IS AM ARE April60

Page 1

ทรงพระเจริญ

IS AM ARE

เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๖๒ พรรษา ๒ เมษายน ๒๕๖๐ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม 1 ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการมู ลนิธ๒๕๖๐ ิครอบครัวพอเพียง ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน


เว็ปไซต์ของมู ลนิธิครอบครัวพอเพียง ท่านสามารถเข้ามาอ่านบทความ นิตยสาร IS AM ARE ครอบครัวพอเพียง หรือข่าวสารดี ๆ ได้แล้ววันนี้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และท่านยังสามารถสมัครเป็นสมาชิ กของมู ลนิธิครอบครัวพอเพียง เพื่อรับข่าวสารจากทางมู ลนิธิครอบครัวพอเพียงได้ก่อนใคร โดยท่านสามารถสมัครเพื่อเป็นสมาชิ กได้ท่ี

www.fosef.org


“วิ ถี ท างด� ำ เนิ น ของบ้ า นเมื อ งและประชาชนโดยทั่ ว ไป มี ค วามเปลี่ ย นแปลงมาตลอดเนื่ อ งจากความวิ ป ริ ต ผั น แปร ของวิ ถี แ ห่ ง เศรษฐกิ จ สั ง คม การเมื อ ง และอื่ น ๆ ของโลก ยากยิ่ ง ที่ เ ราจะหลี ก เลี่ ย งให้ พ ้ น ได้ จึ ง ต้ อ งระมั ด ระวั ง ประคั บ ประคองตั ว เรามากขึ้ น โดยเฉพาะในเรื่ อ งการเป็ น อยู ่ โดยประหยั ด เพื่ อ ที่ จ ะอยู ่ ใ ห้ ร อดและก้ า วต่ อ ไปได้ โดยสวั ส ดี ”

พระราชด� ำ รั ส ของพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว รั ช กาลที่ ๙ เนื่ อ งในวั น ขึ้ น ปี ใ หม่ ๓๑ ธั น วาคม ๒๕๒๑


Editorial

เนื่องในวันมหามงคล ๒ เมษายน ของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระราชธิดา ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ ๙) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวัง ดุสิต ในโอกาสนี้ บก.จึงขอน�ำ ‘นารีรัตนา’ บทเพลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ใน โอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เนื้อร้อง สุทธิพงษ์ สมบัติจินดา และศิลปินอาสาในโครงการปทุมมามหา สิกขาลัย ท�ำนอง เดชาณัฏฐ์ ธีรดุริยสฤษฏ์ เรียบเรียง เจษฎา สุขทรามร ศิลปิน ปาน ธนพร แวกประยูร เนื้อเพลง นารีรัตนา พ่อเคยบอกไว้ จะท�ำเรื่องใดให้เสร็จดังฝัน เส้นทางเหล่านั้น ไม่เคยลาดโรยด้วยกลีบดอกไม้ แต่แก้วดวงหนึ่งช่างงาม ยังมุ่งเดินตามรอยเท้าพ่อไป ด้วยพลังที่ล้นดวงใจอันเปี่ยมศรัทธา มือจับปากกา สมุดทุกหน้า พากเพียรสร้างสรรค์ อุดมการณ์นั้น ยังคงยึดมั่นไม่หวั่นปัญหา ป่าเขาล�ำเนาห่างไกล ความรักรินไปด้วยใจเมตตา เพื่อแผ่นดินที่ก�ำเนิดมาร่มเย็นสืบไป นารีรัตนา แก้วใจประชาคุณค่าส่องใส แก้วงามสะท้อนแสงทองส่องใจ สว่างไสวด้วยหัวใจเพื่อแผ่นดินนี้ นารีรัตนา ผู้ยอมเหนื่อยล้าด้วยแรงที่มี แก้วที่ควรค่าการสดุดี คือหนึ่งนารีผู้เป็นที่รัก นารีรัตนา แก้วใจประชาคุณค่าส่องใส แก้วงามสะท้อนแสงทองส่องใจ สว่างไสวด้วยหัวใจเพื่อแผ่นดินนี้ นารีรัตนา ผู้ยอมเหนื่อยล้าด้วยแรงที่มี แก้วที่ควรค่าการสดุดี คือหนึ่งนารีผู้เป็นที่รัก ปวงไทยน้อมใจถวายศรัทธา ราชสุดา ผู้เป็นที่รัก ด้วยส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง ถอดค�ำร้องโดย สยามโซน.คอม... อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/12175

4 IS AM ARE www.fosef.org


Contributors

มู ลนิธิครอบครัวพอเพียง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล พลเอก ดร.ศรุต นาควัชระ คุณหญิงพวงรัตน วิเวกานนท์ นายธนพร เทียนชัยกุล นายณัฐเสกข์ น้อยสมบูรณ์ นางวาสนา สุทธิเดชานัย นายภูวนาถ เผ่าจินดา นางอริยสิริ พิพัฒน์นรา นายเอกรัตน์ คงรอด นางสาวเอื้อมพร นาวี ผศ.ดร.ปรีชาพร สุวัฒโนดม นายอภีม คู่พิทักษ์ นายกมลเศรษฐ์ เก่งการเรือ นางอรปภา ชาติน�้ำเพ็ชร นางรจนา สินที นายธงชัย วรไพจิตร นายภูริวิทย์ จงนิรักษ์ นางศิรินทร์ เผ่าจินดา

ประธานกิตติมศักดิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการและเลขาธิการ กรรมการและเหรัญญิก กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ กรรมการและผู้ช่วยเหรัญญิก กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ ผู้จัดการมูลนิธิ

นิตยสารครอบครัวพอเพียง ประธานกิตติมศักดิ์ : คุณหญิงพวงรัตน วิเวกานนท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ : พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ประธานด�ำเนินการ : ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล บรรณาธิการ : กรวิก อุนะพ�ำนัก กองบรรณาธิการ : อภีม คู่พิทักษ์

ศิลปกรรม : ส�ำนักงาน :

โทรศัพท์ : โทรสาร : เว็ปไซต์ :

พิชัยยุทธ ชัยไธสง เอกรัตน์ คงรอด นิตยสารครอบครัวพอเพียง ๖๖๓ ซอยพหลโยธิน ๓๕ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ ๐-๒๙๓๙-๕๙๙๕ ๐-๒๙๓๙-๕๙๙๖ www.fosef.org

Let’s

Start and Enjoy!

5 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


Hot Topic

ตามรอยยุ วกษัตริย์

๔๐

นักบริหารธุรกิจ ชี วิต และครอบครัว สายสม วงศาสุลักษณ์

๑๔

พระราชประวัติ สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรี สิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิ ยชาติ สยามบรมราช กุมารี

Don’t miss

๔๒ ๔๖ ๕๒ ๗๖ 6 IS AM ARE www.fosef.org

๖๒


Table Of Contents

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี

7 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐

ตามรอยยุวกษัตริย์ พระราชประวัติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี Cover Story นักบริหารธุรกิจ ชีวิต และครอบครัว สายสม วงศาสุลักษณ์ Cartoon หลักแห่งความพอเพียง ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร Let’s Talk ร้านก๋วยเตี๋ยวปีกไก่สายน�้ำผึ้ง ความภูมิใจครั้งหนึ่งเคยท�ำถวายในหลวง ร.๙ กระจกส่องใจ Is Am Are ต�ำบลสะโน อ�ำเภอส�ำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ ร่วมมือ ร่วมใจ สานเครือข่ายสัมพันธ์ สร้างสรรค์อย่างพอเพียง กฎหมายน่ารู้ สิทธิและหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ข้อ ๖ และ ๗ มูลนิธิชัยพัฒนา การน�ำความรู้ไปใช้ของผู้เข้ารับการอบรม อุทยานการอาชีพชัยพัฒนา เที่ยวตามรอยในโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชด�ำริ นราธิวาส ป่าพรุ ชายหาด และศาสตร์แห่งพระราชา Round About

๘ ๑๒ ๒๐ ๓๐ ๓๔ ๔๒ ๔๖

๕๒ ๖๒ ๖๔

๗๖ ๘๐


สีสันตลาดนัด แซงต์ฟรังซัวส์ (St.Francois) แห่งโลซานน์

รุ ่ ง เช้ า ...แดดอุ ่ น ๆ สี เ หลื อ งอ่ อ น ไล้ แ ตะตึ ก รามและสรรพสิ่ ง แห่ ง เมื อ งโลซานน์ อากาศเย็ น กั บ แดดอุ ่ น ท� ำ ให้ คณะชาวไทยเรารั ก จะตากแดดมากกว่ า นั่ ง รอเวลาในโรงแรม หลายคนแอ็ ก ต์ อ าร์ ต โพ้ ส ท่ า ถ่ า ยรู ป ตามริ ม ถนนสายเล็ ก ๆ หน้ า โรงแรม บางคนนั่ ง ริ ม ฟุ ต บาทมองผู ้ ค นชาวสวิ ส เดิ น ไปมานั่ น เป็ น ความสุ ข เล็ ก ๆ น้ อ ยๆ ของคนรอเวลาจะตามรอยพระยุ ค ลบาท ที่ ก� ำ ลั ง จะเริ่ ม ขึ้ น ในอี ก ไม่ น านนี้ พวกเราบางกลุ่มก็ฟังฝ่ายวิชาการเล่าเรื่องราวในอดีตให้ โดยสรุปสั้นๆ ว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีเมื่อครั้งต้องอภิบาล พระราชโอรสพระราชธิดา พระองค์ทรงท�ำหน้าที่แม่บ้าน ทรง ดูแลจัดการต่างๆ ในพระต�ำหนักในฐานะหัวหน้าครอบครัว แม้จะมีข้าหลวงและมหาดเล็กคอยปฏิบัติงานตามหน้าที่ประจ�ำ แต่ก็โปรดทรงงานด้วยพระองค์เอง ตอนเช้าจะทรงขับรถไปจ่าย ตลาดเอง (จากการสัมภาษณ์ข้าราชบริพาร อ้างถึงในหนังสือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, ๒๕๒๗, หน้า๓๒๘)

หลังจากเสวยพระกระยาหารกลางวันแล้ว ทรงใช้เวลาว่างท�ำ สวนในบริเวณพระต�ำหนักวิลล่าวัฒนาทรงพรวนดินใส่ปุ๋ย ตัด กิ่งไม้ กวาดใบไม้ ในเวลาบ่ายเสด็จฯ ไปทรงฟังบรรยายวิชาที่ ทรงสนพระทัยในมหาวิทยาลัยโลซานน์ ทรงศึกษาวิชา ปรัชญา วรรณคดี ฝรั่งเศส ภาษาบาลีและสันสกฤต และแล้ว...การตามรอยพระยุคลบาท ในเช้าวันนี้ก็เริ่ม ขึ้น เนื่องจากวันนี้ตรงกับวันมีตลาดนัด พี่แอ๊ดไก๊ด์กิตติมศักดิ์จึง พาพวกเราเดินออกจากโรงแรมที่พัก ด้วยการเลี้ยวซ้ายเดินขึ้น

8 IS AM ARE www.fosef.org


ตามรอยยุ ว กษั ต ริ ย ์ เนิน ข้ามถนนตรงสัญญาณไฟ ตรงดิ่งไปตามถนนแซงต์ฟรังชัวส์ ในอดีตที่นี่จะมีตลาดนัดทุกเช้าวันพุธและวันเสาร์ ตั้งแต่เช้า จนถึงเที่ยงจะมีการปิดปากถนน ไปจนถึงหน้าห้าง Innovation เป็นตลาดนัดที่มีมาตั้งแต่สมัยพระบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่า ประทับที่โลซานน์ เป็นที่ที่พระองค์ท่านและข้าราชบริพารมา ซื้อของอยู่เสมอ ปัจจุบันนี้ ทุกเช้าวันพุธและวันเสาร์ก็ยังคงมีตลาดนัด บนถนนสายนี้เพราะฉะนั้นการวางแผนมาเที่ยวเมืองโลซานน์ ควรกะวันมาถึงที่นี่ในวันที่มีตลาดนัด จะได้ไม่พลาดการเดิน ชมตลาดโบราณแห่งนี้ สินค้าที่นี่ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ทั้งสด และแห้ง รวมทั้งเครื่องเทศนานาชนิด จะเป็นสินค้าคุณภาพ ดีกว่าสินค้าที่ขายกันในซูเปอร์มาร์เก็ต แถมได้เดินชมและพูด คุยกับคนขายรายเล็กรายย่อยอย่างสบายใจในบรรยากาศแสน สดชื่นยามเช้า ข้าวของที่มาวางขายที่ตลาดนัดสร้างความตื่นตาตื่นใจ อย่างยิ่ง โดยเฉพาะบรรดาคุณแม่บ้านเพราะผลไม้หลากสีสัน ช่างสดน่ารับประทานจริงๆ ทั้งสตรอว์เบอร์รี่ แอปเปิ้ล พีช แพร์ พลับ กีวี ถ้าใครชอบเชอร์รี่จะต้องถลาเข้าใส่แน่ๆ แม้จะเพิ่งเริ่ม ออกสู่ตลาดต้นฤดูในเดือนพฤษภาคน แต่ก็แสนจะสดปลั่งสีแดง เข้ม รสชาติอร่อยมากๆ แคนตาลูปและเมลอนก็มีหลายพันธุ์ให้ เลือก ผลมะเดื่อซึ่งคล้ายมะเดื่อผลใหญ่บนภูเขาสูงของบ้านเรา ก็มี มะเดื่อเนื้อนอกนุ่มหวานส่วนเนื้อในเหนียวคล้ายเยลลี่ ที่มี เม็ดเล็กๆ สีขาวอมชมพูเคี้ยวกรุบๆ เรียกว่าทั้งสวยทั้งอร่อย ผัก นานาชนิดก็แสนจะสดอวบ มะเขือเทศ แครอท กะหล�่ำปลีหัว แน่นๆ บีทรูทสีแดงเข้ม แอสปารากัตยอดอวบ ผักสลัดใบกรอบ สด ถั่วนานาชนิด มะเขือหลากสี ทั้งเขียว ขาว ม่วง เลม่อนสี

เหลืองสด สีสันสุดจะพรรณนาจริงๆ แม่ครัวหัวป่าก์ทั้งหลาย เห็นแล้วแทบอดใจไม่ไหวจริงๆ ดอกไม้เมืองหนาววางเรียงรายในกระป๋องหลากสี ทั้ง ดอกไม้จากแปลงปลูกและดอกไม้ป่าจัดก�ำเป็นช่อ ทั้งจัดอยู่ ในแจกัน หรือขวดแก้วเล็กๆ น่ารัก ดอกไม้ป่าที่เราเห็นตาม ข้างทาง เช่น ดอกเดซี่ ก็สามารถตัดเป็นก�ำใหญ่มาวางขายได้ กุหลาบที่นี่ดอกใหญ่ก้านแข็งตรง มีทั้งสีแดง ส้ม ชมพู เหลือง และขาวนวล และยังมีกระถางดอกไม้ประดับอีกนานาชนิด ถัดจากแผงดอกไม้ที่เรายืนชื่นชมด้วยความรู้สึกไม่อยาก เดินจากมาเลย บางแผงขายสมุนไพรหลากชนิด รวมทั้งผลไม้ แห้งนานาชนิด ที่เห็นและพอจะรู้จัก ก็เช่น องุ่นแห้งหรือลูกเกด ลูกพลัมแห้ง ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลไม้แห้งเหล่านี้ชาว สวิสชอบเอาติดตัวขึ้นไปเวลาเดินทางไปเที่ยวตามภูเขา เพราะ

9 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


พกพาง่ายสามารถหยิบออกมากินแก้หิว กระหายเมื่อเดินขึ้นเขาแล้วรู้สึกล้าคงจะ จริงนั่นแหละ เพราะเป็นการเพิ่มน�้ำตาล ซึ่งจะท�ำให้กระฉับกระเฉงขึ้น ยิ่งกว่านั้นสินค้าในตลาดนัดส่วน ใหญ่เป็นสินค้าคุณภาพดีจากแม่ค้าราย ย่อย หรือพืชผลจากไร่นาของชาวนา แม้ ราคาจะสูงกว่าในซูเปอร์มาร์เก็ตแต่ก็นับ ว่าสดใหม่กว่า ซึ่งเมื่อพวกเราเข้าไปซื้อ ของในร้าน Coop ในวันต่อๆ มา ก็เห็น เป็นเช่นนั้นจริง ด้วยความเกรงใจเพื่อนๆ และ พี่แอ๊ด ที่ต้องหยุดคอยบอกเล่ากันเป็น ระยะ ต้องเดินตามไปให้ทันกลุ่มของเรา จะเอ้อระเหยลอยชายเป็นพระยาน้อย ชมตลาดอยู่นานนักไม่ได้ ห้างใหญ่บนถนนเส้นนี้คือ ห้าง Innovation เดิมนั้น พี่แอ๊ดอธิบายว่า ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อห้างเป็น Globus บน ถนนเส้นนี้ยังมีอีกหลายร้านที่น่าสนใจ เช่ น สมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรม

ราชิ นี น าถ เคยทรงโปรดมาซื้ อ เสื้ อ ผ้ า ข้าวของที่ห้างแอนนาเบล (Annabelle) อีกทั้งยังมีร้านกาแฟและขนมตรงหัวมุม ถนนที่สมเด็จพระบรมราชชนนีโปรด คือ ร้าน Majannier ที่พวกเราหลายคนได้ แวะเข้าไปจิบกาแฟและชิมขนมกันด้วย ถ้ามีตลาดนัดในวันที่เราเตรียมแพ็คของ กลับกรุงเทพฯ ก็คงอดที่จะซื้อผลไม้สดๆ กลับมาฝากเพื่อนๆ บรรดาคอผักผลไม้ ด้วยกันเป็นแน่ เอาเป็นว่าคราวนี้ขอถ่าย รูปมาฝากก็แล้วกัน ดูเถอะว่าสีสวยแค่ ไหน สดเปล่งเสียจริงๆ ช่างเป็นตลาดนัด ทีร่ วมหลากสีสนั จากธรรมชาติและความ สดชื่น เจริญตาเจริญใจแถมยังสะอาด ดู เป็นระเบียบดีเหลือเกิน อั น ที่ จ ริ ง การชมตลาดนั ด ของ เมื อ งไหนๆ ไม่ ว ่ า ในประเทศหรื อ ต่ า ง ประเทศ ในเมืองหรือชนบทเป็นโอกาส อันดีส�ำหรับการเข้าใจวิถีชีวิตของผู้คน ในท้องถิ่นนั้นๆ เพราะจะได้เห็นว่าผู้คน ปลูก พืช ผัก อะไร รั บประทานอะไรกั น

10 IS AM ARE www.fosef.org

บ้ า ง และมี ข ้ า วของเครื่ อ งใช้ ท ้ อ งถิ่ น อะไรบ้าง เนื่ อ งจากถนนเส้ น นี้ เ ป็ น ถนน แคบๆ ปูด้วยหินอย่างถนนโบราณเช่น เดี ย วกั บ เมื อ งอื่ น ๆ ในยุ โรป และการ ปิดถนนเป็นถนนคนเดิน ท�ำให้การเดิน เข้าไปชมตลาดนัดสามารถเดินอย่างมี ความสุข แม้อากาศช่วงเดือนพฤษภาคม ค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น หรือช่วงที่มีลมแรง แต่การเดินขึ้นเนิน เขา ลงลาดเขาก็ท�ำให้หายหนาวไปได้ มากทีเดียว ขาเดิ น กลั บ จากตลาดนั ด พวก เราได้ แวะถ่ า ยรู ปโบสถ์ แซงต์ ฟ รั ง ซัวส์ ตรงจั ตุ รั ส แซงต์ ฟ รั ง ซั ว ส์ โบสถ์ นี้ เ คย เป็นส่วนหนึ่งของอารามฟรานซิสกัน ที่ ได้รับการก่อตั้งขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ ๑๓ เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามเด้น เป็นสง่ากลางเมือง ขอบคุณข้อมูล : หนังสือตามรอยยุวกษัตริย์ สวิตเซอร์แลนด์, ยุพา ชุมจันทร์, ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย


11 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


12 IS AM ARE www.fosef.org


พระราชประวัติ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด า เจ้ า ฟ้ า มหาจั ก รี สิ ริ น ธร รั ฐ สี ม าคุ ณ ากรปิ ย ชาติ สยามบรมราชกุ ม ารี ทรงเป็ น สมเด็ จ พระเจ้ า ลู ก เธอพระองค์ ที่ ๓ ในพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ฯ และสมเด็ จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรม ราชิ นี น าถ เสด็ จ พระราชสมภพเมื่ อ วั น เสาร์ ที่ ๒ เมษายน พุ ท ธศั ก ราช ๒๔๙๘ ณ พระที่ นั่ ง อั ม พรสถาน พระราชวั ง ดุ สิ ต ได้ รั บ พระราชทานพระนามว่ า สมเด็ จ พระเจ้ า ลู ก เธอ เจ้ า ฟ้ า สิ ริ น ธรเทพรั ต นสุ ด า กิ ติ วั ฒ นา ดุ ล โสภาคย์ ด้ ว ยเหตุ ที่ ท รงบ� ำ เพ็ ญ พระ ราชกิ จ จานุ กิ จ นานั ป การอั น เป็ น ประโยชน์ แ ก่ แ ผ่ น ดิ น และราษฎร พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ฯ จึ ง มี พ ระบรมราชโองการโปรดเกล้ า โปรดกระหม่อม ให้สถาปนาพระราช อิสริยยศ และพระราชอิสริยศักดิ์เป็น สมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด า เจ้ า ฟ้ า มหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยาม-บรมราชกุ ม ารี ในการพระราช พิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๐ และจากพระวิริยะ อุ ต สาหะในการทรงศึ ก ษาหาความรู ้ และบ�ำเพ็ญพระราชกิจนานัปการ พระ เกียรติคุณ เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง ทั้งใน ราชอาณาจักร และนานาชาติ จึงทรง รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แห่งราชอาณาจักรไทย และทรงรับการ ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ต่างประเทศ การศึ ก ษา สมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี ทรงเริ่ ม ต้ น การ ศึ ก ษาระดั บ อนุ บ าล เมื่ อ พุ ท ธศั ก ราช ๒๕๐๑ ณ โรงเรี ย นจิ ต รลดา ในเขต พระราชฐาน พระต�ำหนักจิตรลดารโหฐาน

พระราชวั ง ดุ สิ ต โดยทรงศึ ก ษาต่ อ เนื่องไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา ตลอด ระยะเวลาที่ทรงศึกษา ทรงเอาพระทัย ใส่ ใ นการเรี ย น โปรดการอ่ า น และ การศึ ก ษาวรรณคดี ทั้ ง ของไทยและ ต่างประเทศ ทรงเริ่มแต่งค�ำประพันธ์ ต่างๆ ทั้งร้อยแก้ว และร้อยกรอง ตั้งแต่ ยังทรงศึกษาในชั้นประถมศึกษา โปรด การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ทั้งด้านกีฬา ดนตรี บันเทิง และกิจกรรม เพื่อสาธารณประโยชน์ หลั ง จากทรงส� ำ เร็ จ การศึ ก ษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในแผนก ศิ ล ปะ จากโรงเรี ย นจิ ต รลดา เมื่ อ พุทธศักราช ๒๕๑๖ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี ทรง สอบเข้ า ศึ ก ษาต่ อ ในระดั บ อุ ด มศึ ก ษา ณ คณะอั ก ษรศาสตร์ จุ ฬ าลงกรณ์

