ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21 • วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และ อธิป จิตตฤกษ์ แปล จากเรื่อง 2 1 s t C e n t ur y S k i l l s : R e t h i nk i n g H ow S t u dent s Learn โดย J a m e s B e l l a n c a และ R o n B r a n d t (บรรณาธิการ) พิมพ์ครั้งที่ 2 : ส�ำนักพิมพ์ o p e n w o r l d s , ธันวาคม 2556 พิมพ์ครั้งแรก : ส�ำนักพิมพ์ op e n w o r l d s , ตุลาคม 2554 ราคา 400 บาท คณะบรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา สฤณี อาชวานันทกุล แอลสิทธิ์ เวอร์การา กรมัยพล สิริมงคลรุจิกุล พลอยแสง เอกญาติ วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง ปกป้อง จันวิทย์ บรรณาธิการบริหาร ปกป้อง จันวิทย์ วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง บรรณาธิการ วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ (ฉบับปรับปรุง) วิโรจน์ รุจิจนากุล (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1) บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ กฤดิกร เผดิมเกื้อกูลพงศ์ ออกแบบปก w r o ngd e s i g n ศิลปกรรม ธีรณัฏฐ์ ขวัญกิจประณิธิ จัดท�ำโดย บริษัท โอเพ่นเวิลด์ส พับลิชชิ่ง เฮาส์ จ�ำกัด 604/157 ถ.สาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 0 2 - 6 6 9 - 5 1 4 5 โทรสาร 0 2 - 6 6 9 - 5 1 4 6 e ma i l : o p e n w o r l d s t h a i l a n d @g m a i l . c om w e bs i t e : o p e n w o r l d s . i n . t h fac e b ook : w w w . f a c e b o o k . c o m / o p e n w o r lds t w i t t e r : w w w . t w i t t e r . c o m / o p e n w o r l d s _th จัดจ�ำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ำกัด (มหาชน) SE- E D U C A TI O N P U B L I C C O M P A N Y L I M ITE D อาคารเนชั่นทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0 - 2 7 3 9 - 8 2 2 2 , 0 - 2 7 3 9 - 8 0 0 0 โทรสาร 0 - 2 7 3 9 - 8 3 5 6 - 9 w e bs i t e : h t t p : / / w w w . s e - e d . c o m /
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ ทักษะแห่งอนาคตใหม่ : การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21 = 21st century skills : Rethinking how students learn.-พิมพ์ครั้งที่ 2.-- กรุงเทพฯ : โอเพ่นเวิลด์ส, 2556. 496 หน้า. 1. กลยุทธ์การเรียนรู้. I. เบลลันกา, เจมส์, บรรณาธิการ. II. แบรนต์, รอน, บรรณาธิการร่วม. III. วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และ อธิป จิตตฤกษ์, ผู้แปล. IV. ชื่อเรื่อง. 370.1523 ISBN 978-616-90707-7-1 • T h a i l a n g u a g e t r a n s l a t i o n c o p y r i g h t 2011 by o p e n w o r l d s p u b l i s h i n g h o u se / C o p y r i g h t © 2 0 1 0 b y S o l u t i o n T r ee P r ess 2 1 st C e n t u r y S k i l l s : R e t h i n k i n g H o w S t udents Lear n e d i t e d b y J a m e s B e l l a n c a , R o n Br andt All Rights Reserved. Pu bl i s h e d b y a r r a n g e m e n t w i t h t h e o r i g inal publisher , S o l u t i o n Tr e e P r e s s t h r o u g h Tu t t l e - M o r i A g e n c y C o . , Ltd.
21st
CENTURY SKILLS Rethinking How Students Learn
Edited by
James Bellanca and Ron Brandt
John Barell Linda Darling-Hammond Chris Dede Rebecca DuFour Richard DuFour Douglas Fisher Robin Fogarty Nancy Frey Howard Gardner Andy Hargreaves David W. Johnson Roger T. Johnson Ken Kay Cheryl Lemke Jay McTighe Alan November Bob Pearlman Brian M. Pete Douglas Reeves Will Richardson Elliott Seif
ค�ำนิยม
ในฐานะที่เป็นผู้คลั่งไคล้หนังสือ 21st Century Skills: Rethinking How Students Learn และเป็นผู้เผยแพร่ให้นักการศึกษาไทยและผู้ห่วงใย คุณภาพการศึกษาไทยอ่านหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งแนะน�ำแก่ นพ.สมศักดิ์ ชุ ณ หรั ศ มิ์ เลขาธิ ก ารมู ล นิ ธิ ส าธารณสุ ข แห่ ง ชาติ และ นพ.ประเสริ ฐ ผลิตผลการพิมพ์ เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ สองมูลนิธิคู่แฝดที่อยู่ ในตึกเดียวกันและท�ำงานเพือ่ สังคมในลักษณะสร้างสรรค์การพัฒนาวิชาการ เช่นเดียวกัน โดยมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติเน้นด้านการพัฒนาสุขภาพ และมูลนิธิสดศรีฯ เน้นด้านพัฒนาการศึกษาหรือการเรียนรู้ ผมได้เสนอ คุณหมอทั้งสองว่าน่าจะหาทางแปลหนังสือเล่มนี้ออกเผยแพร่สู่สังคมไทย ผมจึ ง มี ค วามยิ น ดี เ ป็ น พิ เ ศษที่ มู ล นิ ธิ ส ดศรี - สฤษดิ์ ว งศ์ และ ส�ำนักพิมพ์ openworlds ด�ำเนินการแปลและเผยแพร่หนังสือเล่มนี้ ยิ่งได้ อ่านต้นฉบับแปลโดยคุณวรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง ผู้แปลหลัก และคุณอธิป จิตตฤกษ์ ก็พบว่าแปลได้อย่างมีฝีมือ ท�ำให้อ่านเข้าใจได้ง่ายและลื่นไหล ผมยิ่งชื่นใจที่ผู้คนในสังคมไทยจะได้มีหนังสือดีซึ่งสื่อสาระส�ำคัญยิ่งของ การศึกษายุคใหม่ทแี่ ตกต่างไปจากแนวคิดเดิมๆ โดยสิน้ เชิง นักการศึกษา 6
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ครู พ่อแม่ผู้ปกครอง นักเรียน และผู้สนใจคุณภาพของการศึกษาทุกคน ควรได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อจะได้ช่วยกันขับเคลื่อนการศึกษาไทยออกไป จากความเชื่อหรือวิธีคิดเก่าๆ ให้การเรียนรู้ในสังคมไทยบรรลุการเรียนรู้ ทักษะส�ำหรับมนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ให้จงได้ หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้ (ภาคภาษาอังกฤษ) ผมเกิดแรงบันดาลใจ อย่างแรงกล้าทีจ่ ะเขียนข้อตีความหรือข้อสรุปของผมออกเผยแพร่ในบล็อก gotoknow.org โดยใส่ค�ำหลักว่า 21st Century Skills ดังนั้นหากท่าน ผู้สนใจเข้าไปค้นที่ http://gotoknow.org/blog/thaikm/tag/21stcentury skills ท่านจะได้อ่านบันทึกความเข้าใจและความรู้สึกของผมเกี่ยวกับ สาระส�ำคัญของการเรียนรู้เพื่อเตรียมเยาวชนออกไปด�ำรงชีวิตในโลก แห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งแตกต่างไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยสิ้นเชิง ทั้งที่เป็นบันทึกจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ และจากแรงบันดาลใจที่ได้จาก กิจกรรมอื่นๆ แต่บันทึกในบล็อกเหล่านั้นเขียนอย่างย่นย่อ เน้นจุดประทับใจ เป็นแบบตีความ ไม่เน้นความครบถ้วน และไม่เป็นระบบอย่างหนังสือเล่มนี้ การอ่านบันทึกในบล็อกเหล่านั้นจึงไม่อาจทดแทนการอ่านหนังสือเล่มนี้ ทั้งเล่มหรือทีละบท แต่อาจช่วยให้อ่านหนังสือสนุกขึ้น ที่จริงผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ในภาคภาษาอังกฤษมาแล้ว 2 เที่ยว และได้อ่านหนังสือท�ำนองเดียวกันเล่มอื่น รวมทั้งอ่านจากเว็บไซต์และดู วิดโี อจาก YouTube แต่เมือ่ ได้อา่ นฉบับแปลเป็นภาษาไทย ผมยังรูส้ กึ สนุก ตื่นเต้น และได้สาระเพิ่มขึ้นอีก หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยบทน�ำรับเชิญ บทน�ำของบรรณาธิการ และบทความอีก 14 บท แต่ละบทเขียนโดยนักการศึกษาผู้ครํ่าหวอดและ เป็นทีน่ บั ถือทัว่ โลกทัง้ สิน้ อาทิ เฮาเวิรด์ การ์ดเนอร์ เจ้าของทฤษฎี Multiple Intelligences เขียนเรื่อง “Five Minds for the Future”, ริชาร์ดและรีเบกกา ดูโฟร์ ผู้ริเริ่มและพัฒนาศาสตร์และศิลป์ว่าด้วย Professional Learning Communities (PLC) เขียนเรื่อง “The Role of Professional Learning การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
7
Communities in Advancing 21st Century Skills”, ลินดา ดาร์ลิงแฮมมอนด์ ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาครู ให้สัมภาษณ์ เจมส์ เบลลันกา ในบทที่ 2 เรื่อง “New Policies for 21st Century Demands” เป็นต้น อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วท่านจะยิ่งตระหนักว่า ระบบการศึกษาไทย จะต้องพัฒนาไปมากกว่าที่ระบุในแผนปฏิรูปการศึกษาแห่งชาติทศวรรษ ที่ 2 อย่างมากมาย เป็นเรื่องที่คนไทยทั้งชาติจะต้องช่วยกันผลักดันให้มี การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ หากเราไม่ท�ำ หรือท�ำไม่ส�ำเร็จ คนไทย ยุคต่อไปจะเป็นคนที่ล้าหลังคนในประเทศอื่นๆ อย่างน่าตกใจ ผมจึงขอขอบคุณส�ำนักพิมพ์ openworlds และคณะผู้แปล รวมทั้ง มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ ที่ร่วมกันแปลและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือดีเล่มนี้ ให้แก่สังคมไทย และขอบคุณที่ให้เกียรติผมเขียนค�ำนิยมนี้ ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช
8
ประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันส่งเสริม การจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) รองประธานกรรมการมูลนิธิสยามกัมมาจล
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ค�ำน�ำ
มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ (มสส.) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2537 ตาม เจตนารมณ์ของ พลตรี นายแพทย์สฤษดิ์วงศ์ และคุณหญิงสดศรี วงศ์ถ้วยทอง ที่จะสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสนับสนุนการพัฒนากระบวนการเรียนรู้และนวัตกรรมทางการศึกษา ในตอนแรกมูลนิธิฯ ได้ผลิตวารสาร สานปฏิรูป ให้แก่วงการศึกษาไทย ในเวลาต่ อ มาจึ ง ได้ ศึ ก ษาและท� ำ งานขั บ เคลื่ อ นประเด็ น สุ ข ภาวะทาง จิตวิญญาณซึ่งรวมความถึงจิตวิญญาณความเป็นครูด้วย ปี พ.ศ. 2554 การศึกษาไทยอยู่ในภาวะวิกฤตด้านคุณภาพ ดังจะ เห็นได้จากตัวชี้วัดด้านการศึกษาและการสอบหลายครั้ง ที่ส�ำคัญกว่า ตัวชี้วัดคือนักเรียนนักศึกษาซึ่งเป็นผลผลิตของการศึกษาไม่มีศักยภาพ ที่จะเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มูลนิธิฯ เชื่อว่าการปฏิรูปการศึกษาที่แท้ควรปฏิรูปกระบวนทัศน์ด้วย จากกระบวนทั ศ น์ เ ดิ ม ที่ ค รู เ ป็ น ผู ้ ม อบความรู ้ แ ก่ นั ก เรี ย นนั ก ศึ ก ษาใน สถาบันการศึกษาต่างๆ เปลี่ยนเป็นช่วยกันออกแบบกระบวนการเรียนรู้ ร่วมกันระหว่างครูกับเด็กและเยาวชนทุกคนในสังคม นั่นคือ “กระบวนการ เรียนรู้ส�ำคัญกว่าความรู้” และ “ครูมิใช่ผู้มอบความรู้” แต่เป็น “ผู้ออกแบบ กระบวนการเรียนรู้โดยเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันกับเด็กและเยาวชน” เป้าหมายของการเรียนรู้จะมิใช่ตัวความรู้อีกต่อไป เพราะความรู้ นั้นมีมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะมอบให้นักเรียนแต่ละชั้นปีได้ อีกทั้ง 10
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
