นสพ.ข่าวอโศก รวมปักษ์ พ.ย.58 464:486

Page 1

ธรรมะพ่ ท่าน : (๔๘๖) ตอบปัญหาพุทธวจนะ น.๔ ฉบับทีอ่ ๔๖๔

ฉบับที่ ๔๖๔(๔๘๖) รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

1

สกู๊ปพิเศษ : สถานการณ์ที่จะมีแต่ความลงตัวไปเรื่อยๆข่าเพราะอะไร? วอโศก น.๙

๔๕ พรรษาของพ่อครู

บนเส้นทางสัมมาอาริยมรรค ในงานมหาปวารณา ครั้งที่ ๓๓ ตั้งโรงบุญแจกอาหารฟรี มีพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จปู่ฯ หมู่สมณะยกสติวินัย

อ่านต่อหน้า

มหกรรมบุญลอมข้าวชาวบุญนิยม ครั้งที่ ๑ นร.ชาวอโศกเข้าค่าย

สืบสานวัฒนธรรมการลงแขกเกี่ยวข้าว

อ่านต่อหน้า

เส้นทางสู่สัมมาทิฏฐิ อ่านต่อหน้า

“ตัดสินใจแจกฟรี ๑๐ วัน อยากจะเผยแพร่อาหารมังสวิรัติ ว่าอร่อยและกินได้ โดยไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์ เป็นการช่วย อ่านต่อหน้า ๔ ชีวิตสัตว์ในช่วงหนึ่ง”


2

“ช่วยกันดูแลลูกหลานออนไลน์” เดี๋ ย วนี้ ค นในสั ง คมมี ก ารใช้ อินเตอร์เน็ตกันมาก จนแม้กระทั่ง นักเรียนในโรงเรียนสัมมาสิกขาก็ นิยมใช้อินเตอร์เน็ตทางโทรศัพท์ กั น เป็น จำ�นวนมาก แม้ว่าทาง โรงเรี ย นสั ม มาสิ ก ขาจะมี ก ฎระเบี ย บไม่ ใ ห้ นั ก เรี ย นสั ม มา สิกขามีโทรศัพท์ แต่เมื่อกลับบ้าน นั ก เรี ย นหลายคนก็ จ ะเคี่ ย วเข็ ญ ผู้ปกครองให้ซื้อโทรศัพท์มาให้ใช้ ซึ่งจะเห็นได้จากนักเรียนจำ�นวน ม า ก มี เ ฟ ซ บุ๊ ค ส่ ว น ตั ว ใ น โ ล ก ออนไลน์ ก็การมีเฟซบุ๊คนี่แหละ ที่จะ เป็นช่องทางให้วัยรุ่นได้ลงภาพ – คลิป – ข้อความที่ขาดวิจารณญาณ ที่เหมาะสม หรือขาดวุฒิภาวะ เผยแพร่ ไ ปในโลกออนไลน์ ไ ป ทั่วโลกเช่น ทำ�เป็นดื่มเบียร์ สูบ บุหรี่ แต่งกายอนาจารหรืออุจาด ใช้ ข้ อ ความที่ ห ยาบคายและหยาบ โลน เป็นต้น จึ ง ข อ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ ท่ า น ผู้ ปกครอง ครูบาอาจารย์ หรือเพื่อนๆ ที่มีความปรารถนาดี ได้ช่วยดูแล แนะนำ � และตั ก เตื อ นนั ก เรี ย น หรื อ ศิ ษ ย์ เ ก่ า ของโรงเรี ย นต่ า งๆ ในชุมชนบุญนิยม ให้ลงข้อความ และรูปภาพที่สมกับการที่ได้ผ่าน สถาบั น ของสั ม มาสิ ก ขาหรื อ ได้ เคยเข้ามาศึกษาในชุมชนของชาว อโศก มิฉะนั้นนักเรียนหรือศิษย์เก่า เหล่ า นั้ น จะทำ � ตั ว เป็ น กากเดน หรื อ เนื้ อ ร้ า ยอย่ า งน่ า เสี ย ดาย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์!!!!

รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

การฝังเข็ม อีกทางเลือกที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณ (ตอนที่๒) เป็นเรือ่ งต่อจากฉบับทีแ่ ล้วนะคะ เกีย่ วกับการตัดสินใจในการผ่าตัดอีกครัง้ ของผูป้ ว่ ยหลังจาก การผ่าตัดหลายครั้งได้ผ่านมาแล้ว ที่ทำ�ให้ผู้ป่วยรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ ครั้งนี้ผู้ป่วยคิดหนักมาก เพราะการผ่าตัดแต่ละครัง้ นัน้ เจ็บปวดทุกข์ทรมานมากค่ะ กว่าจะฟืน้ จากความเจ็บปวดได้กห็ ลายวัน และแพทย์ก็ไม่รับปากด้วยว่าจะเดินได้ตามปกติ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ไม่รีบด่วนแล้ว เป็นการ ผ่าตัดทีร่ อได้ผปู้ ว่ ยจึงขอกลับบ้านไปก่อน คิดถึงบ้านมาก และขอออกไปทำ�ใจก่อน แพทย์จงึ อนุญาต ให้กลับบ้านได้และนัดมาภายหลัง ผู้ป่วยหายไปหลายเดือนค่ะ จู่ๆ...ท่านก็เดินด้วยไม้เท้ามาเยี่ยมเยือน บอกว่าเริ่มเดินได้แล้วน้า ท่านเล่าให้ฟังว่าลองไปรักษาด้วยการฝังเข็มและยาจีนดู หลังจากนั้นท่านก็ไม่รับการผ่าตัดอีกและเลือก ไปฝังเข็มแทน การเดินดีขึ้น และก็ไม่ได้พบกันอีกเพราะบ้านท่านอยู่ทางอีสาน เรื่องผู้ป่วยท่านนี้เลือน หายพักไว้ในใจของข้าพเจ้าอยู่นาน คือไม่ได้คิดอะไร จวบจนข้าพเจ้าทำ�งานได้ ๓๐ ปีและคิดว่าจะลาออก มาเป็นอิสระจากงานประจำ�มาช่วยหมู่กลุ่มให้มากขึ้น ลดละลาภยศสรรเสริญ ออกจากกรงขังแคบๆ มา สู่กรงขังที่กว้างขึ้น เกือบไร้ขอบเขต ยังไม่ได้เป็นอิสระจากกรงขังของกิเลสทั้งหมดได้ค่ะ แต่ก็มีโอกาสทำ� ชีวิตให้เป็นอิสระต่อการเรียนรู้ได้ ทั้งทางโลกและทางธรรมมากขึ้นค่ะ นั่นเป็นที่มาของการได้มีเหตุปัจจัย ได้ไปเรียนรู้เรื่องการฝังเข็ม จึงเกิดการเรียนรู้ว่าวิชานี้มีประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม ความทรงจำ�เก่าๆเรื่อง คนไข้เมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ที่พักไว้ในใจจึงโผล่ขึ้นมา เนื่องจากได้มาพบผู้ป่วยในทำ�นองนี้อีกมากมาย คนไข้ที่ แพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต มาเดินได้จากการฝังเข็ม เมื่อเรียนแล้วก็ได้ เข้าใจว่า อ๋อ..เป็นไปได้จริงเพราะอะไร? มีทฤษฎีและเป็นเหตุเป็นผลรองรับค่ะ แม้จะเป็นการมาเรียน ตอนแก่ แต่ก็คิดเสมอว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” สมองจะได้ไม่ฝ่อเร็ว ถึงอย่างไรก็ได้ใช้ดูแลตนเองไปบ้างแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ตรงๆ จริงๆ เมื่อเทศกาลงานเจที่ผ่าน ไปเมื่อ ๑๒-๒๓ ต.ค. ๕๘ (ก่อนเจ ๑ วันและหลังเจ ๑ วัน เราก็นับเป็นช่วงเดียวกันเพราะงานหนักทุก วัน) ได้ทำ�งานที่ใช้มือมากกว่าปกติคือ ต้องปั้นแป้ง ปั้นขนม มีการเกร็งข้อมือเกือบตลอดเวลา หลังหมด งานเจ นอนกลางคืนมือชาเกือบทั้งคืน ชาเกือบทุกนิ้ว ต้องตื่นขึ้นมาดึกๆเพราะมือชามาก ต้องตื่นขึ้น มาสลัดมือนวดมือเป็นพักๆ บางวันปวดชาไปถึงแขน จากความรู้เดิมที่มีอยู่ก็พอรู้ว่าตนเองเป็นอะไร นั่น คืออาการของพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือหรือฝ่ามือ (carpal tunnel syndrome) เป็นกลุ่มอาการของ โพรงข้อมือตีบ ซึ่งจริงๆแล้วเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคเบาหวาน, โรคข้ออักเสบ เช่น เก๊าต์, รู มาตอยด์, โรคต่อมไทรอยด์บกพร่อง, ภาวะตั้งครรภ์, ก้อนถุงน้ำ� หรือเนื้องอกในช่องอุโมงค์, กระดูก หักบริเวณข้อมือ, การใช้งานมือนานๆ, ภาวะบวมน้ำ�จากโรคไต โรคตับ เป็นต้น แต่ข้าพเจ้าคาดว่าเกิด จากการใช้งานนานๆ ในท่าที่ทำ�ให้เกิดความดันอุโมงค์ในข้อมือสูง และเป็นพังพืดขึ้นมารัดเส้นประสาท ข้าพเจ้าคิดอยู่หลายวันว่าจะดูแลตนเองอย่างไร ก็ได้ไปอ่านพบในหนังสือเรื่อง “วิวัฒน์แห่ง..เวชกรรมฝัง เข็ม” โดย นพ.อภิชัย ชัยดรุณ ซึ่งท่านเป็นแพทย์แผนปัจจุบันที่ได้ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการฝังเข็ม ที่ประเทศ จีน ได้เขียนไว้ว่า อาการนี้ใช้การฝังเข็มได้ ข้าพเจ้าจึงใช้วิชานี้ดูแลตนเองเพียงแค่ ๒ วัน อาการก็เกือบ หายเป็นปกติ แล้วยังมีอาการเหลืออยู่น้อยมากจนไม่รบกวนเวลานอน แล้วแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการ รักษาแบบแผนปัจจุบัน แพทย์อาจให้รับประทานยาหรือฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงมือ ถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้อง ผ่าตัดเข้าไปในโพรงมือ เพื่อตัดพังผืดออกไม่ให้มากดทับเส้นประสาท ซึ่งก็ได้ผลดีอยู่นะคะ แต่ถ้าเรารู้จัก พึ่งตนเองได้น่าจะดีที่สุด ที่เรียบเรียงมาทั้งหมดนี้ ก็ขอนำ�เสนอท่านว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแผนโบราณนาน มาหรือแพทย์ทางเลือกอื่นๆใดก็ตาม มีจุดเด่นและข้อจำ�กัดของตนเสมอ จึงไม่ควรปฏิเสธแผนใดโดย สิ้นเชิงหรือยอมรับแผนหนึ่งแผนใดอย่างเดียว โดยไม่คิดว่ามีทางเลือกอื่นอีก ถ้าเราศึกษาหาความรู้อยู่ เสมอเราจะพบว่า โรคใดเราควรใช่แผนไหน ในการดูแลตนเองได้ดีกว่ากัน แต่แผนที่ดีที่สุดก็ควรจะเป็น แผนที่เราพึ่งตนเองได้มากที่สุด แม้กระนั้นก็ตาม การพึ่งตนเองก็มีข้อจำ�กัดเช่นกัน ถึงที่สุดแล้วก็อย่าได้ ปฏิเสธการพึ่งพาผู้อื่นด้วยเพราะเราจะต้องพึ่งเกิด พึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตาย กันอยู่แล้วนะคะ เมื่อเวลา นั้นมาถึง ก็ต้องฝึกทำ�ใจให้ได้ว่าจะพึ่งใครได้มากเพียงใด ขึ้นกับบุญกุศลที่เราสร้างมาเองจริงๆตามสัจจะ ของตนค่ะ ที่พ่อท่านสอนไว้ เมื่อเราแข็งแรงดีอยู่ก็น่าจะทำ�ตนให้ผู้อื่นได้พึ่งเราแบบดีๆด้วยค่ะ (สอนตัว เองผ่านตัวอักษรค่ะ) เอวัง. กิ่งธรรม


ฉบับที่ ๔๖๔ (๔๘๖)

ค่ายเส้นทางสู่สัมมาทิฏฐิ

ข่าวอโศก

(ต่อจากหน้า ๑)

