ถอดรหัสรักออนไลน์ • สุนันทา วรรณสินธ์ เบล แปล จากเรื่อง Modern Romance โดย Aziz Ansari และ Eric Klinenberg พิมพ์ครั้งแรก: ส�ำนักพิมพ์ op e n wo r l d s, ตุลาคม 2559 ราคา 295 บาท คณะบรรณาธิการอ�ำนวยการ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา สฤณี อาชวานันทกุล แอลสิทธิ์ เวอร์การา กรมัยพล สิริมงคลรุจิกุล พลอยแสง เอกญาติ วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง ปกป้อง จันวิทย์ กฤดิกร เผดิมเกื้อกูลพงศ์ บรรณาธิการบริหาร วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ ฐณฐ จินดานนท์ บุญชัย แซ่เงี้ยว ณัฏฐพรรณ เรืองศิรินุสรณ์ กัญญ์ชลา นาวานุเคราะห์ ศิลปกรรม พรชนิตว์ วิศิษฐชัยชาญ กัญญ์ชลา นาวานุเคราะห์ ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ ชญารัตน์ สุขตน • บรรณาธิการเล่ม ณัฏฐพรรณ เรืองศิรินุสรณ์ บรรณาธิการต้นฉบับ วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ ออกแบบปก พรชนิตว์ วิศิษฐชัยชาญ • จัดทำ�โดย บริษัท โอเพ่นเวิลด์ส พับลิชชิ่ง เฮาส์ จ�ำกัด 33 อาคารเอ ห้องเลขที่ 48 ซอยประดิพัทธ์ 17 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 0 2 - 6 1 8 - 4 7 30 e m a i l : o p e n w o r l d s t h a i l a n d @ gmail.com f a c e b ook : w w w . f a c e b o o k . c o m /openw or lds t w i t t e r : w w w . t w i t t e r . c o m / o p enw or lds_th w e b s i t e : w w w . o p e n w o r l ds.in.th จัดจ�ำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ำกัด (มหาชน) SE-EDUCATION PUBLIC COMPANY LIMITED เลขที่ 1858/87-90 อาคารที ซี ไ อเอฟทาวเวอร์ ชั้ น ที่ 19 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8222, 0 - 2 7 39 -8 000 โทรสาร 0 - 2 7 3 9 - 8 3 5 6- 9 w e bs i t e : h t t p : / / w w w . s e - ed.com/
สำ�หรับสถาบันการศึกษา องค์กร หรือบุคคล ที่ต้องการสั่งซื้อหนังสือ จำ�นวนมากในราคาลดพิเศษ โปรดติดต่อ สำ�นักพิมพ์โอเพ่นเวิลด์ส หมายเลขโทรศัพท์ 02-618-4730 และ 097-174-9124 หรือ Em a il: o p e n w o rld st h a ila nd@gmail.c om
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ อันซารี, อาซีส. ถอดรหัสรักออนไลน์.-- กรุงเทพฯ : โอเพ่นเวิลด์ส พับลิชชิ่ง เฮาส์, 2559. 320 หน้า. 1. ความรัก--แง่จิตวิทยา. I. ไคลเนนเบิร์ก, เอริก, ผู้แต่งร่วม. II. สุนันทา วรรณสินธ์ เบล, ผู้แปล. III. ชื่อเรื่อง. 152.41 ISBN 978-616-7885-41-4 • Copyright © 2015 by Modern Romantics Corporation All rights reserved including the right of reproduction in whole or in part in any form. This edition published by arrangement with Penguin Press, an imprint of Penguin Publishing Group, a division of Penguin Random House LLC through Tuttle-Mori Agency Co., Ltd. Thai language translation copyright © 2016 by Openworlds Publishing House Modern Romance ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 2015 แปลและจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยโดย บริษัท โอเพ่นเวิลด์ส พับลิชชิ่ง เฮาส์ จำ�กัด ตามข้อตกลงกับสำ�นักพิมพ์เพนกวินเพรส/เพนกวิน •
สารบัญ บทนำ� 8 1.ค้นหาคู่แท้ของคุณ 20 2.เริ่มต้นเอ่ยปาก 46 3.หาคู่ออนไลน์ 88 4.การตัดสินใจและตัวเลือก 150 5.การศึกษาระดับนานาชาติเรื่องความรัก 180 6.ประเด็นเก่า รูปแบบใหม่ การส่งภาพติดเรต นอกใจ สอดแนม และเลิกรา
214 7.ลงหลักปักฐาน 252 บทสรุป 284
กิตติกรรมประกาศ 304 แหล่งข้อมูล 309 บรรณานุกรม 316 เครดิตภาพประกอบ 318 รู้จักผู้เขียน 319 รู้จักผู้แปล 320
MODERN ROMANCE
. Aziz Ansari Eric Klinenberg
ถอดรหัสรักออนไลน์ แปลโดย
สุนันทา วรรณสินธ์ เบล
บทน�ำ
เฮ้อ ให้ตาย! ขอบคุณทีซ่ อื้ หนังสือของผม เงินน่ะเข้ากระเป๋า ผม ก็จริง แต่ผมเองก็เขียนด้วยความอุตสาหะ และผมคิดว่าคุณจะชอบ ก่อนอื่น ผมขอกล่าวอะไรเล็กน้อยเกี่ยวกับโครงการนี้ เมื่อคุณ ประสบความส�ำเร็จในฐานะนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟน คุณจะได้รับค�ำ เชิญชวนให้เขียนหนังสือแนวข�ำขันอย่างรวดเร็ว ในอดีต ผมปฏิเสธโอกาส เหล่านี้เสมอ เพราะผมคิดว่าการยืนเดี่ยวไมค์เป็นสื่อที่ดีท่ีสุดส�ำหรับผม ในใจผม การเขียนหนังสือน่ะไม่สนุกเท่ากับใช้ความคิดมาแสดงหน้าไมค์ แล้วท�ำไมผมจึงตัดสินใจเขียนหนังสือเกี่ยวกับความรักสมัยใหม่ น่ะหรือ เมื่อสองสามปีที่แล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในชีวิตผม ขอ เรียกเธอว่าทันยาแล้วกัน คืนหนึ่งเรากิ๊กกั๊กกันในแอลเอ เราทั้งคู่ไปงาน เลี้ยงวันเกิด และเมื่องานเลี้ยงใกล้เลิกรา เธออาสาจะพาผมไปส่งที่บ้าน ตลอดคืนที่ผ่านมาพวกเราพูดคุยหยอกล้อและเล่นหูเล่นตากันหลายหน ผมจึงเชิญเธอแวะเข้ามาดื่มอะไรในบ้านสักหน่อย Aziz Ansari and Eric Klinenberg
9
ตอนนั้นผมเช่าบ้านหลังงามบนเนินฮอลลีวูดฮิลส์ไว้ชั่วคราว บ้านหลังนี้คล้ายกับบ้านของ โรเบิร์ต เดอ นีโร ในหนังเรื่อง Heat แต่ ตกแต่ ง บ้ า นในสไตล์ ผ มมากกว่ า ที่ จ ะเป็ น สไตล์ ข องโจรมื อ ฉมั ง ปล้ น รถเกราะ ผมชงค็อกเทล เราทั้งสองผลัดกันเลือกแผ่นเสียงพลางพูดคุย หัวร่อต่อกระซิก และแล้วเราก็เริม่ กอดจูบกัน ทุกอย่างยอดเยีย่ มมากจริงๆ ผมจ�ำได้วา่ ตัวเองเอ่ยค�ำพูดโง่ๆ ตามประสาคนเมาขณะทีเ่ ธอก�ำลังจะกลับ ว่า “ทันยา คุณช่างเป็นสาวเจ้าเสน่ห์...” เธอตอบว่า “อาซีส คุณก็เป็น หนุ่มเจ้าเสน่ห์เหมือนกัน” การพบกันครั้งนั้นดูเหมือนจะมีโอกาสสานต่อ ความสัมพันธ์ เนื่องจากทุกคนในห้องต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเราทั้งคู่เป็น หนุ่มสาวเจ้าเสน่ห์ ผมอยากพบทันยาอีก และคราวนีผ้ มต้องเผชิญกับปัญหาพืน้ ฐาน ที่ก่อกวนพวกเราทุกคนมาแล้วนักต่อนัก นั่นคือผมควรจะติดต่อกับเธอ อีกครั้งเมื่อไหร่และอย่างไร ผมควรโทรไปไหม หรือส่งข้อความทางโทรศัพท์มอื ถือ หรือจะส่ง ข้อความทางเฟซบุ๊ก หรือจะส่งสัญญาณควันดีนะ ว่าแต่เขาส่งสัญญาณ ควันกันยังไง ผมจะเผลอเผาบ้านเช่าจนวอดหรือเปล่า ผมควรท�ำหน้ายังไง เมื่อต้องบอกดาราอย่าง เจมส์ เอิร์ล โจนส์ ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ว่าผมเผา บ้านของเขาทั้งหลังเพื่อพยายามส่งสัญญาณควัน อ้าว ตายละ ผมเพิง่ ปากโป้งบอก ไปว่าผมเช่าบ้านบ้าๆ หลังนี้จากใคร ก็ คนที่เล่นเป็นราชา จาฟเฟ จอฟเฟอร์ ใน หนังเรื่อง Coming to America และเป็น เจ้าของเสียงดาร์ธเวเดอร์ เขาคือดารา ภาพยนตร์ชื่อดังนาม เจมส์ เอิร์ล โจนส์ นั่นเอง ในที่สุดผมตัดสินใจส่งข้อความ 10
Moder n Ro ma n c e
ทางโทรศัพท์หาเธอ เพราะดูเหมือนว่าเธอเป็นนักส่งข้อความมือฉมังอยู่ เหมือนกัน ผมรอให้เวลาผ่านไปสองสามวันเพือ่ จะได้ไม่ดกู ระตือรือร้นนัก ผมรู้มาว่าสัปดาห์นั้นวง บีชเฮาส์ ที่เราฟังในคืนที่พลอดรักกันจะมาแสดง ในแอลเอพอดี จึงดูจะเป็นการเดินหมากที่ประจวบเหมาะทีเดียว ผมส่งข้อความไปว่า ไง ไม่รวู้ า่ คุณกลับไปนิวยอร์กหรือยัง แต่บชี เฮาส์จะมาเล่นคอนเสิรต์ คืนนีก้ บั พรุง่ นีท้ วี่ ลิ เทิรน์ คุณอยากไปไหม พวกเขาอาจจะยอมให้คณ ุ ร้องเพลง “The Motto” ก็ได้นะถ้าเราขอดีๆ