นักเรียนในศตวรรษใหม่มีหนทางค้นหาความรู้ด้วยตนเองจากทุกหนแห่ง ทั้งในสิ่งแวดล้อมและในอินเทอร์เน็ต หากการศึกษาไทยยังยํ่าอยู่กับ กระบวนทัศน์เดิม คือมอบความรู้เป็นรายวิชา ก็จะไม่ทันสถานการณ์โลก ที่ควรท�ำคือมีกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นผู้ใฝ่ เรียนรู้ตลอดชีวิต เด็กและเยาวชนจะเรียนรู้อะไรบ้างขึ้นอยู่กับบริบทของ แต่ ละคน แต่ที่ทุกคนควรมีคือความสามารถในการเรียนรู้ตลอดเวลา ตลอดชีวิต และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มูลนิธิฯ ได้ขับเคลื่อนประเด็นจิตวิญญาณความเป็นครูด้วยการ จัดวงแลกเปลีย่ นเรียนรูร้ ะหว่างครูทมี่ คี วามสามารถในการจัดกระบวนการ เรี ย นรู ้ เ พื่ อ ความเป็ น มนุ ษ ย์ ที่ ส มบู ร ณ์ ม าแล้ ว มู ล นิ ธิ ฯ มี ค วามตั้ ง ใจ ขั บ เคลื่ อ นการปฏิ รู ป การศึ ก ษาให้ เ ป็ น การปฏิ รู ป การเรี ย นรู ้ ด ้ ว ยการ จัดการความรู้ระหว่างครูที่มีประสบการณ์ตรงในการจัดการเรียนการสอน แบบ Problem-Based Learning (PBL) แล้วสร้างชุมชนการเรียนรู้ ครูเพื่อศิษย์ที่เรียกว่า Professional Learning Community (PLC) ทั้งนี้ เพื่อให้ชุมชนการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ในท้องถิ่นต่างๆ สามารถพัฒนาตนเอง และการศึกษาของชาติอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่ง ในเครื่องมือสร้างความเข้าใจเรื่องการปฏิรูปการศึกษาด้วยกระบวนทัศน์ ใหม่ดังที่บรรยายมา มูลนิธิฯ ขอขอบพระคุณมูลนิธิสยามกัมมาจลซึ่งเป็นภาคีความ ร่วมมือในการปฏิรูปการศึกษาด้วยกระบวนทัศน์ใหม่นี้ ขอขอบพระคุณ ศ.นพ. วิจารณ์ พานิช และ นพ. สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ที่ได้ให้หลักคิดและ ปรัชญาการศึกษาอันมีค่ายิ่งแก่มูลนิธิฯ รวมทั้งขอบพระคุณส�ำนักพิมพ์ openworlds ที่ช่วยเหลือด้านการแปลและจัดพิมพ์หนังสือที่มีคุณค่าเล่มนี้ อย่างมีคุณภาพเป็นที่เรียบร้อย การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
นพ. ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เลขาธิการมูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ 11
สารบัญ ค�ำน�ำ รอน แบรนต์ 18 บทน�ำ เจมส์ เบลลันกา และ รอน แบรนต์ 20 บทเกริ่นน�ำ เคน เคย์ 30
1. จิตห้าลักษณะส�ำหรับอนาคต เฮาเวิร์ด การ์ดเนอร์
58
2. นโยบายใหม่ที่สนองความต้องการในศตวรรษที่ 21 ลินดา ดาร์ลิง-แฮมมอนด์ สัมภาษณ์โดย เจมส์ เบลลันกา
88
110
4. บทบาทของชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพต่อความ ก้าวหน้าของทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ริชาร์ด ดูโฟร์ และ รีเบกกา ดูโฟร์ 5 วิสัยทัศน์ของสิงคโปร์: สอนให้น้อยลง เรียนรู้ให้มากขึ้น โรบิน โฟการ์ตี และ ไบรอัน เอ็ม. พีท
146
196
3. การเปรียบเทียบกรอบความคิดส�ำหรับทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 คริส ดีดี้
6. การออกแบบสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้แบบใหม่ เพื่อสนับสนุนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 บ็อบ เพิร์ลแมน
170
7. กรอบความคิดในการน�ำไปปฏิบัติเพื่อสนับสนุน ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เจย์ แมคไท และ เอลเลียตต์ ซีฟ
238
8. การเรียนรู้จากปัญหา: รากฐานส�ำหรับ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จอห์น แบเรลล์
270
9. การเรียนรู้แบบร่วมมือและการแก้ไขความขัดแย้ง: ทักษะที่จ�ำเป็นแห่งศตวรรษที่ 21 เดวิด ดับเบิลยู. จอห์นสัน และ โรเจอร์ ที. จอห์นสัน
10. การเตรียมนักเรียนให้เชี่ยวชาญทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 332 ดักลาส ฟิชเชอร์ และ แนนซี เฟรย์
11. นวัตกรรมจากเทคโนโลยี เชอริล เลมเก
358
12. เทคโนโลยีลํ้าหน้า ข้อมูลล้าหลัง อลัน โนเวมเบอร์
396
13. ท่องไปในเครือข่ายสังคมในฐานะเครื่องมือการเรียนรู้ วิลล์ ริชาร์ดสัน
410
14. กรอบการประเมินทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ดักลาส รีฟส์
438
บทส่งท้าย: ภาวะผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลง และอนาคต ของวาระทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 แอนดี ฮาร์กรีฟส์
466
304
21st
CENTURY SKILLS Rethinking How Students Learn
Edited by
James Bellanca and Ron Brandt
ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21 แปลโดย
วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และ อธิป จิตตฤกษ์
เกี่ยวกับบรรณาธิการ
เจมส์ เบลลันกา
รอน แบรนต์
เจมส์ เบลลันกา เจมส์ เบลลั น กา (James Bellanca, MA) เป็นผู้ก่อตั้งและ ผู้บริหารสูงสุดของสถาบันคิดใหม่การเรียนรู้นานาชาติ (International Renewal Institute) และรักษาการผู้อ�ำนวยการกลุ่มความร่วมมือใน รัฐอิลลินอยส์เพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (Illinois Consortium for 21st Century Skills) เขายังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Skylight Professional Development ในปี 1982 ในฐานะประธาน เขาได้ฝึกสอนที่ปรึกษา นักเขียนกว่า 20 คน ในช่วงที่บุกเบิกการใช้วิธีสอนเชิงยุทธศาสตร์ใน การพัฒนาทางวิชาชีพแบบครบถ้วนให้ Skylight เขาร่วมแต่งหนังสือ มากกว่า 20 เล่ม ซึ่งสนับสนุนการประยุกต์ใช้วิธีคิดและความร่วมมือ ข้ามหลักสูตร ภายใต้แนวคิดส�ำคัญที่ว่า “ไม่ใช่เพียงเพื่อการสอบ แต่ เพื่อการเรียนรู้ทั้งชีวิต” ปัจจุบันเขาพยายามต่อยอดทฤษฎีของ โรเวิน ฟอยเออร์ ส ไตน์ (Reuven Feuerstein) นั ก จิ ต วิ ท ยาด้ า นการรั บ รู ้ เพื่อพัฒนาวิธีการสอนที่ตอบสนองความต้องการเรียนรู้ของเด็กที่เรียนช้า 16
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
อย่างได้ผล เขามีผลงานได้รับการตีพิมพ์มากมายในฐานะผู้สนับสนุน การสอนที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 อาทิ Designing Professional Development for Change: A Guide for Improving Classroom Instruction; Enriched Learning Projects: A Practical Pathway to 21st Century Skills; Collaboration and Cooperation in 21st Century Schools; 200+ Active Learning Strategies and Projects for Engaging Students’ Multiple Intelligences และ A Guide to Graphic Organizers: Helping Students Organize and Process Content for Deeper Learning รอน แบรนต์ รอน แบรนต์ (Ron Brandt, Ed.D.) เป็นบรรณาธิการสิง่ พิมพ์ให้แก่ สมาคมก�ำกับดูแลและพัฒนาหลักสูตร (Association for Supervision and Curriculum Development หรือ ASCD) เมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย เป็นเวลาเกือบ 20 ปีก่อนเกษียณในปี 1997 ในระหว่าง ท� ำ งานที่ ASCD เขาเป็นที่รู้จักในฐานะบรรณาธิการบริหารนิตยสาร Educational Leadership ในช่วงทศวรรษ 1980 เขาส่งเสริมการสอนให้ รู้จักคิดในระดับประถมและมัธยมศึกษา โดยร่วมกับ โรเบิร์ต มาร์ซาโน (Robert Marzano) และทีมนักการศึกษา ท�ำหนังสือ Dimensions of Thinking และต�ำราฝึกอบรมครู Dimensions of Learning นอกจากนี้ แบรนต์ยังเป็นผู้แต่งหรือบรรณาธิการหนังสือจ�ำนวนมาก ก่อนร่วมงาน กับ ASCD เขาเคยเป็นครูและครูใหญ่ที่เมืองราซีน รัฐวิสคอนซิน เป็น ผู้อ�ำนวยการฝ่ายพัฒนาบุคลากรที่เมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา และ เป็นผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการเขตการศึกษาที่เมืองลิงคอล์น รัฐเนแบรสกา
การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
17
ค�ำน�ำ รอน แบรนต์
เหล่านักการศึกษาก�ำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่อีกครั้ง นั่นคือการปลูกฝังทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ให้แก่นักเรียน มีนักวิจารณ์ ต่อต้านแนวคิดนี้ด้วยเกรงว่าการเน้นทักษะอย่างการคิดเชิงวิพากษ์และ การแก้ไขปัญหาอาจลดทอนการสอนเนื้อหาส�ำคัญอย่างประวัติศาสตร์ และวรรณคดีลง ความกังวลเหล่านี้อาจฟังดูมีเหตุผล แต่การยืนกรานว่า “ทั ก ษะไม่ ใ ช่ สิ่ ง ที่ ส อนหรือน�ำไปประยุกต์ใ ช้อย่า งได้ผ ลหากปราศจาก ความรู้พื้นฐานในวิชาต่างๆ”[1] นั้นไม่ถูกต้อง ทั้งความรู้ และ ทักษะล้วน จ�ำเป็นและพึ่งพากันและกัน ซึ่งทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายวิจารณ์ต่าง เห็นพ้องในเรื่องนี้ ผู้เขียนที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ทุกคนทราบจาก ประสบการณ์ว่าการสอนที่มีประสิทธิผลนั้นต้องท�ำให้นักเรียน ใช้ ทักษะ เพื่อแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง คนทุกยุคทุกสมัยไม่อาจเลี่ยงความรับผิดชอบในการตัดสินใจว่า อะไรคือสิง่ ทีน่ กั เรียนควรเรียนรูโ้ ดยวิเคราะห์จากสิง่ ทีค่ นรุน่ ก่อนประสบมา สหรัฐอเมริกาในยุคแรกๆ ประชากรในเขตนิวอิงแลนด์ถูกสอนให้คิดเลข 18
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ง่ายๆ เขียนจดหมาย และอ่านคัมภีร์ไบเบิล พอเข้าสู่ทศวรรษ 1900 เมื่อเกษตรกรรมเจริญขึ้น โรงเรียนมัธยมในชนบทเริ่มสอนอาชีพเกษตรกร พอมีเทคโนโลยีเข้ามาเช่นในปัจจุบัน โรงเรียนก็ต้องเพิ่มวิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ความจ�ำเป็นของการศึกษาทีเ่ ชือ่ มโยงกับความต้องการของสังคม ถูกล้อเลียนไว้ในหนังสือเล่มเล็กน่าอ่านซึ่งตีพิมพ์เมื่อ 70 ปีที่แล้ว หนังสือ เล่าว่า ในยุคหินเก่า ท�ำไมโรงเรียนต้องหันมาสอนวิธีจับปลาและขู่เสือ เขี้ยวดาบ[2] จุดมุ่งหมายของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่การล้อเลียนความพยายาม ในการท�ำหลักสูตรให้เข้ากับความต้องการของสังคม แต่เป็นการใช้อารมณ์ ขันเพือ่ เตือนให้เห็นความยากล�ำบากของการกระท�ำดังกล่าว ตัวอย่างเช่น เมื่อนักการศึกษาในยุคหินเก่าตัดสินใจสอนวิชาขู่เสือ พวกเขาหาได้แต่ เสือแก่ไร้เขี้ยวเล็บสองตัวมาให้นักเรียนฝึกขู่ ความพยายามทีจ่ ะคาดหมายความต้องการของนักเรียนในอนาคต ไม่ใช่เรื่องของการท�ำตามกระแส แต่เป็นเรื่องที่จ�ำเป็นต้องท�ำ แน่นอนว่า นี่เป็นแค่การเริ่มต้น ส่วนที่ยากยิ่งกว่าคือ หนึ่ง หาว่าความต้องการแบบ ใหม่นี้เข้ากับหลักสูตรที่มีอยู่อย่างไร และสอง หาวิธีที่จะสอนสิ่งนั้น ควบคู่ ไปกับเนื้อหา แล้วค่อยจัดการกับขั้นตอนอันซับซ้อนของการน�ำไปปฏิบัติ เจตนาของหนังสือเล่มนี้ก็เพื่อช่วยผู้อ่านจัดการกับภาระอันยิ่งใหญ่นี้ และ เช่นเดียวกับชาวยุคหินเก่าในหนังสือของ ฮาโรลด์ เบนจามิน (H.R.W. Benjamin) เราอาจไม่บรรลุความพยายามเหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่เราต้อง น้อมรับความท้าทายที่เกิดขึ้น
บรรณานุกรม
[1] Common Core. (2009). A challenge to the Partnership for 21st Century Skills. Accessed at www.commoncore.org/p21-challenge.php on November 5, 2009. [2] Benjamin, H.R.W. (1939). The saber-tooth curriculum. New York: McGraw-Hill.
การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
19
บทน�ำ เจมส์ เบลลันกา และ รอน แบรนต์
แนวคิดริเริ่มของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคส่วนส�ำคัญของ สังคมมักเกิดขึ้นจากคนนอก เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวที่รู้จักกันในนาม “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” ซึ่งสนับสนุนโดยภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 (Partnership for 21st Century Skills) สมาชิกภาคีฯ ประกอบด้วย บริษัทขนาดใหญ่ องค์กรวิชาชีพระดับประเทศ และหน่วยงานด้านการ ศึกษาของรัฐ หน่วยงานเหล่านี้มีความกังวลเพราะเล็งเห็นความจ�ำเป็นที่ ประชาชนจะต้องมีทักษะที่ยังประโยชน์ได้มากกว่าทักษะที่เน้นในโรงเรียน ทุกวันนี้ ผู้น�ำที่ได้รับเลือก รวมทั้งประธานาธิบดีโอบามา และผู้ว่าการรัฐ จ�ำนวนมากต่างเห็นพ้องว่าการเปลีย่ นแปลงนีเ้ ป็นสิง่ จ�ำเป็นถ้าต้องการเห็น นักเรียนอเมริกันมีศักยภาพพอที่จะแข่งขันในตลาดงานระดับโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ภาคีฯ ได้แจงรายละเอียดของกรอบ ความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งอยากเห็นทุกรัฐรับไปใช้เป็น วาระน�ำเพื่อปรับปรุงการสอน (ดูภาพที่ ก.1 หน้า 34 ในบทเกริ่นน�ำของ เคน เคย์ ประธานภาคีเพือ่ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21) การพลิกโฉมนโยบาย ของรัฐที่เข้าร่วมคาดว่าจะเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการศึกษา ในปัจจุบันก่อน และในขั้นต่อไป ภาคีฯ ต้องการเห็นแนวปฏิบัติที่สอดคล้อง กับมาตรฐานใหม่ซงึ่ จะส่งผลให้นกั เรียนสามารถพัฒนาทักษะทีจ่ ำ� เป็นขึน้ ได้ อันที่จริง แนวปฏิบัติที่หวังผลลัพธ์ดังกล่าวเริ่มปรากฏให้เห็น มากขึ้น ครู ครูใหญ่ หัวหน้าเขตการศึกษา และกรรมการบริหารโรงเรียน 20
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ที่รับกรอบความคิดนี้ไปใช้ก่อนใครก็เริ่มจะเห็นผล ครูบางคนเปลี่ยนแปลง ห้องเรียนให้เป็นสถานทีส่ ำ� หรับเรียนรูท้ เี่ พียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี นักเรียน ในชั้นได้ลองสิ่งใหม่ ได้ท�ำโครงการ เสี่ยงตัดสินใจ และแก้ไขปัญหาที่ส�ำคัญ แม้ว่าโรงเรียนที่ปรับตัวเข้าสู่วาระของทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ยังมีจ�ำนวนน้อยกว่าโรงเรียนที่ยังยึดติดกับแนวปฏิบัติและเนื้อหาของ ศตวรรษที่ 20 แต่การเปลี่ยนแปลงก็เริ่มปรากฏขึ้นบ้างแล้ว โดยเฉพาะใน รัฐที่เป็นสมาชิกของภาคีฯ ในบางรัฐผู้น�ำของการเปลี่ยนแปลงคือโรงเรียน ในก�ำกับของรัฐทีพ่ ยายามหลบหนีจากโมเดลการเรียนการสอนแบบ “เดิมๆ” ขณะที่ในบางรัฐ ผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงคือโรงเรียนรัฐที่นิยามความสัมพันธ์ ระหว่างการเรียนและการสอนขึ้นมาใหม่ ในระดับเขตการศึกษา การปฏิรูปโดยรวมสู่การเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ 21 ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างยิ่ง ในเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา และ เมืองวอร์เรนวิลล์ รัฐอิลลินอยส์ ผู้น�ำของโรงเรียนตั้งแต่กรรมการบริหาร และฝ่ายบริหารส่วนกลาง ได้เผยวิสัยทัศน์เรื่องการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และแผนเชิงยุทธศาสตร์ในระดับเขตแก่สาธารณชน แผนการเหล่านีผ้ ลักดัน ให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งได้แก่การออกแบบตึกเรียนใหม่ การเปลี่ยนหลักสูตร การพัฒนาทางวิชาชีพในระยะยาวส�ำหรับผู้น�ำและครู และการบูรณาการเทคโนโลยีในแต่ละโรงเรียน ในระดับรัฐ เวสต์เวอร์จิเนีย รัฐที่สนับสนุนทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 มาตั้งแต่แรก ได้ชักชวนให้กระทรวงศึกษาธิการของรัฐต่างๆ เข้าร่วม การส่งเสริมทักษะแห่งศตวรรษใหม่ เวสต์เวอร์จเิ นียได้สร้างเว็บไซต์ใช้งาน ง่ายชื่อว่า Teach 21 (http://wvde.state.wv.us/teach21/) โดยเสนอ มาตรฐานสมรรถภาพ ส�ำหรับศตวรรษที่ 21 อันประกอบด้วยแนวการสอน แผนหน่วยการเรียน และแนวคิดตัวอย่างส�ำหรับการเรียนรู้จากโครงการ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาและสาขาส�ำหรับผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และได้จัดเตรียมกลุ่มผู้น�ำครูคอยช่วยเหลือผู้ใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านโครงการ ตลอดทั้งปีการศึกษา ครูและโรงเรียนต่างๆ อาทิ โรงเรียนประถมประจ�ำ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
21
เขตวอชิงตันในเมืองบูแคนนอน ถูกกระตุ้นให้ทบทวนวิธีการสอนและ การประเมินให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของทรัพยากรที่มีมากมายนี้ และ น�ำการเรียนรู้จากโครงการไปใช้ในการสอนประจ�ำวัน รัฐอิลลินอยส์เลือกใช้วิธีการต่างออกไป เมื่อคณะกรรมการการ ศึกษาแห่งรัฐอิลลินอยส์เข้าเป็นสมาชิกของภาคีฯ อย่างเป็นทางการ กลุ่ม ผู้น�ำภาคการศึกษาและภาคธุรกิจได้ตั้งกลุ่มความร่วมมืออิสระขึ้นเพื่อ ดึงเขตการศึกษาให้เข้ามาร่วมวางแผนการน�ำกรอบความคิดของภาคีฯ ไปปฏิบัติ วิสัยทัศน์ของกลุ่มความร่วมมือในรัฐอิลลินอยส์นี้มีแผนการ ที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างเขตต่างๆ เพื่อการพัฒนาทางวิชาชีพใน ระยะยาวและการเปลี่ยนแปลงโดยรวมในโรงเรียนที่เป็นสมาชิก แกนน�ำ ของกลุ่มความร่วมมือซึ่งท�ำงานใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ก�ำลังเชื่อมโยงกระบวนการ “จากล่างขึ้นบน” (bubble up) ของตนเข้ากับ แผนก�ำหนดทิศทางของคณะกรรมการฯ กระบวนการจากล่างขึ้นบนนี้ ตั้งชื่อโดย แมรี ไอดา แม็กไกวร์ (Mary Ida Maguire) ผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการ เขตการศึกษาขณะนั้น เกิดขึ้นครั้งแรกที่โรงเรียนมัธยมนิวไทรเออร์อีสต์ (New Trier East) เมืองวินเนตกา รัฐอิลลินอยส์ กระบวนการจากล่างขึน้ บน สนับสนุนให้กลุ่มต่างๆ อาทิ ครู ผู้ปกครอง ผู้บริหาร ช่วยกันออกความเห็น เรือ่ งสิง่ ทีต่ อ้ งปรับปรุงเพือ่ จัดสรรงบประมาณในปีการศึกษาถัดไป ความเห็น ที่ดีที่สุดของแต่ละกลุ่มจะอยู่อันดับบน คณะกรรมการซึ่งประกอบด้วย สมาชิกที่สุ่มเลือกจากกลุ่มต่างๆ จะก�ำหนดเกณฑ์ คัดเลือกความคิด ที่ดีที่สุด และท�ำข้อเสนอต่อกรรมการจัดสรรงบประมาณโรงเรียน คณะ กรรมการของกลุ่มความร่วมมือ 30 คนใช้กระบวนการจากล่างขึ้นบนนี้ ในการก�ำหนดโครงการนวัตกรรมที่สมควรได้รับเงินเพื่อด�ำเนินการ ในระดับประเทศ มีองค์กรวิชาชีพต่างๆ จ�ำนวนหนึ่งร่วมมือกับ ภาคีฯ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือ สภาครูภาษาอังกฤษแห่งชาติ (National Council of Teachers of English) สมาคมครูวิทยาศาสตร์แห่งชาติ National Science Teachers Association) สภาสังคมศึกษาแห่งชาติ 22
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
(National Council for Social Studies) และสมาคมห้องสมุดอเมริกัน (American Library Association) องค์กรเหล่านี้ได้ร่วมมือกับภาคีฯ ในการพัฒนาแนวทางส�ำหรับทรัพยากรออนไลน์เพื่อบูรณาการทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 เข้าไปในเนื้อหา องค์กรอื่นๆ เช่น สมาคมการศึกษา แห่งชาติ (National Education Association) และสมาคมก�ำกับดูแล และพัฒนาหลักสูตร (Association for Supervision and Curriculum Development) ได้ด�ำเนินการเพื่อช่วยยกระดับการรับรู้ของสมาชิก เราขอเริ่มต้นด้วยการอธิบายวิสัยทัศน์ที่จัดท�ำโดยภาคีเพื่อทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 เราตระหนักดีวา่ หนังสือรวมบทความเล่มนีไ้ ม่ใช่บทสรุป ของการศึกษาในหัวข้อดังกล่าว แต่เราเชือ่ มัน่ ว่านีค่ อื ก้าวส�ำคัญอีกก้าวหนึง่ ภารกิจแรกเมื่อเราคิดท�ำหนังสือเล่มนี้ คือก�ำหนดประเด็นหลัก ที่จะน�ำไปสู่การสนทนา จากนั้นก�ำหนดตัวผู้เขียนซึ่งครํ่าหวอดในวงการ และมีสายตากว้างไกลเพื่อกล่าวถึงประเด็นที่ก�ำหนดไว้ เราขอให้พวกเขา ช่วยตอบค�ำถามพื้นฐาน 3 ข้อเพื่อจะอธิบายแนวคิดส�ำคัญของทักษะแห่ง ศตวรรษที่ 21 ดังนี้ (1) เหตุใดทักษะที่ระบุในกรอบความคิดจึงจ�ำเป็นต่อ การเรียนรู้ในอนาคต (2) ทักษะใดส�ำคัญที่สุด และ (3) เราท�ำอะไรได้บ้าง ที่จะช่วยผลักดันให้โรงเรียนบรรจุทักษะเหล่านี้ในรายการสอนเพื่อให้การ เรียนรู้ส�ำหรับศตวรรษที่ 21 บังเกิดผล สรุปความบทต่างๆ ในหนังสือ ในบทเกริน่ น�ำ เคน เคย์ ประธานภาคีเพือ่ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 น�ำเสนอกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งภาคีฯ พยายาม ผลักดัน เขาตอบค�ำถามหลัก 3 ข้อข้างต้นและสนับสนุนการปรับเปลี่ยน การสอนและการเรียนรู้ให้สัมพันธ์กันโดยค�ำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น ในบทที่ 1 เฮาเวิร์ด การ์ดเนอร์ กล่าวถึงจิต 5 ลักษณะที่สังคม ควรปลูกฝังในคนรุ่นถัดไป โดยมี 3 ลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้และ อีก 2 ลักษณะที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ การ์ดเนอร์อธิบายลักษณะส�ำคัญของ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
23
จิตแต่ละลักษณะให้เห็นว่าเกิดขึน้ ได้อย่างไรและอาจถูกบิดเบือนได้อย่างไร เขาสรุปด้วยค�ำแนะน�ำว่าลักษณะทัง้ ห้าของจิตน่าจะหลอมรวมกันเป็นหนึง่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของมนุษย์ได้อย่างไร ในบทที่ 2 ซึ่ ง เป็ น การสั ม ภาษณ์ ลิ น ดา ดาร์ ลิ ง -แฮมมอนด์ เธอเรียกร้องให้มกี ารปรับเปลีย่ นนโยบายครัง้ ใหญ่เพือ่ ใช้เป็นแนวทางในการ พัฒนาโรงเรียนส�ำหรับศตวรรษที่ 21 โดยแนะน�ำให้ปรับเปลี่ยนมาตรฐาน หลักสูตร วิธีการสอน และวิธีการประเมินไปในทิศทางเดียวกัน สร้างความ เข้มแข็งทางวิชาชีพในหมู่ครูและผู้บริหารโรงเรียน ปรับเปลี่ยนตารางเวลา ให้ครูมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางวิชาชีพมากขึ้น และจัดสรรทรัพยากร ให้แก่โรงเรียนต่างๆ อย่างเท่าเทียม เธอก�ำชับให้สหรัฐอเมริกาใช้แนวทาง ที่สมดุลมากขึ้นในการปฏิรูปโรงเรียน และเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จ�ำเป็นอย่างยิ่งหากสหรัฐฯ ต้องการกอบกู้ความเป็นผู้น�ำด้านการศึกษา ในบทที่ 3 คริส ดีดี้ เปรียบเทียบทักษะส�ำคัญต่างๆ แห่งศตวรรษ ที่ 21 โดยตัง้ ค�ำถามว่า “ค�ำว่าทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 นัน้ มีนยิ ามหลากหลาย เพียงใด” เขาตั้งข้อสังเกตว่าความไม่ชัดเจนของค�ำว่าทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 อาจเป็นปัญหา การตรวจสอบของเขาจึงให้ความกระจ่างว่ากรอบ ความคิดทั้งหลายนั้นมีอะไรที่เหมือนกัน และมีอะไรบ้างเป็นจุดต่างที่ช่วย เสริมความหมายให้แก่แนวคิดที่ก�ำลังมีอิทธิพลนี้ ในบทที่ 4 ริชาร์ดและรีเบกกา ดูโฟร์ อภิปรายถึงสภาพแวดล้อม ในโรงเรียนที่จ�ำเป็นต่อการสอนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 พวกเขาสังเกต ว่าสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดส�ำหรับการสอนทักษะชีวิตและทักษะ การท�ำงานดังที่ภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ต้องการคือ ชุมชน การเรียนรู้ทางวิชาชีพ (professional learning community) หรือ PLC อันเป็นต้นแบบของทักษะเหล่านี้ โดยแสดงให้เห็นว่า PLC เป็นเครื่องมือ ส�ำคัญที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ผู้สนับสนุนทักษะแห่งศตวรรษ ที่ 21 อยากจะเห็น