ค่ายเส้นทางสูส่ มั มาทิฏฐิจดั ขึน้ ระหว่างวันที่ ๓๐ ต.ค.ถึง ๓ พ.ย. ๒๕๕๘ ณ พุทธสถานปฐมอโศก โดยมีท่านสมณะ เป็นผูจ้ ดั และมีคณะคุรเุ ป็นผูช้ ว่ ย นักเรียนในค่ายทัง้ หมด ๓๕ คน วัตถุประสงค์ที่จัดค่ายนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นค่ายเตรียมงาน มหาปวารณาและให้เด็กๆได้เรียนรู้จักแนวทางการปฏิบัติ ธรรมที่แท้จริงจากพื้นฐานง่ายๆ ตามแนวทางที่ถูกต้อง ถูกตรง เริ่มต้นจากศีลแล้วเดินตามมรรคมีองค์ ๘ ในการ ดำ�เนินชีวิตประจำ�วัน กิจกรรมในค่ายมีการทำ�วัตรเช้า พบ สมณะประจำ�กลุ่ม ใส่บาตร บำ�เพ็ญคุณเข้าทำ�งานตามฐาน งานต่างๆ ฟังธรรมก่อนฉันและมีการบูรณาการไปพร้อมๆ กับการสันทนาการ ตลอดเวลา ๔ คืน ๕ วันได้เห็นการ เปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของเด็กที่ได้แสดงออกถึงความ เข้าใจ ในแนวทางการปฏิบัติสู่สัมมาทิฏฐิ คุรุไผ่ศิลป์ “ค่ายม.๔ มีความสบายใจในการดูแลเด็ก เพราะเด็กๆให้ความร่วมมือดี มีความรับผิดชอบ ประทับ ใจสมณะ ที่ให้ความสำ�คัญกับการบูรณาการเข้าค่ายสัมมา ทิฏฐิ สิ่งที่ได้เห็นคือเด็กพัฒนาขึ้น ตัวเองก็ได้พัฒนาด้วย” ฟ้าแสงธรรม คีรที ศั นัย (สัมมาสิกขาศาลีอโศกม.๔) “จาก การที่ ไ ด้ เข้ า ค่ า ยครั้ ง นี้ รู้ สึ ก ประทั บ ใจผู้ ใ หญ่ แ ละสมณะที่ เอาใจใส่ดี ชอบทุกกิจกรรม เช่น การพบกลุม่ ได้รบั สมาธิมาก ขึ้น สันทนาการได้ประโยชน์มีความสามัคคีกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ�” น้องราศี (ปลายฝน) (สัมมาสิกขาบ้านราชฯ) “ก่อนจะมา ดีใจที่จะได้มาเข้าค่ายเพราะจะได้เจอเพื่อนๆ พอรู้ว่าสมณะ คุรุเป็นผู้จัดค่ายคิดว่าคงเป็นค่ายที่น่าเบื่อ แต่พอได้เข้าค่าย แล้ว ก็ดีใจได้รับรู้ธรรมะมากขึ้น ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด”

3


4 จาก sms 0839975xxx กราบนมัสการ พ่อท่านครับ เกี่ยวกับสำ�นักพุทธวจน เลยขอโอกาสเรียนถามพ่อท่านครับ พระ คึกฤทธิ์สอนว่า อานาปานสติ ต้องเฝ้าดู ลมหายใจอย่างเดียว ห้ามคิด พ่ อ ครู ต อบว่ า …นี่ คื อ ความคิ ด แบบ ฤาษีที่มิจฉาทิฏฐิหมด อานาปานสติกับ สติปฏั ฐาน ๔ คืออันเดียวกันคือมีสติปฏั ฐาน เป็นฐานทุกลมหายใจเข้าออกที่ยังไม่ตาย แล้วมีองค์รวมเรียกว่ากาย ต้องรู้กายสังขาร จิตสังขาร ในอานาปานสติสูตรก็ต้องรู้กาย สังขารังปฏิสังเวที จะรู้ได้ต้องรู้กายคืออะไร ถ้าเข้าใจแค่กายคือร่างนอกก็เจ๊งแล้ว กายสังขารก็เป็นภายนอก เป็นพลความ หนึ่ง นิยามหนึ่ง กายสังขารเน้นภายนอก แต่ถ้าเข้าหาภายในก็มีกาย ถ้าองค์ประชุม องค์รวมธรรมะสองทั้งนอกและใน และ

ชื่อเดิม : อรวรรณ พิมพ์ศรี ชื่อที่พ่อครูตั้งให้ : ศีลแสงฟ้า อายุ : ๔๙ ปี สถานภาพ : สมรส มีบุตร ๒ คน การศึกษา : ชั้นม.๖ ภูมิลำ�เนาเดิม : จ.อุทัยธานี ชีวิตก่อนที่จะพบชาวอโศก ตอนเด็กๆชีวติ ลำ�บากมาก มีพน่ี อ้ ง ๕ คน เป็นผู้หญิงคนเดียว แม่เสียชีวิตตอน อายุ ๙ ขวบ จึงต้องทำ�กับข้าวเลี้ยงน้องๆ ตั้งแต่อยู่ชั้นป.๔ ตื่นตั้งแต่ตี ๕ ลุกขึ้นมาหุง ข้าว ทำ�กับข้าวถึงจะได้ไปโรงเรียน ต้องไป เก็บผักบุ้ง ไม่ใช่ซื้อจากตลาดเหมือนสมัยนี้ ต้องทำ�งานบ้าน พ่อเป็นครูใหญ่และฝึกให้

รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

ตอบปัญหาพุทธวจนะ

นาม เราไปกำ�หนดรู้ได้ก็ธัมวิจัยสัมโพชฌงค์ อันนั้นตลอดจนวิจัยเข้าถึงเวทนา ธรรมะ พระพุทธเจ้าให้วิจัยเวทนาเป็นหลักจะบรรลุ หรือไม่ก็ที่เวทนา ต้องรู้ความต่างระหว่าง ทุกขเวทนาสุขเวทนา โสมนัสกับโทมนัสต่าง กันอย่างไร แล้วแยกเนกขัมสิตเวทนากับ เคหสิตเวทนาออกได้ การนั่งหลับตาอย่างเก่งก็ได้จิตว่างเฉย เป็นฌาน๔ เป็นอุเบกขากับเอกัคคตา คุณ ก็ว่าเป็นฌานสมาบัติ แต่ถ้าจะให้เป็นนิโรธ สมาบัติก็วางเฉย ที่ได้ฌานสมาบัติก็คือคุณ บอกว่านิโรธนั่นเอง ถ้ามีอยู่ก็เป็นอาภัสรา ถ้าดับก็สุภกิณหา ก็มีสองทิศทางของพรหม ก็เท่านี้ อานาปาสนติ ที่บอกว่าดูลมหายใจ อย่างเดียวก็ใช่เพราะพูดว่าอานาอาปานะ แต่อธิบายแคบๆว่ากำ�หนดรูล้ ม ก็ตอ้ งกำ�หนด

รู้ว่าสภาพลมเป็นอย่างไร แล้วก็ต้องกำ�หนด รู้ให้ครบ ให้ทั่ว ซึ่งเป็นวิปัสสนาที่ยอดเยี่ยม กว่าสมถะอยู่แค่ลมหายใจ ก็ต้องกำ�หนดรู้ ขณะแม้นั่งก็ตาม ก็ต้องให้อย่าขาดจากลม หายใจนะ เพราะว่านั่งหลับตาไม่มีทวารอื่น รับรู้ รู้แค่ลมหายใจที่จมูกผ่านเข้าผ่านออก แต่ ถ้ า ไม่ รู้ สึ ก ที่ จ มู ก แต่ ไ ปรู้ ล มภายในเล่ น ลมภายในก็ไม่ถูกทางแล้ว เป็นการปั้นเอา เป็นการทิ้งกายแล้ว ไม่มีธรรมะสองให้เรียน รู้แล้ว ต้องรวมลงที่เวทนา ที่เป็นธรรมทั้ง สองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติฯ) ทำ�ให้เป็นหนึ่งให้ได้ หนึ่งก็คือจิตที่มีอกุศลจิตก็ธรรมะหนึ่ง จิต ทั้งมวลของคุณที่ปราศจากอกุศลจิตตอนนี้ ขณะนี้ เช่น ราคะกับดอกไม้ขณะนี้ คุณก็ดับ ราคะในดอกไม้ จิตที่รู้จักดอกไม้ก็อยู่ครบ

เป็นหนึ่งในสองขณะดับอกุศลจิตไปแล้วจะ ดั บ ด้ ว ยปหานห้ า ก็ ต้ อ งใช้ ทั้ ง ปั ญ ญาเจโต ช่วยกัน อานาปานสติต้องดูลมหายใจเข้าออก อย่างเดียวแล้วห้ามคิดอย่างนี้ ออกนอกรีต นอกทางเลย น่าสงสาร คุณสรุปมานี่ สรุป ท่านคึกฤทธิ์ถูกหรือเปล่านะ อาตมาก็ว่า ตามที่คุณสรุปมานะ ถ้าไม่จริงอาตมาก็พดู ผิดไปด้วย แต่ไม่ได้โกรธเกลียดหรอก ศาสนา พุทธน่ะไม่ได้ห้ามคิด มีสัมมาสังกัปปะ เป็น แต่เพียงแม่นในสักกายะ รูส้ มุทยั ทีต่ อ้ งกำ�จัด อันนี้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในศาสนาพุทธ คือจับ โจรถูกตัวไม่จับแพะขึ้นแพะคือตัวปลอม จะ พลาดก็ไม่ได้ต้องจับตัวจริง นี่คือของจริง ในศาสนาพุทธที่สุดพิเศษ. จากรายการ ธรรมาธรรมะสงคราม ๒๗ พ.ย. ๒๕๕๘

ทำ�ไร่ทำ�นา ปลูกข้าวไร่ ปลูกผักสวนครัวเอา ไว้กินในครอบครัว ไม่ให้ซื้อ เคยคิดน้อยใจ เสียใจว่าเราลำ�บากกว่าเพื่อน คนอื่นไม่เห็น ลำ�บากเลย แต่ตอนนี้รู้สึกว่าความลำ�บาก เป็นกำ�ไร เป็นพืน้ ฐานของชีวติ ทุกวันนี้ รู้ จั ก ชาวอโศกได้ อ ย่ า งไรและ ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร? มาพบชาวอโศกเพราะได้ใส่บาตร ท่านสมจิตร ธัมมทินโน จากวัดทุ่งแก้ว จ.อุทัยธานี ประมาณปีพ.ศ.๒๕๔๓ ท่าน ได้แจกแผ่นพับของชาวอโศก มีเรื่องการ สวดมนต์อย่างไรให้ถูกพุทธ การขอพร ที่ตอ้ งทำ�เอง เมือ่ อ่านแล้วจึงเลิกขอพรเวลา ใส่บาตรเพราะทำ�ให้กิเลสเพิ่ม ความโลภ มากขึ้น เริม่ เข้าวัดเพราะญาติธรรมชาวอุทยั ธานี และท่านสมจิตร เริ่มฝึกกินมังสวิรัติใช้เวลา ถึง ๕ ปี มีหมู่กลุ่มที่กินมังสวิรัติและได้ดู FMTV ติดตามเสมอ ๙๙% ก็เลิกกินเนื้อ สัตว์ได้ทันทีในวันที่ ๘ พ.ค. ๒๕๕๐ เพราะ ถ้าได้ฟังพ่อท่านแล้วยังกินเนื้อสัตว์อยู่ก็ไม่ ถูกทาง พ่อท่านบอกว่า ไม่มสี ตั ว์ใดทีไ่ ม่เคย เกิดเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นพ่อ เป็นแม่ของเรา จึงเกิดความกลัวที่ต้องต่อเวรต่อกรรม ผูก พยาบาทกัน ถ้าจะปฏิบัติสายนี้ต้องเลิก กินเนื้อสัตว์เป็นอย่างแรก สุขภาพและจิต วิญญาณถึงจะเปลีย่ น จึงตัดสินใจอย่างมุง่ มั่น มี ก ารฝึ ก ฝนปฏิ บั ติ ใ ห้ กั บ ตนเอง อย่างไร? ๗-๘ ปีที่ผ่านมา ถือศีล ๕ เลิกซื้อ เสื้อผ้าที่จะไปงานต่างๆและงดการออกงาน ไม่ดลู ะคร การละเล่นต่างๆ กินนอนเป็นเวลา เลิกแต่งหน้าทาปาก เลิกซื้อเครื่องสำ�อาง และเครื่องบำ�รุงผิวพรรณ เลิกใช้สบู่ และทำ� น้ำ�ยาซักผ้าใช้เอง ใช้เสื่อปูนอนแทนที่นอน รูส้ กึ ว่าหมดภาระ รูส้ กึ ว่าทีผ่ า่ นมาทำ�ตามเขา

ถูกนายทุนหลอกว่าใช้แล้วจะไม่เหี่ยว ไม่แก่ แต่เราหันมากินอาหารที่มีประโยชน์ดีกว่า สำ�หรับในครอบครัวก็เริ่มปรับที่เรา ไม่ ว่าเขาเรื่องกินเนื้อสัตว์ ทำ�อาหารในครัว เดียวกันแต่ใช้คนละกะทะ แต่เมือ่ ก่อนถ้าเปิด ธรรมะบ่อยๆลูกๆเขาก็รำ�คาญ แต่เดี๋ยวนี้ เขาฟังด้วยและกลัวการฆ่าสัตว์ และยังต่อ ทีวหี ลายจุดในบ้าน เปิดโอกาสให้เราได้ฟงั ธรรม ได้ทำ�อาหารแจกในโรงบุญในเทศกาล กินเจเพื่อฉลอง ๔๕ พรรษาพ่อครู โดยใช้ ตึกแถวของสามีในตัวเมืองจ.อุทัยธานีเป็น สถานที่แจก ตอนแรกจะทำ�ขายแต่พอดูขา่ ว ช่องบุญนิยมทีวี เห็นหลายๆที่แจกอาหาร ฟรีในช่วงเทศกาลกินเจ จึงมีใจอยากร่วมด้วย เพื ่ อสร้ า งกุ ศล ละล้ า งและฝึกใจไปด้วย โอกาสดีๆแบบนี้ไม่รู้จะได้ทำ�อีกหรือเปล่า จึงตัดสินใจแจกฟรี ๑๐ วัน ชีวิตนี้ขอให้ได้ ทำ�เถอะ อยากจะเผยแพร่อาหารมังสวิรัติว่า อร่อยและกินได้ โดยไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์ เป็นการช่วยชีวิตสัตว์ในช่วงหนึ่งและเรามี พื้นฐานการทำ�กับข้าวอยู่แล้ว ทำ�อาหาร ด้วยความใส่ใจและใส่ฝีมือเต็มที่ แต่ไม่ใส่ ผงชูรส โปรตีนเกษตรและไม่ใส่เนื้อเจ ล้าง ผักอย่างดี ด้วยน้ำ�หมัก น้ำ�ด่าง น้ำ�ซาวข้าว เรากินเองอย่างไรก็ทำ�ให้คนอื่นกินแบบนั้น เป็นการคัดคนกิน ถ้าไม่อร่อยเขาจะไปกิน ร้านอื่น อาหารที่ทำ�ใช้วัตถุดิบอย่างดีเพราะ อยากให้คนกินมีสุขภาพดี ไม่ทำ�บาป เพราะ เรารู้โทษภัย ตื่นตั้งแต่ตี ๒ ทำ�กับข้าวคนเดียวตลอด งาน แต่มีญาติๆมาช่วยหน้าร้าน ๒-๓ คน ตอนแรกสามีไม่อยากให้ทำ�เพราะกลัวเรา เหนือ่ ย แต่พอเห็นเรามุง่ มัน่ เขาก็ชว่ ยสนับสนุน อย่างดีในการแต่งร้าน ดูแลสถานที่ มีความ สุขที่มีคนมากินเจกันเยอะในวันงาน แล้ว เขาก็บอกต่อกันให้มากินมังสวิรัติที่โรงบุญ

