แพทย์แผนไทยเพิ่มขึ้น สสจ.ชี้สร้างรายได้สู่ชุมชน พาณิชย์เผยสนับสนุนโครงการในต่างประเทศ น.7 / โลกเล็กเขียว น.10
พนมดงรัก... ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 ประจำ�เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ราคา 10 บาท
สารคดีเชิงข่าว น.12
พนมดงเลือด
ร่องรอยสงคราม ท่ามกลางการรอคอย...
คดีฟ้องโรงงานน้ำ�ตาลวังขนาย
เงียบกว่า 5 ปี ชาวบ้านโวย
แต่โรงงานยังเดินเครื่องฉลุย แกนนำ�องค์กรชาวบ้าน เผยคดีฟ้องร้องโรงงานน้ำ�ตาล วังขนายเงียบ เหตุใบอนุญาตลอย ออกที่กาญจนบุรีแต่นำ�มาใช้ที่ มหาสารคาม ไม่มีการทำ�ประชาพิจารณ์อย่างเปิดเผย เรื่องอยู่ใน ขั้นตอนการพิจารณาของศาล ชาวบ้านหวั่นผลกระทบด้านสุขภาพ รพ.สต. บ้านขิงแคง แจ้งยอดผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจสูงเป็น อันดับ 1
จากการที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลกรณีการฟ้องอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และโรงงานน้ำ�ตาลวังขนาย
อ่านต่อหน้า 9
ขึน้ ค่าปรับลงทะเบียนช้า
นิสิตโวย กองทะเบียนไม่เคลียร์ นิสิตต่างรหัสโดนปรับค่าลงทะเบียนล่าช้าไม่ เท่ากัน กองทะเบียนเงียบไม่มกี ารชีแ้ จง อธิการเผย เหตุทป่ี รับ เพือ่ ให้นสิ ติ มีระเบียบวินยั มากขึน้ และมี โครงการเตรียมปรับค่าหน่วยกิตระบบพิเศษและ ระบบปกติให้เท่ากัน ต่างกันแค่คา่ ธรรมเนียม
อ่านต่อหน้า 2
ใบเสร็จการชำ�ระเงินของนิสิตชั้นปีที่ 2 และ 3 แสดงค่าปรับการลงทะเบียนเรียนไม่สมบูรณ์ ในจำ�นวนที่แตกต่างกัน
ปราสาทสายฟ้า เปิดตัว
“ไอ-โมบาย สเตเดียม” สุดแจ่ม! ถล่มกว่างโซ้งมหาภัยกระจุย สโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ ประเดิมสนามใหม่พบกับเชียงรายยูไนเต็ด เมื่อ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งผลการแข่งขันเจ้าบ้านชนะท่วมท้น 5 - 0 ทำ�ให้ ทิ้งห่างชลบุรีเอฟซีทีมอันดับสองถึงเจ็ดคะแนนในศึกไทยแลนด์พรีเมียร์ ลีก 2011 อ่านต่อหน้า 18
บรรยากาศภายในบริเวณสนาม ไอ - โบมาย สเตเดียม ที่สวยงามและทันสมัยที่สุดในเมืองไทย
2
ข่าวการศึกษา
ขึ้นค่าปรับลงทะเบียน
ต่อจากหน้า 1
อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวถึงเรื่องการปรับ ค่าลงทะเบียนล่าช้าก็จะเป็นไปตามระเบียบ ทางมหาวิทยาลัยต้องการ ให้นสิ ติ มีระเบียบวินยั ในตัวเอง อาจจะคล้ายๆ การลงโทษ ซึง่ เป้าหมายที่ เราต้องการให้นิสิตพึงกระทำ�คือ อยากให้นิสิตตรงต่อเวลา แต่ถ้านิสิตมี ปัญหาเรื่องเงิน สามารถกู้ฉุกเฉินได้ แล้วแจ้งทางฝ่ายทะเบียนว่าจะจ่าย เงินลงทะเบียนช้า หากมีปัญหาทางเราก็ไม่ได้ละทิ้งนิสิต อยากให้นิสิต ได้บอกกล่าวและให้มีการสื่อสารกันระหว่างฝ่ายกองทะเบียนหรือฝ่าย กองคลัง ทางมหาวิทยาลัยจะได้ชว่ ยเหลือในบางส่วนได้ สำ�หรับรายละเอียด ให้สอบถามกองทะเบียนอีกที จากการที่ ผู้ สื่ อ ข่ า วได้ ยื่ น เรื่ อ งขอสั ม ภาษณ์ จ ากฝ่ า ยกอง ทะเบียนของทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ทางฝ่ายกองทะเบียน ไม่ได้มีการติดต่อกลับมา ทางผู้สื่อข่าวจึงไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลได้ใน ส่วนนี้
จากการลงหาข้อมูลของผูส้ อ่ื ข่าวพบว่า เมือ่ ภาคเรียนฤดูรอ้ น ปี 2554 ที่ผ่านมาได้เกิดกรณีนิสิตถูกถอนผลการลงทะเบียน เนื่องจาก ไม่ได้จ่ายค่าลงทะเบียนตามเวลาที่กำ�หนด นิสิตคณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์รายหนึ่งที่ถูกถอนผลการลงทะเบียนในครั้งนั้นเผยว่า เมื่อ สอบถามทางกองทะเบียนถึงปัญหา นิสิตคนดังกล่าวได้รับคำ�ตอบจาก กองทะเบียนว่า ถ้ามีรายชือ่ ในการสอบกลางภาคให้ไปสอบได้ แต่ไม่รู้วา่ ทางมหาวิทยาลัยจะมีการเปิดให้จ่ายค่าลงทะเบียนอีกหรือไม่ ซึ่งเป็นคำ� ตอบที่กองทะเบียนน่าจะตอบได้ดีและละเอียดมากกว่านี้ หลังจากสอบ กลางภาคแล้ว ทางมหาวิทยาลัยประกาศให้ผทู้ ถ่ี กู ถอนผลการลงทะเบียน ไปจ่ายค่าลงทะเบียนได้อีกครั้งพร้อมค่าปรับ หลังจากนิสิตคนดังกล่าว จ่ายค่าลงทะเบียนแล้ว ผลการลงทะเบียนของนิสติ กลับไม่มคี ะแนนสอบ กลางภาค และปัญหาทีต่ ามมาอีกคือ กองทะเบียนไม่ได้แจ้งว่า เมือ่ คืน ผลการลงทะเบียนให้นสิ ติ แล้ว ต้องไปแจ้งสำ�นักศึกษาทัว่ ไปว่านิสติ ได้โดน ถอนวิชาใดบ้าง เพือ่ ทีส่ �ำ นักศึกษาทัว่ ไปจะได้คน้ หาคะแนนสอบกลางภาค ในวิชาดังกล่าว เพราะเมื่อรายวิชาใดถูกถอนจากการลงทะเบียนจะถูก
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554 ลบออกจากระบบ ส่งผลให้เกรดในวิชานั้นๆ ต่ำ� และติด F ในบางวิชา ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่มีการรับผิดชอบใดๆ นอกจากนี้เมื่อสอบถามนิสิตบางส่วนในแต่ละช่วงชั้นปี ที่มี ปัญหาในการจ่ายเงินค่าลงทะเบียนเรียนช้าและได้จา่ ยค่าปรับ พบว่านิสติ รหัส 53 ขึ้นไปได้จ่ายค่าปรับจำ�นวน 500 บาท ในขณะเดียวกันนิสิต รหัส 52 ลงมา ได้จ่ายเพียง 300 บาท จึงทำ�ให้นิสิตเกิดความสงสัยและ ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะความเป็นนิสิตในมหาวิทยาลัยของทุกคน เท่าเทียมกัน แต่การจ่ายค่าปรับกลับทำ�ให้มีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน เกิดขึ้น กล่าวถึง เรื่องการปรับค่าหน่วยกิตของนิสิตระบบปกติและ ระบบพิเศษให้เท่ากัน ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคามกล่าวว่า การปรับค่าหน่วยกิตของนิสติ นัน้ คาด ว่าน่าจะปรับค่าหน่วยกิตของนิสิตในระบบพิเศษและระบบปกติให้เท่า กัน แต่ค่าธรรมเนียมอาจจะต่างกัน เพราะนิสิตทั้งสองระบบต่างก็ใช้ ห้องเรียนและการเรียนการสอนแบบเดียวกัน
“พี่อินกะน้องนิล in University”
เรื่อง : นัดภรณ์ ภาพ : นายซานต้า
´Í¡¼ÅáË‹§»˜ÞÞÒ ÊÌҧ¤Ø³¤‹ÒÊÙ‹Êѧ¤Á ÊÔ觾ÔÁ¾ ·ÕèÁդسÀÒ¾ ¨Ò¡¼Å¼ÅÔµ¢Í§¹ÔÊÔµ
ที่อยู่ สำนักพิมพ์อินทนิล สาขาภาษาเพื่อการสร้างสรรค์งานสื่อสิ่งพิมพ์ คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
บทนำ�
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 ประจำ�เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูชา จากประเด็นความขัดแย้งยืดเยื้อที่ได้กล่าวถึงเขาพระวิหาร แถบชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเกิดการ ปะทะกันระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชน ที่ อ าศั ย อยู่ บ ริ เ วณใกล้ เ คี ย งเป็ น อย่ า งยิ่ ง บางรายถึ ง ขั้ น อพยพหนี เพือ่ เอาชีวติ รอดจากเหตุการณ์ดงั กล่าว บางรายได้รบั บาดเจ็บสาหัส จาก เรือ่ งราวความบาดหมางทีเ่ กิดขึน้ นัน้ ถึงแม้วา่ รัฐบาลจะยืน่ มือเข้ามาช่วย เหลื อ เพื่ อ บรรเทาความทุ ก ข์ ข องประชาชนแต่ ยั ง มี อี ก บางส่ ว น ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือแถมยังต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัวถึงแม้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ จะเริ่มคลี่คลายลง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ทิ้ง ร่องรอยและบาดแผลไว้เบื้องลึกในความรู้สึกของทุกคน ความขัดแย้งที่เกิดจากเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชา เริม่ ขึน้ เมือ่ ปี พ.ศ. 2501 จากปัญหาการอ้างสิทธิเหนือบริเวณปราสาทเขา พระวิหาร ซึง่ ตัง้ อยูท่ ชี่ ายแดนไทยด้านอำ�เภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และชายแดนกัมพูชาด้านจังหวัดพระวิหารเกิดจากการที่ทั้งไทยและกัมพูชาถือแผนที่ปักปันเขตแดนตามแนวสันปันน้ำ�ของเทือกเขาพนมดงรัก คนละฉบับ จึงทำ�ให้เกิดปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของทั้งสองฝ่ายในบริเวณที่ เป็นที่ตั้งของตัวปราสาท และจากเรื่องราวในอดีตนั้นก็ส่งผลกระทบมา ถึงปัจจุบัน รัฐบาลไทยกับกัมพูชามีความขัดแย้งกันในเรื่องของการแบ่ง สัดส่วนพื้นที่ ที่ชัดเจนจึงเป็นผลทำ�ให้เกิดการปะทะกันในพื้นที่ดังกล่าว เสี ย งคร่ำ � ครวญของชาวบ้ า นแถบชายแดนไทย-กั ม พู ช า จากเรื่องราวการปะทะกันส่งผลให้ชาวบ้านในแถบนั้นไม่สามารถดำ�เนิน ชีวิตตามปกติได้ จากที่เคยเดินไปทำ�นาต้องกลับกลายมีทหารยืนเรียง รายเต็มถนนไปหมด บรรยากาศของชุมชนที่เงียบสงบก็หายไปเมื่อมี เสียงระเบิดดังขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน ความเสียหายเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อสิ้นเสียง ระเบิด บ้านเรือนนับสิบหลังคาเรือนต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับ เศษฟืน เมื่อเป็นเช่นนี้ชาวบ้านจึงพร้อมกันลุกขึ้นมาเพื่อร้องขอความช่วย เหลือ ความหวัง การรอคอย ความช่วยเหลือ จากภาครัฐ เหตุ ปะทะสงบลง ความหวังเริ่มก่อตัวขึ้นพร้อม กับการรอคอยให้รัฐบาลเข้า มาช่วยเหลือ ด้านสภาพจิตใจที่ยังคงต้องการ การรักษาและเยียวยาให้ หาย ชาวบ้านทุกคนที่อยู่สถานการณ์เหล่านี้ คงไม่ต่างอะไรจากบุคคลที่ ล้มละลาย.....สิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดคือ กำ�ลังใจ และความ ช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ทางออกของปัญหานีจ้ ะเป็นอย่างไร หนังสือพิมพ์อนิ ทนิลเป็น เพียงกระบอกเสียงเล็กๆ ที่จะสะท้อนสังคมในแง่มุมต่างๆ พร้อมทั้งตี แผ่ปัญหาเพื่อให้ประชาชนรับรู้ และจากเหตุปะทะกันของสองประเทศ หนังสือพิมพ์อินทนิลเองก็หวังเพียงว่าทางรัฐบาลชุดใหม่จะสามารถ ทำ�ให้เหตุปะทะกันยุติลงได้ส่วนเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทาง หนั ง สื อ พิ ม พ์ อิ น ทนิ ล พอจะเสนอได้ คื อ การที่ รั ฐ บาลของทั้ ง สอง ประเทศต้องมีการเจรจา และปรับทำ�ความเข้าใจวางแผนการแบ่งสัดส่วน ใหม่ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาเช่นนี้อีก
ปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร บริเวณชายแดนไทยด้านอำ�เภอ กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และชายแดนกัมพูชาด้านจังหวัดพระวิหาร ปัญหานี้เกิดจากไทยกับกัมพูชาถือแผนที่ปักปันเขตแดนตามแนวสันปัน น้ำ�ของเทือกเขาพนมดงรักคนละฉบับ ทำ�ให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนขึ้น โดยทั้ง สองฝ่ายได้ยินยอมให้มีการพิจารณาปัญหาดังกล่าวขึ้นที่ศาลยุติธรรม ระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2502 ซึ่งศาลมีผลการติดสินคดีเมื่อปี พ.ศ. 2505 ให้ตัวปราสาทเขา พระวิหารเป็นของกัมพูชา สร้างความไม่พอใจของฝ่ายไทย แต่เหตุการณ์ พิพาทที่เกิดขึ้นก็ยุติลง ถึงแม้จะไม่สนิทก็ตาม กระทั่งเมื่อ 2 - 3 ปีที่ ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปัญหานี้ได้ปะทุขึ้นอีก อย่างรุนแรง เกิดการปะทะของทหารทัง้ สองฝ่ายทำ�ให้มผี เู้ สียชีวติ จำ�นวน มาก ไทยจึงลดสถานะความสัมพันธ์ทางการทูตเพื่อตอบโต้การกระทำ� ของกัมพูชา ประเด็นสำ�คัญที่เขมรต้องการให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็น มรดกโลก โดยส่งคำ�ร้องไปยังองค์การยูเนสโก เพื่อขอเป็นผู้บริหารจัด การแต่เพียงผู้เดียว ทำ�ให้ไทยต้องเสียพื้นที่โดยรอบปราสาทฯ ถือเป็น การลุกล้ำ�อธิปไตย ซึ่งไทยไม่สามารถยอมรับได้ นีไ่ ม่ใช่ปญั หาระดับพืน้ ผิว ทีจ่ ะมองว่าเป็นเรือ่ งบ้านๆ ระหว่าง ไทย - กัมพูชา เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อพีน่ อ้ งบริเวณ ชายแดน ยังลุกลามไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นปัญหาการ เมืองเสียมากกว่า เพราะในความเป็นจริงความสัมพันธ์ของชาวบ้านยังคง เหมือนเดิม มีการแบ่งปัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พึ่งพากันแบบพี่น้อง ไม่ได้มีการขัดแย้งกันรุนแรงตามที่เป็นข่าว เมื่อชาวบ้านได้เผยถึงเรื่อง เช่นนี้ เราคงต้องย้อนกลับมาดูว่า สาเหตุแท้จริงของการปะทะกันของ สองประเทศเกิดขึ้นได้อย่างไร?
3
สมเด็จฮุนเซน เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นที่ปรึกษาทาง เศรษฐกิจของกัมพูชา ก็ถูกมองว่าเป็นเกมทางการเมืองเพื่อยั่วยุรัฐบาล ประชาธิปัตย์ซึ่งก็ได้ผลเมื่อ นายกษิต ภิรมย์ รมว.กระทรวงการต่าง ประเทศ ได้ออกมาตอบโต้การกระทำ�ของผู้นำ�เขมรว่าช่วยเหลือนักโทษ ทางการเมือง สมควรส่งตัวผูร้ า้ ยข้ามแดนมาให้ทางการไทยดำ�เนินคดี แต่ ก็โดนตอกกลับอย่างเจ็บแสบว่า ไม่สง่ ตัวให้ เพราะกัมพูชาไม่มสี นธิสญั ญา ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ซึ่งการกล่าวโจมตีสมเด็จฮุนเซนของนายกษิต ไม่ควรเกิดขึน้ เพราะเป็นตำ�แหน่งทีม่ หี น้าทีส่ ร้างสัมพันธไมตรีกบั ประเทศ อื่นๆ แต่การทะเลาะกับเขมร ทั้งเรื่องประสาทเขาพระวิหาร รวมถึงนำ� เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำ�ให้ถูกมองว่าล้มเหลวในการ ปฏิบัติหน้าที่ ซ้ำ�ยังเป็นชนวนให้ปัญหาความขัดแย้งบานปลายอีกต่าง หากและเป็นการตอกย้ำ�รัฐบาลอภิสิทธิ์ว่ามีจุดอ่อนทางด้านการทูต ไม่ สามารถแก้ไขปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาได้ จากผลการเลือกตั้งเมื่อ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พรรคเพื่อ ไทยภายใต้การนำ� น.ส.ยิง่ ลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชนะการเลือกตัง้ ด้วยคะแนน 265 เสียง ได้เป็นแกนนำ�จัดตัง้ รัฐบาลชุดใหม่ ทำ�ให้เกิดการคาดหมายว่า น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะว่าทีผ่ นู้ �ำ ประเทศคนใหม่ สามารถให้พช่ี าย เป็นกาวใจสานรอยร้าวปัญหานี้ได้ ล่าสุดศาลโลกได้อ่านคำ�วินิจฉัยคำ�ร้องขอความคุ้มครอง ชั่วคราวของรัฐบาลกัมพูชาเหนือพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ดังนี้ 1. ให้ทั้งสองฝ่ายถอนทหารทั้งหมดออกจากเขตพื้นที่ และกำ�หนดให้เป็นเขตปลอดทหารชั่วคราว 2. ปฏิเสธคำ�ร้องขอของกัมพูชา ให้ไทยถอนทหารออกจาก พื้นที่ดังกล่าวทันที
จับตาความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา ในสมัยที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ปัญหา พิพาทเรือ่ งปราสาทเขาพระวิหารระหว่างไทย - กัมพูชาอาจไม่เกิดขึน้ เพราะ อดีตนายกฯ มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุนเซน ถึงขั้นผู้นำ�กัมพูชาออก มาประกาศว่า “จะเป็นเพื่อนรักกันไปจนวันตาย” จึงไม่น่ามีปัญหาหาก ทั้งคู่จะไกล่เกลี่ยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร แต่เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำ�แหน่งนายก รัฐมนตรี และแต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากลับย่ำ�แย่ลง ปัญหาปราสาทเขา พระวิหารลุกลามใหญ่โต ทัง้ ทีไ่ ม่เคยความรุนแรงเช่นนีม้ าก่อน นับตัง้ แต่ ศาลโลกตัดสินคดีเมือ่ ปี พ.ศ. 2505 ซึง่ อาจเป็นไปได้วา่ เพราะรัฐบาลชุด นี้ทำ�ร้ายเพื่อนรักของสมเด็จฮุนเซน จนต้องลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่าง ประเทศ ทำ�ให้เกิดการแก้แค้นแทนเพือ่ น หรืออาจมีผลประโยชน์อน่ื ซ่อน เร้นอยู่ กอปรกับเกิดความระส่�ำ ระส่ายภายในกัมพูชา จึงต้องสร้างกระแส ปราสาทเขาพระวิหารขึน้ มาเพือ่ ปลุกความรักชาติ และเปลีย่ นแนวคิดคน เขมรที่ต้องการผู้นำ�ประเทศคนใหม่
3. ไทยต้องไม่ขัดขวางการเข้า - ออกพื้นที่ปราสาทเขา พระวิหารของฝ่ายกัมพูชา ที่ไม่ใช่กิจกรรมทางทหาร 4. มีคำ�สั่งให้ทั้งสองฝ่ายอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์จาก อาเซียนเข้าไปในพื้นที่ เพื่อดูสถานการณ์ได้ทันที และ ต้องรายงานการปฏิบัติการ จนกว่าศาลจะมีคำ�ตัดสิน เกี่ยวกับการตีความคำ�พิพากษาเดิม เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ ถือเป็นปัญหาเรื้อรัง เหมือนโรคมะเร็งทีร่ กั ษาไม่หายขาด หากต่างฝ่ายต่างคิดถึงแต่ประโยชน์ ของตนเป็นหลัก ซึง่ ทางออกของความขัดแย้งระหว่างไทย - กัมพูชาจะเป็น ไปในทิศทางใด ก็ขน้ึ อยูก่ บั การแก้ปญั หาของรัฐบาลทัง้ สองฝ่าย ประชาชน อย่างเราๆ ก็คงได้แค่เพียงเฝ้ารอผลงานเท่านั้น...
เรื่อง : เสือกินพืช พัดพา และนัดภรณ์
เจ้าของ สาขาภาษาเพื่อการสร้างสรรค์งานสื่อสิ่งพิมพ์ ภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ปรึกษากฎหมาย ร.ต.อ.วิศิษฐ์ เจนนานนท์ ที่ปรึกษา ผศ.ดร.ธัญญา สังขพันธานนท์, อ.ดร.ภาคภูมิ หรรนภา, อ.อัครครา มะเสนา, อ.ณัชชา อาจารยุตต์, อ.พิมประไพ สุภารี บรรณาธิการบริหาร ทินกร บุญแจด ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร อธิญา ไชยลุม บรรณาธิการ ณัฐพร น้อยเจริญ ผู้ช่วยบรรณาธิการ สายสุดา ประเสริฐ กองบรรณาธิการ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม โสภิดา พรมสาเพชร การศึกษาและเทคโนโลยี ปาริฉัตร ศรีนาง เศรษฐกิจและการเมือง ปวีณ์ธิดา จูจันทร์ การกีฬาและสุขภาพ ภัทรา วันวัฒน์สันติกุล เลขานุการ ศศิธร ช่วยรักษา ฝ่ายโฆษณา วุฒินันท์ ดะนุชนาม, จิราภพ ทวีสูงส่ง ฝ่ายศิลปกรรม/จัดหน้า ชลธิชา ตุไตลา ฝ่ายศิลปกรรม/โฆษณา อภินันท์ธิญา งามแช่ม ฝ่ายประชาสัมพันธ์ หทัยรัตน์ พรมพิลา ฝ่ายการตลาด นาถลดา สมานสุข ฝ่ายประสานงาน จุฬาลักษณ์ ลีลานุวิทย์, ศศิธร ลาหนองแคน ฝ่ายพิสูจน์อักษร ปัญญพัชร์ หาญสกล
4
ข่าวการศึกษา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
มมส ปรับหลักสูตรศึกษาทั่วไปใหม่
อธิการฯ ชี้เพื่อพัฒนา นิสิตหวั่น เกิดปัญหาภายหลัง อธิการบดีแจงเรื่องเปลี่ยนหลัก สูตรศึกษาทั่วไปใหม่ เพื่อเป็นการพัฒนา นิสติ ส่วนทางผูอ้ �ำ นวยการศึกษาทั่วไปย้�ำ นิสติ ทัง้ หลักสูตรเก่า และหลักสูตรใหม่จะ ไม่มปี ญั หา ด้านนิสติ ทีเ่ รียนหลักสูตรเก่า กังวล ลงเรียนศึกษาทั่วไปไม่ได้กลัวไม่จบ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เผยถึงเรื่องการ เปลีย่ นหลักสูตรการศึกษาใหม่วา่ เหตุทม่ี หาวิทยาลัย เปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาเพราะอยากให้นิสิตเรียน แล้วประสบความสำ�เร็จ จึงจำ�เป็นที่จะต้องมีรายวิชา ที่เปิดสอนในเรื่องการใช้ชีวิต และการวางรากฐาน เตรียมความพร้อมเพื่อที่จะรับรู้สิ่งใหม่ๆ เมื่อเปลี่ยน หลักสูตรใหม่วชิ าทางด้านสังคม วิทยาศาสตร์ จะบังคับ ให้เลือกแค่ 2 หน่วย ทีเ่ หลือจะเลือกอะไรก็ได้ตามความ ต้องการของนิสิต และยังกล่าวต่อว่า วิชาที่มีความโดดเด่น ในหลักสูตรใหม่นี้ คือ วิชาการพัฒนานิสิต ที่เพิ่มวิชา นีเ้ พราะมุง่ หวังให้นสิ ติ ทีช่ อบทำ�กิจกรรม ชอบการเป็น ผู้นำ�ได้เข้ามาเรียน วิชาต่อมาคือ เศรษฐกิจพอเพียง เด่นตระหง่านสถานถิ่นศึกษา... มมส มหาวิทยาลัยในฝันที่ใครหลายๆ คน พร้อมจะฝาก ความหวังเอาไว้กำ�ลังจะพัฒนาให้เป็นมหาวิทยาลัย สีเขียวลองมาดูกันว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นจะเป็น อย่างไร การปรับภูมิทัศน์ในมหาวิทยาลัยโดยรวม มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก หากลองย้อนไปเมื่อปี ก่อนๆ จะเห็นว่ามีต้นไม้ พืชพันธุ์ต่างๆ อยู่มากมาย ทำ�ให้ร่มรื่น สามารถเห็นได้จากมอเก่า ปัจจุบัน มมส ถูกปรับเปลี่ยนทัศนียภาพให้เหลือเพียงตึก และสิ่ง ก่อสร้าง ต้นไม้ สนามหญ้า สระน้ำ�ที่เคยมีชีวิตชีวา ก็หายไป ทัศนียภาพแบบเดิมๆ กำ�ลังถูกกลืนเข้า ไปในป่าคอนกรีต ถ้าถามว่าคอนกรีตที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้น มีประโยชน์หรือไม่ คอนกรีตที่สร้างขึ้นมาแล้วก็มี ประโยชน์ เพราะทำ�ให้ภายใน มมส ดูเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วนมากขึ้น ภาพลักษณ์ของ มมส ดูดีขึ้น ใช่ว่าการปรับภูมทิ ศั น์ใหม่นนั้ จะมีแต่คอนกรีตเพียง
ที่ มุ่ ง เน้ น สนองตามแนวพระราชดำ � ริ ข องในหลวง ซึ่งจะสอนให้นิสิตได้รู้จักความพอเพียง และอีกวิชา เป็นวิชาทีท่ างมหาวิทยาลัยคิดขึน้ มาใหม่ คือ วิชาเรียนรู้ ประสบการณ์ต่างประเทศ ในเรื่องปัญหาที่เปลี่ยนหลักสูตรใหม่ก็มี เนื่องจากมีการปรับปีนี้เป็นปีแรก จึงจำ�เป็นที่ทุกวิชา จะต้องมีเอกสารในการเรียนการสอน เพื่อให้นิสิตได้ อ่าน ส่วนในเรื่องปัญหาระหว่างรอยต่อของช่วงการ ปรับปรุงหลักสูตร ก็มใี นส่วนของนิสติ ทีเ่ รียนหลักสูตร เก่าบางคนยังลงเรียนในรายวิชาศึกษาทั่วไปไม่หมด แต่ทางมหาวิทยาลัยก็มีวิธีการรองรับแล้ว คือจะเปิด ให้นิสิตในหลักสูตรเก่าได้ลงเรียนในวิชาศึกษาทั่วไป จนหมดภายในปี 4 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สมัปปิโต อธิการบดี กล่าวทิ้งท้าย ด้านอาจารย์ ดร.พชรวิทย์ จันทร์ศิริสิร ผูอ้ �ำ นวยการสำ�นักศึกษาทัว่ ไป กล่าวถึงเรือ่ งการเปลีย่ น หลักสูตรการศึกษาใหม่ว่า ทางสำ�นักศึกษาทั่วไปมุ่ง เน้นให้นิสิตมีลักษณะผู้พึงประสงค์อยู่หลายประการ เช่น เป็นผู้ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน เป็นผู้ที่มีคุณธรรมจริยธรรม รู้จักกระบวนการพัฒนาทางความรู้ความเข้าใจที่จะ
อยู่ร่วมกับผู้อื่น ส่วนลักษณะรายวิชาต่างๆ ก็จะเป็นในเชิง บูรณาการ นิสิตที่เรียนก็สามารถบูรณาการเชื่อมโยง ไปสูร่ ายวิชาของคณะได้ เพราะทางสำ�นักศึกษาทัว่ ไป มีปรัชญาว่า ส่งเสริมการสร้างบัณฑิตให้เข้าใจตนเอง และสามารถดำ�รงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ผอ.สำ�นักศึกษาทั่วไปกล่าว ในปีการศึกษา 2554 นี้ เป็นปีแรกที่มีการ ใช้หลักสูตรใหม่ ตอนนี้หลักสูตรก็กำ�ลังดำ�เนินการ สำ�หรับนิสิตรหัส 54 กลุ่มวิชาศึกษาทั่วไปจะเหลือแค่ 6 วิชา คือ กลุ่มภาษาอังกฤษ กลุ่มภาษาไทย กลุ่ม มนุษยศาสตร์ กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโนยี กลุ่ม วิทยาศาสตร์สขุ ภาพ และสุดท้าย คือ กลุม่ สหศาสตร์ ในส่วนของจำ�นวนกลุ่มรายวิชาก็จะแตกต่างไปจาก เดิม ในหลักสูตรใหม่จะมีรายวิชา 94 รายวิชา ส่วน วิชาทีเ่ กีย่ วกับกีฬาจะมี 40 รายวิชา ลักษณะของราย วิชาในหลักสูตรใหม่คือ เป็นวิชาที่ออกมาในลักษณะ บูรณาการ เน้นให้ความรู้ลักษณะองค์รวม สามารถ นำ�ไปใช้ในชีวิตได้ ผอ.สำ�นักศึกษาทั่วไปอธิบายราย ละเอียด ผู้อำ�นวยการสำ�นักศึกษาทั่วไปกล่าวต่อ ว่า เรื่องของอาจารย์ผู้สอนในหลักสูตรใหม่ จะเป็น อาจารย์ที่มาจากแต่ละคณะ ซึ่งในตอนนี้ก็มีอาจารย์ ที่มาช่วยสอนประมาณ 300 คน โดยอาจารย์แต่ละ ท่านต้องมีคุณวุฒิปริญญาโท และสอนที่นี่อย่างน้อย 3 ปี และมีคุณสมบัติเหมาะสมในแต่ละรายวิชา อ.ดร.พชรวิทย์ กล่าวถึง เรื่องจำ�นวนกลุ่ม ที่เรียนในแต่ละวิชาว่าขึ้นอยู่กับกลุ ่มของผู้สอน ถ้ามี
?
