ข่าวทหารอากาศ คณะผู้จัดทำหนังสือข่าวทหารอากาศ
หนังสือข่าวทหารอากาศ
เจ้าของ กองทัพอากาศ
ทีป่ รึกษา พล.อ.อ.สมศักดิ์ วรฉัตร พล.อ.ท.ประพัตรา ตัณฑ์ไพโรจน์ พล.อ.ต.หญิง มาลี ดิษฐบรรจง พล.อ.ต.หญิง สุมาลี ฤทธิบตุ ร
ผูอ้ ำนวยการ พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารอากาศ
ความเป็นมา หนังสือข่าวทหารอากาศ เป็นนิตยสารรายเดือนของ กองทัพอากาศ เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ ขึ้นกับกรม ข่ า วทหารอากาศ มี น าวาอากาศเอก สกล รสานนท์ เป็ น บรรณาธิ ก ารคนแรก ดำเนิ น การโดยทุ น ของข้ า ราชการ ทหารอากาศ ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๙๘ ได้โอนกิจการมาอยู่ในความ อำนวยการของกรมยุ ท ธศึ ก ษาทหารอากาศ ตามคำสั ่ ง ทอ. (เฉพาะ)ที่ ๕๘๐/๙๘ ลง ๒๓ ธ.ค.๒๔๙๘ มีเจ้ากรมยุทธศึกษา ทหารอากาศ เป็นผูอ้ ำนวยการ ตามคำสัง่ ทอ.(เฉพาะ) ที่ ๕/๙๙ ลง ๗ ม.ค.๒๔๙๙ ภารกิจ
รองผู้อำนวยการ
ดำเนิ น กิ จ การหนั ง สื อ ข่ า วทหารอากาศ ให้ เ ป็ น ไป ตามนโยบายของกองทั พ อากาศ มี ผ ู ้ อ ำนวยการหนั ง สื อ ข่ า ว ทหารอากาศ (จก.ยศ.ทอ.) เป็นผูบ้ งั คับบัญชารับผิดชอบ
พล.อ.ต.ฌเณศ ชลิตภิรตั ิ เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ น.อ.ประเสริฐ ช่างประเสริฐ รองเสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ ผูจ้ ดั การ ผูช้ ว่ ยผูจ้ ดั การ
วัตถุประสงค์/นโยบายกองทัพ ๑. เพือ่ เพิม่ พูนความรูใ้ นกิจการทัว่ ๆ ไป ๒. เพือ่ แลกเปลีย่ นแสดงความคิดเห็นในด้านการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี อันจะเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวม ๓. เพือ่ เผยแพร่กจิ การกองทัพอากาศ
น.อ.สหัสชัย มาระเนตร น.ท.ชาญยุทธ รัตนสาลี
กองบรรณาธิการ บรรณาธิการ พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล ผู้ช่วยบรรณาธิการ น.อ.หญิง พัชรา ภัทรสุวรรณ น.อ.หญิง นภิศพร สังข์ทอง
ประจำกองบรรณาธิการ น.ท.หญิง กาญจณา แตงฉ่ำ น.ท.หญิง วรรณิภา ยีป่ ระชา น.ต.สินธพ ประดับญาติ
น.ท.นิพนธ์ ก่อสินค้า น.ท.หญิง อนงค์นาถ บุญจฑิตย์ พ.อ.อ.ชัยชนะ โสระสิงห์
กองจัดการ น.ท.พินจิ นุชน้อมบุญ
น.ท.สมพร สิงห์โห ร.อ.หญิง สุมาลี สายะนันท์ พ.อ.อ.ประจวบ วีระชนม์ จ.อ.หญิง เศาวณี พ่านเผือก นาง พรทิพย์ ศรีวรพงษ์ สำนักงานหนังสือข่าวทหารอากาศ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม.๑๐๒๑๐ โทร. ๐-๒๕๓๔-๔๔๗๑, ๐-๒๕๓๔-๔๒๔๑ Fax. ๐-๒๕๓๔-๔๔๗๑
นโยบายการดำเนินงานในปัจจุบัน ๑. เป็นสือ่ กลางในการแลกเปลีย่ น แสดงความคิดเห็น ทีเ่ ป็นประโยชน์ในการพัฒนากองทัพและส่วนรวม ๒. เรือ่ งทีน่ ำลงในหนังสือข่าวทหารอากาศ * ต้องไม่ขดั ต่อวัตถุประสงค์/นโยบาย กองทัพอากาศ ทีก่ ำหนด * ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อความมัน่ คงของชาติ บุคคล หรือส่วนรวม * ความยาวของเรือ่ งไม่ควรเกิน ๕ ตอน แต่ละตอน ไม่ควรเกิน ๕ หน้า * ต้องได้รบั การพิจารณาและเห็นชอบจากคณะ กรรมการพิจารณาเรือ่ งของสำนักงานหนังสือข่าวทหารอากาศ กำหนดการเผยแพร่ นิตยสารรายเดือน
พิมพ์ท่ี โรงพิมพ์กองทัพอากาศ ดอนเมือง แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. ๑๐๒๑๐ โทร.๐-๒๕๓๔-๒๙๔๓ , ๐-๒๕๓๔-๕๑๔๘
ค่าสมาชิกภายนอก ปีละ ๓๕๐ บาท (รวมค่าส่ง) สัง่ จ่าย ปณ. คลองถนน ๑๐๒๒๒ ความคิดเห็นของผูเ้ ขียนในหนังสือฉบับนีไ้ ม่มส ี ว่ นผูกพันกับทางราชการแต่ประการใด
ออกแบบปก : น.ต.สินธพ ประดับญาติ
http://www.rtaf.mi.th หรือ E-mail : rtafmag@gmail.com
ปีท่ี ๗๒ ฉบับที่ ๑ เดือน มกราคม ๒๕๕๕
สารบัญ บทบรรณาธิการ
๖ ธ สถิตในใจประชา : พุทธมณฑล ...ตามรอย ๘ วันปีใหม่ ...พชร ๑๒ ปฏิบตั กิ ารของทหารไทยในงานพระราชสงคราม ๑๗ ๒๓ ๒๗ ๓๑ ๓๔ ๔๑ ๔๔ ๔๖ ๕๑ ๕๗
ณ ประเทศฝรัง่ เศส พ.ศ.๒๔๖๑ ...พล.อ.อ.สมศักดิ์ วรฉัตร ความภาคภูมิใจของทหารรักษาพระองค์ ...พล.อ.ต.ปรีชา ประดับมุข ครบรอบ ๑๐๐ ปี การบินของบุพการี ทหารอากาศ ...พ.อ.อ.รัชต์ รัตนวิจารณ์ ๖๓ ปี สถาปนา ยศ.ทอ. ...ปชส.ยศ.ทอ. เมือ่ ฝูงบิน F-22 (Raptor) ถูกสัง่ ห้ามบิน หลังพบสารเคมีในเลือดนักบิน ...พล.อ.ต.คณิต เหลือ่ มเจริญ ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๙ ในมุมมองของ นศ.ว.การทัพต่างๆ และ นศ.วสท. ...นนอ.หมายเลข ๒๔๐๑ AERO Update ...วิศวกร ชอ. ภาพเก่าเล่าเรือ่ ง : น้ำท่วมในอดีต ...นภิศ ภาษาไทยด้วยใจรัก : ปราชญ์ทางภาษา ...นวีร์ พูดจาประสาหมอพัตร : พีนทั ส์ ...หมอพัตร CROSSWORD ...อ.วารุณี
๑๐๐
๖๐ ๖๕ ๗๑ ๗๓ ๗๖ ๗๙ ๘๑ ๘๗ ๙๑ ๙๒ ๙๕ ๙๗ ๑๐๐ ๑๐๔ ๑๐๕
ครูภาษาพาที : Facts or Fictions ...Patricia Test Tip Part 18 ...Runy เวลา...การ์ตูน ...มิสกรีน “ประธานาธิบดีโอบามา” กับปัญหาร้อน ของเอเชีย ...น.อ.จิโรตม์ มณีรตั น์ ปลายทางแห่งการพัฒนากำลังพล ...ว.วรธงไชย วัตถุมงคลของชาว ทอ. : กองบิน ๕ ...น.อ.อภิชัย ศักดิ์สุภา (นนอ.๒๒) มองโรงเรียนนายเรืออากาศเกาหลี แบบทีเ่ กาหลีคดิ ...น.อ.เฉลิมชัย ชูชาติพงษ์ การพัฒนาระบบต่อต้านการโจมตีอากาศยาน จากจรวดประทับบ่า ...เฟือ่ งลดา นานาน่ารู้ “ควันบุหรี่มือสอง” ...บางแค มุมกฎหมาย : การขอพระราชทานอภัยโทษ ...น.ท.พงศธร สัตย์เจริญ ใครคิดว่าไม่สำคัญ ...น.อ.หญิง นรีกลุ จิตตบุณย์ มุมสุขภาพ : อ.อิรยิ าบถ ...นายห่วงใย ขอบฟ้าคุณธรรม ...๑๒๖๑ โรงเรียนนายเรืออากาศรับสมัครบุคคล เข้าเป็น นตท.(ในส่วนของ ทอ.) ในรัว้ สีเทา
สวัสดีปใหม ๒๕๕๕ สมาชิกขาวทหารอากาศทุกทาน
.....ให ทอ. โดดเดนเปนสงา ชาวประชาชื่นใจไปทุกถิ่น ชาว ทอ. อยูที่ไหนในแผนดิน มีทรัพยสินลาภยศปรากฏพลัน..... (เป็นช่วงหนึ่งของ ส.ค.ส.๒๕๕๕)
“ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่ย่างเข้ามา ปีใหม่เป็นอนาคต ปีเก่าเป็นอดีต” เป็นช่วงเวลาที่เราทุกคนควรทบทวนหาบทเรียน ของอดีต เตรียมฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคของอนาคต จึงขอเป็นกําลังใจให้กับทุกท่าน....ขอจงมีความสุขความเจริญ...ในโอกาส ปีใหม่ ๒๕๕๕ ขอเชิญชวนบุคลากรกองทัพอากาศทุกท่าน ต่างพร้อมใจแสดงความจงรักภักดีและสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออํานาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ ทรงเจริญพระชนม์ ยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสําราญ ไร้พระโรคาพาธบําราศภยุปัทวันตราย สําเร็จในพระราชปณิธานทุกประการเทอญ วันที่ ๑๔ มกราคม “วันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ” เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในพระราชกําหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๔๘๔ และพระราชกําหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๐๔ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๓๒ พระราชกําหนดดังกล่าว ให้อํานาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้สัมปทานป่าไม้สิ้นสุดทั้งแปลง ครั้น เมื่อเกิดอุทกภัยที่อําเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๑ และวาตภัยพายุไต้ฝุ่น เกย์ ที่จังหวัดชุมพร เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๒ เห็นได้ชัดว่าอุทกภัยเกิดขึ้นจากการตัดต้นไม้ทําลายป่าเป็นมูลเหตุ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดํารัสให้เร่งปลูกต้นไม้ขึ้นเป็นการทดแทน เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง วันที่ ๑๖ มกราคม “วันครู” กระทรวงศึกษาธิการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็น ครูแห่งแผ่นดิน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ภาพจากปกในฉบับนี้ อ่านรายละเอียดได้จากเรื่อง....“การบินของบุพการีทหารอากาศ” ทําให้ทราบถึงกําเนิดการบิน ในสยามที่เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๔๒ ถึง ๒๔๕๔....เรื่อง “ความภาคภูมิใจของทหารรักษาพระองค์” จะได้ทราบ ถึงประวัติความเป็นมาจนถึงปัจจุบัน ที่ทําให้ทหารรักษาพระองค์มีความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติแก่ตน นอกจากนี้ยังมีเรื่อง ประจําฉบับที่น่าสนใจอีกมากมาย เชิญพลิกอ่านตามอัธยาศัย บรรณาธิการ
๖ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ตามรอย พุทธมณฑล พุทธานุสรณียสถาน สรางเพือ่ ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ บนเนื้อที่ ๒,๕๐๐ ไร มีการ ออกแบบวางผังที่มองทางอากาศเปนรูปธรรมจักร อยู ก ลางอุ ท ยานอั น เขี ย วขจี มี ส ระน้ํ า คู น้ํ า และ ถนนเปนปริมณฑล ๔ ดาน พระศรีศากยทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน ประดิษฐานโดดเดน อยูตรงกลางเหมือนดุมลอแหงพระธรรมจักร ลอมรอบ ดวยลานกวางรูปวงกลม มีถนนเปนเสนแฉกรัศมี แบงพื้นที่เปนตําบลสังเวชนียสถาน ๔ ตําบล คื อ ตํ า บลประสู ติ ตรั ส รู ปฐมเทศนา ปริ นิ พ พาน อี ก ส ว นหนึ่ ง เป น วิ ห ารพุ ท ธมณฑล ศาลาราย ตําหนั กสมเด็จพระสังฆราช ที่พักสงฆ อาคันตุก ะ หอประชุม หอกลาง และพุทธอุทยาน พุทธมณฑลที่ปรากฏในปจจุบัน กลาวไดวา หากไม ไ ด พ ระบารมี แ ละพระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ แหงพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ก็ยากจะสําเร็จ ได
เมื่อเริ่มโครงการ อาณาบริเวณ ๒,๕๐๐ ไร ที่ จ ะสร า งพุ ท ธมณฑลนั้ น ที่ ดิ น ผื น ใหญ เ ป น ที่ ดิ น ของทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย พระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัวทรงรับซื้อถวายเปนพุทธบูชา สวนที่ดิน ของเอกชน รัฐบาลดําเนินการโดยเวนคืน
วั น ที่ ๒ ๙ ก ร ก ฎ า ค ม พ . ศ . ๒ ๔ ๙ ๘ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวเสด็จพระราชดําเนิน ไปทรงกอฤกษพุทธมณฑล
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๗
การสร า งพุ ท ธมณฑลเป น งานใหญ ม าก เปลี่ยนรัฐบาลแลวหลายรัฐบาล เปลี่ยนหนวยงาน ที่ รั บ ผิ ด ชอบหลายหน ว ยงาน เวลาล ว งไปถึ ง ๒๐ กวาป การดําเนินงานก็ยังไมสําเร็จตามโครงการ ในป พ.ศ.๒๕๒๒ รั ฐ บาลจึ ง ขอพระราชทาน พระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ ให ง านพุท ธมณฑลได อ ยู ใ น พระบรมราชูปถัมภ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดทรงรับงาน สรางพุทธมณฑลไวในพระบรมราชูปถัมภ ไดเสด็จ พระราชดําเนินไปทอดพระเนตรเปนการสวนพระองค พ ร อ ม ด ว ย ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ ท พ รั ต น ร า ช สุ ด า ฯ สยามบรมราชกุ ม ารี เมื่ อ วั น ที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๕ ไดพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย ในเรื่ อ งต า งๆ เช น การขยายสั ด ส ว นในการ หลอพระพุทธรูปประธาน พุทธมณฑล เจาหนาที่ ไดกราบบังคมทูลพระกรุ ณาเรื่องการสรางเครื่อง ขยายดวยเทคโนโลยีสมัยใหม ไดมีพระราชกระแส วา “ดีทําอยางนี้ดี แตวิธีที่งายกวานาจะทําได” ได พ ระราชทานแนะนํ า ว า “ใช ก ล อ งถ า ยรู ป ใน สัด ส ว นเทา ใดก็ ไ ด แล ว ขยายฟล ม เ ป น กี่เ ท า ธรรม
ก็ ได จะได สั ดส วนที่ ถู กต องทุ กประการ” กั บได พระราชทานแนวความคิดวา ตอไปหากจะขยายอะไร อาจจะไม จํ าเปนตองสรางเครื่ องมืออั นวิ จิ ตรพิสดาร เพราะเครื่องมือที่มีอยูแลวนํามาประยุกตใชได อี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ที่ ไ ด พ ระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย เปนเรื่องของความคิดที่ขัดแยงกันของ ศิ ล ป น คื อ ผู อํ า นวยการกองแผนงานเฉพาะป น หลอพระพุทธรูปประธาน มีความเห็นวาพระวิหาร ที่อยูขางหนารูปทรงไมถูกตองตามแบบสถาปตยกรรม ไทย อยากจะทุบทิ้ง พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ไดพระราชทานกระแสรับสั่ง ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้ น บั น ทึ ก พระราชกระแสว า “ของทุ ก สิ่ ง ยอมมีเกิดมีดับทั้งสิ้น สิ่งที่เขาสรางมาก็มีเจตนา จะสร างให ดี ที่ สุ ด สวยที่ สุ ด และไม ยั่ งยื นนั ก จะตองพังทลายไปในที่สุด แมเราจะไมพังมัน ก็ตองพังไปเอง สูหาทางที่จะถนอมรักษาและ ทําอยางอื่นใหกลมกลืนสอดคลอง” พระมหากรุณาธิคุณในครั้งนั้นไดขจัดปดเปา ปญหาลง ทําใหการสรางพุทธมณฑลดําเนินไดจน สําเร็จ ""
(ข้อมูล : สํานักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี)
๘ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
พชร ชาวไทยได ฉ ลองวั น ขึ้ น ป ใ หม ใ นวั น ที่ ๑ มกราคม เชนเดียวกั บชาวโลกอารยะทั้งหลาย นับตั้งแตพุทธศักราช ๒๔๘๔ ถึงพุทธศักราช ๒๕๕๕ ในปจจุบันเปนเวลา ๗๑ ปแลว
วั น ขึ้ น ป ใ หม ข องไทยได เ ปลี่ ย นแปลงไป ตามคติ นิ ย มพื้ น บ า นถึ ง ๔ ครั้ ง โดยเริ่ ม แรกแต โบราณกาลไทยถื อเอาวั นแรม ๑ ค่ํ าเดือนอา ย หรือเดือน ๑ เปนวันขึ้นปใหม ในทางดาราศาสตร เปนวันที่ดวงอาทิตยอยูหางจากเสนศูนยสูตรของโลก มากที่ สุ ด ในทางพระพุ ท ธศาสนา เป น วัน เริ่มต น ของฤดู หนาว หลั งจากที่ ฤดู ฝนสิ้ นสุ ดลงพร อมกั บ สิ้นเทศกาลเขาพรรษา การกําหนดวันขึ้นปใหมนี้
ใชหลักเกณฑทางจันทรคติ คือถือเอาการโคจรของ ดวงจันทรเปนหลัก ต อ มาเมื่ อ ลั ท ธิ พ ราหมณ จ ากอิ น เดี ย แผ ข ยายเข า มามี อิ ท ธิ พ ลในการดํ า รงชี วิ ต ของ คนไทย วันขึ้นปใหมไดแปรเปลี่ยนไปเปนวันขึ้น ๑ ค่ํา เดือน ๕ ตามคติพราหมณ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา เจาอยูหัว ซึ่งเปนรัชกาลที่ ๕ แหงกรุงรัตนโกสินทร สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาเทวะวงศ วโรปการ เมื่ อ ครั้ ง ยั ง ทรงดํ า รงพระอิ ส ริ ย ยศเป น พระเจา น อ งยาเธอ กรมหลวงเทวะวงศว โรปการ ได ท รงคํ า นวณปฏิ ทิ น ตามหลั ก ทางสุ ริ ย คติ พรอมกับทรงตั้งชื่อเดือนตางๆ ทั้ง ๑๒ เดือน นําขึ้น ทู ล เกล า ทู ล กระหม อ มถวายพระบาทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล า เจ า อยู หั ว ทรงเรี ย กว า “เทวะ ประติ ทิ น ” และได ท รงพระกรุ ณ าโปรดเกล า โปรดกระหม อ มให ป ระกาศใช เ ป น ปฏิ ทิ น หลวง ครั้งแรก ในวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๓๒ ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ํา เดือน ๕ พอดี
มกราคม ๒๕๕๕ หลัง จากมีก ารเปลี่ ยนแปลงการปกครอง ในพุ ท ธศั ก ราช ๒๔๗๕ รั ฐ บาลได จั ด งานรื่ น เริ ง วันขึ้นปใหมในวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๗ เป น ครั้ ง แรก ในกรุ ง เทพฯ และได แ พร ข ยายออก ไปยั ง จั ง หวัด ตา งๆ ในป ต อ มา จนถึ ง พุ ท ธศัก ราช ๒๔๗๙ จึ ง กล า วได ว า มี ก ารจั ด งานรื่ น เริ ง ป ใ หม ทั่วทุกจังหวัด ซึ่งในสมัยนั้น ทางราชการเรียกวันที่ ๑ เมษายนวา วันตรุษสงกรานต ในพุ ท ธศั ก ราช ๒๔๘๓ คณะรั ฐ มนตรี ได แ ต ง ตั้ ง คณะกรรมการเพื่ อ พิ จ ารณากํ า หนด วั น ป ใ หม ใ ห ส อดคล อ งกั บ สากลนิ ย ม มี พ ลตรี หลวงวิ จิ ต รวาทการ (กิ ม เหลี ย ง วั ฒ นปฤดา) ซึ่ ง ขณะนั้นดํารงตําแหนงรัฐมนตรีชวยวาการกระทรวง ศึกษาธิการ เปนประธานกรรมการ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ เคยรับราชการในกระทรวงการต างประเทศ และได ป ระจํ า การอยู ที่ ส ถานเอกอั ค รราชทู ต ในประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งไดผานงาน การประชุมระดับนานาอารยประเทศในสันนิบาตชาติ มากอน ซึ่งภูมิหลังของทานอาจจะมีผลตอมติของที่ ประชุมฯ ที่เสนอใหวันที่ ๑ มกราคม เปนวันปใหม คณะผู สํ า เร็ จ ราชการแทนพระองค ใ น พระปรมาภิ ไ ธยพระบาทสมเด็ จ พระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล จึงไดประกาศใหวันที่ ๑ มกราคม เป น วั น ขึ้ น ป ใ หม ด ว ยเหตุ ผ ลว า เพราะวั น ที่ ๑ มกราคม ใกล เ คี ย งวั น แรม ๑ ค่ํ า เดื อ นอ า ย เปนการเริ่มตนปในฤดูหนาว สอดคลองกับคติทาง พระพุ ท ธศาสนาและจารี ต ประเพณี ข องไทยแต โบราณ และตรงกับวันปใหมของนานาประเทศ โดยให เริ่มใชตั้งแตวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๔
ข่าวทหารอากาศ ๙ เปนตนไป ดังปรากฏความตามราชกิจจานุเบกษา เลม ๕๘ หนา ๓๑ การปรั บ เปลี่ ย นวั น ขึ้ น ป ใ หม เ ป น วั น ที่ ๑ มกราคม ทําใหประเทศไทยมีงานฉลองสองครั้ง คื อ ยั ง คงฉลองตรุ ษ สงกรานต ใ นเดื อ นเมษายน อยูดวย โดยไดมีการรื้อฟนขนบธรรมเนียมประเพณี สงกรานต ขึ้ น มาใหม ในรั ช กาลพระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดช พุ ท ธศั ก ราช ๒๔๙๐ คณะผู สํ า เร็ จ ราชการแทนพระองค ไ ด ยกการพระราชกุศลสดับปกรณผาคูในวันขึ้นปใหม ไปใชในพระราชพิธีสงกรานต ในวันที่ ๑๓–๑๔– ๑๕ เมษายน ต อ ม า เ มื่ อ พุ ท ธ ศั ก รา ช ๒ ๕ ๐ ๐ ท ร ง พระกรุ ณ าโปรดเกล า โปรดกระหม อ มให ง ดการ พระราชกุ ศ ลสวดมนต เ ลี้ ย งพระในวั น ขึ้ น ป ใ หม เปลี่ยนเปนเสด็จออกทรงบําเพ็ญพระราชกุศล ทรงบาตรเนื่องในวันขึ้นปใหม แทนในพุทธศักราช ๒๕๐๑ และวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวและสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดําเนินโดยรถยนต พระที่นั่งจากพระตําหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวัง ดุ สิ ต ไปยั ง พระบรมมหาราชวั ง ทรงจุ ด ธู ป เที ย น เครื่องนมัสการพระพุทธปฏิมาที่พระแทนนพปฎล มหาเศวตฉั ต รภายในท อ งพระโรงพระที่ นั่ ง จั ก รี มหาปราสาท เวลา ๗ นาฬิกา เสด็จพระราชดําเนิน ลงยั ง สนามหน า พระที่ นั่ ง จั ก รี ม หาปราสาท ทรง จุ ด ธู ป เที ย นเครื่ อ งทองน อ ย แล ว ทรงบาตรพร อ ม ด ว ยพระบรมวงศานุ ว งศ องคมนตรี รั ฐ มนตรี ขาราชการ ทุกกระทรวงทบวงกรม โดยจัดเปนสาย
๑๐ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวและพระบรมวงศานุวงศ ๕๐ รูป นอกนั้นสายละ ๒๕ รูป รวมพระสงฆ ๓๐๐ รูป เสร็จแลวเสด็จขึ้น งานนี้แตงเครื่องแบบปรกติขาว มีสังขแตรปพาทยประโคมตั้งแตเสด็จพระราชดําเนิน ไปทรงจุดเทียนจนเสด็จขึ้น และในวันที่ ๑ มกราคม ทุกป สํานักพระราชวังไดจัดที่สําหรับลงพระนาม และลงนามถวายพระพรไวที่พระบรมมหาราชวัง ตั้งแตเวลา ๙ นาฬิกา จนถึงเวลา ๑๗ นาฬิกา ในกาลต อ มา ทรงพระกรุ ณ าโปรดเกล า โปรดกระหม อ มให เ ปลี่ ย นการพระราชพิ ธี บํ า เพ็ ญ พระราชกุ ศ ลทรงบาตรขึ้ น ป ใ หม ใ น วันที่ ๑ มกราคมเปนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ซึ่งเปน ธรรม
วั น สิ้ น ป และตั้ ง แต พุ ท ธศั ก ราช ๒๕๑๘ ทรง พระกรุณาโปรดเกลาโปรดกระหมอมใหจัดพระราชพิธี ทรงบําเพ็ญพระราชกุศลทรงบาตรขึ้นปใหมเปนงาน สวนพระองค ณ พระราชฐานที่ประทับ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ า อ ยู หั ว ท ร ง พระกรุณาโปรดเกลาโปรดกระหมอมพระราชทาน กระแสพระราชดํา รั สอํ า นวยพรแก ป ระชาชนชาว ไทยในโอกาสขึ้ น ป ใ หม ทุ ก วัน สิ้ น ปนับตั้ง แต เสด็ จ เถลิงถวัลยราชสมบัติ จึงขออัญเชิญพระราชดํารัส เนื่องในโอกาสวันปใหมองคแรกที่พระราชทานไว เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ มาแสดง ณ ที่นี้
กระแสพระราชดํารัส พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๔๙๔ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓
“...ประวัติศาสตรไดแสดงใหปรากฏตลอดมาวา ชาติใดเสื่อมสูญยอยยับอับปางไป ก็เพราะประชาชาติขาดสามัคคีธรรม แตกแยกเปนหมูคณะ เปนพรรคเปนพวก คอยเอารัด เอาเปรียบประหัตประหารซึ่งกันและกัน บางพรรคบางพวกถึงกับเปนไสศึกใหศัตรูมาจูโจม ทําลายชาติของตน ดังนี้ ขาพเจาจึงขอชักชวนพี่นองชาวไทยทั้งหลาย ใหระลึกถึงพระคุณ ของบรรพบุรุษ ซึ่งไดกอบกูรักษาบานเกิดเมืองนอนของเรามานั้นใหจงหนัก แลวถือเอา ความสามั ค คี ความยิ น ยอมเสี ย สละส ว นตั ว เพื่ อ ประโยชน ยิ่ ง ใหญ ข องประเทศชาติ เปนคุณธรรมประจําใจอยูเนืองนิตย จึงขอใหพี่นองชาวไทยทั้งหลาย จงบําเพ็ญกรณียกิจ ของตนแต ล ะคนด ว ยซื่ อ สั ต ย สุ จ ริ ต ขยั น หมั่ น เพี ย ร อดทนกล า หาญ แล ว อุ ทิ ศ ความ เสียสละสวนตัว ความเหน็ดเหนื่อยลําบากยากแคนเปนพลีบูชาบรรพบุรุษ ผูซึ่งไดกอสรางชาติ เปนมรดกตกทอดมาถึงพวกเราชาวไทยจนบัดนี้...”
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๑๑
ในปตอมา เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๔ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวมีพระราชประสงค จะพระราชทานพรปใหมแกพสกนิกรดวยเพลง จึงทรงพระราชนิพนธทํานองเพลง “พรปใหม” นับเปนเพลง พระราชนิพนธลําดับที่ ๑๓ และทรงพระกรุณาโปรดเกลาโปรดกระหมอมใหพระเจาวรวงศเธอ พระองคเจา จักรพันธเพ็ญศิริ (หมอมเจาจักรพันธเพ็ญศิริ จักรพันธุ) นิพนธคํารองเปนคําอวยพรปใหม กลาวกันวา ทรงพระราชนิพนธเพลงนี้เสร็จภายในเวลาครึ่งชั่วโมงเทานั้น แลวพระราชทานแกวงดนตรี ๒ วง คือ วงดนตรี นิสิตจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นําออกบรรเลงที่จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ นําออก บรรเลงที่ศาลาเฉลิมไทย ในวันปใหมซึ่งตรงกับวันอังคารที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ เปนเวลา ๖๐ ปมาแลว ที่พสกนิกรทุกหมูเหลา ไดยินเพลงนี้บรรเลงขับกลอมทุกวันขึ้นปใหมจนจํา ไดขึ้นใจ...
สวัสดีวันปีใหม่พา
ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม
ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า
ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี
ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์
ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่
ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ
ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ ในพุทธศักราช ๒๕๕๔ ที่ผานมา เปนปที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา จึ ง ขอเชิ ญ ชวนประชาชนชาวไทยน อ มเกล า น อ มกระหม อ มถวายพระพรชั ย มงคลให ท รง พระเกษมสําราญ และทรงพระเจริญดวยจตุรพิธพรชัย สถิตเปนมิ่งขวัญแกพสกนิกรตลอดกาลนาน
ขอขอบคุณ หม่อมหลวงสุภรัตน์ เทวกุล สํานักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
๑๒ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ที่มา :- ดุสิตสมิตเลม ๖ ฉบับพิเศษ-ฉบับที่ ๖๖ (มกราคม – กุมภาพันธ – มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๒) “เพื่อเปนการเคารพตอผูเขียนรายงาน จึงขอคงไวซึ่งอักขระวิธีตามตนฉบับ”
(ตอนจบ) การกลับของทหารชุดที่ 1 นายพันเอก พระเฉลิมอากาศ ผูบังคับการ กองทหารไปในงานพระราชสงคราม ได รวบรวม บรรดานายทหารและนายสิบพลทหาร ที่ จะกลับ ในชุดนี้ไวพรอมเสร็จ, เพื่อเตรียมเดินทางกลับ ประเทศสยามในปลายเดือนกุมภาพันธ, พ.ศ.2461 การกลั บ ของทหารชุ ด นี้ คื อ :- กองบิ น ทหารบก(สวนมาก) มีนักบินและชางเครื่องที่เหลือ จากที่ไดเลือกคัดไวสําหรับราชการพิเศษ, ทหารใน กองรถยนตรบางสวน, ยังมีบรรดาทหารที่พิการ เจ็บปวย และกองทูตทหารซึ่งใหยกเลิกอีก; รวมขึ้น ในบังคับบัญชา นายพลตรี พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ หัวนาทูตทหาร.
พล.อ.อ.สมศักดิ์ วรฉัตร รวบรวม เมื่อตกลงไดเรือมิเตา (Mitau) เปนเรือเดินทาง และไดทราบกําหนดที่เรือจะมาถึงทาเมืองมาเซล แลว, จึ่งไดจัดสงทหารที่ไดรวบรวมไวแลวขึ้นรถไฟ ซึ่งเปนรถพิเศษบางรถธรรมดาบาง, จากกรุงปารีส เมื่อวันที่ 6 มีนาคม, พ.ศ.2461 ครั้นทหารถึงเมืองมาเซลโดยเรียบรอยแลว, ไดจัดใหนายสิบพลทหารไปพักอยูที่คายคะเธดรัล. ค า ยนี้ ก องบิ น ทหารไทยเคยพั ก อยู ค รั้ ง หนึ่ ง เมื่ อ แรกมาถึงประเทศฝรั่งเศส, สวนนายทหารนั้นให แยกยายกันไปพักตามโฮเตลตางๆ ในเมืองมาเซล หลายโฮเตล. ตามขาวเดิมที่ไดทราบวาเรือมิเตาจะมาถึง เมืองมาเซลในวันที่ 10 มีนาคม, ครั้นมาถึงเมือง มาเซลแลว, เมื่อวันที่ 7 มีนาคม, ไดทราบวาเรือ มิ เ ตาจะออกจากท า เรื อ ในประเทศอั ง กฤษไม ไ ด เพราะกระทรวงทหารเรืออังกฤษไมยอมใหถานหิน.
มกราคม ๒๕๕๕ วันที่ 25 มีนาคม, นายพลตรีพระยาพิชัย ชาญฤทธิ์ หั ว น า ทู ต ทหารได นํ า ธงชั ย เฉลิ ม พล มามอบให แ ก ก องบิ น ทหารบก ณ ค า ยที่ พั ก ของ ทหาร, มีการสาบาลธงดวยตามพิธี; และไดมอบ ตราเลยองดอนเนอร ชั้ น ที่ 5 ให แ ก นายพั น ตรี หลวงทยานพิ ฆ าฏ ตามโทรเลขที่ ไ ด รั บ จาก กระทรวงกระลาโหมฝรั่งเศส, ดังสําเนาหัวนา ทูตทหารตอไปนี้ :“ในการที่ ท รงพระกรุ ณ าโปรดเกล า ฯ ให กระทรวงกระลาโหมจัดสงกองบินทหารบกออกมา ทําสงครามชวยราชสัมพันธมิตรหมูใหญในประเทศ ฝรั่งเศสคราวนี้, ถึงแมวากองบินของเรายังมิได ประสบโอกาศที่จะเขาทํ าการตอสูกับขาศึกก็จริง แตการที่ประเทศสยามไดสงทหารออกมาชวยครั้งนี้ ยอมเปนผลใหชาวฝรั่งเศสรูสึกอุนใจขึ้นมิใชนอย. “ตลอดเวลาที่ ก องบิ น สยามมารั บ ความ ฝ ก หั ด เตรี ย มตั ว สํ า หรั บ เข า ทํ า สงครามอยู ใ น ประเทศฝรั่งเศส, นายทหารนายสิบพลทหารทุกคน ไดแสดงวิริยะอุสาหะ ทั้งความประพฤติดีตลอดจน ความเคร ง ครั ด มั่ น ต อ ยุ ท ธวิ นั ย ซึ่ง เปนเกี ย รติ ย ศ แกชาติไทยและกองบินสยาม. ในเวลาที่กองบินจะกลับ ไปสูบานเกิดเมืองมารดร รั ฐบาลฝรั่งเศสมีความ ปรารถนาที่จะแสดงความพอใจสําหรับกองบิน นี้ ใหปรากฎ, แตดวยเหตุที่นักบินของเรายังมิได เขากระทําสงคราม รัฐบาลฝรั่งเศสจึ่งไมสามารถ ที่จ ะบํา เหน็จ ได เ ปนส ว นบุ คล. เพื่ อ ให เ ปนพยาน ปรากฎแห ง ความพอใจ และความขอบคุ ณ ของ รัฐบาลฝรั่งเศส, จึ่งขอใหตราเลยองดอนเนอรชั้น ที่ 4 แก นายพั น ตรี หลวงทยานพิ ฆ าฎ ซึ่ ง เปน
ข่าวทหารอากาศ ๑๓ ผูบังคับกอง, เพื่อใหทหารในกองบินไดทราบขาวอันนี้ กอนออกเรือจากประเทศฝรั่งเศส.” นอกจากนี้, รัฐบาลฝรั่งเศสไดใหตราเลยอง ดอนเนอร ชั้นที่ 4 แก นายพันเอก พระเฉลิมอากาศ ผูบังคับการกองทหารไปในงานพระราชสงคราม, นายพันโท หมอมเจาอมรทัต ผูชวยทูตในราชการ ทหารบก, ตราเลยองดอนเนอรชั้นที่ 5 แก นายพันตรี หลวงรามฤทธิรงค ผูบังคับกองทหารบกรถยนตร สยาม. วันที่ 29 มีนาคม เวลา 10.30 น., เรือมิเตา มาถึงเมืองมาเซล. ครั้นรุงขึ้นวันที่ 30 มีนาคม เวลา 14.00 น., จึ่งไดลําเลียงทหารจากคายที่พักในเมือง มาเซลมาลงเรือ. วันที่ 31 มีนาคม เวลา 19.00 น., เรือมิเตา ใชจักรออกจากทาเมืองมาเซล ตั้งแตคืนนี้เปนตนไป จนถึงวันที่ 2 เมษายน, พ.ศ.2462, คลื่นลมในทเล ก็มีเพียงเล็กนอยเทานั้น, แตโดยเหตุที่เปนวันแรกที่ ทหารลงเรือจึ่งพากันเมาคลื่นลุกไมขึ้น ไมเปนอันกิน อันนอนกันเกือบทั้งหมด. เรือถึงปอรทเสดเพื่อรับ ถานหินและเสบียงอาหารเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 6 เมษายน. วันที่ 7 เมษายน, เรือออกจากปอรทเสด, เดินเขาคลองสุเอซ, อากาศในตอนนี้รอนจัด. วันที่ 8 เมษายน เวลา 8.00 น.,เรือพนจาก คลองสุ เ อซเข า สูท เลแดง. ระหวา งเดิ น ทางมาใน ทเลแดงไมมีคลื่นลม อากาศคงรอนจัดอยูเชนที่แลว มา, แมดังนั้นก็ยังนับวาเปนอากาศอยางดีของ ทเลแดง. วันที่ 14 เมษายน เวลา 8.00 น., เรือออก จากทเลแดง แลนเขาสูมหาสมุทอินเดีย.
๑๔ ข่าวทหารอากาศ วันที่ 20 เมษายน เวลา 12.00 น., เรือผาน โกลัมโบแตมิไดแวะ การเดินทางนับตั้งแตพนจาก ทเลแดงมาจนถึงเพียงนี้ คลื่นลมสงบเรียบรอยดี, ความรอนก็ลดนอยลงกวาที่ไดผานมาในคลองสุเอซ และทเลแดง. พระยาเฉลิมอากาศ วันที่ 23 เมษายน เวลา 19.15 น., เรือถึง สะบัง (Sabang), ตั้งอยูที่เกาะปุโลเว (Poolovay) ซึ่งเปนเกาะของชาติฮอลันดา เรือเขาจอดเทียบทา เพื่อรับถานหินเพิ่มเติม. วันที่ 24 เมษายน เวลา 14.00 น., เรือออกจาก ทาสะบัง, มายังอาวสยามสิงคโปรเวลา 19.30 น. วัน ที่ 26 เมษายน. การเดิน ทางตอนนี้ ค วามรอ น คอยลดนอยลง, บางวันมีฝนตกบางเล็กนอย. วันที่ 29 เมษายน เวลา 20.30 น., ถึงเกาะไผ. เรือจอดทอดสมอนอนที่นั้นคืนหนึ่ง. ครั้นรุงขึ้นเวลา 6.45 น., จึ่งออกจากเกาะไผมุงตรงมาเกาะสีชัง, ถึง เกาะสีชังเวลา 8.00 น. การเดินทางกลับคราวนี้ ทหารไดรับความสุข มากกวาเวลาเดินทางไป, เพราะเรือมิเตานี้เปนเรือ ขนาดใหญ ก ว า เรื อ แอมไปร มี ร ะวางบรรทุ ก ถึ ง 5,000 ตัน, การกินอยูหลับนอนจึ่งบริบูรณและ มีความสุขมาก. วันที่ 1 พฤษภาคม เวลา 2.00 น., ถายทหาร จากเรือมิเตาลงเรือเจนทเล, เรือเจนทเล,พรอมดวย เรือปราบปรปกษและเรือตอรปโด, ใชจักรออกจาก เกาะสีชังตรงสูปากน้ําเจาพระยา; ถึงทาราชวรดิฐ เวลา 15.45 น.
