ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับ Social Network และ Social Media ครรชิต แซโฮ โรงเรียนจันทรประภัสสรอนุสรณ Social Network Social Network คือการที่ผูคนสามารถทําความรูจัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเปน เว็บไซตที่เรียกวาเปน เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซตที่เชื่อมโยงผูคนไวดวยกันนั่นเอง ตัวอยางของเว็บประเภทที่เปน Social Network เชน Digg.com ซึ่งเปนเว็บไซตที่เรียกไดวาเปน Social Bookmark ที่ไดรับความนิยมอีกแหงหนึ่งและเหมาะมากที่จะนํามาเปนตัวอยาง เพื่อใหเขาใจไดงายขึ้น โดยใน เว็บไซต Digg นี้ ผูคนจะชวยกันแนะนํา url ที่นาสนใจเขามาในเว็บ และผูอานก็จะมาชวยกันใหคะแนน url หรือ ขาวนั้น ๆ เปนตน
ภาพประกอบโดย mandymaarten
สําหรับตัวอยาง Social Network อื่น ๆ เชน Hi5 หรือวา Facebook ซึ่งเรียกไดวาเปน social network เต็ม รูปแบบอีกอยางหนึ่ง ที่ใหผูคนไดมามีพื้นที่ ไดทําความรูจักกันโดยเลือกไดวา ตองการทําความรูจักกับใคร หรือ เปนเพื่อนกับใคร เมื่อหันมามองเว็บไซตไทย ๆ กันดูบาง หากมองวาเว็บไซต Social Network ในไทย จะมีเว็บไหนไดบาง ลองดูเว็บไซต Social Network ที่มีความชัดเจนในเนื้อหาเฉพาะดาน เชน Social Network เรื่องทองเที่ยว อยาง เว็บไซต odoza (โอโดซา) ที่ใหคนที่ชื่นชอบในเรื่องทองเที่ยว ไดมาทําความรูจักกัน ไดมีพื้นที่ให share รูปภาพ หรือวีดีโอคลิป ที่ตนเองไดไปเที่ยวมาได
10 อันดับ Social Network สุดฮิต เว็บไซตในรูปแบบ Social Network มาแรงพรอมกับกระแส Web 2.0 ซึ่งเปนเว็บไซตที่เรียกไดวา สมาชิกของเว็บนั้นสรางเนื้อหา ขึ้นมาเอง (user generated content) เรามาดูกันวา เว็บไซตแบบ Social Network ในโลกนี้ มีใครบางที่เปนเว็บไซต Social Network ยอดนิยม
(อัพเดทลาสุด 2 พฤษภาคม 2551) 1. MySpace.com 2. FaceBook.com 3. Orkut.com 4. Hi5.com 5. Vkontakte.ru 6. Friendster.com 7. SkyRock.com 8. PerfSpot.com 9. Bebo.com 10. Studivz.net
ผมสังเกตเห็นวา ในสิบอันดับนี้ มีเว็บที่คนไทยฮิต ๆ กันอยู เห็นจะมีแค hi5 และ facebook เทานั้นเอง จากที่เคยเห็นขอมูลมา จําไดวา แตละประเทศ ก็จะฮิตกัน social network ไปคนละแบบนะครับ เชนที่สิงคโปร ก็ จะฮิต friendster ครับ
Social Media ทุกวันนี้ พวกเราหลายคนใชชีวิตอยูกับ Social Network และ Social Media มากขึ้นทุกวัน แตพอพูดถึง ‘Social Media’ วาคืออะไร หลายคนที่ใชอยู ก็ยังถึงกับอึ้ง และตอบไมไดวามันคืออะไร และไมรูจะอธิบาย อยางไร วันนี้ขอทําหนาที่อธิบายคํา ๆ นี้แทน เพื่อใหคนที่ใชเปนประจําอยูแลวสามารถอธิบายตอใหคนอื่นทราบ ได และสําหรับคนที่ยังไมเคยรู ก็สามารถทําความรูจักไดเชนกัน
