“...ความรูสึกระลึกไดวาอะไรเปนอะไร หรือเรียกสั้นๆ วา “สติ” นั้น เปนสิ่งสําคัญที่สุดอยางหนึ่งที่จะทําใหบุคคลหยุดคิดพิจารณากอนที่จะทํา จะพูด และแมแตจะคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งวาสิ่งนั้นดีหรือชั่ว มีคุณมีประโยชนหรือ เสียหาย ควรกระทําหรือควรงดเวนอยางไร เมื่อยั้งคิดได ก็จะชวยใหพิจารณา ทุกสิ่งทุกอยางอยางละเอียดประณีต และสามารถกลั่นกรองเอาสิ่งที่ไมเปน สาระ ไมเปนประโยชนออกไดหมด คงเหลือแตเนื้อแทที่ถูกตองและเปนธรรม ซึ่งเปนของควรคิดควรพูดควรทําแทๆ ...” พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่สามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเชิญไปอ่านในการประชุมสามัญประจําปี ระหว่างวันที่ ๑๖ – ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๒๐
ข่าวทหารอากาศ คณะผู้จัดทำหนังสือข่าวทหารอากาศ
หนังสือข่าวทหารอากาศ
เจ้าของ กองทัพอากาศ
ทีป่ รึกษา พล.อ.อ.สมศักดิ์ วรฉัตร พล.อ.ท.ประพัตรา ตัณฑ์ไพโรจน์ พล.อ.ต.หญิง มาลี ดิษฐบรรจง พล.อ.ต.หญิง สุมาลี ฤทธิบตุ ร
ผูอ้ ำนวยการ พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารอากาศ
ความเป็นมา หนังสือข่าวทหารอากาศ เป็นนิตยสารรายเดือนของ กองทัพอากาศ เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ ขึ้นกับกรม ข่ า วทหารอากาศ มี น าวาอากาศเอก สกล รสานนท์ เป็ น บรรณาธิ ก ารคนแรก ดำเนิ น การโดยทุ น ของข้ า ราชการ ทหารอากาศ ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๙๘ ได้โอนกิจการมาอยู่ในความ อำนวยการของกรมยุ ท ธศึ ก ษาทหารอากาศ ตามคำสั ่ ง ทอ. (เฉพาะ)ที่ ๕๘๐/๙๘ ลง ๒๓ ธ.ค.๒๔๙๘ มีเจ้ากรมยุทธศึกษา ทหารอากาศ เป็นผูอ้ ำนวยการ ตามคำสัง่ ทอ.(เฉพาะ) ที่ ๕/๙๙ ลง ๗ ม.ค.๒๔๙๙ ภารกิจ
รองผู้อำนวยการ
ดำเนิ น กิ จ การหนั ง สื อ ข่ า วทหารอากาศ ให้ เ ป็ น ไป ตามนโยบายของกองทั พ อากาศ มี ผ ู ้ อ ำนวยการหนั ง สื อ ข่ า ว ทหารอากาศ (จก.ยศ.ทอ.) เป็นผูบ้ งั คับบัญชารับผิดชอบ
พล.อ.ต.ฌเณศ ชลิตภิรตั ิ เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ น.อ.ประเสริฐ ช่างประเสริฐ รองเสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารอากาศ ผูจ้ ดั การ ผูช้ ว่ ยผูจ้ ดั การ
วัตถุประสงค์/นโยบายกองทัพ ๑. เพือ่ เพิม่ พูนความรูใ้ นกิจการทัว่ ๆ ไป ๒. เพือ่ แลกเปลีย่ นแสดงความคิดเห็นในด้านการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี อันจะเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวม ๓. เพือ่ เผยแพร่กจิ การกองทัพอากาศ
น.อ.สหัสชัย มาระเนตร น.ท.ชาญยุทธ รัตนสาลี
กองบรรณาธิการ บรรณาธิการ พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล ผู้ช่วยบรรณาธิการ น.อ.หญิง พัชรา ภัทรสุวรรณ น.อ.หญิง นภิศพร สังข์ทอง
ประจำกองบรรณาธิการ น.ท.หญิง กาญจณา แตงฉ่ำ น.ท.หญิง วรรณิภา ยีป่ ระชา น.ต.สินธพ ประดับญาติ
น.ท.นิพนธ์ ก่อสินค้า น.ท.หญิง อนงค์นาถ บุญจฑิตย์ พ.อ.อ.ชัยชนะ โสระสิงห์
กองจัดการ น.ท.พินจิ นุชน้อมบุญ
น.ท.สมพร สิงห์โห ร.อ.หญิง สุมาลี สายะนันท์ พ.อ.อ.ประจวบ วีระชนม์ จ.อ.หญิง เศาวณี พ่านเผือก นาง พรทิพย์ ศรีวรพงษ์ สำนักงานหนังสือข่าวทหารอากาศ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม.๑๐๒๑๐ โทร. ๐-๒๕๓๔-๔๔๗๑, ๐-๒๕๓๔-๔๒๔๑ Fax. ๐-๒๕๓๔-๔๔๗๑
นโยบายการดำเนินงานในปัจจุบัน ๑. เป็นสือ่ กลางในการแลกเปลีย่ น แสดงความคิดเห็น ทีเ่ ป็นประโยชน์ในการพัฒนากองทัพและส่วนรวม ๒. เรือ่ งทีน่ ำลงในหนังสือข่าวทหารอากาศ * ต้องไม่ขดั ต่อวัตถุประสงค์/นโยบาย กองทัพอากาศ ทีก่ ำหนด * ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อความมัน่ คงของชาติ บุคคล หรือส่วนรวม * ความยาวของเรือ่ งไม่ควรเกิน ๕ ตอน แต่ละตอน ไม่ควรเกิน ๕ หน้า * ต้องได้รบั การพิจารณาและเห็นชอบจากคณะ กรรมการพิจารณาเรือ่ งของสำนักงานหนังสือข่าวทหารอากาศ กำหนดการเผยแพร่ นิตยสารรายเดือน
พิมพ์ท่ี โรงพิมพ์กองทัพอากาศ ดอนเมือง แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. ๑๐๒๑๐ โทร.๐-๒๕๓๔-๒๙๔๓ , ๐-๒๕๓๔-๕๑๔๘
ค่าสมาชิกภายนอก ปีละ ๓๕๐ บาท (รวมค่าส่ง) สัง่ จ่าย ปณ. คลองถนน ๑๐๒๒๒ ความคิดเห็นของผูเ้ ขียนในหนังสือฉบับนีไ้ ม่มส ี ว่ นผูกพันกับทางราชการแต่ประการใด
ออกแบบปก : น.ต.สินธพ ประดับญาติ
http://www.rtaf.mi.th หรือ E-mail : rtafmag@gmail.com
ปีท่ี ๗๑ ฉบับที่ ๑๑ เดือน พฤศจิกายน ๒๕๕๔
สารบัญ บทบรรณาธิการ
๖๑ ครูภาษาพาที : ทิงลิช Tinglish
๕ ธ สถิตในใจประชา : ๗ รอบพระนักษัตร ๑๒ ๑๖ ๒๑ ๒๕ ๓๔ ๔๐ ๔๓ ๕๐ ๕๒ ๕๘
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ...ตามรอย ปฏิบตั กิ ารของทหารไทยในงานพระราชสงคราม ณ ประเทศฝรัง่ เศส พ.ศ.๒๔๖๑ ...พล.อ.อ.สมศักดิ์ วรฉัตร “ท่านรังษ์ฯ” นักบินเหรียญกล้าหาญ ...พล.อ.ต.ปรีชา ประดับมุข การฝึกผสม Thai Boomerang 11 ...ปชส.การฝึกผสม Thai Boomerang 11 การหลงสภาพการบิน ...น.อ.พลวัตร อินทรวิเศษ การฝึก “บริหารสถานการณ์วกิ ฤต ระดับยุทธศาสตร์” ...น.อ.หญิง วิบลู รัตน์ เอีย่ มปรเมศวร์ AERO Update ...วิศวกร ชอ. การโจมตีบนโลกไซเบอร์ ...น.อ.สรรสิริ สิริสันตคุปต์ บทสัมภาษณ์พเิ ศษ “ครัง้ หนึง่ ของลูกผูช้ าย กับการฝึกบินกับอากาศยานขัน้ ต้น” ...ปชส.รร.นอ. ภาษาไทยด้วยใจรัก “พระผู้ทรงเป็นปราชญ์ใหญ่และปราชญ์โลก” ...นวีร์ CROSSWORD ...อ.วารุณี
๑๐๐
๖๗ ๗๑ ๗๓ ๗๗ ๗๙ ๘๒ ๘๗ ๘๙ ๙๓ ๙๕ ๙๘ ๙๙ ๑๐๓ ๑๐๔ ๑๐๖
ภาษาอังกฤษแบบไทยๆ ...Water lily Test Tip Part 16 ...Runy เวลา...การ์ตูน ...มิสกรีน พูดจาประสาหมอพัตร “อีกาที่ญี่ปุ่น” ...หมอพัตร ภาพเก่าเล่าเรือ่ ง : น้ำท่วม ...น.อ.ศักดิพ์ นิ ติ พร้อมเทพ วัตถุมงคลของชาว ทอ. : กองบิน ๔๑ ...น.อ.อภิชัย ศักดิ์สุภา (นนอ.๒๒) เข็มขัดสัน้ ...อ.แม้น มุมกฎหมาย : สิทธิการตาย ...Healty สามแผ่นดิน ตอน ๔ ...พล.อ.อ.เดชา หันหาบุญ มุมสุขภาพ : เห็ดกับประโยชน์ทางการแพทย์ ...นายห่วงใย การทอดผ้าบังสุกุล ...น.อ.เกษม พงษ์พนั ธ์ นานาน่ารู้ “วาซาบิ” ...บางแค ขอบฟ้าคุณธรรม : สำนึกรับผิดชอบ ...1261 เฉลยปริศนาอักษรไขว้ ฉบับเดือน ส.ค.๕๔ ...มีน แบบสอบถามความคิดเห็น หนังสือข่าว ทอ. ในรัว้ สีเทา
สวัสดี สมาชิกขาวทหารอากาศทุกทาน “ในฤดู เ ดื อ นสิ บ สอง เป น เวลาที่ น้ํ า ในแม น้ํ า ใสสะอาดและมากเต็ ม ฝ ง ทั้ ง เป น เวลาที่ สิ้ น ฤดู ฝ น ในกลางเดือนนั้นพระจันทรก็มีแสงสวางผองใส เปนสมัยที่สมควรจะรื่นเริงในลําน้ําในเวลากลางคืน พระเจาแผนดิน จึงไดเสด็จลงประพาสตามลําน้ําพรอมดวยขาราชบริพารฝายใน เปนประเพณีมีมาแตกรุงสุโขทัยฝายเหนือ โนนแลว” พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ในหนังสือ “พระราชพิธีสิบสองเดือน”
วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตรงกับเทศกาล “ลอยกระทง” ซึ่งเดิมมาเรียกวา “ลอยประทีป” วัฒนธรรมดั่งเดิม ของเรา เปนสิ่งที่นายกยองสงเสริม เพราะวัฒนธรรมเปนเอกลักษณของชาติที่แสดงถึงภูมิปญญา รสนิยม และคุณธรรมของ บรรพบุรุษที่ไดสั่งสมและถายทอดสืบตอกันมา แตในปจจุบันแบบแผนทางวัฒนธรรมประเพณีดังกลาว ไดมีการเปลี่ยนแปลง มาเปนการรื่นเริงสนุกสนาน ดังที่เราเห็นกันอยูทุกวันนี้ เชน เลนจุดพลุดอกไมเพลิง ซึ่งอาจทําความเดือดรอนและเปนอันตราย ตอผูอื่น ดังนั้นในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนทุกทาน รวมรําลึกถึงวัฒนธรรมอันดีงามของเรา เพื่อจะไดฟนฟูคานิยมเกาที่ดีงาม ในอดีต ใหกลับมาสูยุคสมัยใหมใหได วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ เปนวันประสูติของ พลเอกหญิง พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง สมเด็จพระเจา ภคินีเธอ เจาฟาเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เปนพระราชธิดาเพียงพระองคเดียว ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยูหัวกับพระนางเจาสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมูพระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง (กอนที่สมเด็จพระบรมชนกนาถจะเสด็จสวรรคตในอีกหนึ่งวันตอมา) และทรงสิ้นพระชนม ในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔ (๘๕ ป ๒๔๕ วัน) ณ โรงพยาบาลศิริราช ตลอดระยะเวลาที่ผานมา พระองคทรงมุงมั่นในการบําเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อแบงเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว และสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ ในการบํารุงความ ผาสุ ก ของอาณาราษฎร มาอย า งต อ เนื่ อ งยาวนาน แม ใ นยามที่ ท รงเจริ ญ พระชนมายุ สู ง ขึ้ น ก็ ยั ง ทรงพระอุ ต สาหะ บําเพ็ญสาธารณประโยชนมิไดวางเวน พรอมดวยพระจริยวัตรอัธยาศัยอันงดงามสมพระอิสริยศักดิ์ ภาพจากปกฉบับนี้ อานรายละเอียดไดจาก....เรื่อง “ทานรังษฯ” นักบินเหรียญกลาหาญ จะไดทราบถึงขีดความ สามารถของนักบินเครื่องบินแบบ ๒๖ นาโกยา (Nagoya) ภารกิจบุกนานฟาขาศึก ในกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส ทําใหเรา เกิดความภาคภูมิใจในกิจการบินที่บรรพบุรุษไดสั่งสมไว....เรื่อง การหลงสภาพการบิน ทําใหทราบถึง การเกิด การแกไข ขอมูล และปจจัยในการทําใหเกิดการหลงสภาพการบินของนักบิน โดยเฉพาะเครื่องบินรบ ซึ่งจะตองทําการบินคนเดียว และนอกจากนี้ยังมีเรื่องประจําฉบับที่นาสนใจอีกมากมาย เชิญพลิกอานตามอัธยาศัย บรรณาธิการ
๗ รอบพระนักษัตร พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ธ สถิตในใจประชา
ตามรอย
รอบพระนักษัตรที่ ๕ พุทธศักราช ๒๕๑๙ - ๒๕๓๐
พระราชพิธีสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นการเนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๒๐ ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย
ทรงวางแผนปฏิบัติการฝนหลวง ณ สนามบินบ่อฝ้าย อําเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๒
ทอดพระเนตรการสร้างทํานบกั้นน้ํา ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ คลองแสนแสบ บ้านบางชัน เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ๒๒ ตุลาคม ๒๕๒๓
ทรงร่างภาพสเกตช์พื้นที่บ้านบูโต๊ะ จังหวัดนราธิวาส ๗ กันยายน ๒๕๒๔
ทรงบําเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ในโอกาสพระราชพิธีสมโภช กรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี ๔ เมษายน ๒๕๒๕
ทอดพระเนตร งานศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดําริ จังหวัดนราธิวาส มีพระราชดําริเกี่ยวกับการ “แกล้งดิน” ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๖
พระราชพิธีพระราชทาน ครอบประธานประกอบพิธี ไหว้ครูนาฏศิลป์ แก่นายมนตรี ตราโมท ๒๕ ตุลาคม ๒๕๒๗
เสด็จออก ณ พระที่นั่งชัยมังคลาภิเษก ท้องสนามหลวง ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐
รอบพระนักษัตรที่ ๖ พุทธศักราช ๒๕๓๑ - ๒๕๔๒
พระราชพิธีบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ พลับพลาตรีมุขในพระราชวังโบราณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องในโอกาสพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ๕ กรกฎาคม ๒๕๓๑
นายเฟเดอริโก มายอร์ ผู้อํานวยการใหญ่ยูเนสโก ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญ ฟีแล เฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงบําเพ็ญพระราชกรณียกิจ ในการพัฒนาท้องถิ่น และยกระดับ ความเป็นอยู่ของประชาชน ๒ ธันวาคม ๒๕๓๔
นายริชาร์ด จี. กริมชอว์ หัวหน้าสาขาเกษตร ฝ่ายวิชาการ ภูมิภาคเอเชีย ของธนาคารโลก ทูลเกล้าฯ ถวายรากหญ้าแฝกชุบสัมฤทธิ์ สดุดีพระเกียรติคุณในฐานะที่ทรงเป็น นักอนุรักษ์ดินและน้ํา ๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๖
ทรงเปิดแพรคลุมป้ายสะพาน ข้ามแม่น้ําโขง หนองคาย – เวียงจันทน์ (สะพานมิตรภาพ) พร้อมกับนายหนูฮัก พูมสะหวัน ประธานประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ๘ เมษายน ๒๕๓๗
ทรงเยี่ยมสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ โรงพยาบาลศิริราช มีนาคม ๒๕๓๘
พระราชพิธีสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ๖ พฤษภาคม ๒๕๓๘
ทรงอธิบายเกี่ยวกับโครงการแก้มลิง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘
ถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๙
เสด็จออกมหาสมาคม ในการพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ณ พระที่นั่งกาญจนาภิเษก ท้องสนามหลวง ๙ มิถุนายน ๒๕๓๙ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจําปี ๒๕๓๙ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ๓๐ มกราคม ๒๕๔๐
ศาสตราจารย์กอดวิน โอ.พี. โอบาชิ เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ทูลเกล้าฯ ถวายสัญลักษณ์องค์การ อุตุนิยมวิทยาโลก เฉลิมพระเกียรติ ด้านอุตุนิยมวิทยา ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ (ฉบับหน้าติดตาม รอบพระนักษัตรที่ ๗)
ที่มา :- ดุสิตสมิตเลม ๖ ฉบับพิเศษ-ฉบับที่ ๖๖ (มกราคม – กุมภาพันธ – มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๒) พล.อ.อ.สมศักดิ์ วรฉัตร รวบรวม
“เพื่อเปนการเคารพตอผูเขียนรายงาน จึงขอคงไวซึ่งอักขระวิธีตามตนฉบับ”
(ตอจากฉบับที่แลว) การสวนสนามมหาชัยในกรุงปารีส กําลังพล นายพัน นายรอย นายรอย จานายสิบ นายสิบพลทหาร
ผูบังคับกอง ผูบังคับหมวด ผูกํากับผูเชิญธง เชิญธง
1 นาย 3 นาย 2 นาย 1 นาย 131 นาย รวมทั้งสิ้น 138 นาย
จัดเปน 3 หมวด การเดินนั้น, กองทหารสัมพันธมิตรเดินตามลําดับอักษร, คือขึ้นตนดวยอักษร (A)-อเมริกา, กองทหารไทยเดินตอชาติเซอรเบีย ( Serbia) นาชาติเชโก สโลวาก (Tcheco Slovac) . การจัดแถวเวลาเดิน สวนสนาม, ทุกหมวดจัดแถวเรียงสี่ หมวดตั้งเรียงเคียงกัน. วันที่ 14 กรกฎาคม เวลา 3.30 น.,ไดประชุมแถวออกเดินจากที่พัก, เวลา 7.45 น., ไดเริ่มเดินสวนสนาม มีระยะทางดังนี้ :-
ปอรต ไมลโญต (Porte Maillot) – ปลาส เดอ เลตวัล (Place de la l’ Etoile) – ลอดใตประตูชัย (Arc de Triomphe) – ผานอวนู เดส ชองปส เอลีเซส (Avenue des Champs Elysees) –ปลาส เดอ ลา คองคอรด (Place de la Concorde) – ถนนรัวยัล (Rue Royale) – ปลาส เดอ ลา เรปุบลิก (Place de la Republique). เวลา 13 น., จึ่งไดเสร็จการสวนสนาม.
เตรียมการไปสวนสนามที่กรุงปารีส
การสวนสนามไดดําเนินการไปโดยเรียบรอย, เวลาที่กองทหารไทยเดินผานพลเมืองไปนั้น, ไดมี เสียงโหรองเปนภาษาฝรั่งเศสดังลั่น โดยมากรองวา “ไชโย สยาม”(Vive Siam), แตบางแหงมีรองไชโยเปน ภาษาไทย. ในคืนวันนี้, ทานประธานาธิบดีฝรั่งเศสไดเชิญนายทหารไปรับประทานอาหารในวัง เอลีเซ, นายพันตรี หลวงรามฤทธิรงค ไดรับเชิญไปในงานนี้ดวย. ในเวลาที่มีงานสโมสรครั้งนี้, ไดมีขาราชการฝรั่งเศสและ นายทหารสัม พันธมิ ตร ห ลายนาย กลาวชมเชยวินั ยและการเดินเรียบรอยของทหารไทยกั บนายพัน ตรี หลวงรามฤทธิรงค. ในที่นี้ขอนําสําเนาคําแปลจดหมายของนายเคลมังโซ อรรคมหาเสนาบดีฝรั่งเศส 1 ฉบับ, จดหมาย ของจอมพล ฟอช ถึง นายพันตรี หลวงรามฤทธิรงค 1 ฉบับ, กับจดหมาย นายพันตรี หลวงรามฤทธิรงค ตอบ จอมพล ฟอช อีก 1 ฉบับ มาใหอานดังตอไปนี้ :-
อรรคมหาเสนาบดี เสนาบดีกระทรวงกระลาโหม ที่ 287 กรุงปารีส, เรียน ท่านจอมทัพ.
รีปบั ลิกฝรั่งเศส วันที่ 14 กรกฎาคม , พ.ศ.2462
ขอท่านได้โปรดส่งความชมเชยของรัฐบาลริปับลิกฝรั่งเศส, ให้แก่บรรดาท่านผู้บังคับบัญชา กองทัพสัมพันธมิตร์ต่างๆ ซึ่งได้นําแถวทหารเดินสวนสนามเมื่อเช้านี้ พร้อมด้วยธงอันมีสง่าของเขาด้วย. ตามที่กรุงปารีสและทั้งประเทศฝรั่งเศส ได้มีงานครั้งนี้, ก็เพื่อเปนการฉลองชัยชนะให้แก่สัมพันธมิตร์ ผู้มีอํานาจของเรา, และซึ่งเปนสหายร่วมทุกข์ร่วมสุขอันมีชัยร่วมกัน. ขอให้ท่านแสดงแก่หัวน่า ผู้บังคับบัญชากองทัพสัมพันธมิตร์ว่า เรามีความขอบใจอย่างลึกซึ้ง พร้อมด้วยมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของเรา ด้วย. ในที่สุดนี้, ขอแสดงความเคารพมายังท่าน. ลงนาม)
เคล์มังโซ
ทหารไทยเดินสวนสนามที่กรุงปารีส ที่ว่าการกรมบัญชาการ
กองทัพสัมพันธมิตร์ กรมบัญชาการกองทัพทั่วไป ที่ 3369 วันที่ 15 กรกฎาคม, พ.ศ. 2462 จอมพล ฟอช จอมทัพสัมพันธมิตร์ แจ้งความมายัง ท่านนายพันตรี หลวงรามฤทธิรงค์ ผู้บังคับการ กองทหารบกรถยนตร์สยาม. ข้าพเจ้าส่งความชมเชยของรัฐบาลริปับลิกฝรั่งเศส ซึ่งชมเชยกองทหารไทยที่ได้เดินสวนสนาม ฉลองชัยในความควบคุมของท่าน ณ กรุงปารีสเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมนี้, ส่วนตัวข้าพเจ้าก็ขอแสดงความชมเชยพร้อมด้วยความขอบใจอันใหญ่ยิ่ง สําหรับกองทหารของ ท่านที่ได้มีชัยชนะร่วมกัน. (ลงนาม) ฟอช
แซงต์ แยรแมง วันที่ 18 กรกฎาคม, พ.ศ. 2462 นายพันตรี หลวงรามฤทธิรงค์ ผู้บังคับกองทหารบกรถยนตร์สยาม เรียน ท่านจอมพล ฟอช จอมทัพสัมพันธมิตร์ทั่วไป. จดหมายของท่านลงวันที่ 15 เดือนนี้, ส่งความชมเชยของรัฐบาลริปับลิกฝรั่งเศสพร้อมด้วย ความชมเชยส่วนตัวของท่าน มาให้แก่ กองทหารไทยที่ได้เดินสวนสนามในวั นที่ 14 กรกฎาคมนั้ น. ข้าพเจ้าได้ทราบแล้ว. บรรดานายทหารและนายสิบพลทหาร ในบังคับบัญชาข้าพเจ้าทุกคนมีความยินดีเปนอย่างยิ่ง ที่ตนได้มีโอกาศมาแสดงความเคารพต่อกรุงปารีสและประเทศฝรั่งเศส. ทหารไทยรู้สึกปิติและจับใจอย่างลึกซึ้ง ในการที่ได้รับเกียรติยศให้เดินผ่านเข้าไปภายใต้ประตูชัย เคียงข้างกับทหารฝรั่งเศสผู้เปนสหายรัก. ทหารไทยทั้งหลายจะได้สงวนที่ระฦกทั้งปวงนี้ไว้จนชั่วกาล ปาวสาน. เขาทั้งหลายย่อมมีความรู้สึกในใจว่า ตัวเขาได้ถูกยกย่องอยู่เสมอในการที่กองทหารไทยได้มา รวมอยู่ในบังคับบัญชาของท่าน, ซึ่งเปนจอมพลฝรั่งเศสอันเลื่องชื่อลือนาม, จึ่งกระทําให้พวกข้าพเจ้า ทั้งหลายรู้สึกภาคภูมิ์ใจยิ่งนัก. สําหรับส่วนตัวข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า ตนได้ถูกยกย่องอย่างแท้จริง, ที่ได้มีโอกาศแสดงความขอบบุญคุณ ในนามของกองทหารไทย ต่อท่านและรัฐบาลริปับลิกฝรั่งเศส. โดยความเคารพอย่างสูง (ลงนาม) หลวงรามฤทธิรงค์ พระยาเฉลิมอากาศ (อานตอฉบับหนา)
มองโลกนี้ ใหดี เปนสีสวย ฉาบไวดวย ความรัก พรอมศักดิ์ศรี ถาทุกอยาง เรามองไป ในแงดี โลกใบนี้ ก็สดใส ในใจเรา...
ชบาไพร
ทานรังษฯ หรือพลอากาศโท หมอมเจา รังษิยากร อาภากร ทรงเปนพระโอรสในพลเรือเอก พระเจาบรมวงศเธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กับพระวรวงศเธอ พระองคเจาหญิงทิพยสัมพันธ ประสู ติ เ มื่ อ วั น ที่ ๑๑ สิ ง หาคม พ.ศ.๒๔๔๙ ทานรังษฯ สําเร็ จการศึกษาจากโรงเรี ยนนายเรือ เปนนายทหารเรือและสําเร็จการบินจากโรงเรียน การบินบกและทะเล Leuchars Calshot ณ ประเทศ อั ง กฤษ เมื่ อ สํ า เร็ จ การศึ ก ษาได รั บ ราชการที่ กองทัพเรืออังกฤษ เปนเรือตรีเมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๖ เมื่อเสด็จกลับมาถึงกรุงเทพมหานคร ได ท รงเข า รั บ ราชการในกองทั พ เรื อ ด ว ยยศว า ที่ เรือโท เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๘ ในตําแหนง สํารองราชการกรมเสนาธิการทหารเรือ เคยประจําการ อยูบนเรือคํารนสินธุ ซึ่งมีเรือเอก หลวงพรหมพิสุทธ
พล.อ.ต.ปรีชา ประดับมุข เปน ผูบัง คับ การเรื อ ในขณะนั้น ต อมาได ท รงย า ย เขารับราชการในกองทัพอากาศ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๘ (กรมทหารอากาศ) และไดเปนนักบิน ประจําโรงเรียนการบินที่ ๑ ในหนาที่ครูการบิน เมื่อ วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๘ ดวยยศเรือโท และ ไดเปลี่ยนยศเปนเรืออากาศโท เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๙ ทานเปนนักบินที่มีฝมือ เปนนักสังคม ซึ่งเปนที่รูจักกันทั้งในประเทศไทยและตางประเทศ เป น นั ก กี ฬ าที่ จ ะหาผู มี น้ํ า ใจเช น ท า นได ย าก ทานรังษฯ เปนผูนําและกอกําเนิดกีฬารักบี้ฟุตบอล ในกองทัพอากาศ จนไดชื่อวาชุดรักบี้ฟุตบอลของ สโมสรทหารอากาศ เป น ชุ ดบุก เบิ ก ของกี ฬ ารัก บี้ ฟุ ต บอลในประเทศไทย ท า นเป น นั ก กี ฬ าเทนนิ ส นั ก กี ฬ าฟุ ต บอล และนั ก กี ฬ ากอล ฟ ที่ มี ชื่ อ เสี ย ง โดงดังอีกดวย
พลอากาศโท หมอมเจารังษิยากร อาภากร
หลั ง จากที่ ท า นกลั บ จากการศึ ก ษา ณ ประเทศอังกฤษในป พ.ศ.๒๔๗๘ ในฐานะที่ทาน สํ า เร็ จ การศึ ก ษาเกี่ ย วกั บ การบิ น ของทหารเรื อ ดังนั้นกองทัพอากาศถือวาไดรับเกียรติอยางสูงที่ ทานไดมามีสวนรวมในกิจการบินในครั้งนี้ ครั้นเมื่อ ประเทศไทยเกิ ด กรณี พิ พ าทอิ น โดจี น ฝรั่ ง เศส ทานไดรับการแตงตั้งใหเปนรองผูบังคับกองบินใหญ ภาคใต ในปลายป พ.ศ.๒๔๘๓ ซึ่ ง ในขณะนั้ น มีน าวาอากาศโท ขุนรณนภากาศ ฤทธาคนี เป น ผูบังคับกองบินใหญ (หนวยในราชการสนาม) ขณะเดี ย วกั น กํ า ลั ง ทางอากาศไทยก็เ ริ่ ม เข ม แข็ ง ขึ้ น อย า งรวดเร็ ว ด ว ยเหตุ ที่ เ ครื่ อ งบิ น
แบบ ๒๖ “นาโกยา” (Nagoya) จํานวน ๒๕ เครื่อง ที่สั่ง ซื้อ จากประเทศญี่ปุนไว นั้น ถึ ง เวลาที่จ ะตอง นํามาใชงาน โดยในปลายป พ.ศ.๒๔๘๓ เรืออากาศเอก หมอมเจารังษิยากร อาภากร พรอมคณะไดเดินทาง ลวงหนาไปรับเครื่องบินที่ประเทศญี่ปุน ซึ่งมีนักบินไทย เพี ย ง ๑๒-๑๔ คน และเจ า หน า ที่ ป ระจํ า เครื่ อ ง จํานวนที่ใกลเคียงกัน ดังนั้นนักบินและเจาหนาที่ ประจําเครื่อง รวมทั้งพันเอก ทามูรา (Col. TAMURA) ทูตทหารญี่ปุนประจําประเทศไทยไดรวมทําการบิน มาดว ย เมื่ อเครื่ อ งบิ น ดั งกลา วมาถึงประเทศไทย แลว ทา นรัง ษฯ กับคณะได เ ริ่ม ทํ า การฝก บิ น และ ฝกใชอาวุธกับเครื่องบินแบบ ๒๖ “นาโกยา” นักบิน และผู ทํ า การในอากาศต า งเร ง ทํ า การฝ ก บิ น ซึ่ ง แตละคนตางก็ฝกบินไดไมเกินคนละ ๑๐ เที่ยวบิน ภายในเวลาประมาณ ๒ สั ป ดาห เ ท า นั้ น ก็ ต อ ง ออกไปทําการรบเพราะมีเวลาจํากัดมาก นอกจากนั้น ทานรังษฯ ยังเปนครูฝกใหกับศิษยของทานในครั้งนี้ ด ว ย ซึ่ ง ส ว นใหญ ฝ ก ทํ า การบิ น ได ๔-๕ เที่ ย วบิ น ก็ตองออกไปทําการรบเชนกัน
เครื่องบินแบบ ๒๖ “นาโกยา” (Nagoya)
Ê บุกนานฟาไปทําลายขาศึกครั้งแรก กรณี พิ พ าทอิ น โดจี น ฝรั่ ง เศส : จากการ สืบราชการลับของไทยทราบวา มีฐานทัพของขาศึก ที่สําคัญแหงหนึ่งอยูที่เมือง สตรึงเตรงในประเทศเขมร
ดั ง นั้ น แผนการที่ จ ะทํ า ลายฐานทั พ ยุ ท ธศาสตร ของขาศึกจึงเริ่มขึ้น โดยฝูงบิน “นาโกยา” จํานวน ๑๙ เครื่ อ ง ทยอยบิ น จากดอนเมื อ งไปรวมกั น ที่ นครราชสี ม าตั้ ง แต ก อ นค่ํ า ของวั น ที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ เพื่อเปนการพรางขาศึกและเพิ่มรัศมี ปฏิบัติการ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๔ เวลา ๑๐.๐๐ น. “นาโกยา” ของไทยก็ทยอยขึ้นสูทองฟารวมกันเปน ฝูงใหญ แลวพุงเปาไปสูเมืองสตรึงเตรงในประเทศ เขมรอยางเรงดวน กอนที่ฝูงบิน “นาโกยา” จะเขาสู นานฟาสตรึงเตรง ผูบังคับกองบิน (นาวาอากาศโท ขุนรณนภากาศ ฤทธาคนี) ไดสั่งใหฝูงบิน “นาโกยา” บินแปรขบวนติดกันเปนรูปตัววี ( V ) คือ ฝูงบิน พิบูลสงคราม ๑ นําโดยเรืออากาศเอก หมอมเจา รังษิยากร อาภากร มีเรืออากาศโท ประสงค สุชีวะ เปนผูชวย บินดวยความสูง ๒,๑๐๐ เมตร เข็มบิน จากทิศใตไปทิศเหนือ ตรงไปยังฐานทัพสตรึงเตรง ฝูงบินพิบูลสงคราม ๒ นําโดยเรืออากาศเอก มานพ สุริยะ บินระยะหางระหวางฝูง ๓๐๐ - ๔๐๐ เมตร ในเที่ ย งของวั น นั้ น นั บ ว า เป น วั น แรกที่ เ มื อ ง สตรึงเตรงประเทศเขมร รูซึ้งถึงนภานุภาพอันเกรียงไกร ของกองทัพอากาศไทย ที่ไดถลมทลายสถานที่สําคัญ ทางทหารในบริ เ วณเมื อ งสตรึ ง เตรงด ว ยอํ า นาจ ลูกระเบิดจากฝูงบิน “นาโกยา” ของไทยจํานวน มากมาย และไมมีเครื่องบินขาศึกที่จะหาญมาตอสู ขั บ เคี่ ย วกั น บนอากาศได เ ลย เพราะการจู โ จม ซึ่ ง เป น เวลาที่ ข า ศึ ก พั ก เที่ ย ง มี เ พี ย งป น ต อ สู อากาศยานจากพื้ น ดิ น เท า นั้ น ที่ ส ง เสี ย งคํ า ราม สะทานสะเทือนสงกระสุนขึ้นบนอากาศ แตฝูงบิน
“นาโกยา” ทั้งฝูงก็ไดรับความปลอดภัยกลับสูฐานทัพ โดยสวัสดิภาพทุกคน จึงนับไดวาการไปโจมตีขาศึก นอกนานฟาไทยของกองทัพอากาศไทยครั้งแรกนี้ นับวาไดผลดียิ่ง เครื่องบินแบบ ๒๖ “นาโกยา” ไดถูกใชในการ ปฏิบัติภารกิจการรบโดยมีทานรังษฯ อยูในหมูบิน ดวยอีกหลายครั้ง และท านรังษฯ ก็ปลอดภัยจาก การปฏิ บั ติ ภ ารกิ จ ทุ ก ครั้ ง กล า วโดยรวมจากการ ปฏิ บั ติ ก ารรบเฉพาะกองบิ น ใหญ ภ าคใต เ พี ย ง หนวยเดียวกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส มีผูแสดง วี ร กรรมได รั บ พระราชทานเหรี ย ญกล า หาญเป น จํานวน ๒๔ นาย วีรกรรมครั้งนี้ยอมเปนผลมาจาก พระปรีชาสามารถและวิริยะอุตสาหะในหนาที่ครู และลักษณะผูนําที่ดีของทานรังษฯ เปนองคประกอบ อั น สํ า คั ญ ส ว นหนึ่ ง ดั ง ปรากฏในแจ ง ความ สํ า นั ก นายกรั ฐ มนตรี เรื่ อ ง พระราชทานเหรี ย ญ กลาหาญ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๔ ดังนี้ Ê เหรียญกลาหาญ “นายนาวาอากาศตรี หมอมเจารังษิยากร อาภากร” “นายทหารนั ก บิ น ผู นี้ ได รั บ ตํ า แหน ง เป น รองผูบังคับกองบินใหญภาคใต ตลอดการรบที่แลวมา นายนาวาอากาศตรี หมอมเจารังษิยากร อาภากร ทรงปฏิบัติหนาที่ดวยความองอาจกลาหาญ ไมยอทอ ตออันตรายแกชีวิตแมแตนอย นายทหารนักบินผูนี้ ได อ อกไปทํ า การทิ้ ง ระเบิ ด และโจมตี ที่ ห มาย ทางยุ ท ธศาสตร ข องข า ศึ ก ที่ ส ตรึ ง เตรง เมื อ งโขง พระตะบอง เสียมราฐ นครวัต ศรีโสภณ มงคลบุรี
รวม ๑๑ ครั้ง แตละครั้งตองเผชิญกับภัยทั้งลมฟาอากาศ และการต อสู ขั ดขวางของข าศึ กอย างฉกาจฉกรรจ หมอมเจารังษิยากร ถูกขาศึกโจมตีดวยฝูงเครื่องบิน ขับไล อันมีความเร็วสูงกวา และถูกปนตอสูอ ากาศยาน ระดมยิ ง อย า งหนาแน น แต แ ม ก ระนั้ น หม อ มเจ า รังษิยากรก็มิไดทอถอย คงปฏิบัติหนาที่ที่ไดรับมอบ อย า งองอาจกล า หาญ กล า วคื อ บิ น ฝ า กระสุ น เข า ทิ้ ง ระเบิ ด จนเป น ผลสํ า เร็ จ ทั่ ว ทุ ก แห ง และ บินกลับฐานทัพไดโดยเรียบรอย ขาศึกไดรับความ เสียหายมากมาย เปนผลดีแกกองทัพอากาศไทย ที่ไดรับ และทําการรบโดยรุกคืบหนาไดสะดวกยิ่งขึ้น ทุกทาง” ในระหว า งสงครามมหาเอเชี ย บู ร พา พ.ศ.๒๔๘๔ - ๒๔๘๘ ซึ่งเปนสงครามผนวกเขากับ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ดังนั้นในปลายป พ.ศ.๒๔๘๔ กองทัพอากาศจึงมอบหมายใหทานรังษฯ ทรงไป เป น รองผู บั ง คั บ กองบิ น ใหญ ภาคพายั พ และ ผู บั ง คั บ กองบิ น น อ ยผสมที่ ๘๕ จั ง หวั ด ลํ า ปาง ราชการทั พ ครั้ ง นั้ น มี ง านหนั ก มากในตอนต น ป พ.ศ.๒๔๘๕ และตอนตนป พ.ศ.๒๔๘๖ ทานรังษฯ ทําการบิน ไปทําลายที่หมายทั้งในทางยุทธศาสตร และในทางยุ ท ธวิ ธี รั ศ มี ทํ า การรบในบางคราว มากกวา ๕๐๐ กิโลเมตร บางคราวตองชวยทําลาย ที่หมายทางยุทธวิธีอยางหนักหนวง เชน เพื่อชวย ส ว นหน า ของกองทั พ พายั พ เข า ตี ไ ปยึ ด สั น เขา ดา นตะวัน ออกของเมื อ งเชี ย งตุ ง ในแนวเมื อ งวะ เมืองเชียงลอ เมืองนํา เมืองอุนต เปนตน หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง ทางราชการมี การปลดข า ราชการชั้ น ยศต า งๆ ออกมาก และ
ทหารอากาศยศชั้นนาวาอากาศเอก ก็อยูในจํานวน จะตองถูกปลดออกไปถึง ๖ นาย ทานรังษฯ ไดทรง แสดงน้ําพระทัยอันกวางขวางใหบรรดานายทหาร ยศชั้ น เดี ย วกั น ได เ ห็ น (ยศนาวาอากาศเอกเมื่ อ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๗) โดยทรงสมัครพระทัย ลาออกจากทางราชการกอนทันทีเปนคนแรก ทัง้ ๆ ที่ ทานรังษฯ มิไดอยูในขายที่จะตองถูกทางราชการ พิจารณาปลดดวย
เครื่องบินทะเล แบบวาตานาเบ (Watanabe)
Ê เปนผูบังคับหมวดบินทะเล เมื่อครั้งที่กองทัพเรือดําริจะตั้งกองบินขึ้นที่ ตําบลจุกเสม็ด อาวสัตหีบ ในป พ.ศ.๒๔๘๑ และได สั่งซื้อเครื่องบินทะเล แบบวาตานาเบ (Watanabe) จํานวน ๖ เครื่อง จากประเทศญี่ปุน กอนที่จะเกิด สงครามอิ น โดจี น กองทั พ เรื อ ได ข อตั ว ท า นรั ง ษ ฯ พร อ มด ว ยนายทหารช า งจากกองทั พ อากาศไป ควบคุ ม การสร า งเครื่ อ งบิ น ที่ ป ระเทศญี่ ปุ น เมื่ อ เครื่องบินทะเลมาถึงกรุงเทพมหานครแลว ก็ตองนํา บินขึ้นจากแมน้ําเจาพระยาไปลงทะเลที่อาวสัตหีบ ซึ่ ง เป น ที่ ตั้ ง กองบิ น ทะเล ในขณะนั้ น มี ท า นรั ง ษ ฯ ผูเดียวที่ทําการบินเครื่องบินทะเลได จึงกลาวไดวา กองบินทหารเรือไดอุบัติขึ้นตั้งแตบัดนั้นเปนตนมา และท า นรั ง ษ ฯ ได เ ป น ผู บั ง คั บ หมวดบิ น ทะเล
กองเรือรบ กองทัพเรือคนแรกเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๑ อีกดวย จนกระทั่งในชวงป พ.ศ.๒๔๘๕ กระทรวงกลาโหม ไดยกฐานะหมวดบินทะเล ขึ้นเปน กองบินทหารเรือ สังกัดกองเรือรบ กองทัพเรือ Ê บทสงทาย ท า นรั ง ษ ฯ เป น ทหารเรื อ มาโดยกํ า เนิ ด เนื่องจากสืบเชื้อสายโดยตรงจากเสด็จในกรมหลวง ชุมพรฯ “พระบิดาแหงราชนาวีไทย” จึงไดรับการ ยกยองนับถือจากบรรดาทหารเรือทั้งหลาย แตโดย เนื้ อ แท แ ล ว ท า นรั ง ษ ฯ เป น ทหารอากาศเต็ ม ตั ว ทานชอบการบินเปนชีวิตจิตใจเยี่ยงนักบินทั้งหลาย รักความมีอิสระเสรีภาพ ชอบความเรงเราผจญภัย และความโลดโผน ดังนั้นในไมชาเมื่อทานไดจัดการ กั บ กองบิ น ทะเลให ก องทั พ เรื อ เป น ป ก แผ น แล ว ทานรังษฯ ไดยายกลับมารับราชการยังกองทัพอากาศ อีกครั้งหนึ่งทามกลางเพื่อนฝูงที่มีแนวความคิดและ รสนิยมตรงกันเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๓ ทานรังษฯ ไดรับราชการในกองทัพอากาศสลับกับ เขา ไปในวงการเมือ ง จนกระทั่ ง ทา นรัง ษ ฯ ได รั บ พระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกลาฯ ไดรับพระราชทานยศ พลอากาศโท เมื่ อ วั น ที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๙ ทา นรั ง ษฯ ได ผา นสงครามอิ นโดจีน และสงคราม มหาเอเชี ย บู ร พาพร อ มกั บ ชื่ อ เสี ย งเกี ย รติ คุ ณ ที่ ชาวทหารอากาศจะไมมีวันลืม ในดานการเมือง ทานรังษฯ ไดรับพระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ โปรดเกล า ฯ ให ดํ า รงตํ า แหน ง เป น รัฐมนตรีสั่งราชการแทนรัฐมนตรีวาการกระทรวง ธรรม
กลาโหมอยูถึง ๒ สมัย คือสมัยที่พันตรี ควง อภัยวงศ เป น นายกรั ฐ มนตรี ตั้ ง แต วั น ที่ ๒๕ กุ ม ภาพั น ธ ถึ ง วั น ที่ ๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๑ กั บ ในสมั ย ที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เปนนายกรัฐมนตรี ตั้งแต วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๑ ถึงวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๒ ซึ่งปรากฏวา ทั้ง ๒ สมัย ที่ก ลา วมานี้ ทานรังษฯ ไดทรงปฏิบัติราชการดวยดีเปนที่เรียบรอย โดยตลอด ในระยะหลั งของการรั บราชการสนอง คุณประเทศชาตินั้น ทานรังษฯ ทรงไดรับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกลาฯ ใหทรงดํารงตําแหนงเปน เอกอัครราชทูตวิสามัญผูมีอํานาจเต็มประจําสาธารณรัฐ ฟ ลิ ป ป น ส ซึ่ ง ก็ ไ ด ท รงแสดงพระวิ ริ ย ะอุ ต สาหะ ปฏิบัติหนาที่เพื่อประเทศชาติและราชการแผนดิน ใหเห็นเปนที่ประจักษ ทานรังษฯ หรือพลอากาศโท หมอมเจารังษิยากร อาภากร ไดสิ้นชีพิตักษัยดวย โรคพระหทัย เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๘ การศึ ก ษาประวั ติ ศ าสตร จะช ว ยให เ กิ ด สํานึ กในการคน ควา และสืบคนข อมูลที่เ ชื่อมโยง อดีตและปจจุบัน อันสรางความภูมิใจและกระตุน ความรูสึกคานิยมในการเปนทหารอากาศ ตลอดจน ตระหนั ก ถึ ง คุ ณ ค า ของกิ จ การบิ น ที่ บ รรพบุ รุ ษ ได สั่งสมไว และประวัติศาสตรยังชวยใหเกิดการเรียนรู จากอดีต เพื่อเปนบทเรียนสําหรับปจจุบันไมมากก็นอย หากผูอานที่ยังเห็นวาขอมูลดังที่กลาวมายังไมสมบูรณ ผู เ ขี ย นยั ง หวั ง ว า ท า นผู รู จ ะเติ ม เต็ ม และแก ไ ข บทความนี้ใ ห มี ความสมบู รณ เพื่อ เป น ประโยชน ตอชนรุนหลังไดศึกษาตอไป
ขอมูลจาก - กองทัพอากาศ,อนุสรณ พลอากาศโท หมอมเจารังษิยากร อาภากร, พิมพในงานพระราชทานเพลิงศพ, โรงพิมพกรมสารบรรณทหารอากาศ, ๒๕๐๙. - กองทัพอากาศ,อนุสรณ จอมพลอากาศ ฟน รณนภากาศ ฤทธาคนี, พิมพในงานพระราชทานเพลิงศพ, โรงพิมพกรมสารบรรณทหารอากาศ, ๒๕๓๐.