มกราคม ๒๕๕๕ กิจการนอกจากที่กลาวนี้, เปนไปตามกําหนด การรับทหารกลับจากราชการสงคราม. การกลับของทหารชุดที่ 2 เมื่อไดเซ็นสัญญาสงบศึกแลว, นายพันเอก พระเฉลิมอากาศ ผูบังคับการกองทหารไปในงาน พระราชสงคราม จึ่งจัดการรวบรวมทหารที่แยกยาย ไปตามตําบลตางๆ และที่ไปทําการขัดตาทัพในประเทศ เยอรมนี, เตรียมตัวพรอมที่จะกลับกรุงสยาม, พรอม เสร็จเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม, พ.ศ.2462. เมื่ อ รวบรวมทหารได พ ร อ มแล ว ,ได จั ด ให ไปพั ก อยู ที่ ค า ยตํ า บลแซงต แยรแมง อั ง แลย . ทหารทุ ก คนมี ค วามสุ ข สบายดี ต ลอดเวลาที่ พั ก อยูนั้น. ในระหวางเวลาที่พักอยู, ไดเปดโอกาศให ทหารเขามาเที่ยวกรุงปารีสได. สวนกองรถยนตร ไดจัดสงทหารไปทพการสวนสนามที่กรุงปารีสบาง, กรุงลอนดอนบาง. กรุงบรุกเซลสบาง,ตามที่กลาว มาแลว. ครั้นวันที่ 16 สิงหาคม เวลา 12.15 นจ., จึ่งได ยา ยทหารจากค าย แซงต แยรแมง มาขึ้น รถไฟที่ สถานี กรังด ซัง ตูร (Grand cin tour) ตรงไปเมือง มาเซล. วันที่ 18 สิงหาคม เวลา 16.40 น., ถึงเมือง มาเซล. ทําการลําเลียงทหารลงเรือมิเตา ซึ่งเปนเรือ ที่ไดบรรทุกทหารกลับชุดที่ 1, และพึ่งกลับมาวันนี้เอง. สวนนายทหารที่ยังพักอยูในตําบลแซงต แยรแมง, ได อ อกจากตํ า บลนี้ ไ ปขึ้ น รถไฟที่ ส ถานี ลี ย อง
มกราคม ๒๕๕๕ เวลา 11.50 น., ถึงเมืองมาเซลวันที่ 19 เวลา 10.15 น., ลงเรือเสร็จในวันนั้น ในวันนั้นเอง เวลา 17.15 น., เรือมิเตาได ใชจักรเคลื่อนที่ออกจากทาบายหนาสูทเลเมดิเตอร เรเนียน. ทหารรองไชโยลาประเทศฝรั่งเศสและผูมาสง โดยอาการราเริงโดยทั่วกัน. อากาศในทเลโปรงปราศจากคลื่นลมตลอด มาจนถึงวันที่ 21 สิงหาคม. ครั้นวันที่ 22 เวลาเชา, คลื่ น ใต น้ํ า ได เ กิ ด มี ขึ้ น บ า ง ทํ า ให เ รื อ โคลงเคลง. ทหารเมาคลื่นไปเกือบครึ่งจํานวน. คลื่นในทองทเล ยังคงมีอยูจนถึงวันที่ 24. วันที่ 25 สิงหาคม เวลา 8.15 น., เรือถึง ปอร ท เสด เข า จอดทอดสมอเพื่ อ รั บ ถ า นหิ น และ เสบียงเพิ่มเติม. ในวันนี้ทางราชการไดวาจางเรือ รับทหารขึ้นเที่ยวบนบก. วันที่ 26 สิงหาคม เวลา 5.30 น., เรือออก จากปอรทเสดเขาสูคลองสุเอซ. ในวันนี้อากาศรอน จัดยิ่งกวาวันที่แลวมา. วันที่ 27 สิงหาคม เวลา 1.00 น., เรือพนจาก คลองสุ เ อซเข า สู ท เลแดง. อากาศคงร อ นจั ด เชนเดียวกัน. วันที่ 30 สิงหาคม เวลา 10.00 น., เรือตอง หยุ ด ในทเลแดงเพื่ อ ทิ้ ง จี น ผู เ สี ย ชี วิ ต ไปในเรื อ โดยความเจ็บปวย. เสียเวลาไปประมาณ 10 นาที. พระยาเฉลิมอากาศ วันที่ 1 กันยายน, พ.ศ.2462, เรือพนจาก ทเลแดงเขาสูมหาสมุทอินเดีย, ความรอนคอยสงบลง, มีคลื่นใตน้ําบางเล็กนอย
ข่าวทหารอากาศ ๑๕ ในระหวางเดินทางมาในทเลแดง, คลื่นลม สงบราบคาบดี, มีลมพัดมาบางเปนคราวๆ, แตก็ มิไดทําใหบันเทาความรอนไปเลย. วันที่ 3 กันยายน, คลื่นใตน้ําแรงขึ้น จนทหาร เมาคลื่นไปราวรอยละ 70 ของจํานวน. วันที่ 5 กันยายน, คลื่นลมสงบลงบางเล็กนอย. วันที่6 กันยายน, คลื่นลมเบาลงมาก ทหาร หายจากการเมาคลื่นเกือบทั้งหมด, และนับตั้งแต วันนี้เปนตนไป คลื่นลมยิ่งสงบลงทุกที, อากาศก็ โปรงดีทําใหรูสึกสบายขึ้นมาก. วันที่ 9 กันยายน เวลา 10.00 น., เรือผาน โกลัมโบ, หางจากเกาะประมาณ 8 กิโลเมตร. วันที่ 12 สิงหาคม เวลา 16.00 น., เรือถึง สะบัง. อนุญาตใหใหทหารขึ้นเที่ยวบนฝงได. วันที่ 13 กันยายน เวลา 16.00 น., เรือออกจาก สะบังเขาชองมะละกา, บายหนาเขาสูอาวสยาม. วันที่ 15 กันยายน เวลา 22.00 น., ไดรับ วิทยุโทรเลขสงจากปนัง, มีขอความดังนี้:- “ในนาม ของทหารไทยในปนังขอแสดงความยินดีเปนลนพน มายังกองทหารอาสาซึ่งไดเดินทางกลับบานเมือง โดยสงาผาเผย, และดวยความสําเร็จอยางงดงาม.(ลงนาม) หลวงลัทธกะวาท.” ไดสงวิทยุโทรเลขตอบไปวา :- “ในนามของ กองทหารอาสากลับจากงานพระราชสงคราม ขอสง ความขอบใจอยางยิ่งมายังทานทั้งหลาย.” วันที่ 18 กันยายน เวลา 18.25, เรือถึงเกาะไผ. โดยเหตุที่เปนเวลาค่ําคืนจึ่งตองจอดนอนที่นั้นคืนหนึ่ง. รุงขึ้นเวลา 5.55 น., เรือออกจากเกาะไผ, ถึงเกาะสีชังเวลา 6.30 น.
๑๖ ข่าวทหารอากาศ ในวันนี้เองเวลา 15.00 น.,จอมพล สมเด็จ พระเจ า น อ งยาเธอ เจ า ฟ า กรมหลวงพิ ศ ณุ โ ลก ประชานาถ เสนาธิ ก ารทหารบก เสด็ จ มาเยี่ ย ม ทหารยังเรือมิเตา. เวลาค่ําไดเสวยพรอมนายทหาร และนายเรือในเรือมิเตา. วันที่ 20 กันยายน เวลา 6.00 น., จัดการ ถายทหารจากเรือมิเตาลงเรือลําเลียงของกระทรวง ทหารเรือ, มีเรือเจนทเล, กลาทเล, ลิ่วทเล, ทองทเล; และเชิญอัฐิทหารผูเสียชีวิตไปในราชการสงคราม ลงเรือตอรปโด 3, การลําเลียงถายลําแลวเสร็จเมื่อ เวลา 7.00 น. ครั้นเวลา 7.45 น., เรือทุก ลําใชจัก ร เคลื่อนจากเกาะสีชังเปนริ้วกระบวนตามลําดับ – เรือตอรปโด 3, เรือเจนทเล, กลาทเล, ลิ่วทเล, ทองทเล ; แลนตรงเขาสูปากน้ําเจาพระยา, ถึง เมืองสมุทปราการเวลา 9.30 น. ตามที่ทําการของ รั ฐ บาลและบ า นราษฎรทั้ ง 2 ฝ ง แม น้ํ า ที่ ผ า นมา ไดแลเห็นแตธงทิวปกเรียงราย, และไดยินเสียงไชโย แสดงความยินดีตอนรับอยางเซ็งแซ. นอกจากนั้น ยั ง มี เ รื อ ยนตร แ ละเรื อ กลไฟเล็ ก แล น เลยลงไป รับ ทหารอี ก . ส ว นในกระบวนเรื อ ของทหารมี เ รื อ เจนทเลเปนต น ได จุ ด กรวดแตกเปนธงไตรรงค , เพื่อแสดงความยินดีที่ไดกลับมาถึงประเทศอันเปน ที่รักโดยความผาศุกสวัสดิภาพ. ทหารทุกคนตาง ธรรม
มกราคม ๒๕๕๕ ราเริงอยางเต็มที่. กระบวนเรือคงแลนเรื่อยขึ้นมา จนถึงและจอดเทียบทาราชวรดิฐเมื่อเวลา 15.45 น. การเดิ น ทางกลั บ ของทหารทั้ ง 2 ชุ ด นับตั้งแตเมืองมาเซลมาจนถึงพระมหานคร, ดวย เดชะพระบารมีปกเกลาปกกระหมอมชวยคุมครอง, การเดินทางจึ่งเปนไปโดยสวัสดิภาพ, เหลาทหารอาสา ได รั บ ความสุ ข สํ า ราญปราศจากสรรพภั ย ทั้ ง ปวง โดยทั่วหนากันตลอดระยะทางอันยืดยาวนั้น. พระยาเฉลิมอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๑๗
พล.อ.ต.ปรีชา ประดับมุข
พระปรมาภิ ไธย ย อ ภปร. ซึ่ ง ประดั บ อยู เบื้ อ งอกขวา ของทหารหลายนาย ถื อ ว า เป น เครื่ อ งหมาย ที่ มี เ กี ย รติ สู ง ส ง ยิ่ ง อั น หมายถึ ง การเปนทหารรักษาพระองค เสริมพระราชหฤทัย ที่สามารถสละชีวิตเปนราชพลี แดองคพระมหากษัตริย ของตนได ทุ ก โอกาส ผู เ ขี ย นขอกล า วถึ ง ประวั ติ ทหารรักษาพระองค โดยยอดังนี้...
ทหารรัก ษาพระองค คื อ หนว ยทหารที่ มีหนาที่ถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติ แดพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว สมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ พระรัชทายาท ผูสําเร็จราชการ แทนพระองค และพระบรมวงศานุวงศทุกพระองค โดยใกล ชิ ด เฉพาะกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็ ก รั ก ษาพระองค จะมี ชื่ อ เรี ย กเฉพาะว า ทหาร มหาดเล็ ก ราชวั ล ลภรั ก ษาพระองค เนื่อ งด ว ย เปนหนวยที่ถวายการรับใชตอองคพระมหากษัตริย อยางใกลชิดที่สุด (คําวา "ราชวัลลภ" นี้ แปลไดวา ผูเปนที่รัก สนิท คุนเคยของพระราชา) กิจการทหารรักษาพระองคและทหารมหาดเล็ก รั ก ษาพระองค เริ่ ม ต น ครั้ ง แรกเมื่ อ พ.ศ.๒๔๐๔ ในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหรวบรวมบุตรในราชตระกูล และบุตรขาราชการที่ ยังเยาววัยมาทดลองฝก หัด เป น ทหารตามยุ ท ธวิ ธี แ บบใหม เ ช น เดี ย วกั บ กรม ทหารหนา ซึ่งในชั้นแรกนั้นมี ๑๒ คน และใหทําหนาที่
๑๘ ข่าวทหารอากาศ ไลกาที่บินมารบกวนในเวลาทรงบาตร ตลอดจน ตั้ ง แถวรับ เสด็จฯ ณ ที่ นั้ น ทุ ก เวลาเช า มหาดเล็ ก เหลานี้เอง (ซึ่งเรียกกันทั่วไปวา “ทหารมหาดเล็ก ไลกา”) คือจุดเริ่มตนของกิจการทหารมหาดเล็ก รักษาพระองคของไทย
ปลายป พ.ศ.๒๔๑๑ รัชกาลพระบาทสมเด็จ พระจุ ล จอมเกล า เจ า อยู หั ว หลั ง จากพระราชพิ ธี บรมราชาภิเษกผานพนไปแลว ไดโปรดเกลาฯ ให รวบรวมทหารมหาดเล็กขาหลวงเดิมจํานวน ๒๔ คน ตั้ ง ขึ้ น เป น หน ว ยทหารอี ก หน ว ยหนึ่ ง เรี ย กว า “ทหารสองโหล ถือปนชไนเดอร” มีหนาที่เฝา พระฉากตามเดิ ม แต ใ นตอนเช า และตอนเย็ น ตองมารับการฝกทหาร พ.ศ.๒๔๑๓ ทรงพระกรุ ณาโปรดเกล า ฯ ใหพระยาสุรศักดิ์มนตรี (แสง ชูโต) จางวางมหาดเล็ก ทําการคัดเลือกบรรดาบุตรในราชตระกูล และบุตร ข า ราชการที่ เ ป น ทหารมหาดเล็ ก เพื่ อ จั ด ตั้ ง เป น กองทหารมหาดเล็กรักษาพระองค ทําหนาที่รักษา พระองคอยางใกลชิด และตามเสด็จในเวลาเสด็จ ประพาสหั ว เมื อ ง ในชั้ น นี้ คั ด เลื อ กไว ๔๘ คน เมื่อรวมทหารมหาดเล็ก ๒ โหลเดิมดวยแลว จึงมี ทหารมหาดเล็กทั้งหมด ๗๒ คน
มกราคม ๒๕๕๕ เมื่อการปฏิบัติหนาที่กวางขวางขึ้น จํานวน ทหารที่มีอยูเดิมจึงมีจํานวนไมเพียงพอที่จะปฏิบัติ หนา ที่ จึง ได โ ปรดเกลา ฯ ให พ ระยาสุ รศัก ดิ์ม นตรี คั ด เลื อ กบุ ค คลเข า มาเป น ทหารเพิ่ ม ขึ้ น ในการนี้ พระยาสุรศักดิ์มนตรี(แสง ชูโต) ไดนําบุตรชาย คือ นายเจิม ชูโต (ตอมาคือเจาพระยา สุ ร ศั ก ดิ์ ม นตรี เจิ ม แสง-ชู โ ต) เขาถวายตัวเปนทหารมหาดเล็ก รั ก ษาพระองค โดยสมั ค รเป น ตัวอยางคนแรก (เนื่องจากสมัยนั้น คนไทยไมนิยมเปนทหาร) ทําให มี จํ า น ว น ท ห า ร ม ห า ด เ ล็ ก รักษาพระองคเพิ่มขึ้นทั้งที่เปนผูใหญและที่เปนเด็ก เพราะทุ ก คนต า งก็ เ ห็ น และรู สึ ก เป น เกี ย รติ แ ก วงศ ต ระกู ล ในการที่ บุ ต รหลานของตนได เ ข า รั บ ราชการใกลชิดพระมหากษัตริย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว จึงโปรดเกลาฯ ใหตั้ง หนวยทหารดังกลาวขึ้นเป น กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค และทรงดํารง พระยศเปนนายพันเอก ตําแหนงผูบังคับการกรม ดวยพระองคเอง ตอมาโปรดเกลาฯ ใหจัดระเบียบ ในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองคจนมั่นคงดีขึ้น และไดทรงขนานนามหนวยนี้เสียใหมวา กรมทหาร มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค ในป พ.ศ.๒๔๑๔ (ปจจุบันหนวยทหารนี้คือ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็ก รักษาพระองค) หนวยทหารรักษาพระองคไดมีวิวัฒนาการ ต อ มาตามลํ า ดั บ จากต น กํ า เนิ ด ดั ง กล า วมาแล ว ต อ มาจึ ง มี ก ารก อ ตั้ ง หน ว ยทหารรั ก ษาพระองค
มกราคม ๒๕๕๕ ที่ เ ป น หน ว ยรบจากเหล า ต า งๆ เช น ทหารราบ ทหารมา ทหารปนใหญ ฯลฯ สวนใหญอยูในระดับ กองพั น และหน ว ยบั ง คั บ บั ญ ชาของหน ว ยนั้ น ในระดับกรมมักจะตั้งอยูในกรุงเทพมหานคร เพื่อให อยูใกลชิดองค พระมหากษั ต ริ ย รวมทั้ ง สามารถปฏิ บั ติ หนาที่ไดอยางใกลชิดและตอเนื่อง แตก็มีบางหนวย ที่มีที่ตั้งอยูนอกกรุงเทพมหานครเชน กรมทหารราบ ที่ ๒๑ รักษาพระองค ซึ่งมีที่ตั้งอยูที่คายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี เปนตน หนวยทหารรักษาพระองคในประเทศไทย ปจจุบันกองทัพไทยมีหนวยทหารรักษาพระองค ทั้ง สิ้ น ๖๙ หน ว ย (พ.ศ.๒๕๕๐) สว นใหญ อยู ใ น สังกัดกองทัพบกและเปนเหลาทหารราบ
ข่าวทหารอากาศ ๑๙ • กองพันทหารอากาศโยธิน ๒ กรมทหาร อากาศโยธินรักษาพระองค • กรมทหารตอสูอากาศยานรักษาพระองค • ฝูงบิน ๒๐๑ รักษาพระองค • ฝูงบิน ๖๐๒ รักษาพระองค พิ ธี ถ วายสั ตย ป ฏิ ญ าณตนและสวนสนาม ของทหารรักษาพระองค จั ด ขึ้ น ครั้ ง แรกในรั ช กาลป จ จุ บั น เมื่ อ ป พ.ศ.๒๔๙๖ และเริ่มจัดพิธีนี้อยางตอเนื่องนับตั้งแต พ.ศ.๒๕๐๔ เนื่องในวโรกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว จนถึงปจจุบัน
- กองทัพบก กองทั พ บก มี ห น ว ยทหารรั ก ษาพระองค รวม ๕๙ หนวย - กองทัพเรือ กองทั พ เรื อ มี ห น ว ยทหารรั ก ษาพระองค รวม ๓ หนวย - กองทัพอากาศ กองทัพอากาศ มีหนวยทหารรักษาพระองค รวม ๗ หนวย ดังนี้ • กรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค โรงเรียนนายเรืออากาศ • กรมทหารอากาศโยธินรักษาพระองค • กองพันทหารอากาศโยธิน ๑ กรมทหาร อากาศโยธินรักษาพระองค
แต เ ดิ ม พิ ธี นี้ มิ ไ ด จั ด ขึ้ น เป น ประจํ า ทุ ก ป หากแตจัด เปน ครั้ง คราวตามที่ ก ระทรวงกลาโหม หรือกองทัพบกจะกําหนด ปรากฏมีบันทึกวา พิธีนี้ เริ่มขึ้นครั้งแรกในรัชกาลปจจุบัน ในป พ.ศ.๒๔๙๖ สมัยที่จอมพลแปลก พิบูลสงคราม เปนนายกรัฐมนตรี โดยจั ด ให มี ขึ้ น เนื่ อ งในวั น คล า ยวั น สถาปนา กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค (ร.๑ รอ.) ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน และเพื่อตอบแทน พระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ พระราชทานธงไชยเฉลิมพล
๒๐ ข่าวทหารอากาศ เพื่ อ ใช แ ทนธงไชยเฉลิ ม พลของเดิ ม โดยมี พลเอก กฤษณ สีวะรา ผูบังคับการ ร.๑ รอ.ในขณะนั้น เปนผูบังคับการขบวนสวนสนาม และทหารสังกัด ร.๑ รอ. เปนพลสวนสนาม
หลั ง จากพิ ธี ใ นครั้ ง นั้ น ก็ ไ ด ว า งเว น มาอี ก เปนเวลาหลายป จนถึงสมัยที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต เปนนายกรัฐมนตรี ไดกําหนดใหมีการถวายพระเกียรติ เนื่ อ งในวโรกาสที่ พ ระบาทสมเด็ จ พระเจ า อยู หั ว และสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จ พระราชดําเนินนิวัตพระนคร หลังจากทรงเสร็จสิ้น พระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดําเนินเยือน ประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยไดจัด พิธีสวนสนามของบรรดาทหารบก ทหารเรือ และ ทหารอากาศ เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๔ ซึ่งรัฐบาลประกาศใหเปน "วันพระบารมีปกเกลา ปกกระหมอม" แตทหารทั้งสามเหลาแตงกายดวย เครื่องแบบของแตละเหลาทัพ มิไดแตงเครื่องแบบ เต็มยศ ต อ มาในวั น ที่ ๕ ธั น วาคม ป เ ดี ย วกั น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต มีบัญชาให กองพลที่ ๑
มกราคม ๒๕๕๕ รั ก ษาพระองค (พล.๑ รอ.) จั ด พิ ธี ถ วายสั ต ย ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค เนื่ อ งในวโรกาส วั น เฉลิ ม พระชนมพรรษาฯ ขึ้ น เปนครั้ง แรก โดยใชห นว ยทหารรักษาพระองคใน กรุงเทพมหานครเขารวมพิธี จํานวนทั้งหมด ๘ กองพัน จัดเปน ๒ กรมสวนสนาม
นั บ จากนั้ น เป น ต น มา พิ ธี ถ วายสั ต ย ปฏิ ญ าณตนและสวนสนามฯ ที่ จั ด ขึ้ น ในวโรกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ นี้ ก็ไดจัดขึ้นเปนประจํา ทุกป ณ พระลานพระราชวังดุสิต หลังจากนั้น ทรง พระกรุณาโปรดเกลาฯ กําหนดใหวันที่ ๓ ธันวาคม ของทุกป เปนวันพิธีฯ เนื่องจากตองการใหไดทรง พัก ผ อ นพระวรกายในวั น เฉลิ ม พระชนมพรรษาฯ ซึ่งในชวงระหวางนั้น (๔ และ ๖ ธันวาคม) ทรงมี พระราชกรณียกิจหลายประการ อันเกี่ยวเนื่องกับ พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ต อ มา ในป พ.ศ.๒๕๒๕ หน ว ยทหาร รักษาพระองคในสวนภูมิภาคและเหลาทัพอื่นๆ คือ กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศ ไดเขามารวม พิธีดวย จึงกําหนดการจัดหนวยเขารวมพิธีเพิ่มขึ้น จาก ๘ กองพั น เป น ๑๒ กองพัน แบ ง ออกเป น
มกราคม ๒๕๕๕ ๔ กรมสวนสนาม กรมละ ๓ กองพัน แตละกองพัน สวนสนามประกอบดวยพลสวนสนาม ๑๔๔ นาย (จั ด แถวแบบ ๑๒x๑๒) หมู แ ตรเดี่ ย ว ๘ นาย หมูเชิญธงชัยเฉลิมพล ๔ นาย และผูบังคับกองพัน ๑ นาย โดยตั้งแตป พ.ศ.๒๕๓๐ เปนตนมา กองพัน ทหารมาที่ ๑ รักษาพระองค ไดจัดใหกําลังพลขี่มา เขารวมพิธีดวย จํานวนกองพันที่เขารวมพิธี จึงเพิ่ม เปน ๑๒+๑ กองพัน โดยกองพันทหารมาดังกลาว จะเปนกองพันสุดทายในขบวนสวนสนาม
ข่าวทหารอากาศ ๒๑ ทหารมาที่ ๑ รักษาพระองค ไดจัดใหกําลังพลขี่มา เขารวมพิธีดวย จํานวนกองพันที่เขารวมพิธี จึงเพิ่ม เปน ๑๒+๑ กองพัน โดยกองพันทหารมาดังกลาว จะเปนกองพันสุดทายในขบวนสวนสนาม
คําถวายสัตยปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค ขอเดชะ ฝาละอองธุลีพระบาท ปกเกลาปกกระหมอม • ขาพระพุทธเจา (ยศ-ชื่อ-นามสกุล) ขอถวายคําสัตยปฏิญาณ ตอใตฝาละอองธุลีพระบาทวา • ขาพระพุทธเจา จะยอมตายเพื่อรักษาไว ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ แหงพระมหากษัตริยเจา • ขาพระพุทธเจา จะจงรักภักดี และถวายความปลอดภัย ตอใตฝาละอองธุลีพระบาท จนชีวิต หาไม • ขาพระพุทธเจา จะเชิดชูและรักษาไว ซึ่งเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ ของทหารรักษาพระองค ทั้งจะปฏิบัติตน ใหเปนที่ไววางพระราชหฤทัย ของใตฝาละอองธุลีพระบาททุกประการ ดวยเกลาดวยกระหมอมขอเดชะ พิธีถวายสัตยปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค เปนกิจกรรมหนึ่งที่ เกิดขึ้นในชวงวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ที่ทหารรักษาพระองคทุกนาย พรอมใจกันปฏิบัติ ซึ่งทหารรักษาพระองคทุกนาย ที่มีสวนรวม จะไมมีวันลืมเวลานาทีทียิ่งใหญ อันถือเปน ความภาคภูมิใจและเปนเกียรติแกตนครั้งหนึ่งในชีวิตทีเดียว""
๒๒ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
เครื่องแบบเต็มยศรักษาพระองค ของหนวยทหารรักษาพระองคตางๆ ของกองทัพอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๒๓
พ.อ.อ.รัชต รัตนวิจารณ (ตอจากฉบับที่แลว) Â กําเนิดการบินในสยาม ความจริงแลว ความคิดดานการบินอยูบนฟา ของไทย มีมาตั้งแต สมัยรัชกาลของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๕ คือกอนที่ พี่นองตระกูลไรทจะทําการบินสํ าเร็จเสียอีก โดย เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๔๒ ประเทศสยาม เปน ๑ ใน ๓๒ ชาติ ที่ลงนามในปฏิญญาบัลลูน ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอรแลนด ผูแทนผูมีอํานาจเต็ม ของรั ฐ ซึ่ ง เข า ร ว มการประชุ ม สั น ติ ภ าพระหว า ง ประเทศ ณ กรุงเฮก ๓๒ ชาติ ที่ไดรับมอบอํานาจ โดยถู ก ต อ งเพื่ อ การนั้ น จากรั ฐ บาลของตน ซึ่ ง ตระหนั ก ถึ ง หลั ก การที่ ปรากฏในปฏิ ญ ญาแห ง กรุงเซนตปเตอร สเบิรก เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน (๑๑ ธันวาคม) พ.ศ.๒๔๑๑ เกี่ยวกับเรื่องการหาม การยิ ง ขี ป นาวุ ธ และวั ต ถุ ระเบิ ด จากบั ล ลู น และ วิธีการใหมอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกันเปนเวลาหาป จากนั้ น การบิ น ครั้ ง แรกของโลกกํ า เนิ ด ขึ้ น
เมื่ อ วั น ที่ ๑๗ ธั น วาคม ๒๔๔๖ โดยสองพี่ น อ ง ตระกูลไรท (Wilbur & Orville Wright) สรางเครื่องบิน ชื่อ “ฟลายเออร (Flyer)” และทําการบินเปนครั้งแรก เปนผลสําเร็จ ที่เมืองคิตตี้ฮอวค รัฐนอรธคาโรไลนา สหรั ฐ อเมริ ก า โดยบิ น อยู ใ นอากาศได น านถึ ง ๑๒ วินาที เปนระยะทาง ๑๒๐ ฟุต ที่ระยะสูงประมาณ ๒๐ ฟุต ดังเปนที่ทราบกันอยูแลว ครั้ น วั น ที่ ๒๓ ตุ ล าคม พ.ศ.๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณฯ พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จ สวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงเสด็จ ขึ้ น ครองราชย ส มบั ติ เป น พระมหากษั ต ริ ย รัชกาลที่ ๖ แหงพระบรมราชจักรีวงศ กําเนิด การบินในภูมิภาคนี้ ไดเกิดขึ้นเมื่อพฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๓ เมื่อนาย Charles van den born (ชาร ล ว็ อ ง แด็ ง บอร น ) นั ก บิ น ชาวเบลเยี่ ย ม นําเครื่องบินปกสองชั้นแบบ Henri Farman IV (อ็องรี ฟารม็อง ๔) ชื่อ “Wanda” ทําการแสดงการบิน เปนครั้งแรกที่ไซงอน อินโดจีน
๒๔ ข่าวทหารอากาศ
ในปเดียวกันนั้น คือวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๓ (อยาเพิ่งงงและสับสนบนผูเขีย น ในสมัยนั้นเรายังนับใหวันที่ ๑ เมษายน เปน วั น ขึ้ น ป ใ หม ในต า งประเทศ อาจจะเอา วั น เ ดื อ น ป ก ลั บ ม า แ ป ล เ ป น ภ า ษ า ไ ท ย กลายเปน ป ๒๔๕๔ แตความเปนจริงมันคนละป กองทัพอากาศยืนยันวา คือ ป ๒๔๕๓) บริษัท การบินแหงตะวันออกไกล (Societe d’Aviation d’Extreme Orient) โดยนายคารล ออฟเฟอร (Karl Offer) ไดนํ าเครื่องบิน ปกสองชั้นแบบ Henri Farman IV (อ็องรี ฟารม็อง ๔) ชื่อ “Wanda” โดยมี นาย Charles van den born (ชารล ว็อง แด็ง บอรน) ชาวเบลเยี่ ย ม เป น นั ก บิ น (กองทั พ อากาศ และ ราชบัณฑิตยสถานไดตรวจสอบแลว การออกเสียง เรี ย กชื่ อ ที่ ถู ก ต อ งเป น แบบในวงเล็ บ ครั บ ) ได ม า ทํ า การแสดงการบิ น เป น ครั้ ง แรกในประเทศไทย โดยการเก็บเงินคาเขาชมและโฆษณาขายเครื่องบิน
มกราคม ๒๕๕๕
แบบนี้ในสยาม เปนครั้งแรก ใหชาวไทยไดรูจักกับ เครื่องบินที่สนามมาสระปทุม (ราชกรี ฑาสโมสร) โดยในวันแรกของการแสดงการบินในครั้งนี้ผูจัดงาน ตองการใหคนไทยขึ้นเครื่องบินเพื่อเก็บเงินนอกจาก การเสียบัตรเขาชมแลว ซึ่งทางฝายไทย ไดคัดเลือก ให พันตรี หลวงศักดิ์ศัลยาวุธ (สุณี สุวรรณประทีป) เป น คนสามั ญ ชนคนไทยคนแรกขึ้ น บิ น กั บ นั ก บิ น นายนี้ เพื่อแสดงใหเห็นวาปลอดภัยดี หลังจากนั้น จึงมีคนไทยจํานวนมากซื้อบัตรราคา ๕๐ บาท เพื่อ ขึ้น ทํ า การบิ น ด ว ยต อ หลายคน การแสดงการบิ น มี ตั้ ง แต วั น ที่ ๓๑ มกราคม จนถึ ง ๖ กุ ม ภาพั น ธ พ.ศ. ๒๔๕๓ (ประเทศไทยได มี ก ารจั ด การแสดง การบิน ครบรอบ ๑๐๐ ปการบินแหงราชอาณาจักรไทย ไปเมื่อปลายปที่ผานมา ที่ทาอากาศยานดอนเมือง) และเนื่องจากไดรับความสนใจจากประชาชนเปน อยางมาก จึงมีการแสดงการบินเพิ่มเติมอีก ๑ วัน ในวันที่ ๙ กุมภาพันธ ๒๔๕๓
มกราคม ๒๕๕๕
-โดยเหตุการณสําคัญครั้งหนึ่ง เกิดขึ้น เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ พ.ศ.๒๔๕๓ ระหวางที่ มี ก ารแสดงการบิ น ที่ ส นามม า สระปทุ ม ในวั น นี้ นายพลเอก พระเจ า น อ งยาเธอ เจ า ฟ า จั ก รพงษ ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ เสนาธิการ ทหารบก และ นายพลโท พระเจ า น อ งยาเธอ กรมหมื่นกําแพงเพ็ชรอัครโยธิน ผูรั้งจเรทหารชาง ไดเสด็จขึ้นทําการบินกับนักบินเบลเยี่ยมดวย และ เหตุ นี้ จึ ง มี ค วามปรารถนาที่ จ ะให มี เ ครื่ อ งบิ น
ข่าวทหารอากาศ ๒๕
ในประเทศไทยบาง ซึ่งภายหลัง เสนาธิการทหารบก ท า นนี้ ได รั บ การยกย อ งเป น “พระบิ ด าของ กองทัพอากาศ” และ “พระบิดาแหงการบินของ ประเทศไทย” จากนั้นเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ พ.ศ.๒๔๕๓ Charles Van den Born ไดไปเปด ทํ า การแสดงการบิ น ที่ ฮ อ งกง (ในช ว งเวลานี้ ต า งประเทศ นั บ เป น ป ๒๔๕๔) และฮ อ งกงได จัดงานครบ ๑๐๐ ป ไปเรียบรอยแลว มีของที่ระลึก มีการแสดงการบิน พอสมควร
๒๖ ข่าวทหารอากาศ ต น ป พ.ศ.๒๔๕๔ อั น เนื่ อ งมาจาก พระบาทสมเด็ จ พระมงกุ ฎ เกล า เจ า อยู หั ว ซึ่ ง ขึ้ น ครองสิริราชยสมบัติเขาสูปที่ ๒ ในรัชกาลที่ ๖ แหง ราชวงศจักรี ทรงมีพระราชประสงคที่จะทํานุบํารุง กิจการทหารในดานการปองกันประเทศอยางจริงจัง และกวา งขวางยิ่ง ขึ้ น และภายหลั ง จากที่พ ลเอก พระบรมวงศ เ ธอ กรมหลวงนครไชยศรี สุ ร เดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม เสด็จไปยุโรป ไดท รง ทราบขาววาประเทศฝรั่งเศสกําลังปรับปรุงกิจการ การทหารอยางกวางขวางกวาประเทศอื่นๆ เมื่อเสด็จ กลับมาแลวไดทรงปรึกษากับ พลเอกสมเด็จเจาฟา จักรพงษภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ ถึงความจําเปนตองมีเครื่องบินไวใชปองกันประเทศ เหมือนอารยประเทศ ที่เขากําลังเรงดําเนินการอยู ด ว ยเหตุ เ หล า นี้ กระทรวงกลาโหมจึ ง ได ดํ า ริ จ ะ จัดตั้งกิจการบินขึ้นเปนแผนกหนึ่งของกองทัพบก ตั้งแตนั้นมาและไดทําการคัดเลือกผูที่สมัครไปศึกษา วิชาการบิน ณ ประเทศฝรั่งเศส ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๔ กระทรวง กลาโหมออกคํ า สั่ ง ที่ ๒๑๑/๒๑๗๑๕ เพื่ อ ให นายทหารสามนาย ภายหลั ง จากที่ คั ด เลือ กแล ว ไปเขาเรียนโรงเรียนการบินและศึกษาวิชาการบิน และการช า งอากาศในประเทศฝรั่ ง เศส โดยมี นายพลโท กรมหมื่ น กํ า แพงเพ็ ช รอั ค รโยธิ น ผู รั้ ง จเรทหารชาง เปนผูจัดสงนายทหารเพื่อไปศึกษา ประกอบดวย
มกราคม ๒๕๕๕ ๑.นายพั น ตรี หลวงศั ก ดิ์ ศั ล ยาวุ ธ (สุ ณี สุวรรณประทีป) ผูบังคับการกองพันพิเศษ กองพลที่ ๕ ๒.นายรอยเอก หลวงอาวุธสิขิกร (หลง สิน-ศุข) ผูรั้งผูบังคับการกองพันพิเศษ กองพลที่ ๙ ๓.นายรอยโท ทิพย เกตุทัต ผูบังคับกองรอย ที่ ๓ โรงเรียนนายรอยชั้นมัธยม ๒๘ กุมภาพันธ พ.ศ.๒๔๕๔ นายทหาร ทั้งสามออกเดินทางจากประเทศไทยดวยเรือนวนตุง ไปลงเรือ Ernest Simon ที่สิงคโปร พรอมกับ หมอมเจาไตรทศประพันธ (พระวรวงศเธอ กรมหมื่น เทววงศวโรทัย เสนาบดีกระทรวงการตางประเทศ) ซึ่งจะเสด็จออกไปทรงรับตําแหนงอัคราชทูตพิเศษ ประจํากรุงวอชิงตัน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๕๔ นายทหาร ทั้งสามทานเดินทางถึงกรุงปารีส ของฝรั่งเศส โดยมี นายพลโท หม อ มเจ า บวรเดช อั ค ราชทู ต พิ เ ศษ ประจํากรุงปารีส เสด็จมารอรับที่สถานีรถไฟ และจัดการ หาที่พัก พรอมจางครูฝรั่งเศสมาสอนภาษาให ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๔ นายแพทย ฝรั่งเศสตรวจรางกาย ๓ นายทหารไทย ปรากฏวามี ร า งกายแข็ ง แรงสมบู ร ณ พร อ มเข า รั บ การศึ ก ษา วิชาการบิน โดย นายรอยเอกหลวงอาวุธสิขิกร และ นายรอยโททิพย เกตุทัต เขารับการศึกษาในโรงเรียน การบินของบริษัทนิเออปอรต สวนนายพันตรีหลวงศักดิ์ ศัลยาวุธ เขารับการศึกษาในโรงเรียนการบินที่ตําบล วิลลา ดูเบลย (อ่านต่อฉบับหน้า)
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๒๗
ปชส.ยศ.ทอ.
“. . . การที่บุคคลจะพัฒนาได้ก็ด้วยปัจจัยประการเดียวคือการศึกษา การศึกษานั้นแบ่งเป็น สองส่วน คือการศึกษาด้านวิชาการส่วนหนึ่ง กับการอบรมบ่มนิสัย ให้เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ดีใฝ่เจริญ มีปรกติ ละอายชั่วกลัวบาป ส่วนหนึ่ง การพัฒนาบุคคลจะต้องพัฒนาให้ครบถ้วนทั้งสองส่วน เพื่อให้บุคคล ได้มีความรู้ไว้ใช้ประกอบการ และมีความดีไว้เกื้อหนุนการประพฤติปฏิบัติทุกอย่าง ให้เป็นไปในทาง ที่ถูก ที่ควร และอํานวยผลเป็นประโยชน์ที่พึงประสงค์ . . .” (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
นับตั้งแต ๗ ม.ค.๒๔๙๒ เปนตนมาจนถึง ปจจุบัน หัวใจสําคัญของภารกิจ ยศ.ทอ. ตามโครงสราง ทอ.๕๒ คื อ การผลิ ต บุ ค ลากรที่ ก า วเข า มาใน กองทัพอากาศ และขาราชการในกองทัพอากาศให มีความรู ความสามารถเพื่อนําไปประยุกตใชในการ ปฏิบัติงานจริง ตั้งแต ระดับเจาหนาที่ จนถึงระดับ ผูบังคับบัญชา โดยมีสถานศึกษา รร.จอ.ยศ.ทอ., รร.นป.ยศ.ทอ., รร.นม.ยศ.ทอ., รร.คท.ยศ.ทอ., รร.นฝ.ยศ.ทอ., รร.นอส.ยศ.ทอ., รร.สธ.ทอ.ยศ.ทอ. และ วทอ.ยศ.ทอ. เป น หน ว ยงานหลั ก ในการ ดํ า เนิ น การเกี่ ย วกั บ การศึ ก ษาและฝ ก อบรม ใหเปนไปตามที่กองทัพอากาศกําหนด ซึ่งจะตองมี การพั ฒ นาหลั ก สู ต รอย า งต อ เนื่ อ งเพื่ อ ให ไ ด ม า
ซึ่ ง กํ า ลั ง พลที่ สํ า เร็ จ การศึ ก ษาอั น เป ย มไปด ว ย จิตวิญญาณ (Air Mind) ของความเปนผูนํา ควบคู ไปกับคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม แลวผสมผสาน ใหกลมกลืนกัน แลวนําไปเปนสิ่งขับเคลื่อนเพื่อให การปฏิบัติงานใหกับกองทัพอากาศมีประสิทธิภาพ สูงสุ ด ในแตระดับงานที่ แตกตางกัน ไปทั้ง ยุทธวิธี ยุทธการ และยุทธศาสตร ความมุ ง มั่ น ของบุ ค ลากร ยศ.ทอ.จะ ไมหยุดยั้ง แตจะพัฒนาดานการศึกษาตอไป เพื่อ ผลิตกําลังพลใหมีความรูความสามารถ ทัดเทียม กับนานาประเทศ อันนํามาซึ่งบรรลุยุทธศาสตร ทอ. สมกับวิสัยทัศนของ ทอ.ที่ตั้งไว “One of the Best Air Forces in ASEAN”
๒๘ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล จก.ยศ.ทอ.