Social ในที่นี้หมายถึง สังคมออนไลน Media ในที่นี้หมายถึง เนื้อหา เรื่องราว และบทความ ดังนั้น Social Media จึงหมายถึงสังคมออนไลนที่มีผูใชเปนผูสื่อสาร หรือเขียนเลา เนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผูใชเขียนขึ้นเอง ทําขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่น ๆ แลวนํามา แบงปนใหกับผูอื่นที่อยูในเครือขายของตน ผานทางเว็บไซต Social Network ที่ใหบริการบนโลกออนไลน ปจจุบันการสื่อสารแบบนี้ จะทําผานทาง Internet และโทรศัพทมือถือเทานั้น คุณเกง.com กลาวา Social Media คือเครื่องมือ หรือเว็บไซตบนอินเทอรเน็ต ที่นักทองเว็บและบริษัท ตาง ๆ เขาไปเพื่อทําการสื่อสาร รวบรวมขอมูล และแมกระทั่งไปรวมมือกันกับคนในชุมชนนั้น ๆ ทํางานบางสิ่ง บางอยาง โดยเมื่อเราพูดถึง Social Media เรามักจะรวมถึงเครื่องมืออยางเชน blog, podcast เว็บประเภท Video Sharing เชน YouTube เว็บประเภท Social Network เชน Facebook, Hi5 เว็บประเภท micro blog เชน Twitter เว็บประเภทอัลบั้มรูปภาพอยางเชน Flickr เว็บ bookmark ตาง ๆ เชน Digg, Stumble Upon หรือแมกระทั่งเว็บอื่น ๆ ที่คุณสามารถมีปฎิสัมพันธ หรือแบงปนบางสิ่งบางอยางกับนักทองเว็บคนอื่น ๆ ไดอยางทันทีทันใด
เนื้อหาของ Social Media โดยทั่วไปเปรียบไดหลายรูปแบบทั้ง กระดานความคิดเห็น (Discussion boards), เว็บบล็อค (Weblogs), วิกิ (wikis), Podcasts, รูปภาพ และวิดีโอ สวนเทคโนโลยีที่รองรับเนื้อหาเหลานี้ก็ รวมถึง เว็บบล็อค (Weblogs), เว็บไซตแชรรูปภาพ, เว็บไซตแชรวิดีโอ, เว็บบอรด, อีเมล, เว็บไซตแชรเพลง, Instant Messaging, Tool ที่ใหบริการ Voice over IP เปนตน
เว็บไซต ที่ใหบริการ Social Network หรือ Social Media Google Group – เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
Wikipedia – เว็บไซตในรูปแบบขอมูลอางอิง
MySpace – เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
Facebook -เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
MouthShut – เว็บไซตในรูปแบบ Product Reviews
Yelp – เว็บไซตในรูปแบบ Product Reviews
Youmeo – เว็บที่รวม Social Network
Last.fm – เว็บเพลงสวนตัว Personal Music
YouTube – เว็บไซต Social Networking และ แชรวิดีโอ
Avatars United – เว็บไซตในรูปแบบ Social Networking
Second Life – เว็บไซตในรูปแบบโลกเสมือนจริง Virtual Reality
Flickr – เว็บแชรรูปภาพ
เว็บ Social Media แบงตามหมวด หมวดการสื่อสาร (Communication) Blogs: Blogger, LiveJournal, TypePad, WordPress, Vox Internet forums: vBulletin, phpBB Micro-blogging: Twitter, Plurk, Pownce, Jaiku Social networking: Avatars United, Bebo, Facebook, LinkedIn, MySpace, Orkut, Skyrock, Netlog, Hi5, Friendster, Multiply Social network aggregation: FriendFeed, Youmeo Events: Upcoming, Eventful, Meetup.com หมวดความรวมมือ และแบงปน (Collaboration) Wikis: Wikipedia, PBwiki, wetpaint Social bookmarking: Delicious, StumbleUpon, Stumpedia, Google Reader, CiteULike Social news: Digg, Mixx, Reddit Opinion sites: epinions, Yelp หมวดมัลติมีเดีย (Multimedia) Photo sharing: Flickr, Zooomr, Photobucket, SmugMug