24
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ในบทที่ 5 โรบิน โฟการ์ตี และ ไบรอัน พีท ได้หยิบยกประเทศ สิ ง คโปร์ ที่ ซึ่ ง พวกเขาท� ำ งานเป็ น ที่ ป รึ ก ษาด้ า นการศึ ก ษาในโครงการ “สอนให้น้อยลง เรียนรู้ให้มากขึ้น” (Teach Less, Learn More) มาอภิปราย โฟการ์ตีและพีทเล่าความคิดและความรู้สึกของครูที่ลังเลว่าจะเลือกอะไร ระหว่างวิธีเดิมๆ แบบอ�ำนาจนิยมที่เน้นการแข่งขัน กับวิธีแบบใหม่ที่ให้ นักเรียนท�ำงานเป็นทีมและตัดสินใจร่วมกัน ซึง่ ช่วยกระตุน้ ให้นกั เรียนเข้าใจ ได้มากกว่าการท่องจ�ำ ในบทที่ 6 บ็อบ เพิร์ลแมน พาเราเยี่ยมชมอาคารเรียนที่ออกแบบ มาเพือ่ สนับสนุนการเรียนรูร้ ว่ มกัน และชีใ้ ห้เห็นว่าการออกแบบสไตล์กล่อง สีเ่ หลีย่ มอย่างทีเ่ ราคุน้ เคยในปัจจุบนั เหมาะกับโมเดลของโรงงานทีพ่ น้ สมัย ไปแล้ว เขาแสดงให้เห็นว่าการออกแบบอาคารเรียนแบบใหม่ต้องค�ำนึง ถึงประโยชน์ก่อนรูปแบบ ซึ่งประโยชน์ที่ว่าในความหมายปัจจุบันคือ การ มีส่วนร่วม การแก้ไขปัญหา และการสื่อสาร ในบทที่ 7 เจย์ แมคไท และ เอลเลียตต์ ซีฟ พยายามตอบค�ำถาม ว่าเราจะรวมผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ส�ำหรับศตวรรษที่ 21 เข้าไปในหลักสูตร ที่อัดแน่นซึ่งตกค้างมาจากศตวรรษก่อนได้อย่างไร ด้วยแนวทางอย่างเป็น ระบบทีใ่ ช้ประโยชน์จากหลักและแนวปฏิบตั ขิ องแนวทางการออกแบบการ เรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจ (Understanding by Design) ผู้เขียนแสดง องค์ประกอบหลักที่สัมพันธ์กัน 5 ประการ ได้แก่ (1) พันธกิจด้านการสอน (2) หลักในการเรียนรู้ (3) หลักสูตรและระบบประเมินผล (4) โปรแกรมการ สอนและแนวปฏิบตั ิ (5) ปัจจัยสนับสนุนโดยรวม ผูเ้ ขียนส�ำรวจองค์ประกอบ แต่ละอย่าง และเสนอแนะวิธีที่โรงเรียนและเขตการศึกษาจะน�ำไปปรับปรุง องค์กรจนสามารถน�ำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติในการเรียนการสอนเพื่อสร้าง ทักษะแห่งศตวรรษใหม่ให้แก่นักเรียนทุกคน ในบทที่ 8 จอห์น แบเรลล์ แสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้จากปัญหา เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เขาอธิบายวิธีที่ ครูจะสามารถปรับเปลี่ยนหลักสูตรจากวิธีสอนอยู่ฝ่ายเดียวไปสู่การสอน การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
25
ที่เปิดให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและตั้งค�ำถาม ตัวอย่างเชิง รูปธรรมของเขาแสดงให้เห็นว่าการสืบค้นจากปัญหาสามารถปรับใช้ได้กับ นักเรียนทุกวัย ทุกระดับความสามารถ และนักเรียนที่มีปัญหาในการเรียน ทุกรูปแบบ ในบทที่ 9 เดวิด จอห์นสัน และ โรเจอร์ จอห์นสัน ชี้ให้เห็นความ ท้าทายส�ำคัญ 4 ประการในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ (1) การพึ่งพากันในระดับ โลกมากขึ้น (2) จ�ำนวนประเทศประชาธิปไตยเพิ่มขึ้น (3) ความต้องการ ผู้ประกอบการที่มีความคิดสร้างสรรค์ (4) ความส�ำคัญของความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลที่มีต่อการพัฒนาอัตลักษณ์ส่วนบุคคล ทั้งสองอภิปรายว่า เหตุใดการเรียนรู้แบบร่วมมือ การพิพาทเชิงสร้างสรรค์ และการต่อรอง เพื่อแก้ปัญหาจึงมีบทบาทอย่างยิ่งในการสอนนักเรียนให้มีความสามารถ และมีคุณค่าที่จ�ำเป็นต่อการรับมือความท้าทายเหล่านี้ เพื่อน�ำไปสู่ชีวิตที่ สร้างสรรค์และสมบูรณ์ ในบทที่ 10 ดักลาส ฟิชเชอร์ และ แนนซี เฟรย์ อธิบายวิธีการ 3 อย่างที่ครูสามารถรับมือกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง อย่างสุดขั้วและความต้องการของนักเรียนในศตวรรษที่ 21 วิธีดังกล่าว ได้แก่ (1) การพิจารณาหน้าที่การใช้งานมากกว่าตัวเครื่องมือ (2) การ ทบทวนนโยบายด้านเทคโนโลยี และ (3) การพัฒนาความคิดของนักเรียน ผ่านการสอนอย่างจงใจ ในบทที่ 11 เชอริล เลมเก แนะน�ำนวัตกรรม 3 อย่างที่ส�ำคัญของ การเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งได้แก่ การท�ำให้เห็นภาพ การท�ำความรู้ ให้เป็นประชาธิปไตย และวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ เธอ สาธิตวิธที เี่ ทคโนโลยีจะช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างแนวทางการใช้ภาพ กับการสื่อสารแบบเดิมที่ใช้ภาษาเป็นหลักได้อย่างน่าประทับใจ ในบทที่ 12 อลัน โนเวมเบอร์ ตอกยํ้าเหตุผลของเพิร์ลแมนเรื่อง การออกแบบโรงเรียนขึน้ มาใหม่ โดยชีข้ อ้ ควรระวังในการใช้เทคโนโลยีราคา แพงเพือ่ สืบทอดแนวโน้มการมองโรงเรียนในฐานะผูด้ แู ลด้านการเรียนรูข้ อง 26
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
นักเรียน เขากล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่เราไม่เพียงจะต้องออกแบบโครงสร้าง ทางกายภาพของโรงเรียนเท่านัน้ แต่ตอ้ งรวมไปถึงวัฒนธรรมของโรงเรียน ด้วย เทคโนโลยีนั้นจะท�ำให้นักเรียนพึ่งพาโรงเรียนน้อยลงและมีความ รับผิดชอบจัดการการเรียนรู้ของตนเองได้มากขึ้น ในบทที่ 13 วิลล์ ริชาร์ดสัน เรียกร้องให้เราหันมาสนใจเทคโนโลยี เครือข่ายทางสังคมที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยกล่าวว่าภูมิทัศน์ ใหม่อันทรงพลังนี้แม้จะมีปัญหามากมายแต่ก็มีศักยภาพในการสร้างการ เรียนรู้ได้อย่างมหาศาล เขาอธิบายถึงความนิยมของชั้นเรียนเสมือนใน ระดับโลก ความท้าทายของการเรียนรู้แบบไร้ข้อจ�ำกัดจากชั้นเรียนเสมือน ศักยภาพและหลุมพราง และหนทางที่นักการศึกษาจะสามารถเปลี่ยน ไปสู่ความรู้พื้นฐานด้านเครือข่ายเพื่อปรับปรุงคุณภาพของประสบการณ์ การเรียนรู้ให้แก่นักเรียน ในบทที่ 14 ดักลาส รีฟส์ ชีใ้ ห้เห็นปัญหาทีท่ า้ ทายของการประเมิน เขาแย้งว่าเราจะวัดทักษะต่างๆ ที่ผู้สนับสนุนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ต้องการได้อย่างถูกต้องก็ต่อเมื่อเราทิ้งการทดสอบแบบมาตรฐานเท่านั้น เขาเสนอเกณฑ์ 3 อย่างเพื่อก�ำหนดวิธีที่นักการศึกษาจะสามารถรู้ได้ว่า นักเรียนก�ำลังเรียนรู้เนื้อหาและทักษะของศตวรรษที่ 21 หรือไม่ และ แสดงให้เห็นว่าเกณฑ์เหล่านี้น�ำไปใช้ในทางปฏิบัติได้อย่างไร ในบทส่งท้าย แอนดี ฮาร์กรีฟส์ สรุปหนังสือเล่มนี้ด้วยการตั้ง ค�ำถามเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เขา ใช้การอุปมาอุปไมยเพื่ออธิบายประวัติความเป็นมาของการเปลี่ยนแปลง ในระบบการศึ ก ษาทั้ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น แล้ ว และน่ า จะเกิ ด ในอนาคต โดยแบ่ ง พัฒนาการด้านการศึกษาออกเป็นระยะต่างๆ และเรียกการมุ่งเน้นทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 ว่าเป็นหนทางที่สาม เขาแจกแจงผลลัพธ์ในเชิงบวก และลบที่เกิดขึ้นจากหนทางก่อนหน้านี้ และมองไปข้างหน้าถึงหนทางที่สี่ ที่น่าปรารถนายิ่งกว่า
การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
27
เคน เคย์ เคน เคย์ (Ken Kay, JD) ใช้เวลา 25 ปีที่ผ่านมาสร้างความร่วมมือ ระหว่างชุมชนด้านการศึกษา ธุรกิจ และนโยบาย เพือ่ ปรับปรุงความสามารถ ในการแข่งขันของสหรัฐอเมริกา เขาเป็นประธานภาคีเพื่อทักษะแห่ง ศตวรรษที่ 21 (Partnership for 21st Century Skills) ซึ่งเป็นองค์กรระดับ แนวหน้าของประเทศที่ผลักดันให้บรรจุทักษะแห่งอนาคตเข้าไปในระบบ การศึกษา รวมถึงเตรียมความพร้อมให้เด็กทุกคนประสบความส�ำเร็จ ภายใต้ระบบเศรษฐกิจโลกใหม่ เขายังเป็นผู้บริหารสูงสุดและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทที่ปรึกษาด้านการศึกษาชื่อ e-Luminate Group ตลอดชีวิตการท�ำงาน เคย์คือเสียงสนับสนุนหลักและเป็นผู้ก่อตั้ง กลุ่มท�ำงานที่จับประเด็นเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษา และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะนโยบายและแนวปฏิบัติที่สนับสนุนนวัตกรรม และความเป็นผูน้ ำ� ทางเทคโนโลยี ในฐานะกรรมการบริหารของเวทีผบู้ ริหาร ด้านการศึกษาและเทคโนโลยี (CEO Forum on Education and Technology) เขาเป็นผู้น�ำในการพัฒนาแผนผังแนวทางการใช้เทคโนโลยีและการเตรียม ความพร้อมในโรงเรียน (School Technology & Readiness Guide 28
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
หรือ StaR Chart) ที่โรงเรียนทั่วประเทศน�ำไปปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการใช้ เทคโนโลยีในชัน้ เรียนระดับ K-12 (ระดับอนุบาลจนถึงเกรด 12) นอกจากนี้ ในฐานะนักกฎหมายและผูส้ ร้างกลุม่ ท�ำงานระดับชาติ เขายังช่วยสนับสนุน โครงการทีเ่ สนอโดยมหาวิทยาลัยและผูน้ ำ� ด้านเทคโนโลยีในการพัฒนางาน วิจยั และนโยบายให้เกิดความก้าวหน้า รวมทัง้ โครงการทีเ่ สนอโดยผูบ้ ริหาร สูงสุดในภาคอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนานโยบายด้านการค้าและ เทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ในบทเกริ่นน�ำนี้ เคย์น�ำเสนอกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 ที่กลุ่มของเขาสนับสนุน เคย์ตอบค�ำถามส�ำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ (1) เหตุใดทักษะในกรอบความคิดดังกล่าวจึงจ�ำเป็นต่อการเรียนรูใ้ นอนาคต (2) ทักษะใดส�ำคัญที่สุด และ (3) ต้องท�ำสิ่งใดเพื่อผลักดันให้โรงเรียนบรรจุ ทักษะเหล่านี้ในรายการสอนเพื่อให้การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 บังเกิดผล เขายังสนับสนุนการปรับเปลี่ยนการสอนและการเรียนรู้ให้สัมพันธ์กันโดย ค�ำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
29
บทเกริ่นน�ำ
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21: ส�ำคัญอย่างไร คืออะไร และจะท�ำส�ำเร็จได้อย่างไร เคน เคย์ ประธานภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
