Jomked

Page 1

ตัวอย่าง “บุพเพสันนิวาส” เป็นเพียงดราฟต์แรก เพื่อใช้เป็น ตัวอย่าง เล่มจริงจะมีการเปลีย่ นแปลงแก้ไขตามความเหมาะสม


บุ พเพสันนิวาส แต่งโดย : Rain-at-Rose เลขมาตรฐานสากลประจ�ำหนังสือ : ISBN 978-616-440ราคา 370 บาท สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 (ฉบับเพิม่ เติม) บรรณาธิการ : เสีย้ วดอกขาว , เพชรา พิสูจน์อักษร : เพชรา ออกแบบปก / Artwork : Cucullia & Merlinine ออกแบบรูปเล่ม : เสีย้ วดอกขาว Genre : Romantic , Fantasy

จัดพิมพ์และจัดจ�ำหน่ายโดย : Navaratta http://www.navarattashop.com E-mail : navarattaboard@hotmail.com Facebook : Navaratta พิมพ์ครัง้ ที่ 1 มีนาคม 2561 นิยายเรื่องนีแ้ ต่งขึน้ เพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุ คคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทัง้ สิน้



จอมเกศอสุรา


แคว้นสังวรีครอบครองแก้วมณีมาแต่โบราณกาล แต่มณีวิเศษนี้กลับ มิใช่สมบัตคิ แู่ คว้นแต่ดงั้ เดิมของสังวรี ดวงแก้วนีต้ น้ ตระกูลยักษาในวิปลุ าขอพร ให้ทวยเทพปัดเป่าทุกข์ภยั ให้พน้ จากแว่นแคว้น ด้วยแรงอธิษฐานจึงก่อเกิดแก้ว มณีวิเศษ ในยุคนั้นสังวรีเกิดอาเพศในแคว้น เจ้าชายรัชทายาทจึงดั้นด้นฝ่า ภยันตรายข้ามขอบหิมพานต์เพื่อขอมณีจากดินแดนยักษ์ องค์กษัตริย์วงศ์ยักษาเห็นความมุมานะจึงยอมให้ ‘ยืม’ ดวงแก้ว เจ้าชายแห่งสังวรีนำ� กลับไปช่วยแว่นแคว้นและสิน้ ใจโดยไม่ได้นำ� กลับคืนวิปลุ า ด้วยอ�ำนาจวิเศษของแก้วมณี ท�ำให้ความละโมบบังตา กษัตริย์สังวรี จึงขโมยดวงแก้วเก็บไว้เชยชมส่วนตัวจนเป็นจุดเริ่มต้นของชนวนสงคราม ระหว่างสองแว่นแคว้น วิปลุ าต้องการแก้วมณีคนื เพราะในช่วงนัน้ บ้านเมืองมีภยั พิบตั ิ กษัตริย์ แห่งสังวรีไม่ยินยอม เหล่ายักษ์จึงเข้าโรมรันก่อสงครามชิงมณีวิเศษถึงสาม ศตวรรษ หากก็พ่ายด้วยอ�ำนาจของดวงแก้ว ร้อนถึงทวยเทพผู้ให้ก�ำเนิดแก้ว มณีไม่อาจทนเห็นเหล่ามนุษย์และยักษาต้องสิน้ เผ่าพันธุไ์ ป จึงยับยัง้ โดยให้ฝา่ ย สังวรีอันเชิญแก้วมณีพร้อมทั้งเจ้าหญิงแห่งสังวรีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่ง


วิปลุ า เพือ่ เชือ่ มสัมพันธไมตรีทเี่ หลือน้อยนิดแล้วแบ่งดวงมณีคนละครึง่ ส�ำหรับ เก็บไว้ในสองแดนดิน ครบรอบหนึ่งศตแห่งสงคราม เพลานี้ต้องเชิญดวงมณีอีกครึ่งและ เจ้าสาวเกียรติยศกลับคืนสู่แดนมาตุภูมิตามพันธะสัญญา พวกกุมภีล์แห่ง ท้องนทีปาณฑราจับจ้องช่วงชิงเช่นกัน ไอร้อนระอุที่องค์คีตภาประสบอยู่ท�ำให้พระองค์ไม่กล้าที่จะออกปาก พร�ำ่ บ่น พระองค์ประทับบนพลับพลาซึง่ เหล่าทหารสร้างถวายง่ายๆ ด้วยท่าทาง กระสับกระส่ายอย่างไม่ค่อยสบายเท่าไร แต่ไม่ยอมแสดงออก เกรงว่าจะท�ำให้ คริษฐาไม่สบายใจ เพราะองครักษ์ฝ่ายซ้ายก�ำลังอยู่ในสภาวะตึงเครียด ที่ไม่ สามารถหาทางออกจากป่าวกวนราวกับเขาวงกตนี้ได้ “หากเป็นท่านอเนชา ป่านนีพ้ วกเราคงออกไปจากป่านีไ้ ด้แล้ว” เสียง นางก�ำนัลรุ่นๆ แอบนินทา องค์คีตภาได้ยินจึงหันไปดุ “อย่าพูดให้เสียก�ำลังใจสิ เราต้องช่วยกัน รู้ไหม” พระองค์ทอดพระเนตรมององครักษ์คู่พระทัย หารู้ไม่ว่านางก�ำนัลรุ่นๆ นั้นแอบไปพูดถึงพระองค์ลับหลัง “ดูสิ เป็นแค่ลกู เจ้าหญิงไม่มตี ำ� แหน่งอันใด หากไม่เพราะรับสัง่ จากเจ้า เหนือหัวล่ะก็ ข้าคงไม่เดินทางมาที่นี่หรอก” “อย่าเอ็ดอึงไปเชียว องค์คีตภาน่ะหากทรงได้ยินก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าท่านคริษฐาได้ยินละก็ ปากเจ้าคงไม่มีวันได้มานั่งนินทาได้แบบนี้อีกแน่” นางก�ำนัลผู้นั้นยกมือปิดปาก เหลือบมองไปทางองครักษ์ขององค์ คีตภา “แต่กแ็ ปลกนะ ทัง้ อเนชาและคริษฐาต่างเป็นองครักษ์ทเี่ ก่งทัง้ คู่ ท�ำไม ถึงได้มารับใช้องค์คีตภานะ แทนที่จะไปรับใช้ผู้ที่จะได้ครอบครองบัลลังก์” องค์คตี ภาได้ยนิ ทุกค�ำพูด ทว่าพระองค์ไม่อยากต่อว่าต่อขานอะไรนาง ก�ำนัลซึ่งไม่อยากรับใช้พระองค์ เรื่องนี้เป็นความผิดของพระองค์ด้วยที่ไม่มี


อ�ำนาจอะไรในมือแม้แต่นดิ ยิง่ ค�ำนึงถึงเรือ่ งการอัญเชิญแก้วมณี ทีไ่ ม่มรี าชนารี ใดกล้าอาสาเป็น ‘เจ้าสาวเกียรติยศ’ ตามประเพณีที่สืบทอดกันมานาน อดีต...แคว้นสังวรีได้ท�ำสงครามกับแคว้นวิปุลาเพื่อชิงแก้วมณีวิเศษ สงครามสงบลงด้วยการเสียเลือดเนือ้ ของทัง้ ฝ่ายมนุษย์และยักษาและยักษา ทัง้ สองฝ่ายจึงท�ำสัญญาแบ่งครึ่งอัญมณี ครบหนึ่งศตวรรษจะต้องส่งราชนารีเพื่อ อภิเษกสมรสทางการเมืองเพื่อหย่าศึก แต่ไม่มีนางใดกล้าอาสา ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวแท้ๆ ท�ำไมต้องยื่นมือออกไป ด้วยนะ หรืออยากให้ทกุ คนในราชวงศ์ยอมรับกัน ถึงได้ยอมรับข้อเสนอทีค่ ล้าย สั่งให้ไปตาย รู้ตัวดีว่าอาจไม่ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนอีก แต่พระองค์ก็มิอาจ ทนไหวถ้าจะตกอยู่ท่ามกลางสายตาดูถูกเย็นชา กระทั่งพระบิดาก็ยังเมินเฉย รักลูกที่ท�ำผลประโยชน์ให้แก่ราชวงศ์มากกว่า เจ้าจอมมารดาของพระองค์ที่คอยอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี มีเมตตา ไม่รู้สึกอยากได้อยากมีหรือแย่งชิงใครมาตลอดนั้นได้สิ้นแล้ว เหลือแต่คุณท้าว รจนาอดีตข้าเก่าเต่าเลี้ยงกับพระมารดาบุญธรรมคือองค์มนัสหยาที่ยังพอมี พระเมตตา สงสารคนที่ไม่มีอะไรอย่างเจ้าชายผู้ไร้สิ้นทรัพย์สมบัติ จึงประทาน นางก�ำนัล เหล่าทหารและองครักษ์คู่กายอย่างอเนชาและคริษฐามาประดับ พระเกียรติ แต่มันก็เป็นดาบสองคมที่ท�ำให้คนในราชวงศ์ชิงชัง เสมือนว่าเขามี สิทธิ์ในการครองบัลลังก์ด้วย หากองค์มนัสหยาให้ความสนพระทัยเท่ากับว่ามี คนสนับสนุน พระองค์ไม่อยากให้ใครต่อใครเข้าใจผิดจึงยอมเป็นฝ่ายเดินเข้า ปากเหวแห่งความตายเอง “องค์คตี ภาเพคะ น�ำ้ ชาเพคะ เอ่อ อย่าหาว่าหม่อมฉันพูดมากเลยเพคะ เมื่อสักครู่หม่อมฉันได้ยินคนพูดไม่ดีเกี่ยวกับพระองค์เพคะ” นางก�ำนัลนางหนึ่งจีบปากจีบคอ หมายจะได้รับรางวัลและนางก�ำนัล ที่นางไม่ชอบหน้า ที่นางไม่ถูกชะตา หรือ ที่ไม่ชอบหน้า ที่ไม่ถูกชะตา จะได้ ถูกลงโทษ องค์คตี ภาถอนพระปัสสาสะ� สายพระเนตรแสดงอาการเหนือ่ ยหน่าย