อะไร
นมอ BY : NAPz “ปรับสร้างเพื่อพัฒนา...หรือเพิ่มปัญหา” อย่างเดียว ยังมีการปลูกต้นไม้เพิ่ม เช่น ต้นปาล์ม ต้นอินทผาลัม แล้วถ้าเรามองถึงประโยชน์ของต้นไม้ เหล่านี้ว่าให้ประโยชน์ ให้ร่มเงามากแค่ไหน จะว่า ไปต้นไม้ชนิดนีก้ ค็ งจะให้รม่ เงาไม่ได้ ถ้าจะปลูกเพือ่ ความสวยงามก็คงจะไม่ใช่ เพราะเมือ่ มองภาพ มมส โดยรวมแล้ว เห็นต้นปาล์ม ต้นอินทผาลัม ดูเหมือน มมส ของเราจะเป็นชายหาดไปซะมากกว่า ส่วนเรื่องการปิดถนนหน้าตึก RN ทาง มหาวิทยาลัยต้องการให้การจราจรในมอเป็นเส้น ทางคู่ขนานแต่ดูเหมือนว่าทำ�ให้เกิดการจราจรที่ ติดขัดมากขึ้นเนื่องจากรถผ่านเข้าออกได้แค่ทาง เดียวและยังมีรถยนต์จอดข้างทาง ทำ�ให้ช่องทาง การจราจรยิ่งแคบลงไป นิสิตต่างต้องระมัดระวัง
ผู้สอนประมาณ 20 คนในแต่ละวิชา ก็จะเปิดกลุ่มได้ เยอะ บางวิชามีผู้สอนเพียง 5 - 6 คน ก็จะเปิดกลุ่ม เรียนได้น้อยลง และบางวิชาไม่มีผู้สอนจึงทำ�ให้ยังไม่ เปิดสอนในเทอมนี้ และก็ยงั มีการประเมินผูส้ อนในทุก เทอม เพื่อเป็นการพัฒนากลุ่มผู้สอนด้วย ตอนนี้ทางสำ�นักศึกษาทั่วไปกำ�ลังดำ�เนิน การสองหลักสูตรควบคูก่ นั ไป เพราะนิสติ ทีเ่ ข้ามาใหม่ ก็มมี ากจึงต้องมีการจัดการเรียนการสอน และในส่วน ของนิสิตที่เรียนหลักสูตรเก่าที่ยังลงเรียนรายวิชา ศึกษาทัว่ ไปไม่หมด ควรจะเรียนให้ครบก่อนขึน้ ปี 3 แต่ทางสำ�นักศึกษาทั่วไปเองก็จะให้นิสิตลงเรียนให้ หมดภายใน 2 ปี แต่วิชาในกลุ่มภาษาอังกฤษ ก็ยัง คงมีปัญหาเพราะอาจารย์ที่สอนมีจำ�นวนไม่เพียงพอ ต่อนิสิต อย่างไรก็จะเปิดกลุ่มให้นิสิตได้เรียนจนครบ ตามหลักสูตร อ.ดร.พชรวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย จากการสอบถามนิสิตบางส่วนของคณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ที่เรียนหลักสูตรเก่า กล่าวว่า ในการเปลีย่ นหลักสูตรการศึกษาใหม่นน้ั ทำ� ให้มปี ญั หา เพราะในบางรายวิชาของศึกษาทัว่ ไปก็ยงั ลงเรียนไม่ครบ ทำ�ให้เป็นกังวลว่าจะลงเรียนในเทอม หน้าได้หรือไม่ และกลัวว่าจะเรียนไม่จบ ด้านนางสาวจารุวรรณ การสำ�โรง นิสิต คณะวิ ท ยาลั ย การเมื อ งการปกครองที่ เ รี ย นใน หลักสูตรใหม่ กล่าวว่า มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการ สอนของอาจารย์แต่ละวิชานั้น บางเรื่องอาจารย์ก็ ยังสอนไม่คอ่ ยเข้าใจอธิบายไม่ชดั เจน และในเอกสาร ประกอบการเรียนการสอนของรายวิชาก็ยังอธิบายไม่ ละเอียด ตัวเองอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ถึงจะระวัง ตัวแค่ไหน การจราจรก็ยังติดขัดเช่นเคย หากการ แก้ไขการจราจรของทางมหาวิทยาลัยยังคงเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ช่วยลดความอันตรายลงจากเมื่อก่อนเลย มัน ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ไร้ประโยชน์ ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น นอกจากทางมหาลัยได้มีแนวคิดปรับ เปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างเพื่อทำ�ให้รั้วเหลืองเทา ของเรานั้นมีภาพลักษณ์ที่สวยงามยิ่งขึ้นแล้ว สิ่งที่ เพิม่ ขึน้ มาอีกก็คอื ศูนย์อาหารตามอาคารต่างๆ มีรา้ น อาหารประจำ�ตึกไว้ให้บริการนิสิตที่ไม่อยากออกไป ทานอาหารข้างนอก เพื่อความสะดวกก็สามารถ ทานที่นี่ได้ ราคาอาหารก็จะแพงขึ้นมาหน่อย แต่ รสชาติจะเป็นอย่างไรนัน้ ต้องลองไปชิมกันอีกที อย่ า งไรก็ ต ามสิ่ ง ที่ ท างมหาวิ ท ยาลั ย สร้างมาเพื่อภาพลักษณ์ และทัศนียภาพที่ดี เพื่อให้ นิสิตรู้สึกดีเมื่อมาเรียน ทางหนังสือพิมพ์อินทนิลก็ ขอเป็นเหมือนเสียงสะท้อนของนิสติ เพือ่ เป็นทีแ่ สดง ความคิดเห็น ทัศนะคติของนิสิตที่มีต่อมหาวิทยาลัย
เรื่องเล่าในรั้วการศึกษา
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
ปัญญาชนชาวราชนครินทร์...กับผึ้งหลวงรังนั้น...
“อาคารราชนครินทร์” หรือที่เรียกกันว่า “ตึก RN” เป็นอาคารหลังแรกของมหาวิทยาลัย มหาสารคามทีข่ ามเรียง พืน้ ทีส่ ว่ นใหญ่ในอาคารเป็น ห้องเรียนขนาดใหญ่ขนาด 300 - 400 ที่นั่ง บริเวณ หน้าอาคารมีต้นอินทนิลที่จะชูช่อดอกสีม่วงทุกช่วง ฤดูร้อน ระหว่างสองข้างทางเดินเข้าตัวอาคารร่มรื่น ด้ ว ยร่ ม ลี ล าวดี ที่ ใ ห้ ด อกสี ข าวกลิ่ น หอมชื่ น ใจยาม เดินผ่าน เป็นที่ทำ�การของคณะมนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ ซึง่ เปิดสอนหลายสาขาวิชาไม่วา่ จะเป็น ภาษาไทย จีน ลาว เขมร เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ และยังเป็นห้องเรียนของวิชา ศึกษาทั่วไปอีกด้วย นอกจากอาคารราชนครินทร์จะ เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่หลากหลายของชาติต่างๆ แล้ว ยังมีความหลากหลายทางสังคม ทั้งคน หมา แมว แมลงหลายชนิด แต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว เป็นความหลากหลายที่น่ามอง และวันหนึ่งสมาชิก ร่วมระบบนิเวศก็เพิ่มขึ้น เป็นปรากฏการณ์ที่สร้าง ความแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อผึ้งหลวง ฝูงหนึ่งมาปลูกบ้านสร้างรัง ณ ระเบียงชั้น 6 ของ อาคารราชนครินทร์ โดยปกติผึ้งหลวงจะทำ�รังบนต้นไม้ใหญ่ อยูใ่ นทีเ่ งียบสงบและคิดว่าปลอดภัย น่าแปลกใจอย่าง ยิ่งที่พวกมันเลือกมาทำ�รังอยู่ในที่ที่พลุกพล่านอย่าง อาคารราชนครินทร์ วันก่อนข้าพเจ้าได้คยุ กับอาจารย์ ท่านหนึ่งที่คณะว่ารู้สึกอย่างไรกับการที่มีผึ้งมาอยู่ที่ ระเบียงชั้น 6 ท่านบอกว่าแปลกใจ เพราะปกติเคย เห็นแต่ผึ้งทำ�รังบนต้นไม้ แอบกลัวเล็กน้อยเวลาเดิน ผ่าน และตามความเชือ่ โบราณ เขาก็วา่ ถ้ามีผง้ึ มาทำ� รังในอาคารบ้านเรือน ก็แปลว่ามีโชค ส่วนใหญ่เป็น ลางดี นอกจากนั้นกระทู้หนึ่งในอินเตอร์เน็ตยังบอก ว่า “การที่ผึ้งมาทำ�รังที่อาคารบ้านเรือนนั้นจะมีโชค ลาภ มันเป็นกุศโลบายเพือ่ ไม่ให้เด็กๆ หรือคนโตนิสยั ไม่ดไี ปแหย่มนั เล่นหรือไปกวนมัน แล้วมันจะดุ ต่อยไม่ เลือก หากมันจะอยูค่ นโบราณเขาก็ให้มนั อยูไ่ ด้ไม่ไปไล่ หรือฆ่ามัน เป็นการรังแกสัตว์ ผิดศีลข้อ 1 คนสมัย
โบราณเขาเคร่งครัดเรือ่ งศีลธรรม ผูเ้ ฒ่าผูแ้ ก่ หรือแม้ แต่วัย หนุ่ม สาวเขาก็ ไ ปวั ด รั ก ษาศี ล ปฏิ บัติธ รรม นัง่ สมาธิกนั ทัง้ นัน้ ดังนัน้ ถือว่าพึง่ พาอาศัยกัน เมตตา ให้ที่อยู่อาศัย เราอยู่ได้ผึ้งก็อยู่ได้ เว้นเสียแต่มันมา ต่อยมากเกินไปหรือมาก่อกวนมากเกินไป เขาถึงจะใช้ ควันยาสูบ (สมัยโบราณเขาสูบยามวนใบจากหรือใบไม้ ใบตองกัน) เป่าไล่ เพราะเป็นผึ้งเกเรเช่นเดียวกับคน เกเรอันธพาลนัน่ แหละ แต่ถา้ หากเป็นผึง้ หลวงรังใหญ่ ทำ�รังบนทีส่ งู ส่วนมากมักจะสงบ และอยูด่ ว้ ยกันอย่าง สงบสุขดี หวังว่าคงเข้าใจกุศโลบายคนโบราณบ้างไม่ มากก็น้อย” ปัจจุบนั ไม่แน่ใจว่าผูค้ นยังมีความเชือ่ เรือ่ ง ผึ้งอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ เพราะเมื่อไม่กี่วันนี้เองร่าง ไร้วญิ ญาณของผึง้ ตัวน้อยเกลือ่ นอยูต่ ามพืน้ ระเบียงชัน้ 6 ของอาคารราชนครินทร์ ช่างเป็นภาพที่ชวนสลด หดหูใ่ จยิง่ นัก เมือ่ ขึน้ ไปมองเบือ้ งบน แล้วเห็นร่องรอย ของการเผาทำ�ลายเพียงเพื่อเอาน้ำ�หวานที่เป็นเหมือน ดั่งบ้านของพวกมัน ดูจากจำ�นวนซากที่เกลื่อนและ ซ้อนทับกันอยู่คงคาดเดาได้ว่าพวกมันน่าจะช่วยกัน ปกป้องบ้านจนสุดชีวิต ปีกอันบอบบางของมันแห้ง กรอบและฉีกขาด จนอดคิดไม่ได้วา่ ต่อให้มนั ยังมีชวี ติ อยู่ มันก็จะเป็นเพียงผึ้งที่บินไม่ได้ พวกมันตายโดย ไร้สิทธิ์เรียกร้องใดๆ ในดงปัญญาชนแห่งนี้ เมื่อหลายวันก่อนผึ้งหลวงเหล่านี้มันยัง ช่วยกันปลูกบ้านเพือ่ สร้างครอบครัว นิสติ หลายคนยัง แสดงท่ า ที ตื่ น เต้ น เมื่ อ มองเห็ น พวกมั น บิ น กลั บ ไป กลับมา บางทีก็เหมือนพวกมันกำ�ลังเต้นรำ� และ หลายคนอาจไม่รวู้ า่ พฤติกรรมดังกล่าว เป็นภาษาอีก อย่างหนึ่งที่ผึ้งใช้สื่อความหมายบางอย่างกับเพื่อนๆ สมาชิกในรังของมัน เรียกว่า “ภาษาผึ้ง” ดร.คาร์ล ฟอนฟริช ศาสตราจารย์ในภาค วิชาสัตววิทยา มหาวิทยาลัยมิวนิค ประเทศเยอรมนี เป็นผูค้ น้ พบภาษาดังกล่าว และได้รบั รางวัลโนเบลใน ปีพ.ศ. 2516 โดยได้อธิบายว่าเป็นการเต้นรำ�เพื่อบอก แหล่งอาหาร ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ การเต้นรำ�แบบ วงกลม และการเต้นรำ�แบบส่ายท้อง ในหนังสือเรื่องผึ้งและน้ำ�ผึ้งได้บอกไว้ว่า ผึง้ งานทีก่ ลับมาจากสำ�รวจแหล่งอาหารในรัศมีไม่เกิน 100 เมตร จะบินกลับรังแล้วเต้นแบบวงกลมบนผนัง ของรวงรังในแนวตั้งฉากกับฐานรังเพื่อบอกสมาชิก ผึง้ งานด้วยกันทราบ ลักษณะของการเต้นแบบวงกลม นี้จะเต้นวนอยู่หลายรอบ ประมาณ 1 นาที จึงหยุด และย้ายไปเต้นในตำ�แหน่งต่างๆ บนผนังรวงรังเพื่อ
บอกสมาชิกผึ้งงานตัวอื่นๆ ให้ทราบต่อไป ระหว่าง การเต้นจะมีผง้ึ งานตามรอบๆ 5 - 10 ตัวอยูต่ ลอดเวลา ถ้ามีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ ผึ้งที่สำ�รวจนี้จะเต้น รุนแรงและเร็ว ถ้าอาหารมีนอ้ ยก็จะเต้นช้าและมักไม่ ได้รบั ความสนใจจากสมาชิกผึง้ งานทีอ่ ยูร่ อบๆ ผึง้ งาน ที่ตอมดูในขณะที่ผ้งึ สำ�รวจเต้นจะดมกลิ่นและสังเกต ลักษณะสีของแหล่งอาหาร ซึ่งได้จากเกสรและน้ำ� หวานทีต่ ดิ มากับผึง้ สำ�รวจนีด้ ว้ ย การเต้นแบบวงกลม มิได้บอกทิศทางแต่อย่างใด เพราะระยะทางในรัศมี 100 เมตร เมือ่ ผึง้ งานทีต่ ามดูอยูร่ อบๆ บินขึน้ ดูจะพบ แหล่งอาหารที่อยู่ไม่ไกลนี้ได้ทันที และผึ้งงานสำ�รวจ ที่พบแหล่งอาหารไกลกว่า 100 เมตร จะบินกลับรัง และเริม่ เต้นแบบส่ายท้องบนผนังรวงรังทันที ลักษณะ การเต้นแบบนี้ท้องจะส่ายไปมาโดยผึ้งจะวิ่งเป็นเส้น ตรงขึน้ ก่อน และจะหมุนรอบซ้ายและขวารอบละครึง่ วงกลม การทำ�องศาบนเส้นแบ่งครึ่งวงกลมกับแนว ดิ่งของฐานรังนี้เอง จะบอกทิศทางระหว่างแหล่ง อาหารที่ตั้งของรังและดวงอาทิตย์ ผึ้งสำ�รวจจะเต้น แบบนีซ้ �ำ้ แล้วซ้�ำ อีก จำ�นวนรอบและระยะเวลาในการ เต้นจะเป็นตัวกำ�หนดระยะทางของแหล่งอาหารกับที่ ตั้งของรัง ผึ้งสำ�รวจจะย้ายตำ�แหน่งการเต้นไปยังที่ ต่างๆ บนรวงรังให้สมาชิกภายในรังทราบมากที่สุด แล้วจะหยุดเต้น ผึ้งงานที่ตามอยู่รอบๆ จะพากันบิน ไปสู่แหล่งอาหารทันที ภาษาผึ้งช่างเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อนและ น่าทำ�ความรู้จักยิ่งนัก เวลานี้ผึ้งหลวงได้กลับมาอีก ครัง้ ปลูกบ้านสร้างรังทีเ่ ดิมทีม่ นั เคยอยู่ ภาพความตืน่ เต้นของนิสิตบางกลุ่มปรากฏให้เห็นอีกครั้ง บางคน บอกว่ากลัว แต่ไม่นา่ จะเป็นอะไรถ้าเราไม่ท�ำ ลายเขา เขาก็คงไม่ท�ำ ร้ายเรา บางคนบอกว่ารูส้ กึ เพลินดีเวลา มองเห็นพวกมันบินกลับไปกลับมา หลายคนบอกว่า อยากให้ผง้ึ อยูท่ อ่ี าคารราชนครินทร์ตอ่ ไป แต่คนทีไ่ ม่ อยากให้พวกมันอยู่ก็มีอยู่เช่นกัน เมือ่ ปี พ.ศ.2552 ก็เคยมีปรากฏการณ์แบบ เดียวกันนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนจ่านกร้อง โดยอาจารย์ กิติยา เตชะวรรณวุฒิ ครูชำ�นาญการ ได้เล่าราย ละเอียดไว้ในเว็บไซต์หนึ่งทางอินเทอร์เน็ตว่า “มีผึ้ง หลวงมาทำ�รังที่ชั้น 6 อาคาร 7 ชั้น โรงเรียนจ่านกร้อง ตัง้ แต่ตน้ เดือนมีนาคม 2552 นับเป็นครัง้ ที่ 2 หลังจาก ปีที่แล้วได้มาทำ�รังครั้งหนึ่งแล้ว ปีนี้ก็ยังกลับมา ณ จุดเดิม สงสัยว่าทำ�ไมมันกลับมาทำ�รังอีกครั้ง รังที่ อยู่ท่ามกลางนักเรียน 3 พันกว่าคน ซึ่งวนเวียนกัน มาเรียนบนอาคารนี้ ทั้งที่คราวที่แล้วเคยถูกรบกวน
5
โดย : ชลธิชา ทั้งเสียงและการขว้างปาจากนักเรียนจอมซนบางคน ที่มีเจตนากลั่นแกล้งเพื่อนๆ ด้วยการเล่นแรงๆ ด้วย การปาปากกาไปเสียบที่รังผึ้งให้เพื่อนวิ่งหนี บางคน ถูกผึง้ ต่อยจนปากบวมเจ่อ ปีนผ้ี ง้ึ หลวงก็ยงั กลับมาอีก และยังเป็นที่สนใจของนักเรียนอีกตามเคย แม้จะมี ประกาศเตือนว่า...ผึ้งหลวงนั้นดุและมีพิษมากต่อย เจ็บ ห้ามไปรบกวนก็ยงั มีคนลองของอยูด่ ี ผลก็คอื คน ปาผึง้ ไม่ได้โดน และคนทีโ่ ดนผึง้ ต่อยก็ไม่ได้เป็นคนปา ก็เป็นบรรยากาศการเรียนรูท้ เ่ี จ็บปวดจากสือ่ สิง่ แวดล้อม (สือ่ บริบท) ทีน่ กั เรียนได้เรียนรูแ้ ละสัมผัสอย่างใกล้ชดิ เมื่อใช้การมาสร้างรังผึ้งบนอาคารเรียน มาเป็นสือ่ การสอน ให้นกั เรียนเขียนเชิงสร้างสรรค์ ทำ� ให้ได้ผลงานการเขียนเกีย่ วกับผึง้ หลายแง่มมุ ทัง้ เรือ่ ง เล่าเกี่ยวกับผึ้งเป็นบรรยายโวหาร การเปรียบเทียบ ความหวานของนำ�ผึง้ กับความรักเป็นอุปมาโวหาร การ สอนให้มคี ณุ ลักษณะขยันขันแข็งเหมือนผึง้ เป็นเทศนา โวหาร การยกตัวอย่างเรื่องราวของผึ้งประกอบการ เขียนเป็นสาธกโวหาร และเมือ่ เขียนแบบพรรณนาโวหาร ที่นักเรียนต้องใช้การสร้างจินตนาการให้ผู้เขียนเห็น ภาพที่ชัดเจนและสวยงาม....นักเรียนหลายคนเขียน ได้ดี จนรู้สึกอยากขอบคุณการมาเยือนของผึ้งหลวง ที่เป็นสื่อสำ�คัญในฝึกการเขียนสำ�นวนประเภทต่างๆ ได้อย่างชัดเจน นอกเหนือไปจากการช่วยให้นักเรียน เห็นภาพการสร้างรังอย่างใกล้ชิด นักเรียนม.ปลาย บางคนได้ติดตามถ่ายภาพตั้งแต่เริ่มสร้างรังจนถึง วันที่สน้ิ สุดกระบวนการ เพือ่ สร้างสือ่ การเรียนรูเ้ กีย่ ว กับผึ้งโดยมีน้องๆ มาร่วมสังเกตและพูดคุยกันเป็น การสร้างสัมพันธภาพของเด็กๆ ให้เป็นสังคมแห่งการ เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี” จากเรื่องเล่าข้างต้นแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนจ่านกร้องประสบความสำ�เร็จในด้านการสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างสังคมที่ต่างกันให้อยู่ร่วมกัน ได้อย่างลงตัว อาศัยซึ่งกันและกันโดยไม่สร้างความ เดือดร้อน หากปัญญาชนราชนครินทร์จะทำ�ได้อย่าง นัน้ บ้างก็นา่ จะเป็นเรือ่ งดี เพราะผึง้ มีสว่ นสำ�คัญในการ ขยายพันธุ์ของพืชหลายชนิด อีกอย่างโดยพฤติกรรม ของผึ้งแล้วมันจะทำ�ร้ายใครก็ต่อเมื่อมีใครเข้าไปก่อ กวนมันเท่านั้น และที่สำ�คัญเมื่อผึ้งตัวไหนก็ตามได้ ปล่อยเหล็กในใส่ศตั รู ปลายท้องของผึง้ ตัวนัน้ ก็จะแตก และตายไปในทีส่ ดุ ราวกับว่าหากมันทำ�ร้ายใครมันก็ รับผิดชอบด้วยชีวติ ของมันเอง อย่างไรก็ตามในกรณี ผึ้งหลวงที่อาคารราชนครินทร์ ผู้มีปัญญาชนย่อมคิด ได้มากกว่าผึ้งที่เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉาน
6
ข่าวเศรษฐกิจและการเมือง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
หอการค้าสุรนิ ทร์ เตรียมยืน่ โครงการสามเหลีย่ มเศรษฐกิจ
หวังรัฐบาลใหม่ ดันการท่องเที่ยวชายแดนเดินหน้า หอการค้าจังหวัดสุรินทร์เตรียม ยื่ นโครงการสามเหลี่ ย มเศรษฐกิ จ การ ท่องเที่ยวเสนอรัฐบาล หวังส่งเสริมและ พัฒนาการท่องเที่ยวแถบชายแดน เชื่อ เปลีย่ นรัฐบาลใหม่สถานการณ์ชายแดนสงบ การท่องเที่ยวไทย - กัมพูชา ไปได้สวย
จากการที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลจาก นายปรีชา วรเศรษฐสิน อดีตประธานชมรมการท่อง เทีย่ วจังหวัดสุรนิ ทร์ พบว่า รัฐบาลได้มนี โยบายให้จดั ตัง้ ชมรมการท่องเทีย่ วในทุกจังหวัด ซึง่ จังหวัดสุรนิ ทร์ ได้มนี โยบายจัดตั้งโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจการ ท่องเทีย่ วอีสานตอนล่าง ภาคเหนือกัมพูชา และภาค ใต้ของลาวขึ้นในปี 2540 เพื่อเป็นการส่งเสริม และ พัฒนาการท่องเทีย่ วในแถบชายแดน จึงผนวก 2 ประเทศเพือ่ นบ้านเข้าร่วมโครงการด้วย ได้ลงสำ�รวจพืน้ ที่ แล้วนำ�ประวัติศาสตร์ทั้งหมดมาศึกษา ซึ่งได้ลงไปที่ กัมพูชาและภาคใต้ของลาว จึงได้ตง้ั ชือ่ ว่าสามเหลีย่ ม เศรษฐกิจการท่องเที่ยว นายปรีชา วรเศรษฐสิน เผยว่าโครงการ สามเหลีย่ มเศรษฐกิจการท่องเทีย่ วในกัมพูชา ก้าวหน้า ไปพอสมควรแล้ว ซึ่งตอนนี้มีเส้นทางเชื่อมโยงไปถึง นครวัด นครธม อยูใ่ นเมืองเสียมเรียบ โดยมีทะเลสาบ น้�ำ จืดทีใ่ หญ่ทส่ี ดุ ในเอเชีย จากเสียมเรียบไปพนมเปญ ยาวประมาณ 300 กิโลเมตร ถนนที่สร้างเข้าไปจาก ช่องสะงำ�จะไปถึงเสียมเรียบระยะทางประมาณ 130140 กิโลเมตร แต่เส้นที่จะเหมาะกับการท่องเที่ยว จริงๆ ก็คงเป็นเส้นทางฝัง่ ช่องจอม เพราะจะต้องผ่าน หมูบ่ า้ นผ่านแหล่งอารยธรรม ซึ่งจะตัดมาตรงที่ปรา โดย : นับเงิน
ห้างติดดิน
ภาคอีสานในหลายๆ จังหวัดมีสถานที่ที่ เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดย่อม ที่มีผู้คนตั้งแต่ระดับล่าง สุดไปถึงคนมีเงินมาใช้บริการจับจ่ายใช้สอย เลือกซื้อ สินค้า ซึ่งก็มีตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ถ้วย จาน ฯลฯ มาวางขายเพื่อตอบสนองผู้บริโภคให้ได้เลือกกัน สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ไหน ตลาดนัดคลองถม นั่นเอง
สาทตาเมือนธม หลังจากตาเมือนธมก็ตอ่ มาทีพ่ นมรุง้ จากพนมรุง้ ก็ไปทีพ่ มิ าย ศูนย์กลางการปกครองอาณาจักรเมืองพระนครอยู่ที่พิมาย ขณะที่เส้นทางตรงช่อง สะงำ�ไม่มหี มูบ่ า้ น จะเป็นป่าเขา แต่จะเป็นเส้นทางที่ เหมาะกับการขนส่งสินค้า ช่องสะงำ�เศรษฐกิจการท่อง เทีย่ วค่อนข้างแตกต่างจากช่องจอม ส่ ว นจุ ด ประสงค์ ที่ สำ � คั ญ ของโครงการ สามเหลี่ยมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จะเน้นไปในเรื่อง การท่องเทีย่ วเป็นส่วนใหญ่ เพราะประเทศไทยมีแหล่ง ท่องเที่ยวที่สวยงามอย่างเช่น ทางภาคใต้ของไทยก็ จะมีทะเลอันดามัน พอมาที่ภาคเหนือก็จะเป็นแหล่ง อารยธรรมที่สวยงาม มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทาง ด้านภาคกลางก็เป็นเหมือนภาพที่สะท้อนของสังคม ไทยทีส่ วยงาม ทัง้ ประเพณี อารยธรรมทีง่ ดงาม แต่พอ มาถึงภาคอีสานกลับยังไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ พอที่ จ ะดึ ง ดู ด นั ก ท่ อ งเที่ ย วได้ เ พราะเขตพื้ น ที่ มี ระยะทางห่ า งกั น มาก นี่ คื อ จุ ด บอดของการท่ อ ง เที่ ย วในภาคอี ส าน จึ ง ผนวกเอาประเทศเพื่ อ น บ้านเราเข้ามา เช่น นครวัด นครธม อดีตประธานชมรม ธุรกิจการท่องเทีย่ วจังหวัดสุรินทร์กล่าว ทางด้านนายสุรพล โชติโสภณ ที่ปรึกษา หอการค้าและผู้ตรวจการสำ�นักนายกรัฐมนตรีได้ให้ ข้อมูลในทางกลับกันว่า โครงการสามเหลีย่ มเศรษฐกิจ การท่องเทีย่ ว เป็นโครงการทีใ่ หญ่ตอ้ งขอความร่วมมือ ไปยังจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัด ศรีสะเกษทำ�งานร่วมกัน แต่หลักๆ ในตอนนัน้ โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวจะมีปญั หา และอุปสรรคในเรือ่ งทางการเมือง
