วารสารยุติธรรม l Justice Magazine
เพื่อเผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลในกระบวนการยุติธรรม
ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 ประจำ�ปี 2560 l Justice Magazine
เรื่องจากปก นโยบายยุติธรรม ‘60 บูรณาการงาน เข้าถึงประชาชน บริการทั่วถึง-เป็นธรรม
กระทรวงยุติธรรม Ministry of Justice
ยุติธรรมเพื่อประชาชน กองทุนยุติธรรม กับการให้ความช่วยเหลือ ประชาชน
เรื่องเล่ายุติธรรม กระทรวงยุติธรรมขับเคลื่อนงาน ด้านสิทธิมนุษยชนไทย ตามกลไก Universal Periodic Review สำ�นักงาน ปลัดกระทรวงยุติธรรม
สำ�นักงานรัฐมนตรี
กรมสอบสวน คดีพิเศษ
กรมคุมประพฤติ
สำ�นักงาน กิจการยุติธรรม
กรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ
สถาบัน นิติวิทยาศาสตร์
โทรศัพท์ 0 2141 5100
สำ�นักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
กรมพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชน
สถาบันเพื่อการยุติธรรม แห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน)
กรมราชทัณฑ์
นโยบาย
สถาบัน อนุญาโตตุลาการ
facebook.com
/Ministry of Justice, Thailand
ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 ประจำ�ปี 2560
www.moj.go.th ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ให้บริการข้อมูลคำ�ปรึกษาด้านกฎหมาย การรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ รับแจ้งเบาะแส
กรมบังคับคดี
ยุติธรรม
2560
คุยเฟื่องเรื่องยุติธรรม ไทยร่วมมืออาเซียน แก้ไขปัญหายาเสพติด
ผลักดันงานยุติธรรม เพื่อประชาชนอย่างทั่วถึง
5 แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายยุติธรรม อำ�นวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ� สนับสนุนกระบวนการยุติธรรมในชุมชน ทำ�งานแบบบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
สร้างความปลอดภัยในสังคม
นโยบายยุติธรรม
2560
“บูรณาการกระบวนการยุติธรรมทั่วประเทศ สร้างกลไกยุตธิ รรมให้ฝา่ ยบริหาร ขยายบริการ สู่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม” กระทรวงยุ ติ ธ รรมมุ่ ง เป็ น กลไกและหน่ ว ยงานสำ � คั ญ ของฝ่ า ยบริ ห าร ในการดำ � เนิ น งานด้ า นกฎหมายและ กระบวนการยุติธรรม ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2560 แผนการขับเคลื่อนนโยบายยุติธรรม ประกอบด้วย 5 แนวทาง ดังนี้
การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในมิติของสำ�นักงานกิจการยุติธรรม สำ�นักงานกิจการยุติธรรม (สกธ.) หน่วยงานกลางที่มีหน้าที่ พัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศไทย โดยเริ่มดำ�เนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545
ใช้การบำ�บัดแบบเฉพาะรายในการฟื้นฟูเยาวชน ที่กระทำ�ผิด “คืนคนดีสู่สังคม” ด้วยการช่วยเหลือ ผู้ที่เคยทำ�ผิด และพัฒนาระบบการจัดการในเรือนจำ�
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปราบปรามปัญหายาเสพติด บำ�บัดผู้ที่เคยติดยา ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อป้องกันปัญหา ยาเสพติด และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ อบรมบุคลากรให้เชี่ยวชาญและมีคุณธรรม สร้างระบบการจัดการคดีพิเศษให้มีธรรมาภิบาล และดำ�เนินคดีที่ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของ ประชาชน
พัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในประเทศ ปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้ให้ทันสมัย และขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมให้อยู่ ในระดับ มาตรฐานสากล
บทบาทหน้าที่หลักของ สกธ.
• พัฒนากฎหมาย และกระบวนการ ยุ ติ ธ ร ร ม ใ ห ้ มี ค ว า ม ทั น ส มั ย และมีประสิทธิภาพ • ประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ต่าง ๆ เพื่อให้งานเป็นไปในทิศทาง เดียวกัน • เปิ ด โอกาสให้ ป ระชาชนเข้ า ถึ ง กระบวนการร่างกฎหมาย ท�ำให้ เรีย นรู ้ ก ารปฏิ บั ติ ต นภายใต้ กฎหมาย
มิติด้านการป้องกัน
• สร้างความคล่องตัว ให้กับกระบวนการยุติธรรม • ท�ำงานแบบบูรณาการ กับหน่วยงานอื่น ๆ
มิติด้านกฎหมาย
• ร่วมปรับปรุงกฎหมาย ให้มีคุณภาพและทันสมัย • พัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ในการบังคับใช้กฎหมาย • สร้างความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
มิติด้านกระบวนการยุติธรรม
ด�ำเนินการพัฒนาศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูล กระบวนการยุติธรรม (Data Exchange Center : DXC) และพัฒนาระบบ National Single Window on Justice ในอนาคต ที่ ส ามารถแลกเปลี่ ย นข้ อ มู ล บริก าร และประมวลผลข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อเผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลในกระบวนการยุติธรรม
ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 ประจำ�ปี 2560 l Justice Magazine
ที่ปรึกษา
ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 ประจำ�ปี 2560 สำ�นักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กองบรรณาธิการวารสารยุติธรรม โทรศัพท์ 0 2141 5149 โทรสาร 0 2143 8246 เว็บไซต์ www.moj.go.th E-mail : prmoj@hotmail.com
บทบรรณาธิการ
นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ นายธวัชชัย ไทยเขียว พันต�ำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ นายวิทยา สุริยะวงค์ นางกรรณิการ์ แสงทอง
ปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
บรรณาธิการบริหาร
นายอุทัย ทะริยะ ผู้อ�ำนวยการกองกลาง
บรรณาธิการ
นางสาวปทิตตา โฉมประดิษฐ์ หัวหน้ากลุม่ งานประชาสัมพันธ์
กองบรรณาธิการ
นายกิตติพัทธ์ ศรีเจริญ นางสาวอรวิภา เกือกรัมย์ นางสาวชญาภา มงคลฉัตร นางสาวธิดาทิพย์ หอมมะลิ นายอรรถพล ปวัตน์รตั นภูมิ นางสาวอรอริญชย์ สังข์ทองด�ำรง นางสาวเสาวลักษณ์ ตั้งจิตต์วัฒนา นายปัญจกฤตย์ วารายานนท์ นางสาวอุมาภรณ์ อ่องสอาด นางสาวฐิติพร ฉิมพลีวนาศรม นางสาวปัญญาวีร์ แป้นสุวรรณ
ฝ่ายภาพและศิลปกรรม
นายกฤษดา นายชัชวาล นายพิษณุ นายอรรถโกวิท นายปรัชญา
ฝ่ายบริหารจัดการ
กลุม่ งานประชาสัมพันธ์ กองกลาง ส�ำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
ออกแบบ
บริษทั ยูโทเปีย มีเดีย อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จ�ำกัด
เจ้าของ
ส�ำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
พิมพ์ที่
โรงพิมพ์สำ� นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สรวงศักดา ศิริสังข์ไชย มลแก้ว คงยิ่ง จ้างประเสริฐ
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวค�ำว่า “สวัสดีปีใหม่” กับผู้อ่านทุกท่าน พบกันอีกครัง้ กับวารสารยุตธิ รรม ด้วยเรือ่ งราวทีห่ ลากหลายในแวดวง ยุติธรรมเช่นเคย เริม่ ต้นด้วยคอลัมน์เรือ่ งจากปก พลเอก ไพบูลย์ คุม้ ฉายา รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุตธิ รรม ได้มอบนโยบายประจ�ำปี 2560 ให้หน่วยงาน ในสังกัดทุกหน่วยงานบูรณาการท�ำงานร่วมกันสร้างกลไกยุติธรรม ให้ฝ่ายบริหาร ขยายบริการสู่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ต่ อ ด้ ว ยโครงการก� ำ ลั ง ใจในพระด� ำ ริ จากน�้ ำ พระทั ย ในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งกระทรวงยุติธรรม สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรกรรม เพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะด้านอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังเพื่อป้องกัน การกระท�ำผิดซํา้ ในอนาคต นอกจากนี้ บทความคุยเฟือ่ งเรือ่ งยุตธิ รรม จะพาคุณไปติดตามความเคลือ่ นไหวจากการทีป่ ระเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 37 เพือ่ สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุม่ อาเซียน ในการต่อต้าน และแก้ไขปัญหายาเสพติด ส� ำ หรั บ คอลั ม น์ ค นยุ ติ ธ รรมในฉบั บ นี้ จะพาไปพู ด คุ ย กั บ คุณวัลลภ นาคบัว ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานกิจการยุติธรรม (สกธ.) เพื่อตอบค�ำถามเกี่ยวกับสกธ. ทั้งบทบาท หน้าที่ การด�ำเนินงาน และการขับเคลื่อนนโยบายในด้านการพัฒนาต่าง ๆ ซึ่งมีประเด็น ที่น่าสนใจมากมาย ส่วนคอลัมน์ก�ำแพงมิอาจกั้น น�ำเสนอเรื่องราว ของโครงการสัปดาห์กระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนสู่มิติใหม่ ซึง่ เป็นเวทีแห่งการพัฒนาศักยภาพ แลกเปลีย่ นความรู้ และมุง่ พัฒนา บุคลากรที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล อีกหนึ่งบทความที่น่าสนใจคือเรื่องราวของ “กองทุนยุติธรรม” ในคอลัมน์ยตุ ธิ รรมเพือ่ ประชาชนกับการให้ความช่วยเหลือประชาชน ในด้านแหล่งเงินทุนส�ำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชน ในการด�ำเนินคดี และการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้น คอลั ม น์ ก ฎหมายสามั ญ ประจ� ำ บ้ า น จะให้ ค วามรู ้ เ กี่ ย วกั บ พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จ�ำเลย ในคดี อ าญา พ.ศ. 2559 ซึ่ ง ช่ ว ยเหลื อ ผู ้ ที่ ป ระสบชะตากรรม ในการต้องรับโทษทัง้ ทีไ่ ม่ได้กระท�ำความผิด ถือเป็นสิง่ ทีไ่ ม่ควรเกิดขึน้ ในสังคม แต่เมือ่ เกิดขึน้ แล้วผูเ้ สียหายควรจะได้รบั การชดเชยและเยียวยา ส่งท้ายด้วยคอลัมน์เคล็ดลับเกร็ดการดูแลสุขภาพ ให้ความรู้ เกีย่ วกับอาหารก่อมะเร็งทีค่ วรหลีกเลีย่ ง เพือ่ ให้คณ ุ เริม่ ต้นปีใหม่ 2560 ด้วยสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและจิตใจ แล้วพบกันใหม่ในฉบับต่อไป
หมายเหตุ : วรรณกรรม บทความ หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารยุติธรรม เป็นผลงานของผู้เขียนโดยเฉพาะ กองบรรณาธิการไม่จำ�เป็นต้องเห็นด้วย
สารบัญ Contents
36 คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ
สิทธิมนุษยชน ปัญหาระดับชาติ ทีท่ ุกคนต้องช่วยกัน...ถึงเวลาหรือยัง ทีจ่ ะยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ?
Justice Magazine
ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 ประจำ�ปี 2560
39 กำ�แพงมิอาจกั้น
เปิดโลกสัปดาห์กระบวนการยุติธรรมเด็ก และเยาวชนสู่มิติใหม่
42 ยุติธรรมเพื่อประชาชน
กองทุนยุติธรรม กับการให้ความ ช่วยเหลือประชาชน
44 คน เงิน แผน
MR. Reform กลไกขับเคลื่อนการปฏิรูป ประเทศไปสู่การปฏิบัติ
47 พลังคุณธรรม ยับยั้งการทุจริต
โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร การเสริมสร้างความรู้ มาตรการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต กระทรวง ยุติธรรม พ.ศ. 2559
50 กฎหมายสามัญประจำ�บ้าน
สิทธิพงึ ได้รบั หลังถูกกล่าวหาว่าเป็น “จำ�เลย”
56 ที่นี่แจ้งวัฒนะ 58 ยุตธิ รรมเดินหน้าช่วยประชาชน 03 เรื่องจากปก
นโยบายยุติธรรม ‘60 บูรณาการงาน เข้าถึงประชาชน บริการทั่วถึง-เป็นธรรม
10 กำ�ลังใจในพระดำ�ริ
กระทรวงยุติธรรมจับมือ CP สร้างอาชีพ คืนคนดีกลับสู่สังคม
12 ที่นี่แจ้งวัฒนะ 14 เรือ่ งเล่ายุติธรรม
กระทรวงยุติธรรมขับเคลื่อนงาน ด้านสิทธิมนุษยชนไทย ตามกลไก Universal Periodic Review (UPR)
16 บนความเคลื่อนไหว 26 คุยเฟื่องเรื่องยุติธรรม
อาเซียน-ไทย กับมาตรการความร่วมมือ แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
30 ที่นี่แจ้งวัฒนะ 32 คนยุติธรรม
การพัฒนากฎหมาย และกระบวนการ ยุตธิ รรม ในมิตขิ องสำ�นักงานกิจการยุตธิ รรม
การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ศึกษากรณีประเทศญี่ปุ่น
62 เรื่องต้องรู้
เรียกสินไหมทดแทน... จากการคุมขัง “เกินกำ�หนด”
64 ภาษายุติธรรม
เข้าใจภาษาเอทีเอ็ม รู้ทันกลลวงยุคไอที
66 ที่นี่แจ้งวัฒนะ 68 รอบรู้เรื่องอาเซียน
ก้าวต่อไปของประเทศไทยในประชาคมอาเซียน
70 รู้จักไอที
นวัตกรรมดิจิทัลยุค Thailand 4.0 โฉมใหม่ของบริการเหนือระดับ
72 เคล็ดลับเกร็ดสุขภาพ อาหารก่อมะเร็ง
74 ทุกทิศทั่วยุติธรรม ยุติธรรมทั่วไทย
78 เก็บมาเล่า
เยาวชนกระทำ�ผิด คดีข่มขืนกระทำ�ชำ�เรา
เรือ่ งจากปก
นโยบาย
ยุติธรรม ‘60 บูรณาการงาน เข้าถึงประชาชน บริการทั่วถึง-เป็นธรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมอบนโยบาย ปี 2560 “บูรณาการกระบวนการยุตธิ รรมประเทศ สร้างกลไกยุติธรรมให้ฝ่ายบริหาร ขยายบริการ สู่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม”
Justice Magazine Ministry of Justice
3
เรื่องจากปก
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
เมือ่ วันที่ 26 ตุลาคม 2559 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการขับเคลื่อน นโยบายกระทรวงยุติธรรม ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (Policy Implementation toward MOJ 4.0) พร้อมมอบนโยบายและ แนวทางการด�ำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม ประจ�ำปี 2560 โดยกล่าวว่า กระทรวงยุตธิ รรมได้นำ� แนวทางการบริหารและขับเคลือ่ น ประเทศของภาครัฐ ทั้งจากยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560–2579 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ.2560-2564 และแนวคิด Thailand 4.0 มาเป็นกรอบการด�ำเนินงานปี 2560 โดยมุ่งพัฒนาให้กระทรวงยุติธรรมเป็นกลไกและหน่วยงานส�ำคัญ ของฝ่ า ยบริ ห าร ในการด� ำ เนิ น การบู ร ณาการงานด้ า นกฎหมาย และกระบวนการยุตธิ รรม ทัง้ ภายในประเทศและระหว่างประเทศ ดังนี้ มิติการด�ำเนินงานแบบบูรณาการ กระทรวงยุติธรรม ก�ำหนด แนวทางให้หน่วยงานในสังกัด อาทิ กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ กรมพิ นิ จ และคุ ้ ม ครองเด็ ก และเยาวชน ด� ำ เนิ น งานร่ ว มกั บ ศาล เพือ่ พัฒนาผูก้ ระท�ำผิด “คืนคนดีสสู่ งั คม” ให้กรมบังคับคดี ด�ำเนินงาน ร่วมกับศาลในมิติคดีแพ่ง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
4
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ของประเทศ ให้ ส� ำ นั ก งานกิ จ การยุ ติ ธ รรมเป็ น หน่ ว ยงานหลั ก ด้านกระบวนการยุตธิ รรมของรัฐบาล และให้สถาบันเพือ่ การยุตธิ รรม แห่ ง ประเทศไทย(องค์ ก ารมหาชน) : TIJ เป็ น หน่ ว ยบริ ก าร ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งในด้านสิทธิมนุษยชนหรือการดูแล ผู้ต้องขัง เป็นต้น มิติการให้บริการงานยุติธรรมแก่ประชาชน ได้จัดตั้งส�ำนักงาน กองทุนยุตธิ รรมและศูนย์ยตุ ธิ รรมชุมชนทัว่ ประเทศ เพือ่ ขยายบริการ ของกระทรวงยุติธรรมให้เข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด เพื่อใกล้ชิด และร่วมมือกับประชาชนในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหา ยาเสพติด และร่วมสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง มิติการด�ำเนินงานด้านอื่น ๆ อาทิ ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นศูนย์กลางงานด้านนิตวิ ทิ ยาศาสตร์ของประเทศ เพือ่ เร่งรัดกฎหมาย ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ การให้ บ ริ ก ารด้ า นนิ ติ วิ ท ยาศาสตร์ ควบคู ่ ไปกับ การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ด�ำเนินงานอย่างใกล้ชิดและถ่วงดุลกับส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ ให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ชี้แจงการทบทวนสถานการณ์ สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ภายใต้กระบวนการ Universal Periodic Review (UPR) ต่อเวทีโลก และให้สถาบันอนุญาโตตุลาการพัฒนา ระบบอนุ ญ าโตตุ ล าการไทยให้ น ่ า เชื่ อ ถื อ และสร้ า งความเชื่ อ มั่ น ให้แก่สังคม นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนและเจ้ า หน้ า ที่ ก ระทรวงยุ ติ ธ รรมทุ ก ระดั บ พร้ อ มด� ำ เนิ น งาน ตามนโยบายของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยุตธิ รรม โดยเน้นผลส�ำเร็จ ในการท�ำงานของกระทรวงยุติธรรม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามแนวทางศาสตร์ของพระราชาและแนวทางประชารัฐ น�ำปัญหา ของประชาชนในพื้นที่มาแก้ไข สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ชุมชน และเปิ ด โอกาสให้ รั ฐ ประชาชนและเอกชน ได้ ท� ำ งานร่ ว มกั น ภายใต้ระบบการบริหารที่ชัดเจนและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมพร้อมด�ำเนินงานโดยมีจุดหมายเพื่อให้ประชาชน มีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น โดยสร้างอาสาสมัคร ยุติธรรมชุมชน ขจัดความขัดแย้งในพื้นที่ สร้างความพร้อมให้แก่ หน่วยงานยุตธิ รรมส่วนภูมภิ าค พัฒนากองทุนยุตธิ รรมเพือ่ ช่วยเหลือ เรื่ อ งการด� ำ เนิ น คดี ส่ ง เสริ ม ความรู ้ ด ้ า นกฎหมายแก่ ป ระชาชน การพัฒนาเทคโนโลยี เพื่ออ�ำนวยความสะดวกในการให้บริการ ด้านงานยุตธิ รรมแก่ประชาชน การปรับปรุงโครงสร้างและแก้กฎหมาย ทีม่ ปี ญ ั หา อาทิ กฎหมายบริหารราชการส่วนท้องถิน่ ทีโ่ ทษทางอาญา เกินพอดี รวมทัง้ น�ำโทษระยะปานกลางมาปรับใช้ให้มากขึน้ เป็นต้น โอกาสนี้หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมต่าง ๆ ได้ชแี้ จงแนวทางการขับเคลือ่ นการด�ำเนินงานของแต่ละส่วนราชการ แบ่งตามด้านต่าง ๆ ดังนี้
เรื่องจากปก
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
1
ด้านการอ�ำนวยความยุติธรรม เพื่อลดความเหลื่อมล�้ำ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
น�ำเสนอโดย นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดี กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นโยบายและแนวทาง การด�ำเนินงานของกรมฯ 4 ประการ ดังนี้ 1) ส่งเสริมป้องกัน โดยจัดตัง้ ศูนย์ปฏิบตั กิ ารด้านสิทธิมนุษยชนขึน้ เพือ่ เฝ้าระวัง การละเมิดสิทธิมนุษยชนเพื่อรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล และสร้างแนวทางปฏิบัติสำ� หรับแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อาทิ ห้ามน�ำผูต้ อ้ งหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนฯ 2) ไกล่เกลี่ย ระงับข้อพิพาท โดยพัฒนาบุคลากรเพื่อการไกล่เกลี่ย ระงับข้อพิพาท 1 ต�ำบล 1 นักไกล่เกลี่ย รวมทั้งผลักดัน พ.ร.บ. ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทในชุมชน เพื่อสนับสนุน การด�ำเนินงานของยุติธรรมชุมชนโดยตรง 3) คุ้มครอง เยียวยา ช่วยเหลือประชาชนตามกฎหมาย โดยพัฒนา ระบบการคุ้มครองเยียวยาให้มีมาตรฐานสากล โดยมี ยุ ติ ธ รรมชุ ม ชนเป็ น ผู ้ ส นั บ สนุ น รวมทั้ ง พั ฒ นาระบบ การคุม้ ครองพยานในคดีความมัน่ คงและคดีการค้ามนุษย์ 4) สร้างหลักประกันด้านสิทธิและเสรีภาพ โดยดูแล พันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน และปรับปรุง กฎหมายให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ พ.ร.บ. ต่อต้าน การทรมานและคนหาย ที่ก�ำลังจะมีผลบังคับใช้ ส�ำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม พัฒนาศูนย์ยุติธรรมชุมชน เพื่อให้ความช่วยเหลือ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุ ติ ธ รรมระดั บ ชุ ม ชน ควบคู่กับการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม สร้างอาสา สมัครยุติธรรมชุมชน ขจัดความขัดแย้งในพื้นที่ ผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ยุติธรรมชุมชน ด�ำเนินการเกี่ยวกับกองทุน ยุตธิ รรมให้ประชาชนทีอ่ ยูใ่ นขอบข่ายการได้รบั ความช่วยเหลือ ทางด้ านกฎหมายและกระบวนการยุติธ รรมสามารถ เข้าถึงบริการได้มากขึ้น
นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี
กรมบังคับคดี น�ำเสนอโดย นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดี กรมบังคับคดี ด�ำเนินการตามวิสัยทัศน์ของกรมฯ คือ “มืออาชีพ เป็นธรรม มาตรฐานสากล มัน่ คง” โดยก�ำหนด เป้าหมายให้กรมฯ เป็นส่วนหนึง่ ของการขับเคลือ่ นระบบ เศรษฐกิ จ ของไทย ท� ำ ให้ ป ระเทศน่ า ลงทุ น มากขึ้ น และด�ำเนินงานตามหลัก 3 ประการ คือ “สะดวก ทุกแห่ง มีประสิทธิภาพ” นอกจากนี้ ยั ง ก� ำ หนดเป้ า หมายการด� ำ เนิ น งาน ของกรมฯ เป็น 8+2 โดย 8 ได้แก่ 1) ผลักดันทรัพย์สิน ออกจากระบบบังคับคดี 2) พัฒนาระบบการบริหาร จัดการคดี 3) เสริมสร้างพัฒนากระบวนการไกล่เกลี่ย 4) พั ฒ นากฎหมาย 5) พั ฒ นาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ 6) บูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ 7) พั ฒ นางานด้ า นการต่ า งประเทศที่ เ กี่ ย วกั บ การบังคับคดีแพ่งและคดีล้มละลาย 8) พัฒนาศักยภาพ บุ ค ลากรและระบบการบริ ห ารจั ด การ และ + 2 ได้แก่ การท�ำงานเชิงป้องกันและคุ้มครอง และการเพิ่ม ประสิ ท ธิ ภ าพในงานสนั บ สนุ น โดยการด� ำ เนิ น งาน เชิ ง ป้ อ งกั น ฯจะเน้ น ไปที่ ก ลุ ่ ม เป้ า หมายที่ เ ปราะบาง ได้แก่ เกษตรกรลูกหนี้ครัวเรือน ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs เป็นต้น ทั้ ง นี้ ในการผลั ก ดั น ทรั พ ย์ สิ น ของกรมบั ง คั บ คดี จะใช้ น โยบาย 4 ร ได้ แ ก่ เร่ ง รั ด ผลั ก ดั น ทรั พ ย์ สิ น เร่งรัดติดตามค�ำสั่งศาล เร่งรัดประชุมคณะกรรมการ ก�ำหนดราคาทรัพย์ เร่งรัดการประกาศขายทอดตลาด ตลอดจน น� ำ ระบบอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ เ ข้ า มาสนั บ สนุ น การผลักดันทรัพย์สินของกรมบังคับคดี มีการจัดขาย ทอดตลาดในวันหยุดราชการ จัดมหกรรมขายทอดตลาด นอกสถานที่
Justice Magazine Ministry of Justice
5
เรื่องจากปก
2
ด้านการสร้างความปลอดภัยในสังคม กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
น� ำ เสนอโดย ศาสตราจารย์ พิ เ ศษ วิ ศิ ษ ฎ์ วิ ศิ ษ ฏ์ ส รอรรถ อธิ บ ดี ก รมพิ นิ จ และคุ ้ ม ครองเด็ ก และเยาวชน ก� ำ หนดนโยบายเป็ น 2 แผนงาน คื อ 1) แผนงานป้องกันการก่ออาชญากรรม 2) แผนงาน การบ�ำบัดแก้ไขฟื้นฟูเด็กและเยาวชน ในส่วนแผนงานป้องกัน กรมพินิจฯ ด�ำเนินงาน เชิ ง บู ร ณาการร่ ว มกั บ หลายหน่ ว ยงาน โดยจั ด ตั้ ง คณะกรรมการเพื่ อ ประสานงาน ติ ด ตาม ควบคุ ม สถานการณ์การก่ออาชญากรรมของเด็กและเยาวชน, ศึ ก ษาสาเหตุ อ าชญากรรมในเด็ ก และเยาวชน โดยถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ต่าง ๆ และจัดท�ำเป็น ฐานข้ อ มู ล ในระบบ IT, ท� ำ งานร่ ว มกั บ สถานศึ ก ษา ในการป้องกันปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาท เป็นต้น แผนงานบ�ำบัดแก้ไขฟื้นฟู กรมพินิจฯ จะใช้ระบบ การบ�ำบัดแก้ไข ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนเฉพาะรายแบบ ไร้รอยต่อ (Individual Routing Counselor : IRC) เพือ่ ติดตามดูแลเด็กและเยาวชนทีม่ คี วามเสีย่ ง และใช้ระบบ Case Manager ในการดูแลเด็กและเยาวชนเป็นรายบุคคล รวมทั้งก�ำหนดแนวทางในการพัฒนา ดูแลเด็กที่อยู่ใน ความดูแลของกรมพินจิ ฯ ให้เหมือนกับเด็กทัว่ ไป ทัง้ ในเรือ่ ง การศึกษาและการส่งเสริมความถนัดต่าง ๆ ขยายโอกาสเด็ก และเยาวชนในส่ ว นที่ ยั ง ไม่ มี ส ถานพิ นิ จ ฯ ให้ มี ค รบ ในทุกจังหวัด และเสริมสร้างทักษะการประกอบอาชีพ และความสามารถของเด็กและเยาวชนผ่านศูนย์จำ� หน่าย ผลิตภัณฑ์ฝมี อื เด็กและเยาวชน (DJOP Center) เป็นต้น กรมคุมประพฤติ น�ำเสนอโดย พันต�ำรวจเอก ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ด�ำเนินภารกิจตามแนวคิด 4 ก ดังนี้ 1) กลั่ น กรองให้ ค นที่ ก ้ า วผิ ด มี โ อกาสแก้ ตั ว ใหม่ โดยไม่ต้องเข้าคุก แต่ใช้วิธีสืบเสาะพินิจและน�ำเสนอศาล
6
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
2) กรอบ เนื่องจากกรมคุมประพฤติไม่มีเรือนจ�ำ และทัณฑสถานจึงต้องใช้วิธีการดูแลผู้ถูกคุมประพฤติ ด้วยกลไกต่าง ๆ อาทิ ก�ำหนดข้อห้าม ก�ำหนดการรายงานตัว หรือให้บริการสังคมแทน 3) กลั บ ตั ว พั ฒ นาผู ้ ที่ เ คยท� ำ ผิ ด ให้ หั น กลั บ มา ท�ำดีเพื่อ “คืนคนดีสู่สังคม” 4) ก�ำลังใจ ด�ำเนินงานโดยใช้ “มาตรการเชิงบวก” ได้ แ ก่ การสร้ า งงานสร้ า งอาชี พ พั ฒ นาบ้ า นกึ่ ง วิ ถี ทัว่ ประเทศ 1 ส�ำนักงาน 1 บ้านวิถฯี และใช้ “มาตรการ เชิงลบ” ได้แก่ การใช้เครือ่ งมือ EM พัฒนาระบบคัดกรอง ผู้ถูกคุมประพฤติ พัฒนาระบบ Real time ที่สามารถ ตรวจสอบผู้คุมประพฤติในการรายงานตัวได้ นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีนโยบายพัฒนาระบบไอทีให้มปี ระสิทธิภาพมากขึน้ เพื่อส่งต่อข้อมูล อาทิ เลข 13 หลักบนบัตรประจ�ำตัว ประชาชน ใบขับขี่ หรือพาสปอร์ตแบบ Real time และ On line เป็นต้น กรมราชทัณฑ์ น�ำเสนอโดย นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดี กรมราชทัณฑ์ ก�ำหนดแผนการพัฒนา “5 ก้าวย่าง การเปลี่ ย นแปลงราชทั ณ ฑ์ ” ดั ง นี้ ก ้ า วที่ 1 ควบคุ ม ปราบปรามยาเสพติ ด โทรศั พ ท์ มื อ ถื อ และสิ่ ง ของ ต้องห้ามในเรือนจ�ำ ก้าวที่ 2 จัดระเบียบภายในเรือนจ�ำ ก้ า วที่ 3 ฝึ ก วิ นั ย ผู ้ ต ้ อ งขั ง ก้ า วที่ 4 พั ฒ นาจิ ต ใจ ด้วยหลักสูตรสัคคสาสมาธิ ก้าวที่ 5 สร้างการยอมรับ จากสั ง คม โดยในปี นี้ กรมราชทั ณ ฑ์ จ ะบู ร ณาการ การด�ำเนินงานทุกส่วนให้เป็นระบบเดียวกัน สร้างความเชือ่ มัน่ ในการคืนคนดีสู่สังคมให้มากขึ้น พัฒนาการด�ำเนินงาน ให้มปี ระสิทธิภาพ โดยจ�ำแนกลักษณะผูต้ อ้ งขังด้วยสาเหตุ ของการกระท�ำผิด พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังก่อนปล่อย ติ ด ตามและประเมิ น ผลผู ้ ต ้ อ งขั ง ว่ า มี พ ฤติ ก รรม และทัศนคติเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่อย่างไร เป็นต้น
เรื่องจากปก
ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฎ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
3
นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
พันตำ�รวจเอก ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
ก�ำหนดนโยบายการด�ำเนินงานใน 4 ประเด็น คือ 1) ให้ส�ำนักงาน ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานด�ำเนินการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านกลไกของศูนย์อำ� นวยการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) โดยก�ำหนดเป้าหมาย ด�ำเนินการในทุกหมูบ่ า้ นทัว่ ประเทศ ด้วยมาตรการ “ปราบปรามบ�ำบัด-ป้องกัน” 2) เน้นสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อแก้ไข ปั ญ หายาเสพติ ด โดยยึ ด หลั ก ที่ ว ่ า ไม่ มี ใ ครจะรู ้ ป ั ญ หาได้ ดี เท่าคนในชุมชน พร้อมให้ความรู้แก่ประชาชนเพิ่มเติม 3) ด� ำ เนิ น นโยบายการแก้ ป ั ญ หายาเสพติ ด แนวใหม่ คือ เปลี่ยนแนวคิดจากการท�ำสงครามกับยาเสพติด มาเป็น การดูแลสุขภาพของผู้เสพและผู้ติดยาเสพติด โดยร่วมมือกับ กระทรวงสาธารณสุขในการบ�ำบัด 4) ประสานความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ยาเสพติดกับประเทศเพือ่ นบ้าน อาทิ แผนปฏิบตั กิ ารแม่นำ�้ โขง ปลอดภัย เป็นต้น
Justice Magazine Ministry of Justice
7
เรื่องจากปก
4
ด้านการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
น�ำเสนอโดย พันต�ำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ แนวทางการด�ำเนินงาน 3 ประการ ดังนี้ 1) สร้างคนให้มีความเชี่ยวชาญ มีคุณธรรม โดยจัดให้ มีการอบรมระเบียบวินัย ยุทธวิธี ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ความเชี่ ย วชาญด้ า นการเงิ น ตลาดหลั ก ทรั พ ย์ และ IT แก่บุคลากร 2) สร้างระบบการจัดการคดีพิเศษให้มีธรรมาภิบาล โดยน�ำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการด�ำเนินงาน จั ด ระบบฐานข้อมูลให้ต รวจสอบได้พัฒนาแอพพลิ เ คชั น ให้ ป ระชาชนเข้ า ถึ ง บริ ก ารและตรวจสอบความคื บ หน้ า ของคดีต่าง ๆ ได้ 3) พั ฒ นามาตรการป้ อ งกั น และปราบปราม อาชญากรรมพิ เ ศษ โดยมุ ่ ง เน้ น การด� ำ เนิ น คดี ที่ ส ่ ง ผล กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน อาชญากรรม ข้ า มชาติ ค ดี ที่ มี ผู ้ มี อิ ท ธิ พ ลอยู ่ เ บื้ อ งหลั ง การค้ า มนุ ษ ย์ อาชญากรรมข้ามชาติ คดีเกี่ยวกับความมั่นคง มาตรา 112 เป็นต้น โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องเร่งรัดส�ำนวน คดีต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นตามเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ เพื่อปกป้อง ทรัพย์สินของรัฐให้ได้ไม่ต�่ำกว่า 15,000 ล้านบาท และ สร้างความเชือ่ มัน่ ในการด�ำเนินคดีพเิ ศษให้ได้ไม่ตำ�่ กว่า 70%
มุ่งพัฒนาให้กระทรวงยุติธรรม เป็นกลไกและ หน่วยงานสำ�คัญของฝ่ายบริหาร ในการดำ�เนินการบูรณาการงาน ด้านกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรม ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ
8
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
น�ำเสนอโดย นายสมณ์ พรหมรส รักษาราชการแทน ผูอ้ ำ� นวยการสถาบันนิตวิ ทิ ยาศาสตร์ จะด�ำเนินการ จัดท�ำมาตรฐานงานนิตวิ ทิ ยาศาสตร์ให้เป็นทีย่ อมรับ ในระดับประเทศและสากล เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ บทบาทหน้ า ที่ ข องสถาบั น ฯ สู ่ ภ าคประชาชน เพื่ อ สร้ า งความเข้ า ใจและเข้ า ถึ ง ประชาชน พั ฒ นาบริ ก ารเพื่ อ เข้ า ถึ ง ประชาชนในส่ ว นกลาง และส่วนภูมิภาคมากขึ้น สร้างบริการที่หลากหลาย มากขึ้น ขยายเครือข่ายความร่วมมือกับ 4 องค์กร ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข ต�ำรวจ มหาวิทยาลัย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การท�ำงาน จัดสัมมนา สร้างองค์ความรู้ และพัฒนา ฐานข้อมูลเพือ่ ประโยชน์ดา้ นการป้องกันปราบปราม การอ�ำนวยความยุติธรรม และความมั่นคงของชาติ ในอนาคต โดยตั้งเป้าในการจัดท�ำฐานข้อมูลเป็น 3 หั ว ข้ อ คื อ 1) DNA 2) คนหาย คนนิ ร นาม ศพนิรนาม และ 3) ผู้ติดยาเสพติด