ปชส.การฝกผสม THAI BOOMERANG 11
กองทัพอากาศ มีภารกิจในการปองกันประเทศ และเตรียมกําลังทางอากาศ ในแตละปกองทัพอากาศ จัดใหมีการฝกตางๆ เพื่อเตรียมกําลังทางอากาศให พร อ มปฏิ บั ติ ห น า ที่ เ สมอ ซึ่ ง นอกจากจะเป น การ เตรียมความพรอมของกําลังทางอากาศแลว ยังเปน การฝกกําลังพลใหมีความรู ความชํานาญกับอุปกรณ และเทคโนโลยีสมัยใหมจากกองทัพมิตรประเทศ ที่เขารวมการฝก การฝกผสม THAI BOOMERANG 11 เปน อี กหนึ่ ง การฝ ก ที่ ก องทั พ อากาศไทยทํ า การฝ ก เปนประจําอยางตอเนื่อง โดยในปนี้ กองทัพอากาศ รวมกับกองทัพอากาศออสเตรเลีย จัดการฝกผสม ภายใตรหัสการฝก “THAI BOOMERANG 11” ระหวาง ๑๙ สิงหาคม – ๒ กันยายน ๒๕๕๔ โดยจัดตั้ง กองอํานวยการฝกและทําการฝก ณ กองบิน ๑ จังหวัด นครราชสีมา มีพิธีเ ปดการฝก ฯ ใน ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๑๓๓๐ น. ณ หอง Blue Sky อาคารธู ป ะเตมี ย กองบิ น ๑ และพิ ธี ป ดการฝ ก ฯ
ใน ๒ กันยายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๐๐๐ น. ณ ลานจอด อากาศยาน กองบิน ๑ จังหวัด นครราชสีมา การฝกผสม THAI BOOMERANG 11 เปน การฝ ก ใช กํ า ลั ง ทางอากาศร ว มกั น ระหว า ง กองทัพอากาศ ไทยและออสเตรเลีย มีวัตถุประสงค เพื่อดํารงขีดความสามารถของหนวยบินที่เขารวม การฝก พัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการ ทางอากาศผสม และกระชับความสัมพันธระหวาง มิตรประเทศที่เขารวมการฝกใหมีความแนนแฟน ยิ่งขึ้น ประวัติความเปนมาของการฝกผสม THAI BOOMERANG นั้น เริ่มตั้งแตป ๒๕๓๓ กองทัพอากาศ ออสเตรเลีย จัดเครื่องบินขับไลแบบ F/A-18 จํานวน ๒ เครื่ อ ง บิ น เดิ น ทางมาเยื อ นประเทศไทย (GOODWILL VISIT) และตอมาในป ๒๕๓๕ การบิ น มาเยื อ นได ข ยายขอบเขตเป น การฝ ก บิ น ACMI รวมกับเครื่องบินขับไลแบบ ๑๙/ก (F-16 A/B) ของกองทัพอากาศ ในภารกิจยุทธวิธีการรบทางอากาศ
กับเครื่องบินตางแบบ โดยเรียก การฝ ก ในครั้ ง แรกว า THAI BOOMERANG 92 (เดิมกําหนด จ ะ เ รี ย ก ชื่ อ ว า BARONPHRAPHAI) จากนั้นทั้งสองชาติ ได เ ข า ร ว มการฝ ก เรื่ อ ยมา โ ด ย พั ฒ น า จ า ก ก า ร ที่ กองทั พ อากาศออสเตรเลี ย จั ด เ ค รื่ อ ง บิ น ขั บ ไ ล แ บ บ F/A-18 จํ า นวน ๒–๔ เครื่ อ ง จากฝูงบินที่ ๓ เขารวมการฝก ขณะที่กองทัพอากาศ จัดเครื่องบินขับไลแบบที่๑๙/ก จํานวน ๒–๔ เครื่อง จากฝูงบิน ๑๐๓ เขารวมการฝก โดยใชพื้นที่การฝก ณ กองบิน ๑ จังหวัดนครราชสีมา และนับตั้งแตป ๒๕๔๐ ซึ่งเปนการฝกใน ครั้งที่ ๕ กองทัพอากาศไดเพิ่มเครื่องบินขับไลจาก ฝูงบิน ๔๐๓ เขารวมการฝกดวย โดยใชระยะเวลา การฝกประมาณ ๑ สัปดาห จากนั้นรูปแบบการฝก จึ ง เปลี่ ย นเป น ป เ ว น ป เพื่ อ ให ส อดคล อ งกั บ การ ฝกผสม PITCH BLACK ที่กองทัพอากาศจัดกําลัง ทางอากาศ เข า ร ว มการฝ ก ณ ฐานทั พ อากาศ DARWIN และ TINDAL ประเทศออสเตรเลีย การฝก ของทั้งสองชาติไดพัฒนาประสบการณการฝกบิน ปฏิบัติการรบทางอากาศ ปจจุบันไดปรับเปนการ บินรบขั้นมูลฐานกับเครื่องบินตางแบบ (Dissimilar Basic Fighter Maneuver : DBFM), การบินรบกับ เครื่องบินตางแบบ (Dissimilar Air Combat Maneuver : DACM) การบินยุทธวิธีการรบกับเครื่องบินตางแบบ (Dissimilar Air Combat Tactics : DACT) และ
การใชกําลังทางอากาศขนาดใหญ (Large Force Employment : LFE)
การฝกผสม THAI BOOMERANG 11 ครั้งนี้ มีการประชุมวางแผนขั้นตน (IPC) ระหวาง ๔ – ๘ เมษายน ๒๕๕๔ ณ จ.นครราชสีมา โดยมี น.อ.สุท ธิพงษ อินทรียงค รองเจ ากรมยุท ธการ ทหารอากาศ เปนผูอํานวยการกองอํานวยการฝก THAI BOOMERANG 11 สวนกองทัพอากาศ และ Sqn.Ldr. Jason Easthope หัวหนาคณะทํางาน ฝายกองทัพอากาศออสเตรเลีย รวมเปนประธาน การประชุมวางแผนขั้นตน (IPC) ณ โรงแรมสีมาธานี
จังหวัดนครราชสีมา และการประชุมวางแผนขั้นปลาย (FPC) ระหวาง ๒๗ มิถุนายน – ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ ฐานทัพอากาศ WILLIAMTOWN เครือรัฐออสเตรเลีย โดยมี น.อ.อนุรักษ รมณารักษ เสนาธิการกองบิน ๑ ในฐานะรองผูอํานวยการกองอํานวยการฝกผสม THAI BOOMERANG 11 พรอมคณะฯ เขารวมประชุมฯ รวมกับนาวาอากาศเอก JOE IERVASI ผูบังคับการ กองบิน ๘๑ หัวหนาคณะทํางานฝายกองทัพอากาศ ออสเตรเลีย และการฝกภาคสนาม (FTX) ระหวาง ๑๙ สิงหาคม – ๒ กันยายน ๒๕๕๔ ณ กองบิน ๑ จังหวัด นครราชสีมา ~ กําลังทางอากาศที่เขารวมการฝกฯ ในสวนของกองทัพอากาศ มี น.อ.สุทธิพงษ อิ น ทรี ย งค รองเจ า กรมยุ ท ธการทหารอากาศ เป น ผู อํ า นวยการกองอํ า นวยการฝ ก ผสม THAI BOOMERANG 11 สวนกองทัพอากาศ โดยมีการบรรจุกําลังพลรวม จํานวน ๔๒๕ คน และอากาศยานสมรรถนะสู ง จากทั้ ง ๒ ประเทศ เขารวมการฝกจํานวน ๒๐ เครื่อง ประกอบดวย - กองทัพอากาศไทย จัดกําลังพล จํานวน ๓๐๐ คน พร อ มเครื่ อ งบิ น ขั บ ไล แ บบที่ ๑๙/ก (F-16 A/B) จากฝูงบิน ๑๐๒ และ ฝูงบิน ๑๐๓ กองบิน ๑ และฝูงบิน ๔๐๓ กองบิน ๔ จํานวน ๑๒ เครื่อง - กองทัพอากาศออสเตรเลีย ไดจัดกําลังพล จํ า นวน ๑๒๕ คน พร อ มเครื่ อ งบิ น ขั บ ไล F/A-18 จากฝูงบิน ๗๗ ฐานทัพอากาศ Williamtown จํานวน ๘ เครื่อง
~ รูปแบบการฝก แบงออกเปน ๒ สวน คือ - การแลกเปลีย่ นความรูและประสบการณ ในการปฏิบัตกิ ารจริง ใน ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ - การฝกภาคสนาม (FTX) ระหวาง ๒๒ สิงหาคม – ๒ กันยายน ๒๕๕๔ โดยมี ส ว นควบคุ ม การฝ ก (Combined Exercise Control Group: CECG) ทําหนาที่ควบคุม ใหการสนับสนุนทางยุทธการ และการขาว รวมถึง การประเมินผลการฝก โดยที่การฝกจะเนนการฝก ภาคอากาศ ซึ่งเปนการฝกยุทธวิธีการรบ เพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศและ ประสบการณของนักบิน รวมทั้งเจาหนาที่ที่เกี่ยวของ ประกอบดวย การฝกเตรียมความพรอม (Work Up Training) และการฝกใชกําลังทางอากาศขนาดใหญ (Large Force Employment LFE) โดยจะทําการฝก ตามภารกิจที่กําหนด อาทิการบินขับไล ขั้นมูลฐาน ยุทธวิธีการรบทางอากาศระหวางเครื่องบินตางแบบ การปองกันทางอากาศเชิงรุกและเชิงรับ การขัดขวาง ทางอากาศ ซึ่งไดมีการวางแผนการฝกไวมากกวา ๑๘๐ เที่ยวบิน
นอกจากการฝ ก ปฏิ บั ติ ก ารทางอากาศ ยุทธวิธีรวมกันแลว กองกําลังที่เขารวมการฝกทั้ง ๒ ชาติ ยังรวมจัดกิจกรรมปฏิบัติการจิตวิทยา โดยนํา กําลังพลที่เขารวมการฝก จั ดชุดออกชวยเหลือและ ใหบริการประชาชนในพื้นที่การฝกฯ จัดหนวยแพทย เคลื่ อ นที่ ใ ห บ ริ ก ารตรวจรั ก ษาโรคทั่ ว ไปรวมทั้ ง จั ด ชุ ด จนท.กรมช า งโยธา จาก กองบิ น ๑ ปรับปรุงอาคารที่พักเด็กเล็กและมอบสิ่งของ เครื่ อ งใช สื่ อ การเรี ย น ในวั น ที่ ๒๖ สิ ง หาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๑๔๐๐ น. ณ สถานสงเคราะห เด็ ก บ า นมิ ต รภาพ ตํ า บล สู ง เนิ น อํ า เภอ สู ง เนิ น จังหวัด นครราชสีมา และไดเชิญขาราชการ ลูกจาง พนั ก งานราชการ และประชาชนเป น ส ว นหนึ่ ง มอบความสุขใหนองๆ ดวยการบริจาคเงิน ผานบัญชี ออมทรั พ ย ธนาคารทหารไทย จํ า กั ด (มหาชน) สาขากองบั ญ ชาการกองทั พ อากาศ ชื่ อ บั ญ ชี “กองอํานวยการฝกผสม THAI BOOMERANG11” ธรรมชาติ
หมายเลขบัญชี ๐๕๗ -๒-๔๑๕๖๑-๐ หรือ บริจาค สิ่ ง ของได ที่ ก องอํ า นวยการฝ ก ฯ กรมยุ ท ธการ ทหารอากาศโทร ๐๒ ๕๓๔ ๘๕๑๔ – ๒๗ การฝกผสม THAI BOOMERANG 11 เปน การฝ ก เพื่ อ เพิ่ ม ขี ด ความสามารถยุ ท ธวิ ธี ก ารรบ ทางอากาศ พั ฒนาประสบการณ การฝ กบิ นปฏิ บั ติ การรบทางอากาศ ซึ่ ง นอกจากกํ า ลั ง พลของ กองทัพอากาศ จะไดรับประโยชนจากฝกปฏิบัติการ รบรวมกับกําลังทางอากาศมิตรประเทศ ไดเรียนรู เทคโนโลยี และทบทวนขอขัดของตางๆ ของการฝก การรบ เพื่อเพิ่มศักยภาพของกองกําลังทางอากาศ และกระชั บ ความสั ม พั น ธ กั บ มิ ต รประเทศให แนนแฟนยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเปนการเตรียมการ เพื่ อ เขา ร ว มการฝ ก ขนาดใหญ ใ นอนาคต ภายใต รหัส Pitch Black 2012 ตอไปดวย """
น.อ.พลวัตร อินทรวิเศษ “South Korean KF-16D crashed due to vertigo The RoKAF releases the accident report regarding the KF-16D that crash in the Yellow Sea on 20 July 2007. The fatal crash has been attributed to spatial disorientation or commonly known as pilots' vertigo. Crashed during a night training exercise off the coast of South-Korea.” การหลงสภาพการบิ นไดสรางความสูญเสีย ใหกับงานดานการบินเปนจํานวนมาก ไดมีการศึกษา และค น คว า หาแนวทางการปอ งกั น การเกิด การหลง สภาพการบิน แตก็ไมสามารถที่จะทําใหปญหานี้ลดลง โดยเฉพาะเครื่ อ งบิ น รบซึ่ ง ต อ งทํ า การบิ น คนเดี ย ว เมื่อเกิดการหลงสภาพการบินจะมีแนวทางการปฏิบัติ อย า งในส ว นตั ว ของผู เ ขี ย นเคยประสบกั บ การหลง สภาพการบินหลายครั้งด วยกัน กอนที่จะเลาถึง การ เกิดการหลงสภาพการบิน และการแกไข จะขอเพิ่มเติม ขอมูลการหลงสภาพการบินคืออะไร และปจจัยอะไรบาง ที่ทําใหเกิดการหลงสภาพการบิน
การหลงสภาพการบิน (SPATIAL DISORIENTATION) โดย นาวาอากาศเอก อมร แสงสุพรรณ “การหลงสภาพการบิน คือ อาการที่บุคคลนัน้ รับรูถึงตําแหนง ที่อยูทาทางการทรงตัวในการบิน และการเคลื่ อ นที่ ข องอากาศยานที่ ต นบั ง คั บ อยู ในลั กษณะที่สัมพันธ กับแนวขอบฟา (Horizontal Line) ผิดพลาดไปจากที่เปนอยูจริง จากขอมูล หลักฐานและการวิเคราะหหาสาเหตุของอากาศยาน อุบัติเหตุพบวา การหลงสภาพการบินมีสวนชักนําหรือ เกี่ยวของกับอากาศยานอุบัติเหตุ ถึงกวารอยละ 75 ซึ่งอุบัติเหตุดังกล าวมักเปนอุ บัติเหตุใหญที่ทําให สู ญ เสี ย ชี วิ ต หรื อ สู ญ เสี ย ทรั พ ย สิ น จํ า นวนมาก ดังนั้นการหลงสภาพการบินจึงเปนประเด็นที่จะตองให ความสนใจเปนอยางยิ่งในแงของสรีรวิทยาการบิน” การหลงสภาพการบิน(Spatial Disorientation) (Reference Previc, F. H., & Ercoline, W. R. (2004). Spatial disorientation in aviation. Reston, VA: American Institute of Astronautics and Aeronautics.) คื อ มนุ ษ ย มี ค วามสามารถที่ จ ะทนต อ การหลง สภาพการบินไดบนพื้นดิน แตการบินในสภาพอากาศ เปนสิ่งที่รางกายมนุษยไมมีความคุนเคย มันจะสราง ความรูสึกขัดแยง กับการมองเห็น ซึ่งทําใหการเกิด หลงสภาพการบินเปนสิ่งที่ยุงยาก และในบางครั้ง ไมสามารถที่จะแกไขได โดยมีสถิติอุบัติเหตุที่เกิด จากการหลงสภาพการบินอยู 5–10 เปอรเซ็นตของ การเกิดอุบัติเหตุทั่วไป และรอยละ 90 ของการเกิด หลงสภาพการบิน อุบัติเหตุทําใหเกิดการเสียชีวิต อวัยวะรับรูการทรงตัว (Organs of Orientation) มนุษยมีอวัยวะที่ใชสําหรับรูการทรงตัว ดังนี้ คือ
ตา (Eyes) ใชหลักการมองเห็นภาพแลว นํ า ไปเปรี ย บเที ย บอ า งอิ ง กั บ สิ่ ง แวดล อ ม (Visual References) เชน พื้นดิน พื้นน้ํา ภูเขา ตนไม แลว นํ า มากํ า หนดรั บ รู ส ภาพของการทรงตั ว หรื อ การ เคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตามความเคยชินหรือการเรียนรู มนุษ ยใช ตาในการกํ า หนดรับรูการทรงตัว ถึง กว า รอยละ 80 ของความสามารถในการรับรูการทรงตัว ทั้งหมด
อวัยวะรับรูการทรงตัวในหูชั้นใน (Vestibular Organs) ประกอบดวยอวัยวะสองสวน คือ เซมิเซอคูลาร แคแนลล (Semicircular Canals) และ โอโตลิท ออรแกนส (Otolith Organs) ทั้งขางซาย และขวา อวั ย วะดั ง กล า วมี ลั ก ษณะเป น ขนอ อ น ลอยชูชันอยูในของเหลว (Endolymph) ขนนี้จะ เคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางเมื่อมีอัตราเรง (Acceleration) เกิดขึ้น หรือเมื่อมี การลดอัตราเร งลง (Deceleration) โดยอาศัยการพัดพาของของเหลวที่ไหลไปมา ทั้งนี้ เซมิเซอคูลาร แคแนลล จะรับรูการทรงตัวในแนวแรง อัตราเรงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงความเร็วและ ทิศทาง (Angular Acceleration) สวนโอโตลิท ออรแกนส
จะรับรูการทรงตัวในแนวแรงอัตราเรงที่เปนเสนตรง (Linear Acceleration) ความรูสึกที่เกิดขึ้นจากอวัยวะ รับรูการทรงตัวในหูชั้นใน มักจะทําใหเกิดการหลง สภาพการบิ น ได ง า ย หากอวั ย วะรั บ รู ก ารทรงตั ว อยางอื่นทําหนาที่ไดไมเต็มที่ โดยเฉพาะการมองเห็น เช น ในเวลากลางคื น หรื อ อยู ใ นเมฆฝนที่ ทํ า ให สภาพอากาศมืดมัว เปนตน
กล า มเนื้ อ และเอ็ น (Proprioceptors) ใชแรงกด (Pressure) และแรงดึง (Tension) ที่เกิดขึ้น กับรางกายสวนตางๆ โดยความรูสึกจากปลายประสาท ที่ อ ยู บ ริ เ วณดั ง กล า วจะส ง ข อ มู ล ไปยั ง สมองให รับรูการทรงตัวเชน ทานั่งจะรูสึกถึงแรงกดที่มีมาก บริเวณกน หากกําลังจะลมลงทางขางขวาจะรูสึกตึง ที่ขาขางขวามากกวาขาซาย เปนตน ความรูสึกจาก อวัยวะดังกลาวถือเปนความรูสึกที่เชื่อถือไดนอยที่สุด ในดานการบิน
การหลงสภาพการบินสามารถแบงตาม สาเหตุ ก ารเกิ ด ได เ ป น ๒ ชนิ ด ประกอบด ว ย การหลงสภาพการบินที่มีสาเหตุจากการมองเห็น (Visual Illusions) และ จากการแปลผลผิดพลาด ของอวัยวะรับรู การทรงตั วในหูชั้น ใน (Vestibular Illusions) ๑. การหลงสภาพการบินที่มีสาเหตุจาก การมองเห็น (Visual Illusions) ประการที่สําคัญ ไดแก - ปรากฏการณ ออโตไคเนติ ก (Auto kinetic Phenomina) เกิดขึ้นเนื่องจากการจองมอง ดวงไฟในที่ มื ด สลั ว หรื อ ในเวลากลางคื น อยู เ ป น เวลานาน ทํ า ให ก ล า มเนื้ อ นั ย น ต าเกิ ด อาการล า
นัยนตาจึงกลอกไปมาโดยไมรูสึกตัว จึงสําคัญผิดวา ดวงไฟเคลื่อนที่ไปมาได ปรากฏการณ เชนนี้เกิด อันตรายขึ้นได ในกรณีที่นักบินทําการบินตามการ เคลื่อนที่ของดวงไฟนั้นจนเกิดการชนกันขึ้น เพราะ กําหนดตําแหนงดวงไฟผิดพลาดจากความเปนจริง - ขอบฟาหลอน (False Horizons) ในขณะ ที่ทําการบินโดยไมเห็นเสนขอบฟาหากนักบินบิน ตามแนวเมฆ หรือแนวแสงไฟที่พื้นจะทําใหสําคัญผิด วาเปนเสนขอบฟาได ทําใหเครื่องบินเอียงไปโดย ไมรูสึกตัว - ภาพลวงตาในการกะระยะความลึก (Depth Perception Illusion) การบินในเวลากลางคืน บินเหนือ พื้นน้ํา บินในเมฆหมอกหนาหรือสภาพสนามบินที่ แตกตางออกไปจากที่คุนเคย เชน ความกวางของ ทางวิ่งไมเทากัน ความสูงต่ํารอบทางวิ่งแตกตางกัน ตลอดจนสภาพอาคารตนไม อุปกรณอํานวยความ สะดวกภาคพื้นที่แตกตางกันออกไป ภาวะเหลานี้ ทําใหการอางอิงทางสายตา (Visual References) ผิดเพี้ยนไป จึงมีการรับรูทางลึก (Depth Perception) ผิ ด พลาดได ง า ย และเป น อั น ตรายในการบิ น หมู หลายเครื่องหรือบินขึ้นลงสนามบิน ๒. การหลงสภาพการบิ น ที่ มี ส าเหตุ มาจากการแปลผลผิ ด พลาดของอวั ย วะรั บ รู การทรงตัวในหูชั้นใน (Vestibular Illusions) ประการ ที่สําคัญ ไดแก - ภาวะลีนส (Leans) โดยปกติแลว หากการ เอี ย งของเครื่ อ งบิ น เปลี่ ย นแปลงไปในอั ต ราที่ นอยกวา ๒ องศา/วินาทีแลว นักบินจะไมสามารถ รับรูการเปลี่ยนแปลงนั้นได ดังนั้นเครื่องบินจึงอาจจะ
คอยๆ เอียงไปจนเกิดอันตรายได หากนักบินทําการ แกไขอาการเอียงดวยความรุนแรง จะเกิดความรูสึก ว า เครื่ อ งบิ น เอี ย งไปอี ก ด า นหนึ่ ง อย า งมาก ทั้ ง ที่ ความจริงแลวเครื่องบินกําลังเขาสูแนวระดับ ดังนั้น นั ก บิ น จึ ง ทํ า การแก ไ ขให เ ครื่ อ งบิ น กลั บ เข า สู ก าร เอียงดานเดิมอีกครั้งหนึ่งและเกิดอาการสับสนขึ้น
- ภาวะเกรปยารด สปน (Graveyard Spin) ขณะที่เครื่องบินมีอาการควงสวานนั้น ในระยะแรก นัก บิน จะรูสึก ได แตครั้นอาการควงสวานคงที่อยู ตอไป ของเหลว (Endolymph) ในเซมิเซอคูลาร แคแนลล จะหยุดเคลื่อนที่ ทําใหขนออนหยุดการเคลื่อนไหว ไปดวย นักบินจึงเขาใจวาเครื่องบินหยุดควงสวาน ทั้งๆ ที่เครื่องบินยังมีอาการควงสวานอยูตอไปหาก นักบินแกอาการควงสวานไปในทิศทางตรงกันขาม เพื่อใหเครื่องบินกลับสูแนวระดับ จะทําใหขนออน ถูกพัดพาไปอีกขางหนึ่ง นักบินจึงเขาใจวาเครื่องบิน เข า อาการควงสว า นในทิ ศ ทางที่ ต รงกั น ข า มกั บ ครั้ ง แรก ดั ง นั้ น ในกรณี ที่ นั ก บิ น เกิ ด อาการสั บ สน ก็ จ ะบั ง คั บ เครื่ อ งบิ น กลั บ ไปอี ก ด า นหนึ่ ง ซึ่ ง ก็ คื อ
การกลับเขาสูอาการควงสวานในทิศทางเดิมนั่นเอง จนกระทั่งเครื่องบินชนพื้นในที่สุด
- ภาวะเกรปยาร ด สไปรอล (The Graveyard Spiral) พบไดบอยกวาภาวะเกรปยารด สปน และมี ค วามเกี่ย วขอ งกับ การเลี้ ยวเพื่อ กลับ ไปบินระดับ ซึ่งอาจจะเกิดจากความตั้งใจหรือไมได ตั้งใจในการเลี้ยวเชน นักบินตองการเลี้ยวไปทาง ดานซาย ความรูสึกเริ่มตนของการเลี้ยวไปในทิศทาง เดียวกัน ถาเลี้ยวตอประมาณ ๒๐ วินาที หรือมากกวา นักบินจะรูสึกวาเครื่องบินไมไดเลี้ยวอยู ในความรูสึกนี้ ถานักบินพยายามที่จะบินระดับ จะทําใหเครื่องบิน เลี้ยวไปดานตรงขามคือเลี้ยวไปดานขวา ถานักบิน เชื่ อ ว า เกิ ด ภาพลวงตาของการเลี้ ย วไปด า นขวา นักบินก็จะเพิ่มมุมเอียงปกเพื่อเพิ่มการเลี้ยวไปทาง ด า นซ า ย ซึ่ ง สิ่ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น จะทํ า ให เ ครื่ อ งบิ น เลี้ ย ว ไปทางดานซายและเสียความสูง ถาแกไขดวยการ ดึงคันบังคับและเรงกําลังเครื่องยนต เปนการแกไข ที่ไมถูกตองเพราะจะทําใหการเลี้ยวโดยมีวงเลี้ยว แคบ ถ า นั ก บิ น วิ เ คราะห ผิ ด โดยที่เ ครื่ อ งบิ น ไม ไ ด
บินระดับ เครื่องบินก็ยังคงเลี้ยวซายและเสียความสูง จนกระทั่งชนพื้น
- ภาวะโคริโอลิส (Coriolis Effects) เกิดขึ้น จากการที่ เซมิ เ ซอคู ล าร แคแนลส ถู ก กระตุ น พรอมๆ กันในหลายทิศทาง ทําใหการแปลผลในสมอง เกิ ด การสั บ สนขึ้ น เช น ในกรณี ที่ เ ครื่ อ งบิ น อยู ใ น ทาทางการเอียง ควงสวานดําลงทิ้งระเบิด ดึงเครื่อง ไตระดับ หรือเลี้ยว หากนักบินเคลื่อนไหวศีรษะดวย ความรุนแรง เชนหันกลับไปมองทางดานหลัง หรือ กมหนาลงไปดูเครื่องวัดตางๆ บนหนาปด การกระทํา ดังกลาว จะมีผลไปกระตุนประสาทรับรูการทรงตัว ในหลายๆ ทิศทางพรอมๆ กัน จึงทําใหสมองเกิดอาการ งุนงงจนไมรูสภาพการทรงตัวที่แทจริงในขณะนั้น
การเปลี่ยนแปลงอัตราเรง
- ความรูสึกเงยหลอน (The Head-Up Illusion) เกิดขึ้นในขณะที่ทําการบินระดับและ ในขณะนั้ น มี ก ารเร ง เครื่ อ งยนต อ ย า งทั น ที ทั น ใด ทําใหเครื่องมีอัตราการเรงซึ่งการกระทําดังกลาวจะ มีผลทําใหโอโตลิททิค เม็มเบรน (Otolithic Membrane) ซึ่งอยูบนโอโตลิท ออรแกนส เคลื่อนที่ไปทางดานหลัง และจะพัดพาเอาขนออนไปทางดานหลังดวย อาการ ที่ ข นอ อ นถู ก พั ด ไปทางด า นหลั ง นี้ เ หมื อ นกั น กั บ การที่เงยศีรษะขึ้น จะทําใหนั กบินมี ความรูสึกว า หัวเครื่องบินกําลังอยูในทาไต การตอบสนองของ
นั ก บิ น กั บ อาการที่ เ กิ ด ขึ้ น นั ก บิ น จะดั น คั น บั ง คั บ (Yolk or Stick)ไปขางหนาเพื่อลดหัวเครื่องบินใหอยู ทาการบินระดับ แตในความเปนจริงในการกระทํา ดังกลาวทําใหเครื่องบินปกหัวดิ่งลงทําใหเครื่องบิน ชนพื้น มักเกิดในขณะที่ทําการวิ่งขึ้นในเวลากลางคืน จากสนามบินที่มีไฟสองสวาง เขาสูสภาพอากาศ ที่มืดสนิท - การรู สึ ก หั ว เครื่ อ งบิ น ลดต่ํ า ลง (The Head-Down Illusion) เกิดขึ้นในขณะที่ทําการบิน ระดั บ และในขณะนั้ น มี ก ารเป ด แผ น ต า นอากาศ (Air Brake) หรือ การใช Flap หรือการผอนกําลัง เครื่องยนตอยางทันทีทันใดทําใหเครื่องบินมีอัตรา การเรงลดลง การกระทําดังกลาวทําใหนักบินเกิด ความรูสึกวาหัวเครื่องลดต่ําลง การตอบสนองกับ ความรูสึกนี้ นักบินจะทําการดึงคันบังคับมาดานหลัง เพื่อทําใหหัวเครื่องบินไต ถาเกิดในขณะที่ทําการลง สนามที่ ค วามเร็ ว ต่ํ า นั ก บิ น แก ไ ขด ว ยการดึ ง คั น บังคับจะทําใหเครื่องบินเกิดภาวะรวงหลน (Stall)
- ความรูสึกการบินในทาหงายทอง (The Inversion Illusion) เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินไต ด ว ยมุ ม ชั น โดยเฉพาะเครื่ อ งบิ น ที่ มี ส มรรถนะสู ง มีอัตราการเรง และทําการลดหัวเครื่องบินเพื่อทํา การบิ น ระดั บ อย า งทั น ที ทั น ใด ขณะที่ ว างระดั บ ความเร็วจะเพิ่มขึ้นทําใหเกิดอัตราการเรง จะทําให เกิดความรูสึก วากําลั งทําการบินในทาหงายทอง การตอบสนองของนั ก บิ น จะพยายามที่จ ะลดหั ว เครื่องบินลง