นายสุรพล โชติโสภณ ได้กล่าวถึงเรื่อง โครงการสามเหลีย่ มเศรษฐกิจการท่องเทีย่ วว่า ยังไม่ได้ ดำ�เนินการต่อ เพราะยังมีปัญหาทางด้านการเมือง นอกจากการเมืองของกัมพูชาแล้ว การเมืองในประเทศ ไทยรัฐบาลยังไม่มคี วามเป็นเสถียรภาพ จึงทำ�ให้โครงการนี้ต้องหยุดชั่วคราว ในส่วนของหอการค้าดำ�เนิน การส่วนนี้ คงทำ�ไม่ได้มาก ยังต้องอาศัยรัฐบาลเป็น ผูด้ �ำ เนินการ เพราะรัฐบาลสามารถติดต่อกับประเทศ ลาวและกัมพูชาได้ ส่วนโครงการนี้ก็ยังมีโอกาสที่จะ เสนอรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป และได้ ก ล่ า วต่ อ ไปอี ก ว่ า หลั ง จากที่ ไ ด้ เสนอเรื่องนี้กลับเข้าไปในที่ประชุมส่วนกลางให้รับ เรื่องไว้แล้ว ก็จะเสนองบประมาณเข้าไป ส่วนของ การดำ�เนินการของหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ จังหวัด ศรีสะเกษ และจังหวัดอุบลราชธานี ทีไ่ ด้รว่ มกันจัดทำ�
ในสัปดาห์หนึ่งต้องมี 1 - 3 วันทีเ่ ป็นวัน นัดพบของตลาดแห่งนี้ ซึง่ ก็จะมีพอ่ ค้าแม่คา้ มากหน้า หลายตา มาวางสิ น ค้ า อุ ป โภคบริ โ ภคไว้ บ ริ ก าร ลูกค้าทุกเพศทุกวัยได้จบั จ่ายใช้สอย พ่อค้าแม่คา้ ต่างๆ บ้างก็มาจากต่างจังหวัด บ้างก็เป็นคนในพืน้ ที่ ส่วนค่า เช่าที่ก็ไม่แพงมีตั้งแต่ราคา 10 - 100 บาท แล้วแต่ ขนาดพื้นที่ที่ใช้ไป และแล้วแต่เจ้าของที่ ในส่วนของจังหวัดมหาสารคาม มีตลาด นัดมากมายหลายจุด เรียกว่าทั้งสัปดาห์ก็จะมีตลาด นัดให้เดินจับจ่ายใช้สอยกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่จะสับ เปลีย่ นพืน้ ทีก่ นั ไปขึน้ อยูก่ บั วัน ภายในตลาดก็มสี นิ ค้า ต่างๆ ให้เลือกมากมาย ทัง้ ของกินของใช้ ล้วนแล้วแต่ เป็นสินค้าราคาถูกทีล่ กู ค้าส่วนใหญ่พงึ พอใจ ส่วนเรือ่ ง คุณภาพก็ตอ้ งดูกนั อีกที แต่โดยรวมแล้วก็อยูใ่ นคุณภาพ
ค่อนข้างดี สินค้าก็จะมีตั้งแต่สินค้ามือหนึ่งไปจนถึง มือสอง เรียกได้ว่าครบครันไม่แพ้ห้างสรรพสินค้าชื่อ ดังหลายแห่ง แถมราคาก็ยงั ต่อรองได้ตามใจลูกค้า และ พอใจแม่ค้าอีกด้วย ไม่เพียงแต่เท่านั้นตลาดนัดแห่งนี้ยังเปิด โอกาสให้นิสิตนักศึกษาบางคนที่ต้องการที่จะขาย สินค้า ได้มาจับจองพืน้ ทีข่ ายสินค้าได้ตามใจชอบ โดย คิดค่าเช่าพื้นที่ในราคาไม่แพงอีกด้วย ถือว่าเป็นการ หารายได้เสริม และรูจ้ กั ทำ�มาหากิน ซึง่ ก็ถอื เป็นประสบการณ์ชีวิตอีกอย่างหนึ่ง ที่ช่วยเสริมการเรียนรู้ใน ด้านของการใช้ชีวิต และรู้จักคุณค่าของเงิน ในส่วนของจังหวัดอื่นในภาคอีสานหลาย แห่งทีม่ ตี ลาดเช่นนีเ้ กิดขึน้ แต่สว่ นใหญ่จะเกิดขึน้ ตาม หมูบ่ า้ นหรือชุมชนทีม่ ผี คู้ นอาศัยอยูจ่ �ำ นวนหนึง่ ถ้าหาก
โครงการนี ้ ในส่วนของระยะเวลาการดำ�เนินโครงการ นั้น ยังไม่แน่นอน ในตอนนี้การท่องเที่ยวในฝั่งไทยกับฝั่ง กัมพูชายังหยุดชะงัก เพราะคนไทยไม่กล้าเข้าไปใน กัมพูชา ต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน ยังคิดว่าสถานการณ์ รุนแรง แต่ที่จริงแล้วคนฝั่งชายแดนก็เข้าออกได้ตาม ปกติถึงจะมีทหารตรึงกำ�ลังกันอยู่ ตอนนี้ที่ด่านช่อง จอมก็ยังเปิดการค้าชายแดนกันปกติ แต่จะมีปัญหา หลักๆ ก็คือปัญหาระหว่างประเทศ ที่เราทุกคนได้ ทราบกันดี ที่ปรึกษาหอการค้าและผู้ตรวจการสำ�นัก นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย ชาวบ้านบริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา ได้ ให้ความเห็นว่าการท่องเทีย่ วในสุรนิ ทร์ ไม่คอ่ ยมีแหล่ง ท่องเทีย่ ว เหตุการณ์ยงั คงปกติสว่ นเรือ่ งสงครามนัน้ จะ มีผลกระทบกับชาวบ้านทีอ่ ยูแ่ ถบชายแดน แต่สว่ นที่ ไกลออกไปก็จะไม่ได้รบั ผลกระทบ นอกจากนึย้ งั ส่งผล กระทบกับการท่องเที่ยวฝั่งช่องจอมด้วยเหมือนกัน เหตุทเ่ี กิดจากสงครามทำ�ให้คนเข้าไปท่องเทีย่ วน้อยลง เพราะนักท่องเทีย่ วไม่มน่ั ใจว่าจะมีอะไรเกิดขึน้ แต่ใน ปัจจุบนั นัน้ ช่องจอมถือได้วา่ เข้าสูส่ ถานการณ์ปกติแล้ว
ภาพแผนที่โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวจากเว็บไซต์ www.visitsurin.com
จะสังเกตดูแล้วตลาดแห่งนีจ้ ะไม่เงียบเหงา เพราะจะมี ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอยสินค้ากันเป็นจำ�นวนมาก ซึ่งก็ ทำ�ให้เราคิดได้ในอีกมุมหนึ่งของสังคมว่า ประชาชน ส่วนใหญ่แล้ว ยังคงมีก�ำ ลังซือ้ ไม่มาก เนือ่ งด้วยอาชีพ หรือด้วยปัจจัยทางการเงินต่างๆ จึงทำ�ให้การเลือกซือ้ สินค้า ของคนส่วนใหญ่เป็นไปในทางนีม้ ากกว่าการไป เลือกซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าซึ่งมีราคาที่สูงกว่า โดยเฉพาะในยุคนีท้ เ่ี ศรษฐกิจฟุม้ เฟ้อ ข้าว ยากหมากแพงผู้คนมีการแข่งขันกันสูง ธุรกิจขนาด ย่อมจากพ่อค้าแม่ค้าหลายคนพร้อมใจรวมกันขาย สินค้าราคาถูก กลายเป็นธุรกิจขนาดกลางไปจนถึง ขนาดใหญ่ทม่ี ผี คู้ นให้ความสนใจกันมาก จึงไม่ใช่เรือ่ ง แปลกที่ตลาดนัดคลองถมจะกลายเป็น แหล่งช้อปปิ้ง อันดับแรกๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะมาใช้บริการ
ข่าวเศรษฐกิจและการเมือง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
7
แพทย์แผนไทยเพิ่มขึ้น สสจ.ชี้สร้างรายได้สู่ชุมชน พาณิชย์เผยสนับสนุนโครงการในต่างประเทศ
ธุ ร กิ จ แพทย์ แ ผนไทยจั ง หวั ด มหาสารคามเพิม่ ขึน้ นักวิชาการสาธารณสุขชี้ทางเลือกใหม่ของการสร้างอาชีพให้ กับชุมชน รายได้เฉลี่ยเฉียดล้านต่อปี พาณิชย์เผยส่งเสริมโครงการแพทย์แผน ไทยในต่างประเทศ
นางชุติกาญจน์ ปิยะศิลป์ หัวหน้างาน แพทย์แผนไทย นักวิชาการสาธารณสุข กระทรวง สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ผูว้ า่ ราชการฯ ได้มอบอำ�นาจให้สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามทำ� หน้าทีเ่ ป็นนายทะเบียนจังหวัด และในช่วงปี พ.ศ.2551 -2554 จนถึงปัจจุบนั จังหวัดมหาสารคามมีธรุ กิจแพทย์ แผนไทยที่ขึ้นทะเบียนแล้วจำ�นวน 2,575 คน มีการ จัดตั้งเครือข่ายภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยของ แต่ละอำ�เภอในจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดขอนแก่น จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยกระทรวง สาธารณสุขเป็นผู้ควบคุมดูแล ในส่วนของหมอนวด หมอยาสมุนไพร หมองู หมอกระดูก หมอเป่า หมอ น้�ำ มนต์ หมอพิธกี รรม หมอดู และหมอลำ�ผีฟา้ หัวหน้าแพทย์แผนไทย เปิดเผยว่ากรม แพทย์แผนไทยในส่วนของนวดแผนโบราณ ขณะนี้ มาเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองลงมาจากประเทศจีน และได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งจังหวัด มหาสารคามมี ธุ ร กิ จ แพทย์ แ ผนไทยเพิ่ ม ขึ้ น อย่ า ง
ธุรกิจนวดแผนไทยใน ตำ�บลท่าของยาง อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
เห็นได้ชัด อีกทั้งจังหวัดมหาสารคามยังเป็นศูนย์ อบรมของเขต ซึ่งมีจังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และร้อยเอ็ด เป็นสมาชิก ซึง่ จะเน้นการ สร้างรายได้ให้กับชุมชน ส่วนผู้ที่สามารถเปิดธุรกิจ แพทย์แผนไทยต้องจบหลักสูตรผู้ช่วยแพทย์แผนไทย และสามารถใช้ยาสมุนไพรได้ แล้วจึงไปจดทำ�ทะเบียน กับกระทรวงสาธารณสุข โดยต้องผ่านการตรวจสอบ จากกระทรวงสาธารณสุขด้วย ซึ่งการอบรมแพทย์ แผนไทยหลักสูตรระยะสั้น 150 ชัว่ โมง สามารถเปิด ธุรกิจขนาดย่อยและจดทะเบียนร้านค้าหรือสถาน บริการกับสำ�นักพาณิชย์จังหวัดได้และต้องเสียภาษี ตามทีก่ �ำ หนด นอกจากนีธ้ รุ กิจแพทย์แผนไทยจะควบ คุมเวลาให้บริการ เพื่อป้องกันการขายบริการที่แอบ
แฝงซึ่งจะสามารถควบคุมได้กับธุรกิจขนาดใหญ่หรือ ปานกลาง แต่ธุรกิจขนาดเล็กยังมีการค้าบริการแอบ แฝงอยูบ่ า้ ง และควบคุมได้คอ่ นข้างยาก นักวิชาการสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม เผยอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขมีโครงการที่จะฟื้นฟู การรักษาแพทย์แผนไทย ซึ่งจะมีโครงการคาราวาน หน่วยการแพทย์เคลื่อนที่การแพทย์ แผนไทย และ หมอชาวบ้านจะมี พรบ. คุ้มครองภูมิปัญญา โดย มี ก ารขึ้ น ทะเบี ย นเพื่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ ต่ า งประเทศ ละเมิดลิขสิทธิ์ และต่อไปอาจจะมีทางเลือกให้ผู้ที่เข้า มารับการรักษามากขึ้น โดยจะจัดให้มีหมอชาวบ้าน ตามโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยต่างๆ นายวิริทธิ์ สันติศราวุฒิ พาณิชย์จังหวัด
ปริศนานักการเมืองไทย.................................................................. ปริศนาทายทักอักษรไขว้... การเมืองไทยรู้ไว้ไม่ผิดหนา... ผู้บริหารบ้านเมืองสืบกันมา... เปรียบเป็นยารักษาประชาชน...
เเนวตั้ง
1. เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2546 2. เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2551 กติกา : ให้เขียนชื่อนักการเมืองไทยลงในช่องว่างที่ 3. เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคไทยรักไทยเเละเป็นอดีต กำ�หนดให้ โดยเลขที่อยู่มุมขวาคือเเนวตั้งเลขที่อยู่มุม อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำ�แหง ซ้ายคือเเนวนอน
เเนวนอน 4. เป็นหัวหน้าเสรีไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ จังหวัดร้อยเอ็ด 2 สมัย 5. เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนเเรกของประเทศไทย 6. หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตพรรคสูเ้ พือ่ ไทย และอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย 7. นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 ดำ�รงตำ�แหน่งระหว่าง ปี พ.ศ. 2544 - 2549 (เฉลยในอินทนิลฉบับที่ 21)
มหาสารคาม กล่าวถึง ธุรกิจนวดแผนไทยที่เพิ่มขึ้นว่า ธุรกิจดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชน นอก จากจะมีธุรกิจนวดแผนไทยในประเทศแล้ว กระทรวง พาณิชย์ได้มีการส่งเสริมการแพทย์แผนไทยในต่าง ประเทศอีกด้วย แต่ผทู้ จ่ี ะสามารถเปิดธุรกิจในต่างประเทศได้จะต้องมีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข หรือสถาบันฝึกอบรมแพทย์แผนไทยต่างๆ ด้านนางอ่อนสา บุญผง อายุ 50 ปี เจ้าของ ธุรกิจนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ชี้ว่าธุรกิจนวดแผนไทย ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวหรือชุมชน ได้ถึง 700,000 -1,000,000 บาทต่อปี มี ผู้ ส นใจในธุ ร กิ จ นวดแผนไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ท่ี เข้ า มาทำ � ธุ ร กิ จ นี้ส่ว นมากจะเป็ น บุ ค คลในชุ ม ชน ขนาดเล็ก แต่ผทู้ ส่ี นใจจะทำ�ธุรกิจนีจ้ ะต้องมีใบรับรอง จากกระทรวงสาธารณสุขหรือกรมแรงงาน ในส่วนของ ผู้รับบริการก็จะมีตั้งแต่ระดับสูงสุดจนถึงระดับต่�ำ สุด ไม่ว่าจะเป็น นักศึกษา ข้าราชการ เจ้าของธุรกิจ ลูกจ้างทั่วไป หรือแม้กระทั่งชาวนา ผูเ้ ข้ารับบริการเผยว่า สาเหตุทต่ี อ้ งเข้ารับ บริการ เนื่องมาจากทำ�งานโดยไม่ค่อยมีเวลาในการ พักผ่อน จึงอาศัยเวลาเพียงเล็กน้อยหลังเลิกงานเพื่อ เข้ารับบริการนวดแผนไทย ซึง่ ช่วยทำ�ให้ผอ่ นคลาย ลด ความตรึงเครียด แก้ปวดเมือ่ ย และทีส่ �ำ คัญ คือส่งผล ดีตอ่ สุขภาพ จำ 4
1
ล 2
อ ง
5
6
3
7
โดย : สองยา
8
เกร็ดการเมือง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
ตีค่าจากแบรนด์เนม โดย : สองยา
ปัญหาค่านิยมในปัจจุบนั วัยรุน่ ได้หนั มาเลือกใช้สนิ ค้าแบรนด์เนม ที่มีราคาแพง ซึ่งยุคแห่งบริโภคนิยมผู้คนต่างแสวงหาเงินทอง ให้การ เคารพนับถือผูม้ ฐี านะ แต่งตัวดี จึงมีสนิ ค้าอุปโภคบริโภคทีฟ่ มุ่ เฟือยและไม่ จำ�เป็น อาทิ เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ และเครือ่ งสำ�อางต่างๆ ซึง่ สินค้าแบรนด์เนมชัน้ นำ�ทัง้ หลายถูกนำ�มาเป็นค่านิยม โดยเฉพาะกลุม่ วัยรุน่ ทีไ่ ด้หันเหชีวิตเข้าสู่เส้นทางโลกีย์เพื่อแลกกับเงิน ปัจจุบันมีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ให้เลือกสรรกันอย่างมาก มายไม่ว่าจะเป็น Gucci Chanal Louis vuitton Converse Adidas เป็นต้น สินค้าเหล่านี้ล้วนมีราคาแพง และกลุ่มผู้ใช้ส่วนมากก็เป็นนิสติ นักศึกษา นักเรียนมัธยม ไม่วา่ จะเป็นผูท้ ม่ี ฐี านะดีหรือผูท้ ข่ี ดั สน ซึง่ การใช้ ของราคาแพงก็จำ�เป็นต้องใช้เงินมาก เมือ่ ขอเงินพ่อแม่ไม่ได้วยั รุน่ เหล่านี้ ก็จำ�เป็นต้องหาเงินด้วยตนเอง เพราะความอยากได้อยากมีเหมือน เพื่อนถ้าไม่มีก็อาจจะโดนเพื่อนล้อว่าเชย ล้าหลัง ไม่ทันยุคทันสมัย และ แน่นอนสัญชาตญาณของคนส่วนมากย่อมไม่ยอมแพ้ ก็ตอ้ งนำ�สิง่ ๆ นัน้ มา จนได้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าตนก็มีเหมือนกัน เมื่อมีความต้องการ สิ่งที่จะตามมาคือความฟุ่มเฟือย ใน เรื่องของข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จำ�เป็น การที่วัยรุ่นมีค่านิยมเช่นนี้ทำ�ให้ เกิดผลกระทบและปัญหาทางสังคมตามมา ปัญหาทีท่ �ำ ให้วัยรุ่นมีค่านิยม ทางวัตถุนน้ั พบว่าส่วนหนึง่ เห็นแบบอย่างมาจากพ่อแม่ โดยเฉพาะในกลุม่ ทีฐ่ านะดี พ่อแม่บางคนมักจะเป็นคนทีต่ ดิ ยีห่ อ้ หรือนิยมใช้สง่ิ ของฟุม่ เฟือย ต่างๆ ซึ่งแสดงลักษณะอย่างนีใ้ ห้เด็กได้เห็นและเลียนแบบ ปัจจุบนั จะเห็น ได้ว่าพ่อแม่ให้สิ่งของต่างๆ กับลูกมากเกินจำ�เป็นบางครั้งเป็นไปตามค่า นิยมทางสังคม จนกระทัง่ ลูกไม่รู้คุณค่าของสิ่งของที่ได้มา เมื่อลูกไม่ได้ ตามต้องการก็อาจจะหาวิธีที่จะได้มาซึ่งสิ่งของที่ต้องการ ไม่ว่าจะถูก
หรือผิด จากการสำ�รวจขององค์กร Nano Search จากเว็บไซด์ http://www.nanosearch.co.th พบว่าวัยรุ่นมีพฤติกรรมคลั่งไคล้วัตถุ นิยมทีส่ ามารถเห็นได้ชดั เจน วัยรุน่ สมัยใหม่ให้ความสำ�คัญทางด้านวัตถุ มากกว่าจิตใจ สุรุ่ยสุร่าย นิยมสินค้ายี่ห้อดัง ราคาแพงและเปลีย่ นบ่อยๆ ต้องทันสมัยตลอด รักสนุก สุขนิยม ใช้ชวี ติ สำ�ราญ ผลาญทรัพยากร โดยไม่ คำ�นึงถึงความเสียหายทีจ่ ะเกิดขึน้ ในอนาคต เห็นแก่เงิน เห็นแก่ได้ ทำ�ทุก อย่างให้ได้มาซึง่ เงิน โดยไม่ค�ำ นึงถึงศีลธรรมจริยธรรม ความถูกต้อง ชอบ อิงผู้มีอำ�นาจ เพื่อนำ�ไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง ให้ความสำ�คัญกับวัฒนธรรมต่างชาติของตน และอยากเป็นทีย่ อมรับของ บุคคลทัว่ ไป จึงต้องใช้สนิ ค้าราคาแพง เพื่อโอ้อวดว่าตนเองไม่ได้ด้อยไป กว่าใครๆ ปัญหาการใช้สินค้าราคาแพงของวัยรุ่นไทยสมัยใหม่ เป็นสิง่ ทีไ่ ม่สมควรและไม่ถกู ต้อง เนือ่ งจากวัยรุน่ ยังเป็นเพียงนิสติ นักศึกษา ซึง่ ยังหาเงินเองไม่ได้ จึงจำ�เป็นต้องขอพ่อแม่อยู่ และถ้าพ่อแม่ไม่มีให้ก็จะ มีวิธีการต่างกันในการเรียกร้องความสนใจจนในที่สุดพ่อแม่ต้องหามา ให้ในสิ่งที่ต้องการ สังคมไทยนับวันยิ่งเปลี่ยนไปตามกระแสค่านิยม วัฒนธรรม ดีๆ เริม่ สูญหายไป เพียงเพราะการทีไ่ ม่มใี ครมาใส่ใจเรือ่ งเล็กๆ น้อยๆ ที่ อาจมีผลกระทบต่อสังคมหลายๆ เรื่องไม่ว่าปัจจุบันนี้จะเปลี่ยนแปลง ไปมากแค่ไหน เราสามารถฟืน้ ฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เพียงปลูกจิต สำ�นึก ให้ความรูเ้ กีย่ วกับเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำ�รัส สังคม ไทยก็จะมีสง่ิ ดีๆ เกิดขึ้น อัตราการซื้อสินค้าราคาแพงมาใช้ ก็อาจลด จำ�นวนลงได้ เมื่อยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลง กลุ่มวัยรุ่นหันมาเลือกใช้สิน ค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงในอัตราทีส่ งู ขึน้ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ทัง้ ทีเ่ ป็นรูปธรรมและนามธรรม สิง่ ต่างๆ เหล่านีเ้ กิดมาจากพืน้ ฐานทาง ด้านครอบครัวและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ข้าง แต่สาเหตุดังกล่าวก็สามารถ แก้ไขได้ โดยการปลูกฝังจิตสำ�นึกเกีย่ วกับค่านิยม ไม่ยดึ ติดกับเงินทองหรือ สิง่ ของ เพราะความสุขที่แท้จริงคือความพอดีและพอเพียง
โกง โกง โกง
โง่งมงาย งกเงิ่น เงินหงาย หอกหัก เห่าหอนโหย โห่ให้ หากเห่า แห่แหนหอน หามแห่ ค่อนโคตร คอยคุยคุ้ง คอยใคร โอดโอย เอ็ดโอฐอ้าง เอาเอง โกงเก่ง โกงกินกัน กัดกล้า ขอขอด ของเขาขาย เขินขาด ส่อเสียด แสบสุดเส้า เสียศรี พอที พอได้แล้ว พอเลย หยุดยุ่ง หยุดยวนยี หยุดแย ชูชาติ ชูชัยเชิญ ช่วยชาติ ดีเด่น ดังโดดได้ โดยดี แลนา
โดย : สองยา
โดย : นายประสาสน์ รัตนปัญญา
ข่าวสังคมและสิ่งแวดล้อม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
9