13 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐

มหาวิทยาลัย แม้จะมีพระราชภารกิจ โดยเสด็ จ พระราชด� ำ เนิ น พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปเยี่ยม ราษฎรในภูมิภาคต่างๆ แต่ก็ทรงมีพระ วิริยะอุตสาหะในการเรียนอย่างยิ่งและ ยั ง ทรงร่ ว มกิ จ กรรมของคณะและของ มหาวิ ท ยาลั ย เช่ น เดี ย วกั บ นิ สิ ต ทั่ ว ไป ในปีการศึกษา ๒๕๑๙ ทรงส�ำเร็จการ ศึ ก ษา และทรงเข้ า รั บ พระราชทาน ป ริ ญ ญ า อั ก ษ ร ศ า ส ต ร บั ณ ฑิ ต เกี ย รติ นิ ย มอั น ดั บ หนึ่ ง เหรี ย ญทอง สาขาวิชาประวัติศาสตร์ ณ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย


ในพุทธศักราช ๒๕๒๐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสมัครเข้าศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยศิลปากรและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพร้อมกัน ทั้งสองแห่ง ทรงส�ำเร็จการศึกษาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขา วิชาจารึกภาษาตะวันออก จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ในปีการ ศึกษา ๒๕๒๒ หลังจากนั้น ทรงส�ำเร็จการศึกษา อักษรศาสตร มหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาบาลี - สันสกฤต จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยในปีการศึกษา ๒๕๒๔ ต่อมา ด้วยความสนพระทัย งานด้านการพัฒนา โดยอาศัยหลักวิชาการศึกษาหรือการเรียน รู้เป็นแกน จึงทรงสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับดุษฎีบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ทรงส�ำเร็จการศึกษา และรับ พระราชทานปริญญา การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษาศาสตร์ในปีการศึกษา ๒๕๒๙

แผนที่ โภชนาการ เป็นต้น ด้วยมีพระราชประสงค์ ที่จะน�ำความ รู้ที่ได้จากวิชาการเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในการทรงงานพัฒนา ชุมชน และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร การรั บ ราชการ หลังจากทรงส�ำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาแล้ว ใน พุทธศักราช ๒๕๒๓ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ทรงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์กองวิชากฎหมายและ สังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทรงสอนวิ ช าประวั ติ ศ าสตร์ ไ ทยและสั ง คมวิ ท ยา ต่ อ มาใน พุทธศักราช ๒๕๓๐ ได้มีการตั้งกองวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ โดยสมเด็จพระเทพรัตน-ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระยศ

หลักคิดในการใช้การศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้าง และพัฒนาความรู้ ความคิดของประชาชน และเป็นเครื่องมือใน การพัฒนาชุมชน และสังคม ที่ทรงได้รับจากการศึกษาในระดับ ดุษฎีบัณฑิต ผนวกกับประสบการณ์ที่ทรงเรียนรู้ จากการโดย เสด็จพระราชด�ำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงเป็น พื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่ง ในการทรงงานพัฒนาของพระองค์ เอง ในเวลาต่อมา จวบจนปัจจุบัน น อ ก เ ห นื อ จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ใ น ร ะ บ บ ส ม เ ด็ จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังสนพระทัย ศึกษาเพิ่มเติม ดูงาน ประชุมสัมมนา และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ การ เพื่อเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ ในวิชาการด้านอื่นๆ อีกหลาย ด้าน เช่น ภูมิศาสตร์กายภาพ อุทกศาสตร์ พฤกษศาสตร์ การ จัดการทรัพยากรดินและน�้ำ รีโมตเซนซิ่ง ระบบภูมิสารสนเทศ

14 IS AM ARE www.fosef.org


15 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


พันเอก ทรงด�ำรงต�ำแหน่งหัวหน้ากอง (ซึ่งต่อมาได้มีการขยาย ต�ำแหน่งเป็นผู้อ�ำนวยการกองในพุทธศักราช ๒๕๓๒ พร้อมกับ กองอื่นๆ) ทรงเป็นผู้อ�ำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์พระองค์ แรกจนถึงปัจจุบัน มีพระราชภารกิจ ทั้งการบริหาร การสอน และงานวิชาการอื่นๆ ต่อมา ทรงได้รับพระราชทานพระยศ พลเอก ในพุทธศักราช ๒๕๓๙ และทรงได้รับโปรดเกล้าฯ แต่ง ตั้งเป็นศาสตราจารย์ (อัตราจอมพล) ในพุทธศักราช ๒๕๔๓ นอกจากนี้ ยังได้ทรงรับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายวิชาการ ณ สถาบั น การศึ ก ษาต่ า งๆ เช่ น จุ ฬ าลงกรณ์ ม หาวิ ท ยาลั ย มหาวิ ท ยาลั ย ธรรมศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย เชี ย งใหม่ และ มหาวิทยาลัยศิลปากร

และมู ล นิ ธิ เพื่ อ สาธารณกุ ศ ล ทรงด� ำ รงต� ำ แหน่ ง ประธาน กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้า มหิดล อุปนายิกาผู้อ�ำนวยการสภากาชาดไทย รวมทั้งการเสด็จ พระราชด�ำเนินแทนพระองค์ และการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ แทนพระองค์ในโอกาสต่างๆ เช่น การพระราชทานพระราช วโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าฯ การพระราชทานปริญญา บัตร การถวายผ้าพระกฐิน เป็นต้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรง จัดตั้งโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน ผู้ยากไร้ในชนบท โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพอนามัย และ แก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการ ทรงเห็นว่าเด็กจะเรียนหนังสือ ไม่ได้ ถ้าท้องหิว หรือเจ็บป่วย จึงทรงริเริ่มโครงการเกษตร เพื่ออาหารกลางวัน ในโรงเรียนต�ำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๕๒๓ ทรงเห็นความส�ำคัญของการศึกษาขั้นพื้น ฐาน จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ให้ก่อสร้างโรงเรียนในถิ่น ทุรกันดาร ศูนย์การเรียนชุมชนส�ำหรับชาวไทยภูเขา ห้องเรียน เคลื่อนที่ ทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นค่าตอบแทนครู ผู้สอน และทรงจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนพระราชทาน เพื่ อ ให้ เ ยาวชนมี โ อกาสได้ รั บการศึ ก ษาที่ เ หมาะสม จะได้มี

พระราชกิ จ นอกเหนือจากพระราชภารกิจในหน้าที่ราชการ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราช กรณียกิจด้านต่างๆ ครอบคลุมงานส�ำคัญๆ อันเป็นประโยชน์ หลักของบ้านเมือง เกือบทุกด้าน และทรงได้รับความไว้วาง พระราชหฤทัย ให้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ทรงสืบสาน ต่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนาง เจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มอบหมาย โดยเฉพาะการทรงงาน ด้านการบริหารองค์การ

16 IS AM ARE www.fosef.org


ความสามารถในการพึ่ ง ตนเอง และ เป็ น ที่ พึ่ ง ของครอบครั ว ได้ ใ นอนาคต ทรงติ ด ตามการด� ำ เนิ น งาน โครงการ ตามพระราชด�ำริอย่างใกล้ชิด และเสด็จ พระราชด�ำเนินเยี่ยมราษฎรในโครงการ ด้วยพระองค์เองเสมอ จากการที่ มี ป ระชาชนและ หน่ ว ยงานต่ า งๆ ได้ ทู ล เกล้ า ฯ ถวาย เงิ น เพื่ อ โดยเสด็ จ พระราชกุ ศ ล หรื อ สมทบทุ น ด� ำ เนิ น งานโครงการพั ฒ นา ต่ า งๆ จึ ง ทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล้ า ฯ ให้น�ำเงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายดังกล่าว มาจั ด ตั้ ง เป็ น กองทุ น การกุ ศ ลสมเด็ จ พระเทพฯ เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วย เหลื อ ประชาชนผู ้ ทุ ก ข์ ย ากเดื อ ดร้ อ น หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์อื่นๆ น อ ก เ ห นื อ จ า ก ง า น พั ฒ น า สมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด าฯ สยาม บรมราชกุ ม ารี สนพระทั ย งานศิ ล ป วั ฒ นธรรมไทยเป็ น อย่ า งยิ่ ง มี พ ระ ราชด�ำริว่า ควรจะมีการถ่ายทอดงาน ด้านวัฒนธรรมไปสู่เด็กและเยาวชนรุ่น ใหม่ ผ่ า นกระบวนการจั ด การศึ ก ษา อบรม ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่ อ ให้ ค นรุ ่ น ใหม่ เ หล่ า นี้ ไ ด้ เ รี ย นรู ้ ตระหนักความส�ำคัญ รักและผูกพันใน ศิลปวัฒนธรรมของชาติ สามารถสืบทอด เพื่ อ การอนุ รั ก ษ์ แ ละอาจพั ฒ นาเป็ น อาชี พ ได้ ทรงสนั บ สนุ น การด� ำ เนิ น กิจกรรมเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดมรดก ทางศิ ล ปวั ฒ นธรรมของไทย พระ อุ ต สาหะในการปฏิ บั ติ กิ จ การอั น เป็ น ประโยชน์แก่บ้านเมืองและประชาชน เป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรทั่วหน้า จึง ทรงได้ รั บ การทู ล เกล้ า ฯ ถวายรางวั ล เกี ย รติ ย ศ พระเกี ย รติ คุ ณ ต� ำ แหน่ ง เกียรติยศ และปริญญากิตติมศักดิ์ จาก สถาบั น หน่ว ยงานและองค์ก ร ทั้งใน

ราชอาณาจักรและต่างประเทศจ�ำนวน มาก พระราชจริ ย าวั ต รที่ ป ระชาชน ทัว่ ไปได้เห็นประจักษ์ คือ พระเมตตาและ ความเอาพระทัยใส่ในชีวิตความเป็นอยู่ ของประชาชน สมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระ ราชปณิ ธ านที่ จ ะช่ ว ยเหลื อ ผู ้ ที่ ทุ ก ข์ ยาก เดือดร้อนโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ เผ่ า พั น ธุ ์ เชื้ อ ชาติ ศาสนา พสกนิ ก ร ต่ า งยกย่ อ ง และชื่ น ชมในพระบารมี ดั ง นั้ น เพื่ อ เป็ น การเทิ ด พระเกี ย รติ ที่

17 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐

ทรงมีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองในด้าน ต่างๆ มาโดยตลอด จึงมีบุคคล หน่วย งาน สมาคม และองค์กรต่างๆ ทั้งใน ราชอาณาจักรและในต่างประเทศ ขอ พระราชทานอั ญ เชิ ญ พระนามาภิ ไ ธย และขอพระราชทานนาม ไปเป็ น ชื่ อ พรรณพืช และสัตว์ที่ค้นพบใหม่ในโลก รวมทั้งสถานที่ และสิ่งต่างๆ เป็นจ�ำนวน มาก เพื่ อ เป็ น การเฉลิ ม พระเกี ย รติ และเป็นสิริมงคลสืบไป นอกจากนี้ ยัง ได้ ท รงพระกรุ ณ ารั บ สมาคม สถาบั น และองค์กรต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามแนว


18 IS AM ARE www.fosef.org


พระราชด�ำริ หรือที่มีวัตถุประสงค์ด�ำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่ ทรงให้การสนับสนุน ซึ่งล้วนเป็นไปเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ขาดแคลน หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ไว้ในพระราชูปถัมภ์ งานอดิ เ รก ยามที่ทรงว่างจากพระราชกิจสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพักผ่อนพระอิริยาบถโดยทรง มี งานอดิเรกที่สนพระทัย หลายประเภท เช่น ดนตรี งานศิลป์ กีฬา งานสะสม การทัศนศึกษา การอ่านและสะสมหนังสือ ทรง มีหอสมุดส่วนพระองค์ที่จัดเก็บหนังสือหลากหลายประเภท ทั้ง ที่ทรงเลือกซื้อด้วยพระองค์เองและที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย และ ดังเช่นเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ทรงมีพระอัจฉริยภาพในการ เรียงร้อยอักษร จึงทรงพระราชนิพนธ์ร้อยแก้วและร้อยกรอง ไว้เป็นจ�ำนวนมาก มีทั้งประเภทบทความ เรื่องสั้น ความเรียง

ค�ำน�ำ บทกวี บทเพลง เรื่องแปล และสารคดี เป็นต้น รวมทั้ง พระราชนิพนธ์ชุดเสด็จพระราชด�ำเนินเยือนต่างประเทศ ซึ่ง เปรียบเสมือน “บันทึกการเดินทาง” ที่ให้ทั้งความรู้และความ เพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน ใ น ป ั จ จุ บั น ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ ท พ รั ต น ร า ช สุ ด า ฯ สยามบรมราชกุ ม ารี ยั ง สนพระทั ย ศึ ก ษาและฝึ ก ฝนเรี ย นรู ้ ทักษะภาษาและวิชาการต่างๆ อยู่มิได้ขาด เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีน เทคโนโลยีสารสนเทศ ดาราศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น พระปรีชาสามารถด้านภาษา เป็น ที่ประจักษ์โดยทั่วหน้า นอกจากนี้ ยังสนพระทัยเข้าร่วมการ ประชุม แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ทรงศึกษาดูงาน และทรงพบปะ สนทนากับปราชญ์ด้านต่างๆ อยู่เป็นประจ�ำ เพื่อทรงรับความรู้ ใหม่ๆ และทันสมัยอยู่เสมอ

19 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


Cover Story

นักบริหารธุรกิจ ชีวิต และครอบครัว

สายสม วงศาสุลักษณ์

คุณ สายสม วงศาสุลักษณ์ นักสังคมสงเคราะห์และอาสาสมัครชื่อดัง เป็นคนหนึ่งที่ฉายแววนักบริหารมาตั้งแต่ เด็ก เพราะเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่นตั้งแต่เด็ก เช่น ติวหนังสือให้เพื่อน ได้รับความไว้ใจให้เป็นคนเก็บภาษีเงินได้ของครู ทั้งโรงเรียนในสมัยนั้น ซึ่งน้อยคนจะรู้จักความเป็นมาของ “ผู้หญิงเก่ง” คนนี้ แม้จะท�ำงานเป็นประธานและกรรมการใน มูลนิธิต่างๆ มากมายเพื่อช่วยเหลือสังคม แต่ความเป็นนักบริหารก็ยังสามารถน�ำมาดูแลครอบครัวและลูกๆ ได้อย่างไม่ขาด ตกบกพร่อง ชนิดที่ว่าลูกสาวสามคนรวมถึงตนเองและสามี เรียนจบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งครอบครัว รวมถึงกิจการ ของสามี ปรีชา วงศาสุลักษณ์ นักสะสมของเก่าที่รู้จักกันดีในนาม “น้อย อัมพวา” คุณสายสมก็สามารถบริหารดูแลจนอยู่ หมัดแบบไม่ต้องเปลืองสาขา เรื่องราวความเป็นมาสนุกๆ ของ “ผู้หญิงเก่ง” คนนี้ นอกเหนือจากการท�ำเพื่อสังคมมายาวนานเป็นอย่างไร เชิญ ทุกท่านร่วมค้นคว้าในบทสัมภาษณ์นี้ค่ะ

20 IS AM ARE www.fosef.org


21 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


พื้ น ฐานครอบครั ว สื บ เชื้ อ สายมาจากไหนคะ ? เป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ก�ำเนิด อยู่ใกล้ๆ กับมูลนิธิ สายใจไทย แถวพญาไทค่ ะ คุ ณ ยายคื อ ลู ก ของพระยา อรรคราชวราทร (ภัสดา บุรณศิริ) เป็นต้นตระกูล บุรณศิริ พระยาอรรคราชวราทรรับราชการสมัยรัชกาลที่ ๕ คุณหญิง ชมคือคุณแม่ของคุณยาย รัชกาลที่ ๕ ท่านจัดพิธีแต่งงานให้ กับพระยาอรรคราชวราทร ก็เนื่องจากคุณพ่อของคุณหญิงชม เป็นพระพี่เลี้ยงของรัชกาลที่ ๕ ก็ได้สืบเชื้อสายมา รัชกาลที่ ๕ ก็เลยจัดให้แต่งงาน ต้นตระกูลของบุรณศิริ พระยาอรรคราชวราทร เป็น พี่ชายของพระยาอุเทนเทพโกสินทร์ ซึ่งเป็นบิดาของพระยา บุรณศิริพงค์ (บิดาของพลตรีประถม บุรณศิริ) ทางฝ่ายสายสมเป็นผู้หญิงหมดเลย คุณยายเป็นลูกคน สุดท้องของพระยาอรรคราชวราทร คุณยายก็แต่งงานแต่ไม่ได้ จดทะเบียน พอลูกออกมาก็ไม่ได้ใช้นามสกุลคุณยายแล้ว แล้ว คุณแม่ก็เป็นผู้หญิง ตอนก่อนแต่งงานสายสมนามสกุล ฉัตรแก้ว ก็ไม่ได้ใช้ บุรณศิริ อยู่ดี เพราะคุณพ่อนามสกุล ฉัตรแก้ว

โรงเรียนศรีอยุธยาฯ เป็นประธานสภานักเรียน เป็นหัวหน้าชั้น มาตั้งแต่เด็ก ชอบท�ำงานจิตอาสาเพราะว่าตั้งแต่เด็กต้องคิดถึง คนอื่นก่อนเสมอ ชอบช่วยเพื่อน เป็นคนเรียนหนังสือเก่งก็ต้อง ติวให้เพื่อน ดูแลเพื่อน ครูก็ฝากให้ช่วยงานตลอด ตั้งแต่เด็กๆ คุณครูจะให้เป็นคนเก็บภาษีเงินได้ของครู ในโรงเรียน สมัยก่อนยังไม่มีแบงค์โอน ภาษีเงินได้ของคุณครู ทุกคนสายสมจะต้องเป็นคนเก็บทั้งโรงเรียนเลยค่ะ ทั้งๆ ที่เรา เรียนหนังสืออยู่แค่ชั้น ป.๔ จนเราเรียนจบชั้นประถม ๗ สมัย ก่อนนะคะ จนคุณครูต่างบอกว่าเห็นหน้าสายสมอีกแล้วครูต้อง จ่ายตังค์อีกแล้ว (หัวเราะ) ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องภาษี แต่เราก็ดีใจที่ครูใช้งานเรา ครู รักเรา แต่ตอนนี้มาคิดดูก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ๑.เราต้องเป็นคน ที่ละเอียด ๒.เราต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ เพราะเป็น เงินสดทั้งนั้น ในยุคนั้นไม่มีเช็ค รวบรวมเงินเอามาส่งให้ที่ห้อง ครูใหญ่ ห้องฝ่ายการเงินโรงเรียน พอจบประถม ๗ ก็มาสอบเข้าโรงเรียนศรีอยุธยา ใน พระอุปถัมภ์ เป็นหัวหน้าชั้นมาเรื่อยๆ แล้วก็เป็นประธานสภา นักเรียนในยุค ๑๔ ตุลา ตอนนั้นเราก็ต้องไปประชุมสหพันธ์ นั ก เรี ย นสหพั น ธ์ นั ก ศึ ก ษาช่ ว งที่ เขาชุ ม นุ ม อยู ่ แ ถวอนุ ส าวรี ย ์ ประชาธิปไตย โดนแก็สน�้ำตาก็เคย เพราะฉะนั้นภายในตัวก็

ในวั ย เด็ ก เรี ย นที่ ไ หนบ้ า งคะ สมัยเด็กเรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนสตรีปทุมวัน แล้ว ก็มาเรียนต่อที่โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ สมัยเรียนที่

22 IS AM ARE www.fosef.org


กว่ า จะมาเป็ น วั น นี้ ท� ำ มาหมดแล้ ว ตั้ ง แต่ เ ทกระโถนท� ำ ทุ ก อย่ า งจึ ง รู ้ ว ่ า กว่ า จะขึ้ น มาเป็ น เบอร์ ห นึ่ ง ได้ ต้ อ ง ท� ำ อะไรมาแล้ ว บ้ า ง เพราะว่ า เป็ น เด็ ก ถู ก พี่ ๆ เขาใช้ บ้ า งที เ ขาใช้ ด ้ ว ยความรั ก บางที เ ขาหลอกใช้ แต่ ก็ เพราะว่ า เราผ่ า นมาอย่ า งนั้ น เราถึ ง จะเก่ ง ไง จะมีความแข็ง เลยท�ำให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้เพราะว่า ตัวเองเรียนสายวิทย์ตั้งใจจะเป็นหมอ สมัยนั้นไม่มีครูแนะแนว พอไม่ติดแพทย์ก็เริ่มเครียดมากเพราะว่าเป็นผู้หญิงเก่งแล้วก็ ผิดพลาดครั้งแรกในชีวิตก็คือสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ตัว เองเป็นพี่สาวคนโตแล้วมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง สองคนพี่น้อง เท่านั้น แล้วก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยรามค�ำแหงเพราะว่าเพื่อนๆ ในกลุม่ ทีส่ นิทกันก็ไปเรียน สายสมเรียนบริหารธุรกิจ เอกบริหาร ทั่วไป ในขณะที่เพื่อนทุกคนในแปดคน เขาเรียนบัญชี เรียนการ เงินการธนาคาร เรียนโฆษณาประชาสัมพันธ์ มีสายสมคนเดียว ที่เรียนบริหารซึ่งในยุคนั้นคนก็จะมองว่าจะไปบริหารอะไร วิชา บริหารทุกเล่มในรามค�ำแหงสายสมเรียนทุกเล่มเลยค่ะ เพราะ ถือว่า ถ้ารู้อะไรต้องรู้ให้จริงรู้ให้ลึก ทุกคนก็ถามว่ามีใครเขาจะ

รับสมัครเธอไปเป็นผู้อ�ำนวยการผู้จัดการไหม ตัวเองบอกไม่รู้ แต่เราต้องเรียนบริหาร ท่ า นเป็ น ลู ก หลานเจ้ า พระยาสื บ เชื้ อ สายมา เคยคิ ด ไหมคะว่ า จะกลั บ เข้ า มารั บ ใช้ ใ นพระราชวงศ์ คืออย่างนี้ตอนเด็กๆ ตัวเองถึงบอกว่ามีความบู๊กับมี ความเรียบร้อยอยู่ในตัว คุณยายก็โตในวัง คุณยายอยู่กับพระ วิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา เจ้าคุณทวดส่งมาให้อยู่ คุณยายอยู่รุ่นเดียว กับหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ คุณยายอยู่กับพระวิมาดาฯ เป็น รุ่นพี่ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร ตอนที่อายุมากๆ กันแล้วเราต้องตามคุณยายไป เขาก็จะมีประชุมมิตติ้ง สายสม ก็เป็นคนจด พระองค์เจ้าหญิงวิมลฉัตรรับสั่งว่า ยายเม้าส์เธอ ต้องจดนะไม่งั้นพวกยายก็จะลืม นี่ก็เป็นเลขาของรุ่น เขามีเลี้ยง รุ่น ทุกคนก็ท�ำอาหารอร่อยคนละอย่าง เป็นอย่างนี้หลายปีจน กระทั่งท่านก็เริ่มเสียกันไปหมดรวมทั้งคุณยาย ชื่อเล่น “มิกกี้เม้าส์” ค่ะ เพราะว่าตอนเกิดคุณพ่อบอก ว่า มิกกี้เม้าส์วอลท์ดิสนี่ย์เข้ามาเมืองไทยดังมากชื่อมิกกี้เม้าส์ มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว

23 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


วันหนึ่งพ่อเขาจับได้ก็ถูกตีแล้วก็ไล่ออกจากบ้านเพราะ ว่าไม่ได้เอาตังค์มาเลย ไปเก็บของเก่ามาหมด เป็นกาน�้ำเป็น ถ้วยเป็นอะไรอย่างนี้ ตอนเขาแต่งงานกับเราเขามีตั้ง ๕ สาขา สายสมมาสั่งปิดหมดเลยให้เหลือที่เราที่เดียว เพราะว่าเราจะได้ คอนโทรลได้ เห็นไหมนักบริหาร ก็สามารถคอนโทรลรายใหญ่ๆ ได้ แล้วเราก็ไม่ต้องใช้เงินของที่บ้านเลย เพราะเขาออกจากบ้าน มาตั้งแต่เด็ก วันที่เขาออกมาสร้างตัวเป็นน้อย อัมพวาแล้ว ก่อน จะมาแต่งงานกับเรา ก็ถือว่าโชคดีที่แต่งงานกับคนรวย แถม รวยโดยไม่ต้องเอาเงินที่บ้าน สายสมเป็นคนที่ไม่ชอบเก็บกวาด บ้าน ไม่ท�ำครัว ไม่ท�ำกับข้าว ตั้งแต่เด็ก ชอบท�ำบ้านรก แต่จะ เก่งบริหารมากเพราะฉะนั้นก็ตั้งใจว่าถ้าจะแต่งงานต้องไม่มีแม่ สามี ถ้ามีแม่สามีก็คงโดนถลกหนังแน่เลย (หัวเราะ) ก็พอดีแม่ สามีเสียไปตั้งแต่คุณน้อยอายุ ๕ ขวบ เพราะอะไรถึ ง เลื อ กที่ จ ะบริ ห าร น้ อ ย อั ม พวา จาก ๕ สาขา เหลื อ สาขาเดี ย ว ที่แต่งงานกันมาก็เพราะเราเป็นนักบริหาร สามีบอก ว่าเขาไม่ประสงค์จะหาภรรยาที่ท�ำกับข้าวออกจากครัวมาตัว เรี ย นจบพบคู ่ ชี วิ ต น้ อ ย อั ม พวา จบรามค� ำ แหงสามปี ค รึ่ ง ค่ ะ ตอนที่ จ บยั ง ไม่ ไ ด้ รั บ ปริญญาเลย มีเพื่อนแนะน�ำให้รู้จักกับสามี ตัวเองไม่เคยกรอก ใบสมัครงาน ไม่เคยเป็นลูกจ้าง ไม่เคยท�ำงานที่ไหน เรียนจบก็ แต่งงานเลยค่ะ แล้วก็แต่งงานกับสามีที่เป็น น้อย อัมพวา (ปรีชา วงศาสุลักษณ์) แก่กว่ากัน ๙ ปี พี่เขาขยายสาขาน้อย อัมพวา เยอะแยะไปหมด เขาเป็นคนเก็บของเก่าสะสมของเก่า เป็นนัก อนุรักษ์วัตถุโบราณ ปัจจุบันคุณ ปรีชา วงศาสุลักษณ์ เป็นผู้พิพากษา ๕ ศาล คือ ผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แล้วก็ ผู้ ไกล่เกลี่ยประนีประนอม ศาลอาญา ศาลแพ่งใต้ ศาลอุทธรณ์ และศาลแรงงานกลาง เขาจบครูสวนสุนัน ทาแล้ว ก็ไ ปต่ อ โท นิ เ ทศจุ ฬ าฯ หลั ง จากแต่ ง งานแล้ ว ก็ ไ ปเรี ย นต่ อ ปริ ญ ญาโท นิเทศจุฬาฯ ด้วยกัน สามีชื่อเล่นเขาชื่อน้อย เดิมเป็นคนอัมพวา พ่อเขารวยมาก เป็นเอเยนต์ยาในจังหวัดสมุทรสงคราม อยู่ริม คลองเป็นห้องแถวสองห้อง เขาเรียกเรือนแพ ซึ่งปัจจุบันมอบ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อก่อนพ่อของคุณน้อยจะส่งยาทั่วจังหวัด สมุทรสงครามโดยใช้เรือ แต่พอเวลาคุณน้อยไปส่งยาบ้านไหน เขาจะไม่เก็บตังค์ เขาแลกเอาถ้วยชามมา เขาชอบมาก แล้วก็ เอามาซ่อนใต้เตียง

24 IS AM ARE www.fosef.org


25 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


เหม็น เพราะว่าเขามีตังค์จ้างแม่บ้านได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไป ท�ำครัว ส่วนมากจะคิดแต่เรื่องวางแผน คนก็งงว่ามี ๕ สาขา พอ แต่งงานแล้วสั่งยุบหมด คือเราคอนโทรลได้หมดลูกค้าของเก่า ไม่ต้องมาเยอะๆ แค่นัดแล้วเจอเรานั่นคือร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ว เขาไม่ได้ซื้อ ๕ บาท ๑๐ บาท เขาซื้อเป็นล้านเป็นแสน เพราะ ฉะนั้นไม่จ�ำเป็นต้องจ้างคนเฝ้า เหตุผลเพราะว่าบางสาขาเรา ไปสิบโมงยังไม่เปิดร้านเลย บางที่ตอนเย็นเราจะแวะเข้าไปสี่ โมงปิดแล้ว เพราะฉะนั้นแต่ละสาขามันคุมไม่ได้ เราเพิ่งจบใหม่ อายุนิดเดียวท�ำยังไงถึงเราจะคุมได้ก็ต้องยุบให้หมดเลย เหลือที่ เดียวคุมได้หมดจริงๆ ลู ก สาว ๓ คนตอนนี้ ท� ำ อะไรอยู ่ บ ้ า ง คนโตเรียนจบปริญญาตรีวิศวะ และปริญญาโทนิเทศ จุฬาฯ ตอนนี้ก�ำลังเรียนปริญญาเอกครุศาสตร์บริหารการศึกษา แต่ตอนที่เขาจบปริญญาโทแล้วเขาไปเรียนตัดผมที่อังกฤษ โท นี่แอนด์กาย (Toni & Guy) คนนี้จะเป็นคนที่อาร์ทติสแต่เขา บอกเรียนวิศวะเพราะว่าแม่บอกอยากให้เรียนหมอก็เรียนสาย วิทย์ เรียนให้แม่แต่เขาเป็นคนที่เรียนเก่งมาก สอบสาธิตจุฬาฯ ตอนเด็กๆ ได้บัตรทองเรียนดีตลอด คนที่ ๒ จบจากโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย แล้วก็ จบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แล้วก็จบเภสัชจุฬาฯ แล้วตอน นี้ก็มาเรียน MBA ของจุฬาฯ ตอนนี้จบโทบริหารจุฬาฯแล้ว

แม่ ทั้ ง หลายอย่ า เป็ น แม่ ขี้ บ ่ น เป็ น แม่ เ พ้ อ เจ้ อ ย�้ ำ คิ ด ย�้ ำ ท� ำ ลู ก ในวั น นี้ เ ด็ ก ทุ ก คนฉลาดไม่ จ� ำ เป็ น ต้ อ งคิ ด ว่ า เขาจะไม่ รู ้ เ รื่ อ ง พู ด แล้ ว พู ด เล่ า น่ า เบื่ อ ลู ก ของ สายสมตั้ ง แต่ เ ด็ ก มาถึ ง ทุ ก วั น นี้ เ ราจะตกลงกั น ไม่ กี่ ค� ำ ถื อ เป็ น วิ นั ย ระหว่างที่เขาจบปริญญาตรีเภสัชฯ เขาท�ำงานที่โรงพยาบาล บีเอ็นเอส ๒ ปี ไปท�ำที่โรงพยาบาลพระมงกุฏครึ่งปี แล้วก็มา อยู่โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์เก้าปี เพิ่งจะลาออกเมื่อปีที่แล้ว เพราะไม่อยากเป็นลูกจ้างใครตอนนี้ ออกมาท�ำครีมคอลลาเจน ทามือทาคอไม่ให้เหี่ยว ขายในเว็บ เวลาเราให้เพื่อนไปใช้เขา ก็จะถามหาซื้อที่ไหน ทาแล้วมันจะแห้งเลยไม่เหนอะ ใบหน้า กับคอไม่เหี่ยว คนที่ ๓ จบปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ แล้วไปสอบ ชิงทุนได้ปริญญาโทและปริญญาเอกควบของจุฬาฯ ตอนนี้รอรับ ปริญญา เดือนตุลาคม คนนี้ก็เรียนทุนไม่ต้องเสียตังค์ทั้งโททั้ง เอก จากจุฬาฯ ภาคอินเตอร์ งานวิจัยเขาได้ตีพิมพ์ที่ประเทศ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย มี วิ ธี ส อนลู ก สาวอย่ า งไร ทั้งสามสาวยังไม่แต่งงาน ทุกคนบอกว่าหาคนแบบคุณ

26 IS AM ARE www.fosef.org


พ่อไม่ได้ คนที่สองเป็นเภสัชกรบอก “คุณแม่ หนูผิดปกติรึเปล่า ถ้าไม่เก่งเท่าหนูหนูไม่เอา” ถ้ามีใครมาจีบใครสักคน พี่น้องสาม คนจะประชุมกัน เรานึกในใจแค่คนเดียวก็ไม่ผ่านแล้ว สามคน เขาฉลาดมาก เขาช่วยกันคิด สุดท้ายไม่มีใครผ่านได้ จนพ่อบอก ว่าลูกรักใครพ่อก็รักด้วย ลูกแต่งไปเลยถ้าเกิดไม่ดีเป็นแม่หม้าย หย่ากลับมาพ่อก็ยังเลี้ยง ยังดูแลเหมือนเดิม แต่ขอให้ลูกมีความ สุขสักครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ดีในวันหน้า คืออาจ เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากเสี่ยงเพราะพ่อรักเขามาก เราไม่เคยเคี่ยวเข็ญลูกเลย ลูกคนโตเขาจะสอนน้องตอน เรียนอยู่สาธิตจุฬาฯ ว่า น้องจ�ำไว้เลยนะไม่ต้องมาบ่นว่าอ่อน วิชานี้หรือเรียนไม่ทันเพื่อน เกิดเป็นลูกคุณแม่ต้องช่วยตัวเอง ทุกอย่าง แล้วคนโตเขาเป็นลูกคนแรกเขาก็จะพูดกับสายสมว่า เพื่อนเขามีแม่ดี เรียนอะไรแม่เขาก็ไปหาที่ติวให้ แล้วเวลาจะ จ่ายเงินก็ไปเข้าแถวรอตั้งแต่เช้ามืด ไปมหาวิทยาลัยแม่เขาก็ ไปส่ง พออยู่หอแม่เขาก็ไปท�ำความสะอาดให้ แม่เขาดูแลดีมาก แต่คุณแม่ไม่เคยดูแลหนูเลย ทั้งเรื่องเรียนเรื่องชีวิตส่วนตัว เราก็ ปล่อยให้ลูกพูดจนจบ นั่นน่ะสิ แล้วทุกวันนี้หนูกับเพื่อนคนนั้น ใครเก่งกว่ากัน เขาก็เงียบ แม่ที่สปอยล์ลูก ดูลูกมากๆ ก็คือแม่ ที่ท�ำร้ายลูก เพราะว่าแม่ท�ำจนลูกไม่ต้องท�ำ ฉะนั้น เอาสมอง คิดช่วยตัวเองให้ทันโลกทันผู้คน แล้วจะดูแลตัวเองได้ในสังคม หนูลองเทียบดูว่าระหว่างหนูกับเพื่อนใครเก่งกว่ากัน พอหลัง จากนั้นลูกสาวทั้งสามคนก็ไม่เคยต่อว่าแม่อีกเลย ลู ก สาวเก่ ง ทุ ก คน คิ ด ว่ า ตั ว เองเป็ น คุ ณ แม่ ที่ ดุ ไ หม เคยมีคนมาถามลูกว่าคุณแม่ดุไหม เพราะว่าคุณแม่เก่ง ขนาดนี้ มีน้อยครอบครัวที่ลูกทุกคนจะจบจุฬาฯ ทั้งหมด น่าจะ มีสักคนที่ไปเรียนสถาบันอื่นบ้าง ลูกตอบว่า คุณแม่ไม่ดุเลยค่ะ แม่เป็นแม่ที่ไม่ขี้บ่น ก็อยากจะบอกทุกครอบครัวว่า แม่ทั้งหลาย

อย่าเป็นแม่ขี้บ่นเป็นแม่เพ้อเจ้อย�้ำคิดย�้ำท�ำ ลูกในวันนี้เด็กทุก คนฉลาดไม่จ�ำเป็นต้องคิดว่าเขาจะไม่รู้เรื่อง พูดแล้วพูดเล่าน่า เบื่อ ลูกของสายสมตั้งแต่เด็กมาถึงทุกวันนี้เราจะตกลงกันไม่กี่ ค�ำ ถือเป็นวินัย ไม่เคยบอกว่าลูกท�ำการบ้านหรือยัง อาบน�้ำ หรือยัง ดูหนังสือหรือไปติวมารึเปล่า ลูกต้องรู้ว่าลูกอ่อนวิชา อะไร ลูกก็ต้องไปดูแลตัวเอง ลูกต้องอาบน�้ำท�ำการบ้านหรือ นอนตอนกี่โมง ต้องจัดการช่วยเหลือตัวเอง แม่จะพูดน้อยมาก แต่แค่มองตาเขาก็จะรู้ เพราะฉะนั้น เวลามีคนมาถามว่าคุณแม่ดุมากใช่ไหมลูก ถึงได้ดี ลูกจะตอบว่าไม่ค่ะ คุณแม่ไม่เคยดุเลย ส�ำหรับคุณแม่ ไม่มีค�ำว่าไม่ได้ ลูกสาวคนเล็กเมื่อพี่สองคนจบจุฬาฯ คณะดีๆ พอถึงเวลาเขาเอ็นทรานซ์บ้าง เขาห่างจากพี่ๆ ๕ ปี เขากดดัน มากเลย วันที่เขายื่นเลือกคณะก็เป็นการลองผิดลองถูกเขาถาม แม่ว่า คุณแม่ขาหนูขอเลือกมหาวิทยาลัยอื่นเป็นอันดับสุดท้าย

27 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ได้ไหม เราก็ตอบว่าได้แต่ถ้าวันหน้าเวลาถ่ายรูปครอบครัวลูก ต้องแยกถ่ายเดียว เพราะทุกคนใส่เสื้อครุยจุฬาฯ หมดทุกคน เมื่อเขาสอบติดก็ติดไป พอคนที่สองเราก็ไม่ได้พาไปสอบ ลูก แต่ละคนต่างคนต่างสอบติดคนละที่อยู่แล้ว เพราะว่าโรงเรียน มาแตร์เดอีรับตั้งแต่ชั้นอนุบาล ส่วนสาธิตจุฬาฯ รับ ป. ๑ เพราะ ฉะนั้นต่างคนต่างไปสอบก็ติดทั้งคู่ คนละโรงเรียน พอมาถึงลูก คนที่สามเราเป็นกรรมการสมาคมผู้ปกครองมาตลอด แต่เราไม่ ใช้สิทธิ์ไง คือไม่เคยใช้สิทธิพิเศษเพื่อลูกตัวเอง ท� ำ งานเพื่ อ ผู ้ อื่ น เยอะจนแทบจะไม่ มี เ วลา ครอบครั ว ว่ า ยั ง ไงบ้ า ง ตลอดเวลาเราก็ยังท�ำงานการกุศลเหมือนเดิม คือท�ำ มาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน สามีเขายอมเข้าใจในสิ่งที่เราท�ำ ตอน ลูกเล็กๆ เขาจะโวยวาย เช่นว่า “คุณแม่ไปท�ำโรงเรียนให้เด็ก พวกนี้ท�ำไมพ่อแม่เขายังทิ้งเลย แล้วคุณแม่เป็นใครถึงไปเลี้ยง เด็กพวกนี้” “ท�ำไมต้องออกไปโน้นไปนี่ ไปช่วยเด็กก�ำพร้า หรือให้ความส�ำคัญกับผู้อื่นจนเหมือนคุณแม่ไม่รักหนู” ก็เลย บอกลูกว่า “ถ้าแม่อยู่บ้านแม่ก็ท�ำให้เด็กดีได้แค่สามคน ซึ่ง สามคนนี้มีคุณพ่อมีคุณยายที่อบอุ่นมีทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าแม่ ออกไปข้างนอกแม่สามารถช่วยเด็กที่เขาเดือดร้อนล�ำบากได้ เป็นร้อยเป็นพัน”

ปั จ จุ บั น ท� ำ งานเพื่ อ สั ง คมที่ ไ หนบ้ า ง ๑.เป็ น ประธานมู ล นิ ธิ ช ่ ว ยคนปั ญ ญาอ่ อ นแห่ ง ประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ดูแลศูนย์สงเคราะห์ บุคคลปัญญาอ่อนทั่วประเทศ ๑๐ ศูนย์ ก�ำลังจะเปิดศูนย์ที่ ๑๑ ที่จังหวัดสระบุรี ต้องจ่ายเงินเดือนบุคลากรของมูลนิธิคน ปัญญาอ่อน ๒๐๐ กว่าคน แล้วดูแลเด็กพิการที่อยู่ในศูนย์ต่างๆ อีก ๕,๐๐๐ กว่าคน ใช้เงินเดือนละ ๔ ล้าน เป็นมูลนิธิอันดับ ที่ ๖ ของประเทศไทย ๒.เป็นประธานมูลนิธิร่วมน�้ำใจต่อต้านภัยเอดส์ ตั้งเอง ค่ะ แล้วก็ประธานมูลนิธิอนุเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ให้เขา มีโอกาสได้เรียนหนังสือข้างนอก อีกงานคือ ร่วมเป็นกรรมการ ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนพึ่งพากับพระองค์โสมตั้งแต่ ปี ๒๕๓๘ ช่วง น�้ำท่วมพระองค์โสมและพระองค์ภา ทรงก่อตั้งโครงการเพื่อน พึ่งพาแล้วต่อมาก็มาจดทะเบียนเป็นมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพา แล้วก็ถวายงานท่านมาตลอด กว่าจะมาเป็นวันนี้ท�ำมาหมดแล้วตั้งแต่เทกระโถนท�ำ ทุกอย่างจึงรู้ว่ากว่าจะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งได้ ต้องท�ำอะไร มาแล้วบ้าง เพราะว่าเป็นเด็กถูกพี่ๆ เขาใช้ บ้างทีเขาใช้ด้วย ความรัก บางทีเขาหลอกใช้ แต่ก็เพราะว่าเราผ่านมาอย่างนั้น เราถึงจะเก่งไง ท�ำไงถึงจะเขี้ยวลากดินเพราะว่าเราก็จ�ำคนอื่น เขามาท�ำ ถึงท�ำได้ เพราะว่าได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ก้าวเข้ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่อายุ ๑๗ ถึงวันนี้ก็ ๔๐ กว่าปี สบาย มาก เท่ากับเดินตามรอยเท้าเจ้าคุณทวดที่ได้รับใช้สนองพระ เดชพระคุณ

ติ ด นิ สั ย ช่ ว ยเหลื อ ผู ้ อื่ น มาตั้ ง แต่ เ มื่ อ ไหร่ ตั้ ง แต่ อ ายุ สิ บ เจ็ ด ตั้ ง แต่ เรี ย นอยู ่ มั ธ ยมช่ ว ยท� ำ งาน สมาคมศิษย์เก่าและสามัคคีสมาคมช่วยออกร้านงานกาชาด น้องคนไหนไม่มีที่เรียนเราหาที่เรียนให้ น้องคือน้องในโรงเรียน ศรีอยุธยา ใครสอบที่ไหนไม่ติดก็ช่วยติวช่วยประสานให้ทั้งที่ เราไม่มีเครดิตเลยนะ เราเป็นแค่เด็กนักเรียนคนหนึ่งคือช่วย ทั้งหมด ใครก็ตามที่เดือดร้อนถ้าเราช่วยได้เราก็ช่วย ไม่เคยคิด ว่าเขาจะมาตอบแทนบุญคุณ

28 IS AM ARE www.fosef.org


29 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


30 IS AM ARE www.fosef.org


Cartoon

31 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


32 IS AM ARE www.fosef.org


33 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร

ท่ า นเจ้ า ประคุ ณ สมเด็ จ พระญาณสั ง วร สมเด็ จ พระสั ง ฆราช สกลมหาสั ง ฆปริ ณ ายก ได้ ท รงสอนวิ ธี ส ร้ า งสุ ข ไว้ ดั ง นี้

พึ่งผิดที่ ชี วิตย่อมมีภัย

ภัยของชีวิตโดยตรง คือ กิเลส กล่าวอย่างสามัญ คือ โลภะ ความอยากได้ โทสะ ความขัดเคือง โมหะ ความหลง เรียกกันสั้นๆ ว่า โลภ โกรธ หลง ส�ำหรับภูมิคฤหัสถ์ หมายถึง ที่เป็นมูลให้ประพฤติชั่ว เรียกว่า กิเลสภัย ๑ อกุศล ทุจริต บาปกรรม เรียกว่า ทุจริตภัย ๑ ทางด�ำเนินที่ประกอบด้วยทุกข์เดือดร้อน เรียกว่า ทุคติภัย ๑ ทั้ง ๓ นี้เป็นเหตุผลเนื่องกัน คือ กิเลสเป็นเหตุให้ประกอบ ทุจริต ทุจริตก็ส่งไปสู่ทุคติภัย เหล่านี้บุคคลนั่นเองก่อขึ้นแก่ ตน คือ ก่อกิเลสขึ้นก่อน แล้วก็ก่อกรรมก่อทุกข์เดือดร้อน

ทั้งนี้ก็เพราะระลึกแล่นไปผิดจะกล่าวว่า ถึงสรณะผิดก็ได้ คือ ถึงกิเลสเป็นสรณะ ... ได้แก่ ... ระลึกแล่นไปถึงสิ่งที่เป็นเครื่องก่อโลภ โกรธ หลง เช่น แก้ว แหวน เงิน ทอง ลาภ ยศ เป็นต้น ที่ไม่ควรได้ควรถึงแก่ตน จะกล่ า วว่ า ถึ ง ลาภยศเช่ น นั้ น เป็ น สรณะก็ ไ ด้ ด้ ว ย จ�ำแนกออกเป็นสิ่งๆ และระลึกแล่นไปถึงบุคคลผู้มี โลภ โกรธ หลง ว่าผู้นั้นเป็นอย่างนั้น ผู้นี้เป็นอย่างนี้ และถือเอาเป็น ตัวอย่าง ถึงกรรมที่เป็นทุจริตเป็นสรณะ คือ ระลึกแล่นไปเพื่อฆ่า

34 IS AM ARE www.fosef.org


หลั ก ธรรมแห่ ง ความพอเพี ย ง สัตว์ตัดชีวิต เพื่อลักขโมยฉ้อโกง เพื่อประพฤติผิดในกาม เพื่อพูด เท็จ เพื่อดื่มน�้ำเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท หรือระลึก แล่นไปทางอบายมุขต่างๆ เมื่อจิตระลึกแล่นไปเช่นนี้ ก็เป็นผู้เข้านั่งใกล้กิเลสทุจริต นั้นๆ ด้วยจิตก่อน แล้วก็เข้านั่งใกล้ด้วยกาย ด้วยประพฤติทุจริต นั้นๆ ทาง กาย วาจา ใจ ทางด�ำเนินของตนจึงเป็นทุคติ ตั้งแต่ เข้านั่งใกล้กิเลสทุจริตในปัจจุบันนี้ทีเดียว คนเป็นผู้ก่อภัยแก่ตนด้วยตนเอง เพราะถึงสรณะที่ผิด ฉะนี้ และเพราะมีกิเลสก�ำบังปัญญาอยู่ จึงไม่รู้ว่าเป็นภัย ส่วน ผู้ที่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ ที่ระลึกแล่น ไปของจิต ตลอดถึงน�ำกายเข้านั่งใกล้ เป็นอุบาสก อุบาสิกา ของ พระพุทธเจ้า ย่อมเป็นผู้ไม่ก่อภัยเหล่านี้ เพราะพระรัตนตรัย เป็นที่ระลึกที่ไม่ก่อภัยทุกอย่าง จึงเป็นผู้ละภัยได้