และทำ�ให้ร้านเจอื่นๆ ที่ขายแพงลดราคาลง ด้วย จาก ๓๐ เหลือ ๒๐ บาท เราก็ดีใจที่มี ส่วนช่วย ที่ผ่านมาคนกินเห็นอาหารเจแพง ก็ไม่กล้ากิน เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าช่วง เทศกาลเจอาหารแพง ชาวบ้านทั่วไปเลยไม่ กิน แต่เราทำ�ทวนกระแสว่าอาหารเจไม่ใช่ ของแพง ตึกแถวทีเ่ ราใช้เป็นสถานทีแ่ จกอาหารเจ ถ้าให้คนมาเช่าราคา ๒๐,๐๐๐ บาทเพราะ ทำ�เลติดถนนใหญ่ด้วย แต่เราหวังขาดทุน เมือ่ เสร็จงานนีข้ าดทุนไป ๔,๐๐๐ บาทเป็น กำ�ไรอาริยะ เหมือนแปลงสินทรัพย์ให้เป็น บุญโลกุตระ คนก็ลือกันว่าทำ�แบบนี้ขายเจ๊ง แต่เราดีใจใหญ่เลยเพราะประสบผลสําเร็จที่ เจ๊งทางโลกแล้ว พอเสร็จงานแล้วร้องไห้ด้วยความปิติ ที่เราได้ทำ�งานเสียสละทางโลกุตระบ้าง ทำ� แบบเอาชีวิตเข้าแลกเลย เราให้หมดใจ เสีย สละแรงกายแรงใจกำ�ลังทรัพย์ทำ�เต็มที่ บุญ นั้นไม่ได้มาง่ายๆ แต่ยังประมาณตนไม่ถูก ถ้ามีหมู่กลุ่ม ๓ คนขึ้นไป ที่มีความเห็นใน ทางเดียวกันจะดีกว่าทำ�คนเดียว พอเสร็จ งานจึงเข้าใจแล้วว่าทำ�ไมต้องมีหมู่กลุ่มและ ในการทำ�งานเราก็ได้ปรับใจตนเอง ใจเย็น ลงเพราะถ้าไม่มีญาติพี่น้องมาช่วย เราก็จะ ทำ�แบบนี้ไม่ได้ อยากจะฝากอะไรให้กับญาติธรรม? อย่ า งที่ พ่ อ ท่ า นและท่ า นสมณะบอก ว่าการปฏิบัติธรรมอย่าติดแป้น ขอให้เราสู้ กับกิเลสตามฐานะของแต่ละคน อย่าหยุด ถ้าหยุดเราจะตกล่วงและวนกลับไป ต้อง ระวังให้มากสำ�หรับตนเองและญาติธรรมที่ อยู่ข้างนอก ควรจะฟังพ่อท่านตลอดและ นำ�ธรรมะพื้นฐานมาย้ำ�ปฏิบัติ สำ�หรับ ธรรมะขั้นสูงแม้ว่าตนเองจะฟังไม่รู้เรื่องแต่ ก็ฟังไปก่อนไม่เคยเบื่อเลยค่ะ.


ฉบับที่ ๔๖๔ (๔๘๖) มหกรรมบุญลอมข้าว

ข่าวอโศก (ต่อจากหน้า ๑๒)

ชาวอโศกร่วมกันสร้างตำ�นานแห่งความสุขบนเส้นทาง วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงของชาวนาบุญนิยม ไม่ใช้เงิน จ้างรถเกี่ยวข้าว รถสีข้าว ใช้พลังแรงงานสามัคคีสืบสาน วัฒนธรรมโฮมแฮงช่วยกันเก็บเกี่ยวข้าวบนผืนนาข้าว ไร้สารพิษ แล้วร่วมกันฉลองในงานมหกรรมบุญลอมข้าว ครั้งที่ ๑ ณ หมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก ในวันที่ ๒๕ พ.ย. ๒๕๕๘ ชาวบ้านราชฯและพี่น้องจากชุมชนบุญนิยมและญาติ ธรรมจากจังหวัดต่างๆ ได้ชว่ ยกันเกีย่ วข้าวกันมาตัง้ แต่วนั ที่ ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๘ จนเกือบจะสำ�เร็จลุล่วงแล้วยังเหลือข้าว เพียงเล็กน้อยที่ยังไม่สุกดีที่จะได้เก็บเกี่ยวต่อไป เมื่อวันที่ ๒๕ พ.ย. มีการจัดงานมหกรรมบุญลอมข้าวชาวบุญนิยม ครั้งที่ ๑ ขึ้น โดยในช่วงเวลา ๐๗.๑๕ น. ทำ�บุญตักบาตรที่ ท้องนาบริเวณจัดงาน หลั ง จากใส่ บ าตรเสร็ จ แล้ ว ญาติ ธ รรมแต่ ล ะคนได้ แยกย้ายกันไปทำ�งาน ซึ่งมีทั้งงานโฮมแฮงเกี่ยวข้าวที่นา โฮมแฮงห่อข้าวต้มมัด ขนมเทียน และช่วยกันจัดเตรียม อาหารหลากหลายเมนูเพื่อจัดโรงบุญ เวลา ๑๔.๐๐ น. ขบวนแห่รวมตัวที่จุดตั้งต้นคือศาลา เฮือนเผิง่ กันในหมูบ่ า้ น รูปขบวนเริม่ ด้วยขบวนตัวแทนชาวนา ถือพานรวงข้าว ตัวแทนชาวนาที่มาร่วมงานทีมละ ๒ คนมา หาบข้าวและถือพันธุ์ข้าว ต่อมาเป็นรถอัญเชิญรวงข้าวและ พืชพันธุ์ธัญญาหาร และตามด้วยกระทงขวัญข้าวซึง่ หามโดย ชายหนุม่ ๔ คน ต่อมาคือขบวนฟ้อนของน.ร.สัมมาสิกขา ราชธานีอโศกและนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาสัมมาสิกขา วิชชาราม แล้วเป็นขบวนฟ้อนเซิ้งกระติ๊บข้าวของน.ร.สัมมา สิกขาสันติอโศก โดยมีรถดนตรีตามหลังขบวนฟ้อน ต่อ มาเป็นคณะอุทยานฯม่วนซื่นที่ประกอบด้วยแฟชั่นแฟนซี จากธรรมชาติ โดยศิลปินไม้ร่ม ธรรมชาติอโศกและภรรยา ขบวนรวมพั น ธุ์ ข้ า วพื้ น บ้ า นหลายสายพั น ธุ์ ที่ พี่ น้ อ งชาว อำ�นาจเจริญได้รวบรวมมา ต่อมาเป็นขบวนทีแ่ สดงถึงความ อุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งของพืชพันธุ์ธัญญาหารของ อาชีพกสิกรรมตามอุดมการณ์ “กินสิ่งที่ปลูก ปลูกสิ่งที่กิน” ประกอบด้วยกล้วย อ้อย พืชผักนานาพันธุ์ ต่อมาเป็น ขบวนของน.ร.สัมมาสิกขาราชธานีอโศก ระดับประถมฯ ที่ แต่งกายเป็นชาวนาตัวน้อยถือป้ายคำ�ขวัญว่า “ข้าวเปลือก

เป็นทรัพย์อย่างยิ่ง” “เงินทองเป็นของมายา ข้าวถั่วงาเป็น ของจริง” และ “ข้าวไม่ใช่สินค้า แต่เป็นอาหารที่แบ่งปันกัน กิน” ต่อจากน.ร.ตัวน้อยเป็นขบวนความคิดสร้างสรรค์ของ น.ร.สัมมาสิกขาสันติอโศก ตามหลังมาด้วยขบวนเซิ้งของ น.ร.สัมมาสิกขาศีรษะอโศกและน.ร.นานาชาติที่มาเรียนรูใ้ น ชุมชนศีรษะอโศก ปิดท้ายขบวนด้วยผูอ้ ายุยาวทีน่ ง่ั รถประดับ ด้วยมะพร้าวและผู้อายุยาวถืออ้อยเป็นเครื่องประดับ เมือ่ ขบวนแห่ถงึ บริเวณลานลอมข้าวแล้ว พิธกี รได้สร้าง บรรยากาศสนุกสนานด้วยการรำ�วงหน้าเวที แล้วจึงเข้าสู่ พิธีเปิดโดยคุณขวัญดิน สิงห์คำ� และคุณจำ�รัส ช่วงชิง หลัง จากนั้นเป็นพิธีกราบแม่โพสพแล้วเข้าสู่กิจกรรมกีฬาอาริยะ คือ แข่งขันการนวดข้าว และแข่งขันการเป่าปี่ตอซังข้าว การ แข่งขันนวดข้าวเป็นทีมสร้างความสนุกสนานและเกิดสาระ คือได้เมล็ดข้าวไปพร้อมๆกัน ผูเ้ ข้าแข่งขันจะได้รบั รางวัลจาก พ่อครูสมณะโพธิรักษ์คือ ข้าวสารถุงละ ๒ กิโลกรัม หลวงปู่ ได้บอกกับลูกๆหลานๆ ว่า “นี่เป็นข้าวสารที่อาตมาไปช่วย แพ็คที่โรงสีบุญคุณข้าว” เมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลงก็เป็นความบันเทิงบนเวที ทั้งการแสดงโปงลาง จินตลีลาของนักเรียน จนถึงเวลา ๑๘.๓๐ น. เปลี่ยนบรรยากาศเข้าสู่การฟังธรรมจากพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ซึ่งเป็นเทศน์กัณฑ์พิเศษสั้นๆ ครึ่งชั่วโมง ตอนท้ายพ่อครูกล่าวขอบคุณทุกคนทีร่ ว่ มสร้างสิง่ ดีๆ ช่วยกัน สืบสานวัฒนธรรมที่กำ�ลังเลือนหายไปจากสังคมไทย หลั ง จากนั้ น เป็ น ช่ ว งแห่ ง ความบั น เทิ ง ของฆราวาส ญาติโยมทีไ่ ด้มอบความสุขความบันเทิงตามสไตล์ชาวบุญนิยม ฟังเพลงจากวงฆราวาส ซึ่งน้าเสกก็มาร่วมให้ความบันเทิง ด้วย นอกจากนี้ก็มีการแสดงรีวิวของนักเรียน การแสดงของ ทีมงานจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม และศิลปินเดี่ยวชาวอโศก กิจกรรมต่างๆดำ�เนินไปจนกระทัง่ เวลา ๒๑.๓๐ น. จึงปิดงาน นอกจากความบันเทิงสนุกสนานแล้วยังมีซุ้มอาหาร เมนูจากข้าวหลากหลาย ไม่วา่ จะเป็นข้าวหลาม ข้าวจี่ ข้าวโป่ง ข้าวปุ้น ข้าวเหนียวส้มตำ� ชาวโคราชก็นำ�หมี่โคราชมาผัด ร้อนๆให้กิน ขนมหวานมีทั้งข้าวปาด ข้าวต้มมัด ขนมเทียน ขนมต้ม ข้าวโพดคั่ว บัวลอยหลากสีสัน คุณดินนา โคตรบุญอาริยะ จากบุญนิยมทีวี “งานนี้ ได้จิตวิญญาณ มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยน้ำ�จิตน้ำ�ใจและความ สนุกสนาน ทุกคนทำ�งานเหนื่อยมากแต่ก็มีความสุขใจ ถ้วนหน้า”

5


6 งานมหาปวารณา ครั้งที่ ๓๓

รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (ต่อจากหน้า ๑)