คดีฟ้องร้องโรงงานน้ำ�ตาล ต่อจากหน้า 1 และโรงงานน้�ำ ตาลวังขนาย อำ�เภอโกสุมพิสยั จังหวัดมหาสารคาม เรื่องตั้งโรงงานโดยไม่ผ่าน การทำ�ประชาพิจารณ์ ซึ่งดำ�เนินการฟ้องตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 จากนายประสาสน์ รัตนปัญญา และผู้ช่วย ศาสตราจารย์บุญเลิศ สดสุชาติ สองผู้รับมอบอำ�นาจ จากผูฟ้ อ้ งคดี ได้เผยถึงสาเหตุการฟ้องร้อง และขณะนี้ เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล นายประสาสน์ รัตนปัญญา ประธานชมรม ภูมปิ ญั ญาอีสานผูร้ บั มอบอำ�นาจจากผูฟ้ อ้ งคดี ได้เปิด เผยถึงสาเหตุการฟ้องร้องอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและโรงงานน้ำ�ตาลวังขนายว่า เหตุที่ฟ้องอธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพราะออกใบอนุญาตขัดต่อ มติของชาวจังหวัดมหาสารคาม และฟ้องโรงงานน้ำ� ตาลวังขนายเป็นจำ�เลยทีส่ อง ในขณะนัน้ ผูว้ า่ ราชการ จังหวัดให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 14 คน เพื่อหาข้อมูล ว่าเหมาะสมที่จะตั้งโรงงานหรือไม่ คณะอนุกรรมการ จึงตระเวนสำ�รวจโรงงานน้ำ�ตาลที่อำ�เภอน้ำ�พองเป็น เวลา 1 ปี สอบถามนายกเทศมนตรีตำ�บลน้ำ�พอง ผู้ อำ�นวยการโรงพยาบาลอำ�เภอน้ำ�พอง และชาวบ้านที่ ทำ�งานอยู่ในโรงงานน้ำ�ตาล ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ทีโ่ รงงานน้�ำ ตาลเข้ามาตัง้ ทีอ่ �ำ เภอน้�ำ พอง จึงได้ทราบ ถึงความเห็นของชาวบ้านที่อำ�เภอน้ำ�พองว่าส่งผลเสีย มากกว่าประโยชน์ เช่น น้�ำ ฝนทีไ่ หลมาตามรางน้�ำ จะ มียางเหนียวๆ ไม่สามารถใช้ได้ เสื้อผ้าที่ตากไว้ก็จะ ติดฝุ่นจากโรงงานน้ำ�ตาล เป็นต้น นอกจากนั้นยังได้ ให้ขอ้ มูลจากทางโรงพยาบาลน้�ำ พองว่า ในช่วงฤดูหบี อ้อย ชาวบ้านจะป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจสูงถึง 70% สาเหตุมาจากการเผาชานอ้อย ทำ�ให้ฝุ่นกระจาย จึงนำ�ความเห็นเสนอผูว้ า่ ฯ และดำ�เนินการฟ้องอธิบดี กรมโรงงานอุ ต สาหกรรมที่ อ อกใบอนุ ญ าตขั ด กั บ ความต้องการของชาวบ้าน นายประสาสน์ ยังกล่าวถึงเรื่องคดีที่ยื่น ฟ้องต่อศาลว่า ตอนนีเ้ รือ่ งคดียงั ค้างอยูท่ ศ่ี าล ยังไม่ได้ วินิจฉัย ถ้าศาลพิจารณาตัดสิน ทางโรงงานก็ต้องผิด เพราะการตัง้ โรงงานขัดกับความต้องการของชาวบ้าน ผศ.บุญเลิศ สดสุชาติ ประธานสมัชชาคุม้ ครองผูบ้ ริโภค จ.มหาสารคาม หนึง่ ในผูร้ บั มอบอำ�นาจ จากผูฟ้ อ้ งคดี ได้เผยถึงสาเหตุทฟ่ี อ้ งอธิบดีกรมโรงงาน อุตสาหกรรมว่า อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมอนุญาต ให้ตง้ั โรงงานโดยไม่ถกู ต้อง คือไม่ปฏิบตั ติ ามความเห็น ของภาคประชาชน และไม่ทำ�ประชาพิจารณ์ ทางผู้ ว่าราชการจังหวัดเสนอความเห็นว่าไม่ควรตัง้ แต่ทาง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมกลับอนุญาต เพราะ ฉะนั้นภาคประชาชนจึงต้องฟ้องร้อง ผศ.บุญเลิศ ได้เปิดเผยด้วยว่า ในการฟ้อง ร้องต่อศาลนั้นต้องให้คนที่ได้รับผลกระทบและอยู่
โรงงานน้ำ�ตาลวังขนาย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบ้านหนองกุงน้อย ตำ�บลแก้งแก อำ�เภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
ใกล้กับโรงงานน้ำ�ตาลมากที่สุดเป็นผู้ยื่นฟ้องจึงได้ ผูใ้ หญ่บา้ น บ้านบ่อน้อย เซ็นชือ่ มอบอำ�นาจให้ และนำ� เรือ่ งนีข้ น้ึ ฟ้องต่อศาล แต่ตอนนีเ้ รือ่ งเงียบไป อยูร่ ะหว่าง การทำ�หนังสือไปถึงศาลเพื่อสอบถามความคืบหน้า ของคดี จากการที่ผู้สื่อข่าวไปขอข้อมูลความคืบ หน้าคดีนายประสาสน์ และ ผศ.บุญเลิศ ยื่นเรื่องฟ้อง ร้องโรงงานน้�ำ ตาลวังขนาย อ.โกสุมพิสยั จ.มหาสารคาม ต่อศาลปกครองขอนแก่นนัน้ ไม่ได้รบั การเปิดเผยใดๆ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา วินิจฉัย ซึ่ง ต้องใช้ระยะเวลาสองถึงสามปี ส่วนเรื่องของการทำ�ประชาพิจารณ์นั้น ผศ.บุญเลิศ เปิดเผยว่า มีขอ้ สงสัยว่าเป็นการแอบอ้าง เนื่องจากทางโรงงานได้เอารายชื่อชาวบ้านที่ยินยอม มาให้ดู ปรากฏว่าลายมือเหมือนกันหมด จึงขอให้ศาล เข้าไปตรวจสอบความจริง ซึง่ ในการทำ�ประชาพิจารณ์ นัน้ ต้องมีการประชุม โดยเชิญผูอ้ ยูใ่ นส่วนทีจ่ ะได้รบั ผล กระทบไปคุย แต่ทางโรงงานถามเฉพาะคนที่อยู่รอบ หมู่บ้าน และบอกเพียงผลดีแต่ไม่บอกถึงผลเสียที่จะ เกิดขึ้น ผศ.บุญเลิศ กล่าวถึงผลกระทบที่อาจจะ เกิดขึ้นด้วยว่า โรงงานตั้งอยู่ติดกับห้วยถ้ำ�เต่า ซึ่งอยู่ ติดแม่น�ำ้ ชี อาจเป็นไปได้วา่ จะเกิดอุบตั เิ หตุน�ำ้ ล้น น้�ำ ท่วม แล้วน้�ำ เสียไหลลงสูแ่ ม่น�ำ้ ชี ผศ.บุญเลิศ ยังกล่าว ต่อไปว่า “ไม่มีกลุ่มอนุรักษ์น้ำ�ชี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อม ไม่มใี ครตืน่ ตัว เราก็เลยต้องต่อสูก้ นั เพียงสองคน แต่วา่ ผ่านมาหลายปีแล้วยังไม่มอี ะไรเลย ซึง่ ก็รออยูว่ า่ เมื่อไรศาลจะตัดสิน” จากการสอบถามครูโรงเรียนบ้านหนองกุงวันดีประชาสรรค์ เรือ่ งผลกระทบทีไ่ ด้รบั จากโรงงาน น้ำ�ตาล ได้รับคำ�ตอบว่า ได้รับผลกระทบในเรื่องของ ฝุน่ ละออง หากโดนหน้าจะรูส้ กึ ชา เวลาโรงงานหีบอ้อย ลมจะพัดฝุน่ ละอองมาทางโรงเรียน ฝนตกช่วงนีไ้ ม่กล้า นำ�น้ำ�มาดื่ม นักสิ่งแวดล้อมของโรงงานน้ำ�ตาลจะมา ตรวจฝุน่ ละอองในช่วงทีม่ ลี มพัดแรง เพราะฝุน่ ละออง จะกระจาย แล้วแจ้งว่ามีปริมาณไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน
เมื่อไปสอบถามนางเขียว สีเสนซุย ชาว บ้านหนองกุงน้อย ต.แก้งแก อ.โกสุมพิสัย กล่าวว่า การที่โรงงานมาตั้งในพื้นที่ก็ทำ�ให้ชาวบ้านมีรายได้ ไม่ตกงาน คนในหมู่บ้านนี้ก็ล้วนแต่ไปทำ�งานในโรง งาน ผลกระทบก็ไม่เท่าไร อาจมีบา้ งเวลาหีบอ้อย จะ ได้ยินเสียงเครื่องจักรจากโรงงานที่ส่งเสียงดังรบกวน แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะก็รู้สึกชิน ส่วนด้านอากาศ เวลาโรงงานมีการหีบอ้อย ฝุ่นละอองก็จะฟุ้งกระจาย เข้าสู่หมู่บ้านและชุมชนต่างๆ ตามทิศทางลม ซึ่งผล กระทบสะสมทีเ่ ห็นได้ชดั ได้แก่ มีคราบละอองสีด�ำ ติด อยู่ตามสังกะสีหรือหลังคาบ้าน สังเกตได้เวลาฝนตก ครั้งแรก น้ำ�จะเป็นสีดำ� ส่วนที่ว่าระบบบำ�บัดน้ำ�เสีย ของโรงงานนั้น ทางโรงงานมีการขุดลอกสระเพิงกัก เก็บน้ำ�เสียและบางปีฝนตกหนัก น้ำ�จะล้นบ่อและน้ำ� เสียไหลลงไปในห้วยถ้ำ�เต่า จากรายงานผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำ�บล บ้านขิงแคง ต.แก้งแก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึง วันที่ 29 มิถุนายน 2554 พบว่ามีผู้ป่วยที่เป็นโรค ระบบหายใจมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จาก 21 กลุ่มโรค คือ 2,634 คน จากประชาชนทีม่ าทำ�การรักษาทัง้ หมด 9,392 คน นางสมภาร ศิริมูล พยาบาลวิชาชีพชำ�นาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำ�บล บ้านขิงแคง อำ�เภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า มีผล กระทบในเรือ่ งกลิน่ เรือ่ งระบบทางเดินหายใจ ชาวบ้าน ทีม่ ารับการรักษาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสาเหตุเกิดจาก โรงงานน้�ำ ตาลวังขนาย ซึง่ ตอนนีย้ งั ไม่มน่ั ใจในสาเหตุ ที่แท้จริง อาจเกิดจากมลพิษทางอากาศ แต่อนาคต โรงงานน้ำ�ตาลส่งผลกระทบแน่นอน ซึ่งจะเกี่ยวเนื่อง กับระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ไอ จาม ส่วนพนักงาน โรงงานก็จะได้รับผลกระทบโดยตรง จากการสอบถามชาวบ้าน บ้านหนองกุงเต่า ถึงการทีม่ โี รงงานน้�ำ ตาลมาตัง้ ทีอ่ �ำ เภอโกสุมพิสยั ชาวบ้านได้ให้ความเห็นว่า ผลดีคือ ไม่ต้องไปส่งอ้อย ไกล ทุกหมูบ่ า้ นทีอ่ ยูร่ อบๆ โรงงาน ต่างผันตัวเองจาก
นายประสาสน์ รัตนปัญญา (ประธานชมรมภูมิปัญญาท้องถิ่น)
ชาวนามาปลูกอ้อย ทำ�ให้ไร่ออ้ ยขยายเป็นจำ�นวนมาก ขึ้น ชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็ไปเป็นพนักงานโรง งานน้ำ�ตาล ชาวบ้านหนองกุงเต่า ได้กล่าวอีกว่า “ผล กระทบทีเ่ ห็นได้ชดั จากโรงงาน คือฝุน่ ละอองจากการ หีบอ้อย ส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดิน หายใจ ช่วงแรกทีเ่ ปิดโรงงานยังไม่มรี ะบบบำ�บัดน้�ำ เสีย จึงปล่อยน้�ำ เสียลงห้วยถ้�ำ เต่า และลำ�ห้วยก็ไหลลงสูแ่ ม่ น้ำ�ชี ผลเสียนั้นมีมาก แต่ต้องยอมรับ เพราะชาวบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร แต่การที่โรงงานตั้งอยู่ใกล้ก็มี ผลดี คือประหยัดในเรือ่ งการขนส่ง และทำ�ให้ชาวบ้าน มีอาชีพ ส่วนผลเสียทีจ่ ะตามมานัน้ มีแน่นอน แต่กต็ อ้ ง จำ�ยอม ทางโรงงานเคยบอกกับชาวบ้านว่า โชคดีแล้ว ที่มีโรงงานอยู่ใกล้บ้าน ส่วนในเรื่องน้ำ�อุปโภคบริโภค นั้น ในอนาคตภายใน 5 - 10 ปี ข้างหน้า อาจต้องซื้อ เครื่องกรองน้ำ�มาใช้ และคงต้องซื้อน้ำ�ดื่ม จากการสอบถาม อ.สุนันทา เลาวัณย์ศิริ อาจารย์ประจำ�คณะสิง่ แวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ถ้าโรงงานไม่มรี ะบบ จัดการที่ดีพอ ของเสียต่างๆ เช่น น้ำ�เสียที่เกิดจาก กระบวนการหีบอ้อยหรือกระบวนการทำ�น้ำ�ตาลนั้น ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะถ้าปล่อย ลงแม่น�ำ้ ก็จะส่งผลเสียต่อสิง่ มีชวี ติ ทุกประเภทที่อาศัย อยู่ในแหล่งน้ำ� เป็นการตัดตอนระบบนิเวศถ้าระบบ บำ�บัดน้�ำ เสียเป็น บ่อดิน อาจมีการซึมลงไปสู่น้ำ�ใต้ดิน ได้ซึ่งน้ำ�เสียจากโรงงานน้ำ�ตาลเป็นน้ำ�เสียที่มีความ เข้มข้น เมื่อไหลลงในแหล่งน้ำ�ก็จะทำ�ให้นำ�้ เน่าเสีย เพราะน้ำ�ขาดออกซิเจนส่วนเขม่าควันที่ลอยขึ้นไปใน อากาศควันเหล่านีจ้ ะทำ�ให้เกิดฝนกรด ดร.อวยชัย วะทา อาจารย์ประจำ�คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม และประธานสมัชชาสิ่งแวดล้อมภาค อีสานกล่าวว่า จากทีต่ นเองได้ตดิ ตามเรือ่ งนีร้ ว่ มกับทาง ผศ.บุญเลิศ ชมรมสิ่งแวดล้อม ทางชมรมวัฒนธรรม
อ่านต่อหน้า 10
10
ข่าวสังคมและสิ่งแวดล้อม
คดีฟ้องร้องโรงงานน้ำ�ตาล ต่อจากหน้า 9 อีสานและคุ้มครองผู้บริโภคมาตลอด และได้รณรงค์ คัดค้านเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2547 ก่อนที่จะมีการก่อตั้ง โรงงานน้ำ�ตาล พยายามกระตุ้นทั้งชาวบ้านและสื่อ มวลชนในด้านต่างๆ แต่ปรากฏว่าในขณะนัน้ ถูกครอบงำ�จากข้าราชการประจำ�และนักการเมือง ตนเองก็ได้ ผลักดันให้มีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ
เรือ่ งนี้ ซึง่ คณะอนุกรรมการได้รว่ มกับหอการค้าจังหวัด มหาสารคาม และได้ไปดูงานที่จังหวัดขอนแก่น โรง งานน้�ำ ตาล อ.น้�ำ พอง และทีอ่ น่ื อีกหลายแห่ง มีความ เห็นว่าไม่ควรก่อสร้างและได้ยื่นหนังสือในนามคณะ อนุกรรมการของจังหวัดไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมและสำ�นักนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่าด้วยผู้มีอิทธิพลของฝ่ายการเมืองมีการ ย้ายใบอนุญาตลอยจากจังหวัดกาญจนบุรีมาที่นี้โดย
ปีที่ 7 มิชอบ หน้าทีศ่ าลปกครองมีการตัดสินโดยรวดเร็ว ถ้า ไม่ถูกผู้มีอิทธิพลแทรกแซง อย่างไรก็ตามถึงแม้ศาล ปกครองชั้นต้นจังหวัดขอนแก่นจะตัดสินอย่างไรก็ แล้วแต่ หากไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงกลุม่ องค์กร ชาวบ้านก็สามารถฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ ซึ่งมี หลายกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินได้ ดร.อวยชัย กล่าวอีกว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่อง ที่ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาประเทศผิดทิศทาง จากการ
โลกเล็กเขียว
ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554 พยายามนำ�อุตสาหกรรมลงมาในพืน้ ที่ ทำ�ให้มกี ารทำ� ลายสิง่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และมีการให้ ข้อมูลให้ชาวบ้านหลงเชื่อว่าโรงงานดี ข้าราชการและ นักวิชาการรูเ้ ห็นเป็นใจ ผลทีต่ ามมาก็มกี ารสมยอมกัน แม้แต่ศาลปกครองเองก็ตดั สินล่าช้า นายทุนก็ยงั หน้า หนา ไม่เคารพกฎกติกาของสังคม เห็นแก่ได้” เมื่อสอบถามไปยังโรงงานน้ำ�ตาลวังขนาย ได้ปฏิเสธการให้สมั ภาษณ์ตอ่ กรณีการฟ้องร้อง
โดย : แอลพี สีเขียว
- เช้าไม่ชื่น -
ต้องขอชืน่ ชมไว้เป็นเบือ้ งต้นก่อนว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคามโดยผู้บริหารชุดนี้ “คิดเขียว” ที่ ว่าคิดเขียวก็เพราะดูเหมือนตลอดสองสามปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ทุ่มเทอย่างมากกับการเนรมิตให้ทุก พื้นที่ภายในสถาบันกลายเป็น “พื้นที่สีเขียว” ให้จงได้ นโยบาย Green Campus ได้เดินหน้ามาพักใหญ่แล้ว มีการระดมปลูกต้นไม้ใบหญ้า ตกแต่งประดับประดา เพื่อให้ มมส เป็น”มหาวิทยาลัยสีเขียว” หลังจากที่ ตัดต้นไม้ที่มีอยู่ดั้งเดิมเกือบเหี้ยนเตียนเพราะหลีก ทางให้ตึกรามอาคารลงหลักปักฐาน จนชาวบ้านรอบ มหาวิทยาลัยต้องออกมาโวยวายอยู่เป็นระยะ การคิดถึงพื้นที่สีเขียวนับเป็นเรื่องดี นอก จากอินเทรนด์ตามกระแสแล้วยังเป็นแนวทางหนึ่งที่ ช่วยลดสภาวะโลกร้อน จึงได้แต่หวังว่าต่อไปนีเ้ ราคง อยู่ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ ได้สัมผัสความชุ่ม ชื่นสดงามของธรรมชาติภายในมหาวิทยาลัย อีกไม่ นาน มมส คงมีนกกาพากันมาอาศัยให้ชมรมคนรักนก ได้ส่องกล้องดูนกกันอย่างมีความสุข อีกห้าปีสิบปีที่นี่ จะกลายมหาวิทยาลัยในท่ามกลางธรรมชาติที่อุดม สมบูรณ์ไม่แพ้ป่าดอนปู่ตาหรือป่าที่อยู่ในวัดป่านั่นแล เคยถือโอกาสเข้ามาปั่นจักรยานรอบๆ แคมปัสในตอนเช้าๆ ที่ประชาชนคน มมส ยังไม่ตื่น ท้องถนนที่เคยจอแจจนถึงขั้นสับสนอลหม่านเงียบ สงบ ยิง่ ในตอนเช้าของฤดูฝนบรรยากาศยิง่ สดชืน่ สวย งาม สามารถสูดอากาศได้เต็มปอดโดยจนลืมนึกถึง เพลง “สารคามแดนฝุ่น” เสียสนิท ปั่นรถไปก็ยังนึก เผื่อแผ่อยากให้คนอื่นตื่นมาสัมผัสบรรยากาศเช้าชื่น อย่างนี้บ้าง แต่อย่างว่านั่นแหละ ประชาชนคน มมส ส่วนใหญ่เป็นพวก “คงแก่เรียน” กลางคืนเขาไม่ค่อย ได้หลับได้นอนกันหรอก จะให้ตื่นมาทักทายอากาศ ยามเช้าคงยาก วันก่อนได้อา่ นสารคดีของนิสติ คนหนึง่ เผยข้อมูลว่า ยามเช้าในบริเวณพืน้ ทีร่ อบมหาวิทยาลัย
มีพระออกบิณฑบาตมาตามถนนสายหลัก แต่น่า แปลกใจทีห่ าคนใส่บาตรได้นอ้ ยมาก ลองเทียบสัดส่วน ระหว่างจำ�นวนนิสิตของ มมส กับจำ�นวนคนที่ออกมา ใส่บาตรแล้ว มันยิ่งชวนให้ตระหนกตกใจเข้าไปอีก อยากบอกคนเขียนสารคดีเรื่องนี้ว่าอย่าได้แปลกใจไป เลย เพราะเร็วๆ นี้มีการสำ�รวจจำ�นวนคนไทยที่เคย เข้าไปทำ�บุญในวัด ปรากฏว่ามีน้อยมากจนไม่น่าเชื่อ ว่านี่คือเมืองพุทธศาสนาเสียด้วยซ้ำ� กลับมาเรือ่ งเขียวๆ กันดีกว่า ประสาทีเ่ ป็น ประชาชนคน มมส กับเขาคนหนึง่ บอกตรงๆ ว่าเริม่ มี ความสุขกับการได้สมั ผัสความสดเขียวในรัว้ มหาวิทยาลัยมากขึ้นกว่าเดิม จนบางทีก็ลืมๆ เรื่องต้นอินทผา ลัมหน้าถนนใหญ่ไปเลย ล่าสุดเห็นมีการขึ้นป้ายราย เรียงตามถนน เน้นอัตลักษณ์ของคน มมส ว่าต้องอย่าง นั้นอย่างนี้ แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่โดนใจเอามากๆ คือการ กำ�หนดว่า นิสิตชาวมมส จะต้องรักธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม เวลาปั่นจักรยานผ่านป้ายที่ว่าทีไรก็อดยิ้ม อย่างมีความสุขเสียไม่ได้ ออกจากบริเวณมหาวิทยาลัยสีเขียวใน เขตขามเรียงท่าขอนยางกลับมาที่ ม.เก่า ผ่านถนนสาย
หลักหน้าโรงอาหารและหอพักเก่า พลันหัวใจทีแ่ ช่มชืน่ิ ก็คนื สูค่ วามล่มสลาย เมือ่ พบว่าต้นหูกวางเก่าแก่หน้า อาคาร ๓ (เดิม) ทีเ่ คยยืนต้นแผ่รม่ เงาเฝ้าตูเ้ อทีเอ็มมา นานหลายสิบปีถกู หัน่ โคน โดนตัดเสียจนเหลือิ แต่ตอ พร้อมกับความรู้สึกเสียดายระคนโกรธแค้นที่แล่นขึ้น ปริ๊ดๆ นี่ถ้าเป็นเรยา รับรองได้ว่าเธอต้องกระทืบเท้า รัวถี่ ก่อนตะเบ็งเสียงกรี๊ดยาวๆ ออกมาเป็นชุดๆ ว่า เหม่!ๆ ใครหนอที่บังอาจมาตัดโค่นต้นไม้ภายในพื้นที่ สีเขียว ต้นหูกวางเฒ่าเหล่านี้มันทำ�ผิดอะไรถึงได้ลง โทษรุนแรงเสียขนาดนัน้ คนตัดไม่รเู้ ลยหรือไรว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคามน่ะถูกประกาศให้เป็น “พื้นที่สี เขียว ”มาตั้งนานแล้ว พูดให้แรงกว่านี้ก็ต้องว่า “แล้ว ต้นหูกวางมันไปหนักอวัยวะที่รองรับหมวกนิรภัยของ ใครเข้า ถึงต้องมาสำ�เร็จโทษมันเสียเหี้ยนเตียนเลี่ยน โลง” คนตัดรู้ไหมว่า การกระทำ�เช่นนี้มันสวนทางกับ นโยบายของผู้บริหารนั่นทีเดียว จอดรถยืนไว้อาลัยให้กับต้นหูกวางชรา พักใหญ่ สักพักเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งขับรถชอปเปอร์ มาจอด พร้อมล้วงเอาไอโฟน มาถ่ายรูปซากต้นหู
กวางอยู่ฉับๆ เขาถ่ายไปบ่นไปด้วยสีหน้าแค้นเคือง เป็นอย่างยิง่ ก่อนสบถพึมพำ�พอจะจับความได้วา่ “แม่ง ใครมาตัดวะ ต้นหูกวางมันอยู่ของมันดีๆ มันหนักหัว ใครไม่ทราบ นี่หรือที่ว่ามหาวิทยาลัยสีเขียว ห.่.. ดีแต่ พูดนี่หว่า” เช้าชืน่ พลันคืนเครียด คนชืน่ ชมสีเขียวและ มีหัวใจเขียวๆ อย่างเราเลยรีบจูงจักยานออกมาจาก ตรงนั้น คำ�พูดของเด็กหนุ่มผู้เกรีี้ยวกราดยังก้องเต็ม สองหู ตอนออกรถจากมาก็อดรูส้ กึ เป็นห่วงคนตัดต้น หูกวางอยู่ครามครัน ต้นไม้ในมหาวิทยาลัยใครล่ะจะ มากล้าตัด ถ้าไม่ใช่คนงานคนสวนของมหาวิทยาลัย แล้วคนงานคนสวนหน้าไหนล่ะจะกล้าตัด ถ้าไม่ถูก เจ้านายสั่งให้ตัด? นัน่ นะสิ.. ใครหนอ ทีก่ ล้าสัง่ การ ไม่รหู้ รือ ว่านี่มันขัดกับนโยบาย “มหาวิทยาลัยสีเขียว” ชัดๆ แล้วนี่ถ้าผู้บริหารสูงสุดท่านรู้เข้า.... โอ!...แค่นึกก็ให้ขนพองสยองเกล้าอย่างไร ไม่รู้สิ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
11
12
สารคดีเชิงข่าว
ภายหลังที่พรรคเพื่อไทยกำ�ชัยชนะในศึก เลือกตัง้ 3 กรกฎาคม 2554 ทีผ่ า่ นมาอย่างเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด และมีโอกาสในการจัดตัง้ รัฐบาลชุดใหม่ หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ สือ่ ของเขมร รายงานว่า สมเด็จ ฮุนเซน ผู้นำ�เขมร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลชุด ใหม่ของไทย ที่นำ�โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น่าจะ มาช่วยแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนได้ “เราจะก้าวเข้า สูย่ คุ ใหม่ของการร่วมมือ ระหว่างกัมพูชากับไทย” ทัง้ ประชาชนชาวกัมพูชาและทหารตามแนวชายแดน ต่างยินดีกับชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ผู้นำ�เขมรยัง กล่าวอีกว่าตนได้สง่ สารแสดงความยินดี น.ส.ยิง่ ลักษณ์ ว่าที่นายกฯคนใหม่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.ค. โดยแสดง ความเชือ่ มัน่ ว่า ผูน้ �ำ ประเทศไทยคนใหม่ จะนำ�ประเทศ ไทยเดินเข้าสู่ยุคใหม่และจะมอบความสงบบริเวณ พื้นที่ชายแดนให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ใครต่อใครหลายคนก็คาดหวังว่าจะเป็น เช่นนั้น แต่ก่อนที่สถานการณ์ทางการเมืองของไทย เปลี่ยนโฉมหน้าเพียงเล็กน้อย พวกเราได้เดินทางไป เยีย่ มหมูบ่ า้ นเล็กๆ ในอำ�เภอพนมดงรัก ทีเ่ มือ่ ไม่นาน มานี้กลายเป็นสมรภูมิเลือดด้วยเหตุปะทะกันระหว่าง ทหารไทยและกัมพูชา พืน้ ทีซ่ ง่ึ รอยเท้าของสงครามยัง ไม่จางหาย และยังถูกปิดป้ายไว้วา่ เป็นเขตประสบภัย พิบัติ วันนี้ชีวิตคนตัวเล็กตัวน้อยแถบชายแดนด้านนี้ เป็นอยู่กันอย่างไร ภายหลังเหตุการณ์ “พนมดงรัก พนมดงเลือด” เพิ่งผ่านไปไม่ทันนาน โปรดตามเรามา....
ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554 ในช่วง เช้ าได้ เ กิ ด การปะทะกั น ขึ้ น บริ เ วณจั ง หวั ด สุ ริ น ทร์ ด้านปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก เรื่อย มาจนถึงปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
รัก ทำ�ให้ทหารไทยเสียชีวิต 4 นายและบาดเจ็บอีก 14 นายมีการพบลูกกระสุนปืนใหญ่ฝา่ ยทหารเขมรยิง เข้าตกมายังฝัง่ ไทยทีบ่ ริเวณฝายน้�ำ ล้น บ้านสายโท 12 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ 1 ลูก พร้อมได้ยิน เสียงปืนดังตลอดเวลาจึงต้องทำ�การอพยพชาวบ้าน ราว 2,500 คน ออกจากพืน้ ทีท่ างกระทรวงต่างประเทศ ของไทยได้ส่งหนังสือประท้วงอย่างรุนแรงที่สุดผ่าน เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำ�ประเทศไทยหลังจาก เกิดเหตุการณ์การปะทะผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ประกาศให้อำ�เภอบ้านกรวดเป็นพื้นที่ประสบภัย พิบัติภาวะสงครามทัง้ อำ�เภอ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่ า การกระทรวงมหาดไทย ได้ ป ระกาศ ให้บริเวณปราสาทตาเมือนธม หมูท่ ่ี 8 ตำ�บลตาเมียง พื้นที่หมู่ที่ 1-15 ตำ�บลแนงมุด หมู่ที่ 1-14 ตำ�บลโคก ตะเคียน หมูท่ ี่ 1-20 ตำ�บลกาบเชิง หมูท่ ี่ 1-18 ตำ�บลด่าน หมู่ที่ 1-9 ตำ�บลตะเคียน อำ�เภอพนมดงรักในพืน้ ที่ หมูท่ ่ี 1-20 ตำ�บลบักได หมูท่ ่ี 1-12 ตำ�บลตาเมียง หมู่ที่ 1-12 ตำ�บลจีกแดก หมู่ที่ 1-11 ตำ�บลโคกกลาง จังหวัดสุรินทร์ ทั้ง 2 ตำ�บล เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ อันเนื่องจากกองกำ�ลังจากนอกประเทศ
บรรยากาศหมู่บ้านชายแดน
โรงเรียนประจำ�อำ�เภอพนมดงรัก จังหวัด สุรนิ ทร์ เป็นโรงเรียนหนึง่ ทีเ่ คยเป็นศูนย์อพยพเมือ่ เหตุการณ์ความไม่สงบทีผ่ า่ นมา โรงเรียนแห่งนีม้ นี กั เรียน ประมาณ 3,000 คน บรรยากาศยามค่ำ�คืนเต็มไปด้วย ความเงียบเหงา วังเวง ด้วยความทีบ่ ริเวณรอบๆ เต็มไป ด้วยป่าและทุ่งนา มิหนำ�ซ้ำ�ยังน้อยมากที่จะเจอบ้าน หรื อ ร้ า นค้ า อยู่ บ ริ เ วณนั้ น มี เ พี ย งร้ า นหมู ก ระทะ เล็กๆ อยูเ่ ยือ้ งหน้าโรงเรียนไปเล็กน้อย ตามสองฟาก ถนนมืดและดูน่ากลัว ราวกับว่ามีดวงตาลึกลับคอย สอดส่องซุ่มซ่อนอยู่ในนั้น ชาวบ้านที่นี่จะเข้านอนกันแต่หัวค่ำ� บ้าน แต่ละหลังปิดไฟ เงียบสงัดคล้ายกับไม่มีคนอยู่อาศัย ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก บนถนนแทบไม่ มีรถสักคันวิง่ ผ่านหรือสวนทางไปทัง้ ๆ ทีเ่ วลานี้ ณ หมู่
พนมดงรั ก ...พ ร่องรอยสงคราม ท่ามกล
บ้านต่างๆ แถวบ้านเราหรือที่อื่นเป็นเวลารวมตัวกัน ของครอบครัว ไม่วา่ จะพบปะ พูดคุย หรือรับประทาน อาหารเย็นร่วมกัน แต่ทน่ี ไ่ี ม่มแี ม้แต่ไฟสักดวงเล็ดลอด ออกมาจากในบ้าน บางหลังดีหน่อยก็เปิดไฟหน้าบ้าน ไว้ให้พอสว่าง ทำ�ให้บรรยากาศแถวนั้นเงียบสงัดและ วังเวงมาก ในความมืดและความวังเวง อาจมีสง่ิ ลีล้ บั อยูภ่ ายในนัน้ บรรยากาศในแถบนี้ ทำ�ให้เราเกิดความ รูส้ กึ กลัวและผวาอยูไ่ ม่นอ้ ย ถึงเหตุการณ์จะยุตลิ งแล้ว แต่ความหวาดระแวงยังมีอยู่ ซึง่ ไม่ตอ้ งเอ่ยถึงชาวบ้าน ว่าจะเป็นอย่างไร เพียงแค่เราเดินทางไปอยูท่ น่ี น่ั เพียง ไม่ก่วี ัน ก็ทำ�ให้เราสัมผัสได้ถึงความหวาดระแวงบาง อย่างที่เกิดขึ้นในใจ เมื่อถึงเวลาออกสำ�รวจพื้นที่ เราเดินทาง ไปยังหมู่บ้านต่างๆ แล้วก็ได้หยุดอยู่ที่หมู่บ้านหนองคันนาเป็นที่แรก สิ่งที่น่าแปลกใจและน่าสงสัยตลอด การเดินทางคือ บังเกอร์ ทีม่ อี ยูต่ ามบ้านทุกหลัง ไม่วา่ จะเป็นหน้าบ้านหรือหลังบ้าน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีหมด ทุกหลัง บังเกอร์ เป็นหลุมหลบภัยทีใ่ ช้ส�ำ หรับหลบ ระเบิดหรือลูกปืนใหญ่เบือ้ งต้น เพราะทำ�ง่าย สะดวก วัสดุอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ท�ำ ก็หาง่าย เช่น ปูน สังกะสี กระสอบ ทราย นี่เป็นอุปกรณ์เบื้องต้นเท่านั้น บางทีก็ใช้ปูน ฉาบ บางอันก็ขดุ หลุมลงไปเฉยๆ แล้วเอาสังกะสีและ กระสอบทรายมาคลุม ซึ่งขนาดของหลุมก็แล้วแต่ว่า ในแต่ละหลังมีจ�ำ นวนสมาชิกเท่าไหร่ บางหลุมก็กว้าง หรือเล็กแล้วแต่ความสะดวกของเจ้าของบ้าน อย่าง เช่นทีโ่ รงเรียนบ้านหนองคันนา ทีม่ บี งั เกอร์ขนาดใหญ่ เพื่อจุเด็กนักเรียนในโรงเรียนอยู่สามจุด ซึ่งล้วนแต่ ฉาบด้วยปูนทั้งสิ้น ก็ถือเป็นเกราะป้องกันเบื้องต้น ให้กับชาวบ้านละแวกนั้น
ย้อนรอยสงครามแนวชายแดน
แม้วา่ หลายคนอาจจะยังสงสัยอยูว่ า่ เหตุการณ์ดงั กล่าวเกิดขึน้ มาได้อย่างไร ทัง้ ๆ ทีต่ น้ เหตุทแ่ี ท้ จริงเกี่ยวกับเขาพระวิหาร เกิดขึ้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ แต่มีใครบ้างที่จะรู้ถึงสาเหตุและเงื่อนงำ� อะไรบางอย่างที่แท้จริง ใครถูกใครผิด ก็ไม่อาจที่จะ มีใครล่วงรู้ได้ รวมถึงผลกระทบต่างๆ ที่ตามมา ธำ�รงค์ ทาทอง เดิมทีเป็นคนอำ�เภอบ้าน กรวด จังหวัดบุรรี มั ย์ เมือ่ เรียนจบแล้วได้ไปเป็นครูสอน หนังสือในโรงเรียนมัธยมประจำ�อำ�เภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในวันแรกของศึก สงครามให้ฟงั ว่า ระหว่างทีน่ อนอยูใ่ นบ้านพักครูได้ยนิ เสียงปืนใหญ่เวลาประมาณ 06.00 น. ของเช้าวันที่ 22 เมษายน สักพักนักการภารโรงได้โทรมาบอกว่า ให้ เตรียมพื้นที่ไว้ ชาวบ้านจะอพยพมา พูดยังไม่ทันจบ รถก็วง่ิ เข้ามาในโรงเรียนจำ�นวนมาก เนือ่ งจากเสียงปืน ดังใกล้ตรงนี้มาก ชาวบ้านจึงไม่กล้าอยู่ที่นี่ ย้ายไป อยู่ที่บ้านโคกกลาง บ้างก็ไปที่อำ�เภอปราสาท เพราะ ชาวบ้านคิดว่าแถวนี้ใกล้เกินไป บางส่วนก็อพยพไปที่ โรงเรียนโนนเจริญพิทยาคม จังหวัดบุรรี มั ย์ ผลกระทบ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้รับ บางส่วนมาจากการที่ขา้ ว ของเสียหาย รวมถึงสัตว์เลี้ยง มีโจรขโมยปล้นบ้าน ความหวาดระแวงยังมีอยู่มาก เสียงอะไรนิดหน่อย ก็เตรียมตัว และบ้านแต่ละหลังยังสร้างหลุมหลบภัย ให้ตนเองด้วยการทำ�บังเกอร์ กระทัง่ ปัจจุบนั ชาวบ้านก็ยงั คงหวาดกลัว อยู่ ถึงแม้สงครามจะเริม่ สงบลงไปบ้าง แต่กไ็ ม่ท�ำ ให้ ความกลัวของชาวบ้านหายไป ชาวบ้านยังคงดำ�เนิน ชีวติ ตามปกติ แต่กย็ งั คงอยูใ่ นสภาวะจิตใจทีร่ ะแวงว่า จะเกิดเหตุการณ์อย่างนีข้ น้ึ อีกหรือไม่ ซึง่ ก็ไม่อาจมีใคร
สารคดีเชิงข่าว
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
พนมดงเลื อ ด ลางการรอคอย... คาดเดาได้ พระมหาปัญโญ หลวงพ่อวัดบ้านหนองคันนา เล่าถึงเหตุการณ์วนั นัน้ ว่า หลังจากกลับมาจาก บิณฑบาต ประมาณ 06.15 น. ได้ยินเสียงปืนใหญ่ ประมาณ 5-6 นัด ผ่านวัดไปแตกบ้างไม่แตกบ้าง พอ วันที่ 2 ก็ยิงกันเหมือนเดิม จนกระทั่งวันที่ 3 ตกในวัด ประมาณ 12 ลูก ช่วงที่หนักสุด คือช่วงเวลา 17.00 18.00 น. ได้แตกทางอากาศ และที่อื่นๆ ภายในวัด แต่ทหารที่อยู่ในวัดก็ได้เก็บกู้ไปหมดแล้ว ชาวบ้านใน หมู่บ้านก็ต่างพากันอพยพไปยังที่ต่างๆ แต่หลวงพ่อ ไม่ได้ไปไหน เพราะบิณฑบาตไม่ได้ต้องอยู่กับทหาร พระมหาปัญโญ ยังกล่าวด้วยสีหน้าสลดใจ อีกว่า เขาก็ไม่ได้อยากรบกับเราสักเท่าไหร่ เพราะเขา ก็ต้องค้าขายกับเรา แต่ในเมื่อผู้ใหญ่สั่งมาเขาก็ต้อง ทำ� แล้วพวกทีร่ บกับเราก็ไม่ใช่เขมรของรัฐบาลแต่เป็น เขมรแดง แท้จริงแล้วเขมรอยู่อย่างลำ�บากมาก ไม่มี อันจะกินเห็นแล้วก็สังเวช แต่พวกที่อยู่ในเมืองก็จะ เจริญหน่อย ประเทศไทยเจริญถึง 100 เปอร์เซ็น แต่ เขมรยังอยู่ที่ 50 หรืออาจจะ 30 เปอร์เซ็น ชาวบ้าน แถวนี้มีที่ไร่ที่สวนอยู่ในเขตนั้นก็ไม่สามารถไปทำ�มา หากินได้ คิดดูวา่ ชาวบ้านเขาจะอยูก่ นั อย่างไร เพราะ ทหารไม่ให้เข้าไป เพราะเกรงว่าจะไปเหยียบลูกระเบิด หรือลูกปืนใหญ่ที่ตกอยู่แถวนั้น สะเก็ดลูกปืนใหญ่ คมยิ่งกว่ามีดโกน แทบไม่ตอ้ งคิดเลยว่าถ้าโดนคนแล้ว จะเป็นอย่างไร
คนเล็กๆ กับผลกระทบที่ได้รับ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสงครามนั้นมี มาก และส่วนมากจะเป็นคนเล็กๆ ทีไ่ ด้รบั ผลกระทบ และเมือ่ ได้รบั ผลกระทบแล้ว ก็ไม่มหี น่วยงานใดเข้ามา ดูแลหรือช่วยเหลือ อย่างที่นายจ๋อง โคประโคน ซึ่ง อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 192 หมู่ที่ 8 บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ประสบอยู่ บ้าน ของเขาโดนระเบิดตกใส่ได้รับความเสียหายจำ�นวน มากหลังคาบ้านพังออกไม่เป็นชิ้น แต่โชคยังดีที่ ณ ตอนเกิดเหตุ นายจ๋องไม่อยู่บ้าน “พึง่ จะกลับมาได้ 15 วัน อาศัยอยูค่ นเดียว ลูกกับภรรยาเสียชีวิตหมด เหลือลูกสาวคนเดียว แต่ ก็ไม่เคยทีจ่ ะมาดูแล ไปทำ�งานทีก่ รุงเทพฯ เพิง่ กลับมา ส่วนเรื่องบ้านมีโครงการหนึ่งตอนช่วงที่อพยพใหม่ๆ ได้เงินมา 10,000 บาท มาเยียวยา แล้วก็มีเงินทาง จังหวัดส่วนไหนไม่ทราบให้มา 33,700 บาท แต่ก็ใช้ ทำ�นัน่ ทำ�นีบ่ า้ ง แต่วา่ ไม่มจี ะซ่อมให้เลย แต่กไ็ ม่อยาก เอาเงินไว้เฉยๆ จึงไปซื้อวัวมาเลี้ยง 3 ตัว ก็ยังพอมี ต้นทุนทำ�มาหากินอยูบ่ า้ ง แต่ถา้ ซ่อมบ้านก็คงหมดไม่ เหลืออะไร ตอนนีก้ ย็ งั หวาดกลัวอยู่ ขนาดสุนขั ยังตกใจ แล้วนับประสาอะไรกับคน” นายจ๋องกล่าวด้วยสีหน้า หดหู่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ในตอนนี้ คงไม่มีใครกล้าพูดได้อย่างเต็ม ปากว่าไม่เกรงกลัวกับเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ไม่เว้นแม้แต่ สุนัขที่แทบไม่อยากจะเข้าใกล้คนเมื่อเวลาถูกเรียก ก็ ไม่ต่างกับคนที่ยังหวาดผวาอยู่ มีเสียงอะไรนิดหน่อย ก็เกิดความระแวง ลุงสนัน่ ป้าไร ซึง่ อาศัยอยูบ่ า้ นโคกกระชาย หมู่ที่ 10 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เล่าถึง เหตุการณ์ท่ีญาติของแกคนหนึ่งซึ่งเป็นใบ้โดนระเบิด ตกใส่และได้รบั ความบาดเจ็บไม่นอ้ ยว่า แกเป็นคนใบ้ หูหนวก วันนั้นยืนพันยาสูบอยู่ แล้วอยู่ดีๆ ระเบิดก็ ตกลงมาใส่ ด้วยความทีแ่ กเป็นใบ้จงึ ไม่ได้ยนิ เสียง และ
X
n e g -
ไม่สามารถรับรูไ้ ด้วา่ ระเบิดมาตกลงต่อหน้า ทำ�ให้แขน กระดูกหัก บริเวณขาเป็นแผลฉีกขาด แต่ตอนนี้กพ็ กั รักษาตัวใกล้หายแล้ว กินยาไปเรือ่ ยๆ ในระหว่างทีล่ งุ สนัน่ ป้าไร กำ�ลังเล่าเหตุการณ์อยูน่ น้ั สังเกตเห็นสีหน้า ท่าทางของลุงใบ้ ซึ่งพยายามที่จะสื่อสารกับเราด้วย การส่งเสียงอ้อแอ้พร้อมกับทำ�ท่าทางเล่าเหตุการณ์ ทีเ่ กิดขึน้ ให้ฟงั ถึงแม้จะฟังไม่รเู้ รือ่ งแต่กส็ ามารถจับใจ ความและสามารถเข้าใจได้วา่ สิง่ ทีแ่ กสือ่ สารคืออะไร พร้อมกับชี้ให้ดูถึงบาดแผลที่เกิดจากระเบิดให้เห็น แกเล่าด้วยสีหน้าท่าทางที่คับแค้นใจมาก อยากที่จะ พยายามพูด พยายามคุย พยายามอธิบายให้ทกุ คนรู้ เรือ่ งแต่กไ็ ม่สามารถทีจ่ ะพูดได้ เราจึงได้แต่นง่ั ฟังเสียง ทีไ่ ม่เป็นภาษาและจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยท่าทางของชายวัยกลางคนผู้นี้อย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อที่ว่าจะเข้าใจแกมากขึ้น โดยสามารถสรุปได้ว่า แกยืนพันยาสูบอยู่ดีๆ ก็มีลูกอะไรไม่รู้ตกลงมาพร้อม กับระเบิด โดนขาทัง้ สองข้างยาวขึน้ มาบริเวณท้อง และ แขน จนกระดูกส่วนแขนขาดแต่โชคยังดีทไ่ี ม่ได้รบั อันตรายถึงชีวิต หลายคนคงอาจจะเคยได้ดูข่าวที่ว่า บ้าน ฝรัง่ โดนลูกปืนใหญ่ลง พังยับเยิน เราได้เข้าไปดูสถานที่ แห่งนัน้ แล้วพบว่าบ้านได้รบั ความเสียหายเป็นจำ�นวน มาก หลังคาบ้านที่มุงด้วยกระเบื้องสีแดง พังลงมา อย่างไม่เป็นท่า รอบๆ บริเวณเหล่านัน้ มีแต่เศษอิฐซาก ปูน พร้อมกับกลิ่นไหม้ที่ยังหลงเหลืออยู่ และคราบสี ดำ�ของการไหม้เต็มบริเวณแห่งนัน้ หมด ซึง่ ถือว่าได้รบั ความเสียหายมากพอสมควร เราไม่พบเจอเจ้าของบ้าน มีเพียงสุนัขตัวเดียวที่นอนเฝ้้าซากปรักหักพังอย่าง ไร้เรีย่ วแรงและน่าสงสาร ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะยังไม่สงบ เท่าทีค่ วร แต่เชือ่ ว่าทุกวันนีช้ าวบ้านทุกคน ก็คงไม่นง่ิ นอนใจทีจ่ ะอยูเ่ ฉยๆ ยังคงเดินหน้าทำ�มาหากิน รวม ถึงสร้างเกาะป้องกันให้กับตนเอง และเตรียมพร้อมที่ จะรับมือกับสงครามอยู่ตลอดเวลา และหวังว่าเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะจบลงเสียที ก่อนที่จะ ไม่มีเหลือเรื่องดีๆ ให้น่าจดจำ� ในอนาคตข้างหน้าไม่มใี ครรูว้ า่ จะเกิดอะไร ขึน้ แต่ทว่าตอนนีเ้ ราก็พอจะเดาออกแล้วว่าเหตุการณ์
13
จะเป็นอย่างไร รวมถึงชาวบ้านในละแวกนัน้ ทีท่ ราบดีวา่ จะเกิดอะไรขึน้ ซึง่ เราก็ไม่สามารถสรุปได้วา่ เหตุการณ์ ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะจบลงอย่างสงบหรือ อาจจะสู้รบกันต่อไป ก็ไม่สามารถจะล่วงรู้ได้นายก รัฐมนตรีหญิงยิ่งลักษณ์จะคลี่คลายปัญหาให้ได้หรือ ไม่? และนามสกุลชินวัตรจะมีอทิ ธิพลมากน้อยเพียงใด ต่อประชาชนและเหตุการณ์นี้ คงต้องรอดูกันต่อไป
สรุปความเสียหายจากภัยสงคราม วันที่ 1 พฤษภาคม 2554 ศูนย์ ประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฎิบัติการกองทัพภาค ที่ 2 ส่วนหน้าได้สรุปยอดความสูญเสียจาก การปะทะกันของไทยกับกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2554 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 ว่าประเทศไทยมียอดความเสียหาย ดังนี้
ทหารบาดเจ็บ 120 นาย เสียชีวติ 7 นาย พลเรือนบาดเจ็บ 7 คน เสียชีวิต 1 คน บ้านเรือนเสียหาย 11 หลัง ประปาหมู่บ้าน 2 แห่ง ปศุสัตว์ (วัว) 4 ตัว มีศูนย์อพยพทั้งสิ้น 43 แห่ง เป็น ศูนย์อพยพในจังหวัดสุรนิ ทร์ 35 แห่ง ผูอ้ พยพ 42,804คน และศูนย์อพยพในจังหวัดบุรรี มั ย์ 7 แห่ง ผูอ้ พยพ5,866 คน รวมทั้งสิ้น 48,670 คน ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 เกิดการปะทะกันอีกบริเวณปราสาท ตาควาย ทำ�ให้มยี อดทหารเสียชีวติ เพิม่ อีก 1 นาย บาดเจ็บเพิม่ อีก 4 นาย รวมเป็นทหาร เสียชีวิตทั้งสิ้น 8 นายบาดเจ็บ 124 นาย
จำหน่าย -ชุดนักศึกษา -เสื้อผ้าแฟชั่น
รับทำออเดอร์ -เสื้อยืด -เสื้อทีม -เสื้อพิมพ์ ร้านอยู่หน้าป้าย ตรงข้ามเซเว่นกลาง . . . โทร. 088-0694991 (พี่พี)
14
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
มุมคุณธรรมจริยธรรม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
ฝึกอยู่กับทุกข์ให้เป็นสุข
(โดย:นัดภรณ์)
มนุษย์มักจะเกิดมาพร้อมกับความทุกข์และความสุข แต่สิ่ง เหล่านี้มันเป็นเพียงความคิด และความรู้สึกที่เกิดจากตัวเราเอง ถ้าเรา เลือกที่จะมองโลกในแง่บวก เราก็จะพบกับความสุข หรือแม้แต่เวลาที่ เราเจอความทุกข์ ถ้าเราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เราเองก็จะสุขกับสิ่งที่เจอ ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือธรรมมะของท่าน ว.วชิรเมธี เกี่ยวกับ เรือ่ งการอยูก่ บั ความทุกข์ให้เป็นสุข ซึง่ ทำ�ให้ผเู้ ขียนคิดอะไรได้ในหลายๆ อย่าง วงจรชีวิตคนเรานั้นก็มีเพียง เกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตายไปในที่สุด หากเราใช้ชวี ติ อย่างคุม้ ค่า สร้างคุณประโยชน์ให้กบั ตัวเองและคนรอบข้าง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น อยู่ในศีลธรรมเพียงแค่นี้ก็ทำ�ให้ชีวิตอยู่อย่างมีความ สุขแล้ว แต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ล้วนเป็นความทุกข์ที่เกิดจาก การกระทำ�ของตัวเราเอง คนไม่มเี งินก็ทกุ ข์เพราะอยากได้อยากมีคนทีม่ ี เงินก็ทุกข์เพราะกลัวคนมาปล้น ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่มีทุกข์แต่ถ้าเรา เรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์มันก็จะทำ�ให้เราเองมีความสุข เรามาลองเรียนรู้วิธีอยู่กับความทุกข์ให้เป็นสุขกันดีกว่า 1. อยู่กับความจริง ทิ้งความกังวล ความทุกข์หลายอย่างในชีวิตของเรา ก็มีไม่มาก แต่บางครั้ง ที่รู้สึกทุกข์มากๆ เป็นเพราะว่าเราสร้างภาพความทุกข์นั้นให้ใหญ่โตเกิน จริง เช่น ใครบางคนพอรู้ว่าจะสัมภาษณ์งานวันพรุ่งนี้ ทั้งคืนก็นอนคิด มากจนกังวลว่าจะสัมภาษณ์งานไม่ผา่ น กลัวว่าจะตอบคำ�ถามไม่ได้ กลัว ว่าเสื้อผ้าที่ใส่จะดูไม่ดี กลัวว่าความรู้ความสามารถของตัวเองจะไม่สอด คล้องกับที่บริษัทนั้นๆ ต้องการ กลัวว่ารถจะติดแล้วไปสาย หรือสุดท้าย กลัวว่าถ้าสอบสัมภาษณ์ไม่ผา่ น เพราะเรากลัวไปสารพัดอย่าง ทัง้ ๆ ทีใ่ น สถานการณ์จริง สิง่ ทีเ่ รากลัวมาตัง้ สิบอย่างนัน้ อาจเกินขึน้ จริงเพียงอย่าง
เดียวเท่านั้น แต่กว่าจะรู้เช่นนี้ได้ เราก็ปล่อยให้ความทุกข์ที่เรากังวลนั้น ทำ�ร้ายเรามาแล้วทั้งคืน นี่แหละคือความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการสร้างภาพของเราเอง ความทุกข์อย่างนี้เรียกว่า ทุกข์เพราะอุปทาน หรือทุกข์เพราะฉันสร้าง มันขึ้นมาเองจากความกังวล ทุกข์อย่างนี้ บางทีร้ายกว่าตัวทุกข์จริงๆ ที่ เรากำ�ลังเผชิญอยู่ด้วยซ้ำ�ไป ดังนั้นหากเรากำ�ลังทุกข์เรื่องใดอยู่ เราลอง ถามตัวเองดูวา่ สิง่ ทีก่ �ำ ลังกังวลอยูน่ น้ั มันน่ากลัวจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงสิง่ ทีส่ ร้างมันขึน้ มากันแน่ ลองแยกทุกข์แท้ๆ ออกจากความกังวลให้ได้ แล้ว จะเห็นว่าทุกข์ ที่ควรทุกข์มีอยู่นิดเดียวเอง 2. ฝึก ”ช่างมัน” ให้เคยชิน การใช้ชวี ติ อยูใ่ นสังคมทุกวันนี้ สิง่ ทีค่ นเราห่วงมากทีส่ ดุ นอก จากเรื่องราวของตัวเองแล้วก็คือ “สังคม” หรือ “สายตาของคนอื่น” นั้นมี อิทธิพลต่อความทุกข์ความสุขในชีวิตของคนเรามาก เราจะเป็นอย่างไร จะใช้ชวี ติ อย่างไร ความจริงก็นา่ จะเป็นเรือ่ งทีข่ น้ึ อยูก่ บั ตัวของเราเองล้วนๆ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงเรามักไม่เชื่อในวิจารณญาณของตัวเอง เรา มักคิดเสมอว่า เมื่อเราเป็นอย่างนี้ พูดอย่างนี้ ทำ�อย่างนี้ เดินอย่างนี้ ใช้ชีวิตอย่างนี้ คบเพื่อนคนนี้ ใช้โทรศัพท์รุ่นหรือยี่ห้อนี้ ชอบนักดนตรี คนนี้ ใช้เครื่องสำ�อางค์ยี่ห้อนี้ ...แล้วคนอื่นจะมองเราอย่างไร หรือตัว ตนของฉันในสายตาคนอื่นจะเป็นอย่างไร “สายตาของคนอืน่ ” คือความคิดทีค่ อยจับเราเหวีย่ งไปเหวีย่ ง มาจนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง คนบางคนทั้งชีวิตแทบไม่มีช่องว่าง ให้ความสุขเล็ดลอดเข้ามาในผืนแผ่นดินใจเลย เพราะมัวแต่ใช้ชีวิตตาม ทีส่ งั คมคาดหวัง เกรงว่าถ้าไม่แสดงตนอย่างทีค่ นทัว่ ไปเขาคาดหวัง และ “อัตลักษณ์” ของตัวเองจะหายไปหรือจะถูกลดความสำ�คัญลง นีก่ ค็ อื ความทุกข์ทเ่ี กิดขึน้ จากการทำ�ให้ตนเอง เกิดความทุกข์ เพราะการอยู่ในสังคมของคนในปัจจุบัน แล้วขาดความเป็นตัวของตัวเอง การจะคลายทุกข์เช่นนี้ได้ มีหลายวิธี แต่ในที่นี้ขอแนะนำ�ว่าควรหัดลด การให้ความสำ�คัญกับสายตาของคนอื่นบ้าง พูดให้สั้นก็คือ ควรรู้จัก “ช่างมัน ฉันไม่แคร์” เป็นบางเวลา บางสถานการณ์ เรื่องบางเรื่อง ลองหัดเป็นตัวของตัวเองดูบา้ ง พระท่านหนึง่ เขียนกวีนพิ นธ์เรือ่ ง “ช่างมัน” เอาไว้ จึงขอนำ�มาให้อ่านกันเป็นข้อคิดสะกิดใจ เผื่อได้อ่านแล้วจะฝึก “ช่างมัน” ให้ชินความทุกข์จากการที่ต้องแคร์สายตาคนอื่น
มีสมภารวัดหนึ่งลึกซึ้งมาก ถูกลมปากถากถางอย่างเสียหาย ท่านไม่ได้โต้ตอบคำ�ทำ�วุ่นวาย คิดอุบายผันผ่อนสอนใจตัว เอาตาชั่งตั้งหราอยู่หน้ากุฏิ์ แล้วก็ขุดมันวางเข้าละหัว ใครมาเห็นออกปากทักกันนัว ท่านเจ้าขรัว”ช่างมัน”เสียยันเต
จากวิธีการมองทุกข์เป็นสุขที่ผู้เขียนได้นำ�มาให้ผู้อ่านได้อ่าน กันนี้ ก็หวังว่าคงจะทำ�ให้ผู้อ่านได้บรรเทาความทุกข์ลงไปกันบ้าง จงอยู่ กับทุกข์ให้เป็นสุข เพราะทั้งทุกข์และสุข “เรา” เป็นผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเอง ข้อมูลบางส่วนจาก หนังสือธรรมะสบายใจ (พระว.วชิระเมธี)
15
อย่าท้อแท้...
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด ใครเชิด ใครชู ช่างเขา ใครด่า ใครบ่น ทนเอา ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ เปลวเทียน ละลายแท่ง ยังส่องแสงอันอำ�ไพ ชีวิตที่ได้ละลายไป ท่านได้ให้อะไรแก่ชีวิตและโลกบ้าง คนที่มีความรู้สูง ตำ�แหน่งหน้าที่การงานดี มิใช่ว่าจะเป็นคนดี คนที่มีความรู้น้อย ตำ�แหน่งหน้าที่การงานต่ำ� มิใช่ว่าจะเป็นคนชั่ว แต่ดีหรือชั่ว อยู่ที่ถูกต้อง เมตตา และคุณธรรม ยามบุญมากาไก่กลายเป็นหงส์ ยามบุญลงหงส์เป็นกาน่าใจหาย ยามบุญมาหมูหมามามากมาย ยามบุญหายหมูหมาไม่มาเลย
จงอย่าท้อแท้ในโชคชะตา ฟ้าดินมิได้ลงโทษเรา แต่เป็นเพราะวิบากกรรมของเราเอง
จาก http://www.zabzaa.com
16
ข่าวกีฬาและสุขภาพ
นพ.สุริยา รัตนปริญญา นายแพทย์สาธารณสุข จ.มหาสารคาม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
นโยบาย รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำ�บล แพทย์จังหวัดชี้ ดีกว่าอนามัยชัวร์
กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบาย จัดตั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำ�บล (รพ.สต.) ทัว่ ประเทศเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพ ของประชาชน ด้วยการเพิ่มมาตรฐาน การรักษาและคุณภาพการบริการ รวม ทั้งระบบข้อมูลโดยมีการประเมินผลงาน เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย นายแพทย์สรุ ยิ า รัตนปริญญา นายแพทย์ จังหวัดมหาสารคามเผยว่า การยกระดับสถานีอนามัย เป็น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำ�บล (รพ.สต.) คือ นโยบายของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงสาธารณสุข เพือ่ พัฒนาและเพิ่มศักยภาพการบริการรองรับปัญหา สาธารณสุขของประชาชนในพืน้ ที่ ซึง่ จังหวัดมหาสารคามมี สถานีอนามัย 175 แห่ง ปัจจุบนั เปลีย่ นเป็นโรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำ�บลทั้งหมดแล้ว ด้วยงบประมาณปี 2553 -2554 นายแพทย์สรุ ยิ ากล่าวเพิม่ เติมว่า เมือ่ ก่อน ไม่มีการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตเช่นปัจจุบัน ซึง่ ใช้ การตรวจรักษาผ่านระบบ Webcam และมีการจ่าย ยา ซึ่งเป็นข้อกำ�หนดของรพ.สต.ทุกแห่งต้องมีระบบ
ข้อมูลเชื่อมต่อกับเครือข่ายหลัก ทั้งเรื่องของการให้ คำ�ปรึกษา การสัง่ ยา สถานีอนามัยไม่มกี ารพัฒนาใน เรือ่ งนี้ ส่วนสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เป็นหน่วยงาน ที่ รั บ นโยบายตรงจากกระทรวงสาธารณสุ ขได้จัด อบรมถ่ายทอดให้กบั ผูบ้ ริหารระดับอำ�เภอ ก่อนส่งต่อ ผูอ้ �ำ นวยการรพ.สต. อีกครัง้ ซึง่ จังหวัดมีหน้าทีโ่ ดยตรง คื อ กลุ่ ม งานพั ฒ นาทรั พ ยากรบุ ค คลและคุ ณ ภาพ บริการ รับผิดชอบโดยตรงในการจัดทำ�แผนเสนอ โครงการต่อผูว้ า่ ราชการจังหวัด เพือ่ รับการอนุมตั ิและ สิ่งที่สสจ. ต้องรับผิดชอบอีกคือ กระบวนการพัฒนา รพ.สต. การพัฒนาบุคคลคนแล้วจัดอบรมในเรื่อง ต่างๆ เช่น พยาบาลเวชปฏิบตั ิ เป็นเรือ่ งของการดูแล ผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน การจัดทำ�แผนอบรมตาม ยุทธศาสตร์ การผลิตบุคลากรเพิม่ มีกระบวนการ คือ ส่งเรียนตามสถาบันการศึกษา เช่น วิทยาลัยพยาบาล วิทยาลัยสาธารณสุข และมีการจ้างเพิ่มในส่วนที่ต้อง การเจ้าหน้าที่อย่างเร่งด่วน เรือ่ งของการประเมินผล นายแพทย์จงั หวัด มหาสารคามกล่าวว่า มีการประเมินผลเพื่อติดตาม ความก้าวหน้าเป็นระยะทุกสองเดือน มีการติดตาม
นาฬิกาชีวิต คอลัมน์สขุ ภาพในอินทนิลฉบับนี ้ มีเรือ่ ง ราวน่ารูเ้ กีย่ วกับวงจรภายในร่างกายของคนเราในแต่ ละวัน ว่าร่างกายเราทำ�หน้าที่อย่างไร และเวลาที่ เดินผ่านไปในแต่ละนาทีร่างกายเราต้องการอะไร บ้าง เวลาไหนควรปฏิบตั อิ ย่างไร เราไปศึกษาพร้อม กันเลยดีกว่า 01.00 น. - 03.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ตับ” ข้อควรปฏิบัติ : นอนหลับพักผ่อนให้สนิท อาหารบำ�รุง : อาหารที่ช่วยล้างพิษ เช่น งา น้ำ� ผลไม้และน้ำ�สะอาด 03.00 น. - 05.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ปอด” ข้อควรปฏิบัติ : ตื่นนอน สูดอากาศสดชื่น อาหารบำ�รุง : อาหารจำ�พวกเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอสูง เช่น ส้ม ผักใบเขียว น้ำ�ผึ้ง หอมใหญ่
05.00 น. - 07.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ลำ�ไส้ใหญ่” ข้อควรปฏิบัติ : ขับถ่ายอุจจาระ อาหารบำ�รุง : อาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช 07.00 น. - 09.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “กระเพาะอาหาร” ข้อควรปฏิบัติ : กินอาหารเช้า อาหารบำ�รุง : ควรมีพลังงานและสารอาหารอย่างน้อย 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25 ของปริมาณทีค่ วรได้รบั ตลอดวัน 09.00 น. - 11.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ม้าม” ข้อควรปฏิบัติ : พูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ อาหารบำ�รุง : มันเทศสีแดง หรือเหลือง อาหารที่ ทำ�จากบุก 11.00 น. - 13.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “หัวใจ” ข้อควรปฏิบัติ : หลีกเลี่ยงความเครียดทั้งปวง
รายงานทั้งแบบระบบออนไลน์และระบบเอกสาร ซึ่ง การพัฒนาของรพ.สต. จะเป็นตัวชี้วัดผลงานของ สาธารณสุขจังหวัด ส่วนงบประมาณได้มาจากกระทรวง สาธารณสุขโดยการจัดสรรของสำ�นักงานงบประมาณ ตรงนีถ้ กู กำ�หนดโดยส่วนกลาง ว่าแห่งไหนควรได้เท่าไร โดยคำ�นวนตามขนาด ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ในเกณฑ์ ส่วนงบประมาณที่ได้มาจังหวัดก็จะต้องจัดสรรให้กับ รพ.สต. ทุกแห่งเพื่อจัดทำ�ตามแผนงาน ด้านนางลาวัลย์ รัตนตระกูล ผูอ้ �ำ นวยการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำ�บลขามเรียง เผยถึงการ เปลี่ยนชื่อสถานีอนามัยเป็นรพ.สต. ว่า ได้รับนโยบาย จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ ของศูนย์สขุ ภาพชุมชน ซึง่ มีหน้าทีท่ �ำ ตามแผนงานให้ บรรลุวตั ถุประสงค์ บุคคลากรต้องมีเจ้าหน้าทีอ่ ย่างน้อย 4 คน และเครือข่าย 7 คน โดยคำ�นวณจากประชากร เกณฑ์นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อ เปรียบเทียบกับสถานีอนามัย ระบบการทำ�งานยังคง เหมือนเดิม เพราะไม่ว่าจะเป็นรพ.สต. หรือสถานี อนามัย ก็เน้นเรื่องการดูแลสุขภาพของประชาชนถือ เป็นหน้าที่หลัก รวมทั้งเพิ่มเติมในส่วนของการลงพื้น
ที่เพื่อให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น ผูอ้ �ำ นวยการรพ.สต. กล่าวถึง เรือ่ งยาและ อุปกรณ์ทางการแพทย์วา่ ได้รบั โดยคำ�นวณจากจำ�นวน ประชากร ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการจัดซื้อและ จัดจ้าง เพราะเป็นโครงการใหม่ยังไม่เป็นรูปธรรมนัก ส่วนนโยบายที่ได้รับมาจากส่วนกลางคือการปรับปรุง โครงสร้าง ปรับโฉมหน้า เช่น เปลีย่ นป้ายใหม่ ทำ�งาน เชิงรุก มีการประสานงานร่วมกับแกนนำ�เครือข่ายชุมชน เมือ่ เลือ่ นเป็นรพ.สต. มาตรฐานจึงต้องเพิม่ มากขึน้ ด้วย การประเมินคุณภาพได้เปลี่ยนแปลงจาก กฎเกณฑ์ของสถานีอนามัยเพื่อมาตรฐานที่ดีขึ้น ส่วน การประเมิน รพ.สต.ขามเรียง อยูใ่ นระดับดีเยีย่ มเรือ่ งงบ ประมาณมีการจัดสรรโดยเฉลี่ยตามจำ�นวนประชากร ในพืน้ ที่ จึงต้องมีนายแพทย์มาประจำ� 1 - 2 ครัง้ ต่อเดือน เพือ่ ให้บริการ ผู้อำ�นวยการ รพ.สต. กล่าวทิ้งท้าย ชาวบ้านที่เข้ารับการรักษาให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนชื่อจากสถานีอนามัยเป็นรพ.สต. นั้นก็ไม่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมการให้บริการ การ รักษา เจ้าหน้าที่ หรือเรื่องของยาก็คงเหมือนเดิมที่ เปลี่ยนไปก็คงมีแต่ชื่อ
อาหารบำ�รุง : อาหารที่มีสีแดงตามธรรมชาติ เช่น ถั่วแดงและผลไม้สีแดง น้ำ�มันปลา วิตามินบีต่างๆ 13.00 น. - 15.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ลำ�ไส้เล็ก” ข้อควรปฏิบัติ : งดกินอาหารทุกประเภท อาหารบำ�รุง : อาหารไขมันต่ำ� น้ำ�สะอาด 15.00 น. - 17.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “กระเพาะปัสสาวะ” ข้อควรปฏิบัติ : ทำ�ให้เหงื่อออก (ออกกำ�ลังกาย หรือ อบตัว) อาหารบำ�รุง : ผลไม้ เช่น บิลเบอร์รี่ และดื่มน้ำ� สะอาดมากๆ 17.00 น. - 19.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ไต” ข้อควรปฏิบัติ : ทำ�ตัวให้สดชื่น ไม่ง่วงหงาวหาวนอน อาหารบำ�รุง : อาหารที่มีเกลือต่ำ� รวมถึงสมุนไพร จีน เช่น ถั่งเฉ้า 17.00 น. - 21.00 น. เป็นช่วงเวลาการ
ทำ�งานของ “เยื่อหุ้มหัวใจ” ข้อควรปฏิบัติ : ทำ�สมาธิ หรือสวดมนต์ อาหารบำ�รุง : อาหารจำ�พวกโปรตีนทีม่ ไี ขมันต่�ำ รวม ถึงวิตามินบีต่างๆ 21.00 น. - 23.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ระบบความร้อนของร่างกาย” ข้อควรปฏิบัติ : ห้ามอาบน้ำ�เย็น ห้ามตากลม ทำ� ร่างกายให้อบอุ่น อาหารบำ�รุง : อาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น ขิง โสม 23.00 น. - 01.00 น. เป็นช่วงเวลาการ ทำ�งานของ “ถุงน้ำ�ดี” ข้อควรปฏิบัติ : ดื่มน้ำ�ก่อนเข้านอน อาหารบำ�รุง : อาหารทีม่ ไี ขมันต่�ำ และไม่ทานอาหาร กึ่งสุกๆ ดิบๆ เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าร่างกายเราต้องการ ความใส่ใจมากแค่ไหน รูอ้ ย่างนีแ้ ล้วเราไม่ควรละเลย และควรหันมาใส่ใจสุขภาพร่างกายของเราตั้งแต่วัน นี้ เพราะสุขภาพที่ดีควรเริ่มต้นที่ตัวเรา ที่มา : หนังสือนาฬิกาชีวิต เล่ม 1
สัมภาษณ์พิเศษ
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
17
คุยข้างสนาม
อดีตเป็นเด็กดือ้ ไม่สนใจการเรียนใช้ชวี ติ ไปวันๆ โดยไม่คำ�นึงถึงอนาคต แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งทำ�ให้ตาสว่างค้นพบตัวเองจึงต้องการแก้ตัวเมื่อยังไม่สาย ปัจจุบัน เป็นนักฟุตบอลหญิงเยาวชนทีมชาติไทย มีผลงานมากมาย เธอผู้นี้คือ “นางสาวดาริกา เพียรภายลุน” ชื่อเล่นว่า “ปู” อายุ 19 ปี ศึกษาที่วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ ปี 2 ภูมิลำ�เนาจังหวัดกาฬสินธุ์ เรามารู้จักการเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่ง แบบติดขอบสนามของเธอกันดีกว่า...
