บันทึกการเล่าเรื่อง กลุ่ม ชุมชนคนโชติเวช เรื่อง การจัดการความรู้แบบพลวัต 5.0 วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2564 เผยแพร่ใน RMUTP CoP Web Blog ผู้เล่า นฤศร มังกรศิลา หัวหน้างานจัดการ ความรู้ คณะเทคโนโลยี คหกรรมศาสตร์ และ อาจารย์ประจา สาขาวิชาอุตสาหกรรม การบริการอาหาร
รายละเอียดของเรื่อง จากที่กระผมได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการ นาองค์ความรู้มาเพิ่มประสิทธิภาพการทางานของหน่วยงาน เรื่อง นโยบายการจัดการความรู้ 3 กลุ่ม สู่การปฏิบัติอย่าง ยั่งยืน วันอังคารที่ 23 มีนาคม ๒๕64 ณ ห้องประชุมกรม หลวงฯ ชั้น 6 คณะครุ ศ าสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร สามารถสรุปประเด็นสาคัญ ดังนี้ ภาคเช้า รองศาสตราจารย์ นาวาอากาศโทหญิง ดร.ชมสุภัค ครุ ฑ กะ คณะพั ฒ นาทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ มหาวิ ท ยาลั ย รามคาแหง การจัดการความรู้กับภารกิจที่ท้าทาย ถือได้ว่าเป็น สิ่ ง ที่ เ ข้ า ม า ส ร้ า ง ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ ห้ กั บ อ ง ค์ ก ร ใ น สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะในช่ว ง การระบาดไวรั ส โควิ ด -19 ระลอก 3 ดั ง นั้ น การปรั บ สภาพแวดล้อมภายในองค์กร และโครงสร้างองค์กรของตนเอง ให้ พ ร้ อ มรั บ การเปลี่ ย นแปลงขององค์ ค วามรู้ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ที่ มี จานวนมากมาย แต่ยังไม่ได้จัดเก็บให้เป็นระบบ สามารถสร้าง แรงผลั ก ดั น ให้ เ กิ ด ขึ้ น จากบุ ค ลากรทุ ก ระดั บ ในองค์ ก ร พฤติกรรมการปฏิบัติงานมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่ผู้บริห าร ระดับสูงที่จะต้องกาหนดนโยบาย และแสดงให้เห็นถึงความ มุ่ ง มั่ น เกี่ ย วกั บ การด าเนิ น งานทางด้ า นการจั ด การความรู้ ที่ สามารถขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ บุคลากรสายวิชาการ มีองค์ความรู้ ทางการการสอน และการถ่ายทอดความรู้ และบุคลากรสาย สนับสนุนปฏิบัติงานตามองค์ความรู้ที่มี และกาหนดแนวทางใน การปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับงานตามที่ได้รับมอบหมาย เป็น การสร้ า งบรรยากาศโดยรอบให้ เ กิ ด ความรู้ สึ ก ที่ ดี และมี ความรู้สึกอบอุ่นในการทางาน ไม่ต้องทางานเก่งโดดเด่นมาก แต่ขอให้การแบ่งบัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการ ความรู้อยู่ในภารกิจหลั ก และไม่ควรมองว่าเป็นภาระในการ ทางาน
สรุปความรู้ที่ได้ การจัดการความรู้แบบพลวัต 5.0 สรุป ได้ดังนี้ ภาคเช้า รองศาสตราจารย์ นาวาอากาศโท หญิ ง ดร.ชมสุ ภั ค ครุ ฑ กะ คณะพั ฒ นา ทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ มหาวิ ท ยาลั ย รามคาแหง การจัดการความรู้กับภารกิจที่ท้าทาย ถือได้ว่า เป็ น สิ่ ง ที่ เ ข้ า มาสร้ า งการเปลี่ ย นแปลงให้ กั บ องค์กรในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่าง มาก โดยเฉพาะในช่วงการระบาดไวรัสโควิด 19 ระลอก 3 ดังนั้นการปรับ สภาพแวดล้อม ภายในองค์กร และโครงสร้างองค์กรของตนเอง ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงขององค์ความรู้ที่ เกิดขึ้นที่มีจานวนมากมาย แต่ยังไม่ได้จัดเก็บให้ เป็นระบบ สามารถสร้างแรงผลักดันให้เกิดขึ้น จากบุคลากรทุกระดับในองค์กร พฤติกรรมการ ปฏิบั ติงานมีความแตกต่างกัน ตั้งแต่ผู้บ ริห าร ระดับสูงที่จะต้องกาหนดนโยบาย และแสดงให้ เห็ น ถึ ง ความมุ่ ง มั่ น เกี่ ย วกั บ การด าเนิ น งาน ทางด้านการจัดการความรู้ที่สามารถขับเคลื่อน สิ่ ง ต่ า งๆ บุ ค ลากรสายวิช าการ มี อ งค์ ค วามรู้ ทางการการสอน และการถ่ายทอดความรู้ และ บุ ค ลากรสายสนั บ สนุ น ปฏิ บั ติ ง านตามองค์ คว า มรู้ ที่ มี แ ละ ก าห นดแนวทางในการ ปฏิ บั ติ ง านให้ เ หมาะสมกั บ งานตามที่ ไ ด้ รั บ มอบหมาย เป็นการสร้างบรรยากาศโดยรอบให้ เกิดความรู้สึกที่ดี และมีความรู้สึกอบอุ่นในการ ทางาน ไม่ต้องทางานเก่งโดดเด่นมาก แต่ขอให้ การแบ่งบัน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการ จัดการความรู้อยู่ในภารกิจหลัก และไม่ควรมอง ว่าเป็นภาระในการทางาน จากปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น เศรษฐกิ จ เทคโนโลยี สั ง คม ตลาดแรงงาน อัตราการเกิด อัตราการตาย กฏหมาย สหภาพ แรงงาน ส่ ง ผลต่ อ การขั บ เคลื่ อ น องค์ ก ร เนื่ อ งจาก มหาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยีร าชมงคล พระนคร ยังต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าใน การขับเคลื่อนองค์กรอยู่ เมื่อใดที่องค์กรถูกเข้า มาแทนที่ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยี วันนั้น เราอาจจะไม่จาเป็นที่จาต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์ ของเราอี ก ต่อ ไป โครงสร้า งของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ผู้บริหาร บุคลากรสายวิชาการ และ บุคลากรสายสนับสนุน