พันตำ�รวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายสมณ์ พรหมรส รักษาราชการแทนผู้อำ�นวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
เรื่องจากปก
5
นายวัลลภ นาคบัว ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานกิจการยุติธรรม
ด้านการพัฒนากฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ส�ำนักงานกิจการยุติธรรม
น�ำเสนอโดย นายวัลลภ นาคบัว ผู้อ�ำนวยการ ส�ำนักงานกิจการยุตธิ รรม ก�ำหนดแนวทางการด�ำเนินงาน คือ ด�ำเนินงานเชิงระบบมากขึน้ ประเมินผลใน 5 เรือ่ ง ได้แก่ กฎหมายกระบวนการยุติธรรม บุคลากร วิจัย และไอที พัฒนาการท�ำงานของคณะกรรมการพัฒนาการ บริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ให้เป็นรูปธรรม และด� ำ เนิ น งานในยุ ค 4.0 โดยขั บ เคลื่ อ น Digital Justice 4.0 ทั้งในเรื่องนวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน สหวิทยากร เป็นต้น ด้านแนวคิดการบูรณาการการท�ำงาน ส�ำนักงานฯ จะสร้ า ง Platform เพื่ อ ท� ำ งานอย่ า งเป็ น ระบบ ท�ำ Action Plan และ Roadmap ทีช่ ดั เจน ปรับเปลีย่ นวิธี การบริหาร การท�ำงาน และการติดตามประเมินผล ด้านการพัฒนากฎหมาย จะพัฒนากฏหมายให้ทันสมัย เพิม่ การบังคับใช้กฎหมายให้มปี ระสิทธิภาพ พัฒนากลไก การสร้างการรับรู้กฎหมาย เช่น กระบวนการประเมินผล กระทบของกฎหมาย (RIA) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมี แผนพัฒนางานทีไ่ ด้รบั มอบหมายอืน่ ๆ ได้แก่ การปฏิรปู ต�ำรวจ การจัดโครงการกฎหมายไม่รไู้ ม่ได้ การจัดโครงการ เผยแพร่ภารกิจและองค์ความรูด้ า้ นกระบวนการยุตธิ รรม และกฎหมายของส�ำนักงานกิจการยุติธรรม:นิทรรศการ “Did you know? การก�ำหนดแนวทางการถ่ายทอดไปสู่ ยุตธิ รรมชุมชนตามนโยบายโครงการประชารัฐ การด�ำเนินงาน พัฒนาบุคลากรในส่วนของการอบรมและประเมินผล เรื่อง MOJ Academy การเตรียมคนเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรม และการด�ำเนินงานวิจัยต่าง ๆ เป็นต้น
ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำ�นวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรม แห่งประเทศไทย
นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ผู้อำ�นวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ
สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) น�ำเสนอโดย ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อ�ำนวยการ สถาบั น เพื่ อการยุ ติธ รรมแห่ ง ประเทศไทย มุ่งสร้าง ความเชือ่ มโยงระหว่างงานของสถาบันฯ กับกระบวนการ ยุตธิ รรม และภารกิจของกระทรวงยุตธิ รรมเพือ่ ขับเคลือ่ น กระทรวงฯไปสู ่ ม าตรฐานสากล ปั จ จุ บั น สถาบั น ฯ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ UN อย่างเป็นทางการ นับเป็น องค์กรแรกในอาเซียนที่แสดงบทบาทด้านความยุติธรรม ได้อย่างชัดเจน สามารถสร้างแพลตฟอร์มการประชุม เชิงวิชาการในระดับอาเซียน สร้างเครือข่ายนักวิชาการ งานวิจยั และร่วมด�ำเนินการด้านงานยุตธิ รรมกับประเทศ ต่าง ๆ ในอาเซียน สถาบันอนุญาโตตุลาการ น�ำเสนอโดย นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ผูอ้ ำ� นวยการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ ด�ำเนินการ “สร้างการรับรู้” เกี่ ย วกั บความหมายและบทบาทหน้ า ที่ ข องสถาบั นฯ แก่ประชาชน โดยเน้นการประชาสัมพันธ์องค์กรเชิงรุก อาทิ ออกบูธ จัดนิทรรศการฯ และ “สร้างความเชื่อมั่น” โดยสร้ า งระบบการให้ ค� ำ รั บ รองสร้ า งคู ่ มื อ แนวทาง การปฏิ บั ติ ที่ ดี เ กี่ ย วกั บ การท� ำ ค� ำ ชี้ ข าด พั ฒ นาระบบ การระงับข้อพิพาทในสัญญาธุรกิจก่อสร้าง และจัดท�ำ ระบบการระงับข้อพิพาทออนไลน์ ซึ่งคาดว่าไทยจะเป็น ประเทศเดี ย วในอาเซี ย นและอาจเป็ น ประเทศแรก ในเอเชียที่มีระบบระงับข้อพิพาทออนไลน์ หรือ Online Dispute Resolution : ODR เป็นต้น
ทั้งนี้ การถ่ายทอดนโยบายจากระดับบริหารสู่ระดับปฏิบัติจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้รับทราบและเข้าใจเป้าหมายการด�ำเนินงานในภาพรวมของกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนสามารถน�ำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ในมิติของการให้บริการด้านกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรมแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงเป็นธรรม อันจะส่งผลให้สามารถสนองตอบต่อการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ระดับพื้นที่ได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น Justice Magazine Ministry of Justice
9
กำ�ลังใจในพระดำ�ริ
กองบรรณาธิการ
กระทรวงยุติธรรมจับมือ CP
สร้างอาชีพ คืนคนดีกลับสู่สังคม
กระทรวงยุติธรรมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรกรรม เพื่อถ่ายทอด ความรูแ้ ละทักษะด้านอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังเพือ่ ป้องกัน การกระทำ�ผิดซํ้าในอนาคต จากน�้ำพระทัยในพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงห่วงใยและตระหนักถึงคุณภาพชีวติ ของประชาชนทุกกลุม่ ตลอดจน ผู้ต้องขังที่เคยหลงผิดและก�ำลังจะพ้นโทษจากเรือนจ�ำ เมื่อสิ้นสุด กระบวนการยุตธิ รรมแล้ว พวกเขาควรได้รบั ความช่วยเหลือและมีโอกาส ในด้านต่าง ๆ อีกครั้ง จนสามารถกลับไปด�ำเนินชีวิตอย่างสมบูรณ์ ในสังคมภายนอกเพื่อจะได้ไม่หวนกลับมาสร้างปัญหาสังคมซ�้ำอีก สิ่งหนึ่งที่มีความส�ำคัญต่อพวกเขาเหล่านั้น คือการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อให้มีทักษะความรู้ในการหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต เพราะหากพวกเขายื น หยั ด ได้ ด ้ ว ยตั ว เองแล้ ว จะช่ ว ยลดโอกาส ในการหันไปหาสิ่งผิดกฎหมายอีก โดยในโอกาสนี้ โครงการก�ำลังใจ
10
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
กำ�ลังใจในพระดำ�ริ
ในพระด�ำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา กระทรวงยุติธรรม ได้สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน โดยการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรกรรมฯ มีภารกิจ ในการถ่ายทอดความรูแ้ ละฝึกทักษะอาชีพด้านเกษตรให้แก่ ผู้ต้องขังเพื่อไม่ให้กระท�ำผิดซ�้ำ พร้อมทั้งลงนามบันทึก ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการด�ำเนินงานขึ้น ระหว่าง กองทุนก�ำลังใจในพระด�ำริฯ กรมราชทัณฑ์ และบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จ�ำกัด เมื่อเดือนสิงหาคม 2559 นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวว่า “ศูนย์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมสนับสนุน ให้ เ กิ ด กิ จ กรรมต่ า ง ๆ เพื่ อ สร้ า งงาน สร้ า งโอกาส สร้ า งองค์ ค วามรู ้ แ ละฝึ ก ทั ก ษะให้ เ กิ ด ความช� ำ นาญ ด้านเกษตรกรรมโดยการน�ำระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ในอาชีพเกษตรกรรม เพื่อให้ได้ผลผลิต และกระบวนการผลิ ต ที่ มี คุ ณ ภาพได้ ม าตรฐาน โดยผู ้ ต ้ อ งขั ง ที่ ผ ่ า นการอบรมนั้ น เมื่ อ พ้ น โทษแล้ ว จะสามารถน� ำ ความรู ้ ที่ ไ ด้ ไ ปต่ อ ยอดและสร้ า งอาชี พ ในเชิ ง พาณิ ช ย์ เนื่ อ งจากกลุ ่ ม เป้ า หมายที่ เ ข้ า รั บ การฝึ ก อบรมของศู น ย์ เ รี ย นรู ้ ด ้ า นเกษตรกรรมฯ คื อ ผู ้ ต ้ อ งขั ง ที่ ใ กล้ พ ้ น โทษ มี ค วามประพฤติ ดี แ ละ ยังไม่มีอาชีพที่แน่นอน ให้ได้มีอาชีพที่สุจริตภายหลัง พ้ น โทษ นั บ เป็ น วิ ธี ก ารคื น คนคุ ณ ภาพกลั บ สู ่ สั ง คม ได้ทางหนึง่ ”
โดยการอบรมจะมีการมอบองค์ความรูเ้ กีย่ วกับการท�ำ เกษตรอุตสาหกรรม ตั้งแต่การเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงสุกรขุน กรีดยางพารา และการปลูกทุเรียนและพืชเสริม (กล้วย) จากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพจากส่วนงานต่าง ๆ ในเครื อ เจริ ญ โภคภั ณ ฑ์ รวมไปถึ ง การรั บ ซื้ อ ผลผลิ ต ทีเ่ กิดขึน้ จากศูนย์เรียนรูด้ า้ นเกษตรกรรมฯ ทัง้ หมดอีกด้วย นอกจากนี้ ศูนย์ดงั กล่าว จะทำ�หน้าทีเ่ ป็นแหล่งเรียนรู้ หรือเป็นต้นแบบให้กับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ บุ ค คลทั่ว ไปที่ส นใจในอาชี พ เกษตรกรรมตามหลั ก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถเข้ามาศึกษาดูงาน และสามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเอง ครอบครัว และองค์กร อีกทัง้ ยังเป็นการขานรับนโยบาย จากสหประชาชาติที่ให้ความสำ�คัญด้านการพัฒนา ที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) เพื่ อ ให้ ป ระเทศไทยก้ า วหน้ า ทั น โลกในอนาคต ต่อไป
Justice Magazine Ministry of Justice
11
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
กองบรรณาธิการ
ต้อนรับองค์การยูนเิ ซฟ ประจำ�ประเทศไทย พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม ต้อนรับ Mr. Thomas Davin ผู้แทนองค์การ ยูนิเซฟ ประจำ�ประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ พร้อมหารือเรือ่ งการพัฒนากระบวนการยุตธิ รรมสำ�หรับเด็ก และเยาวชน ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก แห่งสหประชาชาติ อาทิ การปรับอายุขั้นตํ่าในการรับผิด ทางอาญาของเด็ก เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตาม ความคืบหน้า สร้างความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างกัน ณ ห้องรับรองกระทรวงยุตธิ รรม ชัน้ 2 อาคารราชบุรดี เิ รกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงราย พันโท เอนก ยมจินดา ผู้ตรวจราชการกระทรวง ยุติธรรม พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัด เชียงราย พร้อมร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อติดตามผลการดำ�เนินงานให้เป็นไปตามนโยบาย ของกระทรวงฯ รวมทั้ ง รั บ ฟั ง ปั ญ หา อุ ป สรรค ให้ คำ� แนะนำ � การปฏิ บั ติ ง าน และให้ กำ � ลั ง ใจแก่ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ในโอกาสนี้ได้ลงตรวจเยี่ยม พื้ น ที่ เรื อ นจำ � กลางและสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก และเยาวชน จังหวัดเชียงราย
กรมบังคับคดีให้บริการปรึกษากฎหมาย ในงาน Smart SME Expo 2016 นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมงาน Smart SME Expo 2016 หรืองานแสดงธุรกิจ เพื่อเอสเอ็มอีแบบครบวงจร ซึ่งปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ทางด่ ว นสู่ ค วามสำ � เร็ จ ” ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 เมื อ งทองธานี ในโอกาสนี้ ก รมบั ง คั บ คดี ไ ด้ ใ ห้ บ ริ ก าร คำ�ปรึกษาและให้ความรู้ด้านกฎหมายการฟื้นฟูกิจการ (พระราชบัญญัติล้มละลาย ฉบับที่ 9 การฟื้นฟูกิจการ ของ SMEs) แก่ผู้ที่สนใจด้วย
12
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
เร่งรัดดำ�เนินงานตามนโยบายรัฐฯ ให้เป็นรูปธรรม พลเอก นิวัตร มีนะโยธิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ�กระทรวง ยุ ติ ธ รรม เป็ น ประธานการประชุม คณะทำ�งานกำ� กั บดู แล เร่งรัด และติดตามผลการดำ�เนินงานตามนโยบายเร่งด่วน ของรั ฐ บาล ครั้ ง ที่ 1/2559 เพื่ อ พิ จ ารณาการขั บ เคลื่ อ น โครงการเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ระยะที่ 1 ของกระทรวง ยุตธิ รรม (พ.ศ. 2559 - 2560) พร้อมกำ�หนดแนวทางการเร่งรัด และติดตามผลการดำ�เนินงานที่สำ�คัญให้ปรากฏผลสำ�เร็จ อย่างเป็นรูปธรรม ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 2 ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
เตรียมพร้อมขับเคลือ่ นแก้ปญ ั หาชายแดนใต้ นายชาญเชาวน์ ไชยานุ กิ จ ปลั ด กระทรวงยุ ติ ธ รรม เป็ น ประธานการประชุ ม เตรี ย มความพร้ อ มขั บ เคลื่ อ น การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีงบประมาณ 2560 เพื่อติดตามความคืบหน้าการด�ำเนินงานในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดน ภาคใต้ พ.ศ. 2559-2561 เป็นต้น อีกทั้งร่วมกันก�ำหนด แนวทางการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ในเชิงยุทธศาสตร์ การจัดสรรงบประมาณการด�ำเนินงาน และสร้างความเป็นธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ โรงแรม เซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ
พัฒนาคุณภาพชีวติ และคุม้ ครองสิทธิผตู้ อ้ งขัง พลโท ชู น ล หาสารี ส ร คณะท�ำงานรั ฐ มนตรี ว่าการกระทรวงยุตธิ รรม น�ำคณะองค์กรระหว่างประเทศ ด้ า นสิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนของกลุ ่ ม หลากหลายทางเพศ และองค์ ก รภาคประชาสั ง คม พร้ อ มผู ้ แ ทนจาก ส�ำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าตรวจเยี่ยมผู้ต้องขัง ที่เป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหา และคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังภายในกระบวนการ ยุติธรรม ณ เรือนจ�ำพิเศษพัทยา และทัณฑสถานหญิง จังหวัดชลบุรี Justice Magazine Ministry of Justice
13
เรื่องเล่ายุติธรรม
กองบรรณาธิการ
กระทรวงยุติธรรม
ขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนไทย ตามกลไก Universal Periodic Review (UPR)
กลไก UPR จะช่วยยกระดับ พัฒนาการด้านสิทธิมนุษยชน ของไทยให้อยู่ในมาตรฐาน สากล คุ้มครองสิทธิของ ประชาชน และสร้างความ มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ตามนโยบายของรัฐบาล
นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม
14
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ในปัจจุบัน ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน นั บ เป็ น ประเด็ น ที่ น านาประเทศทั่ ว โลก ให้ ความสำ�คัญมาก เหตุเพราะความเท่าเทียม กั น ในสั ง คมเป็ น สิ่ ง ที่ พ ลเมื อ งทุ ก คนควร ได้จากรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาในประเทศไทยได้มี ความเคลื่อนไหวในด้านดังกล่าวโดยภาครัฐ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการจัดทำ�รายงาน สถานการณ์สทิ ธิมนุษยชนของไทยตามกลไก Universal Periodic Review (UPR) ฉบับที่ 2 เพื่อเสนอต่อสหประชาชาติในการพิจารณา ผลการทำ�งานระหว่างปี 2555 - 2559 ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 คณะผู้ แ ทนจากประเทศไทย นำ � โดย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวง ยุ ติ ธ รรม ได้ เ ดิ น ทางไปนำ � เสนอรายงาน
ดังกล่าวด้วยวาจาต่อคณะทำ�งาน UPR สมัยที่ 25 ผลจากการนำ�เสนอ ทางคณะทำ�งานได้ให้ ข้อเสนอแนะแก่ประเทศไทย จำ�นวน 249 ข้อ ซึง่ ไทยตอบรับทันทีจ�ำ นวน 181 ข้อ และขอนำ� กลับมาพิจารณาเพิ่มเติมอีก จำ�นวน 68 ข้อ ซึ่งเวลาต่อมา ได้มีการนำ�ข้อพิจารณา เพิ่มเติมทั้ง 68 ข้อ มาร่วมหารือกันในหลาย ภาคส่วน ผ่านการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวง ยุ ติ ธ รรม ได้ ร่ ว มกั บ กรมองค์ ก ารระหว่ า ง ประเทศจั ด ขึ้ น โดยการประชุ ม ประกอบ ไปด้วยการเผยแพร่ผลการทบทวนรายงาน สถานการณ์สทิ ธิมนุษยชนของไทยตามกลไก UPR และการทบทวนสถานการณ์สทิ ธิมนุษยชน ของประเทศไทย (Thai CSOs Coalition for the
เรื่องเล่ายุติธรรม
กระบวนการ UPR ถือเป็นกลไก ที่มีจุดเด่นในเรื่องการมีส่วนร่วม จากทุกภาคส่วนและเกี่ยวข้อง กับสิทธิของประชาชนทุกคน โดยตรง ที่สามารถร่วมกันพัฒนา สิทธิมนุษยชนของประเทศ ไปในทิศทางที่ถูกต้อง UPR) รวมถึงได้ร่วมกันหาแนวทางการดำ�เนินงานตาม ข้อเสนอแนะทีไ่ ด้รบั จากกลไก UPR รอบที่ 2 โดยแบ่งเป็น 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และประเด็นสิทธิของกลุ่มเปราะบาง และ ต่อมาคือ ประเด็นสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง โดยสรุปได้วา่ ไทยพร้อมขานรับคำ�เสนอแนะจากตัวแทน คณะทำ�งานจากชาติต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีก 6 ข้อ คือ 1. พิ จ ารณาการให้ สั ต ยาบั น อนุ สั ญ ญาองค์ ก าร แรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 189 (ILO Convention No. 189) (ฟิลิปปินส์) 2. จัดตั้งหน่วยงานอิสระเพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหา การทรมานทั้งหมด ซึ่งรวมถึงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนำ�ผู้กระทำ�ผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม (แคนาดา) 3. ลดระดับการใช้โทษประหารชีวติ เพือ่ ทีจ่ ะยกเลิก โทษประหารชีวิตต่อไป (ฝรั่งเศส) 4. ดำ�เนินการตามข้อ 83 - 85 ของมาตรฐาน ขั้นตํ่าแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง หรือ “ข้อกำ�หนดแมนเดลลา” ซึ่งกำ�หนดให้จัดตั้งหน่วย ตรวจสอบภายนอกที่เป็นอิสระที่สามารถเข้าถึงผู้ต้องขัง ทุกประเภทในเรือนจำ�ทุกแห่งที่อยู่ภายใต้การกำ�กับดูแล ของกระทรวงยุติธรรม (สหราชอาณาจักร) 5. กลุ่มสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ ดำ�เนินการแก้ไขปัญหา
ความรุนแรงและการกดขี่ทางเพศในทุกรูปแบบเพิ่มเติม ด้วยการทบทวนข้อบทที่เกี่ยวข้องในประมวลกฎหมาย อาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำ�ด้วยความรุนแรง ในครอบครัว (คีร์กีซสถาน) 6. ยกเลิ ก ข้ อ บทของกฎหมายที่ ร ะบุ ว่ า สามารถ ปรับลดอายุขั้นตํ่าของการสมรสให้เป็น 13 ปี กรณีที่ เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ และสามารถสมรสกับผู้ที่ ล่วงละเมิดทางเพศได้ (ติมอร์-เลสเต) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบผลการพิจารณา ข้ อ เสนอแนะเพิ่ ม เติ ม ดั ง กล่ า ว และมี แ ผนจั ด ประชุ ม ในระดับภูมิภาคเพื่อเผยแพร่ข้อเสนอแนะที่ไทยได้รับ จากกระบวนการ UPR รอบที่ 2 ให้สาธารณชนรับทราบ อย่างไรก็ตาม กระบวนการ UPR ถือเป็นกลไก ที่มีจุดเด่นในเรื่องการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนและ เกี่ ย วข้ อ งกั บ สิ ท ธิ ข องประชาชนทุ ก คนโดยตรง ที่สามารถร่วมกันพัฒนาสิทธิมนุษยชนของประเทศ ไปในทิศทางที่ถูกต้อง และเป็นโอกาสที่ภาครัฐและ ภาคประชาสังคมจะได้รว่ มกันทบทวนผลการประเมิน สถานการณ์สิทธิมนุษยชนทั้ ง ในส่ ว นของพั ฒ นาการ ปัญหา ข้อท้าทาย และแนวทางดำ�เนินการตามข้อเสนอ แนะจากกลไก UPR อันจะเป็นประโยชน์ของประเทศ ในอนาคตต่อไป Justice Magazine Ministry of Justice
15
บนความเคลื่อนไหว
กองบรรณาธิการ
รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ เชียงใหม่-ลำ�ปาง
สร้างเครือข่ายปชช. แก้ปัญหายาเสพติด
ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนาน วิธีแก้ปัญหาให้มี ประสิทธิภาพและยั่งยืนต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะ ภาคประชาชนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ ไขปัญหาอย่างจริงจัง พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุตธิ รรม ลงพืน้ ทีใ่ นจังหวัดเชียงใหม่และลำ�ปาง เพือ่ มอบ นโยบายด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมส่งเสริม ให้เครือข่ายภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข ปัญหายาเสพติดในพื้นที่อย่างจริงจัง
อบรมเครือข่ายเกษตรกรอาสา พัฒนาประชารัฐ รุ่นที่ 1
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบนโยบายด้านยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด
นโยบายด้านยาเสพติดและเสริมสร้างความร่วมมือกับ เครือข่ายเกษตรกรอาสาประชารัฐของสภาเกษตรแห่งชาติ ให้เข้ามามีสว่ นร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด อีกทั้งผลักดันให้แผนประชาร่วมใจสร้างหมู่บ้าน/ชุมชน มั่ น คงปลอดภั ย ยาเสพติ ด บรรลุ เ ป้ า หมาย โดยมี คณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยผู้ว่าราชการ จังหวัด ผูบ้ งั คับการภูธรจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือตอนบน หัวหน้าส่วนราชการ เครือข่ายภาคประชาชนฯ เข้าร่วมงาน
7 กั น ยายน 2559 ณ โรงแรมลำ � ปางเวี ย งทอง จั ง หวั ด ลำ � ปาง รั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงยุ ติ ธ รรม เยี่ยมแกนนำ�หมู่บ้านศีล 5 เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร “เครือข่าย จากนัน้ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยุตธิ รรมพร้อมคณะ เกษตรกรอาสาพั ฒ นาประชารั ฐ ” รุ่ น ที่ 1 เพื่ อ มอบ ลงพืน้ ทีต่ รวจเยีย่ มแกนนำ�หมูบ่ า้ นศีล 5 ทีบ่ า้ นไร่ศลิ าทอง
16
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
บนความเคลื่อนไหว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ติดตามความคืบหน้า การดำ�เนินงานการบูรณาการงานกระทรวงยุตธิ รรมสูก่ ารปฏิบัติ
หมู่ 10 ตำ�บลพิชัย อำ�เภอเมือง จังหวัดลำ�ปาง เพื่อรับฟัง รายงานสถานการณ์และผลการดำ�เนินงานป้องกันและ แก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งร่วมเสวนากับแกนนำ� ชาวบ้านเกี่ยวกับวิธีแก้ไขปัญหายาเสพติดของหมู่บ้าน ตามโครงการหมู่บ้านศีล 5 กับการลด-ละ-เลิกอบายมุข ที่ได้ดำ�เนินกิจกรรมการเฝ้าระวังแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างจริงจัง จนได้รับรางวัลชุมชนคุณธรรม ประจำ�ปี พ.ศ. 2557 จากกระทรวงวัฒนธรรม
เปิดโครงการเครือข่ายปชช. แก้ ไขปัญหายาเสพติด
8 กันยายน 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเครือข่ายประชาชนกับ การแก้ไขปัญหายาเสพติด เพือ่ มอบนโยบายด้านยาเสพติด และเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคประชาชนในการป้องกัน และแก้ ไขปั ญ หายาเสพติ ด ในเขตพื้ น ที่ ภ าคเหนื อ 17 จั ง หวั ด รวมทั้ ง รั บ ฟั ง ปั ญ หาความเดื อ ดร้ อ นของ ประชาชน และติ ด ตามความคื บ หน้ า การดำ � เนิ น งาน การบูรณาการงานกระทรวงยุติธรรมสู่การปฏิบัติ โดยมี ผูว้ า่ ราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะผูบ้ ริหาร หน่วยงาน หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุตธิ รรมฯ เข้าร่วมฟัง นโยบาย ณ โรงแรม The Empress Hotel & Convention center ถนนช้างคลาน อำ�เภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยรั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงยุ ติ ธ รรม กล่ า วว่ า แม้วา่ กระทรวงฯ ได้ด�ำ เนินงานตามนโยบายเร่งด่วน อาทิ
นโยบายสร้างความปลอดภัยในสังคม, นโยบายป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดฯ มาโดยตลอด แต่พบว่าปัญหา ยาเสพติดยังคงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน อย่างมาก ทั้งนี้ รัฐบาลฝ่ายเดียวไม่สามารถดำ�เนินงาน ดังกล่าวบรรลุผลสำ�เร็จได้ จำ�เป็นต้องอาศัยความร่วมมือ จากหลายฝ่าย อาทิ ประชารัฐ (การทำ�งานร่วมกันระหว่าง ประชาชนและภาครัฐ) เครือข่ายประชาชน (ความร่วมมือ ของประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแลแก้ไขปัญหา) และยุ ติ ธ รรมชุ ม ชน (กลไกที่ ส่ ง เสริ ม ให้ ชุ ม ชนเข้ า ถึ ง กระบวนการยุ ติ ธ รรมและทำ � งานร่ ว มกั บ หน่ ว ยงาน ด้านความยุติธรรมได้อย่างสะดวกเท่าเทียม) โดยเครือข่ายประชาชนและชุมชนสามารถเป็น กำ � ลั ง สำ � คั ญ ร่ ว มแก้ ไขปั ญ หายาเสพติ ด ได้ ทั้ ง ใน ด้ า นการปราบปราม โดยช่ ว ยกั น แจ้ ง เบาะแส ด้านการบำ�บัดรักษา โดยค้นหา-ชักชวนผู้เสพหรือ ผูต้ ดิ ยาเสพติดให้เข้ารับการบำ�บัดรักษา ด้านการป้องกัน โดยประชาสัมพันธ์โทษภัยของยาเสพติดให้แก่เยาวชน ประชาชนในหมูบ่ า้ น/ชุมชนทราบ รวมทัง้ ช่วยประเมิน สถานการณ์ ปั ญ หายาเสพติ ด ในหมู่ บ้ า น/ชุ ม ชน เพือ่ สะท้อนปัญหาควบคูไ่ ปกับการประเมินผลการตรวจสอบ ของภาครัฐอันจะนำ�ไปสู่การกำ�หนดมาตรการแก้ไข ปัญหายาเสพติดได้อย่างถูกต้องต่อไป Justice Magazine Ministry of Justice
17
บนความเคลื่อนไหว
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเวทีอาเซียน
ช่วยเหลือด้านกฎหมาย และคุ้มครองพยาน การเข้าถึงความช่วยเหลือด้านกฎหมายในกระบวนการยุติธรรม เป็นหลักส�ำคัญทีป่ ระเทศต่าง ๆ ใช้ ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน ของตนเอง และประเทศไทยก็น�ำหลักดังกล่าวมาใช้ด้วยเช่นกัน
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2555 องค์การสหประชาชาติ ให้ ก ารรั บ รอง “หลั ก การและแนวปฏิ บั ติ แ ห่ ง สหประชาชาติ ว่ า ด้ ว ยการเข้ า ถึ ง ความช่ ว ยเหลื อ ด้ า นกฎหมายในกระบวนการยุ ติ ธ รรมทางอาญา” เพื่อเป็น แนวทางแก่ป ระเทศต่าง ๆ นำ � ไปใช้ กำ � หนด นโยบายกฎหมาย กฎระเบี ย บ มาตรการ ตลอดจน พั ฒ นากระบวนการยุ ติ ธ รรมเพื่ อ ให้ ค วามช่ ว ยเหลื อ ประชาชนของตน ซึ่งหลักการดังกล่าวเกี่ยวข้องโดยตรง กับภารกิจของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวง ยุติธรรม โดยเฉพาะภารกิจด้านการให้ความช่วยเหลือ ทางกฎหมายและการคุ้มครองพยาน ดั ง นั้ น เพื่ อ ต่ อ ยอดหลั ก การและพั ฒ นาแนวคิ ด
18
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
พิธีเปิดการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนว่าด้วยการให้ ความช่วยเหลือทางกฎหมายและการคุ้มครองพยาน
ดังกล่าวให้เป็นรูปธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ จั ด ประชุ ม ระดั บ ภู มิ ภ าคอาเซี ย นว่ า ด้ ว ยการให้ ความช่ ว ยเหลื อ ทางกฎหมายและการคุ้ มครองพยาน (Southeast Asia Regional Conference on Legal Aid and Witness Protection) ขึ้ น เมื่ อ วั น ที่ 18 - 19 สิงหาคม 2559 ณ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ โดยมีพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์ว่า “หลักการและแนวปฏิบัติแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วย การเข้าถึงความช่วยเหลือด้านกฎหมายในกระบวนการ ยุ ติ ธ รรมทางอาญา เป็ น หลั ก สำ � คั ญที่ ประเทศต่าง ๆ
บนความเคลื่อนไหว
ผู้แทนจากชาติต่าง ๆ ในอาเซียนเข้าร่วมการประชุมระดับ ภูมิภาคอาเซียนว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายฯ
สามารถนำ � ไปใช้ เ ป็ น แนวทางให้ ค วามช่ ว ยเหลื อ ด้านกฎหมายแก่ประชาชนของตนได้ สำ�หรับการกำ�หนด นโยบายและบั ญ ญั ติ ก ฎหมายภายในประเทศไทย ก็นำ�หลักปฏิบัติดังกล่าว มาพิจารณาใช้ร่วมกับบริบท ของประเทศด้วยเช่นกัน อาทิ นโยบายอำ � นวยความยุ ติ ธ รรมเพื่ อ ลดความ เหลื่ อ มลํ้ า ของสั ง คม ซึ่ ง กำ � หนดให้ ห น่ ว ยงาน รั ฐ มี ห น้ า ที่ จั ด หาบริ ก ารเพื่ อ ให้ ค วามช่ ว ยเหลื อ คุ้มครอง เยียวยาแก่ประชาชนโดยกรมคุ้มครองสิทธิฯ ถื อ เป็ น หนึ่ ง ในองค์ ก รที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ ภารกิ จ ดั ง กล่ า ว โดยตรง กล่ า วคื อ ให้ ค วามช่ ว ยเหลื อ ด้ า นกฎหมาย ครอบคลุ ม ตั้ ง แต่ ต้ น ทาง ให้ ค วามรู้ ด้ า นกฎหมาย และสิทธิมนุษยชนแก่ประชาชน กลางทาง คุ้มครอง และช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เช่น การประกันตัวฯ จนถึ ง ปลายทาง การเยี ย วยาผู้ เ สี ย หายหรื อ เหยื่ อ ในคดี อ าชญากรรมฯ ทั้ ง นี้ เพื่ อ ให้ ป ระชาชนเข้ า ถึ ง ความยุติธรรมได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน การคุ้ ม ครองพยาน สำ � นั ก งานคุ้ ม ครองพยาน กรมคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นหน่วยงานทีร่ บั ผิดชอบ พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 โดยตรง และนับเป็นความมุ่งมั่นของรัฐที่จะรับรองหลักประกัน ความปลอดภัยในชีวติ ร่างกาย และทรัพย์สนิ ของประชาชน
อย่ า งเป็ น ระบบ ทั้ง นี้ กระทรวงยุ ติธ รรมอยู่ร ะหว่ า ง การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้ สามารถปฏิบตั งิ านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิง่ ขึน้ ” ในการประชุมครั้งนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนแนวคิด แนวทางปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย และการคุ้ ม ครองพยานจากผู้ เชี่ ย วชาญและผู้ แ ทน จากประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน มีการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะเกีย่ วกับการพัฒนาการให้ความช่วยเหลือ ทางกฎหมายและการคุ้มครองพยานในประเทศไทย จากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม รวมทัง้ การพิจารณาแนวทางความร่วมมือในการจัดทำ� มาตรฐาน การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและ การคุ้มครองพยานในระดับภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้ เกิดแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ในอนาคต Justice Magazine Ministry of Justice
19
บนความเคลื่อนไหว
ภารกิจยุติธรรม
บนเส้นทางสู่ประชาคม อาเซียน (AEC +3) นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ท�ำหน้าที่ประธานเปิดเวทีเสวนาฯ
ในการเป็นประชาคมอาเซียนนั้น กระทรวงยุติธรรมได้ ด�ำเนินการก�ำหนดยุทธศาสตร์ และขับเคลือ่ นงบประมาณอาเซียน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการก�ำหนดทิศทางการท�ำโครงการในอนาคต
