MARKETING CONFERENCE DOUBLE A COMPANY 18B
คำนำ
เนื่องด้วยวิชา MGMG508 STRATEGIC MARGETING MANAGEMENT ทางอาจารย์ได้มีการมอบหมายงานให้นักศึกษาจัดทำ Marketing Conference เพื่อนำเสนอประเด็นทางการตลาดที่กลุ่มได้ทำการศึกษามานำเสนอให้กับ เพื่อนร่วมชั้นเรียน ได้สนทนา อภิปราย โต้แย้ง หรือให้ความเห็นต่อประเด็นการ ตลาดที่กลุ่มได้จัดเตรียมขึ้น ซึ่งกลุ่มของพวกเรานั้นได้เลือกที่จะนำเสนอประเด็น ทางด้านการตลาด ของ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัท ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกระดาษ เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักแก่คน ทั่วไป ทั้งนี้สมาชิกกลุ่มได้รับเกียรติให้เข้าไปสัมภาษณ์ พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูง ของทางบริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ทางสมาชิกกลุ่มได้มีความ เห็นตรงกันว่าจะนำเสนอในลักษณะการทำแฟชั่นโชว์ ให้มีความน่าสนใจ และดึงดูด เพื่อนๆสมาชิกในห้อง ทางกลุ่มได้จัดทำ Marketing Conference นี้อย่างสุดความสามารถ และ ได้เรียบเรียงข้อมูลต่างๆ ไว้ในเอกสารฉบับนี้แล้ว และต้องขอบพระคุณอาจารย์และ เพื่อนๆสมาชิกในห้องที่ได้มีการนำเสนอความคิดเห็น การอภิปรายกันในห้องเรียน รวมถึงการตอบคำถามใน E-Learning เพื่อให้ Marketing Conference สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากผิดพลากประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
Preface
สมาชิกกลุ่ม DoubleA 18B
C O M P A N Y P R O F I L E
( A B O UT US ) เกี่ยวกับ ดั๊บเบิ้ล เอ “ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษจากไม้ปลูกของเกษตรกรไทย สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก” การพัฒนาอุตสาหกรรมกระดาษยุคใหม่ของ ดั๊บเบิ้ล เอ อยู่บนแนวคิดของการ พัฒนาการเกษตรของไทย โดยการพัฒนาไม้เกษตรมาใช้เป็นวัตถุดิบ ทำให้สามารถ ใช้ต้น กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ อายุเพียง 3-4 ปี เป็นวัตถุดิบที่ยั่งยืน ทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ เป็นกระดาษจากไม้ปลูกของเกษตรกรไทย ไม่ใช้ไม้จากป่าธรรมชาติ กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ อยู่ในการเลี้ยงดูของเกษตรกรนับล้านครอบครัวผลัดกัน ยืนต้นปกคลุม ผืนดินในพื้นที่ที่เคยรกร้างหรือตามแปลงคันนาที่ไม่เคยใช้ประโยชน์ สร้างออกซิเจนสู่บรรยากาศ 1.6 ล้านตันต่อปี และช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ 2.4 ล้านตันต่อปี เป็นพื้นที่การเกษตรสีเขียวที่มีผู้ดูแล เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และลดปัญหาสังคมในชุมชน ต้น กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ ไม้ เติบโตได้ดีและรวดเร็ว และผลของการพัฒนาปริมาณ เยื่อในเนื้อไม้ ทำให้ต้น กระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ มีวัตถุดิบในการผลิตเยื่อที่มีคุณภาพสูง เหมาะกับการผลิต กระดาษ คุณภาพสูง เนื้อกระดาษของ ดั๊บเบิ้ล เอ ที่อัดแน่นด้วย เนื้อเยื่อคุณภาพมากถึง 22 ล้านไฟเบอร์ต่อแกรม ในขณะที่กระดาษทั่วไปมีเพียง 13 ล้านไฟเบอร์เท่านั้น จึงทำให้เนื้อกระดาษ ดั๊บเบิ้ล เอ มีลักษณะเรียบลื่น และมี คุณภาพสูงกว่ากระดาษทั่วไป ซึ่งผู้บริโภคสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
H I S T O R Y ประวัติความเป็นมา “วางแผนและเตรียมการอย่างรอบคอบ สู่อุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษแห่งอนาคต” บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) มีประวัติการจัดตั้งและการ พัฒนาการที่สำคัญ ปรากฏดังนี้ มีนาคม 2532 จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท มิถุนายน 2533 จดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท 99 กรุ๊ปเซ็นเตอร์ จำกัด ขึ้น เพื่อ ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่าย กระดาษให้แก่ผู้ บริโภคขั้นสุดท้าย และจดทะเบียนจัด ตั้งบริษัท ไฮ-เทค เปเปอร์ จำกัด เพื่อก่อสร้างโรงงาน ผลิตกระดาษพิมพ์เขียนชนิด ไม่เคลือบผิว มีกำลังการผลิต 41,000 ตันต่อปี กุมภาพันธ์ 2537 จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด พร้อมทั้งเปลี่ยน ชื่อบริษัทเป็น บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) สิงหาคม 2538 การก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียแล้วเสร็จสมบูรณ์ โรงบำบัดน้ำเสีย ของบริษัทฯ เป็นระบบการบำบัดน้ำเสีย โดยใช้แบคทีเรียย่อยสลายสิ่งสกปรกด้วย กระบวนการ Extended Aeration Activated Sludge Process ซึ่งเป็น เทคโนโลยีจากประเทศสวีเดน กันยายน 2538 บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย เพื่อซื้อและจำหน่ายไฟฟ้าให้ กับการไฟฟ้าฯ. พฤศจิกายน 2538 บริษัทฯ ทดลองเดินเครื่องผลิตกระดาษ เพื่อผลิตกระดาษ พิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิวโรงงานกระดาษ โรงที่ 1 ปี 2539 บริษัทฯ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นประจำปี 2539 ประเภทการ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พฤศจิกายน 2540 บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ได้รับใบรับรอง มาตรฐาน ISO 14001 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม มีนาคม 2544 บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ได้รับใบรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2000 ซึ่งเป็นมาตรฐาน การจัดการคุณภาพจากสถาบัน AJA EQS ประเทสอังกฤษ ปี 2551 บริษัทฯ ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 17 เมษายน ปี 2553 จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) วันที่ 3 พฤษภาคม บริษัทฯออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทมูลค่า 5,000 ล้าน บาท วันที่ 11 มิถุนายน บริษัทฯออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทมูลค่า 2,500 ล้าน บาท วันที่ 27 สิงหาคม
vision วิสัยทัศน์
mission พันธกิจ
Double A Success Stor y
ความสำเร็จของ ดั๊บเบิ้ล เอ มี 2 ด้าน คือ ด้านคุณภาพ และด้านการตลาด ด้านคุณภาพ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งอาจจะเรียกได้ ว่าเป็นกระดาษคุณภาพระดับโลก ที่มีการควบคุมการผลิตที่สม่ำเสมอ เรา ควบคุมได้ตั้งแต่ไม้ที่นำมาเป็นวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต การเก็บในคลัง สินค้า หรือแม้กระทั่งการควบคุมความชื้นในการจัดส่งและแพคเกจ ด้านการตลาด ดั๊บเบิ้ล เอ มีการสร้างแบรด์อย่างเป็นระบบ และ support อย่างต่อเนื่อง มีการใช้ศาสตร์ทุกอย่างมาช่วยในการสร้างแบรนด์ออกไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก และยังมีการขยายธุรกิจออกไปโดยใช้ศูนย์ถ่ายเอกสาร ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์, ร้าน ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ ไปจนถึงบริการต่าง ๆ ผ่าน 1759 เพื่อทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ มี ผลิตภัณฑ์พร้อมอยู่ในทุก ๆ ที่ ที่ผู้บริโภค มีความต้องการ (Anywhere as you wish) ดั๊บเบิ้ล เอ นอกจากเป็นผู้นำในการทำแบรนด์กระดาษเป็นรายแรกแล้ว ดั๊บเบิ้ล เอ ยังถือว่า เป็นผู้นำ Innovation ใหม่สู่ผู้บริโภคอย่างต่อ เนื่อง ตั้งแต่ การเปิดศูนย์ ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ทั้ง ในประเทศไทย และต่างประเทศ ประมาณ 2,000 แห่ง ทั้งในมาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง ซึ่งผู้เข้าร่วมธุรกิจ ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ ส่วนใหญ่ก็จะประสบความสำเร็จและมีรายได้เพิ่มขึ้น และได้รับ ประโยชน์ในการพัฒนาความรู้ในการประกอบธุรกิจ การสร้าง ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้เซ็นเตอร์ขึ้นมา ช่วยทำให้งานถ่ายเอกสารมีมาตรฐานสูงขึ้น ซึ่งก็ เป็นสิ่งที่ตอบสนองและสร้างความพึงพอใจต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างมาก เพราะทำให้ผู้บริโภคได้ทั้งงานที่มีคุณภาพและบริการที่ดีมีมาตรฐานต่อเนื่อง ด้วยบริการใหม่ ๆ ที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการสั่งซื้อกระดาษด้วย บริการแบบเดลิเวอรี่ ผ่าน 1759 ดั๊บเบิ้ล เอ เดลิเวอรี่ รวมทั้งขยายไลนส์ สินค้าจากกระดาษสำนักงาน สู่เครื่องเขียนจากกระดาษคุณภาพ ทั้งสมุด กระดาษโน้ต ไดอารี่ ที่เน้นการเป็นเครื่องเขียนที่มีดีไซน์ เพื่อทดแทนการนำ เข้าเครื่องเขียนคุณภาพจากต่างประเทศ และทำให้ไทยสามารถส่งออก เครื่องเขียนคุณภาพอีกด้วย และล่าสุด คือ การร่วมมือกับร้านเครื่องเขียน ในการปรับโฉมให้เป็นร้าน ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ หรือร้านเครื่องเขียน คุณภาพ เพื่อให้ร้านเครื่องเขียนในท้องตลาดที่อยู่ในภาวะที่ต้องแข่งขันกับ ห้างดิสเคาน์สโตร์ และห้างสรรพสินค้า สามารถแข่งขันได้ เพราะรูปแบบร้าน ใหม่นี้จะจัดวางสินค้าแบบมีระบบ เลือกซื้อได้ง่าย ลดปัญหาการจัดการสต็ อกสินค้าของร้านค้ารูปแบบเดิม ๆ โดยมีสินค้าคุณภาพมากมายจากเครื่อง เขียนของ ดั๊บเบิ้ล เอ กว่า 3,000 รูปแบบ และมีสินค้าจากพันธมิตรเครื่อง เขียนแบรนด์ชั้นนำอีกมากมาย ล่าสุดมีร้านเครื่องเขียนเข้าร่วมเป็น ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ประมาณ 200 ร้านค้า เนื่องจากทำให้ร้านค้ามีโอกาสสร้าง รายได้มากขึ้น และได้รับประโยชน์จากร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตรกับ ดั๊บเบิ้ล เอ
ลักษณะการประกอบธุรกิจ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) จัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ตามกฎหมายไทยและประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมีธุรกิจหลักคือการผลิต เยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน บริษัทฯมีที่อยู่จดทะเบียนตั้งอยู่ เลขที่ 1 หมู่ 2 ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการ 2 ชนิดได้แก่ กระดาษ เยื่อกระดาษ และ ไฟฟ้า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1.1) ผลิตภัณฑ์กระดาษ (Paper Product) เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ประกอบไปด้วย ก. ผลิตภัณฑ์กระดาษรีมเล็ก ที่ผลิตจะมีขนาดตั้งแต่ 70-80 กรัมต่อตา รางเมตร ใช้ในงานถ่ายเอกสาร และงานพิมพ์ โดยจะมีการตัดขนาดมาตรฐาน A4 ,A3,F4,B4,B5,และ A11 ข. ผลิตภัณฑ์กระดาษรีมใหญ่ ที่ผลิตจะมีขนาดตั้งแต่ 60-120 กรัม ต่อตารางเมตร ใช้ในพิมพ์หนังสือตำรา วารสาร หนังสือพิมพ์ธุรกิจ สิ่งพิมพ์ ทั่วไป สมุด กระดาษต่อเนื่องที่ใช้พิมพ์คอมพิวเตอร์ ที่ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ แบบม้วน (Roll) และแบบแผ่น (Sheet) ค. ผลิตภัณฑ์เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน เช่น สมุดรายงาน สมุด โน้ต กระดาษโน๊ตรูปร่างต่างๆ กระดาษสี สติ๊กเกอร์เนื้อกระดาษ ซองจดหมาย เป็นต้น 1.2) เยื่อกระดาษฟอกขาวใยสั้นจากยูคาลิปตัส (Bleached Eucalyptus Kraft Pulp -BEKP) เยื่อกระดาษที่ออกจากโรงผลิตเยื่อของบริษัทแบ่งออก เป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ ก. เยื่อน้ำ (Slurry Pulp) มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 64 ของเยื่อที่ผลิต ได้ ซึ่งจะส่งผ่านท่อไปยังโรงผลิตกระดาษของบริษัท เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการ ผลิตกระดาษต่อไป ข. เยื่อแผ่นเปียก (Wet Lap Pulp) เป็นเยื่อกระดาษที่มีความชื้นร้อยละ 50 จะผลิตในสัดส่วนประมาณร้อยละ 1 ของเยื่อกระดาษที่ผลิตได้ทั้งหมด เพื่อ การส่งขายภายในประเทศ และส่วนหนึ่งจะส่งให้กับบริษัท ไฮ-เทค เปเปอร์ จำกัด หรือในกรณีที่เก็บเป็นวัตถุดิบคงคลังเพื่อใช้ในการผลิต ค. เยื่อแผ่นแห้ง (Dry Pulp) เป็นเยื่อกระดาษที่มีความชื้นร้อยละ 10 จะ ผลิตในสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 35 ของเยื่อกระดาษที่ผลิตได้ทั้งหมด เพื่อการ จำหน่ายทั้งภายในประเทศและเพื่อการส่งออก
สังคมแห่งการเรียนรู้ ดั๊บเบิ้ล เอ มีนโยบายที่จะสนับสนุนส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ หรือ การรักการอ่านในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกิดการ เรียนรู้จากการอ่าน เป็นสังคมแห่งปัญญา สร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศชาติ โดยทำมาอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับการสร้างแบรนด์เลยทีเดียว เช่น โครงการ ดั๊บเบิ้ล เอ เล่านิทานให้น้องฟัง, โครงการปันนิทานแด่น้อง, โครงการค้นหาสุด ยอดนักเล่านิทานรุ่นจิ๋ว การสนับสนุนงานสัปดาห์หนังสือฯ และงานมหกรรม หนังสือ ฯ อย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนโอลิมปิกทางวิชาการในด้านต่าง ๆ ทั้งคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ฟิสิกส์โอลิมปิก รวมถึงการสนับสนุนโครงการใหญ่ อย่าง โครงการ เด็กไทยรวมใจอ่านถวายในหลวง 60 ล้านเล่ม ที่ชักชวนให้ เด็ก ๆ มาร่วมกันอ่านหนังสือ เป็นการทำความดีถวายในหลวงของเรา รวมทั้ง โครงการล้านความรู้ในตู้หนังสือ นอกจากนี้ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังมีโครงการเพื่อรักการอ่านต่อเนื่องอีกโครงการหนึ่ง คือ โครงการ “ดั๊บเบิ้ล เอ สื่อสร้างปัญญา” ที่ ดั๊บเบิ้ล เอ ต้องการผลักดัน ให้เกิดหนังสือดี ๆ ในสังคมมากขึ้นเพื่อให้หนังสือเหล่านี้ดึงให้เยาวชนและคนใน สังคมมาอ่าน หนังสือกันมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับสำนักพิมพ์หลายแห่ง เปิดตัวหนังสือใหม่ ๆ ไปแล้ว 40 เล่ม คือ ตกผลึกคนทำงาน, จริตมาร์เก็ต ติ้ง, ร้อยเรื่องล้านนา, ไม่คิดก็ไม่มี, หนังสือช่างแม่, หนังสือช่างพูด, ธงชัย ใจดี บนทางสู่ดาว, สกัดต่อมเครียด,เรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา ... ไม่ ยากอย่างที่คิด,คำสอนของคุณทวด แรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จ,ลอจิสติกส์ การตลาด และ“การจัดการคลังสินค้าระดับโลก และเตรียมจะเปิดตัวอีกหลาย ๆ เล่ม โดยเราจะเน้นหนังสือที่ให้ความรู้ ความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ดั๊บเบิ้ล เอ ยังเป็นผู้ริเริ่มและผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับสำนักพิมพ์หลาย ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้าง เมืองหนังสือแห่งแรกของไทย หรือ “ดั๊บเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์” ให้เป็นเมืองหนังสือแนวตั้ง 9 ชั้น ที่รวบรวมหนังสือจากสำนักพิมพ์ ต่างๆมากที่สุดแห่งแรกของไทย มีเนื้อที่กว่า 6,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น 9 โซน ได้แก่ Top Hit Zone, Feeling Zone, Variety Zone, Kids Zone, Brain Zone, Lively Zone, Multimedia & Food Zone, International book Zone, Activities Zone พร้อมกิจกรรมสร้างสรรค์ น่าสนใจตลอด 365 วัน อาทิ เปิดตัวหนังสือใหม่ก่อนใคร, School Visit , เทศกาลหนังสือในโอกาสต่างๆ ฯลฯ ตั้งอยู่บนถนนสาทร 12 ใจกลางย่าน ธุรกิจและการศึกษาของกรุงเทพฯ สะดวกรวดเร็วในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า บีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดิน พร้อมมีรถรับส่งพิเศษจากชุมชนใหญ่ในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นสถานที่ที่สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้สำหรับคนทุกวัย อีกแห่งหนึ่งของ คนไทย