ชวนได้ดี ชัดเจนและหยอดมุกตลกทีเ่ รารูก้ นั เพียงสองคน (ทันยา ร้องเพลง “The Motto” ของเดรกในงานเลี้ยง และผมทึ่งมากที่เธอรู้ เนื้อเพลงเกือบทุกค�ำ) ผมค่อนข้างมั่นใจ ผมไม่ได้ตกหลุมรักทันยาหัวปักหัวป�ำ แต่เธอ ก็ดูเข้าท่าดีและผมรู้สึกได้ว่าเราต่อกันติด ขณะทีร่ อค�ำตอบจากเธอ ผมเริม่ วาดภาพความสัมพันธ์ของเราที่ อาจเกิดขึน้ ในอนาคต บางทีสดุ สัปดาห์หน้าเราอาจจะไปดูหนังกลางแปลง ซึ่งจัดฉายที่สุสานฮอลลีวูดฟอร์เอฟเวอร์ บางทีผมอาจปรุงอาหารค�่ำให้ ทันยาลองชิมสักวันในสัปดาห์นี้ ทดลองเมนูไก่ย่างอิฐทับที่ผมอยากลอง ท�ำมานานแล้ว อีกหน่อยทันยากับผมจะได้ไปเที่ยวตากอากาศที่โอฮาย ตอนฤดูใบไม้ร่วงหรือเปล่า ใครเล่าจะรู้ถึงอนาคตของพวกเรา มันคงจะดี มากแน่ๆ! เวลาผ่านไปครูห่ นึง่ และสถานะของข้อความผมเปลีย่ นเป็น “อ่าน แล้ว” หัวใจผมหยุดเต้น เวลาแห่งความจริงมาถึงแล้ว ผมเตรียมใจและจ้องดูจุดเล็กๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอไอโฟน จุด Aziz Ansari and Eric Klinenberg
11
เล็กๆ ที่บอกเป็นเชิงยั่วเย้าให้เรารู้ว่าอีกฝ่ายก�ำลังพิมพ์ตอบ เทียบได้กับ รถไฟเหาะตีลงั กาทีก่ ำ� ลังเคลือ่ นขึน้ ไปยังจุดสูงสุดอย่างช้าๆ แต่แล้วภายใน เวลาไม่กี่วินาที มันก็หายไป และไม่มีค�ำตอบใดจากทันยา หืมมม ... เกิดอะไรขึ้น เวลาผ่านไปอีกสักพัก และ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เป็นไร เธอคงจะก�ำลังคิดค�ำตอบเด็ดๆ อยู่ เธอเริ่มร่างค�ำตอบ แต่ไม่ถูกใจนัก เลยจะกลับมาตอบทีหลัง ผมเข้าใจ เธออาจไม่อยากดู กระตือรือร้นจนเกินงามและเขียนตอบเร็วเกินไป อย่างนั้นใช่ไหม สิบห้านาทีผ่านไป ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความมั่นใจของผมเริ่มดิ่งลง ความแคลงใจเข้ามาแทนที่ หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สองชั่วโมงผ่านไป ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สามชั่วโมงผ่านไป ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมชักตระหนกเล็กๆ เริ่มจ้องข้อความที่ผมส่งไป ก่อนหน้านี้ผม มั่นใจมาก แต่ตอนนี้กลับคาดเดาต่างๆ นานา ไง ไม่รวู้ า่ คุณกลับไปนิวยอร์กหรือยัง แต่บชี เฮาส์จะมาเล่นคอนเสิรต์ คืนนีก้ บั พรุง่ นีท้ วี่ ลิ เทิรน์ คุณอยากไปไหม พวกเขาอาจจะยอมให้คณ ุ ร้องเพลง “The Motto” ก็ได้นะถ้าเราขอดีๆ
ผมช่างโง่สิ้นดี ผมน่าจะพิมพ์ว่า “งาย” มากกว่า “ไง”! ผมถาม ค�ำถามมากไป ผมคิดห่าอะไรอยู่เนี่ย นั่นไง ผมถามค�ำถามอีกแล้ว อาซีส ท�ำไมนายชอบตั้งค�ำถามนัก ผมกระเสือกกระสนหาค�ำตอบ แต่ขณะเดียวกันก็พยายามตั้งสติ โอเค เธออาจจะยุ่งอยู่กับงาน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมเชื่อว่าเธอจะตอบมาทันทีที่ว่าง เราต่อกันติดไม่ใช่เหรอ? 12
Moder n Ro ma n c e
แหงๆ!
วันเส็งเคร็งผ่านไปอีกหนึ่งวัน ทั้งวันเต็มๆ! ตอนนี้ความคิดของผมเริ่มกระเจิดกระเจิงขึ้นทุกที เกิดอะไรขึ้นกันแน่!? ผมรู้ว่าเธอถือค�ำพูดของผมอยู่ในมือแล้ว
โทรศัพท์ของทันยาตกลงไปในแม่นำ�้ /เครือ่ งอัดขยะ/ภูเขาไฟหรือ เปล่านะ? หรือว่า ทันยา นัน่ แหละทีต่ กลงไปในแม่นำ�้ /เครือ่ งอัดขยะ/ภูเขาไฟ เสียเอง?? ไม่นะ ทันยาตายแล้ว ผมกลับมัวแต่ห่วงเรื่องนัดเที่ยวของเรา เหมือนคนเห็นแก่ตัว ผมมันเลวจริงๆ ผมเล่าสถานการณ์ค้างเติ่งทั้งหมดนี้ให้เพื่อนฟัง “โธ่ ไม่เอาน่าเพือ่ น ไม่เป็นไรหรอก เดีย๋ วเธอก็ตอบเอง เธอคงแค่ ยุ่งเฉยๆ” เขาพูดอย่างโลกสวย จากนั้นผมจึงเข้าไปดูในโซเชียลมีเดีย เห็นว่าเธอออนไลน์อยู่ ในเฟซบุ๊กแชต ผมควรส่งข้อความไปไหม ไม่! อย่านะ อาซีส เก็บอาการ ไว้ เก็บอาการ ... ต่อมาผมเปิดดูอินสตาแกรม และยายทันยางี่เง่านี่กลับโพสต์รูป กวางอะไรสักอย่าง เธอยุ่งเกินกว่าที่จะเขียนตอบผม แต่มีเวลาโพสต์รูป กวางอะไรก็ไม่รู้ที่เห็นตอนเดินป่า ผมว้าวุ่นใจ แต่แล้วก็เกิดกระจ่างแจ้งขึ้นมา และคิดในสิ่งที่คนโง่ ทุกคนจะคิดเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ บางทีเธออาจไม่ได้รับข้อความของผม! ใช่แล้ว ทีแ่ ท้กเ็ พราะสาเหตุนใี้ ช่ไหม โทรศัพท์เธอคงมีปญ ั หาอะไร สักอย่าง ใช่แล้ว ตอนนีเ้ องทีผ่ มเริม่ คิดจะส่งข้อความไปอีกรอบ แต่กย็ งั ลังเลเพราะ ผมกับเพื่อนๆ ไม่เคยเจอเหตุการณ์ท�ำนองว่า “เฮ้ย อลัน กูสง่ ข้อความชวนมึงไปกินข้าวเย็น แต่มงึ ไม่ตอบทัง้ วัน Aziz Ansari and Eric Klinenberg
13
เป็นไรวะ” “เชี่ย! กูไม่เห็นได้รับเลย ส่งมาไม่ถึง โทรศัพท์มีปัญหา โทษทีเว้ย ไปพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” กลับมาที่เรื่องของทันยา ณ ขณะนี้ผ่านมาเกิน 24 ชั่วโมงแล้ว วันนี้วันพุธ คอนเสิร์ตจะเล่น คืนนี้ ท�ำไมเธอถึงไม่แม้แต่จะเขียนตอบ กลับมาว่าไม่ไปด้วยซ�้ำ อย่างน้อยเธอก็น่าจะบอกว่าไม่ไปสิ ผมจะได้ชวน คนอืน่ จริงไหม ท�ำไมล่ะ ทันยา ท�ำไม ผมเริม่ คิดเรือ่ งนีจ้ นเสียสติ ท�ำไมคน คนนี้ถึงเสียมารยาทได้รุนแรงขนาดนี้ ผมไม่ใช่เจ้างั่งที่ไหนนะ เธอรู้จักผม มาหลายปีแล้ว ผมนัง่ เถียงกับตัวเองว่าควรส่งข้อความอะไรไปหาเธออีกไหม แต่ ผมรู้สึกว่าจะดูจนตรอกเกินไปและยอมรับว่าเธอไม่ได้สนใจผม ผมบอก ตัวเองว่าผมไม่อยากเดตกับคนที่ปฏิบัติกับคนอื่นแบบนี้หรอก ซึ่งก็เป็น ความจริงน่ะแหละ แต่ผมยังรู้สึกเสียหน้าและเสียอารมณ์เกินกว่าจะรับได้ แล้วผมก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่น่าสนใจขึ้นมาได้ ความบ้าคลัง่ ทีผ่ มจมดิง่ ลงไปจะไม่เกิดขึน้ เมือ่ 10 หรือ 20 ปีกอ่ น เห็นไหมนั่น ผมคอยเช็กโทรศัพท์อย่างคลุ้มคลั่งทุกๆ สองสามนาที ผจญ มรสุมแห่งความร้อนใจ เจ็บใจ และขุ่นเคืองใจ เพียงเพราะผู้หญิงคนนี้ ไม่ยอมส่งข้อความสัน้ ๆ โง่ๆ บนโทรศัพท์เครือ่ งเล็กๆ งีเ่ ง่านัน่ กลับมาให้ผม ผมหัวเสียสุดๆ แต่จริงๆ แล้วทันยาท�ำอะไรที่หยาบคายหรือ ร้ายกาจขนาดนั้นหรือ? เปล่าเลย เธอแค่ไม่ได้ส่งข้อความกลับมาเพื่อ หลีกเลี่ยงสถานการณ์อึดอัดก็เท่านั้น ซึ่งผมคงจะท�ำแบบเดียวกันกับ คนอื่นโดยที่ไม่ทันตระหนักว่าจะท�ำให้คนคนนั้นเสียใจเช่นกัน สุดท้ายกลายเป็นว่าผมไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตคืนนั้น แต่ผมไปคลับ แสดงตลกแทนและเริม่ สาธยายเกีย่ วกับความคับข้องใจ การสูญเสียความ มั่นใจ และโทสะในส่วนลึกของผม ซึ่ง “ความเงียบ” อันไร้สาระนี้กระตุ้น ให้ปะทุขึ้น นอกจากเสียงหัวเราะของผู้ชม ผมยังได้รับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ กว่านัน้ ราวกับว่าผูช้ มและผมเชือ่ มโยงถึงกันในระดับทีล่ กึ ซึง้ มากกว่าเดิม 14
Moder n Ro ma n c e