นักเขียนนามว่า มัลคอล์ม แกลดเวลล์ (Malcolm Gladwell)[14] ได้ อธิบายไว้อย่างชาญฉลาดว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นได้อย่างไร และเพราะเหตุใดเมื่อเรามาถึง “จุดพลิกผัน” ซึ่งเป็นเวลาที่เหตุการณ์ต่างๆ มาบรรจบกันในภาวะที่พร้อมจะน�ำเราไปสู่เส้นทางใหม่ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ นักวิทยาศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ และนักสังคมวิทยา ต่างใช้ค�ำนี้อธิบาย ช่วงเวลาทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลงส�ำคัญเกิดขึน้ และท�ำให้เกิดสิง่ ใหม่ทแี่ ตกต่าง จากเดิมอย่างชัดเจน ผมเชื่อว่าเราก�ำลังอยู่ตรงขอบของจุดพลิกผันในการศึกษาที่รัฐ ด�ำเนินการ ช่วงเวลาอันใกล้ส�ำหรับโมเดลการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ซึ่ง จะช่วยเตรียมนักเรียนให้พร้อมรับมือกับข้อเรียกร้องของการเป็นพลเมือง การเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย และการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพอย่างที่ ต้องการในสหัสวรรษใหม่นี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติเมื่อได้รับค�ำเชิญจากบรรณาธิการให้เขียน บทเกริ่นน�ำหนังสือเล่มนี้ และให้ผมได้บรรยายแนวคิดส�ำคัญโดยรวมของ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
31
ทักษะแห่งศตวรรษใหม่โดยใช้ “กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ 21” ที่ พั ฒ นาขึ้ น โดยภาคี เ พื่ อ ทั กษะแห่ ง ศตวรรษที่ 21 [23] หนังสือ เล่มนี้รวบรวมงานเขียนที่สะท้อนความเป็นไปได้ต่างๆ ของการเรียนรู้ ที่จ�ำเป็นในศตวรรษที่ 21 โดยผู้ใส่ใจระบบการศึกษาของสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องน่ายิน ดีที่บุคคลเหล่านี้หลายคนมีส่วนคิดและผลักดันให้เกิด แนวทางอันเข้มแข็งในการจัดการศึกษาแก่คนหนุม่ สาว โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อสมาชิกบางคนของภาคีฯ ได้ร่วมงานกับโครงการอันน่าตื่นเต้นนี้มา ตั้งแต่ปี 2001 วิสัยทัศน์ส�ำหรับการเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ซึ่งพัฒนาโดยภาคีฯ (สรุปไว้ในภาพที่ ก.1) น�ำเสนอบริบทน่าสนใจซึ่งเกี่ยวพันกับเนื้อหาที่ ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ วิสัยทัศน์นี้เสนอความคิดองค์รวมอย่างเป็นระบบ เพือ่ ใช้ปรับแนวคิดและฟืน้ ฟูการศึกษาของรัฐขึน้ มาใหม่โดยน�ำองค์ประกอบ ทั้งหมดมารวมกัน ทั้งผลการเรียนรู้ของนักเรียนและระบบสนับสนุนการ ศึกษาในศตวรรษที่ 21 ให้กลายเป็นกรอบความคิดรวม ส�ำหรับเราทุกคน แล้ว จุดเริ่มต้นที่แท้จริงส�ำหรับกรอบความคิดนี้คือผลลัพธ์สุดท้าย นั่นคือ สิ่งที่นักเรียนควรได้รับ (ในแง่ความเชี่ยวชาญในวิชาแกน แนวคิดส�ำคัญ ในศตวรรษที่ 21 และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21) หลังจบการศึกษาเพื่อ ก้าวสู่การศึกษาระดับสูง การท�ำงาน และการด�ำรงชีวิตอย่างอิสระ เรา จ�ำเป็นต้องเข้าใจผลลัพธ์เหล่านีก้ อ่ นจะเริม่ สร้างโครงสร้างพืน้ ฐานทีจ่ ะช่วย ยกระดับการศึกษาให้ไปถึงจุดที่ต้องการ เหตุผลที่มีระบบสนับสนุนการ ศึกษา (มาตรฐานและการประเมินผล) หลักสูตรและการสอน การพัฒนา ทางวิชาชีพ และสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ ก็เพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ส�ำคัญ และจ�ำเป็นต่อนักเรียนอย่างแท้จริง หากปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานก่อนโดยไม่เข้าใจผลลัพธ์ที่ นักเรียนต้องการอย่างถ่องแท้แล้วก็จะเป็นการชิงสุกก่อนห่าม เฉกเช่น การสร้างบ้าน คงเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลถ้าสั่งให้ติดตั้งท่อประปาก่อน ที่สถาปนิกจะเขียนแบบแปลนเสร็จ การศึกษาก็เช่นกัน ผลลัพธ์ที่เรา 32
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
คาดหวังจากนักเรียนในศตวรรษที่ 21 คือแบบแปลนที่บอกรายละเอียด ทั้งหมด ภาคีฯ ได้ออกแบบวิสัยทัศน์ที่รอบด้านส�ำหรับระบบการศึกษา ในศตวรรษใหม่ แม้ว่าเรายังไม่ได้ค�ำตอบทั้งหมดก็ตาม ยังมีความคิดดีๆ มากมายดังเห็นได้จากบทความต่างๆ ที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ที่จะเสริม ความแข็งแกร่งให้แก่วิสัยทัศน์ด้านการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และช่วย ปรับเปลี่ยนระบบที่มีอยู่ในทุกแง่มุม เราไม่ ไ ด้ เ คร่ ง ครั ด กั บ ค� ำ ที่ ใ ช้ อ ธิ บ ายทั ก ษะแห่ ง ศตวรรษใหม่ ตัวอย่างเช่น เราใช้คำ� ว่า ความสามารถในการปรับตัว (adaptability) ขณะที่ คนอื่นใช้ค�ำว่า ความยืดหยุ่น (resiliency) เราใช้ค�ำว่า การคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking) ส่วนคนอื่นเรียกว่า การคิดอย่างเป็นระบบ (systems thinking) สิ่งเหล่านี้ไม่ส�ำคัญตราบใดที่เราก�ำลังพูดถึงแนวคิดเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ค�ำว่า ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ก็ไม่ใช่ค�ำคลุมเครือที่จะ หมายถึงอะไรก็ได้ องค์ประกอบทั้งหมดในโมเดลที่เราน�ำเสนอนั้นผ่าน การนิยาม การพัฒนา และการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นน�ำ นักวิชาการ นักการศึกษา นักธุรกิจ ผู้ปกครอง และสมาชิกของชุมชน เราขอเชิญชวนให้บุคคลและองค์กรทั้งหลายน�ำกรอบความคิดนี้ ไปประยุกต์ใช้เพื่อจุดประกายให้เกิดการสนทนาระดับชาติในการถกเถียง เรื่ อ งองค์ ป ระกอบที่ จ� ำ เป็ น ต่ อ การพั ฒ นานั ก เรี ย นในศตวรรษใหม่ เป็นเรื่องส�ำคัญยิ่งที่ต้องมีนักการศึกษาและตัวแทนภาคธุรกิจเข้าร่วม การสนทนาดังกล่าว[31] รัฐ เขตการศึกษา และโรงเรียนต่างๆ ต้องพูดคุย และหาข้อตกลงร่วมกันถึงผลลัพธ์ที่ควรให้คุณค่า แล้วจึงสร้างระบบที่ สามารถก่อให้เกิดผลลัพธ์เหล่านั้น
การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
33
ภาพที่ ก.1: กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 โดยภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะชีวิต และ การท�ำงาน
วิชาแกนและ ทักษะด้าน แนวคิดส�ำคัญในศตวรรษที่ 21 สารสนเทศ สื่อ และ เทคโนโลยี
มาตรฐานและการประเมิน หลักสูตรและการสอน การพัฒนาทางวิชาชีพ สภาพแวดล้อมการเรียนรู้
วิชาแกน • ภาษาอังกฤษ การอ่าน หรือศิลปะการใช้ภาษา • ภาษาส�ำคัญของโลก • ศิลปะ • คณิตศาสตร์
• • • • •
เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การปกครองและหน้าที่พลเมือง
แนวคิดส�ำคัญในศตวรรษที่ 21 • จิตส�ำนึกต่อโลก • ความรู้พื้นฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็น ผู้ประกอบการ
34
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
• ความรู้พื้นฐานด้านพลเมือง • ความรูพ้ ื้นฐานด้านสุขภาพ • ความรูพ้ ื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อม ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม • ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม • การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ไขปัญหา • การสื่อสารและการร่วมมือท�ำงาน ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี • ความรู้พื้นฐานด้านสารสนเทศ • ความรู้พื้นฐานด้านสื่อ • ความรู้พื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ทักษะชีวิตและการท�ำงาน • ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว • ความคิดริเริ่มและการชี้น�ำตนเอง • ทักษะทางสังคมและการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม • การเพิ่มผลผลิตและความรู้รับผิด • ความเป็นผู้น�ำและความรับผิดชอบ ระบบสนับสนุนการศึกษาของศตวรรษที่ 21 • มาตรฐานและการประเมินของศตวรรษที่ 21 • หลักสูตรและการสอนของศตวรรษที่ 21 • การพัฒนาทางวิชาชีพของศตวรรษที่ 21 • สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของศตวรรษที่ 21
ที่มา: ภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21[23]
การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
35
เหตุใดจึงต้องหาโมเดลใหม่ด้านการศึกษาส�ำหรับศตวรรษที่ 21 พลั ง ที่ บี บ บั ง คั บ ให้ ก ารศึ ก ษาต้ อ งเปลี่ ย นแปลงอย่ า งไม่ อ าจ หลีกเลี่ยงนี้ได้ก่อตัวขึ้นมาพักหนึ่งแล้ว โดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้: • โลกก�ำลังเปลี่ยนแปลง ระบบเศรษฐกิจโลกที่มาพร้อมกับการอุบัติ ของภาคอุตสาหกรรมและวิชาชีพ ได้มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้แก่ใคร ก็ตามทีม่ ที กั ษะในการใช้ประโยชน์จากระบบเศรษฐกิจนี้ ตลอด 30 ปี ที่ผ่านมา การแข่งขันและความร่วมมือในระดับโลกเกิดขึ้นรวดเร็ว จนน่าตกใจ ซึ่งเป็นผลจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาคเศรษฐกิจบริการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ความรู้ และนวัตกรรม ได้เข้ามาแทนทีภ่ าคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและได้เปลีย่ นแปลงวงการ ธุรกิจและการท�ำงาน กว่า 3 ใน 4 ของต�ำแหน่งงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาขณะนี้อยู่ในภาคบริการ งานใช้แรงงานแบบซํ้าซากต้อง เปิดทางให้แก่งานใช้สมองและอาศัยปฏิสัมพันธ์ หรือแม้แต่ในกลุ่ม แรงงานมีฝีมือก็ตาม เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่การท�ำงานแบบซํ้าซาก ขณะเดียวกันก็ถกู ใช้เพือ่ ช่วยพนักงานทีม่ ที กั ษะขัน้ สูงให้เพิม่ ผลผลิต ได้มากขึ้นและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น[1] ผู้ที่สามารถปรับตัวและสร้าง ประโยชน์ให้องค์กร ผลิตภัณฑ์ และกระบวนการท�ำงาน ด้วยการใช้ ทักษะด้านการสื่อสาร การแก้ไขปัญหา และการคิดเชิงวิพากษ์เพื่อ ปรับเปลี่ยนการท�ำงานและมีผลงานตามความคาดหวังขององค์กร ก็จะได้รับผลตอบแทนจากเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า อุตสาหกรรมและ บริษัทที่มีนวัตกรรม และต�ำแหน่งงานที่เติบโตอย่างรวดเร็ว[22] ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ สัญญา ประชาคม (social contract) ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของศตวรรษก่อน ได้มลายไปจนหมดสิ้น ความส�ำเร็จในโรงเรียนไม่ได้รับประกันว่าจะ มีงานหรืออาชีพไปตลอดชีวติ ดังทีเ่ คยเกิดกับคนอเมริกนั ยุคก่อนหน้า ปัจจุบันผู้คนคาดหวังว่าจะท�ำงานหลายงานในหลายสาขาได้ตลอด วัยท�ำงานของตน จากข้อมูลของส�ำนักสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกา[4] 36
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