ต่อกิริยาหน้าไหว้หลังหลอกของข้าราชบริพาร “ช่างเถิด หากข้าน�ำมาใส่ใจเท่ากับว่าข้าเอาน�ำ้ ร้อนราดตัวเองและเป็น จริงตามที่นางผู้นั้นกล่าว แค่ค�ำพูดเล็กน้อยไม่อาจท�ำร้ายข้าได้หรอก ขอบใจ เจ้ามากที่หวังดี” รอยแย้มสรวลอ่อนโยนท�ำเอานางก�ำนัลผูน้ นั้ หน้าเจือ่ น ไม่กล้าปริปาก อีกเพราะรู้แก่ใจดีว่านายเหนือหัวก�ำลังด่าทางอ้อม นางรีบกลับเข้าไปรวมกลุ่ม กับนางก�ำนัลคนอื่นๆ แทบไม่ทัน “สม! อยากเสนอหน้าดีนัก” คุณท้าวรจนาที่รับใช้เลี้ยงดูองค์คีตภามา ตั้งอ้อนแต่ออกว่าจนน�้ำหมากกระเด็น นางก�ำนัลที่ถูกเอ็ดซ�้ำสองท�ำหน้าเจื่อน เสียงหัวเราะเยาะดังจากปาก นางก�ำนัลอื่นๆ ท�ำเอานางก�ำนัลนางนั้นสะบัดหน้าหนีแล้วกระทืบเท้าออกไป “ขออภัยต่อความไร้มารยาทของพวกนางก�ำนัลรุน่ ๆ ด้วยเพคะ หม่อม ฉันสั่งสอนไม่ดีนัก กล้าบังอาจพูดล่วงเกินฝ่าบาท” หญิงชรากล่าวอย่างเสียใจ ทอดสายตามององค์ชายที่ดูแลมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์อย่างสงสาร “ช่างเขาเถิด ข้าไม่ได้ถือสาอะไรมากหรอก ข้าเข้าใจดี” น�้ำเสียงไม่ได้ แสดงถึงความเข้าใจ ฟังแล้วแสนเศร้าสร้อยเสียมากกว่า “โธ่ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากให้ฝา่ บาทมีพระพักตร์เช่นนีเ้ ลยเพคะ” “ข้าชินแล้ว” องค์คีตภายกพระหัตถ์ซับพระเสโทแล้วเลื่อนถ้วยชา เปล่าคืนให้คุณท้าวน�ำไปเก็บ “ท่านคริษฐายังหาทางออกไม่ได้อีกหรือเพคะ ฝ่าบาทไม่น่าปล่อยให้ ท่านอเนชาไปเลย” คุณท้าวมองยังองครักษ์มอื รองทีก่ ำ� ลังวุน่ วายออกค�ำสัง่ กับทหารให้หา ทางออกจากป่าวงกตแห่งนี้ พวกเขาหลงมาหลายชัว่ ยามแล้ว ไม่อาจหาทางออก ที่พอจะปักหลักตั้งพลับพลาที่แข็งแรงกว่านี้ได้ “อย่าเพิ่งคิดว่าคนอื่นท�ำงานไม่ดีสิ คริษฐาก็มีความพยายามในแบบ ของเขา อีกอย่าง ภายในป่าลักษณะเช่นนี้ ใครๆ ก็หลงง่ายดาย”


พระองค์แก้ตวั แทนองครักษ์มอื รอง คุณท้าวรจนาจึงเงียบ เพราะมีนสิ ยั เช่นนี้เองถึงได้โดนคนอื่นโจมตีง่ายดายและตกในสถานการณ์ล�ำบากทุกครั้ง องค์คีตภาไม่เคยคิดร้ายต่อผู้ใด แก้วงดงามเช่นนี้กลับถูกผู้อื่นท�ำหมองราคิน พระองค์กไ็ ม่เดือดร้อนพระทัย ยังท�ำเฉยจนคุณท้าวรจนาอดเป็นเดือดเป็นแค้น แทนไม่ได้ในบางครั้ง “เพคะ ฝ่าบาทหิวหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะไปตระเตรียมของว่างให้” “ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ไปพักเถอะ” องค์คีตภาตรัส คุณท้าวรจนาเก็บถ้วยสุธารสชาคลานออกไป ทิ้งให้องค์ชายอยู่เพียง ล�ำพัง พระองค์รู้สึกร้อนจนทนไม่ไหว เอื้อมหัตถ์หยิบผ้ามาซับพระเสโท “ขออภัยที่รบกวนพ่ะย่ะค่ะ” คริษฐาคุกเข่าลงตรงหน้าด้วยสีหน้า เครียดเคร่ง “มีอะไรหรือ” พระองค์ตรัสเสียงนุม่ นวล ไม่อยากให้คริษฐาเครียดเกิน ไป “กระหม่อมด้อยฝีมือนัก ไม่อาจหาทางออกจากป่าแห่งนี้ได้ ท�ำให้ พระองค์ต้องค้างแรมที่นี่อีกคืนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะพระองค์มีบทลงทัณฑ์เช่นไร กระหม่อมขอน้อมรับด้วยความยินดี” “ไม่เป็นไรหรอกคริษฐา ข้ารูด้ วี า่ เจ้าได้พยายามอย่างสุดความสามารถ แล้ว จงพักผ่อนเถอะ” คริษฐามองพักตร์ทมี่ แี ต่พระเสโทรินไหล หากแต่ไม่ทรงบ่นหรือลงโทษ ใดๆ เขารู้สึกห่วงใย “พระองค์ต้องการน�้ำหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “อืม ช่วยทีนะ รู้สึกที่นี่อากาศร้อนเหลือเกิน” ท่าทางขององค์ชายดู คล้ายจะทรงหมดเรี่ยวแรง “ทรงประชวรหรือพ่ะย่ะค่ะ” “อือ ไม่รู้สิ อากาศมันร้อนๆ” ตรัสตอบน�้ำเสียงเนือยๆ “ฝ่าบาทคงประชวรเป็นไข้แน่ ข้าจะสั่งให้นางก�ำนัลจัดโอสถถวายนะ พ่ะย่ะค่ะ”


องค์คีตภาตรัสขอบใจ พระองค์เอนหลังพิงหมอนนุ่ม สายพระเนตร เหลือบมองแก้วมณีในกล่องกระจกใส ลูกแก้วกลมวางบนผ้าก�ำมะหยีแ่ ดงเปล่ง แสงเรืองรอง มณีมคี า่ ทีท่ ำ� ให้เกิดสงครามตัง้ แต่โบราณกาล มันจะไปอยูท่ วี่ ปิ ลุ า หนึง่ ศตวรรษรวมทัง้ ราชนารีผเู้ คราะห์รา้ ยทีจ่ ำ� ต้องอภิเษกสมรสอย่างฝืนพระทัย พระด�ำริขององค์ชายจ�ำต้องหยุดลงเมื่ออีกพระด�ำริผุดขึ้นมาขัด ‘หากองค์ปรุฬห์รู้ว่าพระองค์เป็นบุรุษ หาใช่อิสตรีจะเป็นอย่างไร’ ค� ำ เล่ า ลื อ เกี่ ย วกั บ องค์ ป รุ ฬ ห์ ว่ า ที่ พ ระสวามี ท� ำ ให้ พ ระองค์ ท รง หวาดหวั่น พวกยักษ์นั้นช่างน่ากลัว กินเนื้อมนุษย์ สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็น อาหาร ชอบเลือดและของคาว พระพักตร์มีเขี้ยวงอกยาวออกมา พระขนา แหลมคมดุจกรงเล็บสัตว์พระมัสสุรงุ รัง เนือ้ ตัวเหม็นด้วยกลิน่ พระเสโทจนแทบ อยากจะอาเจียน โมโหโกรธาง่ายดาย หากไม่พอใจใครก็สั่งประหัตประหาร พระหัตถ์เรียวเผลอยกมือทาบอุระอย่างพระทัยเสีย หากเป็นเช่นนั้นจริง พระองค์คงรับมือไม่ไหว เพียงส่งแก้วมณีแล้วอธิบายเหตุผลให้เข้าใจ ราชันย์แห่งยักษ์คงพอให้ อภัยและไม่คิดร้ายต่อแคว้นสังวรีอีก พระองค์คงท�ำได้เพียงเท่านั้น “ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันน�ำโอสถมาถวายเพคะ เห็นคริษฐา ว่าฝ่าบาททรงประชวร” คุณท้าวรจนาส่งถ้วยโอสถให้ องค์คีตภาที่ตกในห้วงภวังค์สะดุ้งโหยง “อะ...เอ่อ ขอบใจนะ พอดี ก�ำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะ” “เพคะ ฝ่าบาทเสวยโอสถเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พกั ผ่อนนะเพคะ หม่อม ฉันจะคอยปรนนิบตั พิ ดั วีให้ หากถึงเวลาเสวยพระกระยาหาร หม่อมฉันจะปลุก เอง” “คุณท้าวไม่จำ� เป็นต้องล�ำบากล�ำบนขนาดนีห้ รอก ปล่อยให้นางก�ำนัล คนอื่นๆ จัดการเถิด คุณท้าวจะได้ไม่เหนื่อยมาก” คุณท้าวรจนาแค่นเสียง “เฮอะ ไม่มีใครใช้ได้หรอกเพคะ หากใช้พวก แม่สาวๆ นั่นพระองค์จะทรงกริ้วเสียเปล่า”


“เราจะพูดอย่างนั้นไม่ได้หรอก ต่อให้เขาเต็มใจท�ำหรือไม่เต็มใจท�ำ อย่างไรก็คือหน้าที่ที่เขาพึงกระท�ำอยู่ดี คุณท้าวก็ด้วย อย่าคิดว่าใครต่อใครจะ ต่อต้านสิ คุณท้าวเป็นผู้ใหญ่นะ ต้องจัดแจงคนให้ถูกต้องเหมาะควรด้วยจึงจะ ถูก” คุณท้าวรจนาหน้าเจื่อน ก้มกราบรับค�ำสอนสั่ง “เพคะ หม่อมฉันคิด น้อยไปหน่อย ขอพระราชทานอภัยต่อคนโง่เขลาอย่างหม่อมฉันด้วยเพคะ” “ไม่หรอก คุณท้าวไม่ใช่คนโง่เขลา คุณท้าวน่ะฉลาด กลับไปท�ำงาน ต่อเถอะ ข้าขอนอนสักหน่อย อาการคงจะดีขึ้น” คุณท้าวรจนาไม่รบกวน ปล่อยให้เจ้าชายหนุ่มบรรทมเงียบๆ นางดึง พระวิสตู รทบเข้าหากัน ก่อนเดินไปยังกลุม่ นางก�ำนัลทัง้ หลายทีเ่ อาแต่นงั่ จับเจ่า ไม่ลงมือท�ำอะไรเสียที “เอ้าๆ พวกหล่อนจะนั่งกันอีกนานไหมยะ งานการพวกหล่อนก็มี ท�ำไมถึงจับเจ่าคุยกันอยู่ได้ ไป๊ รีบไปท�ำงานท�ำการของตัวเอง” คุณท้าวรจนา ไล่เรียงตัว นางก�ำนัลแตกฮือ “เสียงดีเหมือนนะขอรับ” คริษฐาที่ตามหลังมาเอ่ยอย่างข�ำขัน คุณท้าวรจนาหันมองพลางยิ้มหวานเมื่อเห็นว่าเป็นใครทัก “ถ้าไม่ด่า พวกนางก็ขี้เกียจ ไม่ยอมท�ำอะไรแบบนี้แหละเจ้าค่ะ แล้วท่านคริษฐาต้องการ อะไรหรือเจ้าคะ” คริษฐาเดินตรงมายังคนโทน�ำ้ รินใส่จอกแล้วยกดืม่ อย่างกระหาย “มา ดื่มน�้ำน่ะ ได้ยินเสียงดังก็เลยเดินมาดู อยากรู้ว่าเสียงใสๆ น่ะใคร ที่แท้คุณท้าว คนงามนี่เอง” “ปากหวานกับคนแก่นะเจ้าคะ รับประทานของว่างไหมเจ้าคะ อิชนั้ จะ ท�ำให้” คริษฐานัง่ พัก สายตาเหลือบไปยังกลุม่ ทหารทีน่ งั่ พักรวมกันยังอีกฟาก พลับพลา มือหยาบกร้านเพราะจับดาบประสานเข้าหากันแน่น กัดริมฝีปากอย่าง อึดอัดใจที่ไม่สามารถเข้ากับใครต่อใครได้เหมือนอย่างอเนชา


