไดงายๆ เชน เปนคนขี้หลงขี้ลืม ปวดหัว มึนงง งวงเหงาหาวนอน แม จ ะไม มี เ รื่ อ งรา ยแรงอะไรเกิ ด ขึ้ น ก็ มี จิ ต ใจที่ห งุด หงิด เศร า ซึ ม เลื่อนลอย ขี้หวาดกลัว หาความสุขความราเริงไมได เห็นคนก็ไมกลา สบตาดวย ไมช อบฟงเทศนฟงธรรม บางทีทําดีกับใครก็กลับไดผ ล ในทางตรงกันขาม กลางคืนนอนก็ฝน ราย พูดจาเลอะเลือน จิตใจทอแท เหลานี้ลวนเปนนิมิตของคนบาปหนาทั้งสิ้น ถาลูกรูสึกตัววาเปนเชนนี้ ก็จงรีบหาทางแกไขโดยดวน อยาไดรั้งรออยูเลย
ลูก จงคอยสังเกตถึงจิตใจที่จ ะสงบขึ้น สติปญญาแจมใสสมอง โปรงไมปวดศีรษะ ทําอะไรก็ดูจะงายขึ้น เร็วขึ้น ไมผิดพลาด ไมเครียด จนหงุดหงิด ถาลูกพบคนที่ไมถูกโรคกันมากอนกลับรูสึกเฉยๆ แทนที่ จะเกิดความอิดหนาระอาใจอยางที่เคยเปนมา กลางคืนอาจจะฝนวา ตนเองได อ าเจีย นของดํ า ๆ ออกมา บางที ก็ จ ะฝ น เห็ น นั ก ปราชญ โบราณมาสั่ งสอนแนะนํา บางที ก็จ ะฝน วาได บินไปเที่ย วบนทอ งฟ า บางทีก็จะเห็นเครื่องบูชาพระพุทธเจา ลวนเปนนิมิตดี เพื่อใหลูกรูวา บาปกรรมนั้นไดลดนอยถอยลงแลว แตลูกอยาไดลําพองใจเปนอันขาด มิฉะนั้นความเพียรของลูกจะหยุดกาวหนาไดทันที แตกอนนี้สมัยชุนชิว มีขุนนางในแควนเอวยทานหนึ่ง เมื่ออายุได ยี่สิบป ทานก็รูสึกตัววาตนเองไดทําผิดอะไรมาบาง และสามารถแกไข ไดห มดสิ้น ครั้นเมื่อทานอายุได 21 ป ทานก็รูสึก อีกวาที่คิดวาแกไข หมดแลวนั้น ที่แทยังไมหมดจดดี ครั้นเมื่อทานอายุได 22 ป ทานก็ยัง เห็นอีกวายังเหลือความผิดอะไรอยูบาง เชนนี้ทุกปมา จนเมื่อทานอายุ 50 ป ก็ยั ง รูว าเมื่ อท านอายุ 49 ป นั้ น มีค วามผิ ดที่ ยัง ไมไ ด แก ไ ข 27
ยอดเยี่ยม หาใครเปรียบไดยาก บรรพชนของทานตี้ซุนจะตองยินดี ปรีดาที่มีลูก หลานที่ดีเซนไหวบูช า สวนลูกหลานที่กระทําตนไมดีนั้น แมจะเซนไหวบูชาบรรพชน บรรพชนก็ไมยินดีดวย และไมยอมรับการ เซนไหวบูชาดวย ลูกศึกษาประวัติศาสตรสมัยชุนชิวแลว ลูกก็จะเขาใจ ดีวา ลูกหลานของทานตี้ซุนก็คือแควนเฉินทั้งหมด ไดมีความรุงเรือง อยูนานหลายชั่ว อายุคนทีเดียว อดีตจึงเปนตัวอยางอันดีที่ลูก จะได ศึ ก ษาทํ า ความเข าใจให รู แจ ง เห็น จริ ง และจดจํ า มาแต สิ่ ง ที่ ดี ง าม เพื่อประยุกตใชในชีวิตประจําวันของลูกเอง
โอวาทขอที่สาม วิธีสรางความดี โอวาทขอ ที่ส องนั้ น ท านเหลี่ยวฝานได ส อนวิธี แก ไ ขความผิ ด ในชีวิตปจจุบัน แตการที่ไมทําผิดในชาตินี้ ยังไมสามารถที่จะทําใหชีวิต เสวยผลดี มี สุ ข ไดต ลอดไป เพราะเหตุ ว าแมช าติ นี้ จ ะมิไ ด ก อ กรรม ทําเข็ญเพิ่มขึ้น แตเราจะรูไดอยางไรวาชาติกอนๆ นั้นเราทําความไมดี อะไรไว บา ง ซึ่ ง จะต อ งมี แ น ๆ เพี ย งแต ม ากหรื อ น อ ยเท า นั้ น ที่ เ รา ไมอ าจจะทราบได ซึ่งก็ จะตองไดรั บวิบ ากแหง กรรมในชาตินี้ต อไป ฉะนั้น ไมเพียงแตเราจะตองละการทําชั่วแลว เรายังตองสรางกรรมดี ใหเพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้น โอวาทขอที่สามนี้ ทานเหลี่ยวฝานจึงสอนใหลูกทาน รูจักวิธีสรางความดี
มีขุนนางตําแหนงพระอาจารยทานหนึ่ง มีหนาที่ถวายพระอักษร ฮองเตเมื่อยังทรงพระเยาว ทานผูนี้มีบรรพชนที่ยึดอาชีพแจวเรือจาง มาหลายชั่วคน มีอยูค รั้งหนึ่ง ตั้งแตพระอาจารยยังไมเกิด ฝนตกนาน จนทว มตลิ่ง กระแสน้ําไดพัดพาชีวิตผูคนและทรัพยสินลอยตามน้ํ า มามากมาย ชาวเรือจางตางก็สาละวนเก็บทรัพยสินขึ้นเรือเปนของตน มีแตทานทวดและทานปูของพระอาจารยทานนี้เทานั้นที่ไมยอมแตะตอง สิ่ ง ของใดๆ เลย ตั้ ง หน า ตั้ ง ตาช ว ยชี วิ ต คนที่ ล อยตามกระแสน้ํ า อันเชี่ยวกรากมา ใครๆ ก็พากันหัวเราะเยาะวาทานทั้งสองโง ไมรูจัก ฉวยโอกาสหาความร่ํารวยใสตน แตการณหาเปนเชนนั้นไม เมื่อทานปู ได ลู ก ชายคื อ ท า นบิ ด าของพระอาจารย นี้ ความเป น อยู ข องท า น กลับไมลําบากดังแตกอน ครอบครัวมีความสุข สบายขึ้น ทานทวด สิ้ น บุ ญ ไปแล ว ต อ มาท านปู ก็ ถึ ง แก ก รรมลง มี เ ตา หยิ นท า นหนึ่ ง ซึ่ง เชื่อกันมาวาเปนเทวดาแปลงรางมาปรากฏ ไดแนะนําใหทานพอ ของพระอาจารย นํ า ศพของท านทวดและท านปู ไปฝ ง รวมกั น ในที่ แห ง หนึ่ ง ใกล บ า นซึ่ ง มี ชั ย ภู มิ ดี ม าก เปน มงคลแก ลู ก หลานต อ ไป ทุก วันนี้ฮ วงซุยกระตายขาวนี้เปนที่เลื่องลือกลาวขวัญกันทั่วทุก ทิศ สดุ ดี ใ นเกี ย รติ คุ ณ ของคนแจวเรื อ จ า งที่ เ ป น ท า นทวดและท า นปู
ลูก จะตองอานคัม ภีรเอก เก็งใหเขาใจอยางทะลุปรุโปรง เพราะ เปนคัมภีรที่ดีมากเลมหนึ่ง เพียงหนาแรกก็ใหกําลัง ใจแกผูอานอยาง มหาศาล โดยกลาวไววา ครอบครัวที่ สั่งสมแต ความดี ไมเพี ยงแต หัวหนาครอบครัวจะไดรับผลดีเทานั้น แมลูกหลานเหลนโหลนก็พลอย ได เ สวยผลแหง ความดี นั้นดว ย เพราะเหตุ นี้ ท านตาของท า นขงจื่ อ นักปราชญผูเลื่องชื่อของจีน ทานจึงยกลูกสาวของทานใหกับทานพอ ของทานขงจื่อ เพราะทานไดพิจารณาอยางถี่ถวนแลววา ชายที่จะมา เปนบุตรเขยทานนั้น ไมเพียงแตจะเปนผูประพฤติดีปฏิบัติชอบเทานั้น ยังตองมีบรรพชนที่ป ระพฤติ ดีปฏิบัติ ช อบมาหลายชั่ว อายุ ค นดว ย และก็ เ ป น ความจริ ง ตระกู ล นี้ ไ ด ใ ห กํ า เนิ ด นั ก ปราชญ ที่ ช าวจี น ทั้งประเทศตองสัก การบูช า เปนปูช นียบุค คลที่หายากในโลกผูหนึ่ง คือทานขงจื่อไงละลูก ตอมา ทานขงจื่อไดสรรเสริญทานตี้ซุนที่พอได กลาวใหลูกฟงไวทีหนึ่งแลว วาทานตี้ซุนเปนผูที่มีความกตัญูอยาง 28
ของอาจารย เมื่อพระอาจารยถือกําเนิดมา พออายุได 20 ป ก็สอบไล ไดตามขั้นตอนทั้งหมด ไดรับราชการเปนขุนนาง จนไดเปนพระอาจารย ถวายอัก ษรแกฮองเต เมื่อฮองเตทรงทราบถึงคุณ งามความดีของ ทานทวดและทานปูของพระอาจารย ก็ไดโปรดเกลาฯ พระราชทานยศ ขุนนางใหกั บทานทวด ทานปู และทานพอของพระอาจารยอีก ดว ย เพื่อเปนการแสดงใหปรากฏวาการทําความดีงามนั้น ยอมไดรับสิ่งที่ ดี ง าม สมควรเป น แบบอย า งแก บุ ค คลทั่ ว ไป แม ลู ก หลานของ พระอาจารยก็ไดรับราชการเปนใหญเปนโตตราบจนทุกวันนี้มากมาย
มารวมกับการวินิจฉัยคดีความดวย ทางใดที่จะผอนหนักเปนเบาได ก็ควรใหโอกาสเขาไดกลับตัวกลับใจเปนคนดีตอไป ถาแสดงความโกรธ มากมายเชนนี้ ผูตองหาเกรงอาญา ก็จะรีบยอมรับเสียกอน ทั้งๆ ที่ ตนมิไดทําผิดดัง ที่ถูก กลาวหา จะมิเปนการปรัก ปรําราษฎรไปหรือ ดีใจยังเปนการไมบังควร จักโกรธไดที่ไหน นายอําเภอสํานึกในคําพูด ของเสมี ย นอํ า เภอ แตนั้ น มาก็ ไ ม ก ล า แสดงความโกรธความดี ใ จ ในขณะที่ชําระความอีกเลย เสมียนอําเภอทานนี้มี ค วามยากจน เพราะมีแตเงินเดือนขั้นต่ํ า ไม เ คยขู ดรี ด ราษฎร ไมย อมรั บ ของกํา นั ล จากใคร มี แตชว ยเหลือ ผูต อ งหาและนั ก โทษ วัน หนึ่ง มี ผูต อ งหาหลายคนที่ไ มมี ข า วจะกิ น อดอยากมาตลอดทางจากหัวเมืองไกล หนาตาซีดเซียว หมดเรี่ยว หมดแรง หนาหาสีเลือดไมไดแลว เปนที่นาสงสารยิ่งนัก บังเอิญที่บาน ของเสมียนอําเภอทานนี้ ขาวสารก็กําลังจะหมด เหลืออยูมื้อสุดทาย เทานั้น ถานํามาใหผูตองหาเหลานี้แลว ทานและภรรยาก็จะตองอดขาว มื้อนั้นดวย ทานจึงปรึก ษากับภรรยา เพื่อใหภรรยาเปนผูตัดสินใจ ตกลงทั้ ง สองคนยอมเสี ย สละข า วมื้ อ นั้ น นํ า มาต ม ข า วต ม เลี้ ย ง ผูตองหาทั้งหมด ตอมาภรรยาของทานก็ใหกําเนิดบุตรชายสองคน ลวนแตไดเปนขุนนางผูใหญในเวลาตอมา และหลานของทานอีกสองคน ก็ไดเปนขุนนางผูใหญเชนกัน
มีเ สมีย นอํ า เภอทา นหนึ่ ง แม จ ะมี ตํ า แหน ง เล็ ก ๆ แต จิต ใจนั้ น เป ย มด ว ยเมตตาธรรม เป น คนรั ก ษาระเบี ยบวิ นั ย ของราชการ อยางเครงครัด มีค วามยุติธ รรมเปนที่ตั้ง ไมทําสิ่ง ไรที่ผิดศีลธรรม สวนนายอํ าเภอนั้นเปนคนดุราย อยู ม าวั นหนึ่ง นายอําเภอสั่ง เฆี่ย น ผู ต อ งหาที่ ไ ม ย อมรั บ สารภาพ ตี จ นเนื้ อ แตกเลื อ ดไหลนองพื้ น ก็ยังไมห ายโกรธ เสมียนอําเภอทนเห็นความทารุณ ไมไหว จึงคุก เขา ตอหนานายอําเภอ ขอใหปรานีนักโทษ หยุดตีเสียที นายอําเภอตอบวา ปรานีนะได แตผูตองหาคนนี้ไมรักษากฎหมาย ไมมีศีลธรรม จะไมให โกรธกระไรได เสมียนอําเภอจึงโขกศีรษะลงกับพื้น พลางพูดวา ผูท เี่ ปน ขุนนาง ถาไมชํา ระความตามเหตุผ ลขอเท็จจริง เอาแตอ ารมณต น เปนใหญ ราษฎรยอมไมมีตัวอยางอันดีงามใหประพฤติปฏิบัติตาม จิตใจของราษฎรหาที่ยึดเหนี่ยวเปนสรณะไมได การชําระความนั้น แมจะสอบสวนไดความจริงออกมาแลว ก็ไมควรดีใจ จะทําใหเกิดความ ประมาทเลิ น เล อ ไม ไ ด ค วามจริ ง ที่ อ ยู ลึ ก กว าความจริ ง ธรรมดา ทํ าให ก ารชํา ระความผิด พลาดได ง า ย แม จ ะได ค วามจริง ทั้ง หมด ออกมาแลว ก็ยังไมควรดีใ จ ควรจะเสียใจและสงสารที่เขาทําผิดไป โดยความจงใจก็ดี เพราะรูเทาไมถึงการณก็ดี ยังตองนําเมตตาธรรม
สมัยพระเจาเองจงเปนฮองเต พ.ศ. 1979 – 1992 มีขุนโจร กอกวนจลาจลขึ้นที่เมืองฮกเกี้ย น มีราษฎรและนัก ศึก ษาสนับสนุ น ขุ น โจรกั น มากมาย ฮ อ งเต จึ ง โปรดเกล า ฯ ให น ายทหารคุ ม ทั พ ออกปราบปราม ทานนายทหารผูนี้ ห าทางจั บเปนขุ นโจรไดโ ดยไม สูญเสียชีวิตไพรพลและราษฎรเลย ตอมา ทางดานตะวันออกของเมือง 29
ฮกเกี้ ย นยั ง มี ส มุน ขุน โจรหลงเหลื อ อยู ม ากมาย นายทหารท านนี้ จึงบัญชาใหขุนนางในกรมมหาดไทยของเมืองนั้น แซเจี่ย ใหออกกวาด ลางแทนทาน ถาจับไดใหฆาใหหมดสิ้น แตทานเจี่ยไมยอมปฏิบัติตาม ทานกลับใหคนลอบไปแจงแกราษฎรวา ถาใครไมเขาขางโจรก็ใหเอา ผาขาวแขวนไวที่หนาประตูบานในวันที่กองทหารจะเขาไปตรวจคนโจร ในแตละบาน แลวสั่งหามมิใหทหารขมเหงราษฎร ถาบานใครมีผาขาว แขวนอยู ก็จะไมถูกลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น เปนอันวาครั้งกระนั้นราษฎรและ นักศึกษารอดตายประมาณหนึ่งหมื่นคน ทานเจี่ยมีคุณ ธรรมล้ําเลิศ ตอมาบุตรชายสอบไดที่ 1 ไดเปนจอหงวน รับราชการจนไดเปนไจเสีย่ ง ซึ่งเปนตําแหนง สูงสุดในราชการฝายบุน (ฝายบริหารประเทศ) และ หลานชายของทานเจี่ย ตอมาก็สอบไดเปนที่สาม ไดรับราชการเชนกัน