จากปั จ จั ย สภาพแวดล้ อ มภายนอก เช่ น เศรษฐกิ จ เทคโนโลยี สังคม ตลาดแรงงาน อัตราการเกิด อัตราการตาย กฏหมาย สหภาพแรงงาน ส่ ง ผลต่ อ การขั บ เคลื่ อ นองค์ ก ร เนื่องจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ยังต้องใช้ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าในการขับเคลื่อนองค์กรอยู่ เมื่อใดที่ องค์กรถูกเข้ามาแทนที่ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยี วันนั้น เราอาจจะไม่จ าเป็ น ที่จ าต้ อ งใช้ ทรั พ ยากรมนุ ษย์ ข องเราอี ก ต่อไป โครงสร้างของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ผู้บริหาร บุคลากรสายวิชาการ และ บุคลากรสายสนับสนุน
การจัดการความรู้จึงเป็นเหมือนเข็มทิศนาทาง และเป็น แนวปฏิบัติที่ดีสาหรับบุคลากรทุกระดับ การค้นหาองค์ความรู้ ที่จาเป็น การรวบรวมองค์ความรู้ให้เป็นระบบ และการส่งเสริม ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการนาเอาองค์ความรู้ไปใช้ ประโยชน์ในการปฏิบัติงานของบุคลากรทุกระดับ ถือเป็นสิ่งที่ ส าคั ญ เพื่ อ มุ่ ง สู่ ก ารเป็ น องค์ ก รแห่ ง การจั ด การ ความรู้ (Learning Organization) อย่างแท้จริง การรวบรวมองค์ความรู้เพียงอย่างเดียวในองค์กร ถือว่า เป็ น การด าเนิ น การการจั ด การความรู้ ที่ เ ปล่ า ประโยชน์ ไม่ สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรได้อย่างแท้จริง บุคลากรทุกระดับต้องมีความรู้สึกที่ดีกับการจัดการความรู้ และ ระเบิดออกมาจากข้างในอย่างแท้จริง
การจัดการความรู้จึงเป็นเหมือนเข็ มทิศ นาทาง และเป็นแนวปฏิบัติที่ดีสาหรับบุคลากร ทุก ระดับ การค้นหาองค์ความรู้ที่จาเป็น การ รวบรวมองค์ ค วามรู้ ใ ห้ เ ป็ น ระบบ และการ ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการ น าเอาองค์ ค วามรู้ ไ ปใช้ ป ระโยชน์ ใ นการ ปฏิบั ติงานของบุคลากรทุกระดับ ถื อ เป็ นสิ่งที่ สาคัญ เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งการจัดการ ความรู้ (Learning Organization) อย่างแท้จริง การรวบรวมองค์ความรู้เพียงอย่างเดียว ในองค์กร ถือว่าเป็นการดาเนินการการจั ดการ ความรู้ที่เปล่าประโยชน์ ไม่สามารถสร้างความ เปลี่ ย นแปลงให้ กั บ องค์ ก รได้ อ ย่ า งแท้ จ ริ ง บุ คลากรทุก ระดับ ต้ อ งมี ความรู้สึ ก ที่ ดีกั บ การ จั ดการความรู้ และระเบิ ดออกมาจากข้ า งใน อย่างแท้จริง ประเภทของความรู้จะมีอยู่ 3 ส่วน คือ ผู้ใช้ความรู้ (ความรู้ส่วนบุคคล ความรู้ของกลุ่ม และความรู้ขององค์กร) แหล่งความรู้ (ภายใน และภายนอก) และความรู้ในงาน (เป็นความรู้ที่ จ าเป็ น ตามขอบเขตภาระงานในหน้า ที่ความ รับผิดชอบ) ค้ น หา รวบรวม จั ด ระบบ และสร้ า ง บรรยากาศการแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ แ ล้ ว เมื่ อ นาเอาความรู้มาใช้ประโยชน์ได้แ ล้ว สามารถ บุคลากรที่เก่ง และองค์กรที่ดีได้ไปพร้อมกัน การก าหนดภารกิจที่ท้าทายให้กับการ ปฏิบั ติงานของบุ คลากรในทุก ระดับ ถื อ ได้ว่า เป็นสิ่งที่จาเป็นต่อการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ดังนั้น การขับเคลื่อนสูเ่ ป้าหมายการเป็น มหาวิ ท ยาลั ย ชั้ น น าด้ า นการผลิ ต บั ณ ฑิ ต นั ก ปฏิบั ติที่มีคุณภาพระดั บ สากล จะต้อ งได้ รั บ ความร่ ว มมื อ จาก 3 เสาหลั ก คื อ ผู้ บ ริ ห าร บุ ค ลากรสายวิ ช าการ และบุ ค ลากรสาย สนับสนุน ภาคบ่าย ร อ ง ศ า ส ต ร า จ า ร ย์ ด ร . อ ภิ ช า แดงจารูญ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคาแหง ปั จ จุ บั นกระแสการเปลี่ยนแปลง ทางการเทคโนโลยีเกิดขึ้นในทุกหนทุกแห่ง ที่จะ เข้ า มาเปลี่ย นทุกธุรกิจ แบบเดิมให้หายไปจาก ตลาดได้ ดังนั้นสิ่งที่จะต้อ งเรียนรู้เพิ่มเติม คือ การจัดการเทคโนโลยีที่ดี และเหมาะสมกับการ จั ด การความรู้ แล้ ว จะท าให้ อ งค์ ก รของ มหาวิทยาลัยไม่เหนื่อยอีกต่อไป ถ้าใช้เทคโนโลยี ให้เป็น และเกิดประโยชน์ คว า มท้ า ทา ย ส า ห รั บ ผู้ ส อ น คื อ นักศึกษามาเรียนคนเดียว คะแนนความใฝ่เรียน รู้อยู่ในระดับปานกลาง นักศึกษาไม่กล้าแสดง ความคิดเห็น การเขียนตอบข้อสอบอัตนัย อคติ ต่ อ วิ ช า และอคติ ต่ อ ผู้ ส อน การประยุ ก ต์ ใ ช้ เทคโนโลยีเพื่อ การถ่า ยทอดความรู้สึกภายใน
