ถอดบทเรียนธุรกิจเขียว...ไทย ปีที่ 1

Page 1

ถอดบทเรียนธุรกิจเขียว…ไทย โครงการเสวนาสาธารณะ เศรษฐกิจแห่งวันพรุ่งนี้ (Economy of Tomorrow) โดยมูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท ประเทศไทย (FES) ร่วมกับบริษัท ป่าสาละ จากัด

15 ธันวาคม 2557


ป่าสาละคือใคร?

“Sustainable Business Accelerator” ป่าสาละเป็นบริษัท “ปลูกธุรกิจที่ยั่งยืน” แห่งแรกในประเทศไทย ก่อตั้งเดือน ก.ค. 2556 เป้าหมายของเราคือจุดประกายและดาเนินวาทกรรมสาธารณะเกี่ยวกับธุรกิจที่ ยั่งยืน ผ่านการจัดสัมมนา อบรม ประชุมเชิงปฏิบัติการ ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์และออนไลน์ รวมทั้งผลิตงานวิจัยในประเด็นความยั่งยืน และส่งเสริมการวัดผลตอบแทนทางสังคม 2


สินค้าและบริการ ทัวร์

การเผยแพร่ ความรู้เกี่ยวกับ ธุรกิจที่ยั่งยืน

อบรม หนังสือ

วิจัย

การสร้างความรู้ เกี่ยวกับธุรกิจที่ ยั่งยืน

การสร้าง เครือข่าย เกี่ยวกับธุรกิจที่ ยั่งยืน

วางระบบ ประเมิน ผลลัพธ์

สัมมนา 3


เป้าหมายโครงการ “จัดทากรณีศึกษาและรายงาน “นวัตกรรมเขียว” (green innovation) และ “ผลิตภาพเขียว” (green productivity)”  จุดประกายการอภิปรายถกเถียงเรื่อง “ธุรกิจที่ยั่งยืน” ในสังคมไทย  สร้างความตระหนักใน “เหตุผลทางธุรกิจ” (business case) ของการ เปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน  กระตุ้นให้บริษัทอื่นๆ รวมถึงผู้ดาเนินนโยบายในประเทศได้เล็งเห็น ความสาคัญและประโยชน์ของการใช้กลยุทธ์ “นวัตกรรมเขียว” (green innovation) และ “ผลิตภาพเขียว” (green productivity) สร้าง มูลค่าเพิ่มทางธุรกิจและประโยชน์ต่อสังคม

4


กรณีศึกษา “ธุรกิจเขียว” 4 บริษัท

5


เข้าหาลูกค้าเขียว ในภาวะ แข่งขันสูง


กาเนิด Plan Toys ปี 2524 “เราคิดว่าสาเหตุที่สังคมไม่ดีน่าจะเกิดจากระบบ การศึกษา ระบบความรู้ และความคิดของคนเป็นหลัก ฉะนั้นหากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ดีงาม ถูกต้อง ก็น่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคมได้ทางหนึ่ง จึง สนใจที่จะทาธุรกิจเกี่ยวกับเด็ก ทั้งการทาโรงเรียนรักลูก ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นโรงเรียนรุ่งอรุณ การทาหนังสือรักลูก เพื่อให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงดูลูกให้มีพัฒนาการตามวัยที่ เหมาะสม และก็คิดถึงเรื่องของเล่นที่จะช่วยให้เด็กมี พัฒนาการด้านต่างๆ ผ่านการเล่น” วิฑูรย์ วิระพรสวรรค์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แปลน ครีเอชั่นส์ จากัด 7


จุดกาเนิดนวัตกรรม: ของเล่นไม้จากยางพาราหมดอายุ “ผมเกิดที่ตรัง ซึ่งมีต้นยางเยอะ พอกลับไปบ้านทีไรก็จะเห็นชาวสวน เผาต้นยาง ซึ่งถูกโค่นทิ้งเมื่อมีอายุประมาณ 25 ปีเพราะให้น้ายางไม่ได้ แล้ว ประกอบกับตอนนั้นเริ่มมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาซื้อไม้ยางไปใช้ทา เฟอร์นิเจอร์ ก็เลยมีความคิดว่าเราน่าจะเอาไม้ยางมาทาของเล่นได้ เราจึงเป็นผู้ผลิตของเล่นจากไม้ยางพาราที่หมดอายุการให้น้ายาง (Recycled Rubber Wood) รายแรกของโลก เพราะนอกจากจะ ยังคงคอนเซ็ปต์การนาไม้ที่ชาวบ้านไม่ต้องการมาใช้ซ้าแล้ว มันก็ยังมี เยอะ และเราไปเอามาฟรีได้ในตอนนั้น” 8


