1
2
วัดเหมืองปิล๊อก วัดใต้น้ำ� วัดเสาร้อยต้น
4 16 30
3
4
วัดเหมืองปิล๊อก
สุดแดนธรรมชายแดนตะวันตก ไม่ว่าแผ่นดินไทยผืนไหนจะอยู่ห่างไกลเพียงใด ใต้ร่มธงธรรมแห่งพระศาสนาปกป้องผองชนให้ได้รับผล บุญโดยถ้วนทั่ว สุดแผ่นดินที่ชายแดนตะวันตกต่อเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ยังมีแสงธรรม นำ�ทางสุก สว่างกลางขุนเขา ที่เปล่าเปลี่ยวและห่างไกล
5
พระพุทธรูปยืน
วัดเหมืองปิล็อก ที่สุดชายแดนตะวันตก บนขุนเขาที่สูงจากระดับน้ำ�ทะเลกว่า ๑,๘๐๐ เมตร เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าจะมีชุมชนคนพุทธอยู่ ณ แห่งหนตำ�บลใด พระพุทธ ศาสนาย่อมแผ่ไพศาลไปถึง โอบล้อมให้ความอบอุ่นใจ โดยมีวัดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอ
6
7
บรรยากาศ รอบๆวัด วัดเหมืองปิล๊อก
8
9
10
วัดเหมืองปิล็อกสร้างตามศิลปะพม่า แต่ไม่สมบูรณ์นัก วัดนี้สร้าง เมื่อ ๕๐-๖๐ ปีก่อน บรรยากาศวัดปลอดโปร่งเย็นสบาย ที่ใกล้ๆ นั้น มีสถานที่สำ�คัญ คือ จุดประสานสัมพันธไมตรีไทย-พม่า หรือ เนิน ชักธง มีธงไทยปักไว้ให้รู้ว่า ที่นี่คือดินแดนไทย และมีธงพม่าปักไว้ คู่กัน ตรงเส้นแดนพม่า
11
ที่ลานโล่งหน้าอุโบสถ เมื่อนักท่องเที่ยวพลัดขึ้นมาแล้วหาที่นอนค้างไม่ได้ ก็เคยมา ขอกางเต็นท์นอนกันทุกปี แต่เพราะว่าอยู่สูงและโดดเด่น จึงมีลมพัดแรงกว่าจุดอื่นๆ
12
โบสถ์ วัดเหมือง ปิล๊อก
บางรายก็ไปขอกางเต็นท์ที่ ตชด. หรือหน้าสนามโรงเรียนเหมืองปิล็อก รอบๆ บริเวณตลาด มีดอกไม้เมืองหนาวหลายชนิดให้ชมอย่างมากมาย
13
14
15
16
วัดใต้น้ำ�
“วัดวังก์วิเวการาม”
17
หลวงพ่ออุตตมะ ได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์ เป็นพระครูอุดมสิทธาจารย์ เมื่อ พ.ศ. 2512 ได้รับพระราชทาน
18
สมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระอุดม สังวรเถร เมื่อ พ.ศ. 2524 และได้รับ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชอุดมมงคลพหลนราทรเมื่อ พ.ศ. 2534
19
20
สำ�หรับ “วัดวังก์วิเวการาม”หรือ “วัดหลวง พ่ออุตตมะ” เป็นวัดที่ หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้าน อพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 2496 ที่บ้านวังกะล่าง อำ�เภอ สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ใกล้ กับชายแดนไทย-พม่า ห่างจาก อำ�เภอเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 220 กิโลเมตร ในระยะแรกมีเพียงกุฏิและ ศาลา มีฐานะเป็นสำ�นักสงฆ์ แต่ ช าวบ้ า นโดยทั่ ว ไปเรี ย กว่ า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บน เนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สาม ประสบ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำ� 3 สาย คือแม่น้ำ�ซองกาเลีย แม่น้ำ�บีคลี่ แม่น้ำ�รันตี ไหลมาบรรจบกัน
21
22
สถานที่ต่างๆ ภายใน เนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศพม่าขณะนั้น อุตตมรัมโภภิกขุจึงเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้ง ทางหมู่บ้านอีต่อง ตำ�บลปิล็อก อำ�เภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ขณะจำ�พรรษาอยู่ที่วัดเกาะ อำ�เภอ โพธาราม จังหวัดราชบุรี มีคนมาแจ้งข่าวว่าที่สังขละบุรีมีชาวมอญจากบ้านเดิมของท่าน อพยพเข้าเมือง ไทย และต้องการนิมนต์ท่านไปเยี่ยม ท่านได้พบกับชาวมอญที่อพยพมาจากโมกกะเนียง เจ้าคะเล และ มะละแหม่ง และพาชาวมอญเหล่านี้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านวังกะล่าง ถือเป็นจุดกำ�เนิดของชุมชนชาวมอญใน สังขละบุรี
23
ในปี พ.ศ. 2499 หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้พร้อมใจกันสร้างศาลาวัดขึ้น มีฐานะเป็นสำ�นักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ เพราะมีแม่น้ำ� 3 สายไหลมาบรรจบกัน คือแม่น้ำ�ซองกาเลีย แม่น้ำ�บีคลี่ แม่น้ำ�รันตี ในปี พ.ศ. 2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ใช้ชื่อว่า วัดวังก์วิเวการาม ซึ่งตั้งตามชื่ออำ�เภอวังกะ ในวัดมีการ ก่อสร้างเจดีย์จำ�ลองแบบจาก เจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย เริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2518 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2529
24
ต่อมาทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำ�ในปี พ.ศ. 2527 น้ำ�ในเขื่อนเขาแหลมจะท่วมตัวอำ�เภอเก่ารวมทั้งหมู่บ้านชาวมอญ ทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ ปัจจุบัน โดยทางราชการได้ช่วยเหลือในการอพยพผู้คนซึ่งมีอยู่ราว 1,000 หลังคาเรือน บนพื้นที่ 1,000 ไร่เศษ ส่วนบริเวณวัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ� และมีชื่อเสียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand เป็นที่รู้จักในชื่อว่า วัดใต้น้ำ� สังขละบุรี
25
วัดใต้น้ำ�
“วัดวังก์วิเวการาม”
26
27
28
พระพุทธรูป ปางต่างๆ สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี่
29
วัดเสาร้อยต้น พม่า
30
31
32
33
34
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้าไปเที่ยวชมวัดเสาร้อยต้น เนื่องจากมี สถาปัตยกรรมที่สวยงาม และมีเสาจำ�นวนมากที่ใช้ในการสร้าง วัดจึงได้ชื่อวัดเสาร้อยต้น บริเวณวัดนักท่องเที่ยวยังสามารถ เลือกซื้อสินค้าจากประเทศพม่าได้ในราคาไม่แพง เช่น เครื่องไม้ เครื่องประดับ
35
36
37
38
39
40