บุตรชายจึง นําไปฝง ไว ใ นที่นี้ อีก ไมน าน ตระกูล นี้เ ขาสอบครั้ง แรก ก็ส อบไดถึงเกาคน และไดเปนขุน นางทั้งหมดเชนกัน ไดเปนขุนนาง ทุกชั่วคน จนมีคําร่ําลือกันไปทั่ววา ไมเคยมีครั้งใดที่การสอบไลจะไมมี คนในตระกูลหลินติดอันดับ อี ก ตระกู ล หนึ่ ง คื อ ตระกู ล เฝ ง บุ ต รชายรั บ ราชการในกอง ประวั ติ ศ าสตร แ ห ง ชาติ ก อ นหน า นั้ น บิ ด าสอบได เ ป น ที่ ซิ ว จ า ย ทุกเชาจะตองไปเรียนตอที่อําเภอ อยูม าวันหนึ่งอากาศหนาวจัดมาก ทา นเดิ นไปตามทางพบคนนอนหนาวจมหิ ม ะอยู คลํา ดู ป รากฏว า แข็ งไปครึ่ งตั ว แล ว ท านรี บถอดเสื้อ หนาวออกใส ใ ห พยุ งใหลุก ขึ้ น พากลับมาบานของทาน ชวยประคบประหงมจนฟนดีดังเดิม คืนนั้น ทานฝนไปวา มีเทวดาองคหนึ่งมาพูดกับทานวา เปนการยากยิ่ง นัก ที่ เ จ า สามารถช ว ยเหลื อ คนให ฟ น รอดตายได อ ย า งหวุ ด หวิ ด เราจะให ห านฉีม าเกิ ด ในตระกู ล ของเจ า ตอ มา บุ ต รชายที่ เ ดี๋ ยวนี้ ทํางานกองประวัติศ าสตรก็เกิดมา จึงขนานนามวา ฉี ตามที่ฝนไป หานฉีทานนี้เกิดในสมัยราชวงศซอง พ.ศ. 1503 – 1670 เปนขุนนาง ในตํ าแหนง ไจเสี่ ย งถึ ง สองรั ช กาล คื อ พระเจ าอิ ง จงฮ อ งเต พ.ศ. 1607 – 1610 และ พระเจาเสินจงฮองเต พ.ศ. 1611 – 1628 เปนที่รักของคนทั่วไป และเปนที่เกรงขามของชาวตางประเทศยิ่งนัก เกี ย รติ คุ ณ ของท า นแผ ไ พศาล เมื่ อ ถึ ง แกอ นิ จ กรรมแล ว พระเจ า เสินจงฮองเตไดโปรดเกลาฯ สถาปนาเปนที่จงเซี่ยงกง เปนเกียรติยศ อั น สู ง สุ ด ที่ ไ ด รั บ การขนานนามว า เป น ผู ที่ อุ ทิ ศ ตนเองเพื่ อ ความ จงรักภักดีและรักชาติยิ่ง
ที่ เ มือ งฮกเกี้ ย น มี ต ระกู ล หนึ่ ง แซ ห ลิ น บรรพสตรี ท า นหนึ่ ง เปนผูใจบุญมาก ชอบทําขนมเลี้ยงคนจน ใครมาขอขนมก็รีบกุลีกุจอ ตักให ไมเคยแสดงสีห นารังเกียจเดียดฉันท ตอมามีเ ทวดาแปลงราง เปนเตาหยินมาขอขนมคุณ ยายทานนี้ทุก เชา และขอมากๆ เสียดว ย ทานก็ไมเคยบนวา ตักใหมากๆ ทุกวันเปนเวลาสามป ตลอดระยะสามปนี้ ไมเคยขาดเลยแมแตวันเดียว ไมเคยใหนอย ไมเคยเบื่อหนายตอการให สามปประดุจหนึ่งวัน เตาหยินแอบชมเชยนางอยูใ นใจวา จะหาใคร ใหทานไดส ม่ําเสมอโดยไมอิดหนาระอาใจเชนนี้ไมไดอีก แลว ทานจึง พู ด กับ นางว า อาตมาฉั น ขนมของท านมาสามป แล ว จึ ง ใคร จ ะขอ ตอบแทนพระคุณ ทานเสียที ที่หลังบานของทานมีที่วางอยู ถาทาน ทําฮวงซุยในบริเวณนี้ได ตอไปลูกหลานเหลนโหลนของทานจะไดเปน ขุนนาง ถาจะเปรียบก็พูดไดวาจะเปนขุนนางมากมายเทากับเมล็ดงา หนึ่งถังใหญ ทีเดียว ท านลองคิดดู ก็แลวกันเมล็ดงานั้นเล็ก เพียงไร อยูในถังใหญๆ จะมีปริมาณมากเพียงไร ตอมา นางไดถึงแกก รรมลง
มีขุนนางทานหนึ่งแซอิ้ง เมื่อตอนที่ทานอยูในวัยกลางคน ไดเปน ซิว จายแลวแตยัง ไมไดเ ปนขุนนาง จึง ไปนั่งท องตําราที่เขาแหงหนึ่ ง 30
ซึ่งปลอดจากผูคนมารบกวน แตเสียงปศาจรองกันมากมาย ชุมนุมกัน อยูใ นบริเวณนั้น ทานแซอิ้งก็ไมก ลัว อยูม าคืนหนึ่ง ทานไดยินเสียง ปศาจคุยกันวา มีผูหญิงคนหนึ่งสามีเดินทางไปหากินแดนไกลนานแลว ไมก ลับมา พอผัวแมผัวก็เลยบังคับให ผูหญิงคนนี้แตง งานเสียใหม ผูหญิงไมยอม จะมาแขวนคอตายแถวนี้ใ นคื นพรุงนี้ ป ศาจตนหนึ่ ง ซึ่งผูกคอตายมาเหมือนกันก็จะมีคนมาแทน และจักไดไปเกิดใหมเสียที ท านแซ อิ้ ง ได ยิน เข าก็ บั ง เกิ ด ความสงสารผู ห ญิ ง คนนี้ ขึ้ น มาจับ ใจ จึ ง นํ า ที่ น าของตนไปขายอย างเงี ย บๆ ไดเ งิ น มาสี่ ตํ า ลึ ง จึ ง เขี ย น จดหมายขึ้นฉบับหนึ่ง แลวสงไปยังบานของแมผัวพอผัวของผูหญิง คนนั้น พอแมเห็นจดหมายก็รูวาไมใชลายมือของบุตรตน พากันสงสัย แตแลวก็ลงความเห็นกันวา จดหมายนั้นอาจจะปลอมกันได แตเงินนั้น ถาไมใชลกู แลวจะเปนใครสงมาใหเลา ก็เชื่อกันวาลูกของตนคงสุขสบายดี จึงสงเงินมาใหพอแมใช เลยกลับใจไมบังคับใหลูกสะใภไปแตงงานใหม ในกาลตอมาเมื่อ บุตรชายของตนกลับบ าน สามีภรรยาก็ไ ดอ ยูกั น เปนปกติสุขตลอดมา
อันเลวรายไดอยางสงบ เมื่อไดเปนขุนนางแลว ลูก หลานก็ยังไดเปน ขุนนางอีกมากมาย มีซิวจายทานหนึ่ง แซชื้อ บิดาเปนผูม่งั คั่งในเมืองซูโจว มีอยูป ห นึง่ ฝนแลงมาก ทานจึงใชใหชาวนาทํานาของทานฟรี ไมเก็บคาเชานาเลย เป น ตั ว อย า งอั น ดี ง ามที่ เ จ า ของนาทั้ ง หลายก็ ป ฏิ บั ติ ต ามเช น กั น ไมเพียงเทานั้น ทานยังนําขาวที่เก็บไวมาแจกจายแกคนยากไรอีกดวย พอตกกลางคืนก็ไดยินเสียงปศาจมารองวา แมจะพูดสักพันครั้งหรือ สักหมื่นครั้ง ขาพเจาขอยืนยันวาเปนความจริง ที่ซิวจายในตระกูลชื้อนี้ จะไดเปนกือหยินแลว ปศ าจรองอยูทุก คืนติดตอกันนาน จนกระทั่ง วันหนึ่ง เมื่อมีการสอบไล ซิวจายทานนี้ก็ไปสอบกับเขาดวย ปรากฏวา สอบไดเปนที่กือหยินจริงตามที่ปศาจมารองบอก บิดาของทานเห็นวา การทําดีเพียงเทานี้ยังไดผลดีถึงเพียงนี้ ทานก็ยิ่งมุมานะทําดียิ่งๆ ขึ้น สะพานชํารุดทานก็ใหคนไปซอมเสียใหดี ถนนหนทางขรุขระสัญจร ไมส ะดวก ทานก็ใ หคนไปซอมใหเรียบรอย ภิก ษุที่ไมมีโยมอุปฏ ฐาก ทานก็ทําสํารับกับขาวไปถวายทุกวัน ใครขาดแคลนขาวปลาอาหาร เสื้อผาและอื่นๆ ทานก็จุนเจืออยูเสมอไมใ หอดอยากยากไร ไมวาใคร จะมีเรื่องทุกขรอนอยางไร ทานชวยไดเปนชวยทันที ตอมาปศาจก็มา รอ งอีก ทุ ก คื น ว า แม จ ะพู ด สั ก พั น ครั้ ง หรื อ สั ก หมื่ น ครั้ ง ข าพเจ า ขอยืนยันวาเปนความจริงที่กือหยิ นในตระกู ล ชื้อนี้จะได เปนขุนนาง ผูใหญที่มีตําแหนงสูงสุดในภูธร ตอมาก็เปนเชนนั้นจริงๆ
ครั้นอีกคืนหนึ่ง ทานแซอิ้งก็ไดยินปศ าจพูดอีกวา ฉันนะจะมีค น มาตายแทนแลวเทียวนา แตซิวจายนี่ทําเสียเรื่องหมด ปศาจอีกตนหนึ่ง ก็พู ดขึ้ นว า งั้น เราก็ ชว ยกั นฆ าเสีย เถอะ ป ศ าจตนแรกบอกว าไมไ ด หรอก เพราะเทพเจาเบื้องบนเห็นเขาเปนคนใจดี จึงไดแตงตั้งใหเขาเปน ขุนนางในยมโลก จึงทํารายเขาไมไดเ สียแลว ทานแซอิ้งไดฟงเชนนั้น ก็ ยิ่ ง มี กํ า ลั ง ใจที่ จ ะทํา ดี ใ ห ยิ่ ง ๆ ขึ้ น ยามเกิด ทุ พ ภิ ก ขภัย ก็ นํ า ข า ว ไปแจกจ ายแกผูอ ดอยาก ยามเมื่ อญาติมิต รเดือดรอน ก็ช วยเหลื อ อยางเต็ม ความสามารถ ยามประสบภัยพิบัติก็ไมเคยโทษฟาโทษดิน กลั บ โทษตนเองว า ได ก อ อกุ ศ ลกรรมมา จึ ง ยอมรั บ สถานการณ
มีขุนนางอีกทานหนึ่งแซถู รับราชการอยูในเรือนจําที่เมืองเกียฮง ท า นพั ก อยู ใ นเรื อ นจํ า มี เ วลาว า งท า นก็ จ ะไปคุ ย กั บ พวกนั ก โทษ เพื่อจะไดรูความจริงวานักโทษนั้นทําความผิดจริงหรือเปลา ปรากฏวา มีนักโทษหลายคนที่ไมไดกระทําผิดตามที่ถูกกลาวหา ทานจึงทําบันทึก 31
ไปมอบใหผูบังคับบัญชา การพิจารณาโทษในสมัยนั้นก็ตองผานการ พิจารณาคดีสามขั้นตอนดวยกัน เมื่อสอบสวนไดความอยางไรในทองที่ ที่ เ กิ ด เหตุ แ ล ว ก็ ส ง ตั ว นั ก โทษมายั ง คณะกรรมการอี ก ชุ ด หนึ่ ง เพื่อสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไดค วามอยางไรแลวก็นําขึ้นทูล เกลาฯ ถวายฮองเตใหทรงวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง โดยแยกเสนอนักโทษออกเปน สามประเภท คือประเภทที่หนึ่งกระทําความผิดจริง ประเภทที่ส อง เปนนัก โทษที่รอการลงอาญาไว ประเภทที่ส ามเปนนัก โทษที่ควรให อภัยโทษ ทั้งหมดนี้ก็สุดแลวแตฮองเตจะทรงวินิจฉัยอยางไร ถารับสั่ง ให ประหารก็ ป ระหารทั น ที ส ว นพวกที่ ร อการลงอาญา ถ า โชคดี ก็อาจจะไดรับพระราชทานอภัยโทษในวันสําคัญของฮองเต ทานแซถูนี้ เมื่อทานสอบสวนไดค วามจริงจากนักโทษแลว ทานก็ทําบันทึกสงให ผูบังคับบัญชา ธรรมเนียมในสมัยนั้น ถาผูใดสามารถสืบไดความจริง วานัก โทษไมผิดแตถูก ปรักปรํา ก็จะไดรับความดีความชอบ แตทาน แซ ถู นี้ ท านมิ ไ ด คิ ด เอาดี เ อาชอบ กลั บ ยกความดี ค วามชอบให แ ก ผูบังคับบัญชา มีความประสงคแตจะชวยแกทุกขใหกับนักโทษเทานั้น นักโทษถูกปลดปลอยเพราะทานในขณะนั้นสิบกวาคน ราษฎรตางพากัน ชื่นชมยินดี โดยไมทราบวาที่แทเปนการปดทองหลังพระของทานแซถู นั่น เอง ท านแซ ถู ยั ง เสนอต อ ผูบั ง คับ บั ญ ชาวา ในเมื องหลวงแท ๆ ยังมีผูถูก ปรัก ปรํามากมายเชนนี้ ถาหัวเมืองที่ไกลปนเที่ยงออกไป จะได รั บความอยุ ติธ รรมขนาดไหน ควรที่ จ ะแต ง ตั้ ง คนดี มี ค วาม ยุติธ รรมเปนผูตรวจการตางพระเนตรพระกรรณ ทุกๆ หาปควรมี ผูตรวจการไปรื้อฟนคดีมาพิจารณากันใหม ถาเปนการกระทําผิดจริง ก็ยังจะตองพิจารณาวาไดพิพากษาลงโทษสมควรแกโทษหรือเปลา ถาหนัก ไปก็ควรผอนใหเบาขึ้น ถ าเบาไปก็ตองเพิ่มใหหนัก ขึ้นไปอี ก เพื่อทรงความยุติธรรมไว ผูใดมิไดกระทําผิดก็สมควรปลอยตัวไปเสีย ฮองเตทรงเห็ นชอบด วย จึง ทรงแต งตั้งขุน นางแยกยายกั นไปตาม