คนที่เกิดหลังยุคเบบี้บูม (baby boom) โดยเฉลี่ยเคยผ่านงานมาแล้ว 10.8 งาน ระหว่างอายุ 18-42 ปี สัญญาประชาคมยุคใหม่แตกต่าง จากยุคที่ผ่านมา กล่าวคือ คนที่มีความรู้และทักษะในการรับมือกับ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสามารถปรับตัวเองให้ เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้เท่านั้นถึงจะประสบความส�ำเร็จ ทักษะ แห่งศตวรรษที่ 21 จะช่วยให้เราสามารถเรียนรู้และปรับตัวต่อการ เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นทักษะแห่งศตวรรษใหม่จึงเป็น ใบเบิกทางสูก่ ารเลือ่ นสถานะทางเศรษฐกิจ ส่วนคนทีป่ ราศจากทักษะ ดังกล่าวก็ต้องจมปลักอยู่กับงานที่ใช้ทักษะตํ่าและค่าจ้างถูก ความ เชี่ยวชาญในทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จึงกลายเป็นสิทธิพลเมืองชุด ใหม่ที่จ�ำเป็นในยุคของเรา • โรงเรียนและนักเรียนในสหรัฐอเมริกายังไม่ปรับตัวตามโลกที่ เปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้ระบบการศึกษาของรัฐไม่ได้เตรียมนักเรียน ให้พร้อมส�ำหรับโอกาสและข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจ แรงงาน และ ความเป็นพลเมืองในศตวรรษที่ 21 นักเรียนจ�ำนวนมากไม่เคยได้รับ การสนับสนุนที่จ�ำเป็นต่อการเรียนรู้จากครอบครัวและสังคม ยิ่งไป กว่านั้น นักเรียนไม่รู้สึกว่ามีส่วนร่วมหรือได้แรงบันดาลใจจากการ เรียนในโรงเรียนซึ่งดูห่างไกลจากชีวิตและไม่สัมพันธ์กับอนาคตของ พวกเขา สัดส่วนของนักเรียนมัธยมปลายที่เลิกเรียนกลางคันมาถึง จุดวิกฤต มีเพียงร้อยละ 70 ของนักเรียนทัง้ หมด และเพียงร้อยละ 50 ของนักเรียนทีเ่ ป็นชนกลุม่ น้อยเท่านั้นทีส่ �ำเร็จการศึกษาตามก�ำหนด และได้รับประกาศนียบัตร[27] เราก�ำลังเผชิญกับปัญหาช่องว่างทางผลสัมฤทธิ์ที่น่าตกใจ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ในระดับชาติ นักเรียนผิวด�ำ นักเรียน เชื้อสายสเปน (ฮิสแปนิก) และนักเรียนด้อยโอกาส ท�ำคะแนนได้ตํ่า กว่าเพื่อนในการประเมินผลระดับชาติ (ดูเพิ่มเติม [15][17][19]) ซึ่ง ฉุดรั้งระดับความสามารถโดยรวมของแรงงานในอนาคต สิ่งนี้จะยิ่ง การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
37
เป็นปัญหามากขึ้นเพราะโครงสร้างประชากรในสหรัฐอเมริกาก�ำลัง เปลี่ยนแปลง โดยประชากรที่เป็นชนกลุ่มน้อยเพิ่มจ�ำนวนเร็วกว่า ประชากรกลุ่มที่เหลือ[29] ในระดับนานาชาติ นักเรียนอเมริกันท�ำคะแนนได้น้อยกว่า คะแนนเฉลีย่ ในโครงการประเมินผลนักเรียนนานาชาติ (Programme for International Student Assessment หรือ PISA) ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ ใช้ประเมินทักษะการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของประเทศ พัฒนาแล้ว (ดูตวั อย่างใน [20]) ผลลัพธ์จาก PISA บอกความจริงบาง อย่างแก่เรา เพราะการประเมินของ PISA ใช้วัดทักษะเชิงประยุกต์ (ซึ่งเราเรียกว่า ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21) ในการคิดเชิงวิพากษ์และ การแก้ไขปัญหา แม้แต่นักเรียนอเมริกันที่เก่งที่สุดก็ไม่สามารถท�ำ คะแนนจากการประเมินนีไ้ ด้ดเี ท่านักเรียนจากประเทศอืน่ ๆ ทีม่ คี วาม ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และต่อให้นกั เรียนในสหรัฐอเมริกาทุกคนจะส�ำเร็จการศึกษา ระดับมัธยมปลายและมีความรู้ดีเยี่ยมในวิชาแบบเดิม พวกเขาก็ยัง ไม่พร้อมอยู่ดีที่จะสนองความคาดหวังของระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ ทุกวันนีท้ กั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 คือพลังสร้างความมัง่ คัง่ ของประเทศ ทักษะที่ช่วยส่งเสริมนวัตกรรม รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ การคิด เชิงวิพากษ์ และการแก้ไขปัญหา ก�ำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก[6][7][18] แต่ฝา่ ยนายจ้างกลับรายงานว่ายังขาดแคลนทักษะเชิงประยุกต์เหล่านี้ แม้จะเป็นแรงงานระดับมหาวิทยาลัยก็ตาม ความส�ำเร็จทางการศึกษา ไม่อาจรับประกันความสามารถทัง้ ทางวิชาการและทักษะได้อกี ต่อไป[30] • สหรัฐอเมริกาขาดเป้าหมายหรือทิศทางที่ชัดเจนในการรักษา ศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในอนาคต สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นชาติที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงที่สุดในโลก แต่ “ความ ชะล่าใจ” อาจบ่อนท�ำลายต�ำแหน่งผู้น�ำนี้[16] ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ในภาค 38
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
อุตสาหกรรมและสถาบันอุดมศึกษาได้รับค�ำเตือนมาหลายปีแล้วว่า สหรัฐอเมริกาก�ำลังสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจาก ความพร้อมด้านแรงงานในสาขาเหล่านี้ยังมีไม่พอ ชาติที่เป็นคู่แข่ง ในเอเชียและยุโรปตระหนักดีว่าทักษะเหล่านี้มีความส�ำคัญเพียงใด และก�ำลังไล่กวดสหรัฐฯ อย่างกระชั้นชิด ความพยายามของนานา ประเทศ (ซึ่งประสบความส�ำเร็จอย่างยิ่ง) ในการปรับปรุงระบบการ ศึกษาและขัดเกลาทักษะแห่งศตวรรษใหม่เป็นสัญญาณเตือนว่า สหรัฐอเมริกามีคู่แข่งที่เหนือกว่าซึ่งสามารถผลิตแรงงานคุณภาพสูง ฉลาดเฉลียว และทะเยอทะยานส�ำหรับระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ นอกจากนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจจากแรงขับเคลื่อนของเทคโนโลยี สารสนเทศตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1980 และต้นทศวรรษ 1990 ก็มี แนวโน้มจะถึงจุดอิ่มตัว หากไม่มีการลงทุนเพิ่มในทรัพยากรแรงงาน ที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความคิด ความรู้ และพรสวรรค์[30] การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ควรมีลักษณะอย่างไร เพื่อจัดการกับความท้าทายที่ก�ำลังเผชิญอยู่นี้ เราต้องการโมเดล ใหม่ที่น�ำมิติต่างๆ ในระบบการศึกษามาจัดวางให้สอดคล้อง เพื่อเตรียม ชาวอเมริกันให้พร้อมแข่งขันได้ ภาคีเพือ่ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ใช้เวลาในช่วงทศวรรษทีผ่ า่ นมา พัฒนากรอบความคิดเพือ่ การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ทีเ่ ข้มแข็ง (ภาพที่ ก.1) ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่ก�ำลังเปลี่ยนแปลงของสังคมซึ่ง คนหนุม่ สาวก�ำลังเผชิญอยู่ กรอบความคิดนีไ้ ด้แรงสนับสนุนอย่างต่อเนือ่ ง และกระตือรือร้นจากองค์กรชั้นน�ำด้านการศึกษา ประชาคมธุรกิจ และ ผู้ก�ำหนดนโยบาย และที่ขาดไม่ได้คือผู้ปกครอง ครูตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับอุดมศึกษา และองค์กรชุมชน จนสามารถพัฒนาให้กลายเป็น วิสัยทัศน์เพื่อการศึกษาที่รอบด้านและมีเป้าหมายชัดเจน[28] ภาพกราฟิกของกรอบความคิดดังกล่าวสรุปไว้ได้อย่างดีเยี่ยม การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
39
คือแสดงให้เห็นการบูรณาการของวิชาแกน แนวคิดส�ำคัญในศตวรรษที่ 21 และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยมีระบบสนับสนุนการศึกษาที่สอดคล้อง กับผลลัพธ์เหล่านี้ กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เสนอ แนวทางส�ำหรับการศึกษาสาธารณะที่เป็นไปได้ ตอบสนองต่อสถานการณ์ และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้
กรอบความคิดนี้เน้นผลลัพธ์ที่ส�ำคัญ การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องยึดผลลัพธ์ทั้งในแง่ความรู้ในวิชา แกนและทักษะแห่งศตวรรษใหม่ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่โรงเรียน ที่ท�ำงาน และ ชุมชนต่างเห็นคุณค่า นับเป็นความล้มเหลวระดับชาติที่นักเรียนอเมริกัน ส่วนใหญ่จบชั้นมัธยมโดยขาดความสามารถหลักที่นายจ้างและครูระดับ อุดมศึกษาเห็นว่าจ�ำเป็นอย่างยิง่ ในโลกของการท�ำงานและการศึกษาขัน้ สูง การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะแห่ง ศตวรรษที่ 21 คือเครื่องมือที่เราต้องใช้เพื่อปีนบันไดทางเศรษฐกิจ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จะช่วยเตรียมความพร้อมให้นักเรียน รู้จักคิด เรียนรู้ ท�ำงาน แก้ปัญหา สื่อสาร และร่วมมือท�ำงานได้อย่างมี ประสิทธิผลไปตลอดชีวิต บางคนว่าทักษะเหล่านี้ไม่ได้เป็นของศตวรรษ ที่ 21 โดยเฉพาะ ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่เราเรียกร้องทักษะเหล่านี้ด้วยเหตุผล 3 ประการ ประการแรก ทักษะเหล่านี้แทบไม่เคยถูกบรรจุในหลักสูตรหรือ ถูกประเมินเลย และถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ “ถ้ามีก็ดี” มากกว่า “จ�ำเป็นต้องมี” ทักษะเหล่านีจ้ งึ ถูกสอนแบบตามมีตามเกิด นักเรียนบางคนอาจเกิดทักษะ เหล่านี้โดยบังเอิญจากชีวิตประจ�ำวันและประสบการณ์ในการท�ำงาน หรือ บางครั้งอาจเกิดในโรงเรียนถ้าเจอครูเก่งๆ ไม่ก็ครูที่ฉลาดพอจะเห็นความ ส�ำคัญและสร้างทักษะดังกล่าวขึน้ เอง เราไม่อาจปล่อยให้การพัฒนาทักษะ ส�ำคัญเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามยถากรรมถ้าอยากเห็นสหรัฐฯ แข่งขันกับชาติ อื่นได้ 40
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ประการที่สอง ทักษะเหล่านี้มีความส�ำคัญต่อนักเรียน ทุกคน ใน วันนี้ ไม่จ�ำกัดแค่อภิชนบางกลุ่ม ในระบบเศรษฐกิจที่ผ่านมา คนอเมริกัน อยู่ในโลกแห่งล�ำดับชั้นซึ่งมีวิธีคิดแบบสายการผลิต ผู้บริหารระดับสูงและ ผูเ้ ชีย่ วชาญมีหน้าทีค่ ดิ แก้ปญ ั หา ตัดสินใจ และสือ่ สารแทนองค์กร พวกเขา ออกค�ำสั่ง และพนักงานส่วนใหญ่ก็มีหน้าที่ท�ำตามค�ำสั่งเท่านั้น แต่โลก ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว องค์กรที่แข่งขันได้ต้องปรับโครงสร้าง การบริหารให้แบนราบ เพิ่มการใช้เทคโนโลยี สร้างระบบงานที่ยืดหยุ่น และกระจายความรับผิดชอบให้พนักงานระดับปฏิบัติการและทีมโครงการ มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเชิงองค์กรและเชิงพฤติกรรมนี้ช่วยเพิ่มระดับ ผลผลิตและนวัตกรรม[2][13][25][33] ในสภาพความเป็นจริงเช่นนี้ นักเรียนที่ ไม่ถนัดทักษะแห่งศตวรรษใหม่ย่อมไม่อาจใช้ศักยภาพทางเศรษฐกิจของ ตนได้อย่างเต็มที่ ภายใต้โครงสร้างทีแ่ บนราบ พนักงานทุกคนมีขอ้ มูลและเครือ่ งมือ ให้เลือกใช้มากขึ้นและมีอิสระกว่าเดิม แต่ก็ต้องแลกกับความคาดหวังว่า จะสามารถรับผิดชอบและจัดการกับงานได้ด้วยตัวเอง ดังเช่นที่ผู้บริหาร บริษัทแอปเปิล (Apple) คนหนึ่งเคยบอกผมว่า พนักงานคนไหนที่ยังต้อง มีคนคอยจัดการเรื่องงานให้ก็จะถูกเลิกจ้าง ความรับผิดชอบที่เปลี่ยนไป เช่นนี้เกิดขึ้นกับชีวิตส่วนตัวด้วยเช่นกัน ผู้มีอ�ำนาจก�ำกับดูแลผู้อื่นหรือ คอยบอกว่าต้องท�ำอะไรนับวันยิง่ ลดน้อยลง คนเราทุกวันนีต้ อ้ งรับผิดชอบ เรื่องสุขภาพของเราเอง ต้องหาข้อมูล ต้องเลือกกรมธรรม์ ต้องพิทักษ์สิทธิ ของตน และดูแลสุขภาพตนเองร่วมกับผู้ให้บริการ การใช้ชีวิตในสังคมก็ เช่นกัน เราต้องแสวงหาข้อมูลเพื่อท�ำความเข้าใจปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง ข่าวท้องถิ่นจะไม่ถูกส่งตรงถึงหน้าบ้านทุกวันอีกต่อไปเพราะหนังสือพิมพ์ กระดาษเสื่อมความนิยมลง ประการทีส่ าม ทักษะต่างๆ ทีน่ ายจ้างและครูระดับอุดมศึกษาเห็น ว่าจ�ำเป็นต่อความส�ำเร็จได้มาบรรจบกัน แม้แต่คนเพิ่งเริ่มท�ำงานใหม่ๆ ก็ ถูกคาดหวังว่าจะสามารถใช้ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อท�ำงานให้ลุล่วง การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