“มาแล้วเจ้าค่ะ ดูท่าจะเหนื่อยนะเจ้าคะ” คุณท้าวรจนาชวนคุย “อืม” ส่งเสียงในล�ำคอ มือก็หยิบของว่างรับประทานอย่างหิวโหย “เราจะติดอยู่ที่นี่อีกนานไหมเจ้าคะ อิฉันเกรงว่าร่างกายขององค์ คีตภาคงจะรับไม่ไหว พระองค์ประชวรเป็นไข้ เสวยโอสถแล้วยังไม่มที า่ ทีดขี นึ้ ” คุณท้าวรจนาบอกอย่างเป็นห่วง คริษฐาก�ำหมัดแน่น ก้มหน้าลง เสียงกรามบดเข้าหากัน เพราะรู้สึกว่า ตัวเองนั้นด้อยความสามารถ “หากมีอเนชา ข้าคงมั่นใจตัวเองมากกว่านี้ ขาดเขาไป ข้าเหมือนคน ขาดแขนขาดขา” องครักษ์รูปงามกล่าวอย่างเจ็บใจตัวเอง “ท่านท�ำดีแล้วเจ้าค่ะ อย่าโทษตัวเองเลย” คุณท้าวรจนาได้แต่ ปลอบใจ คริษฐาฝืนยิ้ม ลุกขึ้นหันมองไปทางพลับพลาที่องค์คีตภาใช้พักผ่อน “ขอบคุณส�ำหรับของว่างนะคุณท้าว เดี๋ยวข้าจะเข้าเฝ้าองค์คีตภา เสียหน่อย” “เจ้าค่ะ เดี๋ยวอิฉันคุมนางก�ำนัลก่อนนะเจ้าคะ มีอะไรก็เรียกใช้ได้” คริษฐาทรุดนั่งตรงหน้าเตียงคลุมม่านทึบ “ขอพระราชทานอภัย พ่ะย่ะค่ะที่กระหม่อมรบกวนฝ่าบาท” เสียงขององครักษ์ท�ำให้องค์คีตภาที่เพิ่ง บรรทมหลับตื่นขึ้นวรองค์ผอมบางลุกจากเตียง “อ้าว คริษฐาเองรึ ข้านึกว่าใคร มีอะไรรึ” สุรเสียงแหบพร่า องครักษ์รปู งามรับฟังอย่างปวดใจทีไ่ ม่อาจพาให้องค์ชายสุขสบาย “ฝ่า บาท อาการประชวรเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” องค์คีตภายกมือปิดพระโอษฐ์เมื่อทรงพระกรรสะ “ไม่เป็นอะไรมาก หรอก ข้าสบายดี เจ้าล่ะ ดูท่าทางเคร่งเครียดนะ” “กระหม่ อ มสบายดี ฝ ่ า บาท ห่ ว งแต่ ฝ ่ า บาทว่ า จะทรงไหวไหม กระหม่อมจะรีบหาทางออกจากป่านี่ให้เร็วที่สุด” “คริษฐา เจ้ารีบเร่งเกินไปจะมีแต่กดดันตัวเองนะ”


“กระหม่อม...” องครักษ์รูปงามหมายจะแก้ตัว องค์คีตภาแย้มสรวล คนที่ได้ยลต่างรู้สึกรักในพระเมตตาและความ นุ่มนวลขององค์ชายผู้ไร้บัลลังก์ “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าไม่ตอ้ งรีบร้อนหรอก รีบเกินไปเป็นเจ้าเองทีต่ อ้ ง เครียดเคร่ง ใจเย็นๆ แล้วพิจารณาให้ถี่ถ้วนจะดีที่สุด” “ขอบพระทัยที่ทรงสอนสั่ง” “ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็ไม่อยากเห็นใครต่อใครมานั่งกลุ้มใจในสิ่งที่ ตัวเองท�ำไม่ได้” ท้ายน�้ำเสียงราวกับจะพูดถึงตัวเอง คริษฐารับฟังอย่างปวดใจ เพราะ นับตัง้ แต่เข้ามารับใช้เจ้าชายคีตภา ได้เห็นชีวติ การกระท�ำของราชนิกลุ พระองค์ อื่นมีต่อองค์คีตภาเป็นเช่นไร ชีวิตที่มีแต่ใครต่อใครชิงชัง เหมือนตกในเงามืด คนที่เคยมีเมตตากลับกลายเป็นศัตรูเมื่อได้ยินว่าพระองค์ทัดเทียมโอรสองค์ อื่นๆ ในการขึ้นครองบัลลังก์ “พระองค์มีความสามารถพ่ะย่ะค่ะ ทั้งยังห้าวหาญ เปี่ยมพระเมตตา หาใครเปรียบมิได้ พระองค์ให้โอกาสผู้คนเสมอ ไม่เคยซ�้ำเติมหรือดุด่าคนท�ำ ผิด ทัง้ ยังสอนสัง่ ให้คนผูน้ นั้ คิดได้ ข้ามิอาจหาใครเทียบเคียงพระองค์ได้อกี แล้ว” สีพระพักตร์องค์คีตภาดีขึ้น “ขอบใจเจ้ามากนะคริษฐา” แม้จะเป็น เพียงค�ำปลอบใจ พระองค์ก็รู้สึกดีถึงในใจจะคัดค้านก็ตาม “กระหม่อมอยากให้พระองค์แย้มสรวลมากกว่าท�ำเศร้าสร้อยพ่ะย่ะค่ะ” “ความห่วงใยนั่นข้าจะรับไว้นะคริษฐา” “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคงมิกวนเวลาบรรทมแล้ว” องครักษ์หนุ่มทูลลา “ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจที่มาหานะคริษฐา” องค์คตี ภาเอนหลังพักผ่อน พระวิสตู รถูกปิดคืน หากไม่อาจหลับได้ลง ง่ายดาย พระองค์คุดคู้ร่างดุจทารกน้อยในครรภ์ รู้สึกกดดัน อึดอัดที่ต้องจมอยู่ ในโลกว่างเปล่า คิดถึงอดีต ค�ำปลอบประโลมของคริษฐาหรือใครต่อใครก็ไม่อาจ ช่วยพระองค์ได้เลย พระองค์พูดช่วยคนอื่นได้ แต่กับเรื่องของตัวเองเสมือนตก


อยู่ในใยแมงมุม หาทางออกไม่ได้...ติดอยู่กับความตายที่น่ากลัว พระอัสสุชล รินหลั่งโดยที่พระองค์ไม่รู้สึก หยดน�้ำใสๆ ซึมลงบนผืนผ้า พระองค์กรรแสงจน พอพระทัยจึงลุกขึ้น สายพระเนตรมองออกไปฝั่งตรงกันข้าม เมื่อเห็นจุดอะไร บางอย่างกะพริบวิบวับ “หิ่งห้อย” พระองค์ร�ำพึงเบาๆ แล้วก้าวลงจากพระแท่น ฟังเสียงสรวลเสเฮฮา ของเหล่าทหาร ทอดพระเนตรมองไปยังฝั่งนางก�ำนัลซึ่งก�ำลังปรุงอาหารเย็น บางนางนัง่ ซักเสือ้ ผ้า โดยมีคณ ุ ท้าวรจนาคอยดูแลไม่หา่ ง ไม่มใี ครเห็น พระองค์ จึงรีบเดินเข้าไปหากลุม่ แสงสีเขียวซึง่ ก�ำลังล่องละลอยตรงไปในป่ามืดทึบ แปลก ที่พระองค์ไม่รู้สึกเกรงแม้จะรู้สึกหนาวแต่พระองค์ก็ไม่คิดจะหวนกลับไปที่ พลับพลา องค์คตี ภาเดินลึกเข้าไปเรือ่ ยๆ จนกระทัง่ ป่าเริม่ โปร่ง แสงเรืองรองสาด ส่องสระน�ำ้ ใสแจ๋วจนเห็นก้นสระ เสียงน�ำ้ ตกไหลเอือ่ ยๆ ไม่ไกลจากสระ องค์คตี ภาตืน่ ตะลึง ทอดพระเนตรมองภาพเบือ้ งหน้าอย่างไม่เชือ่ ในสายพระเนตรของ พระองค์เอง กลิ่นหอมของดอกเอื้องผึ้งอวลตลบ บนพื้นหญ้าเขียวขจีมีดอก พลับพลึงขึน้ เป็นดงใกล้กอ้ นหินเกลีย้ งเกลา ต้นดอกเข็มเหลืองแซมสลับขาวแดง ดอกลั่นทมบานสะพรั่ง ใจกลางแต้มจุดเหลือง กลิ่นมวลบุปผาหอมแรงจนต้อง สูดกลิ่นอายหอมหวานเข้าปอด เดินออกไปอีกสักหน่อยก็กลายเป็นพืน้ หินขรุขระคลุมด้วยตะไคร่เกาะ ตามพื้นเป็นย่อมๆ พระองค์ส�ำรวจภูมิประเทศรอบกายด้วยความพึงพระทัย แล้วด�ำเนินผ่านแอ่งน�้ำใสดุจกระจกไปยังน�้ำตก พระองค์ต้องเร้นกายซ่อนหลัง พุม่ ไม้เมือ่ พบกับบุรษุ ผูห้ นึง่ เปลือยอก ท่อนล่างสวมสลับเพลาสีเลือดหมูปกั แซม ด้วยดิ้นเงินนั่งขัดสมาธิใต้สายน�้ำ เรือนผมสีด�ำระต้นคอเปียกชุ่มแนบผิวกายสี คล�ำ้ ใบหน้าขรึมเคร่ง เปลือกตาปิดสนิทราวก�ำลังเข้าญาณ แผ่นอกแน่นตึงเต็ม ไปด้วยกล้ามเนื้อ ไหล่กว้างหนา ลักษณะท่าทางคล้ายผู้น�ำหรือผู้มีอ�ำนาจ องค์คตี ภายกมือปิดปากกลัน้ เสียงอุทาน คิดว่าตนเองคงหลงมาในแดน


