ธรรมะพ่ ท่าน :(๕๐๑) ตำ�นานสงกรานต์กับตลาดอาริยะปีใหม่ไทย น.๔ ฉบับที่ อ๔๗๙
เปิดอาคารสวน. ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑) รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐
1
สดจากปัจฉา : “อัตตาพาให้เกิดทางตัน (ตันทัข่้งาตนตั นทั้งหมู่!)” น.๙ วอโศก
๑๑ ไร่
จัดตลาดอาริยะครั้งที่ ๓๘
ปีนตี้ ลาดอาริยะแบ่งเป็นสองโซน คือทีอ่ าคารสวน.จะเป็นจุดหลักจุดใหญ่และทีเ่ ฮือนตลาด นับเป็นงานแรกทีไ่ ด้เปิดตัว ใช้ประโยชน์ โดยอาคารเฮือนสวน.ถือเป็นอาคารใหญ่ที่สุดมีพื้นที่ ๑๑ ไร่ เพื่อเผยแพร่เศรษฐกิจพอเพียงและการค้าระบบ อ่านต่อหน้า ๖-๗ บุญนิยม ซึ่งไม่หวังกำ�ไร ไม่ฉวยโอกาส และเป็นการให้ของขวัญแก่ประชาชนในเทศกาลปีใหม่ไทย
แสดงละครสะท้อนคุณธรรมก่อนปิดค่าย
อ่านต่อหน้า
๓
อ่านต่อหน้า
๘
อ่านต่อหน้า
๕
2
รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐
โรคหลอดเลือดสมอง (ตอนที่๑) ...กิ่งธรรม...
วิธีสร้างคุณค่าตนให้สูงขึ้น การทำ�ให้จิตเสื่อมลงจนเสมอ หรื อ ลดคุ ณ ค่ า ลดภู มิ ธ รรมของ ตนเองลงก็คือ การมีความรู้สึกไม่ ชอบใจในสั ต ว์ เ ดรั จ ฉาน การหลง ยึ ด ติ ด ผู ก พั น กั บ สั ต ว์ เ ดรั จ ฉาน ก็ เป็นการลดภูมธิ รรมของตนให้เสมอ หรือตำ�กว่าสัตว์เดรัจฉาน ในทุกขณะ ที่เกิดจิตไม่ชอบ หรือหลงชอบ รวมทัง้ การรูส้ กึ ต่อผูใ้ ดก็ตาม ใน ลักษณะดังกล่าว ก็ท�ำ ให้จติ วิญญาณ ของตนเสื่อมลง ทำ�ให้ลดคุณค่า ลด ภูมธิ รรมของตนเองให้เสมอ หรือตำ� กว่าผู้นั้น เช่นกัน ฉะนั้นไม่ว่าจะรู้สึกหลงรัก หรือ ชังใครก็ตาม ก็ล้วนทำ�ให้ชีวิตของ เราเสื่อมลง ยิ่ ง ไปหลงรั ก หรื อ ชั ง ผู้ ที่ มี ภู มิ ธ รรมสู ง กว่ า ตนก็ ยิ่ ง ทำ � ให้ จิ ต วิญญาณของตนเสื่อ มลงหนักกว่า ดุ จ เทวทั ต มี ค วามรู้ สึ ก ไม่ ดี ต่ อ พระพุทธเจ้า ก็ยิ่งทำ�ให้จิตวิญญาณ ของตนเสื่อมตำ�ลงยิ่งกว่า การรู้สึก ไม่ดีต่อคนธรรมดาทั่วไป สรุ ป ก็ คื อ การไม่ ห ลงรั ก และ ชั ง ต่ อ ทุ ก สรรพสิ่ ง ย่ อ มทำ � ให้ จิ ต วิญญาณของเราไม่เสื่อมตำ�ลง ข้อสำ�คัญการไม่หลงรัก และชัง อะไรก็ตามจะต้องมีสัมมาทิฏฐิเป็น พื้นฐาน
โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) คือ ภาวะทีส่ มองขาดเลือด ไปเลีย้ งเนือ่ งจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอด เลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำ�ลาย การทำ�งานของ สมองหยุดชะงัก เริม่ เป็นโรคทีพ ่ บบ่อยขึน้ ในชาวอโศก ทัง้ สมณะ และญาติธรรม จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้บ้างนะคะ แม้ เนื้อหาค่อนข้างยาวแต่ควรติดตามค่ะ ความผิดปกติของหลอดเลือดสมองที่ทำ�ให้สมองขาดเลือด แบ่งได้เป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำ�ให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง พบได้ ประมาณ ๘๐% หลอดเลือดสมองอุดตันเกิดได้จากลิ่มเลือดที่ เกิดขึ้นในบริเวณอื่นไหลไปตามกระแสเลือดจนไปอุดตันที่หลอด เลือดสมอง หรืออาจเกิดจากมีลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดสมอง และขยายขนาดใหญ่ขนึ้ จนอุดตันหลอดเลือดสมอง ส่วนสาเหตุของ หลอดเลือดสมองตีบอาจเกิดจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำ�ให้หลอดเลือดตีบแคบ มีความยืดหยุน่ และมีประสิทธิภาพในการ ลำ�เลียงเลือดลดลง ๒. หลอดเลือดสมองปริแตกหรือฉีกขาด (hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ ๒๐% ของโรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากหลอด เลือดมีความเปราะบางร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูง ทำ�ให้บริเวณ ทีเ่ ปราะบางนัน้ โป่งพองและแตกออก หรืออาจเกิดจากหลอดเลือด เสียความยืดหยุ่นจากการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ทำ�ให้ หลอดเลือดปริแตกได้ง่าย ซึ่งอันตรายมากเนื่องจากทำ�ให้ปริมาณ เลือดทีไ่ ปเลีย้ งสมองลดลงอย่างฉับพลันและทำ�ให้เกิดเลือดออกใน สมองส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วได้ ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองมีหลายสาเหตุ แบ่งเป็น ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันไม่ได้ และปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันได้ซึ่งปัจจัย เสี่ยงที่ป้องกันได้มักมีสาเหตุจากสุขภาพโดยรวมและรูปแบบการ ดำ�เนินชีวิต
ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันไม่ได้... อายุ เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดก็จะเสื่อมตามไปด้วย โดย ผิวชัน้ ในของหลอดเลือดจะหนาและแข็งขึน้ จากการทีม่ ไี ขมันและ หินปูนมาเกาะ รูที่เลือดไหลผ่านจะแคบลงเรื่อยๆ เพศ พบว่าเพศชายมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองสูง กว่าเพศหญิง ภาวะการแข็งตัวของเลือดเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เกิด การจับตัวกันของเม็ดเลือดและมีลมิ่ เลือดเกิดขึน้ ได้งา่ ยกว่าคนปกติ ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันได้... ความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำ�คัญที่สุดของโรค หลอดเลือดสมอง ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจึงมีโอกาสเป็นโรค หลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนปกติ เบาหวาน เป็นสาเหตุที่ทำ�ให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย หากเกิดที่สมองจะมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า คนปกติ ๒-๓ เท่า ไขมันในเลือดสูง เป็นความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง เช่นเดียวกับโรคหลอดเลือดหัวใจ คือภาวะไขมันสะสมอยูต่ ามผนัง หลอดเลือด ทำ�ให้กีดขวางการลำ�เลียงเลือด โรคหัวใจ เช่น โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็น สาเหตุของการเกิดลิ่มเลือด ถ้าลิ่มเลือดไปอุดตันที่หลอดเลือด สมองก็จะทำ�ให้สมองขาดเลือดได้ การสูบบุหรี่ สารนิโคตินและคาร์บอนมอนอกไซด์ทำ�ให้ ปริมาณออกซิเจนลดลง และเป็นตัวทำ�ลายผนังหลอดเลือดทำ�ให้ หลอดเลือดแข็งตัว พบว่าการสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียวเพิ่มความ เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองถึง ๓.๕% ยาคุมกำ�เนิด ในผูห้ ญิงทีใ่ ช้ยาคุมกำ�เนิดทีม่ ฮี อร์โมนเอสโตรเจน สูง จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูง โรคซิฟิลิส เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบและหลอด เลือดแข็ง การขาดการออกกำ�ลังกาย ต้องติดตามต่อฉบับหน้าแล้วละค่ะ พบกันอีกนะคะ.
ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑)
ข่าวอโศก
ต่อไปนี้เป็นความรู้สึกของผู้ที่มาร่วมงาน
ค่ายยุวชนอโศกสัมพันธ์หรือค่ายยอส. มีเป้าหมายเพื่อให้พี่ๆน้องๆสัมมาสิกขา ทุกพุทธสถาน ทุกระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษา รวมถึงพี่ อาชีวศึกษาสัมมาสิกขาวิชชารามได้มาคบคุ้น ทำ�ความรู้จักและได้มาสัมพันธ์กันอย่าง มีสมั มาทิฏฐิ คือการเรียนรูท้ จี่ ะอยูร่ ว่ มกันอย่างระลึกถึงกัน รักกัน เคารพกัน ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ไม่ทะเลาะวิวาทกัน พร้อมเพรียงกัน และเป็นน้ำ�หนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งค่ายยอส.หรือ “ยุวชนอโศกสัมพันธ์” ในปีนี้จัดตั้งแต่วันที่ ๓๐ มีนาคมถึง ๓ เมษายน ๒๕๖๐ ณ พุทธสถานราชธานีอโศก ต.บุ่งไหม อ.วารินชำ�ราบ จ.อุบลราชธานี โดยตาราง กิจกรรมของทุกๆวันจะมีการรวมตัวกันร่วมสวดมนต์ทำ�วัตรเช้าร่วมกัน ในเวลา ๐๕.๐๐ น. ซึง่ วันแรกของค่ายก็ได้มที า่ นสมณะฟ้าไท สมชาติโก นำ�ปฏิญาณตนว่าจะพยายามรักษาศีล ๕ อย่างเคร่งครัดตลอดงานค่ายนี้ หลังจากสวดมนต์ท�ำ วัตรเช้าเสร็จ ก็มกี ารแบ่งกลุ่มไปลงฐาน งานบำ�เพ็ญคุณในตอนเช้าและบ่าย เพือ่ การเตรียมงาน ปลุกเสก “พระ” แท้ๆของพุทธ และ งานตลาดอาริยะ โดยกิจกรรมในวันสุดท้ายมีการร่วมกันใส่บาตรและร่วมกันถ่ายภาพหมู่ร่วมกับสมณะ สิกขมาตุและคุรุ เพือ่ บันทึกเป็นประวัตศิ าสตร์ของการมาร่วมกันเข้าค่ายยอส.ในปี ๒๕๖๐ นีด้ ว้ ย กิจกรรมในตอนเที่ยงของวันสุดท้ายของค่ายก็คือรายการ “ของฝากจากรุ่นพี่” เป็น รายการที่พี่ม.๖ ได้ฝากแง่คิด แนวคิดเมื่อพบอุปสรรคปัญหามากมายที่ฝ่าฟันจนผ่านมาถึง เส้นชัย และกำ�ลังจะได้รับกลดจากพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ในวันที่ ๑๑ เมษายนนี้ จบกิจกรรมภาคค่�ำ ด้วยกิจกรรมแสดงละครกลุม่ เป็นละครทีส่ นุก สร้างความสนุกสนาน และสอดแทรกคติธรรมในการเรื่องที่เกิดขึ้นจริงส่งผ่านการแสดงโดยใช้จินตนาการ ความคิด สร้างสรรและพฤติกรรมไปโดยอาศัยหลักธรรมะประกอบไปด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มาจากความ คิดสร้างสรรของน้องๆพี่ๆ สัมมาสิกขาแต่ละกลุ่ม กิจกรรมอำ�ลาในค่ำ�คืนสุดท้ายได้สร้าง ความซาบซึ้งประทับใจให้กับผู้ที่มาร่วมกิจกรรมในค่ายนี้เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะ สนุกสนานแล้ว ยังมีสาระ มีธรรมะที่เป็นโลกุตระให้เราได้นำ�มาฝึกปรับใช้ในชีวิตจริงอีกด้วย
3
เพชรรุ่งพุทธ สุทธิโอภาส (สัมมาสิกขาปฐมอโศก ม.๖) สัมมาสิกขาให้ทุก อย่างที่เป็นเครื่องมือในการดำ�รงชีวิตอยู่ก็คือ สิ่งที่ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตอยูได้ใน สังคมยุคปัจจุบันครับ กลาง ณัฐนที (สัมมาสิกขาสันติอโศก ม.๖) สัมมาสิกขาให้ชีวิตใหม่ เป็นตัวเรา ที่อยู่ตรงนี้ หนูไม่รู้ว่าถ้าหนูอยู่ในสังคมข้างนอกจะเป็นยังไงบ้าง รู้แต่ว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้ จะเป็นคนดีของสังคมได้ค่ะ ต้นหลิว (สัมมาสิกขาราชธานีอโศก) ได้มาช่วยงานที่โรงปุ๋ย ได้มาทำ�งานกับ เพือ่ นๆ มีพลังดี ได้เหงือ่ ด้วย เป็นค่ายทีก่ ระชับความสัมพันธ์กบั พีน่ อ้ งต่างพุทธสถาน ประทับใจ ทุกคนครับ ที่ช่วยกันทำ�งานดี พิมตะวัน สุวรรณรักษา (สัมมาสิกขาสันติอโศก ม.๒) รู้สึกยินดีที่ได้มาเข้าค่ายนี้ค่ะ ประทับใจคุรุ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆในค่ายเพราะทุกคนดูมีความสุขและเป็นมิตรต่อกัน ศีลที่ข้อ ที่ปฏิบัติได้ยากที่สุดคือข้อ๕ เพราะเวลาทำ�งานจะมีความขี้เกียจ.