เมื่อ 15 กันยายน 2559 สำ�นักงานกิจการยุติธรรม จั ด ประชุ ม “เช็ ค พิ กั ด ความก้ า วหน้ า และภารกิ จ กระทรวงยุ ติ ธ รรม...บนเส้ น ทางสู่ ป ระชาคมอาเซี ย น (AEC +3)” ณ โรงแรมเซ็ น ทรา ศู น ย์ ร าชการและ คอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสำ�รวจสถานะ ติดตามความก้าวหน้าภารกิจของ หน่ ว ยงานในสั ง กั ด กระทรวงยุ ติ ธ รรม กั บ ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน +3 (ASEAN Economic Community – AEC+3) ประมวลองค์ความรู้ของส่วนราชการในสังกัด กระทรวงยุติธรรมเพื่อเตรียมความพร้อมกระบวนการ ยุติธรรมไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน กำ�หนดยุทธศาสตร์ การพั ฒ นาอย่ า งชั ด เจนและเป็ น องค์ ร วม รวมทั้ ง
20
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
เตรียมการขับเคลือ่ นงบประมาณของกระทรวงในปี 2560 โดยมีนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุตธิ รรม เป็นประธานเปิดเวทีเสวนาฯ ซึง่ มีผเู้ ข้าร่วมงานประกอบด้วย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัด กระทรวงยุติธรรมกว่า 300 คน สาระสำ�คัญของเวทีเสวนาในครั้งนี้ คือ เพื่อเปิด เวทีให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมแลกเปลี่ยน “เช็คพิกัด” การดำ � เนิ น งานระหว่ า งกั น เพื่ อ ให้ ทุ ก หน่ ว ยงาน เห็นภาพรวมอั น จะนำ � ไปสู่ ก ารขั บ เคลื่ อ นงบประมาณ อาเซียนในปี 2560 และการกำ�หนดทิศทางการทำ�งาน ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ โดยเวทีเสวนา ทั้ง 4 เวที ประกอบด้วย
บนความเคลื่อนไหว
การประชุม “เช็คพิกัดความก้าวหน้า และภารกิจ กระทรวงยุติธรรม...บนเส้นทางสู่ประชาคมอาเซียน (AEC +3)”
1. เวที เ สวนา “ลดความเหลื่ อ มลํ้ า เพื่ อ ก้ า วสู่ ประชาคมอาเซียน และ AEC +3” กล่าวถึง ทิศทาง การดำ�เนินงานของกระทรวงยุตธิ รรมในอนาคต ‘เพือ่ ลด ความเหลือ่ มลํา้ นำ�ความยุตธิ รรมสูช่ มุ ชน’ การบริหารจัดการ ทรัพยากรกระบวนการยุติธรรมในภาพรวม ‘เพื่อก้าวสู่ ประชาคมอาเซียน’ การดำ�เนินภารกิจของกรมคุ้มครอง สิทธิและเสรีภาพในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เป็นต้น 2. เวทีเสวนา “เตรียมความพร้อมกระบวนการ พัฒนาพฤตินิสัยไทย ...ก้าวไกลสู่อาเซียน” กล่าวถึง การดำ�เนินงานเพือ่ ตอบรับการก้าวเข้าสูก่ ารเป็นประชาคม อาเซี ย นของหน่ ว ยงานต่ า ง ๆ ที่ รั บ ผิ ด ชอบภารกิ จ ด้านการพัฒนาพฤตินิสัยของกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติ อาทิ การดำ�เนินการจัดทำ�ฐานข้อมูล และคูม่ อื ต่าง ๆ เป็นภาษาอาเซียน การปรับปรุงกฎหมาย และสร้ า งเครื อ ข่ า ยการดำ � เนิ น งาน ผ่ า นการประชุ ม นานาชาติ และ Social Network 3. เวทีเสวนา “สางปมยาเสพติด - อาชญากรรม ข้ามชาติ ...ตอบรับความท้าทายสู่ AEC+3” กล่าวถึง การดำ � เนิ น งาน และยุ ท ธศาสตร์ ข องกรมบั ง คั บ คดี ในการเป็นกลไกทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ของนักลงทุนระหว่างประเทศ รวมทั้งการเสริมสร้าง ความร่วมมือ และสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของ ประเทศไทยด้านการบังคับคดี เป็นต้น
4. เวทีเสวนา “ทิศทางการพัฒนากฎหมายและ กระบวนการยุติธรรมไทย ในยุค AEC+3” กล่าวถึง การดำ�เนินงานของสถาบันเพือ่ การยุตธิ รรมแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Justice - TIJ) ในฐานะผูเ้ ชือ่ มโยง การทำ � งานกระบวนการยุ ติ ธ รรม ให้ ส อดคล้ อ งกั บ มาตรฐานระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงงานด้านการวิจัย พัฒนา เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรฯ การดำ�เนินงาน ของสถาบันอนุญาโตตุลาการ (Thailand Arbitration Center - THAC) ในการหาพันธมิตร ประชาสัมพันธ์ หน่วยงาน และฝึกอบรมด้านการไกล่เกลีย่ ประนีประนอม ข้อพิพาททางแพ่ง และการดำ�เนินงานของสำ�นักงาน กิจการยุติธรรม (สกธ.) ด้านการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบ กฎหมายระหว่างประเทศอาเซียน และการประเมินผล กระทบของกฎหมาย (RIA) เป็นต้น การจัดเวทีเสวนาในครั้งนี้ นับว่าเป็นประโยชน์ อย่ า งยิ่ ง ต่ อ การกำ � หนดทิ ศ ทางการดำ � เนิ น งานของ กระทรวงยุติธรรม ตามแผนยุทธศาสตร์ในการเข้าสู่ ประชาคมอาเซียน และการขับเคลื่อนงบประมาณ อาเซียนของกระทรวงยุติธรรม ในปี 2560 รวมทั้ง จะเป็ น ประโยชน์ ต่ อ การกำ � หนดทิ ศ ทางการดำ � เนิ น โครงการและกิจกรรมในส่วนของการเตรียมความพร้อม ด้ า นกฎหมายและกระบวนการยุ ติ ธ รรม เพื่ อ ให้ สอดคล้องกับข้อตกลงและพันธกรณีระหว่างประเทศ ของอาเซียนในอนาคตต่อไป Justice Magazine Ministry of Justice
21
บนความเคลื่อนไหว
มหกรรมเสริมสร้าง
ความสมานฉันท์แห่งชาติ การเสริมสร้างความสมานฉันท์จะช่วยลดความเหลื่อมลํ้า ของสังคม ลดความขัดแย้งในพื้นที่และชุมชน ตลอดจน สร้างความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการยุติธรรมมากยิ่งขึ้น
พันต�ำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ เปิดโครงการ มหกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ฯ
สำ�นักงานคณะกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ แห่งชาติ สำ�นักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ตระหนักถึง ความสำ�คัญของปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรง ในหลายพืน้ ทีข่ องประเทศไทย อันเป็นผลจากความคิดเห็น ที่ แ ตกต่ า งและการแบ่ ง พรรคแบ่ ง ฝ่ า ยของประชาชน ซึง่ อาจส่งผลกระทบต่อความมัน่ คงของประเทศในอนาคต จึงได้จดั โครงการมหกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ แห่งชาติข้ึน เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 ที่ อำ�เภอ ปากเกร็ ด จั ง หวั ด นนทบุ รี เพื่ อ เผยแพร่ ค วามรู้ ด้ า น การเสริ ม สร้ า งความสมานฉั น ท์ ไ ปสู่ ภ าคประชาชน โดยมีพันตำ�รวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการ เสริมสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ เป็นประธานฯ
22
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
บนความเคลื่อนไหว
ผลงานบทประพันธ์เพลง ที่ ได้รับรางวัล ในปี 2559
รางวัลชนะเลิศ ผลงานเพลงสมานรัก สมานฉันท์ โดยทีม สั น ติ สุ ข จากโรงเรี ย นสั น ติ วิ ท ยาสรรพ์ จังหวัดเลย รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ผลงานเพลงความยุติธรรม โดยทีมยุติธรรม สร้างสรรค์ จากโรงเรียนสันติวิทยาสรรพ์ จังหวัดเลย รองชนะเลิศอันดับสอง ผลงานเพลงร้ อ ยดวงใจไทยชุ ม ชน 1 โดยที ม มิ ต รภาพ จากโรงเรี ย นหนองบั ว พิทยาคาร จังหวัดหนองบัวล�ำภู รางวัลชมเชย ได้ แ ก่ ผลงานเพลงยุ ติ ธ รรมชุ ม ชนอาสา โดยทีม S.T. Band จากโรงเรียนศรีเทพ ประชาสรรค์ จังหวัดเพชรบูรณ์ และผลงาน เพลงแสงของยุตธิ รรม โดยทีมไร่ออ้ ย Demo Version จากโรงเรี ย นฤทธิ ย ะวรรณาลั ย กรุงเทพมหานคร
พันตำ�รวจโท พงษ์ธร ให้สัมภาษณ์ว่า สำ�นักงาน คณะกรรมการเสริ ม สร้ า งความสมานฉั น ท์ แ ห่ ง ชาติ มี ภ า ร กิ จ ใ น ก า ร ล ด ค ว า ม เ ห ลื่ อ ม ลํ้ า ข อ ง สั ง ค ม ลดความขั ด แย้ ง ในพื้ น ที่ แ ละชุ ม ชน ตลอดจนสร้ า ง ความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการยุตธิ รรม ด้วยมาตรการ ต่าง ๆ อาทิ สร้ า งความเป็ น ธรรมผ่ า นกระบวนการยุ ติ ธ รรม ทางเลือก เพื่อลดปริมาณคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สร้างองค์ความรูเ้ สริมสร้างความสมานฉันท์ เพือ่ เป็นกรอบ แนวคิ ด และพั ฒ นาเป็ น โมเดลการสื่ อ สารที่ เ หมาะสม สำ � หรั บ เด็ ก และเยาวชน ใช้ สื่ อ สารกั บ กลุ่ ม ต่ า ง ๆ อย่างเข้าใจ และใช้สื่อสารตามความเหมาะสมในแต่ละ สถานการณ์ เพิม่ บทบาทของชุมชน ในการมีสว่ นร่วมและ ปรับปรุงระบบงานยุตธิ รรมให้มปี ระสิทธิภาพมากยิง่ ขึน้ ฯ อย่างไรก็ตาม ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและ
เสริมสร้างความสมานฉันท์นบั เป็นเรือ่ งสำ�คัญและยิง่ ใหญ่ จึ ง จำ � เป็ น ต้ อ งอาศั ย ความร่ ว มมื อ จากทุ ก ภาคส่ ว น ให้มีส่วนร่วมส่งเสริม ลงมือ ปฏิบัติเพื่อสร้างสังคมไทย ที่สงบสุขร่วมกัน ภายในงานยั ง มี กิ จ กรรมอื่ น อี ก มากมาย อาทิ การเสวนาวิชาการเรื่อง “โครงการวิจัยกระบวนการ สือ่ สารเพือ่ การเสริมสร้างความสมานฉันท์ของเยาวชน ในสังคมไทย” เสวนาเรื่อง “ทิศทางการขับเคลื่อน แผนยุ ท ธศาสตร์ ก ารเสริ ม สร้ า งความสมานฉั น ท์ แห่งชาติ” นิทรรศการเผยแพร่บทบาท ภารกิจ และ ผลงานของสำ � นั ก งานฯ และองค์ ก รภาคี ด้ า นการ เสริ ม สร้ า งความสมานฉั น ท์ นอกจากนี้ ยั ง มี ก าร มอบรางวัลแก่เยาวชนที่ส่งผลงานบทประพันธ์เพลง เข้ า ร่ ว มประกวด ในโครงการสื่ อ สรรค์ ส ร้ า งสั ง คม สมานฉันท์ด้วย Justice Magazine Ministry of Justice
23
บนความเคลื่อนไหว
นิทรรศการ “Did you know? รู้หรือไม่”
กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เพื่อประชาชน กฎหมายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนควรรู้ กระทรวง ยุติธรรมมุ่งเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ กฎหมายให้แก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการ ช่วยลดปัญหาการท�ำผิดกฎหมายของประชาชน
สำ�นักงานกิจการยุติธรรม สังกัดกระทรวงยุติธรรม หน่ ว ยงานผู้ ดำ � เนิ น การด้ า นนโยบายและการพั ฒ นา กระบวนการยุ ติ ธ รรม รวมทั้ ง เสริ ม สร้ า งองค์ ค วามรู้ ด้ า นกฎหมายและกระบวนการยุ ติ ธ รรมให้ แ ก่ ประชาชน จัดโครงการเผยแพร่ภารกิจและองค์ความรู้ ด้านกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย ภายใต้หัวข้อ นิ ท รรศการชื่ อ “Did you know? รู้ ห รื อ ไม่ ” ขึ้ น เมื่ อ วั น ที่ ๑๓ กั น ยายน ๒๕๕๙ ณ ศู น ย์ ร าชการ เฉลิ ม พระเกี ย รติ ฯ กรุ ง เทพฯ ทั้ ง นี้ เพื่ อ เสริ ม สร้ า ง องค์ ค วามรู้ ด้ า นกฎหมายและกระบวนการยุ ติ ธ รรม ให้ แ ก่ เจ้ า หน้ า ที่ ห น่ ว ยงานในกระบวนการยุ ติ ธ รรม นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป
นิทรรศการ-เสวนา ที่น่าสนใจ
ในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการเพือ่ ถ่ายทอดความรู้ เกี่ยวกับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมด้วยข้อมูล
24
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
บนความเคลื่อนไหว
ประวัติโครงการฯ
โครงการเผยแพร่ ภ ารกิ จ และ องค์ความรูด้ า้ นกระบวนการยุตธิ รรมและ กฎหมายของสำ�นักงานกิจการยุติธรรม ภายใต้ หั ว ข้ อ นิ ท รรศการ “Did you know? รูห้ รือไม่” มีก�ำ หนดจัดขึน้ 5 ครัง้ ตลอดปี ดังนี้ ครั้ ง ที่ 1 วั น ที่ 13 กั น ยายน 2559 ทีศ่ นู ย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 2 วันที่ 14 กันยายน 2559 ที่ห้าง สรรพสินค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ครั้ ง ที่ 3 วั น ที่ 21 กั น ยายน 2559 ทีห่ อประชุมคณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 4 วันที่ 26 - 27 กันยายน 2559 ทีห่ อประชุมคณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ครั้ ง ที่ 5 วั น ที่ 5 ตุ ล าคม 2559 ทีห่ อประชุมคณะรัฐประศาสนศาสตร์และ นิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ที่น่าสนใจ กว่า 16 หัวเรื่อง อาทิ 1) การประเมินผลกระทบทางกฎหมาย หรือ RIA 2) การพั ฒ นาระบบเชื่ อ มโยงแลกเปลี่ ย นข้ อ มู ล ด้านกระบวนการยุตธิ รรม (Data Exchange Center : DXC) 3) มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา 4) การปฏิรูปกิจการตำ�รวจ 5) โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 6) สถานการณ์อาชญากรรม 2549 - 2558 7) โครงการคืนคนดีสู่สังคม 8) หนังสั้นกระบวนการยุติธรรม 9) อินโฟกราฟิกกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายและกระบวนการ ยุตธิ รรมในปัจจุบนั เรือ่ ง “รูห้ รือไม่? อ้างว่าไม่รกู้ ฎหมายไม่ได้” โดยนายวัลลภ นาคบัว ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานกิจการ ยุตธิ รรม และนายอาณัตพล ศิรชิ มุ แสง (อาร์ เดอะสตาร์)
เป้าหมาย สร้างความเข้าใจ-ลดทำ�ผิด
ผูอ้ �ำ นวยการสำ�นักงานกิจการยุตธิ รรม ให้สมั ภาษณ์วา่ ปั จ จุ บั น ยั ง มี ก ฎหมายอี ก เป็ น จำ � นวนมากที่ เข้ า ใจยาก ด้วยลักษณะเฉพาะของข้อกฎหมายเอง เป็นเหตุให้ยังมี ประชาชนกระทำ � การฝ่ า ฝื น ข้ อ กฎหมายเหล่ า นั้ น อยู่ ดั ง นั้ น การสร้ า งความรู้ ค วามเข้ า ใจเกี่ ย วกั บ กฎหมาย แก่ประชาชน จะเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดปัญหาการทำ�ผิด กฎหมายของประชาชนได้ ด้ า นรั ฐ บาลเอง ก็ ใ ห้ ค วามสำ � คั ญ กั บ นโยบาย ด้านกฎหมายและกระบวนการยุตธิ รรม ทีเ่ น้นการสร้าง การรั บ รู้ ก ฎหมายแก่ ป ระชาชนอย่ า งทั่ ว ถึ ง ทั้ ง นี้ เพื่อเป็นการลดความเหลื่อมลํ้าทางสังคมในมิติด้าน การรับรูก้ ฎหมาย และขยายผลสูก่ ารปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ของประชาชน ซึ่งเป็นการดำ�เนินการ “เชิงป้องกัน” เพื่ อ ไม่ ใ ห้ ค นเข้ า สู่ ก ระบวนการยุ ติ ธ รรมตั้ ง แต่ ต้ น และหากดำ�เนินการได้ส�ำ เร็จ ย่อมส่งผลให้มผี กู้ ระทำ�ผิด และคดีความในกระบวนการยุติธรรมลดน้อยลง Justice Magazine Ministry of Justice
25
คุยเฟื่องเรื่องยุติธรรม
อาเซียน-ไทย
กับมาตรการความร่วมมือ
แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส อาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 37 เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ในกลุม่ อาเซียน ในการต่อต้าน และแก้ ไขปัญหายาเสพติด และยกให้เป็นวาระสำ�คัญแห่งภูมิภาค
26
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
กองบรรณาธิการ
จากสถานการณ์ ปัญหายาเสพติ ด ในประเทศไทย และประเทศในแถบอาเซียนทีม่ มี าอย่างต่อเนือ่ งยาวนาน ตั้งแต่ปัญหาการลักลอบผลิต ลำ�เลียง และแพร่ระบาด ของยาเสพติด โดยเฉพาะในบริเวณพืน้ ทีส่ ามเหลีย่ มทองคำ� ทางตอนเหนือของประเทศไทย ไทยและประเทศในกลุ่ม อาเซียนจึงร่วมมือกันประกาศเจตนารมณ์และความร่วมมือ ระหว่างประเทศ เพือ่ ร่วมกันดำ�เนินการต่อต้านและแก้ไข ปั ญ หายาเสพติ ด ดั ง กล่ า ว โดยกำ � หนดความร่ ว มมื อ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระสำ�คัญแห่งภูมภิ าค จากนัน้ จึงกำ�หนดเป้าหมายให้ทกุ ประเทศ ดำ�เนินการ ลดพื้นที่การปลูกพืชเสพติดลง ลดการลักลอบการค้า ยาเสพติด และการแพร่ระบาดของยาเสพติด รวมทั้ง กำ � หนดให้ มี ก ารจั ด ประชุ ม เจ้ า หน้ า ที่ อ าวุ โ สอาเซี ย น ด้านยาเสพติด (ASEAN Senior Officials on Drug Matters) ภายในภูมภิ าคขึน้ เป็นประจำ�ทุกปี เพือ่ ส่งเสริมความร่วมมือ ในการป้ อ งกั น แก้ ไขปั ญ หายาเสพติ ด และแสวงหา มาตรการใหม่ ๆ สำ�หรับใช้ป้องกัน ปราบปราม บำ�บัด รักษา การทำ�วิจัยและพัฒนาทางเลือก เพื่อการแก้ไข ปัญหายาเสพติดดังกล่าวอย่างยั่งยืนในระยะยาว
คุยเฟื่องเรื่องยุติธรรม
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมฯ
โดยในปี นี้ ประเทศไทยได้ รั บ เกี ย รติ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจ้าหน้าทีอ่ าวุโส อาเซียนด้านยาเสพติด ครัง้ ที่ 37 ขึน้ ระหว่าง วันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2559 ณ โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร อนึง่ ในการประชุมครัง้ นีม้ ี พลเอก ไพบูลย์ คุม้ ฉายา รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยุตธิ รรม เป็นประธานเปิดการประชุมฯ พร้อมด้วย พลเอก นิวตั ร มีนะโยธิน ผูช้ ว่ ยรัฐมนตรีประจำ� กระทรวงยุติธรรม และผู้แทนจากประเทศ กลุ่ ม อาเซี ย น 10 ประเทศ และประเทศ คู่เจรจา เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย สำ�นักเลขาธิการอาเซียน สำ�นักงานยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และหน่วยงานกลางด้านปราบปรามยาเสพติด สหรัฐอเมริกา (DEA) เข้าร่วมประชุม สำ�หรับหัวหน้าคณะผูแ้ ทนไทยทีเ่ ข้าร่วม ประชุมในครั้งนี้ คือ นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิ ก ารคณะกรรมการป้ อ งกั น และ ปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) วาระสำ�คัญของการประชุมฯ ได้แก่ 1) การหารื อ แผนปฏิ บั ติ ก ารอาเซี ย น ฉบับใหม่ 10 ปี “แผนปฏิบัติการอาเซียน เพือ่ ประชาคมอาเซียนปลอดภัยจากยาเสพติด ปี 2559 - 2568” ก่อนนำ�เสนอมติจริงอีกครัง้ ในทีป่ ระชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ทีจ่ ะจัดขึน้
ในเดือนตุลาคม 2559 ณ ประเทศสิงคโปร์ 2) แนวคิดการทำ�งานรูปแบบใหม่ของ อาเซียน เพื่อการต่อต้านปัญหายาเสพติด (การนำ�เสนอใหม่ การพิจารณาข้อเสนอ และ แนวคิดใหม่) 3) การรายงานผลการดำ � เนิ น งาน ด้านการป้องกัน ปราบปราม บำ�บัดและฟืน้ ฟู ผู้ติดยาเสพติด (การทำ�วิจัยและการพัฒนา ทางเลือก) 4) การเสริ ม สร้ า งความสามารถ ในการปฏิ บั ติ ง านร่ ว มกั น ของประเทศ สมาชิ ก อาเซี ย นต่ อ การสื บ สวน สอบสวน อาชญากรรมเกี่ยวกับยาเสพติดในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 5) การสร้ า งเครื อ ข่ า ยเพื่ อ ควบคุ ม สารและเคมีภัณฑ์ตั้งต้นในอาเซียน 6) การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ปราบปราม ยาเสพติดของประเทศสมาชิกอาเซียนและ ประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เพื่ อ รั บ มื อ กั บ การระบาดของสารกระตุ้ น ในกลุ่มแอมเฟตามีนและสารเสพติดอื่น ๆ 7) การฝึกอบรมบูรณาการระดับอาเซียน เพือ่ การป้องกัน ปราบปราม สกัดกัน้ ติดตาม และประเมินผลด้านยาเสพติด 8) การเตรี ย มความพร้ อ มในการ จัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 5 ณ ประเทศสิงคโปร์ Justice Magazine Ministry of Justice
27
คุยเฟื่องเรื่องยุติธรรม
พลเอก ไพบูลย์ฯ กล่าวว่าการประชุมฯ ในครั้ ง นี้ นั บ เป็ น การประชุ ม ก้ า วสำ � คั ญ เนื่ อ งจากเป็ น การประชุ ม เพื่ อ จั ด ทำ � แผน ปฏิ บั ติ ก ารระดั บ ภู มิ ภ าคสำ � หรั บ 10 ปี ข้างหน้า คือ ปี 2559-2568 ขณะเดียวกัน ในการประชุมฯ ครั้งนี้ ประชาคมอาเซียน ยังได้แสดงจุดยืนให้ประชาคมโลกเห็นด้วย ว่าอาเซียนได้รับเอาผลการประชุมสมัชชา สหประชาชาติ ส มั ย พิ เ ศษว่ า ด้ ว ยปั ญ หา ยาเสพติดโลก (UNGASS) 2016 เรื่องการ ดูแลสุขภาพ สาธารณสุขอาชีพ และการใช้ กฎหมายอย่ า งเหมาะสม มาปรั บ ใช้ เ ป็ น แนวคิดพื้นฐานและทิศทางในการจัดทำ�แผน ป้ อ งกั น และปราบปรามยาเสพติ ด ภายใน ภูมิภาคด้วย
28
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
นายศิ ริ น ทร์ ย า สิ ท ธิ ชั ย เลขาธิ ก าร ป.ป.ส. แถลงผลความคืบหน้าของการประชุมฯ ว่าทีป่ ระชุมได้รบั ฟังการรายงานความคืบหน้า กลไกย่ อ ยต่ า ง ๆ ที่ ดำ � เนิ น การอยู่ และ เพิ่งดำ�เนินการแล้วเสร็จในมาตรการต่าง ๆ ซึง่ ประเทศอาเซียนแต่ละประเทศได้ผลัดเปลีย่ น หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ อาทิ โครงการ สกัดกั้นยาเสพติด โครงการเฝ้าระวังปัญหา ยาเสพติดอาเซียน ภายใต้การสนับสนุนของ ไทยในโครงการ ASEAN-NARCO ที่ปัจจุบัน มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน ในการประชุมกลุ่มย่อย ตามกลุม่ มาตรการสำ�คัญต่าง ๆ ก็มคี วามคืบหน้า ด้วยดีเช่นกัน อาทิ
คุยเฟื่องเรื่องยุติธรรม
1) ด้านกลุ่มงานปราบปรามยาเสพติด ประเทศไทยในฐานะประธานกลุ่ ม ได้ ผ ลั ก ดั น ให้ทปี่ ระชุมเห็นชอบเพือ่ ร่วมมือกันแก้ปญ ั หาด้านอุปทาน ยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ� ให้ความสำ�คัญ กับการควบคุมสารตัง้ ต้นตามนโยบาย เฝ้าระวังและรับมือ กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดชาวแอฟริกันตะวันตก รวมทั้งระดม ความคิดเห็นและความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อาทิ ปัญหาวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ การซื้อขายยาเสพติดทางอินเทอร์เน็ต การตรวจสอบ และควบคุมพัสดุต้องสงสัย สนับสนุนการใช้ข้อมูลจาก การตรวจพิสูจน์ในการตรวจหาแหล่งที่มาของยาเสพติด และการนำ � เสนอโครงการฝึ ก อบรมให้ แ ก่ เจ้ า หน้ า ที่ ปราบปรามยาเสพติดของประเทศสมาชิกอาเซียนและ ประเทศคู่เจรจา (จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น) เป็นต้น
2) ด้านกลุ่มบำ�บัดและฟื้นฟูสมรรถภาพ ผูต้ ิดยาเสพติด มี ก ารหารื อ ถึ ง แนวทางการสนั บ สนุ น ทั้ ง ในส่ ว น ของงบประมาณและอุ ป กรณ์ ช่ ว ยเหลื อ ตามกำ � ลั ง ความสามารถ เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านการบำ�บัดและ ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดให้พัฒนามาตรฐานการ บำ�บัด รักษา ผู้ติดยาเสพติดตามแนวทางของ UNODC และ WHO รวมทัง้ พัฒนามาตรฐานศูนย์ฟนื้ ฟูสมรรถภาพ ผู้ ติ ด ยาเสพติ ด ด้ ว ยการใช้ แ นวทางของศาสนาและ ความเชื่อในการบำ�บัด และไม่เลือกปฏิบัติ โดยภาพรวมของผลการประชุ ม ฯ ในครั้ ง นี้ ประชาคมอาเซียนมีความคืบหน้าในการดำ�เนินงาน และประสบความสำ � เร็ จ อย่ า งมากในการประสาน ความร่วมมือระหว่างกัน เพือ่ ต่อสูแ้ ละดำ�เนินมาตรการ แก้ไขปัญหายาเสพติดภายในภูมิภาค ด้วยจุดมุ่งหมาย และจิตวิญญาณที่เป็นหนึ่งเดียวกัน คือ ร่วมกันแก้ไข ปัญหายาเสพติดอย่างยัง่ ยืน เพือ่ ให้หมดไปจากภูมภิ าค อาเซียนแห่งนี้ Justice Magazine Ministry of Justice
29
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
กองบรรณาธิการ
ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ พลเอก ประยุ ท ธ์ จั น ทร์ โ อชา นายกรั ฐ มนตรี เป็ น ประธานการประชุ ม คณะหั ว หน้ า ส่ ว นราชการ ระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครัง้ ที่ 4/2559 เพือ่ ติดตาม ความก้ า วหน้ า ภารกิ จ ส� ำ คั ญ และผลการด� ำ เนิ น งาน ตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อระดมความคิดเห็น ในการแก้ ไ ขปั ญ หาอุ ป สรรคการบริ ห ารราชการ ระหว่ า งหน่ ว ยงานให้ เ ป็ น ไปอย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ โดยมี น ายชาญเชาวน์ ไชยานุ กิ จ ปลั ด กระทรวง ยุติธรรม เข้าร่วมประชุมฯ ณ กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์
ประชุมหารือแนวทางแก้ปัญหาร้องเรียน เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้ต้องขัง นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ประชุมร่วมกับ ต�ำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และผู้แทนส�ำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนของผู้ต้องขังที่สืบเนื่องจาก กรณีการอายัดตัวจากพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือ ค่าจ้างทนายความ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตาม พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม พ.ศ.2558 แก่นางสาวจารุญา กล่อมเจริญ จ�ำนวน 200,000 บาท โดยมีนายเกิดโชค เกษมวงศ์จติ ร ผูเ้ ชีย่ วชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับ ข้อพิพาท กรมคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด กระทรวงยุตธิ รรมพืน้ ทีจ่ งั หวัดชลบุรี เข้าร่วมฯ ณ ศาลากลางจังหวัดชลบุรี
เปิดเวทีพัฒนาองค์ความรู้บุคลากรปฎิบัติงานด้านอาเซียน ส�ำนักงานปลัดกระทรวงยุตธิ รรม โดยส�ำนักพัฒนาบุคลากรกระทรวง ยุตธิ รรม จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนาความรูแ้ ละกรณีศกึ ษา ว่าด้วยกฎหมายทีเ่ กีย่ วข้องกับการปฏิบตั งิ านตามภารกิจประชาคมสังคม และวัฒนธรรมอาเซียน (Legal Aspects and Application in the ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC Legal) โดยได้รับเกียรติจาก นายวันชัย รุจนวงศ์ อัยการอาวุโส และผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการ อาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุม้ ครองสิทธิเด็กและสตรี บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “ภาพรวมของการคุม้ ครองสิทธิและสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ในบริบทของอาเซียนที่ด�ำเนินการในปัจจุบัน” นอกจากนี้ ยังได้จัดเวที การอภิปรายในหัวข้อ “ภาพสะท้อนทางกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิ และสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน ในมุมมองด้านสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน” โรงแรมเบสต์ เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ จังหวัดนนทบุรี
30
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
ยธ.ขับเคลื่อนการปรับปรุง แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ พลเอก ไพบูลย์ คุม้ ฉายา รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยุตธิ รรม เป็ น ประธานการประชุ ม คณะกรรมการปรั บ ปรุ ง แผนที่ แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ครั้งที่ 5/2559 เพื่อรับทราบผลการด�ำเนินงาน ของคณะอนุกรรมการฯ ด้านต่าง ๆ รวมถึงพิจารณารูปแบบ การน� ำ เสนอผลการปรั บ ปรุ ง แผนที่ แ นวเขตที่ ดิ น ของรั ฐ ฯ ที่เสร็จจากการพิจารณาของคณะกรรมการฯ เพื่อน�ำเสนอ ต่อคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 2 ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
ยธ.สนับสนุนการพัฒนางานวิจัย ขับเคลื่อนระบบงานสู่ปชช.ฐานราก นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ต้อนรับ คณะท�ำงานวิจัยส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เนื่องใน โอกาสเข้าพบเพื่อหารือการขับเคลื่อนระบบงานยุติธรรมเพื่อลด ความเหลื่อมล�้ำ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิด ผ่านงานวิจยั ต่อการด�ำเนินการของกระทรวงยุตธิ รรม และหน่วยงาน ในกระบวนการยุ ติ ธ รรม โดยมี ศ าสตราจารย์ สุ ริ ชั ย หวั น แก้ ว ผอ.ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาฯ พร้อมหน่วยงาน ภาคีที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมฯ ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 2 ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
ยธ.เร่งพัฒนาศักยภาพ ศูนย์ยธ.ชุมชน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพของประธาน และเลขานุการศูนย์ยุติธรรมชุมชน เพื่อเปิดเวทีให้กับ ประธานและเลขาฯ ศู น ย์ ยุ ติ ธ รรมชุ ม ชนทุ ก ต� ำ บล มี โ อกาสแลกเปลี่ ย น เรี ย นรู ้ เ รื่ อ งการขั บ เคลื่ อ น ศู น ย์ ยุ ติ ธ รรมชุ ม ชนใน จ.พิ ษ ณุ โ ลก และร่ ว มกั น เสนอแนะแนวทางส�ำคัญในการขับเคลือ่ นงานดังกล่าว ให้ เ ป็ น รู ป ธรรม โดยเฉพาะการด� ำ เนิ น งานอ� ำ นวย ความยุ ติธ รรมเพื่อลดความเหลื่อมล�้ำให้ป ระชาชน ณ โรงแรมวังจันทร์ริเวอร์วิว จังหวัดพิษณุโลก Justice Magazine Ministry of Justice
31
คนยุติธรรม
กองบรรณาธิการ
การพัฒนา
กฎหมาย และ
กระบวนการยุติธรรม ในมิติของสำ�นักงานกิจการยุติธรรม
สำ�นักงานกิจการยุติธรรม หรือ สกธ. คืออะไร? มีบทบาทหน้าที่อย่างไร? คอลัมน์คนยุติธรรมฉบับนี้ มีโอกาสพูดคุยกับนายวัลลภ นาคบัว ผู้อำ�นวยการ สำ�นักงานกิจการยุติธรรม (สกธ.) เพื่อตอบคำ�ถาม เกี่ยวกับสกธ. ทั้งบทบาท หน้าที่ การดำ�เนินงาน และการขับเคลื่อนนโยบายในด้านการพัฒนาต่าง ๆ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ดังนี้ นายวัลลภฯ เริ่มอธิบายถึงสำ�นักงานกิจการยุติธรรม หรือ สกธ. ว่า เป็นหน่วยงานกลางที่ทำ�หน้าที่เชิงวิชาการ เพื่อสนับสนุนและพัฒนาเกี่ยวกับกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรมทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งเริ่มดำ�เนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2545 บทบาทหน้ า ที่ สำ � คั ญ ของ สกธ. คื อ การขั บ เคลื่ อ น นโยบายการพั ฒ นากฎหมายและกระบวนการยุ ติ ธ รรม เพื่ อ นำ � ไปสู่ ก ารพั ฒ นากฎหมายของประเทศให้ ทั น สมั ย และมี ก ลไกบั ง คั บ ใช้ อ ย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพสู ง สุ ด รวมทั้ ง ประสานความร่ ว มมื อ กั บ หน่ ว ยงานต่ า ง ๆ จำ � นวนมาก ในกระบวนการยุติธรรม เพื่ออำ�นวยความยุติธรรมให้แก่ ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทัง้ ยังต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนรับรู้ เข้าถึง กระบวนการ ร่างกฎหมาย สร้างความเข้าใจในการปฏิบตั ติ นภายใต้กฎหมาย อย่างถูกต้อง และลดการกระทำ�ผิดกฎหมายของประชาชน ในท้ายทีส่ ดุ ทีผ่ า่ นมา สกธ. ดำ�เนินงานตามนโยบายสำ�คัญในการพัฒนา กฎหมายและกระบวนการยุตธิ รรมของกระทรวงยุตธิ รรม ดังนี้
32
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
คนยุติธรรม
มิติด้านการป้องกัน
คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ได้กำ�หนดยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทกระบวนการยุติธรรมแห่งชาติ คือ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน เน้นการป้องกัน อาชญากรรม และสร้างการมีสว่ นร่วมของประชาชนและชุมชนต่าง ๆ พยายามนำ�ความยุติธรรมไปสู่ประชาชน ผ่านกลไกยุติธรรมจังหวัด และยุติธรรมชุมชน ขณะเดียวกัน เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมได้ให้ความสำ�คัญ กั บ การพั ฒ นากระบวนการยุ ติ ธ รรมให้ มี ค วามคล่ อ งตั ว ขึ้ น คือ ให้นำ�คดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกระแสหลักเท่าที่จำ�เป็น และใช้ ก ระบวนการไกล่ เ กลี่ ย ในกระบวนการยุ ติ ธ รรมทางเลื อ ก มากขึ้ น โดยคำ � นึ ง ถึ ง ผู้ เ กี่ ย วข้ อ งเสมอว่ า ต้ อ งไม่ ไ ด้ รั บ ผลกระทบ ขณะที่สังคมก็ต้องปลอดภัยด้วย อาทิ ให้กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติดำ�เนินการปรับปรุง กฎหมายที่ เ กี่ ย วข้ อ ง เพื่ อ ปรั บ เปลี่ ย นวิ ธี คิ ด ให้ ป ระชาชนเรี ย นรู้ และมี ส่ว นร่ ว มไปพร้ อ มกั น กั บ กระทรวงยุ ติธ รรม โดยมี สกธ. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการดำ�เนินงานอย่างเป็นระบบ และประสานงานกับทุกหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น