ความรู้ธรรม

อนึ่ง ผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ เข้านั่งใกล้พระรัตนตรัย ย่อมเป็นผู้ใคร่ปราถนาธรรมที่เรียกว่า ธรรมกามบุคคล จึงเป็นผู้พอใจขวนขวายและตั้งใจสดับฟังธรรม จึงได้ปัญญารู้ธรรมยิ่งขึ้นโดยล�ำดับ ความรู้ธรรมนั้นกล่าวโดยตรง ก็คือ รู้สัจจะ สภาพที่จริง กล่าวอย่างสามัญ ได้แก่ รู้ว่าอะไรดี มีคุณ มีประโยชน์ เป็นบาปเป็นอกุศล เป็นทางเสื่อมเสีย อะไรเป็นวิธีที่จะละหลีก ทางเสื่อมเสียนั้นๆ ด�ำเนินไปสู่ทางเจริญ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือรู้อริยสัจจ์ แปลว่า ของจริงของ พระอริยะ คือรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุเกิดทุกข์ รู้จักดับทุกข์ รู้จักทาง ปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ หลักอริยสัจจ์นี้อาจน้อมมาใช้เพื่อแก้ทุกข์โลกได้ทั่วไป และเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนแก่ผู้ที่ยังเกลือกกลั้ว อยู ่ ด ้ ว ยทุ ก ข์ และมี ค วามปราถนาเพื่ อ ที่ จ ะเปลื้ อ งทุ ก ข์ อ อก จากตน เพราะหลักอริยสัจจ์เป็นหลักของเหตุผล ผลต่างๆ นั้น

ย่อมเกิดแต่เหตุ เมื่อจะเปลี่ยนแปลงผล ก็ต้องเปลี่ยนแปลง เหตุหรือแก้เหตุ ผู้กล่าวว่าไม่ต้องการผลอย่างนี้ๆ แต่ยังประกอบเหตุ เพื่อให้เกิดผลเช่นนั้นอยู่ ไม่สามารถจะพ้นจากผลอย่างนั้นได้ เช่นกล่าวว่า ไม่ต้องการความเสื่อมทรัพย์ แต่ด�ำเนิน ไปในอบายมุข มีนักเลงการพนัน เป็นต้น ก็ต้องประสบความ เสื่อมทรัพย์อยู่นั่นเอง กล่าวว่า ไม่ต้องการความวิวาทบาดหมางในระหว่างกัน แต่ก็ยังประพฤติก่อเหตุวิวาทอยู่ ก็คงต้องวิวาทกันอยู่นั่นเอง กล่าวว่า ไม่ต้องการทุคติแต่ก็ยังประพฤติทุจริตอยู่ ก็คง ต้องประสบทุคติอยู่นั่นเอง กล่าวว่า ไม่อยากแก่เจ็บตาย แต่ยังยึดถือแก่เจ็บตาย เป็นของเราอยู่ ก็ต้องประสบทุกข์เหล่านี้อยู่นั่นเอง ทุกข์ในข้อหลังนี้พระบรมศาสดาทรงยกแสดงเป็นทุกข สัจจ์ในที่ทรงแสดงอริยสัจจ์ทั่วไป และทรงยกตัณหาคือ ความ ดิ้นรน กระเสือกกระสนของใจเพื่อได้สิ่งที่ชอบ เพื่อเป็นนั่น เป็นนี่ เพื่อไม่เป็นนั่น เป็นนี่ ว่าเป็นเหตุเกิดทุกข์ ยกทางมีองค์ แปด มีความเห็นชอบเป็นต้นว่า เป็นทางที่ปฏิบัติให้ถึงความ ดับทุกข์ ความเห็นชอบนั้นก็คือเห็นเหตุผลทั้งสองฝ่ายตามหลัก อริยสัจจ์นี้นั่นเอง

35 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


กล่าวโดยย่อ ... เมื่อจะละทุกข์ก็ต้องรู้จักทุกข์ และปล่อยทุกข์เสียด้วย ปัญญาที่เข้าถึงสัจจะคือความจริง เมื่อละทุกข์ได้ ก็ย่อมประสบ ความสุขโดยล�ำดับ

ความสุขอยู ่ท่ีไหน

อันความสุขย่อมเป็นที่ปราถนาของคนทุกๆ คนและ ทุกๆ คนย่อมเคยประสบความสุขมาแล้ว ความสุขเป็นอย่างไร จึงเป็นที่รู้จักกันอยู่ ในเวลาที่กาย และจิตใจอิ่มเอิบสมบูรณ์ สบายนั้นก็กล่าวกันว่าเป็นสุข ความสุขจึงเกิดขึ้นที่กายและที่ จิตใจนี่เอง ส�ำหรับกายนั้นเพียงให้เครื่องอุปโภคบริโภคพอให้ เป็นไปได้ก็นับว่าสบาย

คิดเห็นอย่างนั้น แต่ก็ต้องยอมรับอีกว่าสามัญชนก็ท�ำไม่ได้เสมอ ไป เพราะยังต้องการเครื่องอุปกรณ์แห่งความสุข หรือเรียกว่า เครื่องแวดล้อมอุดหนุนความสุข มีเงิน มีทอง มีเครื่องอุปโภค บริโภค เป็นต้น ถ้าเครื่องอุปกรณ์แห่งความสุขขาดไป หรือมีไม่ เพียงพอก็ท�ำให้เป็นสุขมิได้ นี้เรียกว่ายังต้องปล่อยใจให้เป็นไป ตามเหตุการณ์อยู่ข้อนี้เป็นความจริง เพราะเหตุ นี้ ในที่ นี้ จึ ง ประสงค์ ค วามสุ ข ที่ มี เ ครื่ อ ง แวดล้อมหรือที่เรียกว่า สุขสมบัติ อันเป็นความสุขขั้นสามัญ ชนทั่วไป คิดดูเผินๆ ความสุขนี้น่าจักหาได้ไม่ยาก เพราะในโลกนี้ มีเครื่องอุปกรณ์แห่งความสุขแวดล้อมอยู่โดยมาก หากสังเกตดู ชีวิตของคนโดยมากที่ก�ำลังด�ำเนินไปอยู่ จักรู้สึกว่าตรงกันข้าม กับที่คิดคาดทั้งนี้มิใช่เพราะเครื่องแวดล้อมอุดหนุนความสุข ในโลกนี้มีน้อยจนไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะผู้ขาดแคลนความ สุขสมบัติไม่ท�ำเหตุอันเป็นศรีแห่งสุขสมบัติ จึงไม่ได้สุขสมบัติ เป็นกรรมสิทธิ์ ส่วนผู้ที่ท�ำเหตุแห่งสุขสมบัติ ย่อมได้สุขสมบัติ เป็นกรรมสิทธิ์ เพราะเหตุนี้ ผู้ปราถนาสุขจึงสมควรจับเหตุให้ได้ก่อน ว่าอะไรเป็นเหตุของความสุข และอะไรเป็นเหตุของความทุกข์ อั น ความสุ ข ย่ อ มเป็ น ที่ ป ราถนาของคนทุ ก ๆ คนและ ทุ ก ๆ คนย่ อ มเคยประสบความสุ ข มาแล้ ว ความสุ ข เป็ น อย่ า งไร จึ ง เป็ น ที่ รู ้ จั ก กั น อยู ่ ในเวลาที่ ก าย และจิ ต ใจอิ่ ม เอิ บ สมบู ร ณ์ ส บายนั้ น ก็ ก ล่ า วกั น ว่ า เป็ น สุ ข

ความสุขจิตสุขใจนั่นแลเป็ นสิ่งส�ำคัญ

แม้กายจะสบายดังกล่าวมานี้ ถ้าจิตไม่สบาย กายก็ พลอยซูบซัดเศร้าหมองด้วย ส่วนกายเมื่อไม่สบายด้วยความ เจ็บป่วยหรือด้วยความคับแค้นอย่างได้อย่างหนึ่ง ถ้าจิตยังร่าเริง สบายอยู่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์เป็นร้อนเท่าใดนัก และความไม่ สบายของกายก็อาจบรรเทาไปได้ เพราะเหตุนี้ความสุขจิตสุขใจ นั่นแลเป็นส�ำคัญ

สุขสมบัติ : ความสุขขัน้ สามัญชน

อั น ความสุ ข ทางจิ ต ใจนี้ คิ ด ๆดู ก็ น ่ า เห็ น ว่ า หาได้ ไ ม่ ยากอีกเพราะความสุขอยู่ที่จิตใจของตนเอง จักต้องการให้จิต เป็นสุขเมื่อใดก็น่าจะได้ ใครๆ เมื่อคิดดูก็จักต้องยอมรับว่า น่า

36 IS AM ARE www.fosef.org


บางคนอาจเห็นว่า เหตุของความ สุขความทุกข์อยู่ภายนอก คือ สุขเกิดจาก สิ่งภายนอก มีเงินทอง ยศ ชื่อเสียง บ้าน ที่สวยงาม เป็นต้น ส่วนความทุกข์ก็เกิด จากสิ่ ง ภายนอกนั้ น เหมื อ นกั น บางคน อาจเห็ น ว่ า ความสุ ข ความทุ ก ข์ เ กิ ด จาก เหตุ ภ ายใน จั ก พิ จ ารณาความเห็ น ทั้ ง สองนี้ต่อไป

เงื่อนไขของความสุข

สิ่งภายนอกโดยมากถ้าเป็นส่วน ที่ดี มีเงินมีทอง ยศ ชื่อเสียง เป็นต้น ก็ เป็นสิ่งที่ปราถนาตรงกันของคนเป็นอัน มาก จึงต้องมีการแสวงหาแข่งขันกันโดย ทางใดทางหนึ่ง เมื่อได้มาก็ให้เกิดความ สุขเพราะสมปรารถนาบ้าง เพราะน�ำไป เลี้ ย งชี พ ตนและผู ้ อื่ น ได้ อิ่ ม หน� ำ ส� ำ ราญ บ้ า ง สิ่ ง ภายนอกย่ อ มอุ ด หนุ น ความ สุขขณะนี้ แต่สิ่งภายนอกนั้นเป็นสิ่งไม่ ยั่งยืนแปรเปลี่ยนไปอยู่เสมอ ความสุขที่ เกี่ยวเกาะติดอยู่ก็ต้องแปรเปลี่ยนไปตาม ความทุกข์จึงปรากฏขึ้นติดๆกันไปทีเดียว ความสุขเช่นนี้เป็นความสุขที่ลอยไปลอย มา หรือเรียกว่าเป็นความสุขลูกโป่ง และ ในความแสวงหา ถ้ า ไม่ ไ ด้ ห รื อ ได้ สิ่ ง ที่

ไม่ ช อบก็ ใ ห้ เ กิ ด ความทุ ก ข์ เ พราะไม่ ส ม ปราถนา อนึ่ง ถ้าได้สิ่งนั้นๆ มาด้วยการ กระท�ำไม่ดี การกระท�ำนั้นก็จักเป็นเครื่อง ตัดทอนความสุขส�ำราญอีกส่วนหนึ่ง ข้อความที่กล่าวมานี้แสดงว่า สิ่ง ภายนอกนั้นอุดหนุนความสุขส�ำราญให้ บ้าง แต่จัดเป็นเหตุของความสุขหรือ? ถ้ า เป็ น เหตุ ข องความสุ ข ผู ้ ที่ บริบูรณ์จักต้องเป็นสุขทุกคน แต่ความ จริงไม่เป็นอย่างนั้น ผู้ที่บริบูรณ์ด้วยสิ่ง ภายนอกแต่เป็นทุกข์มีถมไป เพราะเหตุ นี้สิ่งภายนอกจึงมิใช่เป็นตัวเหตุของความ สุ ข เป็ น เพี ย งเครื่ อ งแวดล้ อ มอุ ด หนุ น ความสุขดังกล่าวแล้วเท่านั้น

สุข ทุกข์ เกิดจากเหตุภายใน

บัดนี้ยังคงเหลืออยู่อีกความเห็น หนึ่งซึ่งว่า... สุข ทุกข์ เกิดจากเหตุภายใน อันสิ่งภายนอกมีเงินทอง ยศ ชื่อ เสียง เป็นต้น อันเป็นอุปกรณ์แก่ความ สุ ข เมื่ อ คิ ด ดู ใ ห้ ซึ้ ง ลงไปจั ก เห็ น ว่ า เกิ ด จากการกระท�ำของตนเอง ถ้าตนเองอยู่ เฉยๆ ไม่ท�ำการงาน อันเป็นเหตุที่เพิ่มพูน สิ่งภายนอกเหล่านั้น สิ่งภายนอกนั้นก็จะ

37 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐

ไม่เกิดขึ้น ที่มีอยู่แล้วก็ต้องแปรเปลี่ยน ไป ถ้าไม่มีใหม่มาชดเชยก็จักต้องหมด ไปในที่สุด

วิธีสร้างความสุขเบื้องต้น

เพราะเหตุฉะนี้จึงกล่าวได้ว่า สิ่ง ภายนอกที่เป็นอุปกรณ์แก่ความสุขนั้นก็ เกิดขึ้นเพราะการกระท�ำของตนเอง ใน ทางธรรมการประกอบอาชีพมีกสิกรรม พาณิชยกรรม เป็นต้น ไปตามธรรมดา ไม่เรียกเป็นการงานที่ดีหรือชั่ว แม้ชาว โลกก็ไม่เรียกผู้ประกอบการอาชีพไปตาม ธรรมดาว่า เป็นคนดีหรือเป็นคนเลว แต่ หากว่ามีการท�ำอย่างอื่นพิเศษออกไป ถ้า ต้องด้วยเนติอันงามก็เรียกกันว่าดี ถ้าไม่ ต้องด้วยเนติอันงามก็เรียกกันว่าเลว ไม่ดี เพราะเหตุฉะนั้น ผู้ปราถนาสุข เบื้ อ งต้ น จึ ง สมควรหมั่ น ประกอบการ งานหาเลี้ยงชีพตามทางของตนๆ โดยไม่ ตั ด รอนกั น ไม่ เ ฉื่ อ ยชาเกี ย จคร้ า น และ แก้ไขในการงานของตนให้ดีขึ้น ก็จักไม่ ต้องประสบความแร้นแค้น ขัดข้อง ถ้ า ไม่ ห มั่ น ประกอบการงาน เกียจคร้าน เฉื่อยชา และไม่คิดแก้ไขการ งานของตนให้ดีขึ้น ปล่อยไปตามเรื่อง ก็


อาจจักต้องประสบความยากจนข้นแค้น ต้องอกแห้ง เป็นทุกข์ และนั่นเป็นความผิดใหญ่ต่อประโยชน์ปัจจุบันของตนเอง

วิถีทางของคนฉลาด ประพฤติดีทัง้ กายวาจาใจ

การท�ำอย่างหนึ่งทางธรรมเรียกว่าดี เป็นวิถีทางของ คนฉลาด และทางโลกยกย่องนับถือว่าดี การท�ำอย่างนี้เรียก ว่าสุจริต แปลว่า ประพฤติดี ประพฤติดีทางกาย เรียกว่า กายสุจริต ประพฤติดีทางวาจา เรียกว่า วจีสุจริต ประพฤติดีทางใจ เรียกว่า มโนสุจริต กายสุ จ ริ ต จ� ำ แนกเป็ น ๓ กล่ า วคื อ ไม่ ฆ ่ า สั ต ว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในทางกามประเวณี วจีสุจริต จ�ำแนกเป็น ๔ คือ ไม่พูดปด ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดค�ำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล มโนสุจริต จ�ำแนกเป็น ๓ คือ ไม่เพ่งเล็งทรัพย์สมบัติของ ผู้อื่นด้วยโลภเจตนา มีความเห็นว่าท�ำดีได้ดี ท�ำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น ทุจริต แปลว่า ประพฤติชั่ว ประพฤติชั่วทางกาย เรียกว่า กายทุจริต ประพฤติชั่วทางวาจา เรียกว่า วจีทุจริต ประพฤติชั่วทางใจ เรียกว่า มโนทุจริต ทุจริต ๓ นี้มีจ�ำแนกตรงกันข้ามกับสุจริต ค�ำว่า ประพฤติ มักจะพูดมุ่งหมายถึงการกระท�ำทาง กายและวาจา ค�ำว่า ท�ำ ก็มักพูดหมายถึงการท�ำทางกาย การ ท�ำทางวาจา เรียกว่า พูด การท�ำทางใจ เรียกว่า คิด ส่วนทาง ธรรมการท�ำ พูด คิด เรียกเป็นอย่างเดียวกันว่าท�ำหรือประพฤติ และมีค�ำว่ากาย วาจา ใจก�ำกับ เพื่อให้รู้ว่าท�ำหรือประพฤติ ทางไหน ทุจริตทางธรรม เรียกว่าไม่ดี เป็นวิถีทางของผู้ไม่ฉลาด ทางโลกก็เหยียดหยามว่าเลว ไม่ดี โดยนัยนี้จึงเห็นว่าทั้งทาง โลกและทั้งทางธรรมนับถือสิทธิของผู้อื่น หรือเรียกว่านับถือ ขอบเขตแห่งความสงบสุขของผู้อื่น เพราะสุจริตและทุจริตที่ จ�ำแนกไว้อย่างละ ๑๐ ประการนั้น โดยความก็คือไม่ประพฤติ ละเมิดสิทธิ หรือไม่เบียดเบียนความสงบสุขของผู้อื่น และการ ประพฤติละเมิดสิทธิและความสงบสุขของผู้อื่นนั่นเอง แต่ทาง โลกนับถือสิทธิของบุคคลและสัตว์เดียรัจฉานบางจ�ำพวก แต่ไม่ นับถือบางจ�ำพวก โดยอาศัยกฏหมายเป็นหลัก ส่วนทางธรรม นับถือทั่วไป ไม่มีแบ่งแยก ยกเว้น เพราะทางธรรมละเอียด ประณีต

ผู ้ ป ระพฤติ สุ จ ริ ต ธรรม ย่ อ มเป็ น คนไม่ มี ภั ย ไม่ มี เวร มี ก ายวาจาใจปลอดโปร่ ง นี้ เ ป็ น ความสุ ข ที่ เ ห็ น กั น อยู ่ แ ล้ ว

ประพฤติทุจริตเพราะขาดธรรมภายในใจ

อนึ่ง ทุจริต อยู่เฉยๆ ประพฤติไม่ได้ ต้องประพฤติด้วย ความขวนขวายพยายามจนผิดแผกแปลกไปจากปรกติ จึงจัด เป็นทุจริตได้ ส่วนสุจริต ประพฤติได้โดยไม่ต้องลงทุนลงแรง ประพฤติไปตามปกติของตนนั่นแล ไม่ต้องตบแต่งเปลี่ยนแปลง ก็เป็นสุจริตได้ เพราะเหตุนี้เมื่อว่าถึงทางความประพฤติทุจริตนี้ เป็น เพราะยังขาดธรรมในใจเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้ง ความประพฤติจึง เป็นไปตามใจของตนเอง ผู้รักษาศีลหรือประพฤติสุจริต หรือแม้ ประพฤติจึงเป็นไปตามใจของตนเอง ผู้รักษาศีลหรือประพฤติ สุจริต หรือแม้ประพฤติกฎหมายของบ้านเมือง ถ้าไม่มีธรรมอยู่ ในใจบ้างแล้วก็มักจะรักษาหรือประพฤติท�ำนองทนายว่าความ เพราะการกระท�ำบางอย่างไม่ผิดศีลตามสิกขาบท ไม่ผิดสุจริต ตามหัวข้อ แต่ผิดธรรมมีอยู่ และจะประพฤติหรือรักษาให้ตลอด ไปมิได้ เพราะเหตุนี้จึงสมควรมีธรรมในใจส�ำหรับประพฤติคู่ กันไปกับสุจริต

38 IS AM ARE www.fosef.org


สุจริตกับธรรมที่คู่กันเรียกอย่าง สั้นในที่นี้ว่า สุจริตธรรม นอกนี้เรียกว่า ทุจริตธรรม

สุจริตธรรม : เหตุแห่งความสุข ที่แท้จริง

ธรรมที่ควรประพฤติคู่กันไปกับ เพ้อเจ้อ เหลวไหล และมี ใ จยิ น ดี ด ้ ว ย หรื อ วางใจ สุจริต ธรรมนั้นมีมาก แต่ในที่นี้จักเลือก แสดงแต่ธรรมที่สมควรประพฤติปฏิบัติคู่ กันไปกับสุจริต โดยนัยหนึ่งคือ มีความ ละอายใจในการเบียดเบียน มีความเอ็นดู ขวนขวายอนุเคราะห์สัตว์ทั้งปวง ด้วย ประโยชน์คู่กับการไม่ฆ่าสัตว์ และมีความ โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ เฉลี่ยความ สุ ข ตนแก่ ค นที่ ค วรเฉลี่ ย ให้ ข องตน ไม่ คิดนอกใจ ส�ำหรับผู้ที่ยังไม่มีครอบครัว ก็ เ คารพในธรรมเนี ย มประเพณี ที่ ดี ไม่ คิดละเมิดคู่กับการไม่ประพฤติผิดในทาง กามประเวณี อนึ่ง มีปากตรงกับใจ ไม่ลดเลี้ยว ลับลมคมใน คู่กับไม่พูดปด พู ด ให้ เ กิ ด ความสามั ค คี สมาน สามั ค คี ด ้ ว ยในใจสมาน คู ่ กั บ ไม่ พู ด ส่ อ เสียด พูดกันดีๆ อ่อนหวานตามสมควร แก่ ภ าษานิ ย ม มิ ใช่ ก ด มิ ใช่ ย กยอด้ ว ย อัธยาศัยอันอ่อนโยนนิ่มนวลไม่กระด้าง คู่กับไม่พูดค�ำหยาบ พูดมีหลักฐานที่อ้างอิงมีก�ำหนด มีประโยชน์ มีประโยชน์อย่างสูง เรียกว่า มีวาจาสิทธิ์ ด้วยความตกลงใจทันท่วงที มั่ น คง ไม่ โ งนเงนโลเล คู ่ กั บ การไม่ พู ด

เฉยๆ ด้วยความรู้เท่า ในเมื่อผู้อื่นได้รับ สมบัติหรือในเมื่อเห็นสมบัติของผู้อื่น คู่ กับเมตตา ไมตรีจิตในสัตว์ทั้งปวง คู่กับไม่ พยาบาทปองร้าย และท�ำความเห็นให้ตรงเพื่อให้ถูก ให้ชอบยิ่งขึ้น คู่กับความเห็นชอบ ธรรมตามที่ แ สดงมานี้ มี อ ยู ่ ใ น บุคคลใด บุคคลนั้นชื่อว่า ธรรมจารี ผู้ ประพฤติธรรม หมายถึงความประพฤติ เรียกว่า ธรรมจริยา ส่วนที่ตรงกันข้ามกับที่แสดงมานี้ เรียกว่า อธรรม คู่กับทุจริต

39 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐

สุ จ ริ ต ธรรมให้ เ กิ ด ผลอย่ า ง ไร ทุ จ ริ ต ธรรมให้ เ กิ ด ผลอย่ า งไร คิ ด ให้ ร อบคอบสั ก หน่ อ ยก็ จั ก ให้ เ ห็ น ได้ ใ น ปัจจุบันนี้เอง ผู้ประพฤติสุจริตธรรม ย่อมเป็น คนไม่มีภัย ไม่มีเวร มีกายวาจาใจปลอด โปร่ง นี้เป็นความสุขที่เห็นกันอยู่แล้ว ผู้ประพฤติทุจริตอธรรม ตรงกัน ข้าม มีกายวาจาใจหมกมุ่นวุ่นวาย แม้ จักมีทรัพย์ ยศ ชื่อเสียง สักเท่าใด ก็ไม่ ช่วยให้ปลอดโปร่งได้ ต้องเปลืองทรัพย์ เปลืองสุข ระวังทรัพย์ ระวังรอบด้าน นี้ เป็นความทุกข์ที่เห็นกันอยู่แล้ว ส่ ว นในอนาคตเล่ า จั ก เป็ น อย่างไร? ก็อาศัยพุทธภาษิตที่แสดงว่า... กลฺยาณการี กลฺยาณํ ผู้ท�ำดีย่อม ได้ดี ปาปการี จ ปาปกํ ผู้ท�ำชั่วย่อม ได้ชั่ว จึงลงสันนิษฐานได้ว่า...