4
รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐
ตำ�นานสงกรานต์กับตลาดอาริยะปีใหม่ไทย ต้นเรือ่ งทีส่ ดุ สงกรานต์เป็นเรือ่ งของน้�ำ หน้าแล้งน้�ำ ก็นอ้ ย เป็นธรรมชาติ ทีจ่ ริงหน้าแล้งน้�ำ น้อย ขาดแคลน ผูใ้ ดมีน�้ำ ได้ รับน้�ำ ถือว่าเป็นผูท้ มี่ โี ชคมาก ถือว่าเป็นผูท้ ตี่ อ้ งยกไว้วา่ ท่าน มีบารมีสงู ท่านได้รบั น้�ำ ไม่ขาดแคลนน้�ำ ชุม่ เย็นด้วยน้�ำ คนที่ ได้น้ำ�โดยสุจริต โดยตนเองสร้างเองได้ เป็นพระเจ้า แม้สร้าง น้�ำ เองไม่ได้ หน้าแล้งจัดก็เลยเกิดน้�ำ ใจ ต่างคนต่างก็พอมีเล็กๆ น้อยๆก็แชร์กัน คนนี้เอาไปจอกหนึ่งเล็กๆ เอาไปมากเดี๋ยว ไม่ไหว บ้านเราต้องใช้น้ำ� ผู้นี้ควรไปเคารพคารวะ เป็นผู้ที่ มีความรู้ มีการเสียสละเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นผู้ควร ยกย่องเชิดชูสรรเสริญ ก็ไปแสดงความสรรเสริญ ก็จะไปให้ ท่านสุขเย็นด้วยน้ำ�ก็คนละจอกน้อยๆ ถ้าคนนี้มีคนเคารพ มาก พันจอกหมื่นจอก ก็อาบได้เลย สบายเย็นตัว เป็นเรื่อง แชร์ที่ยิ่งใหญ่ หรม. ครน. เสียสละกันคนละนิดออกไปทำ� สิ่งที่ยิ่งใหญ่ การเล่ น สงกรานต์ จ ริ ง ๆแล้ ว มั น เป็ น การแชร์ จ ริ ง ๆ แต่ละคนเสียสละคนละนิด มารวมกันเป็นน้ำ�ในกะละมัง หนึ่งตุ่ม หลายคน ร้อยคนพันคนหมื่นคนแสนคน คนที่ควร ได้รับการยกย่องก็ควรให้การยกย่องจริงๆ แต่คนมันมีกิเลส ก็อยากจะเท่ห์ อยากได้รับการเคารพยกย่อง ก็ไม่จริง คน ที่อยากให้เขายกย่อง ที่แท้มันไม่ถึงคุณค่าจริง ที่ควรได้รับ การยกย่องก็ไม่จริง สังคมก็พรางลวงกันอย่างอยากเด่นดัง อยากสูง เป็นผูไ้ ด้รบั การยกย่องเชิดชู ก็เกิดการสูญเสียกันไป
ทีนมี้ าถึงชาวอโศก ก็เกิดสงกรานต์อย่างธรรมชาติ เรียก ว่าสงกรานต์อย่างธรรมชาติ มาได้เล่นน้ำ�สงกรานต์เพราะมี น้ำ�ตก มีน้ำ�พุ มีน้ำ�ลำ�ธาร มีแม่น้ำ� แล้วเราก็มีบึงหรือบุ่งที่ ย่อยจากลำ�น้ำ�มูล เราก็ทำ�ให้หมุนเวียนสะอาด ทำ�ปฏิกิริยา กันสะอาด สังเคราะห์กันในตัว ทำ�ให้เกิดแก่ง น้ำ�ตก ทำ�ให้ ออกซิเจนเข้าไปแทรกในน้ำ� ทีนเ้ี ราทำ�ขึน้ แล้ว คนทีม่ าสัมผัสมารู้ โดยเราเองเปิดให้มา เขาก็จะมาเล่นน้�ำ ตกเล่นน้�ำ แก่งด้วย และมาด้วยตลาดอาริยะ ตลาดเป็นสถานที่แบ่งแจก ด้วยการค้าพาณิชย์ แลกเปลี่ยน กันโดยใช้ตั๋วเงิน ธนบัตร เป็นตัวแรกด้วยอัตราราคา ซึง่ อัตราราคาทีจ่ ะแลก เราก็ท�ำ ด้วยจริงใจว่า เรามีวตั ถุที่ ผลิตได้ เราเป็นพ่อค้าแม่คา้ เราไม่เอาเงินมาเป็นตัวสินค้า เอา แค่เงินมาเป็นสินค้าพวกนี้ บาปกินหัว พวกทุนนิยม นายทุน ทีก่ กั ตุนให้ตวั เองแล้วเอาเงินเป็นสินค้า เป็นอำ�นาจให้คนยอม เราก็รีดเลือดจากหลังคน ทำ�นาบนหลังคน หรือรีดจาก เลือดคนอื่นมา ซึ่งคนที่ให้ถูกรีดก็ต้องคนจน คนจนที่เดือด ร้อนก็มาให้ขูดรีด แต่เราคนจนแบบเราไม่มีเท่าคุณ แต่เรามี พอของเรา ไม่ไปให้คุณขูดรีดได้ สรุปเราจัดตลาดอาริยะ เพื่อช่วยคนจน แต่คนรวยจะ ร่วมด้วยก็ไม่ว่า ถ้าคุณไม่ละอายมีเงินมากแล้วก็จะมาแย่ง ซื้อก็ไม่ว่า ส่วนคนรวยที่จะมาช่วยกันแชร์ให้คนอื่นก็สาธุ อนุโมทนา ช่วยแชร์ให้คนจนจริงๆ เป็นระบบสังคมที่ช่วย
เห็นทุกข์จงึ ได้เข้าวัด...เมือ่ มีทกุ ข์แล้วก็ สุข สุขเป็นตรงข้ามกับทุกข์ เห็นทุกข์ในเรื่อง ที่เราสุข สุขแล้วเราทุกข์ มันกลับไปกลับมา อย่างนี้ อย่างเช่นเวลาเราอยากได้กินขนม กินอาหารอร่อยๆ ถ้าเราได้เสพปุบ๊ แล้วก็หมด เราก็สุขช่วงนั้น ทีนี้ขนมหมด เราก็อยากอีก เราก็มที กุ ข์อกี และสิง่ อืน่ ก็เหมือนกัน ข้าวของ วัตถุนยิ มอะไรต่างๆ ถ้าเราอยากแล้ว แล้วมัน ก็อยากไปเรือ่ ยๆ ซึง่ ขบวนการตรงนีเ้ ราอยาก หยุดทุกข์ จึงเข้ามาหาคำ�ตอบที่วัดที่อโศก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนเด็กๆพ่อเคย พามานะ พามาวัดอโศกนี่ครั้งแรกเลย เราก็ เหมือนมีชิปติดที่สมอง เมื่อเราตื่นรู้ก็จะเห็น ทุกข์ แล้วจะรู้ว่านี่คือทางปลดปล่อยทุกข์ มองทุกข์ที่ตัวเรา ก็เลยมาหาทางดับทุกข์ที่ ค่ายสัมมาฯ เป็นการเปิดตัวครั้งแรก มันมา ครั้งนี้ก็มาด้วยใจ 2 รู้จักอโศกแล้วชีวิตเปลี่ยนไป
ชื่อเดิม : อาทิตย์ ไผ่แก้ว (นาคี) อายุ : ๔๒ ปี สถานภาพ : โสด ภูมิลำ�เนาเดิม : จ.อุบลราชธานี การศึกษา : ปริญญาตรี คณะการ อย่างไร ? จัดการอุตสาหกรรม ม.ราชภัฏพระนคร ประทับใจในความมีน้ำ�ใจของหัวหน้า ค่าย ท่านสมณะแสนดิน แล้วก็ผู้รับใช้กลุ่ม 2 ชีวิตก่อนรู้จักชาวอโศกและ ทำ�ให้เราประทับใจตรงนี้ แล้วท่านสอนวิธดี บั รู้จักได้อย่างไร ? ทุกข์ แล้วก็ย่อยธรรมะพ่อครูให้เราฟัง เราก็ เดิมผมเป็นลูกญาติธรรม (คุณพ่อสำ�เริง เข้าใจตรงมองเห็นผัสสะที่มาแห่งทุกข์ ไผ่แก้ว) เป็นญาติธรรมที่อุบลฯ แต่ก่อนยัง เมื่อก่อนก็ถือศีลบ้างไม่ถือศีลบ้าง ก็ ไม่มีบ้านราชฯ ท่านก็เสียก่อน ยังกินเนื้อสัตว์แต่ตอนนี้ไม่กินแล้ว ฝึกกิน เมื่อก่อนเคยมาวัดบ้าง เคยมางานปี มังสวิรัติมา ๓๐ กว่าปี กินมังสวิรัติบริสุทธิ์ ใหม่ตลาดอาริยะ แต่ก็ไม่ได้มาสัมผัสลึกๆ เลยก็ประมาณ ๕-๖ ปี ช่วงมาวัดนีบ่ ริสทุ ธิเ์ ลย ข้างใน ถ้างานปลุกเสกฯก็เข้ามาบ้างมาเดิน ต่อมาก็พยายามไปเข้าทุกค่ายเลยทีจ่ ดั ขึน้ ใน ผ่าน ไม่ได้มาฟังธรรม ชุมชนชาวอโศกที่ต่างๆ ปิดร้านเพื่อไปเข้า
เกือ้ กูลคนได้อย่างแท้จริงและจริงใจและปัญญา เสียสละด้วย ใจจริง ปัญญารู้และทำ� ตลาดอาริยะนี้ เขามาเห็นสถานทีแ่ ล้วบอกว่า แล้วคนจน อาบได้หรือเปล่า ก็คนจนนี่แหละอาบได้ คนรวยเขาไม่อาบ หรอก คนรวยต้องไปอาบที่หรูๆ มีสกี มีเครื่องบันเทิงอะไร เยอะแยะก็เป็นเรื่องชัดเจน คนมีปัญญาก็จะรู้ แต่อย่างโน้น มลพิษหลายอย่างมันเยอะ แต่ของเรามีแต่สะอาด และเรา ได้สร้างภูมิคุ้มกันด้วย ไปโน่นมีแต่ภูมิคุ้มกันต่ำ� พิษผสมแฝง มีเยอะ อาตมาพูดความจริง ไม่ได้ตู่นะ สรุปความว่า สังคมใดหรือในหมู่กลุ่มที่มีผู้ให้ด้วยความ บริสุทธิ์ใจมากกว่าผู้ขอรับหรือผู้ไปรับเอา สังคมนั้นคือสังคม เจริญ เพราะฉะนั้นสังคมที่จะเอาแต่รวยไม่รู้จักพอนั้น ตัดไป ได้เลย สังคมทีเ่ อาแต่รวยไม่รจู้ กั พอ พวกนีพ้ วกบาป พวกไม่มี กุศล ไม่รู้จักฐานะที่ควรเป็น แต่สังคมใด หมู่กลุ่มไหน ที่มีคนรู้จักพอและไม่เอารวย มีพอสมควร รวยพอตัว ถ้าจะเรียกว่ารวยก็คืออุดมสมบูรณ์ พอตัว ไม่ขาดแคลน ไม่เบียดเบียนใคร พึ่งตนเองรอด และ แถมช่วยคนอืน่ ด้วย เป็นประโยชน์คณ ุ ค่าต่อผูอ้ นื่ อย่างแท้จริง นี่คือสังคมสมบูรณ์แบบ. พ่อครูแสดงธรรมในรายการวิถีอาริยธรรม วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๐
ค่ายเลย รายได้หายนี่ก็ไม่เดือดร้อน เพราะ ว่าได้อานิสงส์ของความเป็นโสดช่วยได้มาก แล้วก็ถือศีล ทำ�ให้เราไม่เป็นหนี้ ไม่มีภาระ โชคดี ที่ อ กหั ก ...ก็ อ กหั ก เพราะถู ก ผู้ หญิงทิ้ง แต่นึกขึ้นได้อีกอย่างนึง คืออาจ จะเป็นอานิสงส์ของการกินมังสวิรัติ เรากิน มังสวิรัติ ผู้หญิงเค้ากินเนื้อสัตว์ ถ้าจะมาอยู่ ด้วยกันมันก็ไม่ค่อยได้ เพราะมันคนละทาง คนละอย่าง พอจะถลำ�ลึกจริงๆเราก็ถอนตัว ออกมา ผูห้ ญิงเขาก็ทงิ้ เราไปด้วย ก็เลยสบาย อยู่เป็นโสดดีกว่า 2 การปฏิบัติธรรมของตนเอง
หรือมีวิธีการฝึกฝนตนเองอย่างไร ?