ในส ว นประสบการณ ที่ เ คยเกิ ด การหลง สภาพการบิ น ของผู เ ขี ย น ครั้ ง แรกที่ เ กิ ด การหลง สภาพการบิน เมื่อปลายป ๒๕๓๗ ในขณะทําการบิน กับเครื่อง F-5E โดยเปนนักบินหมายเลข ๒ ของ หมูบิน ๔ เปนการฝกซอมหมูบินเขาแขงขันการใช อาวุธทางอากาศยุทธวิธีประจําป มีชั่วโมงบินกับ เครื่องบิน F-5 จํานวน ๓๒๐ ชั่วโมง ขณะที่ทําการบิน เดินทางต่ําดวยหมูบินทางยุทธวิธีเหนือทะเลพบวา ข า งหน า มี ก ลุ ม เมฆฝน หั ว หน า หมู บิ น พยายาม บิน หลบแต ก็ หลบไมพ น หมู บิน เขา สภาพอากาศ มองไมเห็นกัน หัวหนาหมูไดสั่งใหทําการไตตรงหนา ขณะที่ ไ ต อ ยู ใ นเมฆเกิ ด ความรู สึ ก ว า เครื่ อ งบิ น
เลี้ยวตลอดเวลา และรูสึกวาเครื่องบินไมไดไตหา ความสูง ในความรูสึกก็หวาดกลัวเพราะเมฆมืดมาก มีกระแสลมแรง เครื่องบินไมคงที่ ความเร็วก็ลดลง เรื่อยๆ โดยกอนเขามีความเร็ว ๔๒๐ นอต ในความคิด ตอนนั้นก็ใหเชื่อเครื่องวัด แตความรูสึกมันขัดแยง อยางรุนแรง พยายามออกแรงบังคับเครื่องบินไมให ไตหัวสูง ก็ไมสามารถทําได บังคับเครื่องบินไมใหเลี้ยว ก็ไมสามารถทําได มันเปนความรูสึกที่บอกไมไดจริงๆ วาทําไมถึงทําอะไรไมไดเลย พอหลังจากนั้นประมาณ ๓๐ วินาที เครื่องไตผานความสูง ๑๓,๐๐๐ ฟุต เครื่องบินไดบินออกจากเมฆ ก็รูสึกโลงอก สามารถ ที่จะควบคุมเครื่องบินได หลังจากนั้นไดแจงตําแหนง ใหกับหัวหนาหมูบิน หัวหนาหมูบินรวมหมูกลับสนาม ซึ่งในเหตุการณนี้ ถาเกิดในทาทางที่เครื่องบินไมอยู ในทาไต แตอยูในทาหัวปกลง ผูเขียนไมทราบวาจะ เปนอยางไร เพราะสถานการณในขณะนั้นไมสามารถ ที่ จ ะต อ สู กั บ ความรู สึ ก ที่ ขั ด แย ง กั บ ตาที่ ม องเห็ น เครื่องวัดทาทางการบินจําลองไดเลย การหลงสภาพการบินในครั้งที่ ๒ ป ๒๕๔๕ เกิดขึ้นในขณะทําการเติมน้ํามันเชื้อเพลิงในอากาศ เวลากลางคื น การปฏิ บั ติ ภ ารกิ จ ในวั น นั้ น เป น หั ว หน า หมู บิ น ๔ พาลู ก หมู เ ข า เติ ม น้ํ า มั น ชพ. ในอากาศกับ KC-135 ซึ่งเปนเครื่องบินเติมน้ํามัน ชพ.ในอากาศของกองทัพสหรัฐ ฯ ในชวงแรกของ การเติมน้ํามัน ชพ.ผูเขียนเขาเติมน้ํามัน ชพ.กอน ก็เรียบรอยดี หลังจากไดน้ํามัน ชพ.ครบแลวก็ออกไป เกาะอยู ที่ ป ลายป ก ของ บ.KC-135 ในตํ า แหน ง Observation โดยตําแหนงนี้สามารถดูดวงไฟ จากปลายป ก และไฟจากหน า ต า งด า นหลั ง ของ
บ.KC-135 แตเนื่องจากหมูบินไดเขาเมฆ แสงไฟ ก็เห็นบางไมเห็นบาง จุดอางอิงมีจํากัด ในความรูสึก ไมสามารถกะระยะหางของเครื่องบินได เครื่องบิน มีความเร็วเพิ่มขึ้น และเลี้ยวตลอดเวลา การตัดสินใจ ในขณะนั้นคิดวาถาทําการบินตออาจจะเขาชนกับ บ.KC-135 เนื่ อ งจากกะระยะห า งไม ไ ด เ พราะ เห็ น แสงไฟจากปลายป ก เพี ย งดวงเดี ย ว จึ ง แจ ง บ.KC-135 ขอยกเลิกภารกิจ และนําหมูออกจาก บ.KC-135 ดวยการบินดวยเครื่องวัดประกอบการบิน
การหลงสภาพการบินในครั้งที่ ๓ ตนป ๒๕๔๖ เกิดในระหวางปฏิบัติการบินในเวลากลางคืน ภารกิจ การบินยุทธวิธีการรบในอากาศ โดยเปนหัวหมูบิน ๔ มีชั่วโมงบินกับเครื่องบิน F-16 รวม ๑,๒๔๐ ชั่วโมง เหตุการณที่เกิด สภาพอากาศดี บินเหนือสภาพแวดลอม ที่เปลี่ยนแปลง โดยทําการบินเหนือทะเลทราย ซึ่ง ทะเลทรายพื้นดินจะไมมีแสงไฟฟาจากบานเรือน ประชาชน แตประเทศไทยแสงสวางไฟฟาจากบานเรือน ประชาชนบนพื้ น ดิ น มี ม าก ซึ่ ง จะตรงกั น ข า มกั บ การบินในประเทศ ในการบินยุทธวิธีในการ Launch and Leave Tactic คือการใชอาวุธระยะนอกสายตา มองเห็น (Beyond Visual Range, AMRAAM) เมื่อ ใชอาวุธแลวจะเลี้ยวออกจาก บ.เปาหมาย ๑๘๐ องศา
ทํ า การลดความสู ง ด ว ย หลั ง จากนั้ น เมื่ อ มี ข อ มู ล ของ บ.เปาหมายยังถูกทําลายไมหมด จะทําการเลี้ยว กลับไปใชเรดาร Lock เปาหมายและทําการใชอาวุธ เหตุก ารณที่เ กิดหลงสภาพการบิ น จะเกิดในชวงที่ เลี้ยวไตกลับไปใชอาวุธ เพราะในขณะที่ทําการเลี้ยวไต จะตองจุดสันดาปทาย เพื่อเพิ่มอัตราไต และก็ตอง มองในจอเรดาร เพื่อคนหาเปาหมาย เมื่อทําการ Lock เปาหมายได เงยหนาขึ้นมองจอแสดงผลการ ใชอาวุธ (Head Up Display :HUD) และทําการใช อาวุธ สิ่ง ที่เ กิดขึ้นพบวา มีความรูสึก วา ทําการบิน หงายทอง ตรวจสอบเครื่องวัดทาทางการบินจําลอง และ จอ HUD พบวา เครื่องบินบินอยูในทาปกติ มองออกนอกเครื่องบินไปขางลางมืด สวนดานบน มี แ สงสว า ง ยิ่ ง ทํ า ให รู สั บ สนกั บ ประสบการณ ใ น สภาพแวดล อ มที่ คุ น เคย แต ก็ เ ชื่ อ ในเครื่ อ งวั ด ใช เ วลา ๒๐ วิ น าที ใ นการบิ น ระดั บ ความรู สึ ก จึ ง กลั บ มาปกติ ในช ว งที่ เ กิ ด การหลงสภาพการบิ น พยายามที่ จ ะบั ง คั บ เครื่ อ งให เ ลี้ ย วซ า ยเพื่ อ หลบ บ.เปาหมายที่สกัดกั้น แตไมสามารถกระทําไดทันที แตเ นื่ อ งจากเคยมี ป ระสบการณ ใ นเรื่ อ งการ หลงสภาพการบินมากอน ครั้งนี้แกไขดวยวิธีการ ใหความสนใจไปที่มือ ในการบังคับเครื่องบิน โดย ไม ใ ช ค วามรู สึ ก ในการควบคุ ม มื อ ให มี ก าร เคลื่อนไหว ที่มือ ซึ่งปรากฏวาไดผล เมื่อควบคุมมือ ใหเคลื่อนไหวได ก็จะบังคับเครื่องบินใหเปนไปตาม เครื่องวัดประกอบการบิน ทําอยางไรที่จะปองกันการเกิดหลง สภาพการบิ น ควรที่ จ ะมี ป ระสบการณ ก ารเกิ ด การหลงสภาพการบิ น ด ว ยเครื่ อ งฝ ก ต า งๆ เช น
a Barany chair, a Vertigon, a GYRO, or a Virtual Reality Spatial Disorientation Demonstrator
ดวยการปฏิบัติพื้นฐานดังนี้ • กอนที่จะทําการบินเขาสภาพอากาศที่ ทัศนวิสัยต่ํากวา ๓ ไมล นักบินตองทําการบินดวย เครื่องวั ดประกอบการบิ น ดวยการมองเครื่องวัด Attitude และ เครื่องวัดประกอบการบินอื่นประกอบกัน • ขณะที่ทําการบินในเวลากลางคืน หรือ ทัศนวิสัยต่ํา ตองทําการบินดวยเครื่องวัดประกอบ การบิน • ถาตองทําการบินในเวลากลางคืน นักบิน ตองรักษาความตอเนื่องในการบินในเวลากลางคืน ซึ่งประกอบดวยการบินเดินทางไปสนามบินตางถิ่น การบินในพื้นที่ และการบินเดินทาง • ถาในกรณีที่มีความสามารถทําการบิน ดวยทัศนวิสัยอยางเดียว (only Visual Flight Rules-qualified) อยาพยายามทําการบินดวย ทัศนวิสัยเมื่อตองบินเขาไปในสภาพอากาศ
• ถาเกิดการหลงสภาพการบินที่มีสาเหตุ มาจากการแปลผลผิ ด พลาดของอวั ย วะรั บ รู การทรงตัวในหูชั้นใน (Vestibular Illusions) ควรเชื่อ เครื่องวัดประกอบการบิน และอยาเชื่อในความรูสึก ของตนเอง • ตองเขาใจธรรมชาติของการเกิดการ หลงสภาพการบิน และรูสาเหตุที่ทําใหเกิด • ถาเปนไปไดควรหลีกเลี่ยงการบินใน สภาวะที่จะเปนสาเหตุใหเกิดการหลงสภาพการบิน • ปฏิบัติตามกฎการบินดวยเครื่องวัด ประกอบการบิน และรักษาความตอเนื่องในการบิน ดวยเครื่องวัดประกอบการบิน • จงจําไวเสมอวาการหลงสภาพการบิน สามารถเกิดขึ้นไดกับนักบินทุกคน ในทายที่สุดนี้นักบินควรที่จะตระหนักกับ อันตรายในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงระหวางดู เครื่องวัดประกอบการบิน กับการมองภายนอกเมื่อ ทั ศ นวิ สัย ต่ํา หรื อ สภาพอากาศเป น อุปสรรค ควร หลี ก เลี่ ย งการเคลื่ อ นไหวศี ร ษะอย า งทั น ที ทั น ใด เมื่อเครื่องบินมีการเปลี่ยนทาทางการบิน อยาจองมอง เครื่องวัดเปนเวลานาน และสิ่งที่สําคัญเมื่อความรูสึก เกิ ด ความขั ด แย ง กั บ เครื่ อ งวั ด ประกอบการบิ น การปฏิบัติตองเชื่อเครื่องวัดประกอบการบิน ตองมี สติควบคุมตนเองใหได ซึ่งจะชวยชีวิตคุณได
น.อ.หญิง วิบลู รัตน เอี่ยมปรเมศวร เรื่ อ งของเรื่ อ งคื อ เมื่ อ มี ค วามรู สึ ก ดี ๆ ก็ไมอยากเก็บไวคนเดียว อยากใหใครๆ ไดรับรูดวย ถือวาเปนการแบงปนประสบการณกันนะคะ... สั ป ดาห ที่ แ ล ว ผู เ ขี ย นได รั บ เกี ย รติ จ าก วิทยาลัยการทัพอากาศ (วทอ.) ใหไปรวมจัดการฝก “บริหารสถานการณวิกฤตระดับยุทธศาสตร” ให กั บ นั ก ศึ ก ษาหลั ก สู ต รการทั พ อากาศ รุ น ๔๕ ซึ่งนับเปนกิจกรรม highlight ของหลักสูตร เพราะ เปนการประมวลความรูทั้งหมดที่ไดเรียนมาตลอด ทั้ ง ป ผู เ ขี ย นรู สึ ก ประทั บ ใจในสิ่ ง ต า งๆ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ตลอดหนึ่งสัปดาหที่ผานมา ไมวาจะเปนการไดเห็น ความตั้ ง ใจและทุ ม เทของที ม งานจั ด การฝ ก ความตั้งใจรับการฝกของนักศึกษา ยิ่งกวานั้นยังได เห็นบทบาทในการเปนแหลงอางอิงทางวิชาการของ หนวยงานการศึกษาที่มีตอกองทัพ จึงอดไมไดที่จะนํา ความรูสึกดีๆ นั้น มาเลาสูกันฟง ผูเขียนไปรวมจัดการฝกครั้งนี้เปนครั้งแรก รูสึกดีใจที่ไดมีสวนรวม เพราะมันเปนการใหความรู และประสบการณ ท างทหารระดั บ สู ง สุ ด ของ กองทั พ อากาศอย า งแท จ ริ ง เนื่ อ งจากการฝ ก
ตามเกมนี้ จะทําใหนักศึกษาเขาใจกลไกการทํางาน ของระบบความมั่นคงของประเทศ จะเห็นภาพวา เมื่ อ เกิ ด เหตุ ก ารณ วิ ก ฤตในระดั บ ชาติ เช น สงคราม กระบวนการตัดสินใจของชาติจะเปน อยางไร ทหารเขาไปเกี่ยวของตรงไหน อยางไร ฝายอํานวยการทางทหารระดับสูงทําอะไร และ ต อ งใช ค วามรู อ ะไรบ า ง ซึ่ ง วทอ.ได จั ด การฝ ก ลักษณะนี้มาระยะหนึ่งแลว แตเนื้อหาเกี่ยวกับการ วางแผนทางทหารยังไมเขมขนมากนัก จนกระทั่งถึง รุนปจจุบันนี้นับวาวิทยาลัยการทัพอากาศไดปรับปรุง พัฒนาไปมาก สามารถออกแบบการฝกที่ครอบคลุม ประเด็นตางๆ ไดครบถวน โดยเฉพาะประเด็นการ เปนฝายอํานวยการทางทหารระดับยุทธศาสตร ซึ่ง เปนเรื่องสําคัญที่สุดสําหรับนักการทหารอยางเราๆ
ในการจั ด การฝ ก ได แ บ ง อาจารย เ ป น ที ม รั บ ผิ ด ชอบส ว นต า งๆ คื อ ส ว นควบคุ ม การฝ ก ใน ภาพรวม สวนของการวางแผนทางทหาร สวนสารสนเทศ ของระบบการฝก สวนงานสื่อสารมวลชนและการ เจรจาตอรอง สวนสนับสนุนการฝก และสวนประเมินผล การฝก ซึ่งผูเขียนไดเขารวมจัดการฝกในสวนงาน การเจรจาตอรอง การฝ ก ได จั ด ขึ้ น ในช ว ง วั น ที่ ๒๒ ส.ค.๒๖ ส.ค.๕๔ และวันที่ ๒๙ ส.ค.๕๔ สถานการณ ของการฝกแบงเปนสองสถานการณคือ สถานการณที่ ๑ ประเทศไทยมีความขัดแยงกับประเทศเพื่อนบาน ถึ ง ขั้ น ใช กํ า ลั ง ทางทหารบริ เ วณชายแดน ส ว น สถานการณ ที่ ๒ เกิ ด ภั ย พิ บั ติ ท างธรรมชาติ อยางรุนแรงในประเทศ ซึ่งนักศึกษาจะฝกบริหาร สถานการณวิกฤตโดยสวมบทบาทเปนฝายอํานวยการ ทางทหารระดับสูง เปนผูบังคับบัญชาระดับสูงของ หนวยงานตางๆ ที่เกี่ยวของกับความมั่นคงของชาติ หรือเปนประเทศคูกรณี เปนองคการระหวางประเทศ เปนตน
สถานการณการฝกเริ่มตนตั้งแต ๘ โมงเชา ของวันที่ ๒๒ ส.ค. ดวยการจําลองสถานการณการ ประชุ ม สภาความมั่ น คงแห ง ชาติ ขึ้ น บนเวที ใ น
ห อ งบรรยาย โดยเริ่ ม จากฝ า ยข า วกรองบรรยาย สถานการณความขัดแยง หลังจากนั้น ผบ.วทอ. ซึ่ง รับบทเปนนายกรัฐมนตรี ประธานที่ประชุมไดขอ ความเห็นที่ประชุม แลวสุดทายนายกฯ ไดสั่งการ และใหเจตนารมณ (Guidance) เพื่อจัดการกับ ปญหาที่เกิดขึ้น หนวยงานหรือกระทรวงผูรับผิดชอบ การใชพลังอํานาจของชาติดานตางๆ ก็จะนําคําสั่ง นั้น ไปปฏิ บั ติ ด ว ยหนทางที่ เ หมาะสมต อ ไป เช น ทหารเมื่อรับคําสั่งจากนายกฯวาใหเตรียมตอบโต ก็ จ ะต อ งไปวางแผนทางทหารระดั บ ยุ ท ธศาสตร และเมื่อนายกฯเห็นชอบแลว หนวยรองของทหาร ก็จะตองมีการวางแผนระดับยุทธการและยุทธวิ ธี รองรับตอไป ซึ่งในการวางแผนระดั บยุทธศาสตร ดังกลาว จะอาศัยองคความรูทั้งหมดในหลักสูตร ที่เรียนกันมาทั้งป สวนบทบาทอื่นๆ ที่มีในการฝก ก็เพื่อใหนักศึกษาไดเห็นภาพรวมของการแกปญหา ระดับชาติอยางเปนระบบ แตจุดเนนจริงๆ จะอยูที่ การวางแผนทางทหาร ดังนั้นเพื่อใหเห็นภาพอยาง สมจริง นักศึกษาบางสวนก็จะไดรับบทบาทใหเปน รัฐมนตรีกระทรวงตางๆ ในระบบความมั่นคงของ ชาติ หรือเปนประเทศคูกรณี เปนประเทศมหาอํานาจ หรือเปนองคการระหวางประเทศที่เขามาเกี่ยวของ กั บ สถานการณ ซึ่ ง แต ล ะคนก็ จ ะต อ งใช ค วามรู ที่เ รียนมา ตีบทใหแตก แลวตอบสนองออกมาวา เหตุการณควรจะดําเนินไปอยางไร จะเห็ น ได ว า การที่ จ ะให เ กมดํ า เนิ น ไปได จะตองอาศัยความรวมมือระหวางฝายจัดการฝกและ ผูรับการฝก ผูเขียนเห็นวาฝายอาจารยผูจัดการฝก นั้น ไดทุมเทแรงกายแรงใจอยางมาก ตั้งแตการ
คนควาเพื่อสอนเพิ่มเติมเพื่อใหนักศึกษามีความรู พอที่จะทําการฝกได การจัดเตรียมเอกสารประกอบ การฝก คูมือการฝก การตองเฝาติดตามสถานการณ ของเกมเพื่อสั่งการตอไป ตองอาน e-mail นับพัน e-mail ที่สวนตางๆ สื่อสารกันในระหวางการฝก
ทุกวันในชวงฝกตองเริ่มงานตั้งแต ๗ โมงครึ่ง เพื่อประชุมวา สถานการณไปถึงไหนแลว สวนไหน มีขอขัดของอะไร วันนี้จะมีภารกิจอะไรบาง มีอะไร ตองเฝาดูเปนพิเศษ จากนั้นก็แยกยายกันไปทํางาน ในสวนที่ตนรับผิดชอบ พอ ๔ โมงเย็น ก็จะตองมา ประชุมสรุปการปฏิบัติประจําวัน วามีขอขัดของอะไร พรุงนี้จะทําอะไร ซึ่งหลังจากประชุมบางสวนก็ยัง นั่งทํางานตอถึง ๖ โมงเย็น เชนอาจารยผูควบคุมการฝก จะอานรายงานของนักศึกษาที่สงมาทุกบาย ๓ โมง เพื่ อ ติ ด ตามสถานการณ แ ละตั ด สิ น ใจว า จะให นักศึกษาทําอะไรในเกมตอไป นอกจากนี้ตองตรวจแผน ที่นักศึกษาทําสงมาวาใชไดหรือไม มีความถูกตอง สมเหตุผ ลตามหลั ก วิช าหรื อเปล า หากนัก ศึ ก ษา บางกลุมยัง action นอย สวนควบคุมก็จะใสสถานการณ เพื่อใหนักศึกษา action หรือบางครั้งก็จะดูวานักศึกษา ไดริเริ่มในสวนที่ควรจะริเริ่มหรือยัง เชนสถานการณ ชวงนั้นควรมีการเจรจาตอรองกันไดแลว แตนักศึกษา ยังเฉย สวนควบคุมก็จะสั่งใหเจรจา แตถานักศึกษา
ริเริ่มการเจรจาเอง สวนควบคุมก็มีหนาที่จัดการให ไดเจรจากัน สังเกตการณ วิจารณการปฏิบัติและให คําแนะนําเพิ่ มเติ ม อาจารย ที่อยูค่ํามืดเป น พิเศษ เห็นจะเปนฝายสื่อ เพราะตองนําภาพขาวที่นักศึกษา แถลงหรื อใหสัมภาษณในตอนกลางวัน ไปตัดตอ รวมกั บเจาหนาที่ของ กร.ทอ. ซึ่งบางครั้งก็ทํากัน จนถึง ๒-๓ ทุม แตผูเ ขียนก็เห็นวาอาจารยทุกคน ทํางานดวยความสุข ทุมเทเต็มที่อยากใหทุกอยาง ออกมาดี ผูเขียนเองก็มีความสุขที่ไดทํางานนี้ แมวา จะเช า ถึ ง ค่ํ า ทุ ก วั น แต ด ว ยความรู สึ ก ว า อยากให นักศึกษาไดรับประสบการณดีๆ ก็ทําใหมีกําลังใจ โดยเฉพาะ ผบ.วทอ. ทานไดใหความสําคัญกับการ ฝกมาก ไดใหการสนับสนุนการฝกทุกอยางไมวาจะ เป น การประชุ ม เตรี ย มความพร อ มของการฝ ก การประชุ ม ที ม งานการฝ ก ทุ ก วั น ทั้ ง เช า และเย็ น การจัดหาสิ่งอํานวยความสะดวกประกอบการฝก รวมทั้งเรื่องอาหารการกิน พวกเราไดรับการเอาใจใส อยางดี ไมมีเวลาหิวกันเลย
นอกจากความประทับใจที่ไดเ ห็นทีมงาน จัดการฝกที่เขมแข็งแลว ที่ประทับใจไปกวานั้น คื อ ได เ ห็ น นั ก ศึ ก ษามี ค วามตั้ ง ใจในการฝ ก ... ดัง ที่ไดก ลาวแล ว ขา งตนวาสถานการณวิกฤตนั้น
มี ทั้ ง ความขั ด แย ง บริ เ วณชายแดนและการเกิ ด ภั ย พิ บั ติ อ ย า งรุ น แรง กลุ ม วางแผนจึ ง แบ ง เป น สองกลุ ม ตามสถานการณ ซึ่ ง ในการแบ ง กลุ ม นักศึกษา อาจารยก็ไดพยายามจัดใหไดมีโอกาส ทํ า งานในลั ก ษณะการปฏิ บั ติ ก ารร ว ม (Joint Operations) คือจะมีนักศึกษาทั้งจาก ทบ., ทร. และ ทอ.อยู ใ นกลุ ม ซึ่ ง ทั้ ง สองกลุ ม ก็ ทํ า งานกั น ไดดีมาก มีการคิดอยางเปนระบบตามกระบวนการ วางแผน (Crisis Action Planning Process) ทุกขั้นตอน นับเปนงานที่หนักเอาเรื่อง ซึ่งนอกจากผูรับบทเปน ผูวางแผนจะทํา ไดเป นอยางดีแลว ผูที่รับบทเปน ผบ.ทสส.ก็ ทํ า ได ดี เ ช น กั น คื อ กลุ ม ผู ว างแผนทั้ ง ๒ สถานการณจะตองบรรยายสรุปวิเคราะหเปรียบเทียบ หนทางปฏิบัติให ผบ.ทสส.ฟง ซึ่งหลังจากบรรยาย ผบ.ทสส.ก็สามารถมีคําถามดีๆ ที่แสดงถึงความรู ความเขาใจในงาน คือสงสัยในสิ่งที่ควรจะสงสัย ผูเขียนอยากจะบอกวาถาไมเขาใจก็ถามไมไดหรอก
นอกจากจะมีคําถามดีๆ แลวก็ยังสามารถ ใหเจตนารมณหรือนโยบายได (Guidance) ซึ่งใน ชีวิตจริงการจะทําอยางนี้ได ตองอาศัยทั้งความรู และประสบการณไมนอยเลย จึงรูสึกชื่นชมในความ ใสใจ ความเอางานเอาการของนักศึกษา และรูสึก
วางใจไดวาหากวันหนึ่งนักศึกษาเหลานี้จะเติบโต ขึ้นไปทําหนาที่เปนคณะผูบัญชาการทหาร ซึ่งเปน ที ม ที่ ป รึ ก ษารั ฐ มนตรี ว า การกระทรวงกลาโหม ในเรื่องการเตรียมกําลัง การสั่งการใชกําลัง ตลอดจน รับผิดชอบในการควบคุ มอํานวยการยุทธในภาพรวม ตาม พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๑ พวกเขาก็จะทําได
นอกจากกลุมวางแผนแลว นักศึกษากลุม อื่นๆ ก็ตั้งใจไมแพกัน ผูที่ไดรับบทรัฐมนตรีวาการ กระทรวง ตางก็ตีบทแตกกระจายราวกับเปนรัฐมนตรี ตัวจริง สามารถแถลงขาวหรือใหสัมภาษณไดราว กั บ มื อ อาชี พ บางคนเป น ตั ว แทนประเทศคู ก รณี ใหสัม ภาษณ เ ขา ถึง บทมาก จนนั ก ข า วชอง ๕ ซึ่ง เป น อาจารย ข องหลั ก สู ต รและได เ ข า ร ว มในส ว น
จัด การฝก ได วิ จ ารณก ารปฏิบั ติข องนั ก ศึ ก ษาว า ใหสัมภาษณเกงมากจนทําใหเกลียดไดเลย สวน นักศึกษาที่รับบทเปนตัวแทนประเทศหรือองคการ ในการเจรจาตอรอง หรือเจรจาทางการทูตก็ไมเบา แต ล ะคนให ค วามร ว มมื อ ที่ จ ะเล น ไปตามบท ซึ่ ง แน น อนต อ งอาศั ย การค น คว า หาข อ มู ล เป น อย างมากจึ ง จะทํ าไดดี สถานการณและบทบาท เหลานี้จะชวยใหนักศึกษาเขาใจในเรื่องผลประโยชน ของชาติไดดียิ่งขึ้น จะหาพันธมิตรและจะโดดเดี่ยว ศั ต รู กั น อย า งไร ที่ น า ชื่ น ชมอี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ก็ คื อ ฝ า ยจั ด การฝ ก ได มี ก ารสมมติ ใ ห ก ระทรวง ICT รั บ บทบาทในเรื่ อ งการสื่ อ สารเชิ ง ยุ ท ธศาสตร (Strategic Communication) ซึ่งในความเปนจริง ประเทศไทยยั งไมมี หนวยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ แตไดสมมติขึ้นเพื่อใหนักศึกษาเห็นภาพที่ควรจะ เป น เพราะในโลกแห ง ความเป น จริ ง หลายๆ ประเทศก็ ไ ด ใ ห ค วามสํ า คั ญ กั บ การสื่ อ สารเชิ ง ยุท ธศาสตร เพื่ อ เป น ภาพรวมของการสื่ อ สารทํ า ความเขาใจกับประชาชนในประเทศและประชาคม โลก และนั ก ศึ ก ษาก็ ส ามารถแสดงบทบาทได ดี เช น กัน คือได ทํ า ให เห็ นภาพรวมของการสื่อ สาร ของประเทศที่มุงไปสูผลลัพธสุดทายเดียวกัน การที่ ผู เ ขี ย นรู สึ ก ว า นั ก ศึ ก ษาเห็ น คุ ณ ค า และมีความตั้งใจในการฝก เกิดจากการสังเกตของ ผูเขียน แตเมื่อสิ่งนี้ไดรับการตอกย้ําวาเปนเชนนั้น จริงๆ ก็ยิ่งประทับใจ นั่นคือการไดยินจากปากของ นั ก ศึ ก ษาเองในช ว งการทบทวนหลั ง การปฏิ บั ติ (After Action Review : AAR) วาพวกเขารูสึกอยางไร และเรียนรูอะไรจากการฝก ซึ่งการทํา AAR ไดจัดขึ้น
ในวั น สุ ด ท า ยของการฝ ก ในห อ งบรรยาย ผู เ ขี ย น ได ยิน นักศึ กษาหลายท า นกล าวถึ งสิ่งที่เ ขาเรีย นรู แล ว ก็ รู สึ ก ดี ใ จ เพราะมั น ได ส ะท อ นให เ ห็ น ถึ ง ผลสํ า เร็ จ ของการให ก ารศึ ก ษา ที่ ส ามารถทํ า ให นักศึกษาคิดเปน และตระหนักถึงความสําคัญของ การมี ค วามรู เ พื่ อ การตั ด สิ น ใจในป ญ หาสํ า คั ญ ของชาติ นอกเหนือจากความประทับใจดัง ที่กลา ว มาแลว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผูเขียนประทับใจมากๆ คือ การที่ รอง จก.กร.ทอ.ได ม าเยี่ย มชมการฝก เพื่ อ ติ ด ตามวิ ท ยาการใหม ๆ ในการใช ป ระกอบการ พิจารณากําหนดทิศทางและกระบวนการดําเนินงาน ของ ทอ.เกี่ยวกับการจัดการกับปญหาภัยพิบัติของ ชาติ ซึ่ ง เป น งานด า นหนึ่ ง ของการปฏิ บัติ ก ารทาง ทหารนอกเหนือจากสงคราม (Military Operations Other Than War :MOOTWAR) โดยไดเยี่ยมชม การฝ ก ในส ว นการวางแผนทั้ ง สองสถานการณ เปน หลัก ที่ผู เ ขี ย นประทับ ใจมากก็ เ พราะได เ ห็ น หน ว ยงานด า นวิ ช าการได รั บ ความเชื่ อ ถื อ ในการเปนแหลงอางอิง เปนที่พึ่งทางวิชาการ ใหกองทัพ
สิ่งนี้คงเปนสุดยอดปรารถนาของหนวยงาน วิชาการทั่ วไป ผู เ ขี ย นชอบเห็ น ภาพที่ วา เมื่อ ใคร ตองการความรูหรือมีขอสงสัยในศาสตรทางทหาร โดยเฉพาะระดับยุทธศาสตรแลวคิดถึง วทอ. ดังนั้น ธรรม
พัฒนาผูน าํ เนนยุทธศาสตร
เมื่ อ เห็ น วทอ. ได แ สดงความเป น แหล ง อ า งอิ ง ผู เ ขี ย นในฐานะที่ อ ยู ใ นระบบการศึ ก ษาวิ ช าชี พ ทางทหารมายี่สิบปก็อดที่จะยินดีไมได การฝกครั้งนี้แมจะมีขอขัดของบางประการ ที่จะตองปรับปรุงแกไขกันตอไป แตก็นับวาสมบูรณ ที่สุดกวาที่ผานๆ มา ไดเห็นทีมงานจัดการฝกทํางาน อยางทุมเทเพื่อใหสิ่งดีๆ กับนักศึกษา ไดเห็นนักศึกษา ที่ เ ป น อนาคตของกองทั พ อากาศตั้ ง ใจรั บ การฝ ก ที่สําคัญไดเห็นวาเมื่อคนตองการความรูทางทหาร ระดับสูงจะนึกถึง วทอ. ผูเขียนในฐานะที่ไดมีโอกาส มีสวนรวมกับการจัดการฝกครั้งนี้ จึงอดไมไดที่จะ นํามาเลาสูกันฟง......