}
สัมภาษณ์ คุณชาญวิทย์ จารุสมบัติ รอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) อาคาร ดับเบิลเอ บุ๊ก ทาวเวอร์ วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ.2558
}
I N T E R - VIEW
ถ้าพูดถึงกระดาษต้องนึกถึง Double A อันดับแรก Double A ทำการตลาดอย่างไร ให้เวลาที่นึกถึงกระดาษคน จะนึกถึง Double A เป็นอันดับแรก Double A ออกมาประมาณปี ค.ศ. 2000 ช่วงก่อน หน้านั้นกระดาษเป็น Community Product ไม่มีการทำการ ตลาด จะแข่งขันด้านราคาอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันช่วง นั้นก็มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เช่น มีเครื่อง FAX ซึ่งราคา ไม่แพง คนทั่วไปจะมีเครื่อง FAX ที่บ้าน มีอะไรก็ปริ้นๆ ออก มา ซึ่งกระดาษจะไม่ได้ถูกใช้แค่ใน Office แล้ว แต่กระดาษยัง ตามกลับไปที่บ้านด้วย จึงทำให้คิดว่ากระดาษเป็น Consumer Product พวกกระดาษถ่ายเอกสาร, กระดาษ A4 ควรจะ เป็น Consumer Product ซึ่งไม่ใช่กระดาษที่ใช้พิมพ์หนังสือ หรือที่เรียกว่ากระดาษรีมใหญ่ ซึ่งของเราก็มีขายเหมือนกัน โดย ในสมัยที่ตั้งบริษัทใหม่ๆ เราก็ขายกระดาษรีมใหญ่ที่ขายตามโรง พิมพ์ต่างๆ ที่รับพิมพ์พวกหนังสือ, นิตยสาร ต่างๆ และกระดาษ ถ่ายเอกสาร ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีการทำแบรนด์ จึงได้มีการทำ Survey โดยจ้างบริษัท Survey ทำ Research ว่าผู้บริโภค ที่ใช้กระดาษ ซึ่งเคยถามว่าใช้กระดาษยี่ห้ออะไร แต่ไม่มีใครตอบ ได้ และไม่มีใครให้ความสนใจเลย เพราะผู้บริโภคเข้าใจว่ากระดาษ ของอะไรก็เหมือนๆ กัน และใช้ได้หมด เราเลยให้ไป Survey ใหม่ว่าผู้บริโภคที่ใช้กระดาษมีปัญหาอะไรจากกระดาษที่คุณใช้ บ้าง ซึ่งก็ได้คำตอบมาประมาณ 7 ข้อ ได้แก่ 1.ถ่ายเอกสาร แล้วไม่ชัด 2.ถ่ายเอกสารแล้วกระดาษติด 3.ถ่ายเอกสารแล้วก ระดาษยับ 4.ถ่ายเอกสารได้หน้าเดียวแล้วทะลุไปอีกด้าน 5.ถ่าย เอกสารแล้วกระดาษติดออกมาหลายแผ่น เป็นต้น และในตอนนั้น ได้ไปออกงาน BOI Fair และที่บู๊ทของเราก็ได้ให้คนได้เข้ามาก รอกแบบสอบถามกันว่ามีปัญหาอะไรจากการใช้กระดาษบ้าง โดย เป็นการตรวจสอบข้อมูลจากบริษัทที่จ้าง Research ว่าข้อมูล ที่ได้รับมานั้นถูกต้องหรือไม่ โดยมีจับรางวัลเป็น Printer ซึ่ง ผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เลยทำให้ได้รับข้อมูลมาเป็น จำนวนมากและตรวจสอบข้อมูลแล้วว่าถูกต้อง จึงได้คิดผลิต กระดาษที่รองรับปัญหาของลูกค้าทั้ง 7 ข้อ โดยทั่วไปเวลาทำ
Research สามารถแยกได้ 2 ด้าน คือ ความต้องการ และ ปัญหาที่เกิดขึ้น คุณต้องพิจารณาว่า Research ด้านใดจะได้ ข้อมูลที่ถูกต้องกว่ากัน เมื่อได้คิดค้นและทำการผลิตกระดาษที่ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้แล้ว จึงได้ตัดสินใจออกทำการตลาด โดย การทําการตลาดชิ้น แรกเป็นโฆษณางานแต่งงานที่มีพิธีก รขึ้น ไปพูดแต่ เป็นการพูดผิดพูดถูกเพราะกระดาษยับ หมึกหาย ซึ่ง ตรงกับปัญหาของลูกค้าที่พิมพ์แล้วไม่ชัด หมึกหาย และโฆษณา อีกชิ้นคือ โฆษณาที่คนบินไปทำศัลยกรรมหน้าที่อเมริกาโดยถ่าย เอกสารรูปนายแบบที่ตัวเองต้องการไปเป็นตัวอย่าง แต่ถ่ายไม่ ชัดทำให้หมอผ่าตัดหน้าออกมาไม่ดี ซึ่งตรงกับ Concept คม ชัดเหมือนต้นฉบับ และโฆษณาอีกตัวที่เป็นกังฟู ที่หยิบกระดา ษมาครี่ ซึ่งตรงกับ Concept ของกระดาษ Double A ที่ ไม่ต้องครี่ ไม่ต้องกรีด โดยทั่วไปในวงการการขายกระดาษ จะ ขายผ่าน Agent โดยจะเป็นการแข่งขันด้านราคาอย่างเดียวโดย กระดาษ Double A ที่ออกมาขายในท้องตลาดช่วงนั้นจะราคา แพงที่สุดเมื่อเที่ยบกับยี่ห้ออื่นๆ ซึ่ง ทำให้ Agent ไม่อยากขาย กระดาษ A4 Double A และขอให้ Double A ลดราคา ทาง Double A จึงได้ตั้งทีมงานขายเอง และหาช่องทางว่าใคร จะเป็นผู้ใช้กระดาษบ้าง ซึ่งก็ได้แก่กลุ่มใหญ่คือ กลุ่ม Office, กลุ่มราชการ, นักเรียนนักศึกษา แต่ก็เข้าไปขายกลุ่มราชการไม่ ได้เนื่องจากมีการทำสัญญาซื้อขายกระดาษกับเจ้าต่างๆ เป็น รายปี Double A จึงได้จัดทำการประกวดฝาแฝด Double A โดยไปตาม Office ต่างๆ ส่งกระดาษ Double A ให้ ใช้เที่ยบกับกระดาษยี่ห้อเดิม หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนรู้จักกระดาษ Double A และเริ่มมีร้านค้าต่างๆ มารับกระดาษไปขาย ซึ่งใน ขณะเดียวกันก็มีคู่แข่งที่เป็นบริษัทผลิตกระดาษเก่าแก่คือ SCG แบรนด์ IDEA GREEN แบรนด์ IDEA GREEN ทำออกมาหลัง แบรนด์ Double A ไม่ใช่หรือ ? SCG เป็นบริษัทผลิตกระดาษเก่าแก่ ก่อตั้งมาก่อน Double A เพียงแต่ไม่มีการทำแบรนด์ โดยหลังจากที่ Double A สร้างแบรนด์ได้สำเร็จ ทาง SCG จึงมี แบรนด์ IDEA GREEN หลังจาก Double A ประสบความสำเร็จในประเทศไทย แล้ว ก็ได้ออกสู่ตลาดต่างประเทศ ครั้งแรกเลยที่สิงคโปร์และ มาเลเซีย จนในปัจจุบันมี Double A ขายแล้วในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และมีสำนักงานอยู่ 20 กว่าแห่งในต่างประเทศ ส่วนการทำการตลาดในต่างประเทศ เราจะมีconceptให้เขา แต่ทุกอย่างจะทำเหมือนในบ้านเราได้ไม่หมด เช่น การประกวด ฝาแฝด ในบางประเทศเขาห้ามจัดประกวดเพราะขัดกับหลัก ศาสนา ก็จะไม่มีการจัดประกวด จะใช้วิธีรับสมัครและคัดเลือกเอา ส่วนการแต่งกายก็จะแตกต่างจากบ้านเรา และการขายก็จะเป็น แบบ knock door คือขายให้ถึงมือลูกค้าโดยตรงซึ่งจะได้ผล มากกว่า เพราะการฝากagentขาย คุณต้องไม่ลืมว่าเขาไม่ได้ขาย ของเรายี่ห้อเดียว เขาก็จะพยายามผลักดันตัวที่ได้กำไรสูงที่สุด
การจะทำการตลาดให้ได้ผลที่สุด คือต้องให้userที่ใช้ของเรา จริงๆ จำแบรนด์ของเราได้จริงๆ แล้วไปเรียกลูกค้า อย่างร้าน ค้าที่ขายของเราเพราะเขากลัวผู้บริโภคไปเลือกแล้วเสียโอกาส ถ้าร้านเขาไม่มีสินค้า ถ้าไปถามร้านค้าว่าสินค้ากระดาษยี่ห้อไหน ขายแล้วได้กำไรน้อยที่สุด เขาก็จะตอบว่า Double A แต่ด้วย ความที่สินค้าเราขายออกได้เร็วทำให้ร้านยังคงขายอยู่ และถ้า ลูกค้าหาซื้อกระดาษที่ร้านค้าไม่ได้ เราก็มีบริการ Double A Delivery ซึ่งอาจจะทำให้ร้านค้าเสียลูกค้า แต่ Double A มองว่าการทำธุรกิจอย่างไรก็ต้องพึ่งพากัน เราไม่ได้เอาเปรียบ โดย Double A พยายามสร้างมาตรฐานราคาตลาดด้วย สินค้าที่ขายดีที่สุดของ Double A คือกระดาษใช่หรือไม่ ใช่ แล้วมีสินค้าตัวไหนที่จะผลักดันหรือพัฒนาต่อไป Double A โตมาจากการทำเกษตร ทำให้เข้าใจ เกษตร โดยปกติเกษตรกรจะทำนาครั้งเดียวแต่ต้องขายทั้งปี จึงมีแนวคิดว่าทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม และธุรกิจ ของ Double A คือการทำกระดาษ และวัสดุที่ใช้คือไม้ เราไม่ ต้องการจะไปตัดไม้ทำลายป่า เมื่อแรกเริ่มมีที่ดินก็นำไม้ไปปลูก และมีการวิจัยว่าพรรณไม้จากทั่วโลกว่าต้นยูคาลิปตัส เหมาะกับ การปลูกในประเทศไทย กินน้ำน้อย มีคุณภาพ โดยปลูก 3 ปี ก็จะตัดมาใช้ได้ ในขณะที่ไม้พันธุ์อื่นใช้เวลาปก 5 - 6 ปี หลัง จากนั้นจึงให้ความรู้ชาวนา ให้ชาวนามีรายได้เสริมโดยนำต้น กระดาษไปปลูกบนคันนา โดยเกษตรกรไม่ต้องลงทุนใหม่ แค่ใช้ อุปกรณ์เดิมที่มีอยู่ ทำให้ Double A ได้รับรางวัลเกี่ยวกับด้าน การแก้ไขความยากจนจากประเทศฟิลิปปินส์ และรางวัลด้าน สิ่งแวดล้อมจากประเทศสิงคโปร์ เพราะการปลูกต้นกระดาษ 1 ต้น จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และให้ออกซิเจน ที่กล่อง กระดาษ Double A จะเขียนว่ากระดาษจากคันนา มีหลายคน มาถามว่าทำไมไม่ใช่กระดาษรีไซเคิล จะบอกว่ากระดาษรีไซเคิล สร้างมลภาวะมากกว่าเนื่องจากต้องผ่านกระบวนการฟอกสี และตอนนี้ Double A มีcontactกับเกษตรกรกว่า 1 ล้าน ครอบครัวแล้ว มีการทำสัญญากับชาวนาหรือไม่ว่าต้องปลูกให้กี่ปี มีการทำสัญญา แต่คิดว่าไม่work 100% เพราะ อาจมีคนอื่นมาซื้อจากชาวนาก็ได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็จะไม่มี พันธุ์ไม้ชนิดนี้ไว้ปลูกต่อแล้ว เพราะพันธุ์ไม้ของ Double A จะ ปลูกได้ลำต้นตรง เท่าที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีใครผิดสัญญา เพราะ Double A มีการจ่ายเงินที่ตรงเวลา
มีปีไหนที่ชาวนาปลูกต้นกระดาษได้น้อย ไม่เพียงพอต่อการ ผลิตหรือไม่ ก่อนเริ่มโครงการเราจะมีการคํานวณแล้วว่าของเรา จะผลิตกระดาษได้ 1 ล้านตันต่อปี จะต้องใช้วัตถุดิบเท่าไหร่ เกษตรกรที่เราส่งเสริมเราจะไม่ได้ส่งเสริมพร้อมกัน ซึ่งจะมีระยะ ห่าง ตรงนั้นจะมีการทดแทนกันในปริมาณที่พอใช้ สมมติว่าไม่ พอจริงๆ เราก็มีโครงการวางแผน 5 ปี ถึง 10 ปี ดูแนวโน้ม ความต้องการของกระดาษ ถ้าต้องขยายโรงงานจะหาวัตถุดิบ ที่ไหนก็มีการมองไว้ และตอนนี้คู่แข่งก็มีการรณรงค์ว่าอย่าใช้ กระดาษเยอะ ซึ่งเราก็มองในจุดนั้น แต่เรามองในมุมที่ว่าสิ่งที่ ไม่มีคุณภาพจะอยู่ลำบาก จากที่เคยใช้เดือนละ 100 รีม มาใช้ เหลือ 50 รีม เราก็จะประหยัดเงินได้มากขึ้น ก็ทำให้เราสามารถ เลือกใช้สินค้าที่คุณภาพดี ซึ่งการตลาดขั้นต่อไปเราต้องให้ ลูกค้ารู้ว่า เมื่อเป็นสิ่งสำคัญทำไมไม่เลือกในสิ่งที่คุณไว้วางใจได้ ผมเชื่อว่าคุณอาจจะเคยใช้กระดาษ Double A มา แต่ตอน นี้ไม่ใช้ เพราะต้องมีการประหยัด เราก็ต้องทำความเข้าใจว่า คุณมาถูกทางหรือเปล่า อย่างการทำการตลาดที่ถูกต้องก็ต้อง มองตามความต้องการของลูกค้า เช่นกระดาษ 1 รีม มี 500 แผ่น เด็กมหาวิทยาลัยมองว่าเยอะไปใช้ไม่หมด เราก็ออกแพค 100 แผ่น เด็กมัธยมอาจต้องการแค่แพค 40 แผ่น เป็นต้น ก็ออกมาให้มีตามความต้องการของลูกค้า บางคนอาจจะเห็น Double A Colorprint เพราะความต้องการของผู้บริโภคไม่ หยุดนิ่ง ถ้ามีโอกาสจะต้องserveความต้องการของผู้บริโภค ทุกความต้องการ ถ้าความต้องการนั้นมันmake sense เพราะกลุ่มทำartworkบอกว่ากระดาษprintสีออกมาไม่สวย เราก็เลยผลิตกระดาษออกมาให้ แม้ว่าจะมีกลุ่มน้อย ร้านค้าเอา ไปวางแค่ 2-3 กล่อง และราคาแพงด้วย แต่ก็ขายได้ เพราะ แทนที่ลูกค้าจะไปซื้อยี่ห้ออื่น แต่เราต้องการไม่ให้มียี่ห้ออื่นมา อยู่ในสมองเขาเลย เราต้องการให้มีแต่ Double A ซึ่งอันนี้ อยู่นอกตำราแล้ว เพราะการทำการตลาดผมคิดว่าทุกคนเรียน มาจากตำราเล่มเดียวกัน แต่พอของจริง ประสบการณ์และ ความละเอียด ความที่จะตีโจทย์ให้แตกนั้นสำคัญมากกว่า เรื่องกระแสข่าวด้านลบที่การปลูกต้นกระดาษทำให้ดินเสีย เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเหรียญก็ต้องมี 2 ด้าน อยู่ ที่คนจะมองด้านไหน เราไม่ควรไปโต้ตอบว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นผิด การปลูกต้นกระดาษบนคันนา ข้าวที่คุณปลูกอยู่มันขึ้นตาม ปกติ มันไม่ได้เสียหายหรือเล็กลง ถ้าเรามัวแต่มากลุ้มใจว่า ปัญหาต่างๆที่เข้ามานั้นทำให้ธุรกิจของคุณแย่ คุณควรจะคิด ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว คุณจะหาทางสร้างโอกาสให้เกิด ขึ้นได้อย่างไร เช่น ต่อไปจะไม่ใช้กระดาษเยอะแล้ว ทำไมไม่ใช้ กระดาษที่มีคุณภาพไปเลย อย่างหลายบริษัทที่เคยใช้ Double A แต่จากกระแสsave cost ทำให้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น
กระดาษที่ขายดีส่วนใหญ่จะขายให้กับOfficeหรือไม่ ถ้ า ตามบริ ษั ท จะเป็ น ส่ ว นแบ่ ง ของกระดาษมากที่ สุ ด สถาบันการศึกษาก็จะน้อยลง และศูนย์ถ่ายเอกสารก็มีเยอะ เพราะเดี๋ยวนี้บางบริษัทใช้ Out source หมดเลย คือส่งมาให้ ศูนย์ถ่ายเอกสารหมด Double A มีpartnerทางธุรกิจหรือไม่ ไม่มี แต่เรามีแฟรนไชส์ Double A copy center และก็มี agent ทุกจังหวัด บางจังหวัดมีตัวแทนจำหน่าย แต่ ร้านค้าในจังหวัดอาจจะไม่ซื้อจากตัวแทนจำหน่าย อาจจะซื้อ จากกรุงเทพก็ได้ เพราะตัวแทนจำหน่ายก็ต้องดูว่ามีศักยภาพ เพียงพอหรือไม่ ตอนนี้มีศูนย์ถ่ายเอกสารเยอะหรือไม่ในกรุงเทพ ปัจจุบันมีน้อยลง ทั้งประเทศมีอยู่ 600 ถึง 700 ร้านค้า ที่น้อยลงเพราะเขาคิดว่าไม่อยากเสียค่าแฟรนไชส์ ร้าน ที่ไม่ใช่ศูนย์ถ่าย Double A ก็อาจมีกระดาษ Double A ถึงแม้จะไม่ใช้กระดาษ Double A ถ่ายเอกสารเป็นหลัก แต่ ก็มีติดไว้ 3-4 กล่อง เผื่อกรณีลูกค้าเรียกใช้ ซึ่งเข้าใจว่า ต้องการ เพราะต้องการต้นทุนที่ต่ำ และศูนย์ถ่ายขึ้นราคาไม่ ได้ บริษัทที่ทำOut source ศูนย์ถ่ายก็กดราคา จนปัจจุบัน ยอมออก Double A 70 แกรม ให้เฉพาะศูนย์ถ่ายโดยเฉพาะ แต่เขาต้องยอมรับสภาพว่ามันจะไม่เหมือน 80 แกรม ที่ใช้อยู่ คุณภาพจะแตกต่างกันเยอะ Double A มองว่าจะเติบโตในประเทศไทยได้อีกแค่ไหน ตลาดในไทยจะเติบโตขึ้นอีกหรือไม่ การทำธุรกิจเราต้องมองว่าต้องโตขึ้น เพราะเราต้อง จ่ายเงินเดือนพนักงานที่เพิ่มขึ้นทุกปี มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ของ บางอย่างก็แพงขึ้นทุกปี ตอนนี้แบรนด์ Double A เราโตขึ้น ทุกปี อย่างที่พูดไปว่ามีหลายบริษัทที่เคยใช้ Double A และ เลิกใช้ไป เราจะทำการตลาดอย่างไรที่จะดึงให้เขากลับมาใช้ และ คนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยศึกษา เราต้องทำอย่างไรให้เขาจำแบรนด์ Double A ได้ เพราะต่อไปเขาอาจจะไปเป็นฝ่ายจัดซื้อ เรา ต้องสร้างให้เกิดการจำตั้งแต่เริ่มรู้จักใช้กระดาษเลย อย่าง ตอนนี้ Double A ก็ช่วยสนับสนุนกลุ่มของอาสาพัฒนาของ นักศึกษาต่างๆ ใช้เครื่องมืออะไรทำให้คนจดจำแบรนด์ Double A อย่างที่บอกไปจะมี Office Road Show และ School Road Show ที่เข้าไปจัดกิจกรรมตามสถานที่ต่างๆ สร้างความนึกถึงกระดาษ Double A โดยมีการตั้งคำถาม เกี่ยวกับกระดาษของเรา เช่น ข้อดีของกระดาษ Double A
Double A ทำการตลาดผ่านSocial Media หรือไม่ มี Fanpage Double A เริ่มทำมา 3 - 4 ปี Updateกิจกรรมของ Double A รวมทั้งงานCSRของ เราและที่เราไปSupportที่อื่น เร็วๆนี้จะมีแคมเปญตัวใหม่ร่วม กับต่างประเทศ ให้ลองติดตามดู Lost Dog เป็นกิจกรรม ของประเทศเกาหที่จัดแล้วค่อนข้างSuccess เป็นPower of Paper เอากระดาษไปทำเป็นPowerที่ยิ่งใหญ่ได้ จะ มาApplyในเมืองไทยเป็นกิจกรรมของประเทศไทย ต้องเอา มาปรับใช้ อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเราประกวดฝาแฝดได้ คม ชัดเหมือนต้นฉบับ แต่บางประเทศเราจัดประกวดไม่ได้ และผมอยากจะเรียนว่า Double A เป็นBrandเดียวที่ได้Coกับภาพยนตร์เรื่อง Transformer หลายบริษัทมีเงินแต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เป็นเพราะภาพพจน์ ของสินค้าที่ดูดีด้วย จ่ายไป 300 ล้านบาท แต่คุ้มค่า เพราะ หนังฉายในหลายประเทศ พูดถึงนั้นถูกมาก มันคือภาพพจน์ ของบริษัทที่สื่อออกไป ส่วนงานWebsite เรามีแผนกที่ดูWebsiteโดย เฉพาะ ศึกษาว่าคนกลุ่มไหนใช้ช่องทางนี้มากที่สุด ทำอย่างไรที่ทำให้ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการSave Cost เปลี่ยนไปใช้กระดาษยี่ห้ออื่น หันลับมาใช้กระดาษ Double A อันนี้ไม่ง่าย เพราะไม่อยากทำให้เขาคิดว่าเขาผิด ซึ่ง มันไม่ได้Save Cost แต่ถ้าคุณมาใช้กระดาษ Double A ที่แพงกว่าแต่Save Cost ตอนนี้ก็มีปรึกษากับทางAgencyอยู่ว่าจะทำอย่างไร เราต้องทำใ้ผู้บริโภคคิดว่าเราดูถูก เขา ว่าคุณผิด ผมถูก บางทีการเลือกใช้คำพูดมันลำบาก ก็ กำลังศึกษาอยู่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่แน่นอนต้อง ออกมาตลกขบขัน ดูแล้วสบายสมอง เพราะก่อนที่ออกมา มีการทำsurvey หนังเครียดไม่เคยทำงานเลยนะ ที่ผ่านมา หนังตลกทำเงิน เพราะว่าSocial Mediaค่อนข้างเยอะ ถ้า เราออกมาตลก คนก็จะส่งต่อๆกันไป ต้องดูให้ครอบคลุม ที่ผมบอกว่าการทําธุรกิจหรือการทําอะไรในการดํารงชีวิต ความละเอียดเป็นสิ่งสำคัญ เราอาจจะแพ้กันแค่เล็กๆน้อยๆ บางทีเราเกือบจะได้เกียรตินิยม แต่เกรดตกไปจุดศูนย์สอง เอง อะไรอย่างนี้ ซึ่งมันก็ไม่ตาย แต่มันน่าเสียดายใช่หรือ ไม่ แต่เราเรียนมาเราต้องเป็นนักปฏิบัติ อย่าเป็นนักทฤษฎี เพราะการทำทุกอย่างมันมรหลายปัจจัย ตอน Double Aออกมา ไม่มีคนอยากขาย ถามเราว่าทำไมคุณไม่เอาราคา มาสู้ กระดาษไม่มีใครโฆษณา ด่าว่าโง่ไปเสียเงินโฆษณา แต่ ตอนนี้กลับกันมาอยากซื้อของเราไปขาย แต่ผมแนะนำว่าอย่า เอาชีวิตไปฝากกับร้านยี่ปั๊วะ เพราะเขาไม่ได้มีเราเป็นลูกคน เดียว เขาก็มีหลายยี่ห้อ เราก็ต้องสร้างแบรนด์ไว้ก่อน สินค้า เราอยากให้ไปถึงend userได้