41
ได้[6][7][18] งานในระดับที่หาเลี้ยงชีพได้ทุกวันนี้ก็ต้องการวุฒิการศึกษา ไม่ตาํ่ กว่ามัธยมปลาย โดยเฉพาะงาน 271 งานทีม่ แี นวโน้มเพิม่ ขึน้ ใน 10 ปี ข้างหน้าตามข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา[3] นักเรียนส่วนมากปรารถนาจะเรียนต่อในระดับวิทยาลัยก็เพราะ ตระหนักในเรื่องดังกล่าว อันที่จริงสัดส่วนแรงงานที่จบการศึกษาระดับ สูงก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส�ำคัญ[5] ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 มีความส�ำคัญ ทัดเทียมกันในการเปลี่ยนผ่านสู่ระดับวิทยาลัยและหลักสูตรฝึกงานอย่าง มีประสิทธิผล ในบรรดาองค์ประกอบต่างๆ ของการเตรียมความพร้อมสู่ รั้ววิทยาลัยที่น�ำเสนอโดยมูลนิธิบิลล์แอนด์เมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) มี “พฤติกรรมทางวิชาการ” (academic behavior) และ “ทักษะและส�ำนึกเชิงบริบท” (contextual skill and awareness) รวม อยู่ด้วย[8][9] ซึ่งเป็นทักษะที่อยู่ในกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษ ที่ 21 นักเรียนทุกคนควรได้รบั การฝึกทักษะทีจ่ ำ� เป็นไม่วา่ พวกเขาจะเลือก เดินบนเส้นทางใดในอนาคต กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ยังครอบคลุม แนวคิดหลักทีเ่ กิดขึน้ ใหม่ในศตวรรษที่ 21 ซึง่ อาจไม่เป็นทีค่ นุ้ เคย นายจ้าง และครู ตลอดจนผู้ปกครอง ผู้ก�ำหนดนโยบาย และผู้สนับสนุนของชุมชน ต่างเห็นว่าแนวคิดหลักและทักษะใหม่เหล่านี้ส�ำคัญอย่างยิ่ง แต่ยังไม่มีการ เน้นสิง่ เหล่านีใ้ นการศึกษาของรัฐเท่าทีค่ วร แนวคิดส�ำคัญเหล่านีม้ พี นื้ ฐาน จากชีวติ ประจ�ำวัน และชาวอเมริกนั ทุกคนก็กำ� ลังด�ำเนินชีวติ อยูด่ ว้ ยแนวคิด ส�ำคัญดังกล่าว พวกเขาต้องการให้โรงเรียนผสมผสานแนวคิดส�ำคัญแบบ ใหม่นซี้ งึ่ เป็นการรวมเนือ้ หาและทักษะเข้าด้วยกัน เพือ่ ให้คนหนุม่ สาวพร้อม เผชิญกับโลกที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น จิตส�ำนึกต่อโลกเป็นแนวคิดส�ำคัญในระบบเศรษฐกิจ โลก คนอเมริกนั ต้องเข้าใจปัญหาระดับโลกทีส่ ง่ ผลกระทบต่อตนเองในฐานะ พลเมืองและคนท�ำงาน ต้องเรียนรู้และท�ำงานร่วมกับคนหลากวัฒนธรรม และวิถีชีวิต และสามารถสื่อสารด้วยภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษได้ 42
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ในท�ำนองเดียวกัน ความรู้พื้นฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการประกอบกิจการ คือทักษะใหม่ที่จ�ำเป็น ทุกวันนี้เงินบ�ำนาญแบบ รับประกันแทบจะไม่มีอีกแล้ว ดังนั้นความรับผิดชอบในการวางแผน การ ออมและการลงทุนหลังเกษียณจึงตกอยู่ในมือของแต่ละคน วิกฤตการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในภาคธนาคาร ธุรกิจสินเชื่อและการจ�ำนอง รวมทั้งภาวะ ถดถอยทางเศรษฐกิจครัง้ ใหญ่ เป็นการตอกยาํ้ ความส�ำคัญของความรูค้ วาม เข้าใจว่าพลังทางเศรษฐกิจมีผลต่อชีวิตผู้คนมากเพียงใด การตัดสินใจ ที่ผิดพลาดด้านการเงินอาจส่งผลร้ายต่อคุณภาพชีวิตของเราไปอีกนาน ในการท�ำงานผู้คนต้องเรียนรู้ว่าจะปรับตัวและท�ำประโยชน์ให้องค์กรที่ ใหญ่โตขึ้นอย่างไร และต้องรู้จักน�ำวิธีคิดแบบผู้ประกอบการมาใช้ในชีวิต เมื่อตระหนักถึงโอกาส ความเสี่ยง และรางวัลแล้ว เราก็จะสามารถเพิ่ม ผลงาน เพิ่มทางเลือกในอาชีพ และจัดการกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ได้อย่างสุขุม ประการสุดท้าย กรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อธิบายทักษะหลายอย่างที่เป็นของใหม่ (อย่างน้อยก็ในแวดวงการศึกษา) ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ความยืดหยุ่นและความสามารถ ในการปรับตัว ความเป็นผู้น�ำและทักษะการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม ซึ่งล้วน จ�ำเป็นส�ำหรับนักเรียนทุกคน ทักษะเหล่านี้ท�ำให้บางคนโดดเด่นกว่า คนอื่น การปรับความคิดเพียงเล็กน้อยอาจน�ำความก้าวหน้าครั้งใหญ่มาสู่ ชีวิตและองค์กร การเต็มใจรับความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกท�ำให้เราพร้อม จะเปิดรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝัน และไม่อาจหลีกเลีย่ งในชีวติ การรับบทบาทผูน้ ำ� ช่วยให้เราสามารถควบคุม ชีวิตของตนเองได้ดีขึ้น ขณะที่ทักษะการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรมช่วยเพิ่ม ประสิทธิผลในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่ว่าในโรงเรียน ที่ท�ำงาน และ ในชุมชน ทักษะแบบใหม่ยงั เป็นสิง่ ทีแ่ ยกองค์กรหรือประเทศทีก่ า้ วหน้าออก จากกลุ่มที่ล้าหลัง และยังช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันในทุกด้าน อาทิ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
43
ความแปลกใหม่ ความคล่องตัว และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ความ สามารถที่จะเปลี่ยนความคิดแหวกแนวให้กลายเป็นนวัตกรรมของสินค้า และบริการ และหนทางแก้ปัญหา รวมทั้งความสามารถที่จะบรรลุความ พยายามที่คุ้มค่า เอาชนะอุปสรรค และเชื่อมความแตกต่างทางวัฒนธรรม การผสมผสานของวิชาแกน แนวคิดส�ำคัญของศตวรรษที่ 21 และทักษะแห่งศตวรรษใหม่ ได้สร้างความหมายใหม่ให้แก่ความแข็งแกร่ง ทางการศึกษาในยุคของเรา ชาวอเมริกันจ�ำนวนมากต่างสนับสนุนให้ การศึกษาแข็งแกร่งขึ้นเพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมก่อนเข้าสู่รั้ววิทยาลัย และโลกของการท�ำงาน ซึ่งเป็นจุดยืนที่เราเห็นพ้องเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่ง ในแบบเก่ามีความหมายเท่ากับ ความเป็นเลิศในเนือ้ หา (วิชาแกน) เท่านัน้ ซึง่ ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ใน ยุคที่ความรู้และข้อมูลข่าวสารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นักเรียนจ�ำเป็น ต้องมี ทั้ง ความรู้ในเนื้อหา และ ทักษะที่จะประยุกต์ใช้และปรับเปลี่ยน ความรู้เหล่านั้นให้เข้ากับเป้าหมายที่ยังประโยชน์และสร้างสรรค์ รวมถึง เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตามเนื้อหาและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ผมเคยได้ยนิ จอห์น แบรนส์ฟอร์ด (John Bransford) ศาสตราจารย์ ด้านการศึกษาและจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันผูโ้ ด่งดัง ผูร้ ว่ มเขียน หนังสือ How People Learn: Bridging Research and Practice (2000)[11] และ How Students Learn: Science in the Classroom (2004)[12] เล่าว่า ในสหรัฐอเมริกา เราบอกนักเรียนเรื่องเดิมๆ ซํ้าเป็นร้อยครั้ง พอถึงครั้งที่ 101 เราก็จะถามพวกเขาว่าจ�ำสิ่งที่บอกไปร้อยครั้งก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ในศตวรรษที่ 21 บททดสอบความแข็งแกร่งทางการศึกษาที่แท้จริงคือการ ทีน่ กั เรียนมองดูสงิ่ ทีพ่ วกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วรูว้ า่ จะท�ำอะไรกับสิง่ นัน้ การรวมทักษะแห่งศตวรรษใหม่เข้าไปในวิชาแกนช่วยเพิ่มความ แข็งแกร่งให้การศึกษาได้อย่างแท้จริง การจดจ�ำข้อเท็จจริงหรือค�ำศัพท์ ในต�ำรา หรือท�ำตามขั้นตอนและกระบวนการได้ เป็นกิจกรรมที่ใช้ความ สามารถในการรู้คิดขั้นตํ่า ขณะที่การแสดงความเข้าใจเชิงลึกผ่านการ 44
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
วางแผน การใช้หลักฐาน และการให้เหตุผลเชิงนามธรรมนั้นต้องใช้ความ สามารถในการรู้คิดที่สูงกว่า การเชื่อมโยงความคิดที่สัมพันธ์กันระหว่าง เนือ้ หาในสาขาเดียวกันหรือต่างสาขา หรือการคิดค้นวิธไี ขปัญหาทีซ่ บั ซ้อน ต้องอาศัยการต่อยอดทางความคิดและการรู้คิดในระดับสูงขึ้นไป[32] ความเชื่อมโยงระหว่างทักษะกับความแข็งแกร่งทางการศึกษา สามารถดูได้จากผลการประเมินระดับนานาชาติอย่าง PISA นักเรียนที่ รู้จักใช้วิธีคิดเชิงวิพากษ์และทักษะการแก้ปัญหาในวิชาคณิตศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ท�ำคะแนนได้ดีกว่านักเรียนที่ไร้ทักษะดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ ในระบบการศึกษาของศตวรรษที่ 21 ความแข็งแกร่งจึงหมายถึงความเป็น เลิศในเนื้อหาและทักษะควบคู่กัน ผมเห็นตัวชี้วัดที่น่าเชื่อจ�ำนวนมากซึ่งบอกว่าความเชี่ยวชาญใน ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 คือผลลัพธ์ที่ใช่ส�ำหรับยุคนี้ เราจึงจ�ำเป็นต้อง จัดระบบการศึกษาของรัฐให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว กรอบความคิดนีเ้ ห็นว่าระบบสนับสนุนการศึกษา โดยเฉพาะ ประสบการณ์ในการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นสิ่งส�ำคัญ วิสัยทัศน์ส�ำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ตั้งอยู่บนความจริง ที่ว่า ถ้าอยากให้นักเรียนมีทักษะแห่งศตวรรษใหม่ก็ต้องมีระบบการศึกษา ที่สอดคล้องกับเป้าหมายนี้ อาจดู เ หมื อ นเป็ น ความปรารถนาอั น ยิ่ ง ใหญ่ แต่ มี ห ลั ก ฐานที่ บ่ ง บอกว่ ารั ฐ ต่า งๆ ได้เตรียมพร้อมโดยสมัครใจที่จะท�ำสิ่งนี้ให้ส�ำเร็จ ก่อนเดือนตุลาคมปี 2009 รัฐ 14 รัฐ (แอริโซนา อิลลินอยส์ ไอโอวา แคนซัส ลุยเซียนา เมน แมสซาชูเซตส์ เนวาดา นิวเจอร์ซยี ์ นอร์ทแคโรไลนา โอไฮโอ เซาท์ดาโคตา เวสต์เวอร์จิเนีย และวิสคอนซิน) ให้ค�ำมั่นว่าจะปรับเปลี่ยน มาตรฐานและเครื่องมือประเมิน หลักสูตรและวิธีการสอน การพัฒนา ทางวิชาชีพ และสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดผลลัพธ์ ตามเป้าหมายของทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 รัฐและเขตการศึกษาทีค่ บื หน้า การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
45