คุณธรรมเดน ฉลาดบริหาร
¾ Boeing 737 Max ความหวังของบริษัทโบอิ้ง ¾ บริษัท BAE Systems เปิดตัว BLAST ระบบช่วยลงจอดของเฮลิคอปเตอร์
Boeing 737 Max ความหวังของบริษัทโบอิ้ง
บริษัทโบอิ้งซึ่งเปนยักษใหญในอุตสาหกรรม ผลิตเครื่ อ งบิ น ได ป ระกาศอย า งเป น ทางการที่จ ะ ผลิตเครื่องบินรุนใหมในตระกูลเครื่องบิน B737 ซึ่ง เปนการตอยอดในดานเทคโนโลยีการบินของเครื่องบิน ตระกูล B737 Next Generation (NG) โดยจัดเปน เครื่องบินในตระกูล B737 Max ซึ่งประกอบดวย B737 Max7, B737 Max8 และ B737 Max9 บริษัทโบอิ้งตองการที่จะผลิตเครื่องบินรุนนี้ ที่สามารถประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีที่สุดและมีคาใชจาย ในดานปฏิบัติการต่ําที่สุด เมื่อเทียบกับเครื่องบิน รุ น อื่ น ๆ ในเครื่ อ งบิ น ประเภททางเดิ น เดี ย ว โดย เครื่องบินรุนนี้จะเปนเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพและ มีความนาเชื่อถือสูงสุด และในดานการออกแบบ ภายในนั้นจะเปนแบบ Boeing Sky Interior โดยจะ ทํ า การออกแบบภายในให ผู โ ดยสารได รั บ ความ สะดวกสบายสูงสุด บริษัทโบอิ้งไดนําเสนอความไดเปรียบของ เครื่องบินรุนนี้ โดยแบงออกเปน 3 ประเด็น ประเด็ น แรกคื อ ประสิ ท ธิ ภ าพสู ง สุ ด ของ เครื่องบินรุนนี้ โดยเครื่องบิน B737 Max สามารถ
ลดคาใชจายในการปฏิบัติการ (Operating Cost) ใหต่ํากวา 7% ของเครื่องบินประเภทเดียวกันจาก บริษัทผลิตเครื่องบินอื่นในอนาคต โดยการใชเชื้อเพลิง อย า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพสู ง สุ ด ด ว ยเครื่ อ งยนต ข อง CFM International ที่จะมีชื่อลงทายดวย -1B
ประเด็นที่สองมุงเนนในด านความนาเชื่อถื อ (Reliability) โดยจะทําใหเครื่องบินสามารถเพิ่มคา ความนาเชื่อถือในดานการบินใหมากกวา 99.7% ของเครื่องบินตระกูล B737 NG ซึ่งเครื่องบินจะ สามารถออกบินเดินทาง ภายใน 15 นาที สําหรับ ประเด็นความนาเชื่อถือนี้ บริษัทโบอิ้งไดใหขอมูล เพิ่มเติมโดยกลาวถึงหากสายการบินที่มีเครื่องบิน
B737 Max จํานวน 100 เครื่อง จะสามารถหลีกเลี่ยง ความล า ช า ของผู โ ดยสาร ได ถึ ง 68,000 คนต อ ป ซึ่งยอมจะดีกวาเครื่องบินคูแขงอื่นๆ ประเด็ น สุ ด ท า ยเป น เรื่ อ งเกี่ ย วกั บ การ ตกแตงภายใน ซึ่งเครื่องบิน B737 Max จะเปน เครื่ อ งบิ น ที่ มี ก ารตกแต ง ภายในในยุ ค หน า แบบ Boeing Sky Interior โดยจะออกแบบการตกแตง ใหมีความรูสึกกวางขวาง ชองเก็บสิ่งของดานบน จะฝ ง อยู ใ นเพดานด า นบนและสามารถรองรั บ กระเปาสัมภาระไดมากขึ้น อีกทั้งจะใชหลอดไฟที่ สามารถให แ สงสว า งที่ ส ามารถเลื อ กสี ภ ายใน หองโดยสารได เครื่องบิน B737 Max คาดวาจะเขาใหการ บริการไดในป ค.ศ.2017 หรือ พ.ศ.2560 การออกมาของเครื่องบิน B737 MAX ครั้งนี้ ทําใหตลาดเครื่องบินลําตัวแคบดุเดือดอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากบริษัทแอรบัสไดนําเสนอ A320 Next Generation Option (NEO) มากอนหนานี้และ จะใหบริการในป ค.ศ.2015 หรือป พ.ศ.2558 โดย จุดเดนของเครื่องบิน A320 NEO นี้ คือการประหยัด การเผาผลาญเชื้อเพลิง 15% เพิ่มน้ําหนักสัมภาระ 2 ตัน และทําการบินไดไกลเพิ่มขึ้น 950 กม. อีกทั้ง ธรรม
ยังลดความดังของเสียงและที่สําคัญคือลดคาใชจาย ในการปฏิบัติการ 8% สิ่งสําคัญที่ทําใหเครื่องบิน A320 NEO มี ประสิ ท ธิ ภ าพสู ง ขึ้ น คื อ การใช เ ครื่ อ งยนต ที่ มี ประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเครื่องยนตที่สามารถติดตั้ง มี 2 รุนคือPratt&Whitney’s PurePower PW1100G Geared Turbofan และ CFM International’s Leap-X กอปรกับเครื่องบินนี้ใชเทคโนโลยีของการออกแบบ ปลายปกใหเปนลักษณะ Sharklets Wing Tip ที่มี ขนาดใหญขึ้น เพื่อลดแรงตานที่เกิดขึ้นขณะทําการบิน ขณะนี้โปรแกรมของ B737 MAX ของบริษัท โบอิ้งพึ่งจะเริ่มตน ซึ่งจะตองรอดูตอไปวาสามารถ จะแขงขันกับเครื่องบิน A320 NEO ของบริษัทคูแขง อยางแอรบัสไดหรือไม บทพิสูจนจากยอดสั่งซื้อจะ เป น ดั ช นี ตั ว วั ด ความสํ า เร็ จ ของบริ ษั ท ยั ก ษ ใ หญ ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินทั้งสอง
บริษัท BAE Systems เปิดตัว BLAST ระบบช่วยลงจอดของเฮลิคอปเตอร์
ระหวางงานแสดงสินคา Defence and Security Equipment International (DSEi) exhibition ในลอนดอน บริษัท BAE Systems ไดนําเทคโนโลยีที่ชื่อวา Brownout Landing Aid System Technology (BLAST) ออกมาแสดง ซึ่งเปนระบบชวยลงจอดของเฮลิคอปเตอรในสภาวะที่มองไมเห็น สภาพภายนอก เปนเครื่องมือชวยที่ชวยใหนักบินเฮลิคอปเตอร สามารถมองเห็นไดในสภาวะแวดลอม ที่การมองเห็นลดลง (degraded visual environments, DVE)
บริษัท BAE Systems ไดใชเทคโนโลยีที่มีอยูที่รวบรวมมาจากภาคสนามในการพัฒนาระบบ BLAST ซึ่ ง ตอบสนองความต อ งการที่ เ ร ง ด ว นของการบิ น ปฏิ บั ติ ก ารณ ข องเครื่ อ งบิ น ป ก หมุ น ใน สภาพแวดลอมที่การมองเห็นลดลง เชนฝุนที่ฟุงกระจายในขณะลงจอด สภาพหมอกจัด หรือในสภาพ มีควันจัด สภาวะ brownout ของเฮลิคอปเตอรนั้น เกิดขึ้นเมื่อนักบินสูญเสียการมองเห็นสิ่งอางอิ ง อันเนื่องมาจากฝุนหรือทรายฟุงกระจายในขณะยกตัวขึ้นหรือขณะลงจอด ซึ่งเปนปญหาใหญในภูมิประเทศ ที่เปนทะเลทราย สภาวะ brownout เปนสาเหตุ หลั ก ที่ นํ า ไปสู ภ าวะเสี่ ย งของเฮลิ ค อปเตอร ในการบินปฏิบัติการณในทะเลทราย ระบบ BLAST นี้สามารถแกปญหานี้ได กองกําลังพันธมิตรได ดําเนินการตรวจสอบเพื่อที่จะลดอัตราอุบัติเหตุ ที่ สู ง อั น มีส าเหตุ ม าจากการมองเห็ น ที่ ต่ํ า เมื่ อ เกิดสภาพของ DVE และพบวาปญหานี้ไมสามารถ แกไขไดดวยวิธีการฝกนักบินอยางเดียว แตตอง อาศัยเทคโนโลยีดวย บริษัท BAE Systems ไดประสบความสําเร็จในการทดสอบ BLAST เมื่อเดือนเมษายน 2011 ในหวงเวลาการทดสอบเปนเวลา 2 สัปดาหที่สนามทดสอบอาวุธของกองทัพบกสหรัฐ เมือง Yuma ในรัฐ Arizona โดยทําการติดตั้งกับเฮลิคอปเตอรแบบ Bell UH-1 "Huey" ระบบไดแสดงภาพสามมิติ real time ของพื้นที่ที่จะทําการลงจอดพรอมดวยสัญลักษณขอมูลการบินอยูเหนือภาพนั้นใหนักบินไดเห็นในสภาวะ ที่เปน DVE โดยสัญลักษณการบินใหขอมูลทั้งหมดที่เกี่ยวของกับขอมูลที่สําคัญอยางยิ่งยวดตอการบิน ชวยใหนักบินสามารถตัดสินใจในดานความสูง ความเร็ว และมุมเอียงของเฮลิคอปเตอรไดงาย "ระบบนี้รวมการใชเทคโนโลยี millimetre wave (MMW) ที่ไดรับการตรวจสอบแลว เขากับ ความสามารถขั้นสูงในการระมัดระวังสถานการณ และชวยทําใหนักบินที่ปฏิบัติงานแนวหนาทําการบินได ดวยความปลอดภัย ในสภาวะการมองเห็นต่ํา เชนสภาวะฝุนคลุงเปนสีน้ําตาล สภาวะหมอกควันปกคลุม เปนสีขาว สภาวะมืด และสภาวะอากาศผันผวน ชวยใหนักบินทําภารกิจไดสําเร็จ" กลาวโดย Paul Cooke ผูอํานวยการดานพัฒนาธุรกิจ ของบริษัท BAE Systems ขณะนี้ BLAST อยูในระดับความพรอมของเทคโนโลยีในระดับ 6 (TRL 6) ซึ่งเปนระดับที่กําลัง ทดสอบอุปกรณตนแบบกับสภาวะแวดลอมที่เกี่ยวของ ดวยเหตุที่ระบบนี้มีน้ําหนักเบา มีความออนตัว ในการติดตั้ง และมีความทนทาน จึงทําใหมันสามารถติดตั้งไดกับทั้งเฮลิคอปเตอรรุนใหมและรุนเกา
Sansiri_2@yahoo.com www.facebook.com/sansiri.s ในช ว งเวลาที่ผ า นมานั บตั้ ง แตป ค.ศ.2008 ผูเขียนไดติดตามขอมูลขาวสารเกี่ยวกับการโจมตี คอมพิวเตอรและเครือขายที่เกิดขึ้น (Cyberattack) หรือที่หลายคนเรียกวา “การโจมตีบนโลกไซเบอร” อาทิ การโจมตี เ ว็ บ ไซต ด ว ยอี เ มลจํา นวนมากจน เว็บไซตหยุดทํางาน (DDoS) หรือการโจมตีดวยเวิรม (Worm) ที่สามารถควบคุมและทําลายการทํางาน ของระบบคอมพิ ว เตอร ซึ่ ง การกระทํ า ดั ง กล า ว ได ส ร า งความเสี ย หายให กั บ คอมพิ ว เตอร แ ละ เครือขายของหนวยงานทางทหาร, หนวยงาน รั ฐ บาล และหน ว ยงานเอกชนในเวลาที่ ผ า นมา สิ่ ง หนึ่ ง ที่ ผู เ ขี ย นได เ ห็ น และทราบ ณ เวลานี้ คื อ หลายหน ว ยงานที่ รั บ ผิ ด ชอบในการรั ก ษาความ ปลอดภัยคอมพิวเตอรและเครือขาย (Cybersecurity) อาทิ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DoD) หรือ องคการ สนธิ สั ญ ญาป อ งกั น แอตแลนติ ก เหนื อ (NATO) ไดออกมาแสดงความคิดเห็น พรอมกับออกมารวมมือ หาหนทางและมาตรการ (Way and Mean) ในการ
น.อ.สรรสิริ สิริสันตคุปต ตอตานและยับยั้งการโจมตีฯ ที่เกิดขึ้น เห็นไดจาก NATO ไดจัดการประชุมการรักษาความปลอดภัย คอมพิวเตอรและเครือขาย โดยมีผูแทนจากประเทศ ตางๆ ที่เปนสมาชิกเขารวมประชุมที่กรุงบรัสเซลส ประเทศเบลเยี่ ย ม เมื่ อ เดื อ น มิ . ย.ที่ ผ า นมา เพื่ อ จัดตั้งหนวยงานที่รับผิดชอบ ในการเฝาตรวจและ ธรรม
ตอบโตการโจมตีคอมพิวเตอรและเครือขายที่เกิดขึ้น อยางเปนรูปธรรม เหมือนกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ไดจัดตั้งหนวยบัญชาการคอมพิวเตอรและเครือขาย (US Cyber Command) เพื่อทําหนาที่ดังกลาวมา
ตั้งแตปลายป ค.ศ.2009 โดยสิ่งที่นาสนใจอยูตรงที่ อะไรเปนสาเหตุที่ทําใหหลายหนวยงานออกมารวมมือ เพื่อต อต า นการโจมตี คอมพิ ว เตอรแ ละเครื อขา ย ที่เกิดขึ้น ซึ่งในอดีตนั้นความรวมมือในลักษณะนี้ ไมเคยเกิดขึ้นมากอน โดยบทความมีมุมมองและ รายละเอียดที่นาสนใจดังนี้ โจมตีคอมพิวเตอรทางทหาร (2008) ย อ นกลั บ ไปจะเห็ น ว า คอมพิ ว เตอร แ ละ เครือข า ยของสหรั ฐฯ นั้ น ถู ก โจมตี อย า งต อเนื่อ ง เปาหมายที่ถูกโจมตีประกอบดวย คอมพิวเตอรและ เครือขายของหนวยงานรัฐบาล หนวยงานเอกชน และหนวยงานทางทหาร เห็นไดจากเหตุการณการ โจมตี ค อมพิ ว เตอร แ ละเครื อ ข า ยในป ค.ศ.2008 ดวยเวิรม agent.btz (worm) ที่มีความสามารถในการ ควบคุมคอมพิวเตอรและทําลายไฟลขอมูล ไดสราง ความเสียหายใหกับคอมพิวเตอรและเครือขายของ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในแบบที่ไมเคยเกิดขึ้น มากอน อาทิ ทําลายระบบเครือขายบัญชาการรบ ในสวนกลางของสหรัฐฯ กระทบตอระบบคอมพิวเตอร ที่ใชบัญชาการรบในพื้นที่ของอิรักและอัฟกานิสถาน ผลทําใหกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตองสั่งหามการใช flash drive ที่เปนตัวแพรกระจายเวิรม agent.btz บนคอมพิวเตอรและเครือขายของกระทรวงกลาโหม สหรัฐฯ อยางเด็ดขาด เพื่อเปนการแกปญหาในขั้นตน เหตุการณดังกลาวทําใหผูนําทางทหารและตัวแทน ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เคยนิ่งเฉยในเรื่องการโจมตี ที่ผานมา ตองออกมารวมมือและชวยกันหาหนทาง และมาตรการ ที่จะหยุดยั้งการโจมตีที่เกิดขึ้น
ตั ว แทนของกระทรวงกลาโหมสหรั ฐ ฯ ณ เวลานั้น ไดใหสัมภาษณกับหนังสือพิมพ Los Angeles Times วา “การโจมตีคอมพิวเตอรและเครือขายที่ได เกิดขึ้นในป ค.ศ.2008 นั้น ถือเปนจุดเปลี่ยนที่ มี ค วามสํ า คั ญ สํ า หรั บ การรั ก ษาความปลอดภั ย คอมพิวเตอรและเครือขายของกระทรวงกลาโหม สหรัฐฯ“ โดยผูเชี่ยวชาญดานการรักษาความปลอดภัยฯ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หลายคน ใหความ สนใจและลงความเห็นที่เหมือนกันในหนทางและ มาตรการขอหนึ่งที่จะหยุดยั้งการโจมตีที่เกิดขึ้นวา “กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จะตองเพิ่มความสําคัญ โดยเนนความสามารถดานการโจมตีคอมพิวเตอร และเครือขาย (Cyberattack) ใหมีความเขมแข็ง และโดดเดนมากขึ้น เพื่อเปนการยับยั้งการโจมตีของ ฝายตรงขามที่เกิดขึ้นอยางตอเนื่อง นอกเหนือจาก ความสามารถดา น การปอ งกัน คอมพิวเตอรและ เครือขาย (Cyberdefense) ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไดกระทํามาอยางตอเนื่อง”
ประธานาธิบดี โอบามา ขณะนั้นไดรับรายงานและ ขอเสนอแนะภาพรวมเกี่ยวกับ เหตุการณการโจมตี คอมพิ ว เตอร แ ละเครื อ ข า ยของสหรั ฐ ฯ ที่ เ กิ ด ขึ้ น ในวั น เขา รั บ ตํา แหน ง เมื่ อ ตน ป ค.ศ.2009 และใน
กลางป ค.ศ.2009 ประธานาธิบดี โอบามา ไดออกมา แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกลาววา “การโจมตี คอมพิวเตอรและเครือขายที่ปรากฏใหเราไดเห็นนั้น ถื อ เป น สิ่ ง ที่ ท า ทายในการรั ก ษาความปลอดภั ย แหงชาติ (National Security) จะเห็นวาในชวงเวลา ที่ผานมา เราไมไดเตรียมมาตรการปองกันในเรื่อง ดังกลาวใหดีเทาที่ควรจะเปน ผมในฐานะประธานาธิบดี สหรัฐฯ ใหสัญญาวาจะดูแลและใหความสําคัญกับ คอมพิ ว เตอร แ ละเครื อ ข า ยที่ ใชกันอยู ใหมีการรักษาความ ปลอดภั ย ที่ เ ข ม แข็ ง และดี ขึ้ น ตั้ ง แต นี้ ไ ปคอมพิ ว เตอร แ ละ เครื อ ข า ยของสหรั ฐ ฯ จะถู ก ดูแล ใหความสําคัญในระดับ ยุ ท ธศาสตร ช าติ (National Strategy) ดังนั้นการรักษาความ ปลอดภั ย คอมพิ ว เตอร แ ละ เครื อขายของสหรั ฐฯ จะต อง ถูกบรรจุอยูในวาระตนๆ ของ การรักษาความปลอดภัยแหงชาติ” หลังจากนั้น คุณ Robert Gates รัฐมนตรี กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไดจัดตั้งหนวยบัญชาการ คอมพิวเตอรและเครือขายสหรัฐฯ (US Cyber Command) และแตงตั้ง พล.อ.ท.Keith Alexander เป น ผู บั ญ ชาการหน ว ยบั ญ ชาการคอมพิ ว เตอร และเครือขายคนแรก มีห นา ที่ หลั ก ในการพัฒ นา ความสามารถด า นการโจมตี แ ละการป อ งกั น คอมพิ ว เตอร แ ละเครื อข า ยทางทหารของสหรัฐ ฯ หนาที่รองใหการสนับสนุนหนวยรักษาความปลอดภัย
บานเกิด (Department of Homeland Security) ซึ่งมีหนาที่ในการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร และเครื อ ข า ยของรั ฐ บาลและเอกชน โดยหน ว ย บั ญ ชาการคอมพิ ว เตอร แ ละเครื อ ข า ยสหรั ฐ ฯ ได เ ริ่ ม ปฏิ บั ติ ง านมาตั้ ง แต ป ลายป ค.ศ.2009 ณ สํ า นั ก งานการรั ก ษาความปลอดภั ย แห ง ชาติ (National Security Agency) รัฐแมรี่แลนด ประเทศ สหรัฐอเมริกา
ในเวลาที่ผานมา พล.อ.อ.Kvin P.Chilton แห ง หน ว ยบั ญ ชาการทางยุ ท ธศาสตร ก ระทรวง กลาโหมสหรัฐฯ (US Strategic Command) แสดง ความเป น ห ว งจากกระทรวงกลาโหมสหรั ฐ ฯ ต อ เหตุ ก ารณ โ จมตี ค อมพิ ว เตอร แ ละเครื อ ข า ย ผานผูสื่อขาวเพนตากอนที่วอชิงตัน ดี. ซี. โดยกลาววา “ผมคอนขางมั่นใจและเชื่อวา เราจะถูกโจมตีในสวน ของคอมพิวเตอรและเครือขายมากขึ้น สิ่งที่ทาทายเรา ก็คือตองทําใหคอมพิวเตอรและเครือขายที่เรามีอยู
สามารถทํางานไดอยางตอเนื่องภายใตการโจมตีที่ จะเกิดขึ้น โดยรูปแบบการโจมตีคอมพิวเตอรและ เครือขายที่เราควรระวังไวในยุคนี้คือ การโจมตีแบบ Distributed Denial of Service (DDoS) เปนการ โจมตี เ ว็ บ ไซต ด ว ยอี เ มลจํ า นวนมาก เพื่ อ ทํ า ให เว็บไซตนั้นทํางานชาลงจนกระทั่งหยุดการทํางาน หรือที่เรียกวา “Botnet” และการโจมตีดวยเวิรม (worm) ที่มีความสามารถในการควบคุมคอมพิวเตอร และทํ า ลายไฟล ข อ มู ล สร า งความเสี ย หายให คอมพิวเตอรและเครือขาย
ทางทหารของสหรัฐฯ บริษัท Lockheed Martin ผูผลิตอาวุธและอากาศยานรายใหญที่สุดของโลก ก็เพิ่งออกมาเปดเผยวา ตกเปนเหยื่ออีกรายของการ เข า ทํ า ลายระบบคอมพิ ว เตอร แ ละเครื อ ข า ยในป ค.ศ.2008 เช น กั น ไม เ พี ย งแต รั ส เซี ย เท า นั้ น ที่ มี ความสามารถในการโจมตีคอมพิวเตอรและเครือขาย ของสหรัฐฯ จีนก็เปนอีกประเทศหนึ่งที่มีความสามารถ อยูในระดับแนวหนา เห็นไดจากจีนเริ่มฝกกองกําลัง ทางทหารของจีนใหมีความสามารถโจมตีคอมพิวเตอร และเครือขายมาตั้งแตป ค.ศ.2005”
จากเหตุ ก ารณ ที่ เ กิ ด ขึ้ น กั บ คอมพิ ว เตอร และเครือขายของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อป ค.ศ. 2008 นั้น ไดแสดงใหเห็นวารัสเซียในปจจุบัน มีขีด ความสามารถในการเจาะคอมพิวเตอรและ เครือขายทางทหารของสหรัฐฯ ในระดับชั้นความลับ (Classified US military networks) ซึ่งถือไดวาเปน ความสําเร็จครั้งสําคัญ ตลอดระยะเวลาที่ผานมา ของรัสเซีย ในการโจมตีคอมพิวเตอรและเครือขาย
STUXNET เวิรมอันตราย (2010) ตามรายงานเรื่อง “การรักษา ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ค อ ม พิ ว เ ต อ ร และเครือขายเชิงลึก” (An in-depth cybersecurity report) ที่ไดรายงาน ใหประธานาธิบดี โอบามา ทราบ ในวัน เข า รั บ ตํ า แหน ง เมื่ อ ต น ป ค.ศ.2009 โดยข อ ความตอนหนึ่ ง ได ก ล า วว า “ตอนนี้เราอยูในยุคกลางของสงคราม ขอมูลขาวสาร (Cyberwar) ซึ่งผลที่เรา ไดรับจากการถูกโจมตีคอมพิวเตอรและเครือขาย จะทําใหเราไดรับความสูญเสียทางขอมูลขาวสาร (Informational) อาทิ หนวยงานขาวกรองตางชาติ, คูแขงทางทหาร หรือคูแขงทางธุรกิจ สามารถเจาะระบบ เครือขายสหรัฐฯ ที่มีการรักษาความปลอดภัยต่ํากวา มาตรฐานและเข า ถึ ง ข อ มู ล สํ า คั ญ หรื อ ข อ มู ล ความลั บ ได อ ย า งสะดวก มากกว า ความสู ญ เสี ย ทางกายภาพ (Physical) อาทิ เครื่องกําเนิดไฟฟา
หยุดทํางาน, ประตูกั้นน้ําในเขื่อนถูกเปด หรือสัญญาณ ไฟจราจรหยุดทํางาน ซึ่งในรอบหลายปที่ผานมา ยังไมมีการโจมตีคอมพิวเตอรและเครือขายที่ทําให เกิ ด ความสู ญ เสี ย ทางกายภาพทั้ ง ที่ ห ลายๆ คน ยังคงมีความเชื่อที่เหมือนกันวา ผลของการโจมตี คอมพิวเตอรและเครือขายจะทําใหเกิดความสูญเสีย ทางกายภาพ โดยความเชื่ อ ดั ง กล า วได เ กิ ด แล ว ในโลกของไซเบอรกับการมาถึงของเวิรมอันตราย Stuxnet ที่ถูกคนพบครั้งแรกเมื่อกลางป.ค.ศ.2010 ตามขอมูลทางเทคนิคของ คุณ Stefan Tanase ทีมนักวิเคราะหและพัฒนาโปรแกรมตอตานไวรัส ของบริษัท Kaspersky (Kaspersky Great) กลาววา “เวิรมอันตราย Stuxnet นั้นมีความสามารถทําให เกิดความสูญเสียทางกายภาพ หรือสงผลกระทบ ตอโครงสรางพื้นฐานระดับชาติได” จึงเปนเหตุให หนวยงานตางๆ ที่เกี่ยวของตองออกมารวมมือหา หนทางและมาตรการในการต อ ต า นและยั บ ยั้ ง การโจมตีฯ ที่อาจเกิดขึ้น คุณ Stefan Tanase จาก Kaspersky ได อธิบายถึงเวิรม Stuxnet เปนโปรแกรมประสงคราย ธรรม
แบบหลายคอมโพเนนต (Multi-component) คือ เปนทั้งประเภทโทรจัน (Trojan) และเวิรม (Worm) ถูกออกแบบใหโจมตีเครื่องวินโดวสที่ใชระบบ SCADA สําหรับควบคุมการทํางานในโรงงานสาธารณูปโภค พื้นฐาน อาทิ เชน โรงงานไฟฟา, โรงงานประปา และรวมทั้ ง โรงงานไฟฟ า นิ ว เคลี ย ร ข องอิ ห ร า น แทนที่ จ ะเป น การโจมตี ค อมพิ ว เตอร ที่ ถู ก ใช โ ดย พนักงาน เพื่อขโมยขอมูลที่เปนความลับทางการคา อาทิ การโจมตีระบบเซิรฟเวอรของ Google ดวย ปฏิบัติการ Aurora เพื่อขโมยขอมูลสวนตัวของ ผูใช (Username และ Password) ที่อยูบนเครื่อง คอมพิวเตอร ในปที่ผานมา เวิรม Stuxnet มีอํานาจ ในการโจมตีที่รุนแรงกวา โดยบริษัท Trend Micro ผู พั ฒ นาซอฟต แ วร แ ละผลิ ต ภั ณ ฑ ด า นความ ปลอดภัยของคอมพิวเตอร ไดสรุปรายงาน 10 อันดับ โปรแกรมประสงค ร า ยที่ มี ก ารแพร ร ะบาดในป ค.ศ.2010 ผลปรากฏวาเวิรม Stuxnet เปนโปรแกรม ประสงค ร ายที่ ร า ยแรงที่ สุ ด ใน ป ค.ศ. 2010 เนื่องจากมีความรายแรงสูง มีการแพรระบาดอยาง กวางขวางและยาวนาน
การทํางานของเวิรมอันตราย Stuxnet นั้น ผา นแฟลชไดรฟ ที่ มี โ ค ดอั น ตราย ซึ่ ง เป น วิ ธีเ ดีย ว ที่จะแทรกซึมเขาไปในโรงงานที่มีเครือขาย ไมได เชื่อมตอกับอินเทอรเน็ต โดยพนักงานในโรงงานใช แ ฟ ล ช ไ ด ร ฟ ที่ ติ ด เ ชื้ อ โ ด ย ไ ม รู ตั ว กั บ เ ค รื่ อ ง คอมพิวเตอร หลังจากนั้นโคดอันตรายแพรกระจาย เขาไปเครือขายภายใน งานหลักคือแทรกซึมเขาไป ในระบบควบคุมของโรงงาน (PLC) การควบคุมจะ เกิ ด ขึ้ น โดยไม ไ ด รั บ การแจ ง เตื อ น เนื่ อ งจากโค ด อั น ตรายเข า ไประงั บ การทํ า งานของกลไกรั ก ษา ความปลอดภัยของระบบควบคุมในโรงงาน หลังจากที่ ควบคุมไดแลว ก็สามารถทําบางสิ่งบางอยาง อาทิ เปลี่ยนระบบระบายความรอนภายในโรงงาน หรือ แม ก ระทั่ ง ปรั บ เปลี่ ย นการทํ า งานของหุ น ยนต ในสายการผลิต เพื่อทําใหผลิตภัณฑของโรงงาน มีการถูกปรับเปลี่ยนโดยไมมีใครรู สิ่งที่นาอัศจรรย คือเวิรม Stuxnet ใชสองเทคโนโลยี (Rootkit) ที่ แตกตางกัน หนึ่งในนั้นคือควบคุม คอมพิวเตอรที่ใชในการแจงเตือน เพื่ อป องกัน ไม ให เ วิ รม Stuxnet ถู ก มองเห็ น สองใช ก ารโจมตี ชองโหวแบบ Zero Day (ชองโหว ข อ ง ร ะ บ บ ป ฏิ บั ติ ก า ร ห รื อ ซอฟต แ วร ต า งๆ ที่ ไ ม ส ามารถ ปองกันไดอยางมีประสิทธิภาพ) มาชวยในการยกระดับของการ โจมตี คอมพิวเตอรที่ติดเชื้อแลว กลายเปนสวนหนึ่งของ Stuxnet โดยตั ว ควบคุ ม สามารถขโมย
เอกสาร, รหัสและการออกแบบ พรอมทั้งสามารถ สั่ งการให โค ดอั นตรายทํ างานด วยการควบคุ มจาก ระยะไกลได ผูเขียนเวิรม Stuxnet ไมไดออกแบบมา เพื่อขโมยขอมูล แตไดออกแบบมาเพื่อการปรับเปลี่ยน แตกอนที่จะปรับเปลี่ยน สิ่งแรกที่ตองรูคือโปรแกรม ที่เขียนไวทําอะไรไดบาง เวิรม Stuxnet นั้นสามารถ แพร ก ระจายบนระบบปฏิ บั ติ ก ารแบบ Windows จาก XP ไปถึง Windows 7 จะเห็นวาเวิรม Stuxnet นั้น ไดนําการโจมตีเปาหมายบนโลกไซเบอรไปใน ระดับใหมที่มีความซับซอนมากขึ้น ประกอบกับการ ใชเครือขาย SCADA เปนเปาหมาย ในความคิดผูที่ เกี่ยวของกับ เวิรม Stuxnet ตองมีทรัพยากรทาง เทคนิคอันยิ่งใหญ เหลานี้อาจเปนเหตุผลทีห่ ลายคน สงสั ย ว า น า จะมี ส ว นร ว มในระดั บ ชาติ (Nation State) โดยรวมเวิรม Stuxnet ทําใหการโจมตีบน โลกไซเบอร ส ามารถส ง ผลกระทบต อ โครงสร า ง พื้นฐานระดับชาติ ในแบบที่ไมเคยเกิดขึ้นมากอน
ª ขอคิดที่ฝากไว จะเห็นวาการโจมตีคอมพิวเตอรทางทหาร ทรัพยากร คุณ James Lewis ผูเชี่ยวชาญดาน ในป ค.ศ.2008 และการปลอยเวิรม Stuxnet เขาไป ความมั่ น คงทางคอมพิ ว เตอร แห ง ศู น ย ศึ ก ษา ทําลายระบบคอมพิวเตอรที่เกี่ยวของกับโรงไฟฟา ยุทธศาสตรระหวางประเทศ ซึ่งเปนที่ปรึกษาใหแก นิวเคลียรของอิหรานในป ค.ศ.2010 ถามองกันใหดี ที ม บริ ห ารของประธานาธิ บ ดี โอบามา กล า วว า แลว การโจมตีบนโลกไซเบอรนั้นมีความรุนแรงพอๆ “ในป จ จุ บั น นั้ น เจ า หน า ที่ ข องกระทรวงกลาโหม กับการโจมตีดวยอาวุธหรือที่ทหารมักเรียกวาเปน กําลังประเมินวา การโจมตีบนโลกไซเบอรประเภทใดที่ “การใชกําลัง” (Use of force) ซึ่งสามารถกอใหเกิด ถือเปน “การใชกําลัง” ในขณะที่นักวางแผนทางดาน สงครามได และนี่เปนวาระเรงดวนที่สหรัฐฯ พยายาม การทหารหลายรายเชื่อวา มาตรการในการตอบโต จะพั ฒ นาแนวทางในการโจมตี ศั ต รู คู อ าฆาต หรือ “เอาคืน” ดังกลาว ควรตองระบุใหชัดเจนถึง บน โลกไซเบอรอยางเปนทางการ โดยเจาหนา ที่ ความเสียหาย ความพยายามและสาเหตุของการ กระทรวงกลาโหมเชื่อวา การโจมตีทางคอมพิวเตอร โจมตีนั้นดวย” ซึ่งเปนสิ่งที่เราคงตองติดตามกัน เป นเรื่ องที่ ต องใช ความเชี่ ยวชาญอย างมากและ ตอไปวา มาตรการตอบโตการโจมตีบนโลกไซเบอร จําเปนตองไดรับความชวยเหลือจากรัฐบาลในดาน อยางเปนทางการนั้น จะออกมาในรูปแบบใด….. ธรรม
ปชส.รร.นอ.
วิสัยทัศน รร.นอ.
การฝ ก บิ น ถื อ เป น พื้ น ฐานสํ า คั ญ ของ นักเรียนนายเรืออากาศ ที่จะเปนวาที่นักบินในอนาคต ของกองทัพอากาศ ดังนั้นนักเรียนนายเรืออากาศ ทุกคน ที่เขารับการศึกษาจากโรงเรียนนายเรืออากาศ จะตองผานการฝกหลักสูตร การฝกบินกับอากาศยาน ขั้ น ต น ถื อ ว า เป น ครั้ ง แรกในชี วิ ต ของนั ก เรี ย น นายเรื อ อากาศทุ ก คน ที่ จ ะได สั ม ผั ส เครื่ อ งบิ น ทํ า การฝ ก บิ น และบั ง คั บ อากาศยานด ว ยตนเอง สําหรับในปนี้ นักเรียนนายเรืออากาศ ไดทําการฝกบิน กับอากาศยานขั้นตน โดยมีนักเรียนนายเรืออากาศ ชั้ น ป ที่ ๓ (นนอ.รุ น ที่ ๕๗) จํ า นวน ๗๙ คน และ นายทหารสัญญาบัตร สังกัดโรงเรียนนายเรืออากาศ จํานวน ๕ คน โดยฝกบินคนละ ๒ เทีย่ วบิน หลังจากนัน้ เมื่อไดรับการเลื่อนชั้นเปน นักเรียนนายเรืออากาศ ชั้ น ป ที่ ๔ จะฝ ก บิ น เพิ่ ม อี ก ๓ เที่ ย วบิ น รวมเป น ๕ เที่ยวบิน ถือเปนสวนหนึ่งของกระบวนการฝกอบรม ความเปนทหารอากาศอาชีพ Airmanship Programs)
โดยมีวัตถุประสงคเพื่อใหเกิดการเรียนรู และมีทักษะ ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับวิชาชีพการบิน เปนการปลูกฝง จิ ต สํ า นึ ก รั ก การบิ น และสร า งคุ ณ ลั ก ษณะของ ทหารอากาศอาชีพที่ดีใหกับนักเรียนนายเรืออากาศ ซึ่ ง จะทํ า การฝ ก บิ น ที่ ฝู ง บิ น ๖๐๔ ระหว า งเดื อ น เม.ย.-มิ . ย.๕๔ ทั้ ง นี้ นั ก เรี ย นนายเรื อ อากาศ เปรื่องปรัชญ นวลรัตนตระกูล นักเรียนนายเรืออากาศ ชั้นปที่ ๓ ซึ่งเปนหนึ่งในผูที่ไดรับการฝก ไดกลาวถึง ความรูสึกในชวงของการทําการฝกบิน วา .. “ความรูสึกที่ไดมาฝกบินกับเครื่องบิน CT-4A และ T-41D ที่ฝูงบิน 604 ในตอนแรก ตองยอมรับ วาผูเขียน มีความหนักใจ เพราะเปนความรูใหมที่ เป น ความรู ห ลั ก ของทหารอากาศที่ ต อ งเข า ใจ กอนการขึ้นฝกบิน ก็จะมีการเรียนความรูพื้นฐาน เช น เครื่องบิน บิน ไดอย างไร การบังคับเครื่อ งบิน การใช Flight Simulator เพื่อฝกใหคุนเคยกับการ บัง คั บ เครื่อ งบิน เป น ตน และเมื่ อ ได ม าฝ ก บิ น กั บ
ครูการบินที่ฝูงบิน ๖๐๔ ในเที่ยวแรก ผูเขียนรูสึก กังวลวาจะทําไมได และตองทบทวนเนื้อหาที่เรียนมา เพื่อที่จะไปรับฟงการบรรยายสรุปกอนบิน หรือเรียกวา การ brief นั่นเอง กอนทํ า การฝ ก บิ น ครูก ารบิน ก็ จ ะซัก ถาม ความรู และมาทบทวนการปฏิบัติวา วันนี้เราจะทํา อะไรกันบาง ทําใหลดความกังวลไปได กอนขึ้นบิน ผูเขียนรูสึกตื่นเตน ครูก็คอยบอกวาทําใจใหสบาย เมื่อ ขึ้ น ไปบิ น จริง และฝ ก บั ง คั บ เครื่ อ งบิ น ครูก็จ ะ สาธิ ต ให ดู ก อ นแล ว จึ ง ทํ า ตาม ในเที่ ย วแรกยั ง ไมคุนเคย ในเที่ยวที่สองเริ่มจับจุด และปรับตัวได เมื่ออยูบนอากาศนั้น ครูก็คอยชี้แนะทําใหเกิดความ เขาใจมากยิ่งขึ้น การบินกับเครื่องบินใหความรูสึก แตกตางกับการบินโดยใช Flight simulator อยางมาก ธรรมชาติ
ทั้ง ดา นความรูสึก ของแรงที่ ม ากระทํ า ต อรา งกาย และการตอบสนองของคั น บั ง คั บ เมื่ อ ทํ า การบิ น เสร็จแลว ก็จะมีการ brief หลังบิน เพื่อบอกขอผิดพลาด และแนวทางการแกไขโดยครูการบิน เพื่อจะไดนําไป ปรับปรุงในการฝกบินครั้งตอไป ประสบการณในการฝกบินครั้งนี้ ทําใหผูเขียน ได รั บ ความรู แ ละเข า ใจวิ ถี ชี วิ ต ของทหารอากาศ มากขึ้น สามารถนํ า ความรูที่เ รี ยนมาไปใชไดจริ ง ทําใหมีความรูสึกวาตัวเอง จะตองมีความพยายาม ที่จะใฝหาความรู เพื่อนําไปใชทําการบิน และตระหนัก วาความรูในดานการบิน เปนสิ่งที่ทหารอากาศทุกคน จะตองมี แมวาตนจะไมใชเหลานักบินก็ตาม เพื่อที่จะ ไดเห็นภาพรวม และเขาใจการทํางานของกองทัพอากาศ อยางเปนระบบตอไป”
นภานุภาพของกองทัพอากาศ เริ่มต้นที่นี่ “งามสงาสมชาติชายนายเรืออากาศ ทหารฟารักษาพระองควงศจักรี งามจับตาเปนสงาฟาดอนเมือง เกียรติศักดิ์ศรีภักดีมีมานาน
นายองอาจทะนงคงศักดิ์ศรี ทั้งชีวีมอบใหไทยเมื่อภัยพาล นามลือเลื่องการศึกษาและกลาหาญ ดวยวิญญาณเลือดเทาเฝานภา” จากวารสารนายเรืออากาศ
นวีร
.ในขาวทหารอากาศ ฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒ ผูเขียนไดเขียนเรื่อง สมเด็จพระมหาธีรราชเจา เนื้อหาเกี่ยวกับพระปรีชาสามารถของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ดานรอยกรอง โดยยกตัวอยางบทพระราชนิพนธรอยกรองเพีย ง เล็กนอย สวนฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ ผูเขียนเขียนเรื่อง พระผูทรงเปนปราชญใหญ เนื้อหา เกี่ยวกับพระปรีชาสามารถของพระองคดานรอยแกว โดยยกตัวอยางประกอบเพียงเล็กนอย เชนกัน ฉบับนี้ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ผูเขียนไดเขียนเกี่ยวกับ การทรงเปนนักอักษรศาสตรชาตินิยมที่ทรงอนุรักษ และพั ฒ นาภาษาและวรรณคดี ไ ทย รวมทั้ ง ทรง พระราชนิพนธบทรอยแกวและรอยกรองเอง และ สงเสริมผูอื่นใหเขียนหนังสือดวย และนี่คือที่มาของ พระราชสมัญญานาม พระมหาธีรราชเจา และ ทรงเป น นั ก ปราชญ ข องโลก ตามที่ อ งค ก าร UNESCO ยกยอง แมวาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูห วั จะเสด็ จ ไปศึ ก ษา ณ ประเทศยุ โ รป ตั้ ง แต ยั ง
ทรงพระเยาว (พระชนมายุเพียง ๑๓ พรรษา) เปน ระยะเวลานานเกือบ ๑๐ ป แตพระองคทรงโดดเดน ในสถานภาพแหงพระมหากษัตริยไทยอยางชัดเจน ดั ง ที่ ท รงอุ ทิ ศ เวลาและใส พ ระราชหฤทั ย ใน พระราชนิพนธตางๆ ซึ่งแสดงออกถึงพระราชดําริ พระราชนิยม และพระปรีชาญาณ อันสุขุมคัมภีรภาพ สะทอนใหเห็นวาทรงเปนนักชาตินิยม ดังพระราชดํารัส ณ สถานทู ต ไทยในประเทศอั ง กฤษ เนื่ อ งในงาน เลี้ ย งฉลองที่ ท รงได รั บ พระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ โปรดเกล า โปรดกระหม อ ม สถาปนาให ดํ า รง พระราชอิสริยยศเปนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ความตอนหนึ่งวา “I would return to Siam more Siamese than when I left it” ซึ่ง ฯพณฯ ม.ล.ปน มาลากุล ไดถอดเปนกลอนวา
พระมหาธีรราชประกาศไว ที่อังกฤษสมัยทรงศึกษา วาเมื่อใดไดเสด็จกลับพารา จะเปนไทยยิง่ กวาเมื่อมาเรียน
พระราชปณิ ธ านนี้ พระบาทสมเด็ จ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวไดทรงยึดมั่นมาโดยตลอด ดังจะเห็นไดจากเมื่อเสด็จกลับจากประเทศอังกฤษ แลว ก็ไดทรงพระราชนิพนธกลอนบทละครเรื่องแรกขึ้น คือเรื่อง พระนาละ ซึ่ งเปนนิทานซอนอยูในเรื่อง มหาภารตะ (เปนเรื่องเดียวกับเรื่องพระนล แตเปน เพี ย งส ว นต นของเรื่ องพระนล คือตั้งแตเ ริ่ ม เรื่ อง มาจบตอนนางทมยันตีเลือกพระนาละเปนคู และ เหลาเทวดาตางอวยชัยใหพร ตอมาภายหลัง พระองค ก็ ทรงพระราชนิ พ นธ เ รื่ อ งพระนลคํ า หลวงขึ้ น อี ก ) จากนั้นก็ทรงพระราชนิพนธเรื่องตางๆ ทั้งรอยแกว และรอยกรอง นับแลวมากกวารอยเรื่อง นอกจากจะทรงพระราชนิพนธเรื่องตางๆ แลว พระองคยังทรงเปนปราชญทางภาษา ดวยการ สงเสริมการใชภาษาไทยใหถูกตอง อนุรักษและพัฒนา ดานภาษาและวรรณคดี สงเสริมคนไทยใหแตงหนังสือ ทั้งรอยแกวและรอยกรอง ดังจะไดกลาวตอไป Ä ในเรื่องการสงเสริมการใชภาษาไทย
ใหถูกตอง เมื่อครั้งทรงดํารงพระราชอิสริยยศเปน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรงดํารง ตํา แหน ง อุ ป นายกของสมาคมรั ก ษาภาษาไทย ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจา อยูหัวทรง พระกรุณาโปรดเกลาโปรดกระหมอมใหตั้งขึ้น ดวย มี พ ระราชประสงค ว า จะป อ งกั น ถ อ ยคํ า ที่ ใ ช ไมถูกตองมิใหแพรหลายรวดเร็ว และเพื่อจะ แก ไ ขถ อ ยคํ า แลอั ก ษรที่ ใ ช กั น มาในที่ ผิ ด ๆ ใหถูกตอง ครั้นเมื่อเสด็จเสวยราชยแลว ก็มิไดทรง
ละเลยพระราชกรณียกิจดานนี้ เพราะทรงตระหนัก ดีวา เอกลักษณของความเปนไทยอยูที่ภาษาไทย ดังที่ไดทรงพระราชนิพนธถึงความสําคัญของภาษา ไวในเรื่อง ความเปนชาติโดยแทจริง ตอนหนึ่งวา ไม มี ข อ สงสั ย แน แ ล ว ภาษาเป น เครื่ อ ง ผูกพันมนุษยตอมนุษยแนนแฟนยิ่งกวาสิ่งอื่น และ ไม มี สิ่ ง ไรที่ ทํ า ให ค นรู สึ ก เป น พวกเดี ย วกั น ดี ห รื อ แนนอนยิ่งไปกวาพูดภาษาเดียวกัน....เพราะฉะนั้น เมื่อบุคคลใดยอมเปลี่ยนภาษาเดิมของตน นั่นแหละ จึงจะควรจัดไดวาแปลงชาติโดยแทจริง... นอกจากนี้ ไม โ ปรดที่ จ ะเห็ น คนไทยใช ภาษาไทยปะปนกับภาษาตะวันตก เพราะเห็นวา ทันสมัย นอกจากจะแตงเลนใหเปนตลกหรือจําเปน ดั ง ที่ ไ ด ท รงพระราชนิ พ นธ ไ ว ใ นกาพย เ ห เ รื อ ถึงหนังสือ ตอนหนึ่งวา อานไปไมไดเรื่อง ชักชวนเคืองเรือ่ งใหเบื่อ แตงกันแสนฝน เฝอ อยางภาษาบาน้าํ ลาย โอวาภาษาไทย ชางกระไรจวนฉิบหาย คนไทยไพลกลับกลาย เปนโซดบานาบัดสี (โซด คือ social) Ä ในเรื่องการอนุรักษและพัฒนาดาน
ภาษาและวรรณคดี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยูหัว เคยทรงพระราชดําริที่จะทรงฟนฟูการใช ภาษาไทยแบบพอขุนรามคําแหงมหาราช และแบบอักษรอริยกะของพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
(เป น อั ก ษรที่ ท รงประดิ ษ ฐ ขึ้ น ใช ใ นหมู พ ระภิ ก ษุ ธรรมยุติกนิกาย ทรงกําหนดใหวางสระไวบรรทัด เดียวกับพยัญชนะ โดยใหวางไวหลังพยัญชนะแบบ ยุโรป ซึ่งนาจะเขียนงายกวาการวางสระไวขางบนบาง ขางลางบาง ขางหนาบาง ขางหลังบาง แบบใชกันอยู จนป จจุ บั นนี้ แต ก็ มิ ได ใช กั นแพร หลาย) จึ งได ทรง ประดิษฐรูปสระแบบใหม ซึ่งทรงไดแบบอยางมาจาก รูปสระที่ใชกันในเวลานั้น และบางสวนก็นํา มาจาก รูปสระของพอขุนรามคําแหงมหาราช รูปสระอักษร อริยกะของพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว และรูปสระอัก ษรขอม การที่ทรงดั ดแปลงรู ปสระ แบบใหมนี้ ก็เพื่อใหเหมาะ แก ก ารที่ จ ะเขี ย นไว บ น บ ร ร ทั ด เ ดี ย ว กั น กั บ พยั ญ ชนะและตามหลั ง พยั ญ ชนะ ทั้ ง นี้ เพราะ พระองคมี พระราชประสงค จะให ช าวไทยและชาว ตางประเทศอานหนังสือไทยไดสะดวกและงายขึ้น อยางไรก็ตาม ก็จะทรงสดับฟงความคิดเห็นของผูอื่น กอนเปนสําคัญ ในหนังสือ วิทยาจารย เลมที่ ๑๗ ตอนที่ ๑๑ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๐ ซึ่งพิมพบทพระราชนิพนธ เรื่อง วิธีใหมสําหรับใชสระและเขียนหนังสือไทย ไวนั้น ในตอนทายเรื่องไดมีประกาศของกระทรวง ธรรมการพิมพไวดวย ดังนี้ .... ด ว ยทรงพระกรุ ณาโ ปรดเ กล า ฯ พระราชทานกระแสพระราชดํ า ริ เ รื่ อ ง วิ ธี ใ หม สํ า หรั บ ใช ส ระและเขี ย นหนั ง สื อ ไทย เพื่ อ
ลงพิมพในหนังสือวิทยาจารย ใหครูอาจารยและ ผูอื่นทั่วไปที่สนใจเรื่องนี้ตรวจดู และพระราชทาน พระบรมราชวโรกาสไว ว า ผู ใ ดมี ค วามคิ ด เห็ น อยางไร ใหทูลเกลาฯ ถวายความเห็นได... ในบทพระราชนิ พ นธ ดั ง กล า วข า งต น นั้ น มีเนื้อหาอันเนื่องดวยพระราชดําริ ๓ ประการ คือ ๑. การเขียนและใชสระและพยัญชนะดวย วิธีใหม ๒. การเขียนเวนระยะคํา ๓. การใชเครื่องหมาย (แบง) วรรคตอน ดังตัวอยางการเขียนนี้