มองภาพอนาคตของบริษัทจะเป็นไปในทิศทางไหน เรามองอยู่ตลอดว่าจะสร้าง Double A เป็น Globla Brand ให้ Double A เป็นตัวแทนของกระดาษ เห มือนแฟ้บ(ผงซักฟอก) ใช้แฟ้บแต่ไปซื้อยี่ห้ออื่น เหมือนมาม่าที่ เป็นตัวแทนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่างถ่ายเอกสารซีร็อกซ์ ซีร็ อกซ์ก็เป็นชื่อยี่ห้อของเครื่องถ่ายเอกสาร แต่คนมาติดปากว่า ถ่ายเอกสารก็เรียกว่าซีร็อกซ์ ทั้งที่ใช้เครื่องของซีร็อกซ์น้อย มาก ผมอยากให้ถึงจุดนั้น แต่รู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ Double A มาถึงตรงนี้ได้ก็ภูมิใจแล้ว และอยากให้ทุกประเทศที่เราเข้าไป ทำกระดาษ 80 แกรม มีส่วนแบ่งการตลาดให้ได้เกินครึ่ง ของทุกประเทศที่เราเข้าไป แล้วตอนนี้ตลาดในต่างประเทศเป็นอย่างไร ยอดรวมของบริษัทต่างประเทศจะอยู่ที่ 70% บางประเทศมันไม่ง่ายที่จะทำให้ประสบความสำเร็จทุกตลาด เพราะบางประเทศไม่ใช้กระดาษ 80 แกรม การที่จะให้เขาใช้ กระดาษ 80 แกรมแต่เพิ่มเงินขึ้นมาอีก มันก็ไม่ใช่ง่าย แต่ถ้า เขายอมรับเมื่อไหร่ คุณก็จะประสบความสำเร็จ ส่วนประเทศ ที่ใช้กระดาษ 80 แกรมอยู่แล้ว ก็จะทำตลาดได้ง่ายหน่อย เพราะราคามันไม่ได้ห่างกันมาก ทุกตลาดที่เข้าไปราคาของ Double A จะอยู่ในที่หนึ่ง สอง หรือ สามของเขา เราไม่ ได้เล่นราคา ถ้าเล่นเรื่องราคาจะอยู่ไม่ยืด เพราะคนจะพูดว่า รู้ แล้วที่มันราคาถูกเพราะมันคุณภาพแย่ เราจึงไม่เน้นแข่งราคา แต่เน้นคุณภาพ ราคาอาจจะขายไม่ได้แต่อนาคตมันจะดีกว่า อยากทราบว่า Double A มีช่วงไหนที่ยอดขายดีเป็น พิเศษ หรือช่วงไหนที่ยอดขายตกบ้าง แต่ละที่ไม่เหมือนกัน เช่น ช่วงรัฐบาลปิดงบเมื่อช่วง เดือนที่ผ่านมา ก็จะซื้อเข้าไปเยอะ อย่างโรงเรียนปิดเทอมเปิด เทอม เขาก็จะซื้อเครื่องเขียนเข้าไป มันก็มsี easonของมัน เหมือนกัน แล้วมีการทำการตลาดที่แตกต่างกันหรือไม่ ตอนนี้เราก็มีทาง Local Marketing เป็นหน่วยใน ละภาค แต่ละจังหวัด เขาจะรู้ว่าจะต้องทำอะไร อย่างงานบุญ บั้งไฟภาคอีสาน โรงเรียนในจังหวัดภาคอีสานมีการประกวด ต่างๆ เราก็เข้าไป ภาคใต้อาจจะมีงานโคมไฟที่หาดใหญ่ เราก็ เข้าไปทำการตลาดช่วงนั้นได้ เราก็มอบหมายให้แต่ละท้องถิ่น เป็นคนทำ เช่น งานท่องเที่ยว มีคนก็แยกกันไปทำ อย่างของ แถมเขาจะรู้ บางจังหวัดชอบของแถบแบบหนึ่ง อีกจังหวัด หนึ่งก็ชอบอีกอย่างก็มี
S T >
// P E T I
R E N A O N >
01
:
ABOUT
US
02
:
COMPANY
PROFILE
03
:
VISION
04
:
MISSION
05
:
Financial
ในช่วงปี 2553 – 2557 สินทรัพย์รวมของบริษัทมีแนว โน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และหนี้รวมก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นสัดส่วน ที่ใกล้เคียงกับสินทรัพย์รวมของบริษัท แต่กำไรสุทธิของ บริษัทมีแนวโน้มไม่สม่ำเสมอโดยในปี 2554 บริษัทมีกำไร สุทธิต่ำมากและปรับตัวเพิ่มสูงขึ้งมากในปี 2555 อย่างไร ก็ตามกำไรสุทธิมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งในปี 2557 บริษัทขาดทุนสุทธิสูงถึง 337 ล้านบาท
05
:
Hall
of
ทำเนียบรางวัล บริษัทฯ ได้รับรางวัลในด้านต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็น ด้านมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ระดับสากล ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ด้านการตลาด ด้านการโฆษณา จึงขอยก มาเป็นพอสังเขปดังนี้
Frame
มาตรฐานสิ่งแวดล้อมระดับสากล 2540 มาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ISO 14001 จากสถาบัน AJA EQS เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2540 มาตรฐานการจัดการด้านคุณภาพ ISO 19001: 2000 จากสถาบัน AJA EQS เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2544 2544 รั บ รองมาตรฐานการจั ด การด้ า นคุ ณ ภาพ ISO 9001 : 2000 จากสถาบัน AJA EQS ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2544 2552 เครื่องหมายรับรองฉลากเขียว จากสำนักงาน โครงการฉลากเขียว สำหรับผลิตภัณฑ์ Alpine, Eagle, Shih-Tzu, Siberian, Persian 2555 รางวัล “Asia Responsible Entrepreneurship Awards -Southeast Asia (AREA-SEA) 2012 ในสาขา Green Leadership Award ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งพิจารณาคัดเลือกจาก บริษัทที่มีผลการดำเนินงานด้าน CSR โดดเด่น จาก 11 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม 2539 รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมประจำปี 2539 (Industrial Excellence in 1996 For Outstanding Performance in Environmental Conservation) จากกระทรวงอุตสาหกรรม 2547 รางวั ล สถานประกอบการดี เ ด่ น ด้ า นความ ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสุขอนามัยดีเด่น ระดับ ประเทศ 3 ปีซ้อน (พ.ศ.2547, 2548 และ2549) จากกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม 2551 รางวัลรองชนะเลิศ ASEAN Energy Award 2008 รางวัลรองชนะเลิศ Thailand Energy Award 2008
มาตรฐานด้านการตลาด 2553 รางวัล Superbrands Thailand 2010 - 2011 เป็นแบรนด์กระดาษรายแรกและรายเดียวใน ไทยที่ได้รับรางวัลนี้ 2555 ดั๊บเบิ้ล เอ ก๊อปปี้ เซ็นเตอร์ รับรางวัล มาตรฐานคุณภาพธุรกิจแฟรนไชส์ ประจำปี 2012 (Thailand Franchise Quality Award 2012) ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐาน 3 ปีซ้อนตั้งแต่ปี 2552 จากการประเมินทุก 2 ปี มาตรฐานด้านการโฆษณา 2544 รางวัล AXN X-treme Certificate of Excellence Award และรางวัล Advertiser of the Year “Creative Certificate of Excellence Award” ให้กับภาพยนตร์โฆษณาดั๊บเบิ้ล เอ ในฮ่องกงชุด “SWAT” ในงาน Agency of the year Awards ที่ประเทศฮ่องกง 2545 รางวัล Bronze Award ในกลุ่ม Business Equipment &Service ให้กับภาพยนตร์ โฆษณาดั๊บเบิ้ล เอ ชุด “Speech” ในงาน The New York Festivals ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา 2546 รางวัล Silver Award ให้กับสื่อโฆษณา Double A Sticker on wall ชุด “Punch Head” ในงาน The Best Creative Award in this Quarter ประเทศฮ่องกง 2556 ได้รับรางวัล 1 silver and 1 bronze จาก Eurobest 2013 ให้กับสื่อโฆษณาของดั๊บเบิ้ล
07
:
ผลิตภัณฑ์และบริการ กระดาษรีมเล็ก ดั๊บเบิ้ล เอ เป็น กระดาษ คุณภาพ ระดับ Premium จากไม้ปลูกของ เกษตรกรไทย สำหรับผู้ใช้ทั่วโลก เป็นกระดาษ 80 แกรม ซึ่งคัดสรรวัตถุดิบ คุณภาพ บรรจุในบรรจุภัณฑ์ป้องกันความชื้น ทำให้สามารถใช้งานได้ดีกับ อุปกรณ์พิมพ์ในสำนักงานทุกชนิด เหมาะสำหรับทั้งงานสีและขาวดำ ขนาด มาตรฐาน กระดาษ A3, กระดาษ A4, กระดาษ A11 , กระดาษ B4, กระดาษ B5 และ กระดาษ F14 ให้คุณได้เลือกสรรตามการใช้งาน ทั้งงาน พิมพ์ งานถ่ายเอกสารเพื่องานพิมพ์คุณภาพ คมชัด “ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษ ที่เครื่องถ่ายเอกสารแนะนำให้เลือกใช้”
PRODUCT
ขนาดกระดาษที่วางจำหน่าย กระดาษ A3 (297x420 มม.) ขนาดบรรจุ 500 แผ่น กระดาษ A4 (210x297 มม.) ขนาดบรรจุ 40 แผ่น กระดาษ A4 (210x297 มม.) ขนาดบรรจ 100 แผ่น กระดาษ A4 (210x297 มม.) ขนาดบรรจ 50 แผ่น กระดาษ A4 (210x297 มม.) ขนาดบรรจ 500 แผ่น กระดาษ A11 (216x279 มม.) ขนาดบรรจุ 500 แผ่น กระดาษ B4 (257 X 364 มม.) ขนาดบรรจุ 100 แผ่น กระดาษ B5 (182x257 มม.) ขนาดบรรจุ 500 แผ่น กระดาษ F14 (216 X 356 มม.) ขนาดบรรจุ 500 แผ่น Specification กระดาษ ถ่ายเอกสาร 80 แกรม บรรจุภัณฑ์ป้องกันความชื้น คุณสมบัติพิเศษ 7 ประการของกระดาษดั๊บเบิ้ล เอ ไม่ติดเครื่องถ่ายเอกสาร ให้ความคมชัดในการพิมพ์ ถ่ายเอกสารได้ 2 ด้าน กระดาษ มีสีขาวสว่าง ช่วยยืดระยะเวลาของเอกสารอัดสำเนา กระดาษ มีความเรียบลื่น รับประกัน 500 แผ่นเต็มรีม (สำหรับผลิตภัณฑ์ขนาดบรรจุ 500 แผ่น) “ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษ จากไม้ปลูก ไม่รบกวนไม้ป่าธรรมชาติ”
Double A Color Print อีกขั้นของ กระดาษ ดั๊บเบิ้ล คุณภาพ เพื่องานพรินต์สีและถ่ายเอกสารสี คุณสมบัติพิเศษ เนื้อกระดาษขาวพิเศษ ให้สีสวยคมชัด ผิวเนียนเรียบลื่น ไม่ติด เครื่อง แกร่ง คงรูป ใช้งานได้ 2 ด้าน ให้งานพิมพ์มีคุณภาพ ระดับมืออาชีพ สีสันโดดเด่นกว่ากระดาษถ่ายเอกสารทั่วไป Specification กระดาษ ถ่ายเอกสาร 90 แกรม บรรจุภัณฑ์ป้องกันความชื้น ขนาดที่วางจำหน่าย กระดาษ A4 (210x297 มม.)ขนาดบรรจุ 40 แผ่น กระดาษ A4 (210x297 มม.) ขนาดบรรจ100 แผ่น กระดาษ A4 (210x297 มม.) ขนาดบรรจ 500 แผ่น
08
Double A 30% Recycled paper กระดาษ ถ่ายเอกสารสาร ผสมเยื่อเวียนทำใหม่ 30% เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม ตรงตามข้อกำหนดของทางราชการ ด้วยส่วน ผสมของเยื่อเวียนทำใหม่ 30% คุณภาพระดับ Double A ขนาดที่วางจำหน่าย กระดาษ A4 (210x297 มม.)ขนาดบรรจุ 500 แผ่น
:
PRODUCT
กระดาษ สี Double A Colour Paper 80 แกรม กระดาษ คุณภาพ ขนาดมาตรฐาน ผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบพิเศษ เพื่อ รองรับการใช้งานกับเครื่องพิมพ์ทุกชนิด สีสันสดใส อีกทั้ง ยังตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะพิมพ์ นามบัตร ทำปกรายงาน พิมพ์ภาพถ่าย ฯลฯ
09
ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นนารี่ โปรดักส์ อุปกรณ์สำนักงานและเครื่องเขียนหลาก Design ที่สร้างสรรค์ เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่าง ตอบรับทุกรูปแบบการใช้ งานด้วยกระดาษ 80 แกรมที่เป็นมาตรฐานของ ดั๊บเบิ้ล เอ ดั๊บเบิ้ล เอ ก็อปปี้ เซ็นเตอร์ มุ่งมั่นเสริมสร้างผู้ประกอบการในธุรกิจศูนย์ถ่ายเอกสารและงาน พิมพ์ของคนไทยให้เติบโต และมีศักยภาพเพียงพอสำหรับการ แข่งขันในโลกดิจิตอล ผู้ ป ระกอบการจะได้ เ ป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของเครื อ ข่ า ยผู้ นํ า ศู น ย์ ถ่ า ย เอกสาร ที่มีเครือข่ายแข็งแกร่งและครอบคลุมพื้นที่ ทั้งมาเลซีย ไทย ไต้หวัน ฯลฯ การันตีด้วยแบรนด์ Double A ผู้นำตลาดใน อุตสาหกรรม กระดาษ ที่รู้จักทั่วโลก บริษัทสนับสนุนกิจกรรมส่ง เสริมการขาย และกิจกรรมทางการตลาดให้อย่างต่อเนื่องตลอด อายุสัญญา ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ยอดขายและกำไรเพิ่มมากขึ้น สามารถซื้อ กระดาษ A4 และ กระดาษถ่ายเอกสาร ได้ในราคา สมาชิก ดั๊บเบิ้ล เอ ก็อปปี้ เซ็นเตอร์
:
PRODUCT
ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นนารี่ ช็อป พันธมิตรร้านค้าเครื่องเขียนระดับคุณภาพ ภายใต้ชื่อ “ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอรี่ (ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นนารี่ )” ศูนย์รวมเครื่องเขียน กระดาษ อุปกรณ์สำนักงาน สื่อบันเทิง และอุปกรณ์การเรียน ด้วยผลิตภัณฑ์จาก ดั๊บเบิ้ล เอ และพันธมิตรผู้ผลิตเครื่องเขียน และอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ชั้นนำของประเทศ ดั๊บเบิ้ล เอ ออฟฟิศ ซัพพลาย อุปกรณ์สำนักงาน ที่จำเป็น 900 รายการ เลือกสรรเฉพาะ สำหรับคุณ พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการสำหรับการใช้ งาน ในทุกสํานักงาน ไม่ว่าจะเป็น ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ก ร ะ ด า ษ อุปกรณ์สำนักงานทั่วไปผลิตภัณฑ์สำหรับคอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
10 : MARKET SURVEY
11 : MARKET SURVEY
12 : MARKET SURVEY
ทางกลุ่มได้มีการทำแบบสอบถามเพื่อสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ กระดาษ Double A จากแบบสอบถามทั้งหมด 364 คน ได้ผลสรุปดังนี้ ผู้ทำแบบสอบถามทั้งหมด 364 ท่าน แบ่งเป็นเพศชายร้อยละ 33 และเพศหญิงร้อย ละ 67 โดยมีช่วงวัยอยู่ที่ 20-30 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 60.4 รองลงมาเป็น 30-40 ปีคิดเป็นร้อยละ 14.30 อายุ 15-20 ปี คิดเป็นร้อยละ 12.9 อายุมากกว่า 40ปีร้อยละ 12.1 และต่ำกว่า 15 ปี อยู่ที่ร้อยละ 0.3 ซึ่งโดยส่วนใหญ่นั้นจะประกอบ อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน นักเรียนหรือนักศึกษา เป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ 15,000 – 25,000 อยู่ร้อยละ 28 และรายได้ต่ำกว่า 15,000 รองลงมาอยู่ที่ร้อยละ 25.3 จากผลการสำรวจพบว่ากว่าร้อยละ 98.4 เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Double A และไม่เคย ใช้ผลิตภัณฑ์เพียงแค่ร้อยละ 1.6 เท่านั้นโดยผู้ที่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์นั้นให้ความสำคัญ กับ คุณภาพมากที่สุด รองลงมาคือหาซื้อได้ง่าย และ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ตาม ลำดับ และมีการเลือกซื้ออยู่ที่ปริมาณ ครั้งละ 1 รีมหรือ 500 แผ่นเกินกว่าร้อยละ 50 (ร้อยละ 51.7) และพบว่าผู้ที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์ของ Double A นั้น จะมีการบริโภคซ้ำ ขึ้นอยู่กับโอกาส อยู่ที่ร้อยละ 51.4 ,ซื้อซ้ำแน่นอนร้อยละ 45.3 และ ไม่ซื้อซ้ำร้อยละ 0.8 ส่วนของเหตุผลที่ผู้บริโภคไม่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์พบว่าเป็นเหตุผลอื่นๆ ร้อยละ 50 ราคาที่ไม่เหมาะสมร้อยละ 33.3 และการที่กระดาษมีสีขาวสว่างเกินไปร้อยละ 16.7
14
:
PERCEPTUAL
MAP
Double A ได้วางตำแหน่งในใจผู้บริโภคไว้ว่า Double A เป็น แบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียง และได้รับการ ยอมรับจากผู้บริโภค นอกจากนี้ด้านผลิตภัณฑ์หรือสินค้าหลัก ของ Double A นั้นเป็นกระดาษเพื่อสิ่งพิมพ์หรือถ่ายเอกสาร ขนาด A4 ความหนา 80 แกรม ในด้านของความสว่างสะอาด ตาของกระดาษ เมื่อเทียบกับผลิตของคู่แข่งแล้วนั้น เห็นได้ชัดเจน ว่า Double A มีความเข้มแข็งในเรื่องของแบรด์ และความสว่าง ของกระดาษ จึงทำให้ Double A เป็นแบรนด์สินค้ากระดาษที่ผู้ บริโภคนึกถึงเป็นอันดับแรกนั่นเอง
15
:
4P
PRODUCT
16
:
4P
PRICE
17
:
4P
PLACE
18
:
4P
PROMOTION
19
:
5
FORCE
MODEL
20-23
:
PROBLEMS!
M A R K C O N F E 1 8 N O V
E T I N G R E N C E V 2 0 1 5
B E H I N D T HE SCE N ES
S
D IS CU S I O N = F O RU M
1. Paperless กับแนวทางหรือกลยุทธ์ ที่ double A จะเลือกใช้ต่อไป? 2. คุณภาพกับราคาของกระดาษ ลูกค้าจะยอมซื้อแพงได้อย่างไร? (ของแพงกว่าอย่างไรให้ขายได้) 3. DOUBLE A ควรทำอย่างไร เพื่อให้ผู้บริโภคเดิมเกิดการ บริโภคซ้ำของสินค้า?
01.