พล.อ.ต.เผด็จ วงษ์ปิ่นแก้ว รอง จก.ยศ.ทอ.
พล.อ.ต.ยงยุทธ หาบุบผา รอง จก.ยศ.ทอ.
น.อ.ทวี กระออมแก้ว รอง เสธ.ยศ.ทอ.
พล.อ.ต.ฌเณศ ชลิตภิรัติ เสธ.ยศ.ทอ.
น.อ.ประเสริฐ ช่างประเสริฐ รอง เสธ.ยศ.ทอ.
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๒๙
2 ผลงานในรอบปที่ผานมา นอกเหนือจากภารกิจหลักประจําของ ยศ.ทอ. ที่ตองปฏิบัติตามแผนงานประจําปดังที่กลาวมาแลว ขางตน ยศ.ทอ.ยังมีกิจกรรมพิเศษอื่นๆ อีก ดังนี้
พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล จก.ยศ.ทอ. เปนประธานเปด การอบรมหัวหนาหนวยกอนไปดํารงตําแหนง ประจําป ๒๕๕๔ ระหวางวันที่ ๑๗ - ๒๑ ต.ค.๕๔ ณ หองประชุมชั้น ๑ หอสมุด ทอ.ฯ
๑) กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๙ พรรษา เมื่อ ๑๒ ส.ค.๕๔ ยศ.ทอ.ไดจัดทําโครงการเฉลิมพระเกียรติ ๑๒๗๘ ระหวาง ๑ – ๓๑ ส.ค.๕๔ โดยประกอบดวย กิจกรรมถวายราชสดุดี การลงนามถวายพระพร การเผยแพรพระราชกรณียกิจ รวมทั้งกิจกรรมที่เปนการ เทิดพระเกียรติ เชน กิจกรรมปฏิบัติธรรม กิจกรรมสงเสริมศูนยศิลปาชีพบางไทร เปนตน กิจกรรมอื่นๆ ประกอบดวย การปรับปรุงภูมิทัศนและสิ่งแวดลอมของสถานที่ราชการ เชน กิจกรรม รัก ษปา โดยการปลู ก กลวยไม พั ฒ นาพื้น ที่ส วนหยอม และการเพิ่มออกซิเ จนด ว ยกัง หัน น้ําและใส EM คลองระบายน้ํา ยศ.ทอ. เปนตน และเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ๘๔ พรรษา เมื่อ ๕ ธ.ค.๕๔ ยศ.ทอ.ไดดําเนินกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ๙๘๔ อันประกอบดวย ๙ กิจกรรม ดําเนินการระหวาง ม.ค. – ธ.ค ๕๔ ดังนี้คือ กิจกรรมเทิดพระเกียรติ กิจกรรมเผยแพรพระบรมราโชวาทและ พระราชดํารัส กิจกรรมเผยแพรพระราชกรณียกิจ กิจกรรมเทศนมหาชาติ กิจกรรมพัฒนาจิตและพัฒนา ชุมชน กิจกรรมปฏิบัติธรรม กิจกรรมพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน กิจกรรมศูนยการเรียนรูตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง และกิจกรรมทัศนศึกษาตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ
๓๐ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
พล.อ.ต.เผด็จ วงษปนแกว เปนประธานใน พิธีถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว และเปดกิจกรรม Big Cleaning Day เมื่อวันที่ ๖ ธ.ค.๕๔ ณ บริเวณหนาอาคาร บก.ยศ.ทอ.
พิธีเปดสวนเฉลิมพระเกียรติ ๙๘๔
๒) กิจกรรมชวยเหลือผูประสบอุทกภัย เนื่องจากป ๕๔ ประเทศไทยไดประสบอุทกภัยหลายจังหวัด บก.ยศ.ทอ. ไดจัดกิจกรรมชวยเหลือ ผูประสบอุทกภัย โดยการนําชุดอาหารแหงและวัสดุสิ่งของจําเปนตอการดํารงชีพ ไปบริจาคประชาชน ที่ประสบภัยดังกลาว ในวันพุธที่ ๑๒ ต.ค.๕๔ ณ พื้นที่ชุมชน จ.พระนครศรีอยุธยา
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๓๑
พล.อ.ต.คณิต เหลื่อมเจริญ (ตอจากฉบับที่แลว) ทอ.สหรัฐฯ ขยายผลการสืบสวน ในเดือน ม.ค.๕๓ คณะกรรมการนิรภัยการบิน นํา โดย พล.อ.ต.สตี เ วน ฮุ ก ไดทํ า การตรวจสอบ ระบบเครื่องชวยหายใจของเครื่องบินแบบ F-16, F-15E, F-35, A-10 และ T-6 ในเดือน พ.ค.๕๓ รัฐมนตรีทบวงทหารอากาศ สหรั ฐฯ มิ เ ชล ดอนเลย สั่ ง การให ค ณะกรรมการ ที่ปรึกษาดานวิทยาศาสตรของกองทัพทําการศึกษา อย า งเร ง ด ว นเพื่ อ รวบรวมและประเมิ น ข อ มู ล รวมทั้ ง ให คํ า แนะนํ า และหนทางแก ไ ขเกี่ ย วกั บ การใชระบบออกซิเจน ผลการศึ ก ษาระบุ ว า ขณะนี้ ทอ.สหรั ฐ ฯ กําลังตรวจสอบเครื่องบินแบบอื่นๆดวย เชน B-1, B-2, CV-22 และเครื่องบินประเภทอื่นๆ ที่เหมาะสม
การศึ ก ษากระทํ า อย า งรอบคอบในขณะ ทํ า การบิ น เพื่ อ ตรวจสอบระบบย อ ยทั้ ง หลายที่ มี รายงานวาเกิดขอผิดพลาด ซึ่งรวมทั้งระบบปรับความดัน, หนากาก, และระดับออกซิเจนในหองนักบิน ผลการศึกษาระบุวาคณะกรรมการที่ปรึกษา ดานวิทยาศาสตรของกองทัพมีความเห็นสอดคลอง กับการหามทําการบินของฝูงบิน F-22 แหลงขาวแหงหนึ่งกลาววานักบินลองเครื่อง F-22 ณ ฐานทัพอากาศเอ็ดเวอรด รัฐแคลิฟอรเนียร ไดทําการบินขณะที่ยังมีการสืบสวนดานนิรภัยการบิน เกี่ยวกับระบบเครื่องชวยหายใจ ซึ่ง จนท.ทอ.สหรัฐฯ ยื น ยั น ว า นั ก บิ น ลองเครื่ อ งสามารถกระทํ า ได ตามขอยกเวนพิเศษเพื่อทดสอบซอฟแวรที่ปรับปรุง ใหม ซึ่งไมเกี่ยวของกับระบบที่มีปญหา อดีตนักบิน F-22 ผูหนึ่งกลาววา ฝูงบิน F-22 ยังคงถูกสั่งหามทําการบิน โดยที่นักบิน และ จนท.ภาคพื้น
๓๒ ข่าวทหารอากาศ
ตองไปฝกปฏิบัติในเครื่องฝกบินจําลองใหมากที่สุด เทาที่จะทําได แต ก็ยังไมสามารถดํารงความเปน นักบินพรอมรบ คือถาเกิน ๒๑๐ วันไปแลว พวกเขา จะตองเริ่มตนฝกใหมกันทุกคน จนท.สหรัฐฯ ยืนยันวา F-22 จํานวน ๑๒ เครือ่ ง จากฐานทัพอากาศแลงเลห รัฐเวอรจิเนีย ตองจอดนิ่ง อยูที่ฐานทัพอากาศฮิลล รัฐยูทาห นักบิน และ จนท. ภาคพื้ นเหล านั้ นเดิ นทางมาฐานทั พอากาศ ยู ทาห ซึ่ ง อยู ใ นทะเลทราย เพื่ อฝ กการติ ดอาวุ ธจริ ง และ ใชอาวุธจริง ขณะเดี ย วกั น บริ ษั ท ล็ อ กฮี ด ไม ส ามารถ ส ง มอบ F-22 เครื่ อ งใหม ใ ห กั บ ทอ.สหรั ฐ ฯ ได เนื่องจากไมสามารถทําการบินใหไดเที่ยวบินตาม ขอกําหนด F-22 จํานวน ๔ เครื่อง สงมอบใหกับ ทอ.สหรัฐฯ ไดทางเทคนิคแตไมสามารถบินไปสงให ที่ฐานทัพอากาศแลงเลหได และมี F-22 สรางเสร็จ เรียบรอยแลวอยางนอย ๒ เครื่อง แตตองจอดอยูที่ โรงงาน ไมสามารถบินไปสงใหกับ ทอ.สหรัฐฯ ได
มกราคม ๒๕๕๕
สําหรับหนังสือพิมพ ABC News ฉบับ ๖ พ.ค.๕๔ พาดหั ว ข า วว า “เครื่ อ งบิ น รบมู ล ค า ๗๗,๐๐๐ ลา นเหรียญสหรั ฐฯ และไม เคยออกรบ ไดถูกสั่งหามบินโดยไมมีกําหนด” ในเนื้อหาพอสรุป ไดวาผูบัญชาการกองบัญชาการรบทางอากาศสั่งหาม ฝูงบิน F-22 ทําการบินเนื่องจากมีรายงานวาระบบ ออกซิเจนทํางานผิดพลาด อยางไรก็ตามเนื้อหาขาว ระบุ ต อ ไปว า การสั่ ง ห า มบิ น ดั ง กล า วเป น การ เปดโอกาสใหมีก ารสอบสวนหาสาเหตุเ พื่ อ ความ ปลอดภัยของลูกเรือในการปฏิบัติภารกิจ จากขอมูลดังกลาวขางตนแสดงใหเห็นวา แมสหรัฐฯ เปนประเทศผูผลิตเครื่องบิน และอาวุธ ยุทธภัณฑรายใหญอันดับหนึ่งของโลก มีศักยภาพ ทางทหารสู ง สุ ด ไม น อ ยหน า ประเทศใดในโลก ยั ง ต อ งประสบป ญ หาเฉพาะหน า ที่ ร อการแก ไ ข ไมวาแพลทฟอรม, ฮารดแวร, ซอฟแวร หรือคุณภาพ จะดีเ ลิศปานใดก็ ต าม หากผู ปฏิบัติ ง านคื อ “คน” ซึ่ ง เป น ผู ใ ช แต ใ ช แ ล ว ไม ป ลอดภั ย “คุ ณ ค า ”
มกราคม ๒๕๕๕ ย อ มมิ บั งเกิ ด ชี วิ ตของผู ปฏิ บั ติ งานไม ว าจะเป น ผูปฏิบัติงานทั้งในอากาศ ภาคพื้น นักบิน ชางเครื่อง สื่อสาร สรรพาวุธ ฯลฯ ลวนมีความสําคัญเกีย่ วเนือ่ งกัน ธรรม
ข่าวทหารอากาศ ๓๓ ทั้งสิ้น เครื่องบิน F-22 จะแพงสักปานใด… แตชีวิต “คน” ยอมมีคุณคามากกวาและเหนือกวาเสมอ…
แหล่งข้อมูล : ABC News, May 6, 2011, “$77 Billion Fighter Jets That Have Never Seen Combat Now Grounded Indefinitely” Defense News, July 25,2011
๓๔ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
นนอ.หมายเลข ๒๔๐๑ หากติดตามขาวสารการปฏิบัติภารกิจของ นางสาว ยิ่ ง ลั ก ษณ ชิ น วั ต ร นายกรั ฐ มนตรี เมื่ อ วันพฤหัสบดีที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๕๐๐ ณ สโมสรทหารบกวิ ภ าวดี เขตพญาไท กรุ ง เทพฯ ซึ่ ง ท า นไปร ว มรั บ ฟ ง การแถลงยุ ท ธศาสตร ช าติ และยุ ท ธศาสตร ท หาร พ.ศ.๒๕๕๕–๒๕๕๙ ซึ่ ง นักศึกษาหลักสูตรวิทยาลัยปองกันราชอาณาจักร (นศ.วปอ.รุน ๒๕๕๓) จัดขึ้นและไดแถลงผลงาน วิชาการเรื่องยุทธศาสตรชาติ ในขณะที่นักศึกษา วิทยาลัยการทัพบก (นศ.วทบ.) นักศึกษาวิทยาลัย การทัพเรือ (นศ.วทร.) นักศึกษาวิทยาลัยการทัพ อากาศ (นศ.วทอ.) และนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการ ทหาร (นศ.วสท.)ประจํา ป ก ารศึ ก ษา ๒๕๕๔ ได รวมกันแถลงผลงานวิชาการเรื่องยุทธศาสตรทหาร ผูเขียนจึ งอยากเชิญท านผู อานไดมาดูกั นวา นศ. ทั้ ง ๔ สถาบัน ที่ เ ป น นายทหารสั ญญาบั ต รชั้น ยศ พ.อ., น.อ. – พ.อ.พิเศษ, น.อ.พิเศษ รวม ๓๒๐ คน มี มุ ม มองในการกํ า หนดยุ ท ธศาสตร ท หารของ
กองทัพไทยในหวงเวลา ๕ ปขางหนา ไวอยางไรบาง Basil Henry Liddell Hart ชาวอังกฤษ ผูเขียนหนังสือ “The Theory of Strategy” ให ความหมายของยุทธศาสตรทหารไวสั้นๆ แตเหมาะสม กับโลกยุคปจจุบันวาเปน ศิลปะของการจําแนกและ ใช เ ครื่ อ งมื อ ทางทหารเพื่ อ ให บ รรลุ จุ ด มุ ง หมาย ของนโยบาย (The art of distributing and applying military to fulfil the end of policy) เมื่อมองให ลึกลงไป อาจกลาวไดวายุทธศาสตรทหารจะเปน ตั ว กํ า หนดความรั บ ผิ ด ชอบของผู บั ง คั บ บั ญ ชา ทางทหารต อ รั ฐ บาลในการจั ด การกํ า ลั ง ทหาร ภายใต บั ง คั บ บั ญ ชาของตนให ป ฏิ บั ติ ภ ารกิ จ จนบรรลุ วั ต ถุ ป ระสงค ต ามนโยบายอย า งมี ประสิ ท ธิ ภ าพสู ง สุ ด ท า น พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช า ง ร.น. อาจารยวิ ชายุ ท ธศาสตรท หารของ ผูเขียน ใหขอคิดไวหลายอยางอาทิ “แตละกองทัพ ยอมตองมียุทธศาสตรของตัวเองที่อาจไมเหมือน คนอื่น เราจึงไมควรพูดถึงความถูกตองและไมถูกตอง
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๓๕ ในอนาคต ผูเขียนจึงขอนําเสนอผลงานวิชาการเรื่อง ยุ ท ธศาสตร ท หาร ในมุ ม มองของ นศ.ว.การทั พ ตา งๆ และ นศ.วสท. ประจํา ปการศึกษา ๒๕๕๔ ดวยขอมูลที่จัดทําเปนรูปเลมรวม ๙๒ หนา แตใน ที่ นี้ จ ะกล า วโดยสรุ ป อย า งสั้ น ๆ จะพู ด ถึ ง ผลประโยชน แ ห ง ชาติ / วั ต ถุ ป ระสงค ท างทหาร (Ends = เปาหมาย) แนวคิดทางยุทธศาสตร ทหาร (Ways = วิธีการ) ขีดความสามารถและ ทรัพยากร (Means = เครื่องมือ) รวมทั้งการ เสริมสรางกําลังกองทัพเพื่อใหมีขีดความสามารถ ตามที่ตองการ
ในเรื่องของความคิด ยุทธศาสตรเปนการมองไปสู อนาคต ในเมื่อไมมีใครลวงรูถึงอนาคต จะพูดถึง เรื่ อ งความถู ก ต อ งหรื อ ความผิ ด ของยุ ท ธศาสตร คงไมได” ขอยอนกลับไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ ที่ มี ก ารแถลงยุ ท ธศาสตร ท หาร ในหวงเวลา ๕ ปขางหนา คือ พ.ศ.๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ นําเสนอตอนายกรัฐมนตรีและผูบังคับบัญชาชั้นสูง ของทุกเหลาทัพ เนื่องจากมีเวลาจํากัด นศ.ว.การทัพ ต า งๆ และ นศ.วสท.ได นํ า เสนอเฉพาะประเด็ น ที่สําคัญๆ จึงเนนย้ําไปทางดานขีดความสามารถ ทางทหารและโครงสรางกําลังกองทัพไทยที่ควรจะเปน เมื่ อ มี โ อกาสหรื อ มี เ วที เ พื่ อ การเผยแพร ผ ลงาน วิ ช าการของคณะนั ก ศึ ก ษาดั ง กล า วที่ ไ ด ร ว มกั น จัดทําตลอดเวลา ๑๑ เดือน ซึ่งนับวาเปนการบูรณาการ การศึกษาของทุกเหลาทัพอันนําไปสูการปฏิบัติการรวม
ในอนาคต ผู เ ขี ย นจึ ง ขอนํ า เสนอผลงานวิ ช าการ เรื่องยุทธศาสตรทหาร ในมุมมองของ นศ.ว.การทัพ ตา งๆ และ นศ.วสท. ประจํา ปการศึ กษา ๒๕๕๔ ด ว ยข อ มู ล ที่ จั ด ทํ า เป น รู ป เล ม ร ว ม ๙๒ หน า แต ในที่ นี้ จ ะกล า วโดยสรุ ป อย า งสั้ น ๆ จะพู ด ถึ ง ผลประโยชน แ ห ง ชาติ / วั ต ถุ ป ระสงค ท างทหาร (Ends = เปาหมาย) แนวคิดทางยุทธศาสตรทหาร (Ways = วิธีการ) ขีดความสามารถและทรัพยากร (Means = เครื่องมือ) รวมทั้งการเสริมสรางกําลัง กองทัพเพื่อใหมีขีดความสามารถตามที่ตองการ ผลประโยชนของชาติ ผลประโยชน ข องชาติ ที่ จั ด ทํ า โดยคณะ นศ.วปอ.รุน ๒๕๕๓ ไดกลาวถึ งการดํารงสถานะ ของประเทศใหมั่นคงและยั่งยืน ภายใตสถานการณ ความมั่นคงที่มีความซับซอน โดยเฉพาะการเผชิญ
๓๖ ข่าวทหารอากาศ กั บ ป ญ หาเอกภาพภายในชาติ และภั ย คุ ก คาม ในรู ป แบบใหม ได กํ า หนดผลประโยชน แ ห ง ชาติ เป น เป า หมายหลั ก อั น สํ า คั ญ ยิ่ ง ของประชาชน สวนรวมในชาติ ดังนี้ ๑. การมี เ อกราช อธิ ป ไตย ภายใต ก าร ปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย ทรงเปนประมุข ๒. สังคมไทยรมเย็นเปนสุข มีการพัฒนาที่ ยั่งยืน มีความมั่งคั่ง และประชาชนอยูดีกินดี ๓. การมี เ กี ยรติและศั ก ดิ์ศรีใ นสั ง คมโลก และอยูรวมกันกับประเทศเพื่อนบานไดอยางสันติสุข วัตถุประสงคมูลฐานของชาติ ๑. ประเทศไทยเปนราชอาณาจักรอันหนึ่ง อันเดียวกัน แบงแยกมิได ๒. ประเทศไทยมี ค วามมั่ น คง สามารถ ปองกันภัยคุกคามไดทุกรูปแบบ ๓. สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย ดํารงอยูอยางมั่นคง ยั่งยืน ๔. การเมื อ งการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุข มีเสถียรภาพและธรรมาภิบาล ๕. เศรษฐกิจเติบโตอยางมีเสถียรภาพ และ สมดุล ๖. ประชาชนมีอาชีพและรายไดพอเพียง ตอการดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพและมีการกระจาย ผลประโยชนทางเศรษฐกิจอยางทั่วถึงเปนธรรม ๗. สั ง คมไทยมี ค วามสมานฉั น ท รู รั ก สามัคคี และมีความปรองดองของคนภายในชาติ
มกราคม ๒๕๕๕ ๘. สังคมไทยเปนสังคมความรู มีศีลธรรม จริยธรรม ประเพณีอันดีงาม มีเอกลักษณของความ เปนไทย ๙. ประเทศไทยมีความสัมพันธ และความ รว มมื ออยา งกวา งขวางกับประเทศรอบบา นและ มิตรประเทศ ๑๐. ประเทศไทยมีบทบาทอยางสรางสรรค และเปน ที่ย อมรับ จากนานาประเทศ และองคก ร ระหวางประเทศ จากผลประโยชนของชาติดังกลาว นศ.ว. การทั พ ต า งๆ และ นศ.วสท.ได ร ว มกั น กํ า หนด วัตถุประสงคทางทหารหรือเปาหมายที่ประเทศชาติ แสวงหาเพื่อที่จะกาวหนา (Advance) สนับสนุน (Support) หรือปกปอง (Defend) วัตถุประสงคมูลฐาน ของชาติดวยการใชกําลังอํานาจแหงชาติดานการทหาร เปนเครื่องมือ วัตถุประสงคทางทหาร ๑. วัตถุประสงคมูลฐานทางทหาร ๖ ประการ คื อ ป อ งกั น และรั ก ษาเอกราชอธิ ป ไตยจากการ รุกรานดวยกําลัง, ปกปอง เทิดทูน และพิทักษรักษา สถาบันพระมหากษัตริย และ การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเปนประมุข, คุ ม ครองและพิ ทั ก ษ รั ก ษาผลประโยชน แ ห ง ชาติ พัฒนาประเทศและชวยเหลือประชาชน, เสริมสราง และรั ก ษาความมั่ น คงภายในประเทศและตาม แนวชายแดน, เสริมสรางความรวมมือดานความ มั่ น คงกั บ ประเทศเพื่ อ นบ า นและมิ ต รประเทศ รวมทั้งการสนับสนุนภารกิจการรักษาสันติภาพ
มกราคม ๒๕๕๕ ๒. วัตถุประสงคเฉพาะทางทหาร ๗ ประการ คื อ ป อ งกั น ภั ย คุ ก คามทางทหารได ทุ ก รู ป แบบ และทุกระดับของความขัดแยง, ปกปองสถาบัน พระมหากษัตริย มิใหมีการลวงละเมิด, แกไขปญหา การกอความไมสงบใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต ใหไดโดยเร็ว, สนับสนุนการแกไขปญหาของชาติ ในมิติของภัยคุกคามรูปแบบใหมโดยเฉพาะปญหา การหลบหนีเขาเมืองโดยผิดกฎหมายและปญหา ยาเสพติด, คุมครองผลประโยชนของชาติในพื้นที่ ขัดแยงทั้งทางบก ทางทะเลและการใชหวงอากาศ ด ว ยขี ด ความสามารถในการพึ่ ง พาตนเอง และ ปองปรามทางยุทธศาสตร, สรางความสัมพันธที่ดี กับประเทศเพื่อนบาน และใหความสําคัญตอการ เป น หุ น ส ว นความร ว มมื อ กั บ มิ ต รประเทศ และ สนับสนุนการแกปญหาของสหประชาชาติในการ รักษาสันติภาพตามขีดความสามารถ แนวคิดทางยุทธศาสตรทหาร หรือวิธีการ/ แนวทางที่ จ ะนํ า ไปสู เ ป า หมาย มี ยุ ท ธศาสตร ดวยกัน ๔ ประเด็น คือ การเตรียมกําลัง, การใช กําลัง, การปกปองและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย และการสรางความรวมมือดานความมั่นคง ขีดความสามารถทางทหารและโครงสราง กําลังกองทัพไทย ที่ตองการ ควรเปนดังนี้ ๑. กองทั พ อเนกประสงค หมายถึ ง กองทัพที่มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการหลาย บทบาทในหวงเวลาเดียวกัน ในขณะที่ยังสามารถ ปฏิ บั ติ ก ารในบทบาทหลั ก คื อ บทบาทการรบ
ข่าวทหารอากาศ ๓๗ (War-Fighting Role) ไดเต็มขีดความสามารถ และ ตอบสนอง (Response) ตอภัยคุกคามทุกรูปแบบ อยางทันเวลา ๒. การปฏิบัติการรวม เปนการประกันวา ทุกสวนของกองทัพ จะมีสวนรวมในการปฏิบัติการ ในทิศทางเดียวกัน การปฏิบัติการรวมของทั้งสาม เหลาทัพจะเปนปจจัยเสริมศักยภาพการปฏิบัติการ ให เ กิ ด การทวี กํ า ลั ง ภาวะ/ผลที่ เ กิ ด ขึ้ น จากการ รวมกําลังจะชวยชดเชยสวนที่ขาด และเพิ่มศักยภาพ ให กั บ อี ก ส ว นหนึ่ ง ในเวลาเดี ย วกั น แนวทางการ พั ฒ นากองทั พ ต อ งมุ ง ไปสู ก ารที่ ก องบั ญ ชาการ กองทัพไทย และเหลาทัพจะตองปฏิบัติการรวมกัน อยางใกลชิดมากยิ่งขึ้นกวาในอดีต ๓. ความตอเนื่องในการรบ เปนสิ่งจําเปน อยางยิ่ง ซึ่งชี้วัดความสามารถในการสนับสนุนดาน ทรัพยากรและกําลังคนของกองทัพในการปฏิบัติการ ที่มีห ว งเวลายาวนาน สรา งความตอ เนื่อ งในการ สนับสนุนการปฏิบัติการที่มีอยูในปจจุบัน ดวยการ ดํารงขีดความสามารถของกองทัพในการทดแทน การสูญเสีย ตลอดจนสรางขีดความสามารถในดาน การสนับสนุนการรบ อาทิ การแพทย การสื่อสาร ความชํานาญเฉพาะสาขาบางรายการ การสงกําลัง บํารุง สิ่งอุปกรณที่จําเปนตอการปฏิบัติการไดอยาง ตอเนื่องและสามารถปฏิบัติไดจริง ๔. การบูร ณาการ เป นหลักการพื้น ฐาน ของการปฏิ บั ติ ก ารร ว มและความเข ม แข็ ง ของ กองทั พ ซึ่ ง จะสามารถให ผ ลผลิ ต และผลลั พ ธ มากกวาการแลกเปลี่ยนเพียงขอมูลขาวสารเทานั้น การบู ร ณาการนี้ ยั ง หมายรวมถึ ง การปฏิ บั ติ ก าร
๓๘ ข่าวทหารอากาศ รวมกับหนวยงานภาครัฐและมิตรประเทศเมื่อเกิด ภาวะสงคราม ซึ่งรัฐบาลตองมีทิศทางที่ชัดเจน ในการ พัฒนากองทัพใหเปนกองทัพที่มีความสามารถดาน การปฏิบัติงานที่เปนเครือขาย และกองกําลังรวม สําหรับการพัฒนาและปรับปรุงโครงสราง กําลังกองทัพไทย เพื่อใหไดขีดความสามารถทางทหาร ที่ ต อ งการและสามารถตอบสนองต อ ภั ย คุ ก คาม ทุกรูปแบบอยางทันเวลา จําเปนตองพัฒนาปรับปรุง โครงสร า งกํ า ลั ง กองทั พ ไทย ในประเด็ น ที่ สํ า คั ญ ดังนี้
กองทัพไทย จะตองพัฒนาและปรับปรุง ระบบควบคุ ม บั ง คั บ บั ญ ชาและระบบฐานข อ มู ล ในการปฏิบัติงาน ที่สามารถควบคุมและสั่งการตอ การใชทรัพยากรทางทหารใหสามารถตอบสนอง ตอภารกิจดานความมั่นคงในทุกสภาวะ ทั้งภารกิจ หลักของกองทัพ การสนับสนุนภาครัฐในงานดาน ความมั่นคงที่ กองทัพจะตองเกี่ยวของในปจจุบัน และอนาคต รวมถึงการตอบสนองพันธกิจในภาค ประชาชน กองทัพบก จะตองปรับปรุงโครงสรางและ อั ต ราการจั ด ยุ ท โธปกรณ ใ ห มี ค วามทั น สมั ย เหมาะสม และเกื้ อ กู ล ในการประกอบกํ า ลั ง ให สอดคลองกับขีดความสามารถทางทหารที่ตองการ
มกราคม ๒๕๕๕ โดยในปจจุบันโครงสรางหลักของกองทัพบกถือวา มีความเหมาะสม เพียงแตตองมีการปรับโครงสราง
โดยในปจจุบันโครงสรางหลักของกองทัพบกถือวา มีความเหมาะสม เพียงแตตองมีการปรับโครงสราง หน ว ยระดั บ กรม ในลั ก ษณะกํ า ลั ง รบผสมเหล า (Combined Arms) ซึ่งมีความออนตัว และรวดเร็ว ในการปรับเปลี่ยนการประกอบกําลัง (Tailorable Approaches) สําหรับจํานวนหนวยสนับสนุนการรบ จะตองมีการเพิ่มเติมบางสวน ซึ่งไดแก หนวยบิน ใหมีโครงสรางจาก ๑ กองพันบิน เปน ๑ กรมบิน ซึ่งจะ เพิ่มอํานาจใหกับการดําเนินกลยุทธ ความคลองแคลว และรวดเร็วตอกําลังทางบก กองทัพเรือ จะตองเสริมสรางกําลังรบใหมี ขีด ความสามารถที่ ทั น สมัย ทั ดเทีย มกั บกํ า ลัง รบ ของประเทศเพื่อนบาน ทั้งนี้การปฏิบัติการรบผิวน้ํา จะตองสามารถปฏิบัติการไดอยางรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาด เพื่อใหสามารถควบคุมสถานการณใหเกิด ความไดเปรียบ ตลอดจนใชในการลาดตระเวนไกลฝง และการควบคุมทะเลเพื่อดํารงการคมนาคมทาง ทะเลเขา - ออกประเทศใหไดอยางตอเนื่อง เรือดําน้ํา จะเปนอาวุธทางยุทธศาสตรที่ใชในการปองปราม
มกราคม ๒๕๕๕ และการปองกันเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเพิ่ม ขี ด ความสามารถในการปฏิ บั ติ ก ารใต น้ํ า ให กั บ กําลังทางเรือทั้งในฝงทะเลอาวไทย และฝงทะเล อัน ดามั น ในป จจุ บัน กองทั พ เรื อมีกํ า ลัง รบและมี ขีดความสามารถอยูในระดับหนึ่ง จึงจําเปนตองมี การพัฒนาและปรับปรุงยุทโธปกรณที่มีอยูเดิมใหมี ขีดความสามารถที่ตองการ ดังนี้
กําลังทางเรือ - กองเรือดําน้ํา - ๑ กองกํ า ลั ง ทางเรื อ เคลื่ อ นที่ เ ร็ ว (Rapid Deployment Force : RDF) กําลังทางอากาศนาวี - ๑ ฝูงบินโจมตีทางดิ่ง - ๑ ฝู ง บิ น อ า ก า ศ ย า น ไ ร นั ก บิ น (Unmanned Aerial Vehicle : UAV) กําลังทางบก - ๑ กองพั น ยกพลขึ้ น บกนาวิ ก โยธิ น เคลื่อนที่เร็ว - ๑ กองพันตอสูอากาศยานและรักษาฝง เคลื่อนที่เร็วสมรรถนะสูง
ข่าวทหารอากาศ ๓๙ ระบบควบคุ ม และสั่ ง การ (Command and Control) - ๑ ระบบเครื อ ข า ยเป น ศู น ย ก ลาง (Network Centric Warfare Operation : NCWO)
กองทัพอากาศ ภายใตสภาวะแวดลอม ในปจจุบันและในอนาคต ทําใหกองทัพอากาศตอง ปรับเปลี่ยนกําลังทางอากาศใหมีความเปนสากล แตเหมาะสมกับประเทศไทย ที่สําคัญคือ การรบดวย กําลังทางอากาศที่มีขนาดพอเหมาะ การปฏิบัติการบิน ตอเปาหมายทางยุทธศาสตรในระยะไกล เทคโนโลยี กํ า ลั ง ทางอากาศที่ ทั น สมั ย โดยเฉพาะ Digital Technology กับการปฏิบัติการที่ใชเครือขายเปน ศูนยกลาง (Network Centric Operation : NCO) ซึ่งสามารถบูรณาการใชงานรวมกับกําลังรบอื่นๆ ได ทุกมิติ กองทัพอากาศจึงตองเตรียมกําลังทางอากาศ ไวดังนี้ อากาศยาน รวม ๒๑ ฝูงบิน ที่สําคัญ คือ - ๕ ฝู ง บิ น ขั บ ไล อ เนกประสงค และ อากาศยานแบบตางๆ อีก ๑๖ ฝูงบิน อาทิ เครื่องบิน ลําเลียง เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงในอากาศ เฮลิคอปเตอร รับสงบุคคลสําคัญ เครื่องบินฝก และอากาศยาน ไรนักบิน
๔๐ ข่าวทหารอากาศ ระบบบัญชาการและควบคุมพรอมระบบ เชื่อมโยงขอมูลทางยุทธวิธี โดยมี - สถานีเรดาร ณ ที่ตางๆ ๙ สถานี และ แบบเคลื่อนที่อยางนอย ๒ สถานี - เรดาร ควบคุม การยิงในระบบปองกัน ทางอากาศอยางนอย ๖ ชุด กําลังอากาศโยธิน - กําลังอากาศโยธินประจําฐานบินตางๆ - กํ า ลั ง หน ว ยเคลื่ อ นที่ เ ร็ ว และกํ า ลั ง ชุดปฏิบัติการพิเศษ - ระบบบัญชาการและควบคุมการปองกัน ภาคพื้นและการปองกันภัยทางอากาศ - จรวดและป น ใหญ ต อ สู อ ากาศยาน ที่ทันสมัย การจัดทําผลงานวิชาการเรื่อง ยุทธศาสตร ทหาร ในมุ ม มองของ นศ.ว.การทั พ ต า งๆ และ ธรรมชาติ
มกราคม ๒๕๕๕ นศ.วสท. ประจําปการศึกษา ๒๕๕๔ นศ.ดังกลาว ได ร ว มแสดงความคิ ด เห็ น อย า งกว า งขวาง และ เป น อิ ส ระ โดยใช ห ลั ก วิ ช าการในการจั ด ทํ า ยุทธศาสตรทหารในแขนงตางๆ อยางหลากหลาย สามารถกํ า หนดเป น แนวทางยุ ท ธศาสตร ท หาร ไดจํานวน ๔ ประเด็น ซึ่งไดแก การเตรียมกําลัง การ ใ ช กํ า ลั ง ก า ร ป ก ป อ ง แ ล ะ เ ทิ ด ทู น ส ถ า บั น พระมหากษัตริย และการสรางความรวมมือดา น ความมั่นคง นอกจากนี้ยังไดกลาวถึงขีดความสามารถ ที่ตองการ รวมทั้งโครงสรางกําลังกองทัพไทยดวย ซึ่งทั้งหมดเปนมุมมองของ นศ.ดังกลาว แนวความคิด อาจจะไมถูกตองทั้งหมดหรือผิดทั้งหมด ไมมีใคร ตอบได ดวยยุทธศาสตรเปนการมองภาพในอนาคต ที่ไมมีใครลวงรูได แตมุมมองดังกลาวมีพื้นฐานจาก เหตุ ผลและหลั กวิ ชาการ จึ งเชื่ อได ว าสามารถนํ า เนื้อหาสาระไปประยุกตใชงานไดอยางแนนอน "
ที่มา : - ผลงานวิชาการเรื่อง ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ.๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ ในมุมมองของ นศ.ว.การทัพต่าง ๆ และ นศ.วสท. ประจําปี การศึกษา ๒๕๕๔ - หนังสือยุทธศาสตร์และการกําหนดกําลังรบ โดย พล.ร.ท.วีรพล วรานนท์ ร.น.(ยศในขณะนั้น ปัจจุบัน ยศ พล.ร.อ.) - บทความเรื่องการพัฒนาโครงสร้างกําลังรบ โดย น.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง ร.น. (ยศในขณะนั้น ปัจจุบัน ยศ พล.ร.อ.)