แห่งเทพเป็นแน่แท้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่าความอยากหนี พระองค์ทรงแหวกพุ่มไม้ออกจับจ้องร่างที่แน่นิ่งให้สายธารน�้ำตกซัดสาด ไม่มี ท่าทีหนาวเหน็บจนดุจดั่งรูปปั้น พระองค์ชื่นชมความงามของเรือนร่าง โดยไม่ สังเกตว่าร่างที่พระองค์แอบมองนั้นขบฟันแน่น ดวงตาสีด�ำทอแววดุร้ายลืมขึ้น กะทันหัน เบือนหน้ามาทางทิศที่พระองค์ซ่อนตัว องค์คตี ภาตกพระทัยรีบหลบ หลังพุ่มไม้เหมือนเคย พระหฤทัยเต้นกระหน�่ำ ‘รู้หรือไม่รู้นะ’ พระองค์คิดว่าอีกฝ่ายต้องรู้แน่นอนว่าพระองค์นั้นแอบมองอยู่ บุรุษ ปริศนาลุกขึน้ หยิบดาบทีว่ างข้างกาย ส่งเสียงเรียกหานางก�ำนัลทีค่ อยรับใช้ หาก นางก�ำนัลผู้นั้นกลับไม่ปรากฏกาย “มาลา!” เสียงเรียกดุจฟ้าถล่ม องค์คีตภายกพระหัตถ์อุดหู แอบมองตรง ช่องโหว่เล็กๆ จนหญิงสาวร่างบางรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ในมือถือ ผ้าเช็ดตัวพร้อมเสื้อตัวใหม่ “ขออภัยเพคะ หม่อมฉันมัวแต่จัดของอยู่” ท่าทีหงุดหงิดของบุรุษปริศนานั้นคลายลง มาลาท�ำหน้าโล่งอกที่ไม่ ต้องเผชิญกับอารมณ์ร้ายกาจของนายเหนือหัว “หากข้ารูว้ า่ เจ้าไปชมนกชมไม้แถวนีแ้ ทนทีจ่ ะคอยรับใช้ขา้ ละก็ ข้าจะ สังหารเจ้า!” หญิงสาวรีบคุกเข่าทันใด เกาะต้นขาแกร่งไว้ดว้ ยท่าทีวงิ วอน “หามิได้ หม่อมฉันไม่ได้ท�ำตัวเหลวไหลเช่นนั้น ฝ่าบาทโปรดมีพระเมตตา” ดวงพระเนตรกลมโตเบิกกว้างเมือ่ มือหนาชูดาบข่มขู่ องค์คตี ภาเอาใจ ลุ้นช่วยหญิงสาวตัวเล็กๆ ชายหนุ่มปริศนาลดดาบลง ผ่อนท่าทีขึ้งโกรธ “เจ้าเตรียมอาหารให้ข้าหรือยัง” “เรียบร้อยแล้วเพคะ” เสียงสั่นๆ เอ่ยก่อนจะลุกไปหยิบถาดบรรจุ อาหารมาให้


บุรุษปริศนายกยิ้มอย่างมีเลศนัย องค์คีตภาไม่ชอบใจเท่าไรนักเพราะ เสมือนว่าอีกฝ่ายรู้มีคนแอบมอง หญิงสาวร่างเล็กที่ตัวสั่นงันงกยกถาดอาหาร เข้ามา สีหน้าของชายอารมณ์ร้ายปรากฏรอยไม่พอใจ “นี่มันอะไรกัน คิดจะให้ข้ากินของชืดๆ เช่นนี้รึ เจ้าคิดบ้างหรือเปล่า” ใบหน้าของหญิงสาวซีดขาวยามถูกดุด่าต่อว่า นางรีบก้มหัวขออภัย “หม่อมฉันจะไปอุน่ มาให้ใหม่เพคะ รอสักครู”่ หญิงสาวรีบลุกขึน้ หยิบ ถาดอาหารเตรียมไปอุ่น “หึ คิดว่าข้าจะทนรอได้หรือ” มือหนาเงือ้ ดาบขึน้ ฟันลงกลางแผ่นหลังของนางก�ำนัลสาวจนเลือดสาด กระจาย บุรุษที่องค์คีตภาคิดว่าเป็นเทวดานั้นกลายเป็นมารร้าย ร่างบอบบาง ล้มลงแน่นิ่งถาดบรรจุอาหารกระจายไปทั่ว เลือดไหลหยดจากปลายดาบสร้าง ความประหวั่นพรั่นพรึงให้คนแอบมอง ‘ท�ำไมถึงโหดร้ายเช่นนี’้ องค์คตี ภาคิดอย่างเกรงกลัวปนสงสารหญิงสาวผูโ้ ชคร้าย พระองค์ลกุ ขึ้นหมายจะหนี หากไม่พ้นการจับจ้องของคนเหี้ยมโหด “เจ้าหนูที่แอบมองอยู่ตรงนั้น ไสหัวออกมา!” องค์คีตภาสะดุ้งโหยง พระองค์รีบตะเกียกตะกายหนี หากไม่ทันร่าง ก�ำย�ำที่มาถึงเมื่อไรไม่รู้ มือหนาดึงวรองค์จ้อยออกไปกลางลานหิน “ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” พระองค์โวยวาย ขัดขืนสุดฤทธิ์ แต่มีหรือที่จะ สู้กับคนแข็งแรงกว่าได้ ร่างถูกเหวี่ยงเข้าไปใกล้ศพสาวใช้ผู้โชคร้าย พระองค์ เขยิบหนี สายพระเนตรมองเลือดเปื้อนมืออย่างหวั่นเกรง “เจ้าเข้ามาที่นี่ท�ำไมเจ้าหนู อยากถูกกินรึ” น�้ำเสียงถามดุดัน ไร้ความ ปรานี องค์คีตภาไม่ตอบ จ้องมองร่างไร้ลมหายใจของสาวใช้ “ท่านไม่ควรท�ำโหดเหี้ยมเช่นนี้ หากไม่พอใจด้วยเรื่องแค่นี้ ท่านก็ไม่ ควรฆ่าใคร”


รอยยิม้ หยันยกขึน้ ร่างก�ำย�ำกอดอก มองบุคคลทีใ่ ห้ความเมตตาสงสาร คนอื่นไม่ดูตนเองว่าตกอยู่ในสถานการณ์ไหน “เจ้าห่วงตัวเองก่อนเถอะ” องค์คตี ภาหยัดกายลุกขึน้ ดวงเนตรแฝงความโกรธ ไร้สนิ้ ซึง่ ความเกรง กลัว “ข้าห่วงตัวเองแน่...แต่ท่านนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก” สายตาคมกล้ามองคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ใบหน้าสะสวยไร้พิษภัย ริมฝีปากเรียวก�ำลังต่อว่าตนอย่างมีอารมณ์ “ปากกล้าเช่นนี้ เจ้าไม่รักชีวิตตัวเองแล้วรึ เจ้าหนูผู้บุกรุก” ดาบในมือหนาถูกยกพาดคอ ดวงเนตรกลมเบิกกว้างขึ้น ปลอบใจ ตนเองให้สู้กับคนอารมณ์ร้าย “เอาเลยสิ สังหารข้าเลย จะได้สบอารมณ์ท่านไงล่ะ” พระองค์ท้าทาย ดาบค่อยๆ ลดลง มือหนาผลักร่างเล็กกว่าตนออกห่าง “ไปซะ ตอนที่ยังมีโอกาสอยู่” ร่างก�ำย�ำบอก องค์คีตภากะพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าจะเอาชีวิตรอดง่ายดายเช่นนี้ ความงงงันท�ำให้นิ่งเฉยอยู่ “เจ้าจะไปตอนนี้ รึจะรอให้ขา้ สังหารเจ้า ข้าไม่รหู้ รอกนะว่าเจ้าเป็นใคร วันนี้ข้าได้ระบายอารมณ์มากพอแล้ว จงกลับไปทางของเจ้าซะ” มือหนาดันร่างขององค์คีตภาจนพ้นชายป่างดงาม พระองค์ดิ้นรน ขัดขืน หากถูกผลักกระเด็น ร่างเซล้มเข้าไปในป่ามืดทึบ หันดูอีกครั้ง ป่าแสน งามกลับหายไป องค์คีตภารู้สึกตื่นกลัว ‘นี่มันอะไรกัน’ พระองค์หาค�ำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เพื่อความปลอดภัย พระองค์จึงรีบ กลับไปยังค่ายพักอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมอ่อนๆ กรุ่นก�ำจายทิ้งไว้หลังร่างเล็กจากไป ร่างก�ำย�ำสูดดม อย่างคะนึงหา มองไปทางทวารแห่งมิตเิ ปิดออกกว้างจนปิดสนิทหลังจากผูบ้ กุ รุก


กลับไป สายตาคมกล้าจ้องสาวใช้ที่นอนสิ้นใจในสภาพเลือดท่วมตัว หากเพียง ดีดมือ ร่างของสาวใช้กลายเป็นเพียงตุ๊กตากระดาษตัวหนึ่งเท่านั้น “คนผู้นั้นเป็นใคร ที่แห่งนี้ไม่เคยมีมนุษย์เหยียบย่างเข้ามานานแล้ว หรือจะเป็นคนในขบวนเจ้าสาวเกียรติยศกัน” สีหน้าครุ่นคิด แล้วยิ้มอย่างพึงใจ จะใครก็คงได้รู้กันในอีกไม่ช้านี้แน่ องค์คตี ภาโซซัดโซเซกลับไปทีพ่ กั พระองค์พบว่าคริษฐาก�ำลังวุน่ วาย ตามหาอะไรบางอย่าง เหล่านางก�ำนัลต่างเกาะกลุ่มกันด้วยสีหน้าเสียขวัญ สีหน้าของคุณท้าวรจนาก็ไม่สู้ดีเท่าไรนัก พอพระองค์ก้าวเข้าไปเท่านั้นแหละ สีหน้าโล่งอกปรากฏบนใบหน้าของทุกคน “ฝ่าบาททรงหายไปไหนมาเพคะ” คุณท้าวรจนาเข้ามาลูบเนื้อลูบตัว สายตารื้นด้วยน�้ำตา ห่วงใยในความปลอดภัยขององค์ชาย “พวกหม่อมฉัน ใจหายหมด นึกว่าฝ่าบาทตกอยู่ในอันตรายซะแล้ว” “เอ่อ ข้าขอโทษที่ท�ำให้ทุกคนเดือดร้อน ข้าแค่เห็นหิ่งห้อย แล้วอยาก ดูจึงตามจน...” องค์คีตภาตรัสแล้วหยุดไป “โธ่ อย่าเหลวไหลแบบนี้สิเพคะ การที่พระองค์หายตัวไปท�ำเอาพวก หม่อมฉันใจหาย นึกว่าฝ่าบาทจะเป็นอะไรไปเสียแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริง หม่อมฉันก็ไม่อาจสู้หน้าเจ้าจอมมารดาของฝ่าบาทได้” น�้ำเสียงของคุณท้าวรจนาสั่นเครือ “ขอโทษ” องค์ชายหนุม่ กล่าว พลางกุมมือคุณท้าวรจนาทีเ่ ปรียบเป็น ดั่งมารดาไว้แน่น “มาเถอะเพคะ อาหารตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจะเย็นชืดเสีย ก่อน” พอเหตุการณ์สงบ คุณท้าวรจนาจูงพระหัตถ์องค์ชายเหมือนยังเป็น เด็กเล็กๆ ตรงไปยังโต๊ะที่วางเครื่องเสวย องค์คีตภาทรุดนั่ง เก็บง�ำภาพของ