ประเภทของความรู้ จะมี อ ยู่ 3 ส่ ว น คื อ ผู้ ใ ช้ ค วามรู้ (ความรู้ส่วนบุคคล ความรู้ของกลุ่ ม และความรู้ขององค์ กร) แหล่งความรู้ (ภายใน และภายนอก) และความรู้ในงาน (เป็น ความรู้ ที่ จ าเป็ น ตามขอบเขตภาระงานในหน้ า ที่ ค วาม รับผิดชอบ) ค้น หา รวบรวม จัดระบบ และสร้างบรรยากาศการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้ว เมื่อนาเอาความรู้มาใช้ประโยชน์ได้แล้ว สามารถบุคลากรที่เก่ง และองค์กรที่ดีได้ไปพร้อมกัน
การกาหนดภารกิจที่ท้าทายให้กับการปฏิบัติงานของ บุคลากรในทุกระดับ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จาเป็นต่อการขับเคลื่อน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร โดยมีตัวอย่าง ดังนี้
ของนักศึกษา หรือผู้เรียน จึงเป็นสิ่งที่สาคัญมาก เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลาย หั ว ใจส าคั ญ ของการจั ด การความรู้ หัวใจสาคัญของการฝึกอบรม และหัวใจสาคัญ ของการจั ด การความรู้ คื อ ปฏิ สั ม พั น ธ์ และ จริยธรรม ควรให้ความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ นาความรู้ การใช้โมเดล IMTEAC สาหรับการ เรีย นการสอนแนวใหม่ เป็ นประโยชน์สาหรับ ผู้สอน และนักเรียน นักศึกษา ขั้นตอนที่ 1 เตรียมความพร้อมก่อนเริ่ม เรียน (I) ขั้นตอนที่ 2 สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ (M) ขั้นตอนที่ 3 ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ เดิม (T) ขั้นตอนที่ 4 ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ ใหม่ (E) ขั้นตอนที่ 5 แบ่งบันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จาก การปฏิบัติจริง (A) ขั้นตอนที่ 6 ประมวลสรุปผลกลั่นกรอง องค์ความรู้ (C) ดังนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาสาหรับบุคลกรที่มี องค์ความรู้ที่ต้องการถ่ายทอดออกมานั้น ต้อง สร้า งปฏิสัมพันธ์เชิงบวก ส่งเสริมบรรยากาศ การจั ด การความรู้ เ ชิ ง บวก บรรยากาศการ เรี ย นรู้ เ ชิ ง บวก และส่ ง เสริ ม บรรยากาศการ ฝึกอบรมเชิงบวก รองศาสตราจารย์ ดร.ศยามน อิ น สะอาด คณะศึ ก ษาศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย รามคาแหง การใช้เทคโนโลยีสาหรับการจัดการ ความรู้ตามกระบวนการจัดการความรู้ เป็นเรื่อง ที่มีมายาวนาน แต่สิ่งที่กาลังจะมาเปลี่ย นการ จัดการความรู้ในยุคปัจจุบัน และในอนาคต คือ เทคโนโลยี ที่ สามารถเข้ า ถึ ง องค์ ค วามรู้ ได้ทุก ระดั บ ตั้ ง แต่ ร ะดั บ ผู้ บ ริ ห าร บุ ค ลากรสาย วิชาการ และบุคลากรสายสนับสนุน โดยจะต้อง มีประสบกาณณ์ มีใจที่มุ่งมั่น และที่สาคัญที่สุด คื อ ก า ร ล ง มื อ ทั น ที โ ด ย มี ก า ร ก า ห น ด กระบวนการจัดการความรู้ไว้ 1. กาหนดองค์ความรู้ (Define) 1.1 ทุ น ทางปั ญ ญา ความรู้ ภ ายในตั ว บุคคลที่สร้างแนวปฏิบัติที่ดีไว้ให้ กับ องค์กร 1.2 สมรรถนะหลั ก ท้ า ทายเพื่ อ ให้ เ กิ ด ความรู้ใหม่ เพื่อส่งเสริมการพัฒนา สมรรถนะหลัก 1.3 สมรรถนะของคนแต่ละตาแหน่งงาน ท้า ทาย และค้นหาความรู้เพื่อ การ พัฒนาสมรรถนะของแต่ละบุคคล 1.4 รายละเอี ย ดงาน สร้ า งความเข้ า ใจ เ กี่ ย ว กั บ ร า ย ล ะ เ อี ย ด ง า น ที่
ดังนั้น การขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการเป็นมหาวิทยาลัย ชั้น น าด้านการผลิตบั ณฑิ ตนักปฏิบัติที่มีคุณภาพระดับสากล จะต้ อ งได้ รั บ ความร่ ว มมื อ จาก 3 เสาหลั ก คื อ ผู้ บ ริ ห าร บุคลากรสายวิชาการ และบุคลากรสายสนับสนุน ภาคบ่าย รองศาสตราจารย์ ดร.อภิ ช า แดงจ ารู ญ คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง ปัจจุบันกระแสการ เปลี่ยนแปลงทางการเทคโนโลยีเกิดขึ้ นในทุกหนทุกแห่ง ที่จะ เข้ามาเปลี่ยนทุกธุรกิจแบบเดิมให้หายไปจากตลาดได้ ดังนั้นสิ่ง ที่จ ะต้องเรี ย นรู้ เพิ่มเติม คือ การจัดการเทคโนโลยีที่ดี และ เหมาะสมกั บ การจั ด การความรู้ แล้ ว จะท าให้ อ งค์ ก รของ มหาวิทยาลัยไม่เหนื่อยอี กต่อไป ถ้าใช้เทคโนโลยีให้เป็น และ เกิดประโยชน์ ความท้าทายสาหรับผู้สอน คือ นักศึกษามาเรียนคน เดียว คะแนนความใฝ่เรียนรู้อยู่ในระดับปานกลาง นักศึกษาไม่ กล้าแสดงความคิดเห็น การเขียนตอบข้อสอบอัตนัย อคติต่อ วิช า และอคติต่อผู้ ส อน การประยุกต์ ใช้เ ทคโนโลยีเ พื่ อ การ