Video sharing: YouTube, Vimeo, Revver Art sharing: deviantART Livecasting: Ustream.tv, Justin.tv, Skype Audio and Music Sharing: imeem, The Hype Machine, Last.fm, ccMixter หมวดรีวิว และแสดงความคิดเห็น (Reviews and Opinions) Product Reviews: epinions.com, MouthShut.com, Yelp.com Q&A: Yahoo Answers หมวดบันเทิง (Entertainment) Virtual worlds: Second Life, The Sims Online Online gaming: World of Warcraft, EverQuest, Age of Conan, Spore (2008 video game) Game sharing: Miniclip
Blog คืออะไร มารูจักความหมาย ของประโยคคําถาม ที่มักจะมีคนถามผมบอย ๆ เวลาไปบรรยายตามที่ตาง ๆ วา “Blog คืออะไร” กันดีกวาครับ Blog มาจากศัพทคําวา WeBlog บางคนอานคํา ๆ นี้วา We Blog บางคนอานวา Web Log แตทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคําบงบอกถึงความหมายเดียวกัน วานั่นคือบล็อก (Blog) ความหมายของคําวา Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต โดย เนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมไดทุกเรื่อง ไมวาจะเปนเรื่องราวสวนตัว หรือเปนบทความเฉพาะดานตาง ๆ เชน เรื่องการเมือง เรื่องกลองถายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เปนตน โดยจุดเดนที่ทําใหบล็อกเปนที่นิยมก็คือ ผูเขียน บล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใสลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแหง จะมีอิทธิพลในการ โนมนาวจิตใจผูอานสูงมาก แตในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อใหอานกันในกลุมเฉพาะ เชนกลุม เพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง มีหลายครั้งที่เกิดความเขาใจกันผิดวา Blog เปนไดแคไดอารี่ออนไลน แตในความเปนจริงแลว ไดอารี่ ออนไลนเปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเทานั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต การบันทึกเรื่องสวนตัวอยางเชนไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผูเขียนบล็อกสนใจในดานอื่นดวย ที่เห็นชัดเจน คือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณการเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑตาง ๆ ที่ตัวเองเคยใช หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้ง ยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทตาง ๆ อีกมากมาย ตามแตความถนัดของเจาของบล็อก ซึ่งมักจะ เขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเปนตน จุดเดนที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเปนเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเปนกันเอง ระหวางผูเขียนบล็อก และผูอานบล็อกที่เปนกลุมเปาหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผานทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทํากันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหนา แตในปจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟทแวรใหเราใชในการเขียน Blog ไดมากมาย เชน WordPress, Movable Type เปนตน ผูคนหลายลานคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอยางแพรหลาย ตั้งแตนักเรียน อาจารย นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษใหญในตลาดหุน NasDaq เมื่อสองสามปที่ผานมา Blog เริ่มตนมาจาก การเขียนเปนงานอดิเรก ของกลุมสื่ออิสระตาง ๆ หลาย ๆ แหงกลายเปนแหลงขาวสําคัญ ใหกับหนังสือพิมพหรือสํานักขาวชั้นนํา จวบจนกระทั่งป 2004 คนเขียน Blog ก็ ไดรับการยอมรับจากสื่อและสํานักขาวตาง ๆ ถึงความรวดเร็วในการใหขอมูล ตั้งแตเรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ และจากเหตุการณเหลานี้ นับไดวา Blog เปนสื่อชนิดหนึ่งที่ไมตางจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ , โทรทัศน หรือ แมกระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกไดวา Blog ไดเขามาเปนสื่อชนิดใหม ที่สําคัญอยางแทจริง
สรุปใหงาย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต ที่มีรูปแบบเนื้อหา เปนเหมือนบันทึกสวนตัวออนไลน มีสวน ของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวของอีกดวย คิดวาหลาย ๆ ทานนาจะเขาใจวา Blog คือ อะไร เพิ่มขึ้นมากแลวนะครับ
ผลวิจัยชี้ Social Media มีอิทธิพลตอผูบริโภคมากขึ้น [SPOTMARK - BANGKOK] ผลการวิจัย ลาสุดชี้ Social Media มีอิทธิพลตอการตัดสินใจของ ผูบริโภคมากขึ้น 7 ใน 10 คนใชเปนแหลงหาขอมูล กอนตัดสินใจ แนะบริษัทหันมาวางแผนกลยุทธอยาง จริงจัง แมจะไมไดดําเนินธุรกิจออนไลน เพราะ ผูบริโภคนิยมสนทนาเกี่ยวกับผลิตภัณฑและยี่หอสินคา ในสังคมออนไลน ทุกวันนี้อาจกลาวไดวา Social Media คือ กระแสความนิยมอยางกวางขวาง และใน 2551 ที่ผาน มา Social Media ก็ไดพิสูจนใหเห็นแลววา Social Media ไมไดจํากัดวงอยูเฉพาะในกลุมวัยรุน แตนักธุรกิจและมืออาชีพแขนงตางๆ ไดหันไปใช Social Media มาก ขึ้น ทําให Social Media กลายมาเปนสื่อในสังคมออนไลนที่มีอิทธิพลอยางมาก จากรายงาน The Wave 3 Report ของ Universal Maccan (http://www.universalmccann.com/) แสดงวา Social Media เปนสื่อที่มีอิทธิพลตอแบ รนดและ ภาพลักษณขององคกรธุรกิจอยางมาก เพราะผูใชสื่อ Social Media นิยมโพสตแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับผลิตภัณฑ และ แบรนด ผานบล็อก หรือ ในกลุมสังคมออนไลนของตน นอกจากนี้การวิจัยยังแสดงให เห็นวาผูใชอินเตอรเน็ต มีทัศนคติในนเชิวบวกตอบริษัทหรือองคกรที่สรางบล็อกเปนของตนเอง จากบรรดาสื่อตางที่ใชในกลุมสังคมออนไลนนั้นตามรายงานของ Universal McCann พบวา วิดีโอ ออนไลนไดรับความนิยมเปนอันดับหนึ่ง โดยคาดวาจะมีผูใชงานวิดีโอออนไลนถึง 394 ลานราย ในขณะที่ 346 ลานรายอานบล็อก 321 ลานรายอานบล็อกสวนบุคคล 307 ลานรายเขาเยี่ยมชมกลุมสังคมของเพื่อนฝูง และ 303 ลานรายสงตอหรือแบงปนวิดีโอคลิปออนไลน พัฒนาการที่รวดเร็วของ Social Media สงผลใหการสรางบล็อก