ผมบอกได้วา่ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึง่ ผูช้ มทุกคนไม่วา่ จะชายหรือ หญิงต้องเคยมีทนั ยาของตนเองในโทรศัพท์ แต่ละคนมีปญ ั หาและเรือ่ งคาใจ ของตนเอง เราต่างเคยนัง่ อยูต่ ามล�ำพัง สายตาจ้องหน้าจอสีดำ� มืดด้วยความ รูส้ กึ หลากหลาย แต่ในอีกแง่หนึง่ ก็นา่ แปลกทีด่ เู หมือนเราต่างท�ำสิง่ เหล่านี้ ร่วมกัน และเราควรจะโล่งใจที่ไม่มีใครรู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมติดใจค�ำถามที่ว่าเหตุใดหลายคนจึงสับสนเมื่อเผชิญความ ท้าทายทีจ่ ะท�ำสิง่ หนึง่ ซึง่ คนเราท�ำได้อย่างค่อนข้างมีประสิทธิภาพเสมอมา นั่นคือการค้นหาความรัก ผมเริ่มถามผู้คนที่ผมรู้จักว่ามีหนังสือที่ช่วยให้ ผมเข้าใจความท้าทายของการค้นหาความรักในยุคดิจิทัลนี้บ้างไหม ผม พบงานเขียนน่าสนใจบางชิ้นจากที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง แต่ไม่ใช่การค้นคว้า ทางสังคมวิทยาที่เจาะลึกครอบคลุมอย่างที่ผมก�ำลังมองหา พูดง่ายๆ ว่า ไม่มหี นังสือแบบนีด้ ำ� รงอยู่ ดังนัน้ ผมจึงตัดสินใจทีจ่ ะลองเขียนมันขึน้ มาเอง ตอนทีผ่ มเพิง่ เริม่ เขียนงานชิน้ นี้ ผมคิดว่าการเปลีย่ นแปลงใหญ่ๆ ในเรื่องความรักนั้นเห็นได้ชัดเจน นั่นคือพัฒนาการด้านเทคโนโลยี เช่น สมาร์ตโฟน การหาคู่ออนไลน์ และเว็บไซต์โซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างไร ก็ตาม เมือ่ ผมค้นคว้าเจาะลึกลงไปอีก ผมตระหนักว่าการเปลีย่ นแปลงของ ชีวิตรักโรแมนติกของพวกเราไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเทคโนโลยีเพียง อย่างเดียว มันซับซ้อนยิ่งกว่านั้นมาก ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ วัฒนธรรม การค้นหาความรักและคูค่ รองทัง้ หมดได้เปลีย่ นไปอย่างสิน้ เชิง ในศตวรรษ ที่ผ่านมา ผู้คนจะหาคู่ครองที่เหมาะสมซึ่งอาศัยอยู่ในละแวกบ้านของตน ครอบครัวของพวกเขาจะพบกัน และหลังจากที่ตัดสินใจได้ว่าไม่มีฝ่ายใด ที่ดูเข้าข่ายจะกลายเป็นฆาตกร ทั้งสองก็จะแต่งงานกันและมีลูก ทั้งหมด เกิดขึ้นก่อนพวกเขาอายุ 22 ปี แต่ทุกวันนี้ผู้คนใช้เวลาหลายปีในช่วงชีวิต เพื่อตามหาคนที่สมบูรณ์แบบ คนที่เป็นเนื้อคู่ เครื่องมือที่เราใช้ค้นหานั้น แตกต่างไปจากเดิม แต่สงิ่ ทีเ่ ปลีย่ นไปจริงๆ คือความปรารถนาของพวกเรา และที่โดดเด่นยิ่งกว่าคือ เป้าหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้การค้นหานั่นเอง Aziz Ansari and Eric Klinenberg
15
ยิ่งผมขบคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่ง ต้องเขียนหนังสือเล่มนี้ให้ได้ แต่ผมก็รู้ว่าศิลปินตลกจอมทึ่มอย่าง อาซีส อันซารี คนนี้คงไม่สามารถรับมือกับหัวข้อนี้โดยล�ำพัง ผมจึงยื่นมือขอ ความช่วยเหลือจากเหล่าผู้ฉลาดล�้ำเพื่อขอให้พวกเขาแนะแนวทางแก่ผม ผมร่วมมือกับนักสังคมวิทยา เอริก ไคลเนนเบิร์ก (Eric Klinenberg) ออกแบบโครงการวิจัยขนาดยักษ์ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีเสาะหา ข้อมูลจากหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงขอค�ำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ความรักและความโรแมนติกที่มีชื่อเสียง ก่อนทีเ่ ราจะเข้าเรือ่ ง ผมอยากเล่าให้คณ ุ ฟังเกีย่ วกับรายละเอียด ของโครงการนี้ เพื่อให้คุณทราบว่าเราท�ำอะไรและไม่ได้ท�ำอะไรบ้าง แหล่งข้อมูลปฐมภูมิของหนังสือเล่มนี้มาจากงานวิจัยที่ผมกับเอริกท�ำ ระหว่างปี 2013-2014 เราจัดการสนทนากลุม่ (focus group) และสัมภาษณ์ ผูค้ นหลายร้อยคนในเมืองนิวยอร์กซิตี ลอสแอนเจลิส วิชทิ อ มอนโร (ซึง่ อยู่ ในรัฐนิวยอร์ก) บัวโนสไอเรส โตเกียว ปารีส และโดฮา นีไ่ ม่ใช่การสัมภาษณ์ ธรรมดาทัว่ ไป ขัน้ แรก เราเกณฑ์คนจากหลากหลายกลุม่ และมีบทสนทนา ส่วนตัวอย่างเหลือเชื่อเกี่ยวกับรายละเอียดลึกซึ้งในชีวิตรักโรแมนติก ของพวกเขา ขั้นที่สองซึ่งน่าสนใจยิ่งกว่าคือ ผู้เข้าร่วมการวิจัยหลายคน เป็นฝ่ายออกปากว่ายินดีให้เราดูโทรศัพท์ของพวกเขา เราจึงสามารถ ติดตามปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาผ่านข้อความทางโทรศัพท์ อีเมล เว็บไซต์ หาคู่ และแอปพลิเคชันอย่างทินเดอร์ ข้อมูลที่ได้เผยให้เรารู้เรื่องราว ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะเราสามารถสังเกตได้โดยตรงว่าประสบการณ์ ความรักโรแมนติกด�ำเนินไปอย่างไรในชีวติ จริง ไม่ใช่เพียงฟังเรือ่ งเล่าจาก ความทรงจ�ำ เนื่องจากเราขอให้พวกเขาแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวมากมาย เราจึงสัญญาว่าจะไม่เอ่ยชือ่ พวกเขา นัน่ หมายความว่าชือ่ ของผูค้ นในเรือ่ ง ทีเ่ ราเล่าเป็นชือ่ สมมติ ซึง่ เป็นแบบปฏิบตั ปิ กติของการวิจยั เชิงคุณภาพใน สาขาสังคมศาสตร์ เพือ่ ขยายขอบเขตข้อมูลให้กว้างกว่าเมืองดังกล่าวข้างต้น เราจึง 16
Moder n Ro ma n c e
สร้างกระดานสนทนาย่อยหรือซับเรดดิต (subreddit) เกี่ยวกับความรัก โรแมนติกสมัยใหม่ในเว็บไซต์เรดดิต (Reddit) เพื่อถามค�ำถามต่างๆ และ ที่ส�ำคัญคือเพื่อด�ำเนินการสนทนากลุ่มแบบออนไลน์ในวงกว้าง ซึ่งเรา ได้รับค�ำตอบนับพันจากทั่วโลก (ผมขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมการสนทนา เป็นอย่างมาก เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีพวกเขา) ดังนั้นในหนังสือเล่มนี้ เมื่อเราพูดถึง “ซับเรดดิต” เราหมายถึงคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ เรายังใช้เวลามากมายสัมภาษณ์บุคคลผู้ฉลาดล�้ำ ทั้งหลาย ได้แก่ นักสังคมวิทยา นักมานุษยวิทยา นักจิตวิทยา และ นักหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ผู้ทุ่มเทชีวิตการงานเพื่อศึกษาความรักสมัยใหม่ พวกเขาเอื้อเฟื้อเวลาให้เราอย่างมาก นี่คือรายชื่อของพวกเขา ซึ่งผม หวั่นเกรงเหลือเกินว่าจะหลงลืมชื่อใครไปหรือไม่ ดานาห์ บอยด์ จาก ไมโครซอฟท์, แอนดรูว์ เชอร์ลิน จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์, สเตฟานี คูนต์ซ จากวิทยาลัยเอเวอร์กรีนสเตต, พาเมลา ดรักเคอร์มนั จาก นิตยสาร นิวยอร์กไทมส์, คุมิโกะ เอ็นโดะ จากมหาวิทยาลัยนิวสคูล ผู้ที่ ช่วยงานวิจยั เราในโตเกียว, อีไล ฟิงเคิล จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิรน์ , เฮเลน ฟิชเชอร์ จากมหาวิทยาลัยรัตเจอร์ส, โจนาธาน ไฮดต์ จาก มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก, ชีนา ไอเยนการ์ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, แดน ซาเวจ, นาตาชา ชึลล์ จากเอ็มไอที, แบร์รี ชวาร์ตซ์ จากวิทยาลัยสวาร์ธมอร์, เคลย์ เชอร์กี จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก, เชอร์รี เทอร์เคิล จากเอ็มไอที, และ รอบบ์ วิลเลอร์ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้ที่ช่วยเราวิเคราะห์ ข้อมูลและออกแบบค�ำถามบางส่วนที่ใช้ในการวิจัย นอกจากการสัมภาษณ์เหล่านี้ เราได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูล เชิงปริมาณทีน่ า่ ทึง่ ซึง่ เรากล่าวถึงบ่อยครัง้ ในหนังสือเล่มนี้ ตลอดช่วงเวลา 5 ปีทผี่ า่ นมา เว็บไซต์หาคูอ่ ย่าง Match.com ได้ให้ทนุ สนับสนุนการส�ำรวจ ข้อมูลคนโสดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกา กลุ่มตัวอย่างมาจากตัวแทนทั่ว ประเทศประมาณ 5,000 คน ขอบเขตของค�ำถามเกี่ยวข้องกับสารพัด พฤติกรรมและความต้องการอันน่าสนใจยิง่ เว็บไซต์ Match.com เอือ้ เฟือ้ Aziz Ansari and Eric Klinenberg