มิติด้านกฎหมาย ดำ�เนินการปรับปรุง 3 ด้าน
1. ปรับปรุงกฎหมายให้มคี ณ ุ ภาพ ทันสมัย สอดคล้องกับพลวัต ที่ เ ปลี่ ย นไปของประเทศ สอดคล้ อ งกั บ รั ฐ ธรรมนู ญ ใหม่ ทั้ ง นี้ิ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับลงประชามติ มาตรา 77 ให้ ค วามสำ � คั ญ กั บ การตรากฎหมายทุ ก ฉบั บ ว่ า ต้ อ งเน้ น การมี ส่ ว นร่ ว ม ต้ อ งเปิ ด โอกาสให้ ผู้ มี ส่ ว นได้ ส่ ว นเสี ย มี โ อกาส แสดงความคิดเห็น และต้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก
กฎหมาย (Regulatory Impact Assessment –RIA) อย่างรอบด้าน และเป็นระบบ กพยช. จึงได้จัดตั้งอนุกรรมการกฎหมายเฉพาะขึ้น เพื่ อ เป็ น แนวทางแก่ ทุ ก หน่ ว ยงานในการศึ ก ษาสภาพแวดล้ อ ม และพัฒนากฎหมายของตนเอง ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เร่งสร้างกลไก หรือเครือ่ งมือทีส่ �ำ คัญให้แก่นกั กฎหมาย โดยให้นกั กฎหมายมีสว่ นร่วม มากขึ้น มีกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบที่เคร่งครัด มีกลไกที่ สามารถทบทวนตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน เพื่อความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของกฎหมายในอนาคต เป็นต้น 2. การบังคับใช้กฎหมาย แม้กฎหมายจะดีอย่างไร แต่หาก หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย (Law enforcement) ขาดความรู้ ความเข้าใจในการบังคับใช้กฎหมายแล้ว ผลที่เกิดขึ้นตามมาย่อม ไร้ประสิทธิภาพ กพยช. จึงเริ่มวางแผนพัฒนาความรู้ความเข้าใจ แก่ เจ้ า หน้ า ที่ รั ฐ ผ่ า นการฝึ ก อบรมที่ เ ปี่ ย มประสิ ท ธิ ภ าพมากขึ้ น และเตรียมแผนพัฒนาการรองรับกฎหมายใหม่แต่ละฉบับ เป็นต้น 3. สร้างความรู้ความเข้าใจแก่กลุ่มผู้ถูกบังคับใช้กฎหมาย โดยดำ � เนิ น นโยบายให้ ทุ ก หน่ ว ยงานสร้ า งการรั บ รู้ เรื่ อ งกฎหมาย แก่ประชาชนเพือ่ สร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ มิใช่การประชาสัมพันธ์ เพื่อทราบเท่านั้น อนึ่ง สกธ. เริ่มขับเคลื่อนการดำ�เนินงานในส่วนนี้ ไว้หลายเรื่อง ได้แก่ Justice Magazine Ministry of Justice
33
คนยุติธรรม
หนึ่งในภารกิจสำ�คัญของ สกธ. คือ การสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้ กั บ ประชาชนที่ ต้ อ งการทราบข้ อ กฎหมาย หรื อ ความรู้ ด้านกฎหมาย ทำ�ให้เข้าถึงง่ายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย
หลายประเด็น อาทิ การจัดทำ�งบบูรณาการด้านกระบวนการยุตธิ รรม ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ พัฒนาแนวทางการป้องกันอาชญากรรม เพือ่ เป็นกรอบการทำ�งานของหน่วยงานด้านการป้องกันอาชญากรรม รวม 6 ด้าน อาทิ ป้องกันอาชญากรรมโดยสภาพแวดล้อม ป้องกัน อาชญากรรมโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ป้องกันอาชญากรรม ด้ ว ยการป้ อ งกั น การกระทำ � ผิ ด ซํ้ า ป้ อ งกั น อาชญากรรมโดยการ เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสกระทำ�ผิด เป็นต้น ด้าน สกธ. ได้เสนอให้ปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับ โดยจัดประชุม ระดมความคิดเห็น สกัดเป็นข้อสรุปและข้อเสนอแนะ เพื่อนำ�เสนอสู่ คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป สำ�หรับการดำ�เนินงานพัฒนาศูนย์แลกเปลีย่ นข้อมูลกระบวนการ ยุติธรรม (Data Exchange Center : DXC) นายวัลลภฯ เล่าเสริมว่า DXC คือ ระบบแลกเปลีย่ นข้อมูลด้านกระบวนการยุตธิ รรม เกิดขึน้ จาก แนวคิดที่ว่า เมื่อคนหนึ่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คือ เริ่มตั้งแต่ ตำ�รวจเข้าจับกุม สแกนลายนิ้วมือ มีหลักฐานเป็นเลข 13 หลักที่มี ข้อมูลประวัตสิ ว่ นบุคคล กระบวนการยุตธิ รรมได้เริม่ ขึน้ ตัง้ แต่ต�ำ รวจ ต่อเนื่องไปยังสำ�นักงานอัยการ ไปศาล สู่เรือนจำ� ดังนั้น จึงควรจะมี ระบบกลางสำ�หรับแลกเปลี่ยนข้อมูลเฉพาะตัวบุคคลที่ปลอดภัย มิติด้านกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมา กพยช. ได้ขับเคลื่อนและดำ�เนินการเรื่องนี้ไปแล้ว และหน่ ว ยงานของรั ฐ สามารถเข้ า ถึ ง ข้ อ มู ล ร่ ว มกั น ได้ สำ � หรั บ 3.1 จัดตั้งคณะอนุกรรมการกำ�หนดนโยบายขับเคลื่อนและ สร้างการรับรู้ด้านกฎหมาย ที่พร้อมสร้างการรับรู้เผยแพร่กฎหมาย ตามกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน อาทิ กฎหมายสำ�หรับเยาวชนหรือ กฎหมายที่สื่อมวลชนควรทราบ 3.2 กำ�หนดวิธีการหรือสื่อที่จะใช้สื่อสารกับประชาชน โดยมี เป้าหมายว่าประชาชนไม่จำ�เป็นต้องการทราบกฎหมายตลอดเวลา แต่ต้องการทราบเมื่อมีความจำ�เป็นหรือมีปัญหาที่ต้องใช้กฎหมาย อาทิ สร้างแพลตฟอร์มหรือฐานข้อมูลกลางแก่ประชาชนที่ต้องการ ทราบข้อกฎหมายหรือความรู้ด้านกฎหมายที่เข้าถึงง่ายด้วยภาษา ที่เข้าใจง่าย, ประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพิ่มเติม หลักสูตรเกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้น เพื่อให้เยาวชนได้รับความรู้ ด้านกฎหมายและการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมากขึ้น รวมทั้ง จัดโครงการ “Did you know? รู้หรือไม่” โดยออกประชาสัมพันธ์ (Road Show) ตามมหาวิทยาลัยและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้าง องค์ ค วามรู้ ด้ า นกฎหมายและกระบวนการยุ ติ ธ รรมสู่ ป ระชาชน ซึ่งได้รับความสนใจมากมาย
34
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
คนยุติธรรม
ระบบ DXC ได้รับรางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติ ประจำ�ปี พ.ศ. 2559 จากสำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ประเภท รางวัลการพัฒนาการบริการที่เป็นเลิศระดับดี ปัจจุบัน DXC มีฐานข้อมูล 18 ฐาน จากความร่วมมือของ 19 หน่ ว ยงาน อาทิ ฐานข้ อ มู ล ทะเบี ย นราษฎร ข้ อ มู ล ประวั ติ การกระทำ�ความผิด ข้อมูลกรมคุมประพฤติ ข้อมูลกรมราชทัณฑ์ เป็นต้น ในอนาคต สกธ. กำ�ลังพัฒนาระบบทีเ่ รียกว่า National Single Window on Justice ขึ้น เพื่อเพิ่มเติมการให้บริการ คือ นอกจากสามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลได้แล้ว ยังสามารถแลกเปลี่ยนบริการบางอย่าง และประมวลผลข้อมูลบางอย่างเพิ่มได้ อาทิ กรณีมีผู้กระทำ�ผิดซํ้า ก็จะสามารถค้นหาในฐานข้อมูลนี้ได้ เป็นต้น สิ่งสำ�คัญอีกประการหนึ่งคือ การวัดประสิทธิภาพการให้บริการ ของกระบวนการยุตธิ รรม ซึง่ สกธ. โดยศูนย์พฒ ั นาข้อมูลกระบวนการ ยุ ติ ธ รรม เป็ น ผู้ จั ด ทำ � ดั ช นี ชี้ วั ด ความปลอดภั ย ในชี วิ ต ทรั พ ย์ สิ น และการเข้าถึงความยุติธรรม (Justice Index) ซึ่งได้ดำ�เนินการ ตามหลั ก มาตรฐานสากลอ้ า งอิ ง ตามมาตรฐานของดั ช นี ชี้ วั ด ความยุติธรรมนานาชาติของ World Justice Index และดัชนีชี้วัด หลั ก นิ ติ ธ รรม (Rule of law Indicator) โดยวั ด สถานการณ์ กระบวนการยุติธรรมใน 8 ด้าน ได้แก่ 1) ความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน 2) ความหวาดกลัวภัยของประชาชน 3) ประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของกระบวนการยุติธรรม 4) การเข้าถึงกระบวนการ ยุติธรรม 5) หลักประกันสิทธิเสรีภาพและการอำ�นวยความยุติธรรม 6) การปฏิบตั ติ อ่ ผูก้ ระทำ�ผิด 7) ความพึงพอใจต่องานในกระบวนการ ยุติธรรม และ 8) ช่องทางกลไกระงับข้อพิพาทของประชาชน ทั้งนี้ การจัดทำ�ดัชนีช้วี ัดดังกล่าวจะเป็นเหมือนเข็มทิศที่จะกำ�หนดทิศทาง
ของกระบวนการยุตธิ รรมให้มคี วามชัดเจนและเป็นรูปธรรม เพือ่ ขับเคลือ่ น ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมสามารถนำ�ไปสู่การปฏิบัติ เพื่ อ พั ฒ นาและปรั บ ปรุ ง กระบวนการยุ ติ ธ รรมของประเทศไทย ให้ มี ค วามเป็ น ธรรมต่ อ ประชาชนผู้ เ ดื อ ดร้ อ น รวมถึ ง ช่ ว ยเหลื อ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความยุตธิ รรมได้อย่างทัว่ ถึงและเท่าเทียม นายวัลลภฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า เนื่องจาก สกธ. เป็นองค์กรหลัก ในการขั บ เคลื่ อ นนโยบายการพั ฒ นากฎหมายและกระบวนการ ยุ ติ ธ รรมของประเทศ จึ ง จำ � เป็ น ต้ อ งสร้ า งระบบพั ฒ นาบุ ค ลากร พัฒนากระบวนการยุติธรรม ป้องกันอาชญากรรมอย่างเป็นรูปธรรม และให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ทีผ่ า่ นมา สกธ.ดำ�เนินงาน มาอย่างต่อเนื่องและเริ่มเห็นผลงานเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว ในอนาคต สกธ. พร้อมทีจ่ ะระดมทรัพยากรทัง้ หมดของหน่วยงาน สร้างเครือข่าย เพื่อนำ�พาภารกิจของหน่วยงานให้สำ�เร็จต่อไป อย่ า งไรก็ ต าม ในการก้ า วไปสู่ ค วามสำ � เร็ จ ขององค์ ก ร ตนมีแนวคิดในการทำ�งานส่วนตัวที่หยิบยืมมาจากแนวคิดของ สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นั่นก็คือ “คนสำ�ราญ งานสำ�เร็จ” ด้วยเชื่อมั่นว่าองค์กรใด ๆ จะก้าวไปสู่ ความสำ � เร็ จ ได้ นั้ น ต้ อ งเริ่ ม จากบุ ค ลากรที่ มี ค วามสุ ข เบื้ อ งต้ น 8 ประการในการทำ�งาน (Happy 8) และเมือ่ ทุกคนคิดว่าทีท่ �ำ งาน คือบ้าน เพื่อนร่วมงานคือครอบครัว การร่วมแรงร่วมใจกันทำ�งาน ก็จะนำ�พาความสำ�เร็จมาสูอ่ งค์กรของเรา มาสู่ สกธ. ในท้ายทีส่ ดุ Justice Magazine Ministry of Justice
35
คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ
36
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นางอัมพวรรณ จรเด่น นักวิชาการยุติธรรมชำ�นาญการ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ
สิทธิมนุษยชน
ปัญหาระดับชาติที่ทุกคนต้องช่วยกัน... ถึงเวลาหรือยัง ที่จะยกระดับเป็น
วาระแห่งชาติ?
ทีผ่ า่ นมาประเทศไทยมีพฒ ั นาการด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนือ่ ง ทัง้ การจัดตัง้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและองค์กรอิสระต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิการมี ส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการทางการเมือง และสิทธิของชุมชนในการมีสว่ นร่วมพัฒนา ขจัดการเลือกปฏิบัติและมาตรการส่งเสริมความเสมอภาค ประเทศไทยได้มกี ารนำ�เรือ่ งสิทธิมนุษยชนบัญญัตไิ ว้ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี 2540 ปี 2550 และฉบับชั่วคราว ปี 2557 รวมทั้งยุทธศาสตร์ที่บรรจุ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ตลอดจนยุ ท ธศาสตร์ ป ระเทศ และยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปี 2558 โดยทั้ ง หมดล้ ว นเกี่ ย วข้ อ งกั บ การสร้ า งโอกาสในการ เข้าถึงที่เป็นธรรม ความเสมอภาค และความเท่าเทียม ซึง่ เป็นสิง่ ทีป่ ระชาคมระหว่างประเทศและสหประชาชาติ ตระหนักถึงเป็นอย่างยิ่ง การดำ�เนินงานในเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ทีผ่ า่ นมา ทำ�ให้นานาประเทศให้การยอมรับว่าประเทศไทย มี พั ฒ นาการเชิ ง บวกในการส่ ง เสริ ม และคุ้ ม ครอง สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนที่ ร วดเร็ ว และก้ า วหน้ า ประเทศหนึ่ ง อย่างไรก็ตาม กรมคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพ หน่วยงานหลัก ในการดู แ ลเรื่ อ งดั ง กล่ า ว พบว่ า ปั ญ หาการละเมิ ด สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนในประเทศไทยยั ง คงขยายตั ว ไปอย่ า ง กว้างขวางในทุกมิติและทุกพื้นที่
ด้วยเหตุทป่ี ญั หาการละเมิดสิทธิ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ เชื่ อ มโยงกั น อย่ า งซั บ ซ้ อ นและมี ค วามสั ม พั น ธ์ กั บ สิทธิขนั้ พืน้ ฐานของบุคคลและชุมชน ส่งผลให้เกิดประเด็น ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนอีกหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการค้ามนุษย์ สิทธิชุมชน สิทธิในที่ดิน สิทธิของ บุ ค คลหลากหลายทางเพศ สิ ท ธิ ข องกลุ่ ม ชาติ พั น ธุ์ และสถานะบุ ค คล ปั ญ หาการละเมิ ด สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชน ในพืน้ ทีจ่ งั หวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการบังคับให้บคุ คล สูญหาย (อุม้ หาย) สือ่ กับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ปัญหา การละเมิดสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติ ปัญหา สิทธิของคนพิการ สิทธิในชีวิตกับโทษประหารชีวิต ทีผ่ า่ นมา กรมคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพ ได้รบั มอบหมาย จากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานกลางประสานการขับเคลือ่ น แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อันเป็นกลไกหนึ่งในการ นำ � ประเด็ น ด้ า นสิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนไปกำ �หนดแผนปฏิ บั ติ ของหน่วยงานภาครัฐในระดับนโยบายและหน่วยปฏิบัติ ระดับจังหวัด ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างปฏิบัติตามแผน สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3
Justice Magazine Ministry of Justice
37
คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ
ในฐานะหน่วยงานกลางของรัฐ กรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ ยังมีภารกิจสำ�คัญในการส่งเสริมให้ทุกคน มีความรู้เรื่องสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ดำ�เนินการ ให้ได้รับการคุ้มครองและมีหลักประกันด้านสิทธิจากรัฐ อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม พัฒนาระบบงาน ด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ในภาพรวมให้มคี วามก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาประเทศ พัฒนานวัตกรรมกลไกการส่งเสริมคุม้ ครองสิทธิเสรีภาพและ สิทธิมนุษยชนให้เป็นสากล ทันต่อการเปลีย่ นแปลงสูส่ งั คม พหุวฒ ั นธรรม ตลอดจนการสร้างขีดความสามารถองค์กร เพื่ อ รองรั บ ประชาคมอาเซี ย นและประชาคมโลก ในอนาคต เพือ่ ความยุตธิ รรมบนพืน้ ฐานของสิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน พร้อมก้าวสู่มิติใหม่ในการอำ�นวย ความยุติธรรมและให้ประชาชนทุกคนได้รับการคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน เห็นความสำ�คัญกับเคารพสิทธิของผู้อื่น ลดการกระทำ� ทีเ่ ป็นการละเมิดสิทธิ นำ�ไปสูค่ ณ ุ ภาพชีวติ ทีด่ ขี องประชาชน ช่วยส่งผลต่อภาพลักษณ์ทดี่ ขี องประเทศไทยต่อสังคมโลก จากการประเมินผลตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
38
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ฉบับทีผ่ า่ นมา พบว่า สังคมไทยเริม่ เห็นความสำ�คัญของการ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชน และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งยังมีแนวโน้ม ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก และในช่วง 5 ปีนับจากนี้ กระทรวง ยุตธิ รรมและกรมคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพมีความคาดหวัง ในการพัฒนากลไกการขับเคลื่อนและยกระดับประเด็น ด้านสิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชนสู่วาระแห่งชาติ ให้ สำ � เร็ จ ตามห้ ว งเวลาของยุ ท ธศาสตร์ ช าติ 20 ปี เพราะที่ผ่านมาแนวทางการดำ�เนินงานของหน่วยงาน ปฏิบัติต่าง ๆ ยังไม่สอดคล้องกัน การสนับสนุนจาก ฝ่ายการเมืองมีน้อยและไม่ต่อเนื่อง รวมถึงทรัพยากร ด้านงบประมาณและบุคลากรยังไม่เพียงพอ ทั้ ง หมดนี้ นั บ เป็ น สิ่ ง สำ � คั ญ ที่ ป ระชาชนทุ ก คน ควรตระหนัก และมีความเหมาะสมที่จะถูกยกเป็น วาระแห่งชาติ ให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ธุรกิจเอกชน องค์กรเอกชน องค์กรภาคประชาสังคมและชุมชน ตลอดจนประชาชนไทยทุกคนได้หันมาร่วมแรง ร่วมใจ กันทำ�งานและเคารพในสิทธิและหน้าที่เพื่อลดปัญหา การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นทุกรูปแบบ
กำ�แพงมิอาจกั้น
กองบรรณาธิการ
เปิดโลกสัปดาห์กระบวนการ
ยุติธรรมเด็กและเยาวชนสู่มิติใหม่ “โครงการสัปดาห์กระบวนการยุตธิ รรม เด็ ก และเยาวชนสู่ มิ ติ ใ หม่ ” คื อ เวที แห่ ง การพัฒนาศักยภาพ แลกเปลี่ยน ความรู้ แ ล ะ มุ่ ง พั ฒ น า บุ ค ล า ก ร ที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ กระบวนการยุ ติ ธ รรม เด็กและเยาวชนของไทยให้เป็นไปตาม มาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยให้เด็กและ เยาวชนทีเ่ คยกระทำ�ผิดสามารถกลับมา อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
กรมพิ นิจ และคุ้ม ครองเด็ ก และเยาวชน กระทรวงยุ ติธ รรม หน่วยงานผูพ้ ทิ กั ษ์คมุ้ ครองสิทธิและสวัสดิภาพเด็กและเยาวชนทีเ่ ข้าสู่ กระบวนการยุติธรรม ผู้ดำ�เนินงานด้านคดี การป้องกัน บำ�บัด แก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาและสงเคราะห์เด็กและเยาวชนเพื่อส่งคืนสู่ครอบครัว และชุมชนอย่างปกติสุข และสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ให้ เ กิ ด ขึ้ น แก่ เ ด็ ก และเยาวชน จั ด โครงการสั ป ดาห์ ก ระบวนการ ยุตธิ รรมเด็กและเยาวชนสูม่ ติ ใิ หม่ขนึ้ เมือ่ วันที่ 14-16 กันยายน 2559 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำ�เสนอผลการดำ�เนินงาน อาทิ การพัฒนา ศั ก ยภาพ แนวคิ ด ความรู้ ในการปฏิ บั ติ ต่ อ เด็ ก และเยาวชน ในกระบวนการยุตธิ รรมตามมาตรฐานสากล สร้างเวทีแลกเปลีย่ นความรู้ ประสบการณ์ แก่กลุม่ บุคลากรทีท่ �ำ งานดังกล่าว และผสานความร่วมมือ ในการพัฒนานโยบายและยกระดับการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของไทยสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น Justice Magazine Ministry of Justice
39
กำ�แพงมิอาจกั้น
ในการนี้มีศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฎ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินจิ และคุม้ ครองเด็กและเยาวชน เป็นประธาน เปิดงานฯ รวมทั้งมีบุคคลสำ�คัญต่าง ๆ ร่วมงานมากมาย ได้แก่ คุณอาเล็ก จรรยาทรัพย์กิจ อธิบดีผู้พิพากษา ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง คุณศิลป์ชัย คณาวุฒิ อธิ บ ดี อั ย การสำ � นั ก งานคดี เ ยาวชนและครอบครั ว ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผูอ้ �ำ นวยการสถาบันเพือ่ การยุตธิ รรม แห่ ง ประเทศไทย (TIJ) คุ ณ นภา เศรษฐกร อธิ บ ดี กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ Mr.Thomas Davin ผู้แทน องค์กรทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ประจำ� ประเทศไทย พ.ต.ท. ปฏิศาสตร์ ศรีมณฑา รอง ผกก.ดส. และ ร.ต.อ. ประดิษฐ์ ประเสริฐสังข์ รอง สว.กก.ดส. ผู้กำ�กับกองกำ�กับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการทักษะของเด็ก และเยาวชนในด้านวิชาการและทักษะวิชาชีพ การจัดแสดง สินค้าของศูนย์จำ�หน่ายผลิตภัณฑ์ฝีมือเด็กและเยาวชน (DJOP CENTER) และกิจกรรมการเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชน การบำ�บัดแก้ไขฟื้นฟูและการส่งคืนเด็กดีสู่กระบวนการ ยุตธิ รรม อาทิ เสวนาเรือ่ ง “ทิศทางการพัฒนากระบวนการ ยุติธรรมเด็กและเยาวชนของประเทศไทย” เป็นต้น
40
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
กำ�แพงมิอาจกั้น
ศ. (พิเศษ) วิศิษฎ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นำ�ผู้แทน UNICEF เยี่ยมชมการจัดแสดงนิทรรศการทักษะของเด็กและเยาวชน และสินค้าของศูนย์จำ�หน่ายผลิตภัณฑ์ฝีมือเด็กและเยาวชน (DJOP CENTER)
โดย ศ. (พิ เ ศษ) วิ ศิ ษ ฎ์ วิ ศิ ษ ฏ์ ส รอรรถ อธิ บ ดี ก รมพิ นิ จ แ ล ะ คุ้ ม ค ร อ ง เ ด็ ก แ ล ะ เ ย า ว ช น ใ ห้ สั ม ภ า ษ ณ์ ใ น ง า น ว่ า กรมพิ นิ จ ฯ ขั บ เคลื่ อ นงานด้ า นการฟื้ น ฟู เ ด็ ก และเยาวชน มาโดยตลอด ขณะเดี ย วกั น ก็ ใ ห้ ค วามสำ � คั ญ กั บ การทำ � งาน ในเชิ ง ป้ อ งกั น เด็ ก และเยาวชนเข้ า สู่ ก ระบวนการยุ ติ ธ รรมด้ ว ย สำ�หรับโครงการฯ ในครั้งนี้จัดขึ้นโดยได้รับความร่วมมือระหว่าง กรมพินิจฯ กับ UNICEF เพื่อเป็นเวทีกลางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ แ ลกเปลี่ ย นประสบการณ์ สภาพปั ญ หา และร่ ว มกำ � หนด แนวทางปฏิ บั ติ ที่ ดี ใ นการดู แ ลเด็ ก และเยาวชน รวมทั้ ง พั ฒ นา ปรั บ ปรุ ง ระบบการปฏิ บั ติ ต่ อ เด็ ก และเยาวชนในกระบวนการ ยุติธรรมให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ด้ า น Mr.Thomas ผู้ แ ทนจาก UNICEF ให้ สั ม ภาษณ์ ว่ า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ปัจจุบันระบบการทำ�งานกระบวนการยุติธรรม เด็ ก และเยาวชนของไทยพั ฒ นาไปในทิ ศ ทางที่ ดี ขึ้ น ทั้ ง ยั ง สอดคล้องกับหลักการของ UNICEF กล่าวคือให้ความสำ�คัญกับ “แนวทางการป้ อ งกั น ”เพื่ อ ไม่ ใ ห้ เ ด็ ก และเยาวชนเข้ า ไปยุ่ ง เกี่ ย ว
Mr.Thomas Davin ผู้แทนองค์กรทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF)
กั บ ยาเสพติ ด หรื อ สิ่ ง ผิ ด กฎหมาย โดยทำ � งานร่ ว มกั บ ครอบครั ว โรงเรียนสถาบันของเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด และสามารถ สร้ า งพื้ น ฐานที่ ดี ใ ห้ แ ก่ เ ด็ ก และเยาวชน ไม่ ใ ห้ มี พ ฤติ ก รรม ทีร่ นุ แรงและเสีย่ งต่อการก่ออาชญากรรม ทัง้ ยังสามารถให้ความช่วย เหลือเด็กและเยาวชนที่เคยทำ�ผิดให้กลับมาอยู่ในสังคมได้อีกด้วย ด้านพลตำ�รวจโท ปฏิศาสตร์ ศรีมณฑา รอง ผกก.ดส. กล่าวว่า ในด้านงานพัฒนากระบวนการยุติธรรมและสถานการณ์ความเสี่ยง ของเด็กและเยาวชน ตำ�รวจจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว อย่างทันท่วงที ภายใต้พ.ร.บ. กฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกระบวนการยุตธิ รรมทีค่ รอบคลุม ทัง้ ยังมีหน้าทีส่ �ำ คัญในการช่วย ยั บ ยั้ ง มิ ใ ห้ เ ด็ ก และเยาวชนกระทำ � ความผิ ด หรื อ ข้ อ งเกี่ ย วกั บ สิ่งผิดกฎหมาย หรือสร้างความรุนแรงทำ�ร้ายร่างกายผู้อื่น อนึ่ ง กรมพิ นิ จ ฯ คาดหวั ง ว่ า โครงการดั ง กล่ า วนี้ จ ะมี ส่ ว นช่ ว ยในการขยายความร่ ว มมื อ การพั ฒ นาและยกระดั บ การปฏิ บั ติ ต่ อ เด็ ก และเยาวชนที่ เข้ า สู่ ก ระบวนการยุ ติ ธ รรม ของประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลต่อไปในอนาคต Justice Magazine Ministry of Justice
41
ยุติธรรมเพื่อประชาชน
กองบรรณาธิการ
กองทุนยุติธรรม
กับการให้ ความช่วยเหลือ ประชาชน กองทุนยุติธรรมถูกจัดตั้งขึ้น โดยพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2558 มาตรา 5 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้น กองทุนหนึ่งในสำ�นักงานปลัดกระทรวง ยุติธรรมเรียกว่า “กองทุนยุติธรรม” กองทุนยุตธิ รรม มีฐานะเป็นนิตบิ คุ คล มีวตั ถุประสงค์ เพือ่ เป็นแหล่งเงินทุนสำ�หรับใช้จา่ ยเกีย่ วกับการช่วยเหลือ ประชาชนในการดำ�เนินคดี การขอปล่อยชัว่ คราวผูต้ อ้ งหา หรือจำ�เลย การถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และการให้ ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน โดยพระราชบั ญ ญั ติ ก องทุ น ยุ ติ ธ รรมได้ ป ระกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 และ มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2559
กองทุนยุติธรรมให้ความช่วยเหลือประชาชน ใน 4 กรณี ได้แก่
1. การช่วยเหลือประชาชนในการดำ�เนินคดี 2. การขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำ�เลย 3. การช่ ว ยเหลื อ ผู้ ถู ก ละเมิ ด สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนหรื อ ผูไ้ ด้รบั ผลกระทบจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน 4. การให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน
ตารางแสดงผลการดำ�เนินงาน กองทุนยุติธรรม ปีงบประมาณ 2551 – 2559 สถิติการให้ความช่วยเหลือ อนุมัติ ไม่อนุมัติ ยุติเรื่อง ระหว่างดำ�เนินการ รวม
8,794 ราย 6,675 ราย 3,898 ราย 2,243 ราย 21,610 ราย
40.69% 30.89% 18.04% 10.38%
รวมเป็นจำ�นวนเงินทั้งสิ้น 572,822,122.27 บาท
42
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ยุติธรรมเพื่อประชาชน
ในปัจจุบันกองทุนยุติธรรมมีกฎหมาย อยู่ทั้งหมด 6 ฉบับ ได้แก่
1 พระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2558 2 ระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงือ่ นไข ในการช่วยเหลือประชาชนในการดําเนินคดี พ.ศ. 2559 3. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือ จําเลย พ.ศ. 2559 4. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงือ่ นไข ในการช่วยเหลือผูถ้ กู ละเมิดสิทธิมนุษยชน หรื อ ผู้ ไ ด้ รั บ ผลกระทบจากการถู ก ละเมิ ด สิ ท ธิ ม นุ ษ ยชน พ.ศ. 2559 5. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขอรับความช่วยเหลือและการ ให้การสนับสนุน การให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน พ.ศ. 2559 6. ระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมว่าด้วยการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินของกองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2559
สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือ จากกองทุนยุติธรรมได้ที่
99/42 หมู่ 4 อาคารซอฟต์ แ วร์ ป าร์ ค ชั้น 22 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำ�บลคลองเกลือ อำ�เภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือ สำ�นักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด โทร 0-2502-6246, 0-2502-6318
ติดต่อข่าวสารจากกองทุนยุติธรรมได้ที่
http://www.jfo.moj.go.th หรือทางเฟซบุ๊ก โดยค้นหาคำ�ว่า กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม Justice Magazine Ministry of Justice
43
นายมนินธ์ สุทธิวัฒนานิติ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำ�นาญการ สำ�นักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำ�นักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
คน เงิน แผน
MR. Reform
กลไกขับเคลื่อนการปฏิรูป ประเทศไปสู่การปฏิบัติ บทบาทของ MR. Reform ในฐานะผู้ประสานการดำ�เนินการ และได้มกี ารแต่งตัง้ คณะกรรมาธิการขึน้ จ�ำนวน 11 คณะ ตามข้อเสนอแนะการปฏิรูป นำ�นโยบายและแผนการพัฒนา เพื่อด�ำเนินการจัดท�ำข้อเสนอการปฏิรูปดังกล่าว นับตัง้ แต่เดือนตุลาคม 2558 เป็นต้นมา สภาขับเคลือ่ น ไปสู่ ก ารปฏิบัติ รวมถึงการติด ตามประเมินผล เพื่อช่วยให้ การปฏิ รู ป ประเทศได้ มี ก ารจั ด ท� ำ รายงานข้ อ เสนอ การปฏิรูปประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นั บ ตั้ ง แต่ ช ่ ว งปลายปี 2557 ที่ รั ฐ บาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศ ได้มีการจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติขึ้นมาเพื่อท�ำหน้าที่ ศึกษาและให้ขอ้ เสนอแนะเกีย่ วกับการปฏิรปู ในด้านต่าง ๆ ซึ่งได้จัดท�ำข้อเสนอการปฏิรูป 37 วาระ วาระการปฏิรูป พิเศษ 15 วาระ และวาระพัฒนาอีก 8 วาระ รวมถึง ข้อเสนอปฏิรูปเร็วอีก 9 เรื่อง หลังจากทีส่ ภาปฏิรปู แห่งชาติได้สนิ้ สุดลงเมือ่ สมาชิก สภาปฏิรูปแห่งชาติมีมติไม่เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ ในเดือนกันยายน 2558 จึงได้มีการจัดตั้งสภาขับเคลื่อน การปฏิ รู ป ประเทศขึ้ น เพื่ อ ท� ำ หน้ า ที่ ศึ ก ษาและจั ด ท� ำ ข้อเสนอการปฏิรูปต่อจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ และได้ จัดกลุม่ ประเด็นการปฏิรปู ใหม่เป็น 11 ด้าน ตามมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2557
44
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
การปฏิรูปไปแล้วกว่า 100 เรื่อง โดยข้อเสนอดังกล่าว ได้ถูกส่งไปยังคณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิตบิ ญั ญัตแิ ห่งชาติ และสภาขับเคลือ่ น การปฏิ รู ป ประเทศ) ที่ ค ณะรั ฐ มนตรี แ ต่ ง ตั้ ง ขึ้ น เพือ่ ท�ำหน้าทีป่ ระสานและขับเคลือ่ นการท�ำงานในการปฏิรปู ประเทศในด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และสอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี โดยรายงานข้อเสนอแนะการปฏิรูป ที่ ผ ่ า นการพิ จ ารณาของคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่ายแล้ว จะถูกส่งไปยังคณะกรรมการขับเคลื่อน และปฏิรปู การบริหารราชการแผ่นดิน (กขป.) ทัง้ 6 คณะ ที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการผลักดัน การด� ำ เนิ น การของส่ ว นราชการให้ เ ป็ น ไปตามกรอบ การท�ำงานของรัฐบาล (Roadmap) และมีคณะกรรมการ ขับเคลื่อนและเร่งรัดการด�ำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เป็นกลไกการติดตามรายงานผลการด�ำเนินการ
คน เงิน แผน
กระบวนการขับเคลื่อนและติดตามการปฏิรูปประเทศของคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ าย ขอเสนอปฏิรูปที่เขาสูการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝาย วาระที่เปนเรื่อง “ขับเคลื่อน” และ ไมมีขอกฏหมาย” เชิญเฉพาะ กมธ. และหนวยงานหลัก มาใหขอมูลประกอบการพิจารณา
วาระที่เปนเรื่อง “ปฏิรูป” หรือ “มีขอกฏหมาย” เชิญ กมธ. / หนวยงานหลัก / หนวยงานที่เกี่ยวของ / สคก.
คณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝาย พิจารณา
ส วนที่ 1
เห็นควรใหมีการเรงรัดขับเคลื่อน กลไกขับเคลื่อน และประสานงานของ คกก. ประสานงานรวม 3 ฝ าย
ขอสรุปยังไมเปนที่ยุติ สปท. พิจารณารวมกับสวนราชการ ที่เกี่ยวของภายใน 30 วัน
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
เพื่อขอความเห็นชอบใหดำเนินการ ดังนี้
กขป. 6 คณะ
กระทรวง
กขร. (ติดตาม)
(ขับเคลื่อน)
ครม. ไมเห็นชอบ
ประสาน
เห็นชอบ ใหดำเนินการ
คณะกรรมการประสานงาน 2 ฝาย สนช. - สปท.
MR. Reform
กรณีเกี่ยวกับ เจาหนาที่ติดตามการปฏิรูป กรณีเกี่ยวกับการแกไขเพิ่มเติมกฏหมาย การบริหารราชการแผนดิน หรือจัดทำรางกฏหมาย สศก. และหนวยงานที่เกี่ยวของ
สวนราชการที่เกี่ยวของ
ประธานกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝาย
ส วนที่ 2
การรายงานความคืบหน า ด านการปฏิรูปประเทศ ของ MR. Reform
รัฐมนตรีเจาสังกัด
MR. Reform
เจาหนาที่ติดตามการปฏิรูป
นายกรัฐมนตรี
ประธานคณะกรรมการขัับเคลื่อน และปฏิรูปการบริหารราชการแผนดิน
Justice Magazine Ministry of Justice
45
คน เงิน แผน
อย่างไรก็ตาม การดำ�เนินการขับเคลื่อนการปฏิรูป ประเทศในระยะสองปี ที่ ผ่ า นมานั้ น ประชาชนทั่ ว ไป ยังไม่ได้เห็นผลสัมฤทธิใ์ นการดำ�เนินการมากนัก ซึง่ สาเหตุ ส่วนหนึ่งมาจากกลไกการขับเคลื่อนที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ยังขาดการถ่ายทอดแนวคิดจากรายงานข้อเสนอแนะการปฏิรูป ทีเ่ ป็นข้อเสนอเชิงนโยบายไปสูก่ ารปฏิบตั ขิ องส่วนราชการ ที่มีอำ�นาจหน้าที่รับผิดชอบการดำ�เนินงาน คณะรัฐมนตรี จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 มอบหมายให้ ทุกส่วนราชการนำ�ข้อเสนอประเด็นตามแผนการปฏิรูป ที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้ส่งให้รัฐบาลแล้ว ไปพิจารณาและเร่งรัดดำ�เนินการในส่วนทีม่ คี วามสอดคล้อง กั บ แนวทางการปฏิ รู ป ประเทศและกรอบระยะเวลา การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยให้มกี ารมอบหมาย เจ้าหน้าทีร่ บั ผิดชอบติดตามการดำ�เนินการเป็นการเฉพาะ ซึ่ ง ในเวลาต่ อ มาก็ ไ ด้ มี ก ารเรี ย กผู้ รั บ ผิ ด ชอบติ ด ตาม การดำ�เนินการปฏิรูปของส่วนราชการว่า MR. Reform MR. Reform นั้ น จะทำ � หน้ า ที่ เ ป็ น ผู้ ป ระสาน การดำ � เนิ น การตามข้ อ เสนอแนะการปฏิ รู ป ที่ อ ยู่ ในขอบข่ายในภารกิจของส่วนราชการ และประสานงาน กับกลไกที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนการปฏิรูปทั้งหมด ซึง่ เหมือนกับการเป็นผูแ้ ทนฝ่ายบริหาร (Management Representative : MR) ในระบบการบริหารคุณภาพ ที่ จ ะต้ อ งเป็ น ผู้ ขั บ เคลื่ อ นระบบการบริ ห ารคุ ณ ภาพ ขององค์กรนับตั้งแต่การจัดทำ�นโยบายและแผนการ พั ฒ นาระบบบริ ห ารคุ ณ ภาพของหน่ ว ยงาน การนำ � นโยบายและแผนไปสูก่ ารปฏิบตั ิ การติดตามประเมินผล รายงานผลการดำ�เนินการต่อผูบ้ ริหาร การประสานงาน กั บผู้ มีส่ว นเกี่ ย วข้ องภายนอกองค์ ก ร และการสร้ าง ความตระหนักด้านคุณภาพภายในองค์กร ซึ่งเข้าใจว่า ผู้ ที่ นำ � เสนอแนวคิ ด ให้ มี ก ารมอบหมายผู้ บ ริ ห าร ของหน่วยงานมารับหน้าที่เป็น MR. Reform ก็น่าจะ นำ�แนวคิดนี้มาใช้นั่นเอง
46
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
พลังคุณธรรม ยับยั้งการทุจริต
โครงการ 4 ภาค โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการเสริมสร้างความรู้ มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2559
โครงการฝึกอบรมบุ ค ลากรของกระทรวงยุ ติ ธ รรมเพื่ อ สร้ า งภู มิ คุ้ ม กั น จากการทุ จ ริ ต เริ่มจากบรรยายอบรม เข้าร่วมกิจกรรมเสวนาศึกษาปัญหาผ่านกรณีจริง แสดงความคิดเห็น ในกลุ่ ม ระดมความคิ ด และต่ อ ยอดไปสู่ ก ารสร้ า งเครื อ ข่ า ยเฝ้ า ระวั ง การทุ จ ริ ต ที่ทุกคนมีส่วนช่วยในการขจัดปัญหาการทุจริตอย่างแท้จริง สวัสดีชาวยุติธรรม เล่มนี้เป็นฉบับที่ 1 ประจ�ำปี งบประมาณ พ.ศ. 2560 ศู น ย์ ป ฏิ บั ติ ก ารต่ อ ต้ า น การทุจริต กระทรวงยุติธรรม ขอน�ำเสนอโครงการ หลั ก สู ต ร การเสริ ม สร้ า งความรู ้ ม าตรการป้ อ งกั น และปราบปรามการทุจริต กระทรวงยุตธิ รรม พ.ศ. 2559 หรือที่เรียกว่า “โครงการ 4 ภาค” เป็นโครงการที่จัด ฝึกอบรมเรือ่ งมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แก่ ผู ้ บ ริ ห าร ข้ า ราชการ และเจ้ า หน้ า ที่ ใ นสั ง กั ด กระทรวงยุติธรรมประจ�ำภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยจัดใน 4 พื้นที่ ได้แก่พื้นที่ภาคกลาง พื้นที่ภาคเหนือ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่ภาคใต้ โครงการ 4 ภาค มีทมี่ าจากแนวความคิดของผูบ้ ริหาร ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงยุติธรรม ที่ต้องการให้จัดการฝึกอบรมให้ความรู้ เรื่องมาตรการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต แก่ผบู้ ริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าทีใ่ นสังกัดกระทรวงยุตธิ รรม ทัง้ ในส่วนกลาง
และในส่ ว นภู มิ ภ าค โดยนายชาญเชาว์ ไชยานุ กิ จ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการ กระทรวงยุตธิ รรม ประจ�ำพืน้ ทีต่ รวจราชการในภูมภิ าคนัน้ เป็ น ผู ้ แ ทนปลั ด กระทรวงยุ ติ ธ รรม เป็ น ประธานเปิ ด โครงการและมอบใบประกาศนี ย บั ต รแก่ ผู ้ ผ ่ า นการ ฝึกอบรม โดยในพื้นที่ภาคกลางมีนางฉลอง อติกนิษฐ ผูต้ รวจราชการกระทรวงยุตธิ รรม ในขณะนัน้ เป็นประธาน ณ โรงแรมไมด้า ทวารวดี แกรนด์ จังหวัดนครปฐม พื้นที่ภาคเหนือมีนายวีระยุทธ สุขเจริญ หัวหน้าผู้ตรวจ ราชการกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น เป็นประธาน ณ โรงแรมโลตัส ปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ พืน้ ทีภ่ าคใต้ มีนางสาวปิตกิ าญจน์ สิทธิเดช ผู้ตรวจราชการกระทรวง ยุติธรรม ในขณะนั้น เป็นประธาน ณ แก้วสมุยรีสอร์ท จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีนายศักยา ชูใหม่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ณ โรงแรมเจริญธานีขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น Justice Magazine Ministry of Justice
47
พลังคุณธรรม ยับยั้งการทุจริต
ในโครงการมีกิจกรรมสำ�คัญ ๆ ดังนี้
1. กิจกรรมการบรรยายความรู้ เรื่องมาตรการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีวิทยากรจาก ส�ำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัด เนือ้ หามุง่ เน้นให้ความรูด้ า้ นมาตรการเสริม ในการป้องกันการทุจริต ตามมาตรา 100 มาตรา 103 มาตรา 103/7 อันเป็นเรื่องความขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับส่วนรวม หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด และการเปิดเผย ราคากลาง เพื่อให้ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด กระทรวงยุติธรรม ได้มีความรู้ความเข้าใจในมาตรการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตดังกล่าว และน�ำความรูไ้ ปปรับใช้ในการบริหารงาน และปฏิบัติงานอย่างถูกต้องต่อไป 2. กิจกรรมการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง กรณีศึกษาปัญหาและ แนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมชิ อบของหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงยุตธิ รรมในส่วนภูมภิ าค โดยมีนางสาวสวาสดิ์ อินทวังโส หัวหน้ากลุ่มตรวจสอบภายในระดับกระทรวง กระทรวงยุติธรรม นายอุทัย ชาญ หัวหน้ากลุ่มงานวินัย และพิทักษ์ระบบคุณธรรม กองการเจ้าหน้าที่ ส�ำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดร.ปรียานุช วิรยิ ราชวัลลภ นักวิชาการยุตธิ รรมช�ำนาญการ ศูนย์ปฏิบตั กิ ารต่อต้าน การทุจริต กระทรวงยุติธรรม เป็นวิทยากรเสวนา กิจกรรมนี้มุ่งเน้น การน�ำกรณีศึกษา ซึ่งเป็นคดีหรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ของส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ถูกด�ำเนินการทางวินัย ความผิดฐาน ทุจริต และการกระท�ำทีผ่ ดิ ระเบียบต่าง ๆ เพือ่ น�ำมาเป็นกรณีตวั อย่าง วิเคราะห์สาเหตุของการกระท�ำความผิด วิธีการกระท�ำความผิด บทลงโทษของผู้กระท�ำความผิด และแนวทางการแก้ไขป้องกัน ไม่ให้เกิดการกระท�ำความผิดเกิดขึ้น เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้
48
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
กิจกรรมการเสวนาทางวิชาการจากผูเ้ ชีย่ วชาญในการปราบปรามปัญหา การทุจริตภายในองค์กร และโครงการ 4 ภาค ส่งเสริมภูมิคุ้มกันที่ดี จากการกระทำ�ทุจริตและสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังในหน่วยงาน
ความเข้าใจและรู้เท่าทันวิธีการกระท�ำความผิดของผู้กระท�ำผิด สร้างภูมิคุ้มกันแก่ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด กระทรวงยุติธรรม ไม่ให้มีการกระท�ำความผิดเกิดขึ้นในหน่วยงาน 3. กิจกรรมแบ่งกลุ่มระดมความคิด เรื่อง ปัญหาการทุจริต ในหน่วยงานรัฐ และแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมน�ำเสนอผลการ ระดมความคิด เป็นกิจกรรมทีร่ วมผูบ้ ริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมกลุ่มระดมความคิด โดยแบ่งกลุ่ม ออกตามกรม และให้ระดมความคิดเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตของ หน่วยงานในระดับภูมิภาคที่เกิดขึ้นจริง หรือมีให้พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง และร่วมกันระดมความคิดว่าปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเพียงใด นโยบายจากส่วนกลางช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้เพียงพอหรือไม่
พลังคุณธรรม ยับยั้งการทุจริต
นางฉลอง อติกนิษฐ
นายวีระยุทธ สุขเจริญ
นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช นายศักยา ชูใหม่
และในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาค มีแนวความคิด ต้องการให้สว่ นกลางมีนโยบาย หรือแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ อย่างไร เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปในการก�ำหนดแนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุตธิ รรม ผลของการระดมความคิดโดยสรุป การทุจริตเกิดจากการทีม่ รี ายได้ ไม่เพียงพอต่อการด�ำรงชีพท�ำให้ต้องแสวงหาประโยชน์ส่วนตน อันมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ตนมีรายได้เพิ่ม การปฏิบัติหน้าที่ เกีย่ วข้องกับทรัพย์สนิ หรือประโยชน์เชิงทรัพย์สนิ รูถ้ งึ ความหละหลวม ของมาตรการป้ อ งกัน และมีทรัพย์สิน อัน มีมูลค่าสู ง ล่ อ ตาล่ อ ใจ อันเป็นสาเหตุสุ่มเสี่ยงง่ายต่อการกระท�ำความผิด ความเคยชิน ในการปฏิบัติหรือท�ำเนียมปฏิบัติในการให้ของขวัญหรือให้ทรัพย์สิน แก่ผู้ใหญ่ การถือประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์สาธารณะ การใช้ทรัพย์สินของทางราชการในกิจธุระส่วนตัวของตนเอง เป็นต้น แนวทางการแก้ไขปัญหาโดยสรุป เสนอให้ส่วนกลางพิจารณา อัตราค่าตอบแทนข้าราชการและเจ้าหน้าทีใ่ นสังกัดกระทรวงยุตธิ รรม ให้ เ หมาะสมและเพี ย งพอต่ อ การด� ำ รงชี พ ตามสภาพเศรษฐกิ จ เสนอให้ ผู ้ บั ง คั บ บั ญ ชาทุ ก ระดั บ ชั้ น เน้ น เรื่ อ งการบั ง คั บ บั ญ ชา ควบคุ ม ดู แ ล และรวมถึ ง ให้ ค� ำ แนะน� ำ แก่ ผู ้ ใ ต้ บั ง คั บ บั ญ ชา ในการปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ ในการท�ำงานอย่างเคร่งครัด เสนอให้มีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้เรื่องกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้ อ บั ง คั บ ต่ า ง ๆ อั น เกี่ ย วข้ อ งกั บ การท� ำ งาน แก่ ผู ้ บ ริ ห าร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประจ�ำ อย่างสม�่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพ ในการปฏิบตั งิ าน เสนอให้สว่ นกลางจัดสรรอัตราก�ำลังของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน เสนอให้ ส ่ ว นกลางจั ด ท� ำ มาตรการในการป้ อ งกั น การกระท� ำ ผิ ด ในการปฏิบัติงานที่มีความสุ่มเสียงในการกระท�ำความผิดต่าง ๆ เช่น การปฏิบัติงานอันเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง เป็นต้น 4. กิจกรรมสร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสการทุจริต และพฤติมิชอบ เป็นกิจกรรมเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการเฝ้าระวัง และการแจ้ ง เบาะแสการทุ จ ริ ต ให้ แ ก่ ผู ้ บ ริ ห าร ข้ า ราชการ และเจ้าหน้าที่ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ร่วมเป็นเครือข่าย
ในการเฝ้าระวังการทุจริต ป้องกันไม่ให้มกี ารกระท�ำการทุจริตเกิดขึน้ รวมถึงให้ความรู้ ขัน้ ตอนการแจ้งเบาะแส และกระบวนการด�ำเนินการ ความผิดเรื่องทุจริต เพื่อเป็นองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์ในการ ร่วมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการทุจริต ของส่วนราชการในสังกัด กระทรวงยุติธรรม โครงการ 4 ภาค ได้ดำ� เนินการเสร็จสิน้ ทัง้ 4 ภาค แล้ว เมือ่ วันที่ 15 กันยายน 2559 โดยการด�ำเนินโครงการได้รบั การตอบรับจากผูเ้ ข้าร่วม โครงการเป็นอย่างดี และด�ำเนินการจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยสมบูรณ์ บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการทุกประการ การต่ อ ต้ า นการทุ จ ริ ต เป็ น หน้ า ที่ ข องเราทุ ก คนที่ จ ะต้ อ ง ร่วมแรงร่วมใจกัน และคอยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแล เพือ่ ป้องกัน ไม่ ใ ห้ มี ก ารทุ จ ริ ต เกิ ด ขึ้ น ศู น ย์ ป ฏิ บั ติ ก ารต่ อ ต้ า นการทุ จ ริ ต กระทรวงยุติธรรม ขอย�้ำปณิธานเดิมว่า เพื่อรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ ของรัฐและประชาราษฎร์ จักด�ำเนินการป้องกันและปราบปราม การทุจริตอย่างจริงจัง และจะร่วมสนับสนุนขับเคลื่อนการแก้ไข ปัญหาการทุจริตกับทุกภาคส่วน เพื่อร่วมขจัดปัญหาการทุจริต ให้หมดสิ้นจากผืนแผ่นดินไทย Justice Magazine Ministry of Justice
49
กฎหมายสามัญประจำ�บ้าน
กองบรรณาธิการ
สาระสำ�คัญใหม่...ใน พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญา พ.ศ. 2559
สิทธิพึงได้รับ หลังถูกกล่าวหาว่าเป็น
“จำ�เลย” การต้องรับโทษทั้งที่ ไม่ ได้กระทำ�ความผิด ถือ เป็นสิ่งที่ ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคม แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ผู้ เ สี ย หายควรจะได้ รั บ การชดเชยและเยี ย วยา ซึ่งภาครัฐไม่ ได้มองข้ามปัญหานี้ จึงกำ�หนดสิทธิ ของผูท้ ี่ได้รบั ความเสียหายทีพ่ งึ จะได้รบั และมีการ ปรับเปลี่ยนให้ยุติธรรมต่อผู้ที่ถูกกระทำ�เสมอ ย้ อ นกลั บ ไปเมื่ อ 15 ปี ก่ อ น ทางภาครั ฐ ได้ มี การกำ � หนดสิ ท ธิ ข องบุ ค คลที่ ไ ด้ รั บ ความเสี ย หาย จากการทำ � ผิ ด กฎหมายอาญาของผู้ อื่ น ที่ ต นเองไม่ ไ ด้ มี ส่ ว นเกี่ ย วข้ อ งกั บ การกระทำ � ผิ ด นั้ น และยั ง ไม่ ไ ด้ รั บ การบรรเทาความเสียหายทางอื่น รวมทั้งการรับรอง สิทธิในการได้รับค่าทดแทนในกรณีของบุคคลซึ่งตกเป็น จำ�เลยในคดีอาญาและถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี หากปรากฏตามคำ � พิ พ ากษาอั น ถึ ง ที่ สุ ด ในคดี นั้ น ว่ า ข้ อ เท็ จ จริ ง ฟั ง เป็ น ที่ ยุ ติ ว่ า จำ � เลยมิ ไ ด้ เ ป็ น ผู้ ก ระทำ � ความผิด หรือการกระทำ�ของจำ�เลยไม่ได้เป็นความผิด โดยการกำ � หนดบทบั ญ ญั ติ รั บ รองสิ ท ธิ ใ นการได้ รั บ ความช่วยเหลือจากรัฐ ตามมาตรา 245 และมาตรา 246 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น เพื่อให้ การรั บ รองสิ ท ธิ ดั ง กล่ า วเป็ น ไปตามบทบั ญ ญั ติ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงจำ�เป็นต้อง ตราพระราชบัญญัตคิ า่ ตอบแทนผูเ้ สียหาย และค่าทดแทน
50
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
กฎหมายสามัญประจำ�บ้าน
และค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ขึ้น ตลอดระยะเวลาที่ ผ่ า นมา ไทยได้ มี ก ารบั ง คั บ ใช้ พระราชบั ญ ญั ติ ดั ง กล่ า วอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง แต่ ยั ง คงพบ ความล่าช้าและความบกพร่องในบางส่วน คณะกรรมการ จึ ง เห็ น สมควรที่ จ ะแก้ ไข-ปรั บ ปรุ ง พระราชบั ญ ญั ติ เพิม่ เติม เพือ่ ให้การจ่ายค่าตอบแทนผูเ้ สียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญา สามารถกระทำ�ได้ รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อั น เป็ น เหตุ ใ ห้ เ กิ ด พระราชบั ญ ญั ติ ค่ า ตอบแทน ผู้ เ สี ย หาย และค่ า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ า ยแก่ จำ � เลย ในคดีอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 ซึ่งมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 133 ตอนที่ 34 ก
วั น ที่ 22 สิ ง หาคม พ.ศ.2559 ให้ มี ผ ลบั ง คั บ ใช้ เมือ่ พ้นกำ�หนด 60 วัน นับแต่วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป โดยพระราชบัญญัตดิ งั กล่าวนีม้ ผี ลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559 โดยในรายละเอี ย ดของมาตราต่ า ง ๆ ที่ แ ก้ ไข เพิ่มเติมนั้นมีสาระสำ�คัญที่น่าสนใจในหลายส่วน เช่น ให้มีการแจ้งสิทธิการได้รับค่าตอบแทน หรือค่าทดแทน และค่ า ใช้ จ่ า ยตามพระราชบั ญ ญั ติ นี้ แ ก่ ผู้ เ สี ย หาย หรือทายาทซึ่งได้รับความเสียหาย หรือแก่จำ�เลยที่ศาล มีคำ�สั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือมีคำ�พิพากษาถึงที่สุด ว่ า จำ � เลยมิ ไ ด้ เ ป็ น ผู้ ก ระทำ � ความผิ ด หรื อ การกระทำ � ของจำ�เลยไม่ได้เป็นความผิด Justice Magazine Ministry of Justice
51
กฎหมายสามัญประจำ�บ้าน
มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ ภายในสามสิบวันนับตั้งแต่ วันที่ได้รับแจ้งคำ�วินิจฉัย ภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีพิจารณา อุทธรณ์ของคณะกรรมการ
52
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ พิ จ ารณาค่ า ตอบแทนผู้ เ สี ย หาย และค่ า ทดแทนและ ค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญา ซึ่งจะต้องประกอบด้วย กรรมการที่เป็นโดยตำ�แหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิไม่ตํ่ำ�กว่า ห้าคนซึง่ แต่งตัง้ โดยคำ�แนะนำ�ของรัฐมนตรีและหนึง่ ในนัน้ ต้ อ งเป็ น ผู้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ ที่ มี ค วามเชี่ ย วชาญเฉพาะด้ า น อีกทัง้ ยังเพิม่ อำ�นาจหน้าทีข่ องคณะกรรมการในการแต่งตัง้ คณะอนุ ก รรมการพิ จ ารณาค่ า ตอบแทนผู้ เ สี ย หาย และค่ า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ า ยแก่ จำ � เลยในคดี อ าญา ตามความเหมาะสม รวมถึงกำ�หนดอำ�นาจหน้าที่และ การดำ�เนินการของคณะอนุกรรมการ รวมถึงการใช้สิทธิ อุทธรณ์ค�ำ วินจิ ฉัยของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ตลอดจน กำ � หนดวิ ธี ก ารยื่ น คำ � ขอรั บ ค่ า ตอบแทน ค่ า ทดแทน หรือค่าใช้จ่าย และปรับปรุงรายการท้ายพระราชบัญญัติ นอกจากนี้ ยั ง เปิ ด โอกาสให้ ส ามารถทำ � การยื่ น อุ ท ธรณ์ ไ ด้ ห ากผู้ ยื่ น คำ � ขอไม่ เ ห็ น ด้ ว ยกั บ คำ � วิ นิ จ ฉั ย ของคณะกรรมการคณะอนุกรรมการ โดยมีสิทธิอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับ แจ้งคำ�วินจิ ฉัย ภายใต้หลักเกณฑ์และวิธพี จิ ารณาอุทธรณ์ ของคณะกรรมการ ทั้ ง หมดที่ ก ล่ า วมานั้ น ยั ง เป็ น เพี ย งส่ ว นหนึ่ ง ที่ภาครัฐให้ความสำ�คัญและไม่หยุดปรับปรุงพัฒนา บทบัญญัติต่าง ๆ ในเรื่องสิทธิของประชาชน เพื่อคงไว้ ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยที่ทุกคนเลื่อมใสศรัทธา
กฎหมายสามัญประจำ�บ้าน
ความผิดที่ผู้เสียหายอาจขอรับค่าตอบแทนได้ตามมาตรา 17 ได้แก่ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 ซึ่งมีดังต่อไปนี้
ลักษณะ 6 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิด ภัยอันตรายต่อประชาชน
ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ
ลักษณะ 10 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย หมวด 1 ความผิดต่อชีวิต หมวด 2 ความผิดต่อร่างกาย หมวด 3 ความผิดฐานทำ�ให้แท้งลูก หมวด 4 ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก คนป่วยเจ็บ หรือคนชรา
ลักษณะ 11 ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง
ลักษณะ 12 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หมวด 1 ความผิดฐานลักทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์ หมวด 2 ความผิดฐานกรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ และปล้นทรัพย์ หมวด 8 ความผิดฐานบุกรุก Justice Magazine Ministry of Justice
53
พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลย ในคดีอาญา พ.ศ. 2559 สิทธิพึงได้รับหลังถูกกล่าวหาว่าเป็น “จำ�เลย”
ทำ�ไมต้องมี
พระราชบัญญัติฉบับนี้ พระราชบั ญ ญั ติ ค่ า ตอบแทนผู้ เ สี ย หายและค่ า ทดแทนและ ค่ า ใช้ จ่ า ยแก่ จำ � เลยในคดี อ าญา พ.ศ. 2544 ได้ ใช้ บั ง คั บ มาเป็ น เวลานาน สมควรแก้ไขเพิ่ม เติม โดยให้มีก ารแจ้งสิทธิ ก ารได้ รั บ ค่าตอบแทน หรือค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายตามพระราชบัญญัตินี้ แก่ผเู้ สียหายหรือทายาทซึง่ ได้รบั ความเสียหาย หรือแก่จ�ำ เลยทีศ่ าลมี คำ�สัง่ อนุญาตให้ถอนฟ้อง หรือศาลมีค�ำ พิพากษาถึงทีส่ ดุ ว่า จำ�เลยมิได้ เป็นผู้กระทำ�ความผิดหรือการกระทำ�ของจำ�เลยไม่เป็นความผิด
พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลย ในคดีอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559
สิ่งที่ได้รับการ
ปรับปรุงให้ดีขึ้น ปรั บ ปรุ ง องค์ ป ระกอบของคณะกรรมการพิ จ ารณาค่ า ตอบแทนผู้ เ สี ย หาย และค่ า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ า ยแก่ จำ � เลยในคดี อ าญา และเพิ่ ม อำ � นาจหน้ า ที่ ข อง คณะกรรมการในการแต่ ง ตั้ ง คณะอนุ ก รรมการพิ จ ารณาค่ า ตอบแทนผู้ เ สี ย หาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญาตามความเหมาะสม รวมถึงกำ�หนด อำ�นาจหน้าที่และการดำ�เนินการของคณะอนุกรรมการ รวมทั้งการใช้สิทธิอุทธรณ์ คำ�วินจิ ฉัยของคณะอนุกรรมการดังกล่าว ตลอดจนกำ�หนดวิธกี ารยืน่ คำ�ขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรือค่าใช้จ่าย และปรับปรุงรายการท้ายพระราชบัญญัติ ทั้งนี้ เพื่อให้การจ่าย ค่าตอบแทนผูเ้ สียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จา่ ยแก่จ�ำ เลยในคดีอาญาสามารถกระทำ�ได้ รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจึงจำ�เป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
54
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
สาระสำ�คัญ
ที่น่าสนใจในหลายส่วน เช่น ให้มีการแจ้งสิทธิการได้รับค่าตอบแทน หรือค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายตามพระราชบัญญัตินี้ แก่ผู้เสียหายหรือทายาทซึ่งได้รับความเสียหาย หรือแก่จำ�เลยที่ศาลมีคำ�สั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง หรือมีคำ�พิพากษาถึงที่สุดว่าจำ�เลยมิได้เป็นผู้กระทำ�ความผิด หรือการกระทำ�ของจำ�เลยไม่ได้ เป็นความผิด ให้มกี ารปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผูเ้ สียหาย และค่าทดแทน และค่ า ใช้ จ่ า ยแก่ จำ � เลยในคดี อ าญา ซึ่ ง จะต้ อ งประกอบด้ ว ยกรรมการที่ เ ป็ น โดยตำ � แหน่ ง และผู้ทรงคุณวุฒิไม่ตํ่ากว่าห้าคนซึ่งแต่งตั้งโดยคำ�แนะนำ�ของรัฐมนตรีและหนึ่งในนั้นต้องเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพิ่มอำ�นาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทน ผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำ�เลยในคดีอาญาตามความเหมาะสม กำ�หนดอำ�นาจหน้าที่และการดำ�เนินการของคณะอนุกรรมการ รวมถึงการใช้สิทธิอุทธรณ์ คำ�วินิจฉัยของคณะอนุกรรมการดังกล่าว กำ�หนดวิธีการยื่นคำ�ขอรับค่าตอบแทน ค่าทดแทน หรือค่าใช้จ่าย และปรับปรุงรายการท้าย พระราชบัญญัติ สามารถทำ � การยื่ น อุ ท ธรณ์ ไ ด้ ห ากผู้ ยื่ น คำ � ขอไม่ เ ห็ น ด้ ว ยกั บ คำ � วิ นิ จ ฉั ย ของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ โดยมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้ง คำ�วินิจฉัย ภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการ และอื่นๆ
แก้ไขเพิม่ เติมค่าทดแทนและค่าใช้จา่ ยแก่จ�ำ เลยในคดีอาญา กรณี
ค่าทดแทนการถูกคุมขัง
แก้ไขเพิ่มเติมค่าตอบแทนผู้เสียหาย กรณี
บาดเจ็บ
เสียชีวิต
รายการ
อัตราเดิม
รายการ
อัตราที่แก้ ไขเพิ่มเติม
ค่ารักษาพยาบาล
จ่ายตามจริงไม่เกิน 30,000 บาท
จ่ายตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท
ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทาง ร่างกายและจิตใจ
จ่ายตามจริงไม่เกิน 20,000 บาท
ค่าขาดประโยชน์ท�ำมา หาได้
จ่ายไม่เกินวันละ จ่ายตามค่าจ้างขั้นต�่ำ 200 บาท แต่ไม่เกินหนึง่ ปี (ปัจจุบัน 300 บาท) แต่ไม่เกินหนึ่งปี
ค่าตอบแทนความเสียหายอืน่ ไม่เกิน 30,000 บาท
ไม่เกิน 50,000 บาท
ค่าห้องและค่าอาหาร วันละไม่เกิน 600 บาท (รวมค่ารักษาและค่าฟื้นฟู)
วันละไม่เกิน 1,000 บาท
ค่าตอบแทนกรณีตาย
ตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ ไม่เกิน 100,000 บาท
ค่าจัดการศพ
จ�ำนวน 20,000 บาท
ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู
จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท ไม่เกิน 40,000 บาท
ค่าเสียหายอื่น
จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท ไม่เกิน 40,000 บาท
ทั่วไป
อัตราเดิม วันละ 200 บาท ตามวันที่ถูกคุมขัง โดยจ่ายตามประมวล กฎหมายอาญา ม.30
อัตราที่แก้ ไขเพิ่มเติม วันละ 500 บาท
(โดยพ.ร.บ. แก้ไขเพิม่ เติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับ 25) พ.ศ.2559 มีผล ตัง้ แต่วนั ที่ 8 เมษายน 2559)
ค่าขาดประโยชน์ทำ� มาหาได้ จ่ายไม่เกินวันละ 200 บาท จ่ายตามค่าจ้างขั้นต�่ำ ตามวันที่ถูกคุมขัง (ปัจจุบัน 300 บาท) ค่าใช้จา่ ยทีจ่ ำ� เป็นทนายความ ขัน้ ต�ำ่ 2,000 บาท ขั้นต�่ำ 4,000 บาท • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการ 3,000 บาท และ 4,000 6,000 บาท และ 8,000 ด�ำเนินคดี บาท ตามอัตราโทษ บาท ตามอัตราโทษ ไม่เกิน 30,000 บาท
ค่ารักษาพยาบาล เจ็บป่วย เนือ่ งจาก ค่าฟื้นฟูร่างกาย ถูกด�ำเนิน และจิตใจ คดี ค่าห้องและค่าอาหาร
จ่ายตามจริงไม่เกิน 30,000 บาท
ค่าทดแทนกรณีตาย ตาย เนือ่ งจาก ค่าจัดการศพ ถูกด�ำเนิน ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู คดี ค่าเสียหายอื่น
จ�ำนวน 100,000 บาท
จ่ายตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท
จ่ายไม่เกิน 50,000 บาท วันละไม่เกิน 600 บาท
วันละไม่เกิน 1,000 บาท
จ่ายไม่เกิน 20,000 บาท จ�ำนวน 30,000 บาท
ไม่เกิน 40,000 บาท
จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท ไม่เกิน 40,000 บาท
Justice Magazine Ministry of Justice
55
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
กองบรรณาธิการ
ผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ 2559 พลเอก ไพบู ล ย์ คุ ้ ม ฉายา รั ฐ มนตรี ว ่ า การ กระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดนิทรรศการ ผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ ภายใต้แนวคิด “สืบสานสมบัตศิ ลิ ป์ เทิดพระปิ่นฟ้าราชินี” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิ ม พระชนมพรรษา 84 พรรษา ครบ 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 และเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมการฝึกวิชาชีพให้แก่ผู้ต้องขัง สร้างก�ำลังใจ และสร้างอาชีพให้กับผู้ต้องขัง ณ เรือนจ�ำกลาง คลองเปรม กรุงเทพฯ
เร่งรัด ขับเคลือ่ น แผนจัดทำ�กม.ให้มปี ระสิทธิภาพ นายชาญเชาวน์ ไชยานุ กิ จ ปลั ด กระทรวงยุ ติ ธ รรม เป็ น ประธานการประชุ ม คณะกรรมการติ ด ตามและเร่ ง รั ด ด�ำเนินการตรากฎหมายล�ำดับรองของกระทรวงยุตธิ รรม เพือ่ ขับเคลือ่ น แผนการจัดท�ำกฎหมายล�ำดับรองของกระทรวงยุติธรรม จ�ำนวน 153 ฉบับ ให้มีประสิทธิภาพ โดยกฎหมายทั้งหมดแบ่งออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ 1. กฎหมายทีป่ ระกาศใช้แล้ว 2. กฎหมายทีอ่ ยูร่ ะหว่าง การพิจารณาของสภานิตบิ ญ ั ญัตแิ ห่งชาติ 3. กฎหมายทีอ่ ยูร่ ะหว่าง การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา 4. กฎหมายทีอ่ ยูร่ ะหว่าง การพิจารณาของหน่วยงาน ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 2 ชั้น 8 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
เปิด “ตลาดคลองผดุง: รวมใจภักดิ์ รักแม่เที่ยงแท้ยุติธรรม” พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุตธิ รรม เป็นประธานเปิดงาน “ตลาดคลองผดุง:รวมใจภักดิ์ รักแม่เที่ยงแท้ยุติธรรม” โดยมีนางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี พร้ อ มด้ ว ยผู ้ บ ริ ห ารกระทรวงยุ ติ ธ รรม ข้ า ราชการ เจ้าหน้าทีส่ งั กัดกระทรวงฯ ตลอดจนสือ่ มวลชน ประชาชน เข้าร่วมฯ ณ บริเวณตลาดคลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพฯ
56
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
เปิดเวทีถ่ายทอดนโยบายแก้ ไขปัญหา ยาเสพติดสู่การปฏิบัติ พลเอก ไพบู ล ย์ คุ ้ ม ฉายา รั ฐ มนตรี ว ่ า การกระทรวง ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำ� นวยการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติ ด แห่ ง ชาติ (ศอ.ปส.) เป็ น ประธานการประชุ ม มอบนโยบายการน�ำแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้านชุมชน มั่นคงปลอดภัยยาเสพติด พ.ศ. 2559 – 2560 ไปสู่การปฏิบัติ อันเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากทั่วประเทศ เพื่อน�ำแนวทาง ไปใช้ ป ฏิ บั ติ ป ้ อ งกั น และปราบปรามยาเสพติ ด ในพื้ น ที่ ณ โรงแรมรามา การ์เดนส์ กรุงเทพฯ
มอบรางวัลศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่น ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนใต้ 2559 นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลและประกาศเกียรติคุณ แก่ศูนย์ยุติธรรมชุมชนดีเด่นในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ เพือ่ สร้างขวัญและก�ำลังใจให้แก่เครือข่ายยุตธิ รรม และคณะกรรมการศู น ย์ ยุ ติ ธ รรมชุ ม ชน ผู ้ เ สี ย สละ ท�ำงานช่วยเหลือสังคมด้วยจิตอาสา และเป็นก�ำลังส�ำคัญ ในการสร้ า งความร่ ว มมื อ ระหว่ า งภาครั ฐ และชุ ม ชน ณ โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี จังหวัดปัตตานี
ให้ความรู้ด้านสิทธิประโยชน์ และสวัสดิการแก่บุคลากร นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับ สิ ท ธิ ป ระโยชน์ แ ละสวั ส ดิ ก ารของทางราชการ เพื่ อ เสริ ม สร้ า งความเข้ า ใจแก่ บุ ค ลากรในสั ง กั ด ส� ำ นั ก งานรั ฐ มนตรี แ ละส� ำ นั ก งานปลั ด กระทรวง ยุ ติ ธ รรม ให้ รั บ รู ้ ถึ ง สิ ท ธิ ป ระโยชน์ แ ละสวั ส ดิ ก าร ทีต่ นเองพึงได้รบั ซึง่ จะส่งผลให้บคุ ลากรเกิดขวัญก�ำลังใจ ในการท�ำงาน และการปฏิบตั ิงานอย่างมีประสิทธิภาพ มากขึ้ น ณ ห้ อ งรั บ รองกระทรวงยุ ติ ธ รรม ชั้ น 2 อาคารราชบุรดี เิ รกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ Justice Magazine Ministry of Justice
57
นางสาวจันทร์จิรา เฉลิมวุฒิศักดิ์
ยุติธรรมเดินหน้าช่วยประชาชน
เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำ�นาญการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะทำ�งาน ศนธ.ยธ.