[ พระ บรม ราชาธิบาย พระ บาท สมเด็จ พระมงกุฎเกลา เจา อยู หัว วิธี ใหม สําหรับ ใช สระ และ เขียน หนังสือไทย ]
แตเมื่อไดทรงสดับความเห็นของนักปราชญ สําคัญ (อาทิ สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยา วชิรญาณวโรรส และสมเด็ จ พระเจา บรมวงศเ ธอ กรมพระยาดํ า รงราชานุ ภ าพ และผู ท รงคุ ณ วุ ฒิ ตามที่ เ สนาบดี ก ระทรวงธรรมการได ทู ล ถวาย พระนามและนาม) กราบบังคมทูลถวายความเห็น แล ว พระองค ก็ ไ ด ท รงใช พ ระวิ จ ารณญาณอย า ง
สุขุมคัมภีรภาพ ทรงเห็นวายังไมเปนการสมควรที่ จะประกาศใช จึงโปรดใหยุติพระราชดําริเกี่ยวกับ เรื่องการใชสระและพยัญชนะดวยวิธีใหมและเรื่อง การเขี ย นเว น ระยะคํ า เสี ย ส ว นเรื่อ งเครื่อ งหมาย วรรคตอนนั้น ไดทรงใชในบทพระราชนิพนธตาม พระราชนิยมสวนพระองค ซึ่งพระราชนิยมเรื่องการ ใช เ ครื่ อ งหมายวรรคตอนนี้ ก็ มี ผู ใ ช ต าม นั บ เป น มรดกอันล้ําคาแกประชาชนชาวไทยในปจจุบัน อนึ่ ง เหตุ ก ารณ เ กี่ ย วกั บ พระราชดํ า ริ แ ละ ความเป น ไปในเรื่ อ งนี้ แสดงให เ ห็ น ถึ ง ความเป น นักประชาธิปไตยแหงพระมหากษัตริยไทยในระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชอยางเห็นไดชัด ถาเปรียบเทียบ กั บ เหตุ ก ารณ ก ารปรั บ ปรุ ง เปลี่ ย นแปลงการใช ตัวอักษรและการเขียนหนังสือไทยในสมัยจอมพล ป. พิ บู ล สงคราม เป น นายกรั ฐ มนตรี (พ.ศ.๒๔๘๕ ช ว งเวลาที่ มี ก ารเปลี่ ย นแปลงการปกครองเป น ระบอบประชาธิ ป ไตย) จะเห็ น ได ว า แตกต า งกั น โดยสิ้นเชิง ถ า จ ะ ก ล า ว ถึ ง ใ น ฐ า น ะ นั ก อ นุ รั ก ษ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงเห็น ความสําคัญที่คนไทยควรจะอนุรักษภาษาไทยที่มี ลั ก ษณะและหลั ก การใช ห รื อ ไวยากรณ ที่ ดี ง าม อยูแลวเอาไว ไมควรเปลี่ยนแปลงโดยไมรอบคอบ เชน เรื่องเครื่องหมายวรรคตอน ดังที่กลาวไวขางตน แลวในขอ ๓ ทั้งนี้ ดวยทรงพระวิตกวาคนไทยจะ ลื ม เลื อ น ไม เ ห็ น ความสํ า คั ญ ของเครื่ อ งหมาย วรรคตอนที่ใชกันมาแตโบราณ จึงมีพระกุศโลบาย อันแยบยล โดยทรงพระราชนิพนธเคาโครงลิเกเรื่อง พระหั น อากาศ ซึ่ ง มี ตั ว ลิ เ กใช ชื่ อ เครื่ อ งหมาย
วรรคตอนต า งๆ เช น พระเอกชื่ อ พระหั น อากาศ นางเอกชื่อ วิสัญชนี พระฤาษีชื่อ โคมูตร เปนตน
นอกจากนั้น คําใดที่เคยใชไดดีและถูกตอง อยูแลว ก็ไมโปรดใหเปลี่ยนแปลง ดังคําวา หัวหิน ซึ่งบางคนในสมัยนั้นคิดวาหยาบหรือไมเหมาะสม จึงคิดจะเปลี่ยนเปนแหลมหิน ซึ่งพระองคทรงไมเห็น ดวย จึงทรงพระราชนิพนธบทความเรื่อง ทําไมจึงแหลม ลงในหนังสือดุสิตสมิต มีความสรุปไดวา ถาหัวเปน คํา หยาบ ควรใช แ หลม ตามที่ ผู มี ค วามรู ( รู ม าก) ใชแลวละก็ ตอไปในหนังสือรายวันก็จะเห็นขาววา ....อ า ยแดง นั ก เลงแหลมไม มี ชื่ อ เสี ย ง ไดไปยืนอยูที่แหลมถนน แหลมลําโพง ฉวยหมวก นายเขียว และตีแหลมนายเขียวแตก ดวยอายแดง คนนี้เปนแหลมหนาพวกจรจัด.... (เ ห ตุ การณ เรื่ อง หั วหิ น-แหลมหิ น นี้ จมื่ น อมรดรุ ณ ารั ก ษ ข า ราชการผู ใ กล ชิ ด เล า ว า “เห็นชื่อสถานีหัวหินถูกเอาสีขาวทาทับชื่อเดิม แลว เขียนใหมเปนสถานีแหลมหิน แตภายหลังจากเวลา ที่หนังสือพิมพดุสิตสมิตเขียนเรื่องหยิกแกมหยอก ลงไปแลวเชนนี้..ชื่อสถานีหัวหินก็เปนหัวหินไปอยางเดิม)
ในฐานะนั ก พั ฒ นา เรื่อ งหนึ่ง ที่ สํ า คัญคื อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรงเปน นักบัญญัติศัพทที่โดดเดน ทรงบัญญัติศัพทไดอยาง เหมาะสม และคํ า สว นใหญ ที่ ท รงบั ญญัติก็ ใชม า จนปจจุบัน เชนคําวา อินทรธนู (สมัยนั้น เขียนวา อินทรธนู) ดังมีประกาศในพระราชบัญญัติ รัชกาลที่ ๖ พุทธศักราช ๒๔๕๗ วา ป ร ะ ก า ศ ใ ห เ รี ย ก แ ผ น ท า บ บ า ย ศ เครื่องแตงตัววา อินทรธนู มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ดํารัสเหนือเกลาฯ สั่งวา “แผนทาบบายศเครื่องแตงตัว ขาราชการนั้น ตามความในพระราชกําหนดเครื่องแตงตัว ทหารบก ทหารเรือ เสือปา ตํารวจภูธร และกรมพล ตระเวณ ทั้งพระราชกําหนดเครื่องแตงตัวขาราชการ พลเรือนทั่วไป ยังมีคําเรียกตางๆ กันอยูวา บาเฉยๆ บาง บายศบาง แผนกํามะหยี่ติดบาบาง ไมเปนการ สม่ําเสมอกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหแกคํา ในพระราชกํ า หนดเหล า นั้ น ให เ รี ย กแผ น ทาบบ า ทั้ ง ฝ า ยทหารและกรมที่ อ นุ โ ลมอย า งทหารฝ า ย พลเรือนวา อินทรธนู ตั้งแตบัดนี้เปนตนไป” (ในปจจุบัน อินทรธนู เขียนตามพจนานุกรม อินทรธนู แตคงอานวา อิน-ทะ-นู เชนเดิม แปลวา ธนูของพระอินทร ใชเรียกเครื่องประดับบาของตัวพระ หรือตัวยักษในโขนหรือละคร หรือเครื่องประดับบา เพื่อแสดงยศ) นอกจากนั้ น ยั ง มี ศั พ ท ที่ พ ระองค ท รง บั ญ ญั ติ อี ก หลายคํ า เช น เลขานุ ก าร(เดิ ม ใช ว า สเคตตารี่ พระองคทรงใชคําวา เลขานุการ เปน
พระนามแฝง ในหนังสือพิมพทวีปญญา) ลูกเสือ (เป น คํ า ที่ สื บ เนื่ อ งจากคํ า ว า เสื อ ป า ด ว ยทรง พระราชดําริวา ยุวชนก็ควรเปนเสือปาได แตยังอยู ในวัยเด็ก จึงเรียกวา ลูกเสือ) สภากาชาด(เดิมใชวา อุณาโลมแดง ตอมาเปลี่ยนเปนคํานี้ ใน พ.ศ.๒๔๕๗) อนุ บ าล(ใช เ มื่ อ มี พ ระราชบั ญ ญั ติ ใ ห ตั้ ง โรงเรี ย น สําหรับเด็กอายุนอย ใน พ.ศ.๒๔๖๑) มหาวิทยาลัย ปริ ญ ญา วิ ท ยาศาสตร วิ ศ วกรรมศาสตร อักษรศาสตร แพทยศาสตร (คํา ๖ คํานี้ เริ่มใช เมื่ อ ตอนที่ มี ก ารตั้ ง จุ ฬ าลงกรณ ม หาวิ ท ยาลั ย ) ที่ทําการไปรษณีย ไปรษณียากร หนังสือพิมพ บรรณาธิการ หมอไฟ(Battery) ออมสิน โทรเลข โทรศัพท เอกอัครราชทูต เปน ตน ศัพ ทเ หลา นี้ เปนที่นิยมใชติดปากมาจนปจจุบันนี้ Ä สวนในดานวรรณคดี พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ก็มีพระปรีชาญาณ อนุรักษ และพั ฒ นารวมทั้ง ส ง เสริม ให ค นไทยแตง หนั ง สื อ โดยทั่วถึงกัน โดยสวนพระองคเอง นอกจากจะทรง พระราชนิพนธบทฉันทลักษณแบบเกาๆ แลว ยังทรง กํ า หนดโคลงขึ้ น ใหม ถึ ง ๘ แบบ คื อ สิ น ธุ ม าลี มหาสิ น ธุ ม าลี วิ ช ชุ ม าลี มหาวิ ช ชุ ม าลี จิ ต รลดา มหาจิ ต รลดา นั น ททายี และมหานั น ททายี ทั้ ง นี้ เพื่อใหกวีมีโอกาสเลือกใชคําประพันธไดหลากหลาย มากขึ้น นอกจากนี้ ยังทรงริเริ่มนําคําประพันธที่เรียกวา กลอนเปลา(Blank Verse) ของอังกฤษมาใชดวย เชน เรื่องโรเมโอและจูเลียต เปนตน ยิ่งไปกวานั้น ยังทรงสงเสริมรอยแกวรูปแบบใหมประเภทบทความ นวนิยาย เรื่องสั้น ฯลฯ อีกดวย
Ä ในเรื่ อ งการส ง เสริ ม คนไทยให
แตงหนังสือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงสนับสนุนใหมีผูแตงงานประพันธเสมอ ทรงชุบเลี้ยง และโปรดใหตามเสด็จอยูบอยๆ เชน หลวงสารประเสริฐ (ผัน สาลักษณ ตอมาคือพระศรีสุนทรโวหาร) ผูแตง เรื่องอิลราชคําฉันท ซึ่งเมื่อแตงเสร็จแลวก็ทูลเกลาฯ ถวายเพื่อทอดพระเนตร พระองคก็ทรงชวยตรวจ แกไข และทรงพระราชนิพนธตอนหนึ่งวา อนึ่ ง ข า พเจ า ขอถื อ เอาโอกาสอั น นี้ เ พื่ อ แสดงว า ถ า แม ผู ใ ดซึ่ ง ริ เ ริ่ ม จะนิ พ นธ โ คลง ฉั น ท กาพย กลอน มีความปรารถนาจะใหขาพเจาตรวจ และแนะบาง อยางที่ขาพเจาไดชวยหลวงประเสริฐ แลวนี้ ถึงแมวาจะไมไดเปนผูที่คุนเคยกับขาพเจา แล ว แต ก อ นก็ ต าม ข า พเจ า ก็ ยิ น ดี ช ว ยตรวจและ แสดงความคิดเห็นเทาที่ขาพเจาสามารถจะทําได เพื่ อ ช ว ยอนุ เ คราะห ผู ที่ มี ค วามพอใจทางจิ น ตกวี นิพนธและเพื่อประโยชนแกวิชาของไทยเรานั้นดวย บุคคลสําคัญอีกทานหนึ่งซึ่งพระบาทสมเด็จ พระมงกุ ฎ เกล า เจ า อยู หั ว โปรดให รั บ ใช ใ กล ชิ ด เบื้ อ งพระยุ ค ลบาทและทรงสนั บ สนุ น ผลงานคื อ พระสารประเสริฐ(ตรี นาคะประทีป) ผูซึ่งเปนผูกลาว ขนานพระนามของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยูหัววา สมเด็จพระมหาธีรราชเจา กอนผูอ นื่ ดวยความตระหนักในพระปรีชาสามารถของพระองค ธรรม
ทานผูนี้เปนผูแตงสมญาภิธานรามเกียรติ์ อธิบาย ถึงกําเนิดหรือที่มาของบรรดาตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ และแต ง วรรณคดี ร ว มกั บ พระยาอนุ ม านราชธน (เสฐียรโกเศศ) อีกหลายเรื่อง ดวยแรงสนับสนุนของ พระองค พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว จึงทรงเปนนักอักษรศาสตรชาตินิยม ที่มีพระมหากรุณาธิคุณดานภาษาและวรรณคดี จนเปนที่ประจักษ เลื่องลือทั่วโลก ดังที่พระราชวรวงศเธอ กรมหมื่น พิ ท ยาลงกรณ นิ พ นธ ถึ ง พระองค ไ ว ใ นเรื่ อ ง พระนลคําฉันท ความตอนหนึ่ง วา ในรัชสมัยของ พระองค “สมเด็จปรเมนทรมหาวชิราวุธ” นั้น นามเมืองก็เรืองกิติวิมล เพราะยุบลพระราชา นามราชก็เรืองกิติประภา กรเหตุประเทศเรือง นี่ คื อ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ห า ธี ร ร า ช เ จ า พระมหากษัตริยนักปราชญผูยิ่งใหญ ซึ่ง UNESCO หรื อ องค ก ารศึ ก ษาวิ ท ยาศาสตร แ ละวั ฒ นธรรม แหงสหประชาชาติยกยองใหเปนนักปราชญของโลก เมื่ อ ป พ.ศ.๒๕๑๕ ข า พระพุ ท ธเจ า ขอจารจารึ ก พระมหากรุณาธิคุณไวในดวงใจนิรันดร
อ.วารุณี
 Across
Ä Down
1. A structure, usually consisting of a hole in the ground, that is used as a toilet in a military camp. 7. Opposite of “girl” 9. She usually goes to church …..…. Sunday. 10. A : Do you usually go with her? B : …….., I have lots of housework to do. 11. …….. is the same meaning as; hardly, scarcely. 13. To fasten 14. A : How about the concert last night? B : It …….. or I don’t like it. 15. Let’s go to the sea, shall, ………? 16. Are you a red shirt …….. the yellow one? 17. A …….. is a very small village. 20. …….. is used to refer to an electric current that continually changes direction as it flows. 21. You will ……..….. rich, if you pay less for your clothes. 23. If you talk …….. to me, you talk openly and honestly. 26. There is too much water under my house, so I have to ……… it out. 27. A : What is the ……… today? B : It’s the first of August. 29. Time passed so quickly, so time and tide waits for no man. 30. The same as No.9 Across
1. This curry is ………. or bad taste. 2. I usually have …….. orange after dinner. 3. The same as No.36 Across 4. She does …….. want to be an instructor but she would like to be an engineer. 5. Opposite of “mom” 6. My watch is always slower so I have to ……. it many times. 7. I talk to you for an hour, Then I must say ………. for now. 8. A : Where is …….. house? B : It is near here. 11. …..…. careful anytime you walk across the street. 12. This chair is …….. so this piece of wood is fallen to the ground. 15. Opposite of “dry” 16. An ……… is a curved path in space that is followed by an object going round and round a planet, moon or star. 17. A suggestion 18. To shape 19. Family name, last name 20. James was taken to the hospital but die soon, ……… . 22. Do you have …….. freetime to teach me how to drive?
 Across
Ä Down
31. ……... jog is the best exercise. 32. The current events 34. In summer many dogs will get …….., so we must beware of them. 35. An abbreviation for “Doctor” 36. Opposite of “out” 37. The …….. of a plant is the thin upright part on which the flowers and leaves grow. 39. Right now some of Thai people try to make …….. or a period of fighting, then it stops the progress of our country, I do feel pity on Thailand so much. 41. A small flying animal that looks like a mouse with leathery wings, 42. We have 2 kids, we plan to give them our heritage …….. one a half of it. 44. Traveling by …….. is the fastest way to go. 46. Do you know who I ……….? 48. The eggs of lice 51. The ………….. we get to the 3 provinces of southern part, the more frightened we become. 54. What is the …….. – rate or the deduction of this set of sofa? 56. The same as No.31 Across 57. An abbreviation for “Russia, Russian” 58. This morning she got up late, ……. she had to fight the bus to work as fast as she could. 59. …….., she arrived her office on time.
24. A child 25. A kind of fungus which is used to make bread rise. 26. A ……… is a round roof. 28. Bread …….. butter is my favourite food. 33. Most fire engines, ambulances and police cars must have this device, ……… . 38. A word used to describe something that is above something else. 40. The same as No.2 Down 43. You will not get lost if you follow that sign, an ………. . 45. You rarely get ……… if you try to exercise every day. 46. Don’t place a piece of cake there, the ……... must come to have it. 47. Please remind …….. to take medicines there because I easily forget to do so. 49. The same as No.31 Across 50. The ball of fire in the sky that the earth goes round. 52. …….. what time will you cook dinner? 53. To make a boat moves through the water by using oars. 55. Dang …….. his nickname. (เฉลยอยูหนา ๗๘)
Water lily
ฉบับที่แล้ว เราได้รู้จัก Tinglish หรือ ภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่พบได้บ่อยจากคนไทย ไปแล้ว ๒ ลักษณะ คือ ด้านการเลือกใช้คํา ด้านไวยากรณ์ ฉบับนี้ขอเสนอ ด้านการออกเสียง และด้านการเปลี่ยน หรือบัญญัติความหมายขึ้นเอง ค่ะ ๓. ด้านการออกเสียง (Pronunciation) เนื่องจากเสียงภาษาอังกฤษบางเสียงไม่มีอยู่ในภาษาไทย คนไทยส่วนหนึ่งจึงออกเสียงภาษาอังกฤษด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ ๑) เน้นเสียงพยางค์ท้าย เช่น คําศัพท์และความหมาย computer (คอมพิวเตอร์) message (ข้อความ) interesting (น่าสนใจ) lemon (มะนาว)
การอ่านแบบทิงลิช /คอมพิ้วเต้อร์/ /แมสเสจ/ /อินเทอเรสติ้ง/ /เลม่อน/
การอ่านที่ถูกต้อง /เคิมพิวเทอรฺ/ /เมสสิจ/ฺ /อินเทฺรสติง/ /เลมเมิน/ฺ
๒) ละเสียงพยัญชนะควบ เช่น คําศัพท์และ ความหมาย guava (ฝรั่ง) ghost (ผี, วิญญาณ) language (ภาษา) three (สาม) mask (หน้ากาก)
การอ่านแบบทิงลิช
การอ่านที่ถูกต้อง
/กาว่า/ /โกทฺ/, /โกสฺ/ /แลงเก็จ/,/แลงเกวจ/ /ทรี/ /ม้าก/, /ม้าส/ /แม้ก/, /แม้ส/
/ กวาวา/ (ว นี้ ออกเสียงเหมือน ว ผสมกับ ฝ) /โกสฺทฺ/ (ออกเสียงท้ายควบ /สฺทฺ/) /แลงกวิจฺ/ /ธรี/ (ธ ออกเสียงโดยวางลิ้นระหว่างฟันบนและล่าง) /มาสฺคฺ/ (แบบอังกฤษ) (ออกเสียงท้ายควบ /สฺคฺ/) /แมสฺคฺ/ (แบบอเมริกัน) (ออกเสียงท้ายควบ /สฺคฺ/)
๓) ละพยางค์ท้าย หรือละเสียงพยัญชนะท้าย หรือ เปลี่ยนเป็นเสียงตัวสะกดในภาษาไทย เช่น คําศัพท์และความหมาย
การอ่านแบบทิงลิช
motorcycle (รถจักรยานยนต์) entrance (ทางเข้า) apple (แอปเปิล) gas (ก๊าซ, แก๊ส)
/มอเตอไซ/ /เอ็นทฺร้าน/ /แอ๊ปเปิ้น/ /ก๊าด/, /แก๊ด/
milk (นม)
/มิ้ว/
การอ่านที่ถูกต้อง /โมเทอไซเคิลฺ/ /เอ็นเทฺรินซฺ / /แอเพิลฺ/ /กาซฺ/ (แบบอังกฤษ) /แกซฺ/ (แบบอเมริกัน) /มิลฺคฺ/ (เสียงท้ายควบ /ลฺคฺ/)
๔) เพิ่มเสียงสระระหว่างพยัญชนะ เช่น คําศัพท์และความหมาย album (อัลบั้ม) school (โรงเรียน) study (เรียน) start (เริ่มต้น)
การอ่านแบบทิงลิช การอ่านที่ถูกต้อง /อัลละบั้ม/ /แอลฺเบิม/ /สะคูล/, /สะคูน/ /สกูลฺ/ (รวบเสียงเป็นพยางค์เดียว) /สะตั๊ดดี้/ /สฺตัดดี/ /สะต๊าด/, /สะตาทฺ/ /สฺตาทฺ/ (แบบอังกฤษ) /สฺตารฺทฺ/ (แบบอเมริกัน)
การออกเสียงไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดปัญหาทั้งต่อการเรียนภาษาอังกฤษในระดับสูงขึ้น และในการ สื่อสารในชีวิตประจําวัน ดังตัวอย่างที่เป็นเรื่องเล่าเหล่านี้ค่ะ วันหนึ่ง ดิฉันไปเที่ยวบ้านเพื่อนฝรั่ง กับเพื่อนๆ คนไทยที่โตที่โน่น ส่วนดิฉันเพิ่งไปตอนโตแล้วค่ ะ บ้านหลังนั้นมีหมาตัวโตสีดํา ฉลาดมาก เจ้าของกับ เพื่อนๆ สั่งอะไรก็ทําได้หมด ทั้งนั่ง ทั้งนอน ทั้งกลิ้ง ทั้งวิ่งไปเก็บของ - sit down, stand up, etc. สารพัด จะแสดงโชว์ ทําแล้วทําอีกอยู่นั่นแหละ น่ารักมากๆ อยากมีสักตัว พอเจ้าของลุกไป มันก็มานัวเนียที่ดิฉัน มองหน้ า สบตา ยื น กระดิ ก หางดุ๊ ก ดิ๊ ก เหมื อ นกั บ จะบอกว่า "สั่งมาสิๆ อยากเล่นต่อ" ดิฉันคิดในใจ “ได้เล้ย ไม่เห็นจะยาก” พูดดังฟังชัดว่า "sit down" /ซิ ด ดาว/* คุ ณ หมา ยื น นิ่ ง ค่ ะ คุ ณผู้ อ่ าน เพื่ อนๆ หั วเราะกั นใหญ่ เลย คิ ดดู สิ ขนาดหมายั งไม่ เข้ าใจ accent ของดิฉัน (*หมายเหตุ การออกเสียงที่ถูกต้อง คือ /ซิทฺ ดาวนฺ/ โดยเน้นคําว่า down และมีเสียง /นฺ/ ท้ายพยางค์)
เหตุเกิด ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อหลายปีก่อน เมื่อคนไทย 3 คน เรียนภาษาอังกฤษมาคะแนน ก็ไม่ขี้เหร่ อยากมีประสบการณ์ฟังเพลงกลางสวนกับเขามั่ง จึงเดินไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ตที่บูทแถว Piccadilly ดิฉัน : "ตั๋วบีโธเฟ่น 3 ใบค่ะ" คนขาย (ทําหน้างง): "อะไรนะคะ" ดิฉัน : "ตั๋วบีโธเฟ่น 3 ใบค่ะ" คนขาย (ยังทําหน้างงเริ่มปนรําคาญ) : "จะซื้อตั๋วอะไรนะคะ" ในที่สุด โดยพร้อมเพรียง พวกเราชี้มือไปที่โปสเตอร์โฆษณา.... คนขาย : Ohhh!...บี-โธ้-เฟน (กรุณาออกเสียงสําเนียงสุดฤทธิ์นะคะ แล้วจะได้อารมณ์มาก).. อืมมมม...เป็นเหตุการณ์ที่ทําให้เสียความมั่นใจ(หลงตัวเอง) เรื่องภาษาอังกฤษ จนเหลือศูนย์เลยค่ะ
อีกหนึ่งตัวอย่างที่เป็นเรื่องของผู้เล่นเกมทางอินเทอร์เน็ตที่พยายามใช้งานด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) เขาปรับเปลี่ยนการตั้งค่าหลายแห่งแล้วก็ยังไม่สําเร็จสักที เขาจึงพิมพ์ข้อความลงไปเพื่อ ขอคําแนะนํา
และหลังจากได้รับคําแนะนําเกี่ยวกับเรื่องการตั้งค่า เขาพยายามต่ออีกหลายวันจนประสบความสําเร็จ ในที่สุด และพบว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การตั้งค่า แต่เป็นการออกเสียงที่ไม่ถูกต้องขณะสั่งงานของเขานั่นเอง
๔. ด้านการเปลี่ยนหรือบัญญัติความหมายขึ้นเอง เป็นการเปลี่ยนความหมายจากภาษาอังกฤษเป็น ความหมายแบบไทย เช่น คําศัพท์และความหมาย fit (พอดี) These shoes fit me. 3 รองเท้าคู่นี้ขนาดพอดีสําหรับฉัน serious (จริงจัง) Don't laugh, it's a serious suggestion. 3 อย่าหัวเราะนะ นี่คือการแนะนําที่จริงจัง mob (กลุ่มคนไร้ระเบียบ เมื่อไม่พอใจ เรื่องใดเรื่องหนึ่งก็จะใช้ถ้อยคําไม่สุภาพ หรือมีพฤติกรรมที่ไม่ดี) เป็นความหมาย ในเชิงลบ Cairo mob storms and burns the offices of Al Jazeera. 3 ม็อบในเมืองไคโรโจมตีและเผาสํานักงาน ของสถานีโทรทัศน์ อัล จาซีราห์
ความหมาย แบบทิงลิช
ตัวอย่าง
คับ แน่น (ภาษาอังกฤษใช้ tight)
These shoes are tight! 3 รองเท้าคู่นี้คับ
เครียด (ภาษาอังกฤษใช้ stress)
I'm stressed out and can't stop eating. 3 ฉันรู้สึกเครียดและหยุดกินไม่ได้
การชุมนุม การประท้วง (ภาษาอังกฤษใช้ rally และ protest)
There will be a political rally outside Parliament House tomorrow. 3 หรือ There will be a political protest outside Parliament House tomorrow. 3 พรุ่งนี้จะมีการชุมนุมทางการเมืองหน้ารัฐสภา
ก่อนจากกันในฉบับนี้ ขอปิดท้ายด้วยตัวอย่างภาษาอังกฤษที่คนไทยนํามาพูด และเป็นที่เข้าใจในหมู่ คนไทย แต่ภาษาอังกฤษใช้คําที่แตกต่างออกไป คนไทยใช้ เจ้าของภาษาใช้ อินเทรนด์ (in trend) trendy หรือ fashionable เช่น ผมจะซื้อนาฬิกาดีๆ ที่ทนั สมัยให้เธอแทน เช่น a trendy haircut (ทรงผมที่ทันสมัย) I'd buy her a nice in trend watch. ± a fashionable restaurant (ร้านอาหารที่ทันสมัย) คําว่า trendy หรือ fashionableเป็นคําคุณศัพท์วางไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. exaggerate เป็ นคํ ากิ ริยา อ่ านว่า /เอก-แซก-เจอ-เรท/ เว่อร์ (over) เช่น "He said you walked 30 miles." เช่น ยัยคนนั้นทําอะไรเว่อร์ๆ เขาบอกว่าคุณเดินตั้ง 30 ไมล์ She is over. ± "No - he's exaggerating. It was only about 15." ไม่หรอก เขาพูดเว่อร์ (เกินจริง) มันก็แค่ 15 ไมล์เอง overact หมายถึงการแสดงออกเกินปกติ เช่น You're overacting. เธอทําเว่อร์เกิน (แสดงอารมณ์เกินจริง)
คนไทยใช้ หนัง soundtrack เช่น ฉันอยากดูหนัง soundtrack I want to watch a soundtrack film. ±
เจ้าของภาษาใช้ I want to watch an English film. "soundtrack" หมายถึง ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในภาพยนตร์หรือ รายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น เช่น I want to watch an English film that is dubbed into Thai. "a subtitled film" หมายถึงภาพยนตร์ที่มีคําบรรยาย ใต้ภาพ ซึ่งคําบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า "subtitles" (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอ) เช่น a French film with English subtitles (ภาพยนตร์ ฝรั่งเศสที่มี คําบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาอังกฤษ) fresher หรือ freshman เช่น He is a fresher. freshy (นักศึกษาปี 1) เช่น ดิฉันเป็นนักศึกษาปี ๑ ทีม่ หาวิทยาลัยเอบีซี หรือ He is a freshman. หรือ He is a first-year student. (เขาเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง) I am a freshy at ABC University. ± นักศึกษาปี 2 เรียกว่า a sophomore นักศึกษาปี 3 เรียกว่า a junior นักศึกษาปี 4 เรียกว่า a senior record เป็นได้ทั้งคํานามและคํากริยา เร็คคอร์ด (อัดหรือบันทึก) เช่น ฉันจะอัดหนัง เราจะได้เก็บไว้ดูทีหลังได้ คํานาม แปลว่า แผ่นเสียงหรือสถิติ เน้นเสียงที่พยางค์แรก I'll record the film and we can all คือ /เร็ค-คอรฺด/(แบบอังกฤษ) /ริ-เคิรฺด/ (แบบอเมริกัน) เช่น watch it later. (ออกเสียง /เร็คคอร์ด/) ± He wants to buy a record. เขาต้องการซื้อแผ่นเสียง I broke my own record. ฉันทําลายสถิติของฉันเอง คํากริยา แปลว่า อัดหรือบันทึก เน้นเสียงทีพ่ ยางค์หลัง คือ /ริ-คอรฺด/ เช่น I'll record the film and we can all watch it later. ฉันจะอัดหนัง เราจะได้เก็บไว้ดูทีหลังได้ ส่วนเครื่องบันทึก เรียกว่า "recorder" อ่านว่า /ริ-คอร์-เดอร์/
คนไทยใช้ อเมริกันแชร์ (American Share) คนไทยจ่ายเท่าๆ กัน กินมากกินน้อยก็จ่าย เท่ากัน แต่ฝรั่งไม่เข้าใจ เช่น ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน (หารกัน) 12.00 hrs. Lunch (American Share) ±
แจม (jam) เช่น เรากําลังจะออกไปกินข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยไหม “We are going to eat outside. Do you want to jam?” ± แบ็ค (back) เช่น เขามีแบ็คดี "He has a good back." ±
เจ้าของภาษาใช้ Go dutch ใครกินเท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น ปกติก่อนสั่งอาหาร ฝรั่งจะบอกพนักงานเสิร์ฟว่า We would like to separate checks, please. หรือ Separate checks, please. เวลารับประทาน อาหารเสร็จก็จะได้รับบิลค่าอาหารของตัวเองที่รวมภาษี และค่าบริการแล้ว ถ้าจะจ่ายให้ทุกคนที่มาด้วยบอก พนักงานก่อนสั่งอาหารว่า This one is on me. หรือ It’s my treat. join หรือ come along with หมายถึง "ร่วมด้วย" เช่น We are going to eat outside. "Do you want to join us?", "Do you want to come with us?" หรือ "Do you want to come along?" เรากําลังจะออกไปกินข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยไหม back แปลว่า หลัง (อวัยวะ) "a back-up" หมายถึง คนหรือสิ่งของที่ช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เป็นกําลังใจให้ (เน้นเสียง /อัพ/) เช่น He has a good back-up.
References http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/H3648923/H3648923.html http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D8783858/D8783858.html http://en.wikipedia.org/wiki/Tinglish http://www.royin.go.th/th http://fail.in.th/2011/03/english-today/ http://fail.in.th/2010/09/another-language-fail/ http://www.komchadluek.net/detail/20101012/76024/%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A.html http://www.oxfordadvancedlearnersdictionary.com/ http://dictionary.cambridge.org/
Runy สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านหนังสือข่าวทหารอากาศทุกท่าน ดิฉันมาพบกับท่านผู้อ่านอีกครั้งนะคะ เป็นบทความ ที่ต่อเนื่องมาจาก Test Tip 15 เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ฝึกฝนและทบทวนภาษาอังกฤษด้วยตนเองแล้วยังเป็นการ เตรียมความพร้อมในการเข้ารับการทดสอบภาษาอังกฤษที่ศูนย์ภาษาฯ ด้วย ท่านผู้อ่านลองเริ่มทําแบบทดสอบ ได้เลยนะคะ อ่านโจทย์และเลือกคําตอบที่คิดว่าถูกต้องจากตัวเลือก ๔ ตัวเลือกที่ให้มา 1. If he had done as he was told, he would be a free man today. a. He isn’t free. b. He listened to advice c. He was free. d. He heard about freedom. 2. The lecture is very boring. a. It is very interesting. c. It is a fine lecture.
b. It is on a subject I like. d. It is dull.
3. William takes part in all kinds of activities. a. He practices only certain types of activities. b. He participates in many types of activities. c. He enjoys keeping away from activities. d. He dislikes various kinds of activities. 4. I am studying computers. Mrs. Wilcox teaches me. a. I am taught by computers. b. I am taught by Mrs. Wilcox. c. I teach computers. d. Mrs. Wilcox is studying computers. 5. The windshield wipers are not working properly. a. They do not wipe the windshield. b. The windshield wipers do not clean the dashboard. c. They do not work the generator. d. The windshield doesn’t have wipers. เมื่อทําแบบฝึกหัดครบห้าข้อแล้ว เชิญตรวจคําตอบและอ่านคําอธิบายเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
1. If he had done as he was told, he would be a free man today. ถ้าเขาทําตามที่บอก เขาก็จะ เป็นอิสระตอนนี้ a. He isn’t free. เขาไม่เป็นอิสระ b. He listened to advice. เขาฟังคําแนะนํา c. He was free. เขาเป็นอิสระ d. He heard about freedom. เขาได้ยินเรื่องอิสรภาพ คําตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ a. He isn’t free. If he had done as he was told (ถ้าเขาทําตามที่บอก) เป็น if clause แบบที่สาม แสดงถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับความเป็นจริงในอดีต ความเป็นจริง เขาไม่ได้ทําตามที่บอก he would be a free man today (เขาก็จะเป็นอิสระตอนนี้) เป็น if clause แบบที่สอง แสดงถึง เหตุการณ์ที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน ความเป็นจริงปัจจุบันนี้เขาไม่เป็นอิสระ คําอธิบายเพิ่มเติม เรื่อง If Clause หรือ Conditional Sentences มี ๓ โครงสร้างดังที่เคยได้อธิบาย ไปในฉบับที่แล้ว ครั้งนี้จะอธิบายเรื่องความหมายของแต่ละโครงสร้างเพิ่มเติม ดังนี้ Situation
If - Clause
Result Clause
True in the present เหตุการณ์ที่เป็นความจริง ในปัจจุบัน True in the future เหตุการณ์ที่เป็นความจริง ในอนาคต
simple present Verb 1
simple present Verb 1
simple present Verb 1
Future Simple will + verb (กริยาที่ไม่เปลี่ยนรูป)
Untrue in the present simple past Verb 2 / future เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงข้าม กับความจริงในปัจจุบัน
would + verb (กริยาที่ไม่เปลี่ยนรูป)
past perfect Untrue in the past เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงข้าม had + Verb 3 (past participle) กับความเป็นจริงในอดีต
would have + Verb 3 (past participle)
Examples If I have enough time, I watch TV every evening. ถ้าฉันมีเวลาพอ ฉันจะดูโทรทัศน์ทุกเย็น If I have enough time, I will watch TV later or tonight. ถ้าฉันมีเวลาพอ ฉันจะดูโทรทัศน์ใน ภายหลังหรือคืนนี้ (มีความเป็นไปได้ ว่าฉันจะมีเวลาพอที่จะได้ดูโทรทัศน์) If I had enough time, I would watch TV now or later on. ถ้าฉันมีเวลาพอ ฉันจะดูโทรทัศน์ใน ภายหลังหรือคืนนี้ (ความจริงแล้ว ฉันไม่มีเวลาพอ และฉันก็ไม่ได้ ดูโทรทัศน์ตอนนี้หรือในภายหลัง) If I had had enough time, I would have watched TV yesterday. ถ้าฉันมีเวลาพอ ฉันจะ ดูโทรทัศน์เมื่อวานนี้ (ความจริงแล้ว ฉันไม่มีเวลาพอ และฉันก็ไม่ได้ ดูโทรทัศน์เมื่อวานนี้)
2. The lecture is very boring. บทเรียนน่าเบื่อ a. It is very interesting. บทเรียนน่าสนใจ b. It is on a subject I like. มันเป็นเรื่องที่ฉันชอบ c. It is a fine lecture. มันเป็นบทเรียนที่ดีมาก d. It is dull. บทเรียนน่าเบื่อ คําตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ d. It is dull. บทเรียนน่าเบื่อ boring = dull น่าเบื่อ interesting น่าสนใจ fine = very good ดีมาก 3. William takes part in all kinds of activities. วิลเลี่ยมเข้าร่วมกิจกรรมทุกประเภท a. He practices only certain types of activities. เขาฝึกฝนเฉพาะกิจกรรมบางประเภทเท่านั้น b. He participates in many types of activities. เขาเข้าร่วมกิจกรรมหลายประเภท c. He enjoys keeping away from activities. เขาสนุกกับการไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ d. He dislikes various kinds of activities. เขาไม่ชอบกิจกรรมหลากหลายประเภท คําตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ b. He participates in many types of activities. เขาเข้าร่วมกิจกรรม หลายประเภท take part in = participate in เข้าร่วม 4. I am studying computers. Mrs. Wilcox teaches me. ฉันกําลังเรียนคอมพิวเตอร์ คุณวิลค็อกซ์ สอนฉัน a. I am taught by computers. ฉันถูกสอนโดยคอมพิวเตอร์ b. I am taught by Mrs. Wilcox. ฉันถูกสอนโดยคุณวิลค็อกซ์ c. I teach computers. ฉันสอนคอมพิวเตอร์ d. Mrs. Wilcox is studying computers. คุณวิลค็อกซ์กาํ ลังเรียนคอมพิวเตอร์ คําตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ b. I am taught by Mrs. Wilcox. ฉันถูกสอนโดยคุณวิลค็อกซ์ I am taught by Mrs. Wilcox. เป็นประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทํา เรียกว่า Passive Voice มีโครงสร้างดังนี้ ประธาน + Verb BE + Verb 3 (Past Participle) ตัวอย่างประโยค : Cheese is made from milk. ชีสทําจากนม You were invited to the wedding. Why didn’t you go? คุณได้รับเชิญไปงานแต่งงานทําไมไม่ไป
5. The windshield wipers are not working properly. ที่ปัดน้ําฝนทํางานไม่ปกติ a. They do not wipe the windshield. ที่ปัดน้ําฝนไม่ปัดกระจกหน้ารถ b. The windshield wipers do not clean the dashboard. ที่ปัดน้ําฝนไม่ทําความสะอาดบริเวณหน้าปัดรถยนต์ c. They do not work the generator. ที่ปัดน้ําฝนไม่ทําให้เครื่องกําเนิดไฟฟ้าทํางาน d. The windshield doesn’t have wipers. กระจกหน้ารถไม่มีที่ปัดน้ําฝน คําตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ a. They do not wipe the windshield. ที่ปัดน้ําฝนไม่ปัดกระจกหน้ารถ หลังจากที่ได้ลองทําแบบทดสอบ ตรวจคําตอบและอ่านคําอธิบายเพิ่มเติมแล้ว ท่านผู้อ่านคงจะได้รับ ความรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความในคอลัมน์ Test Tip จะเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการ กองทัพอากาศ ติดตามคอลัมน์นี้ได้ในฉบับหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
แอนฟลด สวัสดีครับ ชาวกองทัพอากาศทุกทาน ยุคนี้เปนยุคแหงขอมูลขาวสารและเทคโนโลยี เพราะฉะนั้น การเขาถึงขอมูลขาวสารตางๆ นั้น คงไมพนกับการที่จะตองใชเทคโนโลยีเขามาชวยเพื่ออํานวยความสะดวก ใหกับเรา ซึ่งขอมูลขาวสารที่ทุกทานจะขาดเสียไมได คือ “การอานหนังสือพิมพ” ดังนั้น วันนี้กระผมจึงขอ นําเสนอเว็บไซตหนังสือพิมพที่ชื่อวา ไทยรัฐ (www.thairath.co.th) เนื้อหาในเว็บไซตนี้ จะประกอบไปดวย หั ว ข อ ข า วต า งๆ ถู ก จั ด ไว เ ป น หมวดหมู แถมยั ง มี หั ว ข อ ข า วที่ น า สนใจอยู ห น า หลั ก ดวย เพื่อสะดวกในการติดตามขอมูลขาวสาร เพียงเทานี้ เราก็ไมพลาดขอมูลขาวสาร แลวนะครับ หวังวาเพื่อนๆ พี่ๆ ลองเขาไปอานดูนะครับ เพื่อในอนาคตจะไดมีการใชกระดาษนอยลง แถมยัง ประหยัดคาใชจายดวยนะครับ &&
มิสกรีน BEETLE BAILEY
ภาพ ๑ ภาพ ๒ -
เราไมเคยพบกันมากอนหรือคะนี่ ? ผมไมทราบครับ คุณชื่ออะไรรึ ? อินกริดคะ ขอผมตรวจสอบหนอยนะ
Haven’t we met before?