ประโยชน์ของการใช้ยางพาราหมดอายุ • ไม่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เพราะต้นยางเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกเพื่อกรีด เอาน้ายางมาใช้ประโยชน์เป็นหลัก แตกต่างจากไม้ชนิดอื่นที่ปลูกเพื่อใช้เนื้อ ไม้อย่างเดียว • เนื่องจากราคาน้ายางให้ผลตอบแทนสูงกว่าราคาต้นยาง ชาวบ้านจึงจะไม่ ตัดต้นยางทิ้งหากยังไม่หมดอายุการให้น้ายาง • เมื่อต้นยางเริ่มเข้าสู่วัยหมดน้ายาง ชาวสวนจะไม่ใส่ปุ๋ยและไม่ใช้สารเคมีกับ ต้นยาง เพราะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ไม้ยางพาราที่หมดอายุการให้น้ายางจึง เป็นไม้ที่ปลอดจากสารเคมีโดยปริยาย • ถูกตีค่าการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ 9


ความท้าทาย 30 ปี: การรักษาเนื้อไม้จากมอด • ไม้ยางพาราเป็นไม้ที่มีแป้งมาก จึงเป็นที่โปรดปรานของมอดและแมลง • บริษัทต้องใช้สารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายในการรักษาเนื้อไม้ไปก่อน • ประมาณปี 2542 จึงสามารถเลิกใช้สารเคมีแล้วเปลี่ยนมาใช้วิธีการทาง ธรรมชาติ ด้วยการใช้ความร้อนมากขึ้นในการอบไม้ รวมถึงเพิ่มกระบวนการ ดูแลในการจัดเก็บ แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันมอดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ • แต่ละปีจะมีของเสียที่ลูกค้าส่งคืนเพราะมอดกินเนื้อไม้ 50-100 ชุด • ปี 2555 แปลนทอยส์จึงสามารถดัดแปลงวิธีการใช้คลื่นไมโครเวฟในการอบ อาหาร มาพัฒนาเป็นระบบการกาจัดมอดในของเล่นไม้ยางพาราด้วยคลื่น ไมโครเวฟได้สาเร็จ ทาให้สามารถป้องกันมอดอย่างปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ 10


วัสดุเขียว (Green Materials) ปี 2536 : เปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทาจากกระดาษรีไซเคิลในปี 2536 ปี 2543 :  เริ่มใช้หมึกพิมพ์จากถั่วเหลืองแทนหมึกพิมพ์จากปิโตรเลียมในการผลิตสื่อ สิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เพื่อลดปัญหาการย่อยสลายที่ยาวนาน  เปลี่ยนจากการใช้สีที่มีโซลเวนท์เป็นตัวทาละลายมาเป็นสีที่มีตัวทาละลาย เป็นน้าในการผลิตของเล่นแปลนทอยส์ทุกชิ้น เพื่อให้ปราศจากส่วนผสม ของสารปรอท ตะกั่ว และโลหะหนักต่างๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเด็กและ สิ่งแวดล้อม  เปลี่ยนจากสีเคมีมาใช้สีที่มาจากธรรมชาติ 11


มาตรฐานคุณภาพ ความปลอดภัย และไม้ที่ยั่งยืน ปีที่ได้รับ 2542

มาตรฐาน ISO 9001

2545 2546 2547 2548

ISO 14001 OHSAS 18001 SA 8000 ฉลากเขียว

2553

FSC Chain of Custody (CoC)

N.A.

ASTM & EN71

รายละเอียด มาตรฐานสากลด้านความเป็นเลิศทางคุณภาพ และประสิทธิภาพของ การดาเนินงานภายในองค์กร มาตรฐานระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม มาตรฐานระบบจัดการด้านชีวอนามัยและความปลอดภัย มาตรฐานแรงงานว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ฉลากที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น้อยกว่า เมื่อนามาเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ทที่ าหน้าทีอ่ ย่างเดียวกัน มาตรฐานสาหรับผลิตภัณฑ์ไม้ที่มีการผลิตหรือจาหน่ายจากสวนไม้ที่ ได้รับการรับรอง ตั้งแต่กระบวนการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ การรับและ การจัดเก็บวัตถุดิบ การควบคุมปริมาณ ตลอดจนการขายและการส่ง มอบ มาตรฐานของเล่นที่ปลอดภัยของสหรัฐอเมริกาและยุโรป 12


เคล็ดลับการเติบโตช่วงแรก - “ดีไซน์เตะตา ราคาถูกใจ”  ยอดขาย 95% มาจากการส่งออก  นาแนวคิด Simplicity มาประสานกับแนวคิด Design for Child Development ทาให้ของเล่นของบริษัทมีเนื้อหาที่เหมาะสม และมี รูปร่างหน้าตาแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ผลิตของเล่นไม้รายเล็กๆ ในยุโรป ที่ผลิตกันแบบอุตสาหกรรมในครัวเรือน