การแก้ ไขปัญหา
หนี้นอกระบบ ศึกษากรณีประเทศญี่ปุ่น
แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่การให้กู้ยืมโดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก เป็นปัญหาสำ�คัญที่ประเทศญี่ปุ่นเผชิญอยู่ เนื่องจากส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมตามมา เช่น การฆ่าตัวตาย การถูกคุกคามจากการติดตามทวงหนี้ในหลากหลายรูปแบบ จากรายงาน ของ National Consumer Affairs Center of Japan ปี พ.ศ. 2550 มีชาวญี่ปุ่นประมาณ 1,500,000 - 2,000,000 คน ที่ตกอยู่ในภาวะหนี้สินท่วมตัว สำ�หรับ ในประเทศไทย รัฐ บาลได้ ใ ห้ ค วามสำ � คั ญ กับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เนื่องจากนับวันจะมี ความรุนแรงและส่งผลกระทบมากขึ้นคล้ายกับที่เกิดขึ้น กับประเทศญีป่ นุ่ เมือ่ 10 ปีทแ่ี ล้ว ผูเ้ ขียนจึงได้สรุปแนวทาง การแก้ ไขปั ญ หาของประเทศญี่ปุ่น เพื่อ เป็ น ตั ว อย่ า ง เปรียบเทียบกับแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศไทย โดยได้สรุปจากรายงานการศึกษาวิจยั นโยบายการยุตธิ รรม เพือ่ แก้ไขปัญหาหนีน้ อกระบบ ซึง่ ศูนย์ชว่ ยเหลือลูกหนีแ้ ละ ประชาชนทีไ่ ม่ได้รบั ความเป็นธรรม “ศนธ.ยธ.” ได้รว่ มกับ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำ�การศึกษาวิจยั แล้วมาดูวา่ สุดท้ายเราจะหาทางออกให้กบั ปัญหานีไ้ ด้อย่างไร
รูปแบบหนี้นอกระบบของญี่ปุ่น
ระหว่างปี พ.ศ. 2533-2544 จากสภาวะเศรษฐกิจ ที่ ช ะลอตั ว มี อั ต ราการว่ า งงานเฉลี่ ย ที่ สู ง ทำ � ให้ สิ น เชื่ อ ของธนาคารมีการควบคุมอย่างเคร่งครัด ขณะทีว่ ถิ ชี วี ติ ของ ชาวญีป่ นุ่ ไม่ได้ปรับเปลีย่ นตาม ส่งผลให้การใช้จา่ ยยังคงเดิม การกู้ยืมเงินที่เริ่มจากบริษัทสินเชื่อที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่ไม่สามารถชำ�ระได้ ทำ�ให้ผู้ยืมเงินกู้เริ่มหาช่องทาง สิ น เชื่ อ ใหม่ โ ดยมั ก จะเป็ น การกู้ ยื ม จากพ่ อ ค้ า เงิ น กู้
58
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
นอกระบบ ในขณะเดียวกันพ่อค้าเงินกู้นอกระบบมักจะ มองหาลูกค้ารายใหม่ ๆ ด้วยวิธีการเข้าหาผู้ที่มีรายชื่อว่า เป็นบุคคลล้มละลาย การใช้ข้อมูลลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหา การชำ�ระหนี้กับธนาคาร บริษัทสินเชื่อ และการโฆษณา โดยตรงกับผู้ที่มีรายได้ตํ่าที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียงกับ ที่ตั้งบริษัท
การคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
วงจรของหนี้นอกระบบจะเริ่มจากการให้กู้ยืมเงิน ด้วยปริมาณเงินเล็กน้อยที่ผู้กู้จะสามารถจ่ายคืนได้อย่าง ง่ายดาย ซึ่งกว่าบุคคลเหล่านั้นจะรู้ตัวก็เป็นหนี้มากกว่า หนึ่งล้านเยนไปแล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยที่พ่อค้าเงินกู้คิด เรียกว่า “Tosan” (To คือ สิบ และ San คือ สาม) แปลว่า ร้อยละสามสิบภายในระยะเวลาสิบวัน หรือ “Togo” (To คือ สิบ และ Go คือ ห้า) แปลว่าร้อยละห้าสิบภายใน ระยะเวลาสิบวัน ดังนัน้ ภายในหนึง่ ปี ดอกเบีย้ ทีต่ อ้ งชำ�ระ อาจมีถงึ ร้อยละ 1,000 ซึง่ ถือว่าละเมิดกฎหมายทีบ่ ญ ั ญัติ ไว้ให้ไม่เกินร้อยละ 29.2 นอกจากนั้นแล้ว หากต้องการ กู้ยืมเงินมูลค่า 5 หมื่นเยน ด้วยอัตรา Togo ผู้กู้จะได้รับ เงินเพียง 25,000 เยนเท่านั้น ขณะที่อีก 25,000 เยน
ยุติธรรมเดินหน้าช่วยประชาชน
จะใช้ชำ�ระค่าดอกเบี้ยที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรก จากนั้นอีกสิบวันต่อมา ผู้กู้จะต้องชำ�ระเงิน เป็นจำ�นวน 75,000 เยน โดยแบ่งเงินต้น 50,000 เยน และ ดอกเบี้ย 25,000 สิ่งที่แย่ ไปกว่าการชำ�ระดอกเบี้ยอัตราสูงเช่นนี้คือ ตัง้ แต่แรกเริม่ นัน้ ผูก้ กู้ ไ็ ม่มเี งินหรือไม่สามารถ เข้าถึงแหล่งทุนต่าง ๆ อยู่แล้ว กลับกลาย เป็นว่าพวกเขาเหล่านัน้ ต้องเข้าไปอยูใ่ นวงจร อุบาทว์ที่ไม่สามารถจะออกมาได้อีกเลย หากผูก้ ไู้ ม่สามารถหาเงินมาชำ�ระเงินต้นได้ บริษทั เงินกูก้ ม็ กั จะเสนอการเปลีย่ นสัญญาใหม่ โดยขยายเวลาชำ � ระออกไปให้ น านขึ้ น แต่ ย อดเงิ น ใหม่ คื อ ยอดเงิ น ต้ น รวมอั ต รา ดอกเบี้ ย ที่ เ กิ ด ขึ้ น แล้ ว หรื อ เสนอเงิ น กู้ อีกก้อนหนึ่งไปรวมเงินกู้ยอดเก่าแล้วค่อยมา ชำ�ระก้อนใหม่แทน หรือบริษทั เงินกูร้ ายใหญ่ ก็จะแนะนำ�ให้ผู้กู้ไปขอกู้จากบริษัทสินเชื่อ ที่ เ ล็ ก ลงมาแต่ อั ต ราดอกเบี้ ย สู ง กว่ า เดิ ม และเป็นเช่นนีไ้ ปเรือ่ ย ๆ รูปแบบทีก่ ล่าวมาเหมือนกับสถานการณ์ ของประเทศเราในตอนนี้ โ ดยเฉพาะกั บ แก๊งเงินกูท้ ค่ี ดิ ดอกเบีย้ รายวันในอัตราร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน หากลูกหนีผ้ ดิ นัดต่อเนือ่ งเกิน สองวัน คนปล่อยหนี้ก็จะบังคับให้ทำ�สัญญา กู้ ใ หม่ โ ดยรวมเอาดอกเบี้ ย และยอดเงิ น ที่ค้า งมาทำ � สั ญ ญากู้ใ หม่ ท่ีเรี ย กว่ า “ล้ ม ” แล้วลูก หนี้ก็ก้มหน้ าก้ มตาชำ � ระหนี้ร ายวัน ต่อไปจนกว่าจะครบ
ปัญหาสำ�คัญของหนีน้ อกระบบในประเทศ ญีป่ นุ่ คือ การถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหนีเ้ งินกู้ จากผลสำ�รวจของ National Consumer Affairs Center of Japan ปี พ.ศ. 2550 ระบุวา่ ผลร้าย สามอั น ดั บ ของผู้ ที่ มี ชี วิ ต ตกอยู่ กั บ การ เป็นหนี้คือ (1) การฆ่าตัวตาย (2) เกิดโรคภัย ไข้เจ็บจากภาวะเครียด และ (3) ครอบครัว แตกแยก นอกจากนี้ วิ ธี ก ารติ ด ตามหนี้ ทีร่ นุ แรงเป็นสาเหตุหลักประการหนึง่ ทีท่ �ำ ให้ ชาวญีป่ นุ่ เกิดภาวะเครียด ทวงหนีโ้ ดยคุกคาม บีบบังคับให้ผู้หญิงไปขายบริการ การทวง ประจานหนีก้ บั พ่อแม่จนต้องชำ�ระแทนในทีส่ ดุ เจ้ า หนี้ น อกระบบยั ง อาจจะเผาบ้ า น เพื่อเอาเบี้ยประกันของผู้กู้ยืมมาจ่ายคืนหนี้ โดยในปี พ.ศ. 2542 ได้มีคดีความหนึ่งที่มี บริษัท Nichiei Co,Ltd. เป็นจำ�เลยที่ถูกฟ้อง ในคดีความที่บังคับให้ลูกหนี้ขายลูกนัยน์ตา และไตเพื่อนำ�เงินมาชำ�ระหนี้ นอกจากนั้น ในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ก็ได้เกิด โศกนาฎกรรมหนึ่ ง ขึ้ น คื อ การปล่ อ ยให้ รถไฟชนตัวเองตายของผูเ้ ป็นหนีส้ ามราย คือ พนักงานทำ�ความสะอาด อายุ 61 ปี พร้อมกับ ภรรยาของเขา และพี่ชาย อายุ 81 ปี แม้ว่า สื่อมวลชนจะไม่สามารถรับรู้มูลหนี้ที่เกิดขึ้น กับครอบครัวนี้ แต่สงิ่ ทีไ่ ด้ทราบ คือ ในทุกคืน จะมีโทรศัพท์มาข่มขูใ่ ห้ช�ำ ระหนีค้ นื โดยให้ไป ทำ�วิธีใดก็ได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะล้างหนี้ ด้วยชีวิตของพวกเขาเอง
แนวทางการแก้ปัญหา
แนวทางในการแก้ปญ ั หาหนีอ้ ตั ราดอกเบีย้ สูงในประเทศญีป่ นุ่ นัน้ อาจแบ่งประเด็นสำ�คัญ ได้เป็น 2 ส่วนสำ�คัญ คือ (1) การรวมกลุ่มกันของประชาชนเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา และ (2) การปรับปรุงกฎหมายปี พ.ศ. 2549 การรวมกลุ่มของภาคประชาชนในการแก้ไขปัญหา The Cresala Taikyo (the National Coalition for Fair Customer Credit) เป็นองค์กรระดับชาติท่รี วมกลุ่มขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ได้รับความเป็นธรรม ในการใช้บริการสินเชื่อ โดยสมาชิกในกลุ่มประกอบไปด้วยความหลากหลายทางอาชีพ เช่น นักวิชาการ ทนายความ ตุลาการอาลักษณ์ (เสมียนของผู้พิพากษา) สมาชิกขององค์กร ที่เป็นเหยื่อจากการได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เหมาะสม สหภาพแรงงาน กิจกรรมที่ทางองค์กร ทำ�เป็นหลักเพือ่ ป้องกันและกำ�จัดภาระหนีส้ นิ ทีร่ นุ แรงเนือ่ งจากความไม่เป็นธรรมทางด้านราคา จากการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลต่าง ๆ เช่น Sarakin (เป็นหนี้อัตราดอกเบี้ยสูงที่กลุ่มลูกค้า คือ พนักงานเงินเดือนทั่วไป) บริษัทบัตรเดรคิตและการให้กู้ยืม Shoko (พ่อค้าเงินกู้แก่ธุรกิจ ขนาดเล็ก) และพ่อค้าเงินกู้ตลาดมืด Justice Magazine Ministry of Justice
59
ยุติธรรมเดินหน้าช่วยประชาชน
The Cresala Taikyo ได้รบั ความร่วมมือเป็นอย่างดี จากสภาทนายความแห่งญี่ปุ่น (Japan Federation of Bar Associations) โดยทั้งสององค์กรได้ร่วมกันผลักดัน ให้ มี ก ารปรั บ ปรุ ง กฎหมายที่ ใช้ บั ง คั บ ธุ ร กิ จ สิ น เชื่ อ ถึงสองครัง้ สำ�คัญ คือ ปรับปรุง Money Lending Business Control Law ในปี พ.ศ. 2526 และ Money Lending Law ในปี พ.ศ. 2549 ซึ่ ง การปรั บ ปรุ ง นี้ ไ ด้ มี ก ารปรั บ ลด อัตราดอกเบีย้ มีขอ้ บังคับทีร่ นุ แรงมากขึน้ และมีการจำ�กัด การกู้ยืมเกินวงเงิน ในปัจจุบัน The Cresala Taikyo ยังคงดำ�เนินกิจกรรมรณรงค์โครงการเกีย่ วกับการปรับปรุง กฎหมายให้ดกี ว่าเดิม สร้างระบบรองรับการช่วยเหลือเหยือ่ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอัตราดอกเบี้ยสูง การปรับปรุงกฎหมายในปี พ.ศ. 2546 การปรับปรุงกฏหมายในครั้งนี้เกิดจากเหตุการณ์ การฆ่าตัวตายในเมืองโอซาก้าอันเป็นเหตุมาจากปัญหา ทางเศรษฐกิจ โดยฝ่ายนิตบิ ญ ั ญัตไิ ด้เห็นชอบให้มกี ฎหมาย ตลาดการเงินนอกระบบขึ้น (Black Market Finance Countermeasures Act) เพื่อไว้บังคับการดำ�เนินธุรกิจ กู้ยืมเงินที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางราชการ และการเรียก ชำ � ระหนี้ ที่ ผิ ด กฎหมาย โดยกฎหมายฉบั บ นี้ ไ ด้ ร ะบุ
60
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
โทษจำ�สูงสุดที่ 5 ปี และโทษปรับที่ไม่เกิน 10 ล้านเยน นอกจากนั้ น แล้ ว ยั ง มี ก ารปรั บ ปรุ ง กฎหมายเกี่ ย วกั บ การขึ้นทะเบียนเปิดธุรกิจสินเชื่อจากเดิมไม่มีเงินทุนขั้นตํ่า ให้ปรับเป็นมีเงินทุนดำ�เนินกิจการขั้นตํ่าที่ 30 ล้านเยน สำ�หรับประเภทบุคคลทั่วไป ประเด็นของการเรียกชำ�ระเงินนัน้ (การทวงถามหนี)้ ห้ามมิให้เจ้าหนี้กระทำ�การใดอันเป็นที่ทุกข์ใจหรือบังคับ ขู่เข็ญผู้กู้ยืม รวมทั้งให้ทำ�การเรียกชำ�ระเงินได้ในช่วง เวลาแปดโมงเช้าถึงสามทุม่ เท่านัน้ และเจ้าหนีไ้ ม่สามารถ โทรศัพท์ไปหาผูก้ ใู้ นทีท่ �ำ งานหรือทีอ่ น่ื ๆ นอกจากทีพ่ กั อาศัย นอกจากมี เ หตุ อั น สมควร รวมทั้ ง เจ้ า หนี้ ไ ม่ ส ามารถ เรียกร้องให้มีการชำ�ระหนี้โดยบุคคลที่สาม เว้นแต่บุคคล ที่สามเป็นคนคํ้าประกันเท่านั้น และหากสินเชื่อใดที่มี การคิดอัตราดอกเบี้ยเกินร้อยละ 109.5 ให้ถือว่าสัญญา สินเชื่อนั้นเป็นโมฆะ นอกจากปัญหาหนีน้ อกระบบโดยตรงแล้ว ประเทศญีป่ นุ่ ยั ง ได้ มี ก ารช่ ว ยเหลื อ ลู ก หนี้ ที่ มี ห นี้ สิ น ซํ้ า ซ้ อ น กล่ า วคื อ เป็ น หนี้ สิ น จากหลายแหล่ ง หรื อ เกิ ด จาก การกูย้ มื เงินจากเจ้าหนีร้ ายหนึง่ เพือ่ มาชำ�ระหนีใ้ ห้เจ้าหนี้ อีกรายหนึ่งไปเรื่อย ๆ
ยุติธรรมเดินหน้าช่วยประชาชน
การแก้ไขปัญหานีม้ กี ารดำ�เนินการตัง้ แต่ในปี พ.ศ. 2549 โดยมี ก ารตั้ ง คณะกรรมการแก้ ไ ขปั ญ หาหนี้ สิ น ของประชาชนที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี จากนั้นในปี พ.ศ.2550 มี ก ารจั ด โครงการจั ด การหนี้ ซํ้ า ซ้ อ น ของประชาชน โดยมี ม าตรการในการดำ�เนิ น การ 4 ประการ คือ 1.จัดตั้งศูนย์ดูแลและเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มี ความเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาการจัดการหนี้สินเข้ามา ขอคำ�ปรึกษาโดยการจัดตัง้ ศูนย์กระจายไปในระดับท้องถิน่ 2. การทำ�ให้หนี้นอกระบบหมดไป เมื่อมีการแก้ไข กฎหมายเพิม่ โทษทำ�ให้ต�ำ รวจเริม่ เข้ามาดำ�เนินการจับกุม อย่างจริงจังและมีการจัดตั้งหน่วยงานภายในของตำ�รวจ เพื่อจัดการกับหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ 3. การให้เงินกู้กับผู้มีรายได้ตํ่าหรือผู้มีความจำ�เป็น ในการดำ�รงชีวติ เป็นลักษณะกองทุน safetyness ทีร่ ฐั บาล ส่วนกลางออกทุนให้ 2 ใน 3 และท้องถิ่นออกทุน 1 ใน 3 โดยกองทุนนีม้ งุ่ ให้เงินกูก้ บั ผูท้ ม่ี รี ายได้นอ้ ย เช่น ผูม้ เี งินได้ ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี หรือมีรายได้ต่อครัวเรือน (ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2) ปีละไม่เกิน 2.8 ล้านเยน โดยกองทุนนี้ เริ่มจัดตั้งในปี 2549 เป็นจำ�นวน 200,000 ล้านเยน และในปัจจุบันมีการเพิ่มขึ้นเป็น 350,000 ล้านเยน 4. มีการให้ความรู้กับผู้บริโภคตลอดจนการจัดการ หนี้สินของประชาชน
แนวทางของประเทศญี่ปุ่นสามารถ นำ�ไปประยุกต์ ใช้กับประเทศไทยได้อย่างไร?
จากแนวทางการแก้ ไขปั ญ หาของประเทศญี่ ปุ่ น สามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้กับประเทศเราได้ ดังนี้ 1. กำ�หนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อที่จะให้หน่วยงานต่าง ๆ มีการแก้ไขอย่างจริงจัง 2. หน่วยงานที่เข้าไปดำ�เนินการไม่ควรเป็นลักษณะ ที่เป็นหน่วยชั่วคราว ควรเป็นหน่วยงานถาวรที่มีอำ�นาจ หน้าที่ในการแก้ปัญหาโดยตรง 3. ลู ก หนี้ บ างกลุ่ ม ไม่ ส ามารถเข้ า ถึ ง แหล่ ง ทุ น ตามหลั ก เกณฑ์ ป กติ ไ ด้ จึ ง ควรมี ลั ก ษณะการให้ กู้ ยื ม แบบสงเคราะห์หรือกึ่งสงเคราะห์เช่นเดียวกับกองทุน safetyness (กรณี นี้ เ ป็ น การแยกกลุ่ ม ลู ก หนี้ หรือจัดกลุ่มลูกหนี้เพื่อให้การช่วยเหลือตามภาวะปัญหา และความต้องการของลูกหนี้แต่ละกลุ่มที่ต่างกัน) 4. ปรับเปลี่ยนความเชื่อว่าเจ้าหนี้นอกระบบไม่ใช่ เพียงปัญหาระหว่างเจ้าหนีก้ บั ลูกหนี้ แต่เป็นปัญหาสังคม ที่นำ�ไปสู่ปัญหาอื่น ๆ มากมาย ทั้งปัญหาความรุนแรง ปัญหาครอบครัว ปัญหายาเสพติด
5. เพิ่มอัตราโทษทางกฎหมายเพื่อเอาผิดกับเจ้าหนี้ นอกระบบ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำ�เนินการกับ ผูก้ ระทำ�ความผิดอย่างจริงจัง และในขณะเดียวกันควรปรับ อั ต ราดอกเบี้ ย โดยให้ ส ะท้ อ นกั บ สภาพเศรษฐกิ จ และสังคมในปัจจุบัน 6. เพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหา หนีน้ อกระบบ เพราะมีความใกล้ชดิ กับประชาชนมากทีส่ ดุ จะเห็ น ได้ ว่ า ปั จ จุ บัน แนวทางการแก้ไขปัญ หาหนี้ นอกระบบของประเทศไทยคล้ายจะเดินรอยตามแนวทาง ของญี่ ปุ่ น ถ้ า ท่ า นได้ ติ ด ตามข่ า วจะพบว่ า เมื่ อ วั น ที่ 4 ตุลาคม 2559 คณะรัฐมนตรีได้มมี ติเห็นชอบในแนวทาง การแก้ไขปัญหาหนีน้ อกระบบอย่างยัง่ ยืนตามทีก่ ระทรวง การคลังได้เสนอ ทัง้ การดำ�เนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้ นอกระบบที่ผิดกฎหมาย การเพิ่มช่องทางการเข้าถึง สิ น เชื่ อ ในระบบ การลดภาระหนี้ ด้ ว ยการไกล่ เ กลี่ ย ประนอมหนี้ และการเพิ่มศักยภาพของลูกหนี้ เป็นต้น นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมได้เสนอแก้ไขกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัตหิ า้ มเรียกดอกเบีย้ เกินอัตรา เพือ่ กำ�หนดโทษ ให้สูงขึ้นและให้ครอบคลุมรูปแบบและพฤติการณ์การ ปล่ อ ยเงิ น กู้ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ในปั จ จุ บัน ซึ่ ง กฎหมายดังกล่าว ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติวาระที่ 1 อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึง่ จะเป็นการแก้ไขปัญหาทีเ่ ข้มข้นมากยิง่ ขึน้ เราคงหยิบเอา สิ่งที่ดีของประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ เพื่อให้เข้ากับบริบท ของประเทศไทย และคงจะเป็ น คำ � ตอบได้ ว่ า เหตุ ใ ด ก า ร กู้ ยื ม เ งิ น ซึ่ ง เ ป็ น เรื่ อ ง ท า ง แ พ่ ง จึ ง ต้ อ ง นำ � มาตรการทางอาญามาใช้บังคับ Justice Magazine Ministry of Justice
61
เรื่องต้องรู้
กองบรรณาธิการ
เรียกสินไหมทดแทน...