17
ให้เราใช้ข้อมูลเหล่านั้น และเราก็จะขอน�ำสิ่งที่เราวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้ มาเล่าให้คุณฟังอีกทอดหนึ่ง เรายังได้รับความอนุเคราะห์จาก คริสเตียน รัดเดอร์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์หาคู่อย่างโอเคคิวปิด (OkCupid) ซึ่งรวบรวม คลังขุมทรัพย์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ข้อมูลนี้มี ประโยชน์เหลือเชื่อ เพราะมันช่วยให้เราแยกแยะออกระหว่างสิ่งที่ผู้คน บอกว่าต้องการกับสิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ แหล่งข้อมูลมหาศาลอีกแหล่งหนึ่งมาจาก ไมเคิล โรเซนเฟลด์ จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้ที่แบ่งปันข้อมูลผลการส�ำรวจในหัวข้อ “คูร่ กั พบกันและครองคูก่ นั อย่างไร” ซึง่ ส�ำรวจจากผูใ้ หญ่ทอี่ า่ นเขียนภาษา อังกฤษได้จ�ำนวน 4,002 คนทั่วประเทศ โดยสามในสี่ของคนกลุ่มนี้มี คู่สมรสหรือคู่รัก โรเซนเฟลด์และ โจนาธาน ไฮดต์ นักวิจัยอีกคนหนึ่งจาก มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก อนุญาตให้เราใช้แผนภูมทิ พี่ วกเขาท�ำขึน้ ในหนังสือ เล่มนี้ ขอขอบคุณทั้งสองเป็นอย่างสูง ด้วยความช่วยเหลือจากคนเหล่านี้ เอริกกับผมจึงสามารถสร้าง งานทีค่ รอบคลุมประเด็นอันกว้างใหญ่เกีย่ วกับความรักสมัยใหม่ขนึ้ มาจน ส�ำเร็จ แต่กย็ งั ไม่สามารถครอบคลุมได้ทง้ั หมด สิง่ หนึง่ ทีผ่ มต้องการให้คณ ุ รู้ ไว้แต่แรกคือหนังสือเล่มนีเ้ ขียนเกีย่ วกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้าม เอริกกับผมตระหนักตัง้ แต่แรกเริม่ ว่าเราคงจ�ำเป็นต้องเขียนหนังสือขึน้ มา อีกเล่มเป็นแน่ หากเราพยายามจะกล่าวถึงการประยุกต์ใช้แง่มุมเกี่ยวกับ ความรักเหล่านี้ในกลุ่มความหลากหลายทางเพศหรือ LGBT เพราะคงจะ มีเนื้อหามากมายจนเราไม่สามารถแจกแจงได้ในเล่มเดียว อย่างไรก็ตาม เราได้กล่าวถึงบางประเด็นที่เกี่ยวกับความรักและความโรแมนติกในหมู่ เกย์และเลสเบี้ยน เพียงแต่ไม่ครอบคลุมทั้งหมด อีกสิง่ หนึง่ ทีผ่ มต้องการชีแ้ จงไว้กอ่ นคือ ในการวิจยั ส่วนใหญ่ เรา พูดคุยกับชนชั้นกลางที่เรียนจบมหาวิทยาลัยและยังไม่คิดมีลูกจนกว่าจะ อายุ 20 ปลายๆ หรือ 30 กว่าๆ และปัจจุบันมีความสัมพันธ์สนิทสนม แน่นแฟ้นกับสมาร์ตโฟนราคาแพงของพวกเขา ผมทราบดีว่ารูปแบบ 18
Moder n Ro ma n c e
ความรักและความโรแมนติกมีบทบาทต่างออกไปในชุมชนคนที่จนมาก และคนที่รวยมาก ไม่ว่าในสหรัฐอเมริกาหรือในประเทศอื่นที่เราได้ไป เยือนระหว่างท�ำวิจยั ก็ตาม ถึงกระนัน้ เอริกกับผมก็รสู้ กึ อีกเช่นกันว่าข้อมูล ความหลากหลายทัง้ หมดทีเ่ กีย่ วกับชนชั้นคงจะไหลบ่าท่วมท้นเกินเราจะ รับไหว ประเด็นเหล่านี้จึงไม่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ เอาละ นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องทราบในบทน�ำ แต่ก่อนที่เราจะเริ่ม ผมอยากกล่าวค�ำขอบคุณจากใจจริงกับผู้อ่านอย่างคุณ คุณจะซื้อหนังสือเล่มไหนก็ได้ในโลกนี้หากคุณต้องการ คุณอาจ หยิบหนังสือเรื่อง ไร้กฎ: ลุ่มๆ ดอนๆ ของการเติบโตเป็นชาย (Unruly: The Highs and Lows of Becoming a Man) ของ จา รูล (Ja Rule) คุณ อาจซื้อ พ่อรวยสอนลูก (Rich Dad, Poor Dad) คุณอาจซื้อแม้กระทั่ง จะรวยจะจน: ชี้ทางการเงินโดย จา รูล (Rich Ja, Poor Ja: Ja Rule’s Guide to Sensible Finance) คุณอาจเลือกซือ้ หนังสือทัง้ หมดทีก่ ล่าวไปข้างต้น (และบางทีคณ ุ อาจซื้อไปแล้วด้วยซ�้ำ!) ยกเว้นเล่มสุดท้าย ซึ่ง จา รูล ยังปฏิเสธไม่ยอม เขียนแม้ว่าผมจะเขียนอีเมลไปขอร้องซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า แต่คณ ุ ก็ยงั ซือ้ หนังสือของผมมาด้วย และผมขอขอบคุณอย่างยิง่ เอาละ มาเริ่มการเดินทางเข้าสู่โลกแห่ง...ความรักสมัยใหม่ กัน เถอะ!
Aziz Ansari and Eric Klinenberg
19
บทที่ 1
ค้นหาคู่แท้ของคุณ
ความว้าวุน่ ใจหลายอย่างทีค่ นโสดในปัจจุบนั ก�ำลังเผชิญดูเหมือนจะ เป็นปัญหาที่เกิดเฉพาะกับโลกแห่งเทคโนโลยีในยุคสมัยของเราเท่านั้น อันได้แก่ การไม่ได้รับข้อความตอบกลับ นั่งกลัดกลุ้มว่าจริงๆ แล้วหนัง เรือ่ งโปรด ของคุณทีค่ ณ ุ ควรใส่ในโปรไฟล์เว็บไซต์หาคูค่ อื เรือ่ งไหนกันแน่ ลังเลว่าคุณควรเทเลพอร์ตช่อดอกกุหลาบไปให้สาวที่คุณนัดดินเนอร์ ด้วยเมื่อคืนหรือไม่ (ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ในสิ่งซึ่งที่ปรึกษาด้าน วิทยาศาสตร์ของผมบอกไว้ว่า ตอนที่หนังสือเล่มนี้วางแผง จะมีผู้ คิดค้นวิธีเทเลพอร์ตได้ส�ำเร็จ บรรณาธิการครับ กรุณาลบส่วนนี้ ออกหากยังไม่มีใครคิดวิธีเทเลพอร์ตได้นะครับ) แน่ละว่าลูกเล่นเหล่านี้เป็นเรื่องใหม่ในโลกแห่งความรัก แต่ ขณะที่ผมหาข้อมูลและสัมภาษณ์เพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้ ผมพบว่าความ โรแมนติกและความรักนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างลึกซึ้งและยิ่งใหญ่กว่าที่ ผมตระหนักมากนัก ตอนนีผ้ มเป็นหนึง่ ในคนหนุม่ สาวหลายล้านคนทีอ่ ยูใ่ นสถานการณ์ Aziz Ansari and Eric Klinenberg
21
เดียวกัน เราพบปะผูค้ น ออกเดต มีแฟน เลิกกับแฟน ทุกคนต่างหวังว่าจะ พบใครสักคนทีเ่ รารักอย่างแท้จริงและใครสักคนทีเ่ รารูส้ กึ ว่าเชือ่ มถึงกันได้ อย่างลึกซึ้ง หรือแม้แต่หวังอยากแต่งงานและเริ่มสร้างครอบครัว นีด่ เู หมือนจะเป็นรูปแบบการเดินทางมาตรฐานในปัจจุบนั แต่มนั แตกต่างมากจากสิ่งที่คนเขาท�ำกันในช่วงเวลาแค่ไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา หากจะกล่าวให้แน่ชัดก็คือ ผมเห็นว่าความคิดของเราเกี่ยวกับสองสิ่ง อัน ได้แก่ “การค้นหา” และ “คนที่ใช่” นั้นแตกต่างจากที่เคยเป็นโดยสิ้นเชิง ซึ่งหมายความว่าความคาดหวังของเราในเรื่องการจีบกันก็แตกต่างด้วย เช่นกัน
สัมภาษณ์แลกโดนัท การเยือนชุมชนคนวัยเกษียณในนิวยอร์ก ถ้าผมต้องการเห็นว่าสิง่ ต่างๆ เปลีย่ นแปลงไปอย่างไรตามกาลเวลา ผมคิดว่าผมควรเริม่ ต้นจากการเรียนรูเ้ กีย่ วกับประสบการณ์ของคนรุน่ ก่อน ทีย่ งั มีชวี ติ อยูใ่ นปัจจุบนั และนัน่ หมายความว่าผมต้องพูดคุยกับพวกคนแก่ ด้วยความสัตย์จริง ผมมักจะมองอดีตเป็นสิ่งสวยงาม และแม้ผม จะชอบความสะดวกสบายของชีวิตสมัยใหม่ แต่บางครั้งผมอยากกลับไป หาช่วงเวลาทีท่ กุ อย่างเรียบง่ายกว่านี้ คงจะโก้นา่ ดูหากเกิดเป็นคนโสดใน ยุคก่อน ได้พาสาวไปดูหนังกลางแปลง ไปกินชีสเบอร์เกอร์และดื่มมอลต์ ในร้านอาหารเล็กๆ ริมทาง และจู๋จี๋กันใต้แสงดาวในรถเปิดประทุนแบบ โบราณ ผมยอมรับว่าเหตุการณ์เหล่านี้คงเป็นไปได้ยากในทศวรรษ 1950 เพราะผิวสีนำ�้ ตาลของผมและประเด็นตึงเครียดเรือ่ งการเหยียดผิวในสมัย นั้น แต่ความปรองดองระหว่างคนต่างเผ่าพันธุ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ใน จินตนาการของผมเช่นกัน ดังนั้น เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความรักโรแมนติกในยุคนี้ เอริกกับผม จึงไปเยือนชุมชนคนเกษียณอายุที่อาศัยอยู่ในเขตโลเวอร์อีสต์ไซด์ของ 22
