ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 2560 ทั นประจำ ส �ถเดืาอนกรกฎาคม น ก า ร ณ์
ติ ด ต า ม ข่ า ว ส า ร ไ ด้ ที่
w w w . t h a i s a e r e e .หน้ c oาm1
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560 ราคา 10 บาท
ร้านขายสังฆภัณฑ์สะดุด ชาวพุทธหั น ไปเลื อ ก ซื้อ ของที่ได้ใช้ปจรริะ งเ มิถวายพระ น 3 ปี
กองทุนวันศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์ ฯ ; นายชัยธวัช เนียมศิริ รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็น ประธานรับบริจาคเงินสมทบกองทุนวันศรีนครินทร์ ในพระราชูปถัมภ์ ฯ รายการพิเศษวันศรีนครินทร์ ประจำ�ปี 2560 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 จังหวัดขอนแก่น เพื่อนำ�รายได้ไป ช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ และใช้ในการพัฒนาการรักษาพยาบาล การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
ร้านขายเครือ่ งสังฆภัณฑ์ครวญ ธุ ร กิ จ SMEsปรั บ กลยุ ท ธ์ ลูกค้าหายไปกว่าครึ่งเทียบกับ ปี ที่ ผ่ า นมา คาดเป็ น เพราะ ก้ า วสู่ ยุ ค ไทยแลนด์ 4 .0 เศรษฐกิจไม่ดี ปรับกลยุทธ์ลด ธุรกิจ SMEs ต้องปรับตัวให้ทันกับการ ราคา ด้านชาวพุทธหันไปเลือก เปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจในโลกยุคดิจิทัล ซื้ อ ของใช้ ที่ จำ � เป็ น ถวายพระ เพราะไอเดียธุรกิจจะเป็นจักรกลสำ�คัญ ใน มธุรกิจ SMEsไทย ให้มีศักยภาพ แทนสังฆภัณฑ์สำ�เร็จรูป มอง การเสริ อย่ารังเกียจทหารและรัฐบาลชุดนี้ ; พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ 3 ปี ภายใต้การบริหารงานของ ว่ า ร้ า นนำ � ของที่ ห มดอายุ แ ละ แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต พูดคุยอย่างเป็นกันเองและถ่ายรูป กับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กว่า 2,000 คน จากจังหวัดต่างๆทัว่ ภาคอีสาน ทีม่ าร่วมรับฟังปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลือ่ น รัฐบาล คสช. ปัญหาเศรษฐกิจ ด้อยคุณภาพมาขาย Thailand 4.0” ที่หอประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย คนขายแรงหวั ง รวยเงิ น ล้ า น นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ทกุ คนตัง้ ใจเรียน มองเป้าหมายในชีวติ และทำ�ให้ได้ตามความฝัน สอบตก ส่วนปัญหาความขัด ผุ ด ไอเดี ย เที ย ่ วรถไฟ ศรั ท ธา สมัครไปขุดทองที่อิสราเอล แย้ ง สร้ า งความปรองดอง แท็ ก ซี่ มิ เ ตอร์ โ ละเหมาจ่ า ย ก็ ยั ง ไม่ คื บ หน้ า ขณะที่ นั ก สองแผ่ น ดิ น ไทย-ลาว แห่ งรวยเงินล้าน แห่สมัครไป ปรับราคาใหม่สตาร์ท40บาท วิชาการเห็นว่า การเลือกตั้ง ททท.อุดรธานี ผุดไอเดียเทีย่ วเชือ่ มโยง ชาวหนองคายหวั ขนส่ ง ทางบก ประกาศใช้ อั ต ราค่ า โดยสาร ไทย-ลาว ปี 2561 ส่งเสริมแผนการทำ� ขุดทองที่อิสราเอลคึกคัก หลังกรมการจัดหา แท็ ก ซี่ มิ เ ตอร์ ใ หม่ 2 ก.ม.แรก 40บาท ไม่สามารถแก้ปัญหา ศก.ได้ ตลาด ใช้รถไฟเส้นทางประวัติศาสตร์ งาน เปิดรับสมัครแบบรัฐจัดส่ง กว่า 4,000 แท็กซี่อุดรมีเฮ ขนส่งอุดรฯ ประสานกรมท่า แน่นอน หากนักการเมืองไม่ หนองคาย-ท่านาแล้ง ข้ามสะพานไทย- คน เงินเดือนขัน้ ตํา่ 48,000 บาท สมัครฟรี ลาว แห่งแรก มาส่งเสริมเทีย่ วเชือ่ มโยง อากาศยาน ให้วิ่งรับลูกค้าถึงในสนามบินได้ แต่ต้องมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ อ่านต่อหน้า 11 เปลี่ยนพฤติกรรม อ่านต่อหน้า 11 และสู่กลุ่มประเทศ GMS เหมือนกับขอนแก่น
รัฐบาลคสช. ยังแก้ ปั ญ หาเศรษฐกิ จ ปากท้ อ งไม่ ถู ก ที่
อ่านต่อหน้า 11
อ่านต่อหน้า 11
อ่านต่อหน้า 2
อ่านต่อหน้า 11
หน้า 2 ประเมิน 3 ปี
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560 • ต่อจากหน้า 11 ส่วนของภาคประชาชน ต้องบอกว่า ควรขึ้นอยู่ที่
ทุกคนยังรอคอยและหวังว่ารัฐบาลชุดนี้ คือ ควรมี การปฏิรูปหน่วยงาน “ตำ�รวจ” ให้เป็นที่พึ่งและเป็น ที่ยอมรับของประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถ พึง่ ผูร้ กั ษากฎหมายโดยไม่มขี อ้ กังขาถึงการทีเ่ จ้าหน้าที่ ตำ�รวจ ในการใช้ชอ่ งว่างของกฎหมายเพือ่ แสวงหาผล ประโยชน์ หรือในกรณีที่ได้รับส่วนแบ่งจากการออก ใบสั่ง จากที่ผ่านมา ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะเข้าไป ปฏิรูปเรื่องต่างๆ ในองค์กรตำ�รวจ และยังรวมไปถึง ความหวังที่จะกระตุ้นภาคเศรษฐกิจให้ตรงจุด จาก ที่ผ่านมารัฐบาลยังเกาไม่ถูกที่คัน ถึงแม้จะมีการอัด เม็ดเงินเพื่อให้ประชาชนได้นำ�ไปใช้จ่ายเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิ จ ให้ มี ค วามเคลื่ อ นไหวและหมุ น เวี ย นใน โครงการลงทะเบียนคนจนถึงสองรอบ แต่เศรษฐกิจ ก็ยังไม่เดินหน้าตามคาดเพราะเมื่อประชาชนได้รับ เงินอุดหนุนจากรัฐบาล ก็จะนำ�ไปใช้แก้ปัญหาเฉพาะ หน้า ไม่วา่ จะเป็นหนีน้ อกระบบ หนีไ้ ฟแนนซ์ ซึง่ เป็น หนี้ครัวเรือนของภาคประชาชนที่ยังสูงอยู่ ทำ�ให้เงิน อุดหนุนจากภาครัฐหายไปจากระบบหมุนเวียนต่อ เนื่อง มองว่าเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ตรง จุดความเป็นจริง และโครงการที่เกิดจากนโยบายก็ยัง ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่หาก มองภาพรวมความเป็นจริงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ ชะลอตัวไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่เศรษฐกิจ โลกปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่มีแนวโน้มที่กำ�ลัง จะดีขึ้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ประเทศไทยจะมีผลบวก เพียงประเทศเดียว ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การบริหารงาน ของรัฐบาลชุดใดก็ตาม เพราะภาวะเศรษฐกิจของทุก ประเทศจำ�เป็นต้องอิงกับเศรษฐกิจโลก นายวิฑูรย์ กล่าวต่อไปว่า “การเลือกตั้ง” จะ ไม่มผี ลกระทบให้เศรษฐกิจในประเทศไทยดีขนึ้ ทันที อย่างแน่นอน อีกทั้งความขัดแย้งยังคงอยู่ อาจทำ�ให้ การพยายามแก้ปัญหาที่ผ่านมาสูญเปล่า ในด้านของ เศรษฐกิจปี 2560 ภายในประเทศยังไม่มีผลบวกนัก ลงทุ น ทั้ ง ส่ ว นกลางและนั ก ลงทุ น ชาวต่ า งชาติ ยั ง ชะลอการลงทุน แต่มคี วามเชือ่ ว่า ในปี 2561 เศรษฐกิจ ในประเทศ และเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้น ด้าน อาจารย์ภมู ภิ กั ด์ พิทกั ษ์เขือ่ นขันธ์ รองผู้ อำ�นวยการสถาบันวิจยั เพือ่ พัฒนาสังคม มหาวิทยาลัย ขอนแก่น กล่าวว่า ถ้าจะประเมินการบริหารงานของ รัฐบาล คสช. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำ�รง ตำ�แหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องเข้าใจถึงความเป็นมา ก่อนว่าเกิดรัฐบาลชุดนีไ้ ด้อย่างไร รัฐบาลชุดนีเ้ ข้ามาบ ริหารประเทศชาติเพื่ออะไร และรัฐบาลชุดนี้ต้องการ อะไร เมื่อทำ�ความเข้าใจเหตุการณ์ที่มา-ที่ไปแล้ว จึง วิเคราะห์ถึงผลงานที่ได้บริหารในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล คสช. ได้กำ�หนดแนวทางการบริหารงานให้ เดินหน้าตาม ROAD MAP ที่ตั้งไว้ โดยมีเป้าหมาย หลักที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน อาทิ ปัญหาความขัด แย้งในสังคมไทยการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นใน องค์กรต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจสีเทาสีดำ�ที่กำ�ลังขยาย วงกว้างการติดตามทวงคืนทรัพยากรธรรมชาติที่ กำ�ลังถูกนักลงทุนกลืนหายไปเป็นสมบัติส่วนตนให้ กลับเป็นของแผ่นดิน นั่นคือเป้าหมายหลักที่รัฐบาล ชุด คสช.เข้ามาดำ�เนินการแก้ปัญหา เมือ่ มองผลงานเป้าหมายหลักทีร่ ฐั บาล คสช. ได้ดำ�เนินการมาและสามารถตอบโจทย์ในการแก้ ปัญหาหลักได้ดี ซึง่ ปัญหาทุจริตคอรัปชัน่ ทีฝ่ งั รากลึก ในสังคมไทยมายาวนานเกินกว่าจะแก้ไขในระยะเวลา สั้นๆ เป็นปัญหาสะสม เงื่อนไขที่ต้องเคลียร์ จำ�เป็น ต้องอาศัยระยะเวลาดำ�เนินการพอสมควร เชื่อว่าใน ระยะเวลาที่เร่งด่วนไม่สามารถแก้ปัญหาคอรัปชั่น ให้หมดไปได้อย่างแน่นอนเมื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่นไม่ หมด ไม่ช้าก็จะกลับมาเหมือนเดิม และอาจรุนแรง กว่าที่ผ่านมา ยังรวมไปถึงปัญหายาเสพติด ยิ่งปราบ ปรามยิ่งเจอยาเสพติดมากขึ้น ปัญหาอาชญากรรม ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหา ใน ภาพรวมที่ผ่านมา รัฐบาล คสช. มีความมุ่งมั่นใน การทำ�งานมากกว่าการสร้างภาพ มองว่าการบริหาร งานในเป้าหมายหลักประสบผลสำ�เร็จ และมีผลงาน มากกว่ารัฐบาลทุกชุดที่เคยมีมา อาจารย์ภูมิภักด์ กล่าวต่อว่า เมื่อมองการ บริ ห ารด้ า นเศรษฐกิ จ ของรั ฐ บาล คสช. ในภาพ รวมของประชาชนจะมองว่าเศรษฐกิจกำ�ลังแย่ลง ความพยายามแก้ ปั ญ หาของรั ฐ บาลยั ง ไม่ ต รงกั บ ความต้องการของประชาชน อาจมองว่ารัฐบาลชุด นี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ โดยไม่ได้มองว่า เศรษฐกิจไม่ใช่เป้าหมายหลักที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริ หาร แต่ก็มีความพยายามในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะ การนำ�เงินอุดหนุนจ่ายให้กบั ประชาชนทีม่ รี ายได้นอ้ ย มองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้องวิเคราะห์ ปั ญ หาเศรษฐกิ จ ที่ เ กิ ด ขึ้ น เป็ น ผลกระทบมาจาก เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ ของทุกประเทศทั่วโลก ไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทย ประเทศเดียว ผลกระทบด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยเรา นัน้ มีผลทัง้ จากภายนอกและภายใน โดยเฉพาะปัญหา ธุรกิจสีเทา-สีดำ� ที่ไม่ใช่แค่ซื้อง่ายขายคล่อง หรือแก้ ปัญหาเศรษฐกิจแบบประชานิยม ซึ่งเป็นภาพลวงตา ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้นเหตุได้อย่าง แท้จริง การที่รัฐบาล คสช. เข้ามาสกัดกั้นและปราบ ปรามการทำ�ธุรกิจสีเทา-สีดำ�ให้หมดไป จึงส่งผลก ระทบต่อแรงหนุนเศรษฐกิจที่จะหดหายไปกว่า 30% เชือ่ ว่า เมือ่ ธุรกิจสีเทาหมดไป และระบบเศรษฐกิจโลก ที่กำ�ลังฟื้นตัวในปี 2561 จะส่งผลให้ทุกประเทศทั่ว โลกรวมทั้งประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้เดินหน้าต่อไปตามกลไก ซึ่งเป็นภาพรวมระดับ ประเทศ เมื่อมองลงมาในส่วนภูมิภาคของอีสาน ใน
พฤติกรรมและการปรับตัวเพื่อให้สามารถดำ�รงอยู่ได้ ในยุคความเปลี่ยนแปลง เมื่อเศรษฐกิจเกิดการชะลอ ตัว ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ลดความ โลภ และนำ�คำ�สอนของพ่อหลวงมาใช้ ความพอเพียง ของตนเองความพอเพียงของครอบครัว จะไม่ทำ�ให้ เกิดหนี้ครัวเรือน อาจารย์ภูมิภักด์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องของการ เลือกตั้งที่นักการเมืองเรียกร้องนั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ จะสามารถแก้ปญั หาเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน ตราบ ใดที่นักการเมืองยังไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่มีการพัฒนาการบริหารงาน และยังไม่เข้าใจถึง การเป็น “นักการเมือง” อย่างแท้จริง และการเลือก ตั้งจะเป็นการสร้างปัญหาที่ไม่มีวันจบ มองว่าการ ใช้ประชาธิปไตยในต่างประเทศที่มีความพร้อมจะ ประสบความสำ�เร็จได้ตามระบบกลไก ซึ่งประเทศที่นำ�ประชาธิปไตยมาใช้นักการ เมืองคือผู้ที่บริหารจัดการให้ส่วนรวมเกิดประโยชน์ สูงสุด โดยธรรมมาภิบาล โดยจริยธรรม มองประโยชน์ ส่วนรวมของประเทศชาติเป็นสำ�คัญ ต่างจากนักการ เมืองในบ้านเรา ที่มักมองผลประโยชน์ส่วนตน เมื่อมี การลงทุนต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ต้องสร้างเครือ ข่าย ต้องสร้างคะแนนเสียง แต่ทั้งนี้ นักการเมืองที่มี อุดมคติในการตัง้ ใจบริหารประเทศชาติบา้ นเมืองส่วน น้อย เพียง 10% จึงไม่สามารถขับเคลือ่ นได้อย่างคล่อง ตัว ดังนั้น การเลือกตั้งจึงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ จะทำ�ให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ และไม่สามารถสร้างความ เชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ ในขณะเดียวกันความปรองดอง สมานฉันท์ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจากกลุ่มนักการเมืองทุก ฝ่าย ล้วนเป็นคลื่นใต้นํ้าที่รอวันตอบโต้ และอาจเกิด ผลกระทบที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา ซึ่งคงยากที่จะแก้ ปัญหาให้คลี่คลายลงได้
แท็กซี่มิเตอร์
เปิด AIS Shop สาขาบิ๊กซี สามแยกปักธงชัย
นายอุดมศักดิ์ โสมคำ� ผู้ช่วย กรรมการผู้ อำ � นวยการส่ ว นงาน ปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออก เฉี ย งเหนื อ เอไอเอส เปิ ด มิ ติ ข อง การขยายงานบริการลูกค้าให้ทั่วถึง รองรั บ การขยายตั ว ทางเศรษฐกิ จ ของเมืองนครราชสีมา จับมือ บริษัท เทพนิมิต โคราช จำ�กัด โดยนางมลิ วัลย์ กมลวัทน์ ประธานกรรมการ เปิด“เอไอเอส ช็อป สาขาบิ๊กซี สามแยกปักธงชัย นครราชสีมา”ที่บริหารงานโดยพาร์ทเนอร์แบบ ครบวงจร ภายใต้มาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุด ของเอไอเอส พร้อมนำ�เทคโนโลยีอันทันสมัยเข้า มาเป็นเครื่องมืออำ�นวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า อาทิ ตู้ชำ�ระเงินอัตโนมัติ เพื่ออำ�นวยความสะดวก ให้ลูกค้าสามารถชำ�ระค่าบริการและเติมเงินมือถือ รวมถึงค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ด้วยตัวเองง่ายๆ
น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี มุ ม T r y & B u y ที่ให้ลูกค้าได้สัมผัส และทดลองใช้งาน รวมถึง การดาวน์โหลด Application โดนใจให้ได้ทดลอง ใช้งานก่อนตัดสินใจซื้อ อาทิ Smartphone หลาก หลายรุ่ น จากแบรนด์ มื อ ถื อ ยอดนิ ย ม, Mobile Device และ Accessories ต่ า งๆ รวมทั้ ง AIS FIBRE ที่มาพร้อมกับ AIS PLAYBOX กล่องที่ รวบรวมความบันเทิงไว้ในบ้าน เป็นต้น
จะต้องใช้กำ�หนดอัตราค่าโดยสารใหม่ ตามประกาศ ของกรมการขนส่งทางบกทุกคันหากมีรถคันใดที่ กระทำ�ผิดผู้โดยสารสามารถส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง หมายเลข1854 หรือร้องเรียนโดยตรงกับสำ�นักงาน ขนส่งจังหวัดอุดรธานีก็ได้ ส่วนรถแท็กซี่คันที่ยังปรับปรุงมิเตอร์ยังไม่ เสร็จเรียบร้อย ก็ให้ใช้อัตรามิเตอร์เก่าไปจนกว่าจะ
เสร็จเรียบร้อย ซึ่งสนง.ขนส่งจังหวัดอุดรธานี จะ ดำ�เนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ดังทีเ่ คยดำ�เนิน การกับทั้งรถแท็กซี่ สามล้อเครื่อง และรถสองแถว รับจ้าง หรือรถตู้ประจำ�ทางฯลฯซึ่งเป้าหมายของ ขนส่งจังหวัดอุดรธานี อยูท่ ใี่ ห้มกี ารยกระดับรถแท็กซี่ รับจ้างจังหวัดอุดรธานี เป็นรถแท็กซี่วีไอพี ต่อไปใน อนาคต
• ต่อจากหน้า 1
นายนิติธร เพชรคูหา ขนส่งจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ประกาศใช้อัตรา ค่าโดยสารสำ�หรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ไม่เกิน 7 ที่นั่ง หรือแท็กซี่มิเตอร์ท่ีจัดทะเบียนใน จังหวัดอืน่ นอกจากกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 2 กุมภา พันธุ์ 2560 ซึง่ จังหวัดอุดรธานี เป็น หนึง่ ในจำ�นวน 37 จังหวัดในส่วนภูมิภาค อาทิเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี สงขลา ฯลฯ ซึ่งได้กำ�หนดอัตรา ค่าโดยสารใหม่ จากเดิมที่ใช้ระบบเหมาจ่ายตั้งแต่ปี 2537 โดยอั ต ราค่ า โดยสารใหม่ พิ จ ารณาจากปั จ จั ย ด้ า น ต้นทุนการเดินรถ ค่าครองชีพ ราคารถ อะไหล่ ค่า จ้างแรงงาน และค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งลด ปัญหาการเรียกเก็บค่าโดยสารที่แพงเกินจริง สำ�หรับ อัตราค่าโดยสารที่กำ�หนดใหม่ ได้แก่ ระยะทาง 2 กิโลเมตรแรก คิดอัตราค่าโดยสาร 40 บาท ,ระยะ ทาง 2 - 10 กิโลเมตร คิดอัตราค่าโดยสาร กิโลเมตร ละ 6 บาท และระยะทางเกินกว่า 10 กิโลเมตรขึ้นไป คิดอัตราค่าโดยสาร กิโลเมตรละ 10 บาท ส่วนกรณีที่ รถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า 6 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง คิดอัตราค่าโดยสารนาทีละ 1 บาท และหากผู้โดยสารเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ผ่านศูนย์ บริการสื่อสารหรือระบบสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ของผูร้ บั จ้าง ให้เรียกเก็บค่าบริการเพิม่ ขึน้ จากทีแ่ สดง ไว้ในมาตรค่าโดยสารอีก 20 บาท ตามประกาศของกรมการขนส่ ง ทางบก ฉบับดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้แล้วนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป จังหวัดที่มีชื่อประกาศฯ ดังกล่าวจะต้องใช้กฎข้อบังคับกับรถรับจ้างสาธารณะ หรือรถรับจ้างแท็กซี่มิเตอร์ทุกคัน ทุกจังหวัดทั้ง 37 จังหวัดดังกล่าว จะต้องติดมิเตอร์และใช้อตั รากำ�หนด ค่าโดยสารใหม่ทุกคัน ทุกแห่ง หากผู้ขับขี่รถแท็กซี่ รายใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ความผิดครั้งแรกปรับ ไม่เกิน 1,000 บาท ครั้งที่ 2 พักใช้ใบอนุญาต และครั้ง ที่ 3 ยกเลิกใบอนุญาต นายนิ ติ ธ รฯ กล่ า วต่ อ ว่ า สำ � หรั บ จั ง หวั ด อุดรธานี มีผู้ประกอบรถรับจ้างสาธารณะหรือรถ แท็กซี่มิเตอร์อยู่ 3 ราย มีรถแท็กซี่ 61 คัน ในขณะนี้ มีรถแท็กซี่ที่ได้รับการปรับมิเตอร์ประจำ�รถไปแล้ว 37 คัน ส่วนที่เหลืออีก 24 คัน กำ�ลังอยู่ในขั้นดำ�เนิน การปรับเปลี่ยนมิเตอร์ใหม่ ให้เข้ากับกำ�หนดอัตรา ค่าโดยสารใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางเดือน กรกฎาคมนี้ล่าสุด บริษัท ออลไทย แท็กซี่ ซึ่งเป็น บริษัทในเครือของ บริษัท นครชัยแอร์ ได้รับอนุญาต จากกรมการขนส่งทางบกให้นำ�รถแท็กซี่สาธารณะ จำ�นวน 20 คัน เข้ามาวิ่งรับ-ส่ง ผู้โดยสารในจังหวัด อุดรธานี กระทรวงคมนาคมมี เ ป้ า หมายทำ � ให้ ก าร เดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะในทุกพื้นที่มีความ สะดวกสบายและมี ค วามเป็ น ธรรม เป็ น ระเบี ย บ เรียบร้อย และเป็นภาพลักษณ์ทดี่ ตี อ่ การเดินทาง และ เชื่อมโยงไปถึงการท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด แต่ ยอมรับว่า สำ�นักงานขนส่งจังหวัดอุดรธานีมบี คุ ลากร ไม่เพียงพอที่จะออกไปทำ�การตรวจตรารถแท็กซี่ทุก คัน “เป้าหมายต่อไปในอนาคต คือ การการเดิน ทางเชื่อมโยงระหว่างท่าอากาศยานอุดรธานี-ถึงตัว เมืองชั้นใน หรือจุดหมายต่างๆ ที่รถแท็กซี่รับจ้าง สาธารณะยั ง ไม่ ส ามารถเข้ า ไปจอดรั บ ผู้ โ ดยสาร จากสนามบินได้ ทั้งนี้กรมการขนส่งทางบก และ กรมท่าอากาศยาน กำ�ลังหาวิธีการ แนวทางในการ แก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ ซึ่งหากเรียบร้อย ก็สามารถ เข้าไปรับผู้โดยสารได้เหมือนกับสนามบินจังหวัด ขอนแก่น”นายนิติธร กล่าวและว่า และตัง้ แต่วนั ที่ 1 กรกฎาคม 2560 รถแท็กซี่ ที่ ผ่านการปรับปรุงมิเตอร์แล้ว จะมีแถบสติกเกอร์ตดิ อยู่ กระจกหน้ารถ จะปฏิเสธการรับผู้โดยสารไม่ได้ และ