รับผิดชอบ เพื่อนามาใช้กาหนดองค์ ความรู้ที่จาเป็น 1.5 การทาแผนที่ความรู้ ควรจั ดทาเป็น อย่างยิ่งสาหรับการทาแผนที่ความรู้ เนื่องจากองค์กรจะทราบได้ทันทีว่า ใครมีความรู้ ใครไม่มีความรู้ 1.6 การวัดสมรรถนะ และการปฏิบัติงาน เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงาน สร้าง วัฒนธรรมองค์ก รเพื่อ มุ่ งสู่ก ารเป็ น องค์กรจัดการความรู้ 2. การสร้างองค์ความรู้ (Create) 2.1 การฝึกอบรม กระตุ้นให้บุคลากรเห็น ความส าคั ญ ในการสร้ า งความรู้ ร่ ว มกั น จากการจั ด การฝึ ก อบรม และสัมมนาร่วมกัน 2.2 ทาวิจัยเพื่อหาองค์ความรู้ใหม่ เป็นสิ่ง ที่ อ งค์ ก รทางด้ า นการศึ ก ษา จะมี ความได้ เ ปรี ย บในเรื่ อ งของการ พัฒนาองค์ความรู้ใหม่ แต่ปัญหา คือ การมองข้ามการสร้า งองค์ความรู้ที่ สามารถนามาประยุกต์ใช้ประโยชน์ สาหรับการเรียนการสอน 2.3 การคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถ บุคลากรที่มีองค์ความรู้ที่จาเป็ น ต่อ การการพัฒนาบุคลากร ไม่ว่าจะเป็น บุ ค ลากรภายใน หรื อ ภายนอก สามารถสร้ า งองค์ ค วามรู้ ไ ด้ อ ย่ า ง รวดเร็ว และมีทิศทางในการพัฒนาที่ ตรงวัตถุประสงค์มากขึ้น 2.4 ค้ น หาแนวปฏิ บั ติ ที่ ดี จั ด เก็ บ องค์ ความรู้ที่เป็นระบบ เพื่อประโยชน์ใน การค้ น หาองค์ ค วามรู้ ที่ จ าเป็ น ต่ อ การพัฒนาการทางานของบุคลากร หรือเป็นการถ่ายทอดจากตัวบุคคล หรือการสัมมนา 2.5 การเทีย บเคีย ง ควรนาเอาบุ คลากร หรื อ องค์ ก รที่ เ ป็ น ต้ น แบบ และ สามารถนามาเทียบเคียงได้เพื่อการ พั ฒ นาบุ ค ลากร หรื อ องค์ ก รอย่ า ง ก้าวกระโดด 3. การเสาะแสวงหา และจั ดเก็บองค์ความรู้ (Capture) 3.1 ฐานข้ อ มูลแนวปฏิบั ติที่ดี ที่สามารถ สร้า งความเข้ า ใจในการปฏิบั ติงาน เพิ่มขึ้ น การรวบรวมองค์ความรู้ให้ เป็ นระบบในฐานข้ อ มูลขององค์กร จึ ง เป็ น สิ่ ง ที ส าคั ญ ที่ สุ ด เนื่ อ งจาก ความสะดวกในการค้นหา 3.2 สมุดหน้าเหลือง การใช้วิธีการค้นหานี้ และจั ด เก็ บ แบบสมุ ด หน้ า เหลื อ ง อาจจะไม่ ไ ด้ ค่ อ ยได้ รั บ ความนิ ย ม เท่ า ที่ ค วร แต่ ยั ง พอมี ป ระโยชน์ สาหรับ การค้นหาข้ อมูลที่ใช้อ้างอิง หรือกล่าวถึงองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นใน อดีตได้
ถ่ายทอดความรู้สึกภายในของนักศึกษา หรือผู้เรียน จึงเป็นสิ่งที่ สาคัญมาก เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกผ่อนคลาย
หัวใจสาคัญของการจัดการความรู้ หัวใจสาคัญของการ ฝึ ก อบรม และหั ว ใจส าคั ญ ของการจั ด การความรู้ คื อ ปฏิสัมพันธ์ และจริยธรรม ควรให้ความรู้สึก ความคิดสร้างสรรค์ นาความรู้ การ ใช้ โ มเดล IMTEAC ส าหรั บ การเรี ย นการสอนแนวใหม่ เป็ น ประโยชน์สาหรับผู้สอน และนักเรียน นักศึกษา ขั้นตอนที่ 1 เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียน (I) ขั้นตอนที่ 2 สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ (M) ขั้นตอนที่ 3 ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์เดิม (T) ขั้นตอนที่ 4 ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ใหม่ (E) ขั้นตอนที่ 5 แบ่งบันแลกเปลี่ยนเรียนรู้จาก การปฏิบัติจริง (A) ขั้นตอนที่ 6 ประมวลสรุปผลกลั่นกรององค์ความรู้ (C) ดังนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาสาหรับบุคลกรที่มีองค์ความรู้ที่ ต้ อ งการถ่ า ยทอดออกมานั้ น ต้ อ งสร้ า งปฏิ สั ม พั น ธ์ เ ชิ ง บวก ส่งเสริมบรรยากาศการจัดการความรู้เชิงบวก บรรยากาศการ เรียนรู้เชิงบวก และส่งเสริมบรรยากาศการฝึกอบรมเชิงบวก รองศาสตราจารย์ ดร.ศยามน อิ น สะอาด คณะ ศึ ก ษาศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย รามค าแหง การใช้เทคโนโลยี สาหรับการจัดการความรู้ ตามกระบวนการจัดการความรู้ เป็น เรื่ อ งที่ มี ม ายาวนาน แต่ สิ่ ง ที่ ก าลั ง จะมาเปลี่ ย นการจั ด การ ความรู้ในยุคปัจจุบัน และในอนาคต คือ เทคโนโลยีที่สามารถ เข้าถึงองค์ความรู้ได้ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับผู้บริหาร บุคลากร สายวิชาการ และบุคลากรสายสนับสนุน โดยจะต้องมีประสบ กาณณ์ มีใจที่มุ่งมั่น และที่สาคัญที่สุดคือการลงมือทันที โดยมี การกาหนดกระบวนการจัดการความรู้ไว้ ดังนี้