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๕ ถึงวันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ มีการจัดงานมหาปวารณา ครั้งที่ ๓๓ ณ พุทธสถาน ปฐมอโศก อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งในปีนี้มีความพิเศษกว่า ทุกปีเพราะเป็นการครบรอบ ๔๕ พรรษาของพ่อครูสมณะ โพธิรกั ษ์ ทีไ่ ด้อปุ สมบทมาในวันที่ ๗ พ.ย. ซึง่ ในวันที่ ๗ พ.ย.นี้ พ่อครูได้เดินนำ�ธรรมยาตราหลังบิณฑบาตแล้วไปยังสมเด็จ ปู่วิชิตอวิชชา ซึ่งเป็นหินทรายสลักอยู่หน้าชุมชนปฐมอโศก เพื่ อ ทำ � พิ ธี บ รรจุ พ ระบรมสารี ริ ก ธาตุ ใ นองค์ พ ระพุ ท ธรู ป สมเด็จปู่นี้ที่ยังคงแกะสลักไม่เสร็จ ช่วงงานมหาปวารณาจะมีการทำ�วัตรเช้า เทศน์กอ่ นฉัน การบิณฑบาตและการแสดงภาคค่�ำ จากชุมชนและกลุม่ ต่างๆ ของชาวอโศก ในวันที่ ๘ พ.ย. ๕๘ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานมหา ปวารณาเป็นงานทำ�บุญวันเกิดของชุมชนปฐมอโศก ตลอดงานมี ก ารตั้ ง โรงบุ ญ มั ง สวิ รั ติ แจกอาหารฟรี ไม่ต่ำ�กว่า ๔๐ โรงบุญ ช่วงก่อนฉันประชุมมหาปวารณา มีการสัมมนาคณะคุรุ สัมมาสิกขาจากทุกแห่ง เน้นวิชาการสู่การปฏิบัติการในคาบ เวลาเดียวกัน และได้เชิญ อ.จำ�รัส ช่วงชิง ซึ่งประสบความ สำ�เร็จในการบูรณาการวิชาการสู่ฐานงานต่างๆมาแนะนำ� และลงมือปฏิบัติจริงให้ดูด้วย สรุปผลการประชุมมหาปวารณา ครั้งที่ ๓๓ สมณะร่วมประชุม จากจำ�นวนสมณะ ๙๑ รูป มาประชุม ๘๕ รูป ลาเพราะชราและอาพาธ ๖ รูป ศาสนพิธี : กำ�หนดการกราบของญาติธรรม กราบ ๓ ครั้ง หมายถึงกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นิยมใช้ใน ช่วงก่อนเริ่มพิธีกรรม และหลังจบพิธีกรรม

กราบ ๑ ครั้ง ก็หมายถึงกราบบุคคล หากมีสมณะ ๒ รูป ก็กราบ ๒ ครั้งได้ แต่ถ้ามีสมณะมากกว่า ๓ รูป ก็ให้ กราบไม่เกิน ๓ ครั้ง ศาสนสถาน : กำ�หนดให้ชุมชน ๙ แห่งของชาวอโศก เป็นดังนี้ ๑. อาวาสสถานวังน้ำ�เขียว ๒. อาวาสสถานดอยรายปลายฟ้า ๓. อาวาสสถานฮอมบุญอโศก ๔. อาวาสสถานเลไลย์อโศก ๕. อาวาสสถานแก่นอโศก ๖. อาวาสสถานเมฆาอโศก ๗. อาวาสสถานดินหนองแดนเหนือ ๘. อาวาสสถานศรีโครตบูรณ์อโศก ๙. อาวาสสถานวังจันทร์พฤกษา ศาสนบุคคล : สงฆ์มีมติยกสติวินัยให้กับพ่อครูสมณะ โพธิรักษ์ ปัจฉาสมณะ : พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ : สมณะเดินดิน ติกขวีโร และคณะ (สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ สมณะขยะขยัน สรณีโย สมณะดินไท ธานิโย สมณะหนักแน่น ขันติพโล และสมณะแสนดิน ภูมิพุทโธ) หมายเหตุ คณะปัจฉาของ พ่อท่านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากองเลขาฯ สมณะเดินดิน ติกขวีโร : สมณะขยันยอม วิริยธโร สมณะบินบน ถิรจิตโต : สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ สมณะผืนฟ้า อนุตตโร : สมณะนวกะภูผาฟ้าน้ำ� สมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ : สมณะเลือ่ นลิว่ อรณชีโว สมณะป่วยแห่งปี : ๑. สมณะกรรมกร กุสโล ๒. สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน ๓. สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม

๔. สมณะถนอมคูณ คุณกิตตโณ ๕. สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน ๖. สมณะธาตุบุญ ธาตุปุญโญ ๗. สมณะอ้วน อภิมันโต คณะเอาภาระสงฆ์ (คภส.) : ๑. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ๒. สมณะถ่องแท้ วินยธโร ๓. สมณะขยะขยัน สรณีโย ๔. สมณะฟ้าไท สมชาติโก รวมทั้งอุปัชฌาย์อีก ๓ รูปด้วย คณะอาจารย์โรงเรียนนวกะ : มี ๒ รูป ได้แก่ อาจารย์ ๑ (สมณะบินบน ถิรจิตโต) อาจารย์ ๒ (สมณะผืนฟ้า อนุตตโร) สมณะลงอารามปี ๒๕๕๘ : สมณะมีทั้งหมด ๙๑ รูป พุทธสถานสันติอโศก ๒๑ รูป ๑. สมณะพิสุทธิ์ พิสุทโธ ๒. สมณะเลื่อนลิ่ว อรณชีโว ๓. สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน ๔. สมณะกล้าดี เตชพหุชโน ๕. สมณะเมืองแก้ว ติสสวโร ๖. สมณะกอบชัย ธัมมาวุโธ ๗. สมณะขยะขยัน สรณีโย ๘. สมณะชนะผี ชิตมาโร ๙. สมณะเพาะพุทธ(ณรงค์) จันทเสฏโฐ ๑๐. สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช ๑๑. สมณะเบิกบาน ธัมมนิยโม ๑๒ สมณะคมลึก เมตตจิตโต ๑๓. สมณะกล้าจริง ตถภาโว ๑๔. สมณะลานบุญ วชิโร


ฉบับที่ ๔๖๔ (๔๘๖) ๑๕. สมณะดงเย็น สีติภูโต ๑๖. สมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ ๑๗. สมณะลั่นผา สุชาติโก ๑๘. สมณะธรรมทาบฟ้า รวิวัณโณ ๑๙. สมณะแด่ธรรม ธัมมรักขิโต ๒๐. สมณะขยันยอม วิริยธโร ๒๑. สมณะธาตุบุญ ธาตุปุญโญ พุทธสถานปฐมอโศก ๑๑ รูป ๑. สมณะกรรมกร กุสโล ๒. สมณะเสียงศีล ชาตวโร ๓. สมณะแน่วแน่ สีลวัณโณ ๔. สมณะฝุ่นฟ้า อัคคชโย ๕. สมณะนาทอง สิงคีวัณโณ ๖. สมณะดาวดิน ปฐวัตโต ๗. สมณะบินก้าว อิทธิภาโว ๘. สมณะตรงมั่น อุชุจาโร ๙. สมณะวิเชียร วิชโย ๑๐. สมณะเมฆฟ้า นภมังคโล ๑๑. สมณะดินทน ธีรภัทโธ พุทธสถานศีรษะอโศก ๕ รูป ๑. สมณะถ่องแท้ วินยธโร ๒. สมณะผองไท รตนปุญโญ ๓.สมณะดวงดี ฐิตปุญโญ ๔. สมณะแก่นหล้า วัฑฒโน ๕. สมณะพอจริง สัจจาสโภ พุทธสถานศาลีอโศก ๕ รูป ๑. สมณะลือคม ธัมมกิตติโก ๒. สมณะเน้นแก่น พลานีโก ๓. สมณะเลื่อนฟ้า สัจจเปโม

ข่าวอโศก ๔. สมณะพันเมือง ภทันโต ๕. สมณะสอน โสปาโก พุทธสถานสีมาอโศก ๕ รูป ๑. สมณะสร้างไท ปณีโต ๒. สมณะแก่นผา สารุปโป ๓. สมณะฝนธรรม พุทธกุโล ๔. สมณะดินทอง นครวโร ๕. สมณะสยาม สัจจญาโณ พุทธสถานภูผาฟ้าน้ำ� ๑๓ รูป ๑. สมณะบินบน ถิรจิตโต ๒. สมณะผืนฟ้า อนุตตโร ๓. สมณะร่มเมือง ยุทธวโร ๔. สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ ๕. สมณะฟ้ารู้ นโภคโต ๖. สมณะชุบดิน วิชชานันโต ๗. สมณะจนแจ้ง อัสสกจาโร ๘. สมณะฮังดิน ภูมิคโต ๙. สมณะแม่นใจมั่น จิตตถาวโร ๑๐. สมณะค้ำ�ดิน ภูมิปูรโณ ๑๑. สมณะคมเย็น ถามวโร ๑๒. สมณะถักร้อย ธัมมธโร ๑๓. สมณะสู่บุญ ปุญญคโต พุทธสถานราชธานีอโศก ๒๒ รูป ๑. สมณะเด็ดขาด จิตตสันโต ๒. สมณะพอแล้ว สมาหิโต ๓. สมณะแดนเดิม พรหมจริโย ๔. สมณะคิดถูก ทิฏฐุชุกัมโม ๕. สมณะฟ้าไท สมชาติโก ๖. สมณะเด่นตะวัน นรวีโร

7

๗. สมณะสมชาย ตันติปาโล ๘. สมณะคมคิด ทันตภาโว ๙. สมณะคำ�จริง วจีคุตโต ๑๐. สมณะแก่นเกล้า สารกโร ๑๑. สมณะถนอมคูณ คุณกิตตโณ ๑๒. สมณะหินกลั่น ปาสาณเลโข ๑๓. สมณะมือมั่น ปูรณกโร ๑๔. สมณะข้าฟ้า ฐานรโต ๑๕. สมณะหินมั่น สีลาปากาโร ๑๖. สมณะถักบุญ อาจิตปุญโญ ๑๗. สมณะใต้ดาว เหฏฐานักขัตโต ๑๘. สมณะขุนศึก อโยมโน ๑๙. สมณะด่วนดี สุชโว ๒๐. สมณะเพียงพอ สันตุฏฐิธัมโม ๒๑. สมณะหินจริง วีรปาสาโณ ๒๒. สมณะอ้วน อภิมันโต สังฆสถานทะเลธรรม ๔ รูป ๑. สมณะดินดี สันตจิตโต ๒. สมณะนึกนบ ฉันทโส ๓. สมณะเทินธรรม จิรัสโส ๔. สมณะนาไท อิสสรชโน สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ� ดูแลโดยหมู่สมณะจากพุทธสถานสีมาอโศก พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ โพธิรักขิโต และคณะปัจฉาฯ (สมณะเดินดิน ติกขวีโร สมณะดินไท ธานิโย สมณะหนักแน่น ขันติพโล และสมณะแสนดิน ภูมพิ ทุ โธ) ไม่ลงอารามประจำ�ที่ใด โศลกธรรมงานมหาปวารณา ครั้งที่ ๓๓ “ความบริสุทธิ์เท่านั้น ที่จะชนะทุกสิ่งทั้งโลก...ในที่สุด”


8

รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

ด้วยคารวะ...แด่ท่านโพธิรักษ์

ท่านขุนน้อย

วันสองวันก่อน...น้องๆจากสันติอโศกโทร.มา ขอคุยแลกเปลี่ยนความคิด-ความเห็น เลยพอ มีโอกาสได้รับรู้ รับทราบว่าตั้งแต่ช่วงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นวาระครบรอบ ๔๕ ปี แห่งการอยู่ในร่มเงาพุทธศาสนาของท่าน สมณะโพธิรักษ์ ที่ชาวอโศกเรียกกันติดปากว่า พ่อท่าน หรือ พ่อครู ส่วนผู้คนในแวดวงอื่นๆ จะ เรียกท่านว่าอะไร ก็แล้วแต่จะว่ากันไป... อย่างไรก็ตาม...ในฐานะของคนที่เคยนั่งตัวสั่น เร่าๆ ขณะเห็นภาพท่านโพธิรักษ์ ผู้ที่ใครคิดจะเรียก ว่า พระ หรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ ถึงการใฝ่ธรรม ยึดมั่นในธรรม ของท่านมาโดยตลอด เจอเข้ากับระเบิด กระสุน แก๊สน้ำ�ตา ชนิดแทบล้ม ทั้งยืน แต่ยังอุตส่าห์ส่งเสียงแหบๆ แห้งๆ ผ่านโทร โข่ง ว่าอย่าไปตอบโต้อย่าไปใช้ความรุนแรงใดๆกับผู้ ประสงค์ร้ายต่อตัวเองโดยเด็ดขาด เมื่อถึงวาระเช่น นี้ ยังไงๆ...ย่อมอดที่จะกล่าวถึง รำ�ลึกถึงท่านขึ้นมา มิได้... คือแม้ว่าในเรื่องการมงการเมืองนั้น ใครจะ เข้าใจท่านไปในแบบไหน อย่างไร คงต้องว่าไปตาม รสนิยมของใคร-ของมันกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆก็คือ... การเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับฉากสถานการณ์ การเมืองในแต่ละช่วงแต่ละระยะของท่านโพธิรักษ์ นั้น อย่างน้อย...ก็มีส่วนเอามากๆในการช่วยถ่วง ช่วยรั้งไม่ให้ความรุนแรงมันไหลเตลิดเปิดเปิงไปตาม อารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด อารมณ์รัก อารมณ์ ชังของใครต่อใคร ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าท่านจะยืนอยู่ ในฝ่ายไหน ต่อฝ่ายไหนก็แล้วแต่ แต่ความพยายาม ชักจูงให้ฝ่ายนั้นๆ หันมาใช้เหตุใช้ผล ใช้สันติวิธี เป็น ตัวตั้ง ย่อมถือเป็นการประพฤติธรรมในอีกรูปแบบ