“ขอนแก่นมหานคร” วันนี้ พร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า เสี ย งปี่ ก ลองยั ง ไม่ เ ริ่ ม แต่ ห ลายพรรค หลายคนที่พิสมัยการเมืองเริ่มมีการขยับตัว รอ ฟังเสียง คสช.ประกาศปลดล็อกให้พรรคการเมือง ดำ�เนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ตามโรดแมประ ยะที่ 3 ที่ คสช.กำ�หนดไว้วา่ จะมีเลือกตัง้ ในปี 2561 พรรคหน้าเก่า ส.ส.หน้าเดิม ยังเก็บตัว เงียบ แต่ไม่ทิ้งพื้นที่ ปล่อยให้หัวคะแนน และทีม งานลงพื้นที่พบปะชาวบ้านในพื้นที่เขตอย่างต่อ เนือ่ ง ส่วนว่าทีผ่ สู้ มัครทัง้ หน้าใหม่และหน้าเดิมๆ เริม่ มีพรรคการเมืองน้องใหม่ ติดต่อเข้ามากันบ้าง แล้ว นั่น ก็เป็นสีสันทางการเมืองของบ้านเรา ก็ว่ากันไป ยังมีเวลาได้ลุ้นกันอีกนาน ถึงเวลานั้น คงได้รู้ใครตัวจริง ใครสับขาหลอก เดือนมิถุนายน 2560 ที่เพิ่งผ่านไป เป็น เดื อ นแห่ ง อี เ ว้ น ท์ ข อง “ขอนแก่ น มหานคร” เพราะมีกจิ กรรม มีการจัดงานแสดงต่อเนือ่ งแทบ ทุกอาทิตย์ รวมทั้งยังมีแขกผู้ใหญ่ระดับ นายก รัฐมนตรี และรัฐมนตรี มาเยือนไม่ขาดสาย ทำ�ให้ เมืองขอนแก่นปกติการจราจรจะติดขัดอยูแ่ ล้ว ติด หนักขึ้นไปอีก บางเวลา ถนนบางสายรถติดเป็น ชั่วโมง แทบไม่ขยับเลย ... ก็ต้องทำ�ใจ เพราะ “ขอนแก่นมหานคร” เป็นศูนย์กลางของภาคอีสานแล้วครับท่าน ใคร ไป ใครมาก็ต้องแวะเยี่ยม แม้แต่อดีต “นายกฯ ยิ่ง ลักษณ์” ยังต้องแวะมาเดินตลาดต้นตาลเลย ทีส่ �ำ คัญต้องปรบมือให้กบั “ชาวขอนแก่น ทุกคน” ที่ร่วมกันผลักดันโครงการดีๆ ทั้งที่รู้ว่า
จะต้องลงทุน ลงแรงกันอย่างแสนสาหัส แต่ก็ไม่ เคยย่อท้อ ร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ และภาคเอกชน อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, สภา อุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น, หอการค้าจังหวัด ขอนแก่น, 24 องค์กรจีน , องค์การปกครองส่วน ท้องถิ่นขอนแก่น และกลุ่มขอนแก่นพัฒนาเมือง (KKTT) เรามาช่วยกันลุ้น โครงการรถไฟฟ้าราง เบาสายเหนือใต้ สำ�ราญ-ท่าพระ ซึ่งตอนนี้เป็น รูปเป็นร่างขึ้นมามากแล้ว หลังจากรัฐบาลเปิด ไฟเขียวให้ดำ�เนินการได้ ก็มีนิมิตหมายที่ดี ด้วย การยกระดับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ รถโดยสารติดแอร์ “สมาร์ทบัส” มีฟรีไวไฟ ให้ บริการผู้โดยสารจากสถานีขนส่งขอนแก่นแห่ง ที่ 3 หรือ บขส.3 ไปจนถึงท่าอากาศยานขอนแก่น ในราคาค่าโดยสารที่ 15 บาทตลอดสาย เปิดให้ บริการตั้งแต่เดือน พ.ค.2560 เป็นเส้นทางเชื่อม ต่อระบบขนส่งมวลชน ตามนโยบายประชารัฐ และ ไทยแลนด์ 4.0 จากอานิสงค์รถไฟฟ้ารางเบา ส่งผลให้ ธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเหงาๆ กลับมา คึกคักอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่จากธุรกิจ ประกันภัย เตรียมมาเปิดตัวคอนโดสุดหรูกลางใจ เมือง งานนี้ทำ�เอาเจ้าของพื้นที่ รวมทั้งเจ้าพ่อ อสังหาฯ รายเดิม คงต้องปรับกลยุทธ์กันใหม่ .... แล้วล่ะครับท่าน
ดีแทค ให้ลกู ค้าใช้งานฟีเจอร์ซอื้ ดาต้า ในแอป YouTube เป็นเจ้าแรกในไทย ดีแทค นำ�เสนอฟีเจอร์ซื้อ ดาต้าในแอป YouTube ให้ลูกค้า เพลิดเพลินกับการใช้งานแอปพลิ เคชั่น YouTube ซึ่งเป็นบริการดู วิ ดี โ อยอดนิ ย ม ได้ ส ะดวกสบาย ไม่มีสะดุด ตอบสนองการใช้งาน ชมวิ ดี โ อผ่ า น YouTube แบบ อย่ า งเพลิ ด เพลิ น และไม่ เ สี ย อรรถรส โดยสามารถซื้ อ แพ็ ก เกจดาต้าได้ทันทีเมื่อความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ใช้ งานอยู่ ใ กล้ ค รบตามแพ็ ก เกจ ภายในแอปพลิ เคชั่น YouTube ได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากหน้า จอ YouTube ทำ�ให้การรับชมไม่สะดุด ซึ่งดีแทค เป็ น ผู้ ใ ห้ บ ริ ก ารดิ จิ ทั ล รายแรกในไทยที่ เ ปิ ด ให้ บริการฟีเจอร์นี้ร่วมกับแอปพลิเคชั่น YouTube เฉ พาะลูกค้าดีแทคที่ใช้โทรศัพท์มือถือระบบแอน ดรอยเท่านั้น สำ�หรับลูกค้าที่ใช้โทรศัพท์มือถือ ระบบ IOS สามารถใช้บริการได้ เร็วๆ นี้ นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นจำ�กัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าว ว่ า ฟี เ จอร์ ซื้ อ ดาต้ า ในแอป YouTube อยากดู ต้องได้ดู เป็นอีกหนึ่งบริการที่ดีแทคตอกยํ้า ข้อ เสนอสิ น ค้ า และบริ ก าร กั บ ปรากฏการณ์ Flip It “พลิก” มุมมองให้ชีวิตง่ายกว่าที่เคย ให้ลูกค้า
ได้สัมผัสกับความง่าย และตรงไปตรงมาในทุก การใช้งาน ปัจจุบันความนิยมของลูกค้าในการ ใช้ YouTube นั้นสูงมาก จากสถิติพบว่าลูกค้าใช้ บริการจากYouTube ถึง 1 ใน 3 ของการใช้งาน ดาต้าทั้งหมด ดีแทคได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่เพื่อตอบ โจทย์การใช้งานของลูกค้าให้สะดวกสบายมากขึ้น “เชื่อมั่นว่าฟีเจอร์ตัวใหม่นี้ จะตอบรับพฤติกรรม การดูวิดีโอสตรีมมิ่งออนไลน์ นอกจากนี้ดีแทค ยังมีแพ็กเกจ GO โนลิมิต ที่ให้ลูกค้าดูวิดิโอสตรี มมิ่ ง ผ่ า น YouTube ฟรี เพื่ อ ให้ ลู ก ค้ า ได้ สั ม ผั ส ประสบการณ์ ที่ ลื่ น อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ไม่ ส ะดุ ด ใช้ ความเร็วสูงสุด ไม่อั้น ไม่ลดสปีด ดีแทคพัฒนา ความร่ ว มมื อ กั บ พั น ธมิ ต รระดั บ โลกอย่ า งต่ อ เนื่อง เพื่อสร้างสรรค์บริการที่เข้าถึงและโดนใจ ลูกค้า พร้อมประสบการณ์ดิจิทัลอย่างไร้ขีดจำ�กัด”
สร้ า งศั ก ยภาพชุ ม ชน กำ�จัดขยะ ; ดร.พงษ์ศักดิ์ ตั้ ง วานิ ช กพงษ์ นายก อ บ จ . ข อ น แ ก่ น เ ป็ น ประธานเปิ ด โครงการ เสริมสร้างศักยภาพชุมชน ในการจัดการขยะมูลฝอย แบบครบวงจร เพื่อร่วม กันรักษาสิง่ แวดล้อม และ กำ�จัดมลพิษในชุมชน ณ หอประชุมโรงเรียนบ้านละว้า ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ส่ ง เสริ ม อาชี พ สตรี ; นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชก พงษ์ นายก อบจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดโครงการ “ส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี และกลุ่มเกษตรกร” ตาม แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง และเป็นรายได้ เสริ ม ให้ กั บ ครอบครั ว และเกิดความเข้มแข็งในชุมชน โดยมี เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ร่วมโครงการ ณ หอประชุม โรงเรียน เบญจบพิทยาคม บ้านธาตุ ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ประเมินผล จังหวัด TO BE NUMBER ONE ต้ น แบบ เมือ่ วันที่ 26 มิถนุ ายน พ.ศ. 2560 ที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น นายพงษ์ ศั ก ดิ์ ปรี ช าวิ ท ย์ ผู้ ว่ า ราชการจั ง หวั ด ขอนแก่ น ,นาย ปิ ยิ น ตลั บ นาค ปลั ด จั ง หวั ด ขอนแก่น ,นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิ ชกพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดขอนแก่น ,นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนคร ขอนแก่น ,นายเจริญ แซ่เต็ง นายก เทศมนตรีต�ำ บลบ้านโต้น ,นายสมพงษ์ จรุงจิตตานุ สนธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ,นางทิพวรรณ กลิ่นแก้ว แรงงานจังหวัดขอนแก่น นายวันพบ สารบรรณ สวัสดิการและคุม้ ครองแรงงานจังหวัด ขอนแก่น คณะกรรมการดำ�เนินงาน ทูบี นัมเบอร์ วั น จั ง หวั ด ขอนแก่ น และเยาวชนสมาชิ ก ทู บี นัมเบอร์ วัน ร่วมให้ต้อนรับ หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ ประธานกรรมการ และคณะกรรมการ ติดตามประเมินผล จังหวัด TO BE NUMBER ONE ต้นแบบรักษามาตรฐานระดับเพชร เพือ่ ก้าว สูร่ ะดับยอดเพชร ปีที่ 3 ระดับประเทศ รอบลงพืน้ ที่ ประจำ�ปี 2560 คณะกรรมการดำ�เนินงานทูบี นัมเบอร์ วัน จังหวัดขอนแก่นทุกภาคส่วน และสมาชิก ทูบี นัมเบอร์ วัน ได้น้อมนำ�พระปณิธานในทูล กระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา พรรณวดี มาดำ�เนินการอย่างมุ่งมั่นตลอด 15 ปี ที่ผ่านมา โดยใช้กลวิธียึดวัยรุ่นและเยาวชนเป็น ศูนย์กลาง สร้างกระแสการแสดงพลังอย่างถูก ต้อง โดยไม่ขอ้ งเกีย่ วกับยาเสพติด ดำ�เนินการสร้าง ภูมิคุ้มกันทางจิตให้แก่วัยรุ่นและเยาวชน สามารถ ดำ�รงความเข้มแข็งในการต่อต้านป้องกันปัญหา ยาเสพติด พัฒนาศักยภาพสมาชิกและชมรมทูบี นัมเบอร์ วัน ทุกประเภท ให้มีความเข้มแข็ง สู่ การเป็นชมรมต้นแบบและเป็นศูนย์แลกเปลี่ยน เรียนรู้ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ส่งผล ให้ จังหวัดขอนแก่น ได้รับพระราชทานรางวัล จังหวัด ทูบี นัมเบอร์ วัน ต้นแบบ รักษามาตรฐาน
ระดับเพชร เพื่อก้าวสู่ระดับยอดเพชร เป็นปีที่ 3 รางวัลประเภทสถานศึกษา จำ�นวน 3 แห่ง ประเภท สถานประกอบการ จำ�นวน 4 แห่ง ประเภทชุมชน จำ�นวน 2 แห่ง สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและ เยาวชน จำ�นวน 1 แห่ง รวมทั้งหมด 11 ชมรม นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น กล่าวถึง การดำ�เนินงานของโครงการ TO BE NUMBER ONE เทศบาลนครขอนแก่ น ที่ เ ปิ ด ให้ โ อกาส กลุ่มเยาวชนที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางตามกรอบของ โครงการ TO BE NUMBER ONE คือเด็กชาย ขอบ หรือที่คนในชุมชนเรียกเด็กแว้น เด็กสก๊อย ซึง่ มีการลงพืน้ ทีใ่ นชุมชนเพือ่ ค้นหาเด็กทีม่ ปี ญ ั หา และจัดโครงการฟื้นฟูเยียวยาและพัฒนาคุณภาพ ชีวติ เด็กเยาวชนชายขอบในสังคมเมือง เพือ่ ให้เกิด การปรับทัศนคติและเปลี่ยนแปลงตนเองในการ ดำ�เนินชีวิตได้อย่างมีเป้าหมาย ปรับบทบาทเด็ก ชายขอบจากผู้รับเป็นผู้ให้ เป็นผู้มีจิตอาสาในการ ทำ�กิจกรรมที่เป็นสาธารณะ เพื่อให้คนในกลุ่มนี้ ลดความเสีย่ งต่อหลายๆเรือ่ งทีเ่ ป็นภัยต่อสังคม ลด ปัญหาเด็กติดยาเสพติด โดยมีกลุ่มเยาวชนที่เคยเป็นอดีตเด็กชาย ขอบ เมือ่ เข้าร่วมโครงการแล้ว สามารถปรับเปลีย่ น ทั ศ นคติ แ ละพั ฒ นาตนเอง จนกระทั่ ง ปั จ จุ บั น สามารถเข้าทำ�งานเป็นผู้ช่วยเทศกิจ เทศบาลนคร ขอนแก่น เป็นเจ้าของกิจการร้านดอกไม้ และกลุม่ เยาวชนเหล่านีไ้ ด้ปรับบทบาทเป็นแกนนำ�เพือ่ เป็น ตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชนชายขอบกลุ่มอื่นต่อไป
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
หน้า 3
หน้า 4
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
น้อมใจประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ‘ดอกดารารัตน์’ ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น จัดกิจกรรม ‘ร่วมใจประดิษฐ์ดอกไม้ จันทน์ ถวายในหลวง รัชกาลที่ ๙’ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและความ อาลัยที่มีต่อในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระผู้ทรงสถิตอยู่ในดวงใจพสกนิกร ชาวไทยตราบนิรันดร์ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.60 นายฉัตรชัย อุ่นเจริญ นายอำ�เภอเมือง ขอนแก่น พร้อมทั้งตัวแทนจากหน่วยงาน ชมรม และประชาชนทั่วไป ร่วมใจประดิษฐ์ดอกไม้จนั ทน์ ‘ดอกดารารัตน์’ เพือ่ ทูลเกล้าฯ ถวายในพระ ราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช โดยได้รับความอนุเคราะห์จากวิทยากรผู้มีความชำ�นาญ ในการประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ร่วมให้ความรู้ และเทคนิคการประกอบ ดอกไม้จันทน์พระราชทานนี้ แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด ขอเชิญชวน ประชาชนทุก ท่านร่วมเป็นจิตอาสาประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์พระราชทาน โดยโรงแรมฯ ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ สถานที่ และอาสาสมัครฝึกสอนไว้สำ�หรับท่าน ใน เวลา 16.00 น. - 19.00 น. ทุกวัน ณ โถงต้อนรับของโรงแรม
ขอนแก่นน้อมใจประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ก.ค.60 ที่บริเวณชั้น 1 ของศูนย์การค้า เซ็นทรัล พลาซ่า สาขาขอนแก่น ได้มปี ระชาชนใน จ.ขอนแก่น จำ�นวนมาก ทยอยมาประดิษฐ์ดอกไม้จนั ทน์ “ดอกดารารัตน์” ดอกไม้แทนความรัก เพือ่ ทูลเกล้าฯ ถวายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร สืบเนือ่ งจาก คณะกรรมการอำ�นวยการจัดงานพระราชพิธถี วายพระ เพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรม นาถบพิตร ได้พจิ ารณาร่างหมายกำ�หนดการพระราชพิธี ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2560 ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบกำ�หนดให้วันที่ 26 ตุลาคม 2560 เป็นวันหยุดราชการ ซึง่ เป็นวันพระราชพิธถี วายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช เพื่อให้ประชาชนมีส่วน ร่วมในการถวายความจงรักภักดี และแสดงความอาลัยในหลวง รัชกาลที่ 9 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า สาขาขอนแก่น และสถานที่ประกอบการอื่นๆ ใน จ.ขอนแก่น จึงร่วมมือกับจังหวัดขอนแก่น และเทศบาลนครขอนแก่น จัดโครงการดังกล่าวขึ้นมา เพื่ออำ�นวยความสะดวกให้ประชาชนทั้งใน ขอนแก่น และต่างจังหวัดได้รว่ มประดิษฐ์ดอกไม้จนั ทน์ เพือ่ ทูลเกล้าฯ ถวาย ใช้ในพระราชพิธถี วายพระเพลิงพระบรมศพ ระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม ถึง 30 กันยายน 2560 โดยตลอดระยะเวลาของโครงการจะมีผฝู้ กึ สอนและวัสดุ อุปกรณ์ส�ำ หรับการประดิษฐ์ดอกไม้จนั ทน์เตรียมไว้ให้ ณ สถานทีป่ ระดิษฐ์ ดอกไม้จันทน์พระราชทานทานตามแบบที่กำ�หนดไว้ จำ�นวน 7 แบบ นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในการประดิษฐ์ ดอกไม้จันทน์สำ�หรับประชาชนเพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช เพือ่ แสดง ถึงความจงรักภักดีและเป็นการน้อมนำ�รำ�ลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระองค์ท่าน จังหวัดได้ให้วิทยากรทำ�การฝึกสอนการประดิษฐ์ดอกไม้
คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกัน ; นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น เป็น ประธานเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบตั กิ ารพัฒนาคุณภาพชีวติ และระบบ สุขภาพระดับอำ�เภอ (DHB) จังหวัดขอนแก่น พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แนวทางการขับเคลื่อนโครงการ “คนขอนแก่นไม่ทอดทิ้งกัน” และลง นามความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้ง 26 อำ�เภอ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมดี เมืองขอนแก่นน่าอยู่ ณ ห้องมงกุฎเพชร โรงแรม โฆษะ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
โลกไดโนเสาร์ภูเวียง ; นายทศพร นุชอนงค์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น ร่วมเปิดงาน “มหกรรมเปิดโลก ไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียง” เพือ่ ส่งเสริมนโยบายของรัฐบาล และบูรณา การด้านการท่องเทีย่ วเชิงวิชาการในพืน้ ทีศ่ กั ยภาพอุทยานธรณีประเทศไทย โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 25 มิถุนายน 2560 ณ ศูนย์ศึกษาวิจัยและ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น
ปัน่ จักรยานทอดเทียนพรรษา ; นายฉัตรชัย อุน่ เจริญ นอภ.เมืองขอนแก่น นำ�หัวหน้าส่วนราชการ ปลัดอำ�เภอ ชมรมกำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน ในสังกัด อ.เมืองขอนแก่น พร้อมด้วย ชมรมเครือข่ายจักรยานจังหวัดขอนแก่น จัด กิจกรรมสืบสานประเพณีฮีตสิบสองคลองสิบสี่ ปั่นจักรยานทอดเทียน ระหว่างพรรษา ณ วัดไชยศรี ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น
30 องค์ ก รวิ ช าชี พ สื่ อ ร่ ว มเป็ น เจ้ า ภาพในการ บำ�เพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวายพระบรมศพฯ
สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาต ให้30 องค์กรวิชาชีพสือ่ ร่วมเป็นเจ้าภาพการบำ�เพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ถวาย พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวัน พฤหัสบดีที่ 29 มิถนุ ายน 2560 เวลา 10.00 น. ณ พระทีน่ งั่ ดุสติ มหาปราสาท นายมานิจ สุขสมจิตร ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทย ,นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสภา การหนั ง สื อ พิ ม พ์ แ ห่ ง ชาติ ,นายเทพชั ย หย่ อ ง นายกสมาคมนั ก ข่ า ว วิทยุและโทรทัศน์ไทย ,นางสาวกนกพร ประสิทธิ์ผล นายกสมาคมผู้ ผลิตข่าวออนไลน์ และนายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทน 30 องค์กรวิชาชีพ สื่อ ประกอบด้วย สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สภาการ หนังสือพิมพ์แห่งชาติ ,สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย,สมาคม วิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ , สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ แห่ ง ประเทศไทย ,สมาคมผู้ ผ ลิ ต ข่ า วออนไลน์ ,สมาคมนั ก ข่ า ววิ ท ยุ และโทรทั ศ น์ ไ ทย ,สมาคมผู้ สื่ อ ข่ า วเศรษฐกิ จ ,สมาคมเคเบิ ล ที วี แ ห่ ง ประเทศไทย ,เครื อ ข่ า ยบรรณาธิ ก ารหนั ง สื อ พิ ม พ์ ภ าคเหนื อ ,เครื อ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคใต้ ,เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาค อีสาน ,เครือข่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาคกลาง-ตะวันออก ,สมาคม ช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ,สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพวิทยุ ท้องถิ่นไทย ,สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ,สมาคมผู้ สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย ,สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่ง ประเทศไทย ,สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ,ชมรมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ อาวุโส ,ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม ,ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยี ,ชมรม เพือ่ เพือ่ นช่างภาพสือ่ มวลชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำ�เพ็ญกุศลสวดพระ