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๔๑
¾ กองทัพอากาศมาเลเซียจะซื้อเครื่องบินรบแบบ Su-30MKM เพิ่มเติม ¾ แอร์บัส A320 ติดตั้งปลายปีกแบบ Sharklet เตรียมขึ้นบินทดสอบ ¾ อากาศยานไร้นักบินขนาดใหญ่ของอิสราเอลเข้าประจําการ
กองทัพอากาศมาเลเซียจะซื้อเครื่องบินรบแบบ Su-30MKM เพิ่มเติม
กองทัพอากาศมาเลเซีย (RMAF) กําลังมีแผน ซื้ อ เครื่ อ งบิ น รบอเนกประสงค แ บบ Su-30MKM อีก 18 ลําจากรัสเซีย หนังสือพิมพ Izvestia Daily ของรัสเซีย รายงานว า รั ฐ มนตรี ก ลาโหมมาเลเซี ย Ahmad Zahid Hamidi ดูเหมือนวาจะเซ็นสัญญาสําหรับ การซื้อเครื่องบินเพิ่มเติม นอกจากนั้น Hamidi ยังหวังวาจะเจรจา ถึงความเปนไปไดในการปรับปรุงขีดความสามารถ ของฝูงเครื่องบินรบ Su-30MKM ที่มีอยูแลวของ กองทัพอากาศมาเลเซียโดยติดตั้งจรวดนําวิถีใหม รวมทั้งจรวดนําวิถีแบบ Brahmos
รั ส เ ซี ย ไ ด ส ง ม อ บ เ ค รื่ อ ง บิ น ร บ แ บ บ Su-30MKM จํา นวน 18 ลํ า ให กับ มาเลเซี ย ตามส ว นหนึ่ ง ของข อ ตกลงในสั ญ ญามู ล ค า 900 ลานเหรียญสหรัฐ ที่เซ็นกันเมื่อป 2003 Su-30MKM เปนเครื่องบินรบอเนกประสงค ทุกกาลอากาศสําหรับภารกิจขัดขวางทางอากาศ และโจมตี ทิ้ ง ระเบิ ด ภาคพื้ น หลั ง แนวข า ศึ ก โดย พัฒนามาจากเครื่องบินรบแบบ Sukhoi Su-30MKI ปจจุบันกองทัพอากาศมาเลเซียนั้นใชงาน เครื่องบินรบแบบฝูงผสมหลายคาย ประกอบดวย Mig-29N Fulcrum จากรัสเซีย F/A-18D Hornet และ F-5 Tiger จากสหรัฐอเมริกา
๔๒ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
แอร์บส ั A320 ติดตั้งปลายปีกแบบ Sharklet เตรียมขึ้นบินทดสอบ
แ อ ร บั ส ไ ด ติ ด ตั้ ง ป ล า ย ป ก ใ ห ม แ บ บ ‘Sharklet’ ชุดแรกกับเครื่องบินทดสอบแบบแอรบัส A320 หมายเลข MSN 001 ของบริษัทเสร็จเรียบรอย แล ว และเตรี ย มพร อ มสํ า หรั บ การบิ น ทดสอบใน สัปดาหที่จะถึงนี้ ปลายปกแบบ ‘Sharklet’ ที่ไดรับการออกแบบ มาเฉพาะสํ า หรั บ เครื่ อ งบิ น แอร บั ส ตระกู ล A320 โดยเฉพาะ จะสามารถช ว ยลดการเผาไหม ข อง เชื้อเพลิงลงไดถึง 3.5 เปอรเซ็นต ซึ่งก็จะเทากับชวย ลดการปลอยกาซคารบอนไดออกไซด (CO2) ไดถึง 700 ตั น ต อ เครื่ อ งหนึ่ ง ลํ า ปริ ม าณก า ซ CO2 จํ า นวนนี้ ก็ เ ทา กั บ ปริ ม าณกา ซ CO2 ที่ ป ล อ ยโดย รถยนต 200 คันตอป
อุ ป กรณ ป ลายป ก ใหม นี้ มี ค วามสู ง ราว 2.5 เมตร และจะติดตั้งแทนปลายปกแบบ ‘wingtip fence’ เดิม แอรบัสจะเสนอปลายปกแบบ ‘Sharklet’ นี้ เปนอ็อปชั่นสําหรับเครื่องบินที่ผลิตใหม รวมทั้ง ติ ด ตั้ ง เป น อุ ป กรณ ม าตรฐานสํ า หรั บ เครื่ อ งบิ น ตระกูล A320neo ปลายปกแบบ ‘Sharklet’ จะชวยเพิ่มน้ําหนัก บรรทุกและประสิทธิภาพในการวิ่งขึ้นของเครื่องบิน แอรนิวซีแลนดจะเปนสายการบินแรกที่จะไดใชงาน เครื่องบินแอรบัส A320 ที่ติดตั้งปลายปก Sharklet เปนรายแรกในตนปหนานี้
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๔๓
อากาศยานไร้นักบินขนาดใหญ่ของอิสราเอลเข้าประจําการ
ผู ก อ การร า ยออกจากพลเรื อ นที่ ส ภาพการรบใน ทองที่ชุมชน “นี่เปนครั้งแรกในประวัติศาสตรทหาร ที่เรามีนักรบที่สามารถจูโจมเปาหมายทางการทหาร
อากาศยานไรนักบิน Eitan ไดเขาประจําการ แลว โดยไดรับการยอมรับวาเปนอากาศยานไรนักบิน ของกองทัพอากาศที่มีขนาดใหญที่สุดในโลก หลังจาก มีการพัฒนาและวิจัยกวา 8 ป โดยมีการคาดการณ ในชวงหลายเดือนที่ผานมาวาอากาศยาน ไรนักบิน ลํานี้ จะสามารถบินไดไกลถึงประเทศอิหรานและซูดาน อากาศยานไรนักบิน Eitan อีกหลายลํา จะเขา ประจํ า การและเริ่ ม ต น ภารกิจ โจมตีใ นเขต ฉนวนกาซา และประเทศเลบานอน อากาศยานไรนักบิน Eitan มีน้ําหนักกวา 5 ตัน ยาว 14 เมตร และมีปกกวาง 26 เมตร โดยสามารถ บินไดตอเนื่อง 20 ชั่วโมง ที่ความเร็วสูงสุด 143 นอต และมีเพดานบินสูงสุด 41,000 ฟุต Eitan จะปฏิบัติภารกิจทางดานการขาว และได ถูก ขนานนามวา เปน อากาศยานไรนั ก บิ น ที่มีเทคโนโลยีสูงสุดในโลก ณ เวลานี้ อากาศยานไรนักบิน Eitan ยังถูกเรียกวา “heavy UAV” มีขีดความสามารถในการระบุเปาหมาย
ผู ก อ การร า ยออกจากพลเรื อ นที่ ส ภาพการรบใน ทองที่ชุมชน “นี่เปนครั้งแรกในประวัติศาสตรทหาร ที่เรามี นั กรบที่ สามารถจูโจมเปาหมายทางการทหาร ไดโดยที่ไมมีความเสี่ยงดานชีวิตตอนักรบของเรา เลย,” นาวาอากาศโท Ido Frumer ใหสัมภาษณ “ภารกิ จ เหล า นี้ ต อ งการระบบที่ ค อ นข า ง อุดมคติ นั่นเปนสาเหตุหลักที่ทางเราไดมีการอบรม ดานจริยธรรมอยางหนักในชวงการฝก” เรืออากาศโท Dudi ครูการบิน กองทัพอากาศ อิสราเอล ไดกลาวเสริมวา “ผูควบคุม อากาศยาน ไรนักบิน จะตองทําการตัดสินใจระหวางความเปน ความตายจากในสนามรบ และเราตองสอนใหพวกเขา เหลานั้น เรียนรูการตัดสินที่ถูกตองภายใตภาวะที่ กดดั นอย างหนั ก ในขณะที่ เหล านั กบิ นทุ กคนต อ ง เครงครัดตอคุณคาที่ไดรับการปลูกฝงจากกองทัพ อิสราเอล พวกเราก็ยังเนนย้ําความสําคัญในเรื่อง คุณธรรม"
๔๔ ข่าวทหารอากาศ
นภิศ รวบรวม
มกราคม ๒๕๕๕
ขอขอบคุณ : พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ
น้ําท่วมแผ่นดินนั้น เป็นเรื่องปกติของธรรมชาติที่ไม่มีใครจะทัดทานได้ แม้แต่ทัพพม่าข้าศึกในสมัย อยุธยาพอรู้ว่าน้ําหลากมาก็จะต้องถอนทัพกลับเมือง บ้านเรือนส่วนใหญ่ใช้เส้นทางน้ําสัญจร ติดต่อและค้าขาย ในไม่ช้าบ้านเรือนก็หนาแน่นเป็นชุมชนหรือตลาดริมแม่น้ํา เมื่อมีการตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ํากันหนาแน่น การหา วิธีป้องกันน้ําท่วมจึงมีวิธีการขุดบ่อให้น้ําท่วมขัง เมื่อตั้งกรุงเทพฯ เป็นพระนครได้ ๓ ปี ก็เกิดน้ําท่วมใหญ่ จนสนามหลวงมีน้ําท่วมสูง ๔ เมตร ภาพเก่าในปี พ.ศ.๒๔๘๕ นั้น มีน้ําท่วมมากจนลานพระบรมรูปทรงม้า สามารถพายเรือเที่ยวได้ ทุกแห่งที่เป็นที่ลุ่ม น้ําในแม่น้ําจะท่วมตลิ่งแล้วไหลลามไปทั่วบริเวณ นําเศษวัชพืช ไปเป็นปุ๋ยให้เพาะปลูกพืชได้ สิ่งที่สนุกสนานมากก็คือชาวกรุงเทพฯ ได้พากันพายเรือเที่ยวลานพระบรมรูป ทรงม้าหรือถนนรอบสนามหลวง กรณีน้ําท่วมนั้น ผู้ที่อยู่ในที่ลุ่มและริมแม่น้ํามักมีวิธีป้องกันโดยปลูกเรือนแบบไทย คือมีใต้ถุนสูงสําหรับ ให้น้ําหลากไปตามธรรมชาติ เมื่อน้ําลดก็จะพากันปลูกพืชสวนไม่เดือดร้อน ใต้ถุนสูงจึงเป็นลักษณะพิเศษของ เรือนไทย นอกจากมีลานดินหลังน้ําท่วมแล้ว ยังพบว่า มีเรือพายประจําทุกบ้าน นี่คือความพร้อมของคนไทย ที่อาศัยแม่น้ําตั้งบ้านและเพาะปลูก ไม่มีใครชนะน้ําท่วมได้แต่ก็ป้องกันไว้ด้วยความรู้เส้นทางน้ําหลาก.....และ จะไม่มีใครขวางทางน้ํานั้นได้ตลอดไป.....
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๔๕
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์อุทกภัยน้ําท่วมใหญ่ในอดีต เมื่อราวๆ ๖๙ ปีก่อนนั้น สภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง รวมไปถึง “มวลน้ํา” ในอดีตแตกต่างกับปัจจุบัน ที่สําคัญเหตุการณ์น้ําท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้น ในปี พ.ศ.๒๕๕๔ ไม่ใช่ อุทกภัยธรรมดาๆ ที่เคยเกิดขึ้น มาก่ อ นหน้ า นี้ แต่ แ ปรเปลี่ ย นเป็ น “มหาอุ ท กภั ย ” มี ก ารนํ า เสนอเผยแพร่ เ ป็ น ข่ า วใหญ่ โ ตไปทั่ ว โลก บางสํานักข่าวรายงานเหตุการณ์มหาอุทกภัยใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย อาจเปรียบเทียบได้ว่าเป็น “สึนามิ น้ําจืด” เพราะมวลน้ําจํานวนมหาศาล บ้างก็ว่า “กองทัพน้ํา” ค่อยๆ คืบคลานไหลบ่าท่วมบ้านเรือน ประชาชน สถานที่ ร าชการ เรื อ กสวนไร่ น า วั ด วาอาราม โรงงานอุ ต สาหกรรม ถนนหนทาง รวมทั้ ง กองทัพอากาศดอนเมือง ไม่เว้นแม้กระทั่งสนามบิน สร้างความเสียหายแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศไทย
๔๖ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
นวีร “ภาษาไทยนั้น เปนเครื่องมืออยางหนึ่งของชาติ ภาษาทั้งหลายเปนเครื่องมือของมนุษย ชนิดหนึ่ง คือเปนทางสําหรับแสดงความคิดเห็นอยางหนึ่ง เปนสิ่งที่สวยงามอยางหนึ่ง เชน ในทางวรรณคดี เปนตน ฉะนั้น จึงจําเปนตองรักษาเอาไวใหดี...เราโชคดีที่มีภาษาของตนเอง แตโบราณกาล จึงสมควรอยางยิ่งที่จะรักษาไว” พระราชดํารัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไดอยางงดงาม คนหนึ่งในจํานวนนั้นคือ เจาพระยา ธรรมศั ก ดิ์ ม นตรี (สนั่ น เทพหั ส ดิ น ณ อยุ ธ ยา) หรือ ครูเทพ ซึ่งหลายคนจะรูจักมาตั้งแตเปนนักเรียน ชั้นประถมศึกษาแลววาเปนผูแตงเพลงกราวกีฬา ซึ่งเปนเพลงเชียรในการแขงขันกีฬาในเชิงปลุกใจ ให มีค วามฮึก เหิ ม นอกจากนั้ น ทา นยั ง เปน ผูแต ง เพลงชาติ หลั ง จากที่ ไ ด มี ก ารเปลี่ ย นแปลงการ ปกครองเปนระบอบประชาธิปไตย แตที่คิดไมถึงคือ ท า นเป น ผู แ ต ง เพลงคิ ด ถึ ง อั น แสนอ อ นหวาน ซึ้งอารมณ
นาภูมิใจที่เรามีปราชญทางภาษาหลายคน ซึ่งสามารถสื่อสารแสดงความคิดเห็นและใชภาษา
เพลงกราวกี ฬ า เป น เพลงเชี ย ร กี ฬ า เพลงแรกของไทย เริ่มใชในการแขงขันฟุตบอล ซึ่ง ทานเปนคนแรกที่นําเขามาในประเทศไทย เนื้อรอง ตอนหนึ่งมีวา “....กีฬา กีฬา เปนยาวิเศษ ฮาไฮ กี ฬ า กี ฬ า เป น ยาวิ เ ศษ แก ก องกิ เ ลสทํ า คน ให เ ปน คน ผลของการฝ ก ตน เล น กี ฬ าสากล ตะ ลา ลา...” เนื้อรองตอนนี้ ใชภาษางายๆ แตมี
มกราคม ๒๕๕๕ วาโทบายหรือกลวิธีการใชคําที่กินใจ ทําคนใหเปน คน เพราะถาไมเปนคนแลวจะเปนอะไร มีผูเลาวา อาจารยใหญโรงเรียนหนึ่งในยุคนั้น กลาวถึงการ แขงขันกีฬาวาตองรูแพ รูชนะ รูอภัย มิฉะนั้นจะเปน คนที่ ไมเ ปน คน คือเป น สั ตว สัตวซึ่งเอาแต กั ดกัน ใหถึงแกแพถึงชนะและถึงตาย ไมมีกติกาอะไร กีฬา ทํ า ให ค นเป น คน ไม ใ ช สู กั น แบบสั ต ว ใ ห บ าดเจ็ บ (ถาอาจารยใหญทานนั้นเกิดในยุคนี้ ยุคที่นักเรียน นั ก ศึ ก ษาตี กั น บ อ ยๆ จะว า อย า งไรหนอ) ผู ที่ ฟ ง เพลงกราวกีฬาจะมีความรูสึกสนุกสนาน อยากดู หรืออยากรวมแขงขันดวยน้ําใจนักกีฬา ซึ่งถือเปน จริ ย ธรรมอย า งหนึ่ ง นี่ เ ป น เพราะการใช ภ าษา สื่อความคิดอันงดงามของทาน ส ว นเพลงชาติ ข องไทยนั้ น เดิ ม ที เ ดี ย ว เราใชเพลงจอมราชจงเจริญ (ทํานอง God Save the Queen หรือเพลงสรรเสริญพระบารมีของอังกฤษ) ตอมา เปลี่ยนไปใชเพลงทรงพระสุบินหรือบุหลัน ลอยเลื่อน ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา นภาลัย และไดเปลี่ยนไปใชเพลงสรรเสริญพระบารมี พระนิพนธของพระเจาบรมวงศเธอ เจาฟากรมพระยา นุวัติวงศ เปนบทที่ ๓ ครั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง การปกครองเป น ระบอบประชาธิ ป ไตย เมื่ อวั น ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เจาพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ไดแตงเพลงชาติ (ใชทํานองเพลงมหาชัย) เปนบทที่ ๔ ชื่ อ เพลงชาติ ม หาชั ย ใช ร อ งกั น อยู ร ะยะหนึ่ ง จนเปลี่ย นมาใช เพลงชาติ ทํานองเพลงสากลของ พระเจนดุริยางค เนื้อรองของขุนวิจิตรมาตรา เปน บทที่ ๕ และเปลี่ ย นเป น เพลงชาติ เ นื้ อ ร อ งของ ขุ น วิ จิ ต รมาตรา อย า งหนึ่ ง ร ว มกั บ เนื้ อ ร อ งของ
ข่าวทหารอากาศ ๔๗ นายฉันท ขําวิไล อยางหนึ่ง จนกระทั่งป พ.ศ.๒๔๘๒ ประเทศเราเปลี่ ย นชื่ อ จากประเทศสยามเป น ประเทศไทย จึ ง ใช เ พลงชาติเ นื้ อร อ งของ พั น เอก หลวงสารานุ ป ระพั น ธ ซึ่ ง ใช ร อ งมาจนป จ จุ บั น นี้ นับเปนเพลงชาติบทที่ ๗ เนื้ อ ร อ งเพลงชาติ ฉ บั บ ของเจ า พระยา ธรรมศั ก ดิ์ ม นตรี มี ก ารใช คํ า ที่ ป ลุ ก ใจ กระตุ น ให รักชาติ รักสามัคคี และใหเลื่อมใสในรัฐธรรมนู ญ ดังนี้ สยามอยู่คู่ฟ้าอย่าสงสัย เพลงชาติไทยเป็นไทยไปทุกเมื่อ ชาวสยามนําสยามเหมือนนําเรือ ผ่านเกาะแก่งเพราะเพื่อชาติพ้นภัย เราร่วมใจร่วมรักสมัครหนุน วางธรรมนูญสถาปนาพาราใหม่ ยกสยามยิ่งยงธํารงชัย ให้คงไทยตราบสิ้นดินฟ้า จะเห็นไดวา ทานใชถอยคํากระชับ งายๆ ปลุ ก ใจผู อ า นผู ฟ ง โดยแท แต เ พลงคิ ด ถึ ง ที่ จ ะ กลาวถึงตอไปนี้ นาแปลกอัศจรรยยิ่ง เพราะทวงทํานอง การแตงและการใชถอยคําของทานนั้น ออนหวาน และหวานซาบซึ้งใจ ถายทอดอารมณแหงความรัก ความอบอุ น และความคิ ด ถึ ง ของคนคนหนึ่ ง ต อ หญิ ง ผู เ ป น ที่ รั ก โดยที่ ไ ม มี คํ า เหล า นี้ ใ นเพลงเลย เปนการพรรณนารวมจุดความคิดไวอยางลึกซึง้ ตาง กับบุคลิกที่นาเกรงขามของทานโดยแท เพลงนี้ ทาน แตงเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๗ เนื้อเพลงมีดังนี้ จั น ทร ก ระจ า งฟ า นภาประดั บ ด ว ยดาว โลกสวยราวเนรมิ ต ประมวลเมื อ งแมน ลมโชย กลิ่ น มาลากระจายดิ น แดน เรี ย มนี้ แ สนคะนึ ง ถึ ง
๔๘ ข่าวทหารอากาศ นองนวลจันทร งามใดหนอจะพอทัดเทียบเปรียบ นอง เจางามตองตาพี่ไมมีใครเหมือน ถาหากนอง อยู ดว ยจะช ว ยชมเดือน โลกจะเหมื อ นเมือ งแมน แมนแลวนวลเอย. ทานผูอานหลายคนคงจะเห็น ดวยวา..... เออหนอ ภาษาไทยใช คํ า ง า ยๆ ได ค วามกระชั บ จั บ ใจจริ ง ๆ...และถ า ได ฟ ง เพลงนี้ ด ว ยตนเองใน ทํา นองเพลงยิบ ซี แ อร ห รื อ ยิบ ซี่ มู น ของ Sarasate นักประพันธเพลงชาวสเปน จะยิ่งเคลิบเคลิ้มตาม ผูเขียนเคยไดฟงทั้งเพลงที่บันทึกเสียงครั้งแรกตั้งแต เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๔ โดยคุณเฉลา ประสพศาสตร และ ที่บันทึกเสียงครั้งตอมาโดยคุณจินตนา สุขสถิตย รวมทั้ ง ที่ บั น ทึ ก เสี ย งโดยคุ ณ กิ ต ติ คุ ณ เชี ย รสงค ทุกครั้งไพเราะหูมิรูจาง ไมนาเชื่อวา เพลงนี้จะแตง โดยบุ ค คลเดี ย วกั บ ที่ แ ต ง เพลงกราวกี ฬ าและ เพลงชาติมหาชัย – เจาพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ผูมี ทีทานาเกรงขาม เจ า พระยาธรรมศั ก ดิ์ ม นตรี (สนั่ น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เจาของนามแฝงหรือนามปากกา ครูเทพ เขียวหวาน จิงโจ เกิดเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๑๙ ถึ ง แก อ สั ญ กรรมเมื่ อ ๑ กุ ม ภาพั น ธ ๒๔๘๖ (ผู เ ขี ย นจึ ง เลื อ กเขี ย นเรื่ อ งของท า น ในขาวทหารอากาศ ฉบับเดือนมกราคม) เรียนที่ โรงเรี ย นวั ด บพิ ต รพิ มุ ข โรงเรี ย นพระตํ า หนั ก สวนกุ ห ลาบ โรงเรี ย นสุ นั น ทาลั ย และโรงเรี ย น ฝกหัดอาจารย เปนนักเรียนฝกหัดอาจารยรุนแรก สําเร็จเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๗ แลวรับราชการเปนครูอยู ๒ ป จากนั้นไดรับคัดเลือกจากกระทรวงศึกษาธิการ ใหไปศึกษาวิชาครูอยู ณ ประเทศอังกฤษ ๓ ป เมื่อ
มกราคม ๒๕๕๕ กลั บ ประเทศไทยแล ว ก็ ก ลั บ เข า รั บ ราชการใน กระทรวงศึกษาธิการ ในนามนายสนั่น เทพหัสดิน ณ อยุ ธ ยา อี ก ๒๖ ป ต อ มา ก็ ไ ด เ ป น เสนาบดี กระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร (รั ฐ มนตรี ว า การกระทรวง ศึ ก ษาธิ ก าร) และได รั บ พระราชทานบรรดาศั ก ดิ์ เป น เจ า พระยาธรรมศั ก ดิ์ ม นตรี สรรพศึ ก ษา วิ ธี ธุ โ รประการ ในหน า ที่ ร าชการนั บ ว า ท า นเป น คนสําคัญยิ่งในการวางรากฐานการศึกษาของชาติ เป น ผู ร ว มดํ า ริ ใ ห ก อ ตั้ ง มหาวิ ท ยาลั ย แห ง แรก ของประเทศ เปนผูวางรากฐานการศึกษาภาคบังคับ พื้ น ฐานและการอาชี ว ศึ ก ษา เป น กรรมการ ราชบัณฑิตยสภา สมาชิ กสภาผูแทนราษฎร และ เปนประธานสภาผูแทนราษฎรคนแรกของประเทศ ไทย นอกจากนั้นทานยังสนใจด านกีฬา เปนผูนํา กี ฬ าฟุ ต บอลมาเผยแพร และเริ่ ม จั ด การแข ง ขั น ฟุตบอลชิงโลของกระทรวงธรรมการ (ซึ่งเปนที่มา ของเพลงกราวกีฬา โดยครูเทพ) ที่สําคัญ ทานเปน ทั้ ง นั ก ปราชญ นั ก การศึ ก ษา และนั ก ประพั น ธ ผลงานการเขียนจึงมีทั้งดานการศึกษา เศรษฐกิจ การเมื อ ง แนวคิ ด ทางปรั ช ญา ศี ล ธรรมจรรยา ทานใชทั้งนามจริงและนามแฝง ไดแก เขียวหวาน จิงโจ และครูเทพ (หมายถึงความเปนครูผูเปนเทพ หรืออาจจะหมายถึงคําแรกของนามสกุลของทาน) ในดานการประพันธ ทานเขียนทั้งรอยแกว และรอยกรองดวยทัศนะอันกวางขวาง เชน ทัศนะ ในการดําเนินชีวิต ทานคิดวาคนเราควรสนุกกับ งาน ไมควรเบื่อโลก ใหพยายามทําจิตใจใหแจมใส ยอมรับวาโลกนี้มีทั้งสุขและทุกขปนกัน ใหรูสาเหตุ ของทุกขและหาทางดับทุกขนั้น เชน ในโคลงกลอน
มกราคม ๒๕๕๕ ของครูเทพ ซึ่งมีคําประพันธเกือบทุกประเภท อาทิ โคลงฉัน ท กาพย กลอน และรา ย มีก ารกลา วถึ ง ทัศนะเชนนั้น ดังนี้ อนิจจาเมฆคล้าํ ดําแท้ๆ อุตส่าห์แรขอบน้ําเงินเพลิดเพลินได้ อันคนเราถึงเศร้าโศกเพียงไร ก็เบาใจเมื่อเขารู้เท่าทุกข์ พอเล็งเห็นโลกธรรมขําข้อนี้ ค่อยใจดียิ้มออกบอกสนุก สติคือเข้าแหล่งแห่งประมุข แลเห็นสุขและทุกข์เทียมคู่กัน ทุกข์คือร้อน ถอนทุกข์เหลือสุขเย็น ของเห็นๆ ไม่ยากพอบากบั่น เมฆก้อนนี้จึงมีคุณอนันต์ ไม่เช่นนั้นมรณ์ภัยได้พบแล้ว ส ว น ทั ศ น ะ เ กี่ ย ว กั บ สั ง ค ม ท า น มี แนวความคิดวา คนเราตองพึ่งพากันและกัน ยอมรับ ความคิ ด ซึ่ ง กั น และกั น ดั ง เช น ในแบบเรี ย น ธรรมจริยา ภาค ๒ บทที่ ๑ สัมพันธวงศแหงมนุษย ซึ่งขึ้นตนดวยการอางถึงพระนิพนธของหมอมเจา อิศรญาณ ที่วา ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น้ําพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ ปลูกอื่นไยปลูกไมตรีดีกว่าพาล แลวสรุปในตอนทายของเนื้อหาวา “ถาจะมีปญหา วา ทําไมคนตองชวยกันทํา ? ของใคร ใครก็ทําไมได หรือ ตอบวาไมไดเปนอันขาด เราจะปลูกขาวเอง สี แ ละฝ ด ซ อ มเอง ทํ า เครื่ อ งมื อ สํ า หรั บ ใช เ อง เที่ ย วหาผัก ปลาเป น กับข า วเอง บางที เ ราจะตอ ง อดข า วตาย ไม เ ช น นั้ น ก็ ต อ งกิ น อยู อย า งคั บ แค น
ข่าวทหารอากาศ ๔๙ เพราะไมมีเวลาจะทําไดทั่วไป สิ่งของตางๆ ที่เรา ไดมาใชและบริโภค เปนสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ตางๆ กัน ทั่วโลก เราจะไปเที่ ยวหามาแตลํา พังตนเองไมได จํ า เป น ต อ งอาศั ย กั น และส ง ขายกั น เป น ทอดๆ ดั ง กล า วมาแล ว คนเราจึ ง ต อ งเกี่ ย วข อ งกั น เป น ธรรมดา ถ า ไม เ ช น นั้ น ต อ งนุ ง ใบไม ขุ ด โพรงนอน ใตดินและเก็บผลไมกินตามมีตามเกิดอยางคนปา เพราะอะไรๆ ก็ตองทําของตัวเอง และยอมจะไมมี เวลา ไม มี ค วามสามารถทํ า ได ทุ ก อย า งอยู เ อง” ซึ่งถาปฏิบัติเชนนี้ได สังคมก็จะมีแตความสุข ทั ศ นะของเจ า พระยาธรรมศั ก ดิ์ ม นตรี ลวนมีความมุงหมายใหคนอยูในโลกอยางสุขกาย สุขใจ อยา งไรก็ตาม เมื่ออ านผลงานของทานนั้น จะพบวา แมเนื้อหาและภาษาจะงายๆ แตก็แฝงไว ด ว ยศิ ล ปะและท ว งทํ า นองการเขี ย นที่ สู ง ส ง เป น ภาษาเฉพาะตั ว เช น ท า นใช คํ า ว า ล า หลั ง สมั ย (ลาหลัง) จอกกรอก(จน) พราเวลา(ทําใหเสียเวลา มาก) สุดโตง(ซายจัดขวาจัด) นอกจากนั้น ทานยัง นิยมเขียนใหเห็นภาพดวยกลวิธีของภาพพจนแบบ ตางๆ เชน แบบบุคลาธิษฐาน คือ เปรียบสิ่งไมมีชีวิต ใหเปนประหนึ่งมีชีวิต ทําใหเห็นภาพดวยคําพูด เชน ในนิทานเรื่องพี่เสียม มีวา “พอวางงานแกก็ เที่ยวคุยกับคนโนนคนนี้ แกไมคอยคุยกับหนังสือ” หรื อ “ความอยากได ข องแกเองจั บ มื อ ให แ กซื้ อ ” เปนตน แบบอุ ป มา คื อ เปรี ย บเที ย บสิ่ ง หนึ่ ง ว า เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง เชนในจดหมายครูเทพ มีวา “แต ก อ นกั บ เดี๋ ย วนี้ ผิ ด กั น ราวกั บ บรรณาธิ ก าร
๕๐ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕ ผิดกันกับแขกตัดหญา” หรือในโคลงกลอนของครูเทพ ซึ่ง มีวา ฉันชื่นชมนักกีฬาผู้สามารถ เธอองอาจดังพระยาราชสีห์ สุภาพทั้งกิริยาและพาที งามอ่อนโยนอย่างสตรีที่น่ารัก อนึ่ง เมื่ออานงานของทานแลว สังเกตไดวา ทานเปน ผูริเริ่มแนวความคิดในการเขียนรอยกรองสมัยใหม (ซึ่งเดิมนั้น จะเปนการเขียนเกี่ยวกับการชมโฉม ความรัก ศาสนา หรือ การชมธรรมชาติ) เปนการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสังคม ประเทศชาติ และสถานการณของโลก ดังเชนในกาพยฉบัง ๑๖ เรื่องกระดูกสันหลัง ความวา
ข้าแต่สูเจ้าชาวนา ข้าขอบูชา ว่าสูเลิศมนุษย์สุดแสวง เจ้าเป็นหัวแรง รูปร่างกํายําดําแดง กระดูกสันหลังแห่งรัฐเรา เลี้ยงเทศเลี้ยงไทยไม่เบา ด้วยข้าวปลาเอา แลกเปลี่ยนสินค้าควรเมือง ตัวอยางบทประพั นธ ที่กล าวมาแลวนี้ เปนผลงานของเจาพระยาธรรมศัก ดิ์มนตรี ที่ชี้แนะแนว ความคิดและแนวทางดําเนินชีวิตที่ดีงามอยูเสมอ ทานจึงเปนปราชญทางภาษาที่จารึกอยูในใจผูอา น ตลอดกาล
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๕๑
หมอพัตร เมื่อ ๑๑ ปที่แลว ในวันที่ ๑๒ ก.พ.๒๐๐๐ มีขาวที่ยังความเสียใจ แกแฟนนักอานคอมิกสตริป ทั่วโลก คือขาวการเสียชีวิตของ ชารล เอ็ม.ชูลส ผู ส ร า งคอมิ ก สตริ ป “พี นั ท ส ” ที่ มี ผู ติ ด ตามอ า น มากที่สุด ดวยโรคมะเร็งลําไสใหญ อายุได ๗๗ ป เกรก, บุตรชายของชูลสแถลงขาวนี้ จากบาน ที่ ซ านตาโรซา ว า การเสี ย ชี วิ ต ของบิ ด าค อ นข า ง กะทันหันและไมคาดคิด เพราะในสัปดาหสุดทาย เขาก็ยังสบายปกติ เขาเสียชีวิตในบายวันอาทิตย เปน วั น ที่คอมิกสตริ ปพี นัทส ของเขาถูก นํา ลงเป น สตริปสุดทาย เขาเขียนอําลาวงการอยางซาบซึ้ ง สตริ ป วั น อาทิต ย นั้น ใหญ ก ว า ในฉบับ วั น ธรรมดา สตริปสุดทาย เขาเขียนใหเจาสนูปปนั่งพิมพดีดอยู บนหลังคาบานหมา สวนเจาประจําอื่นตางก็แสดง ทาทางที่เปนสัญลักษณของตนๆ เชน ชารลี บราวน
กําลังหงายทองเพราะเตะลูกบอลพลาด ลูซีนั่งคอย ใหคําแนะนําทางจิตวิทยาแกลูกคา ครั้งละ ๑ นิกเกิล (๕ เซนต) สวนไลนัสกอดผาหมแหงความมั่นใจออ ไวแ นน ป อ งกั น ไม ให สนูป ปแย ง ไปได เหลา นี้ ลว น เปนบุคลิกที่แฟนๆ คุนกันมาเปนเวลารวม ๕๐ ป ชู ล ส ต กลงที่ จ ะยุ ติ ก ารวาดสตริ ป พี นั ท ส กอนหนาที่เขาจะเสียชีวิต ๓ สัปดาห เมื่อเขาเปน มะเร็งลําไสใหญและเขารับการผาตัดที่โรงพยาบาล ตอนกลับมาพักฟนที่บานอาการทําทาวาจะดีขนึ้ แต ก็กลับทรุดลงจนสิ้นชีวิต ชูลสกลาววารูสึกเสียใจมาก ที่ ต อ งหยุ ด ทํ า งานที่ ช อบในฉบั บ วั น อาทิ ต ย ด ว ย เพราะเปนคลายการยืนยันวาการเขียนสตริปของเขา สิ้นสุดลงโดยสิ้นเชิง ในการใหสัมภาษณแก NBC’s TODAY SHOW ชูลสกลาววา “ผมไมเคยนึกฝนวาเรื่องแบบนี้
๕๒ ข่าวทหารอากาศ จะเกิ ดขึ้ น แก ผม ผมยั ง คิด อยูต ลอดมาวา คงจะมี อายุเลย ๘๐ ปไดสบายๆ แตอะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได” ชูลสคงคิดไมถึงวาเขาจะสิ้นสุดชีวิตลงหลังจากนั้น เพียงไมกี่วัน ชูลสเกิดที่เซนตปอล มินเนโซตา เมื่อโตขึ้น เขาศึกษาดานศิลปเพราะไปติดใจคําโฆษณาที่วา “ทานอยากวาดรูปไหม?” ตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชูลสเขาเปนทหาร ทําหนาที่เขียนคําพูดใหคอมิกส ของโบสถ เขายังสอนวิชาศิลป และสงการตูนขาย ใหแกหนังสือแมกาซีน The Saturday Evening Post ดวย การ ตู น เรื่ อ งแรกที่ เ ขาเขี ย นขายคื อ เรื่ อ ง Li’l Folk ที่จัดทําสําหรับ St.Paul Pioneer Press ในป ๑๙๔๗ ถึง ป ๑๙๕๐ การตูน ชุดนี้ ถูกขายให สํ า นั ก พิ ม พ จํ า หน า ยและเปลี่ ย นชื่ อ ใหม เ ป น PEANUTS ชูลสยอมรับวาเขาไมสูจะชอบขื่อใหมนี้ เทาไหร แตก็ไมขัดของ ถึงป ๑๙๖๕ ความนิยมของ พี นั ท สเ พิ่ ม ขึ้น อย า งรวดเร็ ว เป น ตอนที่ชู ลสเ ขี ย น ใหสนูปปเกิดจินตนาการเปลี่ยนบานหมาของมัน เปนเครื่องบินขับไลสมัยสงครามโลกครั้ง ที่ ๑ ชื่ อ Sopwith Camel ไลโรมรันกับ Red Baron เสืออากาศ ฝ า ยเยอรมั น เรื่ อ งนี้ ป ระสบความสํ า เร็ จ มากถึ ง ขนาดนักรองคณะ Royal Guardsmen อัดแผนเสียง หนาที่ ๒ ในเพลงชื่อ Snoopy and the Red Baron ออกสูตลาด พีนัทสในรูปของคอมิกสตริป ปรากฏโฉม ครั้ ง แรกเมื่ อ ๒ ต.ค.๑๙๕๐ นั บ แต นั้ น เจ า เด็ ก หั ว กลมชาร ลี บราวน แ ละเพื่ อ นก็ ป รากฏตั ว อยางสม่ําเสมอในหนาคอมิกสของหนังสือพิมพเกิน
มกราคม ๒๕๕๕ ๒,๖๐๐ ฉบั บ มี ผู ติ ด ตามอ า นเพิ่ ม เกิ น หลั ก ล า น ใน ๗๕ ประเทศ เวลาลวงเลยมา ๕๐ ป แก็งกพีนัทส และเพื่ อ นก็ จั ด ได ว า เป น ส ว นหนึ่ ง ของวั ฒ นธรรม อเมริกัน ใหความสําราญที่สุภาพและงาย สะทอน ใหเห็นจุดออนของมนุษยในสายตาของเด็กเล็กๆ
ชาร์ลี บราวน์
พีนัทสยังคงกาวตอไป ถูกนําไปสรางเปน หนังการตูนชื่อ A Charlie Brown Christmas ฮิตมาก จนชนะได รับ รางวั ล แกรมมี อะวอรด , ถูก นํา ออก ฉายบอย ผลิตภัณฑเกี่ยวกับพีนัทสก็ตามออกมา เชนละครเพลงเรื่อง You’re a Good Man, Charlie Brown โปสเตอร, หนังสือการตูน และผลผลิต เกี่ยวเนื่องกับพีนัทสก็มีออกจําหนายอยางกวางขวาง ขายดิบขายดีไปตามกัน เมื่ อ ชู ล ส ป ระกาศเลิ ก เขี ย นพี นั ท ส และ ตั้งปณิธานแนวแนวาเขาคนเดียวเทานั้นที่จะวาด พีนัทสได ทําใหเกิดปฏิกิริยาในวงการคอมิกสตริป ในอเมริกา, United Feature Syndicate ผูจัดจําหนาย ตกลงเซ็นสัญญานําพีนัทสมาลงพิมพใหมเปนเวลา ๒๕ ป โดยเริ่มตั้งแตที่ลงพิมพในป ๑๙๗๔ เปนตนไป
มกราคม ๒๕๕๕ เปนอันวาแมไมมีชูลส แฟนๆ ก็ยังมีพีนัทสดูตอไปอีก ซึ่ง แฟนก็คงไม เ บื่อที่จะไดเ ห็นชารลี บราวน และ พลพรรคของเขาโลดเตนอยูในคอมิกสตริปทุกวัน มอรต วอลกเกอร ผูสรางคอมิก สตริปชุด บีเติ้ล ไบเลย (ที่เคยเขียนเลามาแลว) ไดพูดโทรศัพท กับชูลสขอใหเปลี่ยนใจ แตชูลสยังมีความมุงมั่นอยูวา จะไมใหผูอื่นเขียนพีนัทสตอเด็ดขาด “เราเสียน้ําตา ในการพูดทางโทรศัพท เขาผิดกวาผม ผมวาดคอมิกส โดยมีคติวาตลกวันละเรื่อง แตชูลสขุดลึกลงไปถึง แกนแทในจิตใจของเด็ก รวมทั้งสิ่งที่เราทุกคนเคย รูสึกกันสมัยเด็กดวย” ชูลสประสบความสําเร็จอยางใหญหลวง จากพี นั ท ส กล า วกั น ว า เขามี ท รั พ ย สิ น สะสมถึ ง ๕๕ ลานเหรียญ มีดาราประดับบน Hollywood Walk of Fame เคยไดรับเชิญใหเขาเฝาโปปจอหน ปอล ดวย เขาเคยไดรับ Reuben Award รางวัลที่มีเกียรติ สูงสุดในศิลปดานคอมิกสเมื่อป ๑๙๕๕ และ ๑๙๖๔ ในป ๑๙๗๘ ชูลสไดรับการเสนอชื่อเปน International Cartoonist of the year รางวัลนี้ไดมาจากการ ลงคะแนนเสี ย งของนั ก เขี ย นคอมิ ก ส ๗๐๐ คน ทั่วโลก ในป ๑๙๙๐ เมื่ อ พลพรรคพี นั ท ส มี อ ายุ ในโลกคอมิ ก สตริ ป ครบ ๔๐ ป รั ฐ บาลฝรั่ ง เศส ไดเสนอใหชูลสเปน Commander of Arts and Letters ซึ่งเปนรางวัลสูงสุดที่จะมอบใหผูมีความ เยี่ยมยอดดานศิลป ผู เ ขี ย นเริ่ ม สนใจอ า นคอมิ ก สตริ ป พี นั ท ส เมื่อไปราชการสงครามเกาหลีเมื่อป ๑๙๕๙ เปนสตริป ในหนังสือพิมพรายวัน ไมนิจิชิมบุน อานแลวชอบ
ข่าวทหารอากาศ ๕๓ เพราะมี มุก ง ายๆ แบบที่ เ ด็กๆ ฝรั่งพูดกัน การ ตูน ก็เ ป น ลายเส น งา ยๆ สะอาดตา ผูเ ขี ย นยัง คงอา น สตริ ปพี นัท ส ม าจนทุก วัน นี้ ถึง จะเป นสตริ ปที่เ คย ลงแลว ก็ไมเกี่ยง, สนุกดีครับ
ตัวหลักๆ ในพีนัทสมีราวสิบกวาตัว กอนอื่น ขอเลาถึงความหมายของคําวาพีนัทส ดังนี้ มั ก มี ผู ส งสั ย ว า ทํ า ไมจึ ง ตั้ ง ชื่ อ สตริ ป นี้ ว า พี นั ท ส แต เ ดิ ม ชู ล ส ผู ว าดคอมิ ก ส นี้ ตั้ ง ชื่ อ ว า Li’l Folk ที่แปลวาชาวบานตัวเล็กๆ แตพอนําไปขาย สํานักพิมพเขาก็เปลี่ยนชื่อเปน PEANUTS ซึ่งชูลส ก็ไมคอยชอบ แตเมื่อแลวก็แลวกันไป PEANUTS แปลตรงๆ ตามพจนานุกรมก็คือ ถั่ ว ลิ ส ง เป น คํ า ที่ ช าวชนบทใช เ รี ย กเด็ ก ตั ว เล็ ก ๆ คลา ยกับที่ ช าวอีส านบานเฮาเรี ยกเด็ก วาหํา นอย ถั่วลิสงแตละฝกมักมี ๒ เม็ด (ดูไปก็คลายไอจูเด็ก นี่เปนความคิดของผูเ ขียนนะครับ หากไม ถูก ตอง ขออภัยดวย) นานไปก็ปนเปใชเรียกเด็กหญิงดวย ตัวเอกของเรื่องคือ ชารลี บราวน (Charlie Brown) เด็กชายหัวกลมมีปอยผมบางๆ ที่หนาผาก สวมเสื้ อ ยื ด ลายซิ ก แซก ท า ทางเป น เทิ่ น ยิ้ ม แหย ปากสั่น เปนหัวหนากลุมที่พลพรรคไมคอยยอมรับ
๕๔ ข่าวทหารอากาศ เปนผูจัดการทีมกีฬาเด็กๆ พวกเบสบอล, ฟุตบอล ไมเคยชนะทีมอื่น ชอบเลนวาว ซึ่งก็มักลอยไปติด ต น ไม ห มด เลยเรี ย กต น ไม นั้ น ว า ต น ไม กิ น ว า ว เป น เด็ ก ที่ ทํ า อะไรไม เ คยสํ า เร็ จ ลงท า ยด ว ยการ ถูกหลอก มีนองสาวชื่อแซลลี ที่คอนขางยุง ชอบถาม นั่นถามนี่ที่ชารลี บราวนตอบไมถูก ชารลี บราวน หลงใหลใฝฝนเด็กหญิงผมแดงคนหนึ่ง อยากชวน เธอเตนรําในงานโรงเรียนแตไมเคยสําเร็จ ในพีนัทสมีคําศัพทที่ ใชเสมออยูหลายคํา เปนคําอุทาน เชน “Good Grief” ซึ่งไมทราบวา แปลวาอะไร เปนคําอุทานเวลาผิดหวังแกมตกใจ คลายกับ “เวรกรรม” เวลาโกรธหรือผิดหวังมากๆ จะรอง “AAAARGH!” ยิ่งยาวยิ่งแสดงวาโกรธมาก แบบเดียวกับงิ้วรอง “ว-า-า-า-ก” มีอีกคําหนึ่งเปน คําดาเวลาทําอะไรโงๆ คือ “Blockhead” คงคลาย กั บ ที่ ด า กั น ว า ไอ หั ว ขอน หรื อ ไอ หั ว ทึ บ ชาร ลี บราวน โดนบ อ ย คํ า พวกนี้ ไ ม ใ ช คํ า หยาบ แต ไ ด ความหมายดี
ชื่อชารลี บราวน นี้ ชูลสเอามาจากชื่อเพื่อน ที่ โ รงเรี ย นศิ ล ป ไม ท ราบว า เพื่ อ นคนนั้ น ทราบ หรือเปลา
มกราคม ๒๕๕๕ ชารลี บราวน เลี้ยงหมาตัวหนึ่ง ซึ่งก็บองๆ คลายนายของมัน เปนหมาพันธุ American Beagle ชื่อ สนูปป เปนหมาที่มีจินตนาการผิดหมา ฝนวา เปนนั่นเปนนี่ เชนเปนนักบินขับไลสัมพันธมิตรสมัย สงครามโลกครั้งที่ ๑ ขับเครื่องบินขับไล Sopwith Camel ซึ่งก็คือบานหมาของมันนั่นเอง เขาโรมรัน กับ Red Baron นับบินขับไลเยอรมัน เรื่องนี้แฟนๆ ชอบมาก บางครั้งก็มีจินตนาการวาเปนทนายวาความ สนูปปชอบนอนบนหลังคาบานหมา(แทนที่จะนอน ขางใน) ชอบเลนเบสบอล ชอบแยงผาหมผืนโปรด ของไลนัส ชอบทําอะไรเหมือนเด็กซนๆ และมีเพื่อน เปนนกวูดสต็อกตัวเล็กๆ เปนลูกนอง
สนู ป ป เ ป น หมาในคอมิ ก ส ที่ มี แ ฟนมาก จากการหยั่งเสียงในสหรัฐฯ ปรากฏวาสนูปปมาเปน อั น ดั บ หนึ่ ง นํ า หน า พลู โ ตของวอลต ดิ ส นี ย และ หมาในการตูนอื่นๆ ชูลสตั้งชื่อมันตามหมาที่เคยเลี้ยง สมั ย เด็ ก ที่ ชู ล ส บ อกว า เป น หมาที่ ฉ ลาดที่ สุ ด แต ก็บังคับยากที่สุดดวย
มกราคม ๒๕๕๕ ลู ซี เ ป น คู กั ด สํ า คั ญ ของชาร ลี บราวน ชอบแกลงชารลี บราวนบอยๆ เชนหลอกวาจะจับ ลูกฟุตบอลใหเตะ แตแลวก็ยกหลบจนชารลี บราวน หั ว ขะมํ า เวลาเล น เบสบอล ก็ ข ยั น เข า มาขณะ ชารลี บราวนจะขวางลูก จนเสียสมาธิ บางทีก็แกลง เลนผิดพลาดจนเปนฝายแพ ชารลี บราวนก็หัวฟด หัวเหวี่ยง ลูซีชอบเลนเปนจิตแพทยนั่งใหคําปรึกษา อยูในกระโจม คิดคาปรึกษาครั้งละหนึ่งนิกเกิล ซึ่ง ผูมาขอคําปรึกษาก็ไมแคลวเปนชารลี บราวน ลูซี ชอบเด็กผมทองชื่อชโรเดอร ฝนวาจะไดแตงงาน ดวย แตชโรเดอรเบื่อหนาลูซี เพราะเวลาเลนเปยโน ชอบนั่ ง ตื้ อ จนเล น เป ย โนไม ไ ด สรุ ป ว า ลู ซี เ ป น ตั ว น า รํ า คาญที่ ไ ม มี ใ ครชอบ แม แ ต ไ ลนั ส น อ งชาย ยังไมคอยจะชอบ
ไลนั ส เองก็ เ ป น เด็ ก มี ป ญ หา กอดผ า ห ม ผื น หนึ่ ง ติ ด ตั ว เกื อ บตลอดเวลา เรี ย กว า เป น ผ า แหงความมั่นใจ เจาหมาสนูปปก็ชอบแยงทีเผลอ ไลนัสตองวิ่งไลเอาคืนเปนชุลมุน
ข่าวทหารอากาศ ๕๕ ยังมีตัวประกอบอื่นที่ออกมาเปนครั้งคราว เช น เด็ก หญิ ง มาร ซี ที่ส วมแว น สายตา ชอบเรี ย ก เปปเปอร มินท เพตตี้ เพื่อนที่นั่งขางหนาในหองเรียน โดยใชคําวา “เซอร” พิกเพน เด็กสกปรกผูมาพรอม กั บ ฝุ น กลุ ม ใหญ แฟรงกลิ น เด็ ก ผิ ว ดํ า คนเดี ย ว ในกลุม นอกจากนั้นยังมีที่ปรากฏตัวเปนครั้งคราว มีญาติหมาของสนูปปที่อยูในทะเลทราย วูดสต็อก นกตัวเล็กเพื่อนเลนของสนูปป ตัวละครทั้งหลายนี้ รวมเขาเปนอาณาจักร นอยๆ ของชารลี บราวน ที่แมเปนผูแพที่ยิ่งใหญ แต ก็ ถื อ เป น ความสํ า เร็ จ ที่ ยิ่ ง ใหญ มี ภ าคพิ เ ศษกว า ๕๐ ภาค คอมิ ก สตริ ป พี นั ท ส พิ ม พ อ อกมาแล ว มากกวา ๑,๔๐๐ เรื่อง จําหนายไดเกิน ๓๐๐ ลานฉบับ ทํารายไดกวาหนึ่งพันลานดอลลารทั่วโลก เฉพาะ ญี่ ปุ น ที่ เ ดี ย วยอดจํ า หน า ยในป ๑๙๙๗ สู ง ถึ ง ๕๕๐ ล า นดอลลาร ในเวลาเดี ย วกั น ฮอลล ม าร ก บริษัทผูจัดพิมพบัตรอวยพรก็ขายบัตรพีนัทสไดถึง ๑.๕ ลานชิ้น ตามปกติ ชู ล ส ส ง คอมิ ก สตริ ป ล ว งหน า ๖ สั ป ดาห ตอนเขาเขี ย นอํ า ลาวงการ เขาเพิ่ ง กลับจากการผาตัดโรคมะเร็งลําไสไดไมนาน รูสึก แข็ ง แรงดี ไ ม คิ ด ว า จะจบชี วิ ต ลงอย า งกระทั น หั น เหตุที่เลิกเพราะจิตใจไมปลอดโปรงพอที่จะทํางาน และเขาก็ ตั้ ง ใจแน ว แน ว า จะไม ย อมให ใ ครเขี ย น พีนัทสตอจากเขาเด็ดขาด ผลงานกรอบสุ ด ท า ย สํ า หรั บ ลงในฉบั บ วั น อาทิ ต ย เป น รู ป สนู ป ป นั่ ง พิ ม พ ดี ด อยู บ นบ า น ของมัน มีตัวแสดงอื่นๆ แสดงทาสัญลักษณเฉพาะตน (ดูภาพประกอบ)ชูลสเขียนคําอําลา ดังนี้,
๕๖ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
เพื่อนรัก, ผมเป็นคนโชคดีที่ได้วาดชาร์ลี บราวน์ กับสหายของเขามาร่วม ๕๐ ปี เป็นการบรรลุความ มุ่งหมายของผมในสมัยเด็ก โชคไม่เข้าข้าง, ผมไม่อาจทํางานให้ทันตารางที่กําหนดของคอมิกสตริปได้อีกต่อไป สมาชิก ในครอบครัวผมไม่ปรารถนาให้พีนัทส์ดําเนินต่อโดยผู้อื่น ดังนั้นผมจึงขอประกาศอําลาวงการ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อบรรณาธิการของเรา รวมทั้งการสนับสนุน และความรักอันน่าอัศจรรย์ที่บรรดาแฟนคอมิกสตริปแสดงต่อผม ชาร์ลี บราวน์, สนู้ปปี้, ไลนัส, ลูซี.....ผมจะลืมพวกเขาได้อย่างไร
พิกเพน
ชโรเดอร์
แซลลี
แฟรงกลิน
มาร์ซี
ชาร์ลี บราวน์
วูดสต็อก
เปปเปอร์มินท์ เพตตี้
ไลนัส
สนู้ปปี้
ลูซี
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๕๗
อ.วารุณี
ขอเชิญสมาชิกลับสมอง แล้วส่งคําตอบโดยเขียน ยศ – ชื่อ – สกุล และหมายเลขโทรศัพท์ ไปที่สํานักงานหนังสือข่าวทหารอากาศ ภายใน ๒๐ ก.พ.๕๕ ถ้ามีผู้ตอบถูกจํานวนมาก จะใช้วิธีจับฉลาก รายชื่อ ๓ รางวัล และแจ้งผลการจับฉลากพร้อมเฉลย ในฉบับ เม.ย.๕๕
๕๘ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
 Across
Ä Down
1. I am unhappy to see a boy and a girl walk hand in hand in the public because I am a ………. old guy, not a modern one. 8. She usually has ……... orange after meals. 10. Everything in this store is …...….. sale until next Sunday. 11. The same as No.10 Across 12. Opposite of “short” 14. An abbreviation for “October” 15. Her new maid is more deligent than ……… maid or the former one. 16. If you don’t understand my explaination, please ………. your right hand. 17. A group of people who play a particular sport or game together against other group. 19. Listen ……… me, please 20. I must jog as far ………. I can every day. 22. Needa ………. her living as a dancer. 25. To disappear 27. “He” is subject but “him” is ………… . 28. Hello 29. A ………... is a small lightweight carriage pulled by one horse. 31. …….. means relating to the physical senses. 34. Winning the first prize of Lotto, it gives Kullaya a feeling of great pleasure and excitement or ……… .