หนึ่งอย่างมิอาจปฏิเสธได้... อีกทั้งตลอดช่วงระยะ ๔๕ ปี ในการหันมาสู่ร่ม เงาศาสนาของท่าน คงปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่า... เป็นช่วงระยะเวลาที่ไม่ว่าสังคมไทย หรือสังคมโลกก็ แล้วแต่ ต่างถูกฉุด ถูกดึง ถูกกระชากลากถูให้ไหลไป ตามทิศทาง ทุนนิยม-วัตถุนิยม-บริโภคนิยม อย่าง ชนิดหนักหนาสาหัสมาโดยตลอด อันนำ�มาซึ่งแรง เหวี่ยง แรงสวิง ที่ทำ�ให้อะไรต่อมิอะไร อันเคยเป็น พื้นฐาน รากฐานดั้งเดิมของสังคม นำ�มาซึ่งความ สุข-สงบ-ร่มเย็น อย่างที่เคยมีมาในอดีต มีอันต้อง เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก อย่างที่เห็นๆ อยู่จนตราบเท่า ทุกวันนี้... ดังนั้น...ไม่ว่าท่านโพธิรักษ์ ท่านจะตีความ พระพุทธศาสนาไปตามแนวทางของท่าน ในแบบ ไหน อย่างไรก็แล้วแต่ แต่ตลอดช่วงระยะ ๔๕ ปี ภายใต้ร่มเงาพระศาสนา ถือได้ว่า...สันติอโศกภาย ใต้การนำ�ของท่านนั้น มีส่วนช่วงถ่วง ช่วยรั้ง ไม่ให้ แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ต้องไหลเตลิดแบบเข้ารก-เข้า พง ลงเหว ลงนรก มากมายจนเกินไป แม้ว่าความ พยายามดึงๆ รั้งๆ ของท่าน อาจมีลักษณะออก ไปทาง สวิง ในสายตาของใครต่อใคร แต่ย่อมไม่ได้ ต่างอะไรไปจากการเหวี่ยงมา-เหวี่ยงไปของลูกตุ้ม นาฬิกา หรือระหว่างแรงกิริยากับแรงปฏิกิริยา ที่มัน คงต้องสัมพัทธ์หรือสัมพันธ์กันไป อย่างมิอาจนำ�เอา มาเป็นข้อตำ�หนิ ติติง ไปซะทุกเรื่อง... เพราะความพยายามถ่วงๆ รั้งๆ ในลักษณะที่ว่า ไม่ว่าจะออกไปทางสวิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แต่มัน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่เห็นแก่ตัวอย่างเห็นได้ โดยชัดเจน อันถือเป็นจุดศูนย์รวมของแก่นสาระของ ศาสนาทุกๆศาสนา หรือเป็นธรรมะนั่นเอง ด้วยเหตุ

นี้...ไม่ว่าจะถูกใครตำ�หนิ ติติง วิพากษ์ วิจารณ์ มาก บ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ แต่ท่านโพธิรกั ษ์และ ชาวสันติอโศกยังคงพร้อมจะเดินหน้าไปตามความ เชื่อ ความศรัทธา ตามแบบฉบับของตัวเองอย่าง หนักแน่น มัน่ คงเช่นเดิม และด้วยสิง่ ทีเ่ รียกว่าธรรมะ นีแ่ หละ ที่ค่อยๆกลายเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นไปตาม ลำ�ดับ ว่ามันต่างไปจากผู้ที่มีศาสนา-แต่ไม่มีธรรมะ ในแบบไหน อย่างไร โดยเฉพาะประเภทที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุจนต้องรีดต้องไถ ใครต่อใคร เอามาเป็นเงินบริจาคทางศาสนาคราวละ เป็นร้อยล้าน พันล้าน อะไรประมาณนั้น... ฟังจากน้องๆ ชาวสันติอโศก...ไม่เพียงชุมชน ชาวอโศกจะผุดๆ โผล่ๆ ขึ้นมาในหลายจุด หลาย พื้นที่ทั่วประเทศไทย มาถึง ณ ขณะนี้ ยังไปไกลถึง ขั้นเกิดการจัดตั้งโรงเรียน สถาบันการศึกษา ที่เน้น การปลูกฝังคุณธรรมขั้นพื้นฐาน ให้กับลูกหลานชาว อโศก โดยกระทรวงศึกษาธิการให้การรับรองอีก ต่างหาก แถมยกระดับขึ้นไปถึงชั้นปวส. ใกล้ๆจะ ถึงระดับมหาวิทยาลัยอีกไม่นานนับจากนี้ บรรดา บุคลากรทีผ่ า่ นการอบรม ศึกษา จากสถาบันเหล่านี้ อย่างน้อย...อาจพอได้เหลือเป็นเชื้อๆ เป็นความ หวังเล็กๆ น้อยๆ ให้กับสังคมไทยในอนาคตข้าง หน้าได้บ้าง ไม่ต่างไปจากที่ท่านองคมนตรี เกษม วัฒนชัย ท่านหวังจะได้เห็นหน่อคุณธรรมอ่อนๆ ค่อยๆโผล่ ค่อยๆผุดขึ้นจากโรงเรียนคุณธรรม ที่ ท่านพยายามทุม่ เทหยาดเหงือ่ แรงงาน อยูใ่ นทุกวันนี้ นั่นเอง... เนื่องในวาระครบรอบ ๔๕ ปีของการอยู่ในร่ม เงาพุทธศาสนาของท่านโพธิรักษ์ จึงคงต้องขอแสดง ความคารวะต่อสิ่งต่างๆที่ท่านได้กระทำ�เอาไว้ใน ที่นี้ ด้วยการขออนุญาตนำ�เอาวาทะอันเป็น วรรค ทอง ของ รัก รักพงษ์ ซึ่งได้เขียนไว้ในบทเพลงชื่อว่า ผู้แพ้ มามอบให้กับท่านโพธิรักษ์และชาวสันติอโศก เป็นการเฉพาะ โดยเฉพาะท่อนที่กล่าวไว้ว่า “แพ้ เกมชีวีสิ้นดีทุกอย่าง...แต่ก็ภูมิใจไม่จาง ที่จิตของ เรามิเลวพ่ายตาม ยังยิ่งยงเป็นใจดวงงาม แพ้ก็แพ้ ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง” ด้วยประการละ ฉะนี้...แล...เทอญญ์ญ์ญ์... ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Paul Carus’s Gospel of the Buddha... “Water surrounds the lotus flower, but does not wet its petals.- ดอกบัวมีน้ำ� ล้อมรอบ แต่น้ำ�ไม่เปียกกลีบบัว...” (จาก www.thaipost.net ๑๒ พ.ย. ๕๘)


ฉบับที่ ๔๖๔ (๔๘๖)

ข่าวอโศก

9

สถานการณ์ที่จะมีแต่ความลงตัวไปเรื่อยๆ เพราะอะไร? ในระหว่างทีก่ �ำ ลังนัง่ รถเข้าปฐมอโศก พ่ อ ท่ า นได้ ป รารภถึ ง อาจารย์ นิ ล วรรณ ปิน่ ทอง จะได้มกี ารจัดงานฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปีให้อาจารย์ พ่อท่านได้เล่าความหลัง ให้ฟังว่า สมัยก่อนอาจารย์นิลวรรณเคย ช่วยเหลือเกื้อกูลตัวท่านมาตั้งแต่ยังเรียน หนังสือเพราะอาจารย์รปู้ ระวัตคิ วามเป็นมา ว่าพ่อท่านลำ�บาก ต้องเลีย้ งดูนอ้ ง ๖-๗ คน ก็พยายามหางานหาการที่นั่นที่นี่ให้ทำ� แม้พ่อท่านได้ทำ�งานโทรทัศน์แล้ว จึง เชิญอาจารย์มาออกรายการ อาจารย์ก็แค่ เซ็นต์ชอ่ื รับเงินเฉยๆ แต่เงินก็ให้พอ่ ท่านหมด คือเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดี ท่านได้รับรางวัลแมกไซ ไซเป็นคนแรกของประเทศไทย และก็เป็น บก.ทำ�หนังสือ “สตรีสาร” มาตลอด เมือ่ ไล่ดวู นั ทีจ่ ะไปเยีย่ มอาจารย์ได้ ก็มีวนั ว่างอยูว่ นั เดียว วันพุธก็ไปทำ�ฟัน วันพฤหัสฯ ก็ต้องไปขึ้นศาล วันศุกร์ก็เดินทางกลับบ้าน ราช งั้นก็พรุ่งนี้เท่านั้นแหละที่มีเวลาไป ใน อดี ต เคยไปเยี่ ย มอาจารย์ ค รั้ ง หนึ่ ง อยู่ แ ถว สะพานควาย แต่จำ�ไม่ได้อยู่ตรงไหนแน่? ท่านดินไทก็กดถามอาจารย์กู กดไปกดมา ปรากฏหลักฐานว่า อาจารย์กูบอกว่าพ่อทานไปเยี่ยมเมื่อ ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ เมื่อ ๑๑ ปีที่แล้ว พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมใหม่ ก็เป็นวัน ที่ ๑ ธันวาฯ เหมือนกันและครบรอบ ๑๑ ปี พอดีที่ไม่ได้ไปเยี่ยม อะไรจะเป๊ะขนาดนั้น เยี่ยมครั้งก่อนวันที่ ๑ ธันวาฯ เมื่อวานพึ่ง คิดได้จะไปเยี่ยมใหม่ก็กลายเป็น ๑๑ ปีและ เป็นวันที่ ๑ ธันวาฯอีกเหมือนกัน ก็ยงั ถือว่าเรายังมีโอกาส ปกติการฉลอง ๑๐๐ ปี อย่าง ๑๐๐ ปีชาตกาลท่านพุทธ ทาสหรือ ๑๐๐ ปีใครๆ ส่วนใหญ่ก็คือจากไป แล้ว จนครบรอบ ๑๐๐ ปีที่ได้เกิดมา แสดง ว่าอาจารย์นิลวรรณ บุญมากจริงๆ ขนาด ๑๐๐ ปียังมีชีวิตอยู่ แล้วเราจะไปเยี่ยมก็เป๊ะ พอดีวันที่ ๑ ธันวาฯในวาระครบรอบ ๑๑ ปี พ่อท่านเคยให้สัญญาณว่า นับแต่นี้ไป ชาวอโศกนับวันๆก็จะมีความลงตัวยิ่งขึ้นไป เรื่อยๆ หากดูองค์ประกอบหลายๆอย่างที่ เกิดขึน้ ดูแล้วก็แปลกดี อย่างตอนนีท้ บ่ี า้ นราช เราขนเอทานอล ซึ่งเป็นกากมันที่หมักเอาไว้ หลายปีเข้ามา ปรากฏว่ามันยังไม่ค่อยแห้ง เท่าไหร่ พอเอาเข้ามาตากก็ส่งกลิ่นเหม็นพอ สมควร นายอ๋อน ทีเ่ ป็นหัวโจกกลุม่ ชาวนาบ้าน คำ�กลาง เป็นผู้ที่คอยรักษาความบริสุทธิ์ถูก ต้องให้เรา พอได้กลิ่นเอทานอลขึ้นมาเขาก็ ไปฟ้องนายอำ�เภอ ข่าวนี้ก็เลยได้ยินไปถึง

เจ้าของโรงงาน พอเขารูเ้ รือ่ ง เขาเลยบอกว่า ไม่ได้นะ โรงงานเขาทำ�อย่างนีท้ างวัดเดือดร้อน เขาก็ก�ำ ชับผูจ้ ดั การของเขา ให้ไปหาสถานที่ให้ มีลานตากให้เรียบร้อย จนแห้งแล้วค่อยส่งมา ให้วัด ท่านถักบุญกำ�ลังหนักใจอยู่เลยว่าจะ ไปหาที่ตรงไหนตากได้ ปรากฏว่าเจ้าของ โรงงานสัง่ มาเลยว่า ให้เอาทีใ่ นโรงงานนัน่ แหละ จัดการทำ�ให้เรียบร้อยก่อนจะส่งมา ไม่งั้นวัด ต้องเดือดร้อน สุดท้ายปัญหาก็กลายเป็น ว่า นอกจากจะได้ปุ๋ยมาทำ�งานฟรีๆ ก็ยังได้ สถานที่ทำ�งานเพื่อจัดการกากเอทานอลให้ เรียบร้อย ก่อนจะส่งมาที่เราอีกที นี่ก็เป็น ประโยชน์ของนายอ๋อน ที่ทำ�ให้เกิดเรื่องจน ทางโรงงานต้องยื่นมือมาช่วยเหลือเรา นอกจากนั้น นายอ๋อนก็ยังทำ�ให้นา ของบ้านราชได้เปลี่ยนโฉมใหม่ ตอนนี้รถ แบ็คโฮก็ทำ�ถนนล้อมรอบที่นาทั้งหมดแล้ว ท่านถักบุญบอกว่าจะทำ�เป็น Bike for dad นิมนต์พ่อท่านออกกำ�ลังกาย โดยเปลี่ยน จากปั่นจักรยานอยู่กับที่ มาเป็นขี่จักรยาน ล้อมรอบพืน้ ทีน่ าและหมูบ่ า้ นแทน เพราะเรา ก็จะมีนาเพิ่มอีก ๒-๓ ร้อยไร่ นี่ก็เป็นเพราะนายอ๋อนซึ่งเป็นคนเอา เรื่องเอาราวพาชาวบ้านจะมาขับไล่พวกเรา สุดท้ายก็ต้องไปฟ้องศาลกัน จนเจ้าหน้าที่ กรมบังคับคดีพาเราเข้ามายึดทีด่ นิ ของเราคืน ได้สำ�เร็จ นี่ถ้าไม่มีนายอ๋อนพาชาวบ้านมา ขี้โกง ทัง้ ๆทีเ่ ราอนุญาตให้เขาทำ�นาได้ฟรีๆ ซึ่ง เราก็ไม่มีปัญญาไปให้เขาออกได้หรอก แต่กอ่ นเห็นชาวนาเขาทำ�นากัน คนของ เราทำ�ได้แค่นง่ ั รถผ่านไปผ่านมาบนทีน่ าของเรา เราได้แต่บอกกันว่าเราเป็นเจ้าของเพียงแค่ มีชื่ออยู่บนโฉนดเฉยๆ แต่เจ้าของตัวจริงคือ ชาวนาที่เขาทำ�นาอยู่ในพื้นที่ตลอด เราแค่ นั่งรถไปดูแล้วก็บอกว่านี่นาเราๆ แต่ก็เข้าไป ทำ�อะไรไม่ได้ เคยมีผู้ใหญ่บ้านของเขาเอง มาเสนอ ให้เราไปลอกบุ่งเอาดินมาซ่อมแซมถนนที่ ใช้ร่วมกัน ขนาดเราจะทำ�ให้ฟรีๆ เพื่อใช้ ประโยชน์ร่วมกัน ชาวนาพวกนี้ยังไม่ยอมให้ ซ่อมถนนเลย เขาบอกว่าเดี๋ยวจะมีปัญหารถ วิ่งผ่าน ทั้งๆที่เป็นนาของเรานี่นะ เขายังไม่ ยอมให้เราไปขุดไปซ่อม เพียงแค่นี้เขาก็ยัง ไม่ยอมให้เราเข้าไปทำ� สุดท้ายด้วยวิบากกรรมของเขาจริงๆ ถ้าเขาไม่คดิ จะขีโ้ กงยึดนาเรา เราก็ไม่มปี ญ ั ญา จะไปให้เขาออกจากพืน้ ทีไ่ ด้ แต่เพราะด้วย ความโลภของเขาเอง ก็เลยทำ�ให้ได้นาทั้งหมด กลับคืนมาเป็นของเรา จึงต้องขอบคุณนาย อ๋อนที่พาชาวบ้านมายึดพื้นนาของเรา ตอน แรกก็ดเู หมือนว่าร้าย แต่สดุ ท้ายก็กลายเป็นดี งานต่างๆนานา ปัญหาก็ดูจะลงตัวไป