What’s your name?
Let me check ……..
- เปนคําถามที่ใชทักทาย เมื่อผูพูดมีความรูสึกเหมือนกับวาเคยพบผูที่ ทักทายมากอนหนานี้ อาจจะใชอีกคําถาม คือ Have we met before? (เราเคยพบกันมากอนมั้ยคะ?) - ปกติ คําถามที่ขึ้นตนดวย Question words เชน What, When, Where, Why, How ประโยคคําถามนั้นจะไมขึ้นเสียงสูงตอนทายประโยค แตอาจ ใชเสียงสูงได เพื่อใหฟงดูสุภาพขึ้น - เปนประโยคที่ใชขออนุญาตทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบกันเอง (Let + pronoun + V1) Ex. Let Bill go to Kao Yai with us. (ขอใหบิลไปเที่ยวเขาใหญกับเรานะ) ถาจะใหสุภาพขึ้นอีกหนอย ก็เติมดวย will you ที่ทายประโยค Ex. Let me do the dishes, will you? (ใหฉันชวยลางจานนะคะ)
BLONDIE
ภาพ ๑ - คุกกี้ จําไวนะ เวลาลูกขับรถนะ หนูตองสังเกตอยูตลอดเวลา ภาพ ๒ - ระมัดระวังและจับตามองปญหาที่อาจเกิดขึ้นได.... ภาพ ๓ - และก็รานพิซซาใหม ใชมยั้ คะพอ ? - โดยเฉพาะอยางยิ่ง รานพิซซาที่เปดใหมนะ ! - จํา ถาจะใชเปนสํานวน (idiom) คือ to keep หรือ to bear in mind - ตอเนื่อง (happening all the time) ออกเสียงวา “คอนซเติ่นทลี”่ - ในทีน่ ี้แปลวา สังเกต (notice) - สภาพแวดลอมรอบๆ ตัว (objects, buildings, natural things etc. that are around a person) alert (adj.) - ระมัดระวังอยางเต็มที่ (to give all attention to what is happening) ใชกริยา to stay แทน to be ได to keep your eyes peeled / skinned - เปนภาษาพูด แปลวา จับตามองอยางใกลชิดและตอเนื่อง (to watch carefully and continuously) Ex. She drove along, keeping her eyes peeled for a convenience store. (เธอขับรถไปเรื่อยๆ จับตามองหารานสะดวกซื้อ) potential (adj.) - เปนไปได (possible) ถาใชเปนคํานาม potential แปลวา ศักยภาพ (natural ability or quality) to remember constantly (adv.) be aware of surroundings (n.)
หมอพัตร เมื่อเร็วๆ นี้ เปดดูโทรทัศนตอนเย็น เจอเรื่อง ของอีกาในประเทศญี่ปุน เปนเรื่องนาสนใจเลยดู จนจบ ผู เ ขี ย นเคยเขี ย นเรื่ อ งเกี่ ย วกั บ อี ก าลงใน หนั ง สื อ ข า วทหารอากาศครั้ ง หนึ่ ง เมื่ อ เดื อ น พฤศจิกายน ๒๕๔๐ กวาสิบปมาแลว อีกาที่ญี่ปุน แตกตางกวาอีกาในบานเรา จึงขอนําเรื่องของอีกา ญี่ปุน มาเลาสูกัน, กอนที่จะกลาวถึงอีกาญี่ปุน ขอเลา เรื่องของอีกาที่เคยเขียนลงในครั้งกอนอยางคราวๆ เพื่อเรื่องจะไดปะติดปะตอกัน ดังนี้ อีกาเปนนกในตระกูล RAVEN มีสีดํา ตลอดตั้งแตจงอยปากจรดปลายหาง จะมีสีอื่นบาง ก็ตรงนัยนตา เปนนกที่นับเนื่องอยูในประเภทสัตว กินซาก (Predator) กินสารพัดอยางทั้งสัตวเปน สัตวตาย ไมผิดไปกวาอีแรง เศษขยะกับเมล็ดธัญพืช ก็ไมเวน โดยเฉพาะซากสัตวตายและเนา ทําหนาที่ เปนนักเก็บขยะชั้นดี อีกามีชีวิตอยูในโลกใบนี้มานานนมเนแลว หลักฐานที่เห็นงายๆ คือ อีกาปรากฏอยูในมหากาพย เรื่องรามายณะหรือรามเกียรติ์ตอนศึกกุมภกรรณ
ที่พระรามสั่งใหหนุมานและองคตไปสืบสาวราวเรื่อง และแกไขเหตุการณวาเหตุไฉนน้ําในแมน้ําซึ่งไหล มายั ง ที่ ตั้ ง ทั พ วานรของพระรามจึ ง ไม ไ หลและ แห ง เหื อ ดลงคล า ยมี อ ะไรขวางกั้ น หนุ ม านและ องคตรับบัญชาไปสืบดูก็พบวาเปนเพราะกุมภกรรณ เนรมิตร า งกายใหญ โตแล ว ลงไปนอนขวางแมน้ํ า เอาไว หนุมานและองคตจึงแกไขโดยแปลงกายเปน หมาเนาลอยน้ํามา มีอีกาเกาะกินซากเหม็นไปทั่ว จนกุมภกรรณทนไมไหวตองลุกหนี นี่เปนขอพิสูจน วาอีกามีมาตั้งแตยุครามเกียรติ์โนนแลว
อีกาเปนนกอาภัพ บริโภคของเนาและซากสัตว ชอบขโมยของชาวบาน เสียงรองก็ฟงนากลัว แถมยัง มีสีดําสนิทซึ่งเปนสีที่เปนสีไวทุกข ชาวบานจึงเกลียด เชื่อวาเปนนกผี นําโชครายมาสู ไมคอยนึกถึงวามันชวย ขจัดสิ่งสกปรก ขยะมูลฝอย รวมทั้งซากสัตว และ สัตวเล็กสัตวนอย เชน แมลงศัตรูพืชและหนูที่กิน เมล็ ด ธั ญ พื ช มั น ทํ า หน า ที่ เ ป น ทั้ ง พนั ก งานกํ า จั ด ขยะและปอเต็กตึ๊งไปพรอมกัน ทําประโยชนใหแก โลกไมใชนอยทีเดียว การที่เรียกโดยมี “อี” นําหนา แสดงวาคนเรา ไม ช อบมั น อี ที่ นํ า หน า ชื่ อ สั ต ว อ าจมี ค วามหมาย ๒ อยาง อาจหมายถึงอะไรที่นารักอยางเชน อีหนู อีเกง อีนองสาว สวนอีกความหมายหนึ่งหมายถึง ไมนารัก เชน อีแรง อีกา สวนที่ผูเขียนเรียกวาอีกา ไม ใ ช จ งเกลี ย ดจงชั ง อะไร แต เ รี ย กตามๆ เขามา เทานั้นเอง อี ก าชอบทํ า รั ง อยู บ นต น ไม ใ หญ แ ละสู ง สมั ย เมื่ อ กรุ ง เทพฯ ยั ง เป น สี เ ขี ย วและอุ ด มด ว ย
ตนไมใหญ มีอีกาอยูมาก ถึงเวลาเชาจะจับกลุมกัน บินไปหาอาหารทางทิศตะวันออก สงเสียงรองระงม ถาเจออาหารมากๆ แตสมัยนี้ชักจะหายาก เด็กบางคน จึงไมรูจักอีกา ตนไมใหญถูกโคนไปมาก ตองออกไป ตามชานเมืองจึงจะเห็นอีกาได มาคุยเรื่องอีกาในญี่ปุนดีกวา โตเกียว นครหลวงของญี่ปุน มีอีกาชุกชุมมาก โตเกียวเปนนครใหญ มีประชากรกวา ๒๔ ลานคน มีสวนสาธารณะมาก และไดรับการบํารุงรักษาอยางดี มีตนไมใหญๆ มาก หางออกไปจากกรุงโตเกียวไมมาก ยังคงเปนทองไรทองนา มีอีกาชุกชุม แตอีกจํานวนหนึ่ง ชอบยายถิ่นฐานเขากรุงมาสรางรังอยูในสวนสาธารณะ เพราะหาอาหารและเศษขยะมู ล ฝอยได ง า ยกว า ตามทองไรทองนา นอกจากนั้นในยามราตรียังเปดไฟ สวางไสวตามแหลงเริงรมย ผูคนมักงายทิ้งขยะกัน ไมเลือกที่ เปนอาหารอยางดีของอีกา รานอาหาร มัก เอาเศษอาหารใสถุ ง ดํ า ทิ้ง ไวข า งถนน อีก าจะ โฉบลงมาจิ ก ถุ ง จนขาดขยะเกลื่ อ นเต็ ม ขอบถนน มันก็เลือกกินตามสบาย อี ก าเป น นกขี้ ข โมย ที่ มั น ชอบมากอี ก อย า งหนึ่ ง คือสบูแทงที่ใชฟอกมือ ตาม โรงเรี ย นจะมี ส บู ก อ นยาวๆ สําหรับเด็กนักเรียนใชลางมือ ใส ไ ว ใ นถุ ง ตาข า ยแขวนไว ขางกอกน้ําประปา ปรากฏวา สบู เ หล า นี้ พ อเช า วั น รุ ง ขึ้ น ก็หายไป ถุงตาขายมีรอยฉีกขาด แรกๆ เขาใจวาเปนฝมือพวก
ขี้ ข โมย แต เ มื่ อ โรงเรี ย นติ ด ตั้ ง โทรทั ศ น ว งจรป ด จึงจับไดวาหัวขโมยคืออีกานั่นเอง มันมาตอนดึก ใชจงอยปากและกรงเล็บชวยกันเจาะฉีกถุงตาขาย จนขาดเปนรูโต แลวขโมยสบูเอาไปเปนอาหาร ของอี ก อย า งหนึ่ ง ที่ ต อ งระมั ด ระวั ง คื อ ไม แขวนเสื้อที่ทําดวยลวด อีกาชอบนักหนา เผลอทิ้ง ไวที่ ราวตากผาเป นถู กอี กาขโมยไป มั นเอาไปทํ า อะไรจะเลาในตอนหลัง อีกาในญี่ปุนมี ๒ ตระกูล คื อ อี ก าในเมื อ งกรุ ง และอี ก า ทองนา รูปรางหนาตาคลายกัน ผิดกันนิดหนอยตรงกะโหลก อีกา ตามทองไรท อ งนากะโหลกโต หน า ผากเล็ ก ลู ก นั ย น ต าอยู สองขางของหัว สวนอีกาในกรุง กะโหลกเล็กวานิดหนอย ขนหัวชี้ โดเด แบบทรงผมหนุมชาวกรุง สมัยนี้ หนาผากแบนเรียบ นัยนตาทั้งสองขางอยู คอนมาดานหนา สันนิษฐานวาเพื่อชวยใหมันเห็นภาพ เปน ๓ มิติ ช วยให โฉบเหยื่ อไดแมน ขึ้น สว นอี ก า ตามท อ งไร ท อ งนานั ย น ต าอยู ส องข า งกะโหลก ชวยใหมองภาพในวงกวางไดดี เหมาะในการหา อาหารตามทองไรทองนา นี่เปนความเขาใจสวนตัว อยาเอาไปใชอางอิงนะครับ อีกาในโตเกียวจะเกี้ยวพาราศีและจับคูกัน ตอนตนฤดูใบไมผลิ เปนชวงเวลาอากาศเริ่มอุนขึ้น ตนไมเริ่มผลิใบออกดอก ดอกซากุระเริ่มบาน อีกา เมื่อจับคูกันแลวก็จะครองคูกันไปจนตาย เปนนก ผัวเดียวเมียเดียว นกที่ครองคูกันไปชั่วชีวิต นอกจาก
อีกายังมีอีกหลายชนิด เชน นกกะเรียน นกเปดน้ํา อวนเอีย เปนตน เมื่ อ จั บ คู กั น ได แ ล ว อี ก าจะเริ่ ม ทํ า รั ง เพื่ อ วางไข ที่ซึ่งมันเลือกทํารังเปนตนไมใหญ มันทํารังที่ ระดั บ สู ง ที่ ศั ต รู ขึ้ น ไปรบกวนยาก ศั ต รู ตั ว ร า ยคื อ แมว เหยี่ยว และนกเคาแมว ที่ชอบมาขโมยไขและ ตัวออนไปกิน อีกาทํารังโดยใชกิ่งไมมาสานกัน กิ่งไม
เหล า นี้ ส ว นมากตั ว ผู ห าและเอามาให ตัว เมี ย เป น ของขวัญในการทํารัง ตัวผูตัวไหนหากิ่งไมเกงก็หาคู ไดเ ร็ว แตกิ่งไมอยางเดี ยวก็ใชทํ า รั งไดไม แข็งแรง ตองหาสิ่งอื่นมาชวย สิ่งนั้นคือไมแขวนเสื้อ ไปขโมย จากราวตากผาของชาวเมืองแลวก็เอามาสานทําให รังแข็งแรง ต นไม ที่ อี กาชอบเป นต นไม ใหญ ๆ ในสวน สาธารณะที่ มี อ ยู ม ากมายในกรุ ง โตเกี ย ว ต น ไม เหล า นี้ มั ก อยู ต ามขอบสวน เมื่ อ อี ก าทํ า รั ง แล ว ก็ วางไขครั้งละหลายฟอง แลวชวยกันกกไขจนกระทั่ง ไขฟกออกเปนตัว ซึ่งกินเวลาหลายสัปดาห คราวนี้ มันก็ตองชวยกันอภิบาลและหาอาหารมาเลี้ยงจนกวา
ลูกนกจะโต หัดบิน จนหาอาหารเลี้ยงตัวเองได ซึ่งก็ กินเวลาหลายเดือน ในระยะเวลาเลี้ยงลูก มันหวงแหนลูกและ ดุมาก อะไรผานมาใกลไมเลือกวาคนหรือสัตว มันจะ โฉบมาจิ ก ตี ขั บ ไล กล า วแล ว ว า รั ง ของมั น อยู บ น ต น ไม ต น ไม บ างต น อยู ใ กล ส ะพานลอยคนเดิ น ผู ค นที่ เ ดิ น ขึ้ น สะพานลอยหรื อ ไปใกล ต น ไม ที่ มี รังอีกา จึงอาจถูกอีกาลูกออนบินโจมตีเอาได อีกาเลี้ยงลูกอยูนานจนลูกมันโตพอเลี้ยง ตัวเองไดจึงจะจากไป แตมันก็ยังกลับมาเยี่ยมเยือน พอแมมันบอยๆ มีความกตัญูรักพวกพองผิดกวา สัตวอื่นอีกหลายชนิด มันเปนสัตวสังคมครับ ขอแถมเรื่องนารูเกี่ยวกับอีกาอีกนิดหนอย วากันวาอีกามีภาษาสําหรับใชในพวกมันดวย
ดร.ซิ น ดี้ ซิ ม ส แห ง มหาวิ ท ยาลั ย มิ ชิ แ กน สหรัฐอเมริกา ศึกษาความหมายจากเสียงรองของ อีกาในสหรัฐฯ พบวามีความหมายตางกันไปสุดแต การลากเสียง จังหวะ และหวงเสียงที่เปลง อาจมี หลายความหมาย เชน “ไปใหพนอาณาเขตของขา”, “ระวังตัว, กําลังมีผูตามฉกอาหารของเจา”, “ชวยไล ไอนักลาตัวนี้ออกไปที”, แตหากมันรองเสียงยาวๆ แปลวา “เฮเพื่อน, แกกําลังรุกล้ําเขตของขานะ” นอกนั้ น ยั ง มี เ สี ย งเบาๆ คล า ยคุ ย กั น ใน ครอบครัว เสียงคราง เสียงอืออา เสียงนกละเมอ แลเสียงลูกนกหิว ดร.ซิมส กลาววา อีกาจากถิ่นหนึ่ง เสียงอาจเหนอผิดกวาอีกาอีกถิ่นหนึ่ง แบบภาษาทองถิ่นของมนุษยเรามั้ง áá
ด ว ยปรากตว า ฝนตอนต น รึ ดู พุ ท ธสั ก ราช 2485 ตกมากทางภาคพายั พ และภาคอิ ส าน เปนเหตไหน้ํ าท วมเรื อ กสวนไรน า และบ า นเรื อ นราสดรทั้ง ภาคเหนื อ ภาคกลางและภาคอิ สาน ไนระหวางเดือนกันยายน ตุลาคม และพรึสจิกายน เปนอุทกภัยครั้งสําคันไนประวัติการนน้ําทวม ของเมืองไทย ที่ทําความเสียหายไหแกประชาชนพลเมืองเปนหยางมาก "เหตุการนน้ําทวม พ.ศ.2485" โดยกระซวงมหาดไทย ในเดื อนนี้ เมื่อ ๖๙ ป ที่ แ ล ว เกิ ดอุ ท กภั ย ครั้งใหญในประเทศไทย กรุงเทพฯ จมน้ําอยูตลอด เดือนตุลาคม ๒๔๘๕ ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ระดับน้ําลึกพอที่ราษฎรสามารถนําเรือเขามาใชในการ สัญจรบนถนนปะปนไปกับรถยนตและรถราง และ ในบางครั้งเกิดอุบัติเหตุระหวางรถยนตกับเรือ หรือ เรือกับรถราง ฟงแลวนาขบขัน แตคงเปนที่นาปวดเศียร เวียนเกลาอยูไมนอยสําหรับผูมีหนาที่ชําระคดี
น้ําทวมครั้งนี้กินบริเวณกวางขวาง ทหารอากาศ ที่ “ดอนเมือง” ซึ่งเปนพื้นที่สูงกวากรุงเทพฯ ก็ไดรับ ผลกระทบเช น กั น สนามบิ น จมอยู ใ ต น้ํ า รวมทั้ ง เสนทางคมนาคมสายหลักที่เชื่อมตอดอนเมืองกับ กรุงเทพฯ ก็ถูกตัดขาด ทั้งทางรถไฟ และทางถนน ประชาธิ ป ต ย (เปลี่ ย นชื่ อ เป น ถนนพหลโยธิ น ในป ๒๔๙๓) ภาพที่นํามาใหชมประจําฉบับนี้คือ ภาพอาคารกองบัญชาการกองทัพอากาศหลังเกา
ซึ่ง ตั้ง อยู ท างฝ ง ตะวั น ตกของสนามบิน ดอนเมือ ง เปนภาพที่ถายในระหวางเกิดอุทกภัย จะเห็นระดับ น้ําทวมตามแนวรั้ว ที่ปจจุบันเปนแนวถนนวิภาวดี รังสิต และมีเรือแจวขนาดใหญลอยลําอาศัยรมไม อยูดานหนาของภาพ จากการที่ เ ส น ทางคมนาคมถู ก ตั ด ขาด ทหารอากาศที่ดอนเมืองตองประสบความยากลําบาก และขาดแคลนเสบียงอาหาร ประกอบกับประเทศ ไทยขณะนั้นอยูในภาวะสงครามมหาเอเซียบูรพา กําลังทางอากาศสวนใหญถูกสงขึ้นไปปฏิบัติภารกิจ ธรรม
ในพื้น ที่ภาคเหนือ จึงมี การใชเ ครื่องบิน ทิ้ง ระเบิด บรรทุ ก อาหารสดและอาหารแห ง จากภาคเหนื อ นํามาทิ้งลงตามแนวทางวิ่งสนามบินดอนเมือง ซึ่ง ปกคลุ ม ด ว ยน้ํ า และหน ว ยภาคพื้ น ก็ ใ ช เ รื อ มารั บ และนําไปแจกจายอีกตอหนึ่ง เปนการชวยบรรเทา ความเดือดรอนไดเปนอยางดี นับเปนปฏิบัติการที่ แสดงใหเห็นถึงความออนตัวของกําลังทางอากาศ ที่ ส ามารถปรั บ เปลี่ ย นรู ป แบบการปฏิ บั ติ ภ ารกิ จ ไดอยางหลากหลาย ขอขอบคุณ พิพิธภัณฑกองทัพอากาศ ผูเอื้อเฟอภาพ
อ.วารุณี
น.อ.อภิชัย ศักดิ์สุภา (นนอ.๒๒)
(ตอจากฉบับที่แลว) ตามที่ผูเขียนไดเคยนําเสนอบทความเรื่องวัตถุมงคลของ บน.๔๑ วามีการสรางกันมา ๔ รุนแลวนั้น ขณะนี้ผูเขียนไดขอมูลใหมมาเพิ่มเติม หลังจากที่มีโอกาสไดไปราชการที่ บน.๔๑ ผูเขียนจึงใครขอรวบรวม และเรียบเรียงใหม ดังนี้ รุน ที่ ๑ เหรีย ญ “หลวงปูห ล า ” รุน “กฐินสามั คคี วัดป า ตึง” สรา งเมื่อป พ.ศ.๒๕๒๔ ในสมัย น.อ.ธีรศิลป คัมภีรญาณนนท (ยศในขณะนั้น) ดํารงตําแหนง ผบ.บน.๔๑ โดยสรางเปนเหรียญรูปไข ชนิดเนื้อทองแดง จํานวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ซึ่งหลวงปูหลา ไดกรุณาเมตตาปลุกเสกใหตลอด ๑ ไตรมาส เหรียญดานหนาเปนรูปหลวงปูหลาครึ่งองค และมีตัวหนังสือ “หลวงปูหลา จนฺโทภาโส” สวนดานหลังมีรปู เครื่ อ งหมาย ทอ. อยู ด า นบนและมี สั ญ ลั ก ษณ บน.๔๑ อยู ด า นล า ง ตามแนวขอบเหรี ย ญด า นล า งมี ตัวหนังสือ “กฐินสามัคคีวัดปาตึง สันกําแพง เชียงใหม ๒๕๒๔”
รุ น ที่ ๒ เหรี ย ญ “หลวงปู แ หวน” สร า งเมื่ อ วั น จั น ทร ที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๗ ในสมั ย น.อ.ธีร ศิล ป คัมภีรญาณนนท (ยศในขณะนั้น ) ดํารงตําแหน ง ผบ.บน.๔๑ โดยสร างเปน เหรียญรู ป ทรงกลม ชนิดเนื้อทองแดง จํานวน ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ซึ่งหลวงปูแหวนไดกรุณาเมตตาอธิษฐานจิตใหเปน กรณีพิเศษ เหรียญดานหนาเปนรูปหลวงปูแหวนหันขางครึ่งองค และมีตัวหนังสือ “หลวงปูแหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแมปง จ.เชียงใหม” อีกทั้งดานบนของเหรียญบริเวณหวงเหรียญ มีตัวเลข ๙๗ สวนดานหลังมี สัญลักษณ บน.๔๑ และมีตัวหนังสือ “กองบิน ๔๑ ๑๖ ม.ค.๒๕๒๗”
รุ น ที่ ๓ “พระเจ า แข ง คม” สร า งเมื่ อ ป พ.ศ.๒๕๓๖ ในสมั ย น.อ.สมนึ ก เยี่ ย มสถาน (ยศในขณะนั้ น ) ดํ า รง ตําแหนง ผบ.บน.๔๑ โดยสรางเปน ๒ แบบ คือ ๑. พระพุทธรูปบูชา “พระเจาแขงคม” ปางมารวิชัย บริเวณฐานดานหนามีตัวหนังสือ “พระปาตาลนอย (แขงคม)” สวนที่ฐานดานหลังมีตราสัญลักษณ บน.๔๑ สรางเปนเนื้อโลหะผสม ขนาดหนาตัก ๙ นิ้ว มีดวยกัน ๒ ชนิด คือ - ชนิดปดทอง สรางจํานวน ๑๕๐ องค - ชนิดปดรมดํา สรางจํานวน ๓๐๐ องค
๒. พระกริ่ง “พระเจาแขงคม” มีดวยกัน ๓ ชนิด คือ - ชนิดเนื้อเงิน ไมทราบจํานวน - ชนิดเนื้อนวโลหะ สรางจํานวน ๓,๐๐๐ องค - ชนิดเนื้อทองแดงกะไหลทอง สรางจํานวน ๒,๐๐๐ องค
วัตถุมงคลทั้ง ๒ แบบ มีพระคณาจารยในพิธีพุทธาภิเษกที่มีชื่อเสียงเปนที่รูจักกันดีของชาวเหนือ รวมปลุกเสกคือ - ครูบาไชยวงศา วัดพระบาทหวยตม อ.ลี้ จ.ลําพูน - พระอาจารยเปลี่ยน วัดอรัญวิเวก อ.แมแตง จ.เชียงใหม - พระอาจารยทอง วัดร่ําเปง อ.เมือง จ.เชียงใหม - ครูบาดวงดี วัดทาจําป อ.สันปาตอง จ.เชียงใหม - ครูบาอิน วัดฟาหลั่ง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม (อานตอฉบับหนา)
อ.แมน ผู เ ขี ย น เ ป น ข า ร า ช ก า ร บํ า น า ญ ข อ ง กองทั พ อากาศ ช ว งครึ่ ง หลั ง ของชี วิ ต รั บ ราชการ ไดรับบรรจุเปนอาจารยโรงเรียนนายทหารอากาศ อาวุ โ ส หลั ง จบจาก รร.เสนาธิ ก ารทหารอากาศ รุน ๓๒ เลยเปนอาจารยอยูนานถึง ๑๗ ป จนเปน ปูโรงเรียน ไดรับสมญานามวา “อ.แมน” ตลอดมา และเหตุที่ใชชื่อเรื่องนี้วา “เข็มขัดสั้น” เพราะ เหตุการณที่เลาตอไปนี้ ผูเขียนไดประสบเหตุการณ “อยางคาดไมถึง” นั่นเอง ผูเขียนจะออกกําลังกายในบริเวณชุมชน เปรมประชากับสมาชิ กเกือบทุกวัน (บานพักของ ผู เ ขีย น) และมั ก จะไปออกกํ า ลั ง กายกั บ เพื่ อนฝู ง และกลุมลูกศิษย ณ สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ บริ เ วณด า นทิ ศ เหนื อ ของ บก.ทอ.ในวั น อาทิ ต ย เกือบทุกสัปดาหชวงเชามืดทั้งนี้เพราะอากาศดีมาก สดชื่น มีตนไมนานาชนิด มีปลาในบึงใหญนานาชนิด แถมยังมีเสียงตามสายภายในสวนสุขภาพที่มีสาระ นารู จึงทําใหเพลิดเพลินกับธรรมชาติ และไดพบปะ พู ด คุ ย กั บ รุ น พี่ เพื่ อ นๆ และรุ น น อ งๆ ผู ค นที่ มี อุ ด มการณ เ ดี ย วกั น คื อ ชอบออกกํ า ลั ง กาย ซึ่ ง ขณะที่ออกกําลังกายเดินหรือวิ่งจึงไมรูสึกเหนื่อย
แต อ ย า งไรก็ ต ามเหตุ ก ารณ ที่ ค าดไม ถึ ง นี้ เ กิ ด ขึ้ น ในชวงตอนเชาของวันอาทิตยที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๔ เวลาเกือบ ๗.๐๐ น. หลังจากที่ผูเขียนออกกําลังกาย เดิ น บา งวิ่ง บ า งไดเ กื อบ ๔ รอบใหญ ข องทางเดิ น ในสวนสุ ข ภาพแล ว ก็ แ ยกกั บ กลุ ม ไปที่ เ ครื่ อ ง ออกกําลังกายสนามกลางแจง เพื่อโหนตัวแลวจะได เดินกลับไปที่รถเพื่อกลับบาน ผูเขียนรูสึกเมื่อยตัว อยากดัดหลัง (ภายหลังทราบจากแพทยวาจากการ x-ray พบกระดูกสันหลังงอกมาเชื่อมติดกัน ตั้งแต บริ เ วณคอมาถึ ง หน า อกจะทํ า ให มี อ าการเมื่ อ ย เมื่ อ ออกกํ า ลั ง กายมากๆ) ขณะที่ เ ดิ น ผ า นเครื่ อ ง ออกกํ า ลั ง กายสํ า หรั บ ยึ ด พื้ น มี ค วามสู ง ๓ ระดั บ พื้นลางของฐานเครื่องเลนเปนพื้นคอนกรีต จึงเขา ไปนั่งบนระดับที่สูงที่สุดประมาณ ๗๐ เซนติเมตร แล ว หงายหลั ง เพื่ อ ดั ด หลั ง ทั น ใดนั้ น “เหตุ ก ารณ เข็มขัดสั้นหรือคาดไมถึง” ก็เกิดขึ้น ผูเขียนหัวพุงลง ไปกระแทกกับพื้นคอนกรีตฐานของเครื่องออกกําลังกาย ตีลังกาแลวหงายทองไปนอนหงาย ทุกอยางเกิดขึ้น อยางรวดเร็วมาก ผูเขียนไมสามารถขยับตัวไดเลย มี อ าการมึ น งงและชาปลายมื อ ปลายเท า ทั น ที พยายามจะลุ ก ขึ้ น นั่ ง แต ไ ม ส ามารถทํ า ได ไ ม รู ว า
เรี่ยวแรงหายไปไหนหมด มีผูชายคนหนึ่งผานมา พอดีถามวา “พี่เปนอะไรไปครับ” ผูเขียนจึงตอบไปวา “หัวทิ่มโหมงโลกและตีลังกา อยากลุกนั่งจังเลยครับ” ชายคนนั้นตรงเขามาประคองเพื่อจะใหลุกนั่งตามที่ ผูเขียนขอความชวยเหลือ แตไมไหวและขณะขยับตัวมี เสี ย งกระดู ก ลั่ น ดั ง กรึ๊ บ จึ ง วางนอนลงในท า เดิ ม พร อ มกั บมี เ สี ย งใกล ๆ ของผู ห ญิ ง ถามว า “พี่ เ ป น อะไรคะ” ผูเขียนก็ตอบเชนเดียวกับตอบผูชายคนแรก เสียงเธอบอกวาใหนอนนิ่งๆ อยาขยับอะไรทั้งสิ้น ธรรม
ผู เ ขี ย นคุ น เสี ย งจึ ง หั น ไปมองหน า ผู ห ญิ ง คนนั้ น จึ ง ทราบว า เจ า ของเสี ย ง คื อ น.ท.หญิ ง ปราณี เหมือนสินธ พยาบาลของ รพ.ภูมิพลฯ ชื่อเลนวา ปก ซึ่งเดิมเคยเปนผูรวมงานดาน ปจว.กองทัพอากาศ ไปตามตางจังหวัดดวยกัน ๒ – ๓ ครั้ง และก็ยังเปน ลูกศิษยของ รร.ครูทหาร และ รร.นายทหารอากาศ อาวุ โ สด ว ย ผู ช ายคนแรกบอกว า ผมจะโทรตาม รถโรงพยาบาลเกษมราษฎรเอาไหมครับ คุ ณปก บอกวาไมตองหรอกคะ ทานเปนทหารอากาศกําลัง จะติดตอประสานรถจาก รพ.ภูมิพลฯ มารับ พรอม โทรบอกอาการและให เ จ า หน า ที่ เ ตรี ย มอุ ป กรณ เคลื่ อ นย า ยที่ ถู ก ต อ งตามวิ ธี ก ารปฐมพยาบาล
ซึ่งเปนผลดีสําหรับผูปวยในเวลาตอมา ผูเขียนมีสติ ตลอดเวลา บอกหมายเลขโทรศัพทบานและภรรยา คุ ณ ป ก ช ว ยโทรศั พ ท ต ามพร อ มกั บ มอบกระเป า สตางค โทรศัพทใหกับคุณปกไว และรอประมาณ ๑๐ นาที รถพยาบาลก็ ม าถึ ง พร อ มอุ ป กรณ แ ละ เจ า หน า ที่ ทํ า การเคลื่ อ นย า ยไปโรงพยาบาลโดย คุณปกคอยกํากับการเคลื่อนยายตลอดเวลา ณ โรงพยาบาลภู มิ พ ลฯเมื่ อ ผู เ ขี ย นไปถึ ง ห อ งอุ บั ติ เ หตุ แพทย ห ญิ ง เกษริ น ทร พุ ฒิ โ ชติ แพทยเวรประจําวันนั้นซึ่งกําลังจะออกเวรพอดี แตทาน ก็ยังอยูดูแลผูปวยเปนอยางดี ทราบภายหลังวาทาน เปนอาจารยแพทยดีเดนของ รพ.ภูมิพลฯ ปนี้ ในชวงเวลา ที่ กํ าลั งยุ งกั นอยู คุ ณป กพบกั บนายแพทย ฉั ตรชั ย ยมศรีเค็ง และเชิญทานมาชวยดูแล คุณหมอแนะนําตัว วาเปนนายแพทยแตตองขอโทษที่แตงกายไมสุภาพ เพราะวาวันนี้ไมไดอยูเวรและเปนวันหยุดดวย ที่ทานมา รพ.วันนี้เพราะมาติวหนังสือกับกลุมเพื่อนๆ ที่กําลัง จะสอบเฉพาะทาง แลวคุณหมอฉัตรชัยและเพื่อนๆ ๓- ๔ คน ทําการตรวจอาการและดําเนินการรักษา โดยซั ก ถามผู ป ว ยถึ ง ความรู สึ ก ว า บาดเจ็ บ อยู ใ น ระดั บ ใด ผู เ ขี ย นยั ง ขํ า ตั ว เองไม ห ายว า เมื่ อ หมอ เอาปลายปากกาจิ้มที่บริเวณปลายเทา ปลายนิ้วมือ แลว หมอยังถามวา “แหลมไหม” ผูเขียนก็ตอบวา แหลมครั บ ทุ ก ครั้ ง ไป กว า จะเข า ใจว า แหลมคื อ เจ็ บ มากน อ ยแค ไ หน ก็ เ สี ย เวลาไปนิ ด หน อ ย หมอเองก็ ใ จเย็ น ถามผู ป ว ยจนเข า ใจ แล ว จึ ง ส ง ผูปวยไป X–Ray กระดูกคอ (ภริยากับลูกเลาวาเห็น ผล X–Ray แลวนากลัวเพราะกระดูกคอเคลื่อน ออกจากที่ ) และเพื่ อ ความมั่ น ใจก็ ส ง ไป X–Ray
Computer พบวากระดูกสันหลังสวนคอที่ ๕ และ ๖ หั ก จากนั้ น หมอฉั ต รชั ย ก็ ตั ด สิ น ใจดํ า เนิ น การ ผาตัด เพื่อดึงกระดูกคอใหเขาที่ ดวยวิธีการเจาะที่ บริเวณเหนือหูใสนอตเขาเหนือหู ๒ ขางใหยึดกับ กะโหลกของผูปวยทั้ง ๒ ขาง เพื่อเปนฐานและใส เครื่องถวงน้ําหนักเพื่อดึงคอ น้ําหนักสุดทายคือ ๔๐ ปอนด แลวคุณหมอบอกวาจะดึงใหกระดูกคอเขาที่ จะมีเสียงดังกรึ๊บกรับและจะเจ็บหนอยไมตองตกใจ ผูเขียนสามารถรับทราบแตไมเคยรูสึกเจ็บปวดอะไร เลย เพราะชาอยูตลอดเวลาอยูแลว เสียงหมอบอก พยาบาลให ช ว ยโกนผมบริ เ วณเหนื อ หู ใ ห เ กลี้ ย ง ทั้งสองขาง “หูเหอเอาออกใหหมด” ผูเขียนสะดุง เล็กนอยยังสัพยอกกับพยาบาลวา “หนูๆ เวนใบหู สักหนอยนะครับ” เมื่อทําการดึงคอเสร็จ ก็นําผูปวย ไปหองผาตัดดึงกระดูกใหเขาที่และ X–Ray อีกครั้ง ผลคื อ กระดู ก คอเข า ที่ แขนขาเริ่ม ขยั บ ได / แล ว คุณหมอฉัตรชัยรายงานตอ ร.อ.น.พ.รหัท จารยะพันธุ แพทยเวรเพื่อติดตอ อาจารยแพทย ธนัตย วัลลีนกุล ผูเชี่ยวชาญเรื่องผาตัดกระดูกสันหลังมาทําผาตัด ยึดกระดูกให แตตองตรวจ MRI เพื่อดูตําแหนง กระดูกหักใหมั่นใจกอน คุณหมอฉัตรชัยไดติดตอไป ยั ง ศู น ย ค อมพิ ว เตอร ย า นวั ด เสมี ย นนารี โชคดี เครื่องตรวจ MRI วางพอดีรถ รพ.ภูมิพลฯ จึงนํา ผูเขียนไปยังศูนยตรวจ MRI เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. ในระหวางนี้คุณหมอฉัตรชัยดําเนินการติดตอประสาน ไปยังหองผาตัด โชคดีที่หองผาตัดใหญวาง แตก็มี ปญหาวาเครื่องมือผาตัดชุดใหญไมสามารถนึ่งได ในวันหยุดราชการ เนื่องจาก โรงซักฟอกในวันหยุด Steam จะปด เมื่อกระบวนการซักผาเสร็จเรียบรอยแลว
และทางบริษัทออรโธพิเซียจะตองนําเครื่องมือผาตัด ไปนึ่งที่ รพ.บีแคร โดยผูปวยตองเสียคาใชจายเอง คุณหมอฉัตรชัยแจงไปยังลูกชาย (น.ต.กษิดิ์เดช) วา เครื่องมือผาตัดไมพรอม ถาจะตองดําเนินการผาตัด วั น นี้ จ ะต อ งเสี ย ค า ใช จ า ยในการนึ่ ง เครื่ อ งมื อ เอง และในขณะนั้นพยาบาลเวรหองผาตัด ไดประสาน ไปยังหัวหนาพยาบาลหองผาตัด ภายหลังทราบวา เปน น.ท.หญิง นพวรรณ กองสัมฤทธิ์ ซึ่งอดีตเปน ลูกศิษย รร.นอส.ฯ ของผูเขียนและเปนผูประสาน กั บ น.ท.หญิ ง จรรจริ น ทร แก ว นพรั ต น หั ว หน า โรงซั ก ฟอกและเป น อดี ต ลู ก ศิ ษ ย ข องผู เ ขี ย น เชนเดียวกัน ซึ่งพอไดรับทราบก็รีบจัดเจาหนาที่มา เปด Steam ใหดวนภายในครึ่งชั่วโมงก็สามารถนึ่ง เครื่องมือผาตัดเรียบรอย พรอมที่จะผาตัดในคืนนั้น ได ทุก อยา งจึ ง ราบรื่ น เมื่อถึ ง เวลาทุกอย า งพรอ ม หองผาตัดพรอม เครื่องมือผาตัดพรอม ทีมแพทย ประกอบดวย อาจารยแพทย ธนัตย, น.พ.ฉัตรชัย, น.พ.ณัฐวงค, น.พ.พงศธร, และ ร.อ.น.พ.รหัท เมื่อ ผูเขียนกลับมาจาก MRI จึงดําเนินการผาตัดเมื่อเวลา ๒๐.๓๐ นาฬิกา ในคืนวันที่ ๒๔ เม.ย.๕๔ จนกระทั่ง เวลา ๐๓.๓๐ นาฬิกาจึงออกจากหองผาตัด มีลูกชาย (น.ต.กษิ ดิ์ เ ดช แม น สงวน รองผู ฝู ง ขั้ น ปลาย รร.การบิ น ) เฝ า รออยู ห น า ห อ งผ า ตั ด โดยมิ ไ ด หลับนอนเลย หลังผาตัดเสร็จเรียบรอยก็เขาพักฟน อยูอาคารคุมเกลาชั้น ๕/๑ เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ นาฬิกา ผูเขียนก็ตื่นขึ้นมา เมื่อรูสึกตัวขึ้นมาก็รูวา มีอะไรเต็มปากเต็มคอพูดไมได มีอาการอึดอัดขณะที่ พยาบาลกํ า ลั ง เตรี ย มเสี ย บสายอะไรต อ มิ อ ะไร อยูนั้น ผูเขียนสามารถยกแขนขึ้นได ลูกชายขอบคุณ