1. A series of lessons or lectures on a particular subject. 2. The same as No.10 Across 3. Thai-tour business is terrible now eventhough it is low ………. . 4. His brother is not so smart then his aim is only attending …….. school in order to have a career so soon. 5. The same as No.19 Across 6. The Red Shirts and the Yellow Shirts will calm down when the police ……. or become involved around that area. 7. Gold is an …….. too. 8. The same as No.8 Across 9. Nowadays gasoline is very expensive so we use gas from the nature, that is ….…. (abbreviation) 13. An animal that we often blame someone who is stupid to be looked like it. 18. The doctors warn us to ……... our hands so often to avoid the Flu 2009. 21. Our teacher has just bought the ……… sport car or a bright and reflect light one. 23. Opposite of “wrong” 24. You must …..….. “Good afternoon” when it is after midday. 26. An abbreviation for “Alternating Current” 29. Your ….…. is the anniversary of the date on which you were born.
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๕๙
 Across
Ä Down
38. She prefers …….. to coffee. 39. The same as No.19 Across 40. A prefix added to the beginning of words in order to form words that have the opposite meaning. 42. A lady who doesn’t get married. 44. ……..... are people who have been forced to leave their homes or their countries in any cases, war, political or religious beliefs. 46. First, second, ……… etc. 47. The same as No.20 Across 49. When we ……... young, we used to ride the banana branch horse. 50. Either the Red Shirts ………... the Yellow Shirts must compromise with each other. 51. You should have …….…… own idea, not copy others. 52. Susee is the youngest sister so the ……..…. sisters always take care her all the time. 53. Preecha can not afford to buy a house so he ……….. it.
30. I always make my students …….. the line, means I have to make them behave and do their work. 32. Now I get the dizziness disease so I walk unsteadily or ……….. . 33. A : What would you like your steak? B : Not medium and well done, please. 35. The traffic is often heavy during the ………. hours. 36. Opposite of “outside” 37. A ……… is a man who has a high rank in a nobility, such as an earl. 41. Our kids always …….. or give us the plane tickets for a tour. 43. ……… is a good idea, so let’s go shopping now. 45. A type, a kind 48. We are straving ……..…… we stop at the Convenient Store to get something to eat. 49. Let’s have Sanwitches, shall ……..? 50. The same as No.10 Across
๖๐ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
Patricia สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน ครูภาษาพาทีฉบับนี้แพทขอนําเสนอเรื่อง Facts or Fictions (เรื่องจริง หรือเรื่องที่แต่งขึ้น) ต่อจากฉบับที่แล้วในหัวข้อ “Ten things you probably didn’t know about..the Romans!” (สิบเรื่องที่คุณน่าจะไม่รู้เกี่ยวกับชาวโรมัน) เชิญติดตามเรื่องที่ 6-10 และลองทายดูว่าเรื่องไหนจริง หรือแต่งขึ้นก่อนดูเฉลยในตอนท้ายบทความนะคะ เรื่องที่ 6 “When Roman women got married, the day before the wedding they used to ‘sacrifice’ all their toys on a fire as a sign that their childhood was over.” คําศัพท์และโครงสร้าง z married อ่านว่า แม้หริดด์ to get married แปลว่า แต่งงาน ข้อสังเกต - to marry someone คํากริยา marry แปลว่า แต่งงาน การใช้ที่ถูกต้องคือตามด้วยกรรมเลย ไม่ต้องมีคําบุพบทใดๆ เช่น I married Jane. นอกจากนี้ เราต้องทําให้คําว่า marry เป็นอดีต (คํากริยาช่อง 2) เพราะพิธีการแต่งงานหรือ การสมรสนั้ นเกิดแล้วจบแล้ วในอดี ต โดยอาจตามด้วยคําบอกเวลาด้วยก็ได้เพื่ อบอกว่ าแต่ งกันเมื่อไรเช่น I married Jane 3 years ago. ผมแต่งงานกับเจนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถ้าเป็นอนาคต เช่น ผมตั้งใจว่าจะแต่งงาน กับทอฝัน ปีหน้า จึงใช้ว่า I’m going to marry Torphan next year. (ที่ใช้ to be going to แทน will ก็เพราะว่าเป็นการตัดสินใจวางแผนล่วงหน้าว่าจะทําสิ่งนั้น ๆ ในอนาคต - to get married to someone กลุ่มคํา “get married to someone”มีความหมายเหมือนกับ “to marry someone” ดังนั้น I married Jane จึงมีความหมายเหมือนกับ I got married to Jane. กรณีที่ต้องการบอกว่าแต่งที่ไหนก็ให้ ใส่คําบุพบท in ตามด้วยสถานที่ เช่น I got married to Jane in Bangkok. ผมแต่งงานกับเจนที่กรุงเทพฯ
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๖๑
- to be married married เป็นคําคุณศัพท์ (adjective) สํานวนนี้เป็นการบอกสถานภาพสมรสของบุคคล (marital status) ว่าแต่งงานแล้ว เช่น ในการสัมภาษณ์อาจมีการถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้ถามอาจถามว่า What is your marital status? เวลาตอบให้เลือกตอบตามสถานภาพของเรา ดังนี้ แต่งงานแล้ว I’m married. โสด I’m single. หย่า I’m divorced. หม้าย I’m widowed. (a widow : แม่หม้าย, a widower: พ่อหม้าย) สําหรับกลุ่มคํา to be married หากต้องการบอกว่าแต่งกับใครให้ใส่คําบุพบท to ตามด้วยคนที่เรา แต่งงานด้วย เช่น I’m married to Jane. ผมแต่งงานกับเจน z wedding เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า เวดดิ่ง แปลว่า งานแต่งงาน z sacrifice เป็นคํากริยา (verb ) อ่านว่า แซคคริฟายส์ ใน COBUILD หน้า 1272 ให้คําอธิบาย ไว้ว่า “If you sacrifice something that is valuable or important, you give it up, usually to obtain something else for yourself or for other people.” แปลเป็นไทยว่า “ถ้าเรา sacrifice บางสิ่งบางอย่าง ที่มีค่า (valuable) หรือสําคัญ (important) แปลว่า เราละเลิกสิ่งนั้นเพื่อให้ได้สิ่งอื่นหรือให้ผู้อื่นได้รับสิ่งอื่น ตอบแทน ในภาษาไทยใช้คําว่า สละ พลี z sign เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า ซายน์ แปลว่า เครื่องหมาย หรือสัญญาณ (บอกเหตุอะไรสักอย่าง) z childhood เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า ชายล์ด-หุด แปลว่า ช่วงชีวิตในวัยเด็ก z (be) over เป็นคําคุณศัพท์ (adjective) อ่านว่า โอ๊เหว่อร์ มีความหมายเหมือน finish (v.) ในที่นี้ แปลว่า จบ สรุปความหมาย เมื่อหญิงชาวโรมันแต่งงาน วันก่อนงานแต่งพวกเธอจะต้อง “สละ” ของเล่นทั้งหมดเข้ากองไฟ เพื่อ เป็นเครื่องหมายแสดงว่าชีวิตในวัยเด็กของพวกเธอได้สิ้นสุดลงแล้ว เรื่องที่ 7 Although the Romans used to lie on beds when they were eating (eating sitting up was considered bad manners), they didn’t use to use beds for sleeping. They slept on special carpets on the floor. คําศัพท์และโครงสร้าง z although เป็นคําเชื่อม (conjunction) อ่านว่า ออลโธ แปลว่า ถึงแม้ว่า ข้อสั งเกต ส่ ว นใหญ่เ มื่ อ เราใช้ คํ านี้มั ก จะใช้ผิ ดหลัก ไวยากรณ์ กล่า วคื อ ในโครงสร้ า งภาษาไทยเมื่ อใช้คํ า “ถึงแม้ว่า” มักจะมีคําว่า “แต่” ในประโยคด้วย ซึ่งแตกต่างกับโครงสร้างภาษาอังกฤษที่จะไม่มีคําว่า “แต่” (but) ในประโยค ให้สังเกตจากตัวอย่าง
๖๒ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ตัวอย่าง Although he was very tired, he didn’t go to bed. (ไม่ใช้คําว่า but ทีแ่ ปลว่า “แต่”) ถึงแม้ว่าเขาจะเพลียมากแต่เขาก็ไม่ยอมเข้านอน (ในภาษาไทยมักใช้คาํ ว่า “แต่”) z lie เป็นคํากริยา (verb) อ่านว่า ลาย แปลว่า นอนเหยียดยาว ข้อสังเกต คํากริยา (Verb) แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ 1. กริยาที่ต้องการกรรม (Transitive Verb) ถ้าไม่มีกรรมมารับจะทําให้ประโยคไม่สมบูรณ์ เช่น I know Miss Joy very well. (ผมรู้จักคุณจอยดีมากเลย) The horse kicked the man. (ม้าเตะผู้ชายคนนั้น) 2. กริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Intransitive Verb) ความหมายของประโยคสมบูรณ์ในตัวเอง อาจมีกลุ่มคํา มาต่อท้ายประโยค แต่ไม่ใช่กรรมเพราะเป็นเพียงส่วนเติมเต็มประโยคเท่านั้น เช่น The baby sleeps. (เด็กนอนหลับ) He ran a long distance. (เขาวิ่งได้ไกลมาก) - มีคํากริยาอยู่สามตัวที่มีรูปคล้ายกัน และมักทําให้เกิดความสับสนเมื่อนําไปใช้ เนื่องจากมีความหมาย ต่างกันและไม่ใช่กริยาประเภทเดียวกัน ได้แก่ - lay (วาง : to put something down) : กริยาที่ต้องการกรรม lay (V1) laid (V2) laid (V3) laying เช่น He laid a hand on my arm. (เขาวางมือบนแขนของฉัน) - lie : (นอนอยู่ : to be or put yourself in a flat or horizontal position so that you are not standing or sitting) : กริยาที่ไม่ต้องการกรรม lie (V1) lay (V2) lain (V3) lying เช่น The cat is lying by the fire. (แมวกําลังนอนใกล้เตาผิง) - lie : (โกหก : to say or write something that you know is not true) : กริยาที่ไม่ต้องการ กรรม lie (V1) lied (V2) lied (V3) เช่น Don’t lie to me. (อย่าโกหกฉันนะ) z
consider เป็นคํากริยา (verb) อ่านว่า เคินซิเดอะร์ แปลว่า คิด พิจารณา
z manner z
lying
เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า แมนเหนอะร์ แปลว่า กิริยาท่าทาง มารยาท
carpet เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า ค้าร์พิท แปลว่า พรม
สรุปความหมาย ถึงแม้ชาวโรมันจะนอนบนเตียงขณะกําลังรับประทานอาหาร (นั่งทานอาหารถือว่าเสียมารยาท) แต่ พวกเขาไม่เคยใช้เตียงเวลาเข้านอน พวกเขาจะนอนบนพรมที่ทําขึ้นเป็นพิเศษซึ่งอยู่บนพื้น
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๖๓
เรื่องที่ 8 The Romans used to play an early form of football using a small round stone instead of a ball. ‘Matches’ were played between men from different towns. Because the men only wore sandals on their feet, many players ended up with broken toes. คําศัพท์และโครงสร้าง z instead of เป็นบุพบทวลี (prepositional phrase) อ่านว่า อินสเตด ออฟ แปลว่า “แทน / แทนที่จะ” ดังนั้นในข้อความ “using a small round stone instead of a ball” จึงแปลว่า “ใช้ก้อนหินกลมๆ ขนาดเล็กแทนลูกบอล” z different เป็นคําคุณศัพท์ (adjective) อ่านว่า ดิฟเฟอะเริ่นท์ แปลว่า“ต่าง/ แตกต่าง” ดังนั้น different towns แปลว่า ต่างเมือง z sandals เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า แซนเดิล แปลว่า รองเท้าโปร่งแบบมีสายรัด ในภาษาไทย ใช้คําว่า รองเท้าแตะ z end up เป็นกริยาวลี (phrasal verb หรือ two word verb) แปลว่า ลงเอยค่ะ z toe เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า โท แปลว่า นิ้วเท้า สรุปความหมาย ชาวโรมั น เคยเล่ น ฟุ ต บอลในรู ป แบบยุ ค แรกเริ่ ม โดยใช้ ก้ อ นหิ น ทรงกลมขนาดเล็ ก แทนลู ก บอล “การแข่งขัน” เป็นการปะทะกันระหว่างชายหนุ่มต่างเมือง เนื่องจากพวกเขาสวมแค่รองเท้าแตะ ผู้เล่นหลายคนจึง ลงเอยด้วยนิ้วหักหลังจบการแข่งขัน เรื่องที่ 9 In Roman plays at the theatre, when an actor was going to ‘die’, he used to go behind the curtain and change places with a slave. The slave came out and was then really killed. คําศัพท์และโครงสร้าง z play เป็นคํานาม (noun) แปลว่า ละคร z theatre เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า เธี้ยเทอร์ ในบริบทนี้แปลว่า โรงละคร z actor เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า แอคเทอร์ แปลว่า นักแสดงชาย ถ้าเป็นนักแสดงหญิง เรียกว่า actress อ่านว่า แอคเทรส z be going to = will แปลว่า “จะ” (รูปอดีตกาลใช้ was going to ) z behind เป็นคําบุพบท (preposition) อ่านว่า บิไฮนด์ แปลว่า ข้างหลัง z curtain เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า เค้อร์เทิน แปลว่า ม่าน z change เป็นคํากริยา (verb) แปลว่า “เปลี่ยน” ส่วนคําว่า places เป็นคํานาม (noun) แปลว่า ที่/สถานที่
๖๔ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ดังนั้น “change places” จึงแปลว่า เปลี่ยนที่ แต่ในบริบทนี้ควรจะแปลว่า “เปลี่ยนตัว” สรุปความหมาย ละครของชาวโรมั น ในโรงละครนั้ น เมื่ อ (ถึ ง ฉากที่ ) นั ก แสดงกํ า ลั ง จะตาย เขาจะเข้ า ไปหลั ง ม่ า น เพื่อเปลี่ยนตัวกับทาส ซึ่งทาสที่ถูกเปลี่ยนตัวจะออกมาแสดงและถูกฆ่าตายจริงๆ เรื่องที่ 10 Roman men were famous for being good soldiers. However, the men were also very interested in their appearance, and they used to wear eye make-up and perfume. คําศัพท์และโครงสร้าง z famous เป็นคําคุณศัพท์ (adjective) อ่านว่า เฟ้เมิส แปลว่า มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก z soldier เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า โซลเจอะ แปลว่า ทหาร นักรบ z however เป็นคํากริยาวิเศษณ์ (adverb) อ่านว่า ฮาวเอฟเวอร์ ใช้เพิ่มข้อความที่ขัดแย้งกับประโยคแรก z be interested in ชาว ทอ.ควรจะคุ้นเคยกับวลีนี้นะคะ แปลว่า สนใจ ใช้กับ in ตามด้วยคํานาม หรือ กริยาเติม -ing z appearance เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า เอิบเพี้ยเริ่นส ใน COBUILD หน้า 57 อธิบายไว้ว่า “Someone’s or something’s appearance is the way that they look.” แปลว่า รูปลักษณ์ z perfume เป็นคํานาม (noun) อ่านว่า เพ้อฟยูม แปลว่า น้ําหอม สรุปความหมาย ชายชาวโรมันมีชื่อสียงในฐานะนักรบชั้นยอด แต่พวกเขาก็สนใจรูปลักษณ์ของตนเองและมักจะทาตา และใส่น้ําหอม ผู้เขียนเขียนจบครบห้าเรื่องในตอนที่ 2 แล้ว คุณผู้อ่านทายได้หรือยังว่าเรื่องไหนจริงหรือเรื่องไหน แต่งขึ้น มาดูเฉลยกันเลยค่ะ เรื่องจริงคือเรื่องที่ 6 และเรื่องที่ 9 คุณผู้อ่านเชื่อหรือไม่ (Believe it or not) ไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อเพราะเรื่องที่เฉลยเป็นเรื่องจริง (Facts) ไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้น (Fictions) สุดท้ายก่อนจากขอฝากไว้ว่า “Use it or lose it.” คือเมื่อได้เรียนรู้แล้วต้องนําไปใช้ จะได้ไม่ลืม สวัสดีค่ะ
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๖๕
Runy
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านหนังสือข่าวทหารอากาศทุกท่าน ดิฉันมาพบกับท่านผู้อ่านอีกครั้งนะคะ เป็นบทความที่ต่อเนื่องมาจาก Test Tip 17 เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ฝึกฝนและทบทวนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง แล้วยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้ารับการทดสอบภาษาอังกฤษที่ศูนย์ภาษาฯ ด้วย ท่านผู้อ่าน ลองเริ่มทําแบบทดสอบได้เลยนะคะ ให้ท่านอ่านโจทย์และเลือ กคําตอบที่คิดว่าถูกต้องจากตัวเลือก ๔ ตัวเลือกที่ให้มา 1. John bought a half dozen oranges. How many did he buy? a. 12 b. 18 c. 6 d. 24 2. John’s stepping on a large rock. What’s he doing? a. eating b. flying c. walking d. driving 3. That object feels very soft. What is it made of? a. metal b. wood c. cotton d. silver 4. I want to find out her name. What must I do? a. ask her b. tell her c. teach her d. hurt her 5. That gentleman has a great deal of money. How much money does he have? a. little money b. enough money c. some money d. much money
๖๖ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
เมื่อทําแบบฝึกหัดครบห้าข้อแล้ว เชิญตรวจคําตอบและอ่านคําอธิบายเพิ่มเติมได้เลยค่ะ X. John bought a half dozen oranges. จอห์นซื้อส้มครึ่งโหล How many did he buy? เขาซื้อส้มกี่ลูก a. 12 b. 18 c. 6 d. 24 คําตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ c. 6 dozen แปลว่า หนึ่งโหล หรือ 12 a half dozen แปลว่า ครึ่งโหล หรือ 6 Y. John’s stepping on a large rock. จอห์นกําลังเหยียบหินก้อนใหญ่ What’s he doing? เขากําลังทําอะไร a. eating กําลังกิน b. flying กําลังบิน c. walking กําลังเดิน d. driving กําลังขับรถ คําตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ c. walking กําลังเดิน step เป็นคํากริยา (verb) แปลว่า ก้าว หรือ เหยียบ Z. That object feels very soft. วัตถุชิ้นนั้นนุ่มมาก What is it made of? มันทํามาจากอะไร a. metal โลหะ b. wood ไม้ c. cotton ฝ้าย d. silver โลหะจําพวกแร่เงิน คําตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ c. cotton ฝ้าย [. I want to find out her name. ผมอยากรู้ชื่อของเธอ What must I do? ผมต้องทําอะไร a. ask her ถามเธอ b. tell her บอกเธอ c. teach her สอนเธอ d. hurt her ทําร้ายเธอ คําตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ a. ask her ถามเธอ find out เป็นกริยาวลี (phrasal verb หรือ two-word verb) แปลว่า รู้ หรือ ค้นหาคําตอบ (to learn about something; to discover a fact that was hidden)
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๖๗
\. That gentleman has a great deal of money. สุภาพบุรุษท่านนั้นมีเงินมาก How much money does he have? เขามีเงินเท่าไร a. little money เงินน้อย b. enough money เงินเพียงพอ c. some money เงินจํานวนหนึ่ง d. much money เงินมาก คําตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ d. much money เงินมาก คําอธิบายเพิ่มเติม คํานามแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ คํานามที่นับได้(countable nouns) และคํานามที่นับไม่ได้ (uncountable nouns) คํานามที่นับได้มีรูปเอกพจน์และพหูพจน์ คํานามที่นับไม่ได้ เป็นเอกพจน์เท่านั้น คํานามที่มักพบในข้อสอบ ECL ได้แก่คํานามต่อไปนี้ คํานามที่นับได้ (countable nouns) คํานามที่นับไม่ได้ (uncountable nouns) money เงิน, change เงินทอน dollar (s) เงินดอลลาร์, coin (s) เงินเหรียญ flour แป้ง flower (s) ดอกไม้ homework การบ้าน job (s), mission (s), assignment (s) งาน furniture เฟอร์นิเจอร์ desk (s) โต๊ะ equipment เครื่องมือ appliance (s), tool (s) เครื่องมือ bread ขนมปัง loaf (ves) ก้อน (ขนมปัง) suitcase (s) กระเป๋าเดินทาง, bag (s) กระเป๋า luggage, baggage สัมภาระ (รวมกระเป๋าเดินทาง) hamburger (s) แฮมเบอร์เกอร์ meat เนื้อ, beef เนื้อวัว, pork เนื้อหมู, lamb เนื้อแกะ chicken (s) ไก่ chicken เนื้อไก่ song (s) เพลง music ดนตรี meal (s) มื้ออาหาร food อาหาร vegetable (s) ผัก fruit ผลไม้ time (s) ครั้ง time เวลา ตัวอย่าง : คํานามที่นับได้ (countable nouns) • New cars are very expensive. (รถใหม่ราคาแพงมาก) • My hands are cold. (มือของฉันเย็น) • She gave me a flower. (เธอให้ดอกไม้ฉันหนึ่งดอก) • I ate a hamburger. (ฉันกินแฮมเบอร์เกอร์หนึ่งอัน)
๖๘ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
คํานามที่นับไม่ได้ (uncountable nouns) • Money is important. (เงินสําคัญ) • I am going to buy some bread. (ฉันจะซื้อขนมปัง) • They have got some very nice furniture. (พวกเขามีเฟอร์นิเจอร์ที่สวยมาก) คําบอกจํานวน Expressions of Quantity เราใช้ คํานามนับได้ คํานามนับไม่ได้ ประโยคบอกเล่า ประโยคคําถาม some 9 9 9 any 9 9 9 lots of/ 9 9 9 9 a lot of many 9 9 much 9 9 a few 9 9 9 a little 9 9 9
ประโยคปฏิเสธ 9 9 9 9 9 9
 สรุปการใช้คําบอกจํานวน Expressions of Quantity X. some และ any ใช้กับคํานามนับได้และคํานามนับไม่ได้ 1.1 some ใช้ในประโยคบอกเล่า เช่น I’d like some sugar. (ฉันต้องการน้ําตาลจํานวนหนึ่ง) 1.2 any ใช้ในประโยคคําถามและประโยคปฏิเสธ เช่น Is there any sugar in this coffee? (มีน้ําตาลในกาแฟไหม) Do you have any brothers and sisters? (คุณมีพี่/น้องชายและพี่/น้องสาวไหม) We don’t have any dishwashing liquid. (เราไม่มีน้ํายาล้างจาน) I didn’t buy any apples. (ฉันไม่ได้ซื้อแอ๊ปเปิ้ล) 1.3 some ใช้ในประโยคคําถามที่มีความหมายในเชิงร้องขอหรือเสนอให้ เช่น Can I have some cake? (ขอกินขนมเค้กได้ไหม) Would you like some soda? (คุณต้องการน้ําอัดลมไหม)
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๖๙
Y. much และ many 2.1 much ใช้กับคํานามนับไม่ได้ ในประโยคคําถามและประโยคปฏิเสธ เช่น How much money do we have? (เรามีเงินเท่าไร) There isn’t much milk left. (นมเหลือไม่มาก) 2.2 many ใช้กับคํานามนับได้ ในประโยคคําถามและประโยคปฏิเสธ เช่น How many people were at the party? (มีคนอยู่ที่งานเลี้ยงเท่าไร) I didn’t take many photos on vacation. (ฉันไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมากนักตอนช่วง ลาพักผ่อน) Z. a lot of และ lots of ใช้กับคํานามนับได้และคํานามนับไม่ได้ ในประโยคบอกเล่า คําถาม และปฏิเสธ เช่น There’s a lot of butter. (มีเนยมาก) I have lots of friends. (ฉันมีเพื่อนมาก) Are there lots of tourists in your country? (มีนักท่องเที่ยวจํานวนมากในประเทศ ของคุณใช่ไหม) There isn’t a lot of butter, but there’s enough. (มีเนยไม่มากแต่มีพอ) [. a few และ a little มีความหมายว่า เล็กน้อย 4.1 a few ใช้กับคํานามนับได้ เช่น There are a few eggs left, but not many. (มีไข่เหลืออยู่จํานวนหนึ่งแต่ไม่มาก) 4.2 a little ใช้กับคํานามนับไม่ได้ เช่น Can you give me a little help? (คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม) นอกจากนี้ยังมี a great deal of และ plenty of มีความหมายว่า มาก - a great deal of ใช้กับคํานามนับไม่ได้ เช่น She has a great deal of money. (เธอมีเงินมาก) He spent a great deal of time writing that novel. (เขาใช้เวลามากในการเขียน นวนิยาย) - plenty of ใช้กับคํานามนับได้และคํานามนับไม่ได้ เช่น I’ve plenty of time. (ฉันมีเวลามาก) There are plenty of trees in my garden. (มีต้นไม้ในสวนจํานวนมาก)
๗๐ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
- enough แปลว่า เพียงพอ หรือ มากพอกับความต้องการ ( as many or as much as somebody needs or wants) ใช้กับคํานามนับได้ (countable nouns) และ คํานามนับไม่ได้ (uncountable nouns) ตัวอย่าง : I have enough strength to lift that box. ผมแข็งแรงมากพอที่จะยกลังใบนั้น He has enough problems. เขามีปัญหามากพอแล้ว enough เมื่อใช้กับคําคุณศัพท์ (adjective) จะวางไว้หลังคําคุณศัพท์ ตัวอย่าง : This house isn’t big enough for you. Tell them it is not good enough.
บ้านหลังนี้ใหญ่ไม่พอสําหรับคุณ บอกพวกเขาว่ามันยังไม่ดีพอ
หลังจากที่ได้ลองทําแบบทดสอบ ตรวจคําตอบและอ่านคําอธิบายเพิ่มเติมแล้ว ท่านผู้อ่านคงจะ ได้รับความรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความในคอลัมน์ Test Tip จะเป็นประโยชน์ ต่อข้าราชการกองทัพอากาศ ติดตามคอลัมน์นี้ได้ในฉบับหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
๑. ห า มเป ด สวิ ต ช ไ ฟหรื อ สตาร ต เครื่ อ ง เด็ดขาด และถอดสายแบตเตอรี่ออก ๒. ลากรถยนต อ อกจากน้ํ า ให เ ร็ ว ที่ สุ ด เพราะถาหากทิ้งไวนานจะกอใหเกิดความเสียหาย บริเวณตัวรถเพิ่มขึ้น เมื่อรถจมน้ําทั้งคัน หลายคน เขาใจวาไฟฟาจะลัดวงจร แตในความเปนจริงไฟฟา ยังไมไดลัดวงจรเพราะวาไมมีไฟฟาลงดิน แตความ แอนฟลด เสี ยหายจะเกิ ดขึ้ นหลั งจากที่ ระบบอิ เลคทรอนิ กส ขอขอบคุณ : ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์มติชน ตองจมอยูในน้ํา และจะสงผลกระทบในระยะยาวตอ มอเตอร ไฟฟ า กล องอี ซี ยู ซึ่ งป จจุ บั นใช ระบบกล องรวมที่ ควบคุ มทุ กอย าง ไม ว า จะเป น แอร ไฟส อ งสว า งและ เครื่องยนต หลังจากกูรถขึ้นจากน้ําแลว ขอหามอยางแรกที่สําคัญคือหามติดเครื่องยนตเด็ดขาด จนกวาจะตรวจสอบ จนแนใจวาไมมีน้ําคางในเครื่องยนต เพื่อไมใหเกิดความเสียหายที่รุนแรง รถที่ถูกน้ําทวมตองเปลี่ยนถายของเหลว และกรองต างๆ ออก เพื่ อให แน ใจว าไม มี ฝุ นหรื อดิ นโคลนค างอยู การซ อมบํ ารุ ง รถน้ํ า ท ว มจะต อ งทํ า โดย ชางผูเชี่ยวชาญรถยี่หอนั้นจริงๆ เพราะแทบจะตองประกอบใหมทั้งคันทีเดียว p
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๗๑
มิสกรีน BLONDIE
ภาพ ๑ ภาพ ๒ ภาพ ๓ -
การประชุมจัดเลี้ยงเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะที่รัก เรียบร้อยค่ะที่รัก ที่บ้านล่ะ เรียบร้อยดีหรือคะ? คนที่บ้านก็สบายดีจ้ะ คุณถามทําไมรึ? ก็คณ ุ โทร.หาฉันทุก ๒๐ นาที ว่าเป็นอย่างไรบ้างนะซี เพียงเพราะที่ผมสบายดีนะ มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เหงานะที่รัก!
How are things going?