หัวเมือ งนอ ยใหญ ทา นแซ ถูก็ ได รับการแตง ตั้ง ดวย อยูม าคืนหนึ่ ง ทานฝนไปวามีเทวดามาชมเชยทานวาการกระทําของทานเปนที่ถูกใจ ของฟาดินเปนอันมาก ความจริงทานแซถูมีชาตาชีวิตที่ไรบุตรสืบสกุล แตเนื่องจากความดีครั้งนี้ใหญหลวงนัก ฟาดินจึงประทานบุตรชายให ทานสามคน ตอไปจะไดเปนขุนนางผูใ หญทั้งสิ้น ตอมาความฝนนั้น ก็กลายเปนความจริง มีอีกทานหนึ่งแซเปา บิดาของทานเปนขุนนางตําแหนงขาหลวง ทานมีพี่นองเจ็ดคน ทานเปนลูกคนสุดทอง แตงงานแลวก็ไปอยูบาน พอตาแมยาย ทานชอบพอกับทานบิดาของพอมาก ไปมาหาสูกันเสมอ ท า นเปน คนเก ง มี ค วามรู ม ากมาย แต เ สีย ดายที่ ส อบเป น กื อ หยิ น ตกทุกป ทานสนใจพระพุทธศาสนาและลัทธิเตามาก วันหนึ่งทานไปเที่ยว ที่ ท ะเลสาบแห ง หนึ่ ง ไปพบศาลเจ า เก า ๆ มี ส ภาพทรุ ด โทรมมาก เขาไปในศาลก็เห็นรูปพระโพธิสัตวกวนอิมยืนตากฝนเปยกอยู ทานจึง รีบหยิบเงินในกระเปาของทานซึ่งมีอยูสิบตําลึง ถวายทานเจาอาวาส ใหซอมแซมศาลเจา ใหดีดวย ทานเจาอาวาสบอกวา เงินเพียงเทา นี้ ไม เ พี ย งพอที่จ ะซอ มแซมได ห มด ทา นจึ ง หยิ บ ผ า ที่ เ พิ่ ง ซื้ อ มาสี่ พั บ กับเสื้อผาที่ติดตัวมาอีกเจ็ดชุดถวายแดทานเจาอาวาส คนใชไดหามขึ้น วาเสื้อผา เหลานี้ลว นเพิ่งทํามาใหมๆ แลวทานจะใชอะไรมาแทนเล า ทานบอกวาชางเถิด ขอใหพระโพธิสัตวกวนอิมไมตองตากแดดตากฝน ก็ พ อใจแล ว เราไม มี เ สื้ อ ใสจ ะเป น ไรไป ท านเจ า อาวาสได ฟ ง แล ว ประทั บ ใจมาก ร อ งไห พ ลางพูด วา ของที่ ใ ห ม านั้ น หาไมย ากดอก แต น้ํ า ใจเช น นี้ สิ จ ะหาได จ ากที่ ไ หน ครั้ น ซ อ มแซมเรี ย บร อ ยแล ว ทา นแซ เปาก็ช วนท านบิ ดาใหไ ปไหว เจ าดว ยกัน คื น นั้น ค างอยูที่วั ด ตกดึ ก ก็ มี เ ทพเจ ามาเขา ฝ น ท านบิ ด าว า ขอบใจที่ม าช ว ยให ไ มต อ ง 32
เป ย กฝนอี ก แล ว ต อ ไปบุ ต รหลานของท า นจะได เ ป น ใหญ เ ป น โต ในราชการมากมาย ตอมาก็เปนเชนนั้นจริงๆ
หรือไมมีคนรูเห็ น ทําถูก หรือ ทําผิด ทําดวยความสุจริตหรือทุจริ ต ทําครึ่งๆ กลางๆ หรือทําอยางสมบูรณ ทําใหญหรือทําเล็ก ทํายาก หรือทํางาย ทั้งหมดนี้จะตองใครครวญใหถองแท หากกระทําความดี โดยไม อาศัย เหตุผ ลแล วไซร ความดี นั้ นอาจจะให ผ ลรา ย เปนบาป ไปก็ได เปนการสูญเปลา ไมไดประโยชนอันใดเลย
อีกทานหนึ่งแซจือ ทานบิดารับราชการอยูในกรมราชทัณฑ อยูมา วั น หนึ่ ง มี นัก โทษประหารคนหนึ่ ง ซึ่ ง ถู ก ปรั ก ปรํ า โดยไมไ ด ทํ าผิ ด อันใดเลย ทานบิดาสงสารมากจึงปลอบใจนักโทษวาอยาเปนทุกขไปเลย จะชวยเหลือ นักโทษจึงปรับทุก ขกับภรรยาวา เราซาบซึ้งในบุญคุณ อันนี้ยิ่งนัก แตนาละอายใจที่เรายากจนมาก ไมมีสิ่งของอันใดพอที่จะ นํามาตอบแทนพระคุณ ทาน ก็เห็นมีแตเจาเทานั้นที่จะชวยเหลือเราได พรุงนี้เมื่อทานไปทําการสอบสวนที่บาน เจาจงบอกกับทานตามตรงวา เราขอยกเจ าให เ ป นภรรยาของท าน นางไมอยากทําเชน นี้ ก็ไ ด แต รองไหพลางรับปากไปพลางดวยความเศราสลดใจยิ่ง แตการณกลับ ผิดคาด ทานบิดาของทานแซจือไมยอมรับ และชว ยเหลือจนสําเร็ จ เมื่อออกจากที่คุม ขังแลว สองสามีภรรยาก็เดินทางมาขอบพระคุณ ทาน และพูดวา คุณ ธรรมของทานที่มีตอขาพเจานั้น หายากยิ่งแลว ในโลกนี้ หากขาพเจาไมส ามารถตอบแทนพระคุณ ของทานเสีย บาง คงจะไมสบายใจไปตลอดชาติ จึงใครขอยกลูกสาวใหเปนทาสชวงใช ขอทานอยาไดปฏิเสธเลย ทานบิดาของทานจือก็รับไว แตมิไดใ หเปน ทาสรับใช ทําพิธีแตงงานกันตามประเพณีนิยม ตอ มาจึง ไดใหกําเนิด ทานแซจือ พออายุได 20 ป ทานแซจือก็สอบไลไดเปนขุนนางในกรม ประวัติศาสตร ตอมาลูกหลานก็ไดเปนขุนนางทั้งนั้น
ทีนี้พอจะมาพูดใหฟงทีล ะขอ ขอแรก การทําความดีนั้นทําแลว ดีจริงหรือไม ในสมัยราชวงศหยวน พ.ศ. 1814 – 1911 มีพระเถระ รูปหนึ่งมีนามวาทานจงฟง ฮองเตในสมัยนั้นไดส ถาปนาทานเปนถึง สั ง ฆราช ท า นมี คุณ ธรรมล้ํ า เลิ ศ มี ค นไปนมั ส การท า นมากมาย อยูม าวั นหนึ่ง มี พวกนัก ศึก ษาลัทธิข งจื่ อไดพากัน ไปนมั ส การทา น กราบถามทานถึงปญหาหนึ่งวา พระพุทธศาสนานั้นเนนหนักในเรื่อง กฎแหงกรรม ใครทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว ดุจเงาตามตัว แตบัดนี้ปรากฏวา บางคนทําความดี แตลูกหลานไมเจริญรุงเรือง สวนคนที่ทําชั่วนั้นเลา กลั บ ได ดี มี ห น า มี ตา เช น นี้ แล ว จะเชื่ อ คํ า สอนของพระพุ ท ธศาสนา ไดอยางไรกัน พระเถระจงฟงกลาวตอบวา หากเราจะวินิจฉัยสิ่ง ใด สิ่ ง หนึ่ ง ถ า ใช ทั ศ นะของชาวโลก ก็ จ ะวิ นิ จ ฉั ย ไดแ ง มุ ม ในทางโลก ถาใชทัศนะทางพุทธรรม ก็จะวินิจฉัยไดแงมุมในทางธรรม อันบุถุช น คนธรรมดาไม ส ามารถจะมองเห็ น ได แ จ ม แจ ง เท า เพราะฉะนั้ น การวินิจฉัยในทัศนะทางโลกจึงไมอาจถูกตองเสมอไป บางทีคนดีก็มอง ไปว าเปน คนไม ดี ส วนคนไม ดีก็ ม องเห็ นว าเปน คนดี ไปก็มี ชาวโลก จึง มัก จะไม สํ ารวจตนเอง เอาแต โ ทษฟ า ดิ น ลํ าเอี ย ง แล ว ท านก็ ใ ห พวกนักศึก ษาลัทธิขงจื่อลองยกตัวอยางที่พวกเขาเห็นวาดีและไมดี ออกมา จะได เ ข าใจความหมายของความดี ถอ งแท ขึ้ น บางคนก็ ยกตัวอยางวา การตีคน ดาคนไมดี การออนนอมมีมรรยาทดีจึงจะดี บางคนก็ยกตัวอยางวา การละโมบอยากไดของเขาอื่นไมดี การไมโลภ
ที่พอเลามาใหฟงทั้งหมดนี้ มีอยูสิบเรื่องดวยกัน แมเรื่องราวจะ แตกตางกัน แตก็ลวนเปนการประพฤติดีปฏิบัติช อบทั้งสิ้น แตถาจะ อธิบายใหละเอียดลึกซึ้งกวานี้ ก็ยังจะตองพิจารณาวา การทําความดี นั้นดีจริงหรือดีปลอม บริสุทธิ์ใจหรือไมบริสุทธิ์ใจ ทําแลวมีคนรูเห็น 33
ถือสันโดษเปนความดี ทานจงฟงเถระก็ไดแตสายหนาวาไมใชอยางวา เสมอไป
เริ่มไตรตรอง สํารวจตนเองอยางระแวดระวัง อาศัยกําลังใจของเราเอง ซัก ฟอกจิ ตใจใหใ สสะอาด ไมว าจะทํ าอะไร ก็ ใ ห คิ ดถึง ประโยชนสุ ข ของผูอื่นกอน แลวทําดว ยความบริสุทธิ์ใจ ไมแฝงไวดว ยเจตนาที่จะ ตองการการตอบแทนจากใคร จึงจะเปนความดีโดยบริสุทธิ์ หากเรา ทําความดีเพื่อเอาใจผูอื่นก็ดี หวังการตอบแทนก็ดี ก็ไมใชความดีที่เกิด จากความบริสุทธิ์ใจแลว เปนการเสแสรงเพทุบายเพื่อหวังประโยชนตน เปนที่ตั้ง เปนเจตนาที่ไมบริสุทธิ์ จะถือเปนความดีแทไมได
ทานอธิบายวา ถาเราทําประโยชนเพื่อผูอื่น เรียกวาทําความดี แตถาเราทําเพื่อตัวเราเอง นั่นคือความไมดี ถาเราทําเพื่อประโยชนสุข ของผูอื่น ถึงแมเราจะตีเขาก็ดี ดุดาวากลาวก็ดี ลวนแตเปนการกระทําดี ทั้งนั้น ถาเพื่อประโยชนของเราเอง เราจึงออนนอมตอผูอื่น ทําความ คารวะตอผูอื่น นี่เปนความดีปลอม ไมใชดีจริง ฉะนั้นการกระทําใดๆ ก็ตาม ถาทําเพื่อประโยชนสุขของผูอื่นแลวไซร เปนความดีจริงทั้งนั้น ถาเราทํ าเพื่ อ ประโยชน ข องเราเอง ก็ เ ป นดีป ลอมทั้ ง นั้ น ถ าเราทํ า ดวยความบริสุทธิ์ใจ มีค วามจริ งใจ ไมห วัง สิ่ งตอบแทน จึงจะเป น ความดีที่ดีแท หากยังตองการอามิส สินจางรางวัล จึงจะทําความดี ความดีนั้นก็เปนดีปลอม เพราะฉะนั้น กอนที่จะกลาววาสิ่งนั้นดี สิ่งนั้น ไม ดี คนนี้ ดี คนนี้ ไ ม ดี ก็จ ะต อ งพิ จ ารณาใคร ค รวญทุก แง ทุ ก มุ ม เสียกอน มิฉะนั้น การวินิจฉัยของเราก็จะเกิดการผิดพลาดขึ้นได
สว นความดีขอ ที่ส าม คื อการทํ าดีที่มีผู รู เห็ น และไมมี ผู รูเ ห็ น ถ า เราทํ า ความดี มี ค นรู เ ห็ น มาก ก็ ก ลายเป น ความดี ท างโลกไป แต ทํา แล ว ไม มี ผู รู เ ห็ น เหมื อ นการปด ทองหลั ง พระ นี่ เ ปน ความดี ทางธรรม ความดีทางธรรม ฟาดินยอมประทานผลดีให สวนความดี ทางโลก ก็จะไดรับแตชื่อเสียงเกียรติยศความมั่งคั่งเปนผลตอบแทน การมีชื่ อ เสี ยงโด ง ดั ง นั้ น ชาวโลกมั ก จะเห็ น ว า เปน ผู มี บุ ญ วาสนา แตทางธรรมแลวเห็นวา ผูนั้นมิไดทําความดีมากพอกับการมีชื่อเสียง จึง มัก จะได รับ ผลไม ดีใ นบั้ นปลาย แตค นดี ที่ไ ดรั บการปรั ก ปรําจน เสียชื่อเสียงนั้น ลูก หลานกลับรุงเรืองไดดีมีสุข เพราะผูที่ไดรับการ ปรักปรํา สามารถอดทนตอการถูก ประนามเหยียดหยาม หวานอม ขมกลืน กม หนารับความขมขื่นดวยความสงบ เปนการสั่ง สมกุศ ล กรรมอยางใหญหลวง ลูกหลานจึงมีโอกาสไดดี เพราะฉะนัน้ ลูกจะตอง เห็นความสลับซับซอนอันล้ําลึกของการทําความดีที่ดีแทและดีปลอม จึงจะทําความดีไดถูกตอง
ทีนี้พอจะพู ดถึง ความดีขอที่ส อง คือทําความดีโดยบริสุทธิ์ใ จ หรือแฝงดวยเจตนาใดๆ สมัยนี้คนสวนมากชอบคนที่มีนิสัยไมดื้อรั้น ว าเปน คนดี แต นั ก ปราชญ ท า นมัก จะชอบคนที่ เ ป น ตั ว ของตั ว เอง เพราะคนชนิดนี้มักจะสอนงาย แตหาไดยากมาก คนที่วานอนสอนงาย ชักจูงอยางไรก็ไปอยางนั้น ถึงแมใครตอใครพากันชมเชยวาเปนคนดี นัก หนาก็ต ามที แต ทานนัก ปราชญกลับเห็ นวา คนชนิดนี้ เปน ผูราย ในคุณ ธรรม สอนให ดีไ ดย าก หาความก าวหนา ไม ไ ด เพราะฉะนั้ น ความดี ค วามไม ดี ชาวโลกมั ก เห็ น ตรงข า มกั บ นั ก ปราชญ เ สมอ สว นเทวดาฟ า ดิ นนั้ น มี ค วามเห็น ตรงกั บ นัก ปราชญเ สมอ ดั ง นั้ น การทําความดีจึงมิไดอ าศัยที่ตาดู หูฟง แตต องเริ่ม ที่ใ จของตนเอง
ความดี ข อ ที่ สี่ คื อ ความดี ที่ ทํ า ผิ ด หรื อ ทํ า ถู ก ในแคว น หลู สมัยชุนชิวนั้น มีกฎหมายอยูขอหนึ่งกําหนดวา หากราษฎรในแควนหลู ถูกจับไปเปนเชลยในแควนอื่น หากมีคนไถออกมาได สงคืนแควนหลูไป 34
จะได รั บ เงิ น จํ า นวนหนึ่ ง เป น การตอบแทน เพราะสมั ย ชุ น ชิ ว นั้ น ต า งคนต า งก็ ตั้ ง ตั ว เป น อ อ งกั น รบราฆ า ฟ น เพื่ อ ชิ ง เขตแดนกั น จับเชลยศึกไดก็นําไปเปนขาทาสทั้งหญิงชาย แควนหลูเปนแควนเล็กๆ ไมคอยจะมีกําลังไปสูร บกับใครนัก จึง มักถูก แควนอื่นบุก เขามาจับ ราษฎรไปเปนทาสเสมอ ใครใจบุญอยากทําความดี ก็นําเงินไปไถมาคืน เจ า ผูค รองแคว น หลู ก็จ ะได รั บ เงิ น รางวั ล ทั น ที ตอ มา ท านจื่ อ ก ง ซึ่งเปนศิษยเอกของทานขงจื่อ ทานก็ไปไถเชลยศึกคืนมาใหแควนหลู โดยไมยอมรับเงินรางวัล เพราะทานมีฐานะดีอยูแลว ทําไปโดยมิหวัง ผลตอบแทนใดๆ แตเมื่อทานขงจื่อทราบเรื่องเขา ทานก็โกรธลูกศิษย ของท านมาก ท านบอกว า แควน หลูนั้น คนจนมาก คนรวยมี น อ ย ต อ นี้ ไ ปคงจะไม มี ใ ครกล า ไปไถ เ ชลยศึ ก อี ก แล ว เพราะท า นจื่ อ ก ง ไปทํ าตั ว อย างเอาไว เ ชน นี้ ก็ มี แ ต ค นที่ มี ฐ านะดี จึ ง จะกล าเอาอย า ง ทานจื่อกงได สวนคนที่โลภเงินรางวัลก็ดี คนที่ไมคอยจะมีเงินนักก็ดี ตางก็ไมทําความดีอีก ตอไป เพราะไมไดเงินรางวัลจะทําไปทําไม ดังนี้ จึงเห็นไดวา นักปราชญนั้นไมวาจะทําอะไร ก็จะเปนเยี่ยงอยางแกผูอื่น จึงตองระมัดระวังจะทําอะไรผิดไมได คนก็จะพากันทําตามอยางผิดๆ ไปดวย ความดีก็เลยเปนความดีปลอมไป