ปูเริ่มเข้าสู่วงการลูกหนังได้อย่างไร ?
1
ตอนเรียน ม.1 ที่โรงเรียนอนุกูลนารี จ.กาฬสินธุ์ ปูดื้อมาก ไม่สนใจการเรียน จนคุณพ่อ คิดว่าไม่ไหว ท่านจึงส่งไปเรียนโรงเรียนกีฬา ขอนแก่นซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ� มีระบบระเบียบ มากแต่ก็ต้องเรียน ตอนแรกเลือกเล่นตะกร้อแต่ ไม่ผ่านการคัดตัว จึงสมัครฟุตบอลหญิงแทน และ ผ่านการคัดตัวจึงได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ พอได้เล่น ฝึกฝนทุกวันๆ ทำ�ให้รสู้ กึ ชอบ จึงรักกีฬา ฟุตบอล และมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่น
ปูติดเยาวชนทีมชาติชุดไหนบ้าง ?
หลายคนมองว่ากีฬานี้เล่นเฉพาะผู้ ชาย แต่ปัจจุบันผู้หญิงก็เล่นกันเยอะอีกอย่างปู ไม่ได้เป็นผู้หญิงขนาดนั้น (หัวเราะ) ที่เลือกเพราะ คิดว่าผู้หญิงทำ�ทุกอย่างได้ไม่แพ้ผู้ชาย ถึงแม้ว่า เรื่องของพละกำ�ลังจะมีไม่เท่ากัน แต่ว่าเราก็ สามารถเล่นได้เหมือนกับผู้ชาย สมัยนี้ผู้หญิงมีดี เยอะแยะ ดูอย่างนายกฯ ประเทศเราก็ยังเป็นผู้ หญิง
รู้สึกอย่างไรที่วันนี้เราได้เป็นตัวแทนเยาวชนทีม ชาติไทย ? ดีใจมาก..เป็นความภาคภูมิใจสูงสุด ในชี วิ ต เป็ น ความสำ � เร็ จ เกิ น ความคาดคิ ด ของปูเลย อย่างน้อยก็ได้ทำ�อะไรให้กับประเทศ ชาติเพื่อเป็นการตอบแทนที่ทำ�ให้ปูมีวันนี้และ จะตั้งใจทำ�ให้ดีที่สุด
คิดว่าจะเล่นฟุตบอลตลอดชีวิตไหม?
ตอนนี้การเรียนเป็นอย่างไรบ้าง และฟุตบอล มี ผลกระทบต่อเวลาเรียนไหม?
ตอนนีป้ เู ล่นฟุตบอล 6 ปีแล้ว คงจะเล่น จนกว่าร่างกายไม่ไหว แต่ว่าเรื่องเรียนก็ไม่ทิ้งนะ เพราะเป็นสิ่งสำ�คัญเหมือนกันอย่างถ้าวันใดวัน หนึ่งปูเลิกเล่นวิชาความรู้นี่แหละจะเป็นสิ่งที่ติด ตัวเราไปจนวันตาย
3
2
5
สมัยมัธยมติดเยาวชนทีมชาติฟุตบอล หญิงรุ่นอายุ 16 ปี ตอนนี้ติดเยาวชนทีมชาติ รุ่นอายุ 19 ปี ปูรักกีฬานี้ จึงตั้งใจฝึกซ้อม มุ่งมั่น มี วินัยในตัวเอง ที่สำ�คัญเพราะมีโค้ชเก่ง และกำ�ลัง ใจจากคุณพ่อคุณแม่ทำ�ให้ประสบความสำ�เร็จ อย่างทุกวันนี้
6
ทั้งๆ ที่ฟุตบอลเป็นกีฬาของผู้ชาย ปูเองก็เป็นผู้ หญิงทำ�ไมจึงสนใจกีฬาประเภทนี้?
4
ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้างคะ ?
7
-แชมป์ฟุตบอลไทยแลนด์ลีก 2 สมัย -รองแชมป์ฟุตบอลลีก วีเมนไทยพรีเมียร์ลีก -เข้าร่วมการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2010 ที่ประเทศสเปน -เหรียญเงิน การแข่งขันเอเชียนอินดอร์เกมส์ ที่ ประเทศเวียดนาม -เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย ประเทศมาเลเซีย
ไม่มีปัญหาเท่าไร เพราะเวลาซ้อมกับ เวลาเรียนไม่ตรงกันอยู่แล้ว ซ้อมตอน 6 โมงเช้า แล้วเวลาเรียนก็เรียนตามปกติ 6 โมงเย็นก็กลับมา ซ้อมอีก เป็นแบบนี้ทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ ของปูไปแล้ว ถ้าแมตช์แข่งตรงกับตารางเรียนจะ มีใบลากิจ ซึง่ ทางวิทยาลัยให้การสนับสนุนในด้าน กีฬาเพราะทีมของเราติดทีมชาติเยอะมาก เรื่อง เรียนจึงไม่มีปัญหา แข่งเสร็จก็กลับมาทำ�งานย้อน หลังได้
9
แมตช์ที่ประทับใจมากที่สุดคือ ?
ปูอยากฝากอะไรถึงเยาวชนรุ่นใหม่บ้างคะ ?
ทุกแมตช์เป็นความประทับใจของปู หมด ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่เพราะทุกแมตช์การแข่ง ขันปูเล่นเต็มที่เสมอ
คนเรามีผิดพลาดกันได้ แต่เมื่อทำ�ผิด แล้ว ขอให้ดึงตัวเองกลับมาให้ได้ เมื่อก่อนปูดื้อ มาก แต่ยังสามารถกลับมามีวันนี้ได้ อยากให้ทุก คนมุ่งมั่น ทุ่มเททำ�ในสิ่งที่ตัวเองรัก สักวันหนึ่ง เราจะต้องประสบความสำ�เร็จแน่นอนค่ะ สุดท้าย อยากฝากให้ทุกคนติดตามการแข่งขันของพวก เรา นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยด้วยนะคะ
8
เราจบบทสนทนากับแข้งสาวดาวรุ่งของเมืองไทย เพราะเธอต้องไปฝึกซ้อมต่อ ยังไงก็ขอฝากทุกคนช่วยเชียร์และ ...เป็นกำ�ลังใจให้กับนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยด้วยนะคะ
ÌҹÍËÍ«Í 15 («ÍÂÈÃÕÊÇÑÊ´Ôì´Óà¹Ô¹ 15) BBQ
Êàµç¡
µÔèÁ«Ó
ʹ㨷ӸØáԨá¿Ã¹äªÊ ã¹ÃÒ¤Ò‹ÍÁàÂÒÇ
Ò
«ÒÅÒà»
â·Ã. 083-5999698, 088-4733373 facebook : Navapol Udomsup
¢ŒÒÇ˹ŒÒµ‹Ò§æ
ÊÒ¢Ò Á.ãËÁ‹ µŒ¹à´×͹¡Ã¡®Ò¤Á¹Õé ˹ŒÒË;ѡ¾§È ÊØÃÕ
18
ข่าวกีฬาและสุขภาพ
เปิดตัวไอ - โมบายฯ
ต่อจากหน้า 1
จากการที่ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสำ�รวจ พบว่า สนาม “ไอ-โมบาย สเตเดียม” มีความจุถึง 24,000 ที่ นั่ง เริ่มก่อสร้างเมื่อ 12 สิงหาคม 2553 มีอัฒจันทร์ 4 ฝั่ง คือ ธันเดอร์ คาสเซิ่ล วีไอพี (อัฒจันทร์หลัก) ธันเดอร์ คาสเซิ่ล ฮาร์ดคอร์ บุรีรัมย์ ฝั่งทีมเยือน และ บุรรี มั ย์ฝง่ั เจ้าบ้าน ซึง่ ทุกคนเมือ่ ได้เข้าไปสัมผัสต่างชม เป็นเสียงเดียวกันว่า สวยงามและทันสมัยทีส่ ดุ ในเมือง ไทย ที่สำ�คัญ “ไอ-โมบาย สเตเดียม” ได้ผ่านการรับ รองมาตรฐานจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) และ ในวันเปิดสนามพบว่า กองเชียร์ของทีมปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ พีอีเอ เข้าชมกันอย่างล้นหลามเพื่อมาเป็น สักขีพยานอย่างแน่นขนัดตา ทำ�ให้เห็นว่าแฟนบอลมี การตื่นตัวกับแมตช์นี้เป็นอย่างมาก นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรให้ สัมภาษณ์ถึงสนาม “ไอ-โมบาย สเตเดียม” ว่า สนาม แห่งนี้ คือลมหายใจของผม ถึงผมเป็นเจ้าของ แต่ที่นี่ เป็นแหล่งรวมใจคนบุรรี มั ย์ทงั้ จังหวัด ทำ�ให้เกิดความ สามัคคีและความเป็นหนึง่ เดียวกัน ซึง่ จะสามารถช่วย ยกระดับมาตรฐานฟุตบอลไทยอย่างแน่นอน เนือ่ งจาก ในปัจจุบันได้รับการรับรองว่าเป็นสนามที่ดีที่สุดใน ประเทศ ทีมอื่นๆ เมื่อมาเยือนจะเห็นคุณภาพ และ มาตรฐานแล้วนำ�ไปปรับปรุงทีมของตนเอง
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554 ทำ�ให้จังหวัดมีการพัฒนา รวมทั้งเจริญขึ้นอีกด้วย สำ�หรับคุณเนวิน ได้มอบฉายาลมหายใจของชาว บุรรี มั ย์นน้ั เหมาะสมแล้ว เพราะเป็นการร่วมเชียร์เพือ่ ความเป็นหนึง่ เดียว ซึง่ สโมสรสมควรคัดตัวนักกีฬาใน จังหวัดเพื่อร่วมในทีมอีกด้วย และถ้าได้แชมป์ใน ฤดูกาลนีค้ งทำ�ให้คนบุรรี มั ย์ดใี จเป็นสองต่อ ส่วนเรือ่ ง ผลกระทบผมคิดว่าไม่น่าเกิดขึ้น เพราะสนามไม่ได้ เปิดทุกวัน ถึงจะมีปัญหาจราจรก็แค่บางวันเท่านั้น ด้านนางสาวกนกวรรณ สุระ ชาวจังหวัด บุรรี มั ย์ให้ความเห็นว่า เห็นด้วยในการสร้างสนามแห่ง นี้ เพราะเป็นสนามมาตรฐานและดีที่สุดในประเทศ สามารถรองรับจำ�นวนผูเ้ ข้าชมการแข่งขันได้มาก รวม ทั้งยังช่วยยกระดับมาตรฐานฟุตบอลไทยไปสู่ระดับ สากล ทำ�ให้เกิดสัญลักษณ์ใหม่ของชาวจังหวัดบุรรี มั ย์ ที่สำ�คัญคือช่วยให้เศรษฐกิจภายในจังหวัดดีขึ้น ส่วน เรือ่ งปัญหาจราจรติดขัดนัน้ มีเจ้าหน้าทีต่ �ำ รวจจราจร คอยอำ�นวยความสะดวกอยูแ่ ล้ว ถึงแม้เกิดปัญหาบ้าง แต่กเ็ ป็นเพียงอาทิตย์ละครัง้ เท่านัน้ จึงไม่นา่ จะส่งผล กระทบมากนัก ส่วนทางด้านแฟนบอลสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ดได้กล่าวว่า รู้สึกยินดี และขอบคุณทางสโมสร บุรีรัมย์ พีอีเอ สำ�หรับการเลือกเชียงรายยูไนเต็ดเป็นคู่ ประเดิมสนาม และอยากให้ทกุ สโมสรมีสนามมาตรฐาน แบบนี้ เพื่อยกระดับวงการฟุตบอลไทย ส่วนผลการ
บริเวณด้านหน้าฝั่ง ธันเดอร์ คาสเซิ่ล วีไอพี (อัฒจันทร์หลัก) ของสนาม I-MOBILE STADIUM
นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวถึงผลกระทบที่ เกิดจาก “ไอ-โมบาย สเตเดียม” ว่า คงไม่มีผลกระทบ ต่อชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง เพราะมีแต่จะส่งผลทีด่ นิ บริเวณรอบๆ ราคาสูงขึน้ ในอนาคตสโมสรต้องมีการ พัฒนาขึ้นไปอีก เพราะทุกทีมมีการพัฒนาเราก็ต้อง ไม่หยุดนิ่ง และเดินหน้าต่อไป ด้านแฟนลูกหนังปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ พีอีเอ แสดงความรู้สึกต่อ “ไอ-โมบาย สเตเดียม” ว่า รู้สึกดีเมื่อมีสนามกีฬาสมบูรณ์แบบที่สุดในภาคอีสาน และยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวบุรีรัมย์ ซึ่งถือว่า เป็นแหล่งที่น่าลงทุนอีกแห่งหนึ่งในภาคอีสานตอนใต้
แข่งขันจะออกมาอย่างไร ก็ยอมรับได้เสมอ เพราะ น้ำ�ใจนักกีฬาเป็นสิ่งสำ�คัญที่สุด พ่อค้าและแม่ค้าที่เปิดร้านอาหารบริเวณ ใกล้เคียงสนาม กล่าวถึงสนามแห่งนี้ว่า เป็นสิ่งเชิด หน้าชูตาและสัญลักษณ์ใหม่ของจังหวัด ซึ่งรวมความ เป็นบุรีรัมย์ไว้ด้วย ทำ�ให้เยาวชนสนใจและสนุกไปกับ กีฬา ห่างไกลยาเสพติด เศรษฐกิจดีขึ้น มีเงินสะพัด เพิม่ อาชีพให้กบั ชาวบ้านบริเวณนี้ ซึง่ ยอดจากการขาย อาหารก็เพิ่มขึ้นจากเดิม ส่วนผลกระทบในเรื่องการ จราจรคงไม่สง่ ผลมากนัก เพราะส่วนได้มมี ากกว่าส่วน เสีย
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ จุดประกายบอลลีกไทย
ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2011 จบเลกแรก ไปแล้ว ผลปรากฏว่า “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ พีอีเอ มี 42 คะแนนนำ�เป็นจ่าฝูงตามด้วยชลบุรีเอฟ ซีและเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ซึ่งดาวซัลโวซัดไปแล้ว 12 ประตู มีร่วมกันสองคนคือ Leandro Dos Santos Oliveira จากสโมสร อาร์มี่ ยูไนเต็ด และ “โจ้ 5 หลา” ศรายุทธ ชัยคำ�ดี จากสโมสร บางกอกกล๊าส เอฟซี ทำ�ให้ทีมอื่นๆ ที่มีปัญหาเรื่องการทำ�ประตู ต้องเสริมทัพเป็นการด่วน ซึง่ สโมสร “กิเลนผยอง” เมืองทองฯ ยูไน-
เต็ดทำ�เซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าตัว ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติองั กฤษของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พลู ด้วยสัญญา 1 ปี บวกกับออปชัน่ ต่อสัญญาระยะยาว ซึ่งการร่วมทีมครั้งนี้ถือเป็นสีสันและเพิ่มความนิยม ของวงการฟุตบอลไทยให้เพิ่มขึ้น หวังว่า ร็อบบี้ ฟาวเลอร์จะเป็นจุดเริม่ ต้น ให้อดีตนักเตะชื่อดังคนอื่นๆ หันมาค้าแข้งในเมือง ไทยอีก เพราะเป็นสิง่ ทีพ่ สิ จู น์วา่ ต่างชาติกใ็ ห้ความ สำ�คัญกับบอลลีกของประเทศไทย เรื่องโดย : เสือกินพืช
ฉายานักฟุตบอลไทย เป็นเรื่องธรรมดาของซุปตาร์ เหล่าบรรดาคนดังระดับโลกหรือแม้กระทั่งประชาชนคนทั่วไป อย่างเราๆ ต่างก็มฉี ายาทีใ่ ช้เรียกกันสัน้ ๆ เพือ่ ให้จ�ำ กันง่ายขึน้ ในวงการฟุตบอลไทยก็เช่นกัน แต่ละคนก็มฉี ายา กันทั้งนั้น มาดูกันดีกว่าว่านักเตะแข้งทองทั้งหลายมีฉายาอะไรกันบ้าง สุเชาว์ นุชนุ่ม ฉายา กบไซเบอร์ สำ�หรับ สุเชาว์ นุชนุ่ม ฉายาที่คนเรียก กั น จนติ ด ปากและคุ้ น เคยกั น ที่ สุ ด คงหนี ไ ม่ พ้ น กบ ไซเบอร์ เพราะเจ้าตัวชอบเล่นอินเตอร์เน็ตคุย กับสาวๆ เป็นประจำ� จนแฟนคลับทำ�เว็บไซต์ส่วน ตัวให้เลย ศรายุทธ ชัยคำ�ดี ฉายา โจ้ 5 หลา โจ้ 5 หลา เป็นฉายาที่โดนตั้งในซีเกมส์ ครั้งที่ 22 ที่เวียดนาม เจ้าตัวซัลโวไปแบบไม่ไว้หน้า คูแ่ ข่งจนกลายเป็นดาวซัลโวประจำ�ทัวร์นาเมนต์ โดย เฉพาะในกรอบ 5 หลานัน้ ด้วยแล้ว ไม่ตอ้ งห่วงเพราะ พี่โจ้ของเรายิงได้ทุกรูปแบบ จนได้ฉายามาเป็นโลโก้ ประจำ�ตัวเลย ดัสกร ทองเหลา ฉายา เด็กระเบิด ช่วงทีห่ นังเรือ่ งเด็กระเบิด ยืดแล้ว ยึดของ ต๊ะ บอยสเก๊าต์ กำ�ลังดังเหมือนกับดัสกร ทองเหลา ทีข่ น้ึ พรวดๆ ยิง่ กว่าขึน้ ลิฟต์ซะอีกเพราะติดทีมชาติ ตัง้ แต่ 17 ย่าง 18 ปีเท่านัน้ เอง แถมเท้าหนักยิงแต่ละที ประตูมือแทบหักเลยต้องจัดฉายาเด็กระเบิดให้กับ ดัสกรไปแบบไม่มีกังขา ที่มา : www.mthai.com
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
ธรรมชาติและเศรษฐกิจพอเพียง
มาร์ติน วินเลอร์ ฝรั่งชาวอังกฤษผู้หลงใหลในความเป็นไทย
ด้วยความคิดและอุดมการณ์ที่แปลกแยก ทำ�ให้ มาร์ติน วินเลอร์ ฝรั่งชาวอังกฤษคนนี้กลาย เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและนำ�มาเป็นแบบอย่างใน การดำ�รงชีวิตได้เป็นอย่างดี ฝรั่งเขยขอนแก่นคนนี้หลงใหลในวัฒนธรรมของอีสานอย่างลึกซึ้ง ด้วยการอาศัยอยู่ในเมือง ขอนแก่นถึง 18 ปี ทำ�ให้ฝรั่งคนนี้พูดภาษาอีสานได้ อย่างคล่องแคล่ว และชำ�นาญกว่าคนอีสานเสียอีก ด้วยความประทับใจในบรรยากาศและ ความเป็นธรรมชาติของอำ�เภออุบลรัตน์ จังหวัด ขอนแก่นทำ�ให้เขาไม่คิดที่จะไปไหนจึงปักหลักสร้าง ฐานอยู่ที่ขอนแก่นจนถึงปัจจุบัน จากความคิดของฝรั่งชาวอังกฤษคนนี้ที่ บอกว่า อาชีพที่มั่นคงที่สุดคืออาชีพเกษตรกรทำ�ให้ ทุกคนเริ่มที่จะรู้จักกับฝรั่งคนนี้ ทำ�ไมเขาจึงมีแนวคิด อย่างนั่น ด้วยเหตุผลอะไร แม้ ที่ บ้ า นจะมี ฐ านะที่ ร่ำ � รวยมี เ งิ น มาก มายถึงไม่ทำ�งานก็สามารถดำ�รงชีพอยู่ได้ แต่เขากลับ มีความคิดและอุดมการณ์ที่ไม่เหมือนใคร หลังเรียน จบอาชีพทีเ่ ขาเลือกทำ�คืออาชีพกรรมกร ซึง่ เป็นอาชีพ ที่ตรงกันข้ามกันเลยกับใบปริญญาภาษาละตินของ เขา มาร์ติน วินเลอร์ ได้กล่าวว่า “เริ่มแรกผมเป็น กรรมกร แบกอิฐแบกปูน แต่ก็เรียนสูงเรียนจบเพื่อเอา ใบปริญญาให้กับพ่อแม่ พ่อแม่อยากได้เศษกระดาษ แผ่นนี้ ผมเป็นคนชอบทำ�งานหนักมันทำ�ให้สบายใจ ผมแบกอิฐอยู่อังกฤษ 4 ปี” นี่คือคำ�พูดของเขาที่ทำ�เอา หลายๆ คนถึงกับอึ้ง กับวิธีคิดของฝรั่งคนนี้ที่บอก ว่าใบปริญญาคือเศษกระดาษแผ่นหนึ่งสำ�หรับเขา มาร์ติน วินเลอร์ เดินทางเข้าประเทศไทย ตามที่ได้วางแผนเอาไว้ ว่าจะเดินทางท่องเที่ยวในไทย ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย แล้วไปตั้งหลักที่ออสเตรเลียด้วยวัตถุประสงค์เพียงแค่ท่องเที่ยวแต่ฝรั่ง คนนี้หารู้ไม่ว่าเพียงประเทศแรกก็ใช้เงินจนหมดด้วย ความชอบท่องเที่ยวและกินเหล้าตามสถานบันเทิง ต่างๆ ดัง่ คำ�พูดของเขาทีว่ า่ “ผมเดินทางมาเทีย่ วชอบ เที่ยวเตร่กินเหล้า เที่ยวจนเงินหมดกลับประเทศไม่ได้ ก็เลยไปรับจ้างเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในกรุงเทพฯ ก่อน จริงๆ แล้วผมสอนหนังสือไม่เป็นหรอก แต่คนไทย เห็นฝรั่งก็ว่าเป็นครูหมด ผมอยู่กรุงเทพฯประมาณ 6 เดือน ก็ได้พบกับภรรยาคนนี้ อยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ 3 เดือน แล้วก็มาเที่ยวบ้านแม่ยายที่จังหวัดขอนแก่น” ฝรั่งคนนี้จึงได้พบกับบทบาทใหม่สำ�หรับเขา กับการ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ประกอบอาชีพนี้
ฝรั่งชาวอังกฤษคนนี้กล่าวด้วยน้ำ�เสียงที่ ปราบปลื้มและภาคภูมิใจกับคำ�ถามที่ว่า“เสน่ห์ของ ประเทศสำ�หรับคุณอยู่ที่ไหน ”ฝรั่งคนนี้กล่าวอย่าง เสียงดังเลยว่า “เสน่ห์ของประเทศไทยอยู่ที่ภาคอีสาน คนอีสานเป็นกันเอง เป็นคนแข็งแรง ชอบช่วยเหลือซึ่ง กันและกัน คนอีสานไม่มีการแก่งแย่งชิงดีกันซึ่ง แตกต่างจากชาวต่างชาติ ที่พึ่งพาอาศัยกันไม่ได้ต่าง คนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกันทำ�งานอย่างเดียวผมชอบอยู่ แบบภาคอีสาน ตัวผมอยู่ที่ไหนก็ได้แต่ผมอยากให้ลูก ผมทั้งสามคนได้รับแต่สิ่งดีๆ ถ้าไปอยู่ที่อื่นไม่ได้ดี ขนาดนี้ อยู่ที่นี่มีอิสระจะทำ�อะไรก็ได้” นี้คือมุมมอง ของชาวต่างชาติที่มีต่อภาคอีสาน ที่ชาวอีสานควรจะ ภาคภูมิใจและรักษาวัฒนธรรมนี้เอาไว้ อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่คนไทยหลาย คนมองว่าเป็นอาชีพที่ต่ำ�ต้อยและไม่มีเกียรติเหมือน อาชีพอื่นๆ และอาจเป็นตัวเลือกสุดท้ายสำ�หรับ ทุกคนที่จะเลือกประกอบอาชีพนี้ แต่ก็คงไม่ใช่กับ มาร์ติน วินเลอร์ ฝรั่งชาวอังกฤษคนนี้ที่บอกว่าอาชีพ ที่มั่นคงที่สุดคืออาชีพเกษตรกร “ตอนแรกผมก็ไม่ อยากทำ�อาชีพเกษตรกร ภรรยาผมมีที่ดินเยอะอยาก ทำ�ก็ทำ� มันก็ดีหลายอย่างประหยัดเงินได้ ไม่ต้องซื้อ ข้าวกินเพราะเราปลูกเอง มันเป็นอาชีพอิสระไม่ต้อง กังวลว่าจะตกงานไม่มีเจ้านายคอยคุม ไม่เหมือนที่ ต่างประเทศเป็นลูกน้องเขาหมดถ้าดีเขาก็จ้างถ้าไม่ ดีเขาก็ไล่หนีเหมือนหมูเหมือนหมา แต่เราต้องขยัน อดทนและประหยัด” ด้วยเหตุผลนี้ที่ทำ�ให้ มาร์ติน วินเลอร์ เลือกที่จะประกอบอาชีพเกษตรกร ด้วยแนวคิดตามพระราชดำ�ริเศรษฐกิจ พอเพียงที่เป็นแนวทางการปฏิบัติในการดำ�รงชีวิต แบบพอเพียง จึงทำ�ให้ฝรั่งคนนี้ได้ประสบความสำ�เร็จ ในเรือ่ งนี้ ความไม่อยากมี ไม่อยากได้อะไรทีเ่ กินตัวทำ� ให้เขาใช้ชวี ติ อย่างมีความสุขและเรียบง่าย ด้วยวิธคี ดิ ของเขาที่ว่า “ เรื่องการเกษตรก็ 50% เราพยายาม ประหยัด ที่จริงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ไม่ค่อยเกี่ยวกับการเกษตรสักเท่าไรแต่เกี่ยวกับด้าน แนวคิดในการดำ�รชีวิต ผมโชคดีตัวผมเป็นคนไม่ค่อย อยากได้อะไร ไม่ได้ไปทะเยอทะยานไม่ได้ไปอิจฉาผู้ อื่ น ผมพึ ง พอใจกั บ ชี วิ ต ที่ เ รี ย บง่ า ย นี่ แ หละคื อ เศรษฐกิจพอเพียง มีความพอประมาณ มีเหตุมีผล มี ภูมิคุ้มกันที่ดี มีที่ดินมีที่อยู่ถึงเราจะไม่มีเงินแต่เรา ก็สามารถดำ�รงชีวิตอยูไ่ ด้อย่างไม่ลำ�บาก ส่วนในเรื่อง ที่ในหลวงเขียนไว้คือความรู้กับคุณธรรม ในเรื่องของ ความรู้สิ่งที่ทำ�อยู่ในตอนนี้ก็ได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง เพราะเราก็ไม่ได้เป็นเกษตรกรโดยกำ�เนิดต้องเรียนรู้