Moder n Ro ma n c e
นิวยอร์กซิตีเพื่อสัมภาษณ์ผู้สูงอายุจ�ำนวนหนึ่ง เรามาพร้อมดังกิ้นโดนัทกล่องโตและกาแฟ นี่เป็นเครื่องมือที่ เจ้าหน้าทีบ่ อกว่าเป็นกุญแจส�ำคัญทีจ่ ะช่วยให้คนแก่ยอมคุยกับเรา เป็นไป ตามคาด เมื่อผู้สูงอายุได้กลิ่นโดนัทโชยมา พวกเขารีบเลื่อนเก้าอี้เข้ามา และเริ่มตอบค�ำถามของพวกเรา ชายวัย 88 ปีคนหนึ่งนามอัลเฟรโดติดกับดักโดนัทอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากคุยกันไป 10 นาที ซึ่งเขาไม่ได้บอกอะไรเราเลยนอกจากอายุ และชื่อ เขาก็มองผมด้วยสีหน้าสับสน ยกมือเปื้อนโดนัทเป็นเชิงยอมแพ้ แล้วจากไป เมือ่ เรากลับมาอีกสองสามวันหลังจากนัน้ เพื่อสัมภาษณ์เพิม่ เติม อัลเฟรโดโผล่มาอีกครัง้ เจ้าหน้าทีอ่ ธิบายว่าอัลเฟรโดเข้าใจวัตถุประสงค์ของ การพบกันครัง้ ก่อนผิดไป เขานึกว่าเราอยากคุยกับเขาเรือ่ งประสบการณ์ใน ช่วงสงคราม แต่ตอนนีเ้ ขาพร้อมแล้วทีจ่ ะตอบค�ำถามเกีย่ วกับประสบการณ์ ด้านความรักและชีวติ สมรส เขาเขมือบโดนัทอย่างรวดเร็วเหมือนครัง้ ก่อน และหายตัวไปก่อนที่คุณจะทันเช็ดเศษโดนัทที่เปื้อนปากด้วยซ�้ำ ผมได้แต่หวังว่าผมจะได้โอกาสฉกโดนัทฟรีงา่ ยๆ แบบนีต้ อนผม เกษียณอายุเหมือนกัน ยังดีที่คนอื่นให้ข้อมูลมากกว่าเขา เช่นค�ำบอกเล่าจากวิกตอเรีย วัย 68 ปี เติบโตในนิวยอร์กซิตี เธอแต่งงานตอนอายุ 21 ปี กับชายทีอ่ าศัย อยู่ชั้นถัดไปในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน “ฉันยืนอยูห่ น้าตึกกับเพือ่ นๆ แล้วเขาก็เดินเข้ามา” วิกตอเรียเล่า “เขาบอกว่าชอบฉันมากและถามว่าอยากไปเทีย่ วกับเขาไหม ฉันไม่ได้ตอบ อะไร เขาชวนอีกสองสามครั้งกว่าฉันจะยอมไปเที่ยวกับเขา” นั่นเป็นเดตครั้งแรกของวิกตอเรีย พวกเขาไปดูหนังและไปกิน อาหารค�่ำที่บ้านแม่ของเธอต่อ เขากลายเป็นแฟนของเธอภายในเวลา ไม่นาน และหลังจากเดตกันอยู่หนึ่งปี เขาก็กลายเป็นสามีของเธอ พวกเขาแต่งงานกันมา 48 ปีแล้ว Aziz Ansari and Eric Klinenberg
23
ครัง้ แรกทีว่ กิ ตอเรียเล่าเรือ่ งให้ผมฟัง ในเรือ่ งราวของเธอมีหลาย แง่มุมที่ผมคาดไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนในกลุ่มมีร่วมกัน นั่นคือ เธอแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย พ่อแม่ของเธอได้เจอแฟนหนุ่มหลังทั้งสอง คบกันไม่นาน และในเวลาอันสั้น พวกเขาก็พัฒนาความสัมพันธ์ไปจน ตัดสินใจแต่งงานกัน ผมคิดเอาว่าการแต่งงานกับคนที่อาศัยอยู่ในตึกเดียวกันนั้นเป็น เรื่องค่อนข้างบังเอิญ แต่หลังจากนัน้ ผูห้ ญิงชือ่ แซนดรา วัย 78 ปีซงึ่ เป็นคนถัดมาทีเ่ รา คุยด้วย ก็เล่าว่าเธอแต่งงานกับชายที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้าม ตามด้วยสตีวี วัย 69 ปี แต่งงานกับผู้หญิงที่อยู่ห้องถัดไปไม่ไกล ในชั้นเดียวกัน โฮเซ วัย 75 ปี แต่งงานกับผู้หญิงที่อยู่ถนนสองสายถัดไป อัลเฟรโดเองก็แต่งงานกับคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน (อาจเป็น ลูกสาวเจ้าของร้านโดนัทในละแวกนั้น) ช่างน่าทึ่งเหลือเกินที่รวมแล้วมีผู้สูงอายุ 14 คนจาก 36 คนที่ ผมคุยด้วยแต่งงานกับเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงซึ่งอาศัยอยู่ในระยะที่ เดินถึงกันได้ ผู้คนแต่งงานกับเพื่อนบ้านบนถนนสายเดียวกัน ในละแวก เดียวกัน และแม้กระทั่งในตึกเดียวกัน เรื่องนี้ออกจะแปลกเล็กน้อย “นี่คุณ” ผมพูด “คุณอยู่ในนิวยอร์กซิตี คุณไม่เคยคิดเลยเหรอว่า เอ้อ อาจมีคนอืน่ ทีอ่ าศัยอยูน่ อกตึกนีก้ ไ็ ด้นะ ท�ำไมจ�ำกัดตัวเองจังเลย ท�ำไม ไม่ขยายโลกทัศน์สักหน่อย” พวกเขาเพียงยักไหล่และบอกว่าคนเขาไม่ท�ำกันอย่างนั้น หลังสัมภาษณ์เสร็จ เราจึงมาพิจารณาว่าผลการสัมภาษณ์ตรงกับ กระแสในวงกว้างหรือไม่ ในปี 1932 เจมส์ บอสซาร์ด (James Bossard) นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ศึกษาทะเบียนสมรสของ คูส่ มรส 5,000 คูซ่ งึ่ มีรายชือ่ เรียงต่อกันในข้อมูลการจดทะเบียนสมรส โดย ศึกษาจากข้อมูลของคนทีอ่ าศัยอยูใ่ นเมืองฟิลาเดลเฟีย โอ้โฮ ผลปรากฏว่า 24
Moder n Ro ma n c e
ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ของคู่สมรส 5,000 คู่ ในฟิลาเดลเฟียปี 1932 มากกว่า 20 ช่วงตึก
10-20 ช่วงตึก
4-10 ช่วงตึก
2-4 ช่วงตึก
1-2 ช่วงตึก
ต่างเมือง
ช่วงตึกเดียวกัน ที่อยู่เดียวกัน
หนึง่ ในสาม ของคูส่ มรสทัง้ หมดอาศัยอยูภ่ ายในรัศมีหา่ งกันเพียงห้าช่วงตึก ก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกัน หนึ่งในหกอาศัยอยู่ในช่วงตึกเดียวกัน และ ที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ หนึ่งในแปดของคู่สมรสอาศัยอยู่ใน อาคารหลัง เดียวกัน ก่อนแต่งงาน1 บางทีกระแสการแต่งงานภายในท้องถิน่ อาจเกิดขึน้ ในเมืองใหญ่ๆ แต่ไม่เกิดที่อื่นก็เป็นได้ นักสังคมวิทยาหลายคนในทศวรรษ 1930 และ 1940 สงสัยเรื่องเดียวกันนี้ และพวกเขารายงานผลการศึกษาในวารสาร สังคมศาสตร์ชั้นน�ำของยุคนั้น ใช่แล้ว ผลที่พวกเขาพบคล้ายกับสิ่งที่ Aziz Ansari and Eric Klinenberg
25
บอสซาร์ดค้นพบในฟิลาเดลเฟียอย่างน่าทึง่ จะแตกต่างกันก็เพียงเล็กน้อย เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น คนที่อยู่ในเมืองขนาดเล็กลงมาก็แต่งงานกับ เพือ่ นบ้านเหมือนกันในกรณีทพี่ วกเขามีเพือ่ นบ้าน แต่หากไม่มเี พือ่ นบ้าน เพราะโลกเล็กเท่าใบพุทรา พวกเขาจะขยายเขตแดนออกไป แต่ขยาย เท่าที่จ�ำเป็นเท่านั้น ดังที่ จอห์น เอลส์เวิร์ธ จูเนียร์ (John Ellsworth Jr.) นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยเยลให้ความเห็นหลังจากศึกษารูปแบบ การแต่งงานในเมืองซิมส์เบอรี รัฐคอนเนตทิคัต (ประชากร 3,941 คน) “เพื่อหาคู่ คนจะเดินทางไปไกลเท่าที่จ�ำเป็น แต่จะไม่ไปไกลกว่านั้น”2 หลายสิ่งในปัจจุบันแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน ผมพบว่านัก สังคมวิทยาไม่แม้แต่ลงมือศึกษาวิจยั แง่มมุ ทางภูมศิ าสตร์ของการแต่งงาน ในระดับเมืองอีกต่อไป ตัวผมเองก็ยงั นึกไม่ออกว่ามีเพือ่ นคนไหนแต่งงาน กับคนในละแวกบ้านตัวเอง หรือแม้แต่คนที่แต่งงานกับคนจากเมืองเดียว กันก็มนี อ้ ยมาก เพือ่ นของผมส่วนใหญ่แต่งงานกับคนทีพ่ บหลังเรียนจบ เมือ่ พวกเขาได้พบปะผู้คนจากทั่วประเทศและบางคนได้พบผู้คนจากทั่วโลก ลองนึกถึงตึกอพาร์ตเมนต์หรือละแวกบ้านที่คุณเติบโตขึ้นมา สมัยเด็กสิ คุณจินตนาการออกไหมว่าตัวเองจะแต่งงานกับเจ้างั่งคนหนึ่ง จากแถวนั้น
ผู้ ใหญ่วัยเริ่ม เมื่อผู้ใหญ่เติบใหญ่ เหตุผลหนึ่งที่ท�ำให้เราจินตนาการได้ยากว่าเราจะแต่งงานกับคนที่ เติบโตมาด้วยกันคือ ทุกวันนี้เราแต่งงานช้ากว่าคนยุคก่อนหน้า ส�ำหรับคนวัยเดียวกับผู้คนในชุมชนคนวัยเกษียณของนิวยอร์ก ซิตีที่ผมสัมภาษณ์นั้น อายุแต่งงานโดยเฉลี่ยของผู้หญิงคือ 20 ปี และ ส�ำหรับผู้ชายคือ 23 ปี 26
Moder n Ro ma n c e