สุจริตอธรรมอ�ำนวยผลที่ดีคือความสุข ส่วนทุจริตอธรรมอ�ำนวยผลที่ชั่วคือความทุกข์ . . . แม้ในอนาคตแน่แท้ อนึ่ง ในที่นี้รวมผลแห่งสุจริตธรรมทั้งสิ้น แสดงรวมยอด อย่างเดียวว่าความสุข เพราะเหตุนี้สิ่งใดเป็นอุปกรณ์แห่งความ สุข ที่เรียกว่า สุขสมบัติ เช่น ความบริบูรณ์ทรัพย์ ผิวพรรณ งาม อายุยืน ยศ ชื่อเสียง เป็นต้น สิ่งนั้นทั้งหมดเป็นผลแห่ง สุจริตธรรม จักแสดงวิธีปฏิบัติสุจริตธรรมสักคู่หนึ่งโดยย่อไว้ เผื่อผู้ ต้องการต่อไป คือไม่พยาบาทกับเมตตา เมื่ออารมณ์ร้ายอย่างเบา คือความหงุดหงิด ไม่พอใจ แรงขึ้นเป็นความฉุนเฉียว ร้ายกาจ แรงขึ้นอีกเป็นพยาบาทเหล่า นี้อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ควรท�ำความรู้จักตัว และพิจารณา โดยนัยว่า นี้เท่ากับท�ำโทษตน เผาตนโดยตรง มิใช่ท�ำโทษหรือ แผดเผาผู้อื่นเลย คราวที่ตนเองผิดใจยังเคยให้อภัย ไม่ถือโทษ โกรธแค้น เหตุไฉนเมื่อผู้อื่นท�ำผิดใจจึงมาลงโทษแผดเผาตน เล่า ผู้อื่นที่ตนโกรธนั้นเขามิได้ทุกข์ร้อนไปกับเราด้วยเลย อนึ่ง ควรตั้งกติกาข้อบังคับส�ำหรับตนว่า เมื่อเกิดอารมณ์ร้าย มีโกรธ เป็นต้นขึ้น ตนจักไม่พูด จักไม่แสดงกิริยาของคนโกรธ หรือตั้ง กติกาประการอื่นซึ่งอาจจักรักษาอารมณ์ร้ายเหล่านั้นไว้ข้างใน

ความสุ ข ย่ อ มเกิ ด จากเหตุ ภ ายในคื อ สุ จ ริ ต ธรรม ด้ ว ยประการฉะนั้ น เพราะฉะนั้ น ผู ้ ป รารถนาสุ ข เมื่ อ จั บ ตั ว เหตุ ก ารณ์ แ ห่ ง ความสุ ข และความทุ ก ข์ ได้ ฉ ะนี้ แ ล้ ว ควรเว้ น ทุ จ ริ ต อธรรมอั น เป็ น เหตุ ข อง ความทุ ก ข์ ควรประพฤติ สุ จ ริ ต ธรรมอั น เป็ น เหตุ ของความสุ ข มิให้ออกมาเต้นอยู่ข้างนอก และพยายามดับเสียด้วยอารมณ์ เย็นชนิดใดชนิดหนึ่ง ด้วยการที่พิจรณาให้แยบคาย มิให้ลุก กระพือสุมอยู่ได้ เมตตา มิตร ไมตรี สามค�ำนี้เป็นค�ำหนึ่งอันเดียวกัน เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้เป็นสุข มิตร คือผู้มี เมตตา ปรารถนาสุขประโยชน์ต่อกัน ไมตรี คือความมีเมตตา ปรารถนาดีต่อกัน ผู้ปรารถนาจะปลูกเมตตาให้งอกงามอยู่ในจิต พึงปลูก ด้วยการคิดแผ่ในเบื้องต้น แผ่ไปโดยเจาะจงก่อนในบุคคลที่ ชอบพอ มีมารดา บิดา ญาติมิตร เป็นต้น โดยนัยว่าผู้นั้นๆ จง เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีทุกข์ มีสุขสวัสดิ์รักษา ตนเถิด เมื่อจิตได้รับการฝึกหัดคุ้นเคยกับเมตตาเข้าแล้ว ก็จะแผ่

40 IS AM ARE www.fosef.org


ขยายให้กว้างออกไปเพียงใด มิตรและไมตรีก็มีความกว้างออก ไปเพียงนั้น เมตตาไมตรีจิตมิใช่อ�ำนวยความสุขให้เฉพาะบุคคล ย่อมให้ความสุขแก่ส่วนรวมรวมตั้งแต่สองขึ้นไปด้วย คือหมู่ชน ที่มีไมตรีจิตต่อกันย่อมหมดความระแวง ไม่ต้องจ่ายทรัพย์จ่าย สุขในการระวัง หรือเตรียมรุก รับ มีโอกาสประกอบการงานอัน เป็นประโยชน์แก่ตนเองและหมู่เต็มที่ มีความเจริญรุ่งเรืองและ ความสงบสุขโดยส่วนเดียว เพราะเหตุ นี้ พ ระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ผู ้ เ ป็ น พระบรม ศาสดาของเราทั้งหลาย ผู้ทรงมีพระเมตตาไมตรี มีมิตรภาพใน สรรพสัตว์ ทอดพระเนตรเห็นการณ์ไกล จึงได้ทรงประทานศาสน ธรรมไว้หนึ่งฉันทคาถา แปลความว่า บุคคลพึงประพฤติธรรมให้ เป็นสุจริตไม่พึงประพฤติธรรมให้เป็นทุจริต ผู้ที่ปกติประพฤติ ธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้และในโลกอื่น ดังนี้ ในข้อว่า พึงประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต ไม่พึงประพฤติ ธรรมให้เป็นทุจริต ในฉันทคาถานั้น ค�ำว่า “ธรรม” น่าจักหมาย เอาการงานทั้งปวงที่ท�ำทางกาย วาจาและใจ คือ การท�ำ การพูด การคิด ที่เป็นไปอยู่ตามปรกตินี้เอง ทรงสอนให้ท�ำ พูด และคิด ให้เป็นสุจริต มิให้เป็นทุจริต ส่วนในข้อที่ว่า ผู้มีปรกติประพฤติ ธรรมย่อมอยู่เป็นสุขนั้น ค�ำว่า “ธรรม” หมายความว่า ความ ดี ดังค�ำว่ามีธรรมอยู่ในใจ ดังที่เข้าใจกันอยู่ทั่วไป ผู้ประพฤติ กายวาจาให้เป็นสุจริต ไม่ประพฤติให้เป็นทุจริตทั้งประพฤติ ธรรม คือมีธรรมอยู่ในใจ ย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้ และในโลก อื่น คือในโลกอนาคต อันจักค่อยเลื่อนมาเป็นโลกปัจจุบัน แก่ ทุกๆคนในเวลาไม่ช้า

ความสุข ย่อมเกิดจากเหตุภายในคือ สุจริตธรรม ด้วย ประการฉะนั้น เพราะฉะนั้น ผู้ปรารถนาสุข เมื่อจับตัวเหตุการณ์ แห่งความสุขและความทุกข์ได้ฉะนี้แล้ว ควรเว้นทุจริตอธรรมอัน เป็นเหตุของความทุกข์ ควรประพฤติสุจริตธรรมอันเป็นเหตุของ ความสุข ถ้าประพฤติดังนี้ชื่อว่า ได้ก่อเหตุการณ์ของความสุข สมบัติทั้งปวงได้แล้วนี้ เป็นความชอบยิ่งของตนเอง ถ้ากลับประพฤติทุจริตอธรรม เว้นสุจริตธรรมเสีย ย่อม ชื่อว่าได้ก่อเหตุการณ์แห่งความทุกข์พิบัติทั้งปวงไว้แล้ว นี้เป็น ความผิดของตนเอง อนึ่ง ถ้ามีปัญหาในชีวิตปัจจุบันของผู้ที่ประพฤติสุจริต ธรรมหรื อ ทุ จ ริ ต อธรรมเกิ ด ขึ้ น พึ ง ทราบว่ า ในคราวที่สุจริต ธรรมที่ได้ท�ำไว้แล้วก�ำลังให้ผลอยู่ ผู้ประพฤติทุจริตอธรรมย่อม พรั่งพร้อมด้วยสุขสมบัติและความสดชื่นร่าเริง อาจส�ำคัญทุจริต อธรรมดุจน�้ำหวาน และอาจเย้ยหยันผู้ประพฤติสุจริตธรรมได้ แต่ในกาลที่ทุจริตอธรรมของตนให้ผลก็จักต้องประจวบทุกข์ พิบัติซบเซาเศร้าหมอง ดุจต้นไม้ในฤดูแล้ง อนึ่ง ในความที่ทุจริตอธรรมที่ท�ำไว้แล้วก�ำลังให้ผลอยู่ ผู้ ประพฤติสุจริตธรรม ก็ยังต้องประสบทุกข์พิบัติ ซบเซา อับเฉาอยู่ ก่อน แต่กาลที่สุจริตธรรมของตนให้ผล ย่อมเกิดสุขสมบัติอย่าง น่าพิศวง ดุจต้นไม้ในฤดูฝน แม้สุจริตธรรมจักยังไม่ให้ผลโดยนัย ที่กล่าวนี้ กาย วาจาและใจของตน ก็ย่อมปลอดโปร่งเป็นสุขสงบ เป็นผลที่มีประจ�ำทุกทิวาราตรีกาล.

41 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ร้านก๋วยเตี๋ยวปี กไก่สายน�้ำผึ้ง “ร้ า นก๋ ว ยเตี๋ ย วปี ก ไก่ ส ายน�้ ำ ผึ้ ง ” ตั้ ง อยู ่ ใ นซอยสุ ขุ ม วิ ท ๒๐ คุ ณ เสาวรั ก ษ์ วงศ์ จิ ร ะเจริ ญ อายุ ๖๓ ปี เจ้ า ของร้ า นชาวจั ง หวั ด กรุ ง เทพมหานคร กล่ า วว่ า ร้ า นนี้ เ ปิ ด มาตั้ ง แต่ ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ก่ อ นจะมาตั้ ง ตรงนี้ ไ ด้ ตนขี่ ส ามล้ อ เล่ ข าย ก๋ ว ยเตี๋ ย วกั บ พี่ ช ายมาก่ อ นกว่ า ๑๐ ปี ตั้ ง แต่ ยั ง เด็ ก จนปั จ จุ บั น กลายเป็ น กิ จ การ หล่ อ เลี้ ย งลู ก หลานจากรุ ่ น สู ่ รุ ่ น ลู ก ค้ า รุ ่ น เก่ า รุ ่ น ใหม่ ใ นระแวกพื้ น ที่ ต ่ า งยกให้ เ ป็ น ร้ า นประจ� ำ และรู ้ จั ก กั น มานาน

42 IS AM ARE www.fosef.org


let's talk

43 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ท� ำ ไมถึ ง มี พ ระบรมฉายาลั ก ษณ์ ข องในหลวงรั ช การ ที่ ๙ เต็ ม ร้ า นไปหมดเลย ? รู้สึกรักในหลวงมากค่ะ สมัยพี่ชายอยู่ก็เคยท�ำถวาย ในหลวงนะ รู้สึกว่าเราสัมผัสได้ด้วยตนเอง อย่างเช่น ในวันที่ ๒๘ วันอภิเษกสมรส ที่ไปจัดที่หัวหิน เราเด็กๆ เราเคยไปรอรับ เสด็จ เคยได้เห็นก็เลยรักท่านมาตลอด รักมาก ไม่คิดว่าจะมีวัน นี้ (๑๓ ต.ค.๕๙) คิดว่าวันนี้คงจะมาไม่ถึงหรอก แต่ก็…เวลาพูด ขึ้นมาก็อยากจะร้องไห้ ไม่อยากให้มีวันนี้เลยจริงๆ รูปส่วนใหญ่ถ้ามีก็ไม่ได้เก็บไว้ จะเอามาใส่กรอบติด เรื่ อ ยๆ เวลาเทศกาลจะล้ า งบ้ า นที ก็ ถ อดออกมาเช็ ด ปั ด ฝุ ่ น เสร็จแล้วก็แขวนไว้อย่างเก่า บางทีมีลูกค้าน่ารักเอามาให้ก็มี ลูกค้าบอกที่นี่ชอบในหลวงก็เลยเอามาให้ เราได้ดูได้เห็นทุก วันก็เกิดความซาบซึ้งใจ มีก�ำลังใจ อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยท�ำ ถวายท่านนะ

“ร้านนี้เกิดขึ้นเมื่อพี่ชายไปเป็นทหารค่ะ ช่วงเวลาว่างที่ กลับมาพักก็เลยเข็นสามล้อขายก๋วยเตี๋ยว สมัยก่อนอยู่คลองเตย เข็นมาขายก๋วยเตี๋ยวที่สุขุมวิท พอพี่ชายออกจากทหารจึงมา ขายถาวรเลย เริ่มขายตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จนปัจจุบันพี่ชายเสีย ไปแล้ว แรกเริ่มเป็นรถเข็นสามล้อขายมานานสิบกว่าปี ตอน นั้นเรายังเด็กอยู่นะ ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แล้วก็ย้ายมาตั้งร้านอยู่ ตรงนี้ ปี ๒๕๑๖” เสาวรักษ์ กล่าวต่อว่า ความพิเศษของร้านนี้ นอกจาก ปีกไก่ตุ๋นเครื่องเทศสูตรเฉพาะตนแล้ว สิ่งที่ท�ำให้ตนขายมาถึง ทุกวันนี้ได้คือ ตัวเองมีใจรักที่จะท�ำเพราะเป็นสิ่งที่เริ่มท�ำมากับ พี่ชาย และยังได้พบลูกค้าคนเฒ่าคนแก่ขาประจ�ำที่น่ารักเป็น กันเองทั้งชาวไทยและต่างชาติ เสมือนญาติพี่น้อง เมนูหลักคือ “เส้นเล็กแห้งปีกไก่ตุ๋น” ที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นก๋ยวเตี๋ยวไทย โบราณดั้งเดิม โรยถั่วคั่ว พริกคั่ว ที่ท�ำสดใหม่ทุกวัน เมื่อเดินเข้ามาในร้าน จุดเด่นที่ลูกค้าสังเกตได้อันดับ แรกคือ รูปพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต่างยุค ต่างสมัยกันติดแขวนไว้เต็มฝาผนัง เสาวรักษ์กล่าวว่า ตลอด ระยะเวลาสี่สิบกว่าปีที่เปิดร้านมา ยังไม่เคยมีใครถามเหตุผล ตนจริงจังสักครั้งว่าติดรูปเหล่านี้เพราะอะไร ซึ่งตนได้แต่เก็บ ค�ำตอบไว้ในใจเรื่อยมา อย่างไรก็ตาม ลองไปฟังเหตุผลจาก เจ้าของร้านกันเลย

มี ค วามประทั บ ใจอะไรในพระองค์ ท ่ า น ? รักหมด อะไรของในหลวงก็อยากได้ไปหมด ของอะไร ที่ในหลวงเสวย พวกฉันยังเคยกินเลย เพราะว่าสมัยก่อนเรายัง เด็กพี่ชายก็ยังไม่มีครอบครัว เวลาเข้าไปท�ำอาหารเสร็จก็กลับ คนในวังก็บอกเอาอันนี้ไปกินสิในหลวงท่านเสวย เธอเอากลับไป ให้น้องๆ กิน พวกฉันก็ยังมีบุญอยู่นะ (หัวเราะ) รู้สึกดีใจมากๆ อร่อยมากๆ บางคนไม่สามารถได้กินนะ พวกฉันยังได้กินเลย

44 IS AM ARE www.fosef.org


เลยว่า ต้องใช้ประหยัดหน่อยนะ เราประหยัดตอนนี้พอเราแก่ แล้วเราสบายใช่ไหม แต่ถ้าเราฟุ่มเฟือยตอนนี้ถ้าเราไม่ประหยัด พอเราอายุมากเราจะล�ำบาก แล้วฉันก็สอนลูกอย่างนี้ เขาก็ยัง ไม่ฟังเราเลย ฉันบอกว่าประหยัดนะแต่ฉันมองไปทีไรเขาซื้อ ของตลอดเลย อย่างเรานี้ประหยัดมาก สมัยก่อนวันหนึ่งได้ ๕๐ สตางค์ ส�ำหรับไปกินขนมนะ เรายังไม่กินเลย เรายังเก็บ เอาไว้เลย

แล้วก็เแบงค์ยี่สิบสีเขียวๆ สมัยก่อน พวกฉันก็มีอยู่ ถ้า มีรายการสั่งก๋วยเตี๋ยวเข้าวัง เวลาเขาจะจ่ายเงินก็จะจ่ายเป็น แบงค์แบบนั้น สมัยนี้ไม่มีแล้ว พอได้แบงค์แบบนั้นมาก็ดีใจ พี่ ชายจะแบ่งให้คนละหนึ่งใบ แล้วก็เก็บเอาไว้ไม่ใช้ เก็บมาถึงทุก วันนี้เลย หลายสิบปีแล้วนะ คิ ด ยั ง ไ ง เ กี่ ย ว กั บ ค ว า ม พ อ เ พี ย ง กั บ ยุ ค ส มั ย ปั จ จุ บั น ? วัยรุ่นสมัยนี้เชื่อยาก พูดยาก ไม่มีใครเขาจะพอเพียง เหมือนในหลวงหรอกนะเด็กรุ่นใหม่ อย่างลูกเราเรายังบอก

การเดิ น ทาง ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวปีกไก่สายน�้ำผึ้ง” ตั้งอยู่ที่ ๓๙๒/๒๐ ซอยสุ ขุ ม วิ ท ๒๐ (สายน�้ ำ ผึ้ ง ) ถนนสุ ขุ ม วิ ท เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร การเดินทางจากแยกอโศกตรงมาทางถนน สุขุมวิท-พระโขนง จนถึงซอยสุขุมวิท ๒๐ สังเกตระหว่างซอย สุขุมวิท ๑๘ และ ๒๐ จะมีซอยเล็กๆ (ปากซอยมีร้านขายผ้า วัชรี) ให้เลี้ยวเข้าไปประมาณ ๒๐ เมตร จะเห็นร้านอยู่ขวามือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน หรือหากใช้ BTS ให้ลงที่สถานีอโศก ทางออกที่ ๔ แล้วเดินมาทางซอยสุขุมวิท ๒๐ สามารถจอดรถ ได้บริเวณหน้าร้าน ร้านเปิดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๐๐ น. (ในหนึ่งเดือนจะหยุดหนึ่งครั้งแต่วันไม่แน่นอน ให้โทรศัพท์ไป สอบถามก่อน) โทร. ๐-๒๒๕๘-๑๙๕๘

45 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ฟรีเซ็กซ์ VS ส�ำส่อน

อย่างไรก็ตาม ถึงสถานการณ์โรคเอดส์จะสร้างปัญหา ความสับสนขัดแย้งมากมายทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพ ใจมาสู ่ ผู ้ ค นในสั ง คมไทย แต่ โรคเอดส์ ก็ ไ ด้ น� ำ สิ่ ง ดี ๆ ความ เปลี่ยนแปลงดีๆ มากมายมาสู่สังคมไทยเช่นกัน เริ่มจากการ ติดต่อสื่อสารที่ได้รับการพัฒนาในทุกระดับ ตั้งแต่ในครอบครัว ชุมชน ระหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชนหรือเอ็นจีโอตลอด จนในระดับประเทศ ระหว่างประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ต่าง ยอมรับว่าการจะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ทุกคนทุกส่วนทั่วโลก ต้องหันมาพูดคุยแลกเปลี่ยน ร่วมมือกันควบคุมปกป้องปัญหา การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ไม่ให้ลุกลามต่อไป ถึงกระนั้นก็ ยังไม่พอเพราะนั่นเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เนื่องจากปัญหา หลักของโรคเอดส์เริ่มต้นที่ค�ำว่า “เพศสัมพันธ์หรือเซ็กซ์” ซึ่ง ประชาชนในหลายประเทศทั่วโลกยังไม่มีความรู้ความเข้าใจ

(ตอนที่ ๒)

เพียงพอ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ทัศนคติ ความรู้ ความเชื่อ ตลอดจนวัฒนธรรม ประเพณีและสิ่งแวดล้อมยังตรงกันข้าม กับประเทศตะวันตก “เซ็กซ์เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ แต่ต้องปิดประตูพูด” หรือ “คนดีๆ ไม่พูดกันเรื่องเซ็กซ์” ฯลฯ นี่เป็นค�ำพูดเปรียบ เทียบที่สะท้อนถึงความไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่และความ สัมพันธ์ระหว่างเพศหญิงเพศชาย และกับเพศสัมพันธ์ว่าไม่ เหมือนกันแต่มีความสัมพันธ์กัน เริ่มจากพ่อแม่ผู้ปกครองใน บ้านในครอบครัว ที่อาจจะไม่มีความรู้เรื่อง “เซ็กซ์หรือเพศ สัมพันธ์” จริงๆ ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร และจะพูดอย่างไร ให้ ลู ก ๆ เข้ า ใจ ผ่ า นจากพ่ อ แม่ ไ ปถึ ง ครู อ าจารย์ ใ นโรงเรียน ซึ่งนอกจากไม่มีความรู้แล้วยังอาจมีความเชื่อผิดๆ ที่น�ำไปสู่ ปัญหาให้ต่อเนื่องลุกลามต่อไป เช่น ทีมนักจิตวิทยามูลนิธิศูนย์