การสงตอรูปภาพ หรือ วิดีโอคลิป เปนเรื่องปกติ และ ทุกวันนี้ นักการเมือง บุคคลที่มีชื่อเสียง แบรนดตางๆ หรือ แมแตสมาชิกในครอบครัวตางก็มีกลุมหรือสื่อ Social Media ของตนเอง ดวยเหตุนี้สื่อรุนเกาจึงตองเรงปรับตัว และหันมาพึ่งใช Social Media เปนชองทางเสริมในการกระจายเนื้อหาหรือขาวสารของตน เมื่อ พิจ ารณาจากรายงาน 20 อัน ดับ Social Media ยอดฮิ ต ของโลก ที่ ComScore (http://www.comscore.com/) ทําไว พบวา Bloger ยังคงความเปนผูนําดวยยอดผูเขาใชวา 222 ลานรายทั่วโลกใน เดือนพฤศจิกายน ที่ผานมา ตามมาดวย Facebook ที่ไลมาติดๆ และแรงสุดๆ ดวยจํานวนผูใช 200 ลานราย สวน อันดับตอมาคือ MySpace ดวยยอดผูใช 126 ลานราย Wordpress 114 ลานราย Windows Live Spaces 87 ลานราย
สวนอันดับ 6-10 ไดแก Yahoo Geocities (69 ลานราย) Flickr (64 ลานราย) hi5 (58 ลานราย) Orkut (46 ลานราย) และ Six Apart (46 ลานราย) ที่นาแปลกใจก็คือตลาดเอเชีย เปนตลาดที่มีการเติบโตของ Social Media สูงกวาทวีปอื่นๆ โดยเฉพาะ ประเทศจีน นั้นถือเปนสังคมบล็อกเกอรที่ใหญที่สุดในลกดวยยอดผูใชกวา 42 ลานราย มากกวายุโรปตะวันตก และสหรัฐอเมริการวมกันเสียอีก มร. แบรี่ เฮิรด (http://www.123socialmedia.com/) เชื่อวาปจจัยที่ผลักดันให Social Media เติบโตอยาง รวดเร็วนั้นเปนเพราะความงายในการเขาถึงสื่ออินเตอรเน็ต โดยเฉพาะอินเตอรเน็ตความเร็วสูง ขณะเดียวกันก็ยัง เปนผลมาจาก ความกาวหนาทางเทคโนโลยีดาน Social Media และเทคโนโลยีไรสาย อาทิ โทรศัพทเคลื่อนที่ PDAs หรือเครื่องเลนเกมสแบบพกพาตางๆ ผลจากการศึกษายังพบดวยวา ผูใชสวนใหญจะเขารวมในสังคมเครือขายโดยเฉลี่ย 3-5 เครือขาย ดังนั้น นักธุรกิจรายใดที่คิดวา “ธุรกิจของฉันไมไดเนนดานออนไลน” อาจจะตองคิดใหม เพราะ ไมวาธุรกิจของคุณจะ เกี่ยวของกับระบบออนไลนหรือไมก็ตาม แตธุรกิจของคุณจะเกี่ยวพันกับเครือขายในสังคมออนไลนอยาง หลีกเลี่ยงไมได เพราะลูกคาของคุณ คูคาของคุณ แมแตเพื่อนฝูง หรือ คนในองคกรของคุณไดเขาไปมีบทบาท หรือเปนสวนหนึ่งของกลุมสังคมออนไลน ซึ่งมีความเปนไปไดสูงที่การสนทนาในบางครั้งอาจจะโยงใยเขามาถึง ธุรกิจของคุณได นั่นหมายถึงวา บริษัทที่ไมไดพิจารณา หรือ ผนวก Social Media ไวเปนสวนหนึ่งในกลยุทธ การตลาดออนไลน หรือ แผนการตลาดรวม กําลังเสียโอกาสในการเขาถึงลูกคาไปอยางนาเสียดาย จากการวิ จั ย ร ว มระหว า ง OTX (http://www.otxresearch.com/) และ DEI Worldwide (http://www.deiworldwide.com/) พบวา จากความนิยมที่แพรหลายของ Social Media นีเอง ทําให Social Media กลายมาเปนแหลงขอมูลสําคัญของผูบริโภค โดยพบวา ผูบริโภคสวนใหญจะขอหาขอมูลผลิตภัณฑ หรือ สินคา ยี่หอตางๆ จากเว็ปไซต Social Media ไปพรอมๆ กับหาขอมูลโดยตรงจากเว็ปไซตของบริษัทผูผลิต โดยผูบริโภค 7 ใน 10 ราย จะเขาไปหาขอมูลในเว็ปไซต Social Media ตางๆ อาทิ เว็ปบอรด กลุมชุมชนออนไลน หรือ บล็อก ตางๆ เพื่อหาขอมูล นอกจากนี้ เถือบครึ่ง (49%) ของผูบริโภคจะตัดสินใจซื้อจากขอมูลที่ไดจาก