เรื่อยๆ หินที่จะสร้างพระพุทธรูป ท่านแก่น เกล้าท่านก็บ่น นั่งรถมาฉันข้าวที่วังน้ำ�เขียว ไม่รกู้ ค่ี รัง้ แล้ว ก็ไม่ได้หนิ กลับไปเสียที มีเจ้านี้ เจ้าโน้นติดต่อเรามา แต่สุดท้ายเขี้ยวกันทั้ง นั้นเลย คือทุกคนต่างยืนยันว่าเป็นเจ้าของ บ่อหินหมด จนทุกวันนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าใคร เป็นเจ้าของที่แท้จริง เจรจากันไปหลายครัง้ ก็ไม่ได้ความชัดเจน อะไร สุดท้ายเราไปพบแหล่งหินที่ใช้สร้าง พระพุทธรูปได้อยู่ใกล้ๆบ้านราชนี่เอง ห่าง แค่ ๖๐ กิโลเมตร ไม่ต้องวิ่งไปขนถึงวังน้ำ� เขียวเลย และก็เป็นหินออกโทนสีน้ำ�ตาล คล้ายๆจีวรสมณะด้วย มันยิ่งถูกสเป๊กใหญ่ นี่คือความลงตัว! สุ ด ท้ า ยอาตมาได้ คุ ย กั บ ท่ า นถั ก บุ ญ เรื่ อ งไปดู ส ถานที่ ว่ า จะมี ร าชธานี ฯ ๒ต่ อ ไป จะมีจุลราชธานีอีกแห่งที่น้ำ�ไม่ท่วม เพื่อทำ� อุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เดินไปหาที่จนหมด น้ำ�ลายหลายปี๊บ อาตมาถามว่าเดินไปดูที่ ทำ�ไมต้องหมดน้ำ�ลายด้วย ได้รับคำ�ตอบว่า ไปเห็นแต่ละที่ ล้วนน่าสนใจจนน้�ำ ลายหยดติง๋ ๆ แต่พอกลับมาแล้ว ก็ไม่ได้สักที่ สุดท้าย ก็ได้ข้อสรุปกันว่าไม่ต้องไปเสียเวลาเดินหา หรอก ทุกวันนี้อยู่ที่บ้านราชเฉยๆ ชาวบ้าน เขาวิ่งเอาโฉนดมาให้เราเลือกเอาเลย แปลง นั้นแปลงนี้เอาไหม เราก็เล่นตัว ยึกยักๆ ตั้ง เงื่อนไขนั่นนี่ไป จริงๆแล้วเราก็ไม่ค่อยมีเงิน ไม่ใช่อะไร ตอนนี้ยังเสียวอยู่เลย ถ้าเขาไป ทำ�ตามเงื่อนไขของเราได้ แล้วจะไปหาเงิน ทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ สุดท้ายได้บทสรุปกันว่า เราทำ�งาน ศาสนาไม่ต้องเสียเวลาวิ่งออกไปหรอก รอ อยู่เฉยๆ นั่งสมาธิให้ดีๆ ไม่ต้องออกไป... ที่พ่อท่านบอกว่า “เจตนาแต่อย่าอยาก” นี่ แหละสำ�คัญ อ้ายความอยากมันทำ�ให้เรา พลาดเป้า พอเรานั่งนิ่งๆ ลดความอยากลง แล้วพิจารณาตัณหาที่แอบมาชักนำ�เราไป สุดท้ายก็ได้เห็นเลยว่า ๔๕ ปีที่เราทำ�งานกันมา ความจนของ เรามันดีจริงๆ ถ้าเรารวยเราคงถูกต้มไปเยอะ แล้ว เพราะว่ามีเจ้าโน้นเจ้านี้มาติดต่อ ขอ เสนอราคาพิเศษๆ อะไรอย่างนี้ให้ จนรู้สึก ว่าน่าเอาจริงๆ แต่โชคดีที่ไม่มีเงิน ซึ่งคน ภายนอกเขาก็ไม่เชือ่ ว่าเราจะจน ท่านดาวดิน ไปสัมมนาการศึกษา ทางมหาวิทยาลัยชีวิต มีนโยบายใกล้เคียงกับเรา น่าจะไปสังกัด อยู่กับเขาได้ เขาก็คุยให้ท่านดาวดินฟังว่า โอ้ยท่านสอนระดับประถมฯ มัธยมฯ แล้ว ตั้งมหาวิทยาลัยเองเลย ท่านโพธิรักษ์ท่าน มีสตางค์อยู่แล้ว ทางมหาวิทยาลัยชีวิตว่า อย่างนั้นนะ อาตมาฟั ง แล้ ว สงสั ย ไปอยู่ ด้ ว ยไม่ ไ ด้ แล้วหละ ถ้าเขาเข้าใจว่าเราจน เรายังพอที่

จะไปร่วมกับเขาได้ แต่ถ้าเขาเข้าใจผิดๆว่า เรารวยแล้วเราก็เข้าไปร่วม สุดท้ายก็อาจ ผิดหวังเพราะเรามีแต่ก้าง งั้นเราก็คงต้อง มาสร้างระบบของเราเองนี่แหละ นี่ก็คือ ประโยชน์ของความจน ใครมาหลอกเราก็ ไม่ได้ ใครคิดจะเอาประโยชน์จากเราก็ไม่ได้ เพราะไม่มีประโยชน์ทางโลกียะอะไรจะให้ เขาเลย อย่างนั้นความจนของเราจะทำ�ให้ เราเข้มแข็ง-บริสุทธิ์ และต้องทำ�ของเราให้ บริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุด. สรุปแล้ว ความลงตัวของนักปฏิบตั ธิ รรม นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า คือการได้อะไร อะไรตามใจตัว แต่ยิ่งไม่ทำ�อะไรตามใจตัว ก็ ยิ่งจะลงตัว เช่นในการเดินทางไปเยี่ยมคุณ นิลวรรณ ปิ่นทอง ในครั้งนี้ มีผู้เสนอว่า น่า จะเอาทีวีของเราไปบันทึกเหตุการณ์ไว้ด้วย แต่เมื่อประสานงานจริงๆ ก็ไม่แน่ใจว่าเขา จะสะดวกที่จะให้พบไหม? หรือยินดีต้อนรับ เรามากน้อยแค่ไหน แต่พอ่ ท่านฯก็ย�ำ้ กับพวกเราว่า มันไม่มี ปัญหาอะไรเลย เราเป็นเพียงแค่ไปแสดงน้�ำ ใจ เท่านั้น ถ้าเขาไม่สะดวก เราก็เอาของฝากไป มอบให้ที่บ้าน แล้วก็พากันกลับเท่านั้นเอง ความตั้งใจของพ่อท่าน ฟังแล้วก็ง่ายมากๆ เพราะไม่ได้ไปคาดหวังอะไรๆจากทาง ฝ่ายเจ้าภาพ มีเจตนาแต่ไม่ตอ้ งอยาก เพียงแค่ เราไปแสดงน้ำ�ใจ เมื่อได้กระทำ�แล้วก็จบกัน ดังนัน้ ความลงตัวจึงคือการทีเ่ ราสามารถ เอาทุกเหตุการณ์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ใน การปฏิบตั ธิ รรมได้อยูเ่ สมอ แม้จะร้ายแสนร้าย ใจเราก็ทำ�ได้ลงตัว เช่นนางปฏาจารา ต้อง เจอปัญหาทัง้ ผัวตาย ลูกตาย เมือ่ กลับมาบ้าน พ่อแม่ก็เพิ่งตาย สุดท้ายคุมสติไม่ได้จนต้อง แก้ผ้าเข้าวัด แต่เมื่อได้ฟังธรรมเรื่องทุกข์และ ความพ้นทุกข์ ก็เป็นพระอรหันต์ได้โดยพลัน และในการเยีย่ มครัง้ นี้ พ่อท่านฯได้เขียน บทกวี มอบให้กบั ตัวอาจารย์นลิ วรรณเอง ๑ บท นั่นก็คือ ขอคารวะย้ำ� รำ�ลึก ด้วยค่าสุดสำ�นึก แน่วน้อม พระคุณกว่าเกินตรึก ต่อดนุ มาแฮ อายุแม่ร้อยค้อม นอบไหว้ คุณานุคุณ สมณะโพธิรักษ์ (รัก รักพงษ์)

ภาพจากหนังสือปัญญาแห่งยุคสมัย


10 งานมังสวิรัติเอเชีย แปซิฟิก

รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (ต่อจากหน้า ๑๒)