จากการคุมขัง “เกินกำ�หนด” เรื่องราวตัวอย่างของการกระทำ�ละเมิดตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งต้องมีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการขาดอิสรภาพและรายได้ในระหว่างที่ถูกคุมขังเกินกำ�หนด
มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับเสรีภาพ การจำ�กัดเสรีภาพ ของมนุษย์จะกระทำ�ได้ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย เท่ า นั้ น ถ้ า หากมี ก ารไปกระทำ � ละเมิ ด ก่ อ ให้ เ กิ ด ความเดือดร้อนเสียหายแก่ร่างกาย ชีวิตหรือทรัพย์สิน ของผู้อื่น ผู้กระทำ�ก็จะต้องถูกดำ�เนินคดีและต้องรับโทษ ตามกฎหมาย ซึง่ การรับโทษประเภทหนึง่ ก็คอื “การถูกจำ�กัด เสรีภาพหรืออิสรภาพด้วยการคุมขังอยู่ในเรือนจำ�” เช่นเดียวกับผู้ฟ้องคดี ในคดีที่เคยกระทำ�ผิดฐาน ชิงทรัพย์และต้องโทษจำ�คุกมาแล้ว 12 ปี หลังจากที่ พ้นโทษไม่ถึง 5 ปี ก็ได้กระทำ�ความผิดอีกในฐานข่มขืน กระทำ�ชำ�เรา ศาลอาญาจึงได้มีคำ�พิพากษาเพิ่มโทษอีก 1 ใน 3 ตามมาตรา 92 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ให้จำ�คุก 15 ปี และในระหว่างที่ผู้ฟ้องคดีรับโทษอยู่ที่ เรือนจำ� ก. ก็ได้ปฏิบัติตนเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีมาก ต่ อ มาได้ มี ก ารประกาศใช้ บั ง คั บ พระราชกฤษฎี ก า
62
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2547 โดยมีคณะกรรมการ ตรวจสอบผูซ้ ง่ึ จะได้รบั พระราชทานอภัยโทษ ประกอบด้วย ผูว้ า่ ราชการจังหวัดแห่งท้องที่ 1 คน ผูพ้ พิ ากษาแห่งท้องที่ หรือตุลาการศาลทหารแห่งท้องที่ 1 คน และพนักงาน อัยการแห่งท้องที่หรืออัยการทหารแห่งท้องที่ 1 คน รวมทั้งหมด 3 คน ทำ�หน้าที่ในการตรวจสอบคุณสมบัติ ของผูต้ อ้ งขังทุกราย ตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกา ดังกล่าว การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ต้องขัง เรือนจำ� ก. ได้ แ ต่ ง ตั้ ง คณะทำ � งานเพื่ อ ทำ � หน้ า ที่ สำ � รวจตรวจสอบ รายชื่ อ ผู้ ที่ จ ะได้ รั บ พระราชทานอภั ย โทษในเรื อ นจำ � และเสนอไปยังคณะกรรมการตรวจสอบฯ ชุดข้างต้น เพือ่ พิจารณา ซึง่ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ได้บญ ั ญัตใิ ห้นกั โทษชัน้ ดีมาก จะได้รบั การลดโทษ 1 ใน 3 ฉะนั้น กรณีของผู้ฟ้องคดีเป็นนักโทษชั้นดีมาก ก็จะได้รับ การลดโทษเหลือจำ�คุก 10 ปีจาก 15 ปี
เรื่องต้องรู้
จากผลการตรวจสอบของคณะทำ�งาน ซึ่ ง พิ จ ารณาแล้ ว ได้ นำ � เสนอความเห็ น ต่อคณะกรรมการตรวจสอบฯ ว่า ผู้ฟ้องคดี ขาดคุณสมบัติ เนือ่ งจากเคยได้รบั การเพิม่ โทษ ตามมาตรา 92 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมาตรา 11 (2) แห่งพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษฯ ได้บัญญัติว่า “ผู้ซึ่ง ถูกศาลพิพากษาให้เพิม่ โทษฐานกระทำ�ผิดอีก ตามมาตรา 92 หรือมาตรา 93 ในความผิด ประเภทเดียวกันแห่งประมวลกฎหมายอาญา...” ไม่อยูใ่ นข่ายทีจ่ ะได้รบั พระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คณะกรรมการ ตรวจสอบฯ พิจารณาแล้วจึงได้มีมติไม่ให้ ผู้ฟ้องคดีได้รับพระราชทานอภัยโทษ ต่ อ มาผู้ ฟ้ อ งคดี ถู ก ย้ า ยมารั บ โทษ ที่ เรื อ นจำ � ข. จึ ง ได้ ยื่ น คำ � ร้ อ งต่ อ อธิ บ ดี กรมราชทัณฑ์ ขอให้ตรวจสอบกรณีทตี่ นไม่ได้ รับพระราชทานอภัยโทษดังกล่าว เพราะตน มิ ไ ด้ ถู ก เพิ่ ม โทษใน “ความผิ ด ประเภท เดียวกัน” ตามมาตรา 11 (2) แห่งพระราช กฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษฯ โดยตนได้ กระทำ � ความผิ ด ฐานข่ ม ขื น กระทำ � ชำ � เรา และเคยกระทำ�ความผิดฐานชิงทรัพย์มาก่อน ยังไม่ถึง 5 ปี ศาลอาญาจึงได้เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ซึง่ ความผิดทัง้ สองครัง้ ดังกล่าว เป็นความผิด คนละฐานกัน ตนจึงเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะ ได้ รั บ พระราชทานอภั ย โทษตามพระราช กฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมราชทัณฑ์พจิ ารณาแล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีอยู่ในข่ายที่จะได้รับพระราชทาน อภัยโทษจริง จึงส่งเรือ่ งให้เรือนจำ� ก. ทบทวน คณะกรรมการตรวจสอบฯ พิจารณาแล้ว จึงได้มีการแก้ไขมติให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ได้รับ พระราชทานอภัยโทษ เหลือโทษจำ�คุก 10 ปี ผูฟ้ อ้ งคดีจงึ ได้รบั การปล่อยตัวจากเรือนจำ� ข. อย่ า งไรก็ ดี จากการที่ ค ณะกรรมการ ตรวจสอบฯ มี ม ติ ไ ม่ ใ ห้ ผู้ ฟ้ อ งคดี ไ ด้ รั บ พระราชทานอภั ย โทษ มี ผ ลให้ ผู้ ฟ้ อ งคดี ถูกคุมขังเกินกำ�หนดเป็นเวลากว่า 2 ปี ผูฟ้ อ้ งคดี ยืน่ ฟ้องกรมราชทัณฑ์ ผูบ้ ญ ั ชาการเรือนจำ� ก. และกระทรวงการคลั ง ต่ อ ศาลปกครอง
เพื่ อ ขอให้ ช ดใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนจาก การขาดอิ ส รภาพและรายได้ ใ นระหว่ า ง ที่ถูกคุมขังเกินกำ�หนด การที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ มีมติ ไม่ให้ผู้ฟ้องคดีได้รับพระราชทานอภัยโทษ จึ ง เป็ น การกระทำ � ที่ ไ ม่ ช อบด้ ว ยกฎหมาย เป็ น เหตุ ใ ห้ ผู้ ฟ้ อ งคดี ต้ อ งได้ รั บ โทษจำ � คุ ก เกินกว่ากำ�หนด อันเป็นการกระทำ�ละเมิด ต่อผู้ฟ้องคดีตามมาตรา 420 แห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึง่ กำ�หนดว่า “ผูใ้ ด จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำ�ต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี เสรี ภ าพก็ ดี ทรั พ ย์ สิ น หรื อ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ ง อย่ า งใดก็ ดี ท่านว่าผู้นั้นทำ�ละเมิดจำ�ต้องชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนเพื่อการนั้น นอกจากนี้ ศาลเห็นว่า คณะกรรมการ ตรวจสอบฯ ได้ท�ำ การพิจารณาโดยปราศจาก ความระมั ด ระวั ง ซึ่ ง บุ ค คลในภาวะเช่ น คณะกรรมการตรวจสอบฯ ทีไ่ ด้รบั มอบอำ�นาจ หน้าทีใ่ ห้ตรวจสอบการพระราชทานอภัยโทษ จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ในการใช้ ความระมัดระวังตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิม่ เติม และพิ จ ารณาทบทวนด้ ว ยความรอบคอบ หากพบข้ อ บกพร่ อ งย่ อ มมี อำ � นาจสั่ ง ให้ คณะทำ�งานตรวจสอบคุณสมบัตผิ ตู้ อ้ งขังใหม่ อีกครัง้ ได้ แต่คณะกรรมการตรวจสอบฯ หาได้ ใช้ให้เพียงพอไม่ เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับ
แหล่งที่มา : อุทาหรณ์จากคดีปกครอง www.admincourt.go.th/admincourt/upload/webcms/Academic/Academic_260416_112557.pdf (คอลัมน์รายงานพิเศษ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ โดยนางสมฤดี ธัญญสิริ รองเลขาธิการสำ�นักงานศาลปกครอง)
ความเสียหาย จึงเป็นการกระทำ�ละเมิดต่อ ผู้ฟ้องคดีและต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยมาตรา 5 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ได้กำ�หนดว่า การละเมิดอันเกิดจาก เจ้ า หน้ า ที่ ซึ่ ง ไม่ ไ ด้ สั ง กั ด หน่ ว ยงานของรั ฐ แห่ ง ใด ให้ ถื อ ว่ า กระทรวงการคลั ง เป็ น หน่วยงานที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย แ ม้ ก ร ณี นี้ เจ้ า ห น้ า ที่ ผู้ ก ร ะ ทำ � ล ะ เ มิ ด คือ คณะกรรมการตรวจสอบฯ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษาและพนักงาน อัยการ ซึง่ เป็นเจ้าหน้าทีข่ องรัฐทีม่ หี น่วยงาน ต้นสังกัดตามกฎหมายว่าด้วยการแบ่งส่วน ราชการนั้น ๆ ก็ตาม แต่เมื่อการดำ�เนินการ ตรวจสอบคุณสมบัตเิ ป็นกรณีทค่ี ณะกรรมการ ตรวจสอบฯ ใช้อำ�นาจตามพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษฯ อันเป็นการปฏิบัติ หน้ า ที่ ต ามกฎหมายอื่ น ที่ ไ ด้ รั บ มอบหมาย เป็นการเฉพาะ มิใช่การปฏิบตั หิ น้าทีร่ าชการ โดยทั่วไปในหน่วยงานต้นสังกัดของตน กรณีนี้จึงเป็นการกระทำ�ละเมิดในการ ปฏิบตั หิ น้าทีข่ องคณะกรรมการตรวจสอบฯ ซึ่ ง ไม่ ไ ด้ สั ง กั ด หน่ ว ยงานของรั ฐ แห่ ง ใด กระทรวงการคลัง จึงต้องรับผิดชดใช้เงิน ให้แก่ผ้ฟู ้องคดีจากการกระทำ�ละเมิ ด ของ คณะกรรมการดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุด พิ พ ากษาให้ ก ระทรวงการคลั ง ชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดี Justice Magazine Ministry of Justice
63
ภาษายุติธรรม
กองบรรณาธิการ
เข้าใจภาษาเอทีเอ็ม รู้ทันกลลวงยุคไอที
หากได้ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ หลายปีมานี้ทุกท่านจะได้เห็นข่าวมิจฉาชีพที่สร้างกลอุบาย โดยการหลอกลวงให้ ‘เหยือ่ ’ หลงเชือ่ ทางโทรศัพท์ และโอนเงินเข้าบัญชีของคนร้าย ด้วยวิธกี ารต่าง ๆ ที่เหล่ามิจฉาชีพได้คิดค้นอย่างแนบเนียน ซึ่งพฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายดังกล่าวถูกเรียกว่า ‘แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์’
วิธีการของคนร้ายกลุ่มนี้ได้ทำ�ทีเป็นเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษหลอกลวงประชาชนโดยการ พูดจาหว่านล้อมให้เหยื่อไปโอนเงินผ่าน ‘ตู้เอทีเอ็ม’ มายังบัญชีที่เตรียมไว้ โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้ถูกอายัด ทัง้ นี้ คนร้ายจะติดต่อเหยือ่ โดยใช้โทรศัพท์ผา่ นระบบ VOIP (Voice Over Internet Protocal) ที่สามารถ อำ�พรางให้แสดงเป็นหมายเลขโทรศัพท์ 0 2831 9888 ซึ่ ง เป็ น หมายเลขโทรศั พ ท์ ข องกรมสอบสวน คดีพิเศษ ทำ�ให้หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ต้องออกมา ประกาศให้ประชาชนทราบว่า ทางกรมฯ ไม่มีการให้ 64
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
เจ้าหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อพยานหรือบุคคลใด เพื่อให้ ดำ�เนินธุรกรรมทางการเงินที่ตู้เอทีเอ็มหรือธนาคาร พาณิชย์ด้วยตนเอง โดยจากคำ�บอกเล่า คนร้ายมักจะหลอกล่อให้ เหยื่ อ เลื อ กทำ � รายการผ่ า นตู้ เ อที เ อ็ ม ในเมนู ภ าษา อังกฤษ ซึง่ จะทำ�ให้เหยือ่ ขาดความเข้าใจและหลงเชือ่ ได้ ง่ า ยยิ่ ง ขึ้ น ในโอกาสนี้ คอลั ม น์ ภ าษายุ ติ ธ รรม จึงขอนำ�เสนอคำ�ศัพท์ภาษาอังกฤษต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ บริการจะต้องพบเจอระหว่างการทำ�ธุรกรรมทางเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็ม ได้แก่
Please enter PIN กรุณากดรหัสผ่าน For your own security, please do not let anyone see your PIN while entering. เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง กรุณาอย่าให้ใคร เห็นรหัสของคุณในขณะที่กดรหัสผ่าน After PIN entered, please press here. หลังจากกดรหัสผ่านเสร็จ กรุณากดที่นี่ Please select service. กรุณาเลือกบริการ Transaction การดำ�เนินการ Fast cash ถอนด่วน Withdrawal ถอนเงิน Inquiry สอบถามยอดบัญชี Transfer โอนเงิน Transfer amount จำ�นวนเงินโอน
Transfer amount in words จำ�นวนเงินโอนเป็นตัวอักษร Name of transferee ชื่อผู้รับโอน Transferee bank ธนาคารผู้รับโอน Pin change เปลี่ยนรหัสผ่าน Available balance ยอดเงินที่ถอนได้ Ledger balance ยอดเงินคงเหลือ Card issued overseas บัตรที่ออกจากต่างประเทศ Make an ATM card ทำ�บัตรเอทีเอ็ม To draw money from an ATM ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม Transaction record ใบบันทึกรายการ
นอกจากนี้ ยังมีคำ�ศัพท์เพิ่มเติมที่น่าสนใจเกี่ยวกับการติดต่อทำ�ธุรกรรมทางการเงินกับธนาคาร อาทิ Account บัญชีเงินฝาก Deposit การฝากเงิน Savings account บัญชีที่เราสามารถเก็บเงินได้ในระยะยาว และมีดอกเบี้ยให้ผู้ฝาก Exchange การแลกเปลี่ยนในที่นี้คือการแลกเปลี่ยน เงินตราในแต่ละสกุลเงิน Exchange rate อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ Bank balance จำ�นวนของเงินที่มีอยู่ในบัญชี Notes or bank note ธนบัตร
Coin เหรียญ Bank statement เอกสารที่บันทึกประวัติการฝากเข้า หรือถอนออกของเงินในบัญชี Cash เงินที่อยู่ในรูปของธนบัตร และเหรียญ หรือเงินสดนั่นเอง Credit card บัตรพลาสติกที่ใช้ชำ�ระเงินได้โดยจะมี การเก็บเงินดังกล่าวในภายหลัง Debit card บัตรพลาสติกที่เงินในบัญชีจะถูกตัดทันที ที่มีการใช้ชำ�ระเงิน
คำ�ศัพท์ทคี่ อลัมน์ภาษายุตธิ รรมหยิบยกมาแนะนำ�นีเ้ ป็นเพียงส่วนหนึง่ ของการทำ�ธุรกรรมทางการเงินเท่านัน้ ทีส่ �ำ คัญประชาชนควรระลึกไว้เสมอว่า หากได้รบั โทรศัพท์ทนี่ า่ สงสัยให้โอนเงินหรือกระทำ�การอย่างใดอย่างหนึง่ ผ่านตู้เอทีเอ็ม ควรตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนกับหน่วยงานโดยตรงเสียก่อน และหากพบเบาะแสการกระทำ�ความผิด ดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สายด่วน 1202 หรือ www.dsi.go.th ข้อมูลจาก: www.pasaangkit.com/at-the-bank , www.dmc.tv
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
กองบรรณาธิการ
วันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติ 2559 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านคอร์รปั ชัน 2559 โดยมีพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมกล่าวปาฐกถา พร้ อ มด้ ว ยผู ้ บ ริ ห ารระดั บ สู ง ข้ า ราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวง ยุตธิ รรม เข้าร่วมฯ ณ มณฑลพิธที อ้ งสนามหลวง กรุงเทพฯ
ต้อนรับเอกอัครราชทูตวิสามัญ ฟิลิปปินส์ประจำ�ประเทศไทย พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ Mrs. Mary Jo A. Bernardo – Aragon เอกอัครราชทูต วิสามัญผู้มีอ�ำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจ�ำประเทศไทย พร้อมคณะ ในโอกาสเข้ารับต�ำแหน่งใหม่ พร้อมหารือข้อราชการ เกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ว่าด้วยการโอนตัว นักโทษ การแก้ไขปัญหายาเสพติด และความร่วมมืออื่น ๆ ในกรอบ ทวิภาคีและอาเซียน ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และพัฒนา ความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
ยธ. เผยแพร่ผลการทบทวน รายงานสถานการณ์ สิทธิมนุษยชนของไทยตามกลไก UPR นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเผยแพร่ ผลการทบทวนรายงานสถานการณ์สทิ ธิมนุษยชนของไทย ตามกลไก Universal Periodic Review (UPR) รอบ 2 ให้กบั ทุกภาคส่วนของประเทศ เพือ่ สร้างความเข้าใจทีต่ รงกัน พร้อมหารือแนวทางการด�ำเนินงานตามข้อเสนอแนะ จากนานาชาติ และเพือ่ ขับเคลือ่ นงานด้านสิทธิมนุษยชน ของไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชัน กรุงเทพฯ
66
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ที่นี่แจ้งวัฒนะ
ยธ. จัดงานสัปดาห์กระบวนการยุตธิ รรมเด็กและเยาวชนสูม่ ติ ิใหม่ ศ.พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก และเยาวชน เป็นประธานเปิดงาน “สัปดาห์กระบวนการยุติธรรมเด็ก และเยาวชนสูม่ ติ ใิ หม่ (Juvenile Justice Week)” และเปิดการเสวนา วิ ช าการในหั ว ข้ อ “ทิ ศ ทางการพั ฒ นากระบวนการยุ ติ ธ รรมเด็ ก และเยาวชนของประเทศไทย” เพื่ อ น� ำ เสนอผลการด� ำ เนิ น งาน การปฏิบตั ติ อ่ เด็กและเยาวชนของกรมพินจิ ฯ และหน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้อง โดยน�ำเสนอแนวคิด องค์ความรู้ ในการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน ในกระบวนการยุตธิ รรมตามมาตรฐานสากล รวมทัง้ แสวงหาความร่วมมือ ในการพัฒนานโยบายและยกระดับการปฏิบตั ติ อ่ เด็กและเยาวชนทีเ่ ข้าสู่ กระบวนการยุติธรรมของประเทศ ณ โรงแรมวินเซอร์สวีท กรุงเทพฯ
เช็ ค พิ กั ด ความก้ า วหน้ า ฯ เตรี ย มความพร้ อ มสู่ ประชาคมอาเซียน นายธวั ช ชั ย ไทยเขี ย ว รองปลั ด กระทรวงยุ ติ ธ รรม เป็นประธานในพิธีเปิดเวทีเสวนา “เช็คพิกัดความก้าวหน้า และภารกิจกระทรวงยุตธิ รรม...บนเส้นทางสูป่ ระชาคมอาเซียน (AEC + 3)” เพื่อส�ำรวจสถานะ ติดตามความก้าวหน้า และภารกิจของหน่วยงานในกระบวนการยุตธิ รรมกับประชาคม อาเซียน + 3 (ASEAN Economic community – AEC+3) ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมกระบวนการยุตธิ รรมไทย เข้าสูป่ ระชาคมอาเซียน เพือ่ ก�ำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนา และขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจน โรงแรม เซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ
มหกรรมเสริมสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ พันต�ำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ผู้ตรวจราชการ กระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการ เสริมสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ เป็นประธาน เปิดโครงการมหกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ แห่งชาติ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการเสริมสร้าง ความสมานฉั น ท์ แ ก่ ภ าคประชาชน และส่ ง เสริ ม การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและเยาวชนผ่านเวที วิ ช าการ ทั้ ง นี้ เพื่ อ เสริ ม สร้ า งความสมานฉั น ท์ ในสั ง คมไทยให้ยั่งยืน ณ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร ์ น พลัส แวนดา แกรนด์ จังหวัดนนทบุรี
Justice Magazine Ministry of Justice
67
รอบรู้เรื่องอาเซียน
นายมนินธ์ สุทธิวัฒนานิติ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำ�นาญการ สำ�นักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำ�นักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
ก้าวต่อไป ของประเทศไทย
ในประชาคมอาเซียน หลังการเป็นประชาคมอาเซียน อย่างเป็นทางการ ประเทศสมาชิก รวมถึงประเทศไทยมุ่งมั่น ขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในระดับ ภูมิภาค สร้างหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และวางเป้าหมายให้อาเซียนกลายเป็น ศูนย์กลางของภูมิภาค โดยประเทศไทย จะมีบทบาทในฐานะผู้สร้างสะพาน เชื่อมระหว่างสมาชิก G77 และ G20 พร้อมผนึกความร่วมมือระหว่างประเทศ พัฒนาแล้วและประเทศกำ�ลังพัฒนา เมื่อวันที่ 6-8 กันยายน 2559 ได้ มี ก ารประชุ ม สุดยอดอาเซียน ครัง้ ที่ 28 และ 29 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึง่ การประชุมครัง้ นี้ ได้สร้างกระแสความสนใจในสือ่ ต่าง ๆ ทัว่ โลกมากพอสมควร เนื่ อ งจากขณะนั้ น ประธานาธิ บ ดี บ ารั ค โอบามา ได้ เข้ า ร่ ว มการประชุ ม สุ ด ยอดอาเซี ย น-สหรัฐอเมริกา และการประชุมสุดยอดผูน้ �ำ เอเชียตะวันออกที่เป็นกิจกรรม ต่อเนื่องกับการประชุมสุดยอดอาเซียน และได้มีการ พบกับประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ของฟิลิปปินส์ ในช่วงก่อนงานเลี้ยงอาหารคํ่าผู้นำ�ชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วม การประชุ ม สุ ด ยอดอาเซี ย นและการประชุ ม สุ ด ยอด ทีเ่ กีย่ วข้อง และประเด็นการให้ความช่วยเหลือสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาวในการเก็บกู้ระเบิดที่ตกค้าง จากสงครามอินโดจีน สำ�หรับสือ่ ในประเทศไทยนัน้ ดูจะไม่ได้ให้ความสนใจ การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้มากนัก แต่กลับไปให้
68
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ความสนใจกับการประชุมผู้นำ� G20 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4-5 กันยายน 2559 ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ เข้ า ร่ ว มการประชุ ม ในฐานะประธานกลุ่ ม G77 โดยประเด็ น ที่ สื่ อ ให้ ค วามสนใจกั น มากที่ สุ ด คงไม่ พ้ น การพบกับนาย Jack Ma ผูก้ อ่ ตัง้ บริษทั Alibaba เกีย่ วกับ การพั ฒ นาอี ค อมเมิ ร์ ซ ให้ กั บ ธุ ร กิ จ ขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SME) ในไทย และการพัฒนาบุคลากรด้านไอที ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะ ตัง้ แต่ปี 2558 ทีไ่ ด้ยกระดับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้มาเป็นประชาคมอาเซียน ก็ดเู หมือนว่า ความตืน่ เต้น ตืน่ ตัวเกีย่ วกับประชาคมอาเซียนกลับลดลง มากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2555-2557 ที่มีกระแส ตื่นตัวเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคม อาเซียน และมีการติดตามความเคลื่อนไหวหรือกิจกรรม ต่าง ๆ ของอาเซียนอย่างคึกคักมาก ซึ่งอาจมาจากการ คาดการณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเมื่อเป็นประชาคมอาเซียน แล้วจะเกิดผลกระทบในด้านต่าง ๆ มากมาย แต่เมือ่ เวลา ผ่านไปจนมาถึงการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนจริง ๆ กลั บ พบว่ า ไม่ ไ ด้ มี ก ารเปลี่ ย นแปลงอะไรที่ ก ระทบต่ อ วิถีชีวิตของคนทั่วไป
รอบรู้เรื่องอาเซียน
นอกจากนี้ การลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพ ยุโรปของอังกฤษ (สหราชอาณาจักร) ในเดือนมิถนุ ายน 2559 ที่ผ่านมา ก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำ�ให้การรับรู้เกี่ยวกับ การรวมตัวของกลุ่มประเทศต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่มักจะมองถึงการขยายจำ�นวนสมาชิกในกลุ่ม ความร่วมมือหรือการรวมกลุ่มในภูมิภาคต่าง ๆ มาเป็น การหันมามองว่าจะมีประเทศใดถอนตัวออกจากการ รวมกลุ่มใดอีกบ้างหรือไม่ อย่ า งไรก็ ต าม ประเด็ น ที่ น่ า สนใจของประชาคม อาเซี ย นในขณะนี้ ก็ ยั ง คงเป็ น การขยายความร่ ว มมื อ ออกไปสู่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ซึ่งเป็นการสร้างระบบการค้าเสรีภายใต้ กฎระเบียบเดียวกันของประชาคมอาเซียนกับภาคีอีก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ญีป่ นุ่ เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อันเป็นการดำ�เนินการตามแผนงานของ อาเซียนในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับ ประเทศคูเ่ จรจา โดยการทำ�ให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางของ สถาปัตยกรรมในภูมภิ าค ซึง่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ ก ล่ า วถึ ง แนวทางการดำ � เนิ น งานของรั ฐ บาลว่ า จะ ต้องมีการมองถึงกิจกรรมทีจ่ ะจัดร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Joint Activities) ในลักษณะ “หุ้นส่วน ทางยุ ท ธศาสตร์ ” และการแสวงหาโอกาสทั้ ง ทาง เศรษฐกิจและสังคม ของประชาชนในภูมภิ าคจากการเป็น หุน้ ส่วนยุทธศาสตร์ดงั กล่าว ทัง้ นี้ ประเด็นทีน่ า่ สนใจก็คอื พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวถึงการประชุมสุดยอด อาเซียนนั้นมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันกับการประชุม ผูน้ �ำ G20 และได้เน้นถึงบทบาทของประเทศไทยในฐานะ ผู้สร้างสะพานเชื่อม (Bridge Builder) ระหว่างสมาชิก G77 และ G20 ที่เป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง ประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำ�ลังพัฒนาด้วยการสร้าง “หุ้นส่วนระดับโลก” ซึ่งก็เป็นการแสดงถึงแนวคิดในการ อาศัยประชาคมอาเซียน และกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ในภูมภิ าคเป็นฐาน (Platform) ในการพัฒนาให้ประเทศไทย พ้นจากประเทศรายได้ปานกลางไปเป็นประเทศทีพ่ ฒ ั นาแล้ว ซึ่ ง ก็ จ ะต้ อ งมี ก ารวางยุ ท ธศาสตร์ เ พื่ อ บริ ห ารความ ร่วมมือหรือการใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือต่าง ๆ อย่างเต็มที่ มิใช่แค่การวางแผนปฏิบตั กิ ารตามความตกลง ฉบับต่าง ๆ อย่างที่เคยดำ�เนินการกันมาก่อนหน้านี้
Justice Magazine Ministry of Justice
69
รู้จัก IT
กองบรรณาธิการ
นวัตกรรมดิจิทัลยุค Thailand 4.0
โฉมใหม่ของบริการเหนือระดับ 70
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
รู้จัก IT
ทุกวันนี้ ภาคธุรกิจได้นำ�เทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการลูกค้าเป็นจำ�นวนมาก ซึ่งผู้ ให้บริการต้อง สร้างประสบการณ์ทด่ี ีให้ผู้ใช้บริการ ทัง้ ในแง่ของการมี User Interfaces ที่ใช้งา่ ย ปรับเปลีย่ น ได้ตามรูปแบบของหน้าจออุปกรณ์ที่หลากหลาย ตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าในยุคไอที ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งองค์กรธุรกิจจะต้องให้ความสำ�คัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มี ความพร้อมและความเข้าใจอย่างเพียงพอ เพื่อนำ�พาองค์กรเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ต่อไป ในปัจจุบนั เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ได้เข้ามามีบทบาทในการ ดำ�เนินธุรกิจในหลายด้าน ทั้งในส่วนของโครงสร้างการ ทำ�งานของภายในองค์กร การนำ�เสนอสินค้าและบริการ ต่าง ๆ ของธุรกิจ นำ�มาอำ�นวยความสะดวกให้ลกู ค้าทัว่ ไป ได้เข้าถึงสินค้าและบริการนั้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยัง ช่วยทำ�ให้รูปแบบธุรกิจที่มีอยู่เกิดความต่อเนื่องมากขึ้น หรือเกิดเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ (New Business Model) ที่ เชื่ อ มโยงถึ ง กั น ได้ อ ย่ า งราบรื่ น ตลอดจนสามารถ ตอบสนองการสื่อสารสองทางและ Real time ให้แก่ ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำ�ทางธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จำ�เป็นต้อง ปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ดิจิทัล (Digital Strategy) ของตน โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมด้านดิจิทัลอย่าง มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพมากขึ้ น เพื่ อ ลดต้ น ทุ น การให้ บ ริ ก าร เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า รักษาและขยายฐานลูกค้า รวมทั้งจำ�เป็นต้องพัฒนากลยุทธ์ดิจิทัลแบบครบวงจร เพื่อดำ�เนินธุรกิจ สร้างสรรค์สินค้า-บริการ และพบกับ ความท้าทายในโลกดิจิทัลที่ซับซ้อนมากขึ้นในทุก ๆ วัน โดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม ได้ให้แง่คดิ เกี่ยวกับการนำ�นวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในการดำ�เนินธุรกิจ ว่ า ประสบการณ์ ท างดิ จิ ทั ล ที่ แ ตกต่ า งกั น ของลู ก ค้ า เป็นปัจจัยสำ�คัญที่บริษัทจะต้องให้ความสนใจ ลูกค้าที่มี การใช้งานออนไลน์เป็นประจำ�มักจะติดต่อกับฝ่ายลูกค้า สัมพันธ์ทางช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์หรือ mobile application ได้ด้วยตนเอง ซึ่งลูกค้าเหล่านี้มีความ คาดหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่ดีจากผู้ให้ บริการ ได้รับคำ�ตอบที่ชัดเจนและความช่วยเหลือต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ หากผู้ ใ ห้ บ ริ ก ารประสบความล้ ม เหลวในการให้ บริการออนไลน์แก่ลูกค้า เช่น ไม่สามารถให้ข้อมูล หรือ ตอบคำ�ถามแก่ลกู ค้า ใช้ภาษาทีไ่ ม่ชดั เจน หรือมีขนั้ ตอนที่ ทำ�ให้ลกู ค้ารูส้ กึ ถึงความยุง่ ยากซับซ้อนในการดำ�เนินการ