อายุเฉลี่ยของการแต่งงานครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา ผู้ชาย
ผู้หญิง
ที่มา: รายงานผลส�ำรวจส�ำมะโนประชากรทุกสิบปี 1890-1940 และผลส�ำรวจประชากร ในปัจจุบัน ส่วนเพิ่มเติมทางสังคมและเศรษฐกิจรายปี 1947-2014 โดยส�ำนักงานส�ำมะโน ประชากรแห่งสหรัฐฯ
ในปัจจุบนั อายุเฉลีย่ ของการแต่งงานครัง้ แรกอยูท่ ปี่ ระมาณ 27 ปี ส�ำหรับผูห้ ญิง 29 ปีสำ� หรับผูช้ าย และประมาณ 30 ปีสำ� หรับชายและหญิง ในเมืองใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย เหตุใดอายุของการแต่งงานครัง้ แรกจึงเพิม่ ขึน้ มากในช่วงสองสาม ทศวรรษที่ผ่านมา ส�ำหรับคนหนุ่มสาวที่แต่งงานในทศวรรษ 1950 การ แต่งงานเป็นก้าวแรกสู่การเป็นผู้ใหญ่ คุณแต่งงานแล้วย้ายออกจากบ้าน หลังจบมัธยมปลายหรือจบมหาวิทยาลัย ส�ำหรับคนในปัจจุบนั การแต่งงาน มักเป็นช่วงท้ายๆ ของวัยผู้ใหญ่ ปัจจุบันคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ใช้เวลาใน ช่วงวัย 20 และ 30 ปีไปกับก้าวอื่นๆ ของชีวิต นี่เป็นช่วงที่พวกเขาเข้า เรียนในมหาวิทยาลัย เริ่มอาชีพการงาน และสั่งสมประสบการณ์ชีวิตใน Aziz Ansari and Eric Klinenberg
27
ฐานะผู้ใหญ่นอกบ้านพ่อแม่ก่อนแต่งงาน ชีวิตในช่วงนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องการหาคู่และการแต่งงานอย่างเดียว ยังมีเรื่องส�ำคัญอื่นๆ อีกมาก เช่น การศึกษา ลองท�ำงานหลายๆ ที่ ลอง คบหากับคนสองสามคน และถ้าโชคช่วยก็จะเติบโตเป็นคนทีม่ พี ฒ ั นาการ โดยสมบูรณ์ นักสังคมวิทยาถึงกับขนานนามช่วงใหม่ของชีวิตช่วงนี้ว่า ผู้ใหญ่วัยเริ่ม (emerging adulthood) ในช่วงชีวิตดังกล่าว เรายังเริ่มขยายอาณาเขตของตัวเลือกด้าน ความรัก โยกย้ายจากละแวกบ้านหรือตึกที่เราอยู่ไปสู่เมืองใหม่ๆ ใช้เวลา หลายปีพบปะผู้คนในมหาวิทยาลัยและที่ท�ำงาน รวมถึงปัจจัยพลิกผัน สถานการณ์ที่ใหญ่ที่สุดอย่างโอกาสไร้พรมแดนที่เราได้รับจากการหาคู่ ออนไลน์และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน นอกจากผลกระทบที่มีต่อการแต่งงาน อีกสิ่งหนึ่งซึ่งสถานะ ผู้ใหญ่วัยเริ่มหยิบยื่นแก่คนหนุ่มสาวคือ ช่วงเวลาแห่งความสนุกและ ตื่นเต้นที่มาพร้อมอิสรภาพจากผู้ปกครอง เมื่อพวกเขามีโอกาสได้สัมผัส ความส�ำราญของวัยผู้ใหญ่ ก่อนที่จะเปลี่ยนบทบาทเป็นสามีหรือภรรยา และเริ่มสร้างครอบครัว ถ้าคุณเป็นเหมือนผม คุณคงไม่สามารถจินตนาการได้ว่าตนเอง จะแต่งงานโดยไม่ผ่านกระบวนการเหล่านี้ ตอนผมอายุ 23 ปี ผมไม่รู้ เลยว่าจะท�ำอะไรเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ผมเรียนสาขาธุรกิจและชีววิทยาที่ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ผมจะแต่งงานกับหญิงสาวที่อยู่ห่างจากผมไป สองสามช่วงตึกในเมืองเบนเนตส์วิลล์แห่งรัฐเซาท์แคโรไลนาซึ่งเป็น บ้านเกิดของผมหรือไม่ แล้ว “ธุรกิจทางชีววิทยา” อันลึกลับที่ผมวางแผน ว่าจะเริม่ นีค้ อื สิง่ ใดกัน ผมไม่รอู้ ะไรเลย ผมเป็นคนโง่ทไี่ ม่พร้อมจะตัดสินใจ เรื่องใหญ่ๆ ในชีวิตเลยแม้แต่น้อย*
* รอยสักแบบนักร้องแร็ปชือ่ ดัง บับบา สปาร์กซซซ์ (Bubba Sparxxx) เป็นเครือ่ งเตือนใจผม เรื่องนี้เสมอมา 28
Moder n Ro ma n c e
เหล่าผู้สูงอายุที่เราพูดคุยด้วยไม่มีช่วงชีวิตดังกล่าวเลย และ ดูเหมือนว่าหลายคนรูส้ กึ เสียดายทีไ่ ม่มี โดยเฉพาะอย่างยิง่ พวกผูห้ ญิงซึง่ ไม่มีโอกาสมากนักที่จะได้ศึกษาในระดับอุดมศึกษาและมีหน้าที่การงาน ของตนเอง ก่อนทศวรรษ 1960 สาวโสดส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาไม่ได้ อาศัยอยูค่ นเดียว และหลายครอบครัวไม่เห็นด้วยทีจ่ ะให้บตุ รสาวย้ายเข้า ไปอยูใ่ นบ้านเช่าส�ำหรับ “ผูห้ ญิงท�ำงาน” ผูห้ ญิงเหล่านีม้ กั จมปลักอยูท่ บี่ า้ น จนกระทั่งแต่งงาน อยู่ภายใต้พวกผู้ใหญ่ที่ควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัดและ ไม่มอี สิ รภาพขัน้ พืน้ ฐานทีผ่ ใู้ หญ่พงึ มี พวกเขาต้องแจ้งให้ผปู้ กครองทราบ เสมอว่าจะไปไหนและท�ำอะไร แม้กระทัง่ จะออกเดตก็ตอ้ งผ่านการเห็นชอบ จากผู้ปกครอง หรือไม่ก็ยอมให้ผู้ปกครองติดตามไปด้วยขณะออกเดต ช่วงหนึ่งระหว่างสนทนากลุ่มกับผู้หญิงสูงวัย ผมถามพวกเธอ ตรงๆ ว่าผูห้ ญิงหลายคนในยุคของพวกเธอแต่งงานเพือ่ ให้ได้ออกจากบ้าน ใช่หรือไม่ ทุกคนพยักหน้า ส�ำหรับผูห้ ญิงในยุคนัน้ ดูเหมือนว่าการแต่งงาน เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อให้ได้มาซึ่งเสรีภาพพื้นฐานของวัยผู้ใหญ่ แต่ทว่าเรือ่ งราวหลังจากนัน้ ไม่ได้ราบรืน่ นัก ผูห้ ญิงส่วนใหญ่คน้ พบ อย่างรวดเร็วว่าการแต่งงานปลดปล่อยพวกเธอจากพ่อแม่ผปู้ กครองก็จริง แต่ทำ� ให้พวกเธอต้องพึง่ พาผูช้ ายทีใ่ ช่วา่ จะท�ำดีกบั พวกเธอเสมอไป ทัง้ ยัง ทิง้ ภาระความรับผิดชอบเรือ่ งงานบ้านและเลีย้ งลูกไว้ให้ ส�ำหรับผูห้ ญิงยุค นั้น นี่ก่อให้เกิดสิ่งที่ เบตตี ฟรีดัน (Betty Friedan) ขนานนามว่า “ปัญหา ไร้ชื่อ” ในหนังสือขายดีอันดับหนึ่งของเธอเรื่อง ความลี้ลับของเพศหญิง (The Feminine Mystique)* เมือ่ ผูห้ ญิงมีหนทางเข้าสูต่ ลาดแรงงานและได้รบั สิทธิทจี่ ะหย่าร้าง อัตราการหย่าร้างก็พุ่งสูงเสียดฟ้า ผู้หญิงสูงวัยบางคนที่ผมพบในกลุ่ม สนทนาทิ้งสามีในช่วงที่การปฏิวัติหย่าร้างรุ่งโรจน์สูงสุด และพวกเธอ บอกว่าตนเสียดายทีพ่ ลาดสิง่ พิเศษอันเยีย่ มยอด นัน่ คือประสบการณ์ของ * ในร่างแรกของเธอ ฟรีดนั เรียกปัญหานีว้ า่ แฮมป์ตนั แต่กองบรรณาธิการบอกว่าชือ่ นีไ้ ม่ตดิ หู Aziz Ansari and Eric Klinenberg
29
สาวโสดไร้พันธะ พวกเธอต้องการมีช่วงผู้ใหญ่วัยเริ่ม “ฉันคิดว่าฉันพลาดช่วงหนึ่งของชีวิตไป ช่วงที่ได้ไปไหนต่อไหน กับเพือ่ นๆ” อะมีเลียบอกเราด้วยน�ำ้ เสียงโหยหา “ฉันไม่เคยได้รบั อนุญาต ให้ออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆ พ่อของฉันไม่อนุญาต เขาเข้มงวดมาก ฉัน จึงบอกหลานๆ ของฉันว่า ‘หาความสุขใส่ตัว หาความสุขใส่ตัว แล้วค่อย แต่งงาน’ ” หวังว่าค�ำพูดของอะมีเลียคงไม่ได้สนับสนุนให้หลานสาวของ เธอเสพยาอีเป็นตันๆ แล้วบอกแม่ว่า “ก็คุณยายบอกให้หาความสุขใส่ตัว! อย่ามายุ่งกับหนูได้ไหม!” นี่เป็นความรู้สึกที่ผู้คนมีร่วมกันในวงกว้าง ทุกคนรวมทั้งพวก ผู้หญิงที่บอกว่าตนมีความสุขในชีวิตสมรสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้ลูกสาวและหลานสาวเข้าสู่การแต่งงานด้วยวิธีที่ต่างออกไป พวกเธออยากให้หญิงสาวทีพ่ วกเธอรูจ้ กั ออกเดตกับผูช้ ายหลายๆ คน และ มีประสบการณ์คบหาคนหลากหลายก่อนที่จะมีสามี “ฉันบอกให้ลูกสาว ของฉันไปเที่ยว เรียนให้จบ ซื้อรถ หาความสุขให้ตัวเอง” อะมีเลียกล่าว “แล้วค่อยเลือกใครสักคนทีหลัง” แม้กระทัง่ วิกตอเรีย ซึง่ แต่งงานกับชายทีเ่ ติบโตมาในอพาร์ตเมนต์ ชัน้ บนและใช้ชวี ติ คูร่ ว่ มกันมายาวนานถึง 48 ปียงั เห็นด้วย เธอย�ำ้ ว่าตนเอง รักสามีอย่างสุดซึง้ แต่บอกเป็นนัยว่าถ้าโอกาสอ�ำนวย เธออาจไม่ตดั สินใจ แบบนี้ “ฉันกับสามี เราเข้าใจกัน” เธอบอก “แต่เราต่างกันมาก บางครั้ง ฉันสงสัยว่าถ้าฉันแต่งงานกับคนที่สนใจเรื่องเดียวกันกับฉัน...” เสียงเธอ แผ่วลง บางที เ ธออาจจะสนใจโดนั ท และก� ำ ลั ง คิ ด ว่ า จะร่ ว มชี วิ ต กั บ อัลเฟรโดกระมัง