ทานจื่อลูนั้นไมดี ชวยแลวก็ไมปฏิเสธการตอบแทน แตนักปราชญทาน มองไกล การทําความดีที่มีค นนําไปเปนเยี่ยงอยางใหเ กิดประโยชน ตอสว นรวมไดจึง จะเปนความดีแท สวนการทําความดีที่ก ลับทําให สถานการณเลวรายลงไป เปนผลรายตอสวนรวมแลวไซร ก็หาชื่อวา เปนความดีแทไม สมมติวามีคนไมดีค นหนึ่ง เที่ยวเกะกะระรานผูคน ถาไมมีคนถือสา เห็นวาการใหอ ภัยเปนคุ ณ ธรรมที่ดี นี่เป นการทํ า ความดีที่ผิด เพราะคนพาลนั้นก็ยิ่งไดใจ กลาทําความผิดหนักยิ่งขึ้น ผูคนก็จะถูกทํารายหนักขึ้น คนพาลนี้ก็จะตองถูกกฎหมายลงโทษอยาง หนัก แตถาเราไมปลอยใหคนพาลเหิมเกริม หาทางกําราบเสียกอนที่จะ สายเกินแก ก็จะเปนผลดีแกทุกฝาย เพราะฉะนั้น บางครั้งการไมใหอภัย คนพาล ชวยกันกําราบใหกลับตัวได กลับจะเปนความดีแท ความดีขอที่หา คือการทําความดีแลวผลทําใหผูอื่นเปนอยางไร แตกอนนี้ มีขุนนางไจเสี่ยงทานหนึ่ง รับราชการในรัชกาลของพระเจา อิง จงฮ อ งเต (พ.ศ. 1979 – 1992) ท านรั บ ราชการด ว ยความ ซื่อสัตยสุจริตไมมีดางพรอย เปนที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ตอมา ทา นปลดเกษี ย ณตนเองกลั บ ไปอยู ภู มิลําเนาเดิ ม ของทานที่ ช นบท ประชาชนก็พากันมาเคารพทาน ตางก็เปรียบทานดุจขุนเขาอันสูงสุด ในแผนดินจีน คือทายซาน และเปรียบดุจดาวเหนือที่สุกใสกวาดาวใดๆ ในพิภพ แตมีชายขี้เมาคนหนึ่งมาดาทานซึ่งๆ หนา ทานเห็นเปนคนเมา ก็ ไ ม ถื อ โกรธ กลับ บอกคนรั บ ใช ว าอย าไปเอาเรื่ อ งกั บ คนเมาเลย ปดประตูเสียเถิด ตอมา ชายขี้เมาคนนี้ไดรับโทษประหารชีวิต เมื่อทาน ไจเสี่ยงรูเขาก็เสียใจมาก รําพึง วาถาเราเอาเรื่องเสียแตแรกที่ดาเรา จับ ไปทํ าโทษสถานเบาเสี ยที่ อํ าเภอ เขาก็ จ ะไม ตอ งรั บ โทษประหาร ในวันนี้ เพราะเราแทๆ กรุณาเขาผิดกาละไป ทําใหเขาเหิมเกริมทําชั่ว
ตอมาวั นหนึ่ง ทานจื่ อลู ซึ่งเปน ศิษ ยเอกของทา นขงจื่อ เชนกั น ไดชวยคนตกน้ําไวได ชายคนนั้นใหวัวตัวหนึ่งเปนการตอบแทนที่ได ชวยชีวิตไว ทานจื่อลูก็รับเอาวัวนั้นมา ทานขงจื่อเมื่อทราบเรื่องก็ดีใจ มาก ทานพูดวา ตอนี้ไปในแควนหลูของเรานี้ จะมีคนชอบชวยเหลือผูอื่น เพิ่ม ขึ้นอีก เพราะเมื่อทําความดีแลว มีคนเห็นความดีและไดรับการ ตอบแทนทั น ที ใครๆ ก็ อ ยากจะทํ าความดี เ ชน นี้ กั น มากขึ้น แตใ น สายตาชาวโลกแลว จะตอ งมองในทัศนะกลับกันกับทานขงจื่อเปนแน ชาวโลกจะตองเห็นวาทานจื่อกงดี ชวยคนแลวไมหวังสิ่งตอบแทน สวน 35
จนตัวตาย นี่คือตัวอยางของความใจดี แตกลับทําใหผูอื่นไดรับผลชั่ว ตอบแทน
ของฮอ งเต มีเ งิน มากมาย จึง นําเงิ นหลายพัน ตําลึง มาที่วั ดนั้ นอี ก เพื่อทําบุญ คราวนี้เจาอาวาสใหพระลูกวัดกลาวอนุโมทนาและใหศีล ให พ รแทน พระสนมเกิ ดความสงสั ย ยิ่ ง นั ก จึ ง กราบถามท า นว า เมื่อกอนนี้ขาพเจายากจน มีเงินทําบุญเพียงสองอีแปะ แตทานมากลาว อนุโมทนาคาถาและใหศีล ใหพรขาพเจาดวยตนเอง มาบัดนี้ ขาพเจา พอจะมีเงินบาง จึงนํามาถวายหลายพันตําลึง แตทําไมทานกลับให พระลู ก วัด ทําหนาที่แทนท านเลา ทานเจาอาวาสกลา ววา แต กอนนี้ แม ทา นจะทําบุ ญ น อ ย แต ใ จท านนั้น เป ย มไปดว ยเจตนาที่ เ ป น กุ ศ ล มาบัดนี้ แมทานจะมีเงินทําบุญมาก แตใจของทานนั้นไมเหมือนแตกอน เสีย แล ว จึง ไม จํา เป นที่จ ะตอ งใหอ าตมาไปกล าวเอง นี่คื อตั วอยาง ของการทํ าดี ที่ไม จําเปน ตอ งอาศัย ราคาของเงิน มาวัด ความดี นั้ น ทําบุญดวยเงินนอยนิด กลับเปนบุญที่เต็มเปยม เพราะจิตใจที่เต็มไปดวย กุศลเจตนา แมทําบุญดวยเงินมากมาย หากจิตใจมีศรัทธาเพียงครึ่งๆ กลางๆ การทําความดีนั้นก็จะใหผลเพียงครึ่งๆ กลางๆ เทานั้น
สวนการกระทําที่เห็นวาชั่วแตกลับเปนผลดีนั้น ก็มีตัวอยางเชนกัน มีอยู ค รั้ง หนึ่ ง บ านเมือ งเกิ ดทุ พภิก ขภั ย ราษฎรต างแยง ชิงกันกิ น ในกลางวั น แสกๆ เศรษฐีทา นหนึ่ง จึ ง ไปร อ งต อ นายอํ า เภอขอให ระงับเหตุกอนที่จะเกิดจลาจล แตนายอําเภอไมเอาเรื่อง คนยากจน ก็เลยไดใจ พากันยื้อแยงกันยิ่งขึ้น เศรษฐีเห็นไมเปนการ จึงระดมผูคน ของตนออกปราบเอง เรื่องจึงสงบ การกระทําของเศรษฐีทานนี้แมจะ รุนแรง แตก็ทําดวยความสุจริตใจ หวังมิใหเกิดจลาจล จึงเปนการทํา ความดีแทอีกวิธีหนึ่ง ความดีขอที่หก คือความดีที่กระทําครึ่งๆ กลางๆ และทําอยาง สมบูรณ ในคัมภีรเอกเก็งไดกลาวไววา ผูที่ไมสั่งสมความดี จึงมีความดี ไมพอที่จะไดรับชื่อเสียงดี ผูที่ไมสั่งสมบาป ยอมไมรับเคราะหก รรม ถึงตายได ในประวัติศ าสตร ก็ไดก ลาวถึง ราชวงศเซียง (กอน ค.ศ. ประมาณศตวรรษที่ 16 – 11 กอนพุทธศักราชระหวาง 967 – 467) วา ติ้ว ออ งสั่ง สมแตบาปกรรม ดุ จการรอ ยเงิน เหรี ยญไวเต็ ม พวง จึ ง รั ก ษาแผ น ดิ น และชี วิ ต ของตนเองไว ไ ม ไ ด การสั่ ง สมความดี ความชั่วนั้น ดุจนําของบรรจุลงในภาชนะ ถาสั่งสมทุกวันก็จะเต็มเปยม ถ าสั่ ง สมบ างไมสั่ง สมบ า ง หยุ ด ๆ ทํ าๆ บุญ หรื อ บาปนั้น ก็ พ ร อ ง อยูเสมอ ไมมีวันเต็มไดเลย
อีก ตัวอยางหนึ่ง มีเซียนทานหนึ่งชื่อวา จงหลี ทานเปนชาวฮั่น (ก อ น พ.ศ. 749 – 551) เมื่ อ ตายได สํ า เร็ จ เป น ผู วิ เ ศษ เสวยสุข อยูบนสวรรคหลายรอยป จนถึงสมัยราชวงศถงั พ.ศ. 1161 – 1450 ท า นเซี ย นจงหลี ก็ รั บ ลู ก ศิ ษ ย ไ ว ค นหนึ่ ง มี ชื่ อ ว า ท า นลื่ อ ต ง ป ง ตอมาจนถึงปจจุบันผูคนเรียกทานวา ลื่อ โจว ทานลื่อโจวเปนขุนนาง รับราชการเปนนายอําเภออยูส องครั้ง เมื่อมีโอกาสพบเซียนผูวิเศษ ทานก็ไดรับถายทอดวิช าตางๆ ในลัทธิเตา รวมทั้งการนั่งสมาธิดวย ทานจึงลาออกจากราชการติดตามทานเซียนผูวิเศษไปฝกฌานสมาธิ ที่ภูเขาแหงหนึ่งจนสําเร็จ ไดเปนเซียนเชนกัน ตอมาทานจงหลีไดสอน ใหทานลื่อโจวรูจัก ผสมยาวิเศษ เพียงแตเอายานั้นหยดลงไปที่เหล็ก เหล็ ก นั้ นก็ จะกลายเป นทอง สามารถนํ าไปชว ยเหลือ ความยากจน
แต ก อ นนี้ มี เ ด็ ก สาวคนหนึ่ง เข า ไปในวั ด เพราะอยากทํ า บุ ญ แต มี เ งิน เพี ย งสองอีแ ปะ ความจริ ง ราคาของเงิ น นั้น น อยนิ ด เดี ย ว แตคาของความมีใจอยากทําบุญนั้นเหลือหลาย ทานเจาอาวาสจึงกลาว อนุโมทนาคาถาเอง ใหศีลใหพรเอง ตอมาหญิงนั้นไดเขาวังเปนพระสนม 36
ของผู ค นได ทา นลื่ อ โจ ว จึ ง กราบถามท านอาจารย ว า เมื่อ เปลี่ ย น ไปเป น ทองแล วจะกลั บเป นเหล็ก ดัง เดิม อี ก ไหม ทา นจงหลี บ อกว า เมื่อครบหารอยป แลว ก็จะกลับสภาพเดิม ได ทานลื่อโจวจึงปฏิเสธ ไมยอมทําเหล็ก ใหเปนทอง เพราะทานเห็นวาเมื่อครบหารอ ยปแลว ก็จะทําใหผูคนเสียหายมากมาย เพราะอยูๆ ทองในมือก็กลายเปนเหล็ก ไปเสียแลว ยอมนํามาซึ่งความสูญเสียอยางมากมาย เปนการใหราย ผูอื่นโดยไมเปนธรรม การที่ทานจงหลีลองใจทานลื่อโจวครั้งนี้ ทําให ทานภูมิใจในลูกศิษยของทานเปนอยางยิ่ง เพราะคําพูดเพียงคําเดียว ก็แสดงใหเ ห็นความเปนคนของทานลื่อโจววาสูง สงเพียงไร ทานจึง กลาวกับศิษยรักของทานวา การที่จะบรรลุความเปนเซียนนั้น จะตอง สั่งสมคุณ ธรรมให ไดถึงสามพันอย าง คําพู ดของเจาเพียงคําเดีย ว ก็เทากับไดสรางคุณธรรมครบสามพันอยางแลวในพริบตาเดียว
แตอยูที่ใจเราเทานั้นที่จะทําจิตใจใหวางเปลาจนสามารถบรรจุบุญกุศล ไดเพียงใดตางหาก ความดี ข อ ที่ เ จ็ ด คื อ ความดี ที่ ใ หญ ห รื อ เล็ ก มี ขุ น นางผู ห นึ่ ง มีนามวาเอวยจงตะ รับราชการอยูในกรมประวัติศาสตร อยูม าวันหนึง่ ถูกจับวิญญาณไปยังยมโลก พญายมไดสั่งใหเสมียนในยมโลกนําบัญชี ดีชั่วของทานเอวยมาใหดู ปรากฏวาบัญชีชั่วนั้น ชางมากมายกายกอง วางจนเต็มหองไปหมด สวนบัญชีความดีนั้นเล็กนิดเดียว มีขนาดพอๆ กับตะเกียบขางหนึ่งเทานั้น พญายมสั่งใหคนเอาตาชั่ง มา ปรากฏวา บัญชีค วามดีนั้นแมจะเล็ก นิดเดีย ว แตก ลับมีน้ําหนักมากกวาบัญ ชี ความชั่วที่ร วมกันแลว ทั้งหมด ท านเอวยมีค วามสงสัย เปนอันมาก จึง ถามพญายมวา ขาพเจามีอายุยัง ไม ถึง สี่ สิบป ไฉนจึ งมีความชั่ว มากมายเชนนี้ พญายมตอบวา เพียงแตจิตคิดมิชอบเทานั้นก็เปนบาป แล ว เช น เห็ น ผูห ญิ ง สาวสวย ก็ มี จิ ต ปฏิพั ทธ จิ ต ที่ คิ ด มิ ช อบเช น นี้ ก็จะถูกบันทึกในบัญชีค วามชั่วทันที ทานเอวยถามตอไปวา ถาเชนนั้น ในบัญชีค วามดีอันนอยนิดนี้ไดบันทึก ไววาอยางไร พญายมตอบวา มี อ ยู ค รั้ ง หนึ่ ง ฮ อ งเต ท รงดํ า ริ จ ะซ อ มสะพานหิ น ที่ เ มื อ งฮกเกี้ ย น ท า นเกรงว า ราษฎรจะเดื อ ดร อ น จึ ง ถวายความเห็ น เพื่ อ ยั บ ยั้ ง พระราชดํารินั้นเสีย บัญชีความดีนี้ก็คือสําเนาที่ทานทูลเกลาฯ ถวาย ฮองเตนั่นเอง ทานเอวยก็แยง วา แมขาพเจาจะกระทําดังกลาวจริง แตก็ไมเปนผลสําเร็จ พระองคทรงดําเนินการไปแลว ไมนาเลยที่บัญชี ความดีเพียงอยางเดียว จะมีน้ําหนักมากกวาบัญชีความชั่วที่กองอยู เต็มหองนี้ พญายมจึงพูดวา การที่ทานมีเมตตาจิตตอราษฎร เกรงจะ ไดรับความลําบากกันมากมาย กุศ ลจิตนี้ใหญหลวงนัก ถาหากทาน ยับยั้ งได สํา เร็จ ก็จ ะยิ่ง เพิ่ม ความหนัก ขึ้นอี ก พลัง แหง กุศ ลกรรมนี้ จะยิ่ง ใหญ อีก หลายเทานั ก แม จะเปนเรื่องเล็ก แตถ ากระทําเพื่อชน