เพชฌฆาตไว้ในใจอย่างไม่อาจลืมเลือน เห็นอาหารก็นกึ ถึงเลือดสาวใช้ผเู้ คราะห์ ร้ายร�่ำไปจนไม่อยากกลืนกินอะไร กิริยาแตะอาหารเพียงเล็กน้อยนั้นไม่พ้น สายตาของคุณท้าวรจนา “เครื่องเสวยวันนี้ไม่ถูกปากหรือเพคะ” ถามอย่างแปลกใจเพราะทุก ครั้งที่เป็นของโปรด พระองค์จะเสวยอย่างเอร็ดอร่อย วันนี้จิตใจดูเหมือนไม่อยู่ กับเนื้อกับตัว “เอ่อ เปล่า อร่อยมาก แต่ไม่รู้สึกหิวเพราะว่า...เพราะว่า...” พระองค์เกือบหลุดปากไป หากคิดได้วา่ ถ้าพูดนางก�ำนัลจะหวาดกลัว เสียเปล่า และคริษฐาต้องท�ำงานหนัก ทหารทุกคนต่างเหนื่อยล้าจากการเดิน ทางไกล ทรงเก็บเงียบไว้ดีที่สุด หากศัตรูคิดตามมาสังหาร พระองค์ก็คงไม่ได้ กลับยังพลับพลาแบบนี้ “มีเรื่องอะไรหรือเพคะ” คุณท้าวรจนาแปลกใจ “เปล่า แค่เหนื่อยน่ะเลยพูดเรื่อยเปื่อย” สายตาของนางก�ำนัลเก่าแก่มองอย่างผิดสังเกต ก่อนลุกขึน้ เก็บเครือ่ งเสวยเมือ่ องค์ชายไม่แตะอะไรสักอย่าง นางสัง่ ให้ นางก�ำนัลรุน่ ๆ รินชาถวาย เดินไปยังสถานทีต่ ระเตรียมเครือ่ งเสวย ในใจครุน่ คิด กับอาการของเจ้าชายตลอดเวลา “คุณท้าว...คุณท้าว!” คุณท้าวรจนาสะดุง้ โหยง ร้องว้าย เกือบท�ำถาดหลุดมือ หากตัง้ สติทนั หันมองคนเรียกอย่างขุ่นเคือง “อุ๊ย อิฉันเกือบหัวใจหยุดเต้นแน่ะ” เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ใบหน้าเหี่ยว ย่นส่งยิ้มอย่างเป็นกันเอง คริษฐาหัวเราะ แล้วช่วยหญิงชราถือถาดเครื่องเสวย “ขอโทษขอรับ เอ๊ะ...เครื่องเสวยนี่น่า ฝ่าบาทยังไม่เสวยอีกรึ ท�ำไม เหลือเต็มเลยล่ะ” “ไม่รู้สิ วันนี้พระองค์คงไม่อยากรับอะไร เห็นเอาแต่เหม่อเหมือนคิด อะไรในใจตลอด มองอาหารเรื่อยเปื่อย ก�ำลังจะตักก็นิ่งเฉย เลยเหลือเต็มนี่ล่ะ”


ดวงตาขององครักษ์รูปงามฉายความประหลาดใจ “แปลก นี่เกี่ยวกับ เรือ่ งทีฝ่ า่ บาทหายไปหรือเปล่า วันนีต้ ามหาเสียทัว่ กลับไม่พบ พอพบอีกทีกไ็ ม่รู้ ว่าปรากฏองค์มาจากตรงไหน เพราะค้นหาทั่วแล้วไม่เจอแม้แต่เงา แต่ฝ่าบาท ก็ไม่เห็นจะมีริ้วรอยบาดเจ็บแม้สักกระผีกอะไรเลยนี่น่า” “มันก็ใช่ แต่พระทัยของฝ่าบาทไม่อยู่กับเนื้อกับตัวน่ะ คิดว่าไปเจอ อะไรน่ากลัวมาหรือเปล่า” คุณท้าวรจนาสันนิษฐาน “เรือ่ งนีค้ งต้องออกปากถามฝ่าบาทดู” คริษฐาออกความเห็น เขาช่วย คุณท้าวถือของก่อนผละออกมาเมือ่ ถึงสถานทีท่ นี่ างก�ำนัลสาวทัง้ หลายใช้ทำ� งาน จุกจิก “น่าอิจฉานะเจ้าคะคุณท้าว มีองครักษ์รปู งามเดินคูม่ าด้วย” เสียงของ นางก�ำนัลรุ่นๆ กล่าวหยอกเย้า คุณท้าวรจนาท�ำตาปะหลับปะเหลือก “หุบปากได้แล้วแม่ปากกระโถน ทั้งหลาย รีบก้มหน้าก้มตาท�ำงาน จะนอนไหมยะ รึจะนั่งท�ำงานทั้งคืน” “แหม พูดนิดพูดหน่อยไม่ได้เชียวหรือเจ้าคะ” นางก�ำนัลอีกนางเอ่ย คุณท้าวมองค้อน “อยากพูดก็พูดกันไป ไม่ต้องนอนนะยะ” พูดจบก็ สะบัดหน้าหนี เดินนวยนาดเข้านอน เหล่านางก�ำนัลทั้งหลายจึงเร่งมือเก็บข้าว ของเพื่อจะได้พักผ่อนบ้าง องค์คีตภาเข้าพักผ่อน พระองค์นอนพลิกตัวไปมา ไม่สามารถข่ม พระเนตรหลับได้ลง ใบหน้าของคนเหีย้ มโหดประทับในห้วงความทรงจ�ำโดยไม่ อาจสลัดไปโดยง่าย พระองค์ตกพระทัยกับภาพห้วงฝัน ดาบคมสังหารร่างสาว ใช้เคราะห์ร้ายจนเลือดอาบ สีหน้ากลับไม่รู้สึกรู้สมต่อคนตาย ยิ่งท�ำให้พระองค์ สั่นเทา “ฝ่าบาทบรรทมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของคริษฐาเรียกเบาๆ องค์คีตภาเลิกม่านขึ้น ใบพักตร์ซีดเซียว “ยังหรอก มีอะไรหรือ” ถาม องครักษ์หนุ่มซึ่งมีแววตาห่วงใยให้พระองค์อย่างจริงใจ


“กระหม่อมเห็นฝ่าบาทกลับมา ท่าทางก็ไม่ค่อยสบายพระทัย เป็น อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” “อะ...เอ่อ...ไม่เป็นอะไร” พระองค์ปฏิเสธแล้วฝืนยกยิ้มอย่างสดชื่น “แน่ใจหรือพ่ะย่ะค่ะ” คริษฐาไม่อยากเชือ่ สักเท่าไร หากองค์คตี ภาผงก เศียรยืนยันหนักแน่น “แน่สิ เอ่อ เจ้าหาทางออกจากป่านีไ้ ด้แล้วหรือ” องค์คตี ภาเปลีย่ นเรือ่ ง คุย คริษฐามีสีหน้าไม่แน่ใจสักเท่าไรนัก “พ่ะย่ะค่ะ ทหารนายหนึ่งบอกกับกระหม่อมว่าเจอทางออกตรงไปสู่ แม่น�้ำ เป็นทางเกวียนเล็กๆ เต็มไปด้วยบ่อโคลนเฉอะแฉะ อาจจะท�ำให้ม้ากับ ช้างเดินไม่สะดวก” “อืม ดีแล้วล่ะ พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางได้ บอกให้ทุกคนเก็บของนะ” “แต่ว่ากระหม่อมยังไม่ส�ำรวจให้แน่ใจเลยว่าปลอดภัยหรือเปล่า” “เรายังต้องเจอกับอันตรายใดอีก” พระองค์เป็นกังวล นึกถึงใบหน้า คร้ามคมไร้ความเมตตาก็ตัวสั่น โชคดีที่คริษฐาไม่สังเกตเห็น “เอ่อ กระหม่อมไม่อยากให้ฝ่าบาทไม่สบายพระทัยเท่าไร” น�้ำเสียง องครักษ์มือรองลังเล “มีอะไรก็พูดมาเถอะ” องค์คีตภาสูดลมหายใจลึกๆ ตั้งพระทัยฟังโดย แสดงท่าทีไม่หวั่นเกรง “หากเราเดินทางเลียบไปริมน�ำ้ กระหม่อมเกรงว่าเราจะเจอกับภวิษณุ์ พญากุมภีลแ์ ห่งท้องนทีปาณฑรา พวกมันต้องการแก้วมณี หากรูว้ า่ เราเดินทาง ริมน�้ำละก็...เราคงไม่อาจต้านทานไหว” “ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ” “เป็นทางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้พ่ะย่ะค่ะ” ค�ำตอบของคริษฐา ท�ำให้พระองค์คิดหนัก “บอกให้ทหารทุกคนเตรียมอาวุธให้พร้อม จัดนางก�ำนัลให้อยูร่ วมกลุม่ กันไว้ ส่วนแก้วมณี ข้าจะเก็บไว้กับตัวอย่างดีที่สุด”


“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะท�ำตามพระบัญชา” คริษฐาลุกขึน้ จัดการตามทีร่ บั สัง่ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง องค์คตี ภาม องชั่วครู่ก่อนตัดสินใจพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้คงออกเดินทางแต่เช้า พระองค์ล้ม ตัวนอนคราใดก็นึกถึงใบหน้าเหี้ยมโหดอยู่ร�่ำไป หวั่นหวาดจนไม่รู้จะท�ำเช่นไร ดี จึงนอนหลับๆ ตื่นๆ จนถึงรุ่งสาง “ตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ” คุณท้าวรจนายกอ่างทองเหลืองบรรจุน�้ำ มาให้องค์คีตภา สายตาหญิงชราห่วงใยเมื่อเห็นสีพระพักตร์แลไม่สู้ดี “บรรทมไม่พอหรือเพคะ” “หือ...อืม” พระองค์ทรงหาว ท่าทางไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร “เห็นว่าท่านคริษฐาหาทางออกได้แล้ว แต่ยังต้องเดินทางอีกไกล หม่อมฉันเกรงว่าพระองค์จะอ่อนเพลียเสียก่อน” “ข้านอนพอแล้ว ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วง” พระองค์กา้ วลงจากเตียงเพือ่ ล้างพระพักตร์ ก่อนหยิบผ้าเนือ้ นุม่ มาซับ ดวงหน้าให้แห้ง สายพระเนตรเหม่อลอย มองดาวประจ�ำเมืองลอยกลางฟ้าไกล ลิบๆ ท้องฟ้าเริ่มเจือสีชมพูอ่อนๆ คุณท้าวรจนาตระเตรียมฉลองพระองค์ให้องค์คีตภา จัดแจงดูแลจน เปลี่ยนฉลองพระองค์เสร็จ จึงไปควบคุมเหล่านางก�ำนัลเก็บของให้เรียบร้อย องค์คีตภาลุกขึ้น ปล่อยให้ทหารเก็บพลับพลาและพระแท่น พระองค์ เดินตรวจตรารอบๆ ทรงทอดพระเนตรเห็นคริษฐาก�ำลังยืนสัง่ งานอยูไ่ ม่ไกล ไม่ ค่อยมีใครสนใจพระองค์นักเพราะก�ำลังวุ่นวาย ยิ่งดวงอาทิตย์จับขอบฟ้ามาก เท่าไร ทุกคนก็ยิ่งเร่งมือให้ทันการเดินทาง “ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้า ท่านคริษฐาทูลเชิญให้ฝ่าบาทประทับ ช้างทรงได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์ คี ต ภาตามตามทหารนายหนึ่ ง ไปยั ง ช้ า งทรงซึ่ ง เตรี ย มพร้ อ ม ส�ำหรับการเดินทาง คริษฐาคุกเข่าตรงหน้า พร้อมรายงานเกีย่ วกับเส้นทางการ เดินทาง