46 IS AM ARE www.fosef.org


กระจกส่ อ งใจ

ฮอทไลน์ หลายครั้งได้เปิดฝึกอบรมคุณครูจากหลายโรงเรียน ในจังหวัดเชียงใหม่ถึงเรื่องการให้ความรู้โรคเอดส์กับเยาวชน ไทย ตอนหนึ่งถามคุณครูในห้องเรียนว่า “หากนักเรียนมาถาม เรื่องเพศสัมพันธ์หรือเซ็กซ์คืออะไร?” คุณครูจะตอบว่าอย่างไร คุณครูชายท่านนั้นตอบอย่างจริงจังว่า “ผมก็พาไปขึ้นครูสิ ของ อย่างนี้มันต้องเจอของจริง!” เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า หลายปีของการแพร่ ระบาดโรคเอดส์ในภาคเหนือ มีผู้คนหญิงชายทุกวัย ล้มตายกัน มากมายเหมือนใบไม้ร่วง! เพราะการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาผ่าน ทางการใช้บริการทางเพศนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ เมื่อทีมงานของ มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์เริ่มเรียนรู้เรื่องโรคเอดส์เพื่อจัดหลักสูตร เรื่องเอดส์ ใส่แทรกเข้าไปในทักษะการให้ค�ำปรึกษาแนะน�ำ จึง ต้องเริม่ ทีเ่ พศสัมพันธ์หรือเซ็กซ์คืออะไร และหลักส�ำคัญของการ มีเพศสัมพันธ์หรือเซ็กซ์ เพื่ออะไร ในอดีตผู้คนส่วนใหญ่คิดได้แต่เพียงว่า เซ็กซ์เป็นความ ต้องการตามธรรมชาติ พฤติกรรมทางเพศของหญิงชายเกิด ขึ้นเพื่อจรรโลงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สืบทอดต่อไป แต่สมัยก่อนยัง ไม่มีข้อจ�ำกัดที่จะใช้ป้องกันประชากรไม่ให้ล้นโลก และยังไม่มี โรคร้ายแรงที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ทางเพศ วิธีหรือเครื่อง ป้องกันการติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ก็ยังไม่เกิดขึ้น จนกระทั่ง ในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาออกไปอย่างหลาก หลาย โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถรักษาให้ หายได้ และยังสามารถป้องกันโดยฉีดวัคซีน หรือวัสดุที่จัด ท�ำขึ้นเพื่อใช้เป็น “ถุงยางอนามัย” ในการควบคุมประชากร ป้องกันการตั้งครรภ์ หรือป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเมื่อโรคเอดส์ยังรักษาไม่หายถุงยางอนามัยจึงเป็น เครื่องมือป้องกันที่ส�ำคัญส�ำหรับประชาชนในยุคนี้ การจะป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ จึ ง ต้ อ งเริ่ ม ต้น ที่ก ารให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ย วกั บโรคเอดส์ โรคเอดส์หรือเชื้อไวรัสเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายทางเพศสัมพันธ์ หรือน�้ำคัดหลั่งในร่างกาย เช่น เลือด น�้ำอัสสุจิ ฯลฯ นั่นคือ คนคนหนึ่งจะติดเชื้อเอชไอวีได้จากการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ ติดเอชไอวี/เอดส์อยู่แล้ว โดยไม่ได้ป้องกัน ท�ำให้เกิดการแลก เลือด แลกน�้ำกามกันและกัน เพราะฉะนั้น การป้องกันการติด เชื้อเอชไอวี หากไม่แน่ใจว่าใครติดเอดส์หรือไม่ หรือการมีเพศ สัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่ครองไม่คุ้นเคย ควรต้องป้องกันโดยใช้ ถุงยางอนามัยทุกครั้ง

และเพราะถุงยางอนามัยเป็นเพียงเครื่องมือชนิดเดียว ที่ ส ามารถใช้ เ พื่ อ ป้ อ งกั น การติ ด เอดส์ ไ ด้ แต่ ที่ ผ ่ า นมา คน ทั่วไปใช้ถุงยางอนามัยไม่เป็น เนื่องจากในทางการแพทย์นัก วิ ช าชี พ จะใช้ ถุ ง ยางอนามั ย เสมื อ นเป็ น เครื่ อ งมื อ แพทย์ ช นิ ด หนึ่ง ประชาชนทั่วไปจึงไม่สนใจจะท�ำความเข้าใจวิธีใช้วิธีเก็บ รักษา เพราะนอกจากถุงยางอนามัยจะเป็นเครื่องมือแพทย์ ชนิดหนึ่งแล้ว “โดยทั่วไปนอกโรงพยาบาล ถุงยางอนามัยมี ไว้ให้ผู้ชายใช้กับผู้หญิงขายบริการ” ผู้หญิงดีๆ จะไม่พูดถึงถุง ยางอนามัย!

“เซ็ ก ซ์ เ ป็ น เรื่ อ งที่ ทุ ก คนอยากรู ้ แต่ ต ้ อ งปิ ด ประตู พู ด ” หรื อ “คนดี ๆ ไม่ พู ด กั น เรื่ อ งเซ็ ก ซ์ ” ฯลฯ นี่ เป็ น ค� ำ พู ด เปรี ย บเที ย บที่ ส ะท้ อ นถึ ง ความไม่ เ ข้ า ใจ ในบทบาทหน้ า ที่ แ ละความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งเพศหญิ ง เพศชาย นั่ น หมายความว่ า ก่ อ นจะก้ า วเข้ า สู ่ พ ฤติ ก รรมทาง เพศหรือมีเซ็กซ์กับผู้หนึ่งผู้ใด ทั้งหญิงและชายจะต้องเข้าใจ วิธีใช้และเก็บรักษาถุงยางอนามัยให้ถูกวิธี แม้ว่าปัจจุบันจะมี ถุงยางอนามัยเฉพาะของผู้ชายใช้เท่านั้น แต่ผู้หญิงทุกคนต้อง เรียนรู้ในการป้องกันและควบคุมให้ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่รู้ว่าฝ่ายชายมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศกับหญิงอื่น ซึ่ง พฤติกรรมส�ำส่อนทางเพศก็อาจจะน�ำเชื้อเอชไอวีมาสู่ภรรยาที่ บ้านได้เช่นกัน และในทุกครอบครัว หากสามีติดเอดส์ ภรรยา จะต้องเป็นคนดูแล หากฝ่ายภรรยาติดเอดส์ด้วย ผู้หญิงจะต้อง ดูแลทั้งสามีและตัวเอง ซึ่งสถานการณ์จะแย่ลงอีกหากฝ่ายหญิง ตั้งครรภ์ เพราะเธอจะต้องอยู่กับความรู้สึกผิดในการที่จะให้ ก�ำเนิดทารกที่อาจติดเอดส์จากแม่ไปด้วย

47 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ปัญหาโรคเอดส์ที่ผ่านมาที่เชื่อ ว่าเอดส์เป็นเรื่องของเกย์ ความจริงคือ ทั้ ง ชายหญิ ง ทั่ ว ไปก็ ส ามารถติ ด เอดส์ ได้ โดยเฉพาะผู้หญิงแม่บ้านที่เคยคิด ว่ า โรคเอดส์ ไม่ ใช่ โรคส� ำ หรั บ ผู ้ ห ญิ ง ดี ๆ แต่ ก ารยอมรั บ หรื อ ปล่ อ ยให้ ฝ ่ า ย ชายคื อ สามี เ ที่ ย วโสเภณี ไ ด้ โ ดยไม่ มี การป้องกัน น�ำหายนะมาสู่ภรรยาหรือ ครอบครัว เมื่อคนที่บ้านก็ต้องติดเอดส์ เสียชีวิตไปด้วยกันทั้งที่ไม่ได้มีพฤติกรรม ส�ำส่อนทางเพศแต่อย่างใด โดยเฉพาะ เมื่อการติดเอดส์ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง ในครอบครัวทุกคน จึงเป็นเรื่องจ�ำเป็น ที่ “ผู ้ ห ญิ ง ” จะต้ อ งมี บ ทบาทส� ำ คั ญ ในการเพิ่ ม อ� ำนาจการต่ อ รองทางเพศ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ของโรคเอดส์ นั่นคือ ที่ผ่านมาผู้หญิงใน สั ง คมไทย เริ่ ม จากวั ย รุ ่ น มั ก จะปล่ อ ย ให้ ฝ ่ า ยชายเป็ น ผู ้ น� ำ ในพฤติ ก รรมทาง เพศสัมพันธ์ เช่น หากถามฝ่ายหญิงว่า

การมี เ พศสั ม พั น ธ์ เ ป็ น เรื่ อ งของคนสองคนทั้ ง หญิ ง และชาย หากฝ่ า ย ชายยั ง ไม่ พ ร้ อ ม คิ ด ป้ อ งกั น ไม่ เ ป็ น ฝ่ า ยหญิ ง ก็ ต ้ อ งยุ ติ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ ฝ่ า ยชาย เพราะหากมี เ พศสั ม พั น ธ์ โ ดยไม่ ไ ด้ ป ้ อ งกั น พลาดพลั้ ง ตั้ ง ครรภ์ ขึ้ น มา ฝ่ า ยหญิ ง ก็ จ ะต้ อ งเผชิ ญ ปั ญ หาตามล� ำ พั ง “ท�ำไมจึงไปมีเซ็กซ์กับเขา เพิ่งพบกันไม่ กี่ครั้งเอง?” เธอมักจะตอบว่า “เขาบอก ว่า เป็นแฟนกันไม่มีเซ็กซ์ ก็จะไม่ผูกพัน กัน” พฤติกรรมที่คนรุ่นใหม่มักใช้อ้าง หรือที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนคือ “ฝ่าย ชายเอารักไปแลกเซ็กซ์...นั่นคือ ถ้าเรา ต้องการจะคบกันรักกันต่อไป เราก็ต้อง มีเซ็กซ์กันไม่มีเซ็กซ์กับฉัน ฉันก็คงไม่รัก เธอ” ในขณะที่ “ฝ่ายหญิงเอาเซ็กซ์ไป แลกรัก.....นั่นคือ คาดว่าเมื่อมีเซ็กซ์กับ เขาแล้ว เราจะรักและผูกพันกันต่อไป!” เพราะฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจากความ ไม่รู้ ไม่ชัดเจนในเพศสัมพันธ์ น�ำไปสู่ การเอาเปรียบทางเพศ และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

48 IS AM ARE www.fosef.org

หลักสูตร การให้ความรู้เรื่องโรค เอดส์ เพื่อการป้องกันและควบคุมการ แพร่ระบาดของโรคเอดส์จึงต้องเริ่มต้น ด้ ว ยการให้ ค วามเข้ า ใจในพฤติ ก รรม ส� ำ ส่ อ นกั บ ฟรี เซ็ ก ซ์ ว ่ า แตกต่ า งกั น กั น อย่ า งไร ได้ ร ะบุ ไว้ ก ่ อ นหน้ า นี้ แ ล้ ว ที่ ส�ำคัญคือ “เซ็กซ์คืออะไร?” ทั้งวัยรุ่น และผู้คนจ�ำนวนมากจะตอบว่า “เป็น ความต้องการตามธรรมชาติ” ซึ่งก็ถูก ต้อง แต่เราจะปล่อยชีวิตและพฤติกรรม ของเราให้เป็นไปตามธรรมชาติเท่านั้น เองหรื อ แล้ ว มนุ ษ ย์ กั บ สั ต ว์ โ ลกอื่ น ๆ จะแตกต่างกันอย่างไร ถ้าเป็นไปตาม ธรรมชาติ เ ฉยๆ มั น เป็ น การเข้ า ข้ า ง ความต้องการทางเพศของเราข้างเดียว


หรือเปล่า เพราะเมื่อเป็นธรรมชาติ เราก็หมดเรื่องจะคุยกันต่อ เพราะก็ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติเช่นนั้นหรือ ถ้างั้นจะถาม ใหม่ “เซ็กซ์คืออะไร?” ค�ำถามที่เราต้องถามตัวเอง (ผู้ใหญ่) คือเราต้องการ ให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมทางเพศเป็นอย่างไร เราอยากเห็นวัยรุ่น แสดงพฤติกรรมฟรีเซ็กซ์ หรือพฤติกรรมส�ำส่อนทางเพศ เพราะ อะไร? ที่ผ่านมาวัยรุ่นเข้าใจผิดว่าการไปข้องเกี่ยวกับเพศตรง ข้ามมากหน้าหลายตาเป็นความอิสระทางเพศ หรือฟรีเซ็กซ์ ซึ่งแท้จริงคือพฤติกรรมส�ำส่อน เพราะฉะนั้นค�ำว่าส�ำส่อนไม่ใช่ ค�ำที่ดี ส่วนค�ำว่า “ฟรีเซ็กซ์” นั้นมีความพร้อม มีความรับผิด ชอบมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง หากผู้ใหญ่ต้องการให้วัยรุ่นยุติ พฤติกรรมส�ำส่อน และกลับมามีความรับผิดชอบเพื่อป้องกัน เขาจากการติดเอดส์ เป็นเรื่องจ�ำเป็นมากที่พ่อแม่ ผู้ปกครองจะ ต้องอธิบายความหมายของฟรีเซ็กซ์ ว่าตรงกันข้ามกับส�ำส่อน ผู้ใหญ่ต้องเตรียมความพร้อมให้วัยรุ่นก่อนจะก้าวไปสู่การมีเพศ สัมพันธ์ โดยเฉพาะวัยรุ่นชายจะต้องมีความพร้อมในพฤติกรรม ของตนเอง ไม่เข้าเกี่ยวข้องกับฝ่ายหญิงโดยไม่ค�ำนึงว่าจะเกิด ปัญหาอะไรตามมากับฝ่ายหญิงบ้าง หรือหากเกิดปัญหาขึ้น ฝ่าย ชายต้องแสดงความรับผิดชอบร่วมกับฝ่ายหญิง ความพร้อมของฝ่ายชายนั้น เริ่มต้นจากการเรียนรู้วิธีใช้ ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้อง จะเกี่ยงว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง ต้องคุมก�ำเนิดเองไม่ได้ เพราะการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องของคน สองคนทั้งหญิงและชาย หากฝ่ายชายยังไม่พร้อม คิดป้องกันไม่ จากการส� ำ รวจและรวบรวมสถิ ติ ผู ้ ติ ด เชื้ อ เอดส์ ก ลั บ เป็น ฝ่ายหญิงก็ต้องยุติเกี่ยวข้องกับฝ่ายชาย เพราะหากมีเพศ พบว่ า ในกลุ ่ ม วั ย รุ ่ น มี ส ถิ ติ ก ารติ ด เอดส์ สู ง ขึ้ น รวม สัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน พลาดพลั้งตั้งครรภ์ขึ้นมา ฝ่ายหญิง ทั้ ง เด็ ก หญิ ง วั ย รุ ่ น ที่ ตั้ ง ครรภ์ ข ณะยั ง ไม่ พ ร้ อ มมี ก็จะต้องเผชิญปัญหาตามล�ำพัง ที่ส�ำคัญทั้งหญิงชายจะต้อง จ� ำ นวนเพิ่ ม ขึ้ น มากเช่ น กั น จึ ง ดู เ หมื อ นการให้ ค วามรู ้ ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของถุงยางอนามัยว่า สามารถป้องกัน ความเข้ า ใจความหมายของ “เพศสั ม พั น ธ์ ” ในสั ง คม การติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ ป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี/ เอดส์ และช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ขณะยังไม่พร้อม โดยเฉพาะ ไทยจะล้ ม เหลว เมื่ อ ฝ่ า ยหญิ ง อยู ่ ใ นสถานการณ์ ที่ เ สี่ ย งกั บ ปั ญ หาที่ จ ะตามมา จากการขาดความรับผิดชอบของฝ่ายชาย ผู้หญิงจึงต้องเรียนรู้ ในการจัดการ “เพิ่มอ�ำนาจการต่อรองทางเพศ” ให้กับตนเอง ด้วยการพิจารณาตัดสินใจว่า ผู้ชายจะต้องใช้ถุงยางอนามัยทุก ครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเธอ หากเธอเตือนแล้ว เขายังเฉยไม่ ให้ความส�ำคัญกับการเตือนของเธอ แสดงว่าฝ่ายชายยังไม่พร้อม ที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อการกระท�ำของเขาเอง ดังนั้นฝ่าย หญิงจึงไม่ควรเสี่ยงกับการมีเพศสัมพันธ์กับชายคนนั้น! ในประเทศที่ก�ำลังพัฒนา และสถานภาพของเพศชาย ได้รับการยอมรับมากกว่าผู้หญิง ดังเช่นประเทศไทยนั้น ผู้หญิง ส่วนใหญ่จะยอมรับว่า การไปเที่ยวหญิงบริการเป็นเรื่องปกติ ของผู้ชาย ทั้งยังปฏิเสธอ�ำนาจการต่อรองทางเพศ เช่น เมื่อ

49 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ฝ่ายชายหรือสามีมีพฤติกรรมส�ำส่อนทางเพศ แล้วกลับมามีเพศ สัมพันธ์กับภรรยาโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงก็ไม่โต้แย้งไม่ คัดค้าน ไม่ปฏิเสธ โดยเข้าใจว่าการใช้ถุงยางเป็นเรื่องของผู้ชาย ผลที่ตามมาคือมีภรรยาจ�ำนวนมากที่อยู่บ้านเป็นแม่บ้าน หรือ ท�ำงานตามปกติไม่ได้เกี่ยวข้องกับชายอื่นมีอาการติดเอดส์กัน ไปด้วย เนื่องจากสามีติดเอดส์จากสถานบริการแล้วน�ำกลับมา บ้านเพราะไม่ยอมใช้ถุงยางอนามัย ปรากฏการณ์ครั้งนี้ท�ำให้ ต้องมีการกระตุ้นผู้หญิงให้เพิ่มอ�ำนาจการต่อรองทางเพศให้มาก ขึ้น เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสเอชไอวี นั่น คือ หากรู้ว่าสามีมีพฤติกรรมส�ำส่อนคบหาผู้หญิงมากหน้าหลาย ตา ทั้งชอบเที่ยวหญิงบริการ ภรรยาต้องยืนยันให้สามีใช้ถุงยาง อนามัยด้วยทุกครัง้ ทีม่ เี พศสัมพันธ์ ทัง้ นีร้ วมถึงผูห้ ญิงทัว่ ไปตลอด จนผู้หญิงขายบริการด้วย จากการส�ำรวจและรวบรวมสถิติผู้ติดเชื้อเอดส์กลับพบ ว่า ในกลุ่มวัยรุ่นมีสถิติการติดเอดส์สูงขึ้น รวมทั้งเด็กหญิงวัย

รุ่นที่ตั้งครรภ์ขณะยังไม่พร้อมมีจ�ำนวนเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน จึงดู เหมือนการให้ความรู้ความเข้าใจความหมายของ “เพศสัมพันธ์” ในสังคมไทยจะล้มเหลวเพราะขาดข้อมูลและเงื่อนไขในการ อธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า การประพฤติปฏิบัติอย่างฟรี เซ็กซ์นั้น ไม่ใช่พฤติกรรมส�ำส่อนอย่างที่วัยรุ่นส่วนใหญ่เข้าใจ หากคนหนึ่งคนใดต้องการจะฟรีเซ็กซ์ก็ต้องแสดงความพร้อม และมีความรับผิดชอบกับการกระท�ำของตนเองมากกว่าจะมี เสรีภาพทางเพศอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนพฤติกรรมตามใจตนเอง เพราะคิดว่าสิทธิในตัวของตัวเอง ท�ำให้ท�ำอะไรก็ได้เมื่ออยากท�ำ ความจริงคือการไม่ให้ความเคารพนับถือร่างกายตนเอง และไม่รู้ ว่าพฤติกรรมส�ำส่อนทางเพศนี่แหละคือเส้นทางการติดเอดส์ ดังจะเห็นได้จากหลายๆ กรณีของชายหญิงที่ปรึกษาผ่านทาง เว็บไซต์ www.hotline.or.th อรอนงค์ อินทรจิตร www.hotline.or.th

50 IS AM ARE www.fosef.org


เผยผิ ว ใสไร้ ริ้ ว รอย ด้ ว ย สบู ่ ว ่ า นหางจระเข้ ภั ท รพั ฒ น์ คุ ณ ค่ า จากว่ า นหางจระเข้ ที่ ช ่ ว ยลดรอยแดงจากการอั ก เสบของผิ ว ที่ โ ดนแดด ลดเลื อ นริ้ ว รอย ฝ้ า กระ จุ ด ด่ า งด� ำ เพิ่ ม ความชุ ่ ม ชื่ น ให้ ผิ ว ไม่ แ ห้ ง กร้ า น เมื่ อ ใช้ เ ป็ น ประจ� ำ ผิ ว หน้ า กระจ่ า งใสขึ้ น อย่ า งเป็ น ธรรมชาติ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านภัทรพัฒน์ทุกสาขาหรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง Facebook/Patpat9 ภัทรพัฒน์สินค้าจากมูลนิธิชัยพัฒนา และ www.patpat9.com

51 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


52 IS AM ARE www.fosef.org


53 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ความเป็นมา

พัฒนาการด้านงานพัฒนาที่เกิดขึ้นในต�ำบลสะโน ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาจาก หน่วยงานในท้องถิ่นและจากส่วนกลางที่มีงบประมาณเข้ามาสนับสนุน ซึ่งมีพัฒนาการ ก่อนที่จะมีการสนับสนุนการพัฒนาจากรัฐบาลส่วนกลางนั้น ต�ำบลสะโนได้มีการพัฒนา และปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีชีวิตดั้งเดิมแต่ละยุคสมัย พ.ศ. ๒๔๘๑-๒๕๐๙ ยุ ค ก่ อ ตั้ ง ชุ ม ชน ช่วงการจับจองพื้นที่ก่อตั้งชุมชนไม่ปรากฏปีที่แน่ชัด แต่มีการก่อสร้างวัดโพธิ์ศรี (น�้ำท่วม) บนเนื้อที่ ๒๐ ไร่ ๒ งาน และมีการตั้งโรงเรียนประถมที่แยกออกมาจากโรงเรียน บ้านกระออม ต�ำบลกระออม อ�ำเภอส�ำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ เป็นโรงเรียนบ้านสะโน เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๔ ตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๖ โดย ใช้ศาลาวัดบูรณ์เป็นสถานที่เรียน และมีการพัฒนาอาคารสถานที่ในเวลาต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๒๘ ยุ ค พั ฒ นาและขยายชุ ม ชน ชุมชนเริ่มมีการถางป่าโคกแขมเพื่อจับจองที่ดินท�ำกินและท�ำไร่ปอมากขึ้น บริเวณ ป่าโคกแขมนั้นอยู่ใกล้แหล่งน�้ำที่ท�ำให้สะดวกต่อกระบวนการผลิตปอของคนในชุมชน ดังนั้นพื้นที่ป่าแถบนี้จึงถูกท�ำลายอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งในปี พ.ศ.๒๕๒๔ เริ่มมีการตั้งวัด แสงธรรม (นายาว) ให้เป็นศูนย์รวมในการพัฒนาจิตใจอีกหนึ่งแห่ง ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๒๘ กังวาน ศิริรังศรี ก�ำนันต�ำบลกระออม ได้ขอแบ่งพื้นที่การปกครองใหม่ เนื่องจากต�ำบล กระออมมีหมู่บ้านที่อยู่ในเขตการปกครองหลายหมู่บ้านและไม่สะดวกในการดูแลบริหาร จัดการ ท�ำให้เกิดการแบ่งพื้นที่เป็นต�ำบลสะโนขึ้น พ.ศ. ๒๕๒๙-๒๕๔๗ ยุ ค ขยายการพั ฒ นาน� ำ พาไปสู ่ ค วามขั ด แย้ ง ต�ำบลของต�ำบลสะโนได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองตามนโยบายจาก ภาครัฐโดยจากรูปแบบสภาต�ำบลเปลี่ยนสถานะเป็นองค์การบริหารส่วนต�ำบลสะโน เมื่อ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ในปี พ.ศ.๒๕๔๐ แต่ยังคงวิถีชาวบ้านแบบดั้งเดิม ด้วยการท�ำนาและ ปลูกพืชผักสวนครัวชาวบ้านบางกลุ่มยังคงปลูกปอ และเริ่มหันมาปลูกพริก ปลูกหอมแดง กระเทียมเพื่อขาย จนท�ำให้เกิดปัญหาขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๔๔ โดยชาวบ้านได้บุกรุกพื้นที่ป่า โคกแขมเพื่อเอาที่ดินตามสิทธิการจับจองตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษคืนเพราะมีการปลูกกล้วย อ้อย หอม กระเทียม พริก ฯลฯ ไว้ในที่ดินเดิมซึ่งในขณะที่มีการเข้าไปใช้ประโยชน์ใน พื้นที่นั้นทางราชการได้ประกาศให้ป่าโคกแขมเป็นป่าสาธารณะ พ.ศ.๒๕๔๘-๒๕๕๒ ยุ ค ชุ ม ชนจั ด การตนเอง มีการบุกรุกพื้นที่ป่ามากขึ้น จนส่งผลให้เกิดความขัดแย้งของคน ๒ ต�ำบล คือ ต�ำบลกระออมและต�ำบลสะโน เพื่อเป็นการแก้ปัญหา ผู้น�ำทั้งสองต�ำบลจึงได้สร้าง ส�ำนักสงฆ์ในป่าโคกแขมเพื่อให้พระสงฆ์เป็นผู้ดูแลรักษาพื้นที่ป่า และเป็นศูนย์กลาง