13


นวัตกรรมการออกแบบ

14


รางวัลระดับโลก

15


ความท้าทายวันนี้ - คู่แข่งรุกคืบ พิษวิกฤตเศรษฐกิจโลก และต้นทุนสูง • ศตวรรษที่ 21 จีนเปิดประเทศ ผู้ผลิตของเล่นไม้แบรนด์ยุโรปเปลี่ยนไปใช้ประเทศจีน เป็นฐานในการผลิตสินค้า ขณะที่จีนเองก็พัฒนาคุณภาพและผลิตของเล่นภายใต้แบ รนด์ของตัวเองออกมาแข่ง เช่น ของเล่นไม้แบรนด์ BeeBoo • ปี 2549 Brio ผู้แทนจาหน่ายของเล่นแปลนทอยส์ในสหรัฐอเมริกา ประสบปัญหา ทางการเงินจนต้องปิดกิจการ ส่งผลกระทบต่อยอดขายในตลาดสหรัฐ บริษัทจึง ตัดสินใจตั้งบริษัทลูก PlanToys Inc. ขึ้นมาดูแลตลาดสหรัฐอเมริกา แคนาดา และ อเมริกาใต้ ส่วนตลาดอื่นยังคงขายผ่าน Distributor เช่นเดิม • ปี 2551 สหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพร์ม ปี 2552 เศรษฐกิจยุโรปเกิดวิกฤต บวกกับการอ่อนตัวของค่าเงินยูโร กระทบต่อคาสั่งซื้อของแปลนทอยส์ • ขณะเดียวกัน ไม้ยางมีราคาสูงขึ้น 2 เท่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา และต้นทุนแรงงาน เพิ่มจากนโยบายค่าแรงขั้นต่า 300 บาท 16


การปรับตัวของแปลนทอยส์ • ยอดขายของบริษัทในช่วงปี 2554-2556 ลดลงจากปี 2553 อย่างมาก คือลดจาก 423 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 355 ล้านบาท 324 ล้านบาท 331 ล้านบาทตามลาดับ และทาให้ประสบปัญหาขาดทุน จนต้องขายทรัพย์สินคือที่ดินในจังหวัดตรังในปี 2556 เพื่อนาเงิน 25 ล้านบาทมาใช้เป็นทุนในการดาเนินกิจการต่อ • คิดค้นนวัตกรรมใหม่ “แปลนวูด” : อัดขี้เลื่อยใส่แม่พิมพ์ ใส่สี ใช้แทนไม้จริง • ลดต้นทุนได้ 32% และทาให้ทาของเล่นน้าได้สาเร็จ • แต่แปลนวูดใช้ได้เฉพาะชิ้นส่วนยากๆ หรือชิ้นที่ต้องทาลวดลายบนผิวไม้เท่านั้น จึงยัง ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ร้อยเปอร์เซนต์ ขณะที่ต้องใช้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท • แปลนวูด: 30-40% ของยอดขายปี 2556

17


เริ่มจับกลุ่มลูกค้าเขียว สื่อสาร “การเล่นที่ยั่งยืน” (Sustainable Play)

18


ใช้ “เขียว” คุมต้นทุนและสร้างตลาด - Eco Efficiency & Eco Design • หลักการ 7 ข้อ ของ Eco Efficiency : 1.การใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบในการผลิต สินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ 2.การใช้พลังงาน 3.การปล่อยสารพิษและของเสีย 4.การ นากลับมาใช้ใหม่ 5.การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน 6.การเพิ่มอายุผลิตภัณฑ์ 7.การเพิ่ม ระดับการให้บริการแก่ผลิตภัณฑ์และเสริมสร้างธุรกิจ • หลักการ 7 ข้อ ของ Eco Design : 1. ลดการใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2. ลดปริมาณและชนิดของวัสดุที่ใช้ 3. ปรับปรุงกระบวนการผลิต 4. ปรับปรุงระบบการ ขนส่งผลิตภัณฑ์ 5. ปรับปรุงขั้นตอนการใช้ผลิตภัณฑ์ 6. ปรับปรุงอายุผลิตภัณฑ์ และ 7. ปรับปรุงขั้นตอนการทิ้งและทาลายผลิตภัณฑ์ • ตัวอย่าง: บริษัทได้ลดกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีถึง 130 กว่าขนาด ลงมาเหลือ 35 ขนาด เพื่อลดพื้นที่ในการเก็บสต็อกกล่อง และทาให้สามารถจัดการพื้นที่ในการขนส่งได้ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 19


ความ “ใจถึง” กับการ ดูแลสิ่งแวดล้อม กับความ ท้าทายในการขยายกิจการ


กาเนิดชีวาศรม ปี 2538 บุญชู โรจนเสถียร ตัดสินใจทุบ “บ้านอยู่สบาย” ซึ่งเป็น บ้านพักตากอากาศบนพื้นที่ 7 ไร่ของครอบครัวที่เขาตะเกียบ อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเปลี่ยนเป็นรีสอร์ต สุขภาพระดับหรู โดยใช้เวลาในการก่อสร้าง 4 ปี ใช้เงินลงทุน 26 ล้านดอลลาร์ มีห้องพักสาหรับผูม้ าใช้บริการ 57 ห้อง ก่อนจะเปลีย่ นห้องพักของบุญชูมาเป็นห้องพักหลังที่ 58 หลังจากเขาเสียชีวิตในปี 2550 แต่มีห้องทรีตเมนต์ตา่ งๆ ถึง 72 ห้อง นับเป็นรูปแบบของธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ตที่ไม่เคย มีมาก่อนในประเทศไทย รวมถึงยังเป็นรีสอร์ตสุขภาพแห่งแรก ในเอเชีย ให้บริการ 6 ด้าน คือ สปา ฟิตเนส กายภาพบาบัด การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ความงาม(ชะลอวัย) และ อาหารสุขภาพ 21