อภิธรรม ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลย เดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่ง ประเทศไทย กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพ ว่า พวกเราในฐานะตัวแทน สือ่ มวลชนไทย ต่างรูส้ กึ สำ�นึกในพระมหากรุณาธิคณ ุ ของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อวงการสื่อมวลชนอย่างใหญ่ หลวง โดยเฉพาะการที่พระองค์ท่านไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อเพิ่มโทษหมิ่นประมาท ด้วยโฆษณา หรือ เพิ่มค่าเสียหายให้สูงกว่าเดิม ตามที่รัฐบาลสมัยนั้นเสนอในปี 2535 ซึ่ง สื่อมวลชนทุกแขนง หากกระทำ�ละเมิด จะต้องชดใช้ให้ผู้เสียหายในคดี หมิ่นประมาท อย่างตํ่า 4 ล้านบาท เมื่อไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย สภาและรัฐบาลขณะนั้นก็ไม่กล้า ยืนยันใช้กฎหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ หากประกาศใช้กฎหมายฉบับนั้น จะกลาย เป็นอุปสรรค ขัดขวางการทำ�งานของสื่อ จะทำ�ให้ไม่กล้าไปตรวจสอบ ใคร เนื่องจากหากพลาดพลั้งไป ต้องโดนโทษทั้งอาญาและแพ่งอย่างหนัก เพราะการทำ�หน้าที่ตรวจสอบของสื่อ คือประโยชน์ของประชาชน นอกจากนี้ ตลอดระยะการทรงราชย์ 70 ปี พระองค์มีพระราช ประสงค์ให้ประชาชน อยูด่ มี สี ขุ และอยูไ่ ด้อย่างยัง่ ยืนโดยถ้วนหน้า จึงทรง งานอย่างหนัก พวกเราทุกคนต่างน้อมนำ�พระบรมราโชวาทที่ พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีต่อสื่อมวลชนไทย ให้ เสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความเท็จ เป็นหลักจริยธรรมในการเป็น สื่อมวลชนที่ดี และจะร่วมกันสืบสานพระราชปณิธาน ด้วยการทำ�ให้คน ไทยด้วยกันเข้าใจประเทศไทย ร่วมกันพัฒนาชุมชนสังคมและประเทศชาติ ต่อไปให้ยั่งยืน
จันทน์พระราชทานให้กบั ประชาชนในพืน้ ที่ โดยวางเป้าหมายให้ได้มากกว่า 5 ล้านช่อขึ้นไป หลังจากนั้นก็จะรวบร่วมส่งให้จังหวัดเพื่อให้ทันพิธีถวาย ดอกไม้จันทน์ตามหมายกำ�หนดการพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรม ศพฯ อย่างสมพระเกียรติ
ความร่ ว มมื อ ระหว่ า งอิ น เดี ย กั บ ขอนแก่ น ; Dr.K M Buparbaruah รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรแห่งรัฐอัสสัม สาธารณรัฐอินเดีย เข้า พบ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ รอง ผวจ.ขอนแก่น โดยคณะมหาวิทยา ลัยฯ สนใจเรื่องกีฎวิทยา หรือกระบวนการแปรรูปแมลง ซึ่งโปรตีนจาก แมลงเป็นโปรตีนที่ดีที่สุด นอกจากนี้คณะฯ ยังสนใจที่จะแสวงหาความ ร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนการศึกษาระหว่างอินเดียกับขอนแก่นอีกด้วย
ตรวจสอบภาครัฐสมัยใหม่ โอกาสและความท้าทายในอาชีพ ; นายพงษ์ ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานเปิดโครงการ “การตรวจสอบ ภาครัฐสมัยใหม่ : โอกาสและความท้าทายในอาชีพ” โดยมีนายพิศิษฐ์ ลี ลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนางสิรินทร์ พันธ์เกษม รองผู้ ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ร่วมเป็นเกียรติและบรรยายพิเศษ ณ ห้องประชุม สัมมนา 2 อาคาร 50 ปี เทคนิคไทยเยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคล วิทยาเขตขอนแก่น
ฝึกอาชีพให้ผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดี ; นพ.สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ นพ.สสจ.ขอนแก่น ร่วมกับ นายวีรชัย เพชรรัตน์ ผูบ้ ญ ั ชาการเรือนจำ�กลาง ขอนแก่น เป็นประธานเปิดการอบรมนวดไทย 150 ชัว่ โมง ตามบันทึกความ เข้าใจระหว่าง สสจ.ขอนแก่น และ เรือนจำ�กลางขอนแก่น เพื่อฝึกอาชีพ ให้แก่ผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 ณ เรือน จำ�กลางขอนแก่น
บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล ; พันโท พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคม สือ่ มวลชนจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะกรรมการบริหาร บันทึกเทปถวาย พระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยว รางกูร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 28 กรกฎาคม ณ ห้อง แสดง สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดขอนแก่น วันที่ 26 มิถุนายน 2560
เชิดชูเกียรติ ; ศ.ดร.อ๊อด พงสะหวัน กรรมการบริหารงานศูนย์กลาง แนวลาวสร้างชาติ แห่ง สปป.ลาว เป็นประธานในพิธีประดับเหรียญตรา มิตรภาพ แห่งรัฐบาล สปป.ลาว พร้อมใบประกาศเกียรติคุณบุคคลที่มี ผลงานประกอบส่วนอย่างสมเกียรติในการเสริมสร้างความสัมพันธ์แห่ง มิตรภาพและการร่วมมือเพือ่ การพัฒนา สปป.ลาว แด่ รศ.ศุภวัฒนากร วงศ์ ธนวสุ คณบดีวทิ ยาลัยการปกครองท้องถิน่ มข. ท่ามกลางผูบ้ ริหาระดับสูง ของภาครัฐ แห่ง สปป.ลาว, ผู้บริหารกลุ่ม บริษัท พงสะหวันกรุ๊ป สปป. ลาว, ผูบ้ ริหาร และนักศึกษาวิทยาลัยการปกครองท้องถิน่ มข.ร่วมเป็นสักขี พยานและร่วมแสดงความยินดีเป็นจำ�นวนมาก ณ โรงแรมดอนจัน พาเลซ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เมื่อเร็วๆนี้
พัฒนาศักยภาพบุคลากรท่องเทีย่ ว ; นายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ ผอ.ททท. สำ�นักงานขอนแก่น พร้อมด้วยคุณกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้ช่วย ผอ.ททท. สำ�นักงานขอนแก่น และตลาดต้นตาล ร่วมต้อนรับ อาจารย์ และนักศึกษา ศึกษาดูงาน เยีย่ มชมกิจกรรม ตลอดจนกิจการ ของตลาดต้นตาล ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ในโครงการพัฒนาศักยภาพบุคคลากรท่องเทีย่ ว เพือ่ นำ� ข้อมูลที่ได้นำ�ไปเผยแพร่
ถวายเที ย นจำ � นำ � พรรษาพระราชทาน ; นายพงษ์ ศั ก ดิ์ ปรี ช าวิ ท ย์ ผู้ ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานพิธีถวายเทียนจำ�นำ�พรรษา พระราชทานของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณ วดี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น กำ�นัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน ร่วมในพิธี เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 60 ณ วัดเขื่อนอุบลรัตน์ อำ�เภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
ต้อนรับท่านฑูตไทย ณ กรุงแคนเบอร์รา ; มร.แสตนลี่ย์ ชาน (ที่ 4 จาก ขวา) ผู้จัดการใหญ่ โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด ให้การต้อนรับ ฯพณฯท่าน จิระชัย ปั้นกระษิณ (ที่ 6 จากซ้าย) เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุง แคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย และคณะ ในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติ ภารกิจยังจังหวัดขอนแก่น เมื่อเร็วๆ นี้
ต้ อ นรั บ คณะดู ง านมหาวิ ท ยาลั ย ชั้ น นำ � ประเทศสวิ ส เซอร์ แ ลนด์ ; มร.แสตนลี่ ย์ ชาน ผู้ จั ด การใหญ่ โรงแรมพู ล แมน ขอนแก่ น ราชา ออคิ ด ให้ ก ารต้ อ นรั บ คณะศึ ก ษาดู ง านของ Executive MBA คณะ การท่ อ งเที่ ย วและการบริ ห ารงานบริ ก าร จากมหาวิ ท ยาลั ย HTW CHUR ประเทศสวิ ส เซอร์ แ ลนด์ จากนั้ น จึ ง ได้ เ ยี่ ย มชมและรั บ ฟั ง ข้อมูลจากผู้บริหารโรงแรม ซึ่งในการมาเยี่ยมชมและเข้าพำ�นักโรงแรม พูลแมน ขอนแก่น ครั้งนี้ เป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการ ‘เอเซียทริป 2017’ ที่ทางคณะนี้ต้องเดินทางเพื่อดูงานยังปลายทางท่องเที่ยวโลก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น ยูนนาน และคุนหมิง ประเทศจีน
หน้า 5
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
สืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่9
นำ�ร่องตัง้ โรงสีขา้ ววิสาหกิจชุมชนบ้านเสรียง จ.สุรนิ ทร์ เป็นแห่งแรก
กฟผ. มอบโรงสีข้าวแก่วิสาหกิจชุมชน เกษตรอินทรีย์ กฟผ. บ้านเสรียง จังหวัดสุรินทร์ สืบสานพระราชปณิธานด้านการดูแลชาวนา หวัง ให้เกษตรกรไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ช่วย พัฒนาท้องถิ่นและสร้างอาชีพในระยะยาว โดยให้ เกษตรกรร่วมกันบริหารโรงสีด้วยตัวเอง เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2560 นายสุธน บุ ญ ประสงค์ รองผู้ ว่ า การระบบส่ ง การไฟฟ้ า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธาน ในพิธีเปิดและมอบโรงสีข้าวแก่วิสาหกิจชุมชน เกษตรอินทรีย์ กฟผ. บ้านเสรียง อำ�เภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายสวัสดิ์ โสภา ประธาน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ เป็นผู้รับมอบ และได้รับ เกียรติจากนายอำ�เภอสังขะ ผู้อำ�นวยการศูนย์วิจัย ข้าวสุรินทร์ ที่ปรึกษาโครงการ สำ�นักงานคณะ
กรรมการการอาชีวศึกษา และชุมชน ชาวบ้านเสรียงร่วมงาน นายสุธน บุญประสงค์ กล่าว ว่า กฟผ. ได้ปฏิบัติงานสนองเบื้อง พระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดช เสมอ มา โดยได้นอ้ มนำ�แนวพระราชดำ�ริมา เป็นแนวทางในการดำ�เนินงาน ซึ่งนับเป็นปัจจัย หนึ่งที่ช่วยนำ�พาให้องค์การเจริญเติบโตก้าวหน้า และยังประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคมอย่างยั่งยืน ดังนั้น กฟผ. จึงได้ดำ�เนินโครงการ “กฟผ. น้อม สืบสานปณิธานงานของพ่อ ชวนชาวไทยร่วมสาน ต่อ 9 พระราชปณิธานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อแสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคต พร้อม ทั้งเทิดพระเกียรติพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ ตลอดจนเผยแพร่พระราชกรณียกิจ และแสดงให้ เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อประชาชนชาว ไทย ผ่านพระราชปณิธาน 9 ด้าน ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการนี้ล้วน เกิดจากการมีสว่ นร่วมระหว่าง กฟผ. กับประชาชน ทุก ภาคส่วน ในส่ว นของการมอบโรงสีข้า วแก่ วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ กฟผ. บ้านเสรียง
การสึกกร่อนของฟัน
ผศ.ดร.ทพ.อชิรวุธ สุพรรณเภสัช รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา ศิษย์เก่าและชุมชนสัมพันธ์
สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับ “ก้าวทัน โลก กับโรงพยาบาลทันตกรรม” คอลัมน์ดีๆ เพื่อ สุขภาพช่องปากและฟัน วันนี้เรามารู้จักกับเรื่อง การสึกกร่อนของฟัน (dental erosion) กันนะครับ ก า ร สึ ก ก ร่ อ น ข อ ง ฟั น ( d e n t a l erosion) นั้น เกิดจากกระบวนการทางเคมีแบบ ค่อยเป็นค่อยไป โดยมักสัมพันธ์กบั การสัมผัสสาร เคมี ซึ่งทำ�ให้เกิดการสูญเสียผิวฟันและเนื้อฟัน ซึง่ พบได้ทงั้ เด็กและผูใ้ หญ่ อาจทำ�ให้เกิดการเสียว ฟัน และบางรายรุนแรงถึงขัน้ ทะลุโพรงประสาท ฟันเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุหลักแบ่งได้เป็น 2 ประการ คือ ประการแรกสาเหตุจากภายนอก ได้แก่ 1. การบริโภคอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่นผลไม้รสเปรี้ยว เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 2. การได้รบั ยาโดยเฉพาะยาทีม่ ฤี ทธิเ์ ป็นก รด เช่น วิตามินซี ยาแอสไพริน ซึ่งหากเคี้ยวหรือ อมเป็นเวลานานก็สามารถทำ�ให้เกิดการสึกกร่อน ได้ 3. การอาศั ย ในพื้ น ที่ ห รื อ ทำ � งานใน โรงงานที่มีสภาวะแวดล้อมที่มีความเป็นกรดสูง เช่น ทำ�งานในโรงงานแบตเตอรี่ 4. การว่ายนํา้ ในสระนํา้ ทีม่ กี ารใช้คลอรีน เป็นสารฆ่าเชื้อโรค ประการที่สองสาเหตุจากปัจจัยภายในคือปัจจัย ในด้านผู้ป่วยเอง ได้แก่ 1. โรคทางระบบ ทำ�ให้เกิดการอาเจียน เป็นประจำ� เช่น โรคกระเพาะ หญิงมีครรภ์ที่มี การแพ้มากทำ�ให้มีการอาเจียนบ่อย 2. ความผิดปกติทางจิต เช่น พวกกลัว อ้วนมาก ๆ เมื่อทานอาหารเข้าไปจะพยายาม อาเจียนออกมาทำ�ให้กรดในกระเพาะอาหารออก มาด้วย 3. ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสี เพื่อรักษา เนือ้ งอกหรือมะเร็งบริเวณศีรษะและลำ�คอ ซึง่ จะ ทำ�ให้เกิดภาวะปากแห้ง นํ้าลายน้อย ก็เป็นปัจจัย
เสริมให้เกิดการสึกกร่อนของฟันได้ สำ�หรับอาการของการสึกกร่อนของฟัน นั้น จะเริ่มตรวจพบได้ เมื่อฟันกร่อนในระยะแรก คือผิวเคลือบฟันจะมีลักษณะด้านแต่เรียบ ความ มันของฟันลดลง เมื่อฟันกร่อนมากขึ้นถึงชิ้นเนื้อ ฟัน ผู้ป่วยจะรู้สึกเสียวฟันและถ้าเป็นซี่นั้นมีวัสดุ อุดฟันอยู่ด้วย จะพบลักษณะคล้ายขอบของวัสดุ อุดฟัน ยกสูงขึ้น เนื่องจากผิวเป็นรอบ ๆ วัสดุอุด ถูกทำ�ลายและกร่อนไป ข้อเสนอแนะสำ�หรับผูป้ ว่ ย มีดังต่อไปนี ้ 1. ให้ ผู้ ป่ ว ยจำ � กั ด อาหารและเครื่ อ งดื่ ม จำ�พวกมีฤทธิเ์ ป็นกรด ให้รบั ประทานในมือ้ อาหาร และ ลดความถี่ของการรับประทาน 2. หลังมือ้ อาหาร ควรรับประทานอาหารที่ ช่วยลดกรด เช่น เนย หรือนม เป็นต้น 3. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือ เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด ระหว่างมื้อ หรือช่วง กลางคืน 4. หลีกเลีย่ งการแปรงฟันทันทีภายหลังรับ ประทานอาหาร 5. หากอาเจียนควรรีบบ้วนนํ้าตามทันที และหลี ก เลี่ ย งการแปรงฟั น ภายหลั ง จากการ อาเจียน โดยทิ้งระยะอย่างน้อย 30 นาที และสุดท้ายในกรณีทมี่ กี ารสูญเสียฟันมาก ต้องมีการบูรณะฟัน เพือ่ ให้ใช้งานได้เป็นปกติ และ ป้องกันประสาทฟันและลดอาการเสียวฟัน ในกรณี ที่คุณแม่ที่มีลูกเป็นนักกีฬาว่ายนํ้า ควรให้ใส่เฝือก สบฟันในขณะว่ายนํ้า และอมนํ้ายาบ้วนปากผสม ฟลูออไรด์ทั้งก่อนและหลังการว่ายนํ้า และควร หลีกเลี่ยงการแปรงฟันทันทีที่ขึ้นจากสระ “การสึกกร่อนของฟัน” แก้ไขได้ไม่ยาก อย่างที่คิดนะครับ หากท่านใดสงสัย หรืออยาก ปรึกษาเพิ่มเติม สามารถติดต่อมายัง โรงพยาบาล ทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น โทร.043-202405 ต่อ 45198 ในเวลา ราชการ พบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดีครับ
เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสาน “พระราชปณิธาน ด้ า นการดู แ ลชาวนา” จั ด ทำ � ขึ้ น เพื่ อ สนั บ สนุ น ชาวนาของพ่อในพื้นที่บริเวณโดยรอบเขื่อน โรง ไฟฟ้า พื้นที่ใกล้แนวสายส่ง และสถานีไฟฟ้าแรง สูงของ กฟผ. ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน โดยกำ � หนดการดำ � เนิ น งานเป็ น 3 ส่ ว น ได้แก่ โครงการคน กฟผ. ซื้อข้าว 9 กิโล ช่วยเหลือ ชาวนาไทยถวายเป็นพระราชกุศล โครงการรณรงค์ ข้าวกล้องเบอร์ 5 และโครงการโรงสีของพ่อ ซึ่ง สนั บ สนุ น โรงสี ข้ า วให้ กั บ วิ ส าหกิ จ ชุ ม ชน รวม จำ�นวน 9 แห่ง แบ่งการดำ�เนินงานเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะสั้น ดำ�เนินการนำ�ร่องให้กับ วิสาหกิจชุมชนจำ�นวน 2 แห่ง ได้แก่ วิสาหกิจ ชุมชนเกษตรอินทรีย์ กฟผ. บ้านเสรียง พืน้ ทีส่ ถานี ไฟฟ้าแรงสูงสังขะ จังหวัดสุรินทร์ และวิสาหกิจ ชุมชนโรงสีชาวนาบ้านโคกเที่ยง พื้นที่เขื่อนสิริน ธร จังหวัดอุบลราชธานี และระยะยาว จะจัดตัง้ โรง สีให้กบั วิสาหกิจชุมชนทีไ่ ด้รบั คัดเลือกอีกจำ�นวน 7 แห่ง กำ�หนดแล้วเสร็จภายในปี 2560 นายสวัสดิ์ โสภา ประธานกลุ่มวิสาหกิจ ชุ ม ชนบ้ า นเสรี ย ง กล่ า วว่ า โรงสี แ ห่ ง นี้ จ ะเป็ น ศูนย์รวมการเรียนรู้ เป็นที่พึ่งของชาวบ้านและลูก
หลานหากมองไปในอนาคต ตามพระราชดำ�รัส ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าให้มองไกลๆไปจนถึง ลูกหลานของตน สำ�หรับบ้านเสรียง อำ�เภอสังขะ จังหวัดสุรนิ ทร์ ตัง้ อยูใ่ นพืน้ ทีร่ าบลุม่ เหมาะแก่การ ทำ�การเกษตร ประชาชนในพื้นที่ทำ�นาเป็นอาชีพ หลัก โดยมีพื้นที่ท�ำ นาประมาณ 3,000 ไร่ โรงสีวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ กฟผ. บ้านเสรียง นับเป็นโรงสีของพ่อแห่งแรกของโครง การฯ ใช้ระยะเวลาดำ�เนินงานตั้งแต่เดือนมีนาคม - เดือนมิถุนายน 2560 ด้วยงบประมาณ 600,000 บาท ซึ่ง กฟผ. ตั้งเป้าหมายในการช่วยพัฒนาท้อง ถิ่น และสร้างอาชีพแก่เกษตรกรโดยส่งเสริมให้ คนในชุมชนบริหารจัดการโรงสีแห่งนี้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน
โครงการ “กฟผ. น้อมสืบสานปณิธานของ พ่อ ชวนชาวไทยร่วมสานต่อ 9 พระราชปณิธาน เพื่ อ การพั ฒ นาอย่ า งยั่ ง ยื น ” ประกอบด้ ว ยการ สืบสานพระราชปณิธาน 9 ด้าน ได้แก่ ด้านการ พัฒนาอย่างยั่งยืน การประดิษฐ์และนวัตกรรม การดูแลรักษาป่าและนํ้า ความพอเพียงและการ เอาชนะความยากจน การดูแลชาวนา การศึกษา การประหยัด การเสียสละและการให้ทาน และด้าน การส่งเสริมให้เป็นคนดี
“พงสะหวัน กรุป๊ ” เติมเต็มงานวิชาการและ งานวิจยั แก้ปญั หาความยากจนของคนลาว
วิ ท ยาลั ย การปกครองท้ อ งถิ่ น ม.ขอนแก่น รับมอบทุน 1 ล้านบาท จาก พงสะหวัน กรุ๊ป เติมเต็มงานวิชาการ และงานวิจัย พร้อมเดินหน้าร่วมพัฒนา สปป.ลาว สู่การแก้ไขความทุกข์ยากและ ความยากจนของคนลาวทัง้ ประเทศให้ได้ ภายในปี 2573 เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2560 ที่สถานี โทรทัศน์แห่งประเทศไทย จ.ขอนแก่น รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ คณบดีวิทยาลัยการ ปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รับ มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษา ให้กับนักศึกษา ในระดับชั้นปริญญาโท และ ปริญญาเอก จำ�นวน 1,000,000 บาท จากนายสมบูน พงสะหวัน ประธาน กรรมการบริหาร กลุม่ บริษทั พงสะหวัน กรุป๊ สปป. ลาว โดยมีผู้บริหารจากวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มข. และคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท พงสะหวัน กรุ๊ป สปป.ลาว รวมไปถึงนักศึกษาไทย และจาก สปป.ลาว ร่วมเป็นสักขีพยาน จำ�นวนมาก รศ.ดร.ศุ ภ วั ฒ นากร วงศ์ ธ นวสุ คณบดี วิทยาลัยการปกครองท้องถิน่ มข. กล่าวว่า จากจุดเริม่ ต้นระหว่าง 2 หน่วยงาน มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 จนถึง วันนี้กำ�ลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 การทำ�งานร่วมกันนั้นเกิด ขึน้ อย่างมากในหลายโครงการ โดยเฉพาะกับการร่วม กันพัฒนาบุคลากรของ สปป.ลาว ในการได้รบั รูแ้ ละ เข้าถึงงานวิชาการและงานวิจัย ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึง่ รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ได้มอบหมายภารกิจให้กบั กลุ่ม บริษัท พงสะหวัน กรุ๊ป ในการเป็นภาคธุรกิจ เอกชนในการขั บ เคลื่ อ นการพั ฒ นาบุ ค ลากรของ สปป.ลาว ที่เริ่มจากบุคลากรภายในหน่วยงาน และ หน่วยงานภาครัฐที่ประสานการทำ�งานร่วมกันใน ด้านต่างๆ เข้าสูข่ นั้ ตอนและกระบวนการการจัดการ ฝึกอบรมและพัฒนา เพื่อให้เกิดการเชี่ยวชาญเฉพาะ ทาง และเติมเต็มความรู้ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อีกทั้งยังคงมีการแลกเปลี่ยน แนวทางการพัฒนาบุคลากรร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ทัง้ ในระดับบริหาร ระดับปฎิบตั กิ าร รวมไปถึงระดับ นักศึกษา โดยปั จ จุ บั น มี ผ ลการดำ � เนิ น งานร่ ว มกั น เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก “ด้วยแผนการขับเคลื่อน การทำ�งาน ซึ่ง กลุ่ม บริษัท พงสะหวัน กรุ๊ป สปป. ลาว มุ่งเน้นในการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล
ตลาดต้นตาล ตลาดฝันของคนมีไอเดีย เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560
โดยเฉพาะกับแนวนโยบายที่ชัดเจนในการที่นำ�พา ประเทศให้หลุดพ้นจากการด้อยพัฒนา ในปี 2563 และการแก้ไขปัญหาความยากจนและความทุกข์ยาก ของประชาชนคนลาวทัง้ ประเทศ ในปี 2573 นัน้ เป็น โจทย์และแผนการทำ�งานที่ท้าทายอย่างมาก แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีผลการดำ�เนินงานที่สามารถก้าวผ่านและ แสดงให้เห็นถึงการร่วมมือกันได้อย่างสัมฤทธิ์ผล จนทำ�ให้วันนี้ประชาชนคนลาว ทุกระดับที่ผ่านการ คัดเลือกและเข้าสู่แนวทางการพัฒนาร่วมกันนั้นมี การนำ�เทคนิควิธี ทั้งในเรื่องของการเป็นผู้นำ� การ ปกครอง การสร้างมูลค่าเศรษฐกิจพื้นฐาน การจัด ทำ�บัญชีครัวเรือน หรือแม้กระทัง่ การนำ�หลักวิชาการ ทางการเกษตรไปปรับใช้จนสามารถทีจ่ ะสร้างรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว รวมไปถึงการสร้างงาน ในชุมชนได้เกิดขึ้นอย่างมากอีกด้วย” ขณะที่ นายสมบูน พงสะหวัน ประธาน กรรมการบริหาร กลุม่ บริษทั พงสะหวัน กรุป๊ สปป. ลาว กล่าวว่า ทุนการศึกษา จำ�นวน 1,000,000 บาท ที่มอบให้นั้นเป็นหนึ่งในแผนการดำ�เนินงานด้าน สังคมและชุมชน หรือ CSR ที่มุ่งเน้นในการพัฒนา บุคลากรใน สปป.ลาว ได้มีความรู้ ความสามารถใน ด้านต่างๆ ที่จะนำ�ไปสู่การแข่งขันกับนานาประเทศ ได้ โดยทุนการศึกษาดังกล่าวนี้เมื่อมีการมอบให้กับ วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่นแล้วจากนั้น จะมีการ ตัง้ คณะกรรมการร่วมกันในการคัดสรรและเลือกเฟ้น บุคคล ทัง้ จาก สปป.ลาว และนานาประเทศ ทีม่ สี ว่ น ร่วมในการพัฒนา สปป.ลาว ได้เข้ารับการศึกษาใน หลักสูตรต่างๆของวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น ใน ระดับปริญญาโท ,ปริญญาเอก รวมไปถึงการจัดการ ฝึกอบรมในด้านต่างๆ เพื่อที่จะร่วมกันพัฒนา สปป. ลาว ให้เป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่ได้รับการพัฒนาและ แข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและ มาตรฐานสากลต่อไปในอนาคต
กิ จ กรรมดี ที่ อ ยากนำ � เสนอ ; มหาวิ ท ยาลั ย ศรีปทุม ร่วมกับตลาด ต้นตาล มอบพื้ นที่ ให้ สรรสร้างกิจกรรมดีๆ เพื่ อ หาทุ น การศึ ก ษา ให้กับน้องๆ โรงเรียน ศรีสงั วาล และโรงเรียน โสตศึกษาขอนแก่น ณ
เปิ ด นิ ท รรศการ “รั ก รักษ์ รัก” ; รศ.ดร.นิยม วงศ์ พ งษ์ คำ � คณบดี คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เ ป็ น ป ร ะ ธ า น เ ปิ ด นิทรรศการ “รัก รักษ์ รัก” โดยศิลปิน อาจารย์ เกีย รติศักดิ์ มนู ญศั ก ดิ์ (ครูจึ๊ก) ผองเพื่อนและ นักศึกษา ร่วมแสดงผลงาน ศิลปะของคนรักศิลปะ รักธรรมชาติ และคุณพีระพล พัฒนพีระเดช อดีต นายกเทศมนตรีเทศบาลนครขอนแก่น เป็นแขกพิเศษร่วมงาน โดยมีตวั แทนกรรมการบริหารต้นตาล ร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2560 ณ หอศิลป์ ตลาดต้นตาล ป ร ะ ก ว ด ห นู น้ อ ย Fairy Kids 2017 ; ศู น ย์ ส รรพสิ น ค้ า แฟ รี่ พ ลาซ่ า ขอนแก่ น จั ด การประกวดหนู น้อย Fairy Kids 2017 รอบออดิชั่น ครั้งที่ 2 โดยเปิดรับสมัครน้อง อายุระหว่าง 4 – 12 ปี เข้าร่วมประกวด รับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 22 ก.ค. 2560 ประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย วัน ที่ 1 ส.ค. 2560 นี้ แลกเปลี่ ย นข้ อ คิ ด เห็ น งานประชาสั ม พั น ธ์ ; พ.ท.พิ สิ ษ ฐ์ ชาญ เจริ ญ นายกสมาคม สื่ อ ม ว ล ช น จั ง ห วั ด ข อ น แ ก่ น ใ ห้ ก า ร ต้ อ นรั บ คุ ณ เฟื่ อ งฟ้ า ศิ ริ พ รนั น ทา Senior Corporate Marketing Manager และคณะ ใน โอกาสร่วมปรึกษาแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นงานด้านประชาสัมพันธ์ ในโอกาสที่จะมาเปิดตัวธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ของบริษัท Ocean Property จำ�กัด ณ สำ�นักงานสมาคม สื่อมวล ถนนมิตรภาพ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2560
หน้า 6
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
หน้า 7
หน้า 8
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
แถลงข่าวแข่งฟุตบอล “โตโยต้า ขนส่ ง จั ง หวั ด เพิ่ ม ประสิ ท ธิ ภ าพ แก่นนคร จูเนียร์ สตาร์ 2017” ผู้ ป ระกอบการขนส่ ง รถโดยสาร สมาคมฟุ ต บอลจั ง หวั ด ขอนแก่ น ร่ ว มกั บ บริ ษั ท โตโยต้ า แก่นนคร จำ�กัด จัดงานแถลงข่าว การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่ เกิน 11 ปี รายการ “โตโยต้าแก่น นคร 7 เอฟ เอ คัพ 2017” พร้อม จัดโครงการอบรมผู้ฝึกสอนให้กับ บุคลากรจาก 44 โรงเรียนที่ส่งทีม เข้าร่วมการแข่งขัน ดึง “โค้ชปํ้า”วร วรรณ ชิตะวณิช ร่วมถ่ายทอดเทคนิคการฝึกขั้น พื้นฐาน เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2560 ที่ห้องประชุม บริษัท โตโยต้าแก่นนคร จำ�กัด สำ�นักงานใหญ่ จั ง หวั ด ขอนก่ น ได้ จั ด ให้ มี ก ารแถลงข่ า วการ จัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 11 ปี ในรายการ โตโยต้าแก่นนคร 7 เอฟ เอ คัพ 2017 ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างสมาคมฟุตบอล จังหวัดขอนแก่น และ บริษัท โตโยต้าแก่นนคร จำ�กัด โดยมีนายธีรนันท์ กิง่ แก้วเจริญชัย ผูอ้ �ำ นวย การฝ่ายพัฒนาองค์การ บริษัท โตโยต้าแก่นนคร จำ�กัด ผู้ดูแลโครงการ นายวรวรรณ ชิตะวณิช อดีตผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย และผู้ให้การ สนับสนุน ร่วมแถลงข่าว ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ จัดขึ้น ปีนี้เป็นครั้งที่ 3 มีโรงเรียนต่างๆ ที่สมัครเข้าร่วม การแข่งขันทั้งหมด 44 ทีม และถือว่าเป็นการ แข่งขันฟุตบอลเยาวชน 7 คน รายการเดียวใน จังหวัดขอนแก่นทีร่ บั สมัครเฉพาะในนามสถาบัน การศึกษาเท่านั้น และปีนี้ถือเป็นปีแรกที่จัดการ แข่ ง ขั น ในรุ่ น อายุ ไ ม่ เ กิ น 11 ปี เนื่ อ งจากการ จัดการแข่งขันส่วนใหญ่จะจัดในรุ่น 12 ปี จึงนับ ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กที่สมัครเข้าแข่งขัน และลงแข่งสามารถต่อยอด และเป็นการเตรียม ความพร้อมสำ�หรับการแข่งขันในรุ่น 12 ปี ใน การแข่งขันรายการอื่นๆได้ นอกจากการแถลงข่ า ว ยั ง มี ก ารเปิ ด โครงการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนให้แก่บุคลากรจาก โรงเรียนต่างๆ ที่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน โดย มี “โค้ชปํ้า” วรวรรณ ชิตะวณิช อดีตผู้ฝึกสอน ฟุตบอลทีมชาติไทย และอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ ไทย มาทำ�หน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ ใน หลักสูตร “เทคนิคการฝึกสอนฟุตบอลขั้นพื้น
ฐาน” ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 24 - 25 มิ.ย.60 เพื่อให้ผู้ฝึกสอน ได้นำ�ความรู้และเทคนิคที่ได้ไปถ่ายทอดและฝึก ซ้อมให้กบั ทีมของตนเอง ให้เกิดความพร้อมก่อน วันแข่งขันที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ นายธีรนันท์ กิ่งแก้วเจริญชัย ผู้อำ�นวย การฝ่ายพัฒนาองค์การ บริษัท โตโยต้าแก่นนคร จำ�กัด ผู้ดูแลโครงการโตโยต้าแก่นนคร จูเนียร์ สตาร์ 2017 กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มขึ้นครั้งแรก ในปี 2015 ในปีนี้ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขัน จะ ได้เป็นตัวแทนในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา “อบจ.คัพ” ของจังหวัดขอนแก่น โดยบริษัท โต โยต้าแก่นนคร จำ�กัด จะเป็นผูส้ นับสนุน จากนัน้ ภายในระยะเวลา 5 ปี จะมีการต่อยอดโครงการ โดยจะจัดการแข่งขันในระดับภูมิภาค และผลัก ดันไปสู่ระดับประเทศ เพื่อสร้างโอกาสให้กับ เยาวชนในจังหวัดขอนแก่นและในภูมิภาค ด้าน “โค้ชปํ้า” วรวรรณ ชิตะวณิช อดีต ผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย กล่าวว่า สิ่งแรกที่ ตั้งใจไว้ก่อนที่จะมาเข้าร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ ให้กับผู้ฝึกสอนที่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน คือ การถ่ายทอดเทคนิคขั้นพื้นฐานในการฝึกสอน ที่ถูกต้องให้กับครูผู้ฝึกสอน ทั้งการเลี้ยง การ ส่ง การโหม่ง และการยิงประตู เพื่อให้ผู้ฝึกสอน ของแต่ละทีม นำ�ไปสอนเด็กอย่างถูกวิธี เพื่อให้ เด็กนักเรียนได้พัฒนาทักษะของตนเองอย่างถูก ต้องตามมาตรฐานสากล ในขณะที่ครูประจำ� โรงเรียนทีเ่ ป็นผูฝ้ กึ สอนทักษะฟุตบอลให้กบั เด็ก นักเรียนในภูมิภาคก็จะได้รับความรู้ที่ไม่เคยรู้มา ก่อน รวมทัง้ เทคนิคต่างๆ ทีจ่ �ำ เป็นในการแข่งขัน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีเด็กบางคนที่ได้เข้าไปเล่น ในระดับที่สูงขึ้นไป ก็จะมีพ้ืนฐานที่ถูกต้องตาม มาตรฐานสากล”
สำ�นักงานขนส่ง ๑๑ จังหวัด จับ มือกันจัดโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้ ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสาร แลก เปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ที่โรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อำ�เภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นายวิโรจน์ วิริยะจันทร์ ขนส่งจังหวัดขอนแก่น เป็น ประธานเปิดการฝึกอบรม ตามโครงการ พัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการขนส่งด้วยรถ โดยสารประจำ�ปี พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้ รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมการขนส่ง ทางบก โดย สขจ.ขอนแก่น ร่วมกับ สขจ.หนองคาย นครพนม บึงกาฬ เลย อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ และ สขจ.ตาก รวม ๑๑ จังหวัด ได้ ร่วมกันจัดขึ้น มีบุคลากร สำ�นักงานขนส่งจังหวัด และผูป้ ระกอบการขนส่งด้วยรถโดยสาร จากทัง้ ๑๑ จังหวัด จำ�นวน ๒๐๐ คน เข้ารับการอบรม นายวิ โ รจน์ วิ ริ ย ะจั น ทร์ ขนส่ ง จั ง หวั ด ขอนแก่น เปิดเผยว่า การพัฒนา และส่งเสริมผู้ ประกอบการขนส่งรถโดยสารสาธารณะนัน้ ถือเป็น สิง่ สำ�คัญ โดยผูป้ ระกอบการจำ�เป็นทีจ่ ะต้องมีความ รู้ความสามารถในการบริหารจัดการองค์กร และ พัฒนาการให้บริการด้วยรถโดยสารสาธารณะให้มี คุณภาพ เพือ่ ให้ประชาชนทีใ่ ช้บริการได้รบั บริการที่ ดีขนึ้ เป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการทีด่ ี มี ความปลอดภัย สร้างความประทับใจให้แก่ผโู้ ดยสาร และเป็นทางเลือกให้ประชาชน ได้เกิดความเชื่อมั่น และหันมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะกันมาก ขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ และ ทำ�ให้เศรษฐกิจด้านการขนส่งมีการขับเคลื่อนที่ดี และยังเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศอีกด้วย
โดยมีกิจกรรมการถ่ายทอดความรู้ และการ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ระหว่างบุคลากรของ สำ�นักงานขนส่งจังหวัด และผู้ประกอบการขนส่ง ด้วยรถโดยสาร ในหัวข้อดังนี้ “การจัดระเบียบการ เดินรถโดยสารประจำ�ทางสมัยใหม่” โดย นายวิโรจน์ วิริยะจันทร์ ขนส่งจังหวัดขอนแก่น, “รูปแบบการ ขนส่งที่ส่งเสริมการพัฒนาเมือง และทิศทางการ พัฒนา เมืองขอนแก่น สู่ Smart City” โดย นาย กังวาน เหล่าวิโรจนกุล รองเลขาธิการหอการค้า จังหวัดขอนแก่น และ“ขอนแก่นซิต้ีบัส : รถเมล์สุ ดลาํ้ สายแรกของไทย” โดย นายภูรภิ ทั ร์ ลิมป์นศิ ากร ผู้จัดการบริษัทขอนแก่นซิตี้บัส จำ�กัด รวมทั้งได้ ศึกษาดูงานการพัฒนารูปแบบการขนส่งที่ส่งเสริม การพัฒนาเมือง “ขอนแก่นซิตบี้ สั : รถเมล์สดุ ลาํ้ สาย แรกของไทย” ณ ท่าอากาศยานขอนแก่น “การจั ด โครงการฯ ดั ง กล่ า ว เพื่ อ พั ฒ นา ศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ และแนวคิดของผู้ ประกอบการขนส่งส่วนภูมิภาค ในการประกอบ กิจการขนส่งด้วยรถโดยสารประจำ�ทางให้สามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในพื้นที่ อย่างมีประสิทธิภาพ มีมาตรฐานการบริการที่ดี มี ความปลอดภั ย และสร้ า งความพึ ง พอใจให้ กั บ ผู้ โดยสาร” ขนส่งจังหวัดขอนแก่น กล่าว
ม อ บ เ ค รื่ อ ง ก ร ะ ตุ ก หั ว ใ จ ; พ.ต.อ.ภู มิ วิ ท ย์ เวช กามา ผกก.สภ.เมื อ ง อุดรธานี เป็นประธาน รั บ มอบเครื่ อ งกระตุ ก หัวใจ หรือเครื่อง เอ.อี. ดี.(AED) พร้อมอุปกรณ์ การฝึกหัด โดยมี นาย วรกิจ อัครโชติวิทย์ ผู้ จัดการทั่วไป บริษัท บีแมท.จำ�กัด เป็นผู้แทนมอบ โดยมี เจ้าหน้าที่ตำ�รวจจราจร สภ.เมืองอุดรธานี และเจ้าหน้าทีพ่ ยาบาลวิชาชีพฉุกเฉิน โรงพยาบาลศูนย์อดุ รธานี เข้าร่วมในพิธดี งั กล่าว ทีห่ อ้ งประชุม ศูนย์ปฏิบัติการ สภ.เมืองอุดรธานี
ปลุกจิตสำ�นึกเยาวชนต้านทุจริต ไม่ ย อมรั บ การโกงทุ ก ประเภท ธ น ช า ต คั ด ค น เ ก่ ง ภ า ค อี ส า น
มูลนิธิต่อต้านการทุจริต กับมหาวิทยาลัยต่างๆ 15 สถาบัน ในภาคอีสาน ร่วมมือบันทึกข้อ ตกลง MOUปลุกจิตสำ�นึกให้เยา วชนในสถาบันร่วมมือต่อต้านทุจ ริตประพฤติมิชอบไม่ยอมรับการ โกงทุกประเภท เมื่ อ วั น ที่ 27 มิ . ย.60 ที่ อ าคารวิ ศ วะรวมใจ คณะ วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่ น ศาสตราจารย์ พิ เ ศษ วิ ช า มหาคุ ณ ประธานกรรมการมูลนิธิต่อต้านการทุจริต เป็น ประธานจั ด ทำ � บั น ทึ ก ข้ อ ตกลงความร่ ว มมื อ ( MOU) ด้านการต่อต้านการทุจริต ครั้งที่ 3/2560 ระหว่างมูลนิธิต่อต้านการทุจริต กับ มหาวิทยาลัย ต่ า งๆในภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ จำ � นวน 15 สถาบัน และการเสวนาทางวิชาการด้านการต่อต้าน การทุจริต โดยมี รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดี ฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ กล่าว ต้อนรับ จากนั้น ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ พร้อมด้วย รศ.ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ คณบดี วิทยาลัยการปกครองท้องถิน่ ,นายทศพร รัตนมาศ ทิพย์ กรรมการมูลนิธิฯ และนางศิริรัตน์ วสุวัต กรรมการมูลนิธฯิ โดยมี ดร.ณัฏฐญา พัฒนะวาณิช นันท์ รองเลขาธิการมูลนิธิ เป็นผู้ดำ�เนินรายการ เสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “เยาวชนกับบทเรียน ต้านโกง” สืบเนื่องจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเปรียบเสมือนมะเร็งร้าย ทำ�ลายชาติ สร้างความ เสียหายให้กบั ประเทศคิดเป็นมูลค่ามหาศาล มูลนิธิ ต่อต้านการทุจริตซึ่งจัดตั้งขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2557 จึง เข้ามาแบ่งเบาภาระรัฐบาลในการเข้ามามีสว่ นร่วม รณรงค์ต่อต้านการทุจริตโดยเฉพาะสถาบันการ ศึกษาที่พร้อมให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนแก้ ปัญหาการทุจริต เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล มหาวิ ท ยาลั ย ขอนแก่ น จึ ง ได้เ ป็น เจ้าภาพจัด ทำ� บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการต่อ ต้านการทุจริต ครั้งที่ 3 / 2560 ระหว่างมูลนิธิฯ กับ มหาวิทยาลัยต่างๆ 15 สถาบันในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ โดยวางกลยุทธ์ในการสร้างกลไก เครือ ข่าย ปลุกจิตสำ�นึกเด็ก เยาวชน นิสติ นักศึกษา และ ประชาชน ตระหนักถึงปัญหา รวมพลังต่อต้านการ ทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธาน กรรมการมู ล นิ ธิ ต่ อ ต้ า นการทุ จ ริ ต กล่ า วว่ า มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้รับเป็นเจ้าภาพทำ�บันทึก
ชิงชัยเวทีประกวดเอกลักษณ์ไทย
ข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการต่อต้านการ ทุจริต ครั้งที่ 3 / 2560 ซึ่งเป็นสถาบันในภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือทัง้ ตอนบนและตอนล่าง 15 สถาบัน เพือ่ ผนึกกำ�ลังต่อสูก้ บั ปัญหาทีเ่ ป็นภัยร้ายแรงทีส่ ดุ ของชาติ คือ ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น และการ ประพฤติมิชอบ ทั้งในระบบราชการและในวงการ ธุรกิจ ทัง้ นีม้ ลู นิธติ อ่ ต้านการทุจริตเห็นว่าในการ ดำ�เนินงานต่อต้านการทุจริตจะอาศัยเพียงองค์กร รัฐ หรือองค์กรอิสระ คนทำ�หน้าที่ในการป้องกัน และปราบปรามในการทุจริตไม่ไหวแน่ จึงต้องมี ความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนไมว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม หรือภาค ธุรกิจก็ตาม นอกเหนือจากนัน้ รัฐบาลจะต้องมีแนว และนโยบายที่แน่นอน ในการปราบปรามทุจริต ประพฤติมชิ อบ ทีเ่ ห็นได้จากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ ผ่านกระบวนการประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 ที่มีมาตรา 63 ที่รองรับการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจ กันในการต่อต้านการทุจริต โดยให้ความรู้ทุกภาค ส่วนด้วยการให้ความรู้ที่จะผนึกกำ�ลังกันปลูกและ ปลุกจิตสำ�นึกของประชาชนไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ แห่งหนตำ�บลใด และให้ความคุ้มครองของบุคคล ที่เข้ามาร่วมกระบวนการเป็นเครือข่ายในการต่อ ต้านการทุจริต ซึ่งมูลนิธิต่อต้านการทุจริตได้นำ� มาใช้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาในการปลูกจิตสำ�นึก พร้อม กับปฏิเสธการโกง การไม่ร่วมมือกับการทุจริต คอรัปชั่นทุกอย่าง กระทั่งมาถึงปัจจุบัน มู ล นิ ธิ ต่ อ ต้ า นการทุ จ ริ ต ให้ ค วามสำ � คั ญ ที่สุด คือเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่ อยูใ่ นสถาบันการศึกษา ร่วมกับผูท้ ใี่ ห้แนวทางและ ความคิดที่ถูกต้องกับเยาวชนในการต่อต้านการ ทุจริต ปัจจุบันมูลนิธิต่อต้านการทุจริตขยายผลไป ถึงนักศึกษา มัธยมศึกษา ประถมศึกษา และท้าย สุดจะต้องลงมาถึงชั้นอนุบาล ให้มีแนวความคิด และปลูกจิตสำ�นึกสาธารณะทีจ่ ะร่วมมือร่วมใจกัน ในการทีป่ อ้ งกันทุจริตคอรัปชัน่ ไม่ยอมรับการโกง ทุกประเภท