อานิสงส์ที่ทำ�ให้เราเปลี่ยนแปลงไป คือ ทำ�ให้เรามองคนด้วยความเมตตาไม่อาฆาต แล้วก็เราไม่หวงสมบัติเหมือนแต่ก่อน อย่าง ถ้าใครมาขโมยของเรา เราก็จะถือว่าแบ่งๆ กันใช้ แบ่งๆกันกิน ถ้าบ่อยๆเราก็ซื้อได้ เรา ก็มีตังค์ เพราะว่าสมบัติเราก็มีอะไรไม่มาก ล่าสุดนี้ก็งานปลุกเสกฯนี้ก็กระเป๋าตังค์ หาย เราตรวจจิตดูก็รู้สึกทุกข์มากเหมือน อกหักเลย มันทุกข์อย่างนั้นเลย จนไปเจอกระเป๋าตังค์อยู่ที่ห้องน้ำ� คือ ตัวเองลืมไว้ที่ห้องน้ำ� ชั่วโมงนั้นเรารู้สึกจาก นรกกลายเป็นสวรรค์ชั่วพริบตา ของอยู่ครบ ทุกอย่าง ประมาณช่วงเวลาสามชั่วโมงที่เรา เป็นทุกข์ตรงนั้น มันหายแค่สามชั่วโมง แต่ รูส้ กึ ทุกข์ยาวนานมาก ทำ�ให้มารูต้ วั ว่าเราต้อง มีสติทกุ ลมหายใจ เหมือนอาการทีแ่ บบสมใน รักเลย เราก็จับจิตดูด ผลักได้ตรงนี้ ด้วยสิ่ง
ที่เกิดขึ้นตรงนี้ถึงคิดศรัทธาสมณะ สิกขมาตุ ของชาวอโศก อย่าว่าแต่กระเป๋าตังค์เลยท่าน ทิ้งทั้งบ้านเรือน เกียรติยศ ชื่อเสียงเงินทอง ทุกอย่างเลย เพื่อมาแสวงหาทางพ้นทุกข์ มาช่ ว ยงานที่ วั ด ...ถ้ า อยู่ อุ บ ลฯก็ ม า ช่วยท่านตัดต่อ มาบ้านราชฯ มาล้างจาน มาช่วยท่านแสนดินตัดต่อสื่อธรรมะพ่อครู มาปลุกเสกฯครั้ง นี้เหมือ นได้ม าปลุก จิตสำ�นึกทีด่ ใี ห้กบั ตัวเองจากการทีเ่ ราหลงใน วัตถุนิยม อย่างทางโลกเราหลงในเกมโปเก ม่อนโก เราก็เปลี่ยนจากเกมโปเกม่อนโกมา ทางธรรม แทนที่จะสะสมตัวโปเกม่อนใน เกมส์เราก็มาสะสมเพื่อนดีๆ มิตรดี สหายดี เป็นโปเกม่อนของชาวอโศก เป็นโปเกม่อน โลกุตระดีกว่า มีประโยชน์กว่ากันเยอะ 2 ความมหัศจรรย์ของศีล... รู้ สึ ก ว่ า เราเป็ น คนใหม่ จิ ต วิ ญ ญาณ จิตดวงใหม่ กายใหม่ ภพก็ภพใหม่ๆ จาก ภพเก่ า ๆสิ่ ง เก่ า ๆที่ เ ป็ น อบายมุ ข เพื่ อ น เก่าๆ สังคมเก่าๆ เราก็จะคิดดีขึ้น คบมิตรดี ขึ้น ชอบพูดในธรรมะ ไม่กล้าผิดศีลข้อสาม หั น มาเสพย์ ติ ด ในธรรมะไม่ เ สพย์ ติ ด พวก อบายมุข พอมาถือศีลแล้วเกิดสิ่งมหัศจรรย์ ที่มันทำ�ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม.
ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑)
ข่าวอโศก
5
อัญเชิญพระพุทธรูปปางปรองดอง รวมแรงลากเรือไฟฌาน ในงานปลุกเสกฯ ครั้งที่ ๔๑ ...ต่อจากหน้า ๑... พิธีอัญเชิญพระพุทธรูปปางปรองดองและร่วมลาก เรือไฟฌาน ในงานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ ๔๑ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕ - ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ ที่พุทธสถาน ราชธานีอโศก งานนี้พ่อครูได้แสดงธรรมในช่วงทำ�วัตรเช้าของงานใน เรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา แบบพุทธที่สัมมาทิฏฐิ โดยได้ นำ�เอามหาจัตตารีสกสูตร อันเป็นพระสูตรที่ว่าด้วยอริโย สัมมาสมาธิ ที่เป็นสมาธิของศาสนาพุทธมาบรรยายให้ฟัง โดยละเอียด ในช่วงเช้าหลังทำ�วัตรก็จะมีการประชุมองค์กรบุญนิยม มีประชุมตลาดอาริยะ ประชุมสถาบันฯกับคกร. ประชุมพาณิชย์ บุญนิยม ทีศ่ าลาเฮือนศูนย์สญ ู ส่วนรายการธรรมะก่อนฉันก็ ยังคงมีตามปกติ โดยทุกภาคบ่ายของงานจะมีบรู ณาการศีลเต็ม–เข้มงาน– สืบสานวิชชา ซึ่งก็คือการไปทำ�งานเตรียมงานตลาดอาริยะ นั่นเอง ซึ่งรายการต่างๆมีความเป็นมหัศจรรย์อนิจจังสูง เวลาในการจัดก็จะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม งานนี้จึง ต้องงดการตอบปัญหาของพ่อครูไปทัง้ สองวัน เนือ่ งด้วยเหตุ ปัจจัยด้านการงานและด้านสุขภาพของพ่อครูนนั่ เอง รายการ สัมภาษณ์ปฏิบัติกรในงานนี้ปกติเป็นภาคค่ำ� แต่บางรายการ ต้องเลื่อนมาจัดในช่วงบ่ายแทน รายการภาคค่�ำ ประกอบด้วยรายการสัมภาษณ์ปฏิบตั กิ ร ชุด “ชีวิตใหม่กับพลังงานสะอาด” สัมภาษณ์ปฏิบัติกรชุด “สนามหลวง-สนามรัก” สัมภาษณ์ปฏิบตั กิ รชุด “พลังเขียว” สัมภาษณ์ปฏิบตั กิ รชุด “คลืน่ ลูกใหม่” สัมภาษณ์ปฏิบตั กิ รชุด “ความมหัศจรรย์ของศีล” โดยวันที่ ๑๐ รายการภาคค่ำ� เป็นรายการ ๒ นาทีทอง ของเกจิ ซึ่งเป็นรายการเทศนากัณฑ์สุดท้ายในชีวิตของท่าน สมณะดินดี สันตจิตโต ทีต่ อ่ มาได้ประสพอุบตั เิ หตุทางรถยนต์ จนมรณภาพไปในวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๐
งานปลุกเสกฯครั้งนี้ มีสิ่งพิเศษที่เป็นสิ่งใหม่เกิดขึ้น ถึงสามประการคือ ๑. มีการสนทนาธรรมเป็นกลุม่ กับสมณะสิกขมาตุเกจิ ซึง่ ปกติจะเป็นรายการธรรมะบนกระดาน ซึง่ มีจ�ำ นวนญาติโยม จำ�นวนมากต่อกลุ่มทำ�ให้สนทนาธรรมไม่ทั่วถึง ปีนี้จัดให้ สมณะสิกขมาตุเกจิ ลงคุยกับญาติโยมเป็นกลุ่มๆ หลาก หลายกลุม่ มากขึน้ ทำ�ให้เป็นบรรยากาศแห่งการสนทนาธรรม ที่อบอุ่นคุ้นเคยได้ประโยชน์มากขึ้น ทำ�ให้การคบสัตบุรุษ บริบรู ณ์ยง่ิ ขึน้ อันจะเป็นอาหารของความมีศรัทธาทีบ่ ริบรู ณ์ ต่อไป และจะต่อเนื่องไปถึงวิชชาที่บริบูรณ์ได้ในที่สุด ๒. ได้มกี ารอัญเชิญพระพุทธรูปปางที่ ๓ ของชาวอโศก ทีพ่ อ่ ครูได้ด�ำ ริให้จดั ทำ�ขึน้ มา เป็นปางนัง่ สมาธิท�ำ มือคว่�ำ และ ประสานกันบนหน้าตัก มีความหมายถึงการปรองดอง จึง เรียกชือ่ ว่า ปางสมานัตตาหรือปางปรองดองนัน่ เอง โดยมีพธิ ี อัญเชิญขึน้ ประดิษฐานทีห่ น้าพระพุทธโต หรือพระพุทธาภิธรรม นิมิต ในวันแรกของงานปลุกเสกคือวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๓๔ น. โดยพ่อครูได้เทศนาต่อเรื่องการปรองดอง แบบพุทธนี้ในรายการภาคค่ำ�วันนี้ ๓. ได้มีการร่วมแรงร่วมใจกันของชาวอโศกทุกฐานะ ลากเรือไฟฌาน ซึ่งเป็นเรือที่ถูกไฟไหม้ส่วนหัวไป ๖ เมตร จากทั้งหมด ๒๖ เมตร โดยใช้แรงงานคนลากจูงขึ้นไปถึง
เนินเขาว่า ที่อยู่หน้าเรือโคกใต้ดิน โดยได้ลากเรือในเวลา ๐๙.๐๐ น. ของวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๐ ลากจากถนนตรงมูน หน้าบ้านคุณเต็มบุญ มาสู่ลานหน้าองค์พระพุทธโต และไป ทีเ่ นินเขาว่า หน้าเรือโคกใต้ดนิ ได้ส�ำ เร็จอย่างเรียบร้อยราบรื่น ง่ายงาม ไม่มีอุบัติเหตุแต่อย่างใด งานปลุกเสกฯครั้งนี้มีการเตรียมงานตลาดอาริยะที่จะ จัดต่อจากงานปลุกเสกฯไปด้วย จึงต้องใช้การปฏิบัติธรรมที่ เป็นมรรคมีองค์ ๘ ให้บริบรู ณ์มากขึน้ ความเข้มขลังของงานนี้ จึงไม่ได้มีภาพของการเดินจาริก เดินจงกรม แต่จะไปอยู่กับ การเดินเก็บแตง เดินเก็บพริก เดินเข็นปุ๋ย ช่วยกันลงสินค้า ตลาดอาริยะ ทำ� ๕ ส. คานเรือ ลากเรือ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น สัมมาอาชีวะที่บริสุทธิ์ถึง ขั้นพ้นลาภแลกลาภ (ลาเภนลาภัง นิชคิ งิ สนตา) เป็นการเดินหรือทำ�งานเพือ่ เสียสละ เพือ่ ลดละ กิเลส ความโลภ โกรธ หลง ลดละโลกธรรม ลดละอัตตา ไม่ได้ เป็นการเดินหรือทำ�งานเพือ่ สะสมอัตตาแต่อย่างใด เป็นการ เดินตามหลักสัมมาอาริยมรรคมีองค์ ๘ ได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อันเป็นทางแห่งการพ้นทุกข์ตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน พระไตรปิฎกเล่ม ๒๕ ข้อ ๓๐ ว่า “มรรค มีองค์ ๘” นั้นคือ “ทางเอกทางเดียว ไม่มีทางอื่น” (เอเสวมัคโค นัตถัญโญ) ต่อไปนี้เป็นความรู้สึกของผู้ที่มาร่วมงาน... คุณเกื้อดิน สุวรรณ์ (วนบ.) อาหารกับการปฏิบัติธรรม คนปฏิบตั ธิ รรมต้องมีสมาธิในการพิจารณาทุกสิง่ ทุกอย่างใน เรือ่ งของมรรคมีองค์ ๘ อาหารอยูใ่ นเรือ่ งของสมาธิทจี่ ะต้อง เรียนรู้ เมื่ออาหารมาผัสสะเรา อะไรถูกปาก-ไม่ถูกปาก ดูดผลัก เราต้องรู้จักพิจารณาผัสสะในปัจจุบัน และไม่เลือกกิน เฉพาะสิ่งที่ชอบ ต้องกินในสิ่งที่มีประโยชน์ คุณฝากฝัน หมายยอดกลาง (ญาติธรรม) อาหาร เป็นเรื่องสำ�คัญมาก เราพยายามหาอาหารไร้สารพิษมาใส่กบั ร่างกายของเรา การกินก็ทำ�ให้เราต้องรักษาศีล สำ�รวมใน การกิน กินอย่างพิจารณา.