ไม่เคยปล่อยน้าเสียออกจากรีสอร์ตแม้แต่หยดเดียว • ขุดทะเลสาบ บาบัดน้าเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในรีสอร์ต นาน้าที่บาบัด แล้วกลับมาเติมในทะเลสาบเพื่อทัศนียภาพ และนากลับมาใช้ซ้า • ค่าน้าที่ประหยัดได้จากการใช้สองครั้ง: ปีละ 800,000 บาท • ใช้ระบบกรองตะกอนด้วยทรายและ คาร์บอน เพื่อทาให้น้าใสขึ้นและเป็นการ ดูดกลิ่น แล้วนาน้ามาผ่านถังเพื่อเก็บ ตะกอนอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นจะนาน้าไป เทสต์ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง และค่า ออกซิเจน เมื่อพบว่าอยู่ในระดับที่ ปลอดภัยจึงค่อยปล่อยน้าลงทะเลสาบ 22


ทาฟาร์มออร์แกนิกสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดค่าอาหาร • ทาฟาร์มออร์แกนิคบนพื้นที่ 2 ไร่ในตาบลบ่อฝ้าย ด้วยเงินลงทุนในช่วง เริ่มต้น 6.85 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลอีกประมาณปีละ 4 แสนบาท • ปลูกผักและผลไม้ทั้งหมด 50 ชนิด ดอกไม้อีก 32 ชนิด ช่วยลดค่าใช้จ่าย ให้กับรีสอร์ตปีละประมาณ 2.7 ล้านบาท (28% ของค่าอาหาร) “ผลไม้ของเราที่ขึ้นชื่อเป็นพิเศษก็คือแคนตาลูป ลูก อาจจะไม่ใหญ่นัก แต่รสชาติหอมหวานมาก เพราะ เราเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีมาปลูก พอติดลูกเราก็จะคัด ทิ้งให้เหลือลูกที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงเถาละลูกเท่านั้น เพื่อให้สารอาหารไปเลี้ยงอย่างเต็มที่” 23


การจัดการขยะ และกระตุ้นให้ลูกค้า “เขียว” • รวบรวมและคัดแยกขยะแต่ละประเภทไว้รวมกัน ขาย ต่อให้กับคนกลางที่นาไปขายให้กับผู้รีไซเคิลขยะอีก ทอดหนึ่ง • สาหรับขยะประเภทอาหารที่แขกรับประทานไม่หมด จะขายให้กับฟาร์มเพื่อนาไปเลี้ยงหมู • เลิกใช้ขวดน้าพลาสติกในรีสอร์ตในปี 2551 หลังจาก ติดตั้งเครื่องกรองน้าระบบรีเวิร์สออสโมซิส 4 เครื่อง • •

มอบกระติกน้าสแตนเลสให้เป็นสมบัติส่วนตัวของแขกทุกคนที่เข้าพัก สาหรับนาไป เติมน้าตามจุดต่างๆ ในรีสอร์ต และสามารถนากลับไปใช้ต่อที่บ้านได้ ปี 2556 น้าดื่มบรรจุขวดพลาสติกขนาด 500 มิลลิลิตรที่ชีวาศรมใช้เหลือเพียง 4,740 ขวด เมื่อเทียบกับ 130,000 ขวดในปี 2550 24


พลังงาน: จากการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สู่ประสิทธิภาพพลังงาน • ผลิตน้าร้อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งรีสอร์ต โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เป็นเฟสๆ ระหว่างปี 2548-2554 ปัจจุบันมีโซลาร์เซลล์ 188 แผง • เริ่มเป็นพันธมิตรกับโครงการ Clinton Climate Initiative (CCI) ของมูลนิธิคลินตัน ในปี 2555 พบว่าพลังงาน 60% ใช้ไปกับเครื่องปรับอากาศ 15% ใช้กับระบบแสง สว่าง อีก 25% ที่เหลือใช้กับระบบลิฟต์ ปั๊ม เครื่องจักร และเครื่องครัว • เปลี่ยนระบบเครื่องปรับอากาศใหม่ มาเป็นระบบการระบายความร้อนด้วยน้า (water-cooling chiller) แทน ลดการใช้พลังงานลง 38% • เปลี่ยนหลอดไฟทั้งหมดในรีสอร์ต 2,614 ดวง จากเดิมที่ใช้หลอดฮาโลเจนขนาด 50 วัตต์ มาเป็นหลอด LED ขนาด 8 วัตต์ ลดพลังงานได้ 84% คุ้มทุนภายใน 1 ปี 25