“ธนชาต ริเริ่ม...เติม เต็ม เอกลักษณ์ไทย” ประกวด ภาษา-มารยาท ประเดิ ม คั ด เยาวชนคนเก่งภาคอีสาน ชิง ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระ เทพฯ พร้อมทุนการศึกษา ธนาคารธนชาต จำ � กั ด (มหาชน) ร่ ว มกั บ ม ห า วิ ท ย า ลั ย ข อ น แ ก่ น สำ � นั ก งานราชบั ณ ฑิ ต ยสภา สำ � นั ก งานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรมส่งเสริม วัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และสำ�นักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัด โครงการ “ธนชาต ริเริม่ ...เติมเต็ม เอกลักษณ์ไทย” ประจำ�ปี 2560 ต่อเนือ่ งเป็นครัง้ ที่ 46 ประกอบด้วย กิจกรรม “การแข่งขันอ่านฟังเสียง” “การประกวด มารยาทไทย” และ “การประกวดมารยาทไทยของ เยาวชนผู้บกพร่องทางการได้ยิน” ชิงรางวัลถ้วย พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี และทุนการศึกษา เพื่อเสริมสร้าง ความแข็งแกร่งด้านวัฒนธรรมไทยให้แก่เยาวชน โดยเริม่ การแข่งขันรอบคัดเลือกที่ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ เป็นแห่งแรกระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2560 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยได้ผู้ผ่านเข้ารอบการแข่งขันประเภท อ่านฟังเสียงและประกวดมารยาทไทยแต่ละระดับ ชั้นเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเป็นตัวแทนภาคอีสานไป ชิงชัยรอบสุดท้ายกับตัวแทนภาคอืน่ ๆ ได้แก่ ภาค เหนือ ภาคใต้และภาคกลาง ในการแข่งขันรอบชิง ชนะเลิศทีธ่ นาคารธนชาต สำ�นักสวนมะลิ ช่วงวัน ที่ 11-20 ก.ย. 2560 นี้ นายเกรี ย งไกร ภู ริ วิ ท ย์ วั ฒ นา ผู้ ช่ ว ย กรรมการผู้ จั ด การ ธนาคารธนชาต จำ � กั ด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดต่อเนื่อง เข้าสู่ปีที่ 46 และเชื่อว่าจะยั่งยืนต่อไป โดยปีนี้ ธนชาตร่วมกับพันธมิตรภาครัฐหลายหน่วยงาน ได้แก่ คณะกรรมการผูท้ รงคุณวุฒจิ าก ราชบัณฑิต ยสภา สำ�นักงานคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แห่ ง ชาติ (กสทช.) กรมส่ ง เสริ ม วั ฒ นธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และสำ�นักงานเสริมสร้าง
เอกลักษณ์ของชาติ โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันใน การรณรงค์และส่งเสริมให้เยาวชนรักษ์ในภาษา และวัฒนธรรมไทย ภายใต้แนวคิด “เท่...อย่างไทย ใครๆ ก็ทำ�ได้” “ธนาคารธนชาตรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วน หนึง่ ในการส่งเสริมให้เยาวชนสืบทอดวัฒนธรรม อันดีงามและใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง สิ่งสำ�คัญ นอกเหนือจากผลการแข่งขัน คือการที่เยาวชน ได้มีส่วนร่วม ได้รับประสบการณ์ และได้เรียนรู้ เอกลักษณ์ไทย แพ้ชนะจึงไม่ใช่เรื่องสำ�คัญ” นาย เกรียงไกร กล่าวและว่า โครงการ “ธนชาต ริ เ ริ่ ม ...เติ ม เต็ ม เอกลั ก ษณ์ ไ ทย” ในปี นี้ ยั ง เน้ น การเชิ ญ ชวนให้ เยาวชนคนรุน่ ใหม่ใส่ใจในวัฒนธรรมไทย โดยต่อย อดแนวคิด “เท่...อย่างไทย ใครๆ ก็ทำ�ได้” กระตุ้น ให้ เ ยาวชนรู้ สึ ก ว่ า การปฏิ บั ติ ตั ว ภายใต้ ก รอบ วัฒนธรรมอันดีงามไม่ใช่เรือ่ งล้าสมัย ในขณะทีก่ าร ใช้ภาษาไทยและแสดงมารยาทไทยได้ ถูกต้อง ถูกที่ และถูกเวลา เหมาะสมกับกาลเทศะ ยังเป็นสิง่ ทีไ่ ด้ รับการยกย่องจากคนรอบข้างและผูพ้ บเห็นอีกด้วย ดังนั้น เราควรช่วยกันรณรงค์ให้ทุกคนธำ�รงรักษา สิ่งเหล่านี้ไว้ ซึ่งหวังว่าแนวคิดนี้จะช่วยให้คนไทย รักชาติและหวงแหนความเป็นไทยสืบต่อไป สำ � หรั บ ภาคตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ ปี นี้ มี โรงเรียนเข้าร่วมประมาณ 180 แห่ง นักเรียนเข้า ร่วมการแข่งขันประมาณ 900 คน ถือเป็นภาคที่ น่าจับตามองเนื่องจากปี 2559 มีโรงเรียนที่คว้า รางวัลชนะเลิศมาได้ทั้งประเภทอ่านฟังเสียงและ มารยาทไทย ได้แก่ โรงเรียนภูเวียงวิทยาคม ชนะ เลิศประเภทอ่านฟังเสียง ระดับ มัธยมปลาย-ปวช. และทีมจากโรงเรียนจตุรมิตรวิทยาคาร ชนะเลิศ การประกวดมารยาทไทย ระดับมัธยมต้น
พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์สุทธิ์
รองผู้การฯ ขอนแก่น ยึดคติพจน์.. “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก” พร้อม ให้กำ�ลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาสู่ความสำ�เร็จ สวัสดีคะ่ หนังสือพิมพ์ไทยเสรี ขอต้อนรับ ทุกท่านเข้าสู่คอลัมน์สายตรงโรงพักฉบับประจำ� เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช 2560 ฉบับนี้เรา ขอแนะนำ � ท่ า นให้ รู้ จั ก กั บ คนในแวดวงสี ก ากี คือ “ตำ�รวจ” หรือ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ใน พื้นที่ภาคอีสานเช่นเคยค่ะ สำ�หรับเดือนนี้เราขอ แนะนำ�ท่านให้รู้จักกับ พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์สุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่นคนใหม่ หลังโยกขึ้นรับ ตำ�แหน่งใหม่หมาดๆ อย่างสมศักดิศ์ รี นายตำ�รวจ มืออาชีพ ผูย้ ดึ คติพจน์ในการทำ�งาน ว่า “ผูใ้ ห้ยอ่ ม เป็นที่รัก” ค่ะ พ.ต.อ.นพดล เพ็ ช ร์ สุ ท ธิ์ เป็ น ชาว จ.นครศรีธรรมราช โดยกำ�เนิด เกิดเมื่อวันที่ 22 ก.พ. พ.ศ.2508 ปัจจุบันอายุ 52 ปี จบการศึกษา ระดับปริญญาตรี นิตศิ าสตร์บณ ั ฑิต มหาวิทยาลัย รามคำ � แหง ระดั บ ปริ ญ ญาโท ศิ ล ปศาสตร์ (รัฐศาสตร์)มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำ�แหง และเข้าอบรมหลักสูตรผู้กำ�กับรุ่น 62 สถาบัน พัฒนาข้าราชการตำ�รวจ ในปี 2533 เป็น เจ้าหน้าที่ตำ�รวจจราจร สน.หัวหมาก กรุงเทพฯ จากนั้น ในปี2534 ปรับ ระดับเป็น รองสารวัตรสืบสวน (รอง สว.สส.) สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ก่อนที่จะโยก เข้ามาเป็น รอง สวส.สน.สามเสน กรุงเทพฯ ใน ปี 2536 แล้วย้ายไปเป็น รองสารวัตร สน.สุทธิสาร กรุ ง เทพฯแล้ ว มาดำ � รงตำ � แหนง รองสารวั ต ร ป้องกันปราบปราม สน.มักกะสัน กรุงเทพฯ ปี 2543 โยกกลับลงภาคใต้เป็น สารวัตรป้องกัน ปราบปราม สภ.สทิงพระ จ.สงขลา, สารวัตร ป้องกันปราบปราม สภ.จะนะ จ.สงขลา ปี 2546 เป็น รองสารวัตรสืบสวน ภ.จว.สงขลา และใน ปี 2548 ขยับมาเป็น รองผู้กำ�กับการ กลุ่มงาน สืบสวน ภ.จว.ยะลา ก่อนจะโยกไปเป็น รองผู้ กำ � กั บ การฝ่ า ยป้ อ งกั น ปราบปราม สภ.สะเดา
จ.สงขลา ใ น ปี 2555 ขึ้ น เป็ น ผกก.สภ.สะเดา จ.สงขลา แล้ ว ย้ายข้ามภาคมาเป็น ผกก.ฝอ.2 บก.อก.ภ.4 ปี 2557 ขยับออกไปเป็น ผกก.สส. ภ.จว.นครพนม ก่อน ที่จะมาขึ้น ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อ 15 ม.ค. 2558 และล่าสุดเมือ่ 7 มิ.ย.2560 ขยับขึน้ เป็น รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.นพดล เพ็ ช ร์ สุ ท ธิ์ ถื อ เป็ น นาย ตำ � รวจมื อ อาชี พ ผู้ มี ผ ลงานดี เ ด่ น มาโดยตลอด คว้ารางวัลเกีย รติย ศมาแล้วมากมายอาทิ เช่ น รางวั ล ตำ � รวจชุ ม ชนสั ม พั น ธ์ กองบั ญ ชาการ ตำ�รวจนครบาล ปี 2540 รางวัลตำ�รวจชุมชน สัมพันธ์ดีเด่น ตำ�รวจภูธรภาค 9 ปี 2545 รางวัล ป้องกันยาเสพติดดีเด่น ตำ�รวจภูธรภาค 9 ปี 2548 และรางวัลตำ�รวจสีขาว ดาวคุณธรรม ปี 2556 ในโอกาสที่ ม าเยื อ นคอลั ม น์ ส ายตรง โรงพัก น.ส.พ.ไทยเสรี อีกครั้งท่านรองผู้การฯ พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์สุทธิ์ ได้กล่าวฝากถึงผู้ใต้ บังคับบัญชา-ตำ�รวจในสังกัด ภ.จว.ขอนแก่น ด้วย ว่า “ตำ�รวจทุกคนปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้ดีอยู่ แล้ว เพราะต่างก็รู้หน้าที่ของตนว่าต้องทำ�อะไร ส่วนใหญ่จะอยูใ่ นวินยั ของตำ�รวจทีด่ ี เราในฐานะ ผู้บังคับบัญชาก็จะคอยให้คำ�แนะนำ� ให้ความรู้ และให้แนวทางในการทำ�งานที่ดีพร้อมที่จะให้ กำ�ลังใจ เพื่อให้ตำ�รวจทุกคนประสบความความ สำ�เร็จในการทำ�งานตามเป้าหมายต่อไปครับ” สำ�หรับคอลัมน์ “สายตรงโรงพัก”ฉบับนี้ต้อง ขอลาท่านผู้อ่านไปก่อน ไว้พบกันใหม่ฉบับหน้า เดือนสิงหาคม 2560 “สวัสดีค่ะ”
เพ็ญศิริ นาคทน ...รายงาน
ห่ ว งชาวนาอี ส านปลู ก ข้ า วได้ ผ ลผลิ ต ตํ่ า ทุม่ แปลงสาธิตใช้ปยุ๋ ถูกสูตร/ถูกวิธที �ำ กำ�ไรเพิม่ ห่วงชาวนาอีสานปลูกข้าวได้ผลผลิตน้อย ต้ น ทุ น สู ง ไทยเซ็ น ทรั ล เคมี ผ นึ ก กรมส่ ง เสริ ม การเกษตร ดันโครงการสนับสนุนการจัดทำ�แปลง ต้นแบบขยายผลใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนผลิต เผยทำ� แปลงทดลองที่ จ.ขอนแก่น ดึงนักวิชาการร่วม ถ่ายทอดความรู้ ใช้หลักวิเคราะห์ดนิ ก่อนใส่ปยุ๋ ให้ ถูกสูตร ถูกเวลา ถูกอัตรา และถูกวิธี ชี้ประโยชน์ ลดต้นทุนค่าปัจจัยผลิตลงได้ พืชได้ธาตุอาหารครบ ได้ผลผลิตข้าวสูงขึ้น ทั้งยังสอดรับกับนโยบายนา แปลงใหญ่ เล็งขยายผลในอนาคต เมื่ อ เร็ ว ๆนี้ กรมส่ ง เสริ ม การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ บมจ.ไทย เซ็นทรัลเคมี จัดกิจกรรมชมแปลงต้นแบบการใช้ ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพาะปลูกข้าว ที่บ้าน ห้วยซัน ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งได้จัดทำ� แปลงต้นแบบ เพือ่ หวังยกระดับความรูค้ วามเข้าใจ เรือ่ งดินและปุย๋ ให้แก่เกษตรกร ให้สามารถจัดการ ดินและใช้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกต้องเหมาะสมกับชนิด ของดินและความต้องการธาตุอาหารของพืชได้ อย่างมีประสิทธิภาพ นายวัชระ ปิงสุทธิวงศ์ เจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ ช่ ว ยกรรมการผู้ จั ด การใหญ่ บมจ.ไทย เซ็ น ทรั ล เคมี เปิ ด เผยว่ า เป็ น โครงการที่ ก รม ส่ ง เสริ ม การเกษตร จั ด ทำ � ขึ้ น ภายใต้ โ ครงการ สนับสนุนการจัดทำ�แปลงต้นแบบขยายผลการ ใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพื่อยกระดับความ รู้ความเข้าใจแก่เกษตรกรให้สามารถจัดการดิน และใช้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกต้องเหมาะสมกับชนิดดิน และความต้องการธาตุอาหารของพืช เพิม่ ปริมาณ และคุณภาพผลผลิต ลดต้นทุนผลิตและเพิม่ รายได้ ให้กบั เกษตรกร บริษทั ฯได้รว่ มมือกับกรมส่งเสริม การเกษตร ให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตคือปุ๋ย เคมี มุ่งขยายผลการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อ ลดต้นทุนผลิต และทำ�แปลงต้นแบบขยายผลการ ใช้เทคโนโลยีทเี่ หมาะสมเพือ่ ลดต้นทุนผลิตในพืช 4 ชนิด โดยแปลงทดลองที่ขอนแก่นเป็นข้าวไว แสง ปลูกที่บ้านห้วยซัน ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น จะมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาให้ความรู้ ความเข้าใจการทำ�เกษตรที่ถูกต้องแต่เกษตรกร อย่างครบวงจร “ปัญหาทีผ่ า่ นมา เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้ปยุ๋ บำ�รุงพืชแบบผิดๆ มักทำ�ตามความเชือ่ กันมา ว่ายิง่ ใส่ปุ๋ยเคมีมาก จะทำ�ให้พืชได้ผลผลิตมาก ข้อเท็จ จริงแล้วไม่ใช่ ทำ�ให้สนิ้ เปลือง เกิดสารตกค้าง และ ผลผลิตไม่สูงขึ้นจริง การใช้ปุ๋ยจำ�เป็นต้องใช้หลัก วิชาการมาประยุกต์ท�ำ การวิเคราะห์ดนิ ว่าขาดธาตุ อาหารชนิดใดบ้าง ต้องอาศัยนักวิชาการ หน่วย งานรัฐเข้ามาช่วย จากนั้นจึงใส่ปุ๋ยตามสัดส่วนที่ พืชต้องการ” นายวัชระกล่าวและว่า ประโยชน์ คื อ แปลงปลู ก ข้ า วที่ ไ ด้ รั บ การวิเคราะห์ดิน จะใช้ปุ๋ยบำ�รุงดินได้ตรงความ
ต้องการของพืช ไม่ต้องใส่ปุ๋ยปริมาณมากตาม ความเชื่อ ขณะที่ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น ชาวนาลด ต้ น ทุ น ค่ า ปุ๋ ย การจั ด การ ทั้ ง สามารถขายข้ า ว มากขึ้น มีรายได้สูงขึ้น เบื้องต้นมีนายสุวรรณ ศรีสุพรรณ อายุ 44 ปี, นายเพลิน จันทร์โนนแซง อายุ 61 ปี ชาวบ้านบ้านห้วยซัน ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าร่วมโครงการจัดทำ�แปลงต้นแบบ ขยายผลการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยใช้ ปุ๋ยให้ถูกสูตร ถูกเวลา ถูกอัตรา และถูกวิธี โดย แปลงสาธิตใช้ปุ๋ยในนาข้าวที่กรมส่งเสริมการ เกษตรฯแนะนำ� ซึ่งนาข้าวของนายสุวรรณ และ นายเพลิน ปลูกข้าวเหนียวพันธุ์ กข 41 วันปลูก 17 มี.ค.2560 ใส่ปุ๋ยครั้งที่หนึ่ง 30 มี.ค.ใส่ปุ๋ยครั้ง ที่สอง 18 พ.ค. และจะเริ่มเก็บเกี่ยว 30มิ.ย.นี้ ด้าน นายสุวรรณ ศรีสุพรรณ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวใน แปลงทดลอง จ.ขอนแก่น บอกว่าภายหลังเข้า ร่วมโครงการจะมีเจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน ต่างๆ ทั้งจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และบริษัท เอกชนมาให้ความรู้ คำ�แนะนำ�การปลูกข้าว ด้วย การใช้ปุ๋ยอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะการจัดการดิน และใช้ปยุ๋ เคมีอย่างถูกต้อง เหมาะสมกับชนิดของ ดินและสอดคล้องกับความต้องการธาตุอาหาร “ที่ผ่านมาชาวนาอย่างพวกเรา มักจะทำ� นากันแบบเดิมๆที่ปู่ย่าตายายทำ�ต่อๆกันมา แต่ ปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับการทำ� นาเปลี่ยนแปลงไปมาก พวกตนก็ต้องปรับตัวเอง นำ�ความรู้ที่ได้รับการแนะนำ�จากนักวิชาการมา ใช้ ว่าใช้ปุ๋ยชนิดใดที่เหมาะสมกับสภาพดิน ดิน ที่ปลูกข้าวต้องการธาตุชนิดใดมากกว่ากัน หาก ใช้ปุ๋ยในสัดส่วนที่เหมาะสมกับดิน นาข้าวก็จะ ให้ผลผลิตสูงขึ้น ประหยัดต้นทุนมากขึ้น” นาย สุวรรณ กล่าว ขณะที่ น ายเพลิ น จั น ทร์ โ นนแซง เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯเช่นกันให้เหตุผล ที่เข้าร่วมโครงการนี้ว่า เพราะเห็นถึงประโยชน์ ที่จะได้รับ เพราะการที่เกษตรกรมีต้นทุนในการ ทำ�เกษตรที่ตํ่าลง โดยเฉพาะปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นปัจจัย การผลิตสำ�คัญ หากใช้อย่างถูกสูตร ถูกเวลา ถูก อัตรา และถูกวิธี ตามทีเ่ จ้าหน้าทีแ่ นะนำ� จะทำ�ให้ สามารถลดต้นทุนการผลิตได้มาก นั่นหมายถึง รายได้จะเพิ่มขึ้นด้วย “โครงการสนั บ สนุ น การจั ด ทำ � แปลง ต้นแบบขยายผลการใช้ปยุ๋ เพือ่ ลดต้นทุนการผลิต ครั้งนี้ จะเป็นสอดรับกับนโยบายเกษตรนาแปลง ใหญ่ ของรัฐบาลชุดนี้ ที่มุ่งต้องการให้เกษตรกร รวมกลุ่มทำ�การเพาะปลูก การต่อรองซื้อปัจจัย การผลิต ต่อรองด้านราคาและการตลาด ซึง่ บมจ. ไทยเซ็นทรัลเคมี พร้อมขยายผลโครงการไปสู่ เกษตรกรในวงกว้าง เพื่อให้เกษตรสามารถลด ต้นทุน มีผลผลิตที่สูงขึ้น สร้างอำ�นาจการต่อรอง ตามเจตนารมย์ของรัฐ”นายวัชระ กล่าวทิ้งท้าย
หน้า 9
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
Spark to Ask ยิง่ ถามยิง่ ค้นพบสิง่ ใหม่ S-26 Progress GOLD นมผง คุณภาพระดับพรีเมี่ยม จัดกิจกรรม “Spark to Ask ยิ่งถามยิ่งค้นพบสิ่ง ใหม่ ” สร้ า งความเข้ า ใจให้ พ่ อ แม่ และครูช่วยกระตุ้น และจุดประกาย ให้เด็กไทยกล้าคิด กล้าถาม โดยมี อมิตา ทาทายัง พร้อมครูลูกกอล์ฟ นำ � เคล็ ด ลั บ การสร้ า งแนวคิ ด ผ่ า น หนังสือ “เคล็ดลับสร้างเด็กช่างถาม” โดยมีเด็กนักเรียนระดับชั้นเตรียม อนุบาล และอนุบาล รวมทั้งครูและ ผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรม เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ณ โรงเรียนวิเทศ ศึกษา อำ�เภอเมือง จังหวัดขอนแก่น น.ส.กั ญ ญา เกื้ อ เกษมบุ ญ เจ้ า หน้ า ที่ ฝ่ า ยสื่ อ สารการตลาด ผลิตภัณฑ์ S-26 Progress GOLD เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรม “Spark to Ask ยิ่งถาม ยิ่งค้นพบสิ่งใหม่” เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมและ กระตุน้ การเรียนรูส้ �ำ หรับเด็กวัยก่อนเรียน ทีม่ กั จะ เป็นช่วงของการเรียนรู้ อยากรู้ อยากถาม และมัก มีคำ�ถามตลอดเวลา ซึ่งการการตั้งคำ�ถามของเด็ก จะเป็นการสร้างการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบ เป็นการ วิวัฒนาการทางสมองที่พ่อ-แม่ และครู ต้องเป็น แรงกระตุน้ เสริมให้เด็กเกิดพัฒนาการเรียนรูท้ ไี่ ม่มี วันจบ โดยนำ�ศิลปินนักร้องนักแสดง คุณอมิตา ทา ทา ยัง พร้อมด้วย ครูลูกกอล์ฟ นายคณาธิป สุนทร รักษ์ ครูสอนภาษาอังกฤษ เจ้าของสถาบันสอน ภาษา Angkriz นำ�เคล็ดลับการกระตุ้นสร้างแรง จูงใจให้กบั พ่อ-แม่ ร่วมสร้างนิสยั การเรียนรูใ้ ห้เด็ก ช่างถาม และเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กกล้าถาม เกิดการต่อยอดสิ่งใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ S-26 Progress GOLD จึงได้จัดโครงการ “Spark to Ask ยิ่งถาม ยิ่ ง ค้ น พบสิ่ ง ใหม่ ” โดยเริ่ ม ที่ ก รุ ง เทพมหานคร เชียงใหม่ และขอนแก่นเป็นครั้งที่3 นอกจากนี้
ยังได้จัดทำ�หนังสือ “เคล็ดลับสร้างเด็กช่างถาม” จำ � นวน 150,000 เล่ ม แจกจ่ า ยให้ โ รงเรี ย นทั่ ว ประเทศรวม 1,000 โรงเรียน สำ�หรับพ่อแม่ ครู และประชาชนทีส่ นใจหนังสือคูม่ อื “เคล็ดลับสร้าง เด็กช่างถาม” สามารถติดต่อขอรับ หรือสอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติมกับทาง S-26 Progress GOLD ได้ที่ www.s-momclub.com หรือ โทร 02-640-2288 เพราะพลังความสงสัยและการตัง้ คำ�ถามที่ ยิ่งใหญ่สำ�หรับบุตร หลาน S-26 Progress GOLD พร้อมช่วยจุดประกายให้เด็กไทยกล้า Spark การ สร้ า งคำ � ถาม จะเป็ น พื้ น ฐานการค้ น หาคำ �ตอบ สำ�หรับเด็กๆ วัยช่างสงสัย มีแนวคิดริเริ่ม ฝึกให้ ใช้สมองอย่างว่องไว S-26 Progress GOLD นมผง คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เหมาะสำ�หรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป เพราะมีสารอาหารและโภชนาการเป็น ปัจจัยสำ�คัญที่ต้องควบคู่ไปกับการเลี้ยงดูของคุณ แม่ เลือกสารสารอาหารทีม่ ปี ระโยชน์ อาทิ แอลฟาแล็คตัลบูมิน โปรตีนคุณภาพ พลัส ดี (ดีเอชเอ) ,ซี (โคลีน),แอล (ลูทีน) เลือก S-26 Progress GOLD
โยคะนานาชาติ ข อนแก่ น สร้ า งสั ง คมที่ มี สุ ข ภาพดี