- ประโยคคําถามใช้ถามความเป็นไป บ่อยครั้งที่เราจะได้ยินประโยคทักทาย How’s it going? ซึ่งก็ถามทุกข์สุขเช่นเดียวกับ How are you? How are you doing? หรือ How goes it? catering (n.) - การจัดเลี้ยงอาหาร (The activity of providing and serving food and drinks at parties, meetings for money) convention (n.) - การประชุมใหญ่อย่างเป็นทางการของผู้มีอาชีพเดียวกันหรือสนใจสิ่งเดียวกัน (a large formal meeting for people of the same profession or Interests) homefront (n.) - ในที่นี้ หมายถึง คนที่อยู่ที่บา้ น ขณะที่คนอื่นออกไปทํางาน you’ve been calling ……….. - เป็นประโยค present perfect continuous tense (have/has + been + Ving) แสดงการกระทําที่เกิดในอดีตและเน้นความ ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เช่น It has been raining for three hours. (ฝนตก ต่อเนื่องมา 3 ชั่วโมงแล้ว)
๗๒ ข่าวทหารอากาศ lonesome (adj.)
มกราคม ๒๕๕๕ - เหงา, ว้าเหว่ ไม่มีความสุขเมื่อต้องอยู่คนเดียว (very unhappy because you are alone) lonely ก็มีความหมายเดียวกัน
BEETLE BAILEY
ภาพ ๑ - คุณเคยคิดว่าจะเป็นนางแบบบ้างมั้ยครับ? - ไม่ค่ะ คุณถามทําไมคะ ? ภาพ ๒ - เพราะว่า ผมมักจะคิดอยู่ตลอดเลย ถึงการเป็นช่างภาพแฟชั่นให้คุณน่ะครับ! Have you ever + V3 ………? - เป็นประโยคคําถามในรูป present perfect tense มักใช้ถามว่า เคยทําสิ่งนั้นสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่ Ex. Have you ever tasted Thai food? (คุณได้เคยชิมอาหารไทยแล้วหรือยัง) ซึ่งเมื่อตอบปฏิเสธ ควรตอบว่า No, I have never tasted Thai food. หรือตอบสั้นๆ ว่า No, never. แต่ถ้าตอบว่าเคย ควรบอกด้วยว่าเมื่อไร เพื่อให้ชัดเจนขึ้น เช่น Yes, I had it once at my friend’s house last year. (ฉันเคยทานแล้วครั้งหนึ่งทีบ่ ้านเพื่อนเมื่อปีที่แล้ว) being (gerund) - เป็นคํานามในรูป V + ing ในที่นี้แปลว่า การเป็น ใช้เป็นกรรมของบุพบท about ถ้าใช้เป็นประธานของประโยคก็ได้ เช่น Swimming is my favorite sport. (การว่ายน้ําเป็นกีฬาโปรดของฉัน) หรือใช้เป็นกรรมของกริยาในประโยค ก็เห็นอยู่บ่อยๆ เช่น John enjoys talking to people. (จอห์นชอบการพูดคุยกับผู้คน) fashion (n.) - ภาษาไทยใช้ทับศัพท์ แต่เมือ่ ออกเสียงภาษาอังกฤษ ต้องให้ถูกต้อง คือ “แฟ้เชิ่น” photographer (n.) - ช่างภาพ ออกเสียงว่า “เฟอท้อเกริ่ฟเฟ่อ” ส่วน photograph (รูปถ่าย) ออกเสียงว่า “โฟ้เถ่อกร่าฟ”
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๗๓
น.อ.จิโรตม มณีรัตน (ตอจากฉบับที่แลว) ¾ ประเทศอัฟกานิสถาน
สําหรับอัฟกานิสถานนั้นสถานการณตางๆ ไมเหมือนกับอิรัก และสถานการณอยางหนึ่งมีผล ตอการปฏิบัติการอื่นๆ ความจริงปจจุบันกองกําลัง NATO ที่รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัย ในอั ฟ กานิ ส ถานไม มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพในการสู ร บ เพื่อจะใหไดรับชัยชนะ เนื่องจากมีกําลังไมเพียงพอ ประธานาธิบ ดี โอบามา คาดหวั ง ที่ จ ะถอนกํา ลั ง ออกจากอิ รั ก เพื่ อ นํ า ไปปฏิ บั ติ ก ารต อ ต า นกั บ กองกําลัง อัลกอรฮิดะห (Al Qaeda) และกลุม ทาลิบัน (Taliban) ในอัฟกานิสถานและปากีสถาน เพื่อให ได รั บ ชั ย ชนะ โดยประกาศยุ ท ธศาสตร ที่ สํ า คั ญ ๕ ประการ คือ
๑. ถอนทหารออกจากอิรัก ๒. นําทหารเขาสูสนามรบในอัฟกานิสถาน ๓. นําทหารเขาสูสนามรบในปากีสถาน ๔. ทําการพัฒนาประสิทธิภาพกําลังรบ ๕. เขารวมเปนหุนสวนกับพันธมิตร
ประธานาธิบดี ฮามิด การไซ
ตามนโยบายนี้ เพื่ อ ต อ งการที่ จ ะทํ า ลาย กลุมกอการรายใหหมดไป รวมถึงอาวุธที่ทําลายลางสูง โดยทําลายเสนทางสนับสนุนกลุมกอการราย และ ฝายยึดถือความรุนแรงเปนการปองกันความปลอดภัย ใหกับกระทรวงปองกันมาตุภูมิสหรัฐฯ ไปในตัวดวย ความสํ าคั ญในการนี้ คื อ การพั ฒนาประสิ ทธิ ภาพ และหุ น ส ว นพั น ธมิ ต ร และถ า เหตุ ก ารณ ใ นอิ รั ก
๗๔ ข่าวทหารอากาศ เป นไปอย างราบรื่ นไม มี อุ ปสรรค กองกํ าลั งทหาร สหรั ฐฯ จะเพี ย งพอในการปฏิ บั ติ ภ ารกิ จ เพื่ อ ให สถานการณในอัฟกานิสถานเปลี่ยนแปลงตอไป ¾ ประเทศปากีสถาน
มกราคม ๒๕๕๕ กอการรายในอัฟกานีสถาน ปธ.โอบามา ไดกลาว อยางชัดเจนวา จะไม ลังเลที่จะสง ทหารเขา ไปใน ปากีสถาน ถาแหลงขาวกรองยืนยันวา บินลาเดน (Osama Bin Laden) ไดหลบซอนตัวอยูในปากีสถาน เพื่ อ ใหป ากี ส ถานเกิด ความมั่ น ใจต อ ความมั่ น คง ในแนวหลั ง ขณะเคลื่ อ นกํ า ลั ง เข า ปฏิ บั ติ ก ารใน แนวหนาบริเวณชายแดนติดกับอัฟกานิสถาน ¾ ประเทศเกาหลีเหนือ
ประธานาธิบดี อาซิฟ อาลี ซารดารี่
ในป ๒๕๕๑ ปธ.โอบามา ใหคํามั่นสัญญา วาจะสงทหารของสหรัฐฯ เขาไปในปากีสถาน เพื่อ ช ว ยปากี ส ถานในการดํ า เนิ น การป ด ค า ยฝ ก ของ กองกําลัง Al Qaeda และ Taliban เพื่อขับไลกลุม นั ก รบต า งชาติ อ อกจากปากี ส ถาน และป อ งกั น ไมใหกลุมกอการรายขามแดนจากปากีสถานเขาไป
นาย คิม จอง-อิล ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือเปนชาติที่มีปญหามาก และได สร า งป ญ หาให กั บ โลกมามากกว า ทศวรรษ และ เกาหลีเหนือมีขีดความสามารถที่จะคุกคามเกาหลีใต
มกราคม ๒๕๕๕ โดยการบุกรุกและการพัฒนาเทคโนโลยีทางดาน นิ ว เคลี ย ร โดยเฉพาะเมื่ อ เกิ ด ความอดอยากขึ้ น ภายในประเทศ เกาหลีจะสงขีปนาวุธหรือเทคโนโลยี ด า นนิ ว เคลี ย ร จํ า หน า ยกั บ ต า งประเทศที่ เ ริ่ ม ต น โครงการอาวุธนิวเคลียร ปธ.โอบามา ใหคํามั่นสัญญาที่จะขัดขวาง การถายทอดเทคโนโลยีใหตางประเทศของเกาหลีเหนือ โดยยึดถือสนธิสัญญาไมแพรกระจายอาวุธนิวเคลียร ดั ง นั้ น ประเทศเกาหลี เ หนื อ และอิ ห ร า น จะต อ ง หยุ ด ดํ า เนิ น การตามกฎเกณฑ นี้ โ ดยอั ต โนมั ติ ไมเชนนั้นจะเผชิญหนากับการ Sanctions นอกจากนี้ ยั ง ต อ งการให ป ระเทศผู ส นั บ สนุ น อยู เ บื้ อ งหลั ง เกาหลี เ หนื อ ได แ ก อิ ห ร า น รั ส เซี ย และ จี น หยุดดําเนินการดวย
ข่าวทหารอากาศ ๗๕ สรุป ปธ.สหรัฐฯ ทุกๆ คนจะเผชิญหนากับความ ทาทายตอสถานการณตางๆ แตที่เปนปญหาสําคัญ เรงดวนสูงสุด (Top Crisis) ในป ๒๕๕๒ เปนเหตุการณ ที่ทําให ปธ.โอบามา เกิดความหวั่นไหวอยู ๓ เหตุการณ คือ ปญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ตกต่ําทําทาจะ ลมละลาย, ปญหาอาวุธนิวเคลียรของเกาหลีเหนือ และ อิหราน และ ปญหาการกอการรายโดยกลุม โอซามาบิ น ลาเดน และ ทาลิ บั น ที่ ทํ า ให ส หรั ฐ ฯ ตองเผชิญหนากับสิ่งทาทาย และเปนที่ยอมรับวา ป ญ หาดั ง กล า วมี ผ ลต อ ความมั่ น คงของสหรั ฐ ฯ โดยเฉพาะปญหาการกอการรายเคยเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ในป ๒๕๔๔ ในเหตุ ก ารณ 9/11 ซึ่ ง เหตุ ก ารณ นี้ ได ส ร า งความหวั่ น ไหวให กั บ สั ง คมของสหรั ฐ ฯ มาจนถึงปจจุบัน และยังไมมั่นใจไดวารูปแบบของ เหตุการณในอดีตจะพัฒนารูปแบบใหม จากกลุม กอการรายเพื่อสรางความสูญเสียอยางใหญหลวง ไดอีกหรือไม ถึงแมปจจุบันสหรัฐฯ ไดจัดตั้งกระทรวง ปองกันมาตุภูมิขึ้น เพื่อรับมือกับเหตุการณดังกลาว แล ว แต ไ ม ส ามารถให ค วามมั่ น ใจกั บ ประชาชน ไดเต็มที่ ถาความขัดแยงระหวางสหรัฐฯ กับกลุม กอการรายยังคงพัฒนาอยูตอไป """
๗๖ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ว.วรธงไชย การดํ า เนิ น การใดๆ ก็ ต าม จะสามารถ สํ า เร็ จ ลุ ล ว งได ดี หรื อ ค อ นข า งดี มี ค วามจํ า เป น อยางยิ่งที่จะตองมีการกําหนดวัตถุประสงคไวให ชัดเจน ทั้งนี้การดําเนินการเกี่ยวกับการเรียนการสอน ก็เชนเดียวกัน กระบวนการการเรียนรู (Process of Learning) คือกระบวนการเปลี่ยนแปลง (Process of changing) โดยเฉพาะอยางยิ่งการเปลี่ยนแปลง พฤติ ก รรม ซึ่ ง หมายรวมถึ ง การเปลี่ ย นแปลงใน ๓ หมวดความรู (Domain) คือ หมวดองคความรู (Cognitive Domain, Knowledge) จากไมรู …เปนรู หมวดทักษะ (Psychomotor Domain, skill) จาก ทํ า ไม เ ป น …...เป น ทํ า เป น และหมวดทั ศ นคติ (Affective Domain, Attitude) มีการเปลี่ยนแปลง ทัศนคติจากไมดี…เปนดี หรือจากดี….เปนดียิ่งขึ้น สถาบั น การศึ ก ษาไม ว า จะภายนอกหรื อ ภายใน กองทัพอากาศ ตางก็ตองมีการจัดการเรียนการสอน เพื่อใหไดผลลัพธทางการศึกษาครบทั้ง ๓ ภาคสวน ดวยกันทั้งนั้น แต เ ราเคยทราบกั น หรื อ ไม ว า สุ ด ท า ย ปลายทางของหลั ก สู ต รต า งๆ นั้ น ได ผ ลลั พ ธ
ทางการศึ ก ษาครบทั้ ง ๓ ภาคส ว นแล ว หรื อ ยั ง หรื อ อย า งมากได เ พี ย ง ๒ ภาคส ว นคื อ ได ค วามรู (Cognitive Domain, Knowledge) และทักษะ ความชํานาญ(Psychomotor Domain, skill) สวนที่ เหลื อ ที่ สํ า คั ญ ที่ สุ ด นอกเหนื อ จากความรู ความ ชํานาญ นั้น ผูเขารับการศึกษาอบรมแทบจะไมคอย ได รั บ เลย หรื อ ไม ไ ด รั บ เลย ทั้ ง ที่ วิ สั ย ทั ศ น แ ละ ยุทธศาสตรของกองทัพอากาศ ตองการการพัฒนา สู ก ารปฏิ บั ติ ที่ ใช เครื อข า ยเป นศู น ย ก ลาง (NCO: Network Centric Operations) และการจะแปลง นโยบายสูการปฏิบัติที่เปนไปไดนั้น ยอมตองพัฒนา การศึกษาใหกับกําลังพลควบคูกันไป เพื่อพัฒนา บุคลากรของกองทัพอากาศใหตอบสนองวิสัยทัศน และยุทธศาสตรของกองทัพอากาศ ซึ่งนั่นหมายถึง หากเราตองการพัฒนาขีดสมรรถนะกําลังพลใหมี คุณภาพสามารถปฏิบัติงานไดอยางมืออาชีพและมี ความพรอมในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศ ใหไดนั้น เราตองพัฒนาทั้ง ๓ ภาคสวนของการศึกษา ให ค รบสมบู ร ณ ด ว ยกั น อย า เพี ย งมุ ง เน น เพื่ อ ให กํ า ลั ง พลมี แ ต ค วามชาญฉลาดด า นสติ ป ญ ญา
มกราคม ๒๕๕๕ จนหาทางคดโกงเชิงนโยบาย หรือมีแตทักษะความ ชํานาญในการปฏิบัติหนาที่ จนเปนเหตุใหไมรูจักใช สติปญญาในการแกไขปญหาตางๆ เราควรมุงเนน พั ฒ นาความมี คุ ณ ธรรม จริ ย ธรรมในจิ ต ใจของ ผูเขารับการศึกษาอบรม ควบคูไปดวย มุงเนนเพื่อ สรางเสริมทัศนคติที่ดีตอวิชาชีพและตอองคกร เพื่อ ใหเกิดผลลัพธทางการเรียนรู ครบทั้ง ๓ ภาคสวน ดว ยกัน ยอมทํ า ใหเ กิ ดผลลั พ ธท างการเรี ย นรูคื อ “รู จํา ทําได ภายใตทัศนคติที่ดี” แลวเราจะทําอยางไรใหไดผลลัพธทางการ ศึ ก ษาในรู ป แบบนี้ ตั ว สถาบั น การศึ ก ษาต า งๆ ในกองทั พ อากาศควรตระหนั ก ถึ ง กระบวนการ จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสม ใหความรู ตางๆ ที่ บ รรจุ เ ป น รายวิ ช า หมวดวิ ช า ในหลั ก สู ต รนั้ น ๆ อยางครบถวน และมีการทดสอบเพื่อวัดผลความรู ที่ ไ ด รั บ จากแบบทดสอบในรู ป แบบต า งๆ ไม ว า จะเปน แบบทดสอบแบบอัตนัย ปรนัย เติมคํา จับคู ฯลฯ ซึ่งขึ้นอยูกับการวิเคราะหผูเขารับการศึกษา อบรมในหลั ก สู ต รนั้ น ๆ ว า ควรใช แ บบทดสอบ ชนิดใด เพื่อใหเกิดองคความรู(Cognitive Domain, Knowledge) ในระดับใดที่ตั้งเกณฑไว ซึ่งการใหความรู(Cognitive Domain, Knowledge) และตรวจสอบผลของการไดรับความรู นั้นๆ (Feed Back) ทําไดโดยการทดสอบดวยรูปแบบ ตางๆ นอกจากจะทราบผลลัพธทางการศึกษาดาน องคความรู (Cognitive Domain, Knowledge)แลว เรายังสามารถทดสอบระดับความชํานาญ จาก ทั ก ษ ะ ต า ง ๆ ข อ ง ผู เ ข า รั บ ก า ร ศึ ก ษ า อ บ ร ม (Psychomotor Domain, skill)ได ในรูปแบบการ
ข่าวทหารอากาศ ๗๗ ประเมิ น การปฏิ บั ติ ง านตามใบแบบการประเมิ น (Check List) ในแตละรายวิชานั้นๆ ที่ไดออกแบบ ไว ต ามเกณฑ ม าตรฐานที่ ท างสถาบั น การศึ ก ษา กํ า หนดเพื่ อ ให ส อดคล อ งกั บ วั ต ถุ ป ระสงค ข อง สถาบันการศึกษานั้นๆ สวนทัศนคติ (Affective Domain, Attitude) รวมถึงคุณธรรม จริยธรรม ในภาคสวนสุดทายของ ผลลัพธทางการศึกษานั้น เราไมสามารถวัดใหเห็น เปนรูปธรรมอยางไมมีนัยสําคัญได ซึ่งนั่นเปนเหตุผล ใหสถาบันการศึกษาพึงตระหนักวาควรทําอยางไร เพื่ อ ให ไ ด ผ ลลั พ ธ ท างการศึ ก ษาด า นนี้ ม ากที่ สุ ด การพั ฒ นาสถานศึ ก ษาแบบองค ร วม (Whole School Approach) บุคลากร หรือ “คน” คือตัวจักร สํ า คั ญ ที่ จ ะขั บ เคลื่ อ นการทํ า งานไปสู เ ป า หมาย ความสําเร็จ ครู-อาจารยควรตระหนักใหดีวา ตอง “สรางคนกอนสรางงาน” ฉะนั้นพันธกิจในการ สรางคนใหเปน “ทรัพยากรมนุษย” ที่มีคุณคาสูงสุด เห็ น ควรต อ งน อ มนํ า แนวพระราชดํ า รั ส ของ พระบาทสมเด็ จ พระเจ า อยู หั ว ความว า “เข า ใจ เขาถึง และพัฒนา” มาใช อันจะนํามาซึ่งความสําเร็จ ในการพั ฒ นาบุ ค ลากรที่ ยั่ ง ยื น และเป น สิ ริ ม งคล สืบไป ซึ่งถือวาเปนการเติมเต็มภาคสวนสุดทายของ ผลลัพธทางการศึกษาดวยเชนกัน การสรางความเขาใจ โดยใชแนวทาง การสื่อสารสัมพันธลักษณะ ๒ ทาง (two way communication) ครู-อาจารยประจําสัมมนา และ รวมถึ ง ครู -อาจารย ที่ ทํ า หน า ที่ ดู แ ลผู เ ข า รั บ การศึกษาอบรมที่ไดรับมอบหมายใหดูแล ตองหมั่น พู ด คุ ย ปรึ ก ษาหารื อ อยู เ นื อ งนิ ต ย ทั้ ง แบบที่ เ ป น
๗๘ ข่าวทหารอากาศ ทางการและไม เ ป น ทางการ และต อ งพยายาม เอาใจเขามาใสใจเราใหมากขึ้น การเขาถึง เปนขั้นตอนที่ตองใชเทคนิค วิธีที่แยบยล ครู-อาจารยตองสรางความไววางใจ ใหกับผูเขารับการศึกษาอบรมเปนเบื้องตน โดยการ "จับเขา พูดคุย สรางความคุนเคย" เพื่อรวมมือ กันดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอนที่ไดรับมอบหมาย ใหบรรลุผลสําเร็จ โดยครู-อาจารยจะตองเอาตัวเขา รวมกิจกรรมการเรียนการสอนกับผูเขารับการศึกษา อบรมในลักษณะ “ครูเอื้อ” “ครูอํานวย” “ครูสนใจ” หากมี ป ญ หาอุ ป สรรคระหว า งการเรี ย นการสอน ก็ พ ร อ มที่ จ ะร ว มมื อ ให ข อ คิ ด ชี้ แ นะแนวทางการ แกไขปญหาอุปสรรคตางๆ ไมใชหลีกหนีหรือปลอย ใหเปนหนาที่ความรับผิดชอบของผูเขารับการศึกษา อบรมเพียงฝายเดียว การพัฒนา ถือเปนเปาหมายสําคัญ ของ "การสรางคน" วิธีการหรือแนวทางการพัฒนา มี ห ลากหลายวิ ธี ขึ้ น อยู กั บ บริ บ ทของทรั พ ยากร สภาพแวดลอมและบุคคล ดังนั้นครู-อาจารยจึงตอง มีเทคนิคในการบริ หารทรั พยากรมนุ ษ ย(ผูเ ข า รั บ การศึ ก ษาอบรม) ซึ่ ง นโปเลี ย นโบนั น ซ า กล า วว า “ยิงใหถูกเปา เยาใหถูกที่ ชี้ใหถูกคน สนการ สื่อสาร ประสานอยาใหขลุก นี่แหละมุขผูบริหาร” (ซึ่ ง ในที่ นี้ ส ามารถนํ า มาประยุ ก ต ใ ช ใ นบทบาท หน า ที่ ข องครู -อาจารย ไ ด ) ท า ยสุ ด จะส ง ผลให ผูเขารับการศึกษาอบรมไดรับการพัฒนากาวหนา ธรรม
มกราคม ๒๕๕๕ ตอ ไปภายใต อุด มการณ ข องการเป น ทหารอาชี พ ที่เ ป น สุ ภ าพบุ รุษ รั ก ษาเกี ยรติ( Honor) วิ นั ย (Discipline) และจงรักภักดี (Loyality) มีคุณธรรม จริย ธรรม รับ ผิด ชอบตอหนา ที่ที่ไ ด รั บ มอบหมาย เพื่อสรางวัฒนธรรมกองทัพอากาศที่นําไปสูการเปน กองทัพอากาศชั้นนําในภูมิภาค(One of the Best Air Force in ASEAN) ตอไป หากสถาบันการศึกษาใดสามารถจัดกิจกรรม การเรียนการสอนใหเกิดผลลัพธทางการศึกษาครบ สมบูรณทั้ง ๓ ภาคสวนได คือ หมวดองคความรู (Cognitive Domain, Knowledge) จากไมรู …เปนรู หมวดทักษะ (Psychomotor Domain, skill) จาก ทํ า ไม เ ป น ….เป น ทํ า เป น และหมวดทั ศ นคติ (Affective Domain, Attitude) มีการเปลี่ยนแปลง ทัศนคติจากไมดี…เปนดี หรือจากดี….เปนดียิ่งขึ้น นั้น เชื่อวาการแปลงนโยบายสูการปฏิบัติเพื่อการ ปฏิ บั ติ ก ารที่ ใ ช เ ครื อ ข า ยเป น ศู น ย ก ลาง (NCO: Network Centric Operations)นั้น ยอมกาวยาง ได อ ย า งมี พ ลั ง เพราะสุ ด ท า ยปลายทางแห ง การ พัฒนากําลังพลนั้น การใหการศึกษาแกกําลังพล สําคัญยิ่ง การปลุกจิตสํานึกแหงมิตรภาพ ไมมีการ แก ง แย ง ชิ ง ดี ชิ ง เด น เพี ย งเพื่ อ เรี ย นให ไ ด ให ดี ใหโดนใจครู แตจะพากเพียรศึกษาเลาเรียนเพื่อเปน ที่หนึ่งในใจของทุกคนที่อยูรอบกาย นั่นแหละถึงจะ บรรลุ ผ ลลั พ ธ ท างการศึ ก ษาและบรรลุ ป ลายทาง แหงการพัฒนากําลังพลที่สมบูรณแบบ
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๗๙
น.อ.อภิชัย ศักดิ์สุภา (นนอ.๒๒)
เรื่องวัตถุมงคลของ บน.๕ นัน้ ผูเ ขียนไดเคยนํา ลงมาแลวครั้งหนึ่ง แตเมื่อไมนานมานี้ผูเขียนไดรับขอมูลใหมเพิ่มเติมมาอีก หลังจากการไดรับความกรุณา จากท า น พล.อ.ท.ประเสริ ฐ ฟ ก ทอง ที่ ไ ด ม อบวั ต ถุ ม งคลที่ ท า นสร า งเมื่ อ สมั ย ที่ ท า นดํ า รงตํ า แหน ง ผบ.บน.๕๓ฯ ใหกับผูเขียนถึง ๔ รุน ซึ่ง ๒ ใน ๔ รุนนี้ ผูเขียนไมเคยทราบเคยเห็นมากอนเลย ผูเขียนก็ตอง ขอกราบขอบพระคุณท า นไว ณ ที่ นี้ ดวย และอีกคนหนึ่ง ที่ผูเ ขียนตองขอขอบคุณคือ ร.ท.ปจจัย ระกิ ติ สังกัด อย. ที่ไดชวยติดตอหาขอมูลของวัตถุมงคลดังกลาวใหกับผูเขียนดวย นอกจากนี้จากการไปราชการ บน.๕ เมื่อเร็วๆ นี้ ทําใหผูเขียนไดรับทราบขอมูลเพิ่มเติมเขามาอีก ๒ รุ น ซึ่ ง ผู เ ขี ย นก็ พ ยายามหารู ป และข อ มู ล มา นําเรียนใหทานผูอานไดทราบในฉบับนี้ แตเ พื่อให ทานผูอานไมสับสนในการจัดลําดับรุน ผูเขียนจึงขอ เรียบเรียงขอมูลใหมดังนี้ พระพุทธรูปประจําหนวย กองบิ น ๕ มี พ ระพุ ท ธรู ป ประจํ า กองบิ น พระนามวา “พระพุทธธูปะเตมียมงคล” เปน พระพุทธรูปหลอดวยโลหะทองเหลืองผสม ปางสมาธิ พระเมาลีมีลักษณะขมวดคลายกนหอย สวนผมของ พระเมาลี มีลักษณะเปลวเพลิง มีฐานสูง ๓.๕ นิ้ว หน า ตั ก กว า ง ๕๒ นิ้ ว ความสู ง จากบนฐานถึ ง
๘๐ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
พระเมาลีสูง ๕๘ นิ้ว และสวนที่เปนเปลวเพลิงสูง ๙.๕ นิ้ว รวมความสูงจากองคพระถึงยอดพระเมาลีสูง ๖๗.๕ นิ้ว สรางในสมัย พล.อ.อ.ประพันธ ธูปะเตมีย เปนผูบัญชาการทหารอากาศ เพื่อมอบใหกับกองบิน ตางๆ ทั่วกองทัพอากาศ ไวสักการะบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจํา บน.๕ อยางหนึ่งซึ่งเปนที่เคารพสักการะของชาว บน.๕ และชาวเมืองประจวบฯ นั่นก็คือ “เจาพอเขาลอมหมวก” จากตํานานที่เลาขานสืบตอกันมาในหลายยุคหลายสมัยวา เจาพอ เขาลอ มหมวกมีนิ มิต ปรากฏเป น ชายชาวจีน อาวุ โ ส ร า งสั น ทั ด ผิ ว พรรณค อ นข า งขาว เคราขาวโพลน ใบหนาอิ่มเอิบ เปยมดวยรัศมีแหงความเมตตาและบารมีธรรม บางนิมิตปรากฏสวมหมวกทรงจีนและ มีผมเปย ชาว บน.๕ และชาวเมืองประจวบฯ เชื่อวา เจาพอเขาลอมหมวกมีความศักดิ์สิทธิ์ มีอภินิหาร ได เ มตตาปกป อ งคุ ม ครองชาว บน.๕ และชาวเมื อ งประจวบฯ แห ง นี้ ตลอดจนผู ที่ เ คารพสั ก การะให แคลวคลาดปราศจากภัยพิบัติ อุปทวอันตราย และวิกฤตการณเลวรายตางๆ ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังบันดาล ประทานพรความสําเร็จ ความสมหวัง ความสุขความเจริญรุงเรืองแกผูที่สักการบูชาตลอดไป สําหรับวัตถุมงคลของ บน.๕ นั้นมีทั้งหมด ๙ รุนดวยกันคือ
รุนที่ ๑ เหรียญ “พระพุทธธูปะเตมียมงคล” รุน “รุนแรก” สรางเมื่อป พ.ศ.๒๕๓๑ ในสมัย นาวาอากาศเอก สันทัด วงษทิพย (ยศในขณะนั้น) ดํารงตําแหนง ผบ.บน.๕๓ ฯ โดยสรางเปนเหรียญชนิด เนื้อทองแดง จํานวน ๕,๐๐๐ เหรียญ ปลุกเสกโดยหลวงพอยิด วัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ เหรียญ ดานหนาเปนรูปพระพุทธธูปะเตมียมงคล โดยมีตัวหนังสือ “พระพุทธธูปะเตมียมงคล” อยูขางลางของ ฐานพระและมีเครื่องหมายตราปกอยูขางลางสุดของเหรียญ สวนดานหลังของเหรียญมียันตอยูตรงกลาง ขางบนของยันตมีตัวหนังสือ “รุนแรก” ขางลางของยันตมีตัวหนังสือ “กองบิน ๕๓ ๒๕๓๑” และขางขวา ของยันตมีรูปดาว ๕ ดวง ขางซายของยันตมีรูปดาว ๓ ดวง อันหมายถึง “๕๓” นั่นเอง (อ่านต่อฉบับหน้า รุ่นที่ ๒)
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๘๑
น.อ.เฉลิมชัย ชูชาติพงษ ในปจจุบันหากกลาวถึงประเทศเกาหลี (ใต) คนไทยจะรู สึ ก คุ น เคยเป น อย า งมากโดยเฉพาะ อยางยิ่งวัยรุนไทย ซึ่งรับวัฒนธรรมเกาหลีมาโดย ไมรูตัวในระยะเวลา ๔-๕ ปที่ผานมา โดยผานสื่อ ต า งๆ เช น หนั ง ซี รี ย เ กาหลี เพลง การแต ง กาย เปนตน เปนผลทําให แฟชั่น อาหาร การทองเที่ยว เครื่องสําอาง การทําศัลยกรรม ของเกาหลีโดงดัง เปนอยางมากในประเทศไทย จนกระทั่งภาคธุรกิจ ของไทย ไม ว า จะเป น อุ ต สาหกรรมภาพยนตร การทองเที่ยว นิยมใชประเทศเกาหลีเปนกลยุทธ ในการดึงดูดคนไทยดวยกันเอง จนมองไมออกวา ไทยหรือเกาหลีกันแนที่ไดประโยชน แตที่แนๆ ก็คือ เหตุการณ Korea fever ที่เกิดขึ้นนี้ไมใชเรื่องบังเอิญ แตเปนการดําเนินตามกลยุทธอันชาญฉลาดของ ผูนําประเทศเกาหลี ในการนําประเทศสูการแสวงหา ประโยชนจากสิ่งที่เรียกวา Korea fever เหลานี้ แต ใ นอี ก มุ ม มองหนึ่ ง ของประเทศเกาหลี ก็ คื อ เปนประเทศที่เปนจาวแหงการลอกเลียนแบบ ที่ผูเขียน ใชคําวา เลียนแบบ นั้นมีนัยวาของที่ทําเลียนแบบ
ขึ้ น มานั้ น จะเหมื อ นเฉพาะรู ป ลั ก ษณ ภ ายนอก เทานั้นแตในเรื่องของคุณภาพจะถูกนํามาพัฒนา ปรับปรุงใหดีขึ้นกวาเดิม เรียกไดวาเกาหลีเลือกใช กลยุทธ C&D (Copy and Develop) แทนที่จะใช กลยุทธ R&D (Research and Develop) จากนั้น จึ ง ใช ค วามเป น ชาติ นิ ย มเป น ตั ว กํ า กั บ ทิ ศ ทาง ความนิยมอีกขั้นหนึ่ง ตัวอยางที่เห็นไดชัดมากที่สุด ก็คือ อุ ต สาหกรรมรถยนตใ นประเทศเกาหลี เมื่อ มองไปตามท อ งถนนจะพบว า มี แ ต ร ถยี่ ห อ ฮุ น ได หรือเกียร มากกวารอยละ ๙๐ และความเปนตัวตน หรือแนวคิดเชนนี้กําลังลุกลามไปสูธุรกิจอื่นๆ เชน อุป กรณอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส และโดยความคิ ดส ว นตั ว ของผู เ ขี ย นเอง โรงเรี ย นนายเรื อ อากาศเกาหลี (R.O.K. Air Force Academy) ก็คงเปนอีกตัวอยาง หนึ่ง ที่ใชกลยุทธ C&D นี้เชนกัน กลาวคือเลียนแบบ US Air Force Academy ซึ่งผลลัพธที่ไดหรือก็คือ นักเรียนนายเรืออากาศนั้นก็อยูในระดับชั้นแนวหนา ที เ ดี ย ว ผู เ ขี ย นเองก็ เ ป น นั ก เรี ย นนายเรื อ อากาศ ยั ง รู สึ ก ประทั บ ใจกั บ สิ่ ง ที่ ไ ด พ บเห็ น ในโรงเรี ย น
๘๒ ข่าวทหารอากาศ นายเรื อ อากาศเกาหลีแ ห ง นี้ จึ ง อยากจะแบง ป น ประสบการณ ที่ ไ ด พ บเห็ น ในโรงเรี ย นแห ง นี้ โดย การเขี ย นเล า เรื่ อ งเชิ ง วิ เ คราะห นั่ น จึ ง เป น ที่ ม า ของชื่อเรื่อง มองโรงเรียนนายเรืออากาศเกาหลี แบบที่เกาหลีคิด ไมวาจะเปนประเด็นของหนวยงาน ที่รับผิดชอบในการพัฒนานักเรียนนายเรืออากาศ แต ล ะด า นได แ ก กรมนั ก เรี ย น กองการศึ ก ษา กองพลศึ ก ษา การบริ ห ารจั ด การอุ โ มงค ล มของ ภาควิชาวิศวกรรมอากาศยาน สถาปตยกรรมของ โรงเรี ย นนายเรื อ อากาศเกาหลี เ ชิ ง สร า งสรรค ที่ นาจะนํามาประยุกตใชกับโรงเรียนนายเรืออากาศ ที่มวกเหล็ก เปนตน จากการพูดคุยกับนายทหารเกาหลีที่คอย ดูแลคณะฯ พบวากองทัพอากาศเปนกองทัพอันดับ หนึ่งใน ๓ เหลาทัพ (บก เรือ อากาศ) และเด็กหนุม เกาหลีก็มีความนิยมที่จะเขามาใชชีวิตเปนนักเรียน นายเรืออากาศโดยมีเปาหมายหลักก็คือ การไดเปน นักบินเพราะวาจะมีความเจริญกาวหนาเหนือสาขาวิชา อื่ น ๆ อยางไรก็ ต าม อัต ราสว นของการสอบเขา ก็ ไมยากเย็นเทากับนักเรียนนายเรืออากาศไทย กลาวคือ ประมาณ ๒๐:๑ เทานั้น ในขณะที่ นนอ.ไทย มีสัดสวน ประมาณ ๒๐๐:๑ โดยระบบการสอบคั ด เลื อ กก็ ไมแตกตางกัน มีการสอบวิชาการ สอบพลศึกษา แต ที่ ต า งกั น ก็ คื อ ไม มี ก ารกํ า หนดในแต ล ะป ว า จํ า นวนนั ก เรี ย นต อ งมี จํ า นวนเท า ไร จะกํ า หนด เฉพาะยอดที่ ส ามารถรั บ ได เ ป น จํ า นวนขั้ น ต่ํ า ใน แตละปเ ท า นั้น เชน ป นี้ตองการนั ก เรี ย นนายเรื อ อากาศไมต่ํากวา ๑๕๐ นาย ก็จะเปดรับคนที่สอบ ผานเกณฑไวประมาณ ๑๖๐-๑๗๐ คน ในระหวาง
มกราคม ๒๕๕๕ ศึกษาก็จะมีการลาออกไปบาง โดยเฉพาะในชวง นักเรียนใหม เพราะวามี “ระบบซอม” เหมือนนักเรียน นายเรื อ อากาศไทย แต ที่ เ กาหลี เ รี ย กระบบนี้ ว า Cadet Self Governing System นอกจากนั้นก็มี การสอบไม ผา นในแตล ะชั้ น ปบ า งหรื อถู ก ใหอ อก บาง เนื่องจากความเขมขนและเอาจริงเอาจังของ ระบบเกี ย รติ ศั ก ดิ์ สุ ด ท า ยอาจจะเหลื อ มากกว า ๑๕๐ คนในแตละชั้นปก็เปนไปได แตในระหวางที่ รับราชการ ก็อาจจะลาออกไปไดอีก เพราะวามีระบบ คัดกรองทุกระดับชั้นยศ ผูมีความสามารถเหมาะสม จึงจะไดรับการเลื่อนยศสูงขึ้น สวนผูที่ไมไดรับการ เลื่อนยศก็อาจจะลาออกไปอีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น บุคคลที่เหลือจนถึงระดับชั้นนายพลไดนั้นมีจํานวน ไมมากและจะตองมีความสามารถจริงๆ
สํ า หรั บ ระบบการศึ ก ษาของนั ก เรี ย น นายเรื อ อากาศเกาหลี ก็ ไ ม แ ตกต า งจากระบบ การศึกษาของนักเรียนนายเรืออากาศไทย กลาวคือ มีสวนกรมนักเรียนดูแลปกครองนักเรียน สวนการศึกษา ดู แ ลภาควิ ช าการ และส ว นพลศึ ก ษาดู แ ลเรื่ อ ง สมรรถภาพด า นร า งกายของนั ก เรี ย น แต สิ่ ง ที่ ต า งกั น ที่ ผู เ ขี ย นมองเห็ น ก็ คื อ แนวคิ ด หลั ก หรื อ
มกราคม ๒๕๕๕ วิสัยทัศนของโรงเรียน รร.นอ.เกาหลีมีแนวคิดอยาง ชัด เจน ๒ ประการซึ่ ง เขี ย นเป น ภาษาเกาหลี ไ ว ที่ ปายสัญลักษณทางเขาโรงเรียน มีใจความวา “To Sky.. To Space..” (ผูเขียนซักถามกับนายทหารที่ ดูแลคณะฯ) นั่นหมายความวา รร.นอ. เกาหลีจะ ผลิตนักบินเพื่อปกปองนานฟา และมุงมั่นที่จะผลิต หรือดําเนินกิจกรรมงานดานอวกาศอยางตอเนื่อง จากแนวคิดนี้จึงเปนที่มาหรือเปนจุดเริ่มตนของการ ดําเนินงานของหนวยงานตางๆ ในโรงเรียน ผู เ ขี ย นขอเริ่ ม ต น ที่ ส ว นกรมนั ก เรี ย น กรมนักเรียนแบงการปกครองนักเรียนโดยคละนักเรียน ทั้ ง ๔ ชั้ น ป อ อกเป น ๒ กองพั น แต ล ะกองพั น มี ๔ กองร อ ย เพราะฉะนั้ น จึ ง เท า กั บ ว า มี ทั้ ง หมด ๘ กองร อ ย ซึ่ ง แต ล ะกองร อ ยมี ทั้ ง ชายและหญิ ง รวมกัน (รร.นอ.เกาหลีมีนักเรียนนายเรืออากาศหญิง ประมาณรอยละ ๑๐ ของทั้งหมด) และอยูรวมกัน ทั้งชั้นของอาคาร และเปนเชนนี้ตลอดทั้ง ๔ ป ซึ่ง รร.นอ.ไทยก็เพิ่งเริ่มเปลี่ยนมาใชรูปแบบนี้ ซึ่งตาง จากสมัยที่ผูเขียนเปนนักเรียน ในสมัยของผูเขียน นั้น กองพันที่ ๑ ก็คือนักเรียนชั้นหนึ่ง กองพันที่ ๒ ก็คือนักเรียนชั้นสอง ตามลําดับ เมื่อลองพิจารณา เปรียบเทียบรูปแบบการจัดกองพันทั้งสองรูปแบบ แล ว พบข อ ดี ข องการจั ด รู ป แบบแบบคละกั น ตรงที่ ว า กรมนั ก เรี ย นซึ่ ง เป น จุ ด เริ่ ม ต น ของการ ปลูกฝงความเปนทหารอาชีพ การอยูรวมกันก็ถือ เป นการเรียนรูถึงระบบอาวุ โสโดยปริยาย พี่สอน ปกครอง และนํานอง นองก็เรียนรู สนับสนุน และ เลียนแบบพี่ รวมทั้งยังหลีกเลี่ยงการแสดงอัตตาของ ความเปนรุนเดียวกัน นี่รุนกู นั้นรุนมึง อยางปจจุบันที่
ข่าวทหารอากาศ ๘๓ เรากํ า ลั ง เป น อยู ไ ด อี ก ด ว ย แต ใ นอี ก มุ ม มองหนึ่ ง การอยูรวมกันแบบคละก็ไมไดเปนเชนนี้ไปเสียหมด ธรรม
หองนอนซึ่งพักหองละ ๒ คน ก็จะพักอยูกับรุนเดียวกัน เทานั้น จึงเห็นวาก็ยังมีความเปนสวนตัวอยูบาง แต ที่กลาวมาขางตนก็เปนเพียงโครงภายนอกเทานั้น สาระสําคัญนาจะเปนระบบในการบริหารจัดการ ของแตละกองรอยมากกวา สิ่งที่ผูเขียนประทับใจ มากก็คือระบบการสงเสริมการแขงขันกันทําความดี กลาวคือ มีการประกวดกองรอยดีเดนในแตละเทอม ซึ่งเกณฑในการไดมาซึ่งกองรอยดีเดนก็คือ ผลการเรียน เฉลี่ยของนักเรียนในกองรอย ผลการทดสอบสมรรถภาพ ทางกายโดยเฉลี่ยของนักเรียนในกองรอย ความสะอาด ในกองร อย เปน ต น ซึ่ง ลวนแตเ ปน การกระตุน ให เริ่มตนทําดีจากตัวเองเพื่อนําไปสูผลประโยชนของ สวนรวม นี่ตางหากเลาคือนัยแฝง สวนรางวัลที่ได ก็คือธงเกียรติยศที่จะตั้งตระหงานอยูหนากองรอย มี สั ญ ลั ก ษณ ติ ด บนเครื่ อ งแบบนั ก เรี ย นที่ อ ยู ใ น กองรอ ยนั้นตลอดทั้ ง เทอม ทํา ใหเ กิด ความภู มิใจ และสุ ด ท า ยสิ่ ง ที่ ไ ด กั บ ตนเองก็ คื อ สิ ท ธิ ป ระโยชน พิเศษ เชน การปลอยออกนอกโรงเรียนเร็วกวาปกติ (ปลอยกอนเวลา) การกลับเขาโรงเรียนไดชากวา
๘๔ ข่าวทหารอากาศ ปกติ การปลอยออกที่ มากครั้งกวาปกติ (สําหรับ นักเรียนใหม จากแคหนึ่งครั้งตอเดือนเปน ๒ ครั้ง ต อ เดื อ น) กํ า หนดเวลาที่ ป ล อ ยออกเร็ ว กว า ปกติ (เชนหนึ่งหรือสองสัปดาหกอนตารางที่ไดกําหนดไว สําหรับนักเรียนใหม) นอกเหนือจากระบบการสงเสริม การแขง ขั น กั น ทํ า ความดี ยัง มี ว าระซอนเรน อื่ น ๆ ที่แฝงอยู ดังเชน motto ของแตละกองรอย สําหรับ กองร อ ยที่ ผู เ ขี ย นได ไ ปเยี่ ย มชมนั้ น เป น กองร อ ย ที่ไดรับรางวัลกองรอยดีเดน มีสัญลักษณเปนรูปปก ของนกขนาดใหญ ซึ่ ง มี ค วามหมายว า ไปได ไ กล มีอิสระ สวน motto ของกองรอยก็คือ one heart one mind ซึ่งผูเขียนเองรูสึกชอบมาก มันแปล ความหมายออกมาไดประมาณวา หนึ่ งหั วใจที่มี ความมุงมั่นเดียวกัน (ผูเขียนแปลเอง) สิ่งเหลานี้ ธรรม
มี ค วามหมายแฝงหรื อ สอนอะไรให นั ก เรี ย นโดย ไมรูตัว นอกจากนี้แลว สิ่งที่เราเรียกวา LDM (leading development model) ของกรมนักเรียนไทยที่มี
มกราคม ๒๕๕๕ ระดับขั้นเปน follower, supervisor, leader และ commander นั้น ก็ถูกสรางเปนนัยแฝงไปอยูใน ปายชื่อหองพักของนักเรียน อาทิ หนาหองพักของ นนอ.ชั้น ๑ จะมีภาษาเกาหลีเขียนวา ปฏิบัติตาม คําสั่ง ชั้น ๒ เขียนวา เปนตัวอยางที่ดี ชั้น ๓ เขียนวา มี อิ ส ระและรั บ ผิ ด ชอบตนเอง ชั้ น ๔ เขี ย นว า ปกครองบังคับบัญชา ซึ่งถาดูใหดีแลวก็เหมือนกับ แตละระดับขั้นของ LDM ของเรา แตตัวนักเรียนเอง จะไดรับการถายทอดหรือเรียนรูไปโดยไมรูตัว ผูเขียน ไดลองซักถามนองนักเรียนนายเรืออากาศไทยที่เรียน อยู ที่ นี่ ปรากฏว า น อ งเราตอบได ห มดว า ชั้ น ไหน ชื่ออะไร และในความหมายนั้นทําใหรูวาหนาที่เรา ตองทําอะไร นี่ตางหากที่เรียกวา learning by doing และเรื่องสุดทายที่จะกลาวเปรียบเทียบในสวนของ กรมนักเรียนก็คือระบบเกียรติศักดิ์ รร.นอ.เกาหลี มีกฎขอหามสําหรับนักเรียนที่ชัดเจนมาก ๓ ขอคือ ๑.ห า มนั ก เรี ย นสู บ บุ ห รี่ ๒.ห า มนั ก เรี ย นดื่ ม เหล า ๓.หามนักเรียนมีเรื่องชูสาว ทั้ง ๓ ขอนี้เปนกฎเหล็ก ที่หามตลอดระยะเวลาที่เปนนักเรียนนายเรืออากาศ แมจะอยูนอกบริเวณโรงเรียนก็ตาม ฟงดูแลวทําให สงสัยวาจะไปบังคับกันไดอยางไร แตก็มีเรื่องเลาวา มีนักเรียนนายเรืออากาศเกาหลีนายหนึ่งไปเที่ยว เมื อ งจี น ช ว งป ด เทอมและไปสู บ บุ ห รี่ ที่ กํ า แพง เมืองจีน เมื่อเรื่องนี้รูถึงหูนายทหารปกครอง ปรากฏวา นั ก เรี ย นนายเรื อ อากาศนายนี้ ถู ก ไล อ อก เรื่ อ งนี้ สื่ อ ให เ ห็ น ถึ ง ความเข ม ข น ของระบบเกี ย รติ ศั ก ดิ์ ที่นักเรียนนายเรืออากาศเกาหลีมีประเด็นที่ผูเขียน ยกขึ้ น มานี้ ไม ได แ สดงให เ ห็น วา เหมาะสมหรื อ ไม ทํ า เกิ น กว า เหตุ ห รื อ เปล า แต ที่ ต อ งการสื่ อ ก็ คื อ