Chow Kittayakirana 1. ก่อนอื่นต้องยอมรับว่ากระแส Paperless ตอนนี้กำลังเป็นที่สนใจขององค์กรจำนวนมาก แต่ ในส่วนตัวแล้วมองกระแสนี้กระทบแค่ ตลาดที่เป็น สื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น เช่น หนังสือ แม๊กกาซีน หรือ รายงานภายในองค์กร คำว่า paperless คงไม่ได้ หมายความถึงเราจะไม่ใช้กระดาษอีกต่อไป ดังนั้น โจทย์ที่ Double Aต้องตีให้แตกคือ อนาคตของ กระดาษ จะไปอยู่ในรูปแบบใด? เช่น บรรจุภัณฑ์ หรือ แม้แต่วงการออกแบบ และสุดท้าย การวาง กลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์เหล่าลูกค้าใหม่นี้ในอนาคต. 2. ลูกค้าที่ต้องการคุณภาพ คือ ผู้จะยอมซื้อของ แพง เขาต้องรู้สึกแตกต่างเมื่อใช้สินค้าที่แพง เรา ทุกคนในฐานะลูกค้า ต้องการสินค้าคุณภาพ แต่ กลับเป็นโจทย์ยากของสินค้าบางชนิดเช่น กระดาษ บางที คุณภาพระดับสูง ก็ไม่จำเป็นกับงานบาง อย่าง ดังนั้น กลยุทธ์ของ double Aซึ่งเป็นสินค้า premium ควรตอบโจทย์ลูกค้า ในระดับ premium เช่น เขาจะได้อะไรจะการใช้ double A อะไรที่สินค้าตัวอื่นไม่สามารถทำได้. 3. ลูกค้าต้องมีความพึงพอใจ (Customer satisfaction) :การสร้างความพึงพอใจ ทำได้โดย เช่น การฟังเสียงของลูกค้า การสื่อสารอย่างใกล้ ชิดจะทำให้เราได้ยินเสียงของลูกค้า การให้ความต่อ เนื่อง เช่น เมื่อลูกค้าประสบปัญหาในการใช้ควรแก้ ปัญหาอย่างต่อเนื่องจริงจัง เมื่อเขามีความพอใจ ในแบรนด์ของ ธุรกิจ การซื้อซ้ำก็จะกลับมา
Yanika Ngamudomkiat 1. แม้กระแส Paperless จะมาแรงแต่ในทุกๆ องค์กรก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กระดาษอยู่ดี แต่แค่อาจจะน้อยลง ฉะนั้นทาง Double Aควรทำ ไลน์ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมซึ่งทำมาจากกระดาษหรือนำ กระดาษมาแปรรูปไปในลักษณะต่างๆ 2. เพิ่มการรับรู้ให้กับลูกค้ารายย่อยถึงจุดเด่น ซึ่งก็คือคุณภาพของกระดาษโดยการทำ PR หรือ โฆษณา เพราะในปัจจุบันมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ ยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อที่จะได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ในส่วนขององค์กร ควรที่จะทำโปรโมชั่นหรือแพค เก็จมานำเสนอในแต่ละองค์กร เช่น ถ้าองค์กรนี้ใช้ กระดาษเท่านี้ จะได้ราคาพิเศษหรือได้สิทธิประโยชน์ อะไรบ้าง โดยเฉพาะองค์กรที่จำเป็นต้องใช้กระดาษ เป็นจำนวนมาก 3. นำข้อเสียที่ลูกค้าติชมนำปรับปรุงและพัฒนา เพิ่มช่องทางให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกความ คิดเห็นเพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าทาง Double Aให้ ความสนใจในความพึงพอใจของลูกค้า
02.
03.
Lalita Punpanawan 1.โดยส่วนตัวคิดว่า ถึงจะมีแนวคิดpaperlessแต่ คนเราก็ยังจำเป็นต้องใช้กระดาษ เพราะคนเรายัง อ่านหนังสือที่เป็นเล่ม หรือใช้กระดาษทำเอกสาร ต่างๆในหน่วยงานราชการ ทางดับเบิลเอจึงควร ติดต่อการขายกับสำนักพิมพ์ต่างๆ และหน่วยงาน ราชการ เนื่องจากสองสถานที่นี้ยังมีความจำเป็นใน การใช้กระดาษ หรือทางดับเบิลเออาจจะขยายไปทำ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษ เช่น ถ้วยกระดาษ ชาม กระดาษ แก้วน้ำกระดาษ เพราะคนหันมาใส่ใจใน ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับ ร่างกายมากขึ้น หากมีถ้วยโฟม กับถ้วยกระดาษให้ เลือก ถ้วยกระดาษถือว่ารักษ์โลกมากกว่า ถึงแม้จะ ไม่paperlessก็ตาม 2.ทางดับเบิลเอไม่สามารถลดราคาให้ต่ำลงได้ และ กระดาษดับเบิลเอเป็นกระดาษที่มีคุณภาพมากอยู่ แล้ว แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าขาวมากเกินไป ทำให้ปวดตาได้ง่าย ทางบริษัทอาจจะปรับปรุง หรือ มีทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้นโดยเป็นกระดาษที่ มีความสว่างหลายเปอร์เซ็นต์ให้เลือก เช่น กระดาษ ปกติที่ขายอยู่คือ100% อาจจะมีกระดาษที่มี ความสว่าง90% 80% 70% ให้ความขาวสว่าง น้อยลง หรือพัฒนาคุณภาพสินค้าให้แตกต่างจาก คู่แข่ง เช่น เป็นกระดาษที่ไม่ยับง่าย ไม่เหลืองง่าย 3.การจะทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำ ควรใช้วิธีการให้ลูกค้า หาซื้อได้ง่าย โดยกระดาษดับเบิลเอนั้นมีวางขายใน เซเว่นอยู่แล้ว อาจเพิ่มโดยวางขายในร้านสะดวก ซื้ออื่นๆ เช่น แฟมิลี่มาร์ท หรือวางขายใกล้สถาน ศึกษา โรงเรียน มหาวิทยาลัย และอาจมีการใช้ห่อ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ข องดั บ เบิ ล เอส่ ง ชิ ง โชคลุ้ น รั บ รางวั ล เพื่อให้ลูกค้าซื้อซ้ำบ่อยๆมากยิ่งขึ้น
04. Natakor Kosilp
1.การที่ อ งค์ ก รในปั จ จุ บั น เริ่ ม เปลี่ ย นตั ว เองให้ เป็น Paperless Organization ส่วนใหญ่จะ คำนึงถึงความต้องการที่จะลดต้นทุนภายในองค์กร และ การส่งเสริมความเป็นองค์กรที่เป็นมิตรกับ ธรรมชาติ ดังนั้น Double A ก็ควรจะปรับ กลยุทธ์ เพื่อให้เข้ากับความต้องการขององค์กร ต่างๆที่กำลังเปลี่ยนตัวเองเป็น Paperless Organization โดยหาเทคโนโลยีใหม่ ที่ทำให้ต้นทุน ในการผลิตสินค้าลดลงโดยทียังคงคุณภาพซึ่งเป็น จุดขายของ Double A เอาไว้ และใช้เทคโนโลยี ที่ทำให้สินค้ามีความเป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้น และต้องสื่อสารออกไปให้บุคคลทั่วไปรับรู้ถึงจุดนี้ ด้วย 2.ถ้า Double A มีความต้องการที่จะเน้นเรื่อง คุณภาพ โดยที่ราคาของสินค้าสูงกว่าคู่แข่ง Double A อาจจะปรับ Package ให้สินค้าสื่อถึง ความ Premium มากขึ้น เช่น Package ที่เน้น ความขาวแบบ Premium โดยส่วนของตัวสินค้า อาจจะออกแบบให้ผู้ใช้งานรับรู้ถึงความเป็น Double A มากขึ้น สร้างความแตกต่าง และยกระดับ ค่ า นิ ย มของสิ น ค้ า ให้ ลู ก ค้ า มี ค วามพึ ง พอใจทาง อารมณ์ที่ได้ใช้สินค้าของ Double A ตามหลัก ของ Marketing 3.0 3. จัด Promotion ในการซื้อซ้ำ เช่น ซื้อครบ 10 กล่องได้ ได้ Coupon ลด 100 บาท สำหรับการซื้อครั้งต่อไป หรือเน้นการเพิ่มช่องทาง ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เช่นการเปลี่ยนวิธีการสั่ง กระดาษให้ง่าย สะดวก Online มีบริการส่งที่ รวดเร็ว ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม Double A ก็ ต้องรักษาคุณภาพสินค้าให้อยู่ในระดับที่ มากกว่า ความต้องการของผู้บริโภค เพราะเมื่อผู้บริโภค พอใจในตัวสินค้าแล้ว จะส่งผลให้เกิดการซื้อซ้ำของ สินค้า นั้นๆ
Sawittree Kunnawatbandit
05. 1. แนวทางหรือกลยุทธ์ที่ Double A เลือกใช้ใน ยุคPaperless คือ Double A จะต้องพยายาม แสดงให้ผู้บริโภคเห็นว่า กระบวนการผลิตกระดาษ ของ Double A นั้นเป็นมิตรต่ิอสิ่งแวดล้อมและ มีการทำลายธรรมชาติน้อยลง หรืออีกวิธีหนึ่ง Double A ควรจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่ม เช่น กล่องลังจากกระดาษที่มีความแข็งแรงสำหรับเก็บ ของ หรือสามารถนำมาประกอบเป็นตู้ที่ใส่หนังสือ หรือเก็บเสื้อผ้าได้ 2.แน่นอนว่า Double Aมีชื่อเสียงในด้านของ คุณภาพกระดาษอยู่แล้ว แต่ราคาก็ค่อนข้างสูง กว่าBrandอื่นเช่นกัน ดังนั้นDouble A จึงควร ออกแบบบรรจุ ภั ณ ฑ์ ที่ ทํ า ให้ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ดู มี ร ะดั บ กว่าBrandอื่นเพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณภาพที่ เขาจะได้รับและเงินที่เขาจะเสีย เช่น กระดาษ1รีม ออกแบบให้ บ รรจุ อ ยู่ ใ นกล่ อ งกระดาษที่ มี ค วาม ทนทาน สีสันสวยงาม และสามารถเปิดฝากล่องได้ ง่ายเมื่อจะใช้กระดาษ เป็นต้น 3.Double A ควรมีสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นใหม่ๆ ให้กับลูกค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยอยู้เสมอ เช่น มีบัตรสะสมแต้มแล้วแลกของรางวัล อาทิ ซื้อครบ 1000 บาท มีสิทธิ์แลกซื้อสินค้าครั้งถัดไป ใน ราคาลด 5% และนอกจากนี้ Double A ควร จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและประสานงาน กับ หน่วยงาน หรือลูกค้ารายใหญ่ิอยู่เสมอ พร้อมทั้ง มีการส่งของขวัญให้กับลูกค้าในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน วันครบรอบบริษัทของลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษ รู้สึกผูกพันกับ บริษัทDouble A จนเกิดการซื้อซ้ำ
06. 1. ในปัจจุบัน บริษัท องค์กร หน่วยงานต่างๆมัก Patcharamon มีการรณรงค์ให้เกิด Paperless ตามกระแสรักษ์ Chuanakha โลก ลดการตัดต้นไม้ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ แทนการใช้กระดาษ ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรง ต่อบริษัทผู้ผลิตกระดาษชั้นนำอย่าง Double A บริษัทควรพิจารณา line สินค้า โดยผลิตให้หลาก หลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่กระดาษเพียงอย่างเดียว เพื่อ ให้บริษัทอยู่รอดได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ควรแตก line สินค้า เช่น ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ถุงกระดาษ กล่องของขวัญ การ์ดอวยพร กระดาษห่อของ ขวัญ โมบายกระดาษ ของตกแต่งที่ทำจากกระดาษ อาจจะทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับงาน Handmade (DIY) เพราะสมัยนี้กระแส DIY มาแรง นอกจาก เรื่องของตัวสินค้าแล้ว บริษัทควรจะมี partners ทางธุรกิจจำนวนมากๆ เพื่อเป็นการการันตียอด ขายได้ในระดับหนึ่ง โดย deal ให้ได้ประโยชน์กัน ทั้งสองฝ่าย อาจเลือกบริษัทที่ยังมีความจำเป็น ต้องใช้กระดาษปริมาณมากๆอยู่ หน่วยงานรัฐ ต่างๆที่การเก็บข้อมูลยังคงใช้เป็นกระดาษ เป็นต้น 2. ของแพงว่าจะขายออกได้และขายได้ยาวนานจะ ต้องเน้นที่คุณภาพเป็นสำคัญ โดยตัว Double A นั้นขึ้นชื่อเรื่องกระดาษมีคุณภาพอยู่แล้ว ทุกคนเคย ใช้กระดาษนี้ คนจะรู้สึกถึงความแตกต่าง คุณภาพ ของผลงานที่ออกมา โดยเฉพาะการใช้สำหรับงาน ที่สำคัญก็มักจะเลือกกระดาษที่ดีมีคุณภาพ ดังนั้น บริษัทควรโปรโมตด้านคุณภาพกระดาษต่อไป หาก ไม่สามารถลดราคาลงเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่น ได้ ก็ควรจัดโปรโมชั่น ซื้อ 2 ชิ้นราคาถูกกว่า หรือ ซื้อกระดาษแถมอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ เพื่อให้ คนรู้สึกว่าเงินที่เสียไปจ่ายให้กับคุณภาพกระดาษ และได้ของแถมอย่างอื่นกลับมาใช้งานต่อได้ 3. สิ่งที่จะทำให้ลูกค้ารายเดิมกลับมาซื้อซ้ำนั้น นอกจากประเด็นเรื่องของคุณภาพกระดาษแล้ว ก็ จะเป็นในเรื่องของสิ่งที่จะทําให้ลูกค้าได้ประโยชน์ จากการซื้อแบรนด์เดิมซ้ำ เช่น กระดาษที่ขายเป็น รีม ให้ลูกค้าตัดมุมซองกระดาษที่มีตรา Double Aเก็บสะสมจนครบ 10 ใบ นำมาแลก ของสมนาคุ ณ หรื อ นํ า มาใช้ เ ป็ น ส่ ว นลดในการซื้ อ กระดาษ/ผลิตภัณฑ์ของ Double A ในครั้งต่อ ไป
07.
Varunyu Apisaksiri
Paperless แต่สุดท้ายก็ต้องใช้กระดาษเป็นส่วน ใหญ่อยู่ดี แม้จะมีนโยบายประหยัดกระดาษก็ตาม ดังนั้นDouble Aควรโฟกัสที่การตลาดและวิจัย ลูกค้ามากกว่าว่า ลูกค้าต้องการอะไรกันแน่นอก เหนือจากคุณภาพที่ดีแต่ราคาแพง ทำยังไงให้ลูกค้าซื้อของดีราคาแพง ถ้า Double A วางposition ตัวเองไปแล้วว่าเป็นของคุณภาพ สูงต้องยอมรับว่า สินค้าเกรดบนไม่ใช่ตลาดที่ใหญ่ นัก ตลาดที่ใหญ่มักเป็นเกรดกลางและล่างมากว่า ดังนั้นมี 2 แนวหลักให้เลือกคือ 1. เจาะความต้องการของตลาดเกรดบน ว่าคน ที่”ต้องใช้”กระดาษคุณภาพสูงมากๆคือใคร ซึ่ง ไม่ใช่งานออฟฟิศแน่นอน แต่อาจจะเป็นกระดาษ สำหรับปริ้นรูป กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือ นิตยสารมากกว่า หรือ 2. วิจัยความต้องการของลูกค้าว่าต้องการ อะไรจากกระดาษ ต้องการกระดาษที่หนาจริง มั้ย กระดาษที่ขาวมากๆจริงมั้ย แลกกับราคาที่ สูง ซึ่งถ้ามีกระดาษ คนก็มองว่าคือกระดาษพิมพ์ ได้เหมือนกัน ใช้แล้วก็ทิ้ง ไม่ได้เก็บไว้5-10ปีค่อย มาอ่านใหม่ อาจจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดปริมาณ กระดาษลดการปล่อยก๊าซCO2 รักษาโลก ราคา ประหยัดลง คุณภาพเหมือนเดิม ประมาณนี้น่าจะ ได้รับการสนใจมากกว่าที่เป็นอยู่
08.
Woranoj Kwansirivisal
1. ปัจจุบันแนวความคิดการใช้กระดาษน้อยลงเพื่อ การอนุรักษ์ป่าไม้ ดังนั้น Double อาจทำโฆษณา ที่ Double Aคืนประโยชน์ให้กับสังคม สร้างสินค้า จากกระดาษที่จูงใจน่ารัก เช่น ทำการ์ด กล่องของ ขวัญ กระดาษห่อของขวัญ เป็นต้น 2. Double A มีจุดเด่นของการไม่ติดเครื่องถ่าย เอกสาร อาจจะต้องให้ความสำคัญในการโฆษณา เรื่องนี้ จัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้ลูกค้าได้ ทำความรู้จักกับแบรนด์ เมื่อรู้จักแบรนด์แล้วก็จะให้ ความไว้วางใจในการซื้อของ 3. จัดโปรโมชั่นกับบริษัท สำนักงาน ต่าง ๆ เช่น ซื้อกระดาษ 1 ลัง แถมกระดาษ 1 รีม ,ให้คูปอง สำหรับลดราคาครั้งถัดไป, และเพื่อเป็นการเพิ่ม ความน่าสนใจ โปรโมชั่นเหล่านั้นอาจจะแทรกสินค้า อื่นด้วย เช่น ซื้อกระดาษ 1 รีม แถม ปากกา 5 ด้าม
Jeraporn Assavapayukul 1. แม้จะมีการรณรงค์ในหลายๆหน่วยงานให้เป็น paperless แต่การใช้กระดาษในองค์กรยังเป็น สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะหน่วยงานของ รัฐบาล หรือบริษัทเอกชนที่ต้องใช้เอกสารสำหรับ เรื่องสำคัญๆ ทาง Double Aควรเน้นการติดต่อ กับองค์กรเหล่านี้มากขึ้นและสร้าง relationship ที่ดีกับลูกค้าสำหรับเป็นช่องทางการซื้อขายเพื่อใช้ ในองค์กรนั้นๆ 2. ในเมื่อบริษัทขายกระดาษที่มีราคาสูงกว่ายี่ห้อ อื่นๆแล้วก็เน้นขายคุณภาพให้ชัดเจนไปเลย ให้ ลูกค้าซื้อสินค้าในราคาที่สูงกว่าแต่ได้คุณภาพที่ดี กว่า โปรโมทในเรื่องสินค้าที่หนากว่า ใช้ได้ 2 หน้า และเพิ่มทาเกตกลุ่มนักศึกษา(แบบที่ขายเป็นซอง) เน้นเรื่องกระดาษลื่นหนาเขียนไฮไลท์ลื่นไม่สะดุด 3. ทำโปรโมชั่น สะสมแพคเกจกระดาษ หรือแบบ ซอง เช่น 10 ซองแลกของฟรี หรือสร้าง story ให้แบรนด์ เพิ่ม value จากมาสคอตประจำแบรนด์ แล้วให้ลูกค้าสะสมแพคเกจสินค้าเพื่อมาแลกสินค้าที่ มีมาสตอตของแบรนด์เช่น ตุ๊กตา powerbank (คล้ายการสะสมแสตมป์เซเว่นแลกของ)
09.
Jittiwat Pornpongapisith
10.