ระดม กูรชู อื่ ดังด้านโยคะทัง้ ในประเทศ และ ต่างประเทศ มาฝึกโยคะให้คนขอนแก่น มีร่างกาย และจิตใจที่แข็งแรง และเข้าใจแก่นแท้ของโยคะ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.30 น.ที่ โรงแรมอวานี ขอนแก่น แอนด์ คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชา วิทย์ ผูว้ า่ ราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการ แถลงข่าวงาน “International Yoga Festival 2017, Khon Kaen โยคะ นานาชาติ ๒๐๑๗ ขอนแก่น” มี นายจุ ล นพ ทองโสภิ ต รองนายกเทศมนตรี นครขอนแก่น, นายเข็มชาติ สมใจวงษ์ ประธาน หอการค้าจังหวัดขอนแก่น, นายภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัด ขอนแก่น ร่วมแถลงข่าว โดย เทศบาลนครขอนแก่น ร่วมกับ สมาคม ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดขอนแก่น การท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย สำ�นักงานขอนแก่น วิทยาลัย นานาชาติมหาวิทยาลัยขอนแก่น บริษัท ขอนแก่น ไมซ์แมเนจเม้นท์ กลุ่มโยคะขอนแก่น และหน่วย งานภาครัฐและเอกชน เป็นผู้ให้การสนับสนุนการ จัดงาน “International Yoga Festival 2017,Khon Kaen โยคะ นานาชาติ ๒๐๑๗ ขอนแก่น” ในวัน อาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น. ณ สวนสุขภาพบึงทุ่งสร้าง จังหวัด ขอนแก่น ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนหันมาสนใจการดูแล สุขภาพมากขึ้น โดยผ่านกิจกรรมหลากหลายรูป แบบ หนึ่งในกิจกรรมที่มีผู้ให้ความสนใจจำ�นวน มากคือการฝึกโยคะ เนื่องจากให้ประโยชน์มากมาย เช่ น การฟื้ น ฟู ส ภาพร่ า งกาย การจั ด ปรั บ ความ สมดุ ล ทั้ ง ร่ า งกายและจิ ต ใจ เมื่ อ มี ร่ า งกายและ จิ ต ใจที่ แ ข็ ง แรง แล้ ว คุ ณ ภาพชี วิ ต ก็ จ ะดี ขึ้ น ด้ ว ย ส่งผลต่อเนื่องให้คนรอบตัว และสังคมน่าอยู่ยิ่ง ขึ้น ด้วยประโยชน์อย่างมากมาย ดังนั้น จึงเกิดการ จัดกิจกรรม“International Yoga Festival 2017 ,Khon Kaen”โดยการดำ�เนินงานของ เทศบาลนคร ขอนแก่น กลุ่มโยคะขอนแก่น การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัด ขอนแก่น เพื่อให้การฝึกโยคะเป็นหนึ่งในทางเลือก ของการดูแลรักษาสุขภาพ และสร้างการรับรูถ้ งึ การ ฝึกโยคะอย่างถูกวิธี นายจุลนพ ทองโสภิต รองนายกเทศมนตรี นครขอนแก่ น กล่ า วว่ า เทศบาลนครขอนแก่ น ร่วมกับ กลุ่มโยคะขอนแก่น การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย วิ ท ยาลั ย นานาชาติ ม หาวิ ท ยาลั ย ขอนแก่น สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัด และ บริษัทขอนแก่นไมซ์แมเนจเมนท์ จำ�กัด (KKMM) มีแนวคิดที่ต้องการให้การฝึกโยคะเป็นที่รู้จักมาก ขึ้น โดยที่จังหวัดขอนแก่นต้องได้ประโยชน์จาก กิจกรรมดังกล่าว มีการประสานความร่วมมือกัน โดยจัดโครงการ International Yoga Festival 2017, Khon Kaen (โยคะนานาชาติ 2017 ขอนแก่น) หรือ โยคะ สุขะ ณ ขอนแก่น ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงาน ประมาณเกือบ 1,000 คน นายเข็มชาติ สมใจวงษ์ ประธานหอการค้า จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่น บูรณา
การทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เทศบาลนครขอนแก่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย ร่วมกับบริษัท ขอนแก่น ไมซ์ แมเนจ เม้นท์ จำ�กัด (KKMM) ซึ่งเป็นบริษัทความร่วมมือ ของชาวขอนแก่น ได้รว่ มกันจัดงานโยคะนานาชาติ ขอนแก่นขึน้ มา เป็นหนึง่ ในอีเว้นท์ส�ำ คัญในการส่ง เสริมพัฒนาการท่องเที่ยวด้านสุขภาพ การบริการ ของจั ง หวั ด ขอนแก่ น สู่ เ มื อ งมหานครขอนแก่ น รวมทั้งส่งเสริมการสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมที่ มีสุขภาพดี ผ่านการออกกำ�ลังกายในรูปแบบโยคะ สุขวิถี ที่ถูกต้อง ได้เชิญ กูรดู า้ นโยคะทัง้ ในประเทศ และต่าง ประเทศ กูรูจากอินเดีย ออสเตรเลีย ฮ่องกงและผู้ สอนชาวไทยที่มีประสบการณ์สูง มาสอนเทคนิค การฝึกฝนโยคะ เพื่อให้ความรู้ด้านโยคะแก่ผู้สนใจ เข้าใจแก่นแท้ของโยคะและสามารถนำ�ความรู้ไป พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น นอกจากจะทำ�ให้ผู้ที่ เข้าร่วมกิจกรรมมีสุขภาพพลานามัยที่ดีขึ้นแล้ว ยัง เป็นการสร้างภาพลักษณ์ทดี่ ใี ห้แก่จงั หวัดขอนแก่น และเสริมสร้างให้จังหวัดขอนแก่นเป็นที่รู้จักในวง กว้าง และส่งเสริมกิจกรรม MICE และการท่อง เที่ยวของจังหวัดขอนแก่น เป็นการสนองนโยบาย การเป็นขอนแก่นไมค์ซิตี้ ของจังหวัดอีกทางหนึ่ง “คาดว่าจะมีทงั้ ชาวไทยและชาวต่างประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมจำ�นวนมาก ผู้สนใจสามารถลง ทะเบียนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สามารถสอบถาม ได้ที่ครูปุ้ย 0928185185 ผ่านทางไลน์ banyindee เฟสบุ๊ค โยคะนานาชาติขอนแก่น ลงทะเบียนเรียน ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ จึงขอเชิญชวนท่านที่สนใจ เข้าร่วมกิจกรรมดีๆเพื่อสุขภาพได้” นายเข็มชาติ กล่าว ทั้ ง นี้ งาน “โยคะ นานาชาติ ๒๐๑๗ ขอนแก่น” มีกิจกรรมต่างๆภายในงาน อาทิ การ ร่วมเสวนา “วิถโี ยคะเพือ่ การดำ�เนินชีวติ ทีเ่ ป็นสุข”, การฝึกควบคุมลมหายใจจากกูรูผู้เชี่ยวชาญ, การ ฝึกโยคะนิทราเพื่อความผ่อนคลาย และโยคะบน แพดเดิลบอร์ด, นิทรรศการวิถีชีวิตและวัฒนธรรม อินเดีย, นิทรรศการภาพถ่ายโยคะสุขะ ,มีการออก ร้านจำ�หน่ายสินค้าและอุปกรณ์โยคะในราคาพิเศษ ผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อสุขภาพและสินค้าแฮนด์เมด นอกจากนี้ยังมีการจำ�หน่ายเสื้อที่ระลึกโยคะสุขะ เพือ่ นำ�รายได้สมทบทุนช่วยเหลือโรงเรียนผูป้ ระสบ ภัยนํ้าท่วม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ ประชาชนผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมฟรีไม่มี ค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0928185185 , facebook : International yoga festival 2017,Khon Kaen , Line ID : banyindee
ขนสินค้า OTOP เปิดบูทข้ามภาค 3 ผู้รู้จริงคนดัง ร่วมพิสูจน์คุณค่านํ้ามันรำ� สร้างโอกาสแข่งขัน สร้างรายได้ ข้าวคิงในงาน “รูจ้ ริง...สุขภาพดีจริงกับคิง” กลุ่ ม จั ง หวั ด เหนื อ ตอนล่าง 1 ขนสินค้า OTOP มาเปิ ด บู ท โรดโชว์ ข้ า ม ภาค เพื่อยกระดับอัตลักษณ์ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ จ ากภู มิ ปั ญ ญา สร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจ ชุมชน สร้างโอกาสแข่งขัน สร้างรายได้ เมื่ อ วั น ที่ 11 ก.ค. 2560 ที่ ล านโปรโมชั่ น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า สาขาอุดรธานี นาย ชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็น ประธานเปิดโครงการพัฒนาโอท๊อปสู่เศรษฐกิจ เข้ ม แข็ ง กิ จ กรรมการส่ ง เสริ ม การตลาด การ จัดแสดงและจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์โอท๊อปภายใน ประเทศ ซึ่งจัดขึ้นโดยสำ�นักงานพัฒนาชุมชน จั ง หวั ด พิ ษ ณุ โ ลก และกลุ่ ม จั ง หวั ด ภาคเหนื อ ตอนล่ า ง 1 ประกอบด้ ว ย จั ง หวั ด พิ ษ ณุ โ ลก อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมี ดร.ไพศาล สุปัญญา ผู้ตรวจราชการกรม พัฒนาชุมชน เขต 17 นายสุเมธ ทองดี พัฒนาการ จั ง หวั ด อุ ด รธานี นายประเสริ ฐ ฝ่ า ยชาวนา พาณิชย์จังหวัดอุดรธานี และหัวหน้าราชการใน พื้นที่จังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมในงานดังกล่าว ซึ่ง กิจกรรมดังกล่าวนั้น จะจัดในระหว่างวันที่ 11 16 ก.ค.2560 เป็นเวลา 7 วัน นางนัฎฐิยาภรณ์ ศรีสุบรรณ์ พัฒนาการ จังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า โครงการกิจกรรมฯ ”ยกระดั บ อั ต ลั ก ษณ์ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ จ ากภู มิ ปั ญ ญา สร้ า งมู ล ค่ า ให้ กั บ เศรษฐกิ จ ชุ ม ชน” ดั ง กล่ า ว นั้ น รั ฐ บาลมี น โยบายในการพั ฒ นาเศรษฐกิ จ ฐานราก โดยให้ความสำ�คัญเกี่ยวกับการพัฒนา ภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือผลิตภัณฑ์ โอท๊อป สู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้ ของประชาชน สินค้าโอท๊อปเป็นสินค้าที่สร้าง รายได้ให้กับประเทศ รวมถึงชุมชนได้เป็นอย่าง ดี เนื่องจากมีความโดดเด่นที่เกิดจากภูมิปัญญา ท้องถิ่น และคุณภาพที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ แต่ ก็ ยั ง มี ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ บ างส่ ว นที่ ยั ง ขาด ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และออกแบบ บรรจุภัณฑ์ จึงทำ�ให้เสียโอกาสในการแข่งขัน
สร้างรายได้ ซึ่งหากว่าผู้ประกอบการ ผู้ผลิต มี โอกาสได้มีการพัฒนารูปแบบในการผลิต บรรจุ ผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย สร้างความแตกต่าง ให้กบั ผลิตภัณฑ์ เชือ่ ว่าจะเป็นโอกาสในการแข่งขัน สร่างรายได้ การเข้าสู่คลาดทั้งในประเทศและต่าง ประเทศได้ ซึง่ ในการเดินทางมาจัดกิจกรรมฯในครัง้ นี้ ได้มกี ารคัดสรรสินค้าโอท๊อปทีโ่ ดดเด่นจากจังหวัด ในกลุม่ จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ทัง้ 5 จังหวัดๆ ละ 12 บูท รวม 60 บูท มาเสนอขายให้กับผู้บริโภค จังหวัดอุดรธานีและใกล้เคียง นายชยาวุธ จันทร ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า สำ�หรับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ทีเ่ น้น ไปที่เรื่องของการพัฒนาภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์ ชุมชนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำ�คัญที่ทุกจังหวัดได้ นำ�เอามาเป็นยุทธศาสตร์หลัก โดยเฉพาะในด้าน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน และการจัดทำ�กล่อง บรรจุภัณฑ์ที่จะต้องมีความทันสมัย น่าจับต้อง การจัดหาความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และกล่ อ งบรรจุ ภั ณ ฑ์ ที่ ทั น สมั ย ก็ เ ป็ น เรื่ อ งที่ สำ�คัญ การรวมตัวเป็นกลุ่มจังหวัด ก็เป็นเรื่องที่มี ความสำ�คัญมากเช่นกัน เพือ่ ให้เกิดการแลกเปลีย่ น ความรู้ ประสบการณ์ นอกจากนี้แล้วการทำ�การ ตลาดทั้งในและต่างประเทศก็เป็นกิจกรรมฯที่จะ ต้องหาประสบการณ์จากการทำ�ตลาด เป็นการ สร้างโอกาส สร้างความรู้ ความเชื่อมั่น และได้ ประสบการณ์ต่างๆ เพื่อจะได้นำ�เอามาพัฒนาใน แต่ละจังหวัด การทำ�โรดโชว์ข้ามภาค ก็เป็นอีกกิจ กรรมฯหนึ่งที่จะต้องมีการทำ�อย่างต่อเนื่อง เพราะ เป็นการแลกเปลีย่ นความคิด ความรู้ ประสบการณ์ ที่มีความแปลกใหม่ เพื่อนำ�ไปสู่การพัฒนาในด้าน ต่างๆ
แ น ะ เ ดิ น ท า ง ไ ป ทำ � ง า น เกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมาย ที่ลานกิจกรรมของตึกคอมแลนด์ มาร์ค เขตเทศบาลนครอุดรธานี สำ�นักงาน จัดหางานจังหวัดอุดรธานี ได้จัดงาน นัด พบแรงงาน โดยมีบริษทั เอกชน ผูป้ ระกอบ การจากในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และใกล้ เคียงมาเปิดบูธรับสมัครคนหางานด้วย ตนเองกว่า 60 แห่ง น.ส.วนิดา จารีย ์ จัดหางานจังหวัด อุดรธานี เปิดเผยว่า สำ�นักงานจัดหางาน จังหวัดอุดรธานี ได้มีการประสานงานกับสถาน ผู้ประกอบการหลายสิบแห่ง มาเปิดบูธรับสมัคร คนหางานในกิจกรรมงานนัดพบแรงงานอยู่เป็น ประจำ� เพื่ออำ�นวยความสะดวกให้แก่คนหางาน และสถานประกอบการ เพื่อให้มีการพบปะกัน โดยตรงระหว่างคนหางานกับสถานประกอบการ ซึ่ ง ในโอกาสเดี ย วกั น นี้ เนื่ อ งจากว่ า ประเทศ เกาหลีใต้กำ�ลังกลายเป็นที่นิยมในการเดินทางไป ทำ�งานของแรงงานไทย โดยการเดินทางไปทำ�งาน ที่ประเทศเกาหลีใต้นั้น จะมีงานก่อสร้าง และงาน เกษตร เท่านัน้ โดยจะต้องเดินทางผ่านระบบรัฐต่อ รัฐ ที่มีการตกลงตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัก ระทรวงแรงงานไทยและ กระทรวงแรงงานเกาหลี อย่างไรก็ตามปรากฏว่า ยังผู้ที่ดินทางไปทำ�งานใน ลักษณะลักลอบทำ�งานอยู่เป็นจำ�นวนมาก นาย ซึง มุก ลิม ผู้อำ�นวยการสำ�นักบริการ พัฒนาบุคลากรแห่งเกาหลี ศูนย์ อี พี เอส ประจำ� ประเทศไทย เปิดเผยผ่านล่ามเกาหลีใต้ว่า ศูนย์ อีพี เอส.ประจำ�ประเทศไทย ทำ�หน้าที่ทำ�การคัดเลือก ทดสอบทักษะแรงงานไทย เพือ่ ไปทำ�งานทีป่ ระเทศ เกาหลีใต้ และเมือ่ คนงานไทยทีเ่ ดินทางไปทำ�งานที่ ประเทศเกาหลีใต้จนครบสัญญา เมื่อเดินทางกลับ มาประเทศไทยแล้ว ศูนย์ อีพีเอส. ยังทำ�หน้าที่ใน การจัดหาตำ�แหน่งงานในสถานประกอบการของ ชาวเกาหลีในประเทศไทยอีกด้วย ใน 2 ปี ที่ ผ่ า นมา กระทรวงแรงงาน ประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้ข้อตกลงร่วมกัน ได้มี การเปลี่ยนแปลงระบบการสอบคัดเลือกใหม่ เป็น ระบบพ้อยท์ คือ ผู้ที่ต้องการไปทำ�งานที่ประเทศ เกาหลีใต้ จะต้องผ่านการทดสอบภาษาเกาหลีใต้ เป็นจำ�นวน 2 เท่าของตำ�แหน่งงานที่ต้องการ และ ผ่านการทดสอบทักษะตำ�แหน่งงาน และคัดเลือก ให้เท่ากับตำ�แหน่งงาน หลังจากนัน้ บุคคลเหล่านัน้ จะสามารถสมัครไปทำ�งานที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่ง การคัดเลือกสุดท้าย ก็จะนำ�เอาคะแนนการสอบ ภาษาเกาหลีใต้และคะแนนการทดสอบทักษา มี รวมกัน แล้วก็คัดเลือกเอาคนที่ได้คะแนนสูงตาม
ลำ�ดับ ซึ่งการทดสอบทุกอย่างจะมีเจ้าหน้าที่ของ กรมแรงงานไทยเข้ามาดูแลด้วยทุกครั้ง ปัจจุบันนี้ในประเทศเกาหลีใต้ มีแรงงาน ไทยที่ จั ด ส่ ง ไปในระบบรั ฐ ต่ อ รั ฐ ตามข้ อ ตกลง ประมาณ 24,000-25,000 คน แต่มีคนไทยอาศัย อยู่ในประเทศเกาหลีใต้ประมาณ 2 แสนคน ซึ่ง ในส่วนของแรงงานไทย ที่ทำ�งานอยู่ในประเทศ เกาหลีใต้จนครบ 4 ปี 10 เดือน เมื่อเดินทางกลับ มาประเทศไทย ศูนย์ อีพีเอส ประจำ�ประเทศไทย จะช่วยจัดหาตำ�แหน่งงานตามประสบการณ์ที่ได้ รับมา เข้าทำ�งานกับสถานประกอบการของชาว เกากลีใต้ในประเทศไทยอีกด้วย โดยการร่วมมือ กับกรมจัดหางานไทย จัดวันนัดพบแรงงานไทยที่ ผ่านงานในประเทศเกาหลีใต้ นาย ซึง มุก ลิม กล่าวถึงการลักลอบเข้าไป ทำ�งานในประเทศเกาหลีใต้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูก ต้องผิดกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้ แม้ว่าจะ ได้ทำ�งาน แรงงานดังกล่าวนั้นก็จะไม่ได้รับสิทธิ สวัสดิการ ตามกฎหมายแรงงานของเกาหลีใต้ โดย เฉพาะเรื่องของค่าแรงขั้นตํ่า แม้กระทั้งเรื่องของ สวัสดิการต่างๆ ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะ นี้ คือ แรงงานไทยที่ถูกจัดส่งไปโดยรัฐต่อรัฐอยู่ จนครบสัญญาแล้ว แต่ได้ลักลอบหนีไปทำ�งานกับ นายจ้างคนอืน่ แต่กม็ ไี ม่มาก และทัง้ สองฝ่ายกำ�ลัง หาวิธีทางแก้ไขปัญหา “ขอฝากคนที่ต้องการเดินทางไปทำ�งาน ในประเทศเกาหลี ใ ต้ ขอให้ ท่ า นไปสมั ค รละ ปฏิบัติตามขั้นตอนที่มีอยู่ ไม่ต้องการให้เดินทาง เข้าไปในลักษณะท่องเที่ยวแล้วหลบหนีไปทำ�งาน เพราะคนเหล่ า นั้ น จะไม่ ไ ด้ รั บ สิ ท ธิ สวั ส ดิ ก าร ของทางเกาหลีใต้ เช่นค่าแรงขั้นตํ่า สวัสดิการ ประกันต่าง เช่น ประกันค่าใช้จ่ายเดินทางกลับ ประเทศ ประกันสะสมเงินบำ�นาญ ประกันการ จ้างงาน ประกันอุบัติเหตุ และคนที่เข้าไปทำ�งาน ในประเทศเกาหลีใต้ถกู ต้องตามระบบ ก็จะได้สทิ ธิ คนเกาหลีใต้” นายลิมฯ กล่าว
“พล – อู๋ – นิ ห น่ า ” ร่ ว มโรดโชว์ ข ยาย ผลแคมเปญใหญ่ “รู้จริง เลือกคิง” ขึ้นเวทีแชร์ ประสบการณ์และจุดเด่นของ“นํ้ามันรำ�ข้าวคิง”ที่ ประทับใจ พร้อมโชว์เมนูพเิ ศษร่วมกันเป็นครัง้ แรก เพื่อชาวขอนแก่นโดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2560 นางบุษกร อ่อน ประดิษฐ์ ผอ.ฝ่ายการตลาดและสือ่ สารองค์กร บจก. นาํ้ มันบริโภคไทยกลุม่ นาํ้ มันรำ�ข้าวคิง นำ�ผูร้ จู้ ริงจาก แคมเปญ “รูจ้ ริง เลือกคิง”พล ตัณฑเสถียร นักแสดง ผูช้ นื่ ชอบการทำ�อาหารจนก้าวขึน้ มาเป็นเชฟผูม้ ชี อื่ เสียงมาร่วมงาน “รู้จริง...สุขภาพดีจริงกับคิง” แชร์ ประสบการณ์เรื่องการใช้นํ้ามันประกอบอาหาร พร้อม 2 แขกรับเชิญพิเศษ อู๋ - ธนากร โปษยานนท์ นักแสดงเจ้าบทบาท ผู้กำ�กับละครป้ายแดง ช่อง 3 ผู้ประสบความสำ�เร็จทั้งในวงการบันเทิง และการ ทำ�ธุรกิจร้านอาหารและ นิหน่า - สุฐิตา ปัญญายงค์ พิธีกรและผู้ประกาศข่าวกีฬา ช่อง 7 คุณแม่ลูกสอง ผู้ใส่ใจทุกรายละเอียดในการดูแลสุขภาพของทุก คนในครอบครัว ร่วมขึน้ เวทีแบ่งปันเรือ่ งราวดีๆใน การดูแลสุขภาพ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 เซ็นทรัล พลาซ่า จ.ขอนแก่น นางบุษกร เปิดเผยว่าแคมเปญ “รูจ้ ริง เลือก คิง” จัดขึน้ เพือ่ สร้างความเข้าใจทีถ่ กู ต้องเกีย่ วกับนาํ้ มันเพื่อสุขภาพ เนื่องจากทุกวันนี้ กลุ่มผู้รักสุขภาพ กลุ่ ม คุ ณ แม่ ลู ก เล็ ก หรื อ กลุ่ ม ผู้ มี ใ จรั ก ในการทำ � อาหาร มีความต้องการนํ้ามันประกอบอาหารที่ดี ต่อสุขภาพและปลอดภัยต่อการบริโภค แต่ปัจจุบัน ข้อมูลเรื่องดังกล่าวที่เผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ โดย เฉพาะโซเชียลมีเดียได้สร้างความสับสนอย่างมาก เนือ่ งจากนาํ้ มันแต่ละชนิดต่างก็เคลมว่าดีตอ่ สุขภาพ ดั ง นั้ น กลุ่ ม นํ้ า มั น รำ � ข้ า วคิ ง ในฐานะผู้ เชี่ยวชาญในการผลิตนํ้ามันรำ�ข้าวเพียงอย่างเดียว มาตลอด40 ปีและมีความรู้ความเข้าใจเรื่องนํ้ามัน เป็นอย่างดีจึงจัดทำ�แคมเปญดังกล่าว เพื่อเผยแพร่ ข้อมูลเกี่ยวกับนํ้ามันที่ถูกต้องและพิสูจน์ได้จริงแก่ ผู้บริโภค ซึ่งสามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทาง ในการเลือกผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ดีต่อสุขภาพได้ โดยแคมเปญนี้ มีชนิ้ งานหลักเป็นซีรสี ค์ ลิป ที่เริ่มจากคลิปเดี่ยวของสาวมั่นซึ่งปัจจุบันเป็นคุณ แม่ของลูกแฝดผู้น่ารัก โอปอล์- ปาณิสรา อารยะ สกุล พรีเซ็นเตอร์ของนํ้ามันรำ�ข้าวคิง ต่อด้วย 6 คลิปที่โอปอล์พาไปพบกับบุคคลที่มีชื่อเสียงใน หลายสาขาอาชีพซึ่งเป็นผู้รู้จริงและใช้ “คิง”จริงๆ อีก6 คนแคมเปญนีม้ กี ารใช้ทงั้ สือ่ ออนไลน์สอื่ ออฟ ไลน์ รวมถึงสปอตโฆษณาทางดิจิตอลทีวีสามารถ ติดตามรายละเอียดได้ในเฟสบุ๊ค King Health Society นางบุ ษ กร กล่ า วเพิ่ ม เติ ม ว่ า สำ � หรั บ กิจกรรมโรดโชว์นี้ เป็นความตั้งใจที่จะให้สาระ เพื่อสุขภาพที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคในจังหวัดต่างๆ อย่างใกล้ชิด และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้สอบ ถามเรื่องนํ้ามันประกอบอาหารโดยตรงจากผู้ที่มี ความรู้จริงๆโดยมีรูปแบบเหมือนกับงานเปิดตัว แคมเปญ “รู้จริง เลือกคิง” ที่กรุงเทพฯ และเชื่อว่า