30
Moder n Ro ma n c e
ความสุขอันเลอค่า จากการแต่งงานฐานเพื่อนคู่เคียงสู่การแต่งงานกับคู่แท้ การเปลีย่ นแปลงของช่วงเวลาทีเ่ รามองหาความรักและการแต่งงาน เกิดขึ้นควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่เรามองหาในตัวคู่สมรส เมื่อ ผู้สูงอายุที่ผมสัมภาษณ์สาธยายเหตุผลที่พวกเขาออกเดต หมั้น และ แต่งงานกับคู่สมรส พวกเขามักพูดว่า “เขาดูเป็นคนดี” “เธอเป็นคนน่ารัก” “เขามีหน้าที่การงานดี” และ “เธอหาโดนัทมาได้เสมอ และผมก็ชอบโดนัท เสียด้วย”* ทุกวันนีห้ ากคุณถามใครสักคนว่าท�ำไมจึงแต่งงาน ค�ำตอบทีไ่ ด้นนั้ ฟังดูเปี่ยมความรักใคร่และน�้ำเน่ากว่ามาก คุณจะได้ยินค�ำพูดท�ำนองว่า “เธอเป็นเนื้อคู่ของผม” “ฉันนึกไม่ออกว่าจะมีความสุขในชีวิตได้อย่างไร ถ้าไม่มเี ขาอยูเ่ คียงข้าง” หรือ “ทุกครัง้ ทีผ่ มสัมผัสเส้นผมของเธอ เจ้ามังกร ของผมก็ตื่นคะนอง” เราตัง้ ค�ำถามในซับเรดดิตว่าถ้าคุณแต่งงานแล้วหรือคบหากับใคร มานาน คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคนคนนั้นเป็นคนที่ใช่ส�ำหรับคุณ อะไรท�ำให้ คนคนนีต้ า่ งไปจากคนอืน่ ๆ ค�ำตอบทีไ่ ด้ตา่ งจากค�ำตอบของผูส้ งู อายุทเี่ รา พบในศูนย์ผู้สูงวัยโดยสิ้นเชิง หลายค�ำตอบเต็มไปด้วยเรือ่ งราวทีบ่ รรยายสายสัมพันธ์อนั ลึกซึง้ ระหว่างคนสองคนที่ท�ำให้พวกเขารู้สึกว่าได้พบคนที่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่ แค่คนที่ดูน่าคบหาพอที่จะสร้างครอบครัวด้วย ผู้หญิงคนหนึ่งเขียนว่า ครัง้ แรกทีฉ่ นั จ�ำได้วา่ ตกหลุมรักแฟนอย่างแท้จริงคือตอนทีฉ่ นั ร้อง เพลง “Greatest Love of All” ของ วิตนีย์ ฮิวส์ตนั ให้ตวั เองฟังขณะ
* ใช่แล้ว อัลเฟรโดนั่นแหละ Aziz Ansari and Eric Klinenberg
31
ที่เรานั่งท่องหนังสือใกล้ๆ กัน แล้วเขาก็เริ่มเปล่งเสียงร้องสุดเสียง จากนัน้ เราก็รอ้ งทัง้ เพลงพลางหัวเราะและเต้นร�ำรอบห้อง ช่วงเวลา เช่นนัน้ เป็นช่วงทีฉ่ นั รูส้ กึ อิสระ เปิน่ และได้รบั ความรัก อีกทัง้ ท�ำให้ ฉันรูว้ า่ เขาคือคนทีใ่ ช่ ฉันยังรูส้ กึ ว่าตัง้ แต่เราคบกัน ฉันเป็นคนดีขนึ้ ฉันผลักดันตัวเองให้ลองสิ่งใหม่ๆ และเรียนรู้อยู่เสมอแม้ว่าจะจบ มหาวิทยาลัยแล้วก็ตาม ส่วนใหญ่มนั ขึน้ อยูก่ บั ฉันก็จริง แต่กำ� ลังใจ จากเขาท�ำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ผู้หญิงอีกคนเขียนว่า เขาท�ำให้ฉันหัวเราะ และถ้าฉันไม่อยากหัวเราะ เขาจะหยุดและ อยากรู้ว่าท�ำไม เขาท�ำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสวยและรู้สึกว่า ได้รบั ความรักแม้ในช่วงเวลาทีฉ่ นั น่าเกลียดทีส่ ดุ และไม่นา่ จะมีใคร รักฉันลง นอกจากนี้เรายังศรัทธาในเรื่องเดียวกัน ยึดถือจริยธรรม และจรรยาบรรณเดียวกัน ชอบดนตรีและภาพยนตร์เหมือนกัน อีกทั้งรักการท่องเที่ยวเหมือนกัน
อีกคนหนึ่งกล่าวว่า เขาต่างจากทุกคนเพราะเขาเป็นมนุษย์ในแบบของตัวเอง ไม่มีใคร ในโลกเหมือนเขา เขาน่าหลงใหลและเขาท�ำให้ฉันประหลาดใจได้ ทุกๆ วัน ฉันกลายเป็นคนดีขนึ้ หลังจากได้รจู้ กั และรักเขา ช่วงเวลา 5 ปีดำ� เนินมาอย่างมัน่ คง และฉันยังหลงใหลในตัวเขาไม่เสือ่ มคลาย เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
คนเหล่านีต้ า่ งพบคนพิเศษอย่างแท้จริง จากค�ำบรรยายของพวก เขา ดูเหมือนว่าเกณฑ์ในการตกลงปลงใจกับใครสักคนนัน้ สูงกว่าเกณฑ์ใน การลงหลักปักฐานของคนไม่กี่รุ่นก่อนหน้านี้ เพือ่ หาค�ำตอบว่าเหตุใดปัจจุบนั ผูค้ นจึงใช้ถอ้ ยค�ำเลิศเลอปานนัน้ 32
Moder n Ro ma n c e
มาอธิบายเหตุผลทีต่ กลงปลงใจกับคูร่ กั ของตน ผมคุยกับ แอนดรูว์ เชอร์ลนิ (Andrew Cherlin) นักสังคมวิทยาชัน้ น�ำด้านครอบครัวและผูเ้ ขียนหนังสือ เรื่อง สมรสม้าหมุน (The Marriage-Go-Round) เชอร์ลินอธิบายว่าคน ส่วนใหญ่พอใจกับสิง่ ทีเ่ ขาเรียกว่า “การแต่งงานฐานเพือ่ นคูเ่ คียง” เรือ่ ยมา จนกระทั่งราว 50 ปีก่อน ในการแต่งงานลักษณะนี้ แต่ละฝ่ายมีบทบาท ที่ชัดเจน ผู้ชายเป็นหัวหน้าและเป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว ขณะที่ผู้หญิงอยู่ บ้าน ดูแลบ้านและเลี้ยงลูก ความพอใจที่ได้รับจากการแต่งงานขึ้นอยู่กับ ว่าคุณด�ำเนินบทบาทที่ได้รับมอบหมายดีเพียงใด ในฐานะผู้ชาย ถ้าคุณ หาเลี้ยงครอบครัวได้ คุณอาจรู้สึกว่าตนเป็นสามีที่ดี ในฐานะผู้หญิง ถ้า คุณรักษาบ้านให้สะอาดและเบ่งลูกออกมา 2.5 คน <เป็นตัวเลขใกล้เคียง กับค่าเฉลี่ยจ�ำนวนบุตรในครอบครัวอเมริกันทั่วไป> คุณก็นับเป็นภรรยา ที่ดี คุณอาจรักคู่ครองของตน แต่ไม่ถึงขั้น “ทุกครั้งที่ฉันเห็นหนวดเขา หัวใจฉันก็กระพือปีกราวผีเสื้อ” คุณไม่ได้แต่งงานกันเพราะตกหลุมรักหัวปักหัวป�ำ คุณแต่งงาน เพราะสามารถสร้างครอบครัวด้วยกันได้ แม้จะมีคนจ�ำนวนหนึ่งบอกว่า ตนแต่งงานเพราะความรัก แต่ขณะเดียวกันความกดดันให้แต่งงานและ สร้างครอบครัวก็สูงเสียจนไม่ใช่ว่าคู่สมรสทุกคู่จะตัดสินใจแต่งงานเพราะ ความรักเสมอไป จึงเกิด “การแต่งงานที่ดีพอ” ขึ้นมาแทนที่ การรอคอยรักแท้เป็นสิ่งฟุ้งเฟ้อที่ใครหลายคนโดยเฉพาะผู้หญิง ไม่อาจรอได้ ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ผู้หญิงถึง 76 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับ ว่ายินดีที่จะแต่งงานกับคนที่พวกเธอไม่ได้รัก อย่างไรก็ตาม ผู้ชายเพียง 35 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่กล่าวว่าจะท�ำเช่นนั้น3 ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณมีเวลาค้นหาผู้ชายน้อยกว่ามาก รักแท้ น่ะหรือ ชายคนนี้มีงานท�ำ และ มีหนวดงาม จองไว้เลยสาวๆ เรื่ อ งนี้ น� ำ ไปสู ่ ก ารเปลี่ ย นแปลงพื้ น ฐานที่ มี ต ่ อ มุ ม มองด้ า นการ แต่งงาน ทุกวันนี้เราเห็นว่าการแต่งงานเป็นการหาคู่ชีวิต เสาะหาคนที่ Aziz Ansari and Eric Klinenberg
33
เรารัก แต่แนวคิดเรื่องการแต่งงานเพื่อความรักและความสุขนี้ค่อนข้าง ใหม่ทีเดียว ในประวัตศิ าสตร์สว่ นใหญ่ของเผ่าพันธุม์ นุษย์ การคบหาดูใจและ การแต่งงานไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่คนสองคนค้นหาความรักและความ สุขสมอิ่มเอมเท่าใดนัก ตามค�ำกล่าวของ สเตฟานี คูนต์ซ (Stephanie Coontz) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง ประวัติศาสตร์การแต่งงาน (Marriage, a History) การแต่งงานมีความส�ำคัญอย่างยิ่งยวดในการสร้างสัมพันธ์ ระหว่างสองครอบครัวเรือ่ ยมาจนกระทั่งเมือ่ ไม่นานมานี้ มันเป็นเรือ่ งของ การสร้างความมั่นคง ไม่ว่าในทางการเงิน ทางสังคม หรือในเรื่องส่วนตัว และเป็นวิธีสร้างเงื่อนไขที่ท�ำให้การอยู่รอดและสืบพันธุ์เป็นไปได้ เราไม่ ไ ด้ ก� ำ ลั ง พู ด ถึ ง ประวั ติ ศ าสตร์ ยุ ค โบราณ ชาวอเมริ กั น และชาวยุโรปส่วนใหญ่ท�ำไร่ไถนาเพื่อหาเลี้ยงชีพมาจนถึงช่วงปฏิวัติ อุตสาหกรรม ทุกคนในครัวเรือนต้องท�ำงาน การพิจารณาว่าจะแต่งงาน กับใครเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่จับต้องได้เป็นส�ำคัญ ในอดีตผูช้ ายจะคิดว่า ให้ตาย ฉันต้องมีลกู มาช่วยงานในไร่ ต้องหา เด็กสีข่ วบมาท�ำงานจับกังด่วน และต้องมีผหู้ ญิงมาเย็บเสือ้ ผ้าให้ ต้องลงมือ จัดการแล้วละ ส่วนผู้หญิงก็คิดว่า ฉันต้องหาผู้ชายที่ท�ำงานในไร่เป็นและ ไถนาเก่ง ฉันจะได้ไม่อดตาย หากจะให้เจาะจงว่าคนคนนั้นต้องชอบซูชิและโปรดปรานหนัง ของ เวส แอนเดอร์สัน (Wes Anderson) เหมือนคุณ รวมถึง ท�ำให้คุณ ตื่นคะนองทุกครั้งที่สัมผัสเส้นผมของเธอนั้นคงจะดูเรื่องมากเกินไป แน่นอนว่าคนแต่งงานกันเพราะรักกัน แต่สงิ่ ทีพ่ วกเขาคาดหวังว่า จะได้จากความรักต่างจากสิง่ ทีเ่ ราๆ ในทุกวันนีค้ าดหวัง ส�ำหรับครอบครัว ทีค่ วามมัน่ คงในอนาคตขึน้ อยูก่ บั การทีล่ กู ๆ มีคสู่ มรสทีด่ ี พวกเขาย่อมมอง ว่าความรักดื่มด�่ำเป็นแรงจูงใจที่ไม่มั่นคงเอาเสียเลยในการดึงดูดให้ผู้คน ยอมตกลงปลงใจผูกมัด คูนต์ซเขียนไว้ว่า “การแต่งงานเป็นสถาบันทาง เศรษฐกิจและการเมืองที่ส�ำคัญเกินกว่าจะเกิดขึ้นเพียงเพราะรากฐานที่ 34
Moder n Ro ma n c e
ไร้เหตุผลอย่างความรัก”4 คูนต์ซยังบอกเราอีกว่าก่อนทศวรรษ 1960 ชนชัน้ กลางส่วนใหญ่ ตั้งความคาดหวังที่ค่อนข้างตายตัวและตั้งอยู่บนแนวคิดเรื่องเพศสภาพ ในเรื่องที่ว่าแต่ละฝ่ายจะให้อะไรแก่ตนเมื่อแต่งงาน ผู้หญิงต้องการความ มั่งคงทางการเงิน ผู้ชายต้องการสาวบริสุทธิ์โดยไม่ใส่ใจคุณสมบัติลึกซึ้ง อย่างการศึกษาหรือสติปัญญา “คนทัว่ ไปตัดสินใจแต่งงานหลังจากคบหากันเพียงหกเดือน เป็น สัญญาณที่ชัดเจนว่าความรักกลั่นกรองผ่านกรอบความคิดดั้งเดิมเรื่อง บทบาททางเพศมากกว่าทีจ่ ะมีพน้ื ฐานมาจากความรูล้ กึ ซึง้ เกีย่ วกับคูค่ รอง ของตนในฐานะปัจเจกชน” เธอกล่าว นี่ไม่ได้หมายความว่าคนที่แต่งงานก่อนทศวรรษ 1960 แต่งงาน โดยปราศจากความรัก ตรงกันข้าม สมัยนัน้ คูค่ รองมักเกิดความรูส้ กึ ลึกซึง้ ต่อกันและกันมากขึน้ เมือ่ ได้ใช้ชวี ติ ด้วยกัน เติบโตและสร้างครอบครัวร่วม กัน ในตอนแรกเริม่ การแต่งงานเหล่านีอ้ าจมีเพียงไออุน่ จางๆ แต่เมือ่ เวลา ผ่านไปก็อาจร้อนแรงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หลายสิ่งเปลี่ยนไปในทศวรรษ 1960 และ 1970 ซึ่งรวมถึงสิ่งที่เราคาดหวังจากการแต่งงาน การผลักดันให้สตรีได้รับ สถานภาพทีเ่ ท่าเทียมเป็นตัวขับเคลือ่ นใหญ่ซงึ่ ก่อให้เกิดการเปลีย่ นแปลง เมือ่ ผูห้ ญิงเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมากขึน้ มีการงานดีและได้เสรีภาพทาง เศรษฐกิจ พวกเธอสร้างอ�ำนาจควบคุมเหนือร่างกายและชีวิตของตน ซึ่ง เป็นอ�ำนาจที่พวกเธอเพิ่งค้นพบ มีผู้หญิงจ�ำนวนมากขึ้นปฏิเสธไม่ยอม แต่งงานกับชายในละแวกบ้านหรือในตึกเดียวกัน พวกเธอเองก็ต้องการ มีประสบการณ์ชีวิต และตอนนี้พวกเธอมีเสรีภาพที่จะท�ำได้ ตามค�ำกล่าวของเชอร์ลนิ คนรุน่ ทีเ่ ติบโตเป็นผูใ้ หญ่ในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 ปฏิเสธการแต่งงานฐานเพื่อนคู่เคียงและเริ่มไขว่คว้าหา สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า พวกเขาไม่ต้องการเพียงคู่สมรส พวกเขาต้องการคู่แท้ เมื่อถึงทศวรรษ 1980 ชายอเมริกัน 86 เปอร์เซ็นต์และหญิง Aziz Ansari and Eric Klinenberg
35
อเมริกนั 91 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าจะไม่แต่งงานกับใครโดยปราศจากความรัก แบบโรแมนติก5 การแต่งงานกับคู่แท้นั้นแตกต่างจากการแต่งงานฐานเพื่อนคู่เคียง มาก สิ่งส�ำคัญไม่ใช่การหาคนที่เหมาะสมเพื่อร่วมสร้างครอบครัว แต่เป็น การหาคนที่สมบูรณ์แบบซึ่งคุณรักอย่างลึกซึ้งแท้จริง คนที่คุณต้องการ ใช้ชีวิตทั้งชีวิตร่วมกัน คนที่เวลาคุณดมเสื้อยืดของเขาหรือเธอ ความ ทรงจ�ำตอนทีเ่ ขาหรือเธอท�ำอาหารเช้าให้หรือภาพทีค่ ณ ุ ทัง้ สองอยูบ่ า้ นนัง่ ดูซีรีส์เรื่อง Perfect Strangers ด้วยกัน 8 ซีซั่นรวดก็โบยบินเข้ามาทันที เราต้องการสิ่งที่น่าลุ่มหลงหรือเร่าร้อนตั้งแต่เริ่มต้น ในอดีตผู้คน ไม่ได้มองหาความสัมพันธ์ที่เร่าร้อนดังน�้ำเดือด พวกเขาเพียงต้องการน�้ำ เท่านัน้ กระทัง่ หาแหล่งน�ำ้ พบและตกลงปลงใจทีจ่ ะใช้ชวี ติ ร่วมกัน พวกเขา จึงค่อยพยายามเพิ่มอุณหภูมิให้ร้อนฉ่าอย่างสุดความสามารถ แต่ใน ปัจจุบัน ถ้าความสัมพันธ์ไม่เร่าร้อน ก็ดูเหมือนยังไม่ถึงเวลาตกลงปลงใจ แต่งงาน ทว่าการค้นหาคูแ่ ท้ใช้เวลานานและจ�ำเป็นต้องลงทุนทางอารมณ์ อย่างมหาศาล ปัญหาคือการค้นหาคนที่สมบูรณ์แบบอาจก่อความเครียด อย่างมาก คนรุ่นใหม่เผชิญกับความเครียดใหญ่หลวงเมื่อพวกเขามองหา “คนที่สมบูรณ์แบบ” ซึ่งไม่มีตัวตนอยู่จริงในอดีต สมัยนั้นแค่ค�ำว่า “ดีพอ” ก็ดีพอแล้ว แต่เมื่อหาพบ รางวัลที่ได้รับกลับมานั้นน่าอัศจรรย์ ตามค�ำกล่าว ของเชอร์ลนิ การแต่งงานกับคูแ่ ท้มโี อกาสสูงสุดทีจ่ ะพบความสุข และมอบ ความอิ่มเอมใจชนิดที่ว่าหากเป็นคนรุ่นก่อนหน้าที่ผมสัมภาษณ์คงมีน้อย คนจะเอื้อมถึง เชอร์ลนิ ตระหนักดีวา่ การรักษาสิง่ ดีงามทัง้ หมดเหล่านีใ้ ห้ดำ� รงอยู่ เรื่อยไปนั้นยากนัก เขากล่าวว่ารูปแบบการแต่งงานกับคู่แท้ที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบันมีโอกาสสูงสุดที่จะพบความผิดหวังเช่นกัน เนื่องจากเราตั้งความ 36
Moder n Ro ma n c e
คาดหวังไว้สงู มาก คนในปัจจุบนั จึงเลิกกันอย่างรวดเร็วเมือ่ ความสัมพันธ์ ของพวกเขาไม่ตอบสนองต่อความคาดหวังเหล่านั้น (สัมผัสเส้นผมแล้ว ไม่เกิดอารมณ์) เชอร์ลนิ ยังอยากให้ผมย�ำ้ ว่าค�ำเปรียบเปรยเกีย่ วกับเส้นผม และอารมณ์ทางเพศนี้เป็นค�ำกล่าวของผมเองแต่เพียงผู้เดียว นักจิตบ�ำบัดนามว่า เอสเธอร์ เพอเรล (Esther Perel) เคยให้ ค�ำปรึกษาแก่คู่สมรสหลายร้อยคู่ที่มีปัญหาชีวิตสมรส และในมุมมอง ของเธอ สิ่งเหล่านี้ที่เราเรียกร้องจากการแต่งงานสร้างความกดดันต่อ ความสัมพันธ์ เธอกล่าวว่า การแต่งงานเคยเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจซึ่งมอบความสัมพันธ์ แบบหุน้ ส่วนชีวติ ในแง่ของบุตร สถานะทางสังคม การสืบสกุล และ เพื่อนคู่เคียง แต่ในปัจจุบัน นอกจากเราต้องการให้คู่สมรสมอบ สิง่ ต่างๆ ทัง้ หมดนี้ เรายังต้องการให้อกี ฝ่ายเป็นเพือ่ นทีด่ ที สี่ ดุ ผูใ้ ห้ ค�ำปรึกษาทีไ่ ว้วางใจได้ และเป็นคูร่ กั สิเน่หาด้วย แถมเรายังอายุยนื ขึ้นเป็นสองเท่า ดังนั้นเมื่อเราพบคนคนหนึ่ง เราจึงขอให้เขามอบ สิ่งที่ครั้งหนึ่งทั้งหมู่บ้านเคยเป็นผู้มอบให้ นั่นคือมอบความรู้สึกมี ส่วนร่วม มอบอัตลักษณ์ มอบความยั่งยืนให้แก่ฉัน ขณะเดียวกันก็ มอบอุตรภาพ ความลี้ลับและความประทับใจในคราเดียวกัน อีก ทั้งมอบความอบอุ่น มอบความรู้สึกที่เหนือกว่าแก่ฉัน มอบสิ่งใหม่ มอบความคุ้นเคย มอบความมั่นคง มอบความประหลาดใจให้แก่ ฉัน และเราคิดว่ามันเป็นของตาย แต่ของเล่นและชุดชั้นในจะช่วย ประคับประคองให้เราผ่านพ้นไปได้ 6
แต่หากเป็นไปตามอุดมคติ เราจะโชคดีและพบคูแ่ ท้ และได้เสพสุข จากสายธารแห่งความรื่นรมย์ที่เปลี่ยนชีวิตสายนี้ ทว่าคู่แท้เป็นสิ่งที่หายากนัก
Aziz Ansari and Eric Klinenberg
37