1. ผมมองว่าประเทศไทยคงไม่ใช่ไวๆนี้ครับที่จะเป็น ยุคของ paperless ได้ ถึงแม้เทคโนโลยีจะเข้ามามี บทบาทอย่างมากกับยัคปัจจุบัน แต่การที่บริษัทจะ implement ระบบนั้นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล มาก ๆ คงจะมีแต่บริษัทใหญ่ๆเท่านั้นที่ทำได้ บริษัท เล็กๆคงไม่มีเงินที่จะทำได้ ยังไงกระดาษก็คงถูก ใช้ต่อไปอีกนาน ผมคิดว่าบางทีอาจจะต้องหาช่อง ทางจัดจำหน่ายเพิ่มครับ จากเดิมที่ขายในห้าง เซ เว่นตามร้านสะดวกซื้อแล้วอาจจะไปขายในโรงเรียน เพิ่มด้วย อาจออกแบบเป็นสมุดจด สมุดฉีก หรือ อาจไปขายตามออฟฟิตเพิ่มครับ 2. ผมว่ากระดาษของ double A มีคุณภาพ มากๆนะครับ อย่างผมก็เป็นคนนึงที่ยอมจ่ายซื้อ double a ซึ่งบางทีผมก็งงกับตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงซื้อแต่ double a แต่ปัญหาหลักๆของ double a คือจากที่ฟังเพื่อนๆในห้อง discuss กันมาพบว่าใช้ได้แค่จด แต่ถ้าใช้อ่านอะไรนานๆจะ ไม่ซื้อกันเพราะว่ามันขาวเกิน แสบตา ซึ่งผมคิด ว่าปัญหาของ double a บางทีอาจจะไม่ใช่ที่ คุณภาพเนื้อกระดาษเสียทีเดียว อาจจะเป็นที่ความ ขาวครับ อาจลองลดความขาวลงหน่อยบางทียอด ขายอาจจะเพิ่มมากขึ้นนะครับ 3. บางที double a ควรโฆษณาความพิเศษ ของสินค้าตัวเองเพิ่มขึ้นเยอะๆนะครับ ว่าสินค้า ของเขา unique หรือ special อย่างไร แตก ต่างกับคนอื่นอย่างไรดีกว่าอย่างไรเพราะจากการ รับรู้ของลูกค้าก็มองว่ากระดาษก็คือกระดาษ ไม่ ต่างกัน ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน บางทีอาจจะบอกถึง กระบวนการผลิตว่ากระบวนการผลิตของเราคัด อย่างไร กระดาษเราดีกว่าชาวบ้านอย่างไร เพราะ perception ของตลาดกระดาษอาจจะยังไม่โดด เด่นมากนัก เขียนแล้วไม่ซึมไปอีกหน้าและยิ่งกว่านั้น นอกจากโฆษณาสินค้าแล้วก็ควรหาช่องจัดจำหน่าย เพิ่มด้วยครับ
1. ปัจจุบันองค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับคำ ว่า Paperless มากขึ้น Trend การรักษาสิ่ง แวดล้อม ลดการตัดต้นไม้ เป็นเรื่องสำคัญ ตัว ของดิฉันเองอยู่ในองค์กรที่ขาย Softwareซึ่งสา มารถนำมาแทนที่การใช้กระดาษได้ และจุดนี้เป็นจุด ขายของบริษัทของดิฉัน ทุกครั้งที่ไปพบลูกค้าจะนำ เสนอเรื่อง Paperless เป็นสำคัญ ดังนั้น Double A ควรหา Line ผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ยังคงต้องการใช้กระดาษอยู่ ดิฉันมองว่าควร เป็นกระดาษเทอร์มอล ที่ทางธนาคารใช้เป็น Slip ATM, SlipCDM รวมถึง ร้าน 7-11 หรือร้าน ค้าทั่วไป ใช้เป็นสลิป Invoice ซึ่งกระดาษเทอร์มอ ลนี้ เป็นวัสดุสิ้นเปลืองที่องค์กรต่างๆ จำเป็นต้อง ใช้เป็นหลักฐานในการชำระเงิน การบันทึกข้อมูล การทำธุรกรรมผ่านเครื่องอัตโนมัติต่างๆ และยัง ไม่มีแนวโน้มในลดการใช้งานกระดาษประเภทนี้ จึง มองว่าเป็นตลาดใหม่ที่ทาง Double A สามารถ เข้าไปขยาย Line ผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นผู้นำทางด้าน กระดาษเทอร์มอล โดยองค์กรที่ควรเสนอขายกระดาษเทอร์มอลคือ CPALL(7-11), Bank ต่างๆ, ห้างสรรพสินค้า ต่างๆ 2. กรณีสินค้าของ Double A มีราคาสูงกว่าคู่ แข่ง เพราะคุณภาพที่ดีกว่านั้น ตรงนี้ Double A ใช้เป็นจุดขาย ในการวาง Positioning ตนเอง ว่าเป็นแบรด์กระดาษพรีเมี่ยมไปแล้ว ดังนั้นไม่ควร ขายสินค้าให้กับลูกค้าประเภท Customer เพราะ การสื่อสารให้ Customer ทุกรายเข้าใจตรง กั น ว่ า คุ ณ ภาพระดั บ พรี เ มี่ ย มควรเป็ น อย่ า งไรนั้ น ทำได้ยาก จึงควรเน้นการขายสินค้าให้กับลูกค้า ประเภท Business มากกว่า ซึ่ง Double A ต้องทำให้องค์กรของลูกค้ายอมรับในคุณภาพและ ราคาที่เหมาะสมของ Double A เมื่อได้รับการ ยอมรับแล้ว ปริมาณการสั่งซื้อจะตามมา และจะเป็น ปริมาณการสั่งซื้อ Lot ใหญ่ (ปริมาณสั่งซื้อต่อปี) เนื่องจากการสั่งซื้อสินค้าประเภทวัสดุสิ้นเปลืองนั้น ตามปกติ ห น่ ว ยงานจั ด ซื้ อ จะทํ า การสั่ ง ซื้ อ และต่ อ รองราคาปีละ 1 ครั้ง ซึ่งแปลว่าหากขายสินค้าให้ ลูกค้าประเภท Business ได้จะได้ Volume ต่อปี ขององค์กรนั้นๆ เลย หลังจากนั้นคอย Maintain เรื่อง Serviceควบคู่กันไปเพื่อให้ปีต่อๆ ไป ลูกค้า องค์กรยังคงสั่งซื้อกับทาง Double A อีก 3. อย่างที่กล่าวในข้อ 2 คือ ควรเน้นลูกค้าองค์กร เป็นหลัก เมื่อได้ลูกค้าองค์กรแล้ว ต้องบริหารการ จัดส่ง การบริการต่างๆ ให้ลูกค้าองค์กรประทับ ใจ และเห็นความแตกต่างว่าDouble A มีทั้ง ผลิตภัณฑ์ที่พรีเมี่ยม พร้อมการบริการที่ยอด เยี่ยม สิ่งนี้จะส่งผลให้องค์กรเหล่านั้นไม่ต้องการ เปลี่ยน Supplier และจะมีธุรกรรมการสั่งซื้อกับ ทาง Double Aเป็น Partner กันต่อไป
11.
Kamonrat Sengwong
12. Pansa Iamrahong
1. การพัฒนาให้เป็น paperless office ทั้งหมด สำหรับองค์กร คิดว่าเป็นเรื่องยาก เพราะใน ส่วนของงานเอกสารที่สำคัญ เช่น ร่างสัญญา, รายงานการประชุม เป็นต้น ก็ยังจำเป็นต้องใช้ กระดาษเป็นหลัก และโดยส่วนตัวที่ทำงานในระบบ โรงพยาบาล คิดว่า ในส่วนของเอกสารเพื่อการ เรียนรู้ เช่น paper เราก็ยังชอบ print ให้เป็น เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร และเก็บไว้อ่าน (ทั้งๆ ที่มีบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์) ดังนั้นคิดว่า Double A ควรหากลุ่มลูกค้าให้ชัด ว่ากลุ่มไหน และแต่ละกลุ่มต้องการขายกระดาษแบบไหน (หลัก STP) และหาให้ได้ว่าในกลุ่มไหนที่ต้องการกระดาษ แบบ premium(เน้นคุณภาพ เพราะ Double A ได้สื่อ brand ที่เน้นคุณภาพเป็นจุดขายมาตั้งแต่ แรก) และวิเคราะห์ product ของเรา ว่านอก จากเรื่อง คุณภาพกระดาษ แล้ว เราอาจลองผลิต กระดาษแบบอื่นๆ เช่น ทำกระดาษ Green read ขึ้ น มาสํ า หรั บ กลุ่ ม ลู ก ค้ า ที่ อ ยู่ ใ นวั ย เรี ย น(ที่ ช อบ print paper มาช่วยถนอมสายตาในการอ่าน) ทำกระดาษรูปร่างอื่นๆ :กระดาษเขียนจดหมายที่มี ลวดลาย, กระดาษเขียนการ์ด, กระดาษ post-it เป็นต้น หรืออาจจะแตก line สินค้าอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ กระดาษ) เช่น อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ 2. คิดว่ามีลูกค้าส่วนหนึ่งที่ยึดติดกับ brand Double Aไปแล้ว ดังนั้นเมื่อลูกค้าต้องการของ คุณภาพดี ลูกค้าเหล่านั้นย่อมยอมจ่ายอยู่แล้ว แต่ เราอาจจะเน้นสร้าง connection กับกลุ่มลูกค้า เก่าที่ยึดมั่นกับ brand เราให้มาก เช่น จัดส่วนลด 5-10% ให้ถ้ากรณีซื้อกระดาษมากกว่า 10 รีม ขึ้นไป สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่ลูกค้าประจำ อาจจะ จัด promotion ซื้อกระดาษ 1 รีมแถมอุปกรณ์ เครื่องเขียน/ของใช้สำนักงานสักอย่าง - พัฒนา product ให้เหมาะกับความต้องการ ของลูกค้า (บางทีในความหมาย “คุณภาพ” ของ ลูกค้าแต่ละคนไม่เท่ากัน) เช่น บางคนคิดว่ากระดาษ หนา และขาวแบบที่ Double A ทำ เป็นกระ ดาษที่ มี คุ ณ ภาพมากที่ สุ ด >>ในกลุ่ ม นี้ เ ป็ น กลุ่ ม แรกที่มี brand loyalty แล้ว สำหรับบางคน ที่คิดว่ากระดาษ Double A ขาวเกินไป สะท้อน สายตา>>เราก็ควรปรับปรุงทำกระดาษให้มีความ ขาวลดลงสำหรับขายลูกค้าในกลุ่มนี้ หากลูกค้าได้ คุณภาพที่ต้องการแล้ว คิดว่าลูกค้าก็จะยอมซื้อเพื่อ แลกกับความพึงพอใจ
3. จัด promotion (เช่น ซื้อ 10 แถม 1 หรือ อื่นๆ) ควบคู่กับการโฆษณาสินค้าผ่านช่องทาง ต่างๆ มากขึ้น เช่น ทีวี อินเตอร์เน็ต หนังสือ นิตยสาร เป็นต้น - จัดการขายร่วมกับร้านที่เป็นอุปกรณ์สำนักงาน เช่น ร้านหมึกพิมพ์ ร้านเครื่องเขียน - ทำธุรกิจร่วมกับร้านถ่ายเอกสาร (เนื่องจากต้อง ใช้กระดาษอยู่แล้ว) โดยทำเป็นสัญญาซื้อกระดาษ แบบผูกขาดเป็นของ Double Aเจ้าเดียว แต่การ เลือกร้านถ่ายเอกสารที่ร่วมงานมีหลายแบบ เรา อาจส่งกระดาษตามคุณภาพที่ร้านต้องการ เพราะ Double A ก็มีสินค้าเกรดต่ำกว่าต้นแบบ เป็น ชื่อยี่ห้ออื่นๆ เช่น ชิสุ, ไอเดียเวิร์ก เพื่อให้เหมาะกับ ต้นทุนของร้านถ่ายเอกสารแต่ละร้าน
13. Sirirat Srisakunwan 1. สำหรับเทรน Paperless เป็นเทรนที่มีมาค่อน ข้างนานแล้ว ซึ่งมองว่าจริงๆมันไม่ 100% มัน ทำได้ในส่วนงานหรือองค์กรที่เป็นเฉพาะส่วนเท่านั้น ซึ่งกระดาษถือเป็น raw material ในการผลิต product ต่างๆอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ, สมุด , กล่อง , ถุง ,โต๊ะ เก้าอี้ ,ชั้นวางของ และอื่นๆ มากมาย เราอาจจะใช้กลยุทธ์ขยายตลาดและ line product ให้กว้างขึ้น โดยอาจจะดีลกับโรงพิมพ์ / อาจจะนำวัตถุดิบกระดาษที่ตัวเองมีความเชียวชาญ นำมาต่อยอดผลิตเป็นกล่อง , ถุง และอื่นๆ 2. สำหรับราคากับคูณภาพ ถ้ามองในส่วนของ กระดาษ แล้วนั้นถ้าเราเป็นลูกค้า จะดุที่ราคาก่อน จากนั้นถึงไปดูที่คุณภาพ เพราะส่วนตัวคิดว่ามันคง เหมือนๆกัน ดังนั้นทาง Double A ต้องชูจุดขาย ของตัวเองให้เด่น เน้น Eco-friendly ต้องสื่อให้ ลูกค้าเห็นและจดจำให้ได้ เช่น อาจจะเน้นที่ Packaging, Ads ,หรือ ป้าย pop-up ตรงโซนที่ จำหน่าย เพื่อให้ลูกค้ารู้ถึง value ของสินค้า 3. ควรมีการจัดโปรโมชั่น เช่น จัดโปร ซื้อ 2 แถม 1 หรือ อาจจะมีการสะสมแพ็จเกจ10 แผ่น นำมา แลกฟรี 1 เป็นต้น หรืออาจจะมีการรับแลกกระดาษที่ลูกค้าแล้ว (นำมา รีไซเคิล) แล้วเปลี่ยนเป็นส่วนลดให้กับลูกค้าในการ ซื้อครั้งถัดไป
Warissa Kobpetchyok 1.คิดว่าองค์กรที่จะทำ paperless อาจเป็น องค์กรขนาดใหญ่ แต่องค์กรขนาดเล็ก หรือระบบ ข้าราชการอาจจะยังไม่สามารถทำ paperless ได้ทั้งหมดในขณะนี้ -->อาจต้องเข้าไปติดต่อกับ ลูกค้ากลุ่มเหล่านี้เป็นหลัก รวมถึงองค์กรใหญ่ๆ บางแห่งที่ยังไม่มีนโยบายทำ paperless ซึ่ง หมายความว่ายังมีช่องทางการขายอยู่ -แม้ว่าขณะนี้วงการสื่อสิ่งพิมพ์อาจจะถูก e book เข้ามาแย่งตลาด แต่ยังมีกลุ่มคนที่ conservative ชอบหรือต้องอ่านหนังสือจากกระดาษ จริง มากกว่า e book อาจจะต้องค้นหาลูกค้า เหล่านี้ให้เจอ อาจจะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ (สายตาไม่ ค่อยดี, ไม่ชอบเล่น internet) หรือกลุ่มเด็กใน วัยเรียน สถาบันสอนหนังสือกวดวิชา-->เข้าไป ทำความเข้าใจ customer เช่นมีเพื่อนที่ตอบใน ห้องว่าชอบกระดาษ green read และน้ำหนักเบา ตอนเป็นนักเรียน (ส่วนตัวก็ชอบเหมือนกัน) อาจ จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้ที่ตรงความต้องการของ ลูกค้า และทำโฆษณาเรื่องเป็นกระดาษถนอมสายตา (อย่ า งน้ อ ยพ่ อ แม่ ก็ น่ า จะสนใจเลื อ กใช้ ก ระดาษ ถนอมสายตาให้ลูก) หรือบริษัทที่พิมพ์หนังสือ textbook ใช้กระดาษคุณภาพดี มีทั้งหนา+หนัก +มัน+ถนอมสายตา หรือ หนา+เบา+ถนอมสายตา อาจจะทดลองพัฒนากระดาษเหล่านี้ขึ้นมาบ้าง -ทำผลิตภัณฑ์เพิ่ม เช่นบรรจุภัณฑ์ต่างๆ (เน้น concept รักษ์โลก ใช้กระดาษแทนพลาสติกหรือ โฟม) เช่น ถุงกระดาษทดแทนถุงพลาสติก ถ้วย/ แก้ว/จานกระดาษ กล่องเก็บของหริอลังกระดาษ สวยๆ หรือเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เช่น กระดาษลายน่ารัก post-it สมุดเดิมมีหลาย ขนาดอยู่แล้วก็เพิ่มลายเข้าไปที่หน้ากระดาษ ทำสมุด ฉีกลายกระดาษสวยๆ เป็นต้น - ทำโรงงานกระดาษ recycle และพัฒนา กระบวนการ recycle ให้ลดมลพิษจากเดิมให้ได้ เป็นเจ้าแรก และนำกระดาษ recycle แล้ว ไปทำ ผลิตภัณฑ์อย่างอื่นต่อไป
14. 2.คิดว่าลูกค้าของ double A ส่วนใหญ่ที่ตัดสิน ใจซื้อเพราะต้องการใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ต้องกา รงานเนี้ยบอยู่แล้ว ดังนั้นต้องทำให้เมื่อใช้สินค้าแล้ว ลูกค้ารู้สึกแตกต่างกับ brand อื่น เช่น เขียนเรียบ ลื่น ใช้ปากกาเน้นข้อความแล้วไม่ซึม เน้นเรื่องถ่าย เอกสารแล้วกระดาษไม่ติดเครื่องถ่ายเอกสาร หรือ พิมพ์แล้วหมึกติดทน สีชัดเจน ส่วนนี้อาจจะต้องใช้ โฆษณามาช่วยเสริมอีกเพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการ คุณภาพแต่ยังไม่เคยใช้ doubleAมาทดลองใช้ คงคุณภาพและพัฒนาให้การผลิตกระดาษมี ต้นทุนต่ำลง หรือพัฒนาคุณภาพกระดาษ เช่น กระดาษไม่เปียกน้ำ หรือกระดาษปลวกไม่ขึ้น^^ (อย่ า งน้ อ ยก็ ต้ อ งมี ค นซื้ อ ไปเขี ย นพิ นั ย กรรม หรือเอาไปใช้ในเอกสารสำคัญ เช่น ทะเบียน บ้าน,สูติบัตร, ปริญญาบัตร, passport->อันนี้ขายได้ทั่วโลก^^) 3.ทำ promotion และดูแลลูกค้ารายใหญ่ให้ดี บริการให้ดีกว่าคู่แข่ง - สำหรับลูกค้ารายย่อย/ค้าปลีก อาจวางขายให้หา ซื้อได้ง่าย เช่นร้านสะดวกซื้อ ร้านหนังสือ ศูนย์ หนังสือขนาดใหญ่, ทำ promotion ที่น่าดึงดูด ใจ เช่นซื้อ 20 แผ่น A4 แถมกระดาษปกสวยๆ 2 ใบ/ ซื้อ 1 รีม แถม green read 10 แผ่น - พัฒนาสินค้าสม่ำเสมอ ฟังเสียงของ customer ว่าต้องการอะไร เพราะกระดาษอาจจะ ตกเทรนด์ในการใช้อ่านเขียนในอนาคตก็จริงแต่ยัง สามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกมาก - โฆษณาต่อไปอย่าหยุด -เอาใจลูกค้ารักษ์โลก โดยเน้นเรื่องกระบวนการ ผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
15.
Chollan Khangkhaya 1. การรณรงค์การใช้กระดาษในหน่วยงานนั้น เป้นกระแสที่มีมาสักพักแล้ว ซึ่งอาจทำให้มีผู้ช้ กระดาษลดน้อยลงไปบ้าง แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ก็มีบางองค์กรที่ยังจำจะต้องใช้กระดาษอยู่ โดย เฉพาะหน่วยงานโรงพยาบาล ซึ่งต้องใช้กระดาษ ทำเอกสารคนไข้เป็นจำนวนมาก และไม่สามารถ ใช้กระดาษ re-use ได้ เนื่องจากข้อมาตรฐาน ที่กำหนดของโรงพยาบาล ดังนั้น Double A อาจเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนี้มากขึ้น หรืออาจะ แปลรูปกระดาษเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น กล่องข้าว กระดาษแทนการใช้โฟม หรือแก้วน้ำกระดาษ ของ ทํ า ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ข องใช้ จ ากกระดาษออกมาทํ า ขาย มากขึ้น 2. Double A อาจต้องชูจุดเด่นของกระดาษ ให้ลูกค้ารับรู้มากขึ้น เช่น สามารถใช้ได้สองหน้า กระดาษไม่ติดเครื่องถ่ายเอกสาร อาจทำโฆษณา ขึ้นมาเยอะๆ ให้ลูกค้ารับรู้ถึง value ของสินค้า เพราะปัจจุบันก็มีผุ้บริโภคที่ยอมจ่ายแพงเพื่อได้ใช้ ของที่มีประสิทธิภาพ 3. Double A ควรทำอย่างไรเพื่อให้ผู้บริโภคเดิม เกิดการบริโภคซ้ำของสินค้า? - อาจมีการทำโปรโมชั่นสินค้า ซื้อ2 แถม 1 หรือทำแคมเปญเอากระดาษเก่าที่ใช้แล้วนำมา แลกเป็นส่วนลดของกระดาษใหม่ แล้วทางบริษัทก็ นำกระดาษเก่าไปรีไซเคิลผลิตใหม่ได้อีก
16.
Kwanchanok Thirdtrisorn 1. - แม้ในปัจจุบันองค์กรต่างๆพยายามรณงค์ ให้ใช้กระดาษน้อยที่สุดหรือพยายามไม่ใช้กระดาษ ที่เรียกว่าpaperless แต่ในทางปฏิบัติจริงใน บางองค์กรไม่สามารถทำแบบนั้นได้จริงเช่น โรง พยาบาล คลินิค สำนักงานกฏหมาย กรมตำรวจ เป็นต้น เพราะเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวและข้อมูล สำคัญทางกฏหมาย สุดท้ายแล้วองค์กรพวกนี้ก็ต้ องกลับมาใช้กระดาษอยู่ดี แนวทางที่ Double Aควรทำคือ โปรโมทไปในแนวทางที่ประมาณว่า เป็นกระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, ช่วยกระจาย รายได้ให้กับเกษตรกร หรือจัดทำแคมเปญที่ช่วย หรือคืนประโยชน์กลับสู่สังคม 2. - Double A ต้องชูจุดเด่นของตัวเองว่าเป็นก ระดาษที่มีคุณภาพ สามารถใช้ได้ทั้ง2ด้าน กระกาษ ไม่ติดเครื่องปริ๊นเตอร์ คือวางจุดยืนในตลาดว่า เราคือกระดาษคุณภาพ ไม่ใช่กระดาษราคาถูกแต่ไร้ ซึ่งคุณภาพ ลูกค้าที่ต้องการคุณภาพจริงๆจึงจะ ตัดสินใจเลือก Double A 3. - ส่วนตัวมองว่าการที่ผู้บริโภคจะกลับมาซื้อ ซ้ำ เหตุผลเป็นเพราะตัวคุณภาพของสินค้าเอง ผู้ บริ โ ภคมองว่ า เงิ น ที่ จ่ า ยไปคุ้ ม ค่ า กั บ สิ่ ง ที่ ไ ด้ ม า เพราะฉะนั้นจึงควรสร้างความประทับใจ เน้นลูกค้าที่ เป็นองค์กรเพื่อที่จะได้ขายสินค้าในปริมาณมากและ ซื้อซ้ำในปริมาณมาก อาจจัดโปรโมชั่น ซื้อ5แถม1 หรือซื้อ 2 แพ็คขึ้นไปมีบริการส่งฟรี ที่สำคัญคือ พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องและฟังเสียงของลูกค้า
17.