การทําความดีนั้น เมื่อทําแลวก็แลวกัน อยาไดนํามาคิดถึงบอย ราวกั บ ว า การทํ า ดี นั้ น ช า งใหญ ยิ่ ง นั ก ใครก็ ทํ า ไม ไ ด เ หมื อ นเรา ถ า คิ ด เช น นี้ ความดี นั้ น ก็ จ ะเหลื อ เพี ย งครึ่ ง เดี ย ว แต ถ า ทํ า แล ว ก็ไมนํามาใสใ จอีก คิดแตจะทําอะไรตอไปอีก จึงจะดี จึงจะเปนความดี ที่ส มบูรณ ไมตกไมหลน เชนการใหเงินแกคนยากจน ในใจของลู ก จะตองอยาคิดวาเราเปนผูให ภายนอกก็อยาไปสนใจวาใครเปนผูรับ แมแตเงินที่เราบริจาคไปแลวก็มองไมเห็นวาสําคัญตรงไหน ใหแลวก็ แล ว กั น ลื ม เสี ย ให ได ไม ก ลั บ มาคิ ด อี ก ใหเ สีย เวลา เช น นี้ เรี ย กว า ทําความดีดวยจิตวางเปลา เมื่อไมไดบรรจุอะไรไวที่จิตเลย จิตนัน้ ก็ยอ ม เต็มเปยมไปดวยกุศลผลบุญ พลังแหงกุศลธรรมเชนนี้ใหญหลวงนัก สามารถทํ าลายเคราะหก รรมได ถึ ง หนึ่ ง พั น ครั้ ง เพราะฉะนั้ น การ ทําความดี จึงมิไดขึ้นอยูกับปริมาณของเงินทองหรือวัตถุที่บริจาค 37
หมูใ หญแลวไซร ความดีนั้นก็ใ หญห ลวงยิ่งนัก หากทําดีเพื่อตนเอง แลวไซร แมจ ะทําดีขนาดไหนก็ไดผลนอยมาก ลูกจงจําไววา การทํา ความดี ไมวาจะเปนความดีมากหรือนอยเพียงใด ก็ขึ้นอยูกับเจตนา ในการทําความดีนั้น เพื่อผูอื่นหรือเพื่อตนเอง
ทั้งทานผูเฒาซูและทานผูเฒาจาง ลว นแตไดก ระทําในสิ่งที่ทําได ยากยิ่ง เงินที่ทานสะสมไวค นละสองปและสิบปนั้น ทานก็หวัง วาเมื่อ ทํามาหากินไมไดแลว ก็จะไดพึ่งเงินจํานวนนี้ประทังชีวิตตอไป เปนเงินที่ ตองใช เวลาอันยาวนานสะสมไววัน ละเล็ก ละนอ ย แตท านทั้ งสองก็ สามารถตัดใจชวยเหลือคนที่ไมรูจักกันเลยแมแตนิด ไดในพริบตาเดียว นี่คือการทําความดีที่ยากยิ่งจริงๆ
ข อ ที่ แ ปด คื อ ความยากง า ยในการทํ า ความดี สมั ย ก อ น ทานผูคงแกเรียนมักจะพูดวา ถาจะเอาชนะใจตนเองใหได ตองเริ่มจาก จุ ด ที่ ข ม ใจได ย ากที่ สุ ด เสี ย ก อ น ถ า สามารถเอาชนะได จุ ด อื่ น ๆ ก็ไมสําคัญเสียแลว ยอมจักเอาชนะไดโดยงาย ลูกศิษยของทานขงจื่อ ชื่ อ ฝานฉื อ ได ถ ามท า นอาจารย ว า เมตตาธรรมนั้ น เป น อย า งไร ทานขงจื่อตอบวา การทําสิ่งที่ยากที่สุดไดเสียกอน จึงจะชนะใจตนเองได เมื่อชนะใจตนเองไดแลว ความเห็นแกตัวก็หมดไป จึงบังเกิดเมตตาธรรม พ อ จะยกตั ว อย า งให ฟ ง ลู ก จะได เ ข า ใจง า ยเข า ที่ ม ณฑลเจี ย งซี มีทานผูเฒาแซซู ทานยังชีพดวยการสอนหนังสือตามบาน อยูมาวันหนึ่ง มีช ายคนหนึ่งเปนหนี้เพราะความยากจน เมื่อ ไมส ามารถชําระหนี้ได เจาหนี้ก็จะยึดภรรยาของชายผูนี้ไปเปนคนใช ทานผูเฒาซูเ กิดความ สงสารสามี ภ รรยาคู นี้ ยิ่ ง นั ก จึ ง ยอมเสี ย สละเงิ น ที่ เ ก็ บ ออมไวไ ด จากการสอนหนังสือเปนเวลาสองป นํามาใชหนี้แทนชายผูนั้น ทําให สามีภรรยาคูนี้ไมตองแยกจากกัน
อี ก ตั ว อย า งหนึ่ ง ของผู ที่ ช นะใจตนเองได คื อ ท า นผู เ ฒ า จิ น ท า นอายุ ม ากแล ว ยั ง ไม มี บุ ต รไว สื บ สกุ ล ด ว ยความหวั ง ดี ข อง เพื่อนบานคนหนึ่ง ไดยกบุตรสาวของตนใหเปนอนุภรรยาของทาน ผูเฒา แตทานกลับไมยอมรับความหวังดีนี้ ทานใหเหตุผลวา ทานนั้น ชราภาพแลว สวนเด็กสาวนั้นอายุยังไมถึงยี่สิบ ควรจะไดสามีที่มีอายุ ไล เ ลี่ ย กั น ท า นจึ ง ไม ค วรที่จ ะไปทํ า ลายความสุ ข และอนาคตของ เด็ ก สาวนี้ เ สี ย ด ว ยความเห็ น แก ตั ว เพี ย งเพื่ อ จะมี บุ ต รไว สื บ สกุ ล เปนการไมสมควรอยางยิ่ง ทานผูเฒาทั้งสามทานนี้ ลวนแตทําในสิ่งที่ ยากยิ่งจริงๆ ฟาดินจึงประทานความสุขความเจริญใหกับทานทั้งสาม ทั้ง ในโลกนี้และโลกหนาเปนแนแท สวนคนที่มีเงินมีอํานาจนั้น ถาจะ กระทําความดี ก็ยอมงายกวาผูที่ไมมีทั้งเงินและอํานาจ แตพวกนี้ก็ ไมคอยชอบทําความดี เพราะฉะนั้น ผูที่มีโอกาสทําความดีไดงายเพราะ มีทั้งเงินและอํานาจกลับไมยอมทําความดี สวนผูที่ไมมีเงินไมมีอํานาจ กวาจะทําความดีไดก็ดวยความยากลําบากยิ่ง นี่คือความแตกตางกัน ในคุณคาของความดี
อีกตัวอยางหนึ่ง มีช ายคนหนึ่ง ดวยความยากจนยิ่งนัก จึงนํา ภรรยาและบุตรชายไปจํานําไว ไดเงินมาพอประทังชีวิต เมื่อถึงกําหนด ไมมีเงินจะไปไถคืน ภรรยาก็เดือดรอนคิดจะฆาตัวตาย บังเอิญทาน ผูเฒาจางรูเรื่องเขา มีความสงสารเปนยิ่งนัก จึง นําเงินที่เก็บสะสม มาแล วถึง สิบป มาใชหนี้แทนให พอ แมลู ก จึง ไดมีโ อกาสกลับ มาอยู รวมกันอีกครั้ง
การทําความดีตอผูอื่นนั้น ก็จ ะตองแลวแตโอกาส จังหวะเวลา ก็ มี ค วามสํ า คั ญ เช น กัน การช ว ยเหลือ ผู อื่ น นั้ น มี วิ ธี ก ารมากมาย ประมวลแลวก็สามารถแยกออกได 10 วิธีดวยกัน คือ 38
1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.
ชวยเหลือผูอื่นทําความดี รักและเคารพทุกคนอยางเสมอหนา สนับสนุนผูอื่นใหเปนผูมีความดีพรอม ชี้ทางใหผูอื่นทําความดี ชวยเหลือผูที่อยูในความคับขัน กระทําสิ่งที่เปนประโยชนตอสาธารณะ ไมทําตนเปนปูโสมเฝาทรัพย หมั่นบริจาค ธํารงคไวซึ่งความเปนธรรมะ เคารพผูมีอาวุโสกวา รักชีวิตผูอื่นดุจรักชีวิตตนเอง
ตองใชความอดทนพยายามเพียงไร ทานตี้ซุนนั้นเปนผูฉลาดหลักแหลม ยิ่งนัก เพียงแตทานใชคําพูดกลอมเกลาจิตใจ ผูคนก็จะเชื่อทานเพราะ ตางก็มีความเคารพทานอยูแลว แตทานอุตสาหใชเวลาถึงหนึ่ง ปเต็ม ก็ เ พื่ อ จะใหทุ ก คนกลั บตัว กลับ ใจได ห มด และจะไม ก ลับ ไปเป น คน เห็นแกตัวอีกไมวาในกรณีใด และเปนไปดวยความสมัครใจ ไมใชดวย บังคับหรือขอรอง ใหทุกคนตระหนักถึงความดีที่ตองกระทํารวมกัน เพื่อความผาสุก ของพวกเขาเอง พอจึงสรรเสริญในความอุตสาหะ ของทานยิ่งนัก พอและลูกตางก็มีชีวิตอยูในยุค แหงความมืดมน ผูคนไมคอยมี ศีลธรรมเหมือนดังยุค กอน เพราะฉะนั้นลูกจะตองเจียมเนื้อเจียมตัว อยาไดอวดดีวาวิเศษกวาผูอื่น อยานําความสามารถของลูกไปขมผูอื่น ที่ดอยกวาใหเขาไดอาย จงเก็บความรูความสามารถของเจาไวในใจ อยาไดแสดงออกใหปรากฏแกสายตาผูอื่น ใครพลาดพลั้งลวงเกินลูก ก็จงรูจักใหอภัยอยาไดแพรงพรายความไมดีออกไป เพื่อใหโอกาสเขา กลับตัวกลับใจ และเมื่อไมมีใครรูและก็ทําใหเขาไมกลากําเริบเสิบสาน เพราะทุ ก คนย อ มรัก หน ารั ก ตาไม อ ยากเปน คนเสี ย ชื่ อ เสีย ง จึง ไม วิจ ารณใ หค วามลับของเขาเปน ที่เปดเผยออกไป เขาจึง ไมก ล าที่จ ะ ทําผิดอีก บางคนนั้น เมื่อมีคนรูวาเขาเปนคนไมดีเสียแลวเขาก็ทําตัว เหลวแหลกยิ่งขึ้น เมื่อเปนคนดีไมไดก็ยอมเปนคนชั่วเสียเลย คนเชนนี้ ก็มีใหเห็นๆ อยู ลูกจะตองคอยสังเกตวาผูอื่นนั้นเขามีความสามารถ อะไรบาง ถาเปนสิ่งที่ลูกยังไมมี ก็จงรีบรับเอาความดีนั้นมาใสตนเถิด อยา ไดรี รอเลย ลูก จะตองรูจัก ชมเชยสรรเสริญความดีง ามความ สามารถของผูอื่นใหแผไพศาลไป อยาไดมีจิตริษยา ในชีวิตประจําวัน ของลูก ไมวาจะพูดสักคํา จะทําอะไรสักอยาง จงอยาทําเพื่อประโยชน ตนเอง ตองถือประโยชนสวนรวมเปนสําคัญ ลูกจงจําไวใหดี
ขอ 1. การชวยเหลือผูอื่นทําความดีนั้นเปนอยางไร เมื่ อ ครั้ ง ท านตี้ ซุ น ยั ง มิ ไ ดเ ปน พระเจ าแผน ดิ น จี น สมั ย โบราณ (กอน พ.ศ. 1712 – 1665) ทานไปยังหนองน้ําแหงหนึ่ง เห็นชาวบาน กําลัง จั บปลากั น อยู คนที่แข็ ง แรงก็ พ ากั น ไปยั งที่ ที่ มีน้ํา ลึก ปลาชุ ม สวนพวกที่ไมแข็งแรงและผูชรา ถูกกันใหไปจับปลายังที่ที่มีกระแสน้ํา ไหลเชี่ยวและที่มีน้ําตื้นซึ่งปลาจะไมช อบมาในบริเวณนั้น ทําใหจับปลา ไมได ทานตี้ซุนเห็นดังนั้น ก็บังเกิดความสงสารจับใจ ทานจึงเขาไปชวย คนที่ไม แข็ง แรงและผูช ราหาปลา ใครที่เห็ นแกตั ว ชอบแยง ที่น้ําลึ ก ทานก็นิ่ งเสียไมไปวา เขา ใครที่ไมเห็นแกตัว ทานก็จ ะนําพฤติก รรม ของเขาไปสรรเสริญจนทั่ว ทานเองก็ทําตัวอยางอันดีใหเปนที่ปรากฏ อยู ทุ ก วั น ๆ จนกาลเวลาได ผ า นไปหนึ่ ง ป ชาวบ า นพากั น สํ า นึ ก ในความเห็นแกตัวของตน ตางก็ทําดีตอกันและกัน ในที่นี้พอจะตอง บอกใหลูก รู วา พอ ไม ส นั บ สนุ น ในเรื่อ งการจั บ ปลามาเปน อาหาร เพราะการฆาสัตวตัดชีวิตนั้นเปนบาปอยางยิ่ง แตที่พอยกเรื่องนี้ม า เป น อุ ท าหรณ ก็ เ พื่ อ ให ลู ก เข าใจวา การชว ยให ผู อื่ น ทํ าความดีนั้ น 39
ขอ 2. รักและเคารพทุกคนอยางเสมอหนานั้นเปนอยางไร ผูดีนั้น คือคนที่มีคุณงามความดี และกระทําแตคุณงามความดี อยางสม่ําเสมอ สวนคนเลวนั้นบางทีก็ซอนอยูในคราบของผูดี ปะปนกัน จนบางทีก็ดูไมออก แตถาลูกสังเกตใหดีแลว ก็จะเห็นความแตกตาง ราวกับขาวและดําทีเดียว ผูดีที่มีขอแตกตางจากคนทั่วไปนั้น คือมีน้ําใจ รัก และเคารพทุก คนอยางเสมอหนากัน ธรรมดาคนที่เราไดพบเห็น ในชีวิตประจําวันนั้น บางคนเราก็เคยใกลชิดดวย บางคนก็หางเหินกันไป บางคนสูงศักดิ์ บางคนต่ําตอย บางคนฉลาดหลักแหลม บางคนโงเขลา เบาปญ ญา บางคนมี คุณ ธรรมประจํ าใจ บางคนก็ร ายจนไดชื่อ ว า เปนคนพาล แมทุกคนจะมีสถานภาพและจิตใจไมเหมือนกัน แตทุกคนก็ เปนเพื่อนมนุษยที่ตองเกิดแกเจ็บตายดวยกัน นักปราชญทั้งปวงจึง ไมชอบใหคนเกลียดกันดูถูกกัน ตองรักกันเคารพกันอยางเสมอหนา จึงจะมีสันติสุขเกิดขึ้นได
ก็จ ะกลายเปนคนดีพรอมไปได เพราะฉะนั้น ลูก จงใสใ จในคนที่รัก ดี มุ ง มั่ น จะเป น คนดี ลู ก จงให ค วามช ว ยเหลื อ สนั บ สนุ น ให กํ าลัง ใจ ประคั บ ประคองเพื่ อ ให เ ขาเป น คนดี พร อ มให ไ ด แม เ ขาจะถู ก ผู ค น ปรักปรํา ก็จงชวยชี้แจงปกปองและยอมรับขอปรักปรํานั้นวาลูกก็มี สว นผิด อยูด ว ย เพื่อ ผ อนคลายความรุน แรงที่ จะเกิด ขึ้ นกั บ ตัว เขา จนกวาเขาจะยืนอยู บนขาของเขาเองไดแลว ก็นับวาลูก ไดพยายาม จนถึงที่สุดแลว คนดีคนเลวนั้น มักจะคบหากันไมได คนดียอมคบกับคนดี คนชั่ว ก็ชอบมั่วสุมกับคนชั่ว คนชั่วมักเกลียดชังคนดี ยิ่งในชนบทที่หางไกล ความเจริญดวยแลว คนชั่วมีมากกวาคนดี ชอบขมเหงคนดีอยูเสมอ จนตั้ง ตั วไมติด คนดีมั ก จะเป นคนตรงและไมก ลั วตาย ไมช อบการ แตงตัวที่หรูหรา ไมชอบมีความเปนอยูที่ฟุมเฟอย จึงมักตกเปนขี้ปาก คนชั่ ว ที่ช อบวิพ ากษวิ จ ารณ ค นผิ ด ๆ เพราะฉะนั้ น เมื่ อ ลู ก พบเห็ น เหตุการณเชนนี้ ก็จงชวยปกปองคนดี และชวยชี้ทางใหคนชั่วกลับใจ เปนคนดีเสีย นี่เปนมหากุศลที่ลูกจะตองทําใหได