“กระหม่อมขอรายงานเกี่ยวกับเส้นทางเดินทางพ่ะย่ะค่ะ” “อืม ว่ามาสิ” พระองค์ตั้งใจรับฟัง “เส้นทางทีเ่ ราจะใช้เดินทางไปยังวิปลุ านัน้ อาจจะต้องผจญกับอันตราย จากพวกกุมภีล์ และเสี่ยงต่อการถูกโจมตีขอให้พระองค์ตั้งสติและทรงช้างหลบ หนีไปยังทิศทางที่กระหม่อมได้ตระเตรียมไว้” องค์คีตภาไม่ได้ตั้งใจฟังมากนักเพราะยังนึกถึงเรื่องการตายของสาว ใช้ปริศนาที่ริมน�้ำตก หากคนผู้นั้นคือพวกกุมภีล์แห่งท้องนทีปาณฑราล่ะ คงไม่ใช่แน่นอน อะไรบางอย่างบอกตัวเองว่าไม่ใช่คนที่ตนนึกถึง คริษฐามองพระพักตร์คล้ายคนไม่อยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไร “ฝ่าบาทมีเรื่องอันใดสงสัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” “เอ๋...เจ้าว่าอะไรนะ” “ฝ่าบาท ทางที่เราจะเดินทางไปนั้นเต็มไปด้วยภยันตราย หาก พระองค์ ไ ม่ ต ้ องเกรงกลั ว ไป ให้ ห นี ไ ปตามทางที่ ก ระหม่ อ มตระเตรี ย มไว้ พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มทวนซ�้ำ “อ้อ ขอบใจนะที่ห่วง” “พ่ะย่ะค่ะ” พระองค์ก้าวขึ้นช้างทรง ยื่นพระหัตถ์รับแก้วมณีจากคุณท้าวมากอด ไว้แน่น ทอดพระเนตรมองไปยังทางเล็กๆ ที่สามารถเดินเรียงแถวได้แถวเดียว เท่านั้น “ดูท่าบรรยากาศไม่ค่อยดีเลย” นางก�ำนัลซุบซิบเมื่อเจอการเดินทางที่ไม่สะดวกสบายเท่าใดนัก เท้า เปลือยเปล่าย�่ำโคลนอย่างไม่พอใจ เสียงถ้วยชามที่แขวนไว้บนหลังช้างและม้า กระทบกันส่งเสียงดัง เหล่าทหารไม่มีใครพูด คริษฐาที่ขี่ม้าน�ำหน้านั้นสอด สายตามองข้างไหล่ทางที่เป็นแม่น�้ำและป่าทึบขนานกัน “ดูอกี ฟากฝัง่ สิ มืดสนิทเลย ถ้ามีทางเลือกฉันไม่มที างใช้เส้นทางนีแ้ น่”


อีกนางสอดขึ้น “โอ๊ย แค่เห็นหญ้าขึน้ ริมฝัง่ หนาขนาดนีฉ้ นั ก็ไม่เอาด้วยหรอก” อีกนาง กระซิบกระซาบ เร่งเดินเพื่อให้พ้นจากโคลนเละๆ “ดูสิ มันไม่ดแู ปลกไปรึ” คุณท้าวรจนาทีเ่ งีย่ หูฟงั หันมาถามอย่างกังวล “คุณท้าวสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือเจ้าคะ” “แน่สิยะ ฉันก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรหรอกกับการเดินทางเช่นนี้ สไบกับ ผ้าซิ่นเปื้อนหมด” “คุณท้าว ไม่พูดนะเจ้าคะ” “อ้าว ท�ำไมล่ะยะ” คุณท้าวรจนาถามอย่างแปลกใจ “ก็การเดินทางครัง้ นีม้ ใี ครชอบซะเมือ่ ไร ถ้าไม่มคี ำ� สัง่ สายฟ้าฟาด เป็น ใครก็ไม่อยากตกระก�ำล�ำบากแบบนี้หรอก เหมือนส่งไปตายเสียมากกว่า” “หล่อนพูดมากนักนะ ใครไปตายกันยะ” คุณท้าวรจนาแหว “โอ๊ย คุณท้าว แก่จนปูนนี้ รับใช้ในวังมาก็นมนานแล้วไม่รู้หรือว่าไม่มี ใครหลบหนีออกมาจากวิปลุ าได้ ขบวนเจ้าสาวเกียรติยศต้องอยูท่ เี่ มืองยักษ์ ไม่ ได้กลับบ้านช่อง แค่คดิ ก็ โอ๊ย ขนลุก ไม่รวู้ า่ คนทีไ่ ปด้วยจะเป็นอาหารยักษ์หรือ เปล่า” คุณท้าวรจนาทราบความแต่ไม่พดู ขบวนเจ้าสาวเกียรติยศทีส่ ง่ ไปทุก หนึ่งศตวรรษ ไม่มีใครได้กลับมา ทางองค์กษัตริย์ก็ไม่เคยตรัสกล่าวถึง พวก นางก�ำนัลต่างพากันเล่าลือกันในหมู่ตนและระวังตัวแจไม่ให้เกิดโชคร้ายกลาย เป็นหนึ่งในขบวนเจ้าสาวเกียรติยศ หากใครได้เป็นนางก�ำนัลในขบวนก็ไม่มี สิทธิค์ ดั ค้านหรืออิดเอือ้ น ถ้ามีใครขัดขืนจักถูกลงโทษหนัก ทหารหรือนางก�ำนัล ในขบวนเสด็จนัน้ ครอบครัวจะได้รบั เงินตอบแทน ‘ค่าชีวติ ’ เป็นจ�ำนวนมหาศาล พรั่งพร้อมด้วย ‘เกียรติยศ’ ที่ยอมเสียสละเพื่อบ้านเมือง “หล่อนก็พดู มากไป หุบปากหล่อนให้สนิทเชียว อย่าพูดเพ้อเรือ่ งนีอ้ กี ” “คุณท้าวเจ้าคะ หากข่าวลือไม่เป็นจริงละก็ ป่านนี้ก็มีราชนารีใน ราชวงศ์อาสามาแล้วเจ้าค่ะ ส่วนมากพวกนางก�ำนัลที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาก็เป็น


พวกลูกของคนที่เคยร่วมขบวนพิธีนี้ทั้งนั้น ถามก็ไม่ตอบว่าครอบครัวเป็น อย่างไรหลังไปเมืองยักษ์แล้วไม่กลับมาอีก” หันไปมองนางก�ำนัลอดีตลูกหลานของผูท้ เี่ ข้าร่วมพิธี มักปากหนักและ ไม่พูดเกี่ยวถึงเรื่องพิธีส่งเจ้าสาว “แต่พวกวิปุลาก็น�ำแก้วมณีมาคืนอยู่นี่นา” “ไม่มขี บวนเจ้าสาวกลับมาด้วย ไม่รเู้ ป็นตายร้ายดีอย่างไร” นางก�ำนัล อีกคนรีบเสริม ในใจอึดอัดเพราะไม่ได้เต็มใจมา หากกลัวโทษทัณฑ์จึงขัด พระราชโองการไม่ได้ “ฉันเคยได้ยนิ องค์มนัสหยาบอก คนเมืองยักษ์นะ่ ไม่ได้จบั องค์หญิงไป กินเสียหน่อย พวกหล่อนเลิกกลัว เลิกพูดมากสักทีสิ” คุณท้าวรจนาบอกเสียงขุน่ เหล่านางก�ำนัลปากมากเงียบกริบแล้วเดิน ตามหลังคุณท้าวเงียบๆ ม้าของคริษฐาหยุดเดิน คล้ายจับความน่ากลัวได้ตาม สัญชาตญาณสัตว์ องครักษ์หนุ่มส่งสัญญาณมือให้หยุดแล้วลงจากหลังม้าจับ ดาบตรวจดูหนทางข้างหน้าว่ามีอันตรายใดๆ หรือไม่ สายตาระแวดระวังเมื่อ เห็นหางยาวเต็มไปด้วยหนามแหลมโผล่พ้นจากพงหญ้า สิ่งที่คริษฐาไม่อยาก พบนั่นก็คือพวกกุมภีล์ผู้ดุร้ายแห่งท้องนทีปาณฑรา “ระวังตัว เตรียมอาวุธ!” คริษฐาสั่งเสียงเครียด พงหญ้าขยับไหว สัตว์เลือ้ ยคลาน ผิวขรุขระกลายร่างเป็นมนุษย์ เหล่า นางก�ำนัลต่างชะเง้อมอง ตาโตเมือ่ เห็นหนุม่ รูปงามถือดาบขวางทาง องค์คตี ภา ยึดกล่องแก้วมณีจนมือเกร็ง พระองค์มองบุคคลที่ปรากฏร่างขึ้นกะทันหัน หาใช่ชายโหดร้ายผู้นั้น ในมือหนาถือตรีศูลแหลมคมด้วยท่าทางพร้อมต่อสู้ ชายผู้นั้นจ้อง คริษฐาเขม็ง ทรวงอกเต็มไปด้วยมัดกล้ามเปลือยเปล่า สวมเพียงโจงกระเบนสี เลือดหมู ดวงตาวาววับดุจดวงตาของสัตว์ร้าย “พวกเจ้าก�ำลังล�้ำเขตปาณฑรา” “ข้าขอผ่านเส้นทางนี้ด้วยความเคารพ ข้ามิได้อยากจะมีเรื่องกับพวก