ตัวอย่างโครงการ “เขียว” ที่กาลังดาเนินการ ณ สิงหาคม 2557 • โครงการเปลี่ยนไปใช้ซองพลาสติกชีวภาพสาหรับบรรจุวิตามินและอาหารเสริม • โครงการอาคารสีเขียว มาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) • โครงการ MEPSEC (Mangrove Eco-system Preservation and Science Education Center) ซึ่งจะเป็นศูนย์การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และการรักษาระบบ นิเวศป่าชายเลน บนพื้นที่ป่าชายเลนผืนสุดท้ายของหัวหิน ตั้งอยู่ในวัดเขาไกรลาศ ชุมชนเขาตะเกียบ ไม่ไกลจากที่ตั้งของชีวาศรม “เรามองว่า Environmental Wellness ต้อง คู่กับ Personal Wellness เพราะการใช้ชีวิต อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมส่งผลดีกับสุขภาพ อย่างแน่นอน” 26


บางรางวัลที่บริษัทได้รับ ในปี 2557 ปี 2557

รางวัล Outstanding All-Inclusive Resort

2557 2557

Hospitality Excellence Awards Best for Anti Ageing, Best for A Hit of Sunshine, Best for Holistic Healing

2557 2557

Top 10 – Makeover Retreat in Asia Asia Spa Magazine Top 25 – International Spa in the World American Airlines First class inFlight Magazine Best Overseas Health & Wellness Luxury Travel Magazine 2014 Gold Property for 7 consecutive years List Top 10 Best Overseas Resort Top 5 – Destination Spa of The Year: World Class Spa Awards 2014 by Asia & Australasia Beauty Professional

2557

2557

ผู้มอบ SAVEUR Culinary Travel Awards 2014 TripAdvisor Award 2014 Condé Nast Traveller (Spa Guide) 2014

27


จากของเหลือทิ้งสู่ พลังงานทางเลือก


ชานอ้อย - “ของเหลือทิ้ง” ที่ต้องจัดการ

• โรงงานผลิตน้าตาล 6 แห่งของมิตรผลทิ้งชานอ้อยจานวนมหาศาล ปกติเมื่อส่งอ้อย 1 ตันเข้าหีบ จะได้น้าอ้อยสาหรับนาไปเป็นวัตถุดิบผลิตน้าตาล 72% อีก 28% จะเป็น ชานอ้อย เมื่อต้องหีบอ้อยปีละ 20 ล้านตัน แต่ละปีจึงมีชานอ้อยมากถึง 5.6 ล้านตัน • ทางออกของมิตรผลในตอนต้นเหมือนกับโรงงานน้าตาลทั่วไป คือ นาชานอ้อยไปเผา เป็นเชื้อเพลิงให้กับหม้อไอน้าประสิทธิภาพต่า เดินเครื่องเฉพาะฤดูหีบอ้อย 4-5 เดือน 29


Adder จากรัฐจุดประกายแนวคิด From Waste to Value • ปี พ.ศ. 2537 เมื่อภาครัฐมีนโยบายรับซื้อไฟจากผู้ผลิตรายย่อยเข้าระบบ มิตรผลก็ขายไฟส่วนที่เหลือให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในลักษณะ VSPP Non-Firm (VSPP : Very Small Power Producer หมายถึง ผู้ผลิต ไฟฟ้าที่มีปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ Non-Firm คือการทาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่เกิน 5 ปี) • เริ่มลงทุนทาธุรกิจไฟฟ้าจริงจังราวปี 2545 เมื่อรัฐมีนโยบายให้การ สนับสนุนธุรกิจไฟฟ้าชีวมวล โดยให้ Adder (ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า) หน่วยละ 0.30 บาท • เริ่มลงทุนสร้างโรงงานไฟฟ้า 2 แห่ง เงินลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ใน พื้นที่เดียวกับโรงงานน้าตาลภูเขียวและด่านช้าง อันเป็นแหล่งเชื้อเพลิง 30


ผลิตภาพเขียว (green productivity) ของโรงไฟฟ้าชีวมวล • เปลี่ยนจากการผลิตไอน้าและไฟฟ้าด้วยระบบ low pressure อย่างเดียว มาเป็นการ ผลิตไฟฟ้าด้วยระบบ high pressure ควบคู่กับ low pressure • ยังคงลักษณะการเป็นโรงไฟฟ้าระบบ cogeneration หรือโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม ระหว่างพลังงานไฟฟ้าและพลังความร้อน (ไอน้า) เอาไว้เช่นเดิม ทั้งนี้เพื่อให้ตอบโจทย์ ทั้งอุตสาหกรรมน้าตาลและธุรกิจโรงไฟฟ้า • การผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยระบบ high pressure โดยใช้หม้อไอน้าที่มีแรงดันขนาด 70 บาร์หรือ 100 บาร์ จะทาให้ผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าการผลิตด้วยระบบ low pressure แบบเดิมถึง 6 เท่า แต่ใช้เชื้อเพลิงจานวนเท่าเดิม • สามารถทาสัญญาขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบบ SPP Firm (มีไฟฟ้าเสนอขาย 10-90 เมกะวัตต์ ต้องจาหน่ายไฟฟ้าได้ 330 วัน/ปี) เป็น โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลรายแรกในประเทศไทยที่สามารถทาสัญญาเช่นนี้กับ กฟผ. ได้ 31