54 IS AM ARE www.fosef.org


55 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ในการลดความขัดแย้ง ในขณะเดียวกันองค์การบริหารส่วน ต�ำบลสะโน ได้เข้าไปสร้างโรงปุ๋ยใกล้กับส�ำนักสงฆ์ และมีการ ปลูกต้นไม้เสริมในพื้นที่ป่า และยังคงมีการลักลอบถอนต้นไม้ ที่น�ำไปปลูกจากชาวบ้านที่เสียผลประโยชน์ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ต�ำบลสะโนจึงสมัครเข้าร่วมโครงการรักษ์ป่าสร้างคน ๘๔ ต�ำบล วิถีพอเพียง

ทุนต�ำบล

ด้ ว ยสั ง คมที่มีความสัม พัน ธ์ในระบบเครือญาติ และ การพั ฒ นาที่ เ กิ ด จากการสนั บ สนุ น ทุ น จากภาครั ฐ ยั ง ส่ ง ผล ดี ท� ำ ให้ เ กิ ด การรวมกลุ ่ ม กั น เพื่ อ จั ด ท� ำ กิ จ กรรมเสริ ม สร้ า ง รายได้ในการด�ำรงชีพของคนในชุมชนในต�ำบลสะโนมีการจัด ตั้งกลุ่มท�ำงานต่างๆ เช่น กลุ่มทอพรมเช็ดเท้า กลุ่มส่งเสริม สตรี เป็นต้น รวมทั้งจัดโครงการพัฒนากองทุนเพื่อใช้ในการ สนับสนุนการลงทุนในภาคการเกษตรของสมาชิก ในลักษณะ ของกองทุนหมู่บ้านต่างๆเพื่อให้สมาชิกได้กู้ยืมเพื่อประกอบ อาชีพ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมโครงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ พอเพียงหรือการพึ่งตนเอง ซึ่งถือเป็นความพยายามในการจัด ตั้งกลุ่มต่างๆ เพื่อพัฒนาคนในต�ำบลพร้อมทั้งสนับสนุนกองทุน ให้เกิดทุนหมุนเวียนในภาคเกษตรกรรมและการด�ำรงชีวิต

จากความพยายามในการจัดตั้งกลุ่มต่างๆ เพื่อพัฒนา คนในต�ำบล และการสนับสนุนกองทุนเพื่อให้เกิดทุนหมุนเวียน ในภาคเกษตรกรรม แต่ปัญหาภาพรวมในการด�ำรงชีวิตของ ต�ำบลสะโนยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการอพยพย้ายถิ่นหรือการออก ไปหางานท�ำในพื้นที่อื่น ซึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดแคลนน�้ำใน การอุปโภคบริโภคและการเกษตร ด้วยการลงทุนมีค่าใช้จ่ายที่ สูงขึ้น ผลผลิตน้อย รายได้ต�่ำ ยากจน ชาวบ้านขาดการเรียนรู้ ไม่มีวิธีการจัดการกระบวนการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นสาเหตุที่ท�ำให้ชุมชนเริ่มมีแนวคิดในการ หันมาพึ่งตนเอง

ก้าวเดินด้วยความพอเพียง

จากต�ำบลสะโนได้เข้าร่วมโครงการรักษ์ป่า สร้างคน ๘๔ ต�ำบลวิถีพอเพียง ในปี พ.ศ.๒๕๕๒ ซึ่งมีการด�ำเนินงานใน ระยะที่ ๓ โดยมีประดิษฐ สมัญญา นายกองค์การบริหารส่วน ต�ำบลสะโนเป็นผู้รับผิดชอบและประสานงาน ได้วางเป้าหมาย ในการพัฒนาชุมชน คือ “มุ่งพัฒนาต�ำบลตามแนววิถีพอเพียง” โดยร่วมจัดการประชุม การแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการฯ และคัดเลือกเจ้าหน้าที่ประจ�ำต�ำบล จากผู้น�ำชุมชน ครู และ ผู้อาวุโสที่เป็นที่ยอมรับของท้องถิ่นประมาณ ๗ คน เป็นคณะ

56 IS AM ARE www.fosef.org


กรรมการโครงการฯ ระยะแรก ต่อมาได้มีการคัดเลือกอย่าง เป็นทางการ จากนั้นจึงเริ่มด�ำเนินงานโดยร่วมกันวางแผนจัด เวทีชี้แจง โดยการใช้สื่อแนะน�ำโครงการฯ ทั้งระดับหมู่บ้าน และระดับต�ำบล ใช้สื่อจากวิดีทัศน์ของโครงการฯ ฉายชี้แจง ในการจัดเวทีนั้นมีทั้งการจัดระดับหมู่บ้าน และระดับต�ำบล ซึ่ ง ผลจากการชี้ แจงเกิ ด การวิ เ คราะห์ ร ่ ว มกั น ในระดั บ แกน น�ำ พบว่าต�ำบลสะโนเป็นพื้นที่อิงระบบการตัดสินใจของผู้น�ำ ทางด้านชาติพันธุ์สูง จึงควรจัดเวทีระดับต�ำบลเพื่ออาศัยเวที ในการสร้ า งแกนน� ำ ส� ำ คั ญ ให้ เ กิ ด การมี ส ่ ว นร่ ว มแลกเปลี่ ย น เรียนรู้ และวางแผนร่วมกันในการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการฯ โดยก�ำหนดให้มีคณะกรรมการโครงการฯ เริ่มต้นจากตัวแทน ชุมชนเป็นตัวแทนในการจัดท�ำแผนงาน เข้าร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้โครงการฯ เพื่อท�ำหน้าที่ในการบริหารจัดการโครงการฯ ในระยะต่อไปดังนั้นคณะกรรมการโครงการฯ จึงเริ่มต้นโดยมี การวางแผนงานและการจัดเวทีชี้แจงโครงการฯ ให้เกิดความ เข้าใจในทุกระดับ จัดเป็นแนวทางในการบูรณาการแผนงาน และกระบวนการปฏิบัติงาน เพื่อเตรียมพร้อมชุมชนในการเข้า ร่วมกิจกรรมต่อไปในอนาคต

กลไกการขับเคลื่อน

ด้วยชุมชนมองว่าโครงการฯ เป็นของชุมชน จึงควร บริหารงานด้วยชาวบ้าน มีการคัดเลือกจากตัวแทนของแต่ละ

หมู่บ้านขึ้นมา เพื่อให้ชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการโครงการฯ เอง และจัดตั้งคณะกรรมการโครงการฯ คัดเลือกจากส่วนที่ เป็นประชาชนทั่วไป และส่วนที่เป็นผู้น�ำชุมชน เช่น ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนต�ำบล หรือครู ให้โดยมีหน่วยงานใน ท่องถิ่นเป็นที่ปรึกษา ดังนั้นการผสมผสานบทบาทหรือสถานะ ทางสังคมของคณะกรรมการโครงการฯ จึงมีทั้งส่วนมาจากผู้น�ำ อย่างเป็นทางการและผู้น�ำธรรมชาติ ซึ่งต่างช่วยกันขับเคลื่อน งานให้ไปยังสู่เป้าหมายของโครงการฯ ส่งผลให้ชุมชนเกิดการ พึ่งพาตัวเองได้

57 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


58 IS AM ARE www.fosef.org


นอกจากนี้คณะกรรมการโครงการฯ ยังได้แบ่งเป็นคณะ กรรมการชุดย่อย เช่น ผู้รับผิดชอบแผนงานคณะกรรมการ ติดตามแผนงานซึ่งจะมีทั้งระดับหมู่บ้านและระดับต�ำบล โดย แต่ละคณะจะวางแผนในการติดตามการด�ำเนินงานกันเองรวม ถึงสร้างเครื่องมือติดตาม เช่น แบบติดตามบัญชีครัวเรือนแบบ ติดตามคนต้นแบบ เกณฑ์ติดตามหมู่บ้านวิถีพอเพียงเป็นต้น หลังจากนั้นจึงน�ำผลที่เกิดขึ้นมาแจ้งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ โครงการฯ ได้รับทราบ

รูปธรรมความส�ำเร็จในพื้นที่

พลั ง งานทางเลื อ ก ในการสนับสนุนและพัฒนาชุมชนต�ำบลสะโนแต่เดิม นั้น ส่วนใหญ่มุ่งเน้นและส่งเสริมอาชีพทางด้านการเกษตร เป็นหลักและมองข้ามรูปแบบของการใช้พลังงานไป เมื่อเข้า ร่ ว มโครงการฯ และมี ก ารส� ำ รวจข้ อ มู ล ด้ า นเศรษฐกิ จ และ พลังงานชุมชน พบว่าหลายครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายจากการซื้อ แก๊สหุงต้ม ถ่าน และใช้ฟืน ซึ่งที่มาของถ่านและฟืนเกิดจาก การตัดไม้ท�ำลายป่า และการเผาถ่านแบบดั้งเดิม (เตาหลุม

ผี) ท�ำให้สูญเสียทรัพยากรป่าไม้ อันเนื่องมาจากการเผาถ่าน ที่ไม่มีประสิทธิภาพ เกิดการซื้อวัสดุเชื้อเพลิง รวมไปถึงการ สูญเสียทรัพยากรป่าไม้ไปอย่างน่าเสียดาย หลังจากการเข้า ร่วมกับโครงการฯ คณะกรรมการโครงการฯและครัวเรือนพอ เพียงอาสา ได้มองเห็นช่องว่าง จุดส�ำคัญที่จะมาปรับเปลี่ยน แนวคิดในการใช้พลังงานของชุมชน เนื่องจากชุมชนยังคงใช้ พลังงานเป็นไปตามวิถีเดิม โดยใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากไม้ และ ผลิตในรูปแบบดั้งเดิม คือ เผาแบบฝังกลบใช้ไม้ที่ตัดโค่นจาก ไม้ใหญ่ ส่วนเศษกิ่งไม้เล็กๆ ไม่ได้น�ำไปใช้ในการเผาเนื่องจาก ไม้กิ่งเล็กเมื่อเผาแบบเตาฝังกลบ บางพื้นที่เรียก “เตาผี” จะ กลายเป็นขี้เถ้า กิ่งไม้จึงถูกทิ้งไปโดยไร้ประโยชน์ รวมทั้งค่าใช้ จ่ายที่เพิ่มขึ้น และการใช้ประโยชน์จากมูลสัตว์ได้ไม่เต็มที่ ดัง นั้นการจัดการของโครงการฯ ในช่วงแรกทางโครงการฯ จึงให้ ข้อมูลด้านการเรียนรู้อย่างเป็นระบบในเรื่องของเทคโนโลยีการ ใช้พลังงานทางเลือก เช่น เตาซุปเปอร์อั้งโล่ เตาเผาถ่านด้วยถัง ๒๐๐ ลิตรบ่อหมักแก๊สชีวภาพ เป็นต้น หลังจากที่คณะกรรมการโครงการฯ ครัวเรือนพอเพียง อาสาและชุมชนได้ไปศึกษาดูงานด้านพลังงานชุมชนแล้ว ได้

59 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ร่วมกันวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการที่จะน�ำความรู้เรื่องการเผาถ่านจากถังน�้ำมัน ๒๐๐ ลิตร มาใช้ ในชุมชน และได้หาอาสาสมัครผู้สนใจเรียนรู้เทคโนโลยีแต่ละอย่างเพื่อวางให้เป็นผู้ฝึกทักษะและเรียน รู้ให้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างและพัฒนาเป็นจุดเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับครัวเรือนพอเพียงอาสาและ ผู้สนใจอื่นๆ เมื่อได้ผู้สนใจที่ต้องการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีพลังงานทางเลือก จึงเริ่มฝึกอบรมในเบื้องต้น ๒ เรื่องคือ เตาเผาถ่านด้วยถัง ๒๐๐ ลิตร มีผู้เข้าร่วมสามารถน�ำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการผลิตถ่านใช้เอง โดยโครงการฯ ได้สนับสนุนชุดอุปกรณ์เพื่อเป็นจุดเรียนรู้และขยายผลต่อไป นอกจากนั้นยังน�ำความรู้ เรื่องการท�ำบ่อหมักแก๊สชีวภาพ โดยได้คัดเลือกกลุ่มผู้สนใจที่ต้องการเรียนรู้และมีความร้อมด้านวัตถุดิบ คือ มีมูลสัตว์หรือสามารถจัดการหามูลสัตว์มาเป็นเชื้อตั้งต้นได้ รวมถึงพร้อมที่จะเป็นจุดถ่ายทอดให้กับ ครัวเรือนพอเพียงอาสาหรือคนอื่นๆ นอกจากนี้ได้พัฒนาจุดเรียนรู้กระจายตามหมู่บ้านต่างๆ ๔ จุดและให้วิทยากรชุมชนได้ฝึกการ ถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ เปิดสอนให้กับครัวเรือนพอเพียงอาสาเข้าร่วมเรียนรู้ และเกิดการพัฒนา ทักษะคิดค้นเทคนิคต่างๆด้วยตนเอง จนสามารถถ่ายทอดเทคนิควิธีการได้ ถือเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ ได้รับและสานต่อเกิดเป็นความรู้ใหม่ ทดลองพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลถึงความภาคภูมิใจ เกิดผู้น�ำใหม่ๆ ในด้านพลังงานทดแทนในชุมชน น�ำมาซึ่งการขยายผลเผยแพร่ความรู้ไปสู่วงที่กว้างขึ้น แนวคิดจาก การน�ำพลังงานทางเลือกมาใช้นี้ เป็นผลมาจาการท�ำบัญชีครัวเรือน ท�ำให้ครอบครัวพอเพียงอาสาเห็น แนวทางว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือนลงมาได้อย่างไร ผลพลอยได้ตามมาคือเกิด คนอาสาที่เข้าร่วมโครงการท�ำบัญชีครัวเรือนเพิ่มขึ้น และส่งเสริมให้เกิดจิตส�ำนึกในการดูแลรักษาป่า การเลิกตัดไม้เพื่อน�ำมาใช้เป็นพลังงาน ยกเลิกระบบพลังงานแบบดั้งเดิมที่ท�ำให้ทรัพยากรสูญเสียไป โดยเปล่าประโยชน์

60 IS AM ARE www.fosef.org


61 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


สิทธิและหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ

ข้อ ๖ และ ๗ 62 IS AM ARE www.fosef.org


กฎหมายน่ารู ้...กระทรวงยุ ติธรรม ๖. สิทธิในการได้รับการรักษาพยาบาล ประชาชนทุก คนจะได้รับการบริการสาธารณสุข ที่ได้มาตรฐานอย่างเท่า เทียมกัน และผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการรักษาฟรีจากสถานบริการ สาธารณสุขของรัฐ มาตรา ๕๒ บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับบริการ ทางสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน และ ผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับการ รักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ การบริการทางสาธารณสุขของรัฐต้องเป็นไปอย่างทั่ว ถึงและมีประสิทธิภาพ โดยจะต้อง ส่งเสริมให้องค์กรปกครอง ท้องถิ่นและเอกชนมีส่วนร่วมด้วยเท่าที่จะกระท�ำได้ การป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตราย รัฐต้องจัดให้ แก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าและทันต่อเหตุการณ์ ทั้งนี้ตามที่ กฎหมายบัญญัติ ๗. สิทธิในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ประชาชนมี สิ ท ธิ ที่ จ ะจั ด การดู แ ล ส่ ง เสริ ม คุ ้ ม ครอง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับรัฐและชุมชน และ โครงการใด ๆ ก็ตามที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง จะต้ อ งมี ก ารศึก ษาอย่างรอบคอบเสียก่อนจึงจะด� ำ เนิ น การ ได้ “สิ ท ธิ ข องบุ ค คลที่ จ ะฟ้ อ งหน่ ว ยราชการ หน่ ว ย งานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ ราชการส่ ว นท้ อ งถิ่ น หรื อ องค์ ก รของรั ฐ เพื่ อ ให้ ป ฏิ บั ติ ห น้ า ที่ ต ามที่ บั ญ ญั ติ ไว้ ใ นกฎหมายตามวรรคหนึ่ ง และวรรคสอง ย่ อ ม ได้ รั บ ความคุ ้ ม ครอง”

มาตรา ๕๖ สิ ท ธิ ข องบุ ค คลที่ จ ะมี ส ่ ว นร่ ว มกั บ รั ฐ และชุ ม ชนในการบ� ำ รุ ง รั ก ษา และการได้ ป ระโยชน์ จ าก ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพและใน การคุ้มครองส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ด�ำรง ชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่อง ในสิ่งแวดล้อมที่จะไม่ก่อให้เกิด อันตรายต่อสุขภาพอนามัยสวัสดิภาพหรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ การด� ำ เนิ น โครงการหรื อ กิ จ กรรมที่ อ าจก่ อ ให้ เ กิ ด ผลกระทบอย่ า งรุ น แรงต่ อ คุ ณ ภาพ สิ่ ง แวดล้ อ มจะกระท� ำ มิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งได้ให้องค์กรอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทน องค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่ จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมให้ความเห็นประกอบก่อนมีการ ด�ำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ สิทธิของบุคคลที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของ รัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรของรัฐ เพื่อ ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายตามวรรคหนึ่งและ วรรคสอง ย่อมได้รับความคุ้มครอง

63 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


64 IS AM ARE www.fosef.org


65 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


66 IS AM ARE www.fosef.org


67 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


68 IS AM ARE www.fosef.org


69 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


70 IS AM ARE www.fosef.org


71 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


72 IS AM ARE www.fosef.org


73 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


“ปลู ก มะเขื อ เทศ ต้ อ งหาจั ง หวะ ทิ้ ง ช่ ว งไม่ ต รงกั บ ตลาด หาจั ง หวะราคาไม่ แ พง ใช้ เ วลาในการเพาะ ๑ เดื อ น ปลู ก ลงแปลง ๔๕ วั น เก็ บ ผลิ ต ได้ น าน ๓ เดื อ น เฉลี่ ย ขายได้ กิ โ ลกรั ม ละ ๒๐ บาท” ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชด�ำริ ด้านการปลูกผักปลอดสารพิษ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ นายจรูญ ธาตุอินจันทร์ ที่อยู่ เลขที่ ๖๒/๓ บ้านป่าไม้แดงหมู่ที่ ๒ ต�ำบลป่าป้อง อ�ำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ รายได้เฉลี่ยต่อปี ๕๗๑,๓๑๐ บาท “พื ช ผั ก ไร้ ส ารพิ ษ ...ชี วิ ต ปลอดภั ย ” อาชี พ เดิ ม ก่ อ นเข้ า ร่ ว มโครงการ เดิมอาชีพรับเหมาก่อสร้างท�ำเหล็กดัด วงกบหน้าต่าง ประตูแบบครบวงจร เดินทางออกจากบ้านไปท�ำงานแต่เช้าและ กลับเข้าบ้านในช่วงค�่ำมีรายได้ดีสามารถเลี้ยงครอบครัวได้อย่าง คล่องตัว ขณะนั้นตนกับภรรยาลงทุนปลูกกะหล�่ำปลีบนเนื้อที่ ๑ ไร่โดยให้ภรรยาดูแล ต่อมาเมื่อภาวะเศรษฐกิจตกต�่ำจึงหัน มายึดอาชีพท�ำการเกษตรเพียงอย่างเดียวและประสบปัญหา ต้นทุนการผลิตสูง เพราะมุ่งเน้นการใช้ปุ๋ยเคมีและยาป้องกัน ก�ำจัดศัตรูพืชในปริมาณสูงส่งผลต่อรายได้และสุขภาพที่เสื่อม

ลงทุกวัน จึงมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบท�ำการเกษตร จึงไปเข้าอบรมอาชีพในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยอ่องไคร้ฯ หลักสูตรปลูกผักปลอดภัยสารพิษ และกิจกรรมการเกษตรใน รูปแบบอื่นๆเพื่อน�ำมาพัฒนาในพื้นที่ของตนเอง คิ ด และพั ฒ นาอยู ่ เ สมอ “พืชผักหลายชนิด ดูแลยากโดยเฉพาะ มะเขือเทศมี หนอนและ เชื้อรา ใช้สารจุลินทรีย์ผสมน�้ำพ่นในช่วงเวลาเย็น เพื่อให้กรามมันกระด้างให้กินไม่ได้” นายจรูญ ธาตุอินจันทร์

74 IS AM ARE www.fosef.org


เกษตรพอเพียง มีแปลงทดลองปลูกไม้ผลเปรียบเทียบการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับ ปุ๋ยหมัก กับแปลงที่ใช้ปุ๋ยหมักเพียงอย่างเดียว ผลสรุปว่าถ้าไม่ ใช้เคมีบ้างติดดอกผลน้อยแต่ใบจะดกมาก หากใช้ปุ๋ยเคมีบ้าง จะให้ผลผลิตดีกว่า และยังได้เรียนรู้ ถึงเทคนิคการเพาะกล้า ผัก เนื่องจากต้องเพาะเองก่อนน�ำไปลงแปลงทุกชนิดทุกต้นยก ตัวอย่าง กล้าพริกต้องเตรียมประมาณอย่างต�่ำ ๒๓-๒๕ วัน สามารถเอาไปปลูกได้หนึ่งถาดเพาะมีจ�ำนวน ๑๐๔ ซึ่งก่อน น�ำไปปลูก ๑ อาทิตย์ต้องมีการดึงราก เคยทดลองเอาปูนมา วางกับพื้นดินเพื่อมารองถาดเพาะกล้าปรากฏว่าวางถาดเพาะ กล้ากับดินได้ผลดีกว่า การด� ำ เนิ น กิ จ กรรมในปั จ จุ บั น ในระยะแรก หลังจากอบรมจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ นายจรูญฯและภรรยามีเนื้อที่ส�ำหรับการเพาะปลูก ๑ ไร่กว่าๆ เพื่อปลูกกะหล�่ำปลี มะเขือยาว ขณะนั้นปลูกผักไม่หลากหลาย และเก็บเกี่ยวได้เพียงครั้งเดียว ต่อมาเริ่มไปเช่าที่ดินและปลูก ผักหมุนเวียนในแต่ละแปลง แปลงไหนปลูกแล้วก็ขยับไปปลูก แปลงใหม่ ปัจจุบันมีพื้นที่ ๑๒ ไร่ ๗๐ ตารางวา มีกิจกรรมที่ เกิดขึ้นมากมายสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ตลอดทั้งปี ได้แก่ ๑.ได้จัดสรรพื้นที่จ�ำนวน ๑๑ ไร่ ๒ งาน ๗๐ ตารางวา ไว้ส�ำหรับปลูกพืชผักปลอดภัยสารพิษ ในรูปแบบการปลูกผัก หมุนเวียนตลอดทั้งปี โดยมีการคัดเลือกสายพันธุ์ชนิดพืชที่ให้ ผลผลิตสูง ต้านโรคเหมาะสมในแต่ละฤดูกาลสอดคล้องกับความ ต้องการของตลาด โดยผลิตเป็นรุ่นๆ ให้มีความหลากหลายเพื่อ ลดความเสี่ยงของราคาผลผลิตที่ตกต�่ำ และหลีกเลี่ยงผลผลิตที่ ล้นตลาด ชนิดพืชผักที่ปลูกหมุนเวียนประกอบด้วยพริก บวบ มะเขือเทศ กะหล�่ำปลี กะหล�่ำดอก ๒.ได้ กั น พื้ น ที่ ส ่ ว นหนึ่ ง ไว้ ส� ำ หรั บ เลี้ ย งไก่ พื้ น เมื อ ง ที่ ได้รับการสนับสนุนพันธุ์ไก่จากศูนย์ศึกษาฯ ตั้งแต่ ปี ๒๕๔๐ และขายเนื้อไก่เป็นอาชีพเสริม ไก่ที่เลี้ยงไม่มีขั้นตอนในการ