Rapeeporn Chamneansuk
1. ปัจจุบันความนิยม paperless มากขึ้นก็จริง แต่ก็ยังมีบางองค์ที่ยังจำเป็นต้องใช้กระดาษ เพื่อ ให้มีเอกสารเป็นหลักฐานชัดเจนในส่วนนี้ทางดับเบิ้ล เอ อาจต้องหากลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ เอาไว้ให้ได้ ถ้ามองในเรื่องการใช้กระดาษคงไม่พ้น วงการหนังสือ นิตยาสาร ซึ่งยังได้รับการตอบรับ เป็นอย่างดีจากผู้บริโภค จึงคิดว่าธุรกิจกระดาษ ยังสามารถเติบโตไปได้อีก แต่อาจต้องมีการปรับ สิ น ค้ า ให้ ต รงกั บ ความต้ อ งการของลู ก ค้ า มากขึ้ น นอกจากนี้กระดาษยังสามารนำประยุกต์ใช้ได้หลาย อย่าง 2. ถ้าพูดถึงราคากับคุณภาพ ลูกค้าจะเลือกซื้อ กระดาษคุณภาพแบบไหน ขึ้นอยู่กับว่าต้องการนำ ไปใช้ทำอะไร ถ้าต้องการกระดาษคุณภาพดีก็คง ไม่เกี่ยงที่จะจ่ายแพงกว่า แต่บางครั้งวัตถุประสงค์ ที่จะใช้กระดาษไม่ได้สําคัญหรือจําเป็นที่จะต้องใช้ กระดาษคุณภาพดี ก็อาจคำนึงถึงราคามากกว่า คุณภาพของกระดาษในการเลือกซื้อ ดังนั้นทาง ดับเบิ้ลเออาจต้องผลิตกระดาษหลายๆแบบ (หลาย เกรด) ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของ ลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น 3. รักษามาตรฐานและคุณภาพของสินค้าให้เหมือน เดิม และเน้นการบริการลูกค้าเพื่อเพิ่มความพึง พอใจในระยะยาว
Ratsamee Youngwiriyakul
18.
1. สำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ปัจจุบันทุกองค์กร รณรงค์ Paperless บริษัทควรทำสินค้าประเภท กระดาษอื่นขึ้นมาทดแทนยอดขายกระดาษที่กำลัง จะลดลงเรื่อยๆ เช่น กล่องกระดาษที่สามารถพับ เป็นกล่องใช้ได้เลย ไม่ต้องมีการแปะกาว, จาน ชาม กระดาษ เพราะ กระดาษย่อยสลายง่ายกว่าโฟม และสามารถ recycle ได้ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำ จากกระดาษ เช่น เก้าอี้ โต๊ะ เป็นต้น นอกจากนี้ อาจพัฒนาเป็นสินค้าอยากอื่นที่ใกล้เคียงกับธุรกิจ เดิม เช่น กระดาษสติ๊กเกอร์ กระดาษ Poster 2. ลูกค้าจะยอมซือกระดาษในราคาแพงขึ้น ถ้า กระดาษมีคุณภาพที่ดีกว่าจริงๆ เช่น กระดาษ ถนอมสายตา ที่ช่วยถนอมสายตาได้จริง เหมาะกับ คนที่จ้องอ่านหนังสือมากๆ ดังนั้น Double Aจึ งควรคิดนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยเพิ่มคุณภาพกระด าษ ไม่ได้เน้นแค่ความขาวกับความลื่นเหมือนเดิม อาจพัฒนาเป็นกระดาษที่เปียกน้ำแล้วไม่เปื่อย หรือ กระดาษที่ยับยาก 3. การทำให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อซ้ำ อาจมี promotion พิเศษกับองค์กรที่ใช้กระดาษเยอะ เช่น หน่วยงานราชการ โรงเรียน โรงพิมพ์ ลดราคา ตามปริมาณที่ซือ ในปีหนึ่งซื้อขั้นต่ำเท่านี้จะได้ ส่วนลดเท่าไร หรือซื้อ 10 แถม 1 เป็นต้น และ อาจเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า โดยการริการ ส่งกระดาษถึงที่ นอกจากนี้ควรมีคุณสมบัติของ กระดาษที่แตกต่างจากเจ้าอื่นอย่างชัดเจน และ คุณสมบัติที่แตกต่างนั้นเป็นอะไรที่ตอบสนองความ ต้องการของลูกค้า
Nunnapatchsorn Phoonakh 1. Double A ควรทำการติดต่อกับองค์กรต่างๆ ให้มากขึ้นและสร้าง relationship ที่ดีกับองค์กร นั้นๆ เพราะแม้จะมีเรื่องการรณรงค์การใช้กระดาษ ให้น้อยลงและอย่างคุ้มค่า แต่ถึงยังไงก็ยังหลีก เลี่ยงการใช้กระดาษไม่ได้อยู่ดี 2. Double A ยึดมั่นในมาตรฐานของคุณภาพ กระดาษที่สูงกว่ายี่ห้ออื่นๆ ก็ควรเน้นขายคุณภาพ อย่างชัดเจนไปเลย โปรโมทในเรื่องสินค้าที่หนากว่า ใช้ได้ทั้ง 2 หน้าแบบไม่ทะลุอีกด้าน เพราะลูกค้าที่ ต้องการคุณภาพ คือ ผู้ที่ยอมซื้อของแพง เขาต้อง รู้ สึ ก แตกต่ า งจากกระดาษยี่ ห้ อ อื่ น เมื่ อ ใช้ สิ น ค้ า ที่ แพง และได้คุณภาพอย่างที่ได้โปรโมทอย่างแท้จริง 3. ทำโปรโมชั่น เช่น. สะสมห่อหรือซองครบ 10 ชิ้น นำมาแลกได้ 1 ห่อหรือซอง เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ อย่างต่อเนื่อง
20.
Nichamon Reunbunterng
19.
1. ในปัจจุบันนี้แทบจะทุกๆองค์กรมีการรณรงค์ ให้ลดปริมาณการใช้กระดาษให้มากที่สุด ซึ่งทาง Double Aจะต้องมีกลยุทธ์รองรับ อาจเป็นการ เพิ่มไลน์การผลิตออกไป เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ ทำจากกระดาษ เช่น กล่องกระดาษ จานกระดาษ หรือแก้วกระดาษ หรืออีกแนวทางหนึ่งคือมองไป ถึงด้านการศึกษานั้นยังมีจำเป็นในการใช้กระดาษ สำหรับหนังสืออยู่มาก ซึ่งการทำ contact กับ ทางสำนักพิมพ์ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีค่ะ 2. Double A สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ ค่อนข้างจะชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องของ “คุณภาพ” ซึ่ ง อยากจะให้ เ น้ น จุ ด เด่ น ในด้ า นคุ ณ ภาพไป เลย ทำการโปรโมตว่าจุดเด่นมีอะไรบ้าง เป็น คุณภาพที่คุ้มค่ามากกับราคาเท่านี้ แต่ถ้ามอง อีกแง่หนึ่งในด้านราคานั้น มีผลมากต่อคน ไทยการตัดสินใจซื้อสิ้นค้า ซึ่งหาก Double Aพยายามลดต้นทุนการผลิตลงได้อีก โดยที่ยังได้ คุณภาพเท่าเดิมนั้น ก็จะเป็นข้อได้เปรียบที่เหนือคู่ แข่งอยู่มาก 3. สิ่งที่จะทำให้คนกลับมาซื้อซ้ำได้นั้น น่าจะเป็น ในเรื่องของคุณภาพและในด้านของโปรโมชั่น ลด แลกแจก แถม ซึ่งDouble A มีจุดเด่นในเรื่อง ของคุณภาพอยู่แล้ว ก้จะต้องรักษาระดับคุณภาพ มาตรฐานเดิมของสินค้าเอาไว้และอาจจะมีการทํา โปรโมชั่น เช่น ซื้อ 5 รีม แถม 1 รีม สิ่งเหล่านี้น่า จะเป็นการที่ทำให้ยังเป็นการรักษาลูกค้าเอาไว้ได้ค่ะ
Napathawin Posala
21.
1. จากคําจํากัดความที่ทางกลุ่มอธิบายไว้ ว่า Paperless คือการที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะ ใช้กระดาษน้อยลง ไม่ว่าจะเป็น องค์กรที่มีนโยบาย Cost reduction หรือคนทั่วไปที่มีแนวโน้มการใช้ กระดาษลดลง เมื่อพิจารณาผู้บริโภคของ Double A โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ บุคคล ทั่วไปและบริษัทฯ ในความเห็นคิดว่า Double A ควรเลือกใช้กลยุทธ์ Market Penetration คือ เจาะตลาดคนกลุ่มเดิม เพิ่มให้มีการบริโภคซ้ำ และมากขึ้น เนื่องจากแม้จะมีนโนบาย Paperless ขององค์ ก รแต่ ผู้ บ ริ โ ภคก็ ยั ง มี ค วามต้ อ งการใช้ กระดาษอยู่ ดังนั้น Double A ต้องรักษาความ เป็น Cash cow ซึ่งทำได้โดย เน้นการขายกับ โรงเรียน มหาวิทยาลัยที่มีนักเรียน นักศึกษา ที่ มีความต้องการใช้กระดาษอยู่มาก หรือบริษัทฯ ต่างๆ โดยปรับกลยุทธ์การขายให้ลูกค้าสามารถ นำกระดาษที่ใช้แล้วมา เปลี่ยนเป็นกระดาษของ Double A ได้ โดยมอบส่วนลดพิเศษให้ หรือแลก เปลี่ยนเป็นกระดาษที่คุณภาพต่ำลงมา 2. ก่อนอื่นต้องตีความคำว่า “คุณภาพ” ก่อน ส่วนตัวมองว่าคุณภาพของกระดาษ สำหรับ ตั ว เองหากจะยอมจ่ า ยแพงเพื่ อ ซื้ อ กระดาษที่ มี คุณภาพ คือกระดาษจะต้อง “หนา อ่านสบายตา สามารถเขียนสองหน้าหมึกไม่ซึม” และสำคัญที่สุด คือต้องน้ำหนักเบา แต่ในความเป็นจริงเราอาจจะ ต้องยอมรับในระดับนึงว่า สินค้าประเภทกระดาษ เป็ น สิ น ค้ า ที่ ผู้ บ ริ โ ภคไม่ ไ ด้ ต ระหนั ก เรื่ อ งคุ ณ ภาพ ว่ามีความสำคัญอย่างไร สิ่งที่ต้องทำคือ Brand ต้องบอก ส่งสารไปยังผู้บริโภค โดยเริ่มต้นแบรนด์ ควรทำ Marketing research เพื่อตอบสนอง ความต้องการเรื่องคุณ ภาพที่หลากหลาย จาก นั้นจึงปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ นำคุณค่า ที่ลูกค่าต้องการมาเป็นจุดขาย และสื่อสารคุณค่านี้ ออกไป เช่น ทำ Brand ให้ดูLuxury ออกแบบ ผลิตภัณฑ์ให้ดูแพงขึ้น 3. แบรนด์ต้องเพิ่ม Channel ในการขาย คือ ขายตามร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้หาซื้อง่าย หยิบ ง่าย อยากใช้ก็หาซื้อได้ไม่ยาก มีบริการส่งตามบ้าน และมีขนาดหลายปริมาณมากขึ้น เน้นการขายแบบ B2B กับบริษัทเพื่อให้เกิดปริมาณในการซื้ออย่าง ต่อเนื่อง
Panithan Sornsamrit
1. คิดว่าความต้องการใช้กระดาษยังคงมีอยู่ Double A อาจจะไป Co กับสำนักพิมพ์หรือ หน่วยงานต่างๆ ที่ยังคงใช้กระดาษอยู่เรื่อยๆ หรือ อีกหนึ่งทางคือการแตก Line ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จาน ถ้วย หรือแม้กระทั่งแก้วกระดาษ แทนการใช้โฟมซึ่งมีการรณรงค์อยู่แล้ว และด้วย ตัว Brand ของ Double A เองมีคนรู้จักอยู่ แล้วการที่มี Line ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะทำให้คนหัน มาสนใจเพิ่มมากขึ้น 2. Double A ควรบอกให้คนรับรู้มากกว่านี้ จริงๆคนส่วนใหญ่ยังคงคำนึงเรื่อ Cost แต่โดย ส่วนตัวแล้วการบอกให้ชัดเจนไปว่าเราดีกว่าคู่แข่ง อย่างไร ลง AD เยอะๆ หรือไม่ก็บนซอง Claim คำพูดของตัวเองไปเลยว่า ของเรา สามารถใช้ซ้ำได้ มีสีที่ขาว หรือแม้กระทั่งไม่ติดเครื่องถ่ายเอกสาร ทำให้คนรับรู้มากที่สุดว่าแบรนด์ของเรามีอะไรแตก ต่างก็จะเกิดการรับรู้ แล้วก็ขายได้ เพราะลูกค้า่บาง กลุ่มก็ยังคงมองถึงประสิทธิภาพมากกว่า ราคา 3. จัดทำPromotion อาจจะ ซื้อ 1 แถม 1 หรือ จัดทำ promotion ร่วมกับองค์กรที่มีการสั่งซื้อ ของเรา โดยการนำกระดาษที่ใช้แล้ว จำนวน500 แผ่น มารับส่วนลดในการซื้อกระดาษกล่องใหม่ จำนวน 1รีม เพื่อให้เกิดการใช้ซ้ำ
22.
Nichapha Panya-arj-on 1. Paperless น่าจะนำมาใช้ได้จริงกับองค์กร ขนาดใหญ่มากกว่า และองค์กรที่มีขนาดเล็กคิด ว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่สร้างรายได้ ห ลั ก ของกระดาษ Double Aอยู่แล้ว จึงควรให้ความสนใจกับการ สร้างการบริโภคจากคนกลุ่มนี้เป็นหลัก หรือหากจะ ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ โดยนำนวัฒกรรมใหม่ ๆ มา ใช้ เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่ตัวกระดาษใหม่ และสร้าง การใช้งานที่แปลกออกไป เช่น การทำกระดาษสา กระดาษคราฟ หรือกระดาษแบบญี่ปุ่น เป็นต้น
23.
2.เน้ น ที่ ก ารสร้ า งการรั บ รู้ ใ ห้ แ ก่ ลู ก ค้ า ให้ เ ข้ า ใจว่ า คุณภาพ ของกระดาษ Double Aเป็นอย่างไร ดี กว่าคู่แข่งอย่างไรเพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ สนใจเรื่องคุณภาพกระดาษ แต่จะเน้นไปที่ราคาถูก กว่าเป็นหลัก โดยอาจจะใช้การโฆษณาเข้ามาช่วย ให้มากขึ้น รวมถึงการออกบูธประชาสัมพันธ์ใน Event ต่างๆ เพื่อสร้างประสบการร่วมกับลูกค้า 3. ตอกย้ำการรับรู้สินค้าอยู่ตลอดและรักษา คุ ณ ภาพของสิ น ค้ า ควบคู่ ไ ปกั บ การพั ฒ นาสิ น ค้ า ให้ดีขึ้น เพราะการทำให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าเราได้ก็ เปรียบเหมือนกับได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามา แล้วส่วนหนึ่ง หน้าที่ของ Double Aต่อไปก็คือ การรักษาความไว้วางใจนั้นไว้ให้ได้ และตอกย้ำการ รับรู้อยู่เสมอเพื่อไม่ให้ลูกค้าหันไปสนใจของยี่ห้ออื่น 1. เทรนด์paperless เกิดที่ขึ้นส่วนใหญ่มักเกิด ในองค์กรต่างๆที่หันมารณรงค์ให้ใช้กระดาษอย่าง รู้คุณค่าอาจจะเพื่อลดต้นทุน หรือเป็นการทำเพื่อ ลดการตัดต้นไม้ แต่ส่วนตัวมองว่ากระดาษยังมี ความจำเป็นอยู่ในการใช้เพื่อพิมพ์เป็นหนังสือแบบ เรียนต่างๆ หรือหนังสือนิยาย หรือพ็อคเก็ตบุ๊ค ก็ ยั ง มี ก ลุ่ ม คนที่ ช อบอ่ า นที่ เ ป็ น หนั ง สื อ กระดาษ มากกว่า Ebookดังนั้น DoubleAควรให้ควา มสำคัญกับลูกค้าที่เป็นสำนักพิมพ์ เพราะมีความ จำเป็นต้องใช้กระดาษและมี volume การสั่ง ซื้อสูง โดยผลิตกระดาษที่ตรงกับความต้องการ ของลูกค้า เช่น กระดาษที่รองรับเทคนิคการพิมพ์ ใหม่ๆ เพื่อให้หนังสือดูน่าสนใจ หรือกระดาษที่ ไม่เปื่อยเมื่อเปียกน้ำ อีกทางเลือกหนึ่ง DoubleAอาจจะทำการเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ เช่น ทำ กระดาษทิชชู่ ภาชนะ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จาก กระดาษรีไซเคิล Unchisa 2. เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าราคามีผลต่อการตัดสินใจ Pojsompong เลือกซื้อ DoubleAควรนำเสนอให้ลูกค้าเห็นคว ามแตกต่าง เช่น ณ จุดขายมีการนำตัวอย่างงาน พิมพ์จากกระดาษ DoubleAและกระดาษยี่ห้ออื่น มาโชว์เพื่อชูจุดเด่นในเรื่องคุณภาพสินค้า หรือจัด โปรโมชั่นขายร่วมกับกระดาษ ชิห์สุ เพื่อให้ลูกค้า รู้สึกว่าราคาไม่ต่างจากคู่แข่งมากเกินไป 3. จัดโปรโมชั่น เช่น นำชิ้นส่วนสินค้าเก่าเพื่อมา รับส่วนลดในครั้งต่อไป หรือมีบริการในการจัดส่ง สินค้าให้กับลูกค้า
25.
Issaraporn Chaiyanboon 1. Paperless เป็นนโยบายที่หลายองค์กรใช้ใน การลดปริมาณการใช้กระดาษลง แต่กระดาษก็ยัง เป็นสิ่งที่หลายๆองค์กรยังต้องใช้อยู่ Double A อาจจะไปเน้นลูกค้าที่ยังคงต้องการใช้กระดาษอยู่ เช่น โรงพิมพ์ โรงเรียนนักเรียน นักศึกษา เป็นต้น หรือจะเป็นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น กระดาษห่อ ของขวัญ แก้วกระดาษ กล่องกระดาษ เป็นต้น เพื่อ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ขึ้นบนความถนัดในการผลิตกระดาษของ Double A 2.สำหรับลูกค้าที่คำนึงถึงคุณภาพกระดาษ หรือ ความชอบส่วนตัวสำหรับกระดาษ Double Aที่เนันความขาว หนา ลูกค้าก็จะไม่ค่อยคำนึงถึง ราคาเท่าไหร่ เป็นราคาที่ยอมจ่ายได้สำหรับกระดาษ คุณภาพดี แต่สำหรับลูกค้าที่ใช้กระดาษยี่ห้อไหน ก็ได้ แน่นอนว่าราคามีผลอย่างมาก Double A อาจจะปรับลดราคาลงมาให้ใกล้เคียงกับยี่ห้อ กระดาษที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน หรืออาจจะมีการ เพิ่มปริมาณในราคาเดิมก็ได้ 3. Double A อาจจะมีการจัดโปรโมชั่นเช่น เพิ่ม ปริมาณแต่ราคาเดิม นำซองเก่ามาแลกเป็นส่วนลด เงินสดในการซื้อกระดาษ Double Aครั้งต่อไป ซื้อกระดาษแถมสมุดโน้ต เป็นต้น
24.
Tanattha Tatiyajinda
26.