แต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพในการจัด งาน ซึ่งปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายในงานมีการออกร้านอาหารมังสวิรัติ ๑๐๘ ร้าน มีกิจกรรมสัมมนาวิชาการมังสวิรัติ โดยเจ้าภาพได้เรียนเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ หลากหลายมาบรรยาย อาทิเช่น พ่อครูสมณะโพธิรักษ์, พระดร.มหาสิงทน นราสโภ, สมณะ เพาะพุทธ จันทเสฏโฐ (ท่านจันทร์), ภิกษุณีธัมมนันทา (ฉัตรสุมาลย์), ภิกษุณีนันทญาณี (รุ้งเดือน สุวรรณ), คุณดิณห์ ไอราวัณวัฒน์, ศ.เกียรติคุณ, ดร.ไมตรี สุทธจิตต์, ศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา, ศ.ดร.พิชัย โตวิวิชญ์, ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ, ดร.ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), ดร.ประธาน วงศ์วังไพศาล, อาจารย์พรเทพ ศรีนฤหล้า, คุณธีรนาฎ โชควัฒนา, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นต้น วันสุดท้ายของงาน ในเวลา ๐๙.๐๗ น. มีการเทศน์ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ในหัวข้อ “บุญญาวุธหมายเลข ๑” ซึง่ พ่อครูได้ให้ความกระจ่างของคำ�ว่าบุญญาวุธ คือเครือ่ งมือปหานทีช่ อ่ื ว่าบุญ บุญญาวุธ คืออาวุธที่ชื่อว่าบุญ ผู้ศึกษาปฏิบัติของพุทธต้องมีและใช้เครื่องมือนี้ ท่านให้มาศึกษาการ สร้างเครื่องมือประหารกิเลสเรียกว่า ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อปหานได้ก็เรียกว่าวิมุติหรือนิโรธ กิเลสตาย ดับสนิทไม่เกิดอีกเลย คือนิโรธ เกิดวิชชาวิมตุ ิ เกิดในตนได้เด็ดขาดเสถียรเลย กิเลส ตายแล้วไม่เกิดอีกเลย เป็นคุณสมบัติผลบรรลุสุดยอดแล้วจะเสถียรอย่างนิจจัง (เที่ยงแท้) อย่างสูงสุดสัมบูรณ์ Absolute Altimate เลย ผู้ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้าสัมมาทิฏฐิจะได้ผลเช่นนั้น แล้วบุญญาวุธหมายเลข ๑ หมาย ถึงมังสวิรัติ บุญญาวุธหมายเลข ๒ คือตลาดอาริยะ หมายเลข ๓ คือกสิกรรมธรรมชาติ แล้ว ก็มีถึง ๘ หมายเลขเลย แต่หมายเลข ๑ นี้อาตมาใช้ทำ�นำ�สังคมมา เพราะอะไร เพราะอาหารเป็นหนึ่งในโลก อาหารคือสิ่งที่กิน เลี้ยงชีวิต อาหารเป็นปัจจัย ๑ในปัจจัย ๔ อาหารเป็นสิ่งสำ�คัญที่สุด คนไม่มีเครื่องนุ่งห่มก็ไม่ตาย ที่พักอาศัยก็ไม่มี ได้ยารักษาโรค ก็จำ�เป็นชั่วคราว แต่ก็สำ�คัญทั้ง ๔ อย่าง เมื่อให้ชีวิตสมบูรณ์ก็เรียกว่าปัจจัย ๔ แต่อาหารนี่ ไม่ว่าคนยากจน ร่ำ�รวย คนสูงต่ำ� ฉลาดหรือโง่ ตั้งแต่สัตว์ถึงมนุษย์ต้องอาศัยอาหาร สัตว์ หลายชนิดไม่ต้องใช้ปัจจัย ๔ อื่น แต่ก็ต้องใช้อาหาร อาหารจึงสำ�คัญที่สุดกับชีวิตแล้ว อาตมามาให้งดเว้นเนื้อสัตว์เป็นอาหารมังสวิรัติ อาตมาปฏิบัติธรรม แล้วเกิดปัญญา รู้ด้วยตนซึ่งเขาก็มีอาหารเจ อาหารมังสวิรัติอยู่ของเขาก่อนแล้ว ซึ่งอาหารเจจะงดเว้นบาง อย่างมากกว่ามังสวิรัติ แต่มังสวิรัติงดเว้นเนื้อสัตว์ จะรวมถึงไข่ก็ไม่กิน แล้วแต่บางคนก็ อนุโลม ถึงขนาดนม มังสวิรัติบางอย่างก็ไม่กินนมด้วย แต่สำ�หรับอาตมาไม่กินทั้งนมและไข่ เพราะอาตมาเป็นนักปฏิบัติธรรมต้องการตัดวิบากกับสัตว์ ๙ ตามรอยพ่อ วังน้ำ�เขียว วันที่ ๑๔-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อาวาสสถานวัง น้ำ�เขียว (ศูนย์ศึกษาการพัฒนาของชาวบ้านฯ หมู่บ้านน้ำ� ทรัพย์ อ.วังน้ำ�เขียว จ.นครราชสีมา) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน “๙ตามรอยพ่อ” งานนี้เกิดจากพสกนิกรกลุ่มหนึ่งที่เห็นว่าสิ่งที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำ� ควรจะมีกลุ่มคนที่ทำ�ตามรอย พระองค์ท่านเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีและคำ�สอนของพระองค์มา เผยแพร่ในแผ่นดิน และเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการให้ ทีพ่ ระองค์สอนทัง้ ในเรือ่ งของการ “ขาดทุนของเราคือกำ�ไร ของเรา” และการดำ�เนินชีวติ และแบบ “เศรษฐกิจพอเพียง” และเป็นการปฏิบัติบูชา เนื่องใน ๔๕ ปี แห่งเส้นทาง สัมมาอาริยมรรค ของพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ และยั ง มี ค วามประสงค์ ใ ห้ เ กษตรกรที่ ทำ � กสิ ก รรมไร้ สารพิษได้มีโอกาสมาสัมพันธ์กัน เป็นเวทีที่เปิดโอกาส ให้เกษตรกรแต่ละกลุ่ม ที่มีแนวคิดและมีความสนใจที่จะใช้ ชีวิตตามคำ�สอนของพระองค์ท่านได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตของ สมาชิกโครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษอันเนื่องมาจาก พระราชดำ�ริ

วิบาก คือ ผลลัพธ์ของกรรมทีไ่ ปเชือ่ มต่อเป็นกุศลหรืออกุศล หากเรายังมีชวี ติ ในโลก ยัง ไม่ปรินิพพานก็มีอัตภาพที่ต้องรับวิบากต่อไป นี่คือศาสนาพุทธเชื่อกรรมเชื่อวิบาก อาตมา ปฏิบตั ธิ รรมเห็นจริงว่ากรรมมีผล วิบากมีผล กรรมเป็นของของตน ตามทีพ่ ระพุทธเจ้าตรัสไว้มจี ริง ปฏิบัติมาก็ได้ผลจนชีวิตเราได้ดีขึ้นมา อาหารที่ใช้ยังชีพให้เจริญพัฒนา หากเราไม่เข้าใจก็เป็นภัยต่อร่างกาย ต่อชีวิต อาตมา ก็มีความรู้ทางธรรมว่าเนื้อสัตว์ไม่ใช่อาหารของคน ฉันเดียวกันกับควายมันไม่กินลูกชิ้นเนื้อ เด้ง ควายมีปัญญารู้ว่าอันไหนไม่ใช่อาหารของมัน แต่คนโง่กว่าควาย เอาอาหารที่ไม่ใช่ ของคนมากิน เช่น เนื้อสัตว์ไม่ใช่อาหารของคนแต่ไปหลงติดเสพรสเนื้อสัตว์ แม้บางคนรู้ แล้วแต่กิเลสมันแรงก็พายึดติด ทำ�ให้ชีวิตร่างกายเสียไปตามและมันจะเกี่ยวกับกายภาพ ๒ ประการคือ ๑. ทางสุขภาพร่างกายก็ดีเพราะถูกต้องตามความเป็นจริงของสัตว์โลกที่กินพืชถูกต้อง สาระสัจจะของมัน ๒. เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น เพราะว่าอาหารถูกกว่าหาง่ายกว่า คนจะบอกว่ากินแต่พืชกิน มังสวิรัติหากินยาก อันนั้นความคิดไม่ถูก ในร้านอาหารมีมังสวิรัติทั้งนั้น แต่คุณไปติดอยาก กินเนื้อสัตว์ พวกเนื้อสัตว์จะหมดก่อน จะเหลืออย่างน้อยมีพริกเหลือ มีพืชผักเหลือ มีน้ำ� เต้าเหลือ อย่างน้อยก็มีหอมกระเทียมเหลือในก้นครัว ตะไคร้ข่าอะไรก็เหลือ มีเศษพืชผัก เหลือ มีมากกว่าเนื้อสัตว์ พวกเนื้อสัตว์จะหมดก่อนมันหาได้ยากกว่า เพราะเราหามารักษา ก็ยาก จะเหม็นอีก เน่าอีก สรุปแล้วเลวกว่าพืชไม่รู้กี่ต่อ มีความด้อยค่ากว่าพืชไม่รู้กี่ต่อ ผูท้ ส่ี ามารถรูจ้ กั สาระเป็นสาระ รูแ้ ก่นเเท้ส�ำ คัญของชีวติ ก็จะเอาสิง่ ทีเ่ ป็นสาระให้แก่ชีวิต ผู้รู้ว่าอาหารที่เป็นพิษภัยก็จะเลิก แม้เราจะติดมันในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอะไรก็แล้วแต่ เรา ก็ต้องล้างกิเลสที่มันติด นี่คือหน้าที่ของคน หน้าที่ที่สำ�คัญที่สุดในความรู้ของพระพุทธเจ้าที่ ตรัสรู้คือหน้าที่กำ�จัดกิเลส ก็ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าบุญให้ได้แล้วกำ�จัดไปตามลำ�ดับ...

(ต่อจากหน้า ๑๒)

ภายในงานมีการร่วมมือของภาคีเครือข่าย เช่น องค์การ ส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย สภาเครือข่ายเกษตรกร ๔ ภาค กลุ่มเกษตรกรด้านพลังงานยั่งยืน ที่มีการแปรรูป ขยะเป็นพลังงานซึ่งใช้เทคโนโลยีแบบปลอดมลพิษ และมี การเชิญวิทยากรเช่น อ.วิวัฒน์ ศัลยกำ�ธร ท่านธงชัย ลือ อดุลย์ มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ว่าการเดินตามรอยพ่อนั้นทำ� อย่างไร งานนีเ้ ป็นครัง้ แรกของวังน้�ำ เขียวทีม่ กี ารจัด “ตลาดบุญ นิยม” เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมการให้ การเสียสละ และมี การจำ�หน่ายอาหารจานละ ๑ บาท คอยบริการผู้มาร่วมงาน อีกด้วย “ตลาดบุญนิยม” มีบุญนิยมทั้ง ๔ ระดับ คือ ขายต่ำ�กว่าราคาตลาด ขายเท่าทุน ขายต่ำ�กว่าทุน ให้ฟรี ซึ่งแตกต่างกับ “ตลาดอาริยะ” เพราะตลาดอาริยะนั้น จะต้องมีแต่การขายในราคาต่ำ�กว่าทุนเท่านั้น


ฉบับที่ ๔๖๔ (๔๘๖)

เจริญธรรมสำ�นึกดี พบกับน.ส.พ.ข่าวอโศก ฉบับที่ ๔๖๔ (๔๘๖) รวมปักษ​์พฤศจิกายน ๒๕๕๘ v นโยบายบุญนิยมทีวี จิ้งหรีดขอนำ�มาฝากเพื่อนๆ ๑. เป็นโทรทัศน์เพื่อมนุษยชาติ ทุก บรรยากาศ คือการรายงานความจริง ๒.เผยแพร่ธรรมะโลกุตระให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ๓.สั ม พั น ธ์ กั บ สั ง คมให้ ไ ด้ ทุ ก ระดั บ ยกเว้นระดับที่เป็นอบายมุข ๔.เป็ น โทรทั ศ น์ ที่ ไ ม่ แ สวงหาผล ประโยชน์ จากการเผยแพร่เลย... นีเ้ ป็นนโยบายจากพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ๒๕ พ.ย. ๒๕๕๘ ฮะ...จี๊ดๆๆ v สุดยอดวิชชาของพุทธ ในงานมหาปวารณา จิ้งหรีดก็ฟังเทศน์ อย่างตั้งอกตั้งใจ ได้เคล็ดวิชาสุดยอดตาม ที่พ่อครูบอกมาฝากกัน พ่อครูเคยบอกว่า ปวารณาคือสุดยอดวิชชาของพุทธ เพราะ มีแต่การรู้ข้อบกพร่อง ข้อไม่ดีในตนเท่านั้น จึงจะทำ�ให้มีโอกาสแก้ไขปรับปรุงเป็นคนดี ดีขึ้นทุกขณะ เพราะปวารณา คือการยอม ตนให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนได้ ให้บอกกล่าว ได้ ให้รบกวนได้ ให้ตำ�หนิติเตียนได้ แม้แต่ จะให้ดุด่าได้ โดยผู้ปวารณาจะขอน้อมรับ ต่อทุกคำ�ตำ�หนิ อันเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ และขอน้อมคารวะต่อผู้ชี้ขุมทรัพย์ ด้วย จริงใจขอบคุณและขอบคุณ เป็นสิ่งที่พึงมี พึงเป็นสำ�หรับนักบวชชาวอโศก และพ่อครูเคยกล่าวไว้วา่ ผูม้ ชี วี ติ พัฒนา อยูท่ กุ วันคืน หรือทุกวันคืนทีล่ ว่ งไป ล้วนเป็น วันคืนแห่งการพัฒนา สำ�หรับชีวิตของเรา ย่อมอยู่ในโลกแห่งความจริงในปัจจุบัน ด้วย ความยินดี เบิกบาน แจ่มใส อย่างไม่หลงฝัน ถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีตและไม่จมอยู่กับภาพ มายาในอนาคต วันคืนล่วงไป บัดนี้เรายัง พากเพียรอยู่ไหม จิ้งหรีดเองก็ต้องถามตน เองบ่อยๆเหมือนกันนะฮะ...จี๊ดๆๆ v ควันหลงงานมหาปวารณา’๕๘ ปี พิ เ ศษโอกาสที่ พ่ อ ครู บ วชมาแล้ ว ๔๕ ปี ลูกหลานชาวอโศกทุกคนต่างเต็มใจ เตรียมงานอย่างร่าเริง ทั้งค่ายม.๔ จากทุก พุทธสถานและนักเรียนทั่วไป โรงครัวก็มีทีมมืออาชีพจากบ้านราชฯ มาช่วยอย่างแข็งขัน มีอาหารค่อนข้างไร้สารพิษ ทั้งคาวหวาน ร้อนเย็นให้เลือกตักกินอย่าง อิ่มเอมทุกวัน