ผู้ที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับเรา จะได้รับความรู้ท่ีเป็น ประโยชน์ และรับทราบถึงจุดเด่นของนํ้ามันรำ�ข้าว คิงที่แตกต่างจากนํ้ามันชนิดอื่นอย่างเด่นชัด เช่น มี สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติอยู่หลายชนิด และมีในปริมาณมากเป็นนํ้ามันที่ทนความร้อนได้ดี เพราะมีจุดเกิดควันสูง (High Smoke Point) จึงใช้ทำ� อาหารได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะทอด ผัด หมักย่าง หรือ ใช้ทำ�นํ้าสลัดและยังช่วยทำ�ให้อาหารหอมอร่อยยิ่ง ขึ้นด้วย เพราะนํ้ามันรำ�ข้าวคิง ไม่มีกลิ่นและรสชาติ เป็นกลาง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิธี ทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมีข้อมูลงานวิจัยสนับสนุน และในปีนเี้ ป็นปีพเิ ศษทีก่ ลุม่ นํา้ มันรำ�ข้าวคิง ดำ�เนินธุรกิจครบรอบ 40 ปี เราจึงตั้งใจจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคมผ่านกิจกรรม CSR หลายโครงการ รวม ถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยการปรับเพิ่มปริมาณ สารธรรมชาติโอรีซานอลในนํ้ามันรำ�ข้าวของเราให้ สูงมากขึ้น ซึ่งโอรีซานอลเป็นสารธรรมชาติที่พบเฉ พาะในนํ้ามันรำ�ข้าวเท่านั้นไม่พบในนํ้ามันพืชชนิด อื่น มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่า วิตามินอีถึง 6 เท่า และช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี โดยนํ้ามันรำ�ข้าวคิง เกรดมาตรฐานได้เพิ่ม ปริมาณ สารโอรีซานอลเป็น 4,000 ppm และ นํ้ามัน รำ�ข้าวคิง เกรดพรีเมี่ยม เพิ่มปริมาณสารโอรีซานอล เป็น8,000ppm โดยไม่ขึ้นราคา ถือเป็นการคืนกำ�ไร ให้กับผู้บริโภค นอกจากนั้น เราได้จัดทำ�โลโก้ King Produced from Thai Rice Bran100%เพื่อแสดงว่าเ ราเลือกใช้รำ�ข้าวคุณภาพสูงของไทยที่ปลอดจากกา รดัดแปลงทางพันธุกรรม และยังเป็นการสนับสนุน ผลผลิตจากชาวนาไทยซึง่ จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจ ไทยให้แข็งแรงยิ่งขึ้นอีกด้วย “สิ่งที่เราคาดหวังจากการจัดทำ�แคมเปญ “รู้ จริง เลือกคิง” รวมถึงการจัดโรดโชว์ครั้งนี้ คือให้ผู้ บริโภคตระหนักเรื่องการกลั่นกรองข้อมูล ก่อนเชื่อ หรือแชร์ข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆ ในโลกโซเชีย ล ซึง่ ผูบ้ ริโภคสามารถใช้เป็นแนวทางในการพิจารณา เลือกสิ่งต่างๆอย่างสมเหตุสมผล นอกจากนั้น เรา ก็หวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่เราได้นำ�เสนอในงานนี้ จะ ทำ�ให้ผู้บริโภคมั่นใจในนํ้ามันรำ�ข้าวคิง เช่นเดียวกับ ผู้รู้จริงของคิงทุกคน และจะร่วมเป็นอีกหนึ่ง “ผู้รู้ จริงในนํ้ามันรำ�ข้าวคิง” พร้อมแชร์เรื่องราวดีๆที่มี ประโยชน์ต่อสุขภาพเหล่านี้ไปสู่คนรอบข้าง” นาง บุษกร กล่าวทิ้งท้าย ต้ อ น รั บ อ ธิ บ ดี ก ร ม ก า ร ค้ า ภ า ย ใ น ; คณะกรรมการบริ ห าร ต ล า ด ต้ น ต า ล ร่ ว ม ต้อนรับ นางนันทวัลย์ ศกุลตนาด อธิบดีกรม การค้ า ภายใน และ สื่ อ มวลชน เยี่ ย มชม ตลาดต้นตาล ตลาดต้อง ชม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา เยี่ ย มชมศู น ย์ ก ระจาย สิ น ค้ า L o t u s ; Mr.Brian Davidson เอกอั ค รราชทู ต อั ง กฤษ ป ร ะ จำ � ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย พร้อมทีมงานจากสถานฑู ตอังกฤษ เข้าแลกเปลี่ยน การบริ ห ารงาน พร้ อ ม เยี่ ย มชมศู น ย์ ก ระจาย สินค้า Tesco Lotus โดย มี นายศตวรรษ นกจั่น ผู้ จัดการทั่วไป พร้อมคณะ ร่ ว มให้ ก ารต้ อ นรั บ ณ ศูนย์กระจายสินค้า Tesco Lotus ตำ�บลท่าพระ อำ�เภอ เมือง จังหวัดขอนแก่น เมือ่ วันที่ 20 มิถุนายน 2560
เลี้ ย งอาหารกลางวั น ชุ ม ชน ; มร.แสตน ลี่ ย์ ช า น ผู้ จั ด ก า ร ใหญ่ โ รงแรมพู ล แมน ขอนแก่ น ราชา ออ คิ ด นำ � ผู้ บ ริ ห ารและ พนักงานโรงแรม ร่วม เลี้ยงอาหารกลางวันแก่ ผู้ สู ง อายุ แ ละสมาชิ ก ที่ อ าศั ย อยู่ ใ นชุ ม ชน หลักเมือง เทศบาลขอนแก่น ตามนโยบายของบริษัทแอคคอร์โฮเทล ในการแบ่งปันและช่วยเหลือ ชุมชน
หน้า 10
อวานี เปิด BBQ Seafood Buffet
สุดพรีเมียม
นายสหพล ลัดดา ผู้จัดการโรงแรม อวานี โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า โรงแรม “อวา นี ขอนแก่น” เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ได้รับความมั่นใจในทีมบริหารงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง จนเป็นที่รู้จักและ ได้รับความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง และห้องจัด งานสัมมนา รวมถึงการจัดงาน “เวดดิ้งแฟร์” รูปลักษณ์ใหม่ที่ทุกคนให้ความสนใจ โดยร่วมกับพาร์ทเนอร์ใน เครือ และพันธมิตรที่พร้อมนำ�โปรโมชั่นพิเศษเพื่อตอบแทนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของโรงแรม นอกจากนี้ “โรงแรม อวานี” ยังเปิดให้บริการห้องอาหารหลากหลายสไตล์ ทั้งในรูปแบบ ไทย จีน อิตา เลีย่ น ครอบคลุมกลุม่ ลูกค้าทัง้ ชาวไทยและชาวต่างชาติ เพือ่ ตรงกับความต้องการของตลาด อาทิ ห้องอาหารจีน “Ju Fang” เป็นแหล่งนัดพบทีเ่ หมาะกับการพูดคุยและรับประทานอาหารกลางวันของเหล่าจอมยุทธ ห้องอาหาร Sui Sian ให้บริการอาหารสไตล์กวางตุ้ง เปิดให้บริการเวลา 10.30 -14.30 น. และ 18.00 – 22.30 น. ส่วนที่ชั้น G ห้อง “ลอนดอนอินน์ (London Inn)” เป็นผับที่รองรับลูกค้าสไตล์ยุโรป อเมริกัน และเริ่มปรับแต่งรูปแบบให้ มีสีสันมากขึ้น ให้บริการแบสบายๆ บรรยากาศการผ่อนคลาย เสริฟอาหารเบาๆ ประเภทค็อกเทล อาหารว่าง นายสหพล กล่าวและว่า
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560 สำ � หรั บ ห้ อ งอาหาร Wok&Grill เสริ ฟ เป็ น อาหารนานาชาติ ยุโรป เอเชีย อาหารอีสาน และมีโปโมชั่นพิเศษเฉพาะทุกคํ่าคืนวันศุกร์ ที่ Wok&Grill จัดเป็น “Ba Ba Q Buffet” อร่อยแบบเต็มอิ่มกับอลังการ บุฟเฟ่ต์ อาหารทะเลสดๆ เพื่อให้เป็นสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ ปาร์ตี้ พร้อมการรับ ประทานอาหารทะเลใหม่ สด ส่งตรงจากอ่าวไทย ตั้งแต่เวลา 18:00 - 22:00 น. ในราคา699++บาทต่อท่าน นอกจากนี้ ยังมี Breezes Pool Bar พูลบาร์ริม สระนํ้า ซึ่งลูกค้าสามารถนั่งแช่เท้าในนํ้า พร้อมจิบค็อกเทล และเครื่องดื่น เย็นๆ โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. นายยงยุทธ เพียรประสิทธิ์ เชฟประจำ�ห้องอาหาร Wok&Grill กล่าว เพิ่มเติมว่า ทุกคํ่าคืนวันศุกร์ เป็นวันพิเศษที่จะทีมเชฟผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน มาให้บริการปรุงอาหารทะเลแบบสดๆ ตามความต้องการของลูกค้า เป็นการ ปรุงรสชาติในแบบทีล่ กู ค้าแต่ละท่านต้องการ พร้อมเสิรฟ์ กันแบบสดๆ ทันที ลูกค้าจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารทะเลนานาชนิด ปรุงด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศจาก แหล่งวัตถุดิบคุณภาพที่ส่งตรงจากอ่าวไทย อาทิ กั้งกระดานตัวใหญ่ๆ หอย แมลงภู่ ปูม้า กุ้งแม่นํ้า ปลาหมึก ปลากะพงห่อใบตองย่าง จัดวางเรียงราย บนนํ้าแข็ง และยังมีหอยนางรมเนื้อแน่นๆ ตัวใหญ่ๆ ที่มีให้เลือกทั้งหอย นางรม และหอยแมลงภู่ นำ�เข้าจากประเทศเกาหลี และไทย รวมถึง กุ้งแช่ บ๊วย เสิร์ฟพร้อมนํ้าจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดสูตรเฉพาะในแบบฉบับอวานี นอกจากนี้ ยังมีเนือ้ โคขุนชัน้ ดีจากออสเตรเลีย หรือจะเป็นคอหมู และ อกไก่คุณภาพ พร้อมสลัด และเมนูแนะนำ�อีกมากมายให้เลือกอย่างจุใจ ทุก เมนูปรุงในสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์จากเชฟประจำ�ซึ่งมีเคล็ดลับความอร่อย ที่แตกต่าง และตบท้ายด้วยของหวานแสนอร่อย อาทิ ไอศครีมโฮมเมดหลาก รส, สาคูแคนตาลูป, ทาร์ทแอปเปิ้ล, เบเกอรี่ และผลไม้ตามฤดูกาล พร้อมเพลิดเพลินไปกับวงดนตรีสด Open kitchen ที่ช่วยขับ กล่อมให้เป็นวันพิเศษสำ�หรับทุกท่าน เริ่มตั้งแต่เวลา 18:00 - 22:00 น. @ ห้องอาหาร Wok&Grill โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮ เทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ สอบถามเพิ่มเติมหรือสำ�รองล่วงหน้า โทร.043 209 888 หรือ Facebook @Avanikhonkaen
หน้า 11
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560 สังฆภัณฑ์สะดุด
• ต่อจากหน้า 1 นายสพลกฤษณ์ สุวรรณลักษณ์ เจ้าของร้านธรรม จะทำ�ให้ตัวเลขเฉลี่ย GDP โลกปรับตัวสูงขึ้นด้วย
เมือ่ ถึงวันเข้าพรรษามีลกู ค้าทีเ่ ป็นชาวพุทธ มาเลื อ กซื้ อ เครื่ อ งสั ง ฆภั ณ ฑ์ เ พื่ อ ทำ � บุ ญ เนื่ อ งใน วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา มีจำ�นวนน้อย กว่าทุกปีที่ผ่านมา ดูได้จากการเลือกซื้อเครื่องสังฆ ภัณฑ์ ทั้งต้นเทียนพรรษา หลอดไฟ ผ้าอาบนํ้าฝน ธูป เทียน และเครื่องสังฆทานก็มีการลดจำ�นวน การซือ้ ลงอย่างเห็นได้ชดั ทำ�ให้แต่ละร้านต้องปรับ กลยุทธ์เพื่อกระตุ้นยอดขาย คุณขจีพักตร์ เจริญรัตนสุข เจ้าของร้าน เมืองเก่าสังฆภัณฑ์ ถนนหลังเมือง และบ้านดอน สังฆภัณฑ์ ถนนกสิกรทุง่ สร้าง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เปิ ด เผยว่ า ในช่ ว งเข้ า พรรษา ออกพรรษ และ เทศกาลงานบุญต่างๆ ยอดจำ�หน่ายสังฆภัณฑ์ ลด ลงอย่างต่อเนือ่ งมาตัง้ แต่ปี 2554 มาปี 2560 ยอมรับ ว่าทรุดหนักมากที่สุด หากเทียบยอดจำ�หน่ายใน ช่วงเข้าพรรษากับหลายปีที่ผ่านมา ปีนี้ยอดลดลง ถึง 80% เป็นปีที่เงียบมาก ประชาชนลดกำ�ลังซื้อ ลงไป รวมถึงหน่วยงานที่เคยสั่งเทียนเข้าพรรษา ผ้าอาบนํ้าฝน หรือเครื่องสังฆทาน เครื่องไทยทาน เพื่อทำ�กิจกรรมในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ก็หายไป เกือบหมด จากหลายปี ที่ ผ่ า นมา ลู ก ค้ า มั ก เลื อ กซื้ อ เทียนพรรษาขนาดใหญ่ราคา 800 – 1,500 บาท และมีการลดกำ�ลังซื้อ และลดขนาดลงมาเรื่อยๆ ปี นี้ เทียนพรรษาขนาดใหญ่ไม่ได้รับความสนใจเลย ที่พอจำ�หน่ายได้บ้างเป็นเทียนพรรษาขนาดเล็กสุด และเลือกที่ราคาไม่เกิน 150 – 200 บาท ผ้าอาบนํ้า ฝนจากเดิมทีเ่ คยเตรียมสต็อกสินค้าเพือ่ จำ�หน่ายไม่ ตํ่ากว่า 1,500 ผืน ปีนี้จำ�หน่ายไม่ถึง 200 ผืน ส่วน สังฆทานจากทีเ่ คยจำ�หน่ายชุดใหญ่ ราคา400 – 500 บาท ปีนลี้ กู ค้าส่วนใหญ่เลือกซือ้ ชุดเล็กสุด ราคาถูก ที่สุด โดยในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ซึ่ง ประชาชนส่วนใหญ่เข้าวัดทำ�บุญ ถวายสังฆทาน และเทียนพรรษา แต่ที่ร้านมียอดจำ�หน่ายเครื่อง สังฆทานไม่ถึง 300 ชุด นับเป็นปีที่เงียบเหงามาก ที่สุด คุณขจีพักตร์ กล่าวต่อว่า มองว่าสาเหตุ สำ � คั ญ มาจากภาวะเศรษฐกิ จ ที่ ช ะลอตั ว ทำ � ให้ ประชาชนทำ�บุญน้อยลง และลดปริมาณการซื้อ เครื่องสังฆทานและเทียนพรรษาลงจากเดิม โดย มีหลายปัจจัย อาทิ หมดความเลื่อมใสพระสงฆ์ที่ มักมีข่าวในทางลบออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง รวมถึง ร้านจำ�หน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์เปิดใหม่ทำ�ให้มีการ แชร์ตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ ภายในวัดหลายแห่ง ยังมีเครื่องสังฆทานเพื่อให้บริการประชาชนได้ใช้ หมุนเวียนโดยการทำ�บุญตามกำ�ลังศรัทธา ล้วน เป็นทางเลือกที่อำ�นวยความสะดวกให้ประชาชน มากขึ้น ส่งผลกระทบกับยอดจำ�หน่ายเครื่องสังฆ ภัณฑ์ทั่วไป “นอกจากการถวายเที ย นพรรษาแล้ ว หลอดไฟที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมซื้อถวายวัดใน ช่วงเทศกาลเข้าพรรษา จากหลายปีที่ผ่านมา ช่วง เทศกาลเข้าพรรษามียอดจำ�หน่ายหลอดไฟฟ้าราว 400 -500 หลอด แต่ปีนี้ มียอดจำ�หน่ายหลอดไฟฟ้า น้อยมาก จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมการบริโภคของ ประชาชนเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยซื้อสินค้าดี ราคา แพง เพือ่ ถวายพระในช่วงเทศกาลสำ�คัญ แต่ปจั จุบนั ประชาชนส่วนใหญ่เลือกซื้อสินค้าที่ราคาถูก หรือ นิยมถวายปัจจัยแทนการซื้อเครื่องสังฆทานและ เทียนพรรษา เป็นการปรับเปลีย่ นรูปแบบการเข้าวัด แบบเดิมๆ ที่เน้นการใช้เงินมากกว่า” คุณขจีพักตร์ กล่าว บรรยากาศการเลือกซือ้ เครือ่ งสังฆภัณฑ์ ใน ช่วงเทศกาลงานวันเข้าพรรษา บริเวณร้านจำ�หน่าย เครื่องสังฆภัณฑ์ริมถนนภายในเขตเทศบาลเมือง หนองคาย เป็นย่านการค้าขายเครือ่ งสังฆภัณฑ์และ อุปกรณ์สำ�หรับการทำ�บุญขนาดใหญ่ของจังหวัด หนองคาย ซึ่งพบว่ามีประชาชนมาเลือกซื้อสินค้า กันอย่างบางตา โดยเฉพาะเทียนพรรษา ธูป เทียน ผ้าอา บนํ้าฝน ร่ม รวมไปถึงชุดสังฆทานต่างๆ ซึ่งร้านค้า ส่วนใหญ่ตา่ งตกแต่งหน้าร้านเพือ่ ดึงดูดความสนใจ ให้กับลูกค้าได้มาเลือกซื้อสินค้า โดยมีการนำ�เทียน พรรษาในขนาดต่างๆ รวมไปถึงหลอดไฟและผ้า อาบนํ้าฝนมาวางจำ�หน่ายให้กับลูกค้าได้เลือกซื้อ ได้โดยสะดวก
โชคสังฆภัณฑ์ กล่าวว่า ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาต่อ เนือ่ งถึงขณะนี้ มีลกู ค้ามาเลือกซือ้ เครือ่ งสังฆภัณฑ์ เพื่อทำ�บุญเนื่องในวันพระใหญ่ เทศกาลวันเข้า พรรษา ในจำ�นวนที่น้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา สาเหตุน่าจะมาจากเศรษฐกิจยังไม่ ดี หรืออาจจะต้องรอดูว่าพรุ่งนี้จะมีลูกค้ามาซื้อ มากน้อยเพียงไหนเพราะตรงกับวันอาสาฬหบูชา อีกส่วนหนึง่ ทีท่ �ำ ให้ลกู ค้าน้อยเพราะมีรา้ นจำ�หน่าย เครือ่ งสังฆภัณฑ์เกิดขึน้ ใหม่ๆ ทำ�ให้ลกู ค้ามีสทิ ธิท์ ี่ จะเลือกใช้บริการได้ ภาพรวมการซื้อสินค้าถวายวัดในวันพระ ใหญ่ปีนี้ จะสังเกตได้ว่ายังนิ่งๆ และยังเห็นการ เสนอข่าวการจัดกิจกรรมแห่เทียนพรรษาจากสื่อ ต่างๆน้อยมาก ซึ่งถือว่าแตกต่างไปจากทุกๆ ปีที่ ผ่านมา เราจะเห็นหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ออก มาทำ�กิจกรรมดังกล่าวกันอย่างคึกคักที่ในสื่อทีวี หนังสื่อพิมพ์ และโดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ส่วน ประชาชนเองก็เริ่มมีความเชื่อที่บิดเบี้ยว หันไปหา ทีพ่ งึ่ ทางใจทีใ่ ห้โชคลาภ และในขณะเดียวกันเทียน พรรษาเริ่มไม่ได้รับความนิยม ประชาชนหันไปซื้อ หลอดไฟถวายวัดแทน อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนยี้ อด ขายจะลดลงกว่าทุกปี จากการสังเกตบรรยากาศภายในวัดต่างๆ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พบว่ามีประชาชน หลายคนนำ�สิ่งของเครื่องใช้สำ�หรับพระสงฆ์ที่ซื้อ มาจากร้านค้า หรือห้างสะดวกซื้อ เพื่อนำ�ไปถวาย พระสงฆ์ ในวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา แทนเครื่องสังฆภัณฑ์สำ�เร็จรูปที่วางขายตามร้าน จำ�หน่ายสังฆภัณฑ์ทั่วไป นางนิศาชล สองสีดา อายุ 48 ปี เปิดเผยว่า ปกติจะซือ้ เครือ่ งสังฆภัณฑ์ส�ำ เร็จรูปทีว่ างขายตาม ร้านจำ�หน่ายสังฆภัณฑ์ทวั่ ไป เพราะสะดวก ง่าย ไม่ ต้องเสียเวลาในการเลือกซือ้ แต่ตอนหลังพบว่าบาง ร้านมีการนำ�สินค้าที่หมดอายุและด้อยคุณภาพ มา บรรจุใส่ถังแล้ววางจำ�หน่ายให้กับลูกค้า เช่น นํ้า ส้มหมดอายุไปแล้ว แต่ยงั นำ�มาจำ�หน่าย ชาฝรัง่ โชว์ เป็นกล่องแต่ข้างในมีแค่ซองเดียว (ข้างกล่องเขียน บรรจุ10ซอง) ผงซักฟอกก็เป็นยี่ห้อที่เลิกผลิตไป แล้ว ข้าวสารก็นิดเดียวที่สำ�คัญ ใส่สบู่ลงไปด้วยก็ เลยเหม็นสบู่กันไปหมด แล้วจะเอาไปกินไปใช้ได้ อย่างไร “ยอมเสียเวลาเลือกซื้อของใช้ต่างๆ เพราะ จะได้ของที่มีคุณภาพมากกว่า และของบางอย่างที่ ร้านสังฆภัณฑ์จัดไว้ ก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อการนำ� ไปใช้สักเท่าไหร่ อย่างถังที่ใส่สังฆทาน ที่วัดมีอยู่ เกลือ่ นกลาดใช้ไม่หมด บางวัดถึงขัน้ นำ�ออกมาขาย นำ�เงินถวายวัดเลยก็มี บางครั้งถ้าซื้อมาจัดเอง มือ เติบ งบบานปลาย ก็ตัดสินใจเปลี่ยนเอาเงินทำ�บุญ ให้วดั ไปเลยดีกว่า เพราะสิง่ ของทีท่ า่ นได้ไปก็ไปตัง้ กองๆ รวมกันไว้ไม่ได้แกะออกมาใช้ประโยชน์นะ เท่าที่เห็น”
ธุรกิจ SME
• ต่อจากหน้า 1
จากหลายปีที่ผ่าน กระแสเศรษฐกิจโลกที่ ปักหัวดิง่ ลงยาวนาน ส่งผลให้เศรษฐกิจทุกประเทศ ทั่วโลกชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน เศรษฐกิจ โลกส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้น พร้อมกำ�ลังการขยาย ตัวดีขนึ้ เล็กน้อยเมือ่ เทียบกับหลายปีทผี่ า่ นมา ขณะ ที่พฤติกรรมของผู้บริโภคได้มีการปรับเปลี่ยนรูป แบบ โดยหันไปใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากขึ้น ดังนั้น หากไม่มีการปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจยุคใหม่ ผู้ ประกอบการอาจต้องปิดตัวเองไปในที่สุด นายวันชัย กาญจนศิริ ผูอ้ �ำ นวยการธนาคาร ธนชาต สาขาขอนแก่น เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลก ที่ ช ะลอตั ว ได้ ส่ ง ผลกระทบต่ อ ระบบเศรษฐกิ จ ในทุกประเทศทั่วโลก และจากสถิติสถาบันการ เงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ประมาณหนี้ โลกปรับขึ้น 5% หรือประมาณ 327% ของ GDP ในประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศยุโรป จีน และอเมริกา ซึ่งใช้เงินกู้สูงมาก ทำ�ให้สภาวะ ของหนี้มีก ารปรับตัว สูงขึ้นเป็น 217 ล้า นล้า น ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7,500 ล้านล้าน บาท และในปี 2560 นี้ มองว่าอัตราการเติบโตทาง เศรษฐกิจจะอยู่ที่ 3.3 - 3.6% เศรษฐกิจในประเทศ สหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจในประเทศที่กำ�ลัง พัฒนา น่าจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น เป็นปัจจัยที่