cogeneration แบบ high+low pressure ตอบโจทย์สองธุรกิจ • ในช่วงฤดูหีบอ้อย ซึ่งกินเวลา ประมาณ 4-5 เดือน ระบบ high pressure และlow pressure จะ ทางานทั้งสองระบบ โดยระบบ high pressure จะผลิตไฟฟ้าเพื่อ จาหน่ายให้กับการไฟฟ้าฯ ส่วน ระบบ low pressure จะทางาน เพื่อจ่ายไอน้าและผลิตไฟฟ้าให้ อุตสาหกรรมน้าตาล • ในช่วงนอกฤดูหีบอ้อย โรงไฟฟ้าจะเปิดการทางานในส่วนระบบ high pressure เท่านั้น เพื่อผลิต ไฟฟ้าขายให้การไฟฟ้าฯ และส่งไอน้าและไฟฟ้าไปให้อุตสาหกรรมน้าตาลใช้ เพราะในช่วงนี้ อุตสาหกรรมน้าตาลใช้พลังงานลดลง คือต้องการไอน้าเพียง 120 ตันไอน้า/ชั่วโมง (จาก 500 ตันไอ น้า/ชั่วโมง) และใช้ไฟฟ้าลดลงเหลือ 4-6 เมกะวัตต์ (จาก 14-18 เมกะวัตต์ในช่วงหีบอ้อย) 32


การจัดการเชื้อเพลิง หัวใจของการผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่ยั่งยืน  นิยามการจัดการเชื้อเพลิงที่ดีของบริษัท หมายถึงการจัดหาเชื้อเพลิงหลักอย่างชาน อ้อยและเศษวัสดุเหลือใช้ในการเกษตรอื่นๆ ที่สามารถนามาใช้เป็นเชื้อเพลิงเสริมให้ เพียงพอ  ที่ผ่านมาใช้เชื้อเพลิงเสริม 2 ตัวหลักคือ แกลบ และไม้สับ แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้นาใบอ้อยเข้ามาเป็นเชื้อเพลิงเสริมด้วย เพื่อสนับสนุนให้ใบอ้อยกลายเป็น ของที่มีราคา ด้วยการรับซื้อในราคาตันละ 600 บาท เพื่อที่ชาวไร่อ้อยจะได้เก็บใบ อ้อยมาขายเพิ่มรายได้หลังการตัดอ้อย แทนที่จะเผาทิ้ง ซึ่งนอกจากจะทาให้สภาพดิน เสียแล้ว ยังเป็นการปล่อยมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม  ในปี 2557 มิตรผลลงทุนซื้อเครื่องม้วนใบอ้อยจานวน 10 เครื่อง รวมเป็นเงิน 3 ล้าน บาท เพื่อให้ชาวไร่อ้อยของโรงงานน้าตาลที่ด่านช้างและภูเขียวนาไปใช้ในการม้วนใบ อ้อย เพื่อลดค่าขนส่งของชาวไร่ และลดพื้นที่ในการจัดเก็บใบอ้อยของโรงงาน 33


โรงไฟฟ้า Zero Waste  ติดตั้งแนวตาข่ายกันลม เพื่อป้องกันฝุ่นจากกองชานอ้อยซึ่งอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งขนาดใหญ่ ไม่ให้ฟุ้ง กระจาย รวมถึงต้องมีการปลูกต้นไม้เป็นแนวกันลม เพื่อที่จะช่วยลดความเร็วและความแรงของลม ที่พัดไปหากองชานอ้อย  มีมาตรการควบคุมฝุ่นจากปล่องเตา ด้วยการติดตั้งระบบดักฝุ่น 3 ชนิดคือ Multi Cyclone, Wet Scrubber และ Mikrovane เพื่อดักจับและกรองฝุ่นจากการผลิตในโรงงานก่อนปล่อยออกทาง ปล่องเตา รวมถึงมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบดักฝุ่นอย่างสม่าเสมอ และนาโปรแกรม Zeal Maintenance เข้ามาปรับใช้เพื่อให้ระบบทางานได้ดียิ่งขึ้น ระบบดังกล่าวทาให้ฝุ่นที่ระบาย ออกจากปล่องเตามีความเข้มข้นน้อยกว่าค่าสูงสุดที่กฎหมายกาหนดถึง 50-70 เปอร์เซ็นต์  ในส่วนของเถ้าหนัก จะตกลงสู่ก้นเตาและถูกกวาดออกไปโดยสายพานลาเลียง ลงสู่อ่างน้ารองรับ เถ้า เพื่อลดอุณหภูมิและลดการฟุ้งกระจาย ก่อนจะลาเลียงด้วยสายพานลาเลียง เพื่อนาเข้าไปเก็บ ในบ่อเก็บเถ้า รอการขนย้ายออกไปเก็บไว้ในบริเวณนอกโรงไฟฟ้าที่กาหนดไว้ และนาไปพัฒนาให้ สามารถนาไปใช้เป็นสารปรับปรุงดินที่สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตในไร่อ้อยได้ ซึ่งมิตรผลได้นาเถ้านี้ไป แจกจ่ายให้ชาวไร่นาไปใช้ใส่ไร่อ้อย เพื่อช่วยให้ผลผลิตดีขึ้น 34