ดูแลที่ยุ่งยาก เพราะเป็นไก่กระดูกด�ำสายพันธุ์ ทนโรค โตไว และต้องเลี้ยงให้ได้น�้ำหนัก ๓ กิโลกรัมขึ้นไป จึงสามารถน�ำ ออกจ�ำหน่ายได้ ๓.ผลิตปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง ปัจจุบันมีก�ำลังผลิต ๒๐ ต้นต่อ ปี ถ้าน�ำไปขายราคากิโลกรัมละ ๕ บาท และผลิตใช้ในสวนเอง ๔.ได้จัดสรรพื้นที่จ�ำนวน ๑ งาน ขุดบ่อเลี้ยงปลานิลและ ปลาดุก ไว้ส�ำหรับรับประทานในครัวเรือน ๕.ใช้พื้นที่รอบๆ ที่อยู่อาศัยส�ำหรับการเลี้ยงกบ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (ประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๕๖) ๑) เลี้ยงไก่พื้นเมือง ๑๕,๐๐๐ บาท ๒) จ�ำหน่ายปุ๋ยหมัก ๘๕,๕๐๐ บาท ๓) บวบ ๘๑,๒๓๕ บาท ๔) มะเขือเทศ ๒๗๐,๐๐๐ บาท ๕) พริก ๙๖,๐๐๐ บาท ๖) ข้าวโพดหวาน ๑๕,๕๗๕ บาท ๗) เลี้ยงกบนา ๘,๐๐๐ บาท รวมค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่อปี ๒๒๐,๖๙๐ บาท รวมรายได้สุทธิ ๕๗๑,๓๑๐ บาท

75 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


นราธิวาส ป่าพรุ ชายหาด และศาสตร์แห่งพระราชา

ปลายเดื อ นกั น ยายน ขณะลมหนาวเริ่ ม เดิ น ทางมาเยื อ นแดนดอยในภาคเหนื อ จั ง หวั ด นราธิ ว าส-แดนใต้ สุ ด ปลายด้ า มขวาน ยั ง ห่ ม คลุ ม ด้ ว ยลมมรสุ ม ตะวั น ตกเฉี ย งใต้ ที่ ศู น ย์ ศึ ก ษาการพั ฒ นาพิ กุ ล ทองอั น เนื่ อ งมาจากพระราชด� ำ ริ หมู ่ บ ้ า นพิ กุ ล ทอง ต� ำ บลกะลุ ว อเหนื อ อ� ำ เภอเมื อ งนราธิ ว าส ลมฝนเพิ่ ง พั ด ผ่ า นไปเพี ย งไม่ น าน พรรณไม้ ใ นศู น ย์ ฯ อาบน�้ ำ ฝนเย็ น ฉ�่ ำ อวดใบมั น เลื่ อ มวาววาม ขณะใครบางคนหยิบลองกองรสหอมหวาน ในยามนั้น เองที่ชวนให้นึกถึงพระวิริยะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เป็นความจริงที่สิ่งต่างๆ ในศูนย์ฯ เกิดจากพระราชด�ำริ ของพระองค์ คราวเสด็จพระราชด�ำเนินเยือนที่นี่เมื่อปี ๒๕๒๔ พร้อมแผนที่และกล้องถ่ายภาพคู่พระองค์ จากผืนดินซึ่งเปรี้ยว ปลูกพืชใดๆ ไม่ได้เลย วันนี้พ้ืนที่ ๑,๗๔๐ ไร่ ในพิกุลทองอุดมด้วยพืชผักและผลไม้ อีกทั้งการ

งานต่างๆที่ช่วยให้พี่น้องมุสลิมมีชีวิตที่ดีขึ้น ในวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๒๔ ศูนย์ฯ พิกุลทองได้เริ่มก่อ ตั้งขึ้น ครอบคลุมเนื้อที่ ๑,๗๔๐ ไร่ งานแรกที่พระองค์ลงมือท�ำ คือการ “แกล้งดิน” จากดินซึ่งเปรี้ยวจัด ทรงเร่งดินให้เป็นกรด จัดรุนแรงที่สุด โดยการท�ำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันแล้วใช้ น�้ำล้างดินกับโรยหินปูนฝุ่น ผลที่ได้น่าชื่นใจ ไม่เพียงพื้นที่รกร้างพันกว่าไร่จะค่อยๆ พลิกผันกลายเป็นดินอันอุดม ปลูกพืชอะไรก็งอกงาม โดยเฉพาะ

76 IS AM ARE www.fosef.org


เที่ยวตามรอยในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ ข้าว ความส�ำเร็จนี้ยังแผ่ขยายไปอีกหลายสิบหมู่บ้าน ในอาณา บริเวณกว่าแสนไร่ ต้นเดือนกันยายน ท่ามกลางข่าวร้ายในจังหวัดชายแดน ใต้ผู้มาเยือนกลุ่มหนึ่งเดินทางไปยังศูนย์ฯ พิกุลทอง รู้สึกแปลก ใจที่ได้เห็นรอยยิ้มใต้ผ้าคลุมฮิญาบซึ่งดูลึกลับเหล่านั้น เวลา ๓ วันในศูนย์ฯ ดูจะน้อยลงถนัดใจ เมื่อพบว่ามี การงานต่างๆ ด�ำเนินอยู่นั้น เฉพาะการใช้ประโยชน์จากป่าพรุ ก็น่าสนใจจนลืมเวลาอย่างเช่น การปลูกเสม็ดขาว นอกจากจะ ให้ถ่านชั้นดี เนื้อไม้ ลายสวยเหมาะจะท�ำเฟอร์นิเจอร์ ใบของมันยังสามารถ น�ำมากลั่นเป็นน�้ำมันเขียวกลิ่นหอมเย็นชื่น โครงการผลิตไบโอ ดีเซลจากผลปาล์ม พืชซึ่งปลูกได้แล้วในผืนดินซึ่งเคยเปรี้ยวจัด ของที่นี่ ผลอันดกดื่นนั้นเมื่อน�ำมาสกัดก็ได้น�้ำมันคุณภาพดี ใช้ ขับเคลื่อนได้ทั้งเครื่องจักรทางการเกษตรและรถยนต์เดินทาง ไปไหนต่อไหน และยังการงานน่าชม อันเป็น “ศาสตร์แห่งราชา” อีก มากหลาย “พิกุลทองมีโครงการทดลองกว่า ๒๐๐ เรื่อง แล้วแก้ไข ปัญหาให้ประชาชนได้” คุ ณ สุ วั ฒ น์ เทพอารั ก ษ์ เลขาธิ ก ารคณะกรรมการ พิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ (ส�ำนักงาน กปร.) กล่าวกับสื่อมวลชนผู้เยือน เช่นเดียวกับโรง สีพิกุลทองที่บ้านปูยู ต�ำบลเกาะสะท้อน อ�ำเภอตากใบ ที่คณะ สื่อมวลชนได้ไปเยือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชด�ำเนิน ไปทรงเยี่ยมราษฎรอ�ำเภอสุไหงโก-ลกและอ�ำเภอตากใบ เมื่อ ปี ๒๕๑๗ ทรงทราบถึ ง ปั ญ หาชาวนา จึ ง มี พ ระราชด� ำ ริ ใ ห้ สร้างระบบชลประทาน แก้ปัญหาเรื่องน�้ำขาดแคลนและดิน เปรี้ยว จากผืนดินรกร้าง วันนี้ทั้ง ๒ อ�ำเภอปลูกข้าวได้ พระองค์ ได้พระราชทานโรงสีข้าวตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ และพระราชทานโรง สีข้าวพิกุลทองที่บ้านปูยูเพิ่มเติม “เดี๋ยวนี้เรามีข้าวพันธ์หอมกระดังงา สังข์หยด ชัยนาท ซีบูกัน เล็บนก “ ป้าแดง ทองสืบ ชาวบ้านปูยู บอกน�้ำเสียง ภูมิใจ ใต้ท้องฟ้าฉ�่ำเมฆฝน ลมโบกโบยพัดมาสัมผัสนาข้าว กว้ า งไกลสุ ด ตา ข้ า วสั ง ข์ ห ยดก� ำ ลั ง แตกผลิ ต ใบเขี ย วสดใส

77 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


แมลงปอบินว่อนเล่นลมเหนือรวงข้าว ขณะผู้คนชาวตากใบ ล้วนยิ้มแย้ม ยิ้ ม แย้ ม มี ค วามสุ ข ยิ้ ม แย้ ม อิ่ ม เอมใจในน�้ ำ พระราช หฤทัย... จากบ้ า นปู ยู คณะผู ้ ม าเยื อ นเดิ น ทางไปศู น ย์ วิ จั ย และศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร หรือพรุโต๊ะแดง ที่อ�ำเภอ สุไหงโก-ลก บนเส้ น ทางเดิ น ศึ ก ษาธรรมชาติ ซึ่ ง ทอดเข้ า ไปในพรุ ทุกคนรับรู้ได้ว่าป่าผืนนี้ส�ำคัญต่อคนท้องถิ่นเพียงใด ไม่ว่าจะ เป็นไม้ยืนต้น ผัก ปลา น�้ำหรือสมุนไพรรักษาความเจ็บป่วย มากมาย ใต้ร่มเงาร่มครึ้ม ไม้ใหญ่แผ่กิ่งใบปกคลุม ฝูงนกนานา บินออกหาอาหาร ตามคาคบไม้อุดมไปด้วยพรรณไม้อิงอาศัย อย่างกระเช้าสีด�ำสร้อยประดับป่า หมากแดงอวดกาบแดงสด น่าชม ขณะต�่ำลงไป คือผืนดินนุ่นชุ่มน�้ำอุดมด้วยพรรณไม้ชอบ น�้ำอย่างเฟิร์น บอน และหวาย เดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งสร้างด้วยไม้ ย้อน ออกมาทางศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สองข้างทาง คือบึงน�้ำ ใหญ่ประดับด้วยบัวพรรณถิ่นใต้ ก�ำลังผลิบาน ดอกหลายสีรับ ฤดูฝนใหม่

ในห้องรับรองซึ่งอยู่สุดปลายทางเดิน เด็กๆ และผู้ใหญ่ ร้องเพลงต้อนรับผู้มาเยือนท่วงท�ำนองงดงาม บทเพลงไพเราะ เกินใจ ใบหน้าทุกคนอาบด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มภูมิใจในบ้านเกิดของตน ปลายเดือนกันยายน ขณะสายลมหนาวเริ่มเดินทางมา เยือนแดนดอยในภาคเหนือจังหวัดนราธิวาส-แดนใต้สุดปลาย ด้ามขวาน ยังห่มคลุมด้วยลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เช่ น เดี ย วกั บ หาดนราทั ศ น์ - สถานที่ พั ก ผ่ อ นหย่ อ น ใจประจ� ำ เมื อ ง ที่ อ ่ า วมะนาวชายหาดทอดยาวใกล้ ๆ ศู น ย์ ความสวยงามที่ปรากฏตรงหน้า ไม่น่าเชื่อว่าสถานที่นี้มีอยู่ใน นราธิวาส

78 IS AM ARE www.fosef.org


และน่ า ประหลาดใจที่ ว ่ า ไกลถึ ง เพี ย งนี้ พ ระองค์ ยั ง เสด็จฯ มาเยือนตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ เดินทอดน่องผ่านทิวสนร่มรื่น ผู้คนท้องถิ่นหาอยู่หากิน กับชายหาดงานแห่งนี้ บ้างเดินหาหอย ที่มีอยู่ดาษดื่นบนผืนทรายบ้างลากอวน-วางลอบ บ้างก็แล่นเรือ ล�ำน้อยออกไปในทะเล ที่เวิ้งอ่าวด้านทิศใต้ ชายหาดทอดขนานไปกับแนวทิว เขาเบื้องบนอุดมด้วยไม้ใหญ่ ราวกับผืนพรมสีเขียวนุ่มหนา ขณะเบื้องล่าง คือผืนทะเลครามนั่นเอง พระต�ำหนักทักษิณ ราชนิเวศน์ปรากฏอยู่ตรงนั้น สถานที่ท�ำงานอันร่มรื่น เรียบง่าย สถานที่ซึ่งการงาน

มากมายได้เริ่มต้นและด�ำเนินไปอย่างพอเพียง ทว่าแข็งขัน การงานที่ไม่ใช่เพียงในนราธิวาส ทว่าเป็นการงานที่ พระองค์น�ำติดพระราชหฤทัยไปในทุกๆ แห่งหน ไม่ว่าจะเป็น ดอยไกลในภาคเหนือ ผืนดินแล้งกันดารใจกลางภาคอีสาน หรือ จะเป็นป่าดิบชื้นฝนปลายด้านขวาน สถานที่เหล่านั้นมักปรากฏ แผนที่และกล้องถ่ายภาพคู่พระองค์ ที่ อ ่ า วมะนาว-ชายหาดขาวสะอาด เบื้ อ งหน้ า พระ ต�ำหนัก “รายอ” ของราษฎรภาคใต้ คงไม่มีสถานที่ใดจะรกร้างห่างไกลเกินสายพระเนตร ในพระองค์โดยแท้จริง

คู ่ มื อ การเดิ น ทาง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริบ้านพิกุลทอง ต�ำบลกะลุวอเหนือ อ�ำเภอ เมืองนราธิวาส จังหวัด นราธิวาส เปิดให้นักเรียนและผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม ศึกษาเกษตรทฤษฎีใหม่ จากตัวเมืองนราธิวาส ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๐๘๔ (นราธิวาส-ตากใบ) ราว ๘ กิโลเมตร จะถึงที่ท�ำการศูนย์ฯสอบถาม เพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ ๐-๗๓๖๓-๑๐๓๓-๓๘ หาดนราทัศน์ น่าแวะไปพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากอยู่ใกล้ตัวเมืองเพียง ๑ กิโลเมตร ริมปากแม่น�้ำบางนรา นอกจาก ชายหาดเงียบสงบ ยังมีเรือกอและวาดลวดลายพื้นเมืองน่าชม อ่าวมะนาว อยู่ในอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยงนอกจากแนวชายหาดโค้งขาว บนภูเขายังมีป่าไม้สมบูรณ์ จากตัวเมือง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๐๘๔ มาทางศูนย์ศึกษา การพัฒนาพิกุลทองฯ แล้วแยกขวาใช้เส้นทาง รพช. ราว ๓ กิโลเมตรถึงที่ท�ำการฯ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล สอบถามเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาวเขาตันหยง หมู่ท่ี ๑๒ ต�ำบลกะลุวอเหนือ อ�ำเภอเมืองนราธิวาสจังหวัด นราธิวาส ๙๖๐๐๐ โทรศัพท์ ๐-๒๕๖๒-๐๗๖๐

79 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


ข่ า วสารครอบครั ว พอเพี ย ง

หม่อมหลวงปนัดดา ร่วมกิจกรรม Friend’s Camp@Bangkok ๒๐๑๗ ย�้ ำ ให้ เ ยาวชนมุ ่ ง มั่ น ท� ำ ดี เ พื่ อ ชาติ ต ่ อ ไป น้ อ มน� ำ พระบรมราโชวาทรั ช กาลที่ ๙ สู ่ ก ารปฏิ บั ติ

ผ่านไปแล้วกับกิจกรรม ค่าย Friend’s Camp@Bangkok ๒๐๑๗ ภายใต้การด�ำเนินงานของมูลนิธิครอบครัวพอเพียง ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ ๕ เมื่อวันที่ ๓ - ๖ เมษายน เพื่อมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายศูนย์ครอบครัวพอเพียงในทุกโรงเรียนในการขับ เคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างสรรค์ให้เยาวชนเติบโตไปอย่างเข้มแข็งและมีใจอาสา โดยมีเยาวชนและ ครู อาจารย์ จากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า ๔๐๐ คน ณ โรงเรียนสตรีวิทยา กรุงเทพมหานคร ภายในค่าย ได้รับเกียรติจาก หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รั ฐมนตรี ช่ ว ยว่ าการกระทรวงศึก ษาธิก าร ขึ้น กล่าวบรรยาย แก่เยาวชนและครูอาจารย์ โดยเน้นให้มีก�ำลังใจในการท�ำเพื่อ ประเทศชาติ ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หวัง ให้เยาวชนเป็นก�ำลังส�ำคัญในการพัฒนาประเทศ “มาร่วมกิจกรรมของมูลนิธิครอบครัวพอเพียงในครั้ง นี้ เพียงแต่ได้รับทราบถึงเกียรติประวัติของผู้บริหารหลายท่าน อย่าง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล คุณหญิงพวงรัตน วิเวกานนท์ ก็

เป็นคุณูปการของสังคมไทยในแวดวงการศึกษามาช้านานมาก ครั้งนี้มาร่วมอีกครั้งหนึ่ง ได้มาเห็นความตั้งอกตั้งใจของครูบา อาจารย์ ลูกหลานนักเรียนที่อยากจะท�ำทุกอย่างเพื่อให้ฐาน ทางสังคมของเราเกิดความมั่นคงแล้วก็ยั่งยืน โดยน้อมน�ำพระ ราชบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชมาสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ซึ่งตรงตามพระราช ประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งอยากเห็น ประชาชนชาวไทยลูกหลานเยาวชนเดินตามรอยเบื้องยุคลบาท

80 IS AM ARE www.fosef.org


ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีกับมูลนิธิ ครอบครัวพอเพียง ขอให้ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะท�ำให้ประเทศ ชาติบ้านเมืองไทยเกิดความเจริญรุ่งเรืองมีการพัฒนาที่ยั่งยืน สืบไป” ส�ำหรับการจัดค่ายครั้งนี้ มูลนิธิครอบครัวพอเพียงมุ่ง หวังให้เยาวชนได้มีโอกาสเรียนรู้และสืบสานพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว รั ช กาลที่ ๙ ภายใต้ ห ลั ก ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง โดยจั ด ให้ มี ก ารทั ศ นศึ ก ษา

ในสถานที่ต่างๆ เช่น โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา พิพิธภัณฑ์โรงช้างต้นสวนจิตรลดา พิพิธภัณฑ์ต้านโกง พิพิธบางล�ำพู พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และพิพิธภัณฑ์เย็นศิระเพราะพระบริบาลบริเวณท้องสนามหลวง รวมถึงน�ำเยาวชนและครู อาจารย์เข้าถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ คอยให้ความรู้และตอบข้อซักถามอย่างเป็นกันเอง ท�ำให้เยาวชนได้รับทั้งความสนุกสนานและความรู้ รวมถึงได้เพื่อนใหม่จาก ทั่วประเทศอีกด้วย

81 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


กิ จ กรรม Walk Rally “สานต่ อ ที่ พ ่ อ สอน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมพรรษา ครบ ๖๒ พรรษา มูลนิธิ ครอบครัวพอเพียงได้จัดกิจกรรมแข่งขัน Walk Rally “สานต่อที่พ่อสอน” ในวันที่ ๓ เมษายน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร โดยมีตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ จ�ำนวน ๓๐๐ คน เข้าร่วมกิจกรรมในช่วงปิดเทอมครั้งนี้อย่างคึกคัก กิจกรรมดังกล่าว เน้นการเรียนรู้ สืบสานพระราชปณิธาน ศาสตร์พระราชา ตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่ง เป็นฐานความรู้ต่างๆ อาทิเช่น หลักค�ำสอนของพ่อ พระราชกรณียกิจ รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศและวิธีป้องกันการท้องก่อน วัยอันควร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนได้ตระหนักถึงคุณและโทษ และรู้เท่าทันการคบเพื่อนต่างเพศให้เหมาะสมกับวัยอันควร นอกจากนี้เยาวชนจากโรงเรียนต่างๆ ยังได้ท�ำความรู้จักเพื่อนใหม่จากต่างโรงเรียน และยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในช่วงปิดภาคเรียนอีกด้วย

82 IS AM ARE www.fosef.org


ร่ า งกายของเราจ� ำ เป็ น ต้ อ งใช้ ไขมั น เพื่ อ เป็ น แหล่ ง พลังงานของร่ายกาย ดังนั้นการเลือกบริโภคไขมันจึงเป็นการ เลือกแหล่งพลังงานของร่างกาย ไขมันมีทั้งไขมันชนิดดี และ ไขมันชนิดร้าย น�้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัวแบบเดี่ยวสูง จัดเป็นน�้ำมัน ชนิด “ดีพิเศษ” น�้ำมันเหล่านี้ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ซึ่งช่วยท�ำความ สะอาด หรือเก็บขยะ (คราบไขมัน) จากผนังเส้นเลือด

ประโยชน์ จ ากน�้ ำ มั น เมล็ ด ชา • มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง และมีกรดไขมันอิ่มตัวต�่ำ • ช่วยลดระดับ LDL (คอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี) และเพิ่ม ระดับ HDL (คอเรสเตอรอลชนิดดี) • ลดความเสี่ยงในการเกิดหลอดเลือดตีบตัน ความดัน เบาหวาน และโรคหัวใจ • ดีต่อผู้รักสุขภาพ ผู้สูงอายุ และผู้มีภาวะน�้ำหนักเกิน

83 ฉบับที่ ๑๑๑ เมษายน ๒๕๖๐


นิตยสาร IS AM ARE ครอบครัวพอเพียง พร้อมเสริพ์ให้ทุกท่านได้อ่านแล้ว!! เพี ย งแค่ ค ลิ ก เข้ า ไปที่ www.fosef.org ท่ า นก็ ส ามารถอ่ า นนิ ต ยสาร IS AM ARE ครอบครั ว พอเพี ย ง ได้ โ ดยไม่ มี ค ่ า ใช้ จ ่ า ย เรื่ อ งราว สาระดี ๆ มากมายรอท่ า นอยู ่ หากอ่ า นแล้ ว ถู ก ใจอย่ า ลื ม บอกต่ อ นะครั บ 84 IS AM ARE www.fosef.org


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.