คาดว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราการขยายตัว อยู่ที่ระดับ 1.8-2% ส่วนประเทศกำ�ลังพัฒนาและ ประเทศตลาดเกิดใหม่ มีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 4.6-5% กระแสโลกาภิวัฒน์จากการเปิดตลาดการ ค้าเสรีจะให้นํ้าหนักกับการทำ�ข้อตกลงทางการค้า และหุน้ ส่วนทางเศรษฐกิจแบบทวิภาคีมากขึน้ กว่า ระบบพหุภาคี สถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทย ถึง แม้จะมีผลกระทบต่อการส่งออกที่ลดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าจะสามารถผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไป ได้ โดยเฉพาะภาวะหนี้ภาคครัวเรือนที่มีอัตราการ ลดลงและกลับเข้าสู่ระดับแนวโน้มปกติหลังการ ปลดล็อกรถคันแรก โดยมีปจั จัยพืน้ ฐานสนับสนุน หลายอย่าง อาทิ การครบสัญญาถือครองรถคันแรก สามารถขายรถออกไป และซื้อรถใหม่ทดแทนได้ ทำ�ให้เศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ กลางปี 2560 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีปริมาณผู้ บริโภคที่ใช้รถยนต์มานานกว่า 10 ปี และต้องการ เปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ เพราะไม่คุ้มเมื่อต้องจ่ายค่า ซ่อมบำ�รุงรักษารถเก่า อีกทั้งปัจจุบัน ค่ายรถยนต์ ทุกแบรนด์ตา่ งนำ�เสนอเทคโนโลยีทมี่ ปี ระสิทธิภาพ มากขึ้น มีระบบความปลอดภัยสูง ประหยัดเชื้อ เพลิงและเป็นมิตรต่อสิง่ แวดล้อม อีกทัง้ เทคโนโลยี ดิจิทัลที่นำ�เข้ามาผสมผสานในการควบคุมระบบ อำ�นวยความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ ล้วนเป็นแรง กระตุน้ ให้ผบู้ ริโภคตัดสินใจซือ้ รถยนต์คนั ใหม่งา่ ย ขึน้ เชือ่ ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะส่งผลตอบรับทีด่ ี ในไตรมาสกลางปีนอี้ ย่างแน่นอน นายวันชัย กล่าว และว่า ปี 2560 กลุ่มประเทศอาเซียนมีอัตราการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลีย่ ที่ 5-6% โดยเฉพาะกลุม่ ประเทศอินโดจีน ประเทศในแถบชายแดนไทย ซึ่ง มีอตั ราการเติบโตสูงขึน้ อย่างต่อเนือ่ ง ส่งผลบวกต่อ การค้าชายแดนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียง เหนือของไทย เป็นปีทเี่ ศรษฐกิจภายในประเทศไทย ขยายตัวดีที่สุดในรอบสี่ปีที่ผ่านมา คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวม จะอยู่ที่ 3 – 4 % ภาคการลงทุนเอกชนและภาคการ ท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำ�คัญ การลงทุนมี อัตราการเติบโตราว 5% การลงทุนภาคเอกชนขยาย ตัวเพิ่มขึ้นอย่างตํ่า 3% การส่งออกเริ่มฟื้นตัวทำ�ให้ กำ�ลังการผลิตเพิ่มขึ้น การลงทุนก่อสร้างของภาค เอกชนมีความสัมพันธ์ตามการลงทุนโครงสร้าง พืน้ ฐานด้านคมนาคมขนส่ง และต่อยอดให้เกิดการ ลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึน้ ภาคการบริโภคฟืน้ ตัวไม่ มากนัก สาเหตุจากระดับรายได้ของประชาชนโดย ทั่วไปไม่เพิ่มขึ้นจากเดิม นายวันชัย กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยกำ�ลัง ปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 คนไทยต้อง สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ สร้างเครือข่าย สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และนำ�ไปสูก่ ารผลิต เป็นการ ทำ � งานน้ อ ยลงแต่ ไ ด้ ผ ลผลิ ต มากขึ้ น ระบบการ ทำ�งานที่ใช้กำ�ลังคนจะลดปริมาณลง โดยการนำ� เทคโนโลยีมาทดแทนในการทำ�งาน ตำ�แหน่งงาน ในอุตสาหกรรมหรือกิจการที่มีภาวะฟองสบู่ อาทิ สือ่ สารมวลชนโดยเฉพาะทีวดี จิ ติ อล ธุรกิจโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจการอุดมศึกษา กิจการธนาคาร หรือธุรกิจการเงินแบบเดิม จะหมดไป ทุกอย่างมี การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่ว่าจะเร็วหรือช้า ไม่ ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ หรือธุรกิจ SMEs ขนาด เล็ก หากยึดติดรูปแบบการบริหารงานแบบเดิมๆ ก็ ไม่ตา่ งกับการเดินถอยหลังลงคลอง ธุรกิจไม่มคี วาม มัน่ คงถ้าไม่รจู้ กั การเปลีย่ นแปลง ปัจจุบนั จะเห็นได้ ว่าพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มลูกค้าเปลี่ยนไป มาก จากเดิมทีร่ า้ นค้าต้องสต็อกสินค้าไว้ และทยอย จำ�หน่ายออกไปไม่มอี ะไรพิเศษ สินค้าเป็นแพ็คเก็จ เดิมๆ ไม่มีการปรับลูกเล่นให้ดูโดดเด่นมากนัก แต่ ปัจจุบัน ลูกค้าจะนำ�มาปรับแต่งและใส่ไอเดียของ ตัวเองลงไป สร้างเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ออกมา โดยทีส่ นิ ค้านัน้ อาจจะไม่ได้ตา่ งจากเดิมเลย แต่มรี ปู ลักษณ์ทแี่ ปลกตาและตรงใจผูบ้ ริโภคทีน่ ยิ ม ใช้ของแปลกใหม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะไม่มตี น้ ทุน ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่สามารถเข้าถึง กลุ่มเป้าหมายที่ได้ครอบคลุมมากกว่ารูปแบบการ ประชาสัมพันธ์แบบเดิมๆ
ทำ�ธุรกิจต้องพัฒนาตัวเองอยูเ่ สมอ ปัจจุบนั ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านสื่อออนไลน์มากกว่า การเดินช็อปในแหล่งรวมสรรพสินค้าต่างๆ ที่มัก เจอปัญหาไม่สะดวกในการเดินทาง ปัญหาที่จอด รถ หรือสภาพอากาศทีไ่ ม่เป็นใจ การเลือกซือ้ สินค้า ผ่านสื่อออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่สะดวกสบาย อีกทั้งชำ�ระเงินได้หลายช่องทางโดยไม่เสียเวลาใน การเดินทาง ทำ�ให้เกิดสินค้าแบรนด์ใหม่ที่ปรับ แต่งรูปแบบให้ดึงดูดโดนใจ และหลากหลาย รวม ถึงอาหาร ร้านค้า สถานที่ตั้ง ที่ผู้ประกอบการรุ่น ใหม่ใช้การประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ได้ถึงแหล่งที่ตั้ง เส้นทางการเดินทาง โลเกชั่น โดยอัฟรูปภาพรวม ถึงแผนที่การเดินทางแบบครบวงจรบนออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เว็บไซต์ ยูทูบ ซึง่ ไม่ตอ้ งลงทุนในการประชาสัมพันธ์ แต่สามารถ เข้าถึงได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย และยังได้รับความนิยม อย่างรวดเร็ว นับเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การซื้อ-ขายที่แตกต่างจากรูปแบบเดิมๆ อย่างสิ้น เชิง ดังนั้น หากผู้ประกอบการที่ยังไม่เรียนรู้และ พัฒนาธุรกิจให้ทันโลกโซเชีย ลในยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่มีจำ�นวนร้านค้าออนไลน์เกิดใหม่แทบทุกวัน และเริม่ เข้าสูก่ ารแข่งขันสูงขึน้ อาจก้าวตามกระแส ธุรกิจยุคใหม่บนโลกออนไลน์ไม่ทัน
คนขายแรง
• ต่อจากหน้า 1
นายวิสตู ร จ้อนเมือง จัดหางาน จ.หนองคาย เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ได้ประกาศรับสมัคร และคัดเลือกคนหางานเพือ่ ไปทำ�งานในภาคเกษตร ในประเทศอิสราเอลภายใต้โครงการ “ความร่วมมือ ไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน ครั้งที่ 12” แบบ รัฐจัดส่ง โดยเปิดรับสมัครคนหางานเพศชายอายุ ระหว่าง 23-39 ปี ระหว่างวันที่ 3-7 ก.ค.60 นี้ เป็นโอกาสอันดีที่แรงงานหนองคายจะได้ มีโอกาสไปทำ�งานที่ประเทศดังกล่าว เนื่องจากคน หนองคายมีความสามารถด้านเกษตรกรรมอยู่แล้ว ระยะเวลาการจ้างงาน 2 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี 3 เดือน ได้รับเงินเดือนขั้นตํ่าก่อนหักภาษีเดือนละ 5,000 เชคเกลอิสราเอล หรือประมาณ 47,989 บาท (ขึน้ อยู่ กับอัตราแลกเปลีย่ นในขณะนัน้ ) และขอยาํ้ เตือนว่า เป็นการจัดส่งโดยรัฐ อย่าหลงเชื่อผู้ไม่หวังดีหลอก เรียกรับเงินโดยอ้างว่าสามารถช่วยให้ไปทำ�งานได้ หากมีข้อสงสัยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำ�นักงานบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ โทร. 0-2245-0978 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 นายวิสูตร กล่าวต่อว่า สำ�หรับค่าใช้จ่ายใน การเดินทางไปทำ�งานประเทศอิสราเอล เป็นเงิน ประมาณ 79,328 บาท เช่น ค่าธรรมเนียมการขอรับ หนังสือเดินทาง ค่าตรวจสุขภาพ ค่าบัตรโดยสาร เครื่องบิน ค่าสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหา งานไปทำ�งานในต่างประเทศ เป็นต้น ทัง้ นี้ ทางการ อิสราเอลแจ้งความต้องการจ้างงานแรงงานไทยไป ทำ�งานในภาคเกษตรประมาณ 4,963 อัตรา ซึ่งการ คัดเลือกจะดำ�เนินการด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และเสมอภาค ดังนั้น หากมีผู้แอบอ้างว่าสามารถ ช่วยเหลือให้ได้รับการคัดเลือกเพื่อไปทำ�งานภาค เกษตรในประเทศอิสราเอลได้ นายประสิทธิ์ มหาฤทธิ์ ชาว ต.เหล่าต่างคำ� อ.โพนพิสยั จ.หนองคาย กล่าวว่า ตนเคยไปทำ�งาน ที่ประเทศเกาหลีใต้มาแล้ว 5 ปี ได้เงินเก็บจำ�นวน หนึ่งมาใช้หนี้และดูแลครอบครัว จึงอยากเดินทาง ไปทำ�งานที่ต่างประเทศอีกครั้ง เพราะเห็นว่าราย ได้ดี อีกทั้งรัฐเป็นคนจัดส่ง ถือว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่า การเดินทางไปทำ�งานแบบบริษัทจัดหางานเอกชน จัดส่ง ตนก็หวังว่าประสบการณ์จากการทำ�งานที่ เกาหลีใต้ น่าจะเป็นใบยืนยันที่จะถูกคัดเลือกให้ไป ทำ�งานที่ประเทศอิสราเอลในครั้งนี้ น.ส.จิรัชยา บุญศรี ชาว ต.ปะโค อ.เมือง หนองคาย กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาให้กำ�ลังใจ แฟนเพื่อสมัครไปทำ�งานที่ประเทศอิสราเอล ปกติ แล้วก็ทำ�ธุรกิจส่วนตัวแต่ถือว่ารายได้ยังไม่ลงตัว จึงอยากให้แฟนเดินทางไปทำ�งานในครั้งนี้ ถ้าได้ ไปทำ�จริงก็จะดีมาก เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่าสมัคร ไปทำ�งานกับบริษัทเอกชน และกลัวถูกหลอก ถึง แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่คิดว่าชีวิตน่าจะดีขึ้น ด้านนายณัฐวุฒิ ภูมิพัฒน์ ชาว อ.พังโคน จ.สกลนคร ที่เดินทางมาสมัครงานในครั้งนี้ กล่าว
ว่า เดิมตนมีอาชีพทำ�งานบริษทั ซึง่ ก็มรี ายได้ระดับ หนึ่ง เมื่อตนเข้าไปที่เว็บไซด์ของกรมการจัดหา งาน พบว่ า มี ก ารรั บ สมั ค รไปทำ � งานที่ ป ระเทศ อิสราเอล โดยรัฐบาลเป็นคนจัดส่ง ตนเห็นว่าน่า สนใจ เพราะถ้าได้ไปทำ�งานจริงตามที่ได้สมัครไว้ ก็จะไม่ถูกหลอกและจะมีรายได้ที่แน่นอน หวังนำ� เงินทีไ่ ด้กลับมาพัฒนาคุณภาพชีวติ ของตนเองและ ครอบครัวต่อไป ถึงแม้คนสมัครงานในครั้งนี้จะมี จำ�นวนมาก แต่ตนก็หวังลึกๆ ว่า อยากจะมีโอกาส เดินทางไปทำ�งานที่ต่างประเทศสักครั้ง
สองแผ่นดินไทยลาว • ต่อจากหน้า 1 นายเสกสรร ศรีไพรวรรณ ผู้อำ�นวยการ ททท.สำ�นักงานอุดรธานี เปิดเผยถึงแผนการตลาด การท่องเที่ยวในปี 2561 ของพื้นที่จังหวัดรับผิด ชอบของ ททท.สำ�นักงานอุดรธานีว่า มีโครงการ พัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงไทย-ลาว ไป สู่กลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มนํ้าโขง หรือ GMSมีชื่อ โครงการว่า”เทีย่ วรถไฟไทย-ลาว ศรัทธา 2 แผ่นดิน” ซึ่งเป็นแผนการตลาดการท่องเที่ยวทั้งในท้องถิ่น ถึงระดับประเทศและสามารถเชื่อมโยงไปถึงใน ระดับประเทศและกลุ่มอนุภาคกลุ่มประเทศอนุ ภาคลุ่มนํ้าโข โดยใช้สิ่งอำ�นวยความสะดวกที่มี อยู่แล้ว คือ รถไฟขบวนพิเศษไทย-ลาว ที่จังหวัด หนองคาย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งแรก ที่ก่อสร้างข้ามแม่นํ้าโขงระหว่างประเทศไทยที่ จังหวัดหนองคาย ไปยังเวียงจันทน์ ส่วนรถไฟไป สิน้ สุดทีเ่ มืองท่านาแล้ง แขวงนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นหน้าประวัติศาสตร์ของการเดินทางทาง บกและยั ง เป็ น การสร้ า งเครื อ ข่ า ยการท่ อ งเที่ ย ว ของประเทศไทยและประเทศ สปป.ลาว และกลุ่ม ประเทศอนุภาคลุ่มแม่นํ้าโขง หรือ GMS โครงการแผนงาน”เที่ยวรถไฟศรัทธา 2 แผ่นดิน” เป็นการทำ�แผนการโครงการที่มาจาก การนำ�เอาสิ่งอำ�นวยความสะดวกด้านการเดินทาง คือ ตัวขบวนรถไฟท้องถิน่ คือ รถไฟจาก หนองคายท่ า นาแล้ ง ที่ วิ่ ง เป็ น ประจำ � ทุ ก วั น ๆละ 2 เที่ ย ว บวกกับประเพณีวัฒนธรรมที่ทั้งสองฝ่ายมีความ คล้ายที่เหมือนกัน ภาษาสื่อสาร วิถีชีวิตประจำ�วัน ศาสนาประจำ� มาผนวกกันเรื่องราวประวัติความ เป็นมาของสะพานข้ามแม่นํ้าโขงแห่งแรกระหว่าง ประเทศไทย-ประเทศ สปป.ลาว และกลุ่มประเทศ อนุภาคลุม่ นาํ้ โขง หรือ GMS คือประเทศไทย สปป. ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่าหรือ เมียนมาร์ จีน (ยูน นาน) โดยเฉพาะตัวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ข้ามแม่นํ้าโขงหนองคาย-เวียงจันทน์นั้น นอกจาก ความสำ�คัญในตัวสะพานฯแห่งนั้นแล้ว ยังเป็น สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ทีม่ พี ธิ เี ปิดการใช้งานโดย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลย เดช รัชกาลที่ 9 แห่งราชอาณาจักรไทย กับ ฯพณฯ นายหนู ฮั ก พู น สวรรค์ อดี ต ประธานประเทศ สปป.ลาว และยังมีเรื่องราวความเป็นมาที่สามารถ นำ�เอาเล่าสู่กันฟังได้ในขณะที่โดยสารจากสถานี หนองคาย ไปยังสถานีท่านาแล้ง เวียงจันทน์ได้ นายเสกสรรฯ กล่าวถึงโปรแกรมการท่อง เที่ยว”เที่ยวรถไฟศรัทธา 2 แผ่นดิน”นั้น สามารถ จัดโปรแกรมได้ 2 รูปแบบคือ โปรแกรมเที่ยว 1 วัน หรือ 2 วัน 1 คืน โดยมีรายละเอียด เช่น โปรแกรม 1 วัน คือขึ้นรถไฟที่สถานีหนองคาย เวลา 07.20 น. เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปถึง สถานีรถไฟท่านาแล้ง แล้วเดินทางท่องเที่ยวใน นครหลวงเวียงจันทน์ เช่น ประตูชัย เวียงจันทน์ ที่ มีศลิ ปะผสมลาว-ฝรัง่ เศส ซึง่ มีประวัตคิ วามเป็นมา ทีน่ า่ สนใจ ลานพระธาตุหลวง ทำ�บุญไหว้พระทีว่ ดั พระธาตุหลวง สักการะเจดีย์พระธาตุหลวง พระ อนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐา พระเจ้าแผ่นดินที่ ทรงก่อสร้างนครหลวงเวียงจันทน์ เดินทางไปชม ความสวยงาม ทำ�บุญไหว้พระที่วัดพระแก้ว- วัด ศรีษะเกษ (วัดสีสะเกษ) ชมหอคำ�ทำ�เนียบประธาน ประเทศ เดินชมตลาดจีน ซึง่ เป็นศูนย์การค้าของจีน ขนาดใหญ่ เสร็จแล้วเดินทางกลับโดยรถไฟขบวน เดิม อี ก โปรแกรมหนึ่ ง ได้ แ ก่ เ ดิ น ทางท่ อ ง เที่ ย วในพื้ น ที่ จั ง หวั ด หนองคาย เช่ น อ.ท่ า บ่ อ ศรี เ ชี ย งใหม่ เนื่ อ งจากว่ า ในพื้ น ที่ ทั้ ง 2 อำ � เภอ ดังกล่าวนั้น เคยเป็นเมืองเก่าแก่ คือ เมืองปะโค
เมืองศรีเชียงใหม่ และมีการเกี่ยวโยงถึงอุทยาน ประวั ติ ศ าสตร์ ภู พ ระบาท และตำ � นานหอหาง อุษา- ท้าวบารส และแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เช่น วัดหลวงพ่อพระใส ปางแก้วกู่ โปรแกรม 2 วัน 1 คืน เริ่มโปรแกรมที่ จังหวัดอุดรธานีที่ วังนาคินคำ�ชะโนดหรือ ทะเล บั ว แดง-บั ว หลวง หรื อ ดู น ก วิ ถี ชี วิ ต เลี้ ย งควาย นํ้า ที่แหล่งชุ่มนํ้าหนองหาน ที่ได้รับการยกย่อง จาก CNN ว่าเป็นทะเลสาบที่แปลกประหลาด 1 ใน 15 แห่งของโลก เดินทางทำ�บุญไหว้พระวัด เกจิอาจารย์ เช่น วัดดอนแก้ว ดอนคง ในทะเลสาบ หนองหาน วัดป่าบ้านตาด วัดป่าภูกอ้ น วัดป่านาคำ� น้อย วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง หรือ อุทยาน ประวัติศาสตร์ภูพระบาท พักค้างคืนที่อุดรธานี เช้ า วั น ที่ 2 เดิ น ทางไปขึ้ น รถไฟขบวน พิเศษ ไทย-ลาว ที่จังหวัดหนองคาย เที่ยวชมตาม โปรแกรม เสร็จแล้วเดินทางกลับจังหวัดอุดรธานี นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางกลับ หรืออยู่ พักค้างคืนที่อุดรธานี แล้วเดินทางท่องเที่ยวใน โปรแกรมต่างๆ ที่วางเอาไว้ต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้ นายเสกสรรฯ กล่าวว่า จะ ต้ อ งทำ � รายละเอี ย ดของโปรแกรมพร้ อ มค่ า ยใช้ จ่ายรายหัวเพื่อเสนอ ททท. และจะได้กำ�หนดให้ กับเอเย่นต์ทัวร์ในท้องถิ่น พร้อมกับจะได้มีการ ประสานงานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเนื่องจากว่าการเดินทางผ่าน เข้าออกประเทศ จะต้องเป็นไปตามระเบียบของทัง้ 2 ประเทศ นายเสกสรรฯ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนงาน โครงการดั ง กล่ า วอี ก ว่ า ถื อ ว่ า เป็ น การส่ ง เสริ ม พัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ และสามารถเชื่อม โยงระหว่างประเทศอย่างแท้จริง และเป็นสร้าง ประโยชน์ให้กับพื้นที่หลายด้าน ทั้งเรื่องของราย ได้ การขายสินค้าของท้องถิ่น
ประเมิน3ปี
• ต่อจากหน้า 1
นายวิฑรู ย์ กมลนฤเมธ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากที่ รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะ คสช. ผ่านมาแล้ว 3 ปี เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา มีทั้งผล งานทีถ่ กู ใจบ้าง ไม่ถกู ใจบ้าง เป็นเรือ่ งปกติธรรมดา ปัญหาต่างๆ สะสมมาเป็นเวลาช้านาน ย่อมต้องใช้ เวลาพอสมควร และเชื่อว่าไม่มีใครสามารถทำ�งาน ให้เป็นที่ถูกใจของคนทั้งหมดทั้งมวลได้ แต่ถา้ จะมองภาพรวมจากการทำ�งานทีผ่ า่ น มา ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ความจริงใจในการ แก้ไขปัญหาของประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งมีความ ตั้งใจในการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจ และไว้ใจได้ นับเป็นผูน้ �ำ ทีด่ มี ากคนหนึง่ อีก ทัง้ ยังเป็นรัฐบาลเดียวทีก่ ล้าเข้ามาปราบปรามทุจริต คอรัปชัน่ อย่างจริงจัง ซึง่ แน่นอนว่า การปราบปราม ทุจริตฯ นั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาในระยะเวลาอัน รวดเร็วได้ จำ�เป็นต้องมีการติดตามแก้ปัญหาอย่าง ต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อให้เกิดเป็ นรู ป ธรรมใน อนาคต ผลงานที่ประชาชนจะเห็นได้อย่างชัดเจน นอกจากการแก้ปัญหาความขัดแย้ง การแบ่งพรรค แบ่งพวกของประชาชนแล้ว ยังเป็นรัฐบาลเดียว ที่สามารถควบคุมราคาฉลากกิน แบ่ งรั ฐ บาลให้ ขายได้ในราคาที่กำ�หนด 80 บาท ทั่วประเทศ รวม ถึงการแก้ปัญหาแรงงาน ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่ง ประเทศไทยถูกจับตามองจากหลายประเทศทัว่ โลก เมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้ปราบปรามอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ทำ�ให้หลายประเทศทั่วโลกมีความ มั่นใจในการแก้ปัญหาของรัฐบาลไทย และพร้อม ให้การช่วยเหลือสนับสนุนต่อไป นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้รัฐบาล คสช. จะมีความตั้งใจในการบริหารงานให้สำ�เร็จเป็นรูป ธรรมเพื่อให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำ�งานเพือ่ บ้านเมืองอย่างแท้จริง แต่สงิ่ ทีป่ ระชาชน อ่านต่อหน้า 2
สนใจพื้นที่โฆษณา ติดต่อ คุณสุพัตรา thaisaeree@gmail.com thaisaeree@yahoo.com
หน้า 12
ปีที่ 15 ฉบับที่ 158 ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2560
ที่ ป รึ ก ษา พล.ต.ท.ศั ก ดา เตชะเกรี ย งไกร, รศ.ดร.ธี ร ะ ฤทธิ ร อด, ดร.อาทิ ต ย์ ฉั ต รชั ย พลรั ต น์ , ฉั ต ร ศรี พั น ธุ์ , สิ ท ธิ โ ชค บุ ญ โท, พ.อ.สมศั ก ดิ์ สงทามะดั น , พี ร ะ วี ร ะชั ย , ยงยุ ท ธ ขาวโกมล เจ้าของ/บรรณาธิการบริหาร พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ บรรณาธิการ/ผู้พิมพ์และผู้โฆษณา สุพัตรา ศุขโข กองบรรณาธิการ อนุสรณ์ ศุขโข ,เพ็ญศิริ นาคทน,มณฑล ศุขโข,รณชิต ชาญเจริญ,นาฏยาภรณ์ ชาญเจริญ,
ประคอง หนู ร าช,พั น ธ์ ศั ก ดิ์ วี ร ะชั ย ,เสริ ม ศั ก ดิ์ ขาวโกมล สำ � นั ก งาน 76 ม.20 ถ.กสิ ก รทุ่ ง สร้ า ง ต.ศิ ล า อ.เมื อ ง จ.ขอนแก่ น 40000 โทรศั พ ท์ 08-9422-0228 โทรสาร 0-4324-4584 E-mail : Thaisaeree@gmail.com, Thaisaeree@yahoo.com ศูนย์อุดรธานี 152/3 ถ.อุดรดุษฏี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี 41000 โทรศัพท์ 08-6864-0678 โทรสาร 0-4224-7905 E-mail: ps_veerachai@hotmail.com ศูนย์หนองคาย ภัทรวินทร์ ลีปาน 92 หมู่ 1 ต.บ้าน ่ รึกษากฎหมาย สังคม พุทธา สำ�นักงานทนายความประสพสุขธุรกิจและกฎหมาย ออกแบบ/กราฟฟิค เอือ้ ดีไซน์ 08-3417-0363 ว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย 43110 โทรศัพท์ 087-8627979 E-mail : pattarawin2519@hotmail.co.th ทีป