ท่านหรอก” องครักษ์รูปงามกล่าว ชายผู้นั้นหรี่ตา “ข้าเกรงว่าอาจจะท�ำตามที่ท่านขอไม่ได้ มนุษย์ตัว น้อย” “แต่ข้ามีเรื่องส�ำคัญที่วิปุลา เส้นทางนี้เชื่อมต่อถึงกันได้หรือไม่” คริษฐาเปลีย่ นค�ำถาม ลดน�ำ้ เสียงให้นมุ่ นวลกว่าเดิมเพราะไม่อยากให้ เกิดการปะทะกันโดยใช่เหตุ “ถึงจะเป็นเส้นทางผ่าน เราชาวกุมภีล์ก็มิให้ใครผ่านปาณฑราได้โดย ง่าย พวกท่านจงกลับไปเสีย ก่อนที่จะท�ำให้นายของข้าไม่พอใจ” หนึ่งในพวก กุมภีล์เอ่ยขับไล่ คริษฐาหันไปกระซิบสัง่ ทหารให้ถอยทัพออกไปก่อน ขณะขบวนเลีย้ ว กลับ องครักษ์หนุม่ เห็นลูกธนูพงุ่ จากแหล่ง สิง่ แรกทีอ่ ยูใ่ นความคิดก็คอื ปกป้อง องค์คีตภา องครักษ์รูปงามเอาตัวเข้ารับแทนจนธนูปักเข้าที่บ่า ความเจ็บปวด นับแสนทิ่มแทง แม้จะเจ็บก็ฝืนตัวเองลุกขึ้น จับดาบไว้อย่างมั่นคง แล้วส่ง สัญญาณให้ทหารเข้าโรมรันพันตู เสียงของนางก�ำนัลร้องด้วยความตกใจ ทหารส่วนหนึ่งท�ำตามแผนที่ วางไว้นั่นคือพาองค์คีตภาและนางก�ำนัลหนี ไปตามเส้นทางที่ตระเตรียมไว้ “คริษฐา...” องค์ คี ต ภาเห็ น องครั ก ษ์ ถู ก ลู ก ธนู ป ั ก บนบ่ า ก็ ร ้ อ งด้ ว ยความกลั ว พระองค์ผวาแต่ลงไปช่วยไม่ได้เพราะช้างทรงถูกต้อนให้ถอย สายพระเนตร กวาดมองรอบข้าง เหล่าทหารคุ้มกันต่อสู้อย่างเต็มก�ำลัง ส่วนหนึ่งโรมรันกับ พวกกุมภีล์ อีกส่วนก็คุ้มกันขบวนเสด็จและพวกนางใน นายทหารบางคนถูกหางที่เต็มไปด้วยหนามแหลมปัดกระเด็นลงใน แม่น�้ำ ก็ถูกพวกกุมภีล์ที่รออยู่งับเข้ากลางล�ำตัว กัดขยุ้มจนเนื้อขาด เสียงร้อง โหยหวนลั่นคุ้งน�้ำ เลือดปนไปกับสายธารดูน่าสยดสยอง ยิ่งสีน�้ำแดงเข้มมาก เท่าไรก็ยิ่งเรียกฝูงกุมภีล์มามากเท่านั้น ผิวน�้ำกระเพื่อมไหว คริษฐาทรุดนั่งลง อย่างอ่อนแรงหลังสังหารพวกศัตรูไปบางส่วน


“ท�ำไมมันมาไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้วะ” น�้ำเสียงหอบแรงของทหาร ใต้อาณัติคุยกับเพื่อนอย่างหวาดกลัวหลังเห็นเพื่อนร่วมรบตายสยดสยองต่อ หน้าต่อตา เขี้ยวคมวับจัดการขย�้ำเหยื่อจนหมดสิ้น “กลิ่ น เลื อ ดเรี ย กพวกมั น มา” น�้ ำ เสี ย งเครี ย ดเคร่ ง ของคริ ษ ฐาว่ า องครักษ์หนุ่มฝืนลุกขึ้นประจันหน้ากับศัตรู “พวกเจ้าช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก” น�้ำเสียงทรงพลังดังก้อง ดวงตาอ่อนล้าของคริษฐาจ้องมองและก็ได้พบบุคคลผูเ้ จิดจรัส ร่างนัน้ สูงใหญ่ก�ำย�ำ ผิวกายสีทองแดง ใบหน้าคมคร้ามแสดงถึงความมั่นใจในตนเอง เต็มเปี่ยมท่าทางแข็งแกร่งก�ำลังมองมาทางตนเช่นกัน “เจ้า...” คริษฐาพูดอะไรไม่ออก ทั้งอ่อนเพลีย อ่อนล้า ร่างที่ฝืนมานานไม่อาจ ฝืนทนไหวได้อีกต่อไปจึงล้มลงตรงหน้าของชายผู้เป็นดั่งดวงอาทิตย์ทรงพลัง ทหารที่เหลือต่างแตกทัพหลังเห็นคนเป็นผู้น�ำนั้นสลบไสลไม่ได้สติ ขบวนเจ้าสาวเกียรติยศแตกพ่ายไม่ต่างอะไรจากเรือน้อยแล่นไป ท่ามกลางกระแสพายุ ทุกคนต่างพยายามเอาตัวรอดเท่าทีโ่ อกาสจะอ�ำนวยโดย มีกองก�ำลังทหารกุมภีล์ตามล่าอย่างไม่ลดละเพื่อชิงเอาแก้วมณีล�้ำค่า “ฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือ!” นางก�ำนัลทีไ่ ม่สามารถปกป้องตัวเองได้ถกู จับตัวไป องค์คตี ภามองข้า ราชบริพารของพระองค์ตกเป็นเชลย หทัยแทบสลายทีไ่ ม่อาจปกป้องใครได้เลย สักคน “หยุดก่อน” พระองค์ตรัสกับควาญช้างที่เร่งไสช้างหนี “กระหม่อมท�ำเช่นนัน้ ไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ หากหยุดพวกกุมภีลจ์ ะตาม ทัน มันอาจช่วงชิงแก้วมณีไปได้ ขอพระองค์ทรงตัดพระทัยด้วยเถิด” องค์คีตภากุมแผ่นอุระ หยาดน�้ำตาหลั่งริน พระองค์มองเหล่าทหารที่ ล้มตายเป็นใบไม้รว่ ง ส่วนผูห้ ญิงก็ถกู จับตัวไปรวมทัง้ คุณท้าวรจนาด้วย ควาญ


ช้างรับรู้ถึงความเศร้าท�ำได้เพียงแค่ปลอบประโลมโดยไม่ทันสังเกตเห็นธนูพุ่ง เข้ามาปักเข้าทีด่ วงตา องค์คตี ภาหันมอง พระองค์ตกในอาการตืน่ ตะลึงยามเห็น ร่างสั่นระริกของควาญช้างถูกลูกธนูปักทะลุหัวพระองค์กรีดร้องเมื่อร่างของ ควาญช้างหล่นจากกูบ พอหมดคนควบคุม ช้างทรงไม่ตา่ งอะไรไปจากพวกสัตว์ บ้าคลั่ง องค์คีตภากอดกล่องแก้วมณีแน่นและจับขอบที่มั่นไว้ ลดร่างลงไม่ให้ เกีย่ วพุม่ ไม้ เสียงของพวกกุมภีลด์ งั ก้องในโสตประสาท พระองค์หลับพระเนตร สนิท กรรแสงไม่หยุด คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเมืองอีกต่อไปแล้ว ท่ามกลางความสิ้นหวัง พระองค์ได้ยินเสียงสะเทือนเลือนลั่น ก่อนที่พระองค์ เองตกใจกลัวแทบสิ้นสติสมประดีไป กลิ่นหอมหวานของอะไรบางอย่างอบอวล องค์คีตภาฝืนตัวเองลุกขึ้น ดวงพระเนตรพร่าเลือนจ้องมองม่านโปร่งพลิว้ เห็นสนามหญ้าเขียวขจี วูบหนึง่ ของความคิด พระองค์นกึ ถึงสมัยทีพ่ ระมารดายังอยู่ บรรยากาศแสนอบอุน่ กลิน่ ของความอ่อนโยนปลอบประโลมดวงใจ สายพระเนตรกะพริบถีๆ่ เห็นทุกอย่าง ชัดเจนกว่าเก่า พยายามฝืนตัวเองให้ลกุ ขึน้ ผ้าแพรเรียบลืน่ ไหลจากตัว องค์คตี ภาเซเล็กน้อย พยายามกลั้นใจเดิน เปิดม่านออกกว้าง สายลมเย็นรื่นปะทะว รองค์เป็นสิ่งแรก เรือนเกศายาวสลวยพลิว้ ตามกระแสลมปิดกรอบหน้า พระองค์หลับตา ลงเสยผมปรกหน้าปรกตาขึ้น มองสวนตรงหน้า ดอกพุดขาวร่วงเกลื่อนพรม หญ้าเขียวขจี กลิ่นไม้หอมอบอวล พันธุ์ไม้ขึ้นร่มรื่น ถึงสวนนี้จะเล็กแต่ก็งดงาม เหลือเกิน พระองค์กำ� ลังเดินลงบันได หากเห็นร่างอรชรสองร่าง นางหนึง่ ดูคล้าย สตรีสูงศักดิ์ อีกนางคงเป็นนางก�ำนัลซึ่งหอบอะไรบางอย่างมาด้วย องค์คีตภา จึงชะงัก หันหลังกลับไปที่แท่นบรรทม แล้วล้มตัวนอนอย่างรวดเร็ว พระองค์ แสร้งหลับพระเนตร เสียงชายผ้าเคลื่อนไหวใกล้ๆ ท�ำเอาพระองค์รู้สึกเครียด


ขมึง กลัวว่าจะถูกจับได้ว่าแสร้งบรรทม “ยังไม่ฟื้นอีกหรือมาลา” เสียงของผู้หญิงอีกคนเอ่ยถามอย่างทรง อ�ำนาจ “เจ้าวารินยุพา...ดูแล้วก็เสด็จกลับเถิดเพคะ หากองค์ปรุฟห์ทรงทราบ จะกริ้วเอานะเพคะ” เสียงผู้หญิงที่หอบของเต็มอ้อมแขนรีบลดเสียงต�่ำคล้าย เกรงกลัวว่าจะรบกวนคนเจ็บ เจ้าวารินยุพาหยุดลงตรงหน้าบรรจถรณ์ แม้วา่ น�ำ้ เสียงจะหวานใสหาก คนแสร้งหลับรู้สึกว่าน�้ำเสียงนั้นแฝงความไม่พอใจไว้ “ทีน่ คี่ อื สถานทีทเี่ จ้าสาวจากสังวรีควรจะอยู่ ข้าไม่ควรจะมาดูหน้าคน ที่ข้าเกลียดใช่ไหม” “เอ่อ...ไม่ใช่เช่นนั้นเลยเพคะ หม่อมฉัน...หม่อมฉัน” พูดไปค่าก็เท่าเดิม สายพระเนตรเย็นชายังคงจับจ้องคนบนเตียง “แต่ครัง้ นีข้ า้ คงโล่งใจเพราะไม่ใช่สตรี คงมากวนพระทัยองค์ปรุฬห์ไม่ ได้ เจ้าดูแลแขกอย่างดีก็แล้วกัน” พูดจบเจ้าวารินยุพาเดินออกไปอย่างไม่ไยดี พระนางแค่มาดูหน้าผู้ ที่มาเป็นเจ้าสาวเกียรติยศด้วยใจที่หวั่นเกรง หากก็ต้องโล่งใจเมื่อรู้ว่าศัตรูเป็น บุรุษผู้หนึ่งจึงไม่น�ำพาอีกต่อไป องค์คีตภาค่อยๆ ลืมพระเนตรขึ้น ท�ำทีคล้ายคนเพิ่งตื่น “ตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ” “เอ่อ ที่นี่คือที่ไหน” ทรงถามดุจคนหวาดกลัวถามดุจคนหวาดกลัว ผู้ หญิงที่ชื่อมาลายิ้มให้อย่างอ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทีหวั่นหวาด นางยื่นมือออกมา แตะต้นแขน ร่างคนถูกแตะสะดุ้ง “ไม่ต้องกังวลเพคะ ฝ่าบาทปลอดภัยแล้ว ที่นี่คือวิปุลา ไม่มีใครมาท�ำ อันตรายพระองค์ได้แล้วเพคะ” องค์คีตภาย้อนร�ำลึกถึงภาพการต่อสู้อันแสนโหดร้าย วรองค์สั่นระริก “พวกทหารกับนางก�ำนัลของข้าล่ะ ทุกคนเป็นเช่นไร ปะ...ปลอดภัยดี