6
รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐
เปิดอาคารสวน. ๑๑ ไร่ จัดตลาดอาริยะ ครั้งที่ ๓๘ งานตลาดอาริยะ สงกรานต์ปีใหม่ไทยปี ๒๕๖๐ นับเป็นครั้งที่ ๓๘ ของงานตลาดอาริยะของชาวอโศก ปีนี้ได้จัดขึ้น ณ หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก ต.บุ่งไหม อ.วารินชำ�ราบ จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ถึงวันอาทิตย์ที่ ๑๕ เมษายนนี้ จัดขึน้ เพือ่ สืบสานพระ ราชดำ�รัสในหลวง รัชกาลที่ ๙ ขาดทุนของเราคือกำ�ไร ของเรา โดยสินค้าทุกอย่างในตลาดอาริยะ ล้วนแล้วแต่ เป็นสินค้าที่ขายในราคาต่ำ�กว่าทุนทั้งสิ้น ในวันแรกเร่ิมต้นงานตั้งแต่ ๖.๓๐ น. โดยพ่อครูรับ นิมนต์ นำ�หมูส่ มณะ ๓๙ รูป สิกขมาตุ ๘ รูป ออกบิณฑบาต เร่ิมที่หน้าเฮือนตลาด ผ่านหน้าหมู่บ้านเข้าสู่เฮือนสวน. จากนั้น ๗.๓๐-๘.๐๐น. พ่อครูเทศนาเปิดตลาดอาริยะ ทีเ่ วทีใหญ่เฮือนสวน. จากนั้นอ.ประสาน บุญเฉลียว ได้มา ทำ�หน้าที่เป็นพิธีกร เชิญท่านปลัดจังหวัดอุบลราชธานี นายพิจิตร บุญทัน มากล่าวเปิดงานตลาดอาริยะ โดยมีคุณ ข้าพุทธ ขาวดารา เป็นตัวแทนของสถาบันบุญนิยมในฐานะ องค์กรที่จัดงาน เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของงาน ตลาดอาริยะเป็นงานประจำ�ปีทจ่ี ดั ขึน้ โดยมีวตั ถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่เศรษฐกิจพอเพียงและระบบบุญนิยม ซึ่งเป็น วิถีการค้าขายที่ไม่หวังกำ�ไร ไม่ฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบ หรือขูดรีดผู้ซื้อ ขณะที่ผู้ขายได้รู้จักการให้และการเสียสละ ฝึกฝนให้ตนเองลดละกิเลส ไม่โลภมากและแสดงน้�ำ ใจต่อผู้ อื่น และเพื่อให้ชาวบ้านทั่วไปได้เลือกใช้สินค้าราคาต่ำ�กว่า ทุน เป็นการให้ของขวัญแก่ประชาชนในเทศกาล ปีใหม่ไทยและเป็นการพบปะสังสรรค์กันของชาว บุญนิยมอีกด้วย จากนั้นท่านปลัดจังหวัด นายพิจิตร บุญทัน ได้กล่าวสัมโมทนียกถา เพื่อเปิดงานตลาดอาริยะ เวลา ๘.๑๘ น. ท่านปลัดฯได้ลน่ั ฆ้องชัยเพือ่ เปิด งานตลาดอาริยะอย่างเป็นทางการ จากนั้นท่าน ปลัดฯพร้อมคณะได้เดินเยี่ยมชมตลาดอาริยะ ปี นี้ ต ลาดอาริ ย ะแบ่ ง เป็ น สองโซน คื อ ที่ อาคารสวน.จะเป็นจุดหลักจุดใหญ่และที่เฮือน ตลาดจะเป็นจุดรอง นับเป็นงานแรกที่ได้เปิดตัว ใช้ประโยชน์จากทั้งเฮือนสวน.และเฮือนตลาด โดยอาคารเฮื อ นสวน.ถือ เป็น อาคารใหญ่ที่สุด
ของชาวอโศก ทำ�ให้เห็นได้ว่าพ่อครูให้ทำ�อาคารใหญ่พื้นที่ ๑๑ ไร่ทำ�ไม แต่พอถึงวันนี้แล้วแทบจะไม่เพียงพอกับคลื่น มหาชนทีเ่ ข้ามาจับจ่ายสินค้าทีจ่ �ำ เป็นต้องใช้ในชีวติ ประจำ�วัน ของพวกเขา ตั้งแต่ ๙.๐๐-๒๑.๐๐น. ที่เวทีชาวบ้าน มีดนตรีและการ แสดง โดยมีวงดนตรีหลักคือวงฆราวาส มาจัดกิจกรรมขาย ของบาทเดียว บนเวทียังมีการแสดงจากบ้านนาฏศิลป์ คีต ศิลป์ไทยจาก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ มีการแสดงของนักเรียน สัมมาสิกขาหลายโรงเรียนและการแสดงจากชุมชนชาวอโศก อีกหลากหลาย บรรยากาศสนุกสนานอบอุ่น ม่วนซื่นโฮแซว ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ� ที่ลานจอดรถ ล้วนคราคร่ำ�ไปด้วยรถยนต์เสียเป็นส่วน ใหญ่ มีท้งั รถกระบะและรถบรรทุก รวมทั้งรถจักรยานยนต์ ที่แปลกคือแม้จะมีรถมาจอดเป็นจำ�นวนมาก แต่เป็นระเบียบ เรียบร้อย ทีส่ �ำ คัญคือขยะมีนอ้ ยมาก และแม้วา่ จะมีประชาชน มากันมากเต็มเฮือนสวน. แต่แทบจะไม่มีเศษขยะเกลื่อน กลาดตามพืน้ เลย คนทีม่ ารับประทานอาหารก็รว่ มมือล้างจาน เช็ดจานที่ตนเองรับประทาน ทำ�ให้เห็นถึงความเจริญทาง จิตใจของประชาชนที่มาร่วมงาน ที่เจริญขึ้นทุกปี งานนี้สมาชิกสมาคมศิษย์เก่าสัมมาสิกขา ได้โอกาส รวมตัวกันเพือ่ ฝึกฝนการให้การเสียสละ ด้วยการเปิดร้านขาย น้�ำ ซึง่ ก็ได้รบั ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากศิษย์เก่าสัมมาสิกขา ทุกสถาบัน โดยแบ่งกับขายตามจุดต่างๆ และศิษย์เก่ายังได้
ต่อจากหน้า ๑
รวมตัวกันประมาณ ๒๐๐ คนเพือ่ มารับพรปีใหม่ไทยจากพ่อครู ในช่วงเย็นวันที่ ๑๗ เมษายนนี้อีกด้วย ภายหลังจากรับพรปี ใหม่ ก็ยังรวมตัวไปช่วยทำ�ปุ๋ยอีก ต่างร่วมแรงร่วมใจกันเข็น ปุ๋ย กรอกปุ๋ย ทะลายกองปุ๋ยกันอย่างเบิกบานร่าเริง มีพลัง สมเป็นวัยรุ่น พ่อครูก็ได้เดินไปให้กำ�ลังใจลูกหลานถึงโรงปุ๋ย นับเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ตลาดอาริยะที่จัดโดยคนที่อยากจน มุ่งมาจน จนจน สำ�เร็จ จนอีหลีอีหลอ อย่างชาวบุญนิยม ขายแต่สินค้าที่ จำ�เป็นและมีสาระต่อชีวติ เป็นทีน่ า่ สังเกตว่าผูค้ นทีม่ าซือ้ หา ล้วนแล้วแต่เป็นคนจนแทบทั้งสิ้น บางคนเก็บเงินไว้ทั้งปี หอบลูกจูงหลานมา เพื่อจะมาซื้อหาสินค้าหลายอย่างที่ได้ ใช้ดำ�รงชีวิตไปตลอดปี ประชาชนจะเรียกว่า “ตลาดของถูก” ต้องมาซื้อของเป็นประจำ�ทุกปีและบอกต่อๆกัน ทั้งญาติพี่ น้องและคนในหมู่บ้าน สินค้าเหล่านีท้ ด่ี เู หมือนเป็นสิน้ ค้าพืน้ ๆ อาทิ กระติกน้ำ� หลากสี กระติ๊บข้าวเหนียว กระด้ง น้ำ�ตาลน้ำ�มันพืชที่มีคน เข้าคิวซื้อกันยาวเหยียด ซึ่งเราจะไม่ได้เห็นสินค้าเหล่านี้บน ห้างสรรพสินค้าไฮโซทั้งหลาย เป็นสินค้าที่บรรดาคนรวย ผู้นิยมหรูหราจะไม่แยแส แต่สำ�หรับคนจนแล้วสิ่งเหล่านี้ จำ�เป็นอย่างยิ่งต่อชีวิต สินค้าหลายอย่างหมดลงภายในวันแรก ปุ๋ยงอกงาม หมดโกดังไปตั้งแต่วันแรกของงาน เพราะประชาชนมาซื้อ มากกว่าปีก่อนๆ สินค้าหลายอย่างหมดในวันที่สอง แต่ หลายร้ า นก็ เ ก็ บ สิ น ค้ า ไว้ เ ผื่ อ แผ่ พ่ อ แม่ พี่ น้ อ ง ประชาชนที่จะมาในวันสุดท้ายของงาน เป็นตลาดขายสินค้าที่ผู้ขายไหว้ผู้ซื้ออย่าง จริงใจ ทัง้ ทีผ่ ขู้ ายเจตนามาให้มาเสียสละ ขายของ ขาดทุนกับผูใ้ ห้ แล้วก็ยงั คงเจตนาสร้างวัฒนธรรมดี งาม ผูข้ ายไหว้ผซู้ อื้ เป็นการสร้างสันติสขุ ให้แก่โลก เพราะว่า...ในโลกแห่งความอลวน... จะสันติได้ก็ ด้วย “ผู้รับ” และ “ผู้ให้” โดย “ผู้รับ” ก็รับแต่เพียง พอดี ทั้งรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ “ผู้ให้” และมีปัญญา รู้ทุกข์ของการรับไว้ “ผู้ให้” ก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ผูร้ บั ทัง้ รูจ้ กั ใช้ปญ ั ญา ในการให้และเห็นโทษภัยของ การเก็บสะสมหอบหวงกักตุนไว้ นี่แหละคือทางสาย เดียวทีจ่ ะค้�ำ จุนโลกให้สงบร่มเย็น มีสนั ติสขุ โดยแท้.
ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑)
ข่าวอโศก
7
8
รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐
อุบัติเหตุทางรถยนต์
กับการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของชาวอโศก เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๐ ได้เกิดอุบัติเหตุ ทางรถยนต์ของชาวสังฆสถานทะเลธรรม จ.ตรัง เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. เมื่อรถตู้ที่กำ�ลัง เดินทางกลับจากอุบลราชธานี ได้เสียหลักพุง่ ชนต้นไม้ขา้ งทาง บนถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ ๔๒๕+๖๐๐ ต.เขาไชยราช อ.ประทิว จ.ชุมพร ส่งผลให้มผี เู้ สียชีวติ ทันที ๒ ราย และมีผบู้ าดเจ็บอีก ๘ คน เป็นท่านสมณะ ๒ รูป และเป็นฆราวาส ๖ คน ทุกคนอาการ สาหัส ถูกนำ�ตัวส่งโรงพยาบาลมาบอำ�มฤต และต่อมาถูกส่งต่อ ไปยังโรงพยาบาลชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร ผูเ้ สียชีวติ สองท่านคือ คุณตัง้ มัน่ บุญสัมฤทธิอ์ โศก และ คุณฉลองรัฐ พิสทุ ธิก์ วิน ซึง่ ต่อมามีบคุ คลสำ�คัญอีกท่านที่ได้ สิน้ ชีพไปคือท่านสมณะดินดี สันตจิตโต หรือหลวงพ่อดำ� ท่าน ได้มรณภาพลงขณะกำ�ลังย้ายโรงพยาบาล จากโรงพยาบาล มาบอำ�มฤตสูโ่ รงพยาบาลชุมพร ด้วยอาการเลือดออกในปอด ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตเป็นรายที่ ๔ คือ นางวิไล ภัทรพิทักษ์ เสียชีวิตจากสมองบวม กระดูกคอและหลังหัก มีเลือดออก จากปอดและช่องท้อง รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีดังนี้ ๑. นางมณฑา แก้วบำ�รุง มีบาดแผลตามใบหน้า ดัง้ จมูก หัก แขนขวาหัก กระดูกสะโพกหลุดและร้าว ผ่าตัดแล้ว พักฟืน้ อยู่ ๒. น.ส.สิรพิ ร กุมกาญจน์ แขนขวาหัก ๓ ท่อน ผ่าตัดแล้ว ส่วนที่ยังอยู่รพ.มาบอำ�มฤต อาการไม่หนักมาก ได้แก่ ๑. น.ส.บำ�รุงศรี ถาวร เจ็บหน้าอก ฟกช้ำ�ดำ�เขียว ๒. น.ส.ศศิธร โคกอ่อน หัวแตกเย็บ ๒๐ เข็ม ปวดหลัง ๓. นางศรารัศมิ์ วงศ์ศุภปนันท์ เจ็บหน้าอก มีรอยขีด ข่วนเขียวช้ำ�ตามใบหน้า แพทย์ให้ออกจากรพ.ได้ ส่ ว นท่ า นสมณะแด่ ธ รรม ธั ม มรั ก ขิ โ ต ย้ า ยมาอยู่ ที่ รพ.ชุมพร เมือ่ กลางดึก และได้เข้ารับการผ่าตัดเพราะมีเลือด ออกในช่องท้อง กระดูกเชิงกรานแตก ให้เลือดอยู่ และขณะนีย้ งั อยูใ่ นห้อง ICU (ล่าสุดท่านมีอาการดีขนึ้ ย้ายมารักษาสุขภาพ ที่ชุมชนปฐมอโศก) ก่อนเกิดอุบตั เิ หตุทา่ นสมณะและญาติธรรมชาวทะเลธรรม ได้เดินทางกลับจากงานปลุกเสก “พระ” แท้ๆของพุทธ ครัง้ ที่ ๔๑ และงานตลาดอาริยะ ครัง้ ที่ ๓๘ ทีพ่ ทุ ธสถานราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี โดยคณะเดินทางได้แวะทานอาหารเช้าที่พุทธสถาน สีมาอโศก จ.นครราชสีมา และไปพักค้างคืนที่พุทธสถาน ปฐมอโศก จ.นครปฐม พอรุ่งเช้าตีห้าของวันเกิดเหตุ คณะ เดินทางได้ออกเดินทางจากพุทธสถานปฐมอโศก และเดิน ทางไปเรื่อยๆ จนเกิดเหตุการณ์น่าสลดดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ตำ�รวสันนิษฐานว่าคนขับหลับใน กำ�หนดการฌาปนกิจศพคุณฉลองรัฐ ลูกและญาติๆได้ นำ�ศพกลับไปบำ�เพ็ญกุศลที่บ้าน จ.ยะลา กำ�หนดการฌาปนกิจศพคุณตั้งมั่น บุญสัมฤทธิ์อโศก กำ�หนดฌาปนกิจวันพุธที่ ๑๙ เม.ย. ๖๐ ที่เมรุปฐมอโศก (เฮือนสุดชีวิต) จ.นครปฐม กำ�หนดการฌาปนกิจศพท่านสมณะดินดี สันตจิตโต วันพุธที่ ๑๙ เม.ย. ๖๐ ณ เมรุเฮือนสุดชีวิต พุทธสถาน ราชธานีอโศก ต.บุ่งไหม อ.วารินชำ�ราบ จ.อุบลราชธานี
ประวัติโดยย่อท่านสมณะดินดี สันตจิตโต ชาตะหรือเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ มรณภาพเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๐ สิริอายุได้ ๗๖ ปี ๕ เดือน ๑๐ วัน อุปสมบทเมื่อวันที่ ๗ ส.ค. ๒๕๑๘ ท่านมีอายุพรรษา บวช ๔๑ พรรษา ๘ เดือน ๑๐ วัน ปลดแอกโลกีย์… หลวงพ่อดินดีบวชได้ ๓ พรรษา กาม กลุ้มรุม คิดจะลาสิกขา แต่เอาชนะกามได้ ด้วยการตั้งตบะ ธรรม อัปปิจฉะ ลดการฉันอาหารลง จิตจึงสงบได้ เร่มิ ปฏิบตั ถิ อื ศีล ๕ เมือ่ อายุได้ ๓๒ ปี กินมังสวิรตั วิ นั ละ ๒ มื้อ เช้า-เย็น เลิกเสพเมถุนใหม่ๆ ต้องพรากจากแม่บ้าน ไปนอนอยูท่ ไี่ ร่ ใช้เวลาหนึง่ เดือนทำ�ไปเรือ่ ยๆจนถึง ๖ เดือน ตอนนั้นไม่คิดจะบวช อยากอยู่ช่วยครอบครัวไปก่อน แต่ มีเหตุปัจจัยจึงต้องออกบวช แต่ปฏิบัติธรรมจนลูกเมียและ พ่อตาไม่เข้าใจ หาว่าปฏิบตั ศิ ลี เคร่งเกินไป ไม่เหมาะทีจ่ ะอยู่ ครองเรือน อนุญาตให้ไปบวชได้ พ่อตาบอกว่าไม่ตอ้ งห่วงลูก เมีย พ่อจะเลีย้ งให้ ให้ลกู ออกบวชได้ จึงได้ตดั สินใจออกบวช ด้วยความว่าง เบา สบาย เหมือนปล่อยนกออกจากกรงขัง ตอนแรกๆทางบ้านไม่เห็นด้วยกับการเลิกกินเนื้อสัตว์ หาว่าเราเป็นบ้า อาหารที่อร่อยก็ไม่กิน แต่ทุกวันนี้ทางบ้าน เข้าใจแล้ว แต่เขายังมาปฏิบัติด้วยไม่ได้ มาใหม่ๆความคิดขัดแย้งกับพ่อท่านอยูบ่ า้ ง ทีใ่ นยุคแรก มีคนมาสนทนาธรรมด้วยบ่อย ท่านก็ขยันพูด จนคนฟังเมือ่ ย เราก็ เ ลยไม่ ช อบ อยากอยู่ อ ย่ า งสงบๆแบบฤาษี ซึ่ ง เป็ น มิจฉาทิฏฐิ แต่ประทับใจพ่อท่านที่ท่านทิ้งชีวิตฆราวาสที่มีหน้าที่ การงาน เงินเดือนตั้งสองหมื่นบาทมาได้ ทำ�ไมถึงทิ้งมาได้ มาเปรียบกับตัวเอง เราไม่มีทรัพย์อะไร มีแต่ที่ดิน ลูกเมีย แค่นี้เราทิ้งไม่ได้หรือ? ก็ถามกับตัวเอง ประทับใจครัง้ หนึง่ นัง่ สมาธิ เกิดแสงสว่างโล่งเบาเหมือน กับตัวเราไม่มี ลอยอยู่ในอากาศ คิดอยู่ตอนนั้นถ้าเราจะนั่ง อย่างนี้อยู่สัก ๒-๓ วันก็ได้ เพราะมันไม่ปวดไม่เมื่อย นั่งเบา สบาย แต่มจี ติ ตัวหนึง่ คิดว่าถ้าเรานัง่ อยูอ่ ย่างนีก้ เ็ สียงานเปล่า อย่ากระนั้นเลยเราต้องออกมาทำ�งาน เพราะตอนนั้นต้อง รับผิดชอบงานทำ�ขาบาตร ถักสลกบาตร การได้สมาธิแบบ นัน้ ไม่ใช่การบรรลุธรรมหรือมีฤทธิเ์ ดชอะไร ทำ�ให้คนหลงติด ในสมาธิแบบฤาษี หลวงพ่อดินดีหรือพวกชาวอโศกเรียกว่า หลวงพ่อดำ� มักจะมีค�ำ เทศนาทีเ่ ป็นบทกลอนธรรม ทีป่ นอารมณ์ขนั เล็กน้อย ท่านเคยช่วยคนติดเหล้าจนมือสัน่ ให้เลิกกินเหล้าได้ ถ้าไม่เลิก อาจจะตายได้เพราะไม่กนิ ข้าวเลย เคยช่วยคนทีต่ ดิ การพนัน ให้เลือกเล่นหวยได้หลายคน หลวงพ่อดำ� มีความถนัดทางสายเจโต ท่านเคยบอกไว้วา่ ... การเป็นนักบวชชาวอโศก คนมองภายนอกเหมือนกับทรมาน ตน มานอนกลางดินกินกลางทราย หารู้ไม่ว่าการนอนกลาง ดิน ทำ�ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง หายปวดเมื่อย การเดิน เท้าเปล่าก็ทำ�ให้สุขภาพดี รักษาโรคต่างๆได้
ต่อจากหน้า ๑
ประสพการณ์ในการฉันยาดองด้วยน้�ำ มูตรเน่า มีครัง้ หนึง่ ได้ป่วยเป็นไข้หวัดเรื้อรัง รักษาเดือนหนึ่งก็ไม่หาย หมอให้ ยามากิน ฉีดยาก็หลายครั้งยังไม่หาย ได้ยินจากใครไม่ทราบ บอกว่าฝรั่งเขารักษาโรคหวัดด้วยการอดอาหาร เลยคิดขึ้น ได้ว่าเราน่าจะเอาของฝรั่งมาบวกกับของพระพุทธเจ้า ก็ได้ ใช้วิธีปฏิบัติคือ กางกลดอยู่กลางแดด มีกะลาใบหนึ่ง ฉี่ออก มาเมื่อไหร่ก็ดื่มเข้าไป ตอนแรกรูส้ กึ ว่าเค็ม ขม พอนานเข้าก็จดื สนิทเหมือนน้�ำ ธรรมดา อาการขี้มูกไหล เป็นไข้ก็หาย การเดินทางไปในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีน้ำ�ก็ใช้ดื่มฉี่แก้ คอแห้งได้ เคยใช้รักษาสิว ตุ่มคันตามร่างกาย เคยโดนสว่าน แทงนิว้ ทะลุจนเลือดไหล ห้ามเลือดด้วยปัสสาวะ และปิดแผล ด้วยว่านหางจระเข้ ไม่ให้โดนน้ำ� ๕ วันแผลหาย ประทับใจตัวเองได้เลิกละจากกามคุณ ๕ ทิ้งทรัพย์ สมบัติ ละความอยากมาได้ ไม่กลับไปเสพอีก เป็นคนจน ด้วยความสบายใจ ถ้าใครอยากได้ตอ้ งทำ�เอาเอง ประทับใจใน ความมักน้อยสันโดษ บิณฑบาตได้ข้าวเปล่าก็มีความสุข ไม่ กระวนกระวายใจ ยังมีกำ�ลังเดินได้วันละ ๒๐ ถึง ๓๐ กม. ท่านบอกว่าชาตินี้ท่านเอาแค่โสดา สกิทา อนาคามี อรหันต์ก็พอแล้ว ชาติหน้าค่อยมาต่อโพธิสัตว์ ธาตุดินน้ำ� ลมไฟ สลายกลับ ธาตุวัตถุ สิ่งจับต้อง จิตครองไว้ สมณะดินดี ชื่อนาม ธรรมเนียมไทย นามธรรมจิต ใจสุขสงบ พบภูมิธรรม ดินแดน แห่งพุทธ อำ�ไพ ดีแท้ ระบือไกล สันติภาพ แผ่พ้อง ไพศาล ตะลุยสู้ สู่ฝัน บันดาล จิตร่วม แรงงาน โตเติบ ตราบถึง อนุชน
ดินฟ้า ลาลับ ดับวน ดีแท้ คงทน สันตติ ต่อภพ ภายหน้า ตะวันส่อง ต้องแสง ทิวา จิตนี้ นำ�พา โตตาม ติดต้น โพธิญาณ
................................. “ล.รศ.” .................................. สมณสมถถ้วน ถึงกาละสู่ปฐพี สุวรรณจารคัมภีร์ อโศกพุทธวิมุติได้ หลวงพ่อ ก่อวิชชา ดินดี ให้ชีวิน ของชาว นาวาสินธ อโศก น้อมกราบลา
ดินดี สลักไว้ กุศลจรด วิบัติบุญ จากนี้..เพียงกาย.. พุทธศิลป์ มนุษย์นี้ เจริญตาม โพธิสัตว์ ซึ้งแล้ว กระแสธรรม.
ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑)
ข่าวอโศก
9
“อัตตาพาให้เกิดทางตัน (ตันทั้งตนตันทั้งหมู่!)” ใกล้วาระครบรอบ ๘๔ ปีของพ่อครู อัตตานับว่าเป็น ปัญหาสำ�คัญ ทีท่ �ำ ให้หมูกลุม่ ของเราต้องเจอทางตันแบบ ขยับเขยื้อนเดินต่อกันไปไม่ได้ ๑. อัตตาระดับอาวาสสถาน ซึง่ ไม่มกี รรมการห้ามมวย อยู่ประจำ� ญาติธรรมที่อยู่ร่วมกันเลยต่างคนต่างเก็บสะสม ตะปูตรึงใจหรือระเบิดเวลาเอาไว้ ซึ่งรอวันที่จะพลีชีพให้ ตัวเองไปสู่ทุคติอย่างน่าสงสาร ซึ่งจะไม่ไปสู่ทิศทางของบุญ ทีแ่ ปลว่าการมุง่ ชำ�ระกิเลสตน หรือฌานทีแ่ ปลว่าการเพ่งเผา กิเลสตน แต่จะเป็นเทวดา มโนปโทสิกะ ยินดีหรือเอร็ดอร่อย ต่อการที่ได้เพ่งโทษถือสาผูอ้ ื่น ต่อให้เทวดาหน้าไหนหลงไป เป็นกรรมการ กรรมการก็จะพลอยถูกเพ่งโทษตามไปด้วย สุดท้ายก็ทำ�ให้กลุ่มของตัวเองที่มีคนไม่มากอยู่แล้ว ต้องกระจัดกระจายแยกกันไปเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยที่ไม่ สามารถร่วมกันได้ จริงๆแล้วญาติธรรมในกลุม่ อาวาสสถาน ต่างๆ ควรตัง้ จิตไว้วา่ การทีเ่ รามารวมกัน ก็เพือ่ ทีเ่ วลาสมณะ ท่านมาโปรดหรือมาให้ธรรมะกับพวกเรา เราก็จะได้มาพร้อม เพรียง ร่วมอกร่วมใจเป็นสหายธรรม มาฟังเทศน์ฟงั ธรรมกัน ให้พร้อมหน้าพร้อมตา พอเสร็จภารกิจของสมณะแล้วก็แยก ย้ายกันไปทำ�นาตัวเอง อย่าไปหาทางขวนขวายไปเที่ยวทำ� นาของเพือ่ น เพราะว่าไม่ใช่หน้าทีท่ เ่ี ราจะต้องไปรับผิดชอบกิเลส ของเพื่อน หรือเขาก็ไม่ได้แต่งตั้งให้เราไปเป็นผู้พิพากษา ที่จะไปตัดสินความผิดของเพื่อนและเป้าหมายของเราที่มา รวมกัน ก็เพือ่ ทีจ่ ะมาร่วมรวมพลังกัน มาทำ�บุญ มาฟังธรรม ในเวลาสมณะมาเท่านั้น จบกิจกรรมก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรมตามหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้นปัญหาความแตกแยกที่เกิดขึ้น สำ�หรับคนที่คิด จะเอาเรื่องผู้อื่นก็พยายามที่จะหันมามองความผิดของ ตัวเองบ้าง เอาเรือ่ งกิเลสของตัวเองบ้าง ส่วนเรือ่ งกิเลสของ เพื่อนนั้น จริงๆแล้วใครก็ไม่สามารถไปจัดการกิเลสของคน อื่นได้ ถ้าเขาไม่คิดจัดการกิเลสของเขาเอง แล้วลองคิดดูสิ ว่าถ้าเราเอาเรื่องเพื่อนได้สำ�เร็จ อะไรจะเกิดขึ้น สิ่งนั้นก็คือ ความแตกแยกของหมูก่ ลุม่ เมือ่ เกิดความแตกแยกของหมูก่ ลุม่ แล้วเป็นอย่างไร พ่อท่านก็ตอ้ งหนักใช่ไหม การทีเ่ ราเอาเรือ่ ง เพื่อนได้สำ�เร็จ นั่นก็คือความแตกแยกของหมู่กลุ่มจะเกิด
ขึ้นตามมา ไม่เห็นจะเป็นผลดีอะไรเลย นอกจากกิเลสโทสะ กิเลสพยาบาทของเราก็จะเติบใหญ่ อัตตาของเราก็จะหนา แน่นยิ่งขึ้นไปอีกเท่านั้นเอง ๒. ผู้ที่ถูกเอาเรื่อง ก็ควรที่จะสำ�รวจตัวเองบ้างว่าเรามี จุดอ่อนจุดบกพร่องอย่างทีเ่ ขาว่ามาใช่หรือไม่? ซึง่ จริงๆแล้ว การได้รู้จักมักคุ้นกันมานานปี มันก็คงไม่มีการว่าอะไรที่ผดิ พลาดจนไม่มมี ลู เสียเลยหรอก เราปรับบ้างได้ไหม เอาคำ�ตำ�หนิ ติเตียนทีเ่ ขาว่ามาแก้ไขบ้างจะได้ไหม จริงๆคนเราทีว่ า่ กันหรือ ตำ�หนิกัน เขาไม่ได้ว่าให้เราไปทำ�เลวหรอก แต่เขาว่าให้ทำ� ดีขึ้นนั่นแหละ ถ้าเราทำ�ดีขึ้นอย่างที่เขาว่ามาได้ เรือ่ งมันก็จะ ได้เบาลง ความสามัคคียะและเอกีภาวะ อันนี้คือของขวัญที่ เป็นของขวัญทิพย์ ที่จะชะโลมต่ออายุของพ่อครูให้ได้ถึงที่ พวกเราต้องการได้ ถ้าต่างหันมาจัดการอัตตา (ของตนเอง) ในระดับอาวาสสถานนี้ได้ ๒. อัตตาระดับสังฆสถานขึน้ ไป ก็จะมีปญ ั หาทีพ่ วกเรา อยูว่ ดั นานๆ ก็จะแก่วดั หรืออัตตาก็จะใหญ่ขนึ้ เรือ่ ยๆ จนเกิด การสัมผัสได้ว่าจริงๆสังฆสถานหรือพุทธสถานนี้ ผู้บริหาร ตัวจริงคือ ฆราวาสนั่นแหละ สรุปแล้วคือฆราวาสนั่นแหละ ใหญ่กว่าสมณะ คำ�ว่าใหญ่ในคำ�นีไ้ ม่ได้หมายความว่าไม่กราบ ไม่ไหว้สมณะนะ แต่หมายความว่าเป็นทีร่ กู้ นั แหละว่างานจะ ไปในทิศทางไหนก็อยู่ที่ผู้นำ�สองสามคนเท่านั้นแหละ ที่จะ เป็นคนกำ�หนดทิศทางของสังฆสถานหรือพุทธสถานนั้นๆ สมณะเป็นเพียงพระพุทธรูปไปนั่งประดับไว้เท่านั้นเอง จริงๆแล้วถ้าฆราวาสจะไปบริหารงานก็ไม่นา่ จะมีปญ ั หาอะไร เพราะเรือ่ งวัตถุเรือ่ งอะไรต่างๆนานา ฆราวาสต้องนำ�ทำ�ดีอยู่ แล้ว เป็นแต่เพียงว่าจะต้องไม่ออกมาในรูปทีว่ า่ ทำ�โดยหัวนำ� ไม่กี่หัว ที่ได้รับอภิสิทธิ์หรือมีฐานะที่ยกไว้เลยว่า ทิศทางนำ� ของพุทธสถานนี้ อยู่ที่ฆราวาสไม่ใช่สมณะ สมณะเป็นเพียง อยูป่ ระกอบพิธกี รรมเท่านัน้ และไม่มสี มณะรูปไหนสามารถ ที่จะไปสั่งสอนหรือให้ฆราวาสเขาเปลี่ยนแปลงได้ จริงๆแล้วถ้าสมณะเป็นผูน้ �ำ ก็ไม่ใช่วา่ จะไม่มปี ญ ั หา แต่ ปัญหาทีเ่ กิดขึน้ จะสามารถแก้ไขได้โดยไม่ชา้ นาน เพราะทุกๆ ปีมีประชุมมหาปวารณาอยู่แล้ว และถ้าสมณะรูปไหนได้รบั การวิพากษ์วจิ ารณ์วา่ อัตตาใหญ่เกินไป ตอนงานมหาปวารณา
ก็จะถูกสอยลงมาอยู่แล้ว ถ้าเคยจำ�ได้ในยุคที่มีเจ้าอาวาส บางช่วง สมภารบางพุทธสถานถูกเปลีย่ นเกือบทุกปี เพราะ ว่าพอย้ายไปเอารูปใหม่เปลีย่ น รูปใหม่กถ็ กู ร้องเรียนอีก พอ เอารูปใหม่ไปเปลี่ยนก็ถูกร้องเรียนอีก คือถ้าสมณะมีปัญหา ระบบสงฆ์เราสามารถจัดการได้ทนั ทีอยูแ่ ล้ว แต่ถา้ ฆราวาสเขา ใหญ่หรือเขาแน่ขึ้นมา ใครจะไปจัดการอะไรได้ เมื่อไม่มีใคร สามารถเข้าไปจัดการได้ ก็จะทำ�ให้เกิดเป็นความคาราคาซัง เพราะว่าการทำ�งานศาสนา ถ้าเอาตามหัวอ้ายเรืองเป็นใหญ่ หรืออัตตาข้าฯ ใครอย่าแตะ! แน่นอนมันก็ยอ่ มเกิดข้อปัญหา ต่างๆ ตามขึ้นมามากมาย สรุปแล้วอัตตาระดับอาวาสสถานหรือพุทธสถานก็ตาม ก็เกิดจากไม่สามารถลดตัวลดตน หรือลดอัตตาของตัวเองได้ แม้จะเกิดปัญหาอะไรมากมายขึน้ มาในชุมชนของตัวเอง ก็จะ มองว่าตัวเองถูกตลอด แล้วก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขตัวเองอย่างไร และก็ไม่มีใครบอกให้แก้ไขได้ เพราะว่าไม่สามารถลดอัตตา ของตัวเองลงมา สิ่งนี้ก็จะก่อให้เกิดทางตันของชุมชนนั้นๆ ขึ้นมา เพราะว่าสมณะก็ไปแก้อะไรไม่ได้ ฆราวาสทั่วๆไปก็ ไม่มีปัญญาไปแก้ได้ ก็ต้องอยู่กันไปแบบอีหลักอีเหลื่อแบบ อยู่ไปวันๆ ฝันถึงดวงดาวกันไปเท่านั้นเอง ก่อนจากขอฝากสัจธรรมที่พ่อครูได้เฉาะหน้าของเจ้า อัตตาเอาไว้ว่า: “เราต่างมุ่งมาเสียสละ ไม่ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ อะไร เหลือแต่อัตตาจะรักษาหวงแหวนเอาไว้ทำ�ไม ถ้าลดตัวนี้ได้ โอ้โห...อาตมาจะสบายใจ เบาใจ แล้วความเจริญจะเกิดทันตาเห็นเลย เพราะพวกเราทำ�งานด้วยใจ ด้วยความจริง ด้วยเสียสละ และเราไม่ได้มาทำ�ด้วยลาภ - ยศ - สรรเสริญ แต่มันติดตรงอัตตาที่ว่านี้! การไม่เข้าใจเรื่องนี้ทำ�ให้ฉุดความเจริญ หากคุณมุ่งไปกับการ “ลดละตัวตน” ก็จะได้ทั้งงานที่ดี - สังคมดี - ที่สำ�คัญกิเลสของคุณได้ลด นี่คือผลได้ที่ยิ่งใหญ่ คือได้ลด..“อัตตา” ตัวเอง” รายงานจากกองงานปัจฉาพ่อครู
10 รถตูค้ ณะแสวงบุญชนต้นไม้ (ต่อจากหน้า ๑๒)
เมื่อเวลา ๑๒.๓๐ น. วันที่ ๑๗ เม.ย. พ.ต.ต.สุรพงษ์ ตรีสมพงษ์ สว.สอบสวน สภ.มาบอำ�มฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได้รบั แจ้งเกิดอุบตั เิ หตุรถตูช้ นต้นไม้มผี เู้ สียชีวติ และบาดเจ็บ หลายราย เหตุเกิดบริเวณริมถนนเพชรเกษม ม.๔ ต.เขาไชย ราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพร ลีลาพีรพงค์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.ท.ฉลาด พลนาการ รรท.ผกก.สภ.มาบอำ�มฤต หน่วยกูช้ พี มาบอำ�มฤต หน่วยกู้ภัยสายชลมูลนิธิชุมพร ทีเ่ กิดเหตุรมิ ถนนเพชรเกษม ช่วงหลักกิโลเมตรที่ ๔๒๖๔๒๗ ช่องทางขาล่องใต้ พบรถตู้โตโยตา สีบรอนซ์ ทะเบียน นข ๒๒๗๗ ตรัง ด้านหน้าชนอัดติดกับต้นไม้ขนาดใหญ่ ๒ คนโอบ จนหน้ายุบหลังคาแอ่น ภายในมีผู้เสียชีวิต ๒ ราย รายแรกเสียชีวิตคาพวงมาลัยอยู่บนเบาะ เป็นคนขับ ทราบ ชือ่ คือ นายฉลองรัฐ ไม่ทราบนามสกุล ในตัวไม่พบหลักฐาน สวมเชิ้ตเสื้อดำ� สวมกางเกงสีดำ� อายุประมาณ ๕๐-๕๕ ปี อีกศพเสียชีวิตอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ ทราบชื่อคือ นาย ตั้งมั่น บุญสัมฤทธิ์อโศก อายุ ๖๐ ปี
รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐ ภายในที่นั่งผู้โดยสารพบเอกสารเผยแผ่ธรรมะหล่น กระจัดกระจายไปทัว่ มีผบู้ าดเจ็บสาหัสถูกอัดติดอยูภ่ ายในรถ ร้องครวญครางอยู่ ๘ ราย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่าง ช่วยเหลือออกมาส่งโรงพยาบาลมาบอำ�มฤต ทราบชื่อคือ นางสิรพิ ร กุมกาญจน์ อายุ ๓๖ ปี นางศรารัศมิ์ วงศ์ศภุ ปนันท์ อายุ ๖๒ ปี น.ส.ศิริธร โคกอ่อน อายุ ๒๗ ปี นางมณฑา แก้วบำ�รุง อายุ ๖๑ ปี นางบำ�รุงศรี ถาวร อายุ ๖๒ ปี พระ แด่ธรรม ธรรมรักขิโต อายุ ๗๓ ปี พระดินดี สันตจิตโต อายุ ๗๗ ปี และหญิงไทยไม่ทราบชื่อ อายุ ๖๐ ปี ทั้งหมดอาการ สาหัส และมี ๒ รายอาการหนักขั้นโคม่า ต้องส่งต่อไปโรง พยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ จากการสอบสวน นางศรารัศมิ์ วงศ์ศภุ ปนันท์ อายุ ๖๒ ปี ให้การว่า ทั้งหมดเป็นคณะผู้แสวงบุญ เดินทางจากวัดทะเล ธรรม จ.ตรัง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไปแสวงบุญที่วัดแห่ง หนึ่งใน จ.อุบลราชธานี กระทั่งช่วงเช้าเมื่อวานที่ผ่านมาได้ เดินทางกลับ และช่วงค่�ำ ได้แวะพักที่ จ.นครปฐม จากนัน้ ตอน เช้าได้เดินทางต่อเพื่อกลับไปยังวัดทะเลธรรม จ.ตรัง ขณะที่ ทุกคนนัง่ หลับมาภายในรถตูต้ อ้ งตกใจตืน่ มารูส้ กึ ตัวอีกทีเมือ่ รถได้เสียหลังตกลงข้างทาง และชนกับต้นไม้เข้าอย่างจัง จึง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ตำ�รวจตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า ถนนเป็น ทางตรงขึ้นเนินเล็กน้อย ไม่มีร่องรอยการเบรก และไม่มีคู่ กรณี สันนิษฐานว่าคนขับอาจจะเพลียเนื่องจากเดินทางไกล แล้วเกิดหลับใน จนรถเสียหลักลงข้างทาง พุง่ ชนกับต้นไม้ จน มีผเู้ สียชีวติ และบาดเจ็บดังกล่าว ซึง่ เจ้าหน้าทีจ่ ะได้สอบสวน หาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป (MGR Online ๑๗ เมษายน ๒๕๖๐)
นางวิไล ภัทรพิทักษ์ ผู้เสียชีวิต
เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาฟรีทุกที่ ๗๒ ชม.