ทีมพยาบาลและเจาหนาที่ทุกคนแทนผูเขียน เพราะ หมอใส ท อ และเครื่ อ งช ว ยหายใจ ทํ า ให พู ด ไม ไ ด ทําไดแตนอนทําตาปริบๆ ลูกชายเลาวา คุณหมอ บอกว า ประมาณ ๐๖.๐๐ นาฬิ ก า พ อ จึ ง จะตื่ น (คิ ด ดู ผู เ ขี ย นแข็ ง แรงแค ไ หน) ผู เ ขี ย นประทั บ ใจ ลูกชายมากเพราะเมื่อขยับตัวลูกก็จะถามวา พอจะ เอาอะไร ตลอดเวลา ๓ คืนที่เฝาไขลูกไมไดนอนเลย อยากขอบใจลู ก ชายมากๆ ที่ เ ป น ลู ก คนเดี ย วแต ดู แ ลพอ เปน อย า งดี คุ ณ เพ็ ญ จั น ทร ภริ ย าผูเ ขี ย น ก็ ม าสั บ เปลี่ ย นเวรเฝ า ตอนกลางวั น ให ลู ก ชาย กลั บ ไปนอนตอนเช า ผู เ ขี ย นรู สึ ก รํ า คาญเครื่ อ ง ช ว ยหายใจมากอยากให คุ ณ หมอเอาออกแต มี แพทยทานหนึ่งชื่อ คุณหมอจุมพจน โสอินทร เปน เพื่อนเรียนผูฝูงพรอมกับลูกชาย แวะมาเยี่ยมและ บอกกั บ ผู เ ขี ย นให คุ ณ ลุ ง ฝ ก หายใจไว มี ค นไข หลายคนเสียชีวิตเพราะเมื่อถอดเครื่องชวยหายใจ ออก จะเสีย ชีวิตเพราะหายใจไม เ ปน ผูเ ขียนเลย นอนไม ห ลั บ ทั้ ง คื น เพราะมั ว แต ห ายใจ ถ า หลั บ เมื่อไหรเครื่องชวยหายใจจะมีเสียงดังติ๊งๆ ก็ตองตื่น ขึ้ น มาหายใจแรงและยาวเครื่ อ งช ว ยหายใจจึ ง จะเงี ย บ เกรงว า “จะตายง า ยไป เลยตื่ น หายใจ ตลอดเวลา” จนวันอังคารที่ ๒๖ เม.ย.๕๔ แพทย ไดนําเครื่องชวยหายใจออกและใหออกซิเจนไวให หายใจเองผานทอชวยหายใจ “เฮอ โลงอก หายใจ เองไดรอดตายแลวเรา” เมื่อวันพุธที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ แพทย ได ถ อดท อ ช ว ยหายใจออกในตอนสายและให หนากากออกซิเจนไวแลวยายผูเขียนขึ้นไปอาคาร พิเศษชั้น ๑๑/๒ ห อง ๑๑๓๖ ผูเ ขีย นเริ่มแข็ง แรง
และฟ น คื น สภาพได ค อ นข า งเร็ ว เพราะแพทย ไ ด เริ่มทํากายภาพบําบัด ตั้งแตวันที่ ๒ ของการนอน อยู ชั้ น ๕/๑ และส ง ไปทํ า กายภาพบํ า บั ด ที่ แ ผนก เวชศาสตรฟนฟู ทุก วัน จนกลับบา น และหลังออก จาก รพ. ภริ ย าและลู ก ชายได ไ ปขอคํ า แนะนํ า ทํากายภาพบํา บัดจาก คุณลิ ขิต วังศานุจ ซึ่งเปน พี่ชายภริยา
จากการที่ญาติโยมพี่ๆ นองๆ เพื่อนฝูงและ อดีตลูกศิษยแวะมาเยี่ยมใหกําลังใจผูเขียนมากมาย ผู เ ขี ย นต อ งกราบขอบพระคุ ณ ทุ ก ๆ ท า น ทั้ ง ที่ เอยนามและไมไดเอยนามไว ณ ที่นี้ โดยโรงพยาบาล ภูมิพลอดุลยเดช ภายใตการนําของ พล.อ.ต.นายแพทย ชู พั น ธุ ชาญสมร ซึ่ ง เป น ผู อํ า นวยการในขณะนี้ (ทานเปนเพื่อนรวมรุน รร.สธ.ทอ. รุน ๓๒ กับผูเขียน) และทานยังไดแวะมาเยี่ยมดวย ผูเขียนใชเวลานอน พักรักษาตัวใน รพ.เปนเวลานาน ๒๐ วัน แพทยจึง อนุญาตใหไปพักฟนตอที่บานได ผูเขียน ภริยาและ ลูกชายตลอดจนญาติพี่นองและเพื่อนฝูงที่ทราบถึง การใหบริการที่ยอดเยี่ยมทันทวงทีของโรงพยาบาล ทีมแพทย พยาบาลและเจาหนาที่ ในหองอุบัติเหตุ, แผนก X–Ray, หองผาตัด, ชั้น ๕/๑, ชั้น ๑๑/๒
ผูเขียนและทุกคนที่ไดรับบริการจากโรงพยาบาล ภูมิพลอดุลยเดช อยางนี้แลว ตางก็ซาบซึ้งติดตา ตรึงใจไปอีกนาน เพราะการใหบริการดีขึ้นอยางมาก ทั้ ง ยั ง ตั ด ขั้ น ตอนที่ ไ ม จํ า เป น ออกทํ า ให บ ริ ก ารได อยางรวดเร็วและสะดวกขึ้น สมกับที่หนาตึกคุมเกลา ชั้ น ๒ เขี ย นวิ สั ย ทั ศ น ไ ว ว า โรงพยาบาลตติ ย ภู มิ ระดั บ สู ง และสถาบั น ฝ ก อบรมที่ มี คุ ณ ภาพระดั บ ประเทศ ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ผูเขียนไดรับการผาตัด มาเกือบ ๓ เดือนแลว สภาพรางกายทุกอยางดีเกิน ๙๐ เปอรเซ็นต เริ่มเดินไดเมื่อครบ ๒ สัปดาห หลังการ ผ า ตั ด และเมื่ อ ครบเดื อ นได ม าตรวจตามนั ด คุณหมอธนัตยดีใจมากอุทานวา “อาว เดินไดแลว หรือครับ ชวยเดินใหหมอดูอีกครั้งสิครับ” ผูเขียน ก็ยืดอกกาวเดินแบบที่เรียกวาสมารทที่สุด เพื่อให หมอดูดวยความภาคภูมิใจในผลการรักษา
ชีวติ คนนั้นมีคา มหาศาล เพราะประมาทเกือบดับดิน้ สิน้ กมล ไมควรเจ็บกลับเจ็บปวยแทบมวยมอด มีโอกาสจึงเลาเรือ่ งไวเตือนกัน
ที่ เ ล า มาทั้ ง หมดนี้ ไ ม น า เชื่ อ ว า เมื่ อ วั น ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๔ ตอนเชามืดเวลาประมาณตีสี่ กวาๆ ผูเขียนตื่นนอนแลวหลังจากลางหนาแปรงฟน เสร็ จ ก็ เ ปลี่ ย นเป น ชุ ด กี ฬ า เสี ย บไฟหุ ง ข า วและ ลา งหม อ ล า งจานเครื่อ งครั ว รอจนตี ห า ครึ่ ง ก็ อ อก จากบานขับรถไปยังสวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ดานทิศเหนือ บก.ทอ.และไดประสบอุบัติเหตุจาก เลนเครื่ องออกกํา ลัง กายผิดวิธี โดยไมทัน ไดอา น ปายคําแนะนําจึงทําใหเกิดอุบัติเหตุขึ้น หากไมได รับการปฐมพยาบาล การเคลื่อนยายที่ถูกตอง การ ตรวจรักษาภายใน ๖ ชั่วโมง ซึ่งเปนชวงนาทีทองและ ได รั บ การผ า ตั ด อย า งทั น ที อาจทํ า ให เ กิ ด ความ พิการหรือเปนมนุษยลอได เรื่องนี้จึงเปนที่มาของ “เข็มขัดสั้น” หรือ “คาดไมถึง” นั่นเอง
จะทําการสิง่ ใดใชเหตุผล ตองทุกขทนเจ็บกายอยูห ลายวัน บุญชวยรอดปลอดภัยคลายดังฝน เหตุเพราะเข็มขัดสัน้ วันนัน้ เอย
พ.ร.บ.สุ ข ภาพแห ง ชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๒ ระบุวา บุคคลมีสิทธิทําหนังสือแสดง เจตนาไมประสงคจะรับบริการสาธารณสุขที่เปน ไปเพียงเพื่อยืด การตายวาระสุดทายของชี วิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บปวย มีผลบังคับใช ไปเมื่อวันที่ ๒๐ พ.ค.๒๕๕๔ สิทธิปฏิเสธการรักษา หรือสิทธิการตาย ตามกฎหมายดังกลาวหมายถึง การทําหนังสือ แสดงเจตจํานงไวลวงหนา วาจะไมขอรับบริการ สาธารณสุ ข เพื่ อ ยื ด การตายในวาระสุ ด ท า ย ของชีวิต หรือเพื่อยุติความทรมาน ปจจุบันมีกฎหมายหลายประเทศที่รับรอง สิทธินี้ เชน สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย เดนมารก สิงคโปร ฯลฯ ตามปกติเ มื่ อผูปว ยอยูในภาวะปว ยหนั ก โดยเฉพาะในวาระสุดทายของชีวิต ที่การรักษาทําเพียง เพื่อยืดอายุไดอีกเพียงไมกี่ชั่วโมง หรือไมกี่วัน และ ไม มี ห นทางใดในการแพทย ที่ จ ะสามารถรั ก ษา เพื่อใหรอดชีวิตได
สวนใหญผูปว ยมักอยูในสภาพไม รูสึก ตัว การตัดสินใจจึง ขึ้นอยูกับ ญาติและแพทย ซึ่ ง อาจ ไมตรงกับผูปวย หรือการใหบริการทางการแพทย เช น ญาติ ต อ งการให ยื้ อ ชี วิ ต ไว แม ว า จะต อ งใช เครื่องชวยหายใจไปตลอด โดยที่ผูปวยไมรูสึกตัว อีกเลย เปนตน หลัก การของการใชสิท ธินี้คื อ เพื่อให ทุกฝาย ทั้งญาติและแพทย ไดปฏิบัติตามความ ตองการของผูปวย เพื่อการจากไปอยางมีคุณคา และศักดิ์ศรีความเปนมนุษย ซึ่งเปนสิทธิพื้นฐาน ของบุคคลที่จะมีสิทธิตัดสินในสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ชีวิ ต และรา งกายของตนเอง เพื่ อ ให เ สี ย ชี วิ ต อยางสงบ โดยไมถูกใชเทคโนโลยีทางการแพทย อยางไมสมควร สวนกฎหมาย ทําหนาที่ใหความตั้งใจบรรลุผล อยางถูกตอง และไมเกิดปญหาในภายหลัง จึงตองระบุ ขอปฏิบัติและคุณสมบัติอยางละเอียด สิทธิดังกลาวจะประกอบดวยหลายปจจัย คือ
คุณสมบัติของผูทําหนังสือ กฎหมายระบุวา ผู ที่ มี ส ติ สั ม ปชั ญ ญะบริ บู ร ณ ทุ ก คน สามารถทํ า หนังสือแสดงเจตนาไดคือ เปนผูที่มีสุขภาพแข็งแรง ผู สู ง อายุ หรื อ เป น ผู ป ว ยที่ ตั ด สิ น ใจด ว ยตนเอง ผูทําหนังสือควรมีอายุครบ ๑๘ ปบริบูรณ สวนเด็กอายุต่ํากวา ๑๘ ที่อยูในวาระสุดทาย จากโรคเรื้อรัง หรืออุบัติเหตุ ใหผูปกครองตัดสินแทน หรือถามความสมัครใจของเด็กในการทําหนังสือได การทํ า หนั ง สื อ สามารถเขี ย นเองเป น ลายลักษณอักษร หรือใชแบบฟอรมตามกฎกระทรวง ก็ได แตตองมีขอมูลบุคคลที่ทําหนังสือ เชน เลขที่ บัตรประชาชน ลายมือชื่อ ชื่อที่ติดตอ บุคคลใกลชิด วันเดือนปที่ทําหนังสือ พรอมดวยการลงชื่อของพยาน อาจเปนบุคคลใกลชิด ญาติพี่นอง หรือพยาบาล แตกฎหมายไมแนะนําใหแพทยเจาของไข ลงชื่อเปนพยาน เนื้ อ หาของหนั ง สื อ คื อ การระบุ ถึ ง วิ ธี ที่ ไมตองการใหใชในการรักษาในวาระสุดทาย เชน การเจาะคอเพื่อชวยหายใจ การกูชีพดวยการปมหัวใจ หรือ อยากกลั บบ า นเมื่ อวาระสุ ด ทา ย เป น ต น ซึ่ ง เนื้อหาหนังสือสามารถยกเลิก เปลี่ยนแปลง แกไขได โดยมอบหนังสือฉบับสุดทายแกผูใกลชิดเพื่อใหใช โดยมีขอยกเวนในหญิงตั้งครรภ และ การเจ็บปวยจากอุบัติเหตุอยางฉุกเฉิน ซึ่งแพทย ตองรักษาตามจรรยาบรรณอยางเต็มความสามารถ
แมวาจะมีการทําหนังสือ แตหลักสําคัญคือ การประเมินดวยแพทยวา อยูในวาระสุดทายของ ชี วิ ต เท า นั้ น ซึ่ ง วาระสุ ด ท า ยของชี วิ ต หมายถึ ง ภาวะการณเจ็บปวยจากโรคที่รักษาไมหาย หรือบาดเจ็บ อยา งรุ นแรง ซึ่งแพทยตอ งวินิจฉัยตามมาตรฐาน ทางการแพทยวา ภาวะดังกลาวจะนําไปสูการตาย อย า งหลี ก เลี่ ย งไม ไ ด และหมายถึ ง การสู ญ เสี ย หนาที่อยางถาวรของเปลือกสมองใหญ ที่ทําใหขาด ความสามารถในการติดตอสื่อสารอยางถาวร และ ไมสามารถตอบโตหรือรับรูใดๆ นอกจากปฏิกิริยา อัตโนมัติ สิ ท ธิ ก ารตาย จึ ง ไม ไ ด ห มายความว า การฆาตัวตาย หรือชวยใครฆาตัวตาย หรือให แพทย ห ลี ก เลี่ ย งการรั ก ษา แต ห มายถึ ง การ พนทุกขอยางสงบ
พล.อ.อ.เดชา หันหาบุญ
รถไฟตู โ บกี้ สั้น ๆ ที่ มี เ ก า อี้ นั่ง ที่ ล ะสองคน เรียงหันหนาไปทางหัวขบวนจอดอยูบนรางที่ขับเคลื่อน ด ว ยฟน เฟอ งขนาดใหญ ท อดยาวลาดชั น ไปตาม หนาผา ทุกคนนั่งเกาะเกาอี้ขณะที่โบกี้รถไฟเคลื่อน ไปตามรางช า ๆ ได ยิ น เสี ย งฟ น เฟ อ งเหล็กใตท อ ง รถไฟขบกั บ รางฟ ง เสี ย งดั ง เอี๊ ย ดอ า ด ตลอดเส น ทางซึ่ ง ตองหยุดเปนชวงๆ สองฝงของ รองเขาเปนเนินที่สูงชันมองเห็น โขดหิ น ที่ บ างช ว งปกคลุ ม ดวยตนไมขนาดตางๆ มองเห็น แพะภูเขาหลายตัวยืนเล็มหญา ตามเนินเขาทามกลางอากาศ ที่ ห นาวเย็ น จั ด มองเห็ น หิ ม ะ ขาวโพลนที่ ยั ง ปกคลุ ม ตาม ยอดเขาแม แ สงอาทิ ต ย จ ะเจิ ด จ า ก็ ไ ม ส ามารถ ละลายหิมะเหลานั้นใหละลายกลายเปนน้ําไดอยาง รวดเร็วเพราะระดับความสูงของภูเขาที่สูงเสียดฟา ซึ่ ง เมื่ อ ดวงอาทิ ตย ต กอากาศก็ จ ะกลั บ มาเย็น จั ด
อีกครั้ง ในยามค่ําคืน มองไกลไปขางหนาตามชองเขา เห็นรางรถไฟที่คดเคี้ยวไลเรียงไปจนถึงพื้นราบเลียบ แนวชายฝงแมน้ํารอยดอยูเบื้องหนา ทองน้ําสีคราม กลมกลื น กั บ ขอบฟ า ตั ด ด ว ยพื้ น ดิ น ชายฝ ง ที่ มี ทาเทียบเรือขนาดใหญซึ่งมีเรือหลากหลายขนาด
จอดเรียงรายอยางเปนระเบียบ นาจะเปนเรือสําหรับ ทองเที่ยวคมนาคมทางน้ํามากกวาเรือสินคา บานเรือน อาคารสิ่งปลูกสรางกระจายอยูตามไหลเขาที่พอจะ หาพื้นที่เหมาะสมได อีกฟากหนึ่งของชายฝงแมน้ํา
มองเห็นสนามบินขนาดเล็กที่มีเครื่องบินกําลังขึ้น ลงอยู สองสามลํ าซึ่ งน าจะเป นเครื่ องเช าเหมาลํ า สําหรับธุรกิจทองเที่ยวหรือฝ กบินพลเรือนเหมือนที่ สนามบินบอฝายหรือสนามบินบางพระในบานเรา รถไฟขบวนน อ ยๆ พาทุ ก คนถึ ง ที่ ห มาย ปลายทางโดยปลอดภัย แยกยายกันเขาไปในอาคาร สํานักงานของทาเรือซึ่งเปนอาคารชั้นเดียวสีขาว สะอาดตา ปายขนาดใหญเขียนดวยตัวอักษรภาษา อังกฤษสีขาววา PILATUS BAHN นักทองเที่ยวซื้อหา เครื่องดื่มรอนเย็นดื่มใหสดชื่นและใชบริการหองน้ํา กอนที่จะเดินออกไปที่ลานกวางหนาอาคารเพื่อหา มุมสวยๆ ถายภาพกอนที่จะเดินไปตามทางเลียบ ชายฝ ง แม น้ํ า และมี ส ะพานทอดยาวออกไปยั ง ทาเรือ เรือสองสามลําจอดรอผูโดยสารขณะที่อีก ลําหนึ่งกําลังจะออกจากทาเพื่อลองตามลําแมน้ํา กลับไปยังทาเรือในกรุงเบิรน เสียงตะโกนโหวกเหวก ของลูกเรือเรงใหผูโดยสารหลายคนที่หยุดถายรูป กันทุกสามสี่กาวเรงฝเทาใหทันเรือที่กําลังจะออก จากทาซึ่งก็ไดผลเพราะไมมีใครอยากรอเรือเที่ยว ตอไป เรือลองแมน้ํามีขนาดใหญบรรทุกผูโดยสาร ตามเก า อี้ นั่ ง ที่มี อยูป ระมาณสองร อยคน ชั้ น ลา ง เปนหองโดยสารที่มีกระจกรอบดานสําหรับผูโดยสาร ชั้นธรรมดา สวนชั้นบนสําหรับผูโดยสารที่ซื้อบัตร ชั้นหนึ่งแบงเปนสวนที่อยูในหองโดยสารที่มีกระจก กั้นโดยรอบ และสวนที่เปดโลงดานหัวเรือและทายเรือ ที่ มี ห ลั ง คาคลุ ม โต ะ และเก า อี้ สํ า หรั บ สี่ ค นตั้ ง ชิ ด แนวราวกั้นขอบเรือ สวนตรงกลางเปนโตะสําหรับ ผู โ ดยสาร ๖-๘ คน พนั ก งานชายในชุ ด กางเกง สีน้ําเงินเขม เสื้อแขนยาวสีฟาสด สวมหมวกสีน้ําเงิน
เดินตรวจบัตรโดยสาร และเชิญนักทองเที่ยวหลายกลุม ลงไปนั่งชั้น ลางตามที่ ซื้ อบัตรโดยสารชั้ นธรรมดา อาจจะโดยไมตั้งใจหรือมั่วนิ่มเพราะเห็นที่นั่งชั้นหนึ่ ง มีผูโดยสารไมมากนัก กลุมเหลานั้นหนาแตกไมรับเย็บ เดินผานโตะผูเขียนไปคงนึกวาหนาตาเอเชียอยางเรา ทําไมรวยนั่งชั้นหนึ่ง ชวยไมไดครับทานคนรวยทํา อะไรก็ไมนาเกลียด พนักงานเสิรฟหญิงรูปรางนองๆ เทพีช า งนํ า รายการอาหารมาให เ ลือกแล ว เดิน ไป ดูแลผูโดยสารโตะอื่นๆ อาหารมีใหเลือกไมมากนัก จึงรีบตัดสินใจชิงความไดเปรียบเพราะขืนชาไปกวา อาหารจะมาถึงที่หมายปลายทางพอดี เสียเงินแลว อดกินอีกตางหาก ไสกรอก แฮม ขนมปง สปารเกตตี้ และเครื่ อ งดื่ ม เย็ น อี ก สี่ ข วด ไม น านนั ก คณะของ ผูเขียนก็ไดรับประทานอาหารเปนโตะแรก ไมคอย อรอยเทาไรนัก แตกินแบบหรูหรานาอิจฉาก็แลวกัน เรือลองไปตามแมน้ํารอยดที่สองฝงมีบานเรือน ขนาดใหญบางเล็กบางเปนกลุมๆ ปลูกหลังพิงเขา หนาบานริมน้ําตามหลักฮวงจุย มีทางเดินคอนกรีต เชื่อมลัดเลาะไปตามริมแมน้ํา บางแหงเปนโรงแรม ที่พักของนักทองเที่ยวที่กําลังนั่งรับประทานอาหาร ตามโตะอาหารที่ตั้งริมเขื่อนอยางมีความสุข บางกลุม จํานวนสิบถึงยี่สิบคนรอขึ้นเรือโดยสารประจําทาง ที่จอดรับตามทาเรือหลายแหงที่ผานไป สองฝงแมน้ํา เปนเชิงเขาที่ปกคลุมดวยตนไมเขียวขจีลาดสูงขึ้น ไปสูยอดเขาที่บางยอดเขาที่สูงมากยังมีหิมะปกคลุม อยูบาง หิมะที่ละลายกลายเปนน้ําก็ไหลลงสูแมน้ํา เป น วั ฏ จั ก รต อ ไปไม จ บสิ้ น ใช เ วลาไม ถึ ง ชั่ ว โมง เรือเขาเทียบทาที่กลางกรุงเบิรน ใกลบริเวณที่ขึ้น รถโดยสารเมื่อเชานี้
ริมฝงแมน้ํารอยด
ผูเขียนเดินจากทาเรือตามถนนคนละฝงกับ ที่ทําการไปรษณีย ลัดเลาะตามถนนฝงทิศใตของ แมน้ํารอยด ผานทาเรือขนาดใหญที่มีผูโดยสารเดินขึ้น ลงขวักไขวจากเรือขนาดใหญหลายลําที่จอดเทียบทา และบางลําก็ออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง ที่แตกตาง มีรานขายของที่ระลึกตลอดแนวริมถนน ที่ขาดไมไดก็คือมีดพับ VICTORNOX หรือ Swiss Army หลากหลายขนาดติดแสดงตัวอยางเปนแผง พรอมมีปายบอกสนนราคาเรียบรอย อยาเพิ่งใจรอน รีบซื้อหากอยูในสวิตเซอรแลนดเกินหนึ่งวัน ใหดูแบบ ที่ชอบพรอมราคาเอาไวกอนเพราะทั่วทุกหัวระแหง มีขายแมแตบนยอดเขา สินคายอดนิยมอีกอยางหนึ่ง ก็คือกระเปาเปสารพัดแบบ กระเปาใสเงิน ซองมีด พกสารพัดแบบและขนาดที่ทําดวยวัสดุคลายผาใบ ที่ทําถุงทะเล ยี่หอ ALPHINE CLUB มีรูปหัวแพะภูเขา เปนสัญลักษณเครื่องหมายการคา ผูเขียนซื้อกระเปาเป กับกระเปาใสสตางคอยางละหนึ่งใบจากขางลาง พอไปเห็ น ราคาที่ ว างขายที่ ร า นขายของที่ ร ะลึ ก บนยอดเขาราคาถูกกวาหลายฟรังส เดินตามถนน เลียบแมน้ําที่มีรานคาชาวเมืองมาตั้งวางขายสินคา หลากหลายชนิด ประเภทเจาของนํามาขายเองจาก
แหลงผลิต ถามีเฉพาะพืช ผัก ผลไม เราก็จะเรียกวา FARMER MARKET ที่ในอเมริกาก็มีตลาดนัดเกษตรกร แบบนี้ ใ นวั น และเวลาที่ กํ า หนด ผู ค นในละแวก ใกล เ คี ย งรู กั น พอถึ ง เวลาก็ ขั บ รถยนต ม าจอด แลวจับจายซื้อหาสินคาประเภทตางๆ เอาไวกินไป ไดตลอดสัปดาห
FARMER MARKET ที่เมืองลูเซิรน
ผูเขียนสวมบทพระยานอยชมตลาดเดินชม ทุ ก แผงโดยเฉพาะขนมที่ ทํ า มาใหม ส ดจากเตา ขนมปงสารพัดแบบ โดนัท คุกกี้ แยมผลไม ไสกรอก แฮม เบคอน ขนมหวานสารพันอยางของฝรั่ง เรียกวา ของที่กินไดก็ทดลองลิ้มชิมรสแตไมไดซื้ออะไรเลย สักอยางไมมีใครวาหรอกครับเพราะเห็นสวนใหญ ก็ทําแบบนี้ทั้งนั้น แผงตอๆ ไปเปนจําพวกไมดอกไม ประดับตั้งแตกระถางเล็กๆ จนถึงขนาดสูงทวมหัวที่ แตละตนออกดอกสวยงามหลากสีสัน รานที่มีลูกคา อุดหนุนมากที่สุดเห็นจะเปนพืช ผัก ผลไม จากไร สดๆ ขนานแท ดอกกะหล่ํ า แครอท ผั ก ใบเขี ย ว หลายสิ บ ชนิ ด พริ ก สดสารพั ด ขนาดสี เ ขี ย ว แดง เหลือง จัด วางเรีย งอยา งเปน ระเบีย บ มะเขือ เทศ สีสันจัดจาน ลูกคาเลือกหยิบจํานวนตามตองการ
แลวสงใหคนขายชั่งน้ําหนักคิดราคาที่ติดไวซึ่งคิด น้ําหนักเปนปอนด ไขไกสดขนาดตางๆ ในแผงวาง ซอนกัน แตที่ไมคอยเห็นวางขายคือเนื้อสัตวประเภท ตางๆ อาจจะเปนเพราะดูหวาดเสียวหรือทําใหพื้น สกปรกงายก็เปนได ใชเวลาเดินสํารวจและถายรูป ไปเรื่อยกอนที่จะเดินขามสะพานเหล็กไปยังถนน เลียบฝงแมน้ําดานทิศเหนือแลวตัดเขาสูถนนแคบๆ ระหวางอาคารเกาสูงสองสามชั้นที่เปนรานคาสลับ ที่อยูอาศัย ถนนลาดขึ้นลงไปตามภูมิประเทศตาม ตรอกซอกซอยที่หามไมใหรถยนตผาน เดินตัดไปสู อาคารขนาดใหญที่เปนอาคารสํานักงาน อพารตเมนต ที่หมายคือรานอาหารไทยแหงหนึ่งที่พนักงานเสิรฟ รานอาหารเขมรที่ผูเขียนไปรับประทานเมื่อเย็นวานนี้ แนะนําวาอาหารอรอย นาแปลกที่ลูกจางรานอาหาร แหงหนึ่งบอกวาอยามารับประทานอาหารรานเขมร ที่เขาทํางานอยูเลย ใหไปรับประทานอีกรานหนึ่ง ที่ อ ยู ห ลั ง อาคารแห ง นั้ น ราคาถู ก สะอาด อร อ ย ถาเจาของรานเขมรที่เขาทํางานอยูรูเขามีโทษสถานเดียว คือไลออกแนนอน เดินลัดเลาะขางอาคารใหญที่อยู ไมไกลจากโรงแรมที่พักนักก็พบรานอาหารดังกลาว อยูในตึกสีขาว มีปายรานสีเขียวติดอยูวาเปนราน อาหารไทย ภายในรานมีโตะอาหารสี่หาโตะรองรับ ลูกคาไดเต็มที่ไมนาจะเกิน ๕๐ คน กลุมทัวรคนไทย ธรรมชาติ
ประมาณยี่ สิ บ คนรั บ ประทานอาหารเสร็ จ กํ า ลั ง คิดเงินและออกจากรานไป ผูเขียนเลือกนั่งโตะเล็กๆ หน า ร า นริ ม ถนนที่ ไ มกี ด ขวางคนที่ เ ดิน ผา นไปมา พร อ มสั่ ง อาหารไทยสามสี่ อ ย า งประเภทรสเด็ ด เผ็ดจัดจานแมวาจะหางบานมาแคสามวันเทานั้นเอง ลูกคาในรานทยอยเดินออกมาตางหันมายิ้มใหและ กลาวทักทายเปนภาษาไทย พอผูเขียนกลาวสวัสดี ตอบเทานั้นแหละครับความเปนชาตินิยมวิ่งพลาน จับขั้วหัวใจของคนไทยทุกคนในตางแดน หลายคน เขามาพูดคุยถามถึงเหตุการณบานเมืองเพราะชวง ที่คณะของพวกเขาเดินทางกันมาเปนชวงที่ทางการ กํา ลั ง กระชั บพื้น ที่ ร าชประสงค กั น พอดี กอนที่ จ ะ เผาบ า นเผาเมื อ งกั น ฉิ บ หายวายวอดในคื น วั น ที่ ๑๙ พฤษภาคม คณะของผูเขียนรับประทานอาหารเย็น กันอยางเอร็ดอรอยหมดเกลี้ยงทุกอยางกอนจะจาย คาอาหารคิดเปนเงินไทยประมาณไมเกินสองพันบาท เงิ น ฟรั ง ส ส วิ ส ช ว งที่ เ ดิ น ทางไปอั ต ราแลกเปลี่ ย น ประมาณยี่ สิ บ เก า บาทเศษๆ ต อ หนึ่ ง ฟรั ง ส ส วิ ส เดินยอยอาหารกลับถึงโรงแรมที่พักและแยกยายกัน ตามอั ธ ยาศั ย เพราะอากาศภายนอกยั ง ไม มื ด เดินสํารวจพื้นที่ชมวิวทิวทัศนไดอีกนาน แตนัดกัน วาพรุงนี้เชาเวลา ๐๙๐๐ จะออกจากโรงแรมเพื่อ เดินทางไป Interlaken
มุมสุขภาพ
นายห่วงใย “เห็ด” แหลงอาหารโปรตีนจากธรรมชาติ ที่มีวิวัฒนาการมาจากการประสานเสนใยจํานวนมากของ เชื้อราชั้นสูง และที่นาสนใจคือ เห็ดนอกจากใหคุณคาทางโภชนาการแลว บางชนิดมีสรรพคุณทางยา อีกดวย เห็ดเปนอาหารที่ไมมีไขมัน มีน้ําตาลและเกลือต่ํา เปนแหลงโปรตีนที่ดี และยังอุดมดวยวิตามิน และเกลือแร คือ วิตามินบีตางๆ เชน ไรโบฟลาวิน และไนอาซิน ชวยควบคุมการทํางานของระบบยอยอาหาร ซิลิเนียม ที่มีสวนชวยตานอนุมูลอิสระ ลดความเสื่อมของเซลล โปแตสเซียม ทําหนาที่ควบคุมจังหวะการเตน ของหัวใจและการเผาผลาญสารอาหารระดับเซลล ชวยควบคุมการทํางานของระบบประสาท เปนตน “เห็ด” ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีมากถึง ๑๔๐,๐๐๐ สายพันธุ แตมีเห็ดเพียงไมกี่ชนิดที่ถูกขนานนามวาเปน “เห็ดทางการแพทย” (Medicinal Mushrooms) เพราะสามารถใหสรรพคุณทางยา ทั้งชวยปองกันและ ใชในการรักษาโรคได ตอมาจึงมีการศึกษาวิจัยและไดนํามาใชกับการแพทยทางเลือก ใน “เห็ดทางการแพทย” (Medicinal Mushrooms) มีองคประกอบสําคัญที่ชื่อวา “โพลีแซคคาไรด” ซึ่ ง ช ว ยกระตุ น การทํ า งานของระบบภู มิ คุ ม กั น ของร า งกาย ช ว ยเสริ ม ประสิ ท ธิ ภ าพของเซลล คุ ม กั น ตามธรรมชาติ ใหทําหนาที่ทําลายเซลลแปลกปลอมที่เขามาในรางกายไดอยางทันทวงที
เห็ดที่มีปริมาณสารโพลีแซคคาไรดสูง ไดแก เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม เห็ดไมตาเกะ เห็ดยามาบูชติ าเกะ หรือเห็ดปุยฝาย เห็ดหลินจือ ถั่งเฉา เห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะ เห็ดแครง ฯลฯ สงผลใหเห็ดเหลานี้มีสรรพคุณ ทางยา ชวยเสริมภูมิคุมกันรางกายและชวยเสริมการทํางานของอวัยวะสําคัญตางๆ เชน หัวใจ ปอด ตับ ไต ใหทํางานไดดีขึ้น ประโยชนทางการแพทยของเห็ดชนิดตางๆ มีดังนี้ เห็ดชิตาเกะหรือเห็ดหอม เปน เห็ดหอม ยาอายุ วั ฒ นะ ช ว ยลดไขมั น ในเส น เลื อ ด อี ก ทั้ ง ยั ง เพิ่ ม ภู มิ คุ ม กั น ต อ เชื้ อ ไวรั ส และ ชวยตานเซลลมะเร็ง ชวยลดความเปนกรด ในกระเพาะอาหาร ชวยบํารุงกําลัง บรรเทา อาการไข ห วั ด ชาวจี น ยกให เ ห็ ด ชิ ต าเกะ เปนอาหารตนตํารับ “อมตะ” เห็ ด หลิ น จื อ มี คุ ณ สมบั ติ เ ด น ที่ ชวยตานอนุมูลอิสระ ชวยปรับกลไกกระตุน ภู มิ คุ ม กั น ลดการติ ด เชื้ อ ไวรั ส และช ว ย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อราย จึงอาจกลาวไดวา ชวยตานการเติบโตของเซลลมะเร็ง เห็ดไมตาเกะ มีสารอาหารที่เปนประโยชนตอสุขภาพมากมาย แตที่นาสนใจคือ มีโพลีแซคคาไรด ที่ชวยควบคุมระดับน้ําตาลในเลือด จึงมีคุณสมบัติปองกันโรคเบาหวานไดอีกดวย เห็ดยามาบูชิตาเกะหรือเห็ดปุยฝาย มีกรดอะมิโนอยู ๑๖ ชนิด และมีสารแลนติแนน ซึ่งมีผลตอ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุมกันในรางกายใหสูงขึ้น อีกทั้งยังชวยเรงการสรางสารภูมิคุมกัน ประโยชนมากมายจนนาอัศจรรยกันเลยทีเดียว แตที่แนๆ คือ “เห็ดทางการแพทย” (Medicinal Mushrooms) ที่กลาวมาทั้งหมดนี้ ลวนชวยเสริมภูมิคุมกันรางกาย อยากมีภูมิคุมกันดี แนะนําใหกิน “เห็ด” โดยเฉพาะอยางยิ่ง “เห็ดทางการแพทย” ☺☺☺ เอกสารอ้างอิง : 1. www.เห็ดทางการแพทย์.net 2. http://www.mushroom.msu.ac.th 3. http://www.dmsc.moph.go.th/webroot/secretary/Homepage/news46/July/8.html ขอขอบคุณ ศ.(เกียรติคุณ) น.พ.จอมจักร จันทรสกุล
น.อ.เกษม พงษพันธ เมื่อทานไปในงานศพ ไมวาจะเปนงานสวด พระอภิธรรม งานบําเพ็ญกุศล พิธีฌาปนกิจศพ พิธี พระราชทานเพลิงศพ ตลอดถึงพิธีทําบุญอุทิศอื่น ๆ ทา นจะได ยิน พิ ธี ก รพู ดถึ ง คํ า ว า ทอดผ า บั ง สุ กุ ล หรือทอดผามหาบังสุกุล อยูเสมอ ยกตัวอยางเชน “กอนจะไดเรียนเชิญทานประธานในพิธีประกอบพิธี สืบตอไป คณะเจาภาพขอเรียนเชิญทานผูมีเกียรติ ทอดผาบังสุกุล (หรือบางแหงบอกวา “ทอดผา” เฉย ๆ ดังรายนามตอไปนี้ อันดับแรกขอเรียนเชิญ...” แลว เรียนเชิญผูมีเกียรติทอดผา ตามความประสงคของ เจาภาพ จะเปนจํานวนมากนอยเทาใดแลวแตเจาภาพ หรื อ ผู เ กี่ ย วข อ งจะกํ า หนด การเชิ ญ จะเชิ ญ โดย เรี ย งลํ า ดั บ จากผู มี อ าวุ โ ส หรื อ คุ ณ วุ ฒิ วั ย วุ ฒิ ชาติ วุ ฒิ ตลอดถึ ง ยศตํ า แหน ง จากต่ํ า ไปหาสู ง แม ก ารนิ ม นต พ ระขึ้ น พิ จ ารณาผ า บั ง สุ กุ ล ก็ นิ ย ม นิ ม นต เ รี ย งตามลํ า ดั บ เช น นี้ เ หมื อ นกั น ซึ่ ง ทาง คณะสงฆก็ยอมรับ การทอดผ า บั ง สุ กุ ล เป น การปฏิ บั ติ ต าม กิ จ ของสงฆ ที่ พ ระพุ ท ธเจ า ทรงอนุ ญ าตให ภิ ก ษุ ปฏิบัติ มี ๔ อยางคือ เที่ยวบิณฑบาต อยูอาศัยตาม
โคนต น ไม นุ ง ห ม ผ า บั ง สุ กุ ล และฉั น ยาดองด ว ย น้ํามูตรเนา (น้ําปสสาวะ) การนุ ง ห ม ผ า บั ง สุ กุ ล มี ม าตั้ ง แต ค รั้ ง พุ ท ธกาล ที่ พ ระภิ ก ษุ ส ว นมากต อ งแสวงหาผ า ที่ เขาทิ้งแลวจากกองขยะ หรือจากปาชา มาเย็บยอม ทําจีวร สบง และผาอื่น ๆ ใช ผาเหลานี้สวนใหญ จะเป อ นฝุ น หรื อ สกปรก บางที ก็ เ ป น ผ า ที่ ห อ ศพ จึงเรียกวาผาบังสุกุล ซึ่งแปลวา ผาเปอนฝุน ในปจจุบันพิธีทอดผาบังสุกุล ใชเรียกผาที่ ภิกษุชักจากศพ หรือผาที่ทอดไวที่หนาศพ หรือผาที่ ทอดบนดายสายสิญจน ตลอดถึงผาที่ทอดบน ผา ภู ษ าโยงที่ ต อ มาจากศพ หรื อ อั ฐิ หรื อ รู ป ถ า ย โดยในขณะทอดผ า ผู ท อดควรตั้ง จิ ตพิจ ารณาว า นามะรูปง อะนิจจัง นามะรูปง ทุกขัง นามะรูปง อะนัตตา แลวทอดผา พระภิกษุก็จะมาพิจารณา ด ว ยบทกรรมฐานว า อะนิ จ จา วะตะสั ง ขารา อุ ป ปาทะวะยะธั ม มิ โ น อุ ป ช ชิ ต วา นิ รุ ช ฌั น ติ เตสัง วูปะสะโม สุโข พระจะสวดเปนภาษาบาลี แตถาจะแปลก็แปลวา สังขารทั้งหลาย ไมเที่ยง หนอ มี ก ารเกิ ด ขึ้ น และเสื่ อ มไปเป น ธรรมดา
การเขาไปสงบระงับสังขารทั้งหลายเหลานั้น เป น ความสุ ข ซึ่ ง ในเวลาพระท า นเปล ง ถ อ ยคํ า หรือสวดบทนี้ ผูทอดผาหรือผูรวมพิธีตองประนมมือ ฟ ง ด ว ย เพราะพระท า นสอนคนเป น ผู ท อดผ า ตลอดถึงเจาภาพ มิใชการสวดเพื่อสงวิญญาณให คนตายขึ้ น สวรรค อ ย า งที่ บ างคนเข า ใจ เพราะ พระสงฆไม อาจสวดให ใครขึ้ นสวรรคได หากเขา เหลานั้นไมสนใจ โดยเฉพาะอยางยิ่งไมศรัทธาเชื่อถือ ในพระธรรมคําสอนตลอดถึงพระสงฆองคเจา
พิธีทอดผาบัง สุกุลนี้ มีนัยที่ควรพิจารณา บางบางประเด็นที่กลาวมาแลวก็สวนหนึ่ง แตนัยหนึ่ง ที่ควรพิจารณาก็คือ ผูทอดผานั้นทําพิธีการแทนศพ หรื อ อั ฐิ ข องผู ใ ดใครก็ ต าม การทอดผ า ลงบน สายสิญจน หรือผาภูษาโยง จึงเสมือนวางลงบนศพ หรืออัฐิ หรือวางลงในมือศพ ประหนึ่งตองการใหศพ ได ป ระกอบบุ ญ กุ ศ ลจนนาที สุ ด ท า ยก็ ป านกั น เพราะพระสงฆ เ มื่ อ พิ จ ารณาพระกรรมฐานหรื อ พิจารณาเมื่อจับผาก็ใชบทวา อะนิจจา วะตะ สังขารา ซึ่งก็คือบทพิจารณาสังขารนั่นเอง ผูที่ไดรับเชิญขึ้น ทอดผา จึงควรคํานึงวา ไดประกอบพิธีที่สําคัญยิ่ง ทั้ ง ควรตั้ ง ใจทํ า พิ ธี ใ ห ถู ก ต อ งครบถ ว น และด ว ย