3.3 ฐา นข้ อ มู ล ผู้ เ ชี่ ย ว ชา ญ ในก ลุ่ ม บุคลากรที่มีองค์ความรู้ และมีความ เชี่ ย วชาญ เช่ น เดี ย วกั บ การสร้ า ง ฐานข้อมูลองค์ความรู้ เพียงแต่เป็ น การชี้ เ ป้ า ไปที่ ตั ว บุ ค คลที่ มี อ งค์ ความรู้นั้นๆ เพื่อความสะดวกในการ ติดต่อสอบถามความรู้ทางด้านต่างๆ เพิ่มเติม 3.4 ฐานความรู้ การสร้างองค์ความรู้ที่ดี ค ว ร ไ ด้ รั บ ก า ร ส นั บ ส นุ น จ า ก ฐานความรู้เดิม และเพิ่มฐานความรู้ ใหม่ ขึ้ นมา เพื่ อ ต่อ ยอดองค์ความรู้ เดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น 3.5 คู่ มื อ การปฏิ บั ติ ง าน การสร้ า งคู่ มื อ แ ละ อ งค์ ค ว ามรู้ ที่ เ อ ามาอยู่ ใ น รูปแบบของเอกสาร คู่มือ เป็นสิ่งที่ สาคัญต่อบุคลากรสายวิชาการ และ สายสนับ สนุน ส่งผลดีต่อ การสร้า ง องค์ความรู้ และนาองค์ความรู้ต่างๆ ไปปฏิบั ติได้ อ ย่า งถู ก ต้อ ง ครบถ้ ว น ตามขั้นตอน 4. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share) 4.1 เรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดี เมื่อมีการเรียนรู้ แนวปฏิบัติที่ดีสาหรับบุคลากรในทุก ระดับ ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยน เรี ย นรู้ และเกิ ด การต่ อ ยอดองค์ ความรู้ ใ หม่ จ ากการเรี ย นรู้ แ นว ปฏิบัติที่ดีในแต่ละครั้ง 4.2 สร้างเครือข่ายความรู้ สามารถสร้าง ความสัมพันธ์ และการต่อยอดองค์ ความรู้ ที่ มี ภ ายในองค์ ก ร หรื อ บุ ค ล า ก ร ภ า ย ใ น น า ไ ป ส ร้ า ง ความสั ม พั น ธ์ ใ นรู ป แบบการสร้ า ง เครือข่ายความรู้ จนเป็นการส่งเสริม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยอัตโนมัติ 4.3 สร้า งกลุ่มอภิป รายออนไลน์ การใช้ ช่ อ ง ท า ง อ อ น ไ ล น์ เ พื่ อ ท า ก า ร อภิ ป ราย หรื อ แลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ ส่ ง เสริ ม ให้ เ กิ ด การต่ อ ยอดองค์ ความรู้ ใ หม่ อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ ง หรื อ จะ เ ป็ น ก า ร แ ล ก เ ป ลี่ ย น ผ่ า นก ลุ่ ม เครื อ ข่ า ย หรื อ กลุ่ ม งานภายในได้ อย่ า งสะดวก เช่ น google meet เป็นต้น 4.4 สร้า งระบบการสื่อ สารภายใน และ ภ า ย น อ ก ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ เ กิ ด ก า ร แลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ ข องบุ ค ลากร ภายใน และภายนอกองค์ก รอย่ า ง กว้างขวาง เพื่อสร้างบรรยากาศการ จั ด การความรู้ ที่ เ ป็ น ระบบ และ ส่งเสริมให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ ใหม่ 5. การใช้ความรู้ (Use) 5.1 การเรี ย นรู้ เ พื่ อ น าไปปฏิ บั ติ ไ ด้ จ ริ ง เป็ น สิ่ ง ที่ อ งค์ ก รจ าเป็ น ที่ จ ะต้ อ ง
1. กาหนดองค์ความรู้ (Define) 1.1 ทุนทางปัญญา ความรู้ภายในตัวบุคคลที่สร้าง แนวปฏิบัติที่ดีไว้ให้กับองค์กร 1.2 สมรรถนะหลัก ท้าทายเพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะหลัก 1.3 สมรรถนะของคนแต่ละตาแหน่งงาน ท้าทาย และค้นหาความรู้เพื่อการพัฒ นาสมรรถนะ ของแต่ละบุคคล 1.4 รายละเอียดงาน สร้างความเข้าใจเกี่ยวกั บ รายละเอี ยดงานที่รับผิ ดชอบ เพื่อนามาใช้ กาหนดองค์ความรู้ที่จาเป็น 1.5 การทาแผนที่ความรู้ ควรจัดทาเป็นอย่างยิ่ง สาหรับการทาแผนที่ความรู้ เนื่องจากองค์กร จะทราบได้ ทั น ที ว่ า ใครมี ค วามรู้ ใครไม่ มี ความรู้ 1.6 การวัดสมรรถนะ และการปฏิบัติงาน เพื่ อ ประเมินผลการปฏิบัติงาน สร้างวัฒนธรรม องค์กรเพื่อมุง่ สู่การเป็นองค์กรจัดการความรู้ 2. การสร้างองค์ความรู้ (Create) 2.1 การฝึ ก อบรม กระตุ้ น ให้ บุ ค ลากรเห็ น ความสาคัญในการสร้างความรู้ร่วมกัน จาก การจัดการฝึกอบรม และสัมมนาร่วมกัน 2.2 ท าวิ จั ย เพื่ อ หาองค์ ค วามรู้ ใ หม่ เป็ น สิ่ ง ที่ องค์ ก รทางด้ า นการศึ ก ษา จะมี ค วาม ได้เปรียบในเรื่องของการพัฒนาองค์ความรู้ ใหม่ แต่ปัญหา คือ การมองข้ามการสร้างองค์ ความรู้ที่สามารถนามาประยุกต์ใช้ประโยชน์ สาหรับการเรียนการสอน 2.3 การคั ด เลื อ กบุ ค คล ที่ มี คว า มส า ม า ร ถ บุคลากรที่มีองค์ความรู้ที่จาเป็นต่อการการ พัฒนาบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรภายใน หรื อภายนอก สามารถสร้างองค์ ค วามรู้ ไ ด้