Social Media เหลานี้ ความนิยมของ Social Media ไมเพียงแตกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงดานความสัมพันธระหวางแบรนด และผูบริโภคเทานั้น แตยังมีผลตอมาตรวัดความสําเร็จดานการตลาดและการประชาสัมพันธของภาคธุรกิจอีกดวย ดังนั้นจึงไมใชเปนเรื่องนาแปลกใจที่องคกรธุรกิจตางๆ จะหันมาใหความสนใจกับ Social Media Marketing มาก ขึ้น โดยรายงานลาสุดของ eMarketer (http://www.emarketer.com/) ชี้ใหเห็นวา บริษัทสวนใหญควรที่จะตองเขา ไปมีบทบาท และ สื่อสารกับกลุมสังคมในชุมชนออนไลนเปนประจํา แนนอนวาในขณะนี้ บริษัทหลายๆ แหงได ตระหนักถึงความสําคัญของ Social Media เพราะเล็งเห็นวาเปน Social Media เปนเครื่องมือการตลาดที่ระหยัดแต มีประสิทธิภาพในการขายและประชาสัมพันธผลิตภัณฑและบริการของตนสูผูบริโภค โดยเฉพาะอยางยิ่งในภาวะ เศรษฐกิจถดถอยที่งบประมาณการตลาดคอนขางจํากัด อยางไรก็ดี การทําการตลาดผาน Social Media ไมใชเรื่อง งาย ถึงแมจะมีบริษัทหลายรายที่ประสบความสําเร็จ แตก็มีอีกหลายรายที่ลมเหลว หรือกลายเปนผูตองหาของ กลุมสังคมออนไลนไปเลยก็มี
ตัวอยางหนึ่งของบริษัทที่ประสบความสําเร็จ ใน การใช Social Media เห็นจะไดแก Blendtec ที่ทําคลิป วิดีโอซีรี่ส “Will It Blend” หรือ “ปนไดไหม?” เขาไปไวใน YouTube ดําเนินเรื่องโดย มร. ทอม ดิกสัน CEO ของ Blendtec ที่พยายามจะนําทุกอยางเขาเครื่องปนของเขา รวมถึง iPhone มือถือยอดฮิต เพื่อพิสูจนวา “ปนได ไหม?” ผลที่ตามมาคือ วิดีโอชุดนี้กลายเปน สื่อการตลาดตนทุนต่ํา ที่ประสบความสําเร็จอยางสูงในโลกออนไลน และสงผลใหยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นไปถึงหาเทาตัว อีกตัวอยางที่นาสนใจคือกรณีของ IBM ที่ใชความคิดสรางสรรคเขาจับกระแส Social Media ฟเวอรได เปนอยางดี กลาวคือ แทนที่ IBM จะสรางบล็อกขึ้นมาเพียงหนึ่งบล็อกเหมือนบริษัททัวไป IBM กลับสราง เครือขายของบล็อกขึ้นโดยเปดโอกาสใหพนักงานของตน ที่ตางก็เปนยอดฝมือในแวดวงคอมพิวเตอร สราง บล็อกของตัวเองขึ้นมา เขียนเลาถึงประสบการณ ถึงงานที่กําลังทํา หรือเรื่องอะไรก็ไดตามใจชอบ ผลที่ตามมาคือ บล็อก IBMer ไดรับความสนใจอยางกวางขวาง และเปนเครื่องมือสําคัญที่ชวยเชื่อมโยง IBM เขากับกลุมลูกคา อีกทั้งยังเปนเครื่องแสดงเจตนารมณที่บริษัทมีตออุตสาหกรรมคอมพิวเตอรไดเปนอยางดี “ถึงแม Social Media จะเปนสื่อยอดนิยม แตตองไมลืมวา Social Media Marketing ยังเปนเรื่องที่ คอนขางใหม และ เปนเรื่องที่นักการตลาดยังตองเรียนรูอยูตลอดเวลา” ทั้งนี้จากคํากลาวของ นายศิระพัฒน เกตุ ธาร กรรมการผูจัดการ บริษัท สปอตมารก จํากัด ผุจัดงาน Internet Marketing Conference 2009 Bangkok ระหวางวันที่ 20-21 พฤษภาคม 2552 ณ โรงแรมโฟรซีซันส กรุงเทพฯ นายศิระพัฒนกลาวตอวา “แตดวยเหตุที่ Social Media ไดเขามามีบทบาทตอสังคมผูบริโภคเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ ความทาทายของนักการตลาดก็ คือจะตอบสนองกระแสดังกลาวไดอยางไร