(ต่อจากหน้า ๑๒)
เมื่อวันที่ ๑ เม.ย. พลโทสรรเสริญ แก้วกำ�เนิด โฆษกประจำ�สำ�นักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่โครงการเจ็บป่วยวิกฤติฉุกเฉินมีสิทธิทุกที่หรือยูเซป เริ่ม ดำ�เนินการอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐหรือ เอกชนทีอ่ ยูใ่ กล้ทสี่ ดุ โดยไม่ตอ้ งจ่ายเงินใน ๗๒ ชม.แรก หลังจากที่ ครม.ได้อนุมตั หิ ลักการ เรือ่ งหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงือ่ นไขการกำ�หนดค่าใช้จา่ ยในการส่งผูป้ ว่ ยฉุกเฉินไปแล้ว และ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกประกาศ ๓ ฉบับให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องปฏิบตั ติ าม “ท่านนายกฯ ให้ความสำ�คัญกับโครงการนี้อย่างมาก เพราะเป็นสิทธิพึงมีพึงได้ขั้น พืน้ ฐานทีป่ ระชาชนทุกคนต้องได้รบั จากรัฐ เพือ่ ลดความเหลือ่ มล้�ำ ในสังคม โดยเน้นย้�ำ ให้ โรงพยาบาลทุกแห่งศึกษาข้อมูลตามประกาศที่ สธ.กำ�หนด และปฏิบตั ติ ามอย่างเคร่งครัด พร้อมทัง้ ระบุดว้ ยว่า รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการเกิดอุบตั เิ หตุบนท้องถนนอย่างจริงจังและ เป็นระบบ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำ�คัญ สงกรานต์ แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นจริง ก็จะ ต้องดูแลช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่” สำ�หรับกลุ่มอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติที่ใช้สิทธิยูเซปได้มี ๖ กลุ่ม คือ ๑. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ ๒. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง ๓. ซึมลง เหงือ่ แตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม ๔. เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง ๕. แขนขาอ่อนแรง
ครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อต่อเนื่องไม่หยุด ๖. มีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อ ชีวติ โดยหากติดต่อรับส่งผูป้ ว่ ยผ่าน ๑๖๖๙ จะช่วยให้เกิดการคัดกรองทีถ่ กู ต้องแต่แรก ทั้งนี้ เมื่อโรงพยาบาลแต่ละแห่งรับตัวผู้ป่วยฉุกเฉินแล้วจะต้องดูแลรักษา เพื่อให้ พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพและขีดความสามารถของตน โดยไม่มีเงื่อนไข การเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลในระยะ ๗๒ ชม. แต่ให้เรียกเก็บจากกรมธรรม์ประกัน ภัย หรือกองทุนที่ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลตามกฎหมาย เช่น กองทุนหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม กรมบัญชีกลาง ตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่าย ทีภ่ าครัฐกำ�หนด เช่น ค่าห้องผ่าตัดใหญ่ ชม.ละ ๒,๔๐๐ บาท ค่าอัลตราซาวนด์ครัง้ ละ ๑,๑๕๐ บาท ค่า MRI สมอง ครั้งละ ๘,๐๐๐ บาท ค่าลิ้นหัวใจเทียมอันละ ๒๙,๐๐๐ บาท ค่าสายยางและปอดเทียมชุดละ ๘๐,๐๐๐ บาท ส่วนการรักษาพยาบาลหลัง ๗๒ ชม.นั้น ให้โรงพยาบาลที่รับตัวผู้ป่วยฉุกเฉิน ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยมีสิทธิรับการรักษาอยู่ ซึ่งจะเข้าสู่ระบบปกติ แต่หากผู้ ป่วยประสงค์จะรักษาต่อในโรงพยาบาลแห่งนั้นก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้ ประชาชนที่มีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์ประสานงานคุ้มครอง สิทธิผู้ป่วย ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ โทร. ๐ ๒๘๗๒ ๑๖๖๙ หรือสายด่วน สปสช.๑๓๓๐. (ไทยรัฐออนไลน์ ๑ เม.ย. ๒๕๖๐)
ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑)
เจริญธรรมสำ�นึกดี พบกับน.ส.พ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑) รวมปักษ์เมษายน ๒๕๖๐ v แผ่นดินพุทธ...
ชาวบ้านราชและเครือแหช่วยกันเตรียม งานปลุ ก เสก “พระ” แท้ ๆ ของพุ ท ธ ครั้ ง ที่๔๑ โดยเฉพาะการเตรียมพืชพันธุ์ต่างๆ ไว้ต้อนรับนักบวชและญาติธรรมที่จะมาร่วม งานก็กระทำ�กันอย่างขมีขมัน น่าประทับใจ เชื่ อ หรื อ ไม่ . ..ยั ง ไม่ ทั น จะถึ ง วั น งาน ปลุ ก เสกฯ พื ช ผลต่ า งๆก็ เ ริ่ ม ทยอยกั น ออกดอกออกผลจนบริโภคกันไม่ทัน ก็ได้นำ� ออกแจกจ่ายแบ่งปันหมูบ่ า้ นใกล้เคียง ตลอด จนผู้ที่มาเยี่ยมเยียนชาวบ้านราช ช่วงกลางเดือน มี.ค.๖๐ ก็แจกมะเขือเทศ ติดไม้ติดมือญาติพี่น้องที่มาเยี่ยมเยียน ช่วงปลายเดือนมี.ค.และต้นเดือนเม.ย. ๖๐ จากการแจกมะเขือเทศ มะเขือเปราะ ก็ เริม่ เพิม่ ขนาดผลผลิตในการแจก ต่อมาก็แจก แตงไทย แตงล้าน แตงกวา แตงโมก็โตงเม กินกันไม่ทนั ก็แจก แตงโม หิ้วติดไม้ติดมือกลับบ้าน จิ้งหรีดก็ลองนึกภาพบรรยากาศคนมา เยี่ยมบ้านราช ที่ช่วงแรกมาก็ได้ถือมะเขือ เทศกลับบ้าน พอมาเยี่ยมอีกทีก็ได้แตงล้านกลับไป กินที่บ้าน พอมาเยี่ ย มอี ก ที คราวนี้ ไ ด้ รั บ แจก หนักกว่าเดิมคือแตงไทยดุจลูกทอง แตงโมก็ งอกงาม เนือ้ แดง รสชาติหวานเย็นธรรมชาติ แบบถือกลับบ้านเป็นลูกๆ มีน้ำ�หนักลูกหนึ่ง ก็ไม่ต่ำ�กว่า ๑ กิโลกรัม นอกจากจะมีการแจกฟัก แฟง แตงไทย แตงโมกันแล้ว จิ้งหรีดเดินไปดูที่ริมมูลก็เห็น ฟักทองกำ�ลังเติบโตอยูร่ มิ มูลเป็นจำ�นวนมาก เตรียมต้อนรับงานตลาดอาริยะที่จะมาถึง ช่วงกลางเดือนเมษายนนี้ จิง้ หรีดเห็นน้�ำ ใจของชาวบ้านราชแล้วที่ ยิ่งแจก ก็ยิ่งแจกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะปุ๋ยงอกงามที่ขายขาดทุน ก็ มีชาวบ้านทยอยมาซือ้ ก่อนงานตลาดอาริยะ ยิง่ ขายได้มากก็ยง่ิ ขาดทุนมาก แต่ชาวบ้านราช ก็มีน้ำ�ใจแบกกระสอบปุ๋ยใส่รถชาวบ้านที่มา ซื้อคันแล้วคันเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จิง้ หรีดได้เห็นน้�ำ ใจของชาวบ้านราชแล้ว ก็ร้สู ึกชัดเจนขึ้นในใจว่าสมแล้วฮะ ที่พ่อท่าน สร้างบ้านราชให้เป็นแผ่นดินพุทธ เพราะเป็น แผ่นดินพุทธซึ่งเป็นดินแดนของการให้ จิตใจ
ข่าวอโศก คนไม่หอบหวง มีแต่หอบให้โดยใจที่งดงาม เพื่อนๆอยู่ใต้ร่มไม้ แต่เยาวชนจำ�นวนมากก็อยากมาร่วม ด้วยศีลธรรม...จี๊ดๆๆ กิจกรรมสันทนาการ พีๆ ่ ทัง้ ศิษย์เก่าและศิษย์ v ฤาษีอยู่ไหม?... ชาวบ้านราชช่วงนี้จะเห็นชาวบ้านจาก ใหม่บางส่วนก็เริ่มมีจิตอาสามาช่วยจัดค่าย ที่อื่นๆทั้งนอกเมืองและในเมืองเดินทางมา ในแนวสนุกแบบโลกุตระให้กับน้องๆที่เข้า เยีย่ มชมหมูบ่ า้ น ถ้าประมาณจำ�นวนคนทีม่ า มาเรียนในชุมชนบุญนิยม ด้วยจิตที่ใฝ่ดีทั้ง จากภายนอก เข้ามาเยีย่ มชมในหมูบ่ า้ นก็นบั พี่และน้อง จิ้งหรีดคิดว่านี่เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่มี ได้ราวหมื่นคน ฟังดูก็เหลือเชื่อเนอะ ที่จากอดีตมาถึง คนรุ่นใหม่พยายามพัฒนาตนเองขึ้นมาช่วย ปัจจุบนั จะมีคนจากภายนอกมาเยีย่ มชมบ้าน คนรุ่นเก่า จนสามารถทดแทนคนรุ่นเก่าได้ จะถือว่าเป็นความสำ�เร็จก็ย่อมได้...จี๊ดๆๆ ราชมากถึงขนาดนี้ มีคนภายนอกมาคราวหนึง่ ก็ได้สอบถาม v เห็นคนรุ่นเก่า... ชาวเราว่า “ฤาษี ๒ ตนยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ความประทั บ ใจของจิ้ ง หรี ด ในงาน ชาวเราฟังแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่า ผู้ที่ ปลุกเสกฯ ครัง้ ที๔่ ๑ ก็มอี ยูห่ ลายเรือ่ ง จิง้ หรีด ถามหมายถึงใคร ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าญาติธรรมคนอื่นๆก็คงมี มีคนบางกลุม่ ลงจากรถก็มาถามชาวเรา ความรู้สึกประทับใจเช่นจิ้งหรีดไม่มากก็น้อย ว่า “คุณร่มไม้อยู่ไหม” เชือ่ ไหม? แค่จง้ิ หรีดมองเห็นพล.ต.