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๘๕
เราควรจะปลูกฝงใหนักเรียนของเรา ตอบตัวเองให ไดวากําลังทําสิ่งที่ถูกตองหรือไม เพราะสิ่งเล็กนอย นี้เ องที่ จ ะค อ ยๆ สะสมจนกลายเป น สิ่ ง ที่ ยิ่ ง ใหญ ในอนาคต
ออกกําลังกายทุกชนิด ซึ่งนาจะมีจํานวนมากกวาที่ โรงเรียนนายเรืออากาศไทยมีประมาณ ๓-๕ เทา แตประเด็นไมใชเรื่องของจํานวน สิ่งที่สําคัญกวา ธรรม
สวนตอมาที่จะพูดถึงก็คือ สวนพลศึกษา ที่ดูแลเรื่องสมรรถภาพรางกายของนักเรียนกาวแรก ที่ผูเขียนไดเขาเยี่ยมชมตึกของสวนพลศึกษานี้ สิ่งที่เห็น ก็คือรูปของนักเรียนที่มีคะแนนการทดสอบกําลังกาย ในดานตางๆ ที่ดีที่สุด เชน วิ่ง วิดพื้น ลุกนั่ง (sit up) พรอมทั้งสถิติ ของนักเรียนนายเรืออากาศชายและ หญิ ง สิ่ ง นี้ ผู เ ขี ย นเห็ น เป น นั ย ของการแข ง ขั น กั น ทําความดี ถัดมาก็เห็นนักเรียนนายเรืออากาศเกาหลี นายหนึ่งกําลังวัดสมรรถภาพรางกายดวยตนเอง โดยเครื่องมือที่ทันสมัยชนิดหนึ่ง เครื่องมือดังกลาว จะบอกไดว า อวั ย วะภายในของร างกายส วนใดที่ บกพรอง และหลังจากนั้นนักเรียนนายเรืออากาศ นายนี้สามารถพิมพผลการตรวจออกมาแลวนําไป ปรึกษากับผูเชี่ยวชาญตามตารางเวลาไดอีกลําดับ หนึ่ง ประเด็นนี้แสดงใหเห็นนัยวาทุกคนใสใจดูแล สุขภาพของตน เพื่อเปนการปองกันซึ่งยอมดีกวา การแกไขแนนอน เมื่อผูเขียนไดเดินเขาไปในอาคาร ที่เหมือน fitness ของบานเรา ภายในมีเครื่อง
ก็คือประสิทธิภาพของเครื่องออกกําลังกายแตละ เครื่อง วาสามารถบริหารรางกายสวนใด จากที่ได กลาวในตอนตนแลววา วิสัยทัศนของโรงเรียนนี้ก็คอื “To Sky.. To Space..” เพราะฉะนั้นจึงไมแปลกที่เรา จะเห็นเครื่องออกกําลังกายที่บริหารกลามเนื้อสวนคอ โดยเฉพาะ ซึ่งเปนประโยชนอยางมากสําหรับนักบิน ขับไล หรือเครื่องออกกําลังกายที่ใชฝกการทรงตัว ในสภาพสุญ ญากาศ หรื อใชฝกใหเคยชิ น กับ การ หลงสภาพอากาศ เปนตน ซึ่งลวนแลวแตเนนไปที่ สมรรถภาพร า งกายของนั ก บิ น เพื่ อ ตอบสนอง วิสัยทัศนของโรงเรียนอยางชัดเจน นอกจากสวนที่ เปนพลศึกษาแลว นักเรียนนายเรืออากาศเกาหลี
๘๖ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
ยั ง มี กิ จ กรรมชมรมที่ ห ลากหลายให ป ฏิ บั ติ ใ น ช ว งเย็ น อาทิ ขี่ ม า ยิ ง ธนู พาราไกด วาดรู ป ป น เครื่ อ งป น ดิ น เผา เป น ต น เช น เดี ย วกั น กิ จ กรรม ชมรมเหลานี้ยอมมีสิ่งที่เปนนัยแฝงอยู นอกจากการ ได พั ก ผ อ นหย อ นใจ ยกตั ว อย า งเช น การยิ ง ธนู ธรรม
ยั ง มี กิ จ กรรมชมรมที่ ห ลากหลายให ป ฏิ บั ติ ใ น ช ว งเย็ น อาทิ ขี่ ม า ยิ ง ธนู พาราไกด วาดรู ป ป น เครื่ อ งป น ดิ น เผา เป น ต น เช น เดี ย วกั น กิ จ กรรม ชมรมเหลานี้ยอมมีสิ่งที่เปนนัยแฝงอยู นอกจากการ ได พั ก ผ อ นหย อ นใจ ยกตั ว อย า งเช น การยิ ง ธนู ธรรมชาติ
ซึ่งเปนกิจกรรมที่ทางโรงเรียนเกาหลีไดจัดใหผูเขียน เขารวม ซึ่งไมใชแคยิงธนูแตเปนธนูของนักรบเกาหลี ที่มีเอกลักษณเฉพาะ โดยอาจารยผูฝกสอนไดอธิบาย ถึงความโดดเดนของคันธนูเกาหลี และความเปน ชาตินิยมที่แฝงอยูในกีฬาชนิดนี้
(อ่านต่อฉบับหน้า)
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๘๗
การพัฒนาระบบต่อต้าน การโจมตีอากาศยาน จากจรวดประทับบ่า (Counter-Man-Portable Air Defence System : CMANPADS) เฟองลดา (ตอจากฉบับที่แลว) การพัฒนาระบบตอตานการโจมตี จากจรวดประทับบาของอิสราเอล
เป น ระบบต อ ต า นการโจมตี จ ากจรวดประทั บ บ า รุน พื้ น ฐาน สํา หรั บ ติ ด ตั้ ง ใน ฮ. และ อากาศยาน เฉพาะภารกิจ สวนรุนที่ติดตั้งในเครื่องบินพาณิชย ใชชื่อวา C-MUSIC (Commercial MUlti-Spectral Infrared Countermeasure) C-MUSIC มีประสิทธิภาพ เลเซอรสูงกวา เปนระบบสําหรับอากาศยานขนาดใหญ ได แ ก เครื่ อ งบิ น พาณิ ช ย เครื่ อ งบิ น เติ ม เชื้ อ เพลิ ง ในอากาศ เปนตน C-MUSIC มีขอดีไดแก น้ําหนักเบา (50 กก.) ประสิทธิภาพในการตอตานการโจมตีสูง ติดตั้งไดในอากาศยานทุกแบบรวมทั้ง ฮ. อุปกรณ ที่ติดตั้งที่สําคัญไดแก
MUSIC Subsystem
ระบบตอตานการโจมตีจากจรวดประทับบา รุนลาสุดของอิสราเอล ไดแก Electro-optics (Elop) MUlti-Spectral Counter MANPADS System (MUSIC) พัฒนาโดยบริษัท Elbit System MUSIC
C-MUSIC ติดตั้งใตลําตัวเครื่อง
๘๘ ข่าวทหารอากาศ • MWS – Missile Warning System (IR, UV or radar) that indicates that a missile has been fired • Laser – generates a jamming beam with the necessary wavelengths to counter surface-to-air missiles • FLIR – thermal camera for acquisition and tracking of missiles • High Speed Turret – enables accurate tracking of missile seeker • System Processor – controls and coordinates all MUSIC elementsMulti C-MUSIC เปดเผยครั้งแรกเมื่อ มิถุนายน พ.ศ.2551 โดยบริษั ท Elbit ได ทําสัญญากับ กระทรวงคมนาคมอิ ส ราเอลด ว ยงบประมาณ 76 ลานดอลลารสหรัฐฯ C-MUSIC ที่ติดตั้งบน เครื่องบินพาณิชยของอิสราเอล ไดแกเครื่องบินของ สายการบิน El-Al, Arkia และ Israir ซึ่งเปนสวนหนึ่ง ของโครงการลําเลียงทางอากาศ“Sky Shield” โดย อิสราเอลจะเริ่มทดสอบอุปกรณดังกลาวในป 2554 และคาดว า จะติ ด ตั้ ง ในเครื่ อ งบิ น พาณิ ช ย ตั้ ง แต ป 2559-2560 อยางไรก็ตามบริษัท Elbit มีโครงการขยาย การตลาดไปยังตางประเทศ เชน สหรัฐฯ อนาคต ธุรกิจระบบการตอตานการโจมตีจากจรวดประทับบา นา จะเปน ธุ รกิ จที่ ทํ า รายได ม หาศาลให อิส ราเอล ทั้งนี้อิสราเอลเปดเผยวา การติดตั้งระบบตอตาน การโจมตีจากจรวดประทับบาในเครื่องบินพาณิชย ของอิสราเอล จะเกิดขึ้นอยางมีประสิทธิภาพ ในเร็วๆ นี้
มกราคม ๒๕๕๕ โดยในอีก 5-7 ป ขางหนา อากาศยาน ทุกแบบจําเปน ตองติดตั้ง สําหรับราคาอุปกรณ เทียบกับคาประกัน ที่ตองจายกวา 200-250 ลานดอลลารสหรัฐฯ ในการ ซอมแซมเครื่องบิน Boeing 737 ที่ไดรับความ เสียหาย นับวามีความคุมคากวา
Flight Guard Self Protection Systems
สวนบริษัท Israel Aerospace Industries (IAI) ไดพัฒนา Flight Guard Self Protection Systems สําหรับติดตั้งกับอากาศยานทางทหาร และเครื่องบินพาณิชยของอิสราเอลกวา 200 เครื่อง โดยติดตั้งบนเครื่องบินของสายการบิน El-Al ของ อิสราเอลตั้งแตป 2547 โดยระบบใช Invisible Flares ในการตอตาน Heat Seeking Missiles ใหเบน ทิศทางเปาหมายไปจากอากาศยาน อุปกรณสําคัญ ไดแก EL/M-2160 lightweight Pulse-Doppler (PD) radar system with four to six antennas, IMI Counter Measures Dispenser System (CMDS), consisting of two flare dispenser โดย Flight Guard Self Protection Systems มีราคาประมาณ 500,000 ดอลลารสหรัฐฯ ตอการติดตั้งอากาศยาน หนึ่งเครื่อง นอกจากนี้บริษัท Elisra (ดําเนินการโดย
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๘๙
บริษัท Elbit และ IAI) ไดพัฒนา “G-Force” Ground based “Umbrella” Protection System ซึ่งใช เทคโนโลยี Elisra's Passive Airborne Warning System (PAWS) สําหรับติดตั้งที่สนามบินพาณิชย และพื้นที่จุดยุทธศาสตรสําคัญ การพัฒนาระบบตอตานการโจมตี จากจรวดประทับบาของยุโรป บริษัท MBDA Missile Systems (เปนบริษัท ร ว มระหว า งสหราชอาณาจั ก ร ฝรั่ ง เศส เยอรมั น และอิตาลี) บริษัท Sagem ของฝรั่งเศสและบริษัท DGA France ไดรวมกันพัฒนา DDM-SAMIR (Système d'Alerte Missile Infra Rouge) /DDMNG Infra-Red (IR) missile detector (France) หรือ DDM NG Missile Warning System เพื่อติดตั้ง กับ บ.Rafale ในการปองกันอากาศยานจากการ โจมตีโดยจรวดพื้นสูอากาศ และจรวดนําวิถีอากาศ สูอากาศ DDM-SAMIR ใชเทคโนโลยี passive IR detection ประกอบดวย 2 สวนสําคัญคือ electrooptical head และ signal processing unit สามารถ ติ ด ตั้ ง กั บ อากาศยานได ด ว ยน้ํ า หนั ก ที่ เ หมาะสม อยางไรก็ตาม DDM-SAMIR นอกจากจะติดตั้ง ไดกับ บ.รบแลว ยังสามารถติดตั้งกับ บ.ลําเลียง ทางอากาศ รวมทั้ง ฮ. ดวย ปจจุบันอยูในระหวาง การทดสอบมาเปนเวลากวา 5 ป นอกจากนี้อยูระหวาง การพัฒนา DDM NG เพื่อติดตั้งภาคพื้น สําหรับ บริษัทอื่นที่พัฒนาไดแกบริษัท Thales, EADS, Diehl และ Alenia Aeronautica รวมกันพัฒนา ระบบ EC’s PALMA Protection Systems
DDM NG ติดตั้งกับ บ.Rafale
Embraer 120
สวนบริษัท Saab’s Electronic Defence System ประเทศสวีเดน ไดพัฒนา Civil Aircraft Missile Protection System-100 (CAMPS-100) สํ า หรั บ เครื่ อ งบิ น พลเรื อ นที่ มี เ พดานบิ น ต่ํ า กว า 15,000 ฟุต CAMPS-100 นับเปนระบบตอตาน การโจมตี จ ากจรวดประทั บ บ า แบบแรกในยุ โ รป ที่สวีเดนเคยจําหนายใหแอฟริกาใต ทั้งนี้ CAMPS100 มีราคาประมาณ 1.6-1.7 ลานดอลลารสหรัฐฯ การติดตั้งระบบตอตานการโจมตีจากจรวดประทับบา ขึ้นอยูกับขนาดเครื่องบิน หากเครื่องบินขนาดใหญ ตองใช Electromechanical Missile Decoy Dispensers มากขึ้น ราคาจะสูงขึ้นดวย CAMPS ประกอบดวย MAW 300 ultraviolet based missile
๙๐ ข่าวทหารอากาศ approach warner; central processing unit และ BOA non pyrotechnical flare and advanced IR countermeasures dispenser เคยประสบความ สําเร็จในการทดสอบระบบเมื่อป 2550 โดยติดตั้ง บน บ. Embraer 120 แม ป จ จุ บั น การติ ด ตั้ ง ระบบต อ ต า นการ โจมตีจากจรวดประทับบายังไมแพรหลาย รวมทั้ง สายการบินพาณิชยยังไมเห็นถึงความสําคัญมากนัก แตการพัฒนา ผลิต และจําหนายอาวุธประทับบา และมีประสิท
มกราคม ๒๕๕๕ ยั ง คงมี อยู อย า งตอ เนื่ อง และอาจตกอยูใ นความ ครอบครองของกลุมกอการรายมากขึ้น ซึ่งนับเปน ภั ย คุ ก คามที่ สํ า คั ญ ต อ ความมั่ น คงปลอดภั ย ในอนาคตหากหลายประเทศได พั ฒ นาระบบ ตอตานการโจมตีจากจรวดประทับบาใหมีทางเลือก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจทําใหประเทศตางๆ ใหความสนใจ และอาจพิจารณาจัดซื้อมาติดตั้งกับ อากาศยานตอไป """
ธิภาพมากขึ้น อาจทําใหประเทศตางๆให ความสนใจ และอาจพิจารณาจั ดซื้อมาติดตั้งกับ อากาศยานตอไป Reference : http://www.globalsecurity.org/security/systems/c-manpads.htm http://www.aviationnews.eu http://www.baesystems.com/Newsroom/NewsReleases/autoGen_108616141410.html http://defense-update.com/products/v/vigilant-eagle.htm http://defense-update.com/features/2009/june/music_dircm_250609.html http://www.iai.co.il/33792-26573-en/ELTA.aspx http://articles.janes.com/articles/Janes-Avionics/EL-M2160F-Flight-Guard-civil-aviation-protectionsystem-Israel.html http://www.deagel.com/Aircraft-Protection-Systems/CAMPS_a001773001.aspx
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๙๑
บางแค เดี๋ยวนี้เนื่องจากว่าสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อย เอื้ อ อํ า นวยให้ ค นจั บ จ่ า ยใช้ ส อยตามใจตั ว เองได้ เหมือนก่อน สินค้ามือสองจึงได้รับความนิยมอย่าง พุ่งพรวด คําว่า “มือสอง” ในปัจจุบันกลับกลายเป็น การสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ทั้งผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้ซื้อ ต่างยิ้มย่องผ่องใสชื่นมื่น แต่ก็ยังมี “มือสอง” อีกแบบหนึ่ง ที่ไม่ค่อยน่านิยมเลยนั่นก็คือ “ควันบุหรี่ มื อ สอง” ซึ่ ง ทุ ก คนควรหลี ก หนี ใ ห้ ห่ า งไกลจาก เจ้าควันขาวนี้ท่าจะดีกว่า ตามข้ อ มู ล ของ มู ล นิ ธิ ร ณรงค์ เ พื่ อ การ ไม่ สู บ บุ ห รี่ ระบุ ว่ า คนไม่ สู บ บุ ห รี่ ส่ ว นใหญ่ ได้ รั บ ควั น บุ ห รี่ มื อ สอง เด็ ก และคนใกล้ ชิ ด ผู้ สู บ บุ ห รี่ เสี่ยงต่อการได้รับควันบุหรี่มือสองสูงกว่า โดยเฉพาะ ผู้ชายมีแนวโน้มได้รับควันบุหรี่มือสองมากกว่าผู้หญิง ปั จ จั ย สํ า คั ญ ที่ ทํ า ให้ เ ด็ ก ได้ รั บ ควั น บุ ห รี่ มือสองมากที่สุด คือพ่อแม่ที่สูบบุหรี่ ส่วนในผู้ใหญ่ ปัจจัยที่ทําให้ได้รับควันบุหรี่มากที่สุด คือมีคนสูบบุหรี่ ที่อยู่บ้านเดียวกัน และสถานบริการ เช่น บาร์ ไนต์คลับ ยังเป็นแหล่งของควันบุหรี่มือสองในระดับสูงมาก แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาของควันบุหรี่มือสอง ซึ่งส่งผลร้ายต่อเด็กโดยตรง เป็นสิ่งที่ทั่วโลกตระหนัก กั น มากในขณะนี้ จากการรวบรวมงานวิ จั ย ระดั บ นานาชาติ พบว่ า เด็ ก ๗๐๐ ล้ า นคนทั่ ว โลก ได้ รั บ อันตรายจากควันบุหรี่มือสองขณะอยู่ที่บ้าน และถ้า ธรรม
พ่อแม่สูบบุหรี่วันละซอง ทําให้ลูกต้องหายใจเอาควัน บุ ห รี่ เ ข้ า ไปเท่ า กั บ ๕๐ ซองต่ อ ปี ยิ่ ง กว่ า นั้ น แม่ ที่ สูบบุหรี่จะทําให้เด็กทารกมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรค หูชั้นกลางอักเสบถึงสามเท่าในช่วงขวบปีแรก ทีเดียว ทารกที่ พ่ อ แม่ สู บ บุ ห รี่ จ ะมี อั ต ราการตาย สูงมาก และมีโอกาสสูงในการเป็นโรคไหลตาย
เด็กที่ได้รับควันบุหรี่ในบ้านหลังจากคลอด จะเพิ่ ม ความเสี่ ย งในการเป็ น โรคโครนห์ หมายถึ ง โรคที่ เ กี่ ย วกั บ การมี ปั ญ หาในลํ า ไส้ เช่ น มี อ าการ ท้ อ งร่ ว ง อาจมี เ ลื อ ดออกในลํ า ไส้ และเกิ ด แผลใน ลําไส้ เรียกว่า จะมีปัญหาด้านสุขภาพสองเท่าของเด็ก ที่ อ ยู่ ใ นครอบครั ว ปลอดบุ ห รี่ หรื อ อาจจะส่ ง ผลถึ ง การเป็นผู้สูบบุหรี่จัดในภายภาคหน้า ดังนั้น โปรดมาชวยกันรณรงคใหบา น ปลอดบุหรี่กันเถอะ เพื่อชีวิตที่ผาสุกของทุกคน ในครอบครัว
๙๒ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
มุมกฎหมาย
น.ท.พงศธร สัตยเจริญ
การขอพระราชทานอภัยโทษ การนิรโทษกรรม การลางมลทิน และการถวายฎีกา กลับมาเปนหัวขอ ที่นํามาพูดกันอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เปนเรื่องเกา สําหรับ ผูที่ ติด ตามข า วอย า งต อ เนื่อ งก็ค งพอจะทราบถึ ง ความหมายและความแตกตางระหวางกฎหมาย ใน ๔ เรื่องนี้แลว สวนผูที่ไมเคยไดติดตามขาวและ ยั ง มี ข อ สงสั ย ว า “การขอพระราชทานอภั ย โทษ การนิรโทษกรรม การลางมลทิน และการถวายฎีกา” เป น เรื่ อ งเดี ย วกั น เหมื อ นกั น หรื อ แตกต า งกั น อยางไรนั้น ผูเขียนขอสรุปใหทราบกันอีกครั้ง โดยเฉพาะ เรื่องผลจากการลางมลทิน
ซึ่งทําในนามพระมหากษัตริย ดังนั้น การพระราชทาน อภัยโทษ จึงเปนพระราชอํานาจของพระมหากษัตริย อั น นั บ เนื่ อ งในพระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ ส ว นหนึ่ ง การพระราชทานอภัยโทษนั้น จะเกิดขึ้นไดตอเมื่อ มีผูรองขอหรือถวายเรื่องตอพระมหากษัตริย และ ใช เ มื่ อ มี คํ า พิ พ ากษาถึ ง ที่ สุ ด ให ล งโทษผู ก ระทํ า ความผิ ด แล ว เท า นั้ น ซึ่ ง จะส ง ผลให ผู ที่ ไ ด รั บ การ พระราชทานอภัยโทษนั้นไมตองรับโทษอีกเลยหรือ ลดโทษใหมีการรับโทษแตเพียงบางสวน ทั้งนี้ ผลของ การพระราชทานอภั ย โทษนั้ น หาทํ า ให สิ ท ธิ ต า งๆ ที่ตองสูญเสียไปเพราะคําพิพากษากลับคืนมาไม
ª การพระราชทานอภัยโทษ (Pardon or Grace) การพระราชทานอภั ย โทษ หมายถึ ง การยกเวนโทษใหทั้งหมด หรือบางสวน หรือลดหยอน ผ อ นโทษลงไปแก นั ก โทษผู ที่ ต อ งคํ า พิ พ ากษาให รับโทษนั้น โดยยังถือวาเปนผูกระทําความผิดและ เคยต อ งคํ า พิ พ ากษา การพระราชทานอภั ย โทษ เปนพระราชอํานาจของพระมหากษัตริยโดยเฉพาะ การต อ งโทษจะมี ไ ด ก็ โ ดยคํ า พิ พ ากษาของศาล
ª การนิรโทษกรรม (Amnesty) การนิรโทษกรรม หมายถึง การที่กฎหมาย ไมถือวาการกระทําบางการกระทําเปนความผิดและ โทษซึ่งเปนผลสําหรับการกระทํานั้นไมจําเปนตอง ถูกนํามาบังคับใช ซึ่งตามปกติการกระทําดังกลาว เปนความผิด กลาวคือเปนการยกโทษใหทั้งหมด ทั้ ง ถื อ เสมื อ นหนึ่ ง ว า มิ ไ ด เ คยต อ งโทษนั้ น มาเลย ให ลื ม ความผิ ดนั้ นเสี ย ผลของการนิ รโทษกรรมนั้ น
มกราคม ๒๕๕๕ มุงโดยตรงไปที่การกระทําความผิด ซึ่งถือวาไมเปน การผิดกฎหมาย เมื่อเปนเชนนี้ความผิดซึ่งจะตกไป ยั ง ตั ว บุ ค คลผู ก ระทํ า ความผิ ด นั้ น ย อ มต อ งถู ก ลบลางตามไปดวย นิรโทษกรรมนั้นเปนการกระทํา โดยฝ า ยนิ ติ บั ญญั ติ คื อ รั ฐ สภา จะต อ งออกเป น “พระราชบัญญัติ” ทั้งนี้เพราะวาเมื่อมีการนิรโทษกรรม เปนการถือเสมือนหนึ่งวา ผูกระทําความผิดนั้นๆ มิไดกระทําความผิดเลย ก็เทากับเปนการลบลาง กฎหมายฉบับกอนๆ ซึ่งเปนการออกกฎหมายยอนหลัง (Non-Retroactive) แตเปนการยอนหลังที่ใหคุณ แกผูกระทําความผิดจึงสามารถบังคับใชได ดังนั้น จึ ง ให เ ป น หน า ที่ ข องฝ า ยนิ ติ บั ญ ญั ติ คื อ รั ฐ สภา เปนผูออก ª การลางมลทิน (Reputation or to exculpate) การลางมลทิน คือ การยกเลิกประวัติของ ผู ก ระทํ า ผิ ด ทั้ ง หมดที่ เ คยได ก ระทํ า มา ส ว นใหญ จะอยูในรูปพระราชบัญญัติ ซึ่งตางกับการอภัยโทษ ที่ออกเปนพระราชกฤษฎีกา (ซึ่งฝายบริหารสามารถ ออกได) ความจริงก็ไมมีอะไรมาก คือ เพื่อใหบุคคล นั้นไมมีคดีติดตัว หมายถึงวา ถึงแมผูนั้นจะพนโทษ แตประวัติการกระทําผิดยังอยู และเพื่อใหบุคคลนั้น กลับตัวใหม จึงควรลางมลทินให เสมือนหนึ่งเปน การชุบชีวิตใหมนั่นเอง ฎีการองทุกข คือ การทูลเกลาฯ ถวายฎีกา ปญหาความเดือดรอนที่ไดรับไมวาจะมาจากการกระทํา ที่ไมชอบของฝายปกครอง หรือมีความเดือดรอน และขอพระบรมราชานุเคราะหเปนการเฉพาะราย ในการขอที่ทํามาหากิน การฎีการองทุกขนี้ไมมี
ข่าวทหารอากาศ ๙๓ บทกฎหมายบัญญัติไวในรัฐธรรมนูญ แตมีที่มา ในทางธรรมเนียมปฏิบัติทางรัฐธรรมนูญ ในปจจุบัน การฎีการองทุกข ราษฎรอาศัย สิทธิที่ไดรับจากธรรมเนียมปฏิบัติทางรัฐธรรมนูญที่จะ ทู ลเกล าฯ เรื่ องราวเดื อดร อนของตน โดยปราศจาก ขอจํา กั ดวา ความเดือดรอ นนั้ น จะเปนประเภทใด หรื อ ขอบเขตเรื่ อ งใด แม แ ต เ รื่ อ งความเดื อ ดร อ น ทางด า นทรั พ ย สิ น เงิ น ทองก็ ส ามารถทู ล เกล า ฯ ขอพระบรมราชานุเคราะหได
ในการขอรับพระราชทานอภัยโทษ บัญญัติ ไว ใ นประมวลกฎหมายวิ ธี พิ จ ารณาความอาญา ภาค ๗ มาตรา ๒๕๙ – ๒๖๗ ซึ่งจะขออธิบายให เขาใจงายๆ ดังนี้ ª ประเภทของการพระราชทานอภัยโทษ ๑. การพระราชทานอภัยโทษเปนการทั่วไป ๒. การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ๑. การพระราชทานอภัยโทษเปนการ ทั่วไป คือ การพระราชทานอภัยโทษแกผูตองโทษ โดยการตราพระราชกฤษฎีกาตามการถวายคําแนะนํา
๙๔ ข่าวทหารอากาศ ของคณะรัฐมนตรีตอพระมหากษัตริย ตามมาตรา ๒๖๑ ทวิ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา ในกรณีนี้ ทางราชการจะดําเนินการใหแก ผู ต อ งโทษในทุ ก ขั้ น ตอน โดยที่ ผู ต อ งโทษมิ ต อ ง ดํ า เนิ น การใดๆ การขอพระราชทานอภั ย โทษ เป น การทั่ ว ไป มั ก จะมี ขึ้ น ในวโรกาสมหามงคล ตางๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย เชน เนื่องใน โอกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก รัชมังคลาภิเษก ฯลฯ เปนตน ๒. การพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย คื อ การพระราชทานอภั ย โทษแก ผู ต อ งโทษเป น รายบุคคล โดยการทูลเกลาฯ ถวายฎีกาขอพระราชทาน อภัยโทษ ตามการถวายคําแนะนําของรัฐมนตรีวาการ กระทรวงยุติธรรม สวนจะไดรับพระราชทานอภัย โทษหรือไมเพียงใด ขึ้นอยูกับพระบรมราชวินิจฉัย ขององค พ ระมหากษั ต ริ ย ผู ที่ มี สิ ท ธิ ยื่ น เรื่ อ ง ทู ล เกล า ฯ ถวายฎี ก าขอพระราชทานอภั ย โทษ เฉพาะราย ไดแก - ผูตองโทษที่คดีถึงที่สุด - ผูที่มี ป ระโยชนเ กี่ ย วข อง อาทิ เ ช น บิด า มารดา บุตร คูสมรส - สถานทู ต (ในกรณี ที่ เ ป น นั ก โทษชาว ตางประเทศ)
มกราคม ๒๕๕๕ ระยะเวลาการยื่นฎีกาทูลเกลาฯ ขอพระราชทาน อภัยโทษเฉพาะราย ๑. ผูต อ งโทษกรณี ทั่ว ไป ยื่ น ไดทั น ที ที่ค ดี ถึงที่สุด ๒. ผูตองโทษประหารชีวิต ตองยื่นภายใน ๖๐ วัน นับแตคดีถึงที่สุด ª ขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย ผูตองโทษ(โทษประหารชีวิต จําคุก กักขัง ริบทรัพยสิน)ที่คดีถึงที่สุดแลว และผูที่มีประโยชน เกี่ย วของสามารถยื่ น เรื่ อ งราวทู ล เกลา ถวายฎีก า ขอพระราชทานอภัยโทษผานเรือนจํา/ทัณฑสถาน หรื อ กระทรวงยุ ติ ธ รรม หรื อ สํ า นั ก ราชเลขาธิ ก าร หรื อ กระทรวงการต า งประเทศ หรื อ สถานทู ต หลั ง จากรั บ เรื่ อ งแล ว กรมราชทั ณ ฑ จ ะส ง ไป สอบสวนเรื่องราวยังเรือนจํา/ทัณฑสถานที่ควบคุม ผูตองโทษ จากนั้นจะเสนอความเห็นใหรัฐมนตรีวาการ กระทรวงยุ ติ ธ รรมลงนาม เพื่ อ นํ า ความขึ้ น กราบ บังคมทูลฯ ผานสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและ สํานักราชเลขาธิการ เมื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย เชนไร ก็จะสงผลฎีกาดังกลาวใหกรมราชทัณฑทราบ และดํ า เนิ น การพร อ มทั้ ง แจ ง ผลให ผู ยื่ น เรื่ อ งราว ทูลเกลาฯ ทราบ """
หมายเหตุ : ทนายความไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง (มาตรา ๒๕๙)
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๙๕
น.อ.หญิง นรีกุล จิตตบุณย
หลั ง จากผู เ ขี ย นจบการศึ ก ษาอบรมใน หลักสูตรบริหารการพยาบาลเมื่อป ๒๕๕๓ ผูเขียน ไดรับหนาที่ผูตรวจการพยาบาลของกองตรวจโรค ผูปวยนอก รพ.ภูมิพลอดุลยเดช พอ. นอกจากงาน บริหารตางๆ แลว งานแกปญหานับวาเปนงานที่ สํ า คั ญ ประจํ า วั น เพราะการให บ ริ ก ารทางด า น สุ ข ภาพแก ป ระชาชนในป จ จุ บั น เป น งานที่ ต อ ง ใชความรู ความสามารถ ประสบการณ แลวยังตอง มีทักษะในการเจรจาตอรองเพื่อมิใหเกิดขอขัดแยง ความไม พึ ง พอใจของผู รั บ บริ ก าร ซึ่ ง จะนํ า ไปสู การฟองรอง ที่ทําใหโรงพยาบาลตองเพิ่มรายจาย ในส ว นนี้ เ ป น อย า งมาก ความไม พึ ง พอใจของ ผู รั บ บริ ก ารที่ เ ป น ป ญ หานํ า ไปสู ก ารฟ อ งร อ ง ประเด็ น ที่ สํ า คั ญ มั ก มี ส าเหตุ ม าจากพฤติ ก รรม บริการและการใหขอมูลที่ไมเหมาะสมของผูใหบริการ โดยเฉพาะพยาบาลซึ่งเปนบุคคลใกลชิดกับผูรับบริการ มากที่ สุ ด บางครั้ ง ผู ใ ห บ ริ ก ารอาจไม รู ตั ว ว า ตน เป น ต น เหตุ ข องป ญ หานั้ น ดั ง เช น กรณี ที่ ผู เ ขี ย น พบในตอนเที่ยงของวันหนึ่ง ขณะที่ผูเขียนเดินผาน บริเวณหนาหองจายยาผูปวยนอกที่ยังคับคั่งดวย ผูปวยและญาติเพื่อรอรับยากลับบาน ผูเขียนไดพบ
ผูปวยหญิงชรานั่งรถเข็นพรอมญาติชายและหญิง ๒ คน กําลังสนทนากันดวยความตึงเครียด สีหนา ทาทาง ไมพอใจ เหมือนกําลังมีเรื่องคับของใจ ผูเขียน จึงเขาไปพูดคุยและสอบถามวา “มีอะไรใหผูเขียน ชวยเหลือมั๊ยคะ” ผูชายซึ่งไดทราบวาเปนบุตรของ ผูปวยจึงเลาใหผูเขียนฟงวา “ไดพาคุณแมมาพบแพทย เพื่อฟงผลการตรวจเลือดตามนัดที่หองตรวจอายุรกรรม ตั้งแตเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. และไดเขาหองตรวจ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. เมื่อแพทยตรวจดูผลเลือด ในคอมพิวเตอร ไมพบการรายงานซึ่งในความเปนจริง ตนพาคุณแมมาเจาะเลือดสงตรวจไวกอนพบแพทย หลายวันแลว ตนจึงออกมาสอบถามกับเจาหนาที่ พยาบาลประจําหองอายุรกรรม ก็ไดรับคําตอบวา ตองไปติดตามผลเลือดที่หองเจาะเลือดเอง เมื่อไปที่ หองเจาะเลือดไดรับคําตอบจากเจาหนาที่วา เพราะ คางชําระคาใชจาย จึงไมรายงานผลให ซึ่งทําใหเขา รูสึกโกรธมาก เพราะวันที่มาคุณแมมาเจาะเลือด ไม มี ใ ครแนะนํ า ให ข อ มู ล ขั้ น ตอนการดํ า เนิ น การ เพื่อการใชสิทธิ์เบิกจายตรงของผูปวยเลย เหตุการณ ครั้ ง นี้ เขารู สึ ก ไม พ อใจในขั้ น ตอนของระบบการ ใหบริการที่ไมชัดเจน ซึ่งทําใหตองเสียทั้งเวลา และ
๙๖ ข่าวทหารอากาศ เสียความรูสึกอยางมาก สงสารคุณแมที่อายุ ๙๒ ป ไมสบายกายแลวยังตองมาพบปญหาทําใหไมสบายใจ อีก” เมื่อผูเขียนรับทราบปญหาดังกลาว จึงได ให คํ า แนะนํ า ข อ มู ล ขั้ น ตอนรายละเอี ย ดของการ เจาะเลือดกอนพบแพทย และขอโทษแทนบุคลากร ทุ ก ส ว น ทั้ ง ในห อ งตรวจอายุ ร กรรมที่ ไ ม ไ ด ใ ห คํ า แนะนํ า เมื่ อ ให ใ บนํ า ทางไปเจาะเลื อ ด และ ไมติดตามผลให รวมทั้งเจาหนาที่หองเจาะเลือด ที่ไมไดใหคําแนะนํากอนเจาะเลือดแกผูรับบริการ ในขณะนั้ น ผู ป ว ยยั ง ไม ไ ด รั บ ประทาน อาหารกลางวัน อีกทั้งผูเขียนคิดวาทานคงเหนื่อยลา และอ อ นเพลี ย มากแล ว เพราะต อ งนั่ ง ในรถเข็ น ครึ่งคอนวัน ผูเขียนจึงไดไปขอรับยาใหผูปวยกอน เป น กรณี พิ เ ศษ เพราะถ า คอยตามคิ ว ที่ เ หลื อ อี ก ประมาณ ๑๐๐ คิว ผูปวยอาจอาการทรุดลง และ ทําใหครอบครัวไมพึงพอใจได
มกราคม ๒๕๕๕ จากคํากลาวขอโทษ การใหขอมูลตลอดจน การชวยเหลือของผูเขียนทําใหครอบครัวของผูปวย ลดความตึ ง เครี ย ดและความไม พึ ง พอใจลง อย า งมาก หลั ง จากนั้ น ๒ สั ป ดาห ผู เ ขี ย นได รั บ จดหมายขอบคุณจากบุตรสาวของผูปวยผานทาง ศูนยพัฒนาคุณภาพของ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช พอ. ซึ่ ง เป น กํ า ลั ง ใจให ผู เ ขี ย นตั้ ง ใจทํ า งานด ว ยความ เอื้ออาทรตอผูรับบริการทุกคน ในฐานะที่ผูเขียนเปน บุ ค ลากรคนหนึ่ ง ของ รพ.ภู มิ พ ลอดุ ล ยเดชฯ เมื่อพบเห็นผู รับบริการไมพึงพอใจดานระบบการ ใหบริการ ผูเขียนยินดีและพรอมรับผิดชอบเขาไป ดู แ ลให ค วามช ว ยเหลื อ ด ว ยความเต็ ม ใจ เพราะ ผู เ ขี ย นมี แ นวคิ ด และทุ ก ครั้ ง เมื่ อ มี โ อกาส ผู เ ขี ย น จะสอนน อ งๆ ว า การทํ า งานด า นการให บ ริ ก าร ถาทําดวยความเอื้ออาทรและเต็มใจจะมีความสุข เมื่อมีความสุขจะสนุกกับงานและพรอมจะแบงปน ความสุขใหกับผูรับบริการทุกคน
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๙๗
นายหวงใย
สิ่งมีชีวิตและไมมีชีวิตบนโลกใบนี้ ไมวาจะ เปนเครื่องจักร เครื่องยนต ฯลฯ ทุกสิ่งลวนตองการ การพัก รางกายมนุษยก็เชนเดียวกัน ตองการการ พักผอนคือ การนอนในเวลากลางคืน ซึ่งถือเปนการ พัก ร า งกาย เป น เสมื อ นการเพิ่ ม พลั ง ชี วิ ต เพราะ ขณะที่นอนหลับ รางกายทุกสวนจะลดความตึงตัว อยูในภาวะที่ผอนคลาย เปนเวลาที่รางกายขับพิษ และซ อ มแซมฟ น ฟู ตั ว เอง เพื่ อ เพิ่ ม พลั ง ในการ ใชงานวันถัดไป ระบบโครงสร้ า งร่ า งกาย เป็ น ระบบที่ ต้ อ งทํ า งานทั น ที เ มื่ อ ลื ม ตาตื่ น ขึ้ น ดั ง นั้ น หาก ชวงเวลานอนที่ถือวารางกายไดผอนคลายที่สุดนี้ กลับกลายเปนชวงเวลาที่เราทํารายรางกายตนเอง เรงวันเรงคืนใหรางกายเสื่อมโทรมลงดวยการนอน ในท า ที่ ผิ ด ร า งกายจะผ อ นคลายเต็ ม ที่ ใ นขณะ นอนหลับ กลามเนื้อทุกมัดจะลดความตึงตัวและอยู ในสภาพผ อ นคลายที่ สุ ด เพื่ อ ให เ ลื อ ด น้ํา เหลื อ ง และระบบประสาทไหลเวียนไดดี เพราะเปนเวลาที่ รางกายตองซอมแซมสวนที่สึกหรอ ฟนฟูทุกหนวย เซลลที่ใชไป รวมถึงการขับของเสียตางๆ รางกาย
ตองการการพักผอน ๕ – ๘ ชม. ชวงเวลา ๔ ทุม ถึง ตี ๒ เปนชวงที่รางกายผอนคลายที่สุด เปนชวงเวลา เหมาะสมที่ สุ ด ในการฟ น ฟู แ ละซ อ มแซมส ว นที่ สึ ก หรอของร า งกาย เมื่ อ ตื่ น ขึ้ น มาจะสดชื่ น กระปรี้ประเปรา มีพลังเต็มเปยมในเชาวันใหม แต หากคุณรูสึกวารางกายขาดความกระปรี้กระเปรา ออนเพลีย ไมสดชื่น หลังจากตื่นขึ้นมายังรูสึกเพลีย อยากนอนอยูทั้งๆ ที่นอนหลายชั่วโมงตอเนื่อง รูสึก เมื่อ ยลา –ติดขั ด ร า งกายไมคล อ งแคลว ปวด–ชา ตามมื อ –เท า ปวดหลั ง ปวดคอ รู สึ ก เหมื อ นเป น เหน็บ หรือเปนตะคริวตามสวนตางๆ ของรางกาย ปวดหัวไหล–สะบัก หลังตื่นนอนหากมีอาการเหลานี้ โดยหาสาเหตุไมพบ ปจจัยหนึ่งก็คือ ระบบโครงสราง รางกายไมสมดุลนั่นเอง การที่ ร ะบบโครงสร้ า งร่ า งกายไม่ ส มดุ ล ปั จจั ยหลั กเกิ ดจากอิ ริ ยาบถที่ ใช้ ในชี วิ ตประจํ าวั น ไม่ ถู ก ต้ อ งเหมาะสม ใช ร า งกายมากเกิ น ไป ดั ง ที่ กล า วมาแล ว ในอิ ริ ย าบถนั่ ง /ยื น และอี ก หนึ่ ง อิ ริ ย าบถที่ มี ผ ลมากก็ คื อ อิ ริ ย าบถ “นอน” ซึ่ ง สํ า คั ญ ไม แ พ อิ ริ ย าบถอื่ น ๆ เพราะในคื น หนึ่ ง ๆ
๙๘ ข่าวทหารอากาศ เรานอน ๕ – ๘ ชม. หากนอนอยูในทาที่ไมถูกตอง ยาวนานต อ เนื่ อ งเช น นี้ ท า นอนจึ ง มี ผ ลมากต อ โครงสรางรางกาย เพราะเมื่อเราเคยชินในการนอน ทาใด ก็จะนอนอยูในทานั้นๆ สวนใหญเกือบตลอด ทั้ ง คื น ผลก็ คื อ กล า มเนื้ อ มี ก ารเกร็ ง ตั ว เมื่ อ อยู ใ น ทาทางที่ไมถูกตอง มีผลทําใหจํากัดการไหลเวียน ของเลื อ ด ระบบน้ํ า เหลื อ ง และระบบประสาท สะสมจนเกิดเปนพังผืด ขอติดขัด กลามเนื้อเกร็งตัว ถาวร และดึงกระดูกใหผิดรูปในที่สุด เมื่อกระดูก ผิ ด รู ป ก็ ส ง ผลโดยตรงต อ การทํ า งานของระบบ ประสาทสั่ ง การในร า งกาย เป น ป จ จั ย หนึ่ ง ที่ เ ป น บันไดใหเ กิ ดความเจ็ บปว ยที่รุนแรงในอนาคตได ที่นากลัวมากและเปนสาเหตุที่อาจทําใหเสียชีวิต อันดับตนๆ ก็คือ อัมพาต
- ท า นอนที่ถูก ต องที่ สุ ดคื อ นอนหงาย หนุ น ศี ร ษะในแนวระนาบ หมอนหนุ น ใต หั ว ไหล เล็กนอยเพื่อใหรองรับความโคงชวงคอ มีหมอนรอง ใต เ ข า เพื่ อ ลดแรงตึ ง ของกล า มเนื้ อ และลด ความแอนของหลัง การนอนลักษณะนี้จะทําใหการ ไหลเวี ย นเลื อ ดเป น ไปตามปกติ ร า งกายจะ ผอนคลายมากที่สุด เอื้อตอการซอมแซมและฟนฟู ไดอยางมีประสิทธิภาพ แตถาการนอนในลักษณะนี้
มกราคม ๒๕๕๕ เปนปญหาตอทาน แสดงวาโครงสรางรางกายทาน อาจอยูในภาวะที่ไมสมดุล สวนทาทางการนอนอื่นๆ จะมีผลกับรางกายอยางไร ?