กระตุ้ น ให้ บุ ค ลากรภายใน มี ก าร ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ อ ง ค์ ค ว า ม รู้ อ ย่ า ง กว้างขวาง และส่งเสริมให้เกิดการใช้ ความรู้ แ ล้ ว ส าเร็ จ น ามาบอกต่ อ หรือบันทึกเป็นแนวปฏิบัติที่ดีไว้ เป็น หลักฐาน 5.2 การตัดสินใจ ในส่วนนี้องค์ความรู้ที่ใช้ ในการตั ด สิ น ใจในเรื่ อ งบางอย่ า ง เกี่ยวกับการบริหารจัดการ หรือการ ปฏิ บั ติ ง านจ าเป็ น ต้ อ งสร้ า งความ เข้ า ใจให้ บุ ค ลากรพิ จ ารณาองค์ ความรู้ที่เหมาะสมกับการตัดสินใจได้ 5.3 การวางแผนกลยุ ท ธ์ องค์ ค วามรู้ ที่ น ามาใช้ เ พื่ อ การวางแผน ก าหนด นโยบาย และการปฏิ บั ติ ง าน มี รูปแบบขององค์ความรู้ที่ผ่านการใช้ องค์ ค วามรู้ ม าแล้ ว น ามาวางแผน เพื่ อ ปรั บ ปรุ ง การท างานในการ วางแผนปีต่อไป 5.4 การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ สร้า ง ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ความรู้ กับ การพั ฒ นาคุ ณ ภาพผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ดี และเหมาะสมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 5.5 การวางแผนการตลาด องค์ความรู้ที่ แข็ ง แกร่ ง จะนาพาองค์ ก รไปสู่ก าร ได้ ม าซึ่ ง โอกาสในการค้ น หาลู ก ค้า ใหม่ ๆ ดูแ ลลูก ค้า อย่า งดี เพื่อ สร้า ง ภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร 5.6 การคาดการณ์ แ นวโน้ มขององค์ก ร อ ง ค์ ก ร ใ น ยุ ค ดิ จิ ทั ล มี ก า ร เปลี่ย นแปลงที่เกิดขึ้ นมากมาย สิ่ง หนึ่งที่องค์กรจะต้องปรับเปลี่ยน คือ การคาดการณ์แนวโน้ม ที่จาเป็ น ต่อ การเตรี ย มทรั พ ยากร และองค์ ความรู้ใหม่ๆ ในการการปรับองค์กร ให้ ทันสมัย และขั บ เคลื่ อนด้วยองค์ ความรู้ โ ด ย บ ท บ า ท ส า คั ญ ที่ เทคโนโลยีมีต่อกระบวนการจัดการ ความรู้ มีดังนี้ 6. การเผยแพร่ สื่ อ ผ่ า นระบบเครื อ ข่ า ย สามารถสร้างผลดีต่อบุ คลากรที่สร้างการ รั บ รู้ และสร้ า งองค์ ค วามรู้ ใ หม่ ไ ด้ อ ย่ า ง รวดเร็ ว เพิ่ ม ขึ้ น และกระตุ้ น ให้ เ กิ ด การ แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 7. การระดมความคิดเห็ น บนเครือ ข่า ย เป็ น ช่อ งทางหนึ่งที่ส่งผลดีต่อ การต่อ ยอดองค์ ความรู้ใหม่ จากการระดมความคิดเห็นผ่าน สื่อสังคมออนไลน์ หรือช่องทางการสื่อสาร แบบออนไลน์ข ององค์ก รได้อ ย่า งสะดวก รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ 8. ซอฟต์แวร์สนับสนุนการทางานเป็นทีม การ สร้างองค์ความรู้ด้วยซอฟต์แวร์ที่สร้างแบ่ง บั น ความคิ ด เห็ นร่ ว มกัน มีอ ยู่จ านวนมาก แต่ ยั ง ขาดการกระตุ้ นให้ เ กิ ดการตกผลึก
อย่ างรวดเร็ว และมีทิศทางในการพัฒ นาที่ ตรงวัตถุประสงค์มากขึ้น 2.4 ค้นหาแนวปฏิบัติที่ดี จัดเก็บองค์ความรู้ที่เป็น ระบบ เพื่อประโยชน์ในการค้นหาองค์ความรู้ ที่ จ าเป็ น ต่ อ การพั ฒ นาการท างานของ บุคลากร หรือเป็นการถ่ายทอดจากตัวบุคคล หรือการสัมมนา 2.5 การเที ย บเคี ย ง ควรน าเอาบุ ค ลากร หรื อ องค์ ก รที่ เ ป็ น ต้ น แบบ และสามารถน ามา เทีย บเคียงได้เพื่อการพัฒ นาบุคลากร หรือ องค์กรอย่างก้าวกระโดด 3. การเสาะแสวงหา และจั ด เก็ บ องค์ ค วามรู้ (Capture) 3.1 ฐานข้ อ มู ล แนวปฏิ บั ติ ที่ ดี ที่ ส ามารถสร้ า ง ความเข้ า ใจในการปฏิ บั ติ ง านเพิ่ ม ขึ้ น การ ร ว บ ร ว ม อ ง ค์ ค ว า ม รู้ ใ ห้ เ ป็ น ร ะ บ บ ใ น ฐานข้อมูลขององค์กรจึงเป็นสิ่งทีสาคัญ ที่สุด เนื่องจากความสะดวกในการค้นหา 3.2 สมุดหน้าเหลือง การใช้วิ ธีการค้นหานี้ และ จัดเก็บแบบสมุดหน้าเหลือง อาจจะไม่ได้ค่อย ได้ รั บ ความนิ ย มเท่ า ที่ ค วร แต่ ยั ง พอมี ประโยชน์สาหรับการค้นหาข้อมูลที่ใช้อ้างอิง หรือกล่าวถึงองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ 3.3 ฐานข้อมูล ผู้ เชี่ยวชาญ ในกลุ่ มบุคลากรที่ มี อ ง ค์ ค ว า ม รู้ แ ล ะ มี ค ว า ม เ ชี่ ย ว ช า ญ เช่นเดียวกับการสร้างฐานข้อมูลองค์ความรู้ เพียงแต่เป็นการชี้เป้าไปที่ตัวบุคคลที่ มีอ งค์ ความรู้นั้นๆ เพื่อความสะดวกในการติด ต่อ สอบถามความรู้ทางด้านต่างๆ เพิ่มเติม 3.4 ฐานความรู้ การสร้างองค์ความรู้ที่ดีควรได้รับ การสนับสนุนจากฐานความรู้เดิม และเพิ่ม ฐานความรู้ใหม่ขึ้นมา เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ เดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น 3.5 คู่มือการปฏิบัติงาน การสร้างคู่มือ และองค์ ความรู้ ที่ เ อามาอยู่ ใ นรู ป แบบของเอกสาร คู่มือ เป็นสิ่งที่สาคัญต่อบุคลากรสายวิชาการ และสายสนับสนุน ส่งผลดีต่อการสร้างองค์ ความรู้ และนาองค์ความรู้ต่างๆ ไปปฏิบัติได้ อย่างถูกต้อง ครบถ้วนตามขั้นตอน
9.