ขอ 3. สนับสนุนผูอื่นใหเปนผูมีความดีพรอมนั้นอยางไร หยกนั้ น ย อ มมาจากหิ น ชนิ ด หนึ่ ง ถ า เราทิ้ ง ขว า งไม ส นใจก็ เป น เพี ย งหิ น ธรรมดาก อ นหนึ่ ง แม ภ ายในจะมี ห ยกเร น อยู ก็ ไ ม สามารถปรากฏความมีคาของมันได แตถามนุษยนํามาเจียระไนเอา ความเปนหยกออกมาจากหิน และสลัก ใหสวยงามก็จะเปนของมีคา สํ าหรั บ ฮ อ งเต แ ละขุน นาง กลายเป น สั ญ ลั ก ษณที่ จ ะต อ งติ ด ตั ว ไว แสดงถึงความบุญหนักศักดิ์ใหญ ยามที่ฮองเตออกขุนนาง ก็ตองมีหยก ไวแสดงความเปนใหญในแผนดิน ขุนนางเขาเฝาฮองเต ก็ตองถือหยก พระราชทานไวในมือเพื่อแสดงความเคารพและจงรัก ภักดีตอ ฮองเต หยกยั ง นํ ามาใชใ นพิ ธี ก รรมอื่ น ๆ อี ก มากมาย ลู ก ต อ งอย า ลื ม ว า หยกมีความงามและความสําคัญ ขึ้นมาไดเพราะฝมือของมนุษ ยเอง คนก็เ ชน กัน ถามีค นคอยช วยเหลื อใหคํ าแนะนํ าที่ดี คนธรรมดาๆ
ขอ 4. ชี้ทางใหผูอื่นทําความดีนั้นอยางไร เกิดมาเปนมนุษย ทุกคนยอมมีศีลธรรมประจําใจอยูบ า ง มากบาง นอยบา ง ที่ จะไมมี เลยนั้น คงหายาก นอกจากมนุษ ยจะมัว สาละวน อยูกับการแสวงหาลาภยศเงินทองชื่อเสียง โดยไมคํานึงถึงศีลธรรม ทําใหตองตกอยูใ นความหายนะ ถาลูก พบคนเชนนี้ ลูก จงพยายาม ชวยเขา ฉุดเขาใหพนจากความหายนะใหจงได ดุจคนฝนราย ลูกปลุก เขาใหตื่นจากความฝน ใหค วามรูความคิดที่ดีงามแกเขา เขาก็จะตื่น จากฝนร ายกลายเปนคนดี ได เมื่อ ครั้งราชวงศถัง (พ.ศ. 1161 – 1450) มี ขุ น นางท า นหนึ่ ง ท า นเขี ย นหนั ง สื อ สอนใจคนได ดี ม าก 40
เปนที่แพรหลายไปทั่วประเทศจีน ชาวจีนมีความเคารพนับถือทานมาก เมื่ อ ท า นถึ ง แก อ นิ จ กรรมยั ง ได รั บ เกี ย รติ ย ศอั น สู ง ส ง ได รั บ การ สถาปนาจากฮอ งเตใ หเปนที่ “เอวิ๋น” เปนการเชิดชูผ ลงานอันมีทั้ ง รอยแกวร อยกรองที่เยี่ยมยอดนั่นเอง ชาวบานพากันเรี ยกทานว า “หานเอวิ๋ นกง ” ท านเคยกลาวไว วา การตัก เตือ นผูอื่นด วยคําพู ดนั้ น ไมช าก็จ ะถูก ลื ม เลือ นไป ผู อยู ไกลก็ไมส ามารถได ยิน คําเตือ นนั้นได หากบั น ทึ ก ไว เ ปน หนั ง สื อ แม สั ก ร อ ยชั่ ว คนคํ าสอนนั้ น ก็ ยั ง คงอยู สามารถแพรไปไกลกวาพันลี้หมื่นลี้เสียอีก ขอที่หนึ่ง พอไดยกตัวอยาง ใหชวยเหลือผูอื่นดวยการทําตนเปนเยี่ยงอยางแกผูอื่น นานวันเขาก็จะ มีค นตามอย างโดยไมรูตัว สว นขอ นี้พอ ขอยกตัว อย างใหใ ช คําพู ด ใชหนังสือเปนตัวอยาง ลูกก็จะตองใชใหเหมาะสมมิฉะนั้นก็จะไมไดผลเลย ดุจดั่งคนปวย ถาไดยาตรงกับโรคก็จะหายวันหายคืน เหมือนคนที่มี นิสัยแข็งกระดาง ถาเราใชคําพูดตักเตือน เขาจะไมเชื่อโดยงาย พูดไปก็ เสียเวลาเปลา ถาเปนคนที่มีนิสั ยออนโยน การตั ก เตือนด วยคําพู ด มักจะไดผล ลูกไมควรพลาดโอกาสอันดีนี้เสีย ทั้งนี้ ขึ้นอยูกับลูกตอง ดูค นเปน ตองอานนิสัยไดถูกตอ ง แลวจึงจะวินิจฉัยไดวา คนเชนไร สมควรตักเตือนดว ยคําพูด คนเชนไรสมควรใหเ ขาอานหนังสือเพื่อ แกไขตัวเขาเอง
ไดคุณสักเพียงไร ขอใหชวยใหไดทันทวงทีจึงจะควร ชางเปนคําพูดที่ เปยมไปดวยเมตตาการุณยเสียนี่กระไร ขอ 6. กระทําสิ่งที่เปนประโยชนตอสาธารณะอยางไร ไมวาลูกจะอยูในชนบทเล็กๆ หรือในเมืองใหญๆ หากเปนเรื่องที่ เกี่ยวกับประโยชนสุขของสวนรวมแลว ลูก จะตองไมทอถอยในการ เปนอาสาสมัคร เชน ขุดคูสงน้ําเพื่อไวใชในนายามหนาแลง หรือสราง ทํานบเพื่อปองกันน้ําทวม หรือซอมสะพานที่ชํารุดเพื่อใหการสัญจร ไปมาสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น หรือใหทานอาหารแกคนอดอยาก หรือใหน้ําแกคนกระหาย แลวลูก ก็ควรชัก ชวนชาวบานใหรวมแรง รว มใจกัน กระทํ าความดีร ว มกั น ใครมี เ งิน ก็ อ อกเงิน ใครมี แรงก็ ออกแรง ผนึกกําลังใหเขมแข็ง จะไดชวยเหลือคนไดมากขึ้น หากใครมา วารายลูก ก็จงอยาใสใจ ถาเราทําดีโดยสุจริตแลว ใครๆ ก็ยอมเขาใจ และชวยปองกันลูกเสียอีก ลูกจงอยาทอถอย ไมวาจะประสบอุปสรรค ใดๆ ก็อยาไดวางมือเปนอันขาด ขอ 7. ไมทําตนเปนปูโสมเฝาทรัพย หมั่นบริจาค อยางไร คําสอนในพระพุทธศาสนานั้นมากมาย พระผูมีพระภาคทรงแนะนํา ใหรูจักใหทานเสียกอน การใหคือการเสียสละ ทานที่บรรลุธรรมแลว ทานเสียสละไดหมด ทั้งอายตนะภายใน (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) และ อายตนะภายนอก (รู ป เสีย ง กลิ่น รส โผฏฐัพ พะและธัมมารมณ ) ก็สิ่ง ที่ประกอบกันขึ้ นมาเปนชี วิตทานยั งเสียสละได เรื่อ งทรัพยสิ น เงินทองของนอกกาย ไฉนจักเสียสละไมได ถาเราสามารถเสียสละได ทุกอยางเชนนี้แลว เราก็จะรูสึกวา เรามิไดแบกภาระอันใดไว ทําใหจิตใจ ปลอดโปรง ไมหวงหนากังวลหลัง ใครทําของเราเสีย ใครขโมยของ เราไปก็ไมเดือดรอนเลยแมแตนิด เพราะเราเสียสละไดหมดจริงๆ ผูที่
ขอ 5. จะชวยเหลือผูที่อยูในความคับขันไดอยางไร เคราะหกรรมยอมเกิดขึ้นไดเสมอไมวากับใครๆ หากลูกพบเห็น คนที่กําลั งตกทุก ขไดยาก ลูก จะตองเขาชวยเหลือใหทันทว งที และ จะตองชวยแกไขสถานการณดวยสติปญญาของลูกอยางรอบคอบ เพื่ อ ให ก ารช ว ยนั้ น ประสบความสํ า เร็ จ ท า นชุ ย จื่ อ ซึ่ ง เป น ขุ น นาง ในราชวงศหมิง ในปลายสมัยพระเจาเซี่ยวจงฮองเต (พ.ศ. 2031 – 2048) ท านกลาวไววา การชวยเหลื อนั้นไมค วรคํานึงว าจะไดบุ ญ 41
ไมส ามารถเสียสละไดทั้งหมด ก็ตองเริ่ม ตนดวยการใหทานบริจ าค ทรัพยเสียกอน คนในโลกนี้เห็นวาปจจัยสี่นั้นเปนสิ่งสําคัญของชีวิต และเงินเทานั้นที่จะบันดาลใหไดมาซึ่งปจจัยสี่ เพราะฉะนั้นคนสวนมาก จึ ง ให ค วามสํ าคั ญ แกเ งิ น เท า ชี วิ ต หาได คิ ด สัก นิ ด ไม ว า หากยั ง มี ลมหายใจก็ดีอยูห รอก ถาหมดลมเมื่อใดมีใ ครเคยเอาอะไรติดตัวไป ได บ าง ผู ที่ รัก เงิ นยิ่ ง ชีวิต จึ งควรฝก ตนให รูจั กการบริ จ าคทรัพ ย ใหทานเสียบาง ใหมๆ ก็จะเกิดความเสียดาย เพราะคนรักเงินยิ่งชีวิต มักเปนคนตระหนี่ ใจคอคับแคบ แตถาหมั่นบริจาคก็จะเกิดเปนนิสัย อันดีงามขึ้น สามารถบริจาคไดมากขึ้น และไมนึกเสียดายดังแตแรก
ชื่อวาเปนผูรูพระคุณ ของพระผูมีพระภาคอยางแทจริง และไดถวาย ความกตัญูกตเวทีแดพระองคอยางถูกตองแลว ขอ 9. เคารพผูมีอาวุโสกวาอยางไร ในครอบครัว ยอมมีบิดามารดา พี่ช ายพี่สาว ที่มีอาวุโสกวาเรา เราต อ งเคารพรั ก รู จัก ปรนนิ บั ติ เ อาใจใส ดู แลทุก ขสุข ให ค วามสุข ความสําราญแกทาน ใหค วามสนิทสนมกลมเกลีย ว ยิ้ม แยมแจม ใส เขาหากัน พูดจากันดวยวาจาอันไพเราะ นานไปก็จะเปนผูมีนิสัยอันดีงาม ในประเทศ ย อ มมี ฮ อ งเต เ ป น ประมุ ข ที่ เ ราจะตอ งแสดงความ จงรักภักดี รับราชการดวยความซื่อสัตยสุจริต รักษากฎหมายยิ่งกวา ชีวิตของลูก เอง อยาอวดดีทําผิดโดยคิดวาพระองคจะไมทรงทราบ การลงโทษคนโดยอาศั ยอํ านาจของกฎหมาย ก็อ ยาเมาอํานาจจน ตัดสินโทษดวยอารมณ อยานึกวาพระองคไมทรงทราบ แลวทําไปดวย ความลําพองใจ โบราณทานวาการรับใชฮองเตก็คือการรับใชสวรรค สวรรคยอมประทานความเจริญความสุขสมบูรณให ถาลูกทําดีพอ
ขอ 8. ธํารงไวซึ่งความเปนธรรมไดอยางไร ธรรมะคือ ประที ปที่ สองวิถี ทางแหง ชีวิ ต เมื่อ หนทางข างหน า สว า งไสว ชี วิ ต ยอ มดําเนิ นไปตามทิ ศ ทางอันถูก ตอ ง ดุ จ ดั่ ง คนที่ มี นั ย น ต าดี ย อ มสามารถเลื อ กทางเดิ น ที่ ส ะดวกที่ สุ ด และดี ที่ สุ ด ได โบราณทานจึง วา ธรรมะคือ การธํารงไวซึ่งฟาดินและมนุษ ย ใหเกิด ความสมดุล ผสมผสานกลมกลืนเปนอันหนึ่ง อันเดียวกัน จะขาดไป แม แ ตสิ่ง หนึ่ง สิ่ง ใดก็ หามิ ไ ด ตอ งเปน ป จ จั ยอิ ง อาศัย ซึ่ ง กั นและกั น ทําใหเกิดสรรพสิ่งดวยธรรมะ ธรรมะทําใหชีวิตหลุดพนจากหวงแหง ความทุกข มีอิส ระเสรีที่จะอยูในโลกตอไปก็ได จะไปใหพนโลกเสียก็ได ฉะนั้น เมื่อลูก เห็นศาลที่บูช านัก ปราชญราชบัณ ฑิต หรือเห็นคัม ภีร โบราณที่ เ ป น ธรรมะอั น สู ง สง ลูก จะต อ งถนอมด ว ยความเคารพ หากมีสิ่งขาดตกบกพรอง ลูกจะตองซอมแซมใหอยูในสภาพดีดังเดิม เพื่ อ เป น ประโยชนแ ก อนุ ช นรุ น หลัง ต อ ไป ลู ก จะตอ งเผยแผธรรมะ ธํารงไว ซึ่ง ธรรมะ ปฏิบัติ ตนด ว ยธรรมะ สอนใหผูอื่น รูจั ก ธรรมะ จึงจะเรียกวาเปนพุทธศาสนิกที่รูซึ้งในพระกรุณาคุณ พระปญญาคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระผูมีพระภาคเจา ถาลูกทําไดเชนนี้ จึงจะได
ขอ 10. รักชีวิตผูอื่นดุจรักชีวิตตนเองอยางไร มนุษยจักทรงความเปนมนุษ ยอยูได ก็ดวยจิตที่มีเมตตากรุณ า การเอาชนะสิ่งที่ยากที่สุดคือใจของตนเอง ตองเริ่ม ปลูกฝง จิตใหมี เมตตากรุณากอน การสั่งสมคุณธรรมใดๆ ก็ตองเริ่มที่จิตอันกอปร ดวยเมตตากรุณาเชนกัน ในสมัยราชวงศโจวนั้น (กอน ค.ศ. 1100 กอน ค.ศ. 771, กอน พ.ศ. 457 - กอน พ.ศ. 329) ทานโจวกงซึ่งเปน ไจเสี่ยงของพระเจาเฉิงออง ไดแตงหนังสือขึ้นเลมหนึ่งใหชื่อวา โจวหลี่ อั น เป น ต น ตํ า รั บ ที่ ร าชวงศ ต อ ๆ มา ถื อ เป น แบบฉบั บ ว าด ว ยการ บริหารประเทศ หนาที่ความรับผิดชอบของขาราชการ กฎหมายและ 42
จารีตประเพณี รวมทั้งพิธีกรรมตางๆ มีอยูขอหนึ่งที่ทานกําหนดไววา เดือนแรกของป เปนเวลาที่พืช พันธุธัญญาหารมีโอกาสเจริญเติบโต งายแกการตั้งครรภของสรรพสัตว ฉะนั้น การเซนสรวงบูชาในเดือนนี้ จึงหามฆาสัตวตัวเมีย เพราะเกรงวาอาจจะกําลังตั้งครรภอยู นี่ก็เปน ความเมตตากรุณาของทานโจวกง ทานนักปราชญเมิ่งจื่อไดกลาวไววา ผู ดี ย อ มอยู ห า งไกลจากโรงครั ว ที่ มี ก ารฆ า สั ต ว เพราะเพี ย งแต ไดยิน เสีย งผูอื่ นฆาสัตวก็ทําใหจิต ใจหดหูเ ศราหมองได ทานผูใ หญ แตกาลกอนจึงไมยอมบริโภคเนื่อสัตวสี่ประเภท คือ 1. 2. 3. 4.