ตลอด ส่วนในเรือ่ งคุณธรรมก็ดขี นึ้ ตอนนีเ้ หล้าผมก็ไม่ กิน บุรผี่ มก็ไม่สบู แล้วก็พยามทำ�ตามแนวพระราชดำ�ริ ของในหลวงก็คือการเดินทางสายกลางปลูกผักเลี้ยง ปลา” ถึงเขาจะไม่ได้ปฏิบัติตามแนวคิดตามพระราช ดำ � ริ เ ศรษฐกิ จ พอเพี ย งทั้ ง หมดแต่ ฝ รั่ ง ชาวอั ง กฤษ คนนี้ก็ได้นำ�มาปรับใช้ในชีวิตประจำ�วันได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่า มาร์ติน วินเลอร์ จะไม่รู้เรื่องการ เกษตรมาก่อน แต่เขาก็มคี วามมุง่ มัน่ ทีจ่ ะศึกษาเรียนรู้ ในเรือ่ งนีจ้ ากชาวบ้านอย่าจริงจัง “ไม่ ผมไม่เคยทำ�มา ก่อน วัวควายก็ไม่เคยเห็นมาก่อน 1. ผมก็เรียนรู้จาก ชาวบ้าน 2. เรียนรู้จากสิ่งต่างๆ โทรทัศน์และหนังสือ แต่หนังสือต้องเอาไว้ทีหลังเพราะทฤษฏีกับปฏิบัติไม่ เหมือนกัน แล้วก็ลงมือปฏิบัติเองก็ลองผิดลองถูกจะ ได้รู้ด้วยตนเองว่ามันเป็นยังไง ถ้าเราอ่านแต่หนังสือมันก็ง่ายเหงื่อก็ไม่ ออกแต่เราก็ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ก็ต้องดู 3 อย่าง คือ 1. ดิน ต้องดูว่าดินเป็นยังไง 2. น้ำ� ต้องดูว่าเรา มีน้ำ�เพียงพอแค่ไหน 3. ความรู้ความสามารถทำ�อะไร อย่าให้เกินความสามารถขอตนเอง” ด้วยแนวคิดนี้จึง ทำ�ให้มาร์ติน วินเลอร์ได้เรียนรู้และศึกษาอย่างถ่อง แท้และได้ลงมือลงแรงปฏิบัติเองจึงทำ�ให้เขาประสบ ความสำ�เร็จได้ในไม่ช้า ด้วยความมุ่งมั่นและอดทนท่ามกลางแสง แดดที่ ร้ อ นระอุ ใ นแต่ ล ะวั น ได้ เ ป็ น ตั ว อุ ป สรรค และพิสูจน์ฝรั่งเขยขอนแก่นคนนี้แล้วว่าเขารักและ อยากประกอบอาชีพเกษตรกรนี้จริงๆ ด้วยมุมมองใน การใช้ชีวิตที่ว่า “ไม่มีอะไรมากมาย ก็ไปเรื่อยๆ ขอ แค่มีอาหารให้กิน ให้มีงานทำ� ให้มีเพื่อน แต่ก็ต้อง ขยันอดทน ลดละเลิก ถ้าเราอยากได้มากเราก็เหนื่อย วิถีชีวิตจะมี 2 แบบ คือ 1. หาเงินมากก็ใช้เงินมาก 2. หาเงินน้อยก็ใช้เงินน้อย มันแล้วแต่เราจะควบคุม เป็นเรื่องของกิเลส อยากได้อะไรก็ต้องหาเองส่วนตัว ผมก็อยากได้หลายอย่าง ผมอยากได้อิสรภาพผมก็ได้ แล้วอยากอยู่ในสังคมที่มีความยุติธรรมผมก็ได้อยู่” นี้คือแนวคิดสำ�คัญของฝรั่งคนนี้ที่ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ และมีวิธีคิดที่เรียบง่ายแต่ก็ยิ่งใหญ่ จากความสำ�เร็จในหลายๆ ด้านของมาร์ ติน วินเลอร์ จึงเกิดคำ�ถามมากมาย ด้วยคำ�ถามที่ ว่าคุณคิดว่าคุณประสบความสำ�เร็จในชีวิตหรือยัง “ยังๆ สำ�หรับตัวผมก็ดีอยู่แต่ในด้านครอบครัวก็ยังมี ปัญหาอยู่ความคิดของเราอาจจะไม่เหมือนความคิด คนอืน่ ลูกกับภรรยาต้องมีชวี ติ ความเป็นอยูท่ ดี่ ขี นึ้ กว่า เดิมจะพาแต่ขี่วัวขี่ควายเขาก็ไม่เอาด้วย เราก็ต้องทำ� อะไรให้เขาอีกสักหน่อย แต่ก็เริ่มดีขึ้น พฤติกรรมก็ดี
19
โดย : ตะวัน
ขึ้น ความสบายใจก็เพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต” นี่คือเรื่องจริงสำ�หรับเขา ถึงแม้ความคิดเขาจะแปลก จากคนอื่นสักแค่ไหน แต่เขาก็ต้องคิดถึงภรรยาและ ลูกให้มคี วามเป็นอยูท่ ด่ี แี ละอยูด่ ว้ ยกันอย่างมีความสุข แม้ว่ามาร์ติน วินเลอร์ จะได้ทุกอย่างที่เขาอยากได้ ทำ�ทุกอย่างที่เขาอยากทำ� แต่ความสุขที่แท้จริงของ เขาคืออะไรกันแน่ “ชีวิตที่มีภรรยาและลูก มีเพื่อน มี สิ่งแวดล้อมที่ดี มีสังคมดี มีที่อยู่มีที่ทำ�งาน มีอาหาร การกิน มีอากาศที่ดี มีสุขภาพที่ดี” คือคำ�ตอบของ ฝรั่งคนนี้ที่มีชีวิตความเป็นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่สวยงานและอากาศที่แสนจะบริสุทธิ์ในเขตเขื่อน อุบลรัตน์ ถึงตอนนี้ ฝรั่งเขยขอนแก่นคนนี้ได้มีที่ดิน เพื่อประกอบการเกษตรแบบผสมผสานมากมาย “ที่ ดินทั้งหมดเป็นของภรรยาผมไม่ใช่ของผม (หัวเราะ) มีทั้งหมด 47 ไร่” ด้วยความมุ่งมั่นและมีอุดมการณ์ ทำ�ให้ฝรั่งคนนี้ก้าวขึ้นมาสู้ความสำ�เร็จและเป็นที่รู้จัก กันอย่างแพร่หลาย จากที่เป็นคนเล็กๆ ที่เปี่ยมล้นไป ด้วยอุดมการณ์ ทำ�ให้คนไทยทุกคนที่ได้รับรู้รับทราบ เรื่องราวของมาร์ติน วินเลอร์ถึงกับอึ้ง และเป็นแรง บันดาลใจในหลายๆ เรื่อง ให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี
20
เรื่องสั้น
แค่เสียใจเท่านั้นหรือ... กุหลาบขาว บอบบาง อ่อนโยน แต่ไร้ซึ่งที่มา เจ้าของไม่มี ตัวตน... นั่นคือถ้อยคำ�สุดท้ายที่มีนาเขียนลงในไดอารี่ของเธอสำ�หรับ คืนนี้ เธออยู่กับความสงสัยที่ว่าเจ้าของกุหลาบขาวนิรนามที่ส่งถึงประตู ห้องของเธอทุกเช้าก่อนไปเรียนคือใคร วันแล้ววันเล่าดูเหมือนว่าคำ�ตอบ ของคำ�ถามที่คาใจจะไกลออกไปทุกที
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554 ความสนิทสนม “บ้านไม่เห็นมีอะไรต้องคิดถึงนี่คะ” “ก็พ่อกับแม่ไงคะ” “มีนาไม่มีพ่อกับแม่หรอกค่ะ ถึงมีก็เหมือนไม่มี เพราะที่ บ้านมีนาก็อยู่กับป้า” เมษาเงียบไปชัว่ ครู่ เขาพอจะนึกออกแล้วว่าทำ�ไมมีนาผูน้ า่ รัก ถึงไม่ค่อยร่าเริงแจ่มใสเอาเสียเลย เขาคิดในใจว่าจะต้องทำ�ให้ผู้หญิง คนนี้ยิ้มให้ได้ นับจากวันนัน้ เมษาก็พยายามดูแลมีนามาโดยตลอด ไปรับไป ส่งโดยใช้ความเป็นพี่รหัสเป็นข้ออ้าง และด้วยความที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน ทัง้ คู่ จึงทำ�ให้สองพีน่ อ้ งสนิทกันมากขึน้ จนมีนาเริม่ หวัน่ ใจว่าจะหลงรัก พี่รหัสตัวเอง เธอพยายามปัดความรู้สึกนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยบอกตัว เองว่าพี่เมษาเป็นผู้หญิง ถึงแม้จะหน้าตาหล่อกว่าผู้ชายหลายคน แต่พี่ เมษาก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ� “มีนาคืนนีไ้ ปลอยกระทงกันนะ” เมษาฉีกยิม้ กว้างให้สาวน้อย ตรงหน้า พร้อมกับช่วยเก็บหนังสือสมุดบนโต๊ะ ใช้มอื ข้างหนึง่ หอบหนังสือ แล้วอีกข้างคว้าข้อมือบางๆ ของมีนาเดินนำ�หน้าไปที่โรงอาหาร ความ สนิทสนมที่ดูเหมือนจะมากเกินกว่าพี่น้องธรรมดา ทำ�ให้คนอื่นๆ ต่าง เข้าใจว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน “พี่เมษาคะ มีนาขอปรึกษาอะไรสักอย่างได้ไหม” “ได้สิได้” เมษารีบพูดในขณะที่ยังกลืนข้าวลงคอยังไม่หมด ด้วยซ้ำ� “ถ้ามีใครสักคนส่งกุหลาบขาวให้เราทุกวัน แล้วส่งมาพร้อม กับสิง่ ทีเ่ ราอยากได้ โดยทีส่ ง่ิ นัน้ เราไม่ได้บอกใคร พีเ่ มษาคิดว่ามันแปลก ไหมคะ” “ก็ไม่เห็นแปลกนี่ อาจมีใครบางคนกำ�ลังแอบชอบมีนาอยู่ก็ ได้ บางทีเขาอาจอยู่ไม่ไกลเกินกว่าจะรู้ว่ามีนาชอบหรืออยากได้อะไร” “ถ้าเขาชอบมีนาจริง ทำ�ไมต้องปิดบังตัวเอง แล้วมันจะมี ประโยชน์อะไรล่ะคะ ในเมื่อมีนาก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” “บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้นะ” “ถ้ารักถ้าชอบกันจริง มีเหตุผลอะไรคะที่จะไม่เปิดเผย” เมษานิง่ เงียบเมือ่ ไม่รวู้ า่ ควรจะตอบคำ�ถามนัน้ ว่าอย่างไร เขา มีเหตุผลอะไรอย่างนัน้ หรือทีไ่ ม่เปิดเผยตัวเอง เขากลัวทีจ่ ะถูกปฏิเสธ กลัว ความผูกพันอย่างทุกวันนี้จะหมดไปพร้อมกับการเปิดเผยตัวอย่างนั้นหรือ แต่เขาก็ปัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไป หันมาชวนมีนาคุยอีกที
“มีนา ฉันว่านายกุหลาบขาวของเธอชักจะแปลกๆ นะ จะส่ง กุหลาบให้เธอทั้งทีแต่ไม่เปิดเผยตัว แล้วจะส่งให้เธอทำ�ไม” กานแก้ว กระซิ บ พร้ อ มกั บ ทำ � สี ห น้ า หงุ ด หงิ ดไม่ พ อใจในขณะที่ กำ � ลั ง เข้ า ร่ ว ม กิจกรรมรับน้องใหม่ของสาขาวิชา “สองคนนั้นน่ะฟังพี่ด้วย” เสียงนี้ทำ�ให้คนชอบคุยอย่างกานแก้วค่อยๆ หดตัวลงช้าๆ อย่างคนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงจากความผิดได้ “วันนีพ้ วกพีท่ ง้ั หมดจะมาแนะนำ�ตัวให้นอ้ งๆ ได้รจู้ กั และแจ้ง ให้ทราบว่าใครเป็นน้องรหัสพี่คนไหนกันบ้าง” พี่ปีสองยังพูดไม่ทันจบ ประโยคด้วยซ้ำ�กลุ่มนิสิตใหม่ก็หันกระซิบกระซาบกันอย่างเก็บอาการ ตื่นเต้นไม่อยู่ “...นรีรตั น์เป็นน้องรหัสพีก่ มล กรกนกเป็นน้องรหัสพีพ่ รพิมล กานแก้วเป็นน้องรหัสพี่ก้องเกียรติ์ และมีนาเป็นน้องรหัสพี่เมษา” “ชื่อมีนากับเมษาราวกับว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ เลยนะแก” กานแก้วแซวคนข้างๆ หวังจะให้ขำ�ตาม แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจาก เดิมเลย “นี่แกเป็นอะไรของแก มัวแต่คิดถึงนายกุหลาบขาวนิรนาม อยูน่ ะ่ สิ คนอะไรทำ�ตัวลึกลับราวกับพระเอกนิยาย” กานแก้วแสดงอาการ ไม่พอใจเล็กน้อยทีม่ นี าเอาแต่เงียบ แต่เธอก็ไม่ใช่คนทีจ่ ะโกรธใครจริงจัง ได้นาน “พี่ขอนั่งด้วยคนนะคะ” เสียงหวานๆ ช่างไม่เข้ากับหน้าตา ของเมษาเอาเสียเลย เขาทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ได้คนที่เขาแอบส่งกุหลาบ ขาวให้ทุกเช้าเป็นน้องรหัส “เอ่อ...ได้สิคะ เชิญนั่งค่ะ” มีนาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อแบ่ง พื้นที่ให้ “นักศึกษาใหม่ปรับตัวได้บ้างรึยังคะ” นี่คือประโยคเปิดการ สนทนาของเมษา “ก็ไม่เห็นต้องปรับอะไรมากนี่คะ” วันเพ็ญเดือนสิบสองน้�ำ ก็นองเต็มตลิง่ เราทัง้ หลายชายหญิง “แล้วไม่คิดถึงบ้านเหรอคะ” เมษาซักถามน้องรหัสเพื่อเพิ่ม สนุกกันจริงวันลอยกระทง....เสียงเพลงดังมาแต่ไกล เมษากับมีนาถือกระทง คนละอันเดินไปที่ท่าน้ำ� ทั้งสองคนยกกระทงขึ้นระดับศีรษะ พร้อมกับ หลับตาอธิษฐาน ก่อนปล่อยกระทงลงสู่สายน้ำ� ให้สายลมและคลื่นพัด พาไป “มีนาอธิษฐานอะไรเล่าให้ฟังได้ไหม” เมษาเอ่ยถาม “มีนาอธิษฐานว่า ขอให้เจ้าของกุหลาบขาวนิรนามเปิดเผย ตัวตนสักที มีนาอยากรูจ้ กั เขา บางทีถา้ เรารูจ้ กั กัน มีนาอาจได้เป็นฝ่าย แบ่งปันอะไรต่างๆ กับเขาบ้าง” พอเมษาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ตั้งใจแน่ว แน่ว่าจะรวบรวมความกล้าสารภาพเรื่องราวทั้งหมดกับมีนาในไม่ช้า เช้าวันทีส่ ดใส เมษาเตรียมกุหลาบขาวช่อใหญ่เพือ่ ไปสารภาพ
ความจริงจากใจให้มนี าได้รบั รู้ ไม่วา่ ผลจะออกมาอย่างไรเขาก็เตรียมรับ ไว้แล้ว ก๊อกๆๆๆ...เสียงประตูดังอยู่สามครั้งก่อนที่เมษาจะเดินไป เปิด กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ โชยออกจากตัวคนที่อยู่ตรงหน้า มันเป็น สภาพที่ดูชินตาตั้งแต่เริ่มจำ�ความได้ “ขอพ่อเข้าไปได้ไหม” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยถามด้วยน้ำ�เสียง สะเปะสะปะเล็กน้อย “อืม...ได้สิคะ พ่อมีธุระอะไรหรือเปล่า” เมษาเดินไปนั่งที่ เก้าอีห้ น้าโต๊ะคอมพิวเตอร์เช่นเดิม ในขณะเดียวกันนัน้ ผูช้ ายซึง่ แทนตัวเอง ว่าพ่อก็เดินตามหลังมานั่งลงที่ขอบเตียง “พ่อเมาอีกแล้วสิท่า” “เปล่าลูก พ่อไม่ได้เมา พ่อเพียงแค่มเี รือ่ งอยากจะเล่าให้ลกู ฟัง” “เรื่องอะไรคะ เกี่ยวกับแม่อีกหรือเปล่า ทะเลาะกันอีกแล้ว ใช่ไหม แล้วแม่รอ้ งไห้ไหม” เมษาถามพ่อยืดยาวด้วยคำ�พูดประโยคเก่าๆ คำ�พูดที่เหมือนไม่ใส่ใจ แต่ข้างในกลับรู้สึกเศร้าเต็มที “ไม่ใช่ลูกไม่ใช่” “ยังมีเรื่องอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกไหมคะ” เมษารู้สึกกระอัก กระอ่วนอยู่ข้างใน แค่นประชดออกไปกลบเกลื่อนความอ่อนแอ “ลูกเก็บความลับได้ไหม” พ่อจ้องมองเมษาด้วยสายตาแน่วแน่ ไม่เหลือร่องรอยของอาการเมาอีกต่อไป “ได้สิคะพ่อ ถ้าจำ�เป็นต้องเก็บมันจริงๆ” “ถ้าพ่อเล่าอะไรบางอย่างให้ลูกฟัง ลูกต้องสัญญาก่อนนะว่า ลูกจะช่วยพ่อ และไม่บอกแม่หรือใครๆ” เมษานิง่ เงียบอยูส่ กั พัก ครุน่ คิด ถึงความลับของพ่อ มันคืออะไรกันนะ แล้วเขาจะแบกรับมันไหวหรือเปล่า “เมษา ลูกยังมีน้องสาวต่างแม่อีกคนนะ” พ่อพูดน้ำ�ตาคลอ “เรื่องไม่เป็นเรื่องน่า พ่อเอาอะไรมาพูดก็ไม่รู้ว่าเมยังมีน้อง สาวต่างแม่อีกคน มันจะเป็นไปได้ยังไง เมอายุ 20 ปีแล้วนะ แล้วตลอด เวลาที่ผ่านมาล่ะ น้องสาวของเมไปอยู่ที่ไหน พ่ออย่ามามั่ว” เมษาถอน หายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ลูก พ่อไม่ได้พูดไปมั่วๆ แต่นั่นมันเป็นความจริง ความ จริงที่พ่อเสียใจกับมันมาโดยตลอด แต่ที่พ่อต้องบอกลูกวันนี้ พ่อคิดว่า ลูกคงโตมากพอจะรับรูแ้ ละเข้าใจมันแล้ว และทีส่ �ำ คัญตอนนีน้ อ้ งของลูก ก็กำ�ลังเรียนอยู่ที่เดียวกันกับลูกด้วย” เมษาไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับ เรื่องที่เพิ่งได้ฟังมา จะดีใจหรือเสียใจกันแน่ “แล้วน้องของเมคือใครคะพ่อ” “มีนา วรสันติกุล” เมษานิ่งอึ้งกับคำ�ตอบที่ได้รับ แล้วเหลือบ ไปมองช่อกุหลาบขาวที่เตรียมไว้น้ำ�ตาคลอ “พ่อเสียใจนะลูก แต่พ่อไม่รู้จะอยู่ได้อีกถึงวันไหน พ่ออยาก ให้ลูกช่วยดูแลน้องแทนพ่อในวันที่พ่อไม่อยู่ อย่าทิ้งน้องนะลูก” “แค่เสียใจเหรอคะ พ่อบอกว่าพ่อเสียใจ” เมษานิ่งเงียบไปครู่ ใหญ่ หัวใจของเขาแตกสลายไปพร้อมๆ กับความลับที่เพิ่งได้ฟัง แล้ว เมษาควรทำ�อย่างไรกับกุหลาบขาวช่อนัน้ ทำ�อย่างไรกับคำ�อธิษฐานของ มีนา “พ่อคะ ผู้หญิงมีไว้รัก ไม่ได้มีไว้รังแก” ถ้อยคำ�นี้เมษาได้แต่ กระซิบในใจ โดย : พ่อตัวดี
คอลัมน์
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
ฮเทค เทคโน
by มะนาวหวาน
ช่วงนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่วัยรุ่นเรานั่งจ่ออยู่ หน้าคอมพิวเตอร์ วันนีเ้ รามีเทคโนโลยีใหม่ๆ มานำ�เสนอ ผูอ้ า่ นคนไหน ทีช่ อบเล่นเกม แต่ทว่ากลัวเสียสายตา วันนีเ้ รามีแว่นตาสำ�หรับเล่นเกม เพือ่ ให้คณุ นัง่ หน้าจอฝึกปรือฝีมอื ได้นานและสบายขึน้ มาฝากกันคะ
คุณอาจจะไม่ใช่คนทีใ่ ส่แว่นสายตา ไม่ใส่แว่นกันแดด และ ยิง่ ไม่เห็นความจำ�เป็นของแว่นทีอ่ อกแบบมาสำ�หรับเล่นเกม สำ�หรับคน ใส่แว่นสายตา... แว่นของ Gunnar Opticks นั้นจะแตกต่างจากแว่น สายตาทั่วไป พวกมันเป็นแว่นชนิดพิเศษที่ Gunnar Optiks ค้นคว้า และผลิตขึ้นมาสำ�หรับการทำ�งานหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ ฟัง ดูแล้วน่าสนใจมากยิ่งขึ้นเพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่มักทำ�งานอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์ และหลายคนทีต่ อ้ งนัง่ อยูห่ น้าจอเป็นเวลานานๆ จนอาจทำ�ให้เกิดอาการปวดตา Gunnar Optiks บอกว่า แว่นของ พวกเขาสามารถลดอาการปวดตาจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลา นานๆ ได้ แว่นของเขาทำ�ได้แม้กระทั่ง “ยกระดับประสบการณ์การ เล่นเกม” ของพวกเรา แว่น Gunnar Opticks ที่เราได้มานั้นเป็นรุ่น PPK (ชื่อเต็ม คือ PPK Digital Performance Eyewear) ถูกบรรจุมาในกล่อง พลาสติกใสแบบกิบ๊ เก๋ (คล้ายๆ กับแว่นชัน้ นำ�ในท้องตลาด) แว่นจะถูก ล็อกไว้ดว้ ยโฟมทีป่ ลายกล่องทัง้ สองด้าน เพือ่ กันไม่ให้เกิดรอยกับสินค้า ตัวแว่นทำ�จากโลหะทีม่ คี วาม ยืดหยุน่ และมีน�ำ้ หนักเบา การออกแบบ ของรุ่น PPK ก็ดูดีใช้ได้ กรอบเป็นกรอบแบบเหลี่ยม ส่วนขาของแว่น ก็หมุ้ ไว้ดว้ ยซิลโิ คนใส ทำ�ให้เห็นการออกแบบขาทีเ่ จาะรูโลหะสวยและ ช่วยลดน้ำ�หนักได้ด้วย จุดที่โดดเด่นที่สุดของแว่น Gunnar Optick อยู่ที่เลนส์ซึ่งมีสีเหลือง ข้อดี : ช่วยลดแสงสะท้อน ลดอาการปวดตา ทำ�ให้ประสบการณ์การเล่นเกมดีขน้ึ , ทำ�จากวัสดุคณุ ภาพดี, ใช้แทนแว่นกันแดด ได้, เบา, ราคาไม่แพง (ถ้าเทียบกับแว่นแบรนด์เนม) ข้อด้อย : ราคาสูง ไม่มีของแถม ต้องใช้ระยะปรับสายตา ให้เข้ากับสีเหลืองของเลนส์ สำ�หรับผูช้ อบเล่นเกมเป็นประจำ� ก็ควรทีจ่ ะพิจารณาแว่น ชนิดนี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะช่วยลดแสงสะท้อนได้เป็นอย่างดี แล้วยังช่วยรักษาคุณภาพของตาด้วย ราคาก็ไม่แพง ไฮเทค เทคโน คิดว่าแว่นชนิดนี้อาจเป็นตัวเลือกของใครหลายๆ คนอยู่ไม่น้อย และสุดท้ายนี้ ไฮเทค เทคโน ก็ขอตัวไปเสาะหาเทคโนโลยี ใหม่ๆ มาให้คุณผู้อ่านได้อัพเดทกันอีก แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
21
ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย
By : Power Praw
ช่วงนีอ้ ากาศเดีย๋ วก็รอ้ น เดีย๋ วก็ฝนตก ทำ�ให้รา่ งการเราปรับ ตัวกันไม่ค่อยจะทัน ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ! วันนี้ คอลัมน์ P&P ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย จะมาแนะนำ�ร้านอาหารญี่ปุ่นให้คุณๆ ได้รู้จัก กัน หวังว่าคงจะถูกใจนักชิมหลายๆ คนกันนะคะ ร้านทีจ่ ะมาแนะนำ�บอกกล่าวให้คณุ ผูอ้ า่ นได้รจู้ กั มีชอ่ื ว่า “Ano Restaurant” ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้าม เซเว่น อีเลฟเว่น เดอะเบสบัดดี้ เปิดบริการช่วงเย็น ประมาณ 4 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่ม เป็นร้านเล็กๆ ตกแต่งได้อย่างสวยงามลงตัว เหมาะที่จะพาเพื่อน ครอบครัว และคน รู้ใจมารับประทานมากๆ “Ano Restaurant” มีเมนูอาหารหลากหลายไว้คอยบริการ ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ ที่มีหลายหน้าให้เลือก ข้าวหน้าแกง กะหรี่ไก่ ทอด/หมูทอด กุ้งเทมปุระ ข้าวหน้าไก่ หมูย่างซีอิ้ว โซบะเย็น เกี๊ยวซ่า ฯลฯ เรื่องรสชาตินั้นก็สุดแสนอร่อยสไตล์ ญี่ปุ่นแท้ๆ สนนราคาที่ 59 บาทขึ้นไป เรียกได้ว่าทั้งอิ่มอร่อย สบายกระเป๋ากันเลยทีเดียว ใครทีก่ �ำ ลังมองหาอาหารมือ้ ค่�ำ อยู ่ ก็ลองแวะมาชิมอาหารญีป่ นุ่ ราคาเบาๆ ที่ “Ano Restaurant” ดูได้ รับรองทั้งอิ่ม ทั้งคุ้ม Power Praw ฟันเฟิร์ม!!