10.
11.
12.
ทางความรู้ หรือ การสกัดความรู้ที่ได้จาก การประชุม หรือการพูดคุยกันในแต่ละทีม ยังขาดความเป็นระบบ จึงจาเป็นที่จะต้องมี ซอฟต์แวร์ที่เข้ามาจัดการองค์ความรู้ต่างๆ ขององค์กรด้วย บล็อก ช่องทางที่ได้รับความนิยม เนื่องจาก การจัดการเนื้อหาเพื่อนาเสนอที่ง่าย และ สามารถเข้ า ถึ ง บุ ค ลากรได้ จ านวนมาก เพียงแต่ส่งลิงค์บล็อกองค์ความรู้ที่จ าเป็ น ไปยังบุคลากรขององค์กรได้ทันที สื่อสังคมออนไลน์ มีความสะดวกสบายใน การบริ ห ารจั ด การ ส่ ง เสริ ม ให้ เ กิ ด การ แลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ แ บบกลุ่ ม และแบบ ส่ ว นตั ว ได้ อ ย่ า งเป็ น อิ ส ระมากขึ้ น จน บางครั้ ง อาจจะท าให้ บุ ค ลากรเกิ ด ความ เพิกเฉย หรือละเลยในการสกั ดองค์ความรู้ ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ออกมาเป็น เอกสาร คู่มือ หรือความรู้ชัดเจนประเภท อื่นๆ ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ การส่ง เอกสารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ คล้าย กับ การส่งอี เมลในการทางาน แต่อ งค์ก ร ส่ ว น ใ ห ญ่ จ ะ ใ ช้ เ พื่ อ ส่ ง เ อ ก ส า ร ก า ร มอบหมายงาน หรือแจ้งให้ทราบเป็นส่วน ใหญ่ ช่ อ งทางนี้ อ าจจะดู เ ป็ น ทางการไป สาหรับการจัดการความรู้ในยุคดิจิทัล ระบบสืบค้นข้อมูลข่าวสาร การสร้างองค์ ความรู้ที่จาเป็นต่อการปฏิบัติงาน ส่งผลดี ต่อบุคลากรขององค์กร แต่จะต้องจัดเตรียม ระบบสื บ ค้ น ข้ อ มู ล ข่ า วสารที่ ดี ใ ห้ กั บ บุคลากรด้วย ไม่ควรปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูล ข่ า วสารต่างๆ ที่จ าเป็ นต่อการปฏิบัติงาน และการส่งเสริมเพื่อต่อยอดองค์ความรู้
สรุ ป การก าหนดนโยบาย การวางแผน และการปฏิบัติงานเพื่อให้เหมาะสมกับองค์กรที่ ต้องการขับเคลื่อนด้วยการจัดการความรู้ ในยุค ดิ จิ ทั ล เป็ น สิ่ ง ที่ อ งค์ ก รต้ อ งให้ ค วามสาคัญ กับ บุ คลากรในทุก ระดับ ตั้งแต่ ผู้บ ริห าร บุ คลากร สายวิชาการ และบุคลากรสายสนับสนุน ควรมี ส่ว นร่ว มในการสร้าง แสวงหา ก าหนด ใช้อ งค์ ความรู้ อ ย่ า งเป็ น ระบบ เพื่ อ สร้ า งวั ฒ นธรรม องค์ ก รทางด้ า นการจั ด การความรู้ ที่ ดี ใ ห้ กั บ บุคลากรในรุ่นถัดไป ได้เข้ามาต่อยอดองค์ความรู้ ที่ จ าเป็ น ต่ อ การขั บ เคลื่ อ นองค์ ก รได้ อ ย่ า งไร้ รอยต่อ
4. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share) 4.1 เรี ย นรู้ แนวปฏิบัติที่ดี เมื่อมีการเรียนรู้แนว ปฏิ บั ติ ที่ ดี ส าหรั บ บุ ค ลากรในทุ ก ระดั บ ส่ งเสริ มให้ เกิดการแลกเปลี่ ยนเรียนรู้ และ เกิ ด การต่ อ ยอดองค์ ค วามรู้ ใ หม่ จ ากการ เรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีในแต่ละครั้ง 4.2 สร้ า งเครื อ ข่ า ยความรู้ สามารถสร้ า ง ความสัมพันธ์ และการต่อยอดองค์ความรู้ที่มี ภายในองค์ ก ร หรื อ บุ ค ลากรภายใน น าไป สร้ า งความสั ม พั น ธ์ ใ นรู ป แบบการสร้ า ง เครื อ ข่ า ยความรู้ จนเป็ น การส่ ง เสริ ม การ แลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยอัตโนมัติ 4.3 สร้างกลุ่มอภิปรายออนไลน์ การใช้ช่องทาง อ อ น ไ ล น์ เ พื่ อ ท า ก า ร อ ภิ ป ร า ย ห รื อ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ส่งเสริมให้เกิดการต่อยอด องค์ความรู้ใหม่อย่างต่อเนื่อง หรือจะเป็นการ แลกเปลี่ยนผ่านกลุ่มเครือข่าย หรือกลุ่มงาน ภายในได้อย่างสะดวก เช่น google meet เป็นต้น 4.4 สร้างระบบการสื่อสารภายใน และภายนอก ส่ ง เสริ ม ให้ เ กิ ด การแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ ข อง บุคลากรภายใน และภายนอกองค์กรอย่าง กว้างขวาง เพื่อสร้างบรรยากาศการจัดการ ความรู้ที่เป็นระบบ และส่งเสริมให้ เ กิด การ สร้างองค์ความรู้ใหม่ 5. การใช้ความรู้ (Use) 5.1 การเรียนรู้ เพื่อนาไปปฏิบัติได้จริง เป็นสิ่ งที่ องค์ ก รจ าเป็ น ที่ จ ะต้ อ งกระตุ้ น ให้ บุ ค ลากร ภายใน มี ก ารประยุ ก ต์ ใ ช้ อ งค์ ค วามรู้ อ ย่ าง กว้างขวาง และส่งเสริมให้เกิดการใช้ความรู้ แล้วสาเร็จ นามาบอกต่อ หรือบันทึกเป็นแนว ปฏิบัติที่ดีไว้เป็นหลักฐาน 5.2 การตัดสินใจ ในส่วนนี้องค์ความรู้ที่ใช้ในการ ตั ด สิ น ใจในเรื่ อ งบางอย่ า ง เกี่ ย วกั บ การ บริหารจัดการ หรือการปฏิบัติงานจาเป็นต้อง สร้ า งความเข้ า ใจให้ บุ ค ลากรพิ จารณาองค์ ความรู้ที่เหมาะสมกับการตัดสินใจได้ 5.3 การวางแผนกลยุทธ์ องค์ความรู้ที่นามาใช้ เพื่อการวางแผน กาหนดนโยบาย และการ ปฏิบั ติงาน มีรูปแบบขององค์ความรู้ที่ผ่ าน