และจะใช Social Media เปน เครื่องมือในการสรางภาพลักษณของแบรนด หรือ การมีสวนรวมในสังคมออนไลนอยางไรจึงจะประสบ ความสําเร็จสูงสุด ภายในงาน Internet Marketing Conference ผูเชี่ยวชาญดาน Social Media Marketing จะมุงเนน ใน 2 ประเด็นหลักที่นักการตลาดอยากรู คือ การวัดผลกระทบของ Social Media และ การวางแผนกลยุทธดาน Social Media Marketing รวมไปถึงผลดีและผลเสียที่เกียวของกับ Social Media รูปแบบตาง ๆ”
เครือขายสังคมออนไลน (Social Network) กับการใชประโยชนเพื่อการเรียนรูรวมกัน ในยุคที่อินเตอรเน็ตกําลังเปนที่นิยมและไดรับการพัฒนาอยางไมหยุดนิ่งจาก การพัฒนาของโลก เวิลดไวดเว็บ (World Wide Web) จากยุคแรกหรือเรียกวา Web 1.0 ซึ่งมีลักษณะเปน Static Web คือมีการนําเสนอ ขอมูลทางเดียว ตอมาเขาสูเว็บ ยุคที่ 2 หรือ Web 2.0 เปนยุคที่เนนใหอินเตอรเน็ตมีศักยภาพในการใชงานมากขึ้น เนนใหผูใชมีสวนรวมในการสรางสรรคสิ่งตาง ๆ ลงบนเว็บไซตรวมกัน และสามารถโตตอบกับขอมูลที่อยูบน เว็บไซตได และผูใชสามารถสรางเนื้อหา (Content) แลกเปลี่ยนและกระจายขอมูลกันไดทั้งในระดับบุคคล หรือ กลุม จนกลายเปนสังคมในโลกอินเตอรเน็ต หรือเรียกวา สังคมออนไลน (Social Network) นั่นเอง สังคมออนไลน (Social Networking) คือสังคมที่ผูคนสามารถทําความรูจัก รวมแบงปนสิ่งที่สนใจ และ สามารถเชื่อมโยงกันไดในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ในโลกอินเตอรเน็ต โดยอาศัยรูปแบบการบริการ เรียกวา “บริการเครือขายสังคม หรือ Social Networking Service (SNS)” โดยเปนรูปแบบของเว็บไซต ในการสราง เครือขายสังคม สําหรับผูใชงานในอินเทอรเน็ต ที่ใชเขียนและอธิบายความสนใจ และกิจกรรมที่ไดทํา และ เชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผูอื่น รวมทั้งขอมูลสวนตัว บทความรูปภาพผลงาน พบปะ แสดงความ คิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ หรือความสนใจรวมกัน และกิจกรรมอื่นๆ รวมไปถึงเปนแหลงขอมูลจํานวน มหาศาลที่ผูใชสามารถชวยกันสรางเนื้อหาขึ้นไดตามความสนใจของแตละบุคคลหรือกลุมบุคคล ปจจุบันนี้มีเว็บไซตที่ใหบริการสังคมออนไลน มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดในอินเตอรเน็ต และมีอัตรา การเขาใชงานและสมัครสมาชิกสูงสุด โดยเฉพาะอยางยิ่ง เว็บไซต Myspace และ Facebook นอกจากนี้เว็บไซตที่ ใหบริการ สังคมออนไลนมีหลากหลายเว็บไซตเชน digg, Youtube, Multiply, linkedin และเปนที่นิยมกันมาก ที่สุดในสังคมวัยรุนบานเราคือ Hi5 นั่นเองหลาย ๆ คน คงมี Web Social Network เปนของตัวเอง บางคนมีหลาย ๆ เว็บดวยซ้ําไป อยางไรก็ตาม เราสามารถประยุกตใชสังคมออนไลน กับงานดานตาง ๆ ไมวาจะเปนดานธุรกิจ หรือการเรียนการสอนในลักษณะของการแลกเปลี่ยนความรู (Knowledge Sharing) รวมกัน การนําเสนอผลงาน การติวหนังสือดวยกัน หรือแมแตกระทั่งการทํางานกลุมรวมกัน ปจจุบันมี เว็บไซตที่ใหบริการ Social Network Service (SNS) มากมาย