อุปสรรคดังกล่าวจะส่งผลให้ลูกค้าไม่อยากใช้บริการผ่าน ช่องทางออนไลน์ และเปลี่ยนไปใช้ช่องทางอื่นแทน เช่น ช่องทางโทรศัพท์ผ่านทาง Call Center หรือทางอีเมล ไปยังเจ้าหน้าที่ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้จะส่งผลให้ผู้ให้บริการ มีต้นทุนที่สูงขึ้น ดั ง นั้ น การนำ � เครื่ อ งมื อ ดิ จิ ทั ล มาใช้ ป ฏิ สั ม พั น ธ์ กับลูกค้าให้เกิดประโยชน์สงู สุด ควรออกแบบให้ตอบสนอง ความต้ อ งการของลู ก ค้ า ผ่ า น User Interfaces ที่ สามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ตามรูปแบบของหน้าจอ อุปกรณ์ที่หลากหลาย มีเนื้อหาที่ทันสมัย และยึดลูกค้า เป็นศูนย์กลาง ตัวอย่างเช่น ในธุรกิจประกันภัย ผู้ใช้งาน สามารถตรวจสอบค่ า ใช้ จ่ า ยหรื อ เบี้ ย ประกั น ผ่ า น สมาร์ทโฟนหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น โดยการ พัฒนานวัตกรรม และประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่มุ่งเน้น ความเป็นมิตรต่อลูกค้า ลูกค้าทีม่ ปี ระสบการณ์ดา้ นดิจทิ ลั ที่ต่างกันก็สามารถใช้งานได้ เนื่องจากผู้เข้ารับบริการ ส่ ว นใหญ่ นั้ น มี ค วามคาดหวั ง ว่ า การใช้ ง านออนไลน์ จะต้องใช้งานง่ายและกระชับ เหมือนเว็บไซต์และ mobile application อื่นทั่วไป ในหลายองค์กรธุรกิจนั้น การนำ�นวัตกรรมดิจิทัล มาใช้อาจเกิดอุปสรรคปัญหาได้ในหลายจุด หากไม่มี ความพร้อมและความเข้าใจได้เพียงพอ อย่างเช่น การมี ช่องทางการจัดจำ�หน่ายที่หลากไหลายและเทคโนโลยี แบบดัง้ เดิมทำ�ให้ยากต่อการดำ�เนินงาน ส่งผลกระทบต่อ ความรวดเร็วในการนำ�กลยุทธ์ใหม่มาปรับใช้ ตลอดจน บุคลากรไม่พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงในการทำ�งาน รูปแบบใหม่ แต่ในท้ายทีส่ ดุ หากทุกองค์กรข้ามพ้นความท้าทาย ดั ง กล่ า วไปได้ นวั ต กรรมยุ ค ดิ จิ ทั ล ที่ ว่ า จะส่ ง ผลดี แก่การดำ�เนินธุรกิจท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจทีถ่ ดถอย เพิ่มประสิทธิภาพเหนือคู่แข่ง รักษาสายสัมพันธ์ที่ดี กับลูกค้า และรับมือกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วได้แน่นอน Justice Magazine Ministry of Justice
71
เคล็ดลับเกร็ดสุขภาพ
กองบรรณาธิการ
อาหารก่อมะเร็ง แม้ทางการแพทย์จะยังไม่สามารถระบุ ถึ ง สาเหตุ ข องโรคมะเร็ ง ได้ ชั ด เจน แต่ เ ราก็ ส ามารถลดความเสี่ ย งลง ด้วยการหลีกเลี่ยงรับประทานอาหาร ที่มีสารก่อมะเร็ง และสร้างสุขนิสัยที่ดี เพื่อชีวิตที่ปลอดจากมะเร็ง
72
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
เคล็ดลับเกร็ดสุขภาพ
“โรคมะเร็ง” นับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรโลก มะเร็งเกิดได้กับอวัยวะแทบจะทุกส่วน ของร่างกาย ขณะที่วิทยาการทางการแพทย์ยังไม่สามารถระบุสาเหตุส�ำคัญของการเกิดโรคมะเร็งได้ แต่งานวิจัย หลายชิ้นยืนยันว่า พฤติกรรมการรับประทาน “อาหารก่อมะเร็ง” ซ�้ำซาก เป็นสาเหตุส�ำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดโรค ดังกล่าว ดังนั้น เราจึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภค “อาหารก่อมะเร็ง” หรืออาหารที่ทานแล้วเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็น โรคมะเร็ง อันได้แก่ 1. ไขมั น การทานอาหารไขมั น สู ง เป็ น ประจ� ำ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็ง เต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก 2. เนื้อแดง การทานเนื้อสัตว์สีแดง ในปริมาณ มากเป็นประจ�ำ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ มากกว่าการทานอาหารไขมันสูงเสียอีก ดังนั้น เราจึง ควรหันมารับประทานเนือ้ สัตว์สขี าว จ�ำพวกปลา-ไก่แทน 3. อาหารปนเปื ้ อ นเชื้ อ รา โดยเฉพาะเชื้ อ รา “แอสเปอจิลลัสเฟวัส” ที่ก่อให้เกิดมะเร็งในตับ เชื้อรา ดังกล่าวเจริญเติบโตควบคู่กับสารพิษอะฟล่าท็อกซิน ซึง่ พบมากในถัว่ ลิสงหรือพริกแห้งทีค่ วั่ ป่นทิง้ ไว้ แต่เก็บไม่ มิดชิดจนเกิดเป็นเชือ้ รา สารพิษอะฟล่าท็อกซินนีอ้ นั ตราย มาก เนื่ อ งจากไม่ ส ามารถท� ำ ลายได้ ด ้ ว ยความร้ อ น จากการปรุงอาหาร ทัง้ ยังพบมากในเมนูอาหารยอดนิยม อาทิ ก๋วยเตี๋ยวต้มย�ำใส่ถั่วลิสงคั่ว ฉะนั้น ทุกครั้งที่ทาน ถั่วลิสงคั่วหรือพริกแห้งป่น หากไม่มั่นใจว่าเพิ่งคั่วใหม่ ก็ควรหลีกเลี่ยงหรืออาจใช้วิธีคั่วทานเองแบบสดใหม่ จะปลอดภัยกว่า 4. อาหารปนเปื้อนยาฆ่าแมลง ทั้งในผัก ผลไม้ อาหารตากแห้งต่าง ๆ อาทิ กุง้ แห้ง ปลาหมึกแห้ง อาหาร เหล่านีส้ ว่ นใหญ่มยี าฆ่าแมลงตกค้างในขัน้ ตอนของการปลูก และการเก็บรักษาก่อนส่งถึงมือผูบ้ ริโภค ดังนัน้ ก่อนปรุง อาหารจึงควรล้างให้สะอาด และควรเลือกซือ้ จากเกษตรกร หรือร้านค้าทีเ่ ชือ่ ใจได้วา่ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงจะดีทสี่ ดุ 5. อาหารปนเปื ้ อ นสารปรุ ง แต่ ง ต่ า งๆ อาทิ ดินประสิว (ไนเตรท ไนไตรท์) สีผสมอาหาร สารกันบูด ที่พบได้ในอาหารจ�ำพวกไส้กรอก แหนม เนื้อสวรรค์ กุ น เชี ย ง สารปรุ ง แต่ ง เหล่ า นี้ กระทรวงสาธารณสุ ข อนุ ญ าตให้ ใ ส่ ไ ด้ ใ นอั ต ราส่ ว นตามที่ ก ฎหมายก� ำ หนด เท่านั้น หากใส่มากเกินไป หรือบริโภคน้อย แต่บ่อยครั้ง ก็สะสมเป็นสารก่อมะเร็งได้ในที่สุด
6. อาหารปิ้งย่างรมควัน อาทิ หมูปิ้ง หรือเนื้อย่าง มักมีสารพิษ PAH ตกค้างอยู่บริเวณเนื้อที่ไหม้เกรียม ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งปอด เต้านม และกระเพาะอาหาร ทุกครั้งที่รับประทานจึงควรตัดส่วนเนื้อหรือหนังที่ไหม้ เกรียมออก และควรหลีกเลี่ยงการบริโภคซ�้ำบ่อย ๆ 7. อาหารดิบ ๆ สุก ๆ เสี่ยงต่อการเป็นโรคพยาธิ ใบไม้ในตับและมะเร็งตับ เพราะพยาธิเหล่านี้จะอยู่ใน อาหารจ�ำพวกปลาน�้ำจืด อาทิ ปลาตะเพียนที่ปรุงไม่สุก เมื่อพยาธิเข้าไปฝังตัวในท่อน�้ำดีหรือขั้วตับของผู้ป่วย ก็จะก่อให้เกิดการอักเสบและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด วิธีป้องกัน คือ ทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เท่านั้น 8. เครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ อาทิ เหล้า เบียร์ และบุหรี่ ก็เป็นตัวการส่งเสริมให้เกิดมะเร็งตับและปอดได้เช่นกัน เห็นได้ว่าอาหารที่เรารับประทานกันอยู่เป็นประจ�ำ ด้วยความชื่นชอบหรือคุ้นชิน บางอย่างเป็น “อาหาร ก่อมะเร็ง” อย่างที่เราคาดไม่ถึง ดังนั้น เราจึงควรเลือก บริโภคอาหารและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการทานอาหาร แบบซ�้ ำ ซากจ� ำ เจ ซึ่ ง อาจน� ำ ไปสู ่ ส าเหตุ ข องการเป็ น โรคมะเร็งได้ โดยพึงใช้คาถาป้องกันโรคมะเร็งง่าย ๆ ดังนี้ • ลด-ละ-เลิก อาหารอุดมไขมัน / อาหารปรุงแต่ง กลิ่นสี / อาหารใส่สารกันบูด-ผงชูรส / อาหารดัดแปลง และใช้สารเคมี / เนื้อแดง / อาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม / ถั่วลิสงหรือพริกแห้งคั่วค้างคืน / อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ / แอลกอฮอล์ บุหรี่ ทุกชนิด • เลือก ทานอาหารจากธรรมชาติ ปรุงสุก ล้างสะอาด ครบ 5 หมู่ ทานเนือ้ ไก่ ไข่ ปลา ผัก ผลไม้ทมี่ เี ส้นใย รสชาติ หวานน้อย ไม่ทานอาหารชนิดเดิม ๆ แบบซ�้ำซากจ�ำเจ • สร้างเสริม ร่างกายให้แข็งแรง หมั่นออกก�ำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี.้ ..ทุกคนก็สามารถลดความเสีย่ งการเป็น โรคมะเร็งร้าย ให้หา่ งไกล จนหายไปจากชีวติ ได้แล้ว Justice Magazine Ministry of Justice
73
ทุกทิศทั่วยุติธรรม
กองบรรณาธิการ
ยุติธรรมทั่วไทย ช่วงที่ผ่านมา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อาทิ สถาบันพัฒนา บุคลากรด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำ�นักงาน ป.ป.ส. สำ�นักงานยุติธรรมจังหวัด (สยจ.) สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด สำ�นักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เรือนจำ� ทัณฑสถานประจำ� จังหวัดฯ ได้ดำ�เนินงานและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่บทบาทและภารกิจของหน่วยงาน ให้ความช่วยเหลือ ประชาชน อำ�นวยความเป็นธรรมเพิื่อลดความเหลื่อมลํ้าแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง สรุปเป็นภาพรวมผลการ ดำ�เนินงานทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมาได้ดังนี้
สำ�นักงานยุติธรรมจังหวัดลพบุรี
สำ � นั ก งานยุ ติ ธ รรมจั ง หวั ด ลพบุ รี จั ด โครงการ ประชุมเชิงปฏิบัติการ ชี้แจงแนวทางการดำ�เนินงานของ ศูนย์ยุติธรรมชุมชนจังหวัดลพบุรี และชี้แจงการปฏิบัติงาน ของคณะกรรมการและทีป่ รึกษาศูนย์ยตุ ธิ รรมชุมชน จำ�นวน 22 ศูนย์ฯ ขึ้น ณ ห้องขายทอดตลาด สำ�นักงานบังคับคดี จังหวัดลพบุรี อาคารบูรณาการกระทรวงยุติธรรม ชั้น 2 อำ�เภอเมือง จังหวัดลพบุรี โ ค ร ง ก า ร ป ร ะ ชุ ม เชิ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร ค รั้ ง นี้ จั ด ขึ้ น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในหลักการ แนวคิด วิธีการ ดำ�เนินงานของศูนย์ฯ นำ�เสนอแนวคิดเกี่ยวกับประโยชน์ ทีช่ มุ ชนพึงจะได้รบั จากการดำ�เนินงานของเครือข่ายยุตธิ รรม ชุมชนและศูนย์ยุติธรรมชุมชน และเพื่อเป็นสื่อกลางในการ เผยแพร่ความรู้และให้บริการประชาชนทุกระดับอย่างทั่วถึง อันจะนำ�ไปสู่เป้าหมายสูงสุดนั่นก็คือ การลดความเหลือ่ มลํา้ ทางสังคมด้านกระบวนการยุตธิ รรมของจังหวัดลพบุรใี นอนาคต
ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ศู น ย์ ป ฏิ บั ติ ก ารคดี พิ เ ศษจั ง หวั ด ชายแดนภาคใต้ จัดโครงการฝึกอบรม “การวิเคราะห์ข่าวความมั่นคง ครั้งที่ 1” ขึน้ โดยมีขา้ ราชการและเจ้าหน้าทีท่ เ่ี กีย่ วข้อง เข้ า ร่ ว มฟั ง การอบรมเป็ น จำ � นวนมาก ณ โรงแรมหรรษาเจบี อำ�เภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
74
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ทุกทิศทั่วยุติธรรม
คุ้มครองสิทธิ ภาค 2
สถานพินิจฯ จังหวัดเชียงราย
นายนภสินธุ์ นาชัยพลอย ผู้อำ�นวยการสถานพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย ลงนามในบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยมาตรการพิเศษแทนการดำ�เนินคดี อาญาและการพิพากษาคดี ณ ห้องประชุม ศาลเยาวชนและ ครอบครัวจังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงราย
นางศกุลตรา นนตรี ผู้อำ�นวยการสำ�นักงาน คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ภาค 2 ร่วมบรรยาย ในหัวข้อ “พระราชบัญญัตคิ า่ ตอบแทนผูเ้ สียหาย และค่ า ทดแทนและค่ า ใช้ จ่ า ยแก่ จำ � เลยในคดี อาญา พ.ศ. 2544” ในโครงการส่งเสริมการระงับ ข้ อ พิ พ าทโดยการไกล่ เ กลี่ ย ในชุ ม ชน ภายใต้ กิจกรรมการขับเคลื่อน สรุปและถอดบทเรียน กิจกรรมการส่งเสริมการระงับข้อพิพาท ในการนี้ นางศกุ ล ตราฯ ยั ง ได้ ม อบป้ า ย ประชาสัมพันธ์สำ�นักงานช่วยเหลือทางการเงิน แก่ผเู้ สียหายและจำ�เลยในคดีอาญาแก่ส�ำ นักงาน ยุ ติ ธ รรมจั ง หวั ด กาฬสิ น ธุ์ เพื่ อ นำ � ไปมอบต่ อ ให้แก่สถานีตำ�รวจภูธรภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ ในการประชาสัมพันธ์ครั้งต่อไป ณ หอประชุม ธรรมาภิบาล สำ�นักงานเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ อำ�เภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์
เรือนจำ�กลางลพบุรี
เรือนจำ�กลางลพบุรี จัด “โครงการอบรมหลักสูตรมัคนายก” เพือ่ บำ�บัด ฟื้นฟู และแก้ไขพฤตินิสัยแก่ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ (คือเหลือโทษจำ�คุก ไม่เกิน 6 เดือน) ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าว มีความรู้ความเข้าใจ ที่ถูกต้อง เกี่ยวกับระเบียบแบบแผนและแนวทางการปฏิบัติด้านศาสนพิธี ทัง้ พิธกี ารทีเ่ ป็นสากลนิยม พิธกี ารในท้องถิน่ และพิธกี ารในวันสำ�คัญต่าง ๆ เกี่ยวกับชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อจะได้นำ�ความรู้ดังกล่าว ไปปฏิบตั แิ ละใช้ในการประกอบอาชีพภายหลังจากพ้นโทษได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม นับเป็นโครงการทีม่ งุ่ “คืนคนดีคนื สูส่ งั คม” ของเรือนจำ�กลางลพบุรี อำ�เภอเมือง จังหวัดลพบุรี
Justice Magazine Ministry of Justice
75
ทุกทิศทั่วยุติธรรม
สำ�นักงานยุตธิ รรมจังหวัดปัตตานี
สำ�นักงานยุตธิ รรมจังหวัดปัตตานี มอบเงิน ช่ ว ยเหลื อ ผู้ เ สี ย หาย ตามพระราชบั ญ ญั ติ ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ แก่ทายาทผู้ต้องขัง ที่ เ สี ย ชี วิ ต จากเหตุ ก ารณ์ จ ลาจลภายใน เรือนจำ�กลางปัตตานี เมือ่ วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 จำ�นวน 3 ราย รายละ 100,000 บาท โดยมียตุ ธิ รรมจังหวัดปัตตานี ผูแ้ ทนกระทรวง ยุ ติ ธ รรม และผู้ บั ญ ชาการเรื อ นจำ � กลาง ปั ต ตานี เป็ น ผู้ ม อบเงิ น จำ � นวนดั ง กล่ า ว ณ เรือนจำ�กลางปัตตานี จังหวัดปัตตานี
คุมประพฤติ
สำ � นั ก งานคุ ม ประพฤติ จั ง หวั ด สุ ร าษฎร์ ธ านี จัดโครงการอบรม “อาสาสมัครคุมประพฤติระดับหมูบ่ า้ น” เพื่ อ เสริ ม สร้ า งความร่ ว มมื อ ระหว่ า งภาครั ฐ กั บ ภาคประชาชน ในการนี้ ได้รับเกียรติจากนายชาญชัย กุประดิษฐ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จังหวัดสุราษฎร์ธานี มาเป็นประธานในพิธีเปิด และมีนายโกมล เสรยางกูร ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานคุมประพฤติจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้ อ มด้ ว ยหั ว หน้ า ส่ ว นราชการในสั ง กั ด กระทรวง ยุตธิ รรมในเขตพืน้ ที่ และอาสาสมัครคุมประพฤติ จำ�นวน 100 คน เข้าร่วมการอบรมฯ ณ โรงแรมบรรจงบุรี จังหวัด สุราษฏร์ธานี
76
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
ทุกทิศทั่วยุติธรรม
สำ�นักงานยุตธิ รรมจังหวัดขอนแก่น
สำ � นั ก งานยุ ติ ธ รรมจั ง หวั ด ขอนแก่ น มอบหมายให้ นายวลงกรณ์ โสดาศรี และ นางสาวอสมาภรณ์ ใจชื่ น ตำ � แหน่ ง นิ ติ ก ร ลงพื้ น ที่ ต รวจสอบข้ อ เท็ จ จริ ง เพื่ อ อำ � นวย ความยุตธิ รรมให้แก่ประชาชน กรณีเป็นผูร้ อ้ งขอ รับเงินช่วยเหลือกองทุนยุตธิ รรม ในการตรวจพิสจู น์ พั น ธุ ก รรม (DNA) มาใช้ ป ระกอบเป็ น พยาน หลักฐานเพื่อเสนอต่อศาลในการพิจารณาคดี ณ หมูบ่ า้ นบะยาว อำ�เภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น
ปปส. ภาค 1
นายธนากร คัยนันท์ ผู้อำ�นวยการสถาบันพัฒนา บุ ค ลากรด้ า นการป้ อ งกั น และปราบปรามยาเสพติ ด สังกัดสำ�นักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม “หลั ก สู ต รวิ ท ยากรอาสาพัฒนาประชารัฐ รุ่น ที่ 3” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับวิทยากรอาสา พัฒนาประชารัฐ ให้มคี วามรูค้ วามเข้าใจเกีย่ วกับนโยบาย และการขับเคลื่อนแผนประชารัฐร่วมใจ สร้างหมู่บ้าน ชุ ม ชนเข้ ม แข็ ง ปลอดภั ย จากยาเสพติ ด อย่ า งยั่ ง ยื น และเพื่อถ่ายทอดความรู้และแนวทางการขับเคลื่อน แผนประชารัฐฯ ลงสู่ระดับพื้นที่ อนึ่ง ผู้เข้าร่วมอบรมฯ ประกอบด้วย ผู้ที่ทำ�หน้าที่ วิทยากรในการถ่ายทอดความรูแ้ ละแนวทางการดำ�เนินงาน ตามแผนประชารั ฐ ฯ ให้ กั บ อาสาพั ฒ นาประชารั ฐ ระดับพื้นที่ ในเขตพื้นที่สำ�นักงาน ปปส. ภาค 1 ภาค 2 และภาค 7 จำ�นวน 158 คน ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท จังหวัดปทุมธานี Justice Magazine Ministry of Justice
77
ศาสตราจารย์นวลจันทร์ ทัศนชัยกุล ศาสตราจารย์ระดับ 11 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เก็บมาเล่า
เยาวชนกระทำ�ผิด
คดีข่มขืนกระทำ�ชำ�เรา การกระทำ�ความผิดคดีข่มขืนกระทำ�ชำ�เราของ เยาวชนเป็นปัญหาที่มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งในด้านช่วงวัยของผู้กระทำ�ความผิด การอบรมเลี้ยงดูของบิดามารดา ฐานะของ ครอบครัวที่ยากจน รวมไปถึงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ และการแต่งกายที่เปิดเผยมากขึ้นตามสมัยนิยม
โดยสัญชาตญาณของมนุษย์แล้ว ความต้องการทางเพศเป็น ความต้องการธรรมชาติที่เป็นพื้นฐาน ซึ่งมีอยู่ในคนทุกคน ทุกเพศ แม้กระทั่งสัตว์ ความรักทางเพศสามารถบันดาลให้สิ่งมีชีวิตทั้งคน และสัตว์ มีความสุขสดชืน่ ในการด�ำรงอยู่ ธรรมชาติได้สร้างให้เพศหญิง และชายคูก่ นั การตอบสนองทางเพศจึงเป็นพฤติกรรมการแสดงออก ในชีวติ ประจ�ำวันของมนุษย์ทุกคน อย่างไรก็ตามถ้าความต้องการ ทางเพศมีมากเกินไปและหาทางออกทีไ่ ม่ถกู ต้อง ถือเป็นการกระท�ำ ผิดกฎหมาย เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น สภาพปัญหาการข่มขืน หรือการล่วงละเมิดทางเพศในสังคมมีมาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่ โบราณกาล มนุษย์มสี ญ ั ชาตญาณติดตัวมาตัง้ แต่เกิด เป็นสัญชาตญาณ ทางเพศ (sexual / instinct) การข่มขืนกระท�ำช�ำเราเป็นความผิด ทางเพศที่รุนแรง ก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อหญิงผู้เสียหาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันยากแก่การป้องกันตัวเพราะไม่ได้ คาดคิดมาก่อน ความเสียหายไม่ได้เกิดแก่รา่ งกายเท่านัน้ ความสูญเสีย ความเศร้าสลดเป็นความเสียหายทางจิตใจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นที่ส�ำคัญ การถูกข่มขืนจะถูกจารึก จดจ�ำฝังใจแก่หญิงที่ตกเป็นเหยื่ออย่างมิรู้ลืม หญิงใดก็ตามที่ถูกข่มขืนอาจกล่าวได้ว่าจะมีชีวิตอยู่แบบตายทั้งเป็น
78
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
เก็บมาเล่า
ผลการวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัย ส่วนบุคคลของเยาวชนที่กระทำ� ความผิด จากจำ�นวน 140 คน เยาวชนอายุ 17 ปี มีจำ�นวนมาก ที่สุดคือร้อยละ 37.9
บทความนี้เขียนจากการศึกษาวิจัยเรื่อง “เยาวชนกระท�ำผิด คดีข่มขืนกระท�ำช�ำเรา” โดยศาสตราจารย์นวลจันทร์ ทัศนชัยกุล วิจัยเมื่อ พ.ศ. 2559 โดยผู้เขียนเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เยาวชน ที่กระท�ำผิดคดีข่มขืนและรับสารภาพ ถูกฟ้องคดีที่ศาลเยาวชน และครอบครัวในเขต ภาค 1 ซึ่งมีทั้งหมด 9 ศาล ได้แก่ ศาลเยาวชน และครอบครัวนนทบุรี ชัยนาท ปทุมธานี สมุทรปราการ อยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง ทั้งนี้ ต้องการให้ตัวอย่างมีการกระจาย การรวบรวมข้ อ มู ล ใช้ แ บบสอบถามสั ม ภาษณ์ เ ยาวชนที่ ก ระท� ำ ความผิดข่มขืน และบิดามารดาทีม่ าศาล ทัง้ นี้ ตัวอย่างทีใ่ ช้เป็นตัวแทน ในการศึกษาจะเป็นเยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี มีจ�ำนวน 140 คน ก่ อ นอื่ น ผู ้ เ ขี ย นขอเสนอข้ อ มู ล สถิ ติ ค ดี ข ่ ม ขื น กระท� ำ ช� ำ เรา ในเขตพื้นที่ กองบัญชาการต�ำรวจนครบาล จากปี พ.ศ. 2556 คดี แ จ้ ง ความมีจ�ำนวน 266 คดี คดีจับได้ 131 คดี พ.ศ. 2557 คดีแจ้งจ�ำนวน 254 คดี คดี จั บ ได้ 144 คดี และ พ.ศ. 2558 คดี แ จ้ ง ความ 282 คดี คดี จั บ ได้ 29 คดี จากตั ว เลขแสดงให้ เห็นว่า คดีขม่ ขืนกระท�ำช�ำเรา ผูเ้ สียหายมีการไปแจ้งความหลังจากเกิด การข่มขืน แต่เจ้าหน้าทีต่ ำ� รวจจับได้นอ้ ยกว่าทีผ่ เู้ สียหายไปแจ้งความ จากผลการวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคลของเยาวชน ทีก่ ระท�ำความผิดจากจ�ำนวน 140 คน เยาวชนอายุ 17 ปี มีจำ� นวนมาก ทีส่ ดุ คือร้อยละ 37.9 นับว่าเป็นช่วงวัยทีอ่ ยากทดลอง เรียนรู้ ประกอบกับ
มีความต้องการทางเพศโดยธรรมชาติ ซึง่ มีการเปลีย่ นแปลงทัง้ ร่างกาย และจิตใจ มีความคึกคะนอง ท�ำให้เลือกทางเดินที่ผิด ตัดสินใจผิด ขาดความยั้งคิดตรึกตรอง อีกทั้งผู้ปกครองไม่มีเวลาเอาใจใส่ดูแล เพราะต้องประกอบอาชีพหารายได้มาเลีย้ งครอบครัว ข้อมูลเกีย่ วกับ บิดามารดา บิดาจ�ำนวนร้อยละ 34.3 มีการศึกษาระดับประถมศึกษา ปีที่ 6 ส่วนมารดาจ�ำนวนมากที่สุดร้อยละ 40.7 จบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส�ำหรับข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ รายได้เฉลี่ยของบิดามารดาต่อเดือน อยูร่ ะหว่าง 8,000 – 12,000 บาท การทีต่ อ้ งดิน้ รนหารายได้และการศึกษา อยู่ระดับต�่ำจนไม่สามารถอบรมดูแลเยาวชนได้ดี ซึ่งสอดคล้องกับ ทฤษฎีครอบครัวบกพร่อง ตามแนวคิดของ Donald R.Taft ทีก่ ล่าวถึง การที่ครอบครัวขาดแคลนทางเศรษฐกิจ ฐานะยากจน ส�ำหรับ บุคลิกภาพด้านการศึกษา บิดามารดามีการศึกษาระดับต�่ำ จึงท�ำให้ ไม่ เ ห็ น ความส� ำ คั ญ เอาใจใส่ เ รื่ อ งการศึ ก ษาของเยาวชน ข้ อ มู ล ทีป่ รากฏ เยาวชนส่วนมากมีผลการเรียนค่าเฉลีย่ ต�ำ่ กว่า 2 ร้อยละ 42.9 และระดับ 2.01 – 2.5 ร้อยละ 37.1 ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับบิดา พฤติกรรมของบิดาเกีย่ วกับยาเสพติด บิดาของเยาวชนท�ำผิดคดียาเสพติด ร้อยละ 40.3 และในจ�ำนวนนี้ท�ำผิดด้วยการเสพร้อยละ 74.5 เมื่ อ พิ จ ารณาถึ ง สาเหตุ ก ารข่ ม ขื น กระท� ำ ช� ำ เราของเยาวชน มี ส าเหตุ ม าจาก 3 ทางคื อ เพื่ อ นชวน ได้ รั บ การยั่ ว ยุ ท างเพศ และได้รับของมึนเมา มีจ�ำนวนคือ ร้อยละ 64.2 ร้อยละ 13.3 Justice Magazine Ministry of Justice
79
เก็บมาเล่า
การข่มขืนกระทำ�ชำ�เราของเยาวชน มีสาเหตุมาจาก 3 ทาง คือ • เพื่อนชวน ร้อยละ 64.2 • ได้รับการยั่วยุทางเพศ ร้อยละ 13.3 • ได้รับของมึนเมา ร้อยละ 22.5
และร้ อ ยละ 22.5 การคบเพื่ อ นมี ผ ลต่ อ การก่ อ การกระท� ำ ความผิดมากที่สุด ทั้งนี้ เพราะช่วงอายุ 17 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุ ที่ ก ระท� ำ ความผิ ด มากที่ สุ ด ระยะเวลานี้ เ ยาวชนจะใช้ เ วลา อยู่กับเพื่อน เป็นไปตามธรรมชาติช่วงวัยรุ่นที่ให้ความสนใจเพื่อน เยาวชนจะออกมาคบเพื่อนมากกว่าอยู่ในครอบครัว ดังนั้น จึงมี การคบหาสมาคมกันบ่อยครั้ง หรืออยู่ด้วยกันระยะเวลานาน จึงท�ำให้มีการซึมซับทัศนคติ ความคิด และเลียนแบบพฤติกรรม ของกันและกันได้โดยง่าย ดังแนวคิดทฤษฎีการคบหาสมาคม ทีแ่ ตกต่างกัน (Theory of Differential Association) อย่างไรก็ตาม แนวคิ ด นี้ ก็ ขึ้ น อยู ่ กั บ ความต่ อ เนื่ อ งสม�่ ำ เสมอในการติ ด ต่ อ สัมพันธ์กัน การได้รับสิ่งยั่วยวนทางเพศดังได้กล่าวมาแล้วว่า เยาวชนช่ ว งอายุ นี้ เป็นช่วงวัยรุ่นมีความต้องการทางเพศมาก อยากทดลองความแปลกประกอบกั บ การได้ เ ห็ น หญิ ง ทั่ ว ไป หรือเหยื่อผู้เสียหายแต่งตัวเปิดเผยร่างกาย เช่น นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสือ้ เกาะอก สายเดีย่ วตามสมัยทีว่ ยั รุน่ หญิงก�ำลังนิยมในปัจจุบนั ทีม่ ใี ห้เห็นอยูท่ วั่ ไป สาเหตุประการสุดท้าย เยาวชนได้รบั สิง่ มึนเมา เช่น สุราและของมึนเมาอืน่ ๆ ซึง่ อาจร่วมสนุกคึกคะนองกับเพือ่ น โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในที่สุดท�ำให้เหตุการณ์พาไป คือ ชักชวน กันไปในทางที่ผิด ขาดสติ และการควบคุมตัวเอง ผู้เขียนใคร่ขอสรุปโดยวิเคราะห์ภาพรวมกรณีที่เยาวชน กระท�ำผิดข่มขืนกระท�ำช�ำเรา พิจารณาได้ว่า จากการที่สังคม มีการเปลี่ยนแปลงไป หญิงวัยรุ่นแต่งกายเปิดเผยร่างกาย ศีลธรรมและความเป็นระเบียบของสังคมเสื่อมลง ที่ส�ำคัญ ครอบครั ว ไม่ เ ข้ ม แข็ ง ในการอบรมและดู แ ลวั ย รุ ่ น ทั้ ง ชาย และหญิ ง สถิ ติ ก ารกระท� ำ ผิ ด ด้ ว ยการข่ ม ขื น จึ ง มี ม ากขึ้ น เป็นล�ำดับในปัจจุบัน
บรรณานุกรม Juvenile Justice : An international Survey Country Report, Matiriale and Suggestion for Future Research Rome February 1976. Lagarus Richard S, Personality, New Jusey Prentice Hall Inc.1979. JC Smith and Bian, Criminal Law Butter worth 1973. Sidney M.gourard Ted Landsman, Health Personality London Macmillan Publishing Inc. 1980. T.J McIntyre and Siniad McMullan, Criminal Law, United King.
80
วารสารยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
5 แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายยุติธรรม อำ�นวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ� สนับสนุนกระบวนการยุติธรรมในชุมชน ทำ�งานแบบบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
สร้างความปลอดภัยในสังคม
นโยบายยุติธรรม
2560
“บูรณาการกระบวนการยุติธรรมทั่วประเทศ สร้างกลไกยุตธิ รรมให้ฝา่ ยบริหาร ขยายบริการ สู่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม” กระทรวงยุ ติ ธ รรมมุ่ ง เป็ น กลไกและหน่ ว ยงานสำ � คั ญ ของฝ่ า ยบริ ห าร ในการดำ � เนิ น งานด้ า นกฎหมายและ กระบวนการยุติธรรม ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2560 แผนการขับเคลื่อนนโยบายยุติธรรม ประกอบด้วย 5 แนวทาง ดังนี้
การพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในมิติของสำ�นักงานกิจการยุติธรรม สำ�นักงานกิจการยุติธรรม (สกธ.) หน่วยงานกลางที่มีหน้าที่ พัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศไทย โดยเริ่มดำ�เนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545
ใช้การบำ�บัดแบบเฉพาะรายในการฟื้นฟูเยาวชน ที่กระทำ�ผิด “คืนคนดีสู่สังคม” ด้วยการช่วยเหลือ ผู้ที่เคยทำ�ผิด และพัฒนาระบบการจัดการในเรือนจำ�
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปราบปรามปัญหายาเสพติด บำ�บัดผู้ที่เคยติดยา ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อป้องกันปัญหา ยาเสพติด และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วม
ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ อบรมบุคลากรให้เชี่ยวชาญและมีคุณธรรม สร้างระบบการจัดการคดีพิเศษให้มีธรรมาภิบาล และดำ�เนินคดีที่ส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของ ประชาชน
พัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ในประเทศ ปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้ให้ทันสมัย และขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมให้อยู่ ในระดับ มาตรฐานสากล
บทบาทหน้าที่หลักของ สกธ.
• พัฒนากฎหมาย และกระบวนการ ยุ ติ ธ ร ร ม ใ ห ้ มี ค ว า ม ทั น ส มั ย และมีประสิทธิภาพ • ประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ต่าง ๆ เพื่อให้งานเป็นไปในทิศทาง เดียวกัน • เปิ ด โอกาสให้ ป ระชาชนเข้ า ถึ ง กระบวนการร่างกฎหมาย ท�ำให้ เรีย นรู ้ ก ารปฏิ บั ติ ต นภายใต้ กฎหมาย
มิติด้านการป้องกัน
• สร้างความคล่องตัว ให้กับกระบวนการยุติธรรม • ท�ำงานแบบบูรณาการ กับหน่วยงานอื่น ๆ
มิติด้านกฎหมาย
• ร่วมปรับปรุงกฎหมาย ให้มีคุณภาพและทันสมัย • พัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ในการบังคับใช้กฎหมาย • สร้างความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
มิติด้านกระบวนการยุติธรรม
ด�ำเนินการพัฒนาศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูล กระบวนการยุติธรรม (Data Exchange Center : DXC) และพัฒนาระบบ National Single Window on Justice ในอนาคต ที่ ส ามารถแลกเปลี่ ย นข้ อ มู ล บริก าร และประมวลผลข้อมูลเพิ่มเติม
วารสารยุติธรรม l Justice Magazine
เพื่อเผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลในกระบวนการยุติธรรม
ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 ประจำ�ปี 2560 l Justice Magazine
เรื่องจากปก นโยบายยุติธรรม ‘60 บูรณาการงาน เข้าถึงประชาชน บริการทั่วถึง-เป็นธรรม
กระทรวงยุติธรรม Ministry of Justice
ยุติธรรมเพื่อประชาชน กองทุนยุติธรรม กับการให้ความช่วยเหลือ ประชาชน
เรื่องเล่ายุติธรรม กระทรวงยุติธรรมขับเคลื่อนงาน ด้านสิทธิมนุษยชนไทย ตามกลไก Universal Periodic Review สำ�นักงาน ปลัดกระทรวงยุติธรรม
สำ�นักงานรัฐมนตรี
กรมสอบสวน คดีพิเศษ
กรมคุมประพฤติ
สำ�นักงาน กิจการยุติธรรม
กรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ
สถาบัน นิติวิทยาศาสตร์
โทรศัพท์ 0 2141 5100
สำ�นักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
กรมพินิจและ คุ้มครองเด็กและเยาวชน
สถาบันเพื่อการยุติธรรม แห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน)
กรมราชทัณฑ์
นโยบาย
สถาบัน อนุญาโตตุลาการ
facebook.com
/Ministry of Justice, Thailand
ปีที่ 17 ฉบับที่ 1 ประจำ�ปี 2560
www.moj.go.th ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม ให้บริการข้อมูลคำ�ปรึกษาด้านกฎหมาย การรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ รับแจ้งเบาะแส
กรมบังคับคดี
ยุติธรรม
2560
คุยเฟื่องเรื่องยุติธรรม ไทยร่วมมืออาเซียน แก้ไขปัญหายาเสพติด
ผลักดันงานยุติธรรม เพื่อประชาชนอย่างทั่วถึง