จำ�ลอง ชาวเราก็บอกว่า “อยู่” ศรีเมือง หรือลุงจำ�ลองของชาวเรา เดินไปเดิน จิง้ หรีดก็รนู้ ะว่าฤาษีและคุณร่มไม้คอื ใคร? มาภายในบริเวณงาน จิง้ หรีดก็รสู้ กึ ประทับใจ ก็คณ ุ ไม้รม่ กับภรรยาเขาไงล่ะ ซึง่ แต่งกาย แล้ว แม้ลุงจำ�ลองของเราจะมีวัยถึง ๘๐ ปี แบบธรรมชาติมาก บางชุดก็แบบ “ผูกขาด” แล้วก็ตาม งานนีล้ งุ จำ�ลองมีบางช่วงทีไ่ ม่สบาย “ผูกขาด” ก็หมายถึง ผ้าจุดไหนเปื่อย ชาวเราก็ได้ช่วยกันดูแลด้วยความยินดี หรือขาด เขาก็ผูกจุดนั้นไม่ให้เป็นช่องโหว่ จิ้งหรีดได้เห็นอ.ไชยยันต์ อดีตแกนนำ� เลยเป็นชุด “ผูกขาด” ที่ไม่ผูกขาด คือใครจะ ญาติธรรมกลุม่ อุดรอโศก อ.แรงเกือ้ ชาวหินฟ้า ลอกเลียนแบบก็ไม่วา่ กัน แต่จงิ้ หรีดคิดเองว่า ผู้ เ คยมี บ ทบาทในสมาพั น ธ์ ค รู ฯ และคุ ณ คงหาคนเลียนแบบน้อยมาก ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรองผูว้ า่ ฯกทม. และ บางคนก็เรียกคุณไม้รม่ ว่าอาจารย์เพราะ อดีตรมว.อุตสาหกรรม ซึง่ สือ่ มวลชนบอกว่า เป็ น ศิ ล ปิ น ระดั บ โด่ ง ดั ง คนหนึ่ ง ในวงการ เป็นรัฐมนตรีที่จนที่สุดในโลก ซึ่งแต่ละท่าน ศิลปินของประเทศไทย ในช่วงนี้ล้วนมีตำ�แหน่งสว. จิ้งหรีดเห็นท่าน ช่วงนีก้ ช็ ว่ ยสร้างธรรมชาติตามนโยบาย เหล่านี้เดินด้วยกัน นั่งกินข้าวด้วยกันในงาน ของพ่อท่าน รวมทัง้ สร้างร้านอาหารมังสวิรตั ิ ปลุกเสกฯ ด้วยมิตรไมตรีที่ดีต่อกันและคน ทีม่ ลี กั ษณะไม่เหมือนใครและไม่มใี ครเหมือน รอบข้าง ก็เป็นภาพทีจ่ ง้ิ หรีดประทับใจอีกภาพ หนึ่งในหลายๆภาพในงานปลุกเสกฯ ส่วน เพราะมีแบบเดียวในโลก ในหมู่บ้าน แบบที่ว่ามีหนึ่งเดียวในโลกนี่ก็เพราะ ใครสงสัยว่าตำ�แหน่งสว.นี่เป็นยังไงเพราะ กำ�ลังสร้างและมัน่ ใจว่าศิลปินไม้รม่ สร้างอะไรก็ ยังไม่มีการเลือกตั้ง ก็ให้ไปถามท่านทั้ง๓ได้ ดูไม่เหมือนใครอยูแ่ ล้ว ก็แค่ใครเห็นโครงสร้าง นะฮะ...จี๊ดๆๆ ร้านค้าแล้ว ก็ยงั เกิดปริศนาในใจเลย v ขอวิงวอน... ใครสงสัยก็มาดูได้ฮะ แต่เรามาดูแต่ละช่วง จากเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ครั้ง ก็จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปกว่าเดิมเสมอ หนึ่ ง ที่ ม ากที่ สุ ด ของชาวอโศกตั้ ง แต่ เ คยมี ยิ่ ง เมื่ อ ปี ก่ อ นมี น้ำ � ตกผาแหงน แมน อุบตั เิ หตุมา กรณีรถตูร้ บั นักบวชและฆราวาส น้ำ�ริน แต่คราวนี้บ้านราชมี “หินน้ำ�ไหล” เดิ น ทางกลั บ สั ง ฆสถานทะเลธรรม จาก หลังศาลาฟังธรรม จิ้งหรีดขอรับรองด้วยตา จ.อุบลราชธานีไปสูจ่ .ตรัง ตัง้ แต่ชว่ งบ่ายของ จิ้งหรีดเลยฮะ ว่างดงามดุจเทพเนรมิตจริงๆ วันที่ ๑๗ เม.ย.๖๐ รถตูเ้ กิดอุบตั เิ หตุชนต้นไม้ ข้างทางอย่างรุนแรง ทำ�ให้มีผู้เสียชีวิตอย่าง เลยฮะ...จี๊ดๆๆ v ค่ายโลกุตระ... น้อย ๔ ราย และบาดเจ็บหลายคน โดยเฉพาะ ก่อ นงานปลุ ก เสกฯหรื องานประจำ � ปี สมณะดินดี สันตจิตโต ซึ่งเป็นสมณะผู้ใหญ่ ต่างๆของชาวอโศกก็จะมีการจัดค่ายพัฒนา อายุพรรษา ๔๑ พรรษากว่า รองจากพ่อครู คุณธรรมให้นกั เรียนสัมมาสิกขาและนักเรียน เป็นอันอับหนึ่ง ได้มรณภาพจากเหตุการณ์ อาชีวะของชาวอโศก อุบัติเหตุในครั้งนี้ อย่างน้อยก็สร้างสำ�นึกแห่งการมีจติ อาสา ก็ ทำ � ให้ นึ ก ถึ ง คนที่ นั่ ง รถคั น อื่ น ๆของ งานของส่วนรวมให้กับเยาวชนของอโศก ชาวอโศก ทีม่ คี วามเป็นห่วงอย่างมากในการ จิ้ ง หรี ด ขอพู ด ถึ ง ค่ า ยเยาวชนอโศก ขับรถของชาวอโศก ดังความในใจของชาว สัมพันธ์ (ยอส.) ในปีนี้ ที่รุ่นพี่ได้เข้าใจแนว อโศกคนหนึ่ง ที่ได้ร้องเรียนไปยังสมณะว่า สันทนาการแบบโลกุตระและก็สามารถทำ�ได้ “กราบนิมนต์ทา่ นช่วยบอกพนักงานขับ อย่างน่าประทับใจ แม้จะไม่เคยชิน รถของชาวอโศก ขับรถด้วยความระมัดระวัง การสันทนาการแนวโลกุตระจะไม่มกี าร ให้มากกว่านี้ มีญาติโยมที่นั่งรถวัดมาหลาย บังคับให้มาสนุก บางคนก็ขอสนุกจากการพัก ท่าน รู้สึกไม่มั่นใจในความปลอดภัยของชีวิต ผ่อน บางคนก็ขอผ่อนคลายจากการนัง่ คุยกับ เพราะโชเฟอร์ทา่ นขับเร็วมาก ผูโ้ ดยสารด้าน
11
หลังนั่งยึดราวยังกระเด็นกระดอน ส่วนใหญ่ เป็นญาติโยมสูงวัยทั้งนั้นด้วย กราบขอความกรุณาเตือนโชเฟอร์ดว้ ย...” พอดีโชเฟอร์ที่ถูกพาดพิงถึงได้ไปกราบ ลาท่านสมณะ ท่านจึงได้ตักเตือนโชเฟอร์ ให้ระวัง ในการขับรถด้ว ย ผู้นั่ง โดยสารมา ด้ ว ยจะได้ ส บายใจ จิ้ ง หรี ด เห็ น โชเฟอร์ ที่ ถูกพาดพิงถึงมีสีหน้ารับรู้ที่เข้าใจประเด็นที่ สมณะท่านเตือนก็เบาใจแทนผูท้ นี่ งั่ รถมากับ โชเฟอร์คนนี้ จิ้งหรีดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในช่วงเดิน ทางกลับ โชเฟอร์ที่ขับรถได้ทำ�ให้ผู้โดยสารที่ ไปด้วยสบายใจขึ้นหรือไม่? ยังไงๆจิ้งหรีดก็ขอฝากโชเฟอร์ทุกคน ด้ ว ยนะฮะ ใครที่ ขั บ ได้ ดี มี ค วามปลอดภั ย คนนั่งไปด้วยมีความสบายใจก็ขออนุโมทนา ด้วยฮะ ส่ ว นใครที่ ขั บ แบบน่ า กลั ว คนนั่ ง หวาดเสี ย วก็ ช่ ว ยปรั บ ปรุ ง แก้ ไขด้ ว ยนะฮะ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง มันเป็น ความสูญเสียทีว่ ดั หรือประเมินค่าไม่ได้จริงๆ ยิง่ ถ้าทำ�ให้เราต้องสูญเสียบุคลากรทาง ศาสนาก็นับว่าเป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ จิ้งหรีดก็ขอขอบคุณโชเฟอร์แต่ละท่าน ไว้ล่วงหน้าด้วยนะฮะ ที่จะช่วยรักษาชีวิตผู้ โดยสารที่อยู่ในมือของโชเฟอร์ทุกท่านใน ขณะขับขี่ยวดยาน...จี๊ดๆๆ
v มรณัสสติ นายประสิทธิ์ สุภาพ อายุ ๙๐ ปี เสีย ชีวิตด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอย่าง รุนแรงทีร่ .พ.มหาราช เชียงใหม่ เมือ่ วันศุกร์ ที่ ๑๗ เม.ย.๖๐ เวลา ๑๒.๓๓น. นายตั้งมั่น บุญสัมฤทธิ์อโศก เสีย ชี วิ ต จากอุ บั ติ เ หตุ ร ถยนต์ เ มื่ อ วั น ที่ ๑๗ เม.ย.๖๐ ฌาปนกิจวันที่ ๑๙ เม.ย.๖๐ ที่ เมรุปฐมอโศก (เฮือนสุดชีวิต) จ.นครปฐม คุณฉลองรัฐ พิสุทธิ์กวิน เสียชีวิต จากอุบตั เิ หตุรถยนต์ เมือ่ วันที่ ๑๗ เม.ย.๖๐ ฌาปนกิจวันที่ ๒๒ เม.ย.๖๐ ณ ฌาปนกิจ สถานเทศบาลนครยะลา (หลังวัดพุทธภูมิ) อ.เมือง จ.ยะลา หลวงพ่อดินดี สันตจิตโต มรณภาพ ด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ เมื่อวันที่ ๑๗ เม.ย. ๖๐ สิรอิ ายุ ๗๖ ปี ๕ เดือน ๑๐ วัน ฌาปนกิจ วันพุธที่ ๑๙ เม.ย.๖๐ ณ เมรุเฮือนสุดชีวิต พุทธสถานราชธานีอโศก อุบลราชธานี คุณวิไล ภัทรพิทักษ์ เสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อวันที่ ๑๘ เม.ย. ๖๐ ฌาปนกิจวันที่ ๒๓ เม.ย.๖๐ ณ วัด ดอนกลาง อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี นายวรเทพ กำ�ภูพงษ์ กลุ่มนศ.ปธ. เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุวันที่ ๑๙ เม.ย.๖๐ ฌาปนกิจวันที่ ๒๓ เม.ย.๖๐ ที่วัดคู้บอน กทม.
12
รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐
คนขับหลับใน รถตูค้ ณะแสวงบุญเสียหลัก ชนต้นไม้พังยับ ดับ ๒ สาหัส ๘ ที่ชุมพร คณะแสวงบุญวัดทะเลธรรม จ.ตรัง เดินทางกลับจากอุบลราชธานี มาถึง อ.ปะทิว จ.ชุมพร รถเสียหลักลงข้างทาง ชนอัดต้นไม้ริมถนนดับ ๒ เจ็บสาหัส ๘ คาดคนขับหลับใน อ่านต่อหน้า ๑๐
ดีเดย์วนั นี้ เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาฟรี
ทุกที่ ๗๒ ชม. ทั้งรพ.เอกชน-รัฐ ฉบับที่ ๔๗๙ (๕๐๑) รวมปักษ์ เมษายน ๒๕๖๐
โฆษกรัฐบาลเผยโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินมีสิทธิทุกที่ หรือ ยูเซป ดีเดย์วนั นี้ ย้ำ�รักษาฟรี ๗๒ ชม. ทั้งรพ.เอกชน-รัฐที่ใกล้ที่สุด เป็นสิทธิพงึ มีพงึ ได้ของคนไทย วอน รพ.ทุกแห่งปฏิบตั ติ ามเงือ่ นไข อย่างเคร่งครัด... อ่านต่อหน้า ๑๐