ข่าวอโศก ต้นไม้ที่รุงรังมีการสะสาง บ้านรกร้าง มีการขัดถู ความรู้สึกติดสบายของทุกคนได้ โอกาสฝึกฝนเพิ่มขึ้น คุรุสัมมาสิกขาทุกโรงเรียนของอโศกได้ เข้าอบรมการประชุมสัมมนาการศึกษาบุญ นิยม เรื่องการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง คุรุ ทุ ก คนฝึ ก เป็ น นั ก เรี ย นซ้ อ มการบู ร ณาการ เติ ม วิ ช าความรู้ ล งสู่ ฐ านงานให้ ช่ำ � ชอง ชัดเจนขึ้น เป็นการประชุมที่สนุกสนานเป็น ตัวอย่างที่นำ�ไปปฏิบัติจริง หลังจากท่านสมณะประชุมมหาปวารณา จบลงมี ร ายการพิ เ ศษที่ ญ าติ ธ รรมหลาย ท่านขึ้นเวทีกล่าวเปิดใจถึงพ่อครู รวมถึงเล่า ความตั้งใจดี ที่จะปฏิบัติบูชาพ่อครูให้ยิ่งๆ ขึ้น เช่น คุณเป็นต้น นาประโคน ญาติธรรม ชาวบุรีรัมย์ แม้จะพิการทางสายตาแต่ก็เดิน ทางจากบ้านที่บุรีรัมย์ถึงปฐมอโศกคนเดียว แต่ใจสว่างด้วยความตั้งใจจะ “รักษาศีล ๑๐ ให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น” สาธุ สาธุ... โรงบุญ ๕๙ โรงบุญ อาหารล้นหลาม คนกิน ขนาดย้ายจากถนนใกล้โรงครัว ออก มาใกล้ ล านจอดรถเพื่ อ เอื้ อ ประชาชนให้ กว้างขึ้น ก็ยังมีอาหารมากให้หลายคนใส่ถุง กลับบ้านได้ด้วย สมเป็นปีพิเศษจริงๆ แม้ชาวปฐมอโศกจะมีบคุ ลากรน้อยมาก หลายจุดขาดคนดูแลใกล้ชิด เช่น ซุ้มขยะ ที่โรงบุญและโรงครัว มีการทิ้งขยะแบบ “ลืมตัว” ว่าถุงใดเป็นขยะอะไรเป็นส่วนใหญ่ ขยะหลายชิ้นจึงปนเปยุ่งเหยิง เราก็เห็น ญาติธรรมผู้ชำ�นาญมีน้ำ�ใจมาเสริมจัดจนดู เรียบร้อยมากขึน้ เช่น คุณตะวันธรรม คุณอมร และคุณเพ็ญใจพอ วังประดา คุณเพ็ญใจพอ เปิดใจว่า “เห็นขยะล้นถุง แล้วมีญาติธรรมมาแนะนำ�ให้ทำ�ก็ดีใจค่ะ ได้ ทำ�เรื่องเล็กๆให้สมบูรณ์ขึ้น” นี้คือตัวอย่าง ของความสามั ค คี ใ นระดั บ ญาติ ท่ี เ ห็ น เป็ น อีกหนึ่งรูปธรรม...จี๊ดๆๆ การแสดงของปีนี้พิเศษสนุกซาบซึ้งใจ ทุกรายการจริงๆ ธรรมะหลายรายการล้วน จุดพลังสร้างสรรค์ เพิม่ พลังบวกในทางธรรม อย่างสำ�คัญ อาหารในโรงครัวแม้ยังไม่มีผักไร้สาร พิษได้ ๑๐% ก็ยังมีผักพืชจากไร่ของคุณหมอ มนต์ชยั และคุณพิภพมาเสริม และญาติธรรม ท่านอื่นๆอีกมาช่วยให้ชื่นใจไม่น้อย คุณปะงามงาน นาวาบุญนิยม เปิดใจ ในฐานะผูน้ �ำ ทำ�อาหารโรงครัวกลาง “ปีนร้ี าบ รืน่ สบายใจกับทีมงานจากบ้านราชฯมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ใส่ใจในหน้าที่ของตนเอง ดี ทางปฐมอโศกก็ใจกว้างให้โอกาสทำ�งาน ด้วยความสบายใจ จะขาดเหลืออะไรก็ช่วย กันเติมจนงานผ่านไปได้ด้วยดีมีความสุข” ทางด้านโรงบุญ คุณใบแก้ว ชาวหินฟ้า ผูป้ ระสานงานโรงบุญเล่าว่า “แม่คา้ หรือแม่ให้ โรงบุญ ชอบบรรยากาศโล่งๆของโรงบุญปี นี้ แต่อีกหลายคนก็ชอบอยู่ใกล้โรงครัวกลาง อย่างเก่า มีที่นั่งกินอาหารแบบวัดๆ แต่บาง คนก็เกรงว่าเสียงจากศาลาวิหารกับโรงบุญ

จะตีกันเกินไป ประทับใจน้ำ�ใจของหลายโรงบุญ เมื่อ เห็นญาติมาจากหลายทิศ ขาดที่ทางวาง อาหารแจกกันก็ขยับเขยื่อน เอื้อเฟื้อแบ่ง กันอย่างยินดี ศิษย์เก่าอุดม งามสิริ “ปีนี้ผมเงี่ยหูฟัง ธรรมเป็นระยะๆ รู้สึกได้อะไรๆเป็นพิเศษ เหมือนกันครับ” คุณพิมเภา มะตอง ชาวชุมชนสันติอโศก “ปีนี้เอาเต๊นท์มากางนอนเองค่ะ เปลี่ยน บรรยากาศดี เห็นว่าการแสดงภาคค่ำ�มีการ พัฒนาขึ้นทุกปีนะคะ” คุรใุ จจริง ชาวหินฟ้า จากภูผาฟ้าน้� ำ “ความพิ เ ศษที่ ป ระทั บ ใจอั น ดั บ หนึ่ ง คื อ การประชุมของท่านสมณะที่จบเสร็จก่อน กำ�หนดเดิม นี้คือเครื่องแสดงความเจริญใน หมู่ผู้นำ�ของหมู่เราประการหนึ่ง” สิกขมาตุเป็นหญิง อโศกตระกูล “ปีนี้ พิเศษ ง่าย กระชับ ไม่ตื่นเต้นแต่ลึกซึ้ง” v พ้นพิษ เป็ น เรื่ อ งที่ น่ า ยิ น ดี ข องชาวอโศกที่ จิ้งหรีดพลาดไม่ได้ ที่ต้องมาร่วมอนุโมทนา สาธุดังๆกับพิธีอุปสมบทของสมณะพ้นพิษ ขึ้นเป็นสมณะรูปที่๙๒ ของสมณะชาวอโศก ซึ่งได้ฉายาว่าสมณะพ้นพิษ วีสมุตโต เมื่อวัน ที่ ๒๓ พ.ย.๕๘ เวลา ๘.๒๕ น. ที่แพโบสถ์ ในหมู่บ้านชุมชนราชธานีอโศก โดยมีสมณะ ร่วมพิธีจำ�นวน ๑๖ รูป สิกขมาตุ ๗ รูป และ ญาติธรรมร่วมอนุโมทนาประมาณ ๑๐๐ คน ซึ่งสมณะแต่ละท่านกว่าจะผ่านอนุมัติ จากมติสงฆ์ มาสู่พิธีอุปสมบทเป็นสมณะ ในวันนี้ได้ ล้วนแต่ต้องได้คัดกรองทีละขั้นๆ ใช้เวลาทดสอบจิตใจที่จะเอาจริง มอบกาย ถวายชีวติ ให้กบั การงานทางศาสนา อันเป็นไป เพื่อประโยชน์มนุษยชาติกันอย่างยาวนาน จึงจะได้สมณะที่สำ�เร็จขั้นตอนการบวชมา ได้สักหนึ่งองค์ ขัน้ แรกก็ตรวจสอบถึงการละ การพราก สละออกมาจากกองสมบัติโภคทรัพย์น้อย ใหญ่ ต้องเอาหลักฐานการเซ็นต์ชื่อสละ กรรมสิทธิ์มายืนยัน อีกทั้งต้องละความ เกี่ยวข้องติดยุ่งนุงนังอยู่กับบรรดาญาติทั้ง หลาย คือ หากมีภรรยาอยูก่ อ่ น ก็ตอ้ งมีใบหย่า มาแสดงหลักฐาน (นี้คือธรรมะที่ว่าด้วยการ ละความนุงนังออกสองอย่างก่อนเลย คือ โภคักขันธา ปหายะ และญาติปริวตั ตัง ปหายะ) จากนั้ น ก็ เ หลื อ เพี ย งตั ว กั บ หั ว ใจที่ มี กิเลสเหลืออยู่เท่านั้น ที่จะมาอุทิศศึกษา ฝึกฝน เตรียมพร้อมที่จะทำ�จิตใจให้ ลด ละ สิ่งที่มันเป็นตัวเสื่อม ตัวถ่วงรั้ง ตัวร้ายที่มัน จะทำ�ปัญญาให้ทุรพล นั่นคือ มาฝึกลดละ นิวรณ์ทั้ง ๕ ใช้เวลาอย่างต่ำ� ๒ ปี ในการ พิจารณาโหวตขึน้ มาด้วยวิธมี กี รรมวาจาจารย์ คือ สอบถามความประพฤติกนั ด้วยวาจา แล้ว เขาจะมี สั จ จะวาจาตอบออกมาได้ ส มจริ ง ดังความประพฤติมาหรือไม่ หากในที่ประชุมซักถาม (ด้วยกรรม วาจาจารย์) ถามแล้วพบว่ามีข้อแม้ มีผู้

11

คัดค้านแม้แต่เสียงเดียว ผู้สมัครบวชก็ต้อง น้ อ มรั บ ข้ อ แม้ อั น เป็ น ข้ อ บกพร่ อ งนั้ น ไป ปรับปรุง จนกว่าจะผ่านมติเป็นเอกฉันท์ คือไร้ผู้คัดค้านแม้แต่คนเดียว จึงจะเข้าสู่พิธี อุปสมบทได้...จี๊ดๆๆ v ทั้งเห็นใจ ทั้งหงุดหงิดสามี จะ ทำ�อย่างไรดี? จากคอลัมน์ “แปรขยะเป็นบุญ” หมาย ถึงการชำ�ระกิเลสในใจ ที่ชาวสขจ.ได้เขียนไว้ อย่างน่าคิด ลองอ่านดูนะฮะ...จี๊ดๆๆ ถาม : ดิฉนั มาปฏิบตั ธิ รรม จึงพอเข้าใจ เรื่องความผูกพันของชีวิตคู่ อยากจะคลาย ออกและไม่ผลัก สามีก็เคยมาด้วย ตอนนี้ เขาไม่ได้มา เพราะไปช่วยงานญาติที่ต่าง จังหวัด และยังนับถือเคารพศรัทธาชาวอโศก แต่เขาเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ชอบ สอนคนอื่น ดิฉันรู้สึกไม่ชอบใจ กลัวเสียชื่อ ชาวอโศก เวลาเขาโทรมาหา ดิฉันก็ไม่อยาก จะคุยด้วย มักจะพูดจากับเขาด้วยความ หงุดหงิดและเบื่อหน่าย แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ สำ�นึกผิด ครัง้ ต่อไปก็เป็นอีก ในใจรูส้ กึ สงสาร และเห็นใจ แต่พอพูดด้วยก็หงุดหงิด จะทำ� อย่างไรดีคะ? ตอบ : คนเรามีความปรารถนาดีเป็นสิง่ ประเสริฐ ยิง่ มีใจจะช่วยเหลือในสิง่ ที่สามารถ ลงมือช่วยได้ก็ต้องทำ�ทันที เป็นสิ่งที่ควร ปฏิบัติต่อกันให้เหมาะสม เป็นความเจริญ ของชีวิต นี้คือการปฏิบัติธรรม ลองสำ�รวจตรวจสอบใจตัวเอง ไม่เหนื่อย หรือไง คิดแต่เรื่องของเขา ไอ้นั่นไอ้นี่ตลอด เวลา เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับสร้างความผูกพัน มากขึ้นๆ เป็นความผูกมัดเอาเลย จะให้เขา ต้องได้ดั่งใจเรา เขาเป็นใคร เราเป็นใคร ต่าง คนต่างเกิดมาจากกรรมวิบากที่ตัวใครตัวมัน สร้างเอาเอง ก่อนที่จะให้เขาพัฒนา ควรเป็นเรา ที่สมควรพัฒนา คุณอยากจะคลายออก จากความผูกพันโดยไม่ผลัก แต่พฤติกรรม ชีวิตกลับปล่อยให้ผูกมัดเขาเสียแน่น ด้วย อารมณ์ของตนเอง คุณต้องแสดงให้ถูกต้อง พร้อมๆ กับทำ�ใจปรับใจให้สอดคล้องกับคำ� พูดดีๆ เมื่อพูดดีและปรับใจให้ดีด้วย ชีวิต ใหม่ที่ดีจึงจะเกิดขึ้นได้ ตอบโดย…สม.สัจฉิกตา...จี๊ดๆๆ

v มรณัสสติ คุณบุญเจือ มาดี ญาติธรรมกลุม่ บูรพา อโศก เสียชีวิตวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พ.ย.๕๘ ด้วยโรคประจำ�ตัวคือหอบหืด และฌาปนกิจ ที่วัดหนองสองห้อง ต.โคกกรวด อ.ปากพลี จ.นครนายก วันพุธที่ ๑๘ พ.ย. ๕๘ คุณพ่อสมบูรณ์ ถมนาม อายุ ๖๓ ปี อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ญาติธรรมเก่าแก่ ศีรษะอโศก เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๒ พ.ย.๕๘ ที่บา้ นราชฯ ด้วยโรคประจำ�ตัวหลายโรค เก๊าท์ ความดัน เบาหวาน ไต ตัง้ ศพทีร่ าชธานีอโศก พบกันใหม่ฉบับหน้า


12

รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

ประชุมมังสวิรัติ​ิ เอเชีย แปซิฟิก ครั้งที่๗ “กินสะอาด กินถูกธรรมชาติ Eat Clean Eat Green” ฉบับที่ ๔๖๔(๔๘๖) รวมปักษ์ พฤศจิกายน ๒๕๕๘

สมาคมมังสวิรัติไทยเป็นเจ้าภาพ ร่วมจัด “งานประชุมวิชาการมังสวิรัติ เอเชีย แปซิฟิก ครัง้ ที่ ๗” และ “งานเทศกาลมังสวิรตั ิ ๒๕๕๘” “กินสะอาด กินถูกธรรมชาติ Eat Clean Eat Green” ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ พ.ย. ๒๕๕๘ ณ มหาวิทยาลัย ธุรกิจบัณฑิต ประชาชื่น, กรุงเทพฯ อ่านต่อหน้า

๑๐

วังน้ำ�เขียวจัด “๙ตามรอยพ่อ” จัด “ตลาดบุญนิยม” ครั้งแรก

อ่านต่อหน้า

๑๐


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.