1. -->สำหรับ Product Line เดิม Double A ไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ paper work base เช่น นักเรียน นักศึกษา, หน่วยงาน ราชการ (จากประสบการณ์ที่ไปติดต่อเห็นว่าส่วน มากยังใช้ paper work อยู่ค่ะ) และเพิ่มช่อง ทางการจัดจำหน่ายสำหรับกลุ่มที่มี potential นอกจากนั้นยังควรเน้นไปที่กระดาษไซส์ที่คู่แข่งไม่มี ตัวอย่างจากที่บริษัทของเอ๊ะ จะใช้กระดาษ A4 Idea Green แต่กระดาษไซส์อื่น เช่น A3, B5, F14 ใช้กระดาษของ Double A -->ขยาย Product Line กระดาษชนิดอื่นๆ หาก ลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น กระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือ, การ์ด, รูปภาพ, กระดาษสำหรับทำ packaging, ภาชนะ, ของ Decoration 2. -->Double A ได้สร้างการรับรู้ให้กับผู้ บริโภคมาตั้งแต่เริ่มแล้วว่ากระดาษ Double A มี คุณภาพเหนือคู่แข่ง ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็รับรู้ถึง ข้อนี้ โดยควรย้ำให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงจุดเด่น ของเราอยู่ตลอด และชูความแตกต่าง ว่า Double A ดีกว่ากระดาษของเจ้าอื่นอย่างไรให้เป็นรูปธรรม อาจจะเป็นการทำโฆษณา ทั้งทางโทรทัศน์ และ social media หรือจัด Event 3. -->ควรสร้างความประทับใจให้ลูกค้า ให้ลูกค้า นึกถึง Double Aเป็นแบรนด์แรกเมื่อจะซื้อกระดาษ ควรมีการทำ promotion กระตุ้นยอดขาย เช่น ส่วนลด, ของแถม ในส่วนลูกค้า corporate ควร มีการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี เช่น การให้ของขวัญ ตามเทศกาลต่างๆ
27. 1. แม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีมาตรการประหยัดทรัพยากร มาใช้ในองค์กรต่าง ๆ แต่บางองค์กรก็ไม่สามารถ ลดได้จริง เช่น หน่วยงานราชการ บริษัทเอกชน ที่มีการซื้อขายกับหน่วยงานราชการ หรือบริษัท เอกชนที่ทำงานด้านบัญชี การตรวจสอบต่างๆ เป็นต้น ดังนั้น Double A ควรจะเข้าไปขายหรือ ร่วมประมูลในหน่วยงานเหล่านั้น และเป็นผู้ชนะการ ประมูลเพื่อที่จะขายกระดาษได้ในปริมาณมากๆ โดย หน่วยงานเป็นผู้ซื้อ พนักงานเป็นผู้ใช้ ซึ่งการเป็นผู้ ใช้จะทราบถึงคุณภาพกระดาษที่ดีแตกต่างจากเจ้า อื่น สามารถใช้ได้ 2 ด้าน (นโยบาย paperless) การใช้บ่อยใช้ประจำทำให้เกิดความเคยชิน จะเกิด ความรู้สึกที่ดีกับ Double A ก่อให้เกิด brand loyalty ได้ เป็นเสียงสะท้อนภายในหน่วยงาน ๆ นั้น (เป็นการ lobby กลาย ๆ ให้ซื้อกระดาษของ Double A) 2. จากคำตอบข้อแรกกลุ่มผู้ใช้ Double Aจนเคยชิน จะมีลักษณะ brand loyalty ไม่ สามารถใช้ brand อื่นได้ การเกิด brand loyalty จะไม่ได้สนใจด้านราคาสินค้า เมื่อจะใช้กระดาษก็ จะต้องซื้อ Double A ซึ่งจะเปลี่ยนจากผู้ใช้อย่าง เดียวเป็นผู้ซื้อด้วย เป็นการขยายฐานลูกค้าจากเดิม ที่เป็นหน่วยงานเป็นผู้ซื้อ จะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าที่ เป็น customer อีกทางหนึ่ง 3. ในส่วนของจะต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้มี การซื้อซ้ำ ๆ จะต้องใช้การอัด promotion เป็น สิ่งดึงดูดใจ โดยการใช้วิธีซื้อ 5 รีม ลด 20% หรือส่ง smsชิงรางวัล i-phone ท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ เพราะคนจะสนใจของ ที่ลดราคา ของแถมอื่นเพิ่มเติม
Pornpun Jirathawornruk
Pongkiat Sae-lim
28.
1. ในความเห็นของผมมองว่าการที่จะไปถึง paperless ยังไม่ใช่เร็ววันนี้ เนื่องจากในการที่ จะไปถึงระดับการไม่ใช้กระดาษ จำเป็นที่จะต้อง มีเทคโนโลยีที่รองรับได้ในระดับที่เพียงพอ และ บุคคลากรต้องมีความพร้อม ทำให้บริษัทที่มีความ พร้อมจะเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ นอกจากนี้สื่อ สิ่งพิมพ์ต่างๆยังมีความจําเป็นต้องใช้กระดาษใน การพิมพ์ แนวทางในการดำเนินงานเพื่อรับมือกับ paperless ควรที่จะจับตลาดกับกลุ่มที่ต้องใช้ กระดาษ เช่น งานราชการ โรงเรียน มหาลัยต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้กระดาษจำนวนมาก นอกจากนี้มอง ว่ า ยั ง มี ต ลาดกลุ่ ม อื่ น ที่ น่ า สนใจอี ก เป็ น กลุ่ ม เด็ ก อนุบาล โดยใช้กระดาษในการเขียน วาด พับ เพื่อ เป็นการเสริมพัฒนาการ และจินตนาของเด็กให้เป็น อย่างที่ควรเป็น เนื่องจากปัจจุบัน tablet เข้ามามี บทบาทมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เด็กขาดพัฒนาการบาง ด้าน มีผลให้เด็กความอดทนลดลง เพราะ tablet สามารถหาข้อมูลและสามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว 2. การที่จะทำให้ลูกค้ายอมซื้อได้ต้องสร้างความ ชัดเจนของความแตกต่างระหว่างกระดาษคุณภาพ ดีกับกระดาษทั่วๆไป โดยสื่อถึงเรื่องของการใช้งาน ด้านต่างๆ ทั้งการเขียน การพิมพ์ การเก็บรักษา ระยะเวลานานๆ และแสดงให้เห็นถึงผลเสียของ การใช้กระดาษคุณภาพไม่ดี เช่น ตัวอักษรไม่คม ชัด การเลือนลางหายตามกาลเวลา ไม่สามารถใช้ กระดาษได้ทั้งสองหน้า หมึกซึมทะลุอีกด้าน 3. การทำให้ผู้บริโภคกลับมาใช้ซ้ำทำโดยการจัดทำ โปรโมชั่น เช่น ซื้อกระดาษ 10 รีม แถม 1 รีม และร่วมมือกับบริษัทขายเครื่องเขียน ทำการจัด ส่งสินค้าประเภทเครื่องเขียนให้ครบวงจร เป็นการ สร้างความสะดวก และก่อให้เกิดพึงพอใจ ทำให้เกิด การมาใช้บริการซ้ำอีก
Supapim Auansakulseree
29. 1. -สำหรับลูกค้ากลุ่มเดิม อาจมีการ Develop ให้มีความรู้สึก Green มากขึ้น ใช้กระดาษแล้ว ดี ต่อสิ่งแวดล้อม สร้างภาพใหม่ให้ User - ลองเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจ ไม่ว่าอย่างไร กระดาษก็ยังคงจำเป็น แต่อาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้ากลุ่ม เดิมของ Double Aตามโรงพิมพ์ในปัจจุบัน ยัง คงมีสมาคมที่ใหญ่มากในประเทศไทย ถ้า Double A ลองจับลูกค้ากลุ่มนี้ น่าจะได้ลูกค้าในระยะยาว และมี Volume ในการสั่งซื้อเยอะ แต่ต้องมี เสป็ค ตามที่โรงพิมพ์ใช้ 2. - สำหรับกลุ่มออฟฟิส ขายเครื่องถ่ายเอกสาร ราคาไม่แพง พร้อมขายกระดาษเป็นแพคคู่กัน ต้อง ใช้กับกระดาษ doubleAเท่านั้น (แต่คุณภาพก็ ต้องดีกว่าจริงๆ) - สำหรับ End-user ต้องสร้างภาพที่ดีกว่า ให้ลูกค้าเห็นจริงๆ เพราะเนื่องจากเวลาใช้กระดาษ ไม่ค่อยรู้สึกถึงความต่างของกระดาษว่ามันดีกว่า ยังไง เวลาซื้อกระดาษจะเลือกอันที่ถูกกว่าและก็ดู โอเค ไม่จำเป็นต้อง Double A เลย 3. - ทำโปรโมชั่น หรือทำอย่างไรก็ได้ให้เรามีฐาน ข้อมูลของลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว เช่น ลงทะเบียนได้ ส่วนลดหรือจับรางวัล เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ ในการส่งข่าวสาร โปรโมชั่น หรือสิ่งที่เรียกให้คนมา ซื้อ Double Aได้อีก
30. Sireephat Arnprom Kusuma Kaewphet 1.ควรมีการปรับกลยุทธ์หากในสำนักงานลดการ ใช้กระดาษ อาจมีการแตกไลน์ไปสู่เครื่องเขียนจาก กระดาษคุณภาพ ทั้งสมุด กระดาษโน้ต ไดอารี่ ที่ เน้นการเป็นเครื่องเขียนที่มีดีไซน์ เพื่อทดแทน การนํ า เข้ า เครื่ อ งเขี ย นคุ ณ ภาพจากต่ า งประเทศ โดยปรับโฉมให้เป็นร้าน ดั๊บเบิ้ล เอ สเตชั่นเนอ รี่ หรือร้านเครื่องเขียนคุณภาพ เพื่อให้ร้านเครื่อง เขี ย นในท้ อ งตลาดที่ อ ยู่ ใ นภาวะที่ ต้ อ งแข่ ง ขั น กั บ ห้างดิสเคาน์สโตร์ และห้างสรรพสินค้า สามารถ แข่งขันได้ เพราะรูปแบบร้านใหม่นี้จะจัดวางสินค้า แบบมีระบบ เลือกซื้อได้ง่าย ลดปัญหาการจัดกา รสต็อกสินค้าของร้านค้ารูปแบบเดิม ๆ โดยมีสินค้า คุณภาพมากมายจากเครื่องเขียนของ ดั๊บเบิ้ล เอ เนื่องจากทำให้ร้านค้ามีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น และได้รับประโยชน์จากร่วมเป็นเครือข่ายพันธมิตร กับ ดั๊บเบิ้ล เอ 2. บางครั้งคุณภาพดี ลูกค้าก็ยอมจ่ายแพง กว่า เช่นกระดาษที่บางเกินไปหากนำไปพิมพ์ หรือ เขียน อาจจะไม่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความ คมชัดของเนื้อหา หรือการควบคุมความชื้นของ กระดาษก็ มี ส่ ว นทํ า ให้ ก ารพิ ม พ์ ข องเนื้ อ หามี ผ ล ต่อคุณภาพกระดาษเช่นกัน ของแพงกว่าขายได้ เนื่องจากปรับปรุงคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน แต่ละประเภท และคุณลักษณะเฉพาะของกระดาษ นั้นๆเหมาะกับอะไร เช่นงาน print สี คุณภาพ ดี ควรเลือกกระดาษเนื้อละเอียดมีคุณภาพ เมทื่อ วลาprint สีไม่เละเปื้อน เพราะขึ้นกับความหนาและ ความละเอียด และแน่นอนราคาแพงกว่ากระดาษ บางทั่วไป 3. ลูกค้าองค์กรใหญ่ๆ ที่มีปริมาณการสั่งซื้อ กระดาษจำนวนมาก ควรได้ส่วนลดหรือการแถม กระดาษตามปริมาณการสั่งซื้อในปริมาณที่ลูกค้า พึงพอใจแต่ก็ไม่ทำให้ขาดทุนในส่วนกำไรมากเกินไป เพื่อคงปริมาณการสั่งซื้อหรือเพิ่มปริมาณการสั่ง ซื้อจากกลุ่มลูกค้าเดิมมากขึ้น รวมทั้งคำนึงในเรื่อง การบริการ อำนวยความสะดวกต่างๆในการส่ง สินค้าตามเวลาที่ต้องการ หรือมีศุนย์จำหน่ายเพิ่ม ขึ้นเป็นต้น
31.
1. paperless เป็นสิ่งที่หลายๆองค์กรกำลังทำ อยู่ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าอย่างไรก็ตาม กระดาษ ก็ยังต้องใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นตามสถานศึกษา ร้าน ค้า ก็ยังต้องใช้กระดาษ เช่น หนังสือ จัดบอร์ด ประชาสัมพันธ์ ใบปลิวโฆษณา นักเรียนใช้กระดาษ จดงาน ทำรายงาน ซึ่งส่วนตัวนั้นใช้กระดาษของ Double A แบรนเดียว ไม่ใช่แบรนอื่น เพราะว่า กระดาษมีความหนา รุ้สึกได้เลยว่ามีคุณภาพ (แต่ สว่างไปนะคะ เพราะช่วงนี้ถ้าใช้จดงานก็จะใช้กระ ดาศถนอมสายตา เพราะรักษ์โลก ส่วน Double A จะใช้ปริ้นงานค่ะ )ดังนั้น กลยุทธ์ที่ Double A ควรใช้ ควรมุ่งไปที่หน่วยงานที่ใช้กระดาษเยอะ อาจ สร้างโปรโมชั่น หรือหาพาร์ทเนอร์มาช่วยในการ ครีเอทproduct ใหม่ที่ตอบสนองกระแส paperless 2. ถ้าของคุณภาพดีกว่าอย่างชัดเจน ต่อ ให้แพงลูกค้าก็จะยอมจ่าย ดังนั้น Double Aควรเสนอคุณภาพให้กับลูกค้า ว่าแตกต่างจาก แบรนด์อื่นอย่างไร ที่จะต้องทำให้ขาวสว่างๆแบบ นี้เพราะอะไร ชูความแตกต่างให้ลูกค้าสัมผัสถึง คุณค่านั้นได้จริงๆ ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่า Double A ก็มีคุณภาพเรื่องความหนาของกระดาษ จ่าย แพงแต่ก็คุ้มค่ะ 3. ถ้าสินค้ามีคุณภาพ ต่อให้ราคาเท่าไร หรือแพง แค่ไหน ลูกค้าก็ต้องซื้อซ้ำค่ะ นอกจากเสนอคุณค่า ให้แก่ลูกค้าแล้ว การจัดโปรโมชั่น ก็เป็นสิ่งที่ลูกค้า จะกลับมาซื้อซ้ำ ยิ่งถ้าลูกค้ารายใหญ่ เช่นหน่วย งานราชการที่สั่งกระดาษเยอะๆ อาจมี การลดราคา แถมปากกา หรือทำสินค้าสมนาคุณแจกเมื่อยอด ซื้อถึงเป้า การแจกของพรีเมี่ยมสมนาคุณก็เป็นการ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
Satit Porcharoen
32.
1. ไม่สามารถปฎิเสธได้ว่า แนวทาง Paperless ที่หลายๆบริษัทกำลังดำเนินการนั้น ส่งผลกระทบ ต่ อ ยอดหรื อ การใช้ ก ระดาษอย่ า งหลี ก เลี่ ย งไม่ ไ ด้ แต่จากการสังเกต พบว่า ยังมีงานหลายประเภท ที่ ต้องมีการใช้ กระดาษ อาทิ เอกสารสำคัญที่ต้อง ลงลายมือชื่อ หลักฐานทางราชการต่างๆ หรือ เอกสารทางการที่ต้องมีการแจกจ่ายแบบไม่เจาะจง ดังนั้น DoubleAอาจจะต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดย เปลี่ยนจากกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ใช้กระดาษ เป็นการ เพิ่ม หรือ Focus ในตลาดเฉพาะกลุ่ม อาทิ กลุ่ม กลุ่มสิ่งพิมพ์คุณภาพสูง หรือ Photo Print ที่ ต้องใช้กระดาษในการดำเนินการ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้า ที่ ใ ห้ คุ ณ ค่ า กั บ คุ ณ ภาพกระดาษและยอมลงทุ น ใช้ กระดาษคุณภาพสูง 2. หากเป็นงานที่ไม่ได้มีความสำคัญในระยะ ยาว อาทิ Print เอกสารใช้ชั่วคราว, Draft หรือ เอกสารที่ไม่ได้สำคัญ หรือพิมพ์ปริมาณมากๆ เช่นเอกสารนำส่งราชการ การที่ลูกค้าจะเลือกใช้ กระดาษคุณภาพสูง แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะ ต้องใช้ ต้นทุนและลูกค้าส่วนใหญ่ไม่เห็นความจำเป็นที่ต้อง ใช้กระดาษคุณภาพสูงและราคาแพงกับงานประเภท นั้น ในทางกลับกัน หากเป็นลูกค้าในกลุ่ม Fine Print หรือ ด้านโฆษณาและสิ่งพิมพ์ ที่ให้ความ สำคัญกับงานพิมพ์และคุณภาพกระดาษ หาก คุณภาพกระดาษ DoubleAเป็นที่ยอมรับและสาม ารถใช้ได้กับกลุ่มประเภทนี้ ลูกค้าย่อมยอมจ่ายแพง เพื่อแลกกับคุณภาพ 3. อาจจัด Campaign ส่งเสริมการขาย เพื่อให้ ราคา สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ นอกจาก นั้น อาจต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เพื่อให้ สามารถเข้าถึง หรือตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้น อาทิ กระดาษแปรรูป เป็นสมุด เป็นกระดาษอาร์ท เป็นก ระดาษสำหรับเครื่อง Print สี เป็นต้น หรือแม้ กระทั่ง ตลาดกลุ่มเด็กผู้หญิง วัยรุ่น (ยกตัวอย่าง 555 paperplusที่เป็นกระดาษรูปร่างสวยๆ แบบต่างๆ สำหรับวัยรุ่นสาวโดยเฉพาะ) เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว IdeaWork, Idea Green คุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ราคาดีกว่า DoubleAจึงอยากให้ทาง Double A พิจารณา นโยบาย และกลยุทธ์การแข่งขันใหม่ เพือแก้ไขส ถาณการณ์ทั้งปัจจุบัน และในอนาคต
Tanyatorn Singhagraiwan 1.เนื่ อ งจากในปั จ จุ บั น การอนุ รั ก ษ์ สิ่ ง แวดล้ อ ม ทางธรรมชาติเป็นสิ่งสําคัญที่คนไทยต่างช่วยกัน รณรงค์ การใช้เทคโนโลยีแทนการใช้กระดาษก็ เช่นกัน ซึ่งอาจจะทำให้การใช้กระดาษน้อยลง แต่ อย่ า งไรก็ ต ามก็ ไ ม่ ไ ด้ ห มายความว่ า ทุ ก องค์ ก รจะ ไม่ใช้กันหมด ทาง doubleAควรจะเน้นโปรโมท กับองค์กรทางส่วนราชการ เพราะปัจจุบันนี้เชื่อ ว่า องค์กรทางราชการยังใช้กระดาษใน process ต่างๆระหว่างหน่วยงานอยู่ หรือการโฆษณาโดน เน้นว่าไม่ทำลายสภาพแวดล้อม หรือเน้นย้ำคุณภาพ กระดาษว่าถนอมสายตา เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุก วัย เป็นต้น 2.ควรปรั บ ปรุ ง คุ ณ ภาพกระดาษให้ ผู้ ใ ช้ อ่ า นแล้ ว สบายตา ถนอมสายตาและใช้จุดนี้เป็นจุดดึงดูดผู้ บริโภค โฆษณาตอกย้ำ ซ้ำๆ ให้ผู้บริโภคจำได้ขึ้นใจ 3.การจัดโปรโมชั่น การออกบูท การดีลกับองค์กร ที่ยังใช้กระดาษ และเพิ่มสิทธิพิเศษ สำหรับองค์กร นั้นๆ
33.