เจตนาที่เปนกุศล เพื่อใหเกิดบุญกุศลแกผูลวงลับ และคณะเจาภาพใหมากที่สุดเทาที่จะทําได อีกประการหนึ่ง การที่เจาภาพจะเชิญผูใด ขึ้นทอดผา หรือเปนประธานในพิธีก็ตามที เขายอม พิจารณาอยางถี่ถวนเทาที่เวลาและโอกาสจะอํานวย ซึ่ ง ก็ คิ ด ว า เลื อ กผู ที่ มี ค วามเหมาะสมมากที่ สุ ด หากจะพลั้ ง เผลอผิ ด พลาดไปบ า ง (ซึ่ ง พบเห็ น อยูบาง) ก็ไมควรถือสา วากลาวจนเสียหาย เพราะ ปุถุชนคนทํางาน ประกอบกับเวลาแหงความสูญเสีย บุค คลอั น เป น ที่ รั ก ย อ มมี ห ลายสิ่ ง หลายประการ ประดังพรั่งพรูเขามา อยางไรเสียก็ถือหลักวา “หาก ไมมีการใหอภัยผิด และไมคิดจะลืมซึ่งความหลัง สามัคคีคงเกิดยากลําบากจัง ความผิดพลั้งยอม มีทั่วทุกตัวคน” จะเปนการดีอยางยิ่งยวด
พิ ธี ก ารบั ง สุ กุ ล นี้ นอกจากจะใช ทํ า พิ ธี สําหรับคนตายแลว ยังนิยมทําใหคนเปน ๆ อีกดวย เรียกวา บังสุกุลเปน ทําสําหรับผูที่ถูกทํานายทาย ทักวามีเคราะหชะตาขาด หรือถึงขั้นหมดอายุ หรือ ปวยหนัก เปนการบังสุกุลพิเศษเพื่อเอาเคล็ดหรือ แก เ คล็ ด วิ ธี ทํ า ก็ คื อ ให ค นที่ จ ะทํ า พิ ธี น อนหงาย ประนมมือเหมือนคนตาย แลวใชผาขาวคลุมรา ง
ผูนั้นใหมิดทั้งตัว พระสงฆที่มาทําพิธีจับชายผาหรือ ดายสายสิญจนที่ผูกมาจากชายผา แลวกลาวคํา สําหรับคนตายที่ขึ้นตนวา อะนิจจา วะตะ สังขารา ดังกลาวแลวขางตน จบแลวใหผูนั้นนอนหันศีรษะ กลับดานไปทางทิศตรงขามกับครั้งแรก คลุมดวย ผ า ขาวเหมื อ นเดิ ม พระสงฆ บั ง สุ กุ ล อี ก ครั้ ง โดย กล า วคํ า สํ า หรั บ ใช บั ง สุ กุ ล คนเป น ที่ ว า “อะจิ รั ง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะ วิญญาโณ นิรัตถัง วะ กะลิงคะรัง” ซึ่งแปลวา “กาย นี้ ไม น านหนอ จั ก นอนทั บ แผ น ดิ น ปราศจาก วิญญาณแล ว ก็ ถู ก ทอดทิ้งเหมื อ นท อนไมที่ ห า ประโยชนมิได” เปนการแกเคล็ดวา กลับฟนขึ้นมา ใหมแลว มีชีวิตใหม หรือจะไดตั้งตนชีวิตใหม มีชีวิต ที่ยืนยาวตอไป กลับตัวกลับใจ ลืมเรื่องเกาตั้งตน ใหม อะไรทํานองนี้ เรื่ อ งบั ง สุ กุ ล เป น นี้ นิ ย มทํ า กั น ทั่ ว ไป ด ว ยเชื่ อ ว า เป น การต อ อายุ โดยเฉพาะคนที่ ป ว ย หนัก หรือทํากันในงานทําบุญคลายวันเกิด แมมิได เจ็ บมิไดปว ยเลยก็ ต าม แต ถ า เจตนาจะทํา จริง ๆ เวลาจะนิมนตพระ ควรปรึกษาหารือผูรูกอนเพราะ ธรรมชาติ
พระบางวัดไมนิยมกิจกรรมประเภทนี้ อาจจะเสีย เจตนา หรืออาจจะกระทบความรูสึก แตพระสงฆ ส ว นมากไม อ ยากขั ด ศรั ท ธาญาติ โ ยม เพื่ อ ความ สบายใจของญาติโยม ทานก็มักใหความอนุเคราะห ถาไมเหลือวิสัยจนเกินไป นอกจากที่ก ลาวมาแลว การทอดผาปา ก็ เกี่ ย วข อ งกั บ การทอดผ า บั ง สุ กุ ล เช น กั น เพราะ คํากลาวเวลาถวายผาปา ก็ขึ้นตนวา อิมานิ มะยัง ภัน เต ปง สุ กุล ะ จีว ะรานิ ... แตก ารทอดผา ป า จุ ด หมายแท จ ริ ง เพื่ อ รวบรวมเงิ น ถวายวั ด สร า ง ถาวรวัตถุ มีโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ เปนตน และในป จ จุ บั น ไม จํ า กั ด อยู แ ค วั ด เท า นั้ น ยั ง เป น กิจกรรมที่ไปถึงโรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่ สํ า คั ญ อื่ น ๆ นั บ ว า กิ จ กรรมการทอดผ า ป า ซึ่ ง มี พื้นฐานมาจากการปฏิบัติของพระสงฆไดอํานวย คุณประโยชนอยางกวางขวาง นาอนุโมทนาจริง ๆ และในฐานะชาวพุทธรูสึกภูมิใจอยางมาก ขอพระพุ ท ธศาสนา จงดํ า รงมั่ น คงอยู ใ น โลกตลอดกาลนาน ขอความสุขเกษมศานติ์จงมีแด ทุกทาน
เกิด มาแลว คิดสราง แก ทุกคน ตองพบ เจ็บ ปวยไข ธรรมดา แมแตหมอ ก็ตอ งตาย
ทางกุศล ประสบหนอ นัน้ มารอ ไมเหลือเลย
คนไทยจํานวนไมนอยที่ชอบรับประทาน อาหารญี่ปนุ และชื่นชอบ
นานา..นารู
สําหรับคนไทยที่ไมไดชื่นชอบ อาหารญี่ปุนคงไมคุนหู หรืออาจไดยิน บางแตไมรูจักวามันคืออะไรกันแน แลว กิ น กั น เพื่ อ อะไร คราวนี้ เ ราจะได รู กั น อยางแนนอน “วาซาบิ” คืออะไร บางแค “วาซาบิ” เปนเครื่องปรุงที่มีรส เผ็ด จี๊ดจาด นิยมกินคูกับปลาดิบ และซอสญี่ปุน หรือที่รูจักกันอยางแพรหลายในชื่อ โชยุวาซาบิ สามารถ ดับกลิ่นคาวปลาดิบไดเปนอยางดี “วาซาบิ” นํามาจากสวนโคนของตนคาโนลา ปจจุบนั ไดรับความนิยมมาก Â ประโยชนของวาซาบิ มีดังนี้ U วาซาบิสามารถเปนยาถายพยาธิได โดยเฉพาะ พยาธิที่อาศัยอยูในปลา U สารสีเขียวของวาซาบิ มีเบตาแคโรทีน อันเปน สารตานอนุมูลอิสระ อันเปนสาเหตุของโรคมะเร็งได U วาซาบิเปนสารเคลือบฟน และปองกันฟนผุให แกคุณไดเปนอยางดี U ปองกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและลิ่มเลือด จึงทําใหเสนเลือดไมอุดตัน เลือดไหลเวียน ไดดี สุขภาพก็ดีดวย U มีฤทธิ์ในการฆาเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรีย ประโยชน ข องวาซาบิ มี ม ากจนคาดไม ถึ ง ใช ไ หม คุ ณ ๆ ที่ ไ ม รู จั ก หรื อ ไม คุ น เคยกั บ “วาซาบิ ” (เครื่องปรุงที่จะขาดไมไดบนโตะอาหารญี่ปุน) ขอบอกวา...คุณไมควรพลาดที่จะลิ้มลองความเผ็ด.....ซา.....! ของ ”วาซาบิ”
… สํานึกรับผิดชอบ (๑) ... เราทุกคนคงภูมิใจที่ไดรับการยกยองวาเปนมนุษย เปนผูมีจิตใจที่สูงกวาสัตวอื่นๆ สามารถเอาชนะ สัญชาติญาณที่ธรรมชาติกําหนดใหเรามาไดหลายๆ เรื่อง และเรื่องหนึ่งที่ยิ่งใหญ จนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทําไดยาก คื อมนุ ษย มี ความรั บผิ ดชอบได คํ าๆ นี้ หาคํ า จํ ากั ดความได มาก เพราะแยกได เป นเรื่ องๆ เป นความรั บผิ ดชอบต อ ตั ว เอง ต อ ครอบครั ว ตอสังคม ตออะไรมิอะไรไดมากมาย และขอบวง ของความรั บ ผิ ด ชอบก็ แ คบกว า งไม เ ท า กั น เด็กคนหนึ่ง อาจบอกวาหนาที่รับผิดชอบของเขา คือ เรียนหนังสือใหดี เด็กอีกคนหนึ่งอาจบอกวา หนาที่รับผิดชอบของเขา คือ เรียนหนังสือใหดี และชวยพอแมทํางานดวยเพราะฐานะทางบาน อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต โนห มู เฮียน ไมดีนัก จะเห็นไดชัดเจนวา กรอบความรับผิดชอบ ของเด็กทั้งสองตางกัน และพฤติกรรมก็จะตางกันดวย เด็กคนหนึ่ง คงมีเวลาไปวิ่งเลน ขณะอีกคนหนึ่งตอง ชวยพอแมทํางานทั้งๆ ที่สัญชาติญาณของเด็กทั้งสองไมตางกันเลย คือ ดํารงชีวิตใหรอด และอยูในโลกนี้ อยางสบายๆ ตามธรรมชาติ เมื่อ ๒๓ พ.ค.๒๕๕๒ อดีตประธานาธิบดี โนห มู เฮียน ของประเทศเกาหลีใตไดโดดหนาผาฆาตัวตาย พรอมจดหมายขอโทษชาวเกาหลี ที่ภรรยา บุตรชาย และหลานเขยของเขาไดรับเงินอยางไมโปรงใสจาก
กลุมธุรกิจของเกาหลีใต ขณะที่เขาดํารงตําแหนงประธานาธิบดี โดยที่เขาไมรูมากอน แตเขารูสึกวาเขาตอง รับผิดชอบในเรื่องนี้ อะไร คือสิ่งที่เราควรใหความสําคัญ สิ่งสําคัญของเรื่องนี้คือ สํานึกรับผิดชอบ ที่ควรจะปลูกฝง หรื อกระตุ น เตื อนให เ กิ ดในจิตใจของผูค นในสัง คมของเรา ถา สังคมของเราผูค นเต็ มไปดว ยสํา นึกแหง ความรับผิ ดชอบแล ว เราจะกํ าหนดแนวทางการอยู รวมกั นอย างไรก็ได เพราะทุ กคนก็ จะปฏิ บั ติตามดวย สํานึกรับผิดชอบ ครั้ ง หนึ่ ง ตอนที่ ผู เ ขี ย น ยั ง เรี ย นหนั ง สื อ อยู ใ นประเทศ เยอรมั น ตะวั น ตก (ขณะที่ ยั ง แบงประเทศอยู) ขณะที่ถีบจักรยาน คั น โปรดไปขึ้ น รถไฟใต ดิ น เพื่ อ เขาไปในเมือง ดวยความรีบรอน เพราะเห็นรถไฟกําลังจะเขาจอด ที่ ส ถานี แ ล ว จึ ง รี บข า มถนนใกล ทางมาลาย ปกติแลวคนขับรถยนต ทุกคันจะจอดใหจักรยานหรือคนขามไปกอนเสมอ แตดวยวันนั้นแสงแดดตอนสายๆ จามาก คนขับรถยนต หยุดชาไปนิดหนึ่ง จึงชนกับลอจักรยานของผูเขียน ไมแรงมากนักแตลอจักรยานก็งอไปเล็กนอย คนขับรถ เขาลงมาขอโทษ บอกวาแสงอาทิตยสองตาเห็นชาไปหนอย เขายินดีจะจายคาซอมให ขณะที่เรายืนคุยกัน อยูนั้น คนขับรถเมลประจําทางที่วิ่งอยูอีกฟากหนึ่งของถนน เขาจอดรถของเขาใหคนขามเรียบรอย ปกติเขา ก็นาจะไปไดแลว เพราะอุบัติเหตุเล็กๆ นี้ก็เกิดอีกฟากหนึ่งของถนน ไมไดเกะกะอะไรเขาเลย แตเขาลงมาเปน กรรมการอธิบายความวา เพราะเหตุที่ผูเขียนขามทางมาลายกอนราวๆ สอง-สาม เมตร ทําใหคนขับรถยนต จอดไมทัน เขาถามคนขับรถยนตวาจะเอาเรื่องไหม เขาพรอมเปนพยานให แตคนขับรถยนตขอบคุณเขา และปฏิเสธไปวา เราคุยกันเรียบรอยแลวเขาจึงกลับไปขับรถเมลตอไป ผูเขียนจึงบอกคนขับรถยนตวา ลอรถจักรยานผูเขียนเปลี่ยนเองได และขอโทษที่ทําใหเขาตองเสียเวลา อีกเรื่องหนึ่งที่ไดรับการกลาวขานชื่นชมไปทั่วโลกก็คือ กรณีแผนดินไหวและเกิดคลื่นสึนามิถลมญี่ปุน เมื่อตนป พ.ศ.๒๕๕๔ สิ่งแรกเลยที่ทุกคนแปลกใจวา เมืองหลายเมืองถูกน้ําพัดพังยับเยิน แตมีผูเสียชีวิต ราวๆ ๓ หมื่นคนเทานั้นเอง ที่บอกวาเทานั้นเองเพราะถาเปนที่อื่นๆ อาจเติมเลขศูนยเขาไปไดอีกตัวหนึ่ง เหตุที่คนเสียชีวิตนอยทั้งๆ ที่คลื่นน้ํามาอยางรวดเร็ว เพราะประชาชนของเขารูหนาที่ของตัวเองวา เขาตองทําอะไร เมื่อเกิดสิ่งนี้ และตอมาเราก็ไดเห็นผูคนเขาคิวกันเปนระเบียบ มีคนที่ทําหนาที่ แจกน้ํา
แจกอาหาร เอาน้ํามันไปให สารพัดเรื่องที่ทุกคนจะรับผิดชอบตอหนาที่ของเขาอยางเต็มที่ดวยความเห็นอก เห็นใจกันเอื้ออาทรตอกัน โดยไมตองมีใครมาบอกมาเตือน
ประเทศทั้งสามที่ผูเขียนกลาวถึงเปนที่ยอมรับกันทั่วโลกวา ประชาชนของเขามีสํานึกในความ รับผิดชอบสูงมาก ประเทศของเขาจึงพัฒนาไดอยางรวดเร็ว สํานึกรับผิดชอบนั้นไมใชแคทํางานที่ตัวเองตองรับผิดชอบใหแลวเสร็จ แตหมายถึงการมีหนาที่ รับ ผิ ด ชอบต อ ผลสํ า เร็ จ ของภาพรวมทั้ง เรื่อ งที่เ ราต อ งเกี่ ย วข อง เช น ถ า เราอยากให บ า นเมื อ งสะอาด เราก็ตองไมทิ้งขยะในที่ไมเหมาะสมเปนเรื่องแรก ขณะเดียวกันเราก็จะไมยอมใหใครมาทิ้งขยะดวย ทั้งๆ ที่ เราไมใชเจาหนาที่ของรัฐ แตเราก็จะเปนหูเปนตาให และถามีขยะตกอยูใหเห็น หากเราพอเก็บได เราก็จะ เก็ บโดยไมรอคนกวาดขยะมาทํา หนา ที่ของเขา และเมื่อมี การประชุ มสัมมนาขอรับขอเสนอแนะตา งๆ ในเรื่องนี้เราก็จะใหความรวมมือ สํานึกรับผิดชอบอยางนี้เทานั้นบานเมืองถึงจะสะอาดสวยงามได แตถา แยกสวนไปทํา แมทุกคนจะบอกวาตนรับผิดชอบในหนาที่ของตนแลว ความสะอาดของบานเมือง ยอมเกิดขึ้น ไดยาก เพราะความสะอาดของบานเมืองแยกเปนสวนๆ ไมได เมื่อเรามองไปที่กองทัพอากาศของเรา เราคงอยากใหกองทัพของเรามีบริเวณที่สะอาด ที่ทํางาน มีการใชน้ําใชไฟอยางประหยัด การปฏิบัติหนาที่ของแตละสวนงานรวดเร็วถูกตอง การดูแลอากาศยาน เป น ไปตามเกณฑ ม าตรฐาน การส ง กํ า ลั ง บํ า รุ ง ทํ า ได ส มบู ร ณ แ บบ และที่ สํ า คั ญ ที่ สุ ด การปฏิ บั ติ ก าร ทางอากาศสามารถประกันความมั่งคงของชาติได จะเห็นวาในแตละเรื่องนั้นมีผูที่เกี่ยวของมากมาย ทุกคนที่เกี่ยวของในแตละเรื่องนั้น ตองมีสํานึก รับผิดชอบ ตอเปาหมายของเรื่อง ไมใชมองแตหนาที่ของตนเองที่ไดรับมอบหมายเทานั้น เพราะหากเราไมนึกถึง ผูเกี่ยวของอื่นๆ ความสมบูรณของผลสัมฤทธิ์ของเรื่อง คงเกิดไดยากมาก แคเราเจอขยะชิ้นเล็กๆ แลวรอ คนกวาดขยะมากวาด เพราะเปนหนาที่เขาไมใชหนาที่เรา เทานี้ก็จบแลว เพราะขบวนการคิดไดแยกสวน ของความสะอาดออกเปนสวนๆ วันนี้คนกวาดขยะอาจไมสบายก็ได และเมื่อมีขยะตกอยู คนอื่นๆ ก็อาจ
ทิ้งขยะอีก จะวาใครก็ไมได ทุกอยางก็เละเปนวงรอบจนหาจุดเริ่มตนไมไดเพราะไมรูวาขอบเขตของหนาที่ ของใครอยูตรงไหนแน และก็โทษกันไปโทษกันมาทั้ง ๆ ที่การมีสํานึกในหนาที่ของการเปนทหารอากาศนั้น หากเราตกลงรวมกันวา อยากใหสถานที่ของเราสะอาด ทหารอากาศทุกคนตองมีความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ประเด็นสําคัญของการมีสํานึกรับผิดชอบของการเปนทหาร คือ การรักษาความมั่นคงของชาติ ซึ่ งหมายถึงอธิ ปไตยของชาติ สิ่งซึ่ งหากเราเสียไปเมื่อใดก็เท ากั บเราเสี ยทุกสิ่ งทุกอยางของชาติ ไปจนหมด ความรับผิดชอบสวนนี้จึงสูงมาก สูงขนาดที่เราปฏิญาณกันเสมอมาวา เราจะรับผิดชอบสิ่งนี้ดวยชีวิต ของเรา หลายครั้งที่ผูเขียนไดไปบรรยายในสถาบันตางๆ ของกองทัพอากาศ ผูเขียนมักจะถามวา พวกเรา แนใจไหมวาพวกเรามีสํานึกรับผิดชอบในหนาที่ของทหารครบถวนสมบูรณ เพราะหากมีจริงๆ ในหนวยงาน ของเราจะเต็มไปดวยความมีระเบียบวินัย ความเสียสละ ความสามัคคี ความพรอมปฏิบัติการ เพราะสิ่งนี้ เทานั้นที่จะประกันความสําเร็จของการรักษาอธิปไตยของชาติไวได หากเรายังมีไมครบ แตละคนนาจะ ตรวจสอบสํานึกรับผิดชอบในการเปนทหารของตนเองบอยๆ เพื่อปรับปรุงสิ่งเหลานี้ โดยที่เราสามารถ ตั้งคําถามกับตัวเองวา เรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรานั้น - เราคิดอยางไรในเรื่องที่เกิดขึ้น - ตัวเรามีบทบาทอยางไรในเรื่องนั้น - สถานการณเหลานี้ เกี่ยวของกับเรามากนอยแคไหน - ตัวเราไดทํา (หรือไมไดทํา) อะไรบาง จึงเกิดเรื่องอยางนี้ - เราจะแกไขปองกัน หรือ เปลี่ยนแปลงเหตุการณเหลานี้ใหดีขึ้นไดอยางไร การทบทวนดวยคําถามเหลานี้ จะชวยสรางและกระตุนสํานึกรับผิดชอบตอผูตั้งคําถามไดเปน อยางดี เพราะสํานึกรับผิดชอบนั้น คือ ตนทุนที่มีไดไมจํากัดในแตละบุคคล และเปนตนทุนที่ซื้อหาไมได ดวยเงิน ผูเขียนมั่นใจในความรักชาติ และความเสียสละของคนไทย ขอเพียงเปดใจใหกวางสรางสํานึก รับผิดชอบในหนาที่ของตนเองใหครบวงจรเทานั้น
มีน
หมายเหตุ :
- โกรกธาร หรือ โตรกธาร ความหมายเดียวกัน - กริว หรือ ตริว ความหมายเดียวกัน
รายชื่อผูโชคดีจากการจับฉลาก จํานวน ๓ ทาน ดังนี้ - พล.อ.ต.นิวตั เนื้อนุม สนภ.ทอ. - ร.อ.วิษณุ จิตตสวาท บน.๖ - ร.ท.พงษศักดิ์ ประภัสสรพงษ บน.๒
โทร. ๒ – ๘๓๐๖ โทร. ๒ – ๕๑๔๐ โทร. ๕ – ๐๑๑๐
กรุณาติดตอรับรางวัลๆ ละ ๓๐๐ บาท จาก สํานักงานหนังสือขาวทหารอากาศ (ชั้น ๑ อาคารหอสมุด กองทัพอากาศ) ภายใน ธ.ค.๕๔ โทร.๒ – ๔๒๔๑
แบบสอบถามความคิดเห็น เกี่ยวกับหนังสือข่าวทหารอากาศ ยศ - ชื่อ – สกุล........................................................ หน่วยงาน........................................... โทรศัพท์ ...................... ๑. ความคิดเห็นในคอลัมน์ตา่ งๆ (กาเครื่องหมาย 3 ในช่องตามความคิดเห็นของท่าน) ประโยชน์ที่ได้รบั คอลัมน์ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย ไม่มีประโยชน์ ๑.พระราชกรณียกิจ ๒.การทหาร ๓.อากาศยาน/การบิน ๔.วิชาการ/ทั่วไป ๕.สุขภาพ ๖.ภาษาไทย/ต่างประเทศ ๗.สาระน่ารู้ ๗.รั้วสีเทา ๒. ความคิดเห็นในรูปเล่ม (กาเครือ่ งหมาย 3 ในช่องตามความคิดเห็นของท่าน) รูปเล่ม ความเหมาะสมของรูปเล่ม มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย ไม่เหมาะสม ๑.ขนาดของหนังสือ ๒.ปกหน้าของหนังสือ ๓.จํานวนหน้าของหนังสือ ๔.กระดาษพิมพ์เนื้อใน ๕.ภาพรั้วสีเทา ๖.สีและตัวอักษร ๗.การจัดเนื้อหา ๓. ท่านได้นําข้อมูลที่ได้จากหนังสือข่าวทหารอากาศไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง (ตอบได้มากกว่า ๑ ข้อ) เพิ่มพูนความรู้ ใช้ในการทํางาน ใช้เป็นแนวทางในการดําเนินชีวิต ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง(อภิปราย/รายงาน/การเรียนการสอน ฯลฯ) อื่นๆ (ระบุ)............................................................................................................................ ๔. ท่านมีความพึงพอใจต่อหนังสือข่าวทหารอากาศมากน้อยเพียงใด พึงพอใจมากที่สุด พึงพอใจมาก พึงพอใจน้อย
พึงพอใจน้อยที่สุด
๕. สิ่งที่ควรปรับปรุง / ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ขอขอบคุณที่กรุณาให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ตอ่ หนังสือข่าวทหารอากาศ กรุณาส่งแบบสอบถามคืนมาที่สํานักงานหนังสือข่าวทหารอากาศ หอสมุดกองทัพอากาศ ยศ.ทอ. โทรสาร ๐-๒๕๓๔-๔๔๗๑ หมายเหตุ ผู้ตอบแบบสอบถามมีสิทธิรับรางวัลสมุดบันทึกประจําวันทหารอากาศ รางวัลละ ๑ ชุด (๓ เล่ม) จํานวน ๒๐ รางวัล (จั บ สลาก) ผู้ ส่ ง แบบสอบถามสามารถตรวจสอบรายชื่ อ ผู้ รั บ รางวั ล ได้ ที่ ห นั ง สื อ ข่ า วทหารอากาศ ฉบั บ เดื อ น ธ.ค.๕๔ หรื อ ที่ http://www.airforcemagazine.rtaf.mi.th
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. เป็นประธานในพิธีส‡งกำลังพล ของ ทอ. ปฏิบัติหนˆาที่ในกองกำลังทหารอากาศเฉพาะกิจที่ ๙ (กกล.ทอ.ฉก.๙) ปัตตานี ณ ลานจอดอากาศยานฝูงบิน ๖๐๑ บน.๖
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. เป็นประธานในพิธีเกษียณอายุ ราชการ ประจำปี ๒๕๕๔ ใหˆแก‡ขˆาราชการ และลูกจˆางในสังกัด กองทัพอากาศ ณ ที่ตั้งดอนเมือง และบางซื่อ ณ หอประชุม ทอ. (ทองใหญ‡)
พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข ผช.ผบ.ทอ. เป็นประธานในพิธีปิด การศึกษาหลักสูตรการทัพอากาศ รุ‡นที่ ๔๕ ณ หˆองรับรอง ทอ.
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. เป็นประธานในพิธีเปิดสำนักงาน คลังสมอง (สคม.ทอ.) โดยมี พล.อ.ท.นิวัตน‹ นกนˆอย ผอ.สคม.ทอ. ใหˆการตˆอนรับ ณ หนˆาหˆองบรรยาย บก.ทอ.
พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ‹ ผบ.ทอ. พรˆอมดˆวย คุณนภาพร ศุภวงศ‹ นายกสมาคมแม‡บˆาน ทอ. ร‡วมใหˆโอวาทและแนวทาง แก‡ขˆาราชการ และภริยาที่จะเดินทาง ไปปฏิบัติราชการในต‡างประเทศ เพื่อทำ หนˆาที่ผูˆช‡วยทูตทหารอากาศ ณ หˆองรับรองพิเศษ
พล.อ.อ.ศรีเชาวน‹ จันทร‹เรือง ผช.ผบ.ทอ. ร‡วมกับ สทท.ทีวีสี ช‡อง ๓ นำถุงยังชีพไปมอบใหˆแก‡ผูˆประสบภัยดินโคลนถล‡ม ณ ร.ร.บˆาน หˆวยคอม อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ‹ โดยมี น.อ.ทศวรรณ รัตนแกˆวกาญจน‹ ผบ.บน.๔๖ ใหˆการตˆอนรับ
พล.อ.อ.วินัย เปล‡งวิทยา ผบ.คปอ. เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องหมาย แสดงความสามารถการรบร‡วมอากาศ-ภาคพื้น ทอ.กิตติมศักดิ์ ใหˆแก‡ผูˆสนับสนุนภารกิจ คปอ. ณ ชุมนุมสัญญาบัตร คปอ.
พล.อ.อ.ดิเรก พรหมประยูร ปษ.พิเศษ ทอ. ส‡งมอบหนˆาที่ และ การบังคับบัญชา ใหˆแก‡ พล.อ.ท.ชนัท รัตนอุบล จก.ยศ.ทอ. คนใหม‡ ณ ลานหนˆาอาคาร บก.ยศ.ทอ.
พล.อ.ท.วุฒิชัย คชาชีวะ รอง เสธ.ทอ. ในฐานะ รอง ผอ.ศบภ.ทอ. ร‡วมกับ สทท.ทีวีสีช‡อง ๓ และ ธ.ไทยพาณิชย‹ จำกัด (มหาชน) นำถุงยังชีพไปมอบ ใหˆแก‡พี่นˆองประชาชนที่ประสบความเดือดรˆอนจากอุทกภัย ในพื้นที่ อบต.บางนมโค และ อบต.รางจระเขˆ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.อ.อ.วินัย เปล‡งวิทยา ผบ.คปอ. เป็นประธานในการประกอบพิธี เนื่องในวันคลˆายวันสถาปนา คปอ. ณ อนุสาวรีย‹จอมพลอากาศ เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร
พล.อ.อ.ระพีพัฒน‹ หลาบเลิศบุญ รองเสนาธิการทหาร ส‡งมอบ หนˆาที่ ผบ.อย. และการบังคับบัญชา ใหˆแก‡ พล.อ.ท.อานนท‹ จารยะพันธุ‹ ผบ.อย.คนใหม‡ ณ บริเวณหนˆา บก.อย.
พล.อ.ท.ธงชัย แฉลˆมเขตร ผช.เสธ.ทอ.ฝกร. และคณะฯ ตรวจเยี่ยม ฝ่ายอำนวยการนิรภัย ดˆานนิรภัยของ บน.๑ โดยมี น.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.บน.๑ ใหˆการตˆอนรับ ณ หˆองประชุม บก.บน.๑
พล.อ.ท.ดิเรก พรหมประยูร จก.ยศ.ทอ. เป็นประธานในพิธีเปิด สวนเฉลิมพระเกียรติ ๙๘๔ ณ ยศ.ทอ.
พล.อ.ท.กฤษณะ นิ่มวัฒนา ผช.เสธ.ทอ.ฝกพ. ส‡งมอบหนˆาที่ และการบังคับบัญชา ใหˆแก‡ พล.อ.ต.ยรรยง คันธสร จก.กพ.ทอ. คนใหม‡ ณ หˆองบรรยาย บก.ทอ.
พล.อ.ท.อานนท‹ วิรัชกุล จก.ชอ. และคณะฯ เดินทางตรวจเยี่ยม สายวิทยาการช‡างอากาศ ณ บน.๗ โดยมี น.อ.สฤษดิ์พร สุนทรกิจ ผบ.บน.๗ ใหˆการตˆอนรับ
พล.อ.ท.สฤษดิ์พงษ‹ โกมุทานนท‹ ผบ.รร.นอ. ตˆอนรับ พล.อ.ต.สมพล พูนทวีธรรม จก.จร.ทอ. พรˆอมดˆวยคณะฯ ในโอกาสตรวจสอบ การปฏิบัติราชการ รร.นอ. ณ หˆองประชุม บก.รร.นอ. (๑)
พล.อ.ท.สฤษดิ์พงษ‹ โกมุทานนท‹ ผบ.รร.นอ. ตˆอนรับ นาย Makoto Lokibe ผบ.รร.นายรˆอยรวมเหล‡าญี่ปุ่น เยี่ยมชมกิจการ รร.นอ. ณ หˆองประชุม บก.รร.นอ. (๑)
พล.อ.ท.อานนท‹ วิรัชกุล จก.ชอ. เป็นประธานนำ ขˆาราชการ ลูกจˆาง และพนักงานราชการ ทำพิธีวางพานพุ‡มถวายราชสักการะ พระบรมสาทิสลักษณ‹ พระบาทสมเด็จพระเจˆาอยู‡หัว เนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระเจˆา อยู‡หัว เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมชมกิจการ ชอ. และไดˆร‡วมปฏิบัติธรรม ฟังเทศน‹มหาชาติ บริจาคโลหิต ณ สมส.ทอ.บางซื่อ
พล.อ.ท.เมธา สังขวิจิตร จก.สพ.ทอ. เป็นประธานในพิธีมอบ ประกาศเกียรติคุณและเครื่องหมายความสามารถในการทำหนˆาที่ สรรพาวุธเป็นกิตติมศักดิ์ใหˆแก‡ขˆาราชการ สพ.ทอ. ณ หอประชุม สพ.ทอ.
พล.อ.ต.ศิวเกียรติ์ ชเยมะ ผบ.รร.การบิน และ พล.อ.ต.มานิตย‹ ศัตรูลี้ ผอ.รพ.จันทรุเบกษา พอ. มอบถุงยังชีพแก‡ผูˆประสบอุทกภัย จำนวน ๑๐๐ ชุด และนำทหารกองประจำการช‡วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยขนยˆาย สิ่งของ พรˆอมจัดชุดบริการทางการแพทย‹เคลื่อนที่ สำหรับการรักษา พยาบาลขั้นตˆน ณ พื้นที่ อบต.บางตะเคียน อ.สองพี่นˆอง จ.สุพรรณบุรี
พล.อ.ต.นิคม วงษ‹ดรุณีย‹ จก.พธ.ทอ. เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมพัฒนาหน‡วย เนื่องในวันคลˆายวันสถาปนา พธ.ทอ. ปีที่ ๖๓
พล.อ.ต.เจษฎา วิจารณ‹ ผอ.สพร.ทอ. เป็นประธานในการจัด กิจกรรมพัฒนาระบบราชการปี ๕๔ เรื่อง การเตรียมการรับการ ตรวจประเมินจากสำนักงาน ก.พ.ร. ตามคำรับรองการปฏิบัติ ราชการ ทอ. ณ โรงแรมโกลเดˆนบีช ชะอำ จ.เพชรบุรี
พล.อ.ต.ศิริชัย ภัทรสุวรรณ จก.ขส.ทอ. เป็นประธานในพิธีติดปีก กิตติมศักดิ์ ใหˆแก‡ขˆาราชการ ขส.ทอ. ณ หˆองสมุด ขส.ทอ.
พล.อ.ต.ศิริชัย ภัทรสุวรรณ จก.ขส.ทอ. เป็นประธานในพิธีปิด การฝึกอบรมทหารกองประจำการเป็นพลขับรถ ณ กวก.ขส.ทอ.
พล.อ.ต.วัธน มณีนัย รอง ผบ.รร.นอ. เป็นประธานในพิธีปิด การแข‡งขันฟุตบอล RTAFA LEAUGE 2011 โดยมี นขต.รร.นอ. ร‡วมการแข‡งขัน เพื่อสรˆางความสามัคคี ณ สนามฟุตบอล รร.นอ.
น.อ.อนุรัตน‹ ปัญญาชนวัฒน‹ รอง ผบ.ดม. เป็นประธานในพิธี ปิดการฝึกอบรมหลักสูตรวิทยาการเหล‡า สห. รุ‡นที่ ๑ แบบการ ศึกษาดˆวยตนเอง สำหรับ น.ประทวน ณ หˆองประชุมรˆอยจราจร พัน.สห.ทอ. กรม สห.ทอ.สน.ผบ.ดม.
น.อ.สุทธิพงษ‹ อินทรียงค‹ รอง จก.ยก.ทอ. ในฐานะ ผอ.กองอำนวย การฝึกผสม THAI BOOMERANG 11 พรˆอมดˆวย CAPTAIN JONATHAN DUDLEY ผชท.ทหารออสเตรเลียประจำประเทศไทย ร‡วมเป็นประธาน พิธีเปิดการฝึกผสม THAI BOOMERANG 11 ณ หˆอง Blue Sky อาคาร ธูปะเตมีย‹ บน.๑
น.อ.ฆณกรณ‹ มาลีวรรณ ผูˆแทน ศวอ.ทอ. เป็นประธานในพิธีจัดโครงการ ศูนย‹การเรียนรูˆพลังงานทดแทนกองทัพอากาศ เฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา โดยมี น.อ.สุทัศน‹ แสงเดชะ เสธ.รร.การบิน ใหˆการตˆอนรับ ณ ร.ร.สบู‡ดำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร‹ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม
น.อ.ถาวรวัฒน‹ จันทนาคม รอง จก.ยก.ทอ. ในฐานะผูˆอำนวยการฝึก ทอ. ร‡วมกับ COLONEL TOMMY TAN AH HAN ผูˆอำนวยการฝึก ทอ.สิงคโปร‹ และ COLONEL MARC CAUDILL ผูˆอำนวยการฝึก ทอ.สหรัฐอเมริกา เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมขั้นตˆนของการฝึก COPE TIGER 2012 ณ โรงแรมสีมาธานี จ.นครราชสีมา
น.อ.เฉลิมวงษ‹ กีรานนท‹ ผบ.บน.๒ เป็นประธานในพิธีแสดง ความยินดีและมอบประกาศนียบัตรนักบินพรˆอมรบ กับ ฮ.๖ ข/ ค/ง และ ฮ.๖ ณ อาคารโรงเก็บอากาศยาน ฝูง.๒๐๓ บน.๒
น.อ.ชานนท‹ มุ‡งธัญญา ผบ.บน.๔ เดินทางดูพื้นที่ประสบอุทกภัย และใหˆกำลังใจแก‡กำลังพลของ บน.๔ ที่ออกไปช‡วยเหลือผูˆประสบ อุทกภัย ณ อ.วัดสิงห‹, อ.สรรพยา, อ.มโนรมย‹, อ.เมือง จ.ชัยนาท
น.อ.เฉลิมชัย ศรีสายหยุด ผบ.บน.๒๑ ในฐานะ ผบ.ศบภ.บน.๒๑ สนับสนุนน้ำดื่ม ใหˆแก‡เหล‡ากาชาด จ.อุบลราชธานี เพื่อนำไปช‡วยเหลือ ผูˆประสบอุทกภัย พรˆอมมอบถุงยังชีพแก‡ผูˆประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.บุ‡งไหม และ ต.ท‡าชˆาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
น.อ.ทศวรรณ รัตนแกˆวกาญจน‹ ผบ.บน.๔๖ เป็นประธานประกอบพิธี ทำบุญวันคลˆายวันสถาปนา ฝูง.๔๖๑ ครบรอบ ๒๗ ปี พรˆอมดˆวยพิธีมอบ ประกาศนียบัตร แก‡นักบินพรˆอมรบกับ บ.ล.๙ รุ‡นที่ ๖๔ และ บ.ล.๒ ก รุ‡นที่ ๒๕ พรˆอมทั้งนักบินที่ทำการบินกับ บ.ล.๙ ก ครบ ๒,๐๐๐ ชม. ณ ฝูง.๔๖๑ บน.๔๖
น.อ.กฤษฎา สุพิชญ‹ รอง ผบ.บน.๑ (๑) ตˆอนรับ LT.COL.WILLIAM COATES and Australian Command and Staff College Delegation เดินทางมาเยี่ยมชมกิจการ บน.๑ ณ หˆองประชุม บก.บน.๑ พรˆอมนำชมระบบ ACMI และ SIMULATOR ณ ผคยอ.บน.๑
น.อ.วรพจน‹ วรพิศาล รอง ผบ.บน.๔๑ เขˆาร‡วมเป็นเกียรติในพิธี มอบรางวัลคนดีแทนคุณแผ‡นดิน ประจำภาคเหนือ โครงการ “แทนคุณแผ‡นดิน ๒๕๕๔” ณ หˆองป่าสักหลวง โรงแรมโลตัส ปางสวนแกˆว จ.เชียงใหม‡
น.อ.ศรัณยพงศ‹ เดชกลˆาหาญ เสธ.บน.๕๖ เป็นประธานในพิธี เปิดโครงการอบรมพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรในการใชˆ ประโยชน‹เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไดˆอย‡างเชี่ยวชาญ ใหˆแก‡ขˆาราชการ บน.๕๖ ณ หˆองบรรยายสรุป ฝูง.๕๖๑