สู่มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม และการจัดการพลังงาน  ปี 2551 ได้รับ ISO 14001 ซึ่งเป็นมาตรฐาน การจัดการสิ่งแวดล้อมภายในโรงงาน  ปี 2556 โรงไฟฟ้าภูเขียวเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล โรงแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง มาตรฐานการจัดการด้านพลังงาน ISO 50001 ทาให้โรงไฟฟ้าสามารถลดการใช้ พลังงานได้อย่างมาก เช่น ปิด เครื่องปรับอากาศในช่วงพักกลางวัน เปลี่ยน หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์มาเป็นหลอดไฟ แอลอีดี และลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงและ ความร้อนภายในโรงงาน ด้วยการปรับปรุง ประสิทธิภาพของ boiler ตัวเก่า และติดผ้าใบ คลุมกองชานอ้อย ไม่ให้น้าฝนเข้าไปขัง 35


บริษัทกาลังสนใจเทคโนโลยี biomass gasification

36


นโยบายรัฐกระตุ้นการเติบโต แต่ก็เป็นอุปสรรคต่อการเติบโต  กลุ่มมิตรผลมีโรงไฟฟ้าในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 7 แห่ง โดย 6 แห่งอยูร่ ่วมกับ โรงงานผลิตน้าตาล ส่วนที่อาเภอแม่สอด จังหวัดตาก อยูร่ ่วมกับโรงงานผลิตเอทา นอล ซึ่งผลิตเอทานอลจากน้าอ้อยสด  โรงไฟฟ้าทั้งหมดมีกาลังการผลิตรวม 410 เมกะวัตต์ และมีสัญญาการขายไฟให้กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งแบบสัญญา VSPP, SPP Non-Firm และ SPP Firm รวมปีละ 173.5 เมกะวัตต์  กฟผ. เป็นผู้กาหนดจานวนที่ต้องการซื้อ และราคาไฟฟ้าที่ขายก็ถูกกาหนดโดย ภาครัฐ – ปัจจุบันราคารับซื้อไฟฟ้าสัญญา Firm ของกลุ่มมิตรผล ต่ากว่าสัญญาการ ขายไฟฟ้าแบบ Non-Firm  นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าบางแห่งของมิตรผลสร้างเสร็จแล้วแต่ยังขายไฟเข้าระบบไม่ได้ เพราะต้องรอสายส่ง 37


สถานการณ์ไฟฟ้าไทย : ใช้เปลือง เน้นเชื้อเพลิงที่มีวันหมด ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสุทธิ ไทยเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน (พันล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง) 160

Thailand

140

Indonesia

120

Malaysia Vietnam

Philippines

80

Singapore 60

Myanmar Brunei

40

Cambodia 20

Laos

Source: EIA (2013)

Source: EPPO (2013) based on Jan-Feb 2013 generation data

• ถ่านหิน 22% (รวมนาเข้า 42%) • ก๊าซธรรมชาติ 68% (รวมนาเข้า 20%)

2010

2008

2006

2004

2002

2000

1998

1996

1994

1992

1990

1988

1986

1984

1982

0 1980

Billion KWh

100

38


รัฐไทยยังอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลมากกว่าหมุนเวียน 24 เท่า

39


แผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี (พ.ศ. 2555 – 2564) (Alternative Energy Development Plan : AEDP) เป้าหมาย: พลังงานหมุนเวียนจะคิดเป็น 25% ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายภายในปี 2564 แหล่งพลังงานหมุนเวียน 1 2 3 4

ลม แสงอาทิตย์ ขยะ ชีวมวล

เป้าเดิม เป้าใหม่ (2011) (2013) (MW) (MW) 1,200 1,800 2,000 3,000 160 400 3,630

4,800

5

ก๊าซชีวภาพ

600

3,600

6

พลังน้า ความร้อนใต้โลก, คลื่น, ไฮโดรเจน

1,608

324

3

3

รวม

9,201

13,927

7

ส่วนแบ่งในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนฯ 0% น้​้า 2% ลม 13% ก๊าซชีวภาพ 26%

ชีวมวล 34%

ความร้อนใต้ โลก, คลื่น, ไฮโดรเจน 0.02% แสงอาทิตย์ 22%

ขยะ 3%

40


พลังงานหมุนเวียนเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังรัฐออกนโยบายให้ Adder (2007)

41


ข้อจากัดของนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก วัตถุประสงค์ของแผนพัฒนา พลังงานทดแทนและพลังงาน ทางเลือก พ.ศ. 2555-2564 (1) ลดการพึง่ พาพลังงานจากต่างประเทศ (2) เสริมสร ้างความมั่นคงด ้านพลังงานของ ประเทศ ้ งงานทดแทนใน (3) เสริมสร ้างการใชพลั ระดับชุมชนในรูปแบบชุมชนพลังงานสเี ขียว (4) สนั บสนุนอุตสาหกรรมการผลิต เทคโนโลยีพลังงานทดแทนในประเทศ (5) วิจัยพัฒนาสง่ เสริมเทคโนโลยีพลังงาน ทดแทนของไทย