R E F L E C T I V E E S S A Y / /
R O J L U C K CHUENCHONLATEE 5 8 5 0 1 8 2
}
สิ่งที่ได้จากการเรียน วิชา MGMG 508 Strategic Marketing Management อย่างแรก คือ ความรู้เกี่ยวกับการตลาดทั้งจากในบทเรียนและนอกบทเรียน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยต่างๆ กลยุทธ์การ ตลาดประเภทต่างๆ เช่น SWOT, Five Forces Model, 4P ฯลฯ นอกจากนี้ ยังได้เรียนรู้ถึงการสร้างแบรนด์สินค้า การทำให้แบรนด์ติดตลาด เข้าไปอยู่ในใจของ ผู้บริโภค การทำแบรนด์ กลยุทธ์และการรักษาแบรนด์ให้อยู่ในระดับที่ดีไปได้ตลอด ซึ่งความรู้เหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ กับงานในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี อย่างที่สองที่ได้จากการเรียนในวิชานี้ คือ ความสนุกสนาน ทั้งจากการสอนของ อาจารย์ ที่เน้นความรู้บวกกับความสนุกสนาน ทำให้การเรียน 3 ชั่วโมงผ่านไปอย่าง รวดเร็ว ไม่เครียด และรู้สึกไม่เหนื่อยถึงแม้จะเป็นการเรียนหลังจากเลิกงานก็ตาม นอกจากนี้อาจารย์ยังมีผลิตภัณฑ์และคลิปโฆษณาที่แปลกๆไม่เคยเห็น มาให้ได้ดูได้ ศึกษา สร้างความตื่นตัวในการเรียนให้กับเด็กๆมากขึ้น รวมถึงบางบทเรียนได้มีการ ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ ทำให้ได้รู้จักและได้สนิทกับเพื่อนๆในชั้นเรียนมากขึ้น และความสนุกจากบทเรียน ที่เราได้เรียนรู้ในเนื้อหาต่างๆที่เราเองไม่เคยได้รู้มาก่อน อย่างที่สามที่ได้จากการเรียนในวิชานี้ คือ มิตรภาพและการได้เรียนรู้การทำงาน เป็นทีม เพราะในวิชานี้มีการทำ Marketing Conference ซึ่งเป็นงานที่ต้องทำ ร่วมกันกับเพื่อนๆในกลุ่ม ทำให้ได้เจอกับปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งในเรื่องของเวลา ที่มีอยู่อย่างจำกัด และเวลาของแต่ละคนที่ไม่ตรงกัน ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมาย ซึ่งเราก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน เพื่อร่วมกันแก้ ปัญหาและทำให้งานสำเร็จได้ด้วยดี และตรงตามเวลา
A R U N E E WEERAJITSAKULNGAM 5 8 5 0 1 8 8
}
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชานี้ ในส่วนของเนื้อหาวิชา วิชา Strategic Marketing Management ที่ได้ เรียน ทำให้ได้รับความรู้ในด้านการตลาด การวิเคราะห์ปัจจัย หรือผลกระทบต่างๆที่ ส่งผลต่อองค์กร หรือวิธีการโน้มน้าว สร้างแรงจูงใจ ประชาสัมพันธ์หรือแนวความ คิดไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการทำการตลาด ทำให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น ได้เห็น อะไรใหม่ๆ จากสิ่งที่เรามองข้ามไป หรือเคยชินในทุกๆวัน มีการคิดวิเคราะห์อย่าง เป็นระบบ หรือแม้แต่การเลือกใช้กลยุทธ์ต่างๆมาใช้ได้อย่างเหมาะสม และรู้สึก ว่าการเรียนวิชา Marketing ไม่น่าเบื่อ เนื่องจากอาจารย์มีการนำเรื่องราวที่เกี่ยว กับเนื้อหาหรือเคสจริงจากบริษัทต่างๆมาสอดแทรกในการสอนอยู่เสมอ ในส่วนของการทำกิจกรรมกลุ่ม Marketing conference ครั้งนี้ ทำให้ได้รู้จัก การทำงานเป็นทีมมีการแบ่งงานกันทำ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการ brain storm และยอมรับความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในทีมหรือเพื่อนใน ห้อง มีการช่วยวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกันหรือช่วยกันเสนอความ คิดเห็นเพื่อช่วยปิดจุดอ่อนให้บริษัทที่เพื่อนนำมาพรีเซนต์
P A K A M O N P U T T I P I N Y O 5 8 5 0 1 7 8
}
สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชามีดังนี้ เนื้อหาในส่วนทฤษฎี การได้เรียนรู้ส่วนที่เป็นเนื้อหาวิชาการตลาด การได้เพิ่มเติม ในส่วนขององค์ความรู้บางอย่างที่อยู่ในชีวิตประจำวัน แต่เราไม่ได้สังเกตเห็น การ ทำให้สินค้า หรือบริการของบริษัทนั้นอยู่รอด ถ้าหากเราต้องการทำธุรกิจนั้น เราจะ ต้องทราบข้อมูล หรือ มีการจัดการกับข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร สินค้าเราควรเป็นอะไร และควรอยู่ในตำแหน่งใดในใจของผู้บริโภค การพิจารณาในเรื่องของผลิตภัณฑ์ ราคาสินค้า สถานที่ การทำโปรโมชั่น ที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการต่างๆ ข้อมูลของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ วัตถุประสงค์ที่บริษัทต่างๆสอดแทรกเข้าไป ในการทำการตลาด จากสิ่งที่อาจารย์นำมาสอนในห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดิโอ สื่อโฆษณา เว็บไซต์ สื่อออนไลน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยพบเห็นในชีวิตประจำวัน หรือคิดว่าจะมีจำหน่าย เนื้อหาสาระต่างๆที่เรียนนั้นสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ในการ เรียนรู้ ทำให้มีมุมมองในเรื่องของการตลาดที่กว้างออกไปมากยิ่งขึ้น การทำกิจกรรมงานกลุ่มทำให้ได้ มีการทำงานร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันสำหรับเพื่อนร่วมทีม ได้เรียนรู้ข้อมูลขององค์กรนั้นๆที่สมาชิกกลุ่ม ร่วมกันเลือกที่จะศึกษาหาข้อมูล และนำมาจัดสัมมนา เพื่อนำเสนอข้อมูลร่วมกัน อีก ทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสำหรับเพื่อนร่วมห้องอีกเช่นกัน นอกจากนั้น แล้วยังทำให้ทราบข้อมูลในส่วนของกลุ่มธุรกิจอื่นๆที่เพื่อนๆร่วมกันนำเสนอ มีการ ตั้งคำถามเพื่อให้เกิดการคิดอย่างสร้างสรรค์ ในการมองปัญหา การหาแนวทาง การแก้ไข การพัฒนาธุรกิจต่างๆให้ดำรงอยู่ได้และเติบโตต่อไป
N a t L e r d p o n g p u s 5 8 5 0 1 6 7
}
สิ่งที่ได้จากการเรียนวิชาการตลาดเชิงกลยุทธ์ คือ ได้ความรู้จากบทเรียนที่ได้ เรียนในห้อง ได้เปิดมุมมองใหม่ๆในด้านการทำการตลาด ชอบเรื่องที่อาจารย์นำ มาเล่าเสริมในห้องเรียน case study ที่มีความน่าสนใจมากมาย เห็นแนวคิดใน การนำกลยุทธ์ทางการตลาดมาใช้ในสินค้า ทั้งตัวสินค้าที่เคยเห็น เคยใช้และสินค้า บางตัวไม่เคยเห็นมาก่อน(สินค้าบางตัวคิดว่าคงไม่สามารถหาดูได้จากที่อื่นอีกแล้ว) ซึ่งประทับใจและตื่นเต้นทุกครั้งที่อาจารย์หยิบสินค้าออกจากถุงที่อาจารย์เตรียมมา ส่วนนี้ทำให้รู้ว่าของบางอย่างที่มันเคยมีและได้หายไป มันก็มีคุณค่าในตัวของมัน เอง อย่างน้อยมันก็เป็นสื่อกลางของประสบการณ์จากอดีตที่ส่งผ่านมาถึงปัจจุบัน ได้ การทำงานMarketing Conference ช่วยให้ได้ทักษะวิธีการคิด การวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม เพื่อนทุกคนมีความตั้งใจมากอยากให้งานของกลุ่มออกมาดีที่สุด และร่วมมือกันจนสามารถทำมันออกมาได้ ชอบตอนที่อาจารย์มาถามก่อนและหลัง ทำConference ก่อนวันที่จะPresent(วันที่Presentกลุ่มก่อนหน้า)อาจารย์จะ เรียกกลุ่มเรามารวมกันและถามว่า “หนูคิดว่ากลุ่มที่presentวันนี้ เขาทำอะไรได้ด”ี “คิดว่าเขาน่าจะปรับปรุงพัฒนาตรงไหน” และ “กลุ่มหนูสามารถนำอะไรจากกลุ่ม เพื่อนมาปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น” และในวันที่กลุ่มเราPresentเสร็จ คำถามจาก อาจารย์ก็จะมาคล้ายๆกัน “หนูคิดว่าการPresentวันนี้ของกลุ่มหนู หนูชอบอะไร มากที่สุด” “หนูคิดว่าต้องปรับปรุงอะไร” “หนูได้อะไรจากการทำงานนี้” คำถามที่ อาจารย์ถามเป็นคำถามที่เรียบง่าย แต่เป็นคำถามที่มีพลัง ทำให้เราได้คิดทบทวนและ รู้ว่าว่า เราทำอะไรไปแล้วบ้าง อะไรคือสิ่งที่เราทำได้ดี ซึ่งก็ให้รักษาคงไว้ อะไรคือสิ่ง ที่เรายังขาด เราก็ต้องไปหา ไปพัฒนาปรับปรุงต่อ และเรานำประสบการณ์ของผู้อื่น มาเป็นบทเรียนของเราได้หรือไม่ ความรู้เป็นสิ่งที่เราสามารถหาได้จากสิ่งต่างๆที่อยู่ รอบตัว แต่ที่สำคัญคือเรานำความรู้นั้นมาพลิกแพลง ปรับใช้ได้หรือไม่ ระหว่างทาง ที่เราเดินเราเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง สุดท้ายขอขอบคุณอาจารย์ยุ้ยที่ได้ประสิทธิ์ประ ศาสตร์วิชาความรู้ ทั้งความรู้ด้านการตลาดและความรู้ในการใช้ชีวิตครับ
N A T T O P R 5 8 5
}
N I P A A S E R T 0 1 7 3 การที่ได้มาเรียนวิชา Strategic Marketing Management ในส่วนของตัว บทเรียน ได้รับความรู้ในด้านการตลาดว่ามีอยู่รอบตัวเราเยอะแยะมากมาย เพียงแต่ เราไม่ทันได้สังเกตมัน แล้วการที่อาจารย์ได้เอาผลิตภัณฑ์ที่เลิกวางจำหน่ายไปแล้ว หรือบางผลิตภัณฑ์ที่หาแทบไม่ได้แล้วมาให้นักศึกษาดูในห้อง เป็นสิ่งที่ดีมากเลยค่ะ ทำให้เวลาออกไปข้างนอกอดไม่ได้ที่จะคอยหาคอยสังเกตสิ่งที่อาจารย์มาแชร์ให้ฟัง ในห้อง เป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำความรู้ทางด้านการ ตลาดที่เรียนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น การที่ร้านค้าจัดโปรโมชั่นต่างๆการ ใช้กลยุทธ์ในการตั้งราคา พอได้เรียนแล้วก็ทำให้ทราบว่า การที่เราตัดสินใจซื้อสินค้า แต่ละอย่าง การตั้งราคาที่ดึงดูดมีส่วนต่อการตัดสินใจซื้อจริงๆ ในส่วนของการทำงานกลุ่ม ทำให้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ได้ทำงานกันเป็น ทีม แม้ว่าทุกคนจะต่างมีงานประจำที่จะต้องทำกัน แต่ทุกคนก็ทุ่มเทเพื่อการทำงาน กลุ่มนี้มาก แสดงให้เห็นถึงSpiritของเพื่อนในกลุ่มเป็นอย่างมาก และผลงานก็ออก มาเป็นที่พอใจของทุกๆคน เป็นการทำงานที่เหนี่อยแต่ก็สนุกมาก ในส่วนของCaseที่อาจารย์ให้หาข้อมูลในการสอบแต่ละครั้ง ทำให้รู้ว่า วิชานี้ไม่ สามารถอ่านคนเดียวได้ ต้องมีการระดมสมองกับเพื่อนๆ มีการแชร์ข้อมูลที่แต่ละ คนหามาได้ แล้วมาช่วยกันวิเคราะห์ตามบทเรียนที่ได้เรียนไป ทำให้รู้สึกว่าการเรียน ปริญญาโทต้องช่วยเหลือกัน จะต่างคนต่างเรียนนั้นไม่ได้เลยจริงๆค่ะ
N A T T A P A W E E R O D J I T T 5 8 5 0 2 8 5
}
การที่ได้มาเรียนวิชา Strategic Marketing Management นี้ทำให้รู้เรื่อง การตลาดของหลายๆบริษัท ทำให้ดูข้อมูลใหม่ๆที่ยังไม่ได้รู้ เหมือนได้เปิดประสบกา รณ์ใหม่ๆ อีกทั้งการเรียนกับอาจารย์ยุ้ย สนุกมาก อาจารย์จะมีเรื่องต่างๆเกี่ยวกับ เนื้อหาที่เรียนมาเล่าให้ฟังตลอดจนบางครั้งรู้สึกเหมือนกับไม่ได้มานั่งเรียน แต่มานั่ง ฟังทอร์คโชว์ อาจารย์มักจะยกตัวอย่างเคส และประสบการณ์ส่วนตัวของอาจารย์ เองมาเล่าให้ฟังตลอด เลยจะไม่รู้สึกเบื่อกับการเรียนวิชานี้เลย อีกทั้งอาจารย์จะ พยายามให้เพื่อนๆช่วยกันแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ ทำให้เรามีมุมมอง ด้านการตลาดใหม่ๆที่คิดไม่ถึง ส่วนการทำ Marketing conference ทำให้รู้เกี่ยวกับแผนการตลาดของ บริษัทฯ (Double A) มากขึ้น และการทำ Conference นี้เหมือนเป็นการทำการ ตลาดเบื้องต้นโดยการพยายามคิดทำว่าจะต้องนำเสนออย่างไรให้เพื่อนสนใจ และ แสดงความคิดเห็นต่างๆ ทั้งนี้ยังได้เห็นมุมมองใหม่ๆในการทำงานร่วมกับเพื่อนใน กลุ่ม การแสดงความคิดเห็นและการยอมรับฟังความคิดเห็นของเพื่อนในกลุ่ม การ ร่วมกันทำงานเป็นทีม ส่วนการสอบ ไม่ว่าจะเป็นกลางภาคหรือปลายภาค อาจารย์จะบอกเคสมาก่อน อย่างน้อย 1 อาทิตย์ทำให้เราต้องไปศึกษาข้อูลต่างๆเกี่ยวกับเคสที่ให้ และได้ ปรึกษา ระดมความคิดกันกับเพื่อน แสดงความคิดเห็นกันและลองมาวิเคราะห์เคสใน หัวข้อต่างๆที่เรียน ทำให้ได้สนิทับเพื่อนในห้องมากขึ้น เห็นถึงความสามัคคีในการหา ข้อมูลการแชร์ความคิดเห็นต่างๆมากมาย และสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณวิชานี้ อาจารย์ยุ้ย และเพื่อนทุกคน ที่ทำให้การเรียน ในวิชานี้มีความสนุกไม่เครียด และทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ มีความท้าทายใน การทำงานทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม และได้รู้จักเพื่อนมากขึ้น ด้วย
L a p a s r a d Y u b o n s a 5 8 5 0 1 8
}
a i 3
จากการเรียนวิชา MGMG 508 Strategic Marketing Management ทํ า ให้ ไ ด้ รั บ ประสบการณ์ ต่ า งๆหลากหลายด้ า นนอกจากความรู้ ที่ ส ามารถนํ า ไป ประยุกต์ใช้ในการทำงานจริงแล้วยังทำให้เกิดการเรียนรู้รอบด้านมากขึ้น อาจารย์ยุ้ย พยายามกระตุ้นให้นักศึกษาสังเกตการตลาดในชีวิตประจำวันผ่านการยกตัวอย่าง โฆษณาและสื่อต่างๆในห้องเรียน ทำให้จากแต่ก่อนที่ไม่เคยสนใจสื่อการตลาดหรือ โฆษณาเลยหลังจากได้เรียนวิชานี้ก็เริ่มดูเริ่มสังเกตมากขึ้นว่าโฆษณาพยายามจะ สื่อสารอะไร ประเด็นสำคัญคืออะไร นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีม การ แบ่งงานให้ตรงตามความสามารถของเพื่อนแต่ละคน อีกทั้งยังทำให้รู้จักแบ่งเวลา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงานด้วย สำหรับการทำ Marketing Conference นอกจากการตั้งคำถามเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาประเด็นต่างๆทาง ธุรกิจแล้ว ต้องอาศัยความร่วมมือและการนำเสนอความคิดเห็นร่วมกันในห้องเรียน ทำให้ได้รับมุมมองใหม่ๆจากเพื่อนๆในห้องที่มีประโยชน์และหลากหลายมาก หลายๆ คำตอบจากเพื่อนๆทำให้รู้สึกประทับใจมาก นอกจากนี้การสอบที่อาจารย์ให้ Case มาก่อนเพื่อให้นักศึกษาใช้หาข้อมูลและวิเคราะห์ให้เชื่อมโยงกับเนื้อหาที่เรียนมานับ ว่าเป็นการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้อย่างแท้จริง มิใช่เป็นการเรียนเพื่อสอบแต่เพียง เท่านั้น การวิเคราะห์ธุรกิจด้านต่างๆผ่านกรณีศึกษาของบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่ห่าง ไกลจากชีวิตการทำงานจริงทำให้รู้สึกท้าทายและต้องอาศัยความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ต่างสาขา ต่างอาชีพ จากการเรียนวิชานี้ทำรู้จักประยุกต์ใช้ความรู้กับความจริงมาก ยิ่งขึ้น รู้สึกขอบพระคุณอาจารย์ยุ้ยมากค่ะที่ทำให้เกิดการเรียนเรียนรู้ดีๆ และขอบ คุณเพื่อนๆทุกคนที่ทำให้การเรียนวิชานี้สนุกและมีความสุขมากค่ะ
P H O B Y I N D E E P U D S O N 5 8 5 0 3 8 3
}
การที่ได้มาเรียนวิชา Strategic Marketing Management นี้ทำให้ได้ความ รู้เกี่ยวทางด้านการตลาดมากขึ้น ชอบการที่อาจารย์นำ case study ต่างๆมาให้ ศึกษา ทำให้รู้สึกเข้าถึงในทุกๆเรื่องมากขึ้น Marketing ถือเป็นแกนหลักที่ทำให้ ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ได้รู้จักวิธีการวางแผน แนวความคิดใหม่ๆ การจัด จำหน่ายสินค้า ทำอย่างไรให้สินค้าขายได้ และ แบรนด์จะไปในทิศทางใด การได้ทำ Marketing conference กับกลุ่มของเพื่อนๆ ตอนแรกคิดว่าตนเอง คงเข้ากับเพื่อนๆไม่ได้ เพราะการที่ย้าย sec และ มาเรียนกับเพื่อนคนละสาขา แต่ พอได้ลงมือทำจริงๆ เพื่อนๆทุกคน ต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมา และทุกคนให้ความร่วมมือในทุกๆเรื่อง และมองเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ทุกคนแบ่ง หน้าที่กันทำงานเป็นอย่างดี ไม่ขาดตกบกพร่อง มีปัญหาก็ช่วยกันแก้ไข ด้วยความที่ เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ทำให้ทุกคนเวลาว่างไม่ตรงกัน แต่ทุกคนก็พยายามสละ เวลามาทำงานกลุ่มเพื่อให้ลุล่วงไปด้วยดี การสอบ จะได้ case study มา และก่อนสอบจะระดมความคิดกับเพื่อนๆ แลก เปลี่ยนความคิดเห็นและช่วยกันวิเคราะห์ในหัวข้อต่างๆที่เรียน ช่วยกันหาข้อมูลและ แสดงความคิดเห็นต่างๆ เห็นถึงความสามัคคีกันในกลุ่มเพื่อน และ ได้รู้ถึงคามคิด เห็นของคนอื่นที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์ยุ้ย และเพื่อนทุกคน ที่ทำให้ได้เรียนรู้สิ่ง ใหม่ๆ และ ได้รู้จักเพื่อนทุกคนมากขึ้น ขอบคุณที่ให้คำปรึกษาและช่วยกันทำงานกัน อย่างสามัคคี ขอบคุณค่ะ
BIBLIOGRAPHY บรรณานุกรม ไทยรัฐออนไลน์. (2558). โครงการปลูกต้นกระดาษ บนคันนา แนวทาง พัฒนาที่ยั่งยืน คว้า 3 รางวัลใหญ่. ค้นเมื่อ พฤศจิกายน 18, 2558,จาก http://www.thairath.co.th/content/287223 บจก. เอ เอ เปเปอร์ แอนด์ สเตชั่นเนอรี่. (2558). กระดาษควอลิตี้. ค้น เมื่อ พฤศจิกายน 15, 2558 จาก http://www.quality-paper. com/th บริษัท ซีโอแอล จำกัด ( มหาชน ). (2558). กระดาษA4. ค้นเมื่อ พฤศจิกายน 15, 2558,จาก http://www.officemate.co.th/ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน). (2558). Double A Thailand. ค้นเมื่อ พฤศจิกายน 15, 2558,จาก https://www. doubleapaper.com/th/contact บริษัท นิวส์ แอนด์ อินโฟ พลัส จำกัด. (2557)“ดั๊บเบิ้ล เอ กระดาษ จากคันนา” โมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืน.ค้นเมื่อ พฤศจิกายน 18, 2558,จาก http://www.newsplus.co.th/31360 บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด. (2558). กระดาษไอเดีย. ค้นเมื่อ พฤศจิกายน 18, 2558,จาก http://www.ideaonpaper.com/ th/ ชาญวิทย์ จารุสมบัติ.รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (1991).สัมภาษณ์, 4 พฤศจิกายน 2558.
บมจ.ดั๊บเบิ้ล
เอ
DoubleA. (2558). Double A Thailand. Retrieved November 15, 2015, from https://www.doubleapaper.com/
//
MARKETING CONFERENCE DOUBLE A COMPANY 18B