เท า ที่ เ หยี ย บลงไปบนตัว สัต วโ ดยไม เ จตนา ก็ ไ ม รู ตั ว ว าวั น หนึ่ ง ๆ ไดทําไปกี่ครั้ง ลูกจงระวังใหดี ปองกันใหได นอกจากจะสุดวิสัยจริงๆ มีโคลงโบราณอยูบทหนึ่งซึ่งเปนที่ประทับใจพอจนบัดนี้ ทานวาไววา เพราะรัก หนูจึงเก็บขาวไวใหกิน เพราะสงสารแมลงจึงไมจุดตะเกียง ในยามค่ําคืน ดูเถิดวา คนโบราณนั้นทานมีเมตตากรุณาเพียงไร การทํ า ความดี นั้ น ไม มี ที่ สิ้ น สุ ด อธิ บ ายเท า ไรก็ ค งไม ห มด จงถือหลัก สิบประการนี้ แลวลูกก็จะแผข ยายการทําดีใ หก วางขวาง ออกไปเอง การสั่งสมคุณ ธรรมใหครบหนึ่งหมื่นครั้ง ก็จ ะอยูเ พีย ง แคเอื้อม
สัตวที่ไดยินเสียงเขาฆา สัตวที่เห็นเขากําลังฆา สัตวที่เลี้ยงอยูเอง สัตวที่เขาจงใจฆาเพื่อใหเราบริโภค
ลูก เห็นใครที่ ไมอยากบริโ ภคเนื้อสัตว แตยังทําไม ไดทันที ก็จ ง แนะนําเขาใหเริ่มไมแตะตองเนื้อสัตวสี่ประเภทนี้ใหไดเสียกอน เริ่ม ฝก เสี ยแต เดี๋ ยวนี้ ความกาวหนาในการปฏิบัติ ธ รรมยอ ม ติดตามมา เมื่อกระแสจิตไดถูก ฝกฝนใหเจริญดวยเมตตาธรรมและ กรุณาธรรมแลวไซร ก็จะไมนึกอยากฆาสัตว สัตวทั้งมวลลวนมีชีวิต จิตใจเชนเราเหมือนกัน การนําตัวไหมลงไปตม ในน้ํารอนๆ เพื่อทํ า เครื่องนุงหม ที่นิยมกันวาสวยงามมีคามาก ที่แทเปนบาปกรรมโดย ไมรูตัว ความจริงผาไหมมิใชเปนสิ่งจําเปนสําหรับชีวิตมนุษย เรานาจะ ใชผาฝายที่ไมตองเบียดเบียนสัตวจะมิดีกวาหรือ แมกระทั่งการถางดิน ฆ าหนอน ก็ ล ว นแต เ ป น บาปกรรมทั้ ง สิ้ น ดู ดู ม นุ ษ ย เ กื อ บทั้ง หมด ล ว นแต เ บี ย ดเบี ย นชี วิ ต ผู อื่ น เพื่ อ ความมี ชี วิ ต ของตนเอง ต อ งทํ า ปาณาติ บาตอยู ต ลอดเวลาที่ มี ชี วิต อยู แม ก ระทั่ ง มื อ ที่ ต บยุ ง บี้ม ด 43
ในคั ม ภี ร อื่ น ๆ ก็ ก ล า วเหมื อ นกั น ว า ทะนงตนย อ มนํ ามาซึ่ ง ความวิบัติ ถอมตนยอมนํามาซึ่งความเจริญ พอไดไปรวมสอบไลกับ นักศึกษาอื่นๆ ตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งพอสังเกตเห็นนักศึกษาที่ยากจน บางคน บนใบหนามัก ทอประกายแหงความถอมตน จนบางครั้งพอ คิดอยากจะเอามือทั้งสองของพอไปประคองประกายแหงความถอมตน นั้นมาประดับบนใบหนาของพอเสียบาง และไมตองสงสัยเลย พวกเขา เหลานี้สอบไลไดทุกทีไป
โอวาทขอที่สี่ ความถอมตน โอวาททั้งสามขอที่กลาวจบไปแลวนั้น ลวนแตสอนใหทําความดี สวนโอวาทขอสุดทายนี้ ทานสอนใหรูจักวางตนในการคบหาสมาคม กับบุคคลทั่วไป โดยใหยึดคุณ ธรรมขอนี้ไวคือการถอมตน ไมอวดดี วาตนเองวิเ ศษกว าผู อื่น จะได ไม มีเ รื่อ งกั บใคร ไม ก ลาทํ าความชั่ ว สํานึกอยูเสมอวาตนเองยังทําความดีไมเพียงพอ แลวจะมีความกาวหนา ในการฝ ก ตน และไม เ พี ย งแต จ ะหาความรู เ พิ่ ม เติ ม อยู ต ลอดเวลา แตยังตองรูจักฝกตนใหเขากับคนในสังคมได จะไดไมมีศัตรูทั้งตอหนา และลับหลัง ไมมีอุปสรรคในการสั่งสมคุณ ธรรมความดีงาม
เมื่ อ ตอนที่ พ อ เข า มาสอบในเมื อ งหลวง มี เ พื่ อ นนั ก ศึ ก ษา รวมเดินทางมาดวย รวมทั้งหมดสิบคนดวยกัน พอสังเกตดูเห็นมีคน ที่อายุนอยที่สุด มีชื่อวาปง เปนคนเดียวที่มีความสงบเสงี่ยมเจียมตน มีความถอมตนอยูเปนนิจ พอจึงบอกกับเพื่อนวา คนๆ นี้ตองสอบไล ไดแนนอน เพื่อนถามวาทําไมพอ จึงรูล วงหนาได เลา พอบอกเขาว า ความถ อ มตนยอ มนํ ามาซึ่ง ความเจริ ญ ในหมูพ วกเราทั้ ง สิบ คนนี้ มีใครบางที่ซื่อและจริงใจเหมือนเขา คอยเอาใจเพื่อนฝูง ไมเคยเอาเปรียบ ใครเลย แมใครจะหยอกลอก็ไมโกรธตอบ ใครนินทาวารายก็ไมโตเถียง สํารวมระวังไมยอมปลอยตัว ปลอ ยใจไปตามอารมณเหมือนคนอื่น คนเช น นี้ แม แต ผี ส างเทวดาฟ าดิ น ก็ ยั ง ต อ งให ค วามคุ ม ครองและ ชวยเหลือ เมื่อผลการสอบไลครั้งนั้นปรากฏออกมา ก็เปนจริงดังที่พอ คาดไวทุกประการ
คัมภีรเอกเก็งไดกลาวไววา ผูใดยกตนขมทาน อวดวิเศษกวาผูอื่น ยอมตอ งประสบความเสีย หาย ผูใ ดออ นนอ มถ อมตน ไมจ องหอง ลําพองตน ยอมตองประสบความสุขความเจริญ แมแตแผนดินก็หนีกฎนี้ไมพน ดูแตขุนเขาที่สูงตระหงาน ยืนทะมึน เยยฟาทาดิน ก็ยังตองพังทลายอยูเนืองๆ สวนแองน้ําที่ต่ําตอยนั้น กลั บ มี น้ํ า ขั ง อยู ต ลอดเวลา แม แ ต ป ศ าจก็ ช อบให ร า ยคนทระนง และอภิบาลคนที่ ออนนอมถอมตน วิ ช าโป ยกว ยนั้น ไดแบ งออกเป น 64 หนวย หนวยอื่นๆ ลวนสอนใหเห็นผลดีและผลชั่วในพฤติก รรม ของมนุษย แตหนวยแหงการออนนอมถอมตนนี้ไมมีผลชั่วเลย มีแต ผลดีทั้งสิ้น จึงเห็นไดวาฟาดินเทพยดาผีปศาจและมนุษ ย ลวนนิยม ชมชอบความออนนอมถอมตนกันทั้งสิ้น
เมื่อป พ.ศ. 2120 พออยูในเมืองหลวง พักกับเพื่อนชื่อไคจือ แซเผิง พอสังเกตดูรูสึกเขาเปลี่ย นแปลงไปมาก เมื่อเด็ก ๆ เขาขี้เ ลนซุกซน และเจาอารมณ แตบัดนี้ ดูเขามีสติควบคุมอารมณไดดีมาก เขามีเพื่อน อยู ค นหนึ่ ง เป น คนดี ม าก ฉลาด ซื่ อ ตรง ชอบช ว ยเหลื อ เพื่ อ น คุณ ธรรมสามประการนี้ส มแลว ที่ จัก ขนานนามเขาวากัล ยาณมิต ร 44
เขามัก จะติเ ตียนไคจือ ตอหนา ไคจือไมเคยโกรธหรือโตตอบเขาเลย รับฟงอยางอารมณดีเสมอ พอจึงบอกเขาวา นิสัยอันดีงามของเขานี้ ยอมเปนป จจัยนํ าเขาไปสูความมีบุ ญวาสนา สว นคนที่ต องประสบ เคราะหกรรม ก็เปนเพราะเขาสรางนิสัยไมดีงาม เปนเหตุปจจัยนําเขา ไปสูความหายนะเชนกัน สําหรับเพื่ อนนั้น แมฟาดินก็ ตองประทาน ความชว ยเหลือ ป นี้ เพื่อ นจะตอ งสอบไลไ ด อ ย างแน น อน ต อ มาก็ เปนจริงดังที่พอพูดกับเขาไว
ถอมตนได เมื่อพัฒนาตนเองไดแลว ฟายอมประทานบุญวาสนามาให และก็เปนจริงดังวา เขาสอบไลไดในปนั้นเอง เมื่ อ ป พ.ศ. 2077 มี นั ก ศึ ก ษาแซ จ างคนหนึ่ ง มี ค วามรู ดี เขี ยนบทความก็ดี เป น คนเด น คนหนึ่ง ในบรรดานั ก ศึ ก ษาทั้ ง หมด เขาเดินทางมานานกิงเพื่อเขาสอบ พักอยูที่วัดๆ หนึ่ง เมื่อผลการสอบ ประกาศออกมา ปรากฏวาสอบตก แทนที่จ ะโทษตนเองวาความรู ยังไมถึงจึงสอบไมได กลับโกรธกรรมการคุม สอบหาวาไมยุติธ รรม มีตาก็หามีแววไม บทประพันธดีๆ ก็หาวาไมดี หลวงจีนในวัดทานหนึ่ง ได ยิ น เข า จึ ง ยื น ยิ้ ม อยู เขาก็ เ ลยพาลโกรธท า นหลวงจี น ไปด ว ย หลวงจีนจึงกลาวกับเขาวา ดูดูแลวเห็นทีบทประพันธของทานไมดีจริง เขายิ่งโกรธใหญ ตวาดหลวงจีนวา ยังไมทันเห็นบทประพันธจะรูวาดี ไมดีไดอยางไร หลวงจีนจึงพูดวา การประพันธตองอาศัยความสงบ ทางใจ จิตเปนสมาธิจึงจะเขียนไดดี ทานควบคุมอารมณไมได หวั่นไหว อยูตลอดเวลา จะเขียนบทประพันธไดดีอยางไรได นักศึกษาจางไดสติ จึงคุกเขาขอขมาและมอบตัวเปนศิษย
มีเด็กหนุมคนหนึ่งแซจาว สอบไลไดในภูมิลําเนาของตนเมื่ออายุ ยังไมถึง 20 ป แตตอจากนั้นไปจะสอบกี่ครั้งก็ไมเคยสอบไลไดอีกเลย ต อ มาได ติ ด ตามท า นบิ ด าที่ ต อ งย า ยไปรั บ ราชการที่ อํ า เภออื่ น ในอํ าเภอนั้ น มี บัณ ฑิ ต ที่ มี ค วามรู สู ง อยู ท า นหนึ่ ง แซ เ ฉี ย เด็ ก หนุ ม ได ท ราบข า วก็ รี บ นํ า บทประพั น ธ ข องตนไปหาเพื่ อ ขอคํ า แนะนํ า โดยไมคาดฝน ทานบัณฑิตจับพูกันไดก็ตวัดขอความในบทประพันธนั้น ทิ้งเกือบหมด ถาเปนบางคนก็จะโกรธมาก แตเด็กหนุมคนนี้นอกจาก จะไมโกรธแลว ยังขอบพระคุณทานบัณฑิต รีบแกไขบทความแลวนํามา ใหทานแกไขใหอีก ดวยความออนนอมถอมตนนี้ เปนสิ่งที่หาไดยากยิ่ง พอรุงขึ้นอีกปหนึ่ง เด็กหนุมนี้ก็สอบไลได
หลวงจีนจึงสอนวา การสอบไลไดหรือไม ลวนขึ้นอยูกับชาตาชีวติ ถาชาตาไมดี แมจะเขียนบทประพันธไดดีอยางไรก็สอบไมได จึงตอง แกไขที่ตนเองเสียกอน นักศึกษาจางกราบถามทานวา หากขึ้นอยูกับ ชาตาชีวิตแลวจะแกไขไดหรือ หลวงจีนพูดวา ฟาประทานชีวิตใหเรา แตชาตาชีวิตเราตองสรางสมเอง หากกระทําแตกรรมดีมีศีลมีธรรม ชอบชวยเหลือผูอื่น ยิ่งไมมีผูรูเห็นก็ยิ่งเปนกุศลมหาศาล เมื่อเราสั่งสม ความดีจนเต็ม เปยมแลว เราจะตองการชาตาชีวิตอยางไรก็ไดทั้งนั้น นัก ศึก ษาจางจึงปรารภวา ขาพเจาเปนคนจน จะมีปญญาชวยเหลือ คนอื่นไดอยางไร ทานชี้แจงวา การทําความดีตองเริ่ม ที่ใ จ มุงแกไข
เมื่อป พ.ศ. 2135 พอไดไปเมืองหลวงเพื่อเขาเฝาฮองเต ไดพบ กับเพื่อนคนหนึ่ง ดูเขาชางมีความจริงใจและอารมณดีเสียนี่ก ระไร ประกายแหงความออนนอมถอมตนอยูทั่วบรรยากาศที่รอบๆ ตัวเขา ทําใหพอไดสัม ผัสกับประกายนี้ดวยความชื่นชม พอกลับจากเขาเฝา ไดเลาใหเพื่อนๆ ฟงวา หากฟาจะประทานความเจริญรุงเรืองแกใคร มักจะประทานสติปญญาใหกอน เมื่อมีสติปญญาแลว คนที่เจาอารมณ ก็จ ะเปลี่ ยนเป นคนที่ ค วบคุ ม อารมณได คนที่ อวดดี ก็ก ลายเปน คน 45