(1) นอกเหนือจากมาตรการ Adder และ FiT แล ้ว ไม่มก ี ลไกหรือมาตรการเชงิ ระบบทีจ ่ ะตอบ รับวัตถุประสงค์แต่ละด ้าน

(2) การสนับสนุนทีผ ่ า่ นมา ก่อให ้เกิดผลลัพธ์ ทีต ่ รงกันข ้ามกับวัตถุประสงค์

» พลังงานหมุนเวียนประเภท intermittent ทา ให ้การไฟฟ้ าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เกิดมุมมองว่าจะต ้องสร ้าง ิ และ โรงไฟฟ้ า back-up จากพลังงานฟอสซล ระบบสง่ ไฟฟ้ าเพิม ่ ขึน ้ » ยังไม่เกิดกลไกทางการเงินทีเ่ ป็ นรูปธรรม สาหรับการมีสว่ นร่วมในการผลิตพลังงาน ระดับชุมชนและปั จเจก

» มาตรการสนั บสนุน R&D และอุตสาหกรรม พลังงาน ยังเป็ นระดับ project-based และยังไม่ ่ ารนาไปใชเช ้ งิ พาณิชย์ในวงกว ้าง นาไปสูก 42


รอยเท้าเล็ก ธุรกิจยั่งยืน


จาก “ทางรอด” สู่ “ผู้นา” ตลาดใหม่ “ประมาณปี 2546-2547 รัฐบาลไทยได้ประกาศว่าจะทาเอฟทีเอ (Free Trade Agreement ข้อตกลงทางการค้าเสรี) กับประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ผม มองเห็นอนาคตเลยว่าอาชีพเกษตรกรโคนมไทยตายสนิทแน่ๆ เพราะ ณ วันนั้นต้นทุน การผลิตน้านมดิบบ้านเราอยู่ที่ราคาลิตรละ 8 บาท แต่ออสเตรเลียอยู่ที่ 6 บาท นิวซีแลนด์ถูกลงไปอีกคือ 4.50 บาท ดังนั้นถ้าน้านมจากสองประเทศนี้ทะลักเข้ามาใน ประเทศไทย คนที่จะไปคนแรกคือเกษตรกร เพราะโอกาสที่เราจะทาให้ต้นทุนของเรา เท่ากับบ้านเขาเป็นไม่ได้”  น้านมอินทรีย์ของบริษัทมีสัดส่วนของเนื้อนม 13% ขณะที่น้านมทั่วไปจะมีเนื้อนมอยู่ 11% หรือแตกต่างกันประมาณ 20% ขณะที่โยเกิร์ตแบบถ้วยของแดรี่โฮมก็จะมีเนื้อ ข้นแบบคัสตาร์ด แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นในตลาดอย่างสิ้นเชิง 44


นวัตกรรมเขียวในโรงงานแดรี่โฮม  การไม่ปล่อยน้าเสียออกนอกโรงงาน  โครงการจัดการด้านพลังงาน หรือ TEM : Total Energy Management ต่อยอดเป็นโครงการผลิตน้าร้อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Thermal โดยการติดตั้งหลอดรับพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน เพื่อนามาใช้ในการผลิตน้าร้อนสาหรับการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์  บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ เริ่มต้นจะนามาใช้กับผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต แบบถ้วยก่อน

45


ตัวอย่างความใส่ใจกับความยั่งยืนในชุมชน  โครงการอนุรักษ์ลาน้ามวกเหล็ก จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 เพื่อรณรงค์ ให้เยาวชนและคนในชุมชนลดการทิ้งขยะและปล่อยน้าเสียลงในลาน้า รวมถึงได้มีการสร้างฝายกักเก็บน้าขึ้นที่บริเวณต้นลาน้ามวกเหล็ก บริเวณ ชายขอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาน้าในคลองมวกเหล็ก แห้งช่วงฤดูแล้ง  ปี 2555 บริษัทได้สร้างฝายชั่วคราวเสร็จไป 1 ลูก ต่อมาปี 2556 ก่อสร้าง ฝายถาวรให้สามารถกักเก็บน้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อประโยชน์ ของพืชและสัตว์

46


บทบาทของ “เขียว” ที่แตกต่าง ณ จุดเริ่มต้น แต่กาลังหลอมรวม เพิ่มมูลค่าไปตลาดพรีเมี่ยม เพื่อหนี ภาวะแข่งขันสูง

ความสนใจของผู้ก่อตั้ง และเป็นกลยุทธ์การตลาด ความสนใจของผู้ก่อตั้ง และลดต้นทุนการผลิต นโยบายสนับสนุนของรัฐ สร้างมูลค่าจาก ของเหลือทิ้ง และลดต้นทุนการผลิต 47


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.