การใช้องค์ความรู้มาแล้ว นามาวางแผนเพื่อ ปรับปรุงการทางานในการวางแผนปีต่อไป 5.4 ก า ร พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ส ร้ า ง ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งองค์ ค วามรู้ กั บ การ พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดี และเหมาะสม กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 5.5 การวางแผนการตลาด องค์ความรู้ที่แข็งแกร่ง จะนาพาองค์กรไปสู่การได้มาซึ่งโอกาสในการ ค้ น หาลู ก ค้ า ใหม่ ๆ ดู แ ลลู ก ค้ า อย่ า งดี เพื่ อ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร 5.6 การคาดการณ์แนวโน้มขององค์กร องค์กรใน ยุคดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมาย สิ่งหนึ่งที่องค์กรจะต้องปรับเปลี่ยน คือ การ คาดการณ์ แ นวโน้ ม ที่ จ าเป็ น ต่ อ การเตรี ย ม ทรัพยากร และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในการการ ปรั บ องค์กรให้ ทันสมัย และขับเคลื่ อนด้ ว ย องค์ความรู้ โดยบทบาทส าคั ญ ที่ เ ทคโนโลยี มี ต่ อ กระบวนการ จัดการความรู้ มีดังนี้ 1. การเผยแพร่สื่อผ่านระบบเครือข่าย สามารถสร้าง ผลดีต่อบุคลากรที่สร้างการรับรู้ และสร้างองค์ ความรู้ใหม่ได้อย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้น และกระตุ้นให้ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 2. การระดมความคิดเห็นบนเครือข่าย เป็นช่องทาง หนึ่งที่ส่งผลดีต่อการต่อยอดองค์ความรู้ใหม่ จาก การระดมความคิ ด เห็ น ผ่ า นสื่ อ สั ง คมออนไลน์ หรือช่องทางการสื่อสารแบบออนไลน์ขององค์กร ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ 3. ซอฟต์แวร์สนับสนุนการทางานเป็นทีม การสร้าง องค์ความรู้ ด้ว ยซอฟต์แวร์ที่สร้างแบ่งบันความ คิดเห็ น ร่ ว มกันมีอยู่จานวนมาก แต่ยังขาดการ กระตุ้น ให้ เกิดการตกผลึ กทางความรู้ หรือการ สกัดความรู้ที่ได้จากการประชุม หรือการพูดคุย กันในแต่ละทีมยังขาดความเป็นระบบ จึงจาเป็น ที่จะต้องมีซอฟต์แวร์ที่เข้ามาจัดการองค์ความรู้ ต่างๆ ขององค์กรด้วย 4. บล็อก ช่องทางที่ได้รับความนิยม เนื่องจากการ จั ดการเนื้ อหาเพื่อนาเสนอที่ ง่าย และสามารถ เข้ า ถึ ง บุ ค ลากรได้ จ านวนมาก เพี ย งแต่ ส่ ง ลิ งค์ บล็ อ กองค์ ค วามรู้ ที่ จ าเป็ น ไปยั ง บุ ค ลากรของ องค์กรได้ทันที
5. สื่ อสั งคมออนไลน์ มีความสะดวกสบายในการ บริ ห ารจั ด การ ส่ ง เสริ ม ให้ เ กิ ด การแลกเปลี่ ยน เรี ย นรู้ แบบกลุ่ ม และแบบส่ ว นตัว ได้ อ ย่า งเป็ น อิสระมากขึ้น จนบางครั้งอาจจะทาให้บุคลากร เกิ ด ความเพิ ก เฉย หรื อ ละเลยในการสกั ด องค์ ความรู้ที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ออกมาเป็น เอกสาร คู่มือ หรือความรู้ชัดเจนประเภทอื่นๆ 6. ระบบจั ด การเอกสารอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ การส่ ง เอกสารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ คล้ายกับการ ส่งอีเมลในการทางาน แต่องค์กรส่วนใหญ่จะใช้ เพื่อส่ งเอกสารการมอบหมายงาน หรือแจ้งให้ ทราบเป็ น ส่ ว นใหญ่ ช่ อ งทางนี้ อ าจจะดู เ ป็ น ทางการไปสาหรับการจัดการความรู้ในยุคดิจิทัล 7. ระบบสืบค้นข้อมูลข่าวสาร การสร้างองค์ความรู้ ที่จ าเป็ น ต่อการปฏิบัติงาน ส่ งผลดีต่อบุคลากร ขององค์ ก ร แต่ จ ะต้ อ งจั ด เตรี ย มระบบสื บ ค้ น ข้อมูลข่าวสารที่ดีให้กับบุค ลากรด้วย ไม่ควรปิด กั้น การเข้าถึงข้อ มูล ข่ าวสารต่ างๆ ที่จาเป็น ต่ อ การปฏิบัติงาน และการส่งเสริมเพื่อต่อยอดองค์ ความรู้ สรุ ป การก าหนดนโยบาย การวางแผน และการ ปฏิบัติงานเพื่อให้เหมาะสมกับองค์กรที่ต้องการขับเคลื่อนด้วย การจั ด การความรู้ ใ นยุ ค ดิ จิ ทั ล เป็ น สิ่ ง ที่ อ งค์ ก รต้ อ งให้ ความสาคัญกับบุคลากรในทุกระดับ ตั้งแต่ ผู้บริหาร บุคลากร สายวิชาการ และบุคลากรสายสนับสนุน ควรมีส่วนร่วมในการ สร้าง แสวงหา กาหนด ใช้องค์ความรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อสร้าง วัฒนธรรมองค์กรทางด้านการจัดการความรู้ที่ดีให้กับบุคลากร ในรุ่ น ถั ด ไป ได้ เ ข้ า มาต่ อ ยอดองค์ ค วามรู้ ที่ จ าเป็ น ต่ อ การ ขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างไร้รอยต่อ