- ท า นอนตะแคง หลายท า นเข า ใจว า การนอนตะแคง เป น ท า นอนที่ ถู ก ต อ งหากมี หมอนขางกาย แตในทางกายวิภาคศาสตร ถือวา ทานี้มีผลทําใหโครงสรางรางกายเสียสมดุล เพราะ เมื่ออยูในทานอนตะแคง จะทําใหเกิดการกดทับที่ หัวไหล เปนสาเหตุหลักที่ทําใหหัวไหลติด ปวดไหล เกิดการกดทับของเสนประสาทที่คอ ทําใหคอเสื่อม เพราะทานอนตะแคงเปนทาที่คอจะพับลง สะโพก ก็บิดคว่ําลงดานหนา ซึ่งสะโพกและเชิงกรานเปน ฐานของแนวกระดูกสันหลัง จึงสงผลใหกระดูกบิด เปนตนเหตุของอาการปวดหลัง กระดูกหลังเสื่อม ทับเสนประสาท ทําใหปวดหลัง ราวลงขาหรือราว ลงสะโพกเมื่อตื่นนอน หลายทานที่นอนตะแคงและ นอนขด จะทํา ใหช องของกระดูก สัน หลัง ชว งลา ง เปดกวางออก เสี่ยงตอความมั่นคงของแนวกระดูก สันหลัง และเปนตนเหตุของหมอนรองกระดูกเคลื่อน - นอนคว่ํา ถือเปนทานอนที่ผิดมาก เพราะ กระดูกคอจะบิด กลามเนื้อจะอยูในแนวที่บิดเกร็ง อยูตลอดเวลา แนวกระดูกจะบิดหมุน ระบบการทํางาน
มกราคม ๒๕๕๕ ของเลื อ ดและน้ํ า เหลื อ งถู ก จํ า กั ด การไหลเวี ย น ระบบอวัยวะภายในโดยเฉพาะหัวใจ ปอด จะถูก กดทับ ทําใหไดอากาศไมเต็มที่ สิ่งเหลานี้จะสงผล ให ก ระบวนการซ อ มแซมในร า งกายถู ก จํ า กั ด ลง เปนตนเหตุใหรางกายเสื่อมสภาพเร็ว ภูมิตานทาน ลดลง และเปนที่มาของโรคตางๆ ในที่สดุ
หมอนและที่นอนก็มีความสําคัญมาก หากนิ่มเกินไป เมื่อนอนแลวตัวยุบลงตามความโคง ทําใหกระดูกผิดรูป ทําใหกลามเนื้อไมผอนคลาย เปนตนเหตุของความเจ็บปวดตางๆ จนถึงเปนโรค ได ใ นที่ สุ ด การเลื อ กที่ น อนและหมอนที่ ถู ก ต อ ง ควรเปนเนื้อที่คอนขางแนนแตนุม นอนแลวตัวหรือ ศีรษะไมยวบ สามารถรองรับน้ําหนักไดไมแข็งและ ไมนิ่มจนเกินไป ควรใหพอเหมาะกับรางกายของ แตละคน การนอนเป น ช ว งเวลาที่ สํ า คั ญ มาก มีผลตอความแข็งแรงของเซลลในรางกาย หาก เราปลอยปละละเลยไมสนใจกับทาทางการนอน ธรรม
ข่าวทหารอากาศ ๙๙ ที่ถูก ตอง นั่ น หมายถึง เราไดทํ า ลายและบั่ น ทอน ร า งกายให เ สื่ อ มเร็ ว มากขึ้ น เพราะไปจํ า กั ด กระบวนการซ อ มแซมและกระบวนการล า งพิ ษ ดังนั้นควรเปลี่ยนตัวเองตั้งแตวันนี้ โดยตองเปลี่ยนที่ ใจก อ น ร า งกายจึ ง จะยอมรั บ พร อ มความคิ ด ที่ เปลี่ยนไปตามจิตใจ แตเมื่อเปลี่ยนแลวรูสึกเปนทุกข กับรางกาย นั่นอาจเปนสัญญาณเตือนภัยวาโครงสราง รางกายของทานไมสมดุล ควรตองปรับปรุงแกไข เพราะหากโครงสรางรางกายผิดรูป การอยูในทาที่ ถูกตองจะทําใหปวดหรือมีอาการมากขึ้น นั่นหมายถึง ตองรักษาใหถูกแนวทาง เพื่อใหรางกายนี้หางไกล จากโรคภัยไขเจ็บ การปองกันหรือรักษาที่ตนเหตุ ดีกวาปลอยใหเปนมากขึ้น และอาจแกไขไดไมทัน
โครงสร้ า งร่ า งกายคื อ บั น ไดที่ จ ะ นํ า ไปสู่ ก ารมี สุ ข ภาพดี ไ ด้ อ ย่ า งแท้ จ ริ ง ทั้ ง ร่ า งกายและจิ ต วิ ญ ญาณ เพราะ...“จิ ต ใจ ที่แจ่มใส ย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง” ขอบคุณนิตยสารสุขภาพ Hospital Health care
๑๐๐ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
… การดูแลจิตใจ ... .........คนเรานั้นประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ เราอาบน้ําวันละสองครั้ง ทานอาหารวันละสามมื้อ ร่างกายเราจึงสะอาดและไม่หิวโหย แล้วเราทําอย่างนี้กับจิตใจของเราบ้างหรือเปล่า หากไม่ได้ทํา เราก็จะมี จิตใจที่สกปรกและหิวโซ และด้วยจิตใจที่สกปรกและหิวโซนี้ จะสามารถสร้างความทุกข์ความเดือดร้อน ให้กับตัวเองและผู้อื่นได้มากมายเหลือคณานับ ...... เป น เนื้ อ หาที่ ผู เ ขี ย นจดไว ใ นสมุ ด บั น ทึ ก เมื่อตนป พ.ศ.๒๕๑๔ ขณะที่นั่งทําความสะอาด รองเทา และฟงวิทยุไปดว ย เปนการเทศนาสดๆ ออกอากาศรายการวิทยุยานเกราะของหลวงพอ ปญญานันทะภิกขุ จากวัดชลประทานราชรังสฤษฎ ตลอดเวลาที่ ผ า นมาผู เ ขี ย นอ า นข อ ความนี้ หลายรอยครั้ง และคน ควาเรื่องราวตางๆ เพื่อหา คําตอบของเรื่องนี้ ทั้งจากเอกสารและเทปอีกมากมาย แตก็ไมมีคําอธิบายเรื่องนี้อยูที่ใดเลย แตเพราะการ ที่ตองคนควาหาความจริงในเรื่องนี้ ก็ทําใหตองเขา มาเกี่ยวของกับจิตใจมากขึ้นเรื่อยๆ และไดความรู และคําชี้แนะมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจิตใจเปนที่อยูของ คุณธรรม หรือพูดอีกอยางวาคุณธรรมนั้นอยูที่ใจ คงเปนเรื่องสําคัญมากที่เราจะตองดูแลรักษาจิตใจกันใหดี
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๑๐๑
ธรรมชาติใหสมองกับสิ่งที่มีชีวิต ทุกชนิดมามากบางนอยบางตามความจําเปน เพื่ อ ให สิ่ ง มี ชี วิ ต นั้ น พยายามเอาตั ว รอด และดํารงเผาพันธุของมันไวใหได ซึ่งเรา เรียกวาสัญชาตญาณ เราจะพบวา สิงโต เมื่อลาเหยื่อกินอิ่มแลวก็จะนอนเลน ไมวา กวางหรือมาลายจะเดินผานหนาไปมันก็ ไมสนใจ เพราะสัญชาตญาณของเขาจะ ทํางานการลาเมื่อตอนหิวเทานั้น มันไมคิดจะเอากวางไปใสตูเย็นไวกินอาทิตยหนา เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ มันก็ทําหนาที่ของมันอยางเอาเปนเอาตาย กัดกันจนแผลเต็มไปทั้งตัว เพื่อคัดสรรสงตอยีนสที่แข็งแรงที่สุด เมื่อหมดฤดูผสมพันธุก็หมดหนาที่ คนเราก็เปนสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่ธรรมชาติพัฒนาขึ้นมา มีสมองและสัญชาตญาณเหมือนสิ่งมีชีวิต อื่นๆ สมัยกอนคนก็ทําหนาที่ไปตามสัญชาตญาณที่ธรรมชาติใหมา ตอมาคนสามารถสรางเทคโนโลยีขึ้นมา ใชชวยทํางานได ตั้งแตใชกอนหินเพื่อทําหอก ทําดาบ ตอมาทําบาน ทําอาหาร ทําเครื่องมือตางๆ มากมาย และพรอมๆ กับการใชเทคโนโลยีชวยในการดํารงชีวิต คนก็สรางอารยธรรมขึ้นมาดวย เพื่อเปนกติกาของ การใชเทคโนโลยีในการอยูรวมกัน แลวเราก็เรียกตัวเองเสียใหมวา มนุษย (มโน + อุษย) ซึ่งแปลวา ผูมีจิตใจสูง ในตั ว มนุ ษ ย จึ ง มี ห ลายเรื่ อ งอยู ด ว ยกั น คื อ มีสัญชาตญาณที่ธรรมชาติใหมา มีประเพณี วัฒนธรรมในการอยูรวมกัน มีกฎกติกามารยาท ในการใชเทคโนโลยีรวมกันตามที่สังคมกําหนด แต ม นุ ษ ย มี ห นึ่ ง สมองที่ จ ะต อ งทํ า สิ่ ง เหล า นี้ จะทํ า ตามสั ญ ชาตญาณ หรื อ ประเพณีวัฒนธรรม หรือ กฎกติกาของสังคม หรือ เอาหลายๆ อยางมาผสมกัน แตทําไปตาม สัญชาตญาณ ซึ่งเปนสิ่งที่นาสะพรึงกลัวมาก ตามที่หลวงพอปญญาฯ ไดกลาวถึงตอนตน ตัวอยางเชน เมื่อคน ๆ หนึ่งรูสึกหิว สัญชาตญาณก็บอกเขาให หาอะไรมาทานใหหายหิว ถาเขาอยูในปาเขาก็หาผลไม เผือกมัน ทานไปตามเรื่องของเขา แกปญหาไป แต ถ า เขาอยู ใ นเมื อง เขาตอ งใชอ ารยธรรม คื อ ใชก ระดาษที่ เ รีย กว า เงิ น ซื้อ ของกิ น ดี อีก หนอ ยเขาอาจใช บั ต รเครดิ ต ซึ่ ง ไม รูว า มัน คื อ อะไรกั น แน แต ซื้ อ ของใสท อ งแกหิ ว ได ถา ไม มี ทั้ง สองอย า ง เขาอาจจะใช
๑๐๒ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
วัฒนธรรมยกมือไหวขอคนอื่นทานก็พอได แตเขาอาจจะขับมอเตอรไซดใสหมวกกันนอคเอาปนที่เปน เทคโนโลยีของมนุษยทั้งหมด ไปปลนธนาคารและเอาเงินไปซื้ออาหารทานก็ได แกหิวไดตามสัญชาตญาณ เหมือนกัน แลวอะไรที่จะเปนตัวกําหนดใหสมองของเขาตัดสินใจแบบใดแบบหนึ่ง ผู เ ขี ย นได พ บกั บ ตั ว เองว า ก า ร อ ยู ใ น สั ง ค ม ข อ ง เ ร า ทุ ก วั น นี้ สมองเราจะไดรับขอมูลตางๆ มากมาย ทั้ ง ทาง ตา หู จมู ก ปาก ลิ้ น กาย ใจ เปรี ย บเสมื อ นเราเดิ น อยู บ นถนนที่ เลอะเทอะไปด ว ยโคลน เมื่ อ เรากลั บ ถึง บ า น ตั ว เราก็จ ะเลอะเทอะไปหมด เราตองอาบน้ําฟอกสบูใหสะอาด เราถึง จะรูสึกสบายตัว จิตใจเราก็ไมตางกัน ขอมูลที่เขามาสูสมองของเรามากมายนั้น ทําใหสมองตองปรุงแตงไปเรื่อยๆ ไดผลเปนจิตใจที่ชอบใจบาง ขุนเคืองบาง โมโหบาง อยากไดบาง วิตกกังวลบาง สารพัดเรื่องที่เปนไป แลวเราจะอาบน้ําใหเขายังไง ผูเขียนพบวา การไดอานหรือฟงธรรมหรือคําสอนของทุกๆ ศาสนาจากบุคคลที่เราเคารพนับถือ จะได คําแนะนํา ขอเตือนใจ สอนใจ ใหจิตใจสะอาดจากสิ่งเหลานี้ได แมจะซ้ําๆ ซากๆ เหมือนอาบน้ําฟอกสบูย หี่ อ เดิมๆ มาสามสิบ สี่สิบป มันก็สะอาดเหมือนเดิม ผูเขียนจึงสรุปใหกับตัวเองวา การอานหรือฟงธรรมหรือ ขอคิด คําสอนที่ดีๆ อยูเสมอๆ ทุกวัน จะทําใหจิตใจสะอาดได นอกจากนี้ผูเขียนยังพบสิ่งๆ หนึ่งโดยบังเอิญ คือวันหนึ่งขณะยืนอยูนอกบานมีมอเตอรไซดคันหนึ่ง มาจอดเสียที่หนาบานพอดี ผูเขียนฟงอาการแลวก็บอกเขาวา ลุงเดาวาน้ํามันหมด ลองดูซิ เขาก็เปดดู ก็เปนจริง คือไมมีน้ํามัน เขาก็ถามกลับมาวา ปมน้ํามันอยูไกลมั้ย ผูเขียนบอกไปวา อยูหางจากนี่ไปประมาณกิโลกวา แตลุงมีน้ํามันที่ใชเอาไวลางเครื่องมืออยูพอประมาณ เอาไปเติมได จะไดไมตองเข็นรถไปถึงปมน้ํามัน เขาก็ทําตามและก็สตารทรถขับไป ผูเขียนตกใจหลังจากนั้นสักพักเพราะคิดวา รถของเขาทําไมเขาไมรูวา น้ํามันเหลือเทาไร หรือเขาขโมยรถคนอื่นมา แตอีกใจก็คิดวา เขาคงรีบมาก ลูกอาจไมสบายก็ได จนกระทั่ง อีกอาทิตยหนึ่งตอมา ที่เกาเวลาเดิม ผูเขียนไดยินเสียงเคาะประตูบาน ก็เดินไปดู มีชายหนุมคนหนึ่งยืนอยู เขาพูดวาลุงจําผมไดมั้ย วันนั้นที่รถของผมน้ํามันหมดแลวลุงใหน้ํามันเติมรถนะครับ ผมเอาปลามาฝากลุง สองตัว ผูเขียนไดกลาวตอบไปวา ไมเปนไรหรอก เขากลับตอบวาผมตั้งใจเอามาฝากดวยใจจริงครับ ผูเขียน ก็เพิ่งรูเหมือนกันวาความปติในจิตใจนั้นเปนอยางไร มันอิ่มใจ และทําใหผูเขียนเขาใจตอไปวา ทําไมปู ยา ตา ยาย ถึงสอนเราใหเอาของดีๆ ไปใสบาตรและรอใหพระฉันเสร็จกอน เราคอยทาน นั่นเปนการฝกเด็กๆ
มกราคม ๒๕๕๕
ข่าวทหารอากาศ ๑๐๓
ของเราใหรูจักการให สําหรับผูเขียนแลวการใหที่ใจบริสุทธิ์ คือการใหอาหารจิตใจตัวเราเอง ผูเขียนจะปฏิบตั ิ อยูเสมอเมื่อมีโอกาส และผูเขียนมั่นใจที่สุดเลยวา สังคมของเราจะสงบเย็น เพียงแตทุกคนคิดจะใหเทานั้นพอ ทุ ก คนสามารถดู แ ลจิ ต ใจ ของตนใหดี ดวยการอานหรือฟงธรรม และใหทานอยูเสมอๆ เราจะมีจิตใจ ที่ ส ะอาดและไม หิ ว โหย ด ว ยจิ ต ใจ อยา งนี้เ ทา นั้น ที่คุณธรรมดา นอื่น ๆ จะมาอาศัยอยูได และคุณธรรมนี่แหละ ที่จะเปนตัวกําหนดใหมนุษยทําอะไร อยางผูมีจิตใจสูง ...
๑๐๔ ข่าวทหารอากาศ
มกราคม ๒๕๕๕
คุณสมบัติของผู้สมัคร ๑. เป็นชายโสด สําเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ (ม.๓) หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการหรือเทียบเท่า ๒. อายุไม่ต่ํากว่า ๑๔ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๑๗ ปีบริบูรณ์ ในปีที่จะเข้ารับการศึกษาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร การนับอายุให้นับตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร (ผู้ที่เกิด พ.ศ.๒๕๓๘ – ๒๕๔๑) ๓. มี สั ญ ชาติ ไ ทยโดยกํ า เนิ ด บิ ด าและมารดามี สั ญ ชาติ ไ ทยโดยกํ า เนิ ด แต่ ถ้ า บิ ด าเป็ น นายทหาร ชั้นสัญญาบัตร หรือ นายทหารชั้นประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกําเนิดแล้ว มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยกําเนิดก็ได้ (กรุณาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บไซต์โรงเรียนนายเรืออากาศ www.rtafa.ac.th) หลักฐานการสมัคร ๑. รูปถ่ายขนาด ๑ นิ้ว จํานวน ๑ รูป (เฉพาะผู้ที่สมัครทางไปรษณีย์เท่านั้น) ๒. สําเนาระเบียนแสดงผลการเรียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ช่วงชั้นที่ ๓ (ม.๑ – ม.๓) หรือใบรับรองผลการเรียน (ปพ.๗) จํานวน ๑ ฉบับ ๓. สําเนาทะเบียนบ้านผู้สมัคร บิดาและมารดาผู้ให้กําเนิด คนละ ๑ ฉบับ หากผู้สมัครสอบมีบิดา - มารดาที่มีชื่อหรือ นามสกุลในหลักฐานต่าง ๆ ไม่ตรงกัน ต้องแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน (โดยแก้ไขที่อําเภอ/เขต) และให้นําหลักฐานการแก้ไขมา แสดงประกอบ ระเบียบการและใบสมัคร - สั่งซื้อระเบี ยบการและใบสมัครทางไปรษณี ย์ ได้ตั้ง แต่วันที่ ๒๙ ธ.ค.๕๔ - ๑๐ ก.พ.๕๕, ดาวน์โหลด ใบสั่งซื้อที่ www.rtafa.ac.th ราคาที่สั่งซื้อชุดละ ๑๐๐ บาท (รวมค่าจัดส่งทางไปรษณีย์) ราคา ๖๐ บาท - ซื้ อ ระเบี ย บการและใบสมั ค รด้ ว ยตนเอง ตั้ ง แต่ วั น ที่ ๒๙ ธ.ค.๕๔ - ๑๔ มี . ค.๕๕ ณ โรงเรียนนายเรืออากาศ วันรับสมัคร
- สมัครทางไปรษณีย์ วันที่ ๓ ม.ค. – ๑๗ ก.พ.๕๕ - สมัครด้วยตนเอง วันที่ ๙ – ๑๔ มี.ค.๕๕ ณ อาคารรณนภากาศ รร.นอ. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ติดต่อสอบถามรายละเอียดการรับสมัคร ที่ กองสถิติฯ / ประชาสัมพันธ์ โรงเรียนนายเรืออากาศ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๓๔ ๓๖๒๔ – ๒๗, ๐ ๒๕๓๔ ๕๒๖๕, www.rtafa.ac.th, www.rtaf.mi.th
นางสาวยิ่งลักษณ‹ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พรˆอมคณะฯ ตรวจเยี่ยมกองทัพอากาศ โดยมี พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. และ น.ผูƒใหญ‡ ใหˆการตˆอนรับ ในโอกาสนี้ ผบ.ทอ. ไดˆประดับ เครื ่ อ งหมายความสามารถในการบิ น ชั ้ น กิตติมศักดิ์ ใหˆแก‡นายกรัฐมนตรี ณ บก.ทอ.
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. พรˆอมดˆวยขˆาราชการ ร‡วมพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจˆาอยู‡หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ (๘๔ พรรษา) ณ หอประชุม ทอ.
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. พรˆอมดˆวย น.ผูƒใหญ‡ ของ ทอ. ผูˆแทน หน‡วยราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ‹ ร‡วมใน พิธีวางพวงมาลาและพิธีสงฆ‹เพื่อระลึกถึงความกลˆาหาญ และเสียสละของ “วีรชน ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔” ณ บน.๕ จ.ประจวบคีรีขันธ‹
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. รับมอบเงิน และเครื่องครัว จากหน‡วยงานของ ทอ. ภาคเอกชน ในโอกาสเป็นประธานในพิธี มอบหนังสืออุปกรณ‹การเรียน เครื่องใชˆประจำครัว และเปิดบริการ ซ‡อมอุปกรณ‹เครื่องใชˆไฟฟƒา รถจักรยานยนต‹แก‡ขˆาราชการ และ ครอบครัว ทอ. ณ อาคารอเนกประสงค‹ สมส.ชั้นประทวน
ดร.ชัยยงค‹ สัจจิพานนท‹ เอกอัครราชทูต เลี้ยงรับรอง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผช.ผบ.ทอ. เขˆาร‡วมประชุม Global Air Chief Conference และงานแสดงยุทโธปกรณ‹ Seoul Aerospace & Defense Exhibition (ADEX 2011) ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผช.ผบ.ทอ.สำรวจสถานการณ‹น้ำในพื้นที่ รร.นอ. และใหˆกำลังใจขˆาราชการและเจˆาหนˆาที่ ที่เสียสละปฎิบัติหนˆาที่ในสถานการณ‹น้ำท‡วม โดยมี พล.อ.ท.สฤษดิ์พงษ‹ โกมุทานนท‹ ผบ.รร.นอ. ใหˆการตˆอนรับ และนำสำรวจระดับน้ำในพื้นที่ รร.นอ.
พล.อ.ท.ธงชัย แฉลˆมเขตร รอง เสธ. ทอ. เป็นผูˆแทน ทอ. รับมอบแพพัก ผูƒโดยสาร (โป๊ะท‡าเรือ) จำนวน ๘ แพ จาก ทร. โดย รอง เสนาธิการทหาร เรือ และเจˆากรมอู‡ทหารเรือ เป็น ผูˆมอบ
พล.อ.ท.สฤษดิ์พงษ‹ โกมุทานนท‹ ผบ.รร.นอ. ถ‡ายภาพร‡วมกับหมู‡เชิญ ธงชัยเฉลิมพลและกองเกียรติยศ นักเรียนนายเรืออากาศ หลังเขˆาร‡วม พิธีถวายสัตย‹ปฏิญาณตนของทหาร รักษาพระองค‹ เนื่องในพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ หนˆา อนุสาวรีย‹บุพการีทหารอากาศ
พล.อ.ท.วิโรจน‹ นิสยันต‹ รอง ผบ.คปอ. เป็นประธานเปิดงาน กิจกรรม Big Cleaning Day คปอ. ครั้งที่ ๑
พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล จก.ยศ.ทอ. เป็นประธาน ในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตร น.ประทวนเป็น น.สัญญาบัตร รุ‡นที่ ๔๐ ณ หˆองบรรยาย รร.นม.ยศ.ทอ.
พล.อ.ต.เผด็จ วงษ‹ปิ่นแกˆว รอง จก.ยศ.ทอ. เป็นประธานในพิธีถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจˆาอยู‡หัว และเปิด กิจกรรม Big Cleaning Day ณ บริเวณหนˆาอาคาร บก.ยศ.ทอ.
รพ.ภูมิพลอดุลยเดช พอ. จัดรายการพิเศษ “เทิดไทˆองค‹ราชัน ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อทวยราษฎร‹ปราศจากทุกข‹ภัย” เพื่อเทิด พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจˆาอยู‡หัว และรับบริจาคเงินสมทบทุนมูลนิธิราชประชา นุเคราะห†ในพระบรมราชูปถัมภ‹ ช‡วยเหลือ ฟื้นฟูผูˆประสบอุทกภัย โดย พล.อ.ท.วราวุธ คันธา จก.พอ. และ พล.อ.ต.ชูพันธ‹ ชาญสมร ผอ.รพ.ฯ เป็นตัวแทนร‡วมบริจาคเงิน จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทางสถานีวิทยุโทรทัศน‹ กองทัพบก ช‡อง ๕
พล.อ.ต.ยรรยง คันธสร จก.กพ. ทอ. ไดˆนำขˆาราชการ ลูกจˆาง และ พนักงานราชการ เขˆาร‡วมกิจกรรม ทำความสะอาด
พล.อ.ต.ศิริชัย ภัทรสุวรรณ จก.ขส.ทอ. ไดˆนำขˆาราชการ ลูกจˆาง และพนักงานราชการ เขˆาร‡วมกิจกรรมทำความสะอาด
น.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.บน.๑ ร‡วมพิธีลงนาม ถวายพระพรชัยมงคลและกล‡าวถวายราชสดุดีเฉลิม พระเกียรติ เนื่องในงานมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ หอประชุมเปรม ติณสูลานนท‹ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
น.อ.พงษ‹สวัสดิ์ จันทสาร ผบ.บน. ๔ นำขˆาราชการ และชมรมแม‡บˆาน ทอ.บน.๔ ร‡วมพิธีถวายพระพรชัยมงคล และลงนามถวายพระพร วันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวา มหาราช ณ ศาลาประชาคม อ.ตาคลี จ.นครสววรค‹
น.อ.ทศวรรณ รัตนแกˆวกาญจน‹ ผบ.บน.๔๖ พรˆอมดˆวย ขˆ า ราชการ ลู ก จˆ า ง พนั ก งานราชการและทหารกอง ประจำการ บน.๔๖ ร‡วมประกอบพิธีถวายสัตย‹ปฏิญาณ ณ บริเวณหนˆาอาคาร บก.บน.๔๖
น.อ.ตากเพชร พินพันธุ‹ ผบ.บน.๕ นำขˆาราชการ ชมรมแม‡บˆาน และ ทหารกองประจำการ ร‡วมพิธีเทิดเกียรติ สดุดีวีรชน ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ประจำปี ๒๕๕๔ จ.ประจวบคีรีขันธ‹
น.อ.นฤพล จักรกลม ผบ.บน.๒ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม Computer Program Photoshop ณ อาคารอเนกประสงค‹มณีศิลป์
น.อ.นฤพล จักรกลม ผบ.บน.๒ ตˆ อ นรั บ นั ก เรี ย นพยาบาลทหาร อากาศ ชั้นปีที่ ๓ มาฝึกปฏิบัติงาน ร.พ.นารายณ‹ ม หาราช จ.ลพบุ ร ี ณ บก.บน. ๒
น.อ.สุจินดา สุมามาลย‹ ผบ.บน.๕๖ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม โครงการปƒองกันโรคเอดส‹และยาเสพติด ใหˆแก‡ทหารกองประจำการ รุ‡นปี ๒๕๕๔ ผลัดที่ ๒ ณ หˆองประชุม พัน.อย.บน.๕๖
น.อ.อร‡าม สกุลแกˆว ผบ.บน.๒๑ นำขˆาราชการ และ สมาชิกชมรมแม‡บˆาน ทอ. บน.๒๑ ร‡วมพิธีลงนาม ถวายพระพรชั ย มงคล เนื ่ อ งในโอกาสพระราชพิ ธ ี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ หอประชุมไพรพะยอม ม.ราชภัฏอุบลราชธานี
น.อ.พฤทธิ์ ตึกสุอินทร‹ เสธ.บน.๕๖ และขˆาราชการ บน.๕๖ ร‡วมพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันวีรไทย ณ อนุสาวรีย‹ พลเอก หลวงเสนาณรงค‹ ค‡ายเสนาณรงค‹ มณฑลทหารบกที่ ๔๒ อ.หาดใหญ‡ จ.สงขลา
น.อ.ประยูร ธรรมาธิวัฒน‹ ผบ.บน.๔๑ นำขˆาราชการ ชั้นสัญญาบัตรเขˆาร‡วมงานสโมสรสันนิบาต จ.เชียงใหม‡ ประจำปี ๒๕๕๔ ณ หˆองเอ็มเพรสแกรนด‹ฮอลล‹ ชั้น ๓ อาคารศูนย‹ประชุมนานาชาติเอ็มเพลส โรงแรมดิเอ็มเพรส จ.เชียงใหม‡
น.อ.จุมพล คลˆอยภยันต‹ เสธ.บน.๔๑ รับมอบของบริจาค ช‡วยเหลือผูˆประสบอุทกภัยจาก ร.ร.วชิรวิทย‹ จ.เชียงใหม‡ ณ บริเวณ ลานหนˆาเสาธง