ผลไม้อีสาน... 1
2
4
6
3
สำ�หรับหนังสือพิมพ์อินทนิลฉบับนี้ ดิฉันก็มีเนื้อหาสาระ เกีย่ วกับผลไม้อสี านมาฝาก ซึง่ เป็นผลไม้พน้ื บ้านทีเ่ ราอาจคุน้ เคยมาตัง้ แต่เด็กหาได้ตามท้องถิน่ ทัว่ ไป และมีอยูห่ ลายชนิดรสชาติดแี ถมมีประโยชน์ดว้ ย ยิง่ ช่วงนีห้ น้าฝนมีผลไม้หลายชนิดกำ�ลังออกผลเลย เราลอง มาทำ�ความรู้จักกับผลไม้พื้นบ้านอีสานเลยดีกว่าค่ะ
1 2 3
5
4 5 6
หมากเบน เป็นผลไม้ที่มีรสหวาน ทางสมุนไพรใช้ลำ�ต้น เข้าตำ�รับยา แก้โรคอีสุกอีใส แก่นไม้และรากนำ�ไปต้มดื่มรักษาโรคไต พิการ ผลไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณมากมายเลยทีเดียวค่ะ
หมากเค็ง ใช้ต้มผลกินแก้ไข้ ร้อนใน ผลสุกรับประทาน ได้ค่ะ อร่อยด้วยนะ ปรุงเป็นขนมหวาน ผลอ่อนนำ�มาต้มรับประทาน หมากเล็บแมว เป็นผลไม้หน้าหนาว อาจจะเป็นที่ชื่นชอบ ยอดอ่อนให้รสเปรี้ยวใช้ประกอบอาหาร โอ้โห! หมากเค็งนี่ประโยชน์ก็ ของเด็กๆ (รวมถึงผู้ใหญ่หลายคน) ต้นหมากเล็บแมว พบเห็นได้ทั่วไป ใช่ย่อยเลยนะ สุดยอดจิงๆ ตามดอน ตามป่าละเมาะค่ะ รสชาติยงั ไม่เคยชิมต้องไปลองบ้างซะแล้ว หมากหว้า ใครไม่รจู้ กั เนีย่ ถือว่าไม่ใช่ลกู อีสานเลยนะคะ รส หมากเม่า คุน้ ๆ ตากันบ้างไหมคะทุกท่าน การกินผลดิบ (สี ชาติก็มีรสเปรี้ยวอมฝาด และอีกอย่างผลไม้ชนิดนี้ยังนิยมนำ�ไปทำ�เป็น เขียวอ่อน) และผลสุกสีแดงทีม่ รี สเปรีย้ ว จะนำ�มาทำ�เป็นส้มตำ�เม่า ส่วน เครื่องดื่ม คือ “ไวน์” เป็นที่นิยมมากด้วย ผลสุกสีด�ำ ม่วงจะมีรสหวานอมเปรีย้ ว โดยทัว่ ไปจะนำ�มารับประทานใน ลักษณะผลสดเลย เป็นผลไม้ยอดฮิตสมัยเด็กๆ กันเลยทีเดียว ยังมีผลไม้อีสานอีกมากมายที่อยากนำ�เสนอให้คุณผู้อ่าน ทัง้ ทีเ่ ป็นคนภาคอีสานอยูแ่ ล้วหรือเป็นคนภาคอืน่ ๆ ได้รจู้ กั แต่พน้ื ทีข่ อง หมากเม็ก เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งใบหรือยอดอ่อน ชาวอีสาน เรามีจำ�กัดเราสามารถนำ�มาลงให้ผู้อ่านได้รู้จักกับผลไม้อีสานได้เพียง เรานิยมนํามาเป็นผักเครือ่ งเคียง กินกับลาบ ป่น ส่วนหมากหรือผลจะ เท่านี้ก่อน แล้วดิฉันจะนำ�เนื้อหาสาระดีดี มาแนะนำ�ให้คุณผู้อ่านได้ เป็นสีขาวรสชาติจะออกหวานอมเปรีย้ ว (กลิน่ คล้ายๆ แอปเปิล้ ) จะหา ติดตามอีกค่ะ ได้ทั่วไป หน้าฝนนี้ล่ะค่ะกําลังออกผลเลย โดย : ลายน้ำ� Credit By : บ่าวอำ�นาจ
คอลัมน์
22
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
1
ด.ู ..
หนังน่า
By : นับเงิน
“ชวนดูหนังเก่า”
ตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั ถ้าจะไล่เรียงภาพยนตร์ของไทย คง พูดกันไม่หมด เรียกได้วา่ ถ้าจะให้ดทู กุ เรือ่ ง คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน ภาพยนตร์ ไทยของเราหลายเรือ่ งไปทำ�ชือ่ เสียงในต่างแดน บางเรือ่ งเป็นหนังดีแต่คน มองข้าม ในคอลัมน์นจ้ี งึ ขอแนะนำ�หนังดีทห่ี ลายคนพูดถึง มาให้ผอู้ า่ นได้ ลองเลือกชมกัน เรามาดูกันที่เรื่องแรก ผลงานการกำ�กับหนังของคุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ซึ่งลงทุน ควักกระเป๋าตัวเองจ่ายไปถึง 18 ล้านบาท แต่ในช่วงแรกที่หนังเข้าใหม่ กระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่ได้รับกระแสปากต่อปากไปเรื่อยๆ จนทำ�ให้หนังเรือ่ งนีเ้ ป็น Talk of the town ทีผ่ คู้ นเริม่ ให้ความสนใจ และ ไปชมกันเพิ่มมากขึ้น ความน่ารักบวกกับความใสซือ่ ของทัง้ ปัญญาและเรณู ประกอบ กับภาพบรรยากาศทีเ่ ป็นธรรมชาติ เนือ้ เรือ่ งทีแ่ สดงถึงความเป็นธรรมชาติ ของเด็กอีสาน จนทำ�ให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงอารมณ์ และความรู้สึกของ ตัวละครได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นหนังดีที่น่าดูอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด ถึง แม้จะดูซ้ำ�อีกก็คงไม่เบื่อ
3 2
เรือ่ งทีส่ อง เอาใจคนชอบหนังแนวสยองขวัญผลงานการกำ�กับ เรื่องแรกของพัชนนท์ ธรรมจิรา ภาพยนตร์ไทยในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งก็ ได้รับเสียงวิจารณ์ไปในสองทาง ทางหนึ่งเห็นว่าบทภาพยนตร์เขียนได้ดี โดยเฉพาะความขัดแย้งของสองตัวละครหลักอย่าง แพรพลอย และ ป้องภพ ทำ�ให้ดูเหมือนหนังแนวชีวิตครอบครัวเรื่องหนึ่ง โดยนำ�เอาชื่อโรค ประหลาดภาษาทางการแพทย์ที่น้อยคนนักจะรู้จัก มาเป็นแก่นของเรื่อง ราวไสยศาสตร์สยองขวัญ โดยทางการแพทย์ระบุไว้วา่ “โคลิค” เป็นชือ่ ของ อาการที่เด็กทารกแรกเกิดจะร้องไห้โยเยอย่างไม่ทราบสาเหตุทุกวัน เป็น เวลาติดต่อกันประมาณ 3 - 6 เดือน อาการดังกล่าวก็จะหายไปเอง หาก ใครคิดทีจ่ ะดูหนังสยองขวัญ โคลิคก็เป็นอีกเรือ่ งทีไ่ ม่นา่ พลาดเช่นเดียวกัน
หนังByสื:อชลธิน่ชาาอ่าน
พลงน่าฟัง By : change
การฟังเพลงช่วยให้เรามีความสุข มีชวี ติ ชีวา ให้ความเพลิด เพลิน ทีส่ �ำ คัญช่วยให้เราผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี วันนีผ้ เู้ ขียน จึงมีเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆ มาแนะนำ� ท่านผูอ้ า่ นอาจจะเคยคุน้ หู กันมาบ้างแล้ว หรืออาจจะยังไม่เคยฟัง แต่กข็ อหยิบมาแนะนำ�ละกันค่ะ
1
2
3
1
เพลง : ยังสนุก ศิลปิน : บี พีระพัฒน์ อัลบั้ม : Medium Rare “วันนีเ้ ราได้หวั เราะเต็มทีห่ รือไม่ และมีความสุขแค่ไหน ลอง ถามหัวใจ” ประโยคหนึง่ ในเนือ้ เพลง ซึง่ มีความหมายทีโ่ ดนใจ และช่วย เตือนใจได้เป็นอย่างดี นอกจากความไพเราะแล้ว เชือ่ ว่าเพลงนีค้ งจะเป็น อีกเพลงหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ฟังมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น
2
เพลง : กอด ศิลปิน : ซูเปอร์เบเกอร์ อัลบั้ม : Beautiful Day เพลงทีใ่ ห้ความรูส้ กึ อบอุน่ ใช้บอกความรูส้ กึ ดีดี ทีม่ ใี ห้กนั ได้ เป็นอย่างดี ทุกครัง้ ทีไ่ ด้ฟงั ก็อยากจะกลับไปกอดคนทีเ่ รารัก ไม่วา่ จะเป็น แฟน คนในครอบครัว หรือเพื่อน
3
เพลง : ใกล้กว่าดาว ศิลปิน : Lonely Lego อัลบั้ม : Men’s Room ขอบอกว่าเพลงนีเ้ หมาะกับคนทีก่ �ำ ลังแอบชอบใครอยู่ แต่ไม่ กล้าบอก เชือ่ ว่าต้องโดนใจอย่างแน่นอน เพราะช่วยบอกถึงความรูส้ กึ ได้ เป็นอย่างดี นอกจากความหมายดีแล้ว เพลงยังเพราะอีกด้วย จากเพลงที่ผู้เขียนนำ�มาแนะนำ� หวังว่าคงมีสักเพลงที่ตรง ใจท่านผูอ้ า่ น ยังไงก็ลองไปหาฟังกันได้ และขอให้ทกุ ท่านมีความสุขกับ การฟังเพลงค่ะ
เดอะ รีดเดอร์...
เป็นนวนิยายยอดเยี่ยมที่ได้รับการแปลถึง 37 ภาษา เขียน โดย เบิร์นฮาร์ด ชลิงค์ แปลโดย สมชัย วิพิศมากูล หนังสือเล่มนี้มีความน่าค้นหาตั้งแต่ภาพหนังสือและดอกไม้ บนหน้าปก ในความเป็นหนังสือมันเต็มไปด้วยอักษร แต่แฝงเร้นไปด้วย ความลับบางอย่าง ในความเป็นดอกไม้มนั ดูสวยงาม แต่ความเศร้ากลับ ดูเด่นชัดกว่า เมื่อเปิดเข้าไปสัมผัสกับเรื่องราวภายในจะพบว่าภาษาใน การถ่ายทอดละเมียดละไม บางช่วงมีน�ำ้ หนักเข้มแข็งทระนง แต่บางช่วง อ่อนไหวและเปราะบาง เป็นเรื่องราวที่ชวนให้หวาบหวามใจบ่อยครั้ง เกิดความคิดขัดแย้งกับตัวละครหลายหน เศร้าไปกับความรักในเรือ่ งจน บรรทัดสุดท้าย เนื้อหาภายในเล่มเล่าเรื่องสัมพันธภาพอันงดงาม ทว่าสั่น คลอนและทำ�ลายศีลธรรม ว่าด้วยความสัมพันธ์ของชายหนุม่ กับหญิงสาว ทีอ่ ายุหา่ งกันกว่า 20 ปี ซึง่ สัมพันธ์สวาทของทัง้ คูด่ �ำ เนินไปโดยมีแบบแผน คือ ชายหนุ่มต้องอ่านหนังสือให้หญิงสาวฟังทุกครั้งก่อนร่วมรัก ความ สัมพันธ์ของพวกเขาต้องถูกปิดบังและหลบซ่อนจากผู้คนในสังคมตั้ง แต่แรกพบจนกระทั่งจากกัน และเมื่อกลับมาพบกันอีกครั้งชายหนุ่มใน คราบนักศึกษาต้องเข้าร่วมรับฟังการไต่สวนคดีค่ายกักกันเอาชวิตช์ ซึ่ง มีอดีตคนรักเป็นผู้ต้องหา แล้วเขาควรจะทำ�อย่างไร แท้ที่จริงเธอเป็น ฆาตกรโดยตั้งใจ หรือเป็นเพียงผู้อ่านหนังสือไม่ออก
นีค่ อื เรือ่ งราวความรักทีห่ วานหอมในช่วงเวลาอันสัน้ การจากลาที่น่าโหยหา และการกลับมาที่ปวดร้าว
ร่วมสัมผัสความหวานหอมไปพร้อมกับ มิคาเอล และ ฮันนา ในงานเขียนของ เบิร์นฮาร์ด ชลิงค์ และก้าวผ่านความเจ็บปวดบนทุก ตัวอักษรไปพร้อมกันใน “เดอะ รีดเดอร์”
ส่วนเรือ่ งสุดท้าย SexPhone คลืน่ เหงาสาวข้างบ้าน เข้าฉาย เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2546 และได้รับการตอบรับในเชิงบวก ซึ่ง เป็นผลงานภาพยนตร์ลำ�ดับที่สองของเหมันต์ เชตมี เป็นภาพยนตร์รัก ตลก ดราม่า โดยได้ บีม กวี ตันจรารักษ์ และ พอลล่า เทเลอร์ มาแสดง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำ�รายได้ตลอดการเข้าฉายไป 26 ล้านบาท Sexphone คลื่นเหงา สาวข้างบ้าน บอกเล่าเรื่องราวของดี เจหนุ่มรักสงบ ที่อาศัยอยู่กับคุณปู่ และหญิงสาวลูกครึ่งที่มีความมั่นใจ ในตัวเองสูง ทั้งสองคนคือเพื่อนบ้านที่ไม่ลงรอยกันมาตลอด แต่ไม่นาน ทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนคุยที่รู้ใจกันในที่สุด เรื่องราวจะดำ�เนินไปทางใด และจะมารักกันได้อย่างไร เป็นเรื่องที่น่าติดตามอีกเรื่องเลยทีเดียว
แนะนำ�หนังสือ...
By : ตะวัน อินทนิลฉบับที่ 17 เราได้แนะนำ�หนังสือน่าอ่านของสำ�นักพิมพ์ อินทนิลไปแล้ว 3 เล่ม คือ โลกของเธอมีเพียงเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม การเขียนสารคดีภาคปฎิบตั ิ และนอกเหนือจินตนาการ กลับมาคราวนี้ สำ�นักพิมพ์อินทนิลก็มีหนังสือดีๆ มาฝากนักอ่านกันอีก 3 เล่ม ให้ หนอนหนังสือทุกท่านได้ชอนไชหาความรู้ได้อย่างเต็มอิ่ม รับรองไม่ ผิดหวังแน่นอน!!!
“ศาสตร์และศิลป์แห่งการสัมภาษณ์ ๑” เขียนโดย อ.สุธาทิพย์ โมลาลาย ผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่า “เป็นนักสัมภาษณ์มอื อาชีพ” เนือ้ หาในเล่มเป็นการรวมบทสัมภาษณ์ ผู้เขียน ที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสารกุลสตรี บทสัมภาษณ์ส่วนใหญ่เป็น เรือ่ งราวของนักเขียนที่มีชื่อเสียงร่วมสมัย ช่วยสะท้อนความคิด ทัศนะ การมองโลกของผูม้ ปี ระสบการณ์
“ไทดำ�”เมืองแกง“ทรงดำ�” ถิน่ สยาม จากหนองแฮดถึง หนองปรง เขียนโดย อ.ดร.บุณยงค์ เกศเทศ นักวิชาการด้านมานุษยวิทยา หนังสือ เล่มนี้จะพาท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของ “ไทดำ�” กลุม่ ชาติพนั ธุแ์ รกๆ ทีอ่ พยพย้ายถิน่ เข้ามาในราชอาณาจักรสยาม และ สามารถคงอัตลักษณ์ไว้ได้อย่างยืนยาว ผ่านการเล่าเรื่องด้วยภาษาที่ เรียบง่ายมีเสน่ห์ พร้อมภาพประกอบทีถ่ กู สะสมไว้นานปี ซึ่งจะทำ�ให้ ผู้อ่านได้ทั้งสาระและความรื่นรมย์ไปพร้อมๆ กัน “ธรรมชาติในกวีนิพนธ์ไทยร่วมสมัย” เขียนโดย ดร.กอบกาญจน์ ภิญโญมารค หนังสือเล่มนี้เป็นงานวิจัย เพื่อสร้างจิตสำ�นึกต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิทยานิพนธ์ดีเด่นของ สำ�นักงานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ ได้รบั รางวัลวิทยานิพนธ์ ประจำ� ปี 2552 สาขาปรัชญา เป็นความพยายามทีจ่ ะชีใ้ ห้เห็นถึงพันธกิจของกวี ในสังคมไทย ในฐานะ “ผู้นำ�ทางปัญญา” ของสังคม
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
รอคอย ผิดหวั ง อดทน !! อยากเป็นนักดนตรี... 25
คอลัมน์
hours
23
By : 2 ตัน
วงการบันเทิงบ้านเราในตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ “แหลม-สมพล รุ่งพาณิชย์” รับรองว่าทุกคนที่ได้ยินเสียง ของเขาต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นั่นคือพรสวรรค์ของเขาจริงๆ แต่ในมุมมองลึกๆ ของเขาแล้ว การมีแค่พรสวรรค์ยังไม่เพียง พอต้องเพิ่มพรแสวงเข้าไปด้วย ก้าวเดินแต่ละก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ในเส้นทางสายดนตรีร่วมสิบกว่าปี วันนี้เขาจะได้มายืนใน จุดที่คนทั้งประเทศรู้กันในชื่อ “25hours” ส่วนตัวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ต้องอาศัยทั้งการรอคอย ต้องเจอกับความผิดหวัง และ ยังต้องมีความอดทนกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่เราเองก็เชื่อว่าเส้นทางของเขายังไปได้อีกไกลแน่นอน...
เริ่มสนใจการร้องเพลง ? ตัง้ แต่เด็กครับ ถ้านึกย้อนไปเท่าทีจ่ �ำ ได้กร็ อ้ งเพลงแล้ว แต่กไ็ ม่ ได้เป็นเรือ่ งเป็นราวไม่ได้มกี ารตัง้ วงดนตรีอะไรพอเวลาผ่านไป มาเล่นดนตรี เป็นวงแบบจริงจัง เป็นแบบวงร็อคครับ ตอนอยู่ ม.2 ก็รวมวงกับรุ่นพี่ที่อยู่ ม.3 ครับ แกะเพลงเล่นกันตามงานโรงเรียน ส่วนใหญ่กเ็ ล่นพวก หิน เ หล็ก ไฟ แล้วก็แยกวงไป เพราะพี่เขาจบ ม.3 เขาก็ออก แต่ผมยังเรียนอยู่แล้วก็มา รวมวงใหม่ ตั้งวงกันกับรุ่นพี่ เขาน่าจะอยู่ ม.5 - 6 มาชวนเราไปร้อง ได้ไป ประกวด HotWave Music Award ครั้งที่ 5 กัน ก็ซ้อมกันแล้วก็ไป ประกวด ตอนนั้นชื่อวงลังเลครับ ได้เข้ารอบ 10 วงสุดท้าย และผมได้ รางวัลนักร้องยอดเยีย่ ม เป็นจุดทีท่ �ำ ให้เริม่ เข้ามาสูธ่ รุ กิจดนตรีจริงๆเริม่ เข้ามาอยูท่ แ่ี กรมมีค่ ือตอนนั้นอยู่ที่แกรมมี่ก่อนเป็นศิลปินฝึกหัดอยู่ 3 ปี รุน่ เดียวกับพีป่ าล์มมี่ และก็มพี ก่ี วาง AB normal เข้าไปพร้อมๆ กันในยุคๆ นั้น ก็อยู่นั้น 3 ปี มีการฝึกพัฒนาศิลปินตามกระบวนการของเขาประมาณ หนึ่งครับ แล้วก็จะไปอยู่ในค่ายเกือบ 2 ปี ก็ได้ไปอยู่ที่ Genierecord ทำ�เพลงกันมากมายแต่ก็ไม่ได้ออกครับ ตอนยังไม่เป็น 25 hours มีเพลงออกมา ? จะเรียกว่าหลุดรึป่าว ก็ไม่ได้หลุดครับ ออกมาเพลงหนึ่งเป็น ซิงเกิล้ จริงๆ แล้วทำ�อัลบัม้ เต็ม แต่มนั มีโปรเจ็คชือ่ ว่า Genie showroom 2 open ที่มี Richman toy มีอะไรด้วยครับ และก็มีผมแหลม ร้อง เพลง แสนดี และเพลงฉันยังเป็นคนรักของเธอทุกวัน 2 เพลง ปล่อย ออกมา จริงๆ แล้วทำ�อัลบั้มเต็มแต่มีโปรเจ็คตอนนี้ออกมาก่อน เขาเลย เอามารวมกันก่อน ให้ทกุ คนได้รจู้ กั อะไรกันก่อนประมาณนีค้ รับ เหมือน กับว่าใน Genie ตอนนั้นมีอะไรก็มารวมๆ กันแล้วออก แต่ก็ยังทำ�เพลง ต่อไปครับ อยู่ที่ Genie record น่าจะประมาณ 5 ปี ครับ แล้วก็ไม่มี อะไรได้ออก ทัง้ ทีม่ ซี งิ เกิล้ มีปกซีดถี า่ ยปกเรียบร้อยอัลบัม้ เรียบร้อยก็ไม่ได้ ออกครับ ตอนนั้นก็ใกล้จะหมดสัญญาพอดี แต่ในใจผมยังอยากทำ�อยู่ เพราะเราก็เดินมาสายนี้แล้วตั้ง 8 ปี แต่ว่าเราน่าจะทำ�อะไรให้มันได้เห็น จริงๆ เพือ่ อะไร มันมีคนถามเราเยอะมากว่าเมือ่ ไหร่จะออกเทปซักที มันก็ ต้องตอบคำ�ถามตรงนั้นด้วยส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด จริงๆ ใน 8 ปี ที่ผ่านมาความผิดหวัง ความอะไรก็ตามมันกลายเป็นชีวิตไปแล้ว เรา
ก้าวไปแล้วเราถอยกลับมาไม่ได้แล้ว กว่าจะมาเป็น 25 hours ? ผมรู้จักกับน้าเป๋า - กมลศักดิ์ สุนทานนท์ วงนั่งเล่นครับ ที่ เป็นคนเขียนเพลงให้พี่เบิร์ด แล้วก็มีน้าตุ่น - พนเทพ สุวรรณะบุณย์ ทั้ง 2 คนนี้ ทำ�ให้พวกเรา 25 Hours เริ่มมาเจอกัน เลยคือผมกับโฟร์ได้มาเจอ กันเพราะน้า 2 คน คือ โฟร์ทำ�งานกับน้าตุ่น ส่วนผมพี่เป๋าก็จะดูแลเรื่อง เนื้อในอัลบั้ม ก็พูดคุยกันว่าอัลบั้มไม่ออกแล้วจะทำ�ยังไงดีก็เลยนั่งคุย ปรับทุกข์กัน จะทำ�ยังไงต่อ ส่วนตัวผมรู้สึกอยากทำ�ต่อแน่ๆ อยากทำ� เป็นวง แต่ว่าวงไม่มี เพราะร้องเดี่ยวมา 8 ปี มันต้องเรียนรูก้ นั เยอะครับ การทำ�วงไม่ใช่เรือ่ งง่าย พอดีนา้ เป๋ารูจ้ กั กับโฟร์ ตอนนัน้ โฟร์ก็มีวงอยู่นา้ เป๋าก็ บอกว่าน่าจะมารวมกับโฟร์นะ เริ่มน่าสนใจแล้ว เริ่มมีทางออก
ถ้าพีร่ สู้ กึ ว่าเพลงไหนน่าเปิดก็จดั การเลยครับ จำ�ได้เลยพีเ่ ขาบอกว่า “โอเค งัน้ พีข่ อไปฟังก่อนนะ” สุดท้ายก็เป็นเพลงวันดีดที ถ่ี กู เปิดทีแ่ ฟตครับ
ช่วงออกอัลบัม้ ? คือตอนทำ�เพลงเราเป็นอิสระ จนมาถึงตอนต้นปี 2552 เราก็มา อยูก่ บั Believe records จำ�ได้วา่ งานนัน้ ทีแ่ ฟตเราให้พเ่ี มือ่ ยด้วย ผมกับพีเ่ มือ่ ย จริงๆ รูจ้ กั กันตัง้ นานแล้ว ตัง้ แต่เด็กๆ ผมก็เลยให้พเ่ี มือ่ ยไว้ เวลาผ่าน ไปพีเ่ มือ่ ยก็โทรมาหาประมาณว่าที่ Believe records สนใจทุกคนฟังทุกเพลง แล้วชอบ รูส้ กึ ว่าอยากทำ�งานด้วยกับเรา พีบ่ อลฟังแล้วพีฟ่ น่ั ฟังแล้ว เราก็มา คุยกันครับ คุยกัน 2 ครัง้ ก็ตดั สินใจอยูท่ น่ี ท่ี �ำ เพลงด้วยกัน ด้วยบรรยากาศ ความคุ้นเคยและอะไรหลายอย่างที่เราไม่เคยได้รับจากที่ท่เี ราเคยอยู่ด้วย มัง้ ครับมันให้เรารูส้ กึ ว่านีแ่ หละง่ายๆ โฟร์เคยบอกผมว่า Believe มีความรูส้ กึ ก้าวไปกับจุดเริ่มต้นของ 25 hours ? เหมือนบ้าน มันมีความรูส้ กึ ปลอดภัยอยู่ ผมก็เข้าใจความรูส้ กึ นีเ้ หมือนกัน เรียนจบก็เริ่มมาทำ�เพลงเป็นจริงเป็นจัง กับเพื่อนในวงมีโฟร์ ครับ มันเหมือนเป็นที่ของเราเมื่อรู้สึกปลอดภัยเราก็สามารถจะอยู่กับมัน มีพี่บัง และก็ปู๋ เป็นคนหลักๆ ที่ทำ�กันครับ ตอนนั้นจ๊อบยังไม่เข้ามา ได้นาน ก็เริ่มจากเพลง “วันดีดี” เป็นเพลงแรกที่ทำ�กันขึ้นในวง ช่วงแรกก็ยังส่ง เพลงให้พวกน้าๆ ฟังอยู่ เพราะเขาเองก็ชว่ ยๆ ดูกนั มา หลังๆ เราก็อยาก สิบปีกว่า ในเส้นทางดนตรี ? ทำ�เองหมดเลย คืออยากให้เป็นเราจริงๆ มากกว่า คือเราอยากจะได้อะไร 8 ปี ทีอ่ ยูก่ บั แกรมมี่ 1 ปีทเ่ี ราทำ�ดนตรีกนั เอง คือตอนนัน้ ไม่มี ที่มันเพียวๆ จากเรามากกว่า น่าจะมันส์กว่า หลังจากนั้นก็เริ่มวันดีดี ต่อ ค่ายไม่มีอะไรทั้งสิ้นทำ�กันเองทุกอย่าง ตั้งแต่โน้ตแรก มาอยู่กับ Believe ด้วยถามจันทร์ ทำ�เพลงได้จำ�นวนหนึ่งก็ไปขายที่งานแฟต ปี 2551 ครับ recordsกว่าจะทำ�เพลงเสร็จก็รว่ มปีกว่า หลายๆ คนก็จะอุทานจริงเหรอ คิดจะทำ� EP ขายก็เลยโอเคทำ�กัน เอาเพลงทีค่ อ่ นข้างสมบูรณ์มาทำ�แผ่น 8 - 9 ปี แต่เวลาผมมองกลับไปผมก็จะรูส้ กึ ว่าผมไม่เคยคิดว่ามันนานก็แปลก รวมกันลงใน EP เป็นอัลบั้ม แต่ตอนที่จะไปขายเราเองก็ไม่เคยอยู่ในสาย เหมือนกัน โอเคมันมีเรือ่ งราว แต่ดว้ ยความทีผ่ มเข้าไปตัง้ แต่เด็กมัง้ ครับ ทีเ่ ป็นอินดีเ้ ลย เขามีพน้ื ทีใ่ ห้ขายแต่กไ็ ม่รจู้ ะไปขายยังไง ช่วงนัน้ ผมมี Hi5 ผมจะชอบคิดว่าชีวติ หนึง่ เราอยูไ่ ด้สกั ประมาณ 60 - 70 ปีถา้ เทียบกันกับ ก็เคยเอาเพลงไปแปะๆ ไว้ พอดีมีพี่เจี๊ยบ-วรรธนา เป็นเพื่อนใน Hi5 เลย ทัง้ หมดของชีวติ มันแค่ 10 ปี มันแค่สว่ นเล็กๆ มันไม่ใช่ทง้ั หมดมันเป็นเรือ่ ง ลองเอาเพลงให้พเ่ี ขาฟังดู พีเ่ ขาก็ชอบถึงขัน้ ชวนไปทำ�เพลงกัน ผมก็บอก ทีท่ กุ คนต้องเจอมากกว่าครับ ผมเจอแบบนีแ้ ต่คนอืน่ อาจจะเจออีกรูปแบบ กำ�ลังทำ�กันอยูค่ รับ อยากไปขายทีง่ านแฟต พีเ่ ขาก็แนะนำ�ไปขายบูธพีส่ ิ หนึง่ แต่รปู แบบทีผ่ มเจอทำ�ให้มนั มองย้อนกลับไปผมมองให้มนั เป็นประสบเราก็ได้พี่เจี๊ยบนี้แหละครับที่ทำ�ให้เราได้ไปขายทีง่ านแฟต คือพีแ่ กดีมาก การณ์มากกว่า ผมเรียนศิลปะ ทำ�กิจกรรม และผมก็เรียนดนตรีดว้ ย เรียน ผมไปถึงพีเ่ ขาเขียนป้ายรอไว้เลยครับ “แหลม 25Hours” วันนัน้ ผมเจอดีเจ จริงๆ จากคนทีท่ �ำ ดนตรีจริงๆ ผูม้ ปี ระสบการณ์จริงๆ มันไม่ใช่สอนแค่ คลืน่ แฟตก็ฝากซีดใี ห้พเ่ี ขาไป เขาก็ถามว่าจะให้เปิดเพลงอะไร ตอนนัน้ เรา เรือ่ งดนตรีดว้ ย มันสอนชีวติ สอนทุกอย่างครับเราเรียนรูจ้ ากทุกคน สุดท้าย ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะเอาเพลงไหนเป็นซิงเกิล้ แรก ก็บอกไปว่าแล้วแต่พค่ี รับ เราไม่เคยเสียอะไรเลย
การพิสจู น์ในสิง่ ทีเ่ ราทำ�สักอย่าง ถึงแม้วา่ จะต้องผ่านทัง้ การรอคอย ความผิดหวัง และที่ สำ�คัญยังต้องมีความอดทน ถึงแม้ระยะเวลาที่ใช้ไปจะนานหลายปี ก็ถือซะว่าเป็นการ บ่มเพาะตัวเราเอง ใช้ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับมาพัฒนาตั วเอง เรียนรู้ที่จะอยู่ใน สังคมแต่เมือ่ สิง่ ทีเ่ ราทำ�ออกมาสำ�เร็จได้นน้ั ก็เท่ากับว่าเวลาทีเ่ สียไปก็ไม่เสียเปล่าแน่นอน
25 hours
24
ปีที่ 7 ฉบับที่ 20 วันที่ 26 กรกฎาคม 2554
อารียา พาร์ควิลล์
ความภูมิฐานในสังคมเหนือระดับ BUILT FOR YOUR FUTURE
...พัฒนาโครงการที�อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพ เปี�ยมด้วยคุณค่า สถาปัตยกรรม มาตราฐานการสร้าง และความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว... สนใจติดต่อ โทร.081-3915994, 043-710615 www.Areeyeparkvill.com