ตนเองเสียกอน เชนการออนนอมถอมตนก็ไมตองใชเงินเลย ทําไมทาน ไม ตํ าหนิ ต นเองว าความรู ยั ง ไม เ พีย งพอจึ ง สอบตก แตก ลั บ ไปด า กรรมการควบคุมสอบเลา
การอบรมสั่งสอนจากทานผูรู ไดรับประโยชนจากทานเหลานัน้ ไมจบสิ้น นัก ศึก ษาจึงควรทําตัวเชนนี้ ลูก จงจําไววา คนที่ยกตนขมทาน ถือดี อวดเบงนั้น แมจะไดดิบไดดีก็ไมยั่งยืนนาน
นั ก ศึ ก ษาจางเพิ่ ง ได คิ ด จึ ง เริ่ม ปฏิ บั ติ ต นเสี ย ใหม ลดความ หยิ่งผยองลงไปทุกวันๆ เพิ่มคุณธรรมใหกับตนเองมากยิ่งขึ้นทุกวันๆ ครั้นอีกสามปตอมา ในป พ.ศ. 2080 ในคืนวันหนึ่งไดฝนไปวา ไดไปใน ตึกสูงใหญหลังหนึ่ง เห็นบัญชีรายชื่อนักศึกษาที่สอบไลวางอยูห นึง่ เลม เมื่อเปดออกดูเห็นทุกหนามีชองวาง เกิดความสงสัยจึงถามคนที่ยืนอยู ใกลๆ วา ทําไมบัญชีรายชื่อนักศึกษาที่สอบไลไดแลวจึงมีการคัดออก อีก เลา ไดรับคําตอบวา เนื่องจากผูที่ส อบไลไดแลว จะตองผานการ ตรวจสอบในยมโลกทุก ๆ 3 ป ถาใครมีค วามประพฤติไมดี ไมอยูใ น ธรรมก็จะถูกคัดชื่อออก จะสอบอีกอยางไรก็สอบไมได แลวชี้ไปที่วาง บนสมุดบั ญชี นั้นว า สามป ม านี้ เจา ตั้ งใจฝก ตนให กา วหน าไปมาก จะเอาชื่อ เจ าไว ต รงนี้ ขอใหเ จารั ก ตนสงวนตั ว อยา ไดวูว ามทํ าผิ ด เหมือนดังแตกอนอีก ปนั้น เขาก็สอบไลไดที่ 105
โบราณทานวาไว ปรารถนาชื่อเสียงยอมไดชื่อเสียง ปรารถนา ความร่ํารวยก็ยอมไดเปนเศรษฐี ความปรารถนาของมนุษยเปรียบ ประดุจรากแกวของตนไม เมื่อ หยั่งลึก ลงดินแลวตนไมก็จะมีกิ่งกาน ไพศาล ออกดอกออกผลตามฤดูกาล รากแกว ของมนุษ ยก็คือการ ออนนอมถอมตน ไมวาจะเปนเรื่องเล็กนอยหรือเรื่องใหญ เราจะตอง ยึด มั่ น ในคุ ณ ธรรมข อ นี้ ถอ มตนไว เ สมอ ให ค วามสะดวกแก ผู อื่ น เมื่อไมทําใหผูอื่นสะเทือนใจเพราะความอวดดีของเราแลว ฟาดินยอม ประทับใจในความดีของเรา พวกนัก ศึกษามักบนบวงเทพยดาฟาดิน ขอใหสอบไลได แตพวกนี้ไมคอยมีความจริงใจ การบนบวงจึงไมไดผล ทานนัก ปราชญเมิ่งจื่อพูดกับพระเจาฉีเซวียนอองวา พระองคโ ปรด ดนตรี ถาโปรดดวยความจริงใจแลวไซร ชาตาของประเทศฉี ก็จั ก รุง เรื อ งสุ ก ใสเป น แน แตนี่ พ ระองค โ ปรดดนตรี เ พื่ อ ความสุ ข ของ พระองคเ อง หากพระองคสามารถขยายความสุขสวนพระองคนี้ใ ห แผไพศาลไปในดวงใจของราษฎรทุกคนแลวไซร ราษฎรก็จะมีความสุข เหมือนดั่งพระองค และทุกคนก็จะจงรักภักดีตอพระองคอยางสุดหัวใจ เมื่ อนั้ น ชาตาของบา นเมื องฉี จะไมรุ ง เรื อ งสุก ใสอยา งไรได เมื่อ ลู ก ตองการสอบไลไดเปนขุนนาง ลูกก็จะตองตั้งความปรารถนาไวดุจ รากแกวของตนไม แนวแนที่จะทําความดีไมทอถอย สั่งสมความดีงาม ใหไดทุกๆ วัน ลดความถือดีอวดดีใหหมดสิ้นไป สรางอนาคตดวยตัว ลูก เอง ชาตาชีวิตจัก ทําอะไรได ขอใหลูก จงเพียรพยายามตอ ไปเถิด ความสําเร็จยอมรอลูกอยูแลวอยางแนนอน
เมื่ อดู เหตุก ารณ ที่ ผานมาแล ว ย อมจะเห็นได วา สูง จากศีร ษะ มนุษยไปเพียง 3 ฟุตก็มีเทพเจาคอยเฝาดูอยูแลว เราจะตองทําแตสิ่ง ที่เ ป น มงคล หลี ก เลี่ ย งการกระทํา อั น เป น อั ปมงคลเสีย จะดี จ ะชั่ ว จึง อยูที่ตั วเราเอง ถ าควบคุม จิต ใจและความประพฤติข องเราให ดี ไมทําสิ่งที่ฟ าดินและผีส างเทวดาไมพอใจ ไมหยิ่ง ไมโอหัง ไมวูวาม อดทนในสิ่งที่ทนไดยาก ฟ าดินและผีส างเทวดาก็ย อมจะสงสารเรา เห็ น ใจเรา ประทานความช ว ยเหลื อ แก เรา คนที่ จ ะเป น ใหญเ ป น โต ในอนาคตย อ มไมทํ า จิ ต ใจคั บแคบเห็น แกตัว ย อ มไม เ ป น ผูทํา ลาย ความสุขความเจริญของตนเอง ความถอมตนทําใหมีโอกาสที่จะไดรับ 46
บัญ ชี นี้ จ ะช วยกระตุ นเตือ นให เ ราพึ่ง ไดเ มื่อ ยามที่ จ ะโนม เอี ย ง ไปในทางมิชอบ ทําบัญชีนี้ใหไดสม่ําเสมอ ความดีจะเพิ่มขึ้น ความชั่ว จะลดนอยลง จนในที่สุดเหลือแตความดีลวนๆ การบรรลุธรรมยอม บังเกิดขึ้นตามขั้นตอนของการประพฤติดีปฏิบัติช อบอยางแนนอน
บัญชีกรรมประจําวัน วัน/เดือน/ป
กุศลกรรม
หมายเหตุ
อกุศลกรรม
หมายเหตุ
47
สมัยราชวงศถัง ผูสอบจิ้นสือไดแลว จะไดรับพระราชทานเลี้ยง เรี ย กว า งานเก็ บ ดอกไม โดยคั ด เลื อ กจิ้ น สื อ ที่ มี อ ายุ น อ ย 2 ท า น ไปเลือกเก็บ ดอกไม งามและมีชื่ อในอุทยานตางๆ เพื่อ มาเปนหั วขอ ในการแตงโคลงฉันทกาพยกลอนของบัณ ฑิตในงานเลี้ยง ตอมาผูที่ สอบไลไดที่สามก็จะไดรับพระราชทานนามนี้จนถึงสมัยราชวงศเช็ง
ลําดับการสอบไลของจีนโบราณ ซิวจาย นักศึกษาที่สอบไลไดครั้งแรกในภูมิลําเนาของตน หมายถึง ผูฉลาดที่คัดมาแลว กือหยิน ซิวจายที่สอบไลไดอีกครั้ง หมายถึง ผูฉลาดที่สมควร สนับสนุนตอไป จิ้นสือ
ถวนหลู ผูที่สอบไลไดที่ 4 ไมไดเขาเฝา หมายถึงผูที่รับทราบวา สอบไลไดโดยพระบรมราชโองการที่ขุนนางประกาศตอๆ กันออกมาจากทองพระโรง
กือหยินที่สอบไลไดอีกครั้ง เปนบัณฑิตที่ควรสงเสริม ใหเขาสอบรับราชการไดแลว
ฮั่นหลิม ผูที่สอบไลไดที่ 5 ไมไดเขาเฝาเชนกัน หมายถึงบัณฑิต ที่สอบไลไดในขั้นนี้มากมาย ประดุจไมยืนตนตระหงานในปา เปรียบประดุจกําลังของแผนดิน
ท านเหลี่ ย วฝานสอบได จิ้ น สื อ แล ว ก็ ส อบเข ารั บ ราชการเลย จึงมิไดเขาสอบชิง ตําแหนง จอหงวนอีก และเปนเพราะความสันโดษ ของท า นด ว ย เมื่ อ นั ก ศึ ก ษาได ผ า นบั น ได 3 ขั้ น เป น บั ณ ฑิ ต แล ว ถาจะสอบตอ ไปก็ตองเดินทางเขาเมืองหลวง เขาสอบในพระราชวัง ฮองเตทรงคัดเลือกดวยพระองคเอง จอหงวน ผูที่มีลักษณะเปนเลิศ ไดเปนที่หนึ่ง ปงหงัน ผูที่พลาดไปนิด แมเปนรองก็มีสองตาที่ฉลาดไดเปนที่สอง ถัมฮวย ผูเขาใจเก็บดอกไม ไดเปนที่สาม
48
กลุม ธรรมทั้ง 6 คูนี้ มาประจวบกันที่จุดบรรจบคราใด ก็เปน ปจจัยใหเกิดขันธ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทุกครั้งไป ขันธ 5 ก็จะเปนปจจัยใหระบบทั้ง 2 ของชีวิตแสดงบทบาทออกมาทาง กาย วาจา ใจ เปนกุศลกรรมบาง เปนอกุศลกรรมบาง เปนกลางบาง สุดแตระดับการฟงรู ดูออก บอกถูก ทําเปน เห็นแจง แสดงออก ฯลฯ ของแต ล ะบุ ค คลย อ มแตกต า งกั น ตามแรงขั บ ของกิ เ ลส ตั ณ หา อุปาทาน ฯลฯ ขบวนการดังกลาวจักเกิดขึ้น ตั้งอยู ดับไป ดวยความ ไมคงทน แปรปรวนไปตามเหตุปจจัยคืออนิจจตา เปนปญหาเดือนรอน วุนวายคือทุ ก ขตา กําหนดตามความตองการของเราเสมอไปไมไ ด คืออนัตตา ชีวิตตองเปนไปตามกฎแหงไตรลักษณนี้ตลอดเวลาที่ยังไม สิ้นชาติสิ้นภพ ทานผูอานที่มีสมาธิจิตเปนไปตามมาตรการและสูงถึงมาตรฐาน สามารถเขาสูวิปสสนากรรมฐานแลวไซร ยอมแจมแจงในความหมาย ของอายตนะที่ละเอียดออนลึกซึ้งซับซอนยิ่งกวานี้ไดดวยตนเอง ช ว งเวลาของชี วิ ต นั้ น มี จํ า กั ด นั ก ชี วิ ต ต อ งขึ้ น อยู กั บ ป จ จั ย ภายนอก มากกวาที่จะมีโอกาสเปนตัวกําหนดความเปนไปของตนเอง พระบรมศาสดาจึง ทรงพร่ํ าสอนตลอด 45 พรรษาของพระองค แมในปจฉิมพจนวา จงตั้งตนอยูในความไมประมาท การบรรลุ เ ป า หมายของชี วิ ต จะทั นเวลาหรื อ ไม อยูที่ ค วาม ไมประมาทในอายตนะนี้แล
คําอธิบายอายตนะโดยยอ ชีวิตมี 2 ระบบ คือ ระบบรูปธรรม ไดแกวิถีชีวิตทางกาย ระบบนามธรรม ไดแกวิถีชีวิตทางจิต ทั้ง 2 ระบบนี้ เสมือนเสนขนาน 2 เสน ที่ไมมีวันพบกันที่จุดบรรจบ ไดเลยหากไมมีอายตนะ ซึ่งเปนกลุมธรรมที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตทั้ง 2 ระบบ ใหมาอยูในวงจรเดียวกัน ความสัม พันธระหวางอายตนะภายในและ อายตนะภายนอก เปนปจจัยสําคัญยิ่งที่กระตุนใหชีวิตเกิดบทบาทและ พลังงานมากมาย ตั้งแตเกิดจนตาย ชาติแลวชาติเลา ทานเปรียบธรรม 2 กลุมนี้ไววา อายตนะภายใน 6 กลุม คือขบวนการสื่อความหมายทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (สมอง) เสมือนวิถีทางที่นําอาคันตุกะไปสูการพบปะอยางมีเงื่อนไข อายจนะภายนอก 6 กลุม คือขบวนการรุกเราจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ เสมือนแขกผูมาเยือน ที่วามีเงื่อนไข ก็เพราะรูปตองผานวิถีทางตาเทานั้น จึงจะเขาถึง ศูนยก ารเห็นไดอ ยางมีร ะเบียบ รูปที่อยูน อกทัศ นวิสัยก็ดี ไมมีเหตุ ปจจัยที่เหมาะสมสนับสนุนก็ดี ยอมไมอยูใ นเงื่อนไขที่จ ะเกิดการเห็น ขึ้นไดอยางเปนขบวนการ อายตนะอีก 5 คูก็เชนกัน เสียงตอ งผาน วิถี ทางหู จึ ง จะเข าถึง ศูน ยก ารไดยิ น กลิ่นตอ งโชยเข าวิถี ทางจมู ก รสตองมาเยือนตามวิถีทางลิ้น โผฏฐัพพะคือสิ่งเราที่ตองสัมผัสผาน วิถีท างกาย เช น ลมกระทบผิว หนัง ผานวิถี ทางกายเขาสู ศูนย ก าย สัม ผั ส ธรรมารมณ คื อ สรรพสิ่ง ทั้ง ปวงที่ ผ านวิ ถี ทางใจ (สมอง) เราใหเกิดความนึกคิดจิตไมวาง
เจือจันทน อัชพรรณ (มิสโจ) จันทรที่ 28 กันยายน 2524 49