และแตละเว็บก็ตางคิดคนพัฒนาเพื่อเอาใจผูใชกันอยางตอเนื่องอยางไมหยุดยั้งและยังมี ฟงกชั่นมากมายแตอาจมีจุดเดนที่แตกตางกันไปเพื่อเปนจุดขายใหกับเว็บไซตนั้น ๆ ซึ่งเราสามารถนํามา ประยุกตใชเว็บ SNS เพื่อเปนเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนความรูและทํางานรวมกันได โดยกลุมหลัก ๆ ของ SNS เพื่อการแลกเปลี่ยนการเรียนรูแบงออกไดดังนี้ 1. กลุมเว็บไซตเผยแพร “ตัวตน” เว็บไซตเหลานี้ใชสําหรับนําเสนอตัวตน และเผยแพรเรื่องราวของ ตนเองทางอินเตอรเน็ต หรือผูใชสามารถเขียน blog สรางอัลบั้มรูปของตัวเอง สรางกลุมเพื่อนในหองเรียน และ สรางเครือขายเพื่อการเรียนรูขึ้นมาได ตัวอยางเว็บไซตประเภทนี้คือ myspace.com, hi5.com และ facebook.com เปนตน 2. กลุมเวปไซตเผยแพร “ผลงาน” เราสามารถใชเว็บไซตเหลานี้ในการนําเสนอผลงานของตัวเอง ผลงาน ของกลุม ไดในรูปแบบตาง ๆ ไมวาจะเปนวีดีโอ รูปภาพ หรือเสียงอาจารยสอนที่ไดจากการบันทึกในชั้นเรียน
เปนตน ตัวอยางเว็บไซตประเภทนี้เชน YouTube.com, Yahoo VDO, Google VDO, Flickr.com, Multiply.com เปนตน 3. กลุมเว็บไซตที่มีความสนใจตรงกัน มีลักษณะเปน Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยมีแนวคิดที่วา แทนที่เราจะทํา Bookmark (เหมือนกับเราคั่นหนังสือ) เว็บที่เราชอบ หรือบทความรายงานที่ เกี่ยวของกับการเรียน เก็บไวในเครื่องของเราคนเดียว สูเรา Bookmark เก็บไวบนเว็บจะดีกวา เพื่อจะไดแบงให เพื่อน ๆ คนอื่นดูไดดวย และเราก็จะไดรูดวยวาเว็บไซตใดที่ไดรับความนิยมมาก เปนที่นาสนใจ โดยดูไดจาก จํานวนตัวเลขที่เว็บไซตนั้นถูก Bookmark เอาไวจากสมาชิกคนอื่นๆ ตัวอยางเว็บไซตนี้ ไดแก del.icio.us, Digg, Zickr, duocore.tv เปนตน 4. กลุมเว็บไซตที่ใชทํางานรวมกัน เปนกลุม SNS ที่เปดใหสมาชิกทุกคนในกลุมเขามานําเสนอขอมูล ความคิดหรือตอยอด เรื่องราวตาง ๆ ได ตัวอยางเว็บไซตนี้ไดแก Wikipedia เปนสารานุกรมตอยอด ที่อนุญาตให ใครก็ไดเขามาชวยกันเขียน และแกไขบทความตางๆ ไดตลอดเวลา ทําใหเกิดเปนสารานุกรมออนไลนขนาดใหญ ที่รวบรวมความรู ขาวสาร และเหตุการณตางๆ ไวมากมาย ปจจุบันเราสามารถใช Google Maps สรางแผนที่ของตัวเอง หรือแชรแผนที่ใหคนอื่นไดดวย จึงทําใหมี สถานที่สําคัญ หรือสถานที่ตางๆ ถูกปกหมุดเอาไว พรอมกับขอมูลของสถานที่นั้นๆ ไวแสดงผลจากการคนหาได อีกดวย และสิ่งสําคัญอีกสิ่งหนึ่งสําหรับ Social Network นั้นก็คือ เราสามารถพูดคุย นําเสนอ บอกเลาเรื่องสวนตัว และเรื่องราวการเรียน เรื่องราวที่เราสนใจ หรือแมแตการทํารายงานของเราและของกลุมเราได ดังนั้นเราจึงควร ใชประโยชนจากอินเตอรเน็ตและเว็บสังคมออนไลนใหเกิดประโยชน แทนที่จะนําเสนอรูปภาพสวนตัวหรือ เรื่องราวที่ไมกอใหเกิดการเรียนรู หันมารวมกลุมกันสรางสังคมแหงการเรียนรูรวมกันโดยผานเว็บไซตสังคม ออนไลนที่มีใหบริการฟรีอยูมากมายหลากหลายในอินเตอรเน็ต
อางอิง - http://www.sptmrk.com/ - http://keng.com/ - http://www.marketingoops.com/ - http://Alexa.com - http://www.kroobannok.com/blog/29071