ใช่ไหม”

ภาพของควาญช้างถูกธนูปักเข้าที่ตาท�ำให้เกิดอาการประหวั่นพรั่น พรึงไม่ยอมรับรู้ว่าตนเองปลอดภัยจริงๆ “เอ่อ อย่าเพิง่ ถามอะไรเลยเพคะ เสวยพระโอสถ แล้วนอนพักเถิดเพคะ ฝ่าบาททรงเพลียจัด หม่อมฉันจะเช็ดตัวให้” องค์คีตภาไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น กระถดตัวติดผนัง กอดตัวเองแน่น สายพระเนตรหวาดหวั่นต่อเหตุการณ์ที่ได้พบพานมา “ไม่...ไม่...ข้าไม่ดื่ม ไม่กินอะไรทั้งนั้น” ท่าทางแขกเกียรติยศจากสังวรีกลัวจนมาลาไม่กล้าท�ำอะไร นางลังเล จึงยกถ้วยยาค้างไว้ “ไม่เป็นไรนะเพคะ สงบพระทัยไว้” มาลาปลอบ หากไม่ประสบความส�ำเร็จ องค์คีตภาดูเหมือนเกรงกลัว หนักเข้าไปอีก นางก�ำนัลไม่รจู้ ะท�ำเช่นไรดี หันรีหนั ขวางหาคนปรึกษา นางโล่ง ใจที่องค์ปรุฬห์เสด็จมาทันเวลา “องค์ปรุฬห์เพคะ เจ้าชายแห่งสังวรีทรงฟื้นแล้วแต่ไม่ยอมเสวยพระ โอสถเพคะ” พระพักตร์เครียดเคร่งหันมองไปยังเตียงทันทีหลังได้รับรายงาน พอ สายพระเนตรสบร่างสั่นเทาดั่งลูกนก องค์คีตภาแปลกประหลาดพระทัยที่เห็น หน้าคนช่วยเหลือตน...ชายเหี้ยมโหดผู้นั้น! “ไม่คิดว่าจะเป็นท่านนะ” ค�ำทักทายท�ำเอาองค์คีตภาตรัสอะไรไม่ออก “เจ้า...ฆาตกร...” “พูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะ เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกแท้ๆ” วงพระเนตรกลมโตฉายความประหลาดใจ “ท่านพูดว่าครัง้ แรกเช่นนัน้ รึ” “แล้วคิดว่าอย่างไรล่ะ” สายพระเนตรขององค์ปรุฬห์หรี่ลง


“อะไรนะ ก็ขา้ เห็นท่านใน...ใน...นิมติ ” ตรัสตอบอย่างแผ่วเบา องค์ปรุ ฬห์สรวลราวกับว่าเรื่องที่อีกฝ่ายเอ่ยช่างตลกขบขันสิ้นดี “เพียงเท่านั้นท่านก็เลยตัดสินว่าเราเคยพบกันงั้นรึ” “แต่ท่านฆ่าสาวใช้คนนั้น ข้าเห็น...ท่านเป็นใครกันแน่” องค์ปรุฬห์หันมาทางมาลา เพียงดีดนิ้ว มาลาก็กลับกลายเป็นรูป กระดาษองค์คีตภาตกใจไม่น้อย “ที่ท่านเห็นตอนนั่นคือมายา และมาลาก็คือมายาที่ข้าสร้างขึ้นเพื่อให้ มารับใช้ท่านอย่างไรล่ะ ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านตกใจเท่านั้น” “วิปุลา เมืองยักษ์!” องค์คีตภาตื่นตะลึง “ใช่ เมืองยักษ์ แต่นา่ แปลกนะว่าทีเ่ จ้าสาวไฉนกลายเป็นบุรษุ ทีร่ ปู งาม ขนาดนี้เล่า” พระหัตถ์ยนื่ ออกไปแตะกรอบใบหน้าเรียว เชยคางสบพระเนตรคมกริบ ดัชนีกร้านแกร่งสางผมนุ่มสลวย สัมผัสได้ว่าร่างของผู้ที่จะมาเป็นเจ้าสาวนั้น เครียดเกร็ง “ข้าไม่ได้ตงั้ ใจจะให้เป็นเช่นนี้ หากทุกอย่างผิดพลาดไปหมด ข้าไม่ได้ ตั้งใจที่จะหลอกลวงท่าน ขอให้ท่านได้รับฟังก่อน ได้โปรด” องค์คีตภา วิงวอน ร้องขอให้ ‘ฟัง’ ผู้ที่ถูกหลู่พระเกียรติกอดอก “ว่ามาสิ” องค์คตี ภากัดริมพระโอษฐ์ รูส้ กึ ว่า ณ สถานทีแ่ ห่งนีพ้ ระองค์กลายเป็น คนโดดเดี่ยว “ข้ารู้ว่ามันผิดที่ส่งตัวบุรุษถือแก้วมณีมาแทนที่จะเป็นอิสตรี แต่ทาง สังวรีไม่มีทางเลือก” “อะไรที่บอกว่าไม่มีทางเลือก” องค์ปรุฬห์คับข้องหทัย “ไม่มรี าชนารีองค์ไหนกล้ารับราชโองการนี่ ทุกนางต่างเกรงกลัวพวก ยักษ์ ข้าเลยอาสามาแทน อัญเชิญแก้วมณีมา เพื่ออธิบายให้ท่านเมตตาเห็น พระทัย”


“โอ้ ท่านช่างกล้าหาญมาก” น�้ำเสียงประชดประชัน องค์คตี ภาไม่กล้าบอกความจริงว่าทีต่ นอาสามานัน้ เพราะเหตุใดกันแน่ ไม่ใช่ความกล้าหาญสักนิดเดียว “ข้าเสียใจ...ที่ท�ำให้เรื่องต้องออกมาเป็นเช่นนี้และท่านต้องเสื่อมเสีย เกียรติยศ ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ” หวังเพียงจะให้เห็นใจ หากองค์ปรุฬห์หทัยด้านชามากพอ “ใช่ พวกท่านไม่มีทางเลือก เลยท�ำวิธีสุดแสนจะขี้ขลาดแบบนี้สินะ แล้วอย่างไรต่อล่ะ” “ข้าเพียงแต่ขอให้ท่านได้เห็นใจบ้างเถอะ โปรดเห็นใจเราชาวสังวรี ด้วยเถิด” แรงดึงผมมากขึ้นจนวงหน้าหงายตามแรงกระชาก “คิดให้เห็นใจงั้นรึ อยากให้เป็นแบบนั้นงั้นรึ” หยาดน�้ำใสคลอขังในแววพระเนตร ริมพระโอษฐ์บางสั่นระริก “ได้โปรด อย่าได้ท�ำอะไรพวกเราเลย เราก็แค่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น จริงๆ” “ไม่มที างเลือก? ทางสังวรีเลยใช้วธิ ขี ขี้ ลาดในการส่งผูช้ ายมาแทน ช่าง เขลานัก โทษทัณฑ์ครั้งนี้ไม่ใช่แค่บอกว่าขออภัยแล้วปล่อยไปง่ายๆ หรอกนะ” องค์คีตภาประหวั่นพรันพรึง กลัวเกิดสงครามระหว่างสองแคว้น เฉกเช่นศตวรรษก่อน “แต่ท่านก็ได้แก้วมณีไปแล้วนี่ ยังไม่พอใจอีกหรือ อย่างไรซะเจ้าสาว ทีเ่ สด็จมาอภิเษกกับเจ้าชายแห่งวิปลุ าคงมีชะตากรรมไม่ตา่ งอะไรจากเชลยสินะ แล้วท่านยังจะเรียกร้องชาวสังวรีมากกว่านี้อีกหรือ” “หยุดพูดเยีย่ งนัน้ เพราะท่านยังไม่เห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึน้ เจ้าหญิง แห่งสังวรีที่มายังวิปุลา ทุกคนต่างได้รับการดูแลที่ดีทั้งนั้น อยู่ตราบสิ้นอายุขัย ของพวกนาง จนวันนี้ พวกท่านท�ำลายความไว้เนือ้ เชือ่ ใจทุกอย่าง หากต้องการ ชดใช้ ท่านอยากได้บทลงโทษเช่นไร ที่กล้าบังอาจหยามเกียรติเราชาววิปุลา”


สายพระเนตรกลมโตจ้องยังกริชที่เหน็บข้างบั้นพระองค์ ตัวด้าม ประดับด้วยทับทิมแดงก�่ำรายล้อมด้วยบุษราคัมสีสวยส่องประกายระยิบระยับ “หากเกียรติที่ท่านสูญเสียทดแทนได้ด้วยความตายละก็ ข้ายินดี” หัตถ์เรียวกระชากกริชออกจากฝัก จ่อเข้าที่หัวใจ องค์ปรุฬห์ไม่ทัน ระวังจึงปัดป้องไม่ทัน คมกริชนั่นจึงแทงลงที่พระอุระของเจ้าสาวของเจ้าสาว สายพระเนตรคมตื่นตะลึง ร่างในอ้อมพระหัตถ์ล้มลงจนประคองเกือบไม่ทัน โลหิตไหลซึมตามปากแผล องค์ปรุฬห์รีบช้อนร่างที่ประหัตประหารชีวิตตัวเอง ขึ้น ส�ำรวจลมหายใจพบว่ายังหายใจรวยระริน บาดแผลไม่ลึกนักด้วยคนแทง ไม่รจู้ กั ประมาณ องค์ปรุฟห์ตะโกนเรียกข้าราชบริพาร เหล่าทหารและนางก�ำนัล รีบกรูเข้ามากันทันใด “ตามแพทย์หลวงมาด่วน!” เกิ ด ความโกลาหลขึ้ น องค์ ป รุ ฬ ห์ ไ ม่ ไ ด้ ส นใจในความวุ ่ น วายนั่ น พระองค์กอดร่างปวกเปียกในอ้อมแขนแน่น ซุกพระพักตร์เข้ากับซอกคอขาว เนียนดั่งเนื้อหยก พระองค์ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน กลิ่นหอมหวานของเลือด กระตุ้นให้ความกระหายที่กักเก็บไว้เนิ่นนานจนอยากกัดกินร่างกายนี้ พระองค์ไม่อาจทานทนการเรียกร้องตามสัญชาตญาณได้ จึงก้มลงชิม รสเลือด ร่างในอ้อมแขนดิน้ รนด้วยความเจ็บปวด ดวงพระเนตรพยายามลืมขึน้ เห็นร่างหนาใหญ่ก�ำลังก้มตัวเหนือแผล แล้วท�ำอะไรบางอย่างกับแผลของตน ความเจ็บปวดค่อยๆ ลดทอนลง แล้วพระองค์ก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ติดตามต่อได้ในเล่ม



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.