ไปมากได้ใช้แนวทางแบบองค์รวมและท�ำเป็นระบบ โดยสามารถอธิบาย ทักษะที่เห็นคุณค่าและจัดระบบต่างๆ ของทุกภาคส่วนให้สอดคล้องไปใน ทิศทางดังกล่าว รัฐจ�ำนวนมากก�ำลังเผชิญความท้าทายที่น่ากังวล อุตสาหกรรม หลักก�ำลังปรับโครงสร้างและมีการเลิกจ้าง เศรษฐกิจที่ซบเซาเมื่อไม่นาน มานี้ยิ่งซํ้าเติมปัญหาและกระทบกับงบประมาณของรัฐและโรงเรียนอย่าง รุนแรง อย่างไรก็ตาม รัฐเหล่านี้ได้หันมาพิจารณากรอบความคิดเพื่อการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อย่างถี่ถ้วนและสนับสนุนการใช้กรอบความคิดนี้ เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดตั้งระบบการศึกษาส�ำหรับศตวรรษใหม่ โดย ตระหนักว่าต้องเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาเสียใหม่เพื่อพัฒนาแรงงาน และเศรษฐกิจในรัฐ ยกตัวอย่าง รัฐเวสต์เวอร์จิเนียก�ำลังทบทวนและปรับ มาตรฐาน วิธีประเมิน วิธีการสอน การพัฒนาทางวิชาชีพ การเตรียมความ พร้อมของครู การพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน และโครงการด้านเทคโนโลยี โดยทั้งหมดนี้จะอาศัยกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของ ภาคีฯ การพัฒนาทางวิชาชีพคือส่วนส�ำคัญที่สุดในการเปลี่ยนแปลง สตีฟ เพน (Steve Paine) ผู้อ�ำนวยการเขตการศึกษาในเวสต์เวอร์จิเนีย บอกผมว่า เขาอุทิศเวลาท�ำงานร้อยละ 80 ไปกับการปรับปรุงประสิทธิผล ของครูในการสอนทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว การ อธิบายให้เข้าใจทักษะที่ส�ำคัญเป็นเพียงก้าวแรก รัฐและเขตการศึกษา ต่างๆ ไม่ควรทึกทักเอาเองว่าครูทุกคนจะหนีออกจากกรอบของศตวรรษ ที่ 20 ได้เองโดยไม่พึ่งการพัฒนาทางวิชาชีพ กระทรวงศึกษาธิการแห่งรัฐ เวสต์เวอร์จเิ นียท�ำทุกวิถที างเพือ่ ผลักดันภารกิจนีโ้ ดยเริม่ จากการฝึกอบรม ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในเชิงลึกให้แก่ครูทุกคนในช่วงฤดูร้อน ตามด้วย การแนะแนวผ่านเว็บไซต์ในระหว่างปีการศึกษา รัฐเวสต์เวอร์จเิ นียยังจัดท�ำ เว็บไซต์ที่เปิดให้เข้าไปมีส่วนร่วมชื่อว่า Teach 21 ซึ่งมีทรัพยากรมากมาย ที่ครูสามารถน�ำไปใช้ในชั้นเรียน 46
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ภาคีเพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้พัฒนาแผนผังเนื้อหาและ ทรัพยากรทางออนไลน์ซงึ่ มีรายละเอียดทีเ่ จาะจงเรือ่ งการเรียนรูใ้ นศตวรรษ ที่ 21 ส�ำหรับครู ทรัพยากรเหล่านีช้ ว่ ยสนับสนุนการเรียนรูแ้ บบลงมือปฏิบตั ิ การแสวงหาความรู้ และการพัฒนาทักษะการคิดระดับสูง ซึง่ ครูเก่งๆ มักใช้ วิธีดังกล่าว[10] อันที่จริงมีครูและนักการศึกษาจ�ำนวนมากที่ท�ำงานใกล้ชิด นักเรียนได้บุกเบิกวิธีการสอนเหล่านี้ ทรัพยากรส�ำหรับการสอนทั้งหมด อยู่ในเว็บไซต์ของ Route 21 (www.21stcenturyskills.org/route21/) โครงสร้างพื้นฐานที่ใช้สนับสนุนการศึกษาทั้งหมดจะต้องได้รับ การพัฒนาให้ทันสมัยเพื่อสร้างภาวะที่เหมาะสมต่อการสอน การเรียนรู้ และผลลัพธ์ที่ต้องการ เราได้เรียนรู้จากโครงการจัดท�ำมาตรฐานที่เคยมี ในอดีตว่า การละเลยโครงสร้างพื้นฐานเป็นการโยนภาระให้นักเรียนมาก เกินไป เป็นการไม่ยตุ ธิ รรมและเป็นเรือ่ งสูญเปล่าทีเ่ ราจะไปคาดหวังให้เด็ก ท�ำได้เกินความคาดหมายโดยปราศจากโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุน ดังนั้น เพื่อช่วยให้รัฐ เขต และโรงเรียนสามารถเดินหน้าต่อได้ เราจึงพัฒนาและ ปรับปรุงคูม่ อื ทีม่ าพร้อมกับแนวปฏิบตั แิ ละเครือ่ งมือในการประเมินตนเอง[24] องค์ประกอบทีส่ ำ� คัญทัง้ หมดของระบบการศึกษาจะช่วยสนับสนุน ให้เกิดผลลัพธ์จากการเรียนรู้ทักษะแห่งอนาคตที่ครบถ้วนไม่บกพร่อง กรอบความคิ ด นี้ ต รงกั บ ความคิ ด ของผู ้ ก� ำ หนดนโยบาย นักการศึกษา ประชาคมธุรกิจ องค์กรชุมชน และผู้ปกครอง องค์กรต่างๆ จ�ำนวนมากได้พัฒนาโมเดลเพื่อปรับปรุงการศึกษา แต่มไี ม่มากนักทีก่ ล้าให้คนนับพันจากต่างสาขาอาชีพท�ำการตรวจสอบโมเดล ของตน ซึง่ โมเดลของเราอันประกอบด้วยวิชาแกน แนวคิดส�ำคัญในศตวรรษ ที่ 21 และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้ผ่านการตรวจสอบเช่นนั้นแล้ว เราพัฒนากรอบความคิดนี้ร่วมกับองค์กรสมาชิกเกือบ 40 องค์กร ซึ่งรวมถึงสมาคมการศึกษาแห่งชาติ (National Education Association) และสมาชิกของสมาคมฯ อีก 3.2 ล้านคน เราตระเวนไปตามที่ต่างๆ การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
47
น�ำเสนอกรอบความคิดแก่ผู้ก�ำหนดนโยบาย นักการศึกษา นักธุรกิจ องค์กรชุมชน และผู้ปกครองนักเรียน เรารับฟังข้อคิดเห็นและน�ำมา ปรับปรุงชุดทักษะและแนวคิดส�ำคัญในกรอบความคิด เราส�ำรวจความ เห็นจากนักธุรกิจและผู้ปกครองนักเรียนซึ่งเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าทักษะ แห่งศตวรรษใหม่เป็นสิ่งจ�ำเป็นต่อความส�ำเร็จในปัจจุบัน[6][21] พวกเขา เชื่อว่าโรงเรียนควรสอนทักษะแห่งศตวรรษใหม่ เป็นความเชื่อที่อยู่บน พื้นฐานของความเป็นจริง ทั้งจากความคาดหวังของที่ท�ำงาน ข้อเรียกร้อง ของการเป็นพลเมือง และความท้าทายในชีวิตที่ต้องประสบทุกเมื่อเชื่อวัน การส�ำรวจและรายงานทีท่ ำ� โดยองค์กรอืน่ ๆ สนับสนุนสิง่ ทีเ่ ราค้นพบเช่นกัน สิ่งนี้ไม่ใช่ประเด็นเล็กๆ การเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันทักษะแห่ง ศตวรรษที่ 21 มีความแตกต่างจากความพยายามปรับปรุงการศึกษาที่มี มาก่อน (เช่นการผลักดันให้ปรับปรุงระบบการศึกษาในช่วงทศวรรษ 1980) ตรงที่ผู้น�ำการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีทั้งผู้ก�ำหนดนโยบาย นักการศึกษา และ ประชาคมธุรกิจซึง่ ต่างประสานเป็นเสียงเดียวกัน เราร่วมกันวัดความสนใจ และทัศนคติของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการศึกษาของรัฐ และพยายาม สร้างพลังสนับสนุนโมเดลของเราในวงกว้างทั้งจากระดับบนลงมาและจาก ระดับล่างขึ้นไป ในรัฐต่างๆ ผู้ว่าการรัฐ ผู้บริหารสถาบันการศึกษาของรัฐ คณะกรรมการด้านการศึกษาของรัฐ กรรมการบริหารโรงเรียนในท้องถิ่น นักธุรกิจ องค์กรชุมชน นักการศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนผู้มีสิทธิ ออกเสียงต่างมีส่วนร่วมและกระตือรือร้นกับโมเดลของเรา มีงานอีกมากมายที่เราต้องท�ำเพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นใน ระดับประเทศ ในทุกเขต ทุกชุมชน และทุกครัวเรือน กระนั้นแรงสนับสนุน ที่ได้รับบวกกับความส�ำเร็จใน 14 รัฐน�ำร่องช่วยเปิดโอกาสให้เราเข้าร่วม การอภิ ป รายในระดั บ ชาติ เ กี่ ย วกั บ ผลลั พ ธ์ ที่ เ ราคาดหวั ง จากนั ก เรี ย น ซึ่งส่งผลให้มีผู้สนับสนุนโมเดลของเรามากขึ้น ผู้น�ำของรัฐ เขต และโรงเรียน รวมถึงกลุ่มชุมชนจะเริ่มตรวจสอบ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พวกเขาจะพิจารณา 48
ทักษะแห่งอนาคตใหม่
ทักษะใหม่ๆ ที่นักเรียนควรเรียนรู้ในอีก 20 ปีข้างหน้าหรือไกลกว่านั้น และเมื่อใดที่สามารถอธิบายทักษะใหม่เหล่านี้ด้วยค�ำพูดของตนเองได้ พวกเขาก็พร้อมจะเปลี่ยนโฉมหน้าระบบการศึกษาเพื่อแปลงวิสัยทัศน์ให้ เป็นจริง อนาคตของการเรียนรู้ หนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งที่เตือนว่าเราได้มาถึงจุดพลิกผันของระบบ การศึกษา เมื่อบุคคลผู้มีชื่อเสียงทั้งหลายต่างครุ่นคิดอย่างจริงจังถึงเรื่อง อนาคตของการเรียนรู้ จึงเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่เราต้องกล้าลงมือท�ำ บางอย่าง เดิมพันในขณะนี้ก็คือขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสิ่งอื่นๆ ควบคู่กัน อาทิ ประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ ความเป็นผู้น�ำ ในเวทีโลก ความมั่งคั่งยั่งยืน และความส�ำเร็จของคนยุคถัดไป เป็นต้น เป็นความจริงเสมอมาในประวัติศาสตร์ของชาติว่าชาวอเมริกันคือกลจักร ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต แต่ในเวลานี้และในยุคนี้ เราต้องมีความรู้ และทักษะเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในศตวรรษที่ 21 ในห้องประชุมและห้องเรียนทั่วประเทศ ผมได้พบปะผู้คนนับพัน ที่พร้อมจะรับความท้าทายนี้ การสนับสนุนกรอบความคิดเพื่อการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 จากสังคมในวงกว้างเป็นการบอกกลายๆ ว่า เป็นไปได้ อย่ า งยิ่ ง ที่ จ ะสร้ า งเจตจ� ำ นงทางการเมื อ งเพื่ อ ระบบการศึ ก ษาส� ำ หรั บ ศตวรรษที่ 21 เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่กรอบความคิดนี้ดึงดูดความสนใจได้ มากเพียงนี้ แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะ เราจ�ำเป็นต้องเดินหน้าต่อ จากฉันทามติเรื่อง วิสัยทัศน์ การ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ไปสู่ความเข้าใจและความยึดมั่นต่อ ผลลัพธ์ ของ การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อันที่จริงค�ำว่า “การศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21” หรือ “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” อาจถูกตีความตามใจชอบได้ หลายคน ตีความว่าห้องเรียนที่มีเทคโนโลยี หรือโรงเรียนสมัยใหม่ หรือวิชาแกน การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21
49
ที่มีเนื้อหาแน่น คือสิ่งเดียวกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยไม่ค�ำนึงว่า นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จนเชี่ยวชาญหรือไม่ ในความ เป็นจริง ความช�ำนาญในการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลไม่ได้หมายความว่านักเรียน จะมีจิตส�ำนึกต่อโลก หรือมีความรู้พื้นฐานด้านสุขภาพ มีทักษะการเรียนรู้ และนวัตกรรม มีทักษะชีวิตและการท�ำงาน หรือแม้แต่ความรู้พื้นฐานด้าน สื่อ ในท�ำนองเดียวกัน นักการศึกษาจ�ำนวนมากอ้างว่าพวกเขาก�ำลังสอน ทักษะแห่งศตวรรษใหม่ แต่กลับไม่ใส่ทักษะโดยรวมที่สอนลงในมาตรฐาน และวิธีการประเมิน หลักสูตรและการสอน หรือการพัฒนาทางวิชาชีพและ สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ ก้าวต่อไปที่ส�ำคัญที่สุดคือการสร้างข้อตกลงร่วมกันถึงผลลัพธ์ที่ คาดหวังในแง่ของความเชีย่ วชาญทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เท่านัน้ ยังไม่พอ เรายังต้องวางแผนระบบการศึกษาทัง้ หมดด้วยความมุง่ มัน่ และโปร่งใส โดย เริ่มจากการใช้ผลลัพธ์ของการเรียนรู้ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อติดตาม ความคิดที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้อย่างไม่ลดละ กิตติกรรมประกาศ ขอขอบคุณสมาชิกทั้งอดีตและปัจจุบันของคณะกรรมการภาคี เพื่อทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และสภายุทธศาสตร์ส�ำหรับแรงสนับสนุน อันยิ่งใหญ่ในการพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 และขอขอบคุณ มาร์ทา วอคลีย์ (Martha Vockley) ส�ำหรับความช่วยเหลือในการเขียนบทเกริน่ น�ำนี